Category Archives: Energy

Black & Veatch ขยายบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ Beca เพื่อให้บริการโซลูชันที่หลากหลายยิ่งขึ้นในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

Logo

ข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) นี้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของทั้งสองประเทศที่ต้องการเร่งดำเนินการด้านสภาพอากาศโดยค้นหาโอกาสทางเศรษฐกิจร่วมกันเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ได้สำเร็จ

เมลเบิร์น ออสเตรเลีย–(BUSINESS WIRE)–22 สิงหาคม 2023

Beca และ Black & Veatch จะขยายความร่วมมือเพื่อนำเสนอโซลูชันด้านความยั่งยืนและการลดการปล่อยคาร์บอนที่หลากหลายยิ่งขึ้นในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

ข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ได้มีการขยายเพิ่มเติมเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานที่ปรับให้เข้ากับและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ MoU ฉบับนี้ครอบคลุมไปถึงความร่วมมือด้านวิศวกรรมและโครงการก่อสร้างในพื้นที่ต่าง ๆ รวมถึงระบบน้ำและน้ำเสีย พลังงานหมุนเวียน การผลิตและส่งออกไฮโดรเจนและแอมโมเนีย การทำเหมืองและการแปรรูปโลหะ ศูนย์ข้อมูล การส่งและจ่ายไฟฟ้า การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และโรงงานอาหารและเครื่องดื่ม

การลดการปล่อยคาร์บอนนั้นมีความยุ่งยากและซับซ้อน แต่ก็จำเป็นต่อการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การสร้างอนาคตที่มีพลังงานคาร์บอนเป็นศูนย์นั้นจำเป็นต้องบูรณาการเทคโนโลยีอย่างหลากหลายและไร้รอยต่อ โดยการเตรียมการ การวางแผน และการลงทุนที่เหมาะสมจะช่วยให้สาธารณูปโภค ผู้ผลิตพลังงาน และองค์กรอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมอื่น ๆ ที่ใช้พลังงานปริมาณมากสามารถที่จะบรรลุเป้าหมายในการลดคาร์บอนได้

Narsingh Chaudhary ประธาน Black & Veatch ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอินเดีย กล่าวว่า “ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มีโอกาสมากมายในการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน และการลงทุนที่วางแผนไว้อย่างรอบคอบในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนสามารถทำให้เกิดผลกระทบเชิงบวกด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อรวมประสบการณ์ระดับโลกของเราเข้ากับการมีตัวตนในท้องถิ่นที่แข็งแกร่งของ Beca และประสบการณ์ในภูมิภาคออสตราเลเซีย เราหวังว่าจะเร่งแผนการดำเนินการครั้งนี้และดำเนินโครงการด้านวิศวกรรมทางเทคนิคที่ท้าทาย เพื่อบรรลุเป้าหมายในการลดคาร์บอนและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคให้ทันสมัยได้”

Clive Rundle ผู้อำนวยการกลุ่ม ฝ่ายสาธารณูปโภคของ Beca กล่าวว่า “บริษัทของเราทำงานร่วมกันในโครงการด้านน้ำซึ่งสามารถเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมทั่วออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มาเป็นเวลามากกว่าห้าปี รวมถึงการทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านน้ำชั้นนำ เช่น Melbourne Water, Yarra Valley Water และ Wellington City Council เราได้สร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและร่วมแรงร่วมใจกัน ซึ่งเป็นผลมาจากที่สององค์กรของเรามีค่านิยมที่คล้ายกันและความสามารถที่สอดคล้องกัน การขยายความร่วมมือของเรากับ Black & Veatch นอกเหนือจากโครงการด้านน้ำนั้นถือเป็นความก้าวหน้าที่จะช่วยให้ลูกค้าทั่วออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ได้รับประสบการณ์จากความเชี่ยวชาญทั่วโลกที่ไม่เหมือนใครซึ่งจำเป็นต่อการแก้ปัญหาความท้าทายที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันและในอนาคต”

MoU ของ Beca และ Black & Veatch ที่มีการขยายเพิ่มเติมนี้สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ในการเร่งการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานโดยมีการแสวงหาโอกาสและหลีกเลี่ยงอุปสรรคที่การเปลี่ยนผ่านเพื่อคาร์บอนเป็นศูนย์จะส่งผลต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ และระบุขอบเขตความร่วมมือที่มีศักยภาพ

วัฒนธรรมที่มีร่วมกันอย่างแข็งแกร่งอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของความร่วมมือระหว่าง Beca และ Black & Veatch ทั้งสองบริษัทมีพนักงานเป็นเจ้าของ ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จให้กับทั้งสององค์กรมานานกว่าศตวรรษ เป้าหมายสำคัญอันดับแรกที่มีร่วมกันของทั้งสองบริษัทคือความมุ่งมั่นในการนำเสนอและจัดการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอย่างปลอดภัย มีความยั่งยืน และความรับผิดชอบในการดูแลองค์กร

ติดต่อ Black & Veatch สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

หมายเหตุบรรณาธิการ:

  • MoU ฉบับก่อนหน้าที่ดำเนินการในปี 2019 ระหว่างสองบริษัทมุ่งเน้นเกี่ยวกับโครงการด้านน้ำและน้ำเสียในนิวซีแลนด์

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีประวัติผลงานด้านนวัตกรรมในโครงสร้างพื้นฐานยั่งยืนมากว่า 100 ปี นับตั้งแต่ปี 1915 เราได้ช่วยลูกค้าของเราปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยมุ่งเน้นที่ความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา รายได้ของเราในปี 2022 อยู่ที่ 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

เกี่ยวกับ Beca

Beca เป็นบริษัทด้านบริการระดับมืออาชีพที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ ซึ่งให้บริการด้านวิศวกรรม การให้คำแนะนำ และการให้คำปรึกษาด้านการจัดการเพื่อพัฒนาชุมชนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมากว่า 100 ปี เรามีพนักงานมากกว่า 4,000 คนในสำนักงาน 21 แห่งซึ่งให้บริการโครงการในกว่า 70 ประเทศ เรามีสำนักงานในออสเตรเลียตั้งแต่ปี 1969 และเราภูมิใจที่ได้สนับสนุนลูกค้าของเราในทุกกลุ่มตลาด ได้แก่ แร่และโลหะ การขนส่งและโครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน น้ำ อาหารและชีววิทยาศาสตร์ การผลิตขั้นสูง สุขภาพ และการป้องกันประเทศ

วิสัยทัศน์ของเราคือการรวมกลุ่มคนที่มีความคิดสร้างสรรค์เพื่อช่วยกันเปลี่ยนแปลงโลกของเรา ซึ่งสะท้อนถึงวัฒนธรรม แรงบันดาลใจ และจุดประสงค์ของเราในการทำให้ทุกวันดีขึ้น เราสร้างค่านิยมผ่านความเข้าใจและนำเสนอโซลูชันที่ประสบความสำเร็จ บริการที่ยอดเยี่ยมและความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนของเรา และใช้ทักษะและระบบของเราเพื่อส่งเสริมนวัตกรรม ช่วยให้ลูกค้าของเราพัฒนาชุมชนในรูปแบบที่ต้องการ เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้สินทรัพย์ รวมถึงเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน ติดตามเราได้ที่ www.beca.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อฝ่ายสื่อ Black & Veatch:
EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com
อีเมลฝ่ายสื่อตลอด 24 ชม. | Media@bv.com

