ผลิตภัณฑ์ล่าสุดของ MetricStream นำเสนอประสบการณ์ GRC ที่รวดเร็ว ง่ายดาย และเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น พร้อมผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์ม Low-Code/No-Code จาก Connected GRC

Logo

SINGAPORE–(BUSINESS WIRE)–20 ตุลาคม 2022

MetricStream ผู้นำตลาดระดับโลกด้านการจัดการความเสี่ยงแบบบูรณาการ (IRM) และการกำกับดูแล ความเสี่ยง และการปฏิบัติตามข้อกำหนด (GRC) ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ล่าสุด ซึ่งมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของโปรแกรม GRC รวมถึงสร้างเสริมประสบการณ์ Connected GRC ที่รวดเร็ว ปลอดภัย ง่ายดาย และเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น แพลตฟอร์ม low-code/no-code ที่ทันสมัยและสร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งและออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะตัวได้อย่างง่ายดาย API ใหม่จะช่วยในการเชื่อมต่อ MetricStream กับระบบภายนอกและเพิ่มพูนข้อมูลเชิงลึกของ GRC เพื่อให้การตัดสินใจฉับไวยิ่งขึ้น

“ทุกวันนี้ CXO อยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักเพื่อให้พร้อมรับมือกับภัยคุกคามที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งรองรับความยืดหยุ่นของธุรกิจ และลดค่าใช้จ่าย” กล่าวโดย Prasad Sabbineni ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของ MetricStream “เราเชื่อมั่นว่า เราสามารถช่วยปกป้องทรัพย์สินที่มีค่าของลูกค้าได้ ทั้งบุคลากร ทรัพย์สินทางปัญญา และโอกาสในการขยายและการเติบโตของธุรกิจ”

ผู้เชี่ยวชาญของ GRC ต้องการระบบซอฟต์แวร์ที่ยืดหยุ่นและสามารถปรับแต่งได้ พร้อมตอบสนองความต้องการเฉพาะด้านเพื่อรองรับความเสี่ยงที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว แพลตฟอร์ม low code / no code ที่ทันสมัยช่วยให้ลูกค้าแต่ละรายสามารถปรับแพลตฟอร์ม MetricStream รวมถึงฟังก์ชัน และฟีเจอร์ให้เข้ากับความต้องการทางธุรกิจเฉพาะแต่ละรายได้ ผลิตภัณฑ์แพลตฟอร์มใหม่มาพร้อมเทคโนโลยีก้าวหน้าดังต่อไปนี้ ซึ่งมีวางจำหน่ายแล้วในขณะนี้

ออกแบบได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย ง่ายดายยิ่งขึ้นผู้ดูแลระบบสามารถใช้ภาษาเฉพาะโดเมน GRC อย่างง่าย ซึ่งช่วยให้สามารถปรับแต่งและกำหนดค่าแอปพลิเคชัน สร้างและเปลี่ยนแปลงฟิลด์ รายงาน และเทมเพลต รวมถึงตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้โปรแกรมที่ซับซ้อน Low code/no code ช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการระบบได้ตามที่ต้องการในขณะที่เพิ่มทักษะให้กับทีม

การผสานรวมกับระบบของบุคคลที่สามได้อย่างง่ายดาย: API จาก GRC กว่า 200 รายการ ช่วยให้สามารถผสานรวม MetricStream เข้ากับระบบของบุคคลที่สามได้อย่างง่ายดาย และผสมผสานกระบวนการของ GRC และแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างง่ายดาย

นำเสนอข้อมูลเชิงลึกของ GRC ได้อย่างรวดเร็ว: สามารถแสดงและเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างผลิตภัณฑ์ของ MetricStream และระบบภายนอก สร้างข้อมูลเชิงลึกตามบริบท และสร้างรายงานที่กำหนดค่าเองได้อย่างง่ายดายเพียงไม่กี่คลิก โดยใช้รายงานแบบบริการตัวเองที่ก้าวล้ำ

รายงานแสดงข้อมูลเชิงลึกแบบเจาะกว้างสำหรับ ESG: ESGRC มาพร้อมโครงร่างรายงาน สูตร และเทมเพลตที่มีการเตรียมไว้ล่วงหน้าสำหรับการแสดงข้อมูลที่สอดคล้องกับมาตรฐานของ TCFD, GRI และ SASB รวมถึงแดชบอร์ดที่สามารถปรับแต่งได้ เพื่อให้สามารถแสดงข้อมูลเชิงลึกที่ชัดเจนและเหมาะสมกับธุรกิจและผู้ให้บริการ

นวัตกรรมอื่น ๆ ประกอบด้วย: ระบบควบคุมกลไกอัตโนมัติอัจฉริยะซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการการเปลี่ยนแปลงระบบควบคุม การทดสอบระบบควบคุมอัตโนมัติภายใต้สภาพแวดล้อมของ AWS และสามารถดำเนินการประเมินความเสี่ยงด้านการปฏิบัตการเบื้องต้นได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายยิ่งขึ้น

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ล่าสุดของ MetricStream ได้ที่นี่ นัดหมายเวลาเข้าชมการสาธิต และเข้าร่วม การประชุมสุดยอด GRC ประจำปี ครั้งที่ 10 – สัมผัสประสบการณ์พลังแห่งการเชื่อมต่อ ในวันที่ 8 และ 9 เดือนพฤศจิกายน ณ กรุงลอนดอน 

เกี่ยวกับ MetricStream, Inc.