ติดต่อฝ่ายสื่อ Beca:
REBECCA ADAM I +61 403 502 654 I rebecca.adam@beca.com

แหล่งที่มา: Black & Veatch

การบูรณาการเผสมผสานหลากหลายเทคโนโลยีให้มีความต่อเนื่องและรวมเป็นหนึ่งเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน: Black & Veatch

Logo

Black & Veatch ร่วมแบ่งปันกลยุทธ์ในการบูรณาการพลังงานทดแทน ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และไฮโดรเจน ทในงาน Future Energy Asia

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย–(BUSINESS WIRE)–15 พฤษภาคม 2566

ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องจัดลำดับและให้ความสำคัญในการบูรณาการด้านพลังงานหมุนเวียนและการเพิ่มขึ้นของโครงสร้างพื้นฐานก๊าซธรรมชาติใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในอนาคตด้านพลังงานที่ต้องมีราคาย่อมเยาว์ อีกทั้งต้องมีความยืดหยุ่นและยั่งยืน ตามข้อมูลของ Black & Veatch ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ

นอกจากนี้ การให้ความร่วมมือและสื่อสารกันระหว่างภาคอุตสาหกรรมและหน่วยงานรัฐบาลยังคงมีส่วนสำคัญยิ่งที่จะบรรลุเป้าหมายด้านพลังงานในระยะยาวได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังงานไฮโดรเจนและแอมโมเนีย การดักจับคาร์บอน การเก็บพลังงาน และโครงข่ายไฟฟ้าข้ามพรมแดนแบบสองทิศทางก็ตาม

“การเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานที่ประสบความสำเร็จและเสมอภาคนั้นเกี่ยวข้องกับการวางแผนและการบูรณาการร่วมด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกๆคนสามารถเข้าถึงแหล่งพลังงานที่มีความเสถียรภาพและราคาสมเหตุสมผลได้ เฉกเช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานทดแทน  ซึ่งต้องการการผลิตที่มีความยืดหยุ่นสูงและสามารถจัดส่งได้ เช่น การผลิตไฟฟ้าด้วยกังหันก๊าซและการพัฒนาโครงการ LNG ขนาดเล็กและขนาดกลาง เป็นส่วนที่มีความสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายเหล่านี้”

Narsingh Chaudhary รองประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของบริษัท Black & Veatch กล่าว

หน่วยผลิตไฟฟ้าด้วยกังหันก๊าซสามารถตอบสนองความต้องการการใช้ไฟฟ้าในขณะนั้น ด้วยการเพิ่มหรือลดปริมาณการผลิตไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว  เครื่องกังหันก๊าซสามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่ระบบได้มากถึง 400 MW ภายในเวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น อีกทั้งโรงไฟฟ้าที่ปฏิบัติการด้วยกังหันก๊าซนั้น ใช้เวลาแค่ 30นาทีถึง 1 ชั่วโมง ก็พร้อมที่จะป้อนไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ

เทคโนโลยีกังหันก๊าซในรุ่นปัจจุบันสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าที่โหลดต่กว่า 25 เปอร์เซ็นต์ของกำลังการผลิตไฟฟ้าขั้นสูงสุดได้ นอกจากนี้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตด้วยอัตราเร็ว 10 ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ของกำลังการผลิตสูงสุดต่อนาที เทคโนโลยีสมัยใหม่ของกังหันก๊าซทสามารถใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนเป็นแหล่งพลังงานที่ปราศจากการปล่อยมลพิษ และภายในปี 2030 ผู้ผลิตและนักพัฒนาคาดการณ์ว่านวัตกรรมกังหันก๊าซรุ่นใหม่จะสามารถใช้พลังงานไฮโดรเจนได้ 100 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ หน่วยผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวแบบลอยตัว (FLNG) และโครงการสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊า (FSRU) สามารถทำหน้าที่เป็นกลไกทางเลือกหนึ่งที่ถูกพิสูจน์แล้วว่าสามารถขับเคลื่อนห่วงโซ่ด้านพลังงาน LNG ได้อย่างดีเยี่ยมเทคโนโลยีการผลิตและขนส่ง LNG  ที่สามารถควบคุมจัดการได้นั้นมีส่วนช่วยในการประหยัดต้นทุนของ Black & Veatch น และช่วยเร่งการผลิต สร้างรายได้จากแหล่งก๊าซ อีกทั้งสามารถนำก๊าซที่ขนส่งโดยทางท่อออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น

คุณสมบัติเหล่านี้ของการผลิตแบบใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง ทำให้เหมาะสำหรับการผลิตกำลังไฟฟ้าที่มั่นคงและทำให้โครงข่ายไฟฟ้ามีเสถียรภาพควบคู่ไปกับการปรับใช้ระบบจัดเก็บพลังงานแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้นตามที่วางแผนไว้

แบบสอบถามที่ดำเนินการโดย Black & Veatch ก่อนที่วิกฤตพลังงานจะเกิดขึ้น ได้บ่งชี้ว่าโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซมีอนาคตและน่าลงทุนในภูมิภาคเอเชีย โดยประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าในอีกห้าปีข้างหน้าจะมี “การลงทุนมากขึ้น” ในโรงงานผลิตก๊าซหรือ LNG เป็นพลังงานรวมกับการดักจับคาร์บอน

ในการประชุม นิทรรศการพลังงานอนาคตแห่งเอเชียและการประชุมประจำปี 2023 (Future Energy Asia Exhibition & Summit 2023) Chaudhary จะหารือว่าการขยายการผลิตที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงสามารถช่วยรักษาสมดุลของโครงข่ายไฟฟ้าที่มีการผลิตพลังงานหมุนเวียนที่มีความแปรผันสูงได้อย่างไร

นอกเหนือจากการนำเสนอกลยุทธ์สำหรับการบูรณาการพลังงานทดแทน LNG และไฮโดรเจนแล้ว หัวข้ออื่น ๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านของ Black & Veatch จะหารือกันที่ Future Energy Asia ได้แก่

  • แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดจากการปรับใช้พลังงานแสงอาทิตย์แบบผสมผสานในระดับภูมิภาค
  • ศักยภาพของการผลิตพลังงานความร้อนและพลังงานไฟฟ้าพร้อมกันจากแหล่งเชื้อเพลิงเดียวกันและพัฒนาประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดีขึ้น
  • หลากหลายวิธีการสู่ความยั่งยืนสของไฮโดรเจนสีเขียว
  • แผนการบรรลุความเสมอภาคของโครงข่ายไฟฟ้าของเชื้อเพลิงทางเลือก เช่น ไฮโดรเจนสีเขียวและแอมโมเนีย
  • โอกาสทางธุรกิจ LNG ในประเทศไทยและศักยภาพของเทคโนโลยี LNG ขนาดเล็ก

ติดต่อ Black & Veatch เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม

หมายเหตุบรรณาธิการ:

  • โซลูชัน LNG แบบบูรณาการของ Black & Veatch ซถูกนำเสนอนั้นเกิดจากการพัฒนาเทคโนโลยี LNG มากว่า 50 ปี ด้วยความคิดด้านวิศวกรรม การจัดหา และการก่อสร้าง (EPC) นำเสนอการออกแบบ การจัดหา การประดิษฐ์ และการก่อสร้างสำหรับการผลิต LNG การจัดเก็บ การแยกก๊าซ รวมถึงการส่งออกสิ่งอำนวยความสะดวก เทคโนโลยีการทำให้เป็นของเหลวของ PRICO® ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วและเรียบง่ายของเราทำให้ LNG ที่ปลอดภัยออกสู่ตลาดได้อย่างเร็วขึ้น และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานทั้งบนบก นอกชายฝั่ง และใกล้ชายฝั่ง
  • Black & Veatch มีส่วนร่วมในเรือเดินสมุทรแบบ FLNG ถึง 5 ลำจากทั้งหมด 9 ลำของโลก ในขั้นสูงของการก่อสร้างหรือได้รับรางวัล
  • ความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีของ Black & Veatch เป็นส่วนสำคัญของโครงการ FLNG รวมถึง Tango FLNG ของ Eni (เดิมคือ Exmar) และเรือ FLNG สามลำที่พัฒนาโดย Golar LNG โดยในโครงการเหล่านี้ Black & Veatch ให้บริการด้านวิศวกรรมและการจัดซื้อจัดจ้าง
  • Black & Veatchได้รับการมอบหมายจาก The Green Solutions (TGS) เพื่อศึกษาการผลิตและกักเก็บไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในเวียดนาม โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลมที่จ่ายผ่านโครงข่ายไฟฟ้า
  • Black & Veatch ได้รับเลือกจาก Mitsubishi Power Americas และ Magnum Development ซึ่งเป็นผู้พัฒนาร่วมของ โรงเก็บและผลิตไฮโดรเจนสีเขียวเชิงอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก (world’s largest industrial green hydrogen production and storage facility) เพื่อให้บริการ EPC สำหรับโครงการ Advanced Clean Energy Storage ในรัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ ที่ปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีประวัติผลงานด้านนวัตกรรมเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมากว่า 100 ปี นับตั้งแต่ปี 1915 เราได้ช่วยลูกค้าของเราปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยการจัดการกับความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา รายได้ของเราในปี 2022 อยู่ที่ 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ข้อมูลติดต่อสื่อ:
EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com
24-HOUR MEDIA EMAIL | Media@bv.com

แหล่งที่มา: Black & Veatch

EIG จ้าง Joe Kaeser อดีต CEO ของ Siemens AG เป็นที่ปรึกษาอาวุโส

Logo

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–17 เมษายน 2023

EIG นักลงทุนระดับสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ได้ประกาศในวันนี้ว่า Joe Kaeser อดีตประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Siemens AG (“Siemens”) ได้เข้าร่วม EIG ในตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโส ในบทบาทนี้ Mr. Kaeser จะให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์แก่ทีมผู้นำของบริษัทในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตลาดพลังงานทั่วโลก โดยเน้นที่พลังงาน พลังงานหมุนเวียน และการเปลี่ยนผ่านของพลังงาน

(Photo: Business Wire)

(Photo: Business Wire)

Mr. Kaeser เคยดำรงตำแหน่งประธานและ CEO ของ Siemens ตั้งแต่ปี 2013 ถึง 2021 และเคยเป็น CFO ตั้งแต่ปี 2006 ถึง 2013 ในระหว่างดำรงตำแหน่งที่ Siemens Mr. Kaeser ได้ดูแลการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ โดยเป็นผู้นำบริษัทผ่านการริเริ่มเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ รวมถึงการปรับโครงสร้างกลุ่มองค์กรในเครือของ Siemens ออกเป็น 3 บริษัทที่มุ่งเน้น ได้แก่ Siemens Healthineers, Siemens Energy และ Siemens AG ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมใหม่ ที่สร้างมูลค่าที่สำคัญให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ปัจจุบัน Mr. Kaeser ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการที่ไม่ใช่ผู้บริหารของ Siemens Energy AG ซึ่งเป็นผู้จัดหาผลิตภัณฑ์ โซลูชัน และบริการสำหรับการผลิต การส่ง และการจ่ายพลังงาน นอกจากนี้ เขายังดำรงตำแหน่งประธานกรรมการที่ไม่ใช่ผู้บริหารของ Daimler Truck Holding AG และทำหน้าที่ในคณะกรรมการของ Linde, PLC

Blair Thomas ประธานและซีอีโอของ EIG กล่าวว่า “เราตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับ Joe เข้าสู่ทีม EIG” “ประสบการณ์ระดับโลกอันกว้างขวางและความรู้เชิงลึกในอุตสาหกรรมของเขา ซึ่งรวบรวมมาจากอาชีพการงานอันยาวนานและโดดเด่น จะเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับบริษัทของเราและบริษัทในเครือของเรา ในขณะที่พวกเขาสำรวจระบบนิเวศพลังงานโลกที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราตั้งตารอการมีส่วนร่วมของเขาในขณะที่เรายังคงแสวงหาโอกาสในการลงทุนใหม่ ๆ ที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานและเพื่อส่งมอบผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับนักลงทุนของเรา”

“ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับ EIG ในช่วงเวลาที่สำคัญในอุตสาหกรรมพลังงาน ที่นำเสนอโอกาสการลงทุนที่สำคัญในภาคส่วนพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน” กล่าวโดย Mr. Kaeser “ความเชี่ยวชาญและผลงานที่ผ่านมาของ EIG บวกกับแนวทางการลงทุนอย่างมีระเบียบวินัยในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานนั้นไม่เป็นสองรองใคร ผมตั้งตารอที่จะใช้ประสบการณ์ของผมและเครือข่ายทั่วโลกเพื่อช่วยทีมในการระบุและแสวงหาโอกาสที่ขับเคลื่อนการเติบโตและสร้างมูลค่าให้กับนักลงทุนและบริษัทในเครือของ EIG ทั่วโลก”

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นนักลงทุนระดับสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก โดยมีมูลค่า 22.7 พันล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2022 EIG เชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานในระดับโลก ตลอดประวัติศาสตร์ 40 ปี EIG ได้บริจาคเงิน 44.6 พันล้านดอลลาร์ในโครงการหรือบริษัท 396 แห่งใน 42 ประเทศบนหกทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยแผนบำเหน็จบำนาญชั้นนำ บริษัทประกัน เงินบริจาค มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป EIG มีสำนักงานใหญ่อยู่ในวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ ริโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ EIG ได้ที่ www.eigpartners.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53381059/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