MetricStream เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันการจัดการความเสี่ยงแบบบูรณาการ GRC ของ SaaS ที่ช่วยให้องค์กรรับมือกับความเสี่ยงและขยายตัวได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยมีการตัดสินใจที่คำนึงถึงความเสี่ยง พร้อมเชื่อมโยงการกำกับดูแล การจัดการความเสี่ยง และการปฏิบัติตามข้อกำหนดทั่วทั้งองค์กร ConnectedGRC ของเราและสายผลิตภัณฑ์อย่าง BusinessGRC, CyberGRC และ ESGRC อยู่บนแพลตฟอร์มที่ปรับแต่งได้ พร้อมรองรับทุกสายผลิตภัณฑ์ใน GRC ของคุณ

MetricStream มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองแซนโฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยมีศูนย์ปฎิบัติการและศูนย์วิจัยและพัฒนาอยู่ที่บังกาลอร์ ประเทศอินเดีย และมีฝ่ายสนับสนุนด้านการขายและฝ่ายสนับสนุนด้านการปฏิบัติการทั่วโลก

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52947968/en

ติดต่อ

Preeti Goswami
preeti.goswami@metricstream.com
+91-9654394164

แหล่งข้อมูล: MetricStream, Inc.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Milliken & Company มุ่งมั่นสู่อนาคตที่มีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

Logo

SBTi ตั้งเป้าหมายที่อิงหลักวิทยาศาสตร์ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิของบริษัทเป็นศูนย์ภายในปี 2050

SPARTANBURG, S.C.–(BUSINESS WIRE)–19 ตุลาคม 2022

Milliken & Company ผู้ผลิตระดับโลกที่มีความหลากหลายประกาศว่าเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ตามหลักวิทยาศาสตร์ได้รับการอนุมัติโดย Science Based Targets initiative (SBTi) ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติ SBTi เป็นกลุ่มองค์กรระหว่างประเทศที่อุทิศตนเพื่อช่วยเหลือบริษัทต่าง ๆ ในการกำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยมลพิษที่สอดคล้องกับภูมิอากาศวิทยาและความตกลงปารีส (Paris Agreement)

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นแบบมัลติมีเดีย สามารถดูฉบับเต็มได้ที่นี่ https://www.businesswire.com/news/home/20221019005053/en/

“ที่ Milliken ความยั่งยืนคือค่านิยมหลัก” กล่าวโดย Halsey Cook ประธานและซีอีโอของ Milliken & Company “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังสร้างแรงกดดันต่อชุมชน บริษัท และโลกของเรา ถึงเวลาต้องดำเนินการอย่างมี เป้าหมายแล้ว”

SBTi คำนวณว่าบริษัทต่าง ๆ ที่มุ่งมั่นจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในสายการผลิตตามภูมิอากาศวิทยา ขณะนี้คิดเป็นมูลค่า 38 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลก Milliken เป็นหนึ่งใน 50 บริษัทแรกทั่วโลกที่บรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ตามหลักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับอนุมัติ และเข้าร่วมกลุ่มบริษัทมากกว่า 1,300 แห่งที่ได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์โดยใช้มาตรฐาน SBTi Corporate Net-Zero ของปี 2021 Milliken เป็นบริษัทแรกที่ได้รับการอนุมัติในเซาท์แคโรไลนา ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ทั่วโลกของ Milliken

Kasel Knight ที่ปรึกษาทั่วไปและหัวหน้าฝ่ายความยั่งยืนของ Milliken กล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ทั้งหมดจะเหมือนกัน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ Milliken มุ่งมั่นที่จะทำให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์อย่างแท้จริงทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่า (value chain) ภายในปี 2050 จากปีฐาน 2018” “ด้วยการทำงานร่วมกับ SBTi ความมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ควบคู่ไปกับเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาวของเราที่ได้รับการอนุมัติ จะได้รับการตรวจสอบอย่างเต็มที่ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุดในระดับโลก”

“เราภูมิใจที่ Milliken เป็นผู้นำงานนี้” กล่าวสรุปโดย Cook “เป้าหมายของเราช่วยให้ทีมงานของเรามากกว่า 8,000 คนลดความเสี่ยง ลดผลกระทบ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมต้นทุน และค้นพบวิธีการใหม่ในการส่งมอบผลิตภัณฑ์”