มีเดีย
FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@fgsglobal.com

ที่มา: EIG

Greenway Grid Global Pte. Ltd. Ltd. และ TEPCO Power Grid, Inc.: การขาย “NFT สินทรัพย์พลังงานไฟฟ้า (การ์ด NFT ของเสาส่งสัญญาณ, การ์ด NFT เสาไฟฟ้า)”

Logo

~ ผจญภัยในโลกของ WEB 3.0 ~

SINGAPORE & TOKYO–(BUSINESS WIRE)–17 เมษายน 2023

Greenway Grid Global Pte. Ltd. Ltd. (สำนักงานใหญ่: สิงคโปร์ ประธาน: Kazuhiko Shiba ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “GGG”) และ Tokyo Electric Power Grid Co., Ltd. (สำนักงานใหญ่: Chiyoda-ku โตเกียว ประธาน/ซีอีโอ: Yoshinori Kaneko ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “TEPCO PG”) มีความยินดีที่จะประกาศการขาย “Electric Power Asset NFT” บนเว็บไซต์ของพวกเขาตั้งแต่วันจันทร์ที่ 3 เมษายน 2023 โดย NFT คือรูปภาพของสินทรัพย์ด้านพลังงานของ TEPCO PG เช่น เสาส่งสัญญาณและเสาไฟฟ้า ที่ได้รับการแปลงเป็นดิจิทัลโดยใช้เทคโนโลยี NFT*1

Utility pole NFT card (Numa 218) (Graphic: Business Wire)

การ์ด NFT ของเสาไฟฟ้า (Numa 218) (กราฟิก: Business Wire)

กล่าวกันว่าตลาด NFT ทั่วโลกมีมูลค่าหลายล้านล้านเยน และตลาดในประเทศคาดว่าจะเติบโตจากหลายหมื่นล้านเยนเป็นหลายแสนล้านเยนภายในปี 2030

GGG มองว่านี่เป็นโอกาสในการเปิดรับเทรนด์ Web3.0*2 ที่กำลังขยายตัว รวมถึงผลิตและจำหน่าย ” NFT สินทรัพย์พลังงานไฟฟ้า (การ์ด NFT สำหรับเสาส่งสัญญาณ, การ์ด NFT สำหรับเสาไฟฟ้า)” ซึ่งอิงจาก “การ์ดเสาส่งสัญญาณ” ของ TEPCO PG ซึ่งใช้ในการสรรหาบุคลากรเป็นหลัก นอกจากนี้ เราวางแผนที่จะร่วมมือกับ DEA*3 ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคของ WEB3.0 ที่พัฒนาผ่านการเล่นเกม NFT และตลาด NFT เพื่อสำรวจวิธีใหม่ ๆ ในการเพิ่มมูลค่านอกเหนือจากการเป็นเจ้าของ “สินทรัพย์พลังงานไฟฟ้า NFT”*4

ในการผลิตสินทรัพย์พลังงานไฟฟ้า NFT นั้น TEPCO PG นำเสนอภาพถ่ายของสิ่งอำนวยความสะดวกที่กลมกลืนกับทิวทัศน์และเรื่องราวของสินทรัพย์แต่ละชนิดจากสินทรัพย์พลังงานไฟฟ้าที่ TEPCO PG เป็นเจ้าของ ซึ่งทอดยาวจากเมืองไปจนถึงภูเขา ทำให้สื่อถึงเสน่ห์ของสินทรัพย์ด้านพลังงานไฟฟ้าและการสนับสนุนการสรรหาและกิจกรรมอื่น ๆ ทั่วทั้งอุตสาหกรรมพลังงาน

*1 โทเค็นที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ (NFT) NFT ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อสร้างสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่เหมือนใคร

*2 WEB3.0 คือ “เศรษฐกิจที่สร้าง ถือครอง และแลกเปลี่ยนมูลค่าโดยใช้โทเค็น เช่น สกุลเงินดิจิทัล บนบล็อกเชน” ที่มา: Web3.0 (METI/กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม)

*3 DEA (Digital Entertainment Asset Pte. Ltd.) นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2020 แพลตฟอร์มเกม NFT “PlayMining” ได้มีผู้ใช้มากกว่า 2.7 ล้านคนในกว่า 100 ประเทศ DEAPcoin เป็นโทเค็น Play-to-Earn แรกของญี่ปุ่น และ “PlayMining” เป็นเศรษฐกิจโทเค็น Play-to-Earn แรกของโลก ซึ่งเป็นผู้นำด้าน GameFi ของโลก

*4 การลงนาม MOU กับ Digital Entertainment Asset Pte. Ltd. เพื่อพิจารณาเกมช่วยเหลือสังคมอย่างยั่งยืนโดยใช้ “NFT สินทรัพย์พลังงานไฟฟ้า”

https://www.greenwaygrid.global/signing_of_mou_with_dea/

โปรดดูเอกสารแนบด้านล่างสำหรับภาพรวมของ “NFT สินทรัพย์พลังงานไฟฟ้า (การ์ด NFT ของเสาส่งสัญญาณและเสาไฟฟ้า)” และวิธีการขาย

ภาพรวมและวิธีการขายของ

สินทรัพย์พลังงานไฟฟ้า NFT (การ์ด NFT ของเสาส่งสัญญาณและเสาไฟฟ้า)”

1. ประเภทการ์ดและราคา

(การ์ด NFT ของเสาส่งสัญญาณ)

  • ระดับ S (1 แบบ x 5 แผ่น): 100,000 เยน/1 แผ่น (รวมภาษี)
  • ระดับ A (2 แบบ x 10 แผ่น): 30,000 เยน/1 แผ่น (รวมภาษี)
  • ระดับ B (2 แบบ x 10 แผ่น): 10,000 เยน/1 แผ่น (รวมภาษี)
  • อันดับ C (5 แบบ x 20 แผ่น): 3,000 เยน/1 แผ่น (รวมภาษี)

(การ์ด NFT ของเสาไฟฟ้า)

  • ระดับ S (1 แบบ x 5 แผ่น): 100,000 เยน/1 แผ่น (รวมภาษี)
  • ระดับ A (2 แบบ x 10 แผ่น): 30,000 เยน/1 แผ่น (รวมภาษี)
  • ระดับ B (2 แบบ x 10 แผ่น): 10,000 เยน/1 แผ่น (รวมภาษี)
  • อันดับ C (5 แบบ x 20 แผ่น): 3,000 เยน/1 แผ่น (รวมภาษี)

2. ปริมาณการขาย

การ์ด NFT ของเสาส่งสัญญาณ 10 แบบ และ การ์ด NFT ของเสาไฟฟ้า 10 แบบ รวม 290 แผ่น

3. ระยะเวลาการขาย

วันที่ 3 ถึง 30 เมษายน 2023

*เริ่มขายเวลา 9:00 น. (JST) วันที่ 3 เมษายน (วันจันทร์)

4. การขาย

ขายในเว็บไซต์ต่อไปนี้
https://nft.hexanft.com/en/users/g1mRrrU3HXQTDP?collection=%E3%80%90%E9%9B%BB%E6%9F%B1%E3%80%91%E3%83%A9%E3%83%B3%E3%82%AFS

5. ผลประโยชน์

หากคุณซื้อ NFT ตั้งแต่หนึ่งรายการขึ้นไปจากแต่ละระดับ (S ถึง C) คุณจะได้รับ “NFT สินทรัพย์พลังงานไฟฟ้าระดับพรีเมียม” (ดูจาก URL ด้านบนเพื่อดูรายละเอียด)

6. การมีส่วนร่วมในการผลิต

การผลิต: Greenway Grid Global. Pte. Ltd.
สนับสนุนโดย: Transmission Line Construction Technology Study Group
ภาพ: TEPCO Power Grid, Inc.
สนับสนุนโดย: Digital Entertainment Asset Pte. Ltd

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53381243/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อสอบถาม:
Kazuki Kito
ผู้จัดการฝ่ายนวัตกรรม ที่ Greenway Grid Global Pte. Ltd.
kito.k@greenwaygrid.global / +65-9023-6603

ที่มา: TEPCO Power Grid, Inc.




Power Construction Corporation of China ช่วยให้เวียดนามเริ่มต้นบทใหม่ในด้านพลังงานลมในทะเล

Logo

ปักกิ่ง–(BUSINESS WIRE)–10 เมษายน 2023

Power Construction Corporation of China (POWERCHINA) ภูมิใจที่จะประกาศความสำเร็จในการยกพัดลมทั้งหมดในพื้นที่ 1A ของโครงการพลังงานลม Ca Mau 1 ซึ่งตั้งอยู่ใน Ca Mau จังหวัดทางใต้สุดของเวียดนาม โดยโครงการแบ่งออกเป็นฟาร์มกังหันลมสี่แห่ง ได้แก่ A, B, C และ D ในฐานะโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยกำลังการผลิตติดตั้งรวม 350 เมกะวัตต์

โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม Ca Mau 1 ตั้งอยู่ในจังหวัด Ca Mau ซึ่งหันหน้าออกสู่ทะเลทั้งสามด้าน โดยมีแนวชายฝั่งยาว 307 กิโลเมตร มีข้อได้เปรียบที่ไม่เหมือนใครในแง่ของการผลิตไฟฟ้าจากลมทะเล เมื่อเสร็จสิ้นโครงการจะเพิ่มการผลิตไฟฟ้าใหม่ 1.1 พันล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ซึ่งช่วยประหยัดถ่านหินมาตรฐานได้ประมาณ 450,000 ตัน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 880,000 ตัน สิ่งนี้จะช่วยปรับปรุงสถานการณ์การขาดแคลนไฟฟ้าในท้องถิ่นและแม้แต่ในภาคใต้ของเวียดนามได้อย่างมีนัยสำคัญ

ในโครงการนี้ POWERCHINA ได้ริเริ่มสร้างอุปกรณ์การขนส่งทางทะเลแบบสองชั้นสำหรับถังหอพลังงานลมนอกชายฝั่ง ซึ่งช่วยยุติการพึ่งพาการขนส่งทางทะเลชั้นเดียวเป็นเวลานานสำหรับถังหอที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 5 เมตร นวัตกรรมนี้ประสบความสำเร็จในการเพิ่มความสูงในการเรียงซ้อนสูงสุดของถังพลังงานลมสำหรับการขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศจาก 10 เมตรเป็น 14 เมตร และน้ำหนักการเรียงซ้อนสูงสุดจาก 100 ตันเป็น 240 ตัน ซึ่งช่วยประหยัดพื้นที่ดาดฟ้าเรือและลดต้นทุนการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากโครงการ Ca Mau 1 ของเวียดนามแล้ว POWERCHINA ยังได้เข้าร่วมในการก่อสร้างโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งขนาด 171 เมกะวัตต์ในเมือง Soc Trang และ Bac Lieu และโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งขนาด 310 เมกะวัตต์ในเมือง Binh Dai ในเวียดนาม ในเดือนกรกฎาคม 2022 นั้น POWERCHINA ได้ลงนามในสัญญาฉบับใหม่ในโครงการฟาร์มกังหันลมในเขตท่องเที่ยว Kai long-Ca Mau ในเวียดนาม ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ได้ส่งแรงกระตุ้นอันแรงกล้าไปสู่ความพยายามของเวียดนามในการลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล กระจายแหล่งพลังงาน และบรรลุการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Shi Pei
651538233@qq.com

ที่มา: POWERCHINA

EIG เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการ 25% ของธุรกิจ Upstream ทั่วโลกทั้งหมดของ Repsol

Logo

Breakwater Energy ของ EIG เข้าซื้อหุ้นมูลค่า 4.8 พันล้านดอลลาร์

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–3 มีนาคม 2023

EIG นักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ประกาศในวันนี้ว่าได้เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการในสัดส่วน 25% ของ Repsol Upstream บริษัทสำรวจและผลิตก๊าซถ่วงน้ำหนักที่ตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจน้ำมันและก๊าซต้นน้ำทั่วโลกของ Repsol

Breakwater Energy ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ EIG ได้รับผลประโยชน์ 25% ใน Repsol Upstream คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 4.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงหนี้สิน โดย Repsol ถือหุ้นที่เหลือ 75%

Repsol Upstream เป็นเจ้าของและดำเนินการพอร์ตการลงทุนต้นน้ำที่หลากหลายทั่วโลกของ Repsol ซึ่งประกอบด้วยการผลิตและการดำเนินงานมากกว่า 600,000 บาร์เรลต่อวันใน 15 ประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกา พอร์ตโฟลิโอสร้างกระแสเงินสดอิสระที่สำคัญซึ่งควรสนับสนุนการจ่ายเงินปันผลที่สำคัญ ในขณะเดียวกันก็ยังคงความเข้มข้นของคาร์บอนที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่น โดยทั้ง Repsol และ EIG เล็งเห็นถึงศักยภาพในการจดทะเบียนธุรกิจในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป ภายใต้สภาวะตลาดที่เอื้ออำนวย

“Repsol เป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน และเรายินดีที่ได้ทำธุรกรรมนี้กับบริษัทระดับโลกที่มีความมุ่งมั่นร่วมกันในการลดการปล่อยมลพิษในขณะที่ตอบสนองความต้องการด้านพลังงานของโลก” กล่าวโดย R. Blair Thomas ประธานและ CEO ของ EIG “ธุรกรรมดังกล่าวทำให้ Repsol Upstream อยู่บนเส้นทางสู่อนาคตของการลดคาร์บอนที่รวดเร็ว การสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง และสภาพคล่องในตลาดที่มีศักยภาพ”

ตามที่ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ EIG จะมีสิทธิ์ในการเสนอชื่อสมาชิกสองคนเข้าสู่คณะกรรมการบริหารของ Repsol Upstream ที่ต้องมีสมาชิกแปดคน สี่คนจะได้รับการเสนอชื่อโดย Repsol และอีกสองคนที่เหลือจะเป็นแบบไม่บังคับ นอกจากนี้ EIG จะแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงสองคนให้กับทีมผู้นำของ Repsol Upstream โดยคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการ ESG และอีกคนหนึ่งเป็นผู้นำโครงการพิเศษ รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการเสนอขายหุ้น IPO