เกี่ยวกับ Milliken

Milliken & Company เป็นผู้นำด้านการผลิตระดับโลกที่มุ่งเน้นด้านวัสดุศาสตร์เพื่อนำเสนอความก้าวหน้าในวันพรุ่งนี้ ตั้งแต่โมเลกุลชั้นนำของอุตสาหกรรมไปจนถึงนวัตกรรมที่ยั่งยืน Milliken สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ยกระดับชีวิตของผู้คนและนำเสนอวิธีแก้ปัญหาสำหรับลูกค้าและชุมชน ด้วยสิทธิบัตรหลายพันรายการและแฟ้มภาพผลงานที่มีการประยุกต์ใช้ในธุรกิจสิ่งทอ เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ ผลิตภัณฑ์ปูพื้น และการดูแลสุขภาพ บริษัทใช้ความรู้สึกร่วมกันของความซื่อสัตย์และความเป็นเลิศเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลกมาหลายชั่วอายุคน สามารถดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคิดที่กระหายใคร่รู้ของ Milliken และวิธีแก้ปัญหาที่สร้างแรงบันดาลใจได้ที่ milliken.com และบน FacebookInstagram, LinkedIn และ Twitter

เกี่ยวกับ Science Based Targets initiative

Science Based Targets initiative (SBTi) เป็นองค์กรระดับโลกที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถกำหนดเป้าหมายที่มีความทะเยอทะยานในการลดการปล่อยมลพิษตามภูมิอากาศวิทยาล่าสุด โดยมุ่งเน้นที่การเร่งรัดให้บริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงครึ่งหนึ่งก่อนปี 2030 และบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ก่อนปี 2050 ความคิดริเริ่มนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง CDP, ข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact), สถาบันทรัพยากรโลก (WRI) และกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) และหนึ่งในพันธกรณีของ We Mean Business Coalition

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20221019005053/en/

ติดต่อ

Betsy Sikma
betsy.sikma@milliken.com
864.909.7908

ที่มา: Milliken & Company

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Kioxia ประกาศเปิดตัว EDSFF E1.S SSD รุ่นใหม่สำหรับศูนย์ข้อมูลไฮเปอร์สเกล

Logo

KIOXIA รุ่น XD7P Data Center NVMe™ SSDs ใหม่ ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งได้รับการออกแบบด้วยเทคโนโลยี PCIe® 5.0

TOKYO—(BUSINESS WIRE)—19 ตุลาคม 2022

สานต่อภารกิจของบริษัทในการรับมือกับความต้องการเฉพาะของแอปพลิเคชันระดับองค์กรและศูนย์ข้อมูล Kioxia Corporation จึงได้ประกาศความสำเร็จด้วยการเปิดตัว KIOXIA รุ่น XD7P Data Center NVMe SSDs ที่ออกแบบมาสำหรับไฮเปอร์สเกลและเซิรฟ์เวอร์ทั่วไป ไดรฟ์ KIOXIA รุ่น XD7P ได้รับการออกแบบมาสำหรับแอปพลิเคชันเซิร์ฟเวอร์แบบไฮเปอร์สเกลและแบบทั่วไปในองค์กรใหม่ และฟอร์มแฟกเตอร์มาตรฐานของศูนย์ข้อมูล (EDSFF) ฟอร์มแฟกเตอร์ E1.S ไดรฟ์ KIOXIA รุ่น XD7P เป็นรุ่นที่สองของ E1.S SSD ของ Kioxia ซึ่งรองรับOpen Compute Project (OCP) Data Center NVMe SSD ต่อจาก KIOXIA รุ่น XD6 ไดรฟ์ KIOXIA รุ่น XD7P นั้นอยู่ระหว่างการสุ่มตัวอย่างเพื่อเลือกลูกค้า

Next-Generation EDSFF E1.S SSDs for Hyperscale Data Centers: KIOXIA XD7P Series Data Center NVMe™ SSDs (Photo: Business Wire)

EDSFF E1.S SSDs รุ่นใหม่สำหรับศูนย์ข้อมูลไฮเปอร์สเกล: KIOXIA XD7P รุ่น Data Center NVMe™ SSDs (ภาพ: Business Wire)

KIOXIA รุ่น XD7P Data Center NVMe SSD ให้ประสิทธิภาพโดยรวมที่ดีขึ้น อีกทั้งยังบรรลุประสิทธิภาพในการไรท์ตามลำดับเกือบ 1.5 ถึง 2 เท่า และสุ่มเปรียบเทียบประสิทธิภาพในการอ่าน/ไรท์กับรุ่นก่อนหน้า

ไดรฟ์ KIOXIA รุ่น XD7P ได้รับการออกแบบตามข้อกำหนด PCIe 4.0 และ NVMe 2.0 อีกทั้งยังอยู่ระหว่างการพัฒนา PCIe 5.0 ที่มีความเร็วอินเทอร์เฟซสูงสุด 32 GT/s ต่อเลน ดังนั้น KIOXIA รุ่น XD7P จะวางจำหน่ายเบื้องต้นในรูปแบบ PCIe 4.0 SSD ส่วนแบบ PCIe 5.0 SSD นั้นจะจัดจำหน่ายตามความต้องการของลูกค้า