Goldman Sachs & Co LLC และ J.P. Morgan ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับ EIG ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรม Goldman Sachs & Co LLC, J.P. Morgan และ Lazard ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านตลาดทุนที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาเงินทุนของการทำธุรกรรม Latham & Watkins และ Debevoise & Plimpton ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายของ EIG

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นผู้ลงทุนระดับสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก โดยมีมูลค่า 22.7 พันล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2022 EIG เชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานในระดับโลก ในช่วงประวัติศาสตร์ 40 ปี EIG ได้ให้เงินสนับสนุนกว่า 44.6 พันล้านดอลลาร์แก่ภาคพลังงานผ่านโครงการหรือบริษัท 396 โครงการใน 42 ประเทศบน 6 ทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญชั้นนำ บริษัทประกัน กองทุนการกุศล มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป EIG มีสำนักงานใหญ่อยู่ในวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ ริโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com

เกี่ยวกับ Repsol

Repsol เป็นบริษัทพลังงานระดับโลกที่เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นบริษัทที่ปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 บริษัทอยู่ตลอดห่วงโซ่คุณค่าด้านพลังงาน โดยมีพนักงาน 24,000 คน และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในกว่า 90 ประเทศให้กับลูกค้า 24 ล้านราย

บริษัทสามารถตอบสนองความต้องการด้านพลังงานและความคล่องตัวของผู้บริโภคด้วยข้อเสนอที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ซึ่งอยู่ในระดับแนวหน้าของการพัฒนาโซลูชันที่ยั่งยืนสำหรับการสัญจร ด้วยเชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การชาร์จไฟฟ้า เชื้อเพลิงหมุนเวียน (เชื้อเพลิงชีวภาพขั้นสูงและเชื้อเพลิงสังเคราะห์) ก๊าซรถยนต์ และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานพาหนะ

เพื่อให้การปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 Repsol มุ่งมั่นที่จะสร้างแบบจำลองที่ผสานรวมเทคโนโลยีการลดคาร์บอนทั้งหมด โดยพิจารณาจากการปรับปรุงประสิทธิภาพ การเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าหมุนเวียน การผลิตเชื้อเพลิงหมุนเวียน การพัฒนาโซลูชันใหม่ ๆ สำหรับลูกค้า เศรษฐกิจหมุนเวียน และการส่งเสริมโครงการล้ำสมัยเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของอุตสาหกรรม

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.repsol.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

มีเดีย

EIG
FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@FGSGlobal.com

Repsol
+34 91 753 8787
prensa@repsol.com

ที่มา: EIG

EIG เข้าสู่แผนการซื้อขาย Harbour Energy plc

Logo

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–8 กุมภาพันธ์ 2023

EIG นักลงทุนระดับสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้จัดทำแผนการซื้อขายล่วงหน้า (“แผนการซื้อขาย”) เพื่ออนุญาตให้ขายหุ้นได้สูงสุด 2 ล้านหุ้น (“หุ้น”) ของ Harbour Energy plc (HBR.L หรือ “บริษัท”) ที่ถือหุ้นโดยบริษัทในเครือที่ควบคุมโดย EIG ตามที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2022 EIG ได้เสร็จสิ้นการแจกจ่ายหุ้นให้กับนักลงทุนกองทุน EIG และผู้ถือหุ้นในเครือ EIG โดยการกระจายหุ้นเป็นกิจกรรมที่ทำให้ผู้ถือหุ้นในเครือ EIG บางรายต้องเสียภาษี และด้วยเหตุนี้ EIG จึงดำเนินการขายหุ้นตามแผนการซื้อขายเพื่อให้ครอบคลุมภาระภาษีดังกล่าวเป็นหลัก แผนการซื้อขายที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2023 จะอนุญาตให้ขายหุ้นได้จนถึงวันที่ 9 มีนาคม 2023 ในเวลาที่ EIG อาจถูกกันไว้ไม่ให้ทำเช่นนั้นภายใต้กฎหมายการค้าภายในหรือข้อจำกัดการซื้อขายของ Harbour Energy plc แผนการซื้อขายจะได้รับการจัดการโดยนายหน้าอิสระและจะอยู่ภายใต้ข้อจำกัดด้านราคา ปริมาณ และเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าที่กำหนดไว้ในแผนการซื้อขาย หลังจากแผนการซื้อขายสิ้นสุดลง EIG จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัท โดยถือหุ้นประมาณ 15% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดผ่านทางยานพาหนะที่ได้รับการจัดการและเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นนักลงทุนระดับสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก โดยมีมูลค่า 22.7 พันล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2022 EIG เชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานในระดับโลก ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา EIG ได้บริจาคเงิน 44.6 พันล้านดอลลาร์ในโครงการหรือบริษัท 396 แห่งใน 42 ประเทศในหกทวีป EIG มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ ริโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Media

FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@fgsglobal.com

แหล่งที่มา: EIG

Black & Veatch เน้นการใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกที่ยั่งยืนสำหรับการขนส่ง

Logo

Black & Veatch เน้นย้ำถึงโมเดลการลดการปล่อยคาร์บอนที่จะเร่งให้อินเดียเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาด ที่งานประชุมสุดยอด Hydrogen India Summit 2023

เดลี อินเดีย–(BUSINESS WIRE)–6 กุมภาพันธ์ 2023

ด้วยการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบของอินเดีย จึงมีโอกาสในการวางแผนและเพิ่มการใช้ไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อเป็นแหล่งเชื้อเพลิงที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์สำหรับภาคการขนส่งของประเทศ รวมถึงเรือพาณิชย์และการบิน

“ความน่าเชื่อถือในเชิงพาณิชย์ของการพัฒนาไฮโดรเจนเป็นกุญแจสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยของผู้รับซื้อผลิตภัณฑ์ มีโมเดลธุรกิจเกิดใหม่สองสามแบบที่กำลังศึกษาและพัฒนาอย่างใกล้ชิดในอินเดีย สำหรับการบริโภคภายในประเทศและการส่งออก ซึ่งรวมถึงการใช้ไฮโดรเจนสำหรับเรือขนส่ง การใช้อนุพันธ์ของไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงการบิน และการผลิตแอมโมเนียเพื่อสิ่งแวดล้อม” กล่าวโดย Ruturaj Govilkar ผู้จัดการประจำและกรรมการผู้จัดการ Black & Veatch ประจำอินเดีย