KIOXIA รุ่น XD7P ใช้ตัวควบคุม Kioxia ที่เหมาะสมซึ่งสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของลูกค้า โดยใช้เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช BiCS FLASH™ 3D รุ่นที่ 5 ของ Kioxia เป็นพื้นฐาน ฟอร์มแฟกเตอร์ E1.S จะมีความสูงที่ 9.5 มม. 15 มม. และ 25 มม. พร้อมตัวเลือกฮีตซิงก์ อีกทั้งยังมีความจุพร้อมใช้งานสูงสุดถึง 7.68 TB พร้อมความทนทาน 1 DWPD นอกจากนี้ ยังมีตัวเลือกการรักษาความปลอดภัย TCG Opal SSC SED อีกด้วย [2]

หมายเหตุ
[1] ตัวอย่างทางวิศวกรรมมีไว้สำหรับการประเมินลูกค้า OEM (ลูกค้าที่จ้างผลิตสินค้าเพื่อนำไปขายในแบรนด์ของตัวเอง) ข้อมูลคุณสมบัติอาจแตกต่างจากช่วงที่มีการผลิตเป็นจำนวนมาก
[2] ความพร้อมใช้งานของตัวเลือกความปลอดภัย/การเข้ารหัสอาจแตกต่างกันไปตามภูมิภาค

* DWPD: อัตราการไรท์ของไดรฟ์ต่อหนึ่งวัน (Drive Write(s) Per Day) หมายถึงไดรฟ์สามารถไรท์และรีไรท์ใหม่เต็มความจุได้วันละครั้งทุกวันเป็นระยะเวลาห้าปี ซึ่งเป็นระยะเวลาการรับประกันผลิตภัณฑ์ที่ระบุไว้ ในส่วนผลลัพธ์จริงอาจแตกต่างกันไปเนื่องจากการกำหนดค่าระบบ การใช้งาน และปัจจัยอื่น ๆ

*ความเร็วในการอ่านและไรท์อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเครื่องหลัก เงื่อนไขการอ่านและไรท์ และขนาดของไฟล์

*คำจำกัดความของความจุ: Kioxia Corporation ได้กำหนดเมกะไบต์ (MB) เป็น 1,000,000 ไบต์ กิกะไบต์ (GB) เป็น 1,000,000,000 ไบต์และเทราไบต์ (TB) เป็น 1,000,000,000,000 ไบต์ อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์รายงานความจุในการจัดเก็บข้อมูลโดยใช้กำลัง 2 สำหรับคำจำกัดความของ 1GB = 2^30 ไบต์ = 1,073,741,824 ไบต์ และ 1TB = 2^40 ไบต์ = 1,099,511,627,776 ไบต์ ดังนั้นจึงอาจแสดงค่าความจุน้อยลง ประสิทธิภาพความจุที่มี (รวมถึง ตัวอย่างของไฟล์มีเดียหลายไฟล์) จะแตกต่างกันไปตามขนาดไฟล์ การจัดรูปแบบ การตั้งค่า ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ และ/หรือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งเอาไว้ก่อน หรือเนื้อหาของมีเดียนั้น ความจุที่จัดรูปแบบจริงอาจแตกต่างกันไป

*NVMe เป็นเครื่องหมายจดทะเบียนหรือไม่ได้จดทะเบียนของบริษัท NVM Express, Inc ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ

*PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG

*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่น ๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันหน่วยความจำที่อุทิศให้กับการพัฒนา การผลิต และการขายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2017 หน่วยความจำ Toshiba รุ่นก่อนได้แยกตัวออกจากบริษัท Toshiba Corporation ซึ่งเป็นผู้คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจำ” โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและมูลค่าตามหน่วยความจำสำหรับสังคม BiCS FLASH™ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3 มิติที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ Kioxia ซึ่งจะกำหนดอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่มีความหนาแน่นสูงอันรวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง เครื่องคอมพิวเตอร์ SSD ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

สอบถามข้อมูลลูกค้าได้ที่
Kioxia Corporation
สำนักงานขายทั่วโลก
https://business.kioxia.com/en-jp/buy/global-sales.html

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมทั้งราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของการบริการ และข้อมูลติดต่อนั้นเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า

แกลลอรีรูปภาพ/มัลติมีเดีย
สามารถรับชมได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52947783/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สอบถามสื่อได้ที่

Kioxia Corporation

ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย

Koji Takahata

โทร: +81-3-6478-2404

ที่มา: Kioxia Corporation

Mary Kay Inc. สนับสนุน ความรับผิดชอบต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ร่วมกับ แนวร่วมเพื่อการพิทักษ์มหาสมุทรแห่งสหประชาชาติ

Logo

DALLAS–(BUSINESS WIRE)–18 ตุลาคม 2022

Mary Kay Inc. บริษัทระดับโลกผู้ให้การสนับสนุนความยั่งยืนและการพิทักษ์สิ่งแวดล้อมขององค์กร เมื่อไม่นานมานี้ได้จับมือกับแนวร่วมเพื่อการพิทักษ์มหาสมุทรแห่งสหประชาชาติ ซึ่งถือเป็นความพยายามที่จะนำองค์กรในภาคเอกชนเข้ามาทำงานร่วมกันกับองค์กรต่าง ๆ ในสหประชาชาติ สถาบันการศึกษา องค์กรของภาครัฐและนอกภาครัฐ เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยมุ่งเน้นไปที่คุณภาพมหาสมุทร

Deborah Gibbins, Mary Kay’s Chief Operating Officer (Credit: Mary Kay Inc.)