อินเดียทำหน้าที่เป็นส่วนสำคัญของเครือข่ายนวัตกรรมของ Black & Veatch ในการสำรวจและจัดหาไฮโดรเจนและโซลูชันที่ยั่งยืนสำหรับลูกค้าทั่วโลก ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกยังคงประกาศกลยุทธ์ใหม่สำหรับการลดการปล่อยคาร์บอนและเน้นการใช้ไฮโดรเจนอย่างต่อเนื่อง และอินเดียเพิ่งอนุมัติภารกิจ National Green Hydrogen Mission ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นที่ 19,744 ล้านรูปี (2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภารกิจนี้มีเป้าหมายเพื่อทำให้อินเดียเป็นศูนย์กลางระดับโลกสำหรับการผลิต การใช้ประโยชน์ และการส่งออกไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและอนุพันธ์ของไฮโดรเจน

Govilkar กล่าวในการประชุมสุดยอด Hydrogen India Summit 2023 ว่าเมื่อรวมกันแล้ว ยานพาหนะไฟฟ้า (EV) และยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจน โดยเฉพาะกลุ่มยานพาหนะเชิงพาณิชย์ เป็นรูปแบบการขนส่งทางเลือกที่อาจคุ้มค่ากว่าเมื่อเปรียบเทียบกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของเชื้อเพลิงฟอสซิล

รูปแบบเชิงพาณิชย์อื่น ๆ ได้แก่ การผลิตแอมโมเนียเพื่อสิ่งแวดล้อมสำหรับการส่งออก โดยเฉพาะประเทศผู้นำเข้าก๊าซธรรมชาติ สามารถใช้แอมโมเนียทดแทนโดยตรงได้ การนำแอมโมเนียมาใช้สำหรับงานที่สำคัญ เช่น การผลิตไฟฟ้า หรือการนำแอมโมเนียมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการขนส่ง ข้อได้เปรียบที่สำคัญคือนอกเหนือจากกระบวนการอิเล็กโทรลิซิสเพื่อผลิตไฮโดรเจนสีเขียวแล้ว การผลิตแอมโมเนียก็เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี

เช่นเดียวกับวงจรการสังเคราะห์แอมโมเนีย Black & Veatch ตั้งข้อสังเกตว่าวิธีพื้นฐานในการผลิตเชื้อเพลิงสังเคราะห์สำหรับการบินหรือการใช้งานอื่น ๆ นั้นได้รับการพิสูจน์แล้ว และอยู่ระหว่างรอการใช้งานที่แพร่หลายมากขึ้น

หมายเหตุบรรณาธิการ:

  • Black & Veatch มีส่วนร่วมในการสร้างกำลังการผลิตอิเล็กโทรลิซิส 245 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งเพิ่มการผลิตไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเกือบสองเท่าทั่วโลก บริษัทกำลังสร้างฮับไฮโดรเจนที่ใหญ่ที่สุดในโลกในสหรัฐอเมริกา นอกเหนือจากไฮโดรเจนแล้ว บริษัทยังดำเนินโครงการในด้านการลดคาร์บอนอีกหลายด้าน
  • The Green Solutions (TGS) ได้มอบหมายให้ Black & Veatch ศึกษาการผลิตและกักเก็บไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในเวียดนาม โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลมที่จ่ายผ่านกริด

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ ที่ปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีประวัติผลงานด้านนวัตกรรมในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมากว่า 100 ปี ตั้งแต่ปี 1915 เราได้ช่วยลูกค้าของเราทำให้ชีวิตของผู้คนทั่วโลกดีขึ้นโดยจัดการกับความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา โดยรายได้ของเราในปี 2021 เกิน 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com
24-HOUR MEDIA EMAIL | media@bv.com

แหล่งที่มา: Black & Veatch

Tusk Innovation ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับ Black Friday

Logo

KUALA LUMPUR, Malaysia–(BUSINESS WIRE)–17 พฤศจิกายน 2022

Tusk Inc. Limited (www.tusklimited.com) บริษัทที่เริ่มต้นในปี 2012 ในฐานะบริษัทจัดการเงินทุนในกรุงกัวลาลัมเปอร์ซึ่งมีสำนักงานอยู่ทั่วโลก และปัจจุบันเป็นหนึ่งในบริษัทโซลูชันไฟฟ้าชั้นนำที่มุ่งเน้นการผลิตสำหรับผู้ใช้อุปกรณ์การทำเหมือง พลังงานแสงอาทิตย์ และอะแดปเตอร์ กำลังประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับ Black Friday สายผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับไฟฟ้า ดูเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://tusklimited.com/products

This product is sold with a 7in 1 Solar Panel, so you don’t have to pay for the panel. (Photo: Business Wire)

ผลิตภัณฑ์นี้ขายพร้อมแผงโซลาร์เซลล์ 7in 1 คุณไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าแผง (ภาพ: Business Wire)

ในฐานะหนึ่งในบริษัทโซลูชันไฟฟ้าชั้นนำ Tusk ประกาศให้ส่วนลด 30% สำหรับนวัตกรรมของ Tusk ในวัน Black Friday สำหรับอุปกรณ์การทำเหมืองแบบคอมโบ ซึ่งรวมเอาแผงโซลาร์เซลล์เข้ากับเครื่องขุดบิตคอยน์ เพื่อให้การทำเหมืองเป็นไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับไฟฟ้าอย่างมีนัยสำคัญใดๆ เนื่องจากไฟฟ้าเป็นปัญหาหลักในอุตสาหกรรมการทำเหมือง

โดยการปรับล่าสุดจากวัสดุโพลีคริสตัลไลน์เป็นวัสดุเซลล์แสงอาทิตย์ นวัตกรรมของ Tusk มีการทดสอบประสิทธิภาพของการรวมผลิตภัณฑ์พลังงานแสงอาทิตย์เข้ากับเครื่องขุดคริปโตเคอเรนซี และได้พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุด นักลงทุนด้านนวัตกรรมของ Tusk สามารถทำเหมืองคอยน์ของตนได้อย่างง่ายดายโดยไม่มีการหยุดชะงักแล้วในขณะนี้ ทั้งยังมีความเสี่ยงน้อยลง และได้ผลกำไรสูงสุด

นี่เป็นความพยายามในการลดปริมาณไฟฟ้าที่ใช้เมื่อลูกค้าทำการขุดคริปโตเคอเรนซี และได้รับการเปิดเผยโดย John Walls ประธานฝ่ายปฏิบัติการ (COO) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตามรายงานของ Walls “รายงานต่างๆ แสดงให้เห็นว่าปริมาณไฟฟ้าที่คนงานเหมืองต้องการอาจมากเกินกว่าที่จะจัดการได้ ดังนั้น เราจึงได้ตัวเลือกที่สมเหตุสมผล”

กำไรจากการขุด

แม้ว่าจะเป็นเรื่องน่ายินดีและให้ผลกำไรสูงสำหรับใครหลายๆ คนในการสร้างฟาร์มเหมืองคริปโตเคอเรนซี แต่ก็มีการคาดเดามากมายว่าพวกเขาอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการใช้ไฟฟ้า Tusk Inc ได้สร้างโซลูชันที่ใช้งานได้ยาวนานด้วยการมอบแผงโซลาร์เซลล์ที่ไม่สัมพันธ์กับค่าไฟฟ้าของคุณและอุปกรณ์การขุดบิตคอยน์ที่สามารถทำการขุดแบบคู่ได้ คุณสามารถขุดคอยน์ของคุณโดยไม่ต้องคอยกังวลกับความผันผวนของตลาด