Deborah Gibbins หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay  (เครดิต: Mary Kay Inc.)

ในฐานะผู้ลงนามในหลักการเพื่อความยั่งยืนของมหาสมุทรแห่งสหประชาชาติ แนวร่วมเพื่อการพิทักษ์มหาสมุทรจึงสนับสนุนความมุ่งมั่นของ Mary Kay ในการอนุรักษ์และการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่าในมหาสมุทร แนวร่วมเพื่อการพิทักษ์มหาสมุทรมีเป้าหมายที่จะยกระดับความร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อเพิ่มการตระหนักรู้เกี่ยวกับมหาสมุทรและการพัฒนานวัตกรรมอัจฉริยะที่ตระหนักถึงสภาพภูมิอากาศ ทั้งนี้ยังมีการเรียกร้องให้ผู้ถือหุ้น ซึ่งรวมถึงผู้นำในองค์กรธุรกิจ ให้มีการดำเนินนโยบายเมืองอัจฉริยะที่ตระหนักถึงสภาพภูมิอากาศเพื่อจัดการปัญหาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ รวมถึงให้มีการเรียกร้องนำเอาแนวทางที่ยึดมนุษย์เป็นกลางมาใช้ในการวางกรอบนโยบายต่าง ๆ

เพื่อให้การดำเนินงานสอดคล้องกับหลักการเพื่อความยั่งยืนของมหาสมุทรและหลักการของแนวร่วมเพื่อการพิทักษ์มหาสมุทร Mary Kay จึงให้การสนับสนุนหลากหลายโครงการในปีนี้ โดยร่วมกับ องค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติ เพื่อปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อมในมหาสมุทรผ่านการคุ้มครองและฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตที่สำคัญต่าง ๆ เช่น แนวปะการัง แนวหอย และพื้นที่ชุ่มน้ำริมชายฝั่งทะเล รวมถึงสนับสนุนความเป็นผู้นำของกลุ่มสตรีในการเจรจาหารือประเด็นต่าง ๆ ดังนี้

  •   การฟื้นฟูแนวปะการังหอยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทั้งในออสเตรเลีย ฮ่องกง จีน และพื้นที่บริเวณสามเหลี่ยมปะการัง
  •   การรับรองความพยายามในการปกป้องและการฟื้นฟูแนวปะการังในประเทศแถบสามเหลี่ยมปะการังที่ครอบคลุมพื้นที่ในอินโดนีเซีย ปาปัวนิวกินี และหมู่เกาะ
      โซโลมอน โดยจะได้รับการสนับสนุนผ่านโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ที่จะส่งผลดีไปทั่วภูมิภาค
  •   สนับสนุนผู้นำด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นสตรีในภูมิภาคแปซิฟิก ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ในปาปัวนิวกินีและหมู่เกาะโซโลมอน
  •   การอนุรักษ์และการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ริมชายฝั่งทะเลบริเวณอ่าว และการประเมินความเป็นไปได้ของแหล่งกักเก็บคาร์บอนในการสนับสนุนการบริหาร
      จัดการพื้นที่ชุ่มน้ำในระยะยาว
  •   การยกระดับการประมงในเม็กซิโกโดยให้โอกาสชุมชนและกลุ่มสตรีเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาอุตสาหกรรมประมง

“โครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ยึดเอาธรรมชาติเป็นศูนย์กลางที่นำโดยกลุ่มสตรีกำลังปฏิวัติวิถีการปกป้องมหาสมุทรของเราเพื่อลูกหลานในอนาคต” กล่าวโดย Deborah Gibbins หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay “จากการร่วมมือกับแนวร่วมเพื่อการพิทักษ์มหาสมุทร Mary Kay หวังว่าจะช่วยสนับสนุนโครงการเหล่านี้ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงในการเข้าไปมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาชุมชนในท้องถิ่นของตนเอง”