Tusk Inc ตั้งอยู่ในใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย และสหราชอาณาจักร มีความโดดเด่นที่แตกต่างจากที่อื่น โดยลูกค้าสามารถรับบริการพัฒนากระเป๋าเงินดิจิทัล (crypto wallet) รวมถึงหน่วยประมวลผลกราฟิกจากบริษัทที่มีสำนักงานอยู่ในสามทวีป นอกจากนี้ยังมีประสบการณ์ในการพัฒนาบล็อกเชน และโซลูชันการขุดบิตคอยน์ รวมถึงด้านอื่นๆ อีกมากมาย

เกี่ยวกับ Tusk

ก่อตั้งขึ้นในปี 2012 โดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการ และต่อมาทีมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีก็ได้เข้ามามีส่วนร่วม ปัจจุบัน Tusk Inc เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการโซลูชันไฟฟ้าชั้นนำ พวกเขาภูมิใจในความสามารถในการจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากพวกเขาอยู่ในธุรกิจการบริหารความเสี่ยงมานานกว่าทศวรรษ และด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีหลายประการ พวกเขาได้รวมกิจการที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าไว้ในระบบการจัดการความเสี่ยง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการขุดคริปโตเคอเรนซี โดยใช้วัสดุเซลล์แสงอาทิตย์

ข้อมูลติดต่อ

John Walls
ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์
john@tusklimited.com
(+60)1117000943

แหล่งที่มา: Tusk Inc. Limited

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Midea VRF เข้าสู่ระดับโลก เปิดตัวรถไฟความเร็วสูงจาการ์ตา-บันดุง

Logo

JAKARTA, Indonesia–(BUSINESS WIRE)–15 พฤศจิกายน 2022

การประชุมสุดยอด G20 ที่บาหลีนำเสนอผลการก่อสร้างล่าสุดของรถไฟความเร็วสูง (HSR) สายจาการ์ตา-บันดุง ซึ่งเป็นรถไฟความเร็วสูงสายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยระยะทางยาวทั้งหมด 142 กิโลเมตร และความเร็วสูงสุดตามการออกแบบอยู่ที่ 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้อินโดนีเซียเข้าสู่ “ยุครถไฟความเร็วสูง ” Midea นำเสนอโซลูชัน HVAC ระดับมืออาชีพ และการบริการที่เข้าถึงผู้ใช้มากที่สุด พร้อมนำเสนอ “Midea Coolness” สำหรับ HSR สายจาการ์ตา-บันดุง ด้วย 126 ODU และ 705 IDU จาก Midea VC Pro

Midea VC Pro VRFs have been used in Jakarta-Bandung High-Speed Railway (HSR), Dubai Expo and many other overseas projects. (Graphic: Business Wire)

มีการนำ Midea VC Pro VRFs มาใช้ในโครงการรถไฟความเร็วสูง (HSR) จาการ์ตา-บันดุงในงาน Dubai Expo และโครงการในต่างประเทศอีกหลายโครงการ (กราฟิก: Business Wire)

โครงการ HVAC เป็นการสนับสนุนอุปกรณ์ที่สำคัญสำหรับ HSR สายจาการ์ตา-บันดุง โดยรถไฟจากจาการ์ตา-บันดุงตั้งอยู่ในเขตภูมิอากาศแบบป่าฝนเขตร้อนของหมู่เกาะชวา และได้รับอิทธิพลจากภูมิอากาศแถบเส้นศูนย์สูตร ผู้ปฏิบัติงานของ HSR จึงต้องการระบบเครื่องปรับอากาศส่วนกลางที่เชื่อถือได้และมีความเสถียรภาพ เพื่อให้สามารถปรับให้เข้ากับอุณหภูมิที่สูงและสภาพการทำงานที่มีความชื้นสูงโดยไม่มีการหยุดทำงาน และสามารถคงระดับอุณหภูมิของพื้นที่อาคาร HSR ให้คงที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในฐานะที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม HVAC ระดับโลก Midea Building Technologies นำเสนอโซลูชันระบบเครื่องปรับอากาศมืออาชีพสำหรับ HSR สายจาการ์ตา-บันดุง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระบบระบายความร้อนด้วยชิปของเหลวแบบหลายตัว โดยสามารถช่วยระบายความร้อนของชิ้นส่วนควบคุมระบบไฟฟ้าให้เย็นลงได้ทันเวลา และสามารถลดอุณหภูมิของชิ้นส่วนควบคุมระบบไฟฟ้าได้ประมาณ 8 องศา ซึ่งสามารถรักษาความเย็นในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงได้เป็นอย่างดี ในกรณีของความทนทานต่อการกัดกร่อน ODU ของ VC Pro VRFs ยังคงสามารถทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีการกัดกร่อนของเกลืออย่างรุนแรงได้ โดยผ่านการจำลองการทดสอบเชิงทดลอง

นอกจากประสบกับปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ก่อสร้างขนาดใหญ่และการเข้าออกของประชากรจำนวนมากในสถานี HSR ไซต์ 4 ที่ Midea MBT ชนะการประมูลแล้ว ยังมีอาคารอยู่หกประเภท เช่น อาคารสถานี อาคารอพาร์ทเมนท์ เป็นต้น เป็นไซต์ที่มีความซับซ้อนมากที่สุดสำหรับการติดตั้งเครื่องปรับอากาศสำหรับ HSR สายจาการ์ตา-บันดุง นอกเหนือจากนั้น ที่ประเทศอินโดนีเซีย การจัดหาวัสดุการติดตั้งสำหรับโครงการก็มีข้อจำกัดในหลาย ๆ ด้าน จึงต้องมีการประเมินทุกปัจจัยในกระบวนการคัดเลือก แผนการออกแบบเครื่องปรับอากาศยังมีการปรับปรุงครั้งแล้วครั้งเล่า จนในที่สุด ระบบที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพที่ปรับจนเหมาะสมสำหรับโครงการติดตั้ง HVAC ก็บรรลุผลสำเร็จโดยมีการผสมผสานระหว่างดีไซน์หลากหลายรูปแบบและโครงร่างแบบผสมผสาน

ยังมีการใช้งาน Midea VC Pro VRFs ใน Dubai Expo และโครงการในต่างประเทศอีกหลายโครงการด้วยเช่นกัน ในปัจจุบัน Midea Building Technologies ได้ปรับเครือข่ายการขายและบริการในตลาดต่างประเทศ โดยมีการสร้างโครงร่างที่ครอบคลุมตั้งแต่เทคโนโลยีหลักและผลิตภัณฑ์ดั้งเดิม ไปจนถึงโซลูชันที่แตกต่างกันไปตามการปรับแต่งให้เหมาะสม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52969740/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Lori Luo
+86 13512784739
luory17@midea.com

แหล่งที่มา: Midea