นอกจากนี้ หนึ่งในความพยายามของ Mary Kay ในการเพิ่มความตระหนักรู้ในระดับสากลเกี่ยวกับมหาสมุทรที่ทางบริษัทกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ คือการเข้าไปมีส่วนร่วมในการประชุมอภิปรายเกี่ยวกับมหาสมุทรที่สำคัญต่าง ๆ เช่น การประชุมว่าด้วยเรื่องเทคโนโลยีและนวัตกรรมมหาสมุทรโลกของ Economist Impact ที่จัดโดยสมาคมอนุรักษ์มหาสมุทรแห่งประเทศแคนาดาโดยร่วมมือกับรัฐโนวาสโกเชียและกลุ่มพันธมิตรแฮลิแฟกซ์ ที่ซึ่งนวัตกร ผู้นำในองค์กรธุรกิจ ผู้นำทางความคิด และนักลงทุน เข้ามารวมตัวกันเพื่อเรียนรู้และเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี “เศรษฐกิจสีฟ้า” ที่มีความทันสมัยที่สุด และมีการกำหนดแนวทางที่จะนำไปสู่กิจกรรมทางเศรษฐกิจในมหาสมุทรที่ยั่งยืนและรุ่งเรือง

หากต้องการอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความรับผิดชอบของ Mary Kay ต่อความยั่งยืน  
เข้าไปที่เว็บไซต์ marykayglobal.com/sustainability และดาวน์โหลดเอกสารเกี่ยวกับกลยุทธ์เพื่อสร้างความยั่งยืนระดับโลกของ Mary Kay ในหัวข้อ การยกระดับคุณภาพชีวิตในวันนี้เพื่อความยั่งยืนในอนาคต

ข้อมูลเกี่ยวกับ Mary Kay Inc.

Mary Kay Ash ผู้ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่ผ่านอุปสรรคมานับไม่ถ้วน ได้ก่อตั้งบริษัทด้านความงามในฝันของเธอในปี 1963 โดยมีเป้าหมายสำคัญหนึ่งอย่างคือ การยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้หญิง ความฝันนั้นได้เบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ โดยมีเครือข่ายตัวแทนขายอิสระหลายล้านคนกระจายตัวในกว่า 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทที่มุ่งเน้นในการพัฒนาการเป็นผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนผู้หญิงให้เดินในเส้นทางของตัวเองผ่านการศึกษา การให้คำแนะนำ การสนับสนุน การสร้างเครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ยังได้ทุ่มเทให้กับการลงทุนในศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และสรรสร้างผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องสำอางสำหรับการแต่งหน้า อาหารเสริม และน้ำหอมที่ล้ำสมัย Mary Kay เชื่อมั่นในการยกระดับคุณภาพชีวิตในวันนี้เพื่อความยั่งยืนในอนาคต โดยร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกเพื่อสนับสนุนความเป็นเลิศทางธุรกิจ การทำวิจัยเกี่ยวกับโรคมะเร็ง ความเท่าเทียมทางเพศ การปกป้องผู้คนจากความรุนแรงภายในครอบครัว การเสริมสร้างให้ชุมชนสวยงามขึ้น และการสนับสนุนให้เด็ก ๆ เดินตามความฝันของตนเอง อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com หรือค้นหาเราได้ที่ FacebookInstagram และ LinkedIn หรือติดตามเราทาง Twitter

สามารถรับชมแกลลอรีรูปภาพ/มัลติมีเดียได้ที่ https://www.businesswire.com/news/home/52946244/en

ติดต่อเรา
Mary Kay Inc.
ช่องทางสื่อสารกับบริษัท
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

ที่มา: Mary Kay Inc.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย




ขอแนะนำคอลเลคชัน GUESS USA ประจำฤดูใบไม้ร่วงปี 2565

Logo

ลอสแองเจลิส–(BUSINESS WIRE)–17 ต.ค. 2565

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 เป็นต้นมา GUESS ได้มีวิสัยทัศน์ที่เป็นหนึ่งเดียวเกี่ยวกับ 'วิถีอเมริกัน' และการเป็นคลังเก็บรวบรวมผลงานของการออกแบบและภาพถ่ายขนาดใหญ่

Nicolai Marciano ได้นำ Eli Russell Linnetz ช่างภาพ มาสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ GUESS USA ซึ่งเป็นแบรนด์ย่อยของ GUESS ในแคลิฟอร์เนีย คอลเลคชันเครื่องแต่งกายที่ออกแบบโดย Nicolai Marciano เป็นผลงานการสร้างสรรค์เชิงสุนทรียศาสตร์แบบอเมริกาตะวันตกผ่านการกำกับการถ่ายภาพโดย Linnetz – วิสัยทัศน์ของเขาผสมผสานกับพลังและทัศนคติของวัฒนธรรมอเมริกานา (Americana)

ตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงปี 2565 เป็นต้นไป คอลเลกชั่นนี้จำหน่ายผ่าน Slam Jam ซึ่งเป็นพันธมิตรระดับโลกของ GUESS USA แต่เพียงบริษัทเดียว โดยให้บริการแก่ผู้ค้าปลีกที่ได้รับการคัดเลือกทั่วโลก

“การได้รับแรงบันดาลใจจาก American Iconography ของแคมเปญ GUESS ในยุคแรก ทำให้คอลเล็กชั่นนี้เต็มไปด้วยชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่คุณจะพบได้ที่ร้านบูติกริมถนนในอเมริกา หนังแบบ (Distressed leathers) ยีนส์ซีด (faded denim) ขนสัตว์ฟอกแดด (sun-bleached furs) และฮาร์ดแวร์สีแตก (hardware cracking with paint)” — NICOLAI MARCIANO กล่าว

ความร่วมมือที่สอดประสานกันก่อให้เกิดคอลเล็กชันที่คัดสรรมาอย่างดีซึ่งรวมเอาคลังข้อมูล GUESS USA เอาไว้อย่างสมบูรณ์ ด้วยแรงบันดาลใจจากผลงานที่หาไม่ได้อีกแล้วที่ค้นพบในอาร์ตเวิร์กของ GUESS ที่ออกแบบในยุค 80, 90 และ 2000 ผลงานเหล่านี้ไม่เคยถูกนำไปผลิตเลย จวบจนถึงปัจจุบัน

ตั้งแต่แคมเปญการตลาดแรกสุดเป็นต้นมา GUESS ได้สนับสนุนสื่อการถ่ายภาพซึ่งบุกเบิกรูปแบบใหม่ของการโฆษณาและการสร้างแบรนด์ ซึ่งบางครั้งไม่ใช่แต่เพียงบนเสื้อผ้าเท่านั้น แต่งโฆษณาก็ยังขายไลฟ์สไตล์และความฝันแบบอเมริกัน ซึ่งเป็นธีมที่โดดเด่นในผลงานของ Eli Russell Linnetz อีกด้วย

“GUESS ใช้ภาพถ่ายเพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่น่าทึ่งเสมอ เรื่องราวที่ไม่เพียงแต่ใช้นำเสนอเสื้อผ้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทัศนคติและพลังงานอันน่าตื่นเต้นอีกด้วย” — ELI RUSSELL LINNETZ กล่าว

GUESS มีความจำเป็นที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่นที่มีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับวิถีอเมริกัน การถ่ายภาพทั้งหมดดำเนินการโดย Eli Russell Linnetz  ผู้ซึ่งได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีเพื่อบันทึกแคมเปญ FA22 ของแบรนด์

ด้วยการอาศัยวิสัยทัศน์ของ Eli Russell Linnetz ในการนำคลังภาพถ่ายของ GUESS มาจินตนาการใหม่  Nicolai Marciano, Linnetz และ Slam Jam ได้ทำงานร่วมกันเพื่อกำหนดความเซ็กซี่และทัศนคติที่ผลักดันขอบเขตของคนรุ่นใหม่

เกี่ยวกับ GUESS?, Inc.

GUESS ก่อตั้งขึ้นในปี 2524 โดยเริ่มต้นจากการเป็นบริษัทกางเกงยีนส์และเติบโตจนกลายเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลก ปัจจุบัน Guess?, Inc. ออกแบบ ทำการตลาด จัดจำหน่าย และออกใบอนุญาตคอลเลกชั่นไลฟ์สไตล์ของเสื้อผ้าร่วมสมัย ผ้ายีนส์ กระเป๋าถือ นาฬิกา แว่นตา รองเท้า และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง  สินค้าของ Guess?จำหน่ายผ่านแบรนด์ Guess? ตลอดจนถึงร้านค้า ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าเฉพาะทางทั่วโลก บริษัทเปิดร้านค้าปลีกโดยตรงเป็นจำนวน 1,064 แห่ง ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2565 ในอเมริกา ยุโรป และเอเชีย พันธมิตรและผู้จัดจำหน่ายของบริษัทดำเนินการร้านค้าปลีกเพิ่มเติม 567 แห่งทั่วโลก  บริษัทและคู่ค้าและผู้จัดจำหน่ายได้ดำเนินการในประมาณ 100 ประเทศทั่วโลก ณ วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทได้ที่ www.guess.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20221017005040/en/

ติดต่อ:

Montana Wilkie

GUESS?, Inc.

212.852.0534

mwilkie@guess.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Hillstone Networks เพิ่มการรับรอง Common Criteria Certification EAL4+ สำหรับไฟร์วอลล์รุ่นต่อไปของ Hillstone Networks

Logo

การรับรองความปลอดภัยระดับสากลและที่มีความเป็นอิสระสำหรับ Hillstone Networks SG-6000 A-Series Next Generation Firewall และ StoneOS 5.5.R9 เสริมความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์ม Hillstone ซึ่งเป็นรากฐานที่เชื่อถือได้สำหรับการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายตั้งแต่ระบบเอดจ์ (edge) ไปจนถึงระบบคลาวด์ (cloud)

ซานตาคลารา, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–17 ตุลาคม 2565

Hillstone Networks ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่และสามารถเข้าถึงได้ ประกาศว่าบริษัทได้รับการรับรองผ่าน Common Criteria EAL4+ สำหรับ Hillstone Networks SG-6000 A-Series Next Generation Firewall (NGFW) และ StoneOS 5.5.R9 ซึ่งเสริมความแข็งแกร่งให้เป็นแพลตฟอร์มทางเลือกสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายและรักษาความปลอดภัยทรัพย์สินที่สำคัญของพวกเขาตั้งแต่ระบบเอดจ์ (edge) ไปจนถึงระบบคลาวด์ (cloud)

Common Criteria for Information Technology Security Evaluation (Common Criteria) เป็นมาตรฐานสากลสำหรับการรับรองความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์ Common Criteria เป็นปัจจัยในการนำไปใช้ในหน่วยงานของรัฐตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวดและเป็นไปตามข้อกำหนด เนื่องจากการประกันคุณภาพและการรับประกันการรับรอง องค์กรขนาดใหญ่อื่น ๆ ในหลายอุตสาหกรรมจึงใช้ Common Criteria ในการปรับใช้โซลูชัน

“ความยืดหยุ่นทางไซเบอร์ (Cyber resilience) เป็นข้อบังคับในปัจจุบัน โดยไม่คำนึงถึงขนาดองค์กรหรืออุตสาหกรรม” Tim Liu, CTO และผู้ร่วมก่อตั้ง Hillstone Networks กล่าว “Hillstone Next Generation Firewall เป็นรากฐานสำหรับพอร์ตโฟลิโอการรักษาความปลอดภัยของเรา และนำไปปรับใช้งานทั่วโลก รักษาความปลอดภัยให้กับลูกค้ากว่า 23,000 ราย ในวันนี้ลูกค้าของเรามีเหตุผลอีกประการหนึ่งที่เชื่อมั่นว่าโซลูชันของเราปกป้องทรัพย์สินที่มีความอ่อนไหวและโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของพวกเขาด้วยการเพิ่มการรับรอง Common Criteria Certification เรายังคงผลักดันขอบเขตในการทำให้โลกดิจิทัลเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น”

“Secura ขอแสดงความยินดีกับ Hillstone Networks ที่ได้รับการรับรอง EAL4+ Common Criteria สำหรับ Hillstone Next Generation Firewall และ StoneOS การรับรองนี้มีขึ้นเพื่อเน้นคุณลักษณะด้านความปลอดภัยที่นำมาใช้ภายในผลิตภัณฑ์ ตลอดจนความสมบูรณ์ของกระบวนการพัฒนา ความร่วมมือที่เป็นแบบอย่างระหว่างทีม Hillstone และ Secura ทำให้ผลลัพธ์นี้เป็นไปได้” Razvan Venter ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัยของ Secura กล่าว

Hillstone Networks A-Series ที่ได้รับการยอมรับโดย Gartner ว่าเป็น ผู้มีวิสัยทัศน์ Magic Quadrant ทางด้าน Network Firewalls มาในฟอร์มแฟคเตอร์สองแบบพร้อมโมเดลเพิ่มเติมเพื่อตอบสนองเวิร์กโหลดและการกำหนดความต้องการที่มีการเรียกร้องมากที่สุด สำหรับข้อมูลการรับรองเพิ่มเติม โปรดตรวจสอบ รายงานการรับรอง เป้าหมายความปลอดภัย และ การรับรอง CCRA  

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

โซลูชันการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เป็นนวัตกรรมและเข้าถึงได้ของ Hillstone Networks ได้เปลี่ยนรูปแบบการรักษาความปลอดภัยขององค์กรและผู้ให้บริการ ทำให้มีความยืดหยุ่นในโลกไซเบอร์ในขณะที่ลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) ด้วยการมอบความสามารถในการมองเห็นอย่างครอบคลุม ความชาญฉลาดที่เหนือกว่า และการป้องกันที่รวดเร็วในการมองเห็น ทำความเข้าใจ และดำเนินการกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ตั้งแต่ระบบเอดจ์ (edge) ไปจนถึงระบบคลาวด์ (cloud) โดย Hillstone ได้รับการจัดอันดับอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจจากนักวิเคราะห์ชั้นนำและได้รับความเชื่อถือจากบริษัทระดับโลก หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ www.hillstonenet.com

ติดต่อ:

Zeyao Hu
+1 4085086750
inquiry@hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Canva ประกาศมีผู้ใช้ที่ใช้งานต่อเดือนมากกว่า 100 ล้านรายหลังจากการเปิดตัว Visual Worksuite

Logo

การจ่ายค่าสมาชิกผลิตภัณฑ์สำหรับทีมเพิ่มขึ้นสามเท่าในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี เนื่องจากผู้บริโภค องค์กร และโรงเรียนต่างเปิดรับชุดการสื่อสารด้วยภาพของ Canva

ซิดนีย์–(บิสิเนส ไวร์)–12 ต.ค. 2022

Canva แพลตฟอร์มการสื่อสารด้วยภาพระดับโลก ประกาศในวันนี้ว่ามีผู้คนมากกว่า 100 ล้านคนใน 190 ประเทศใช้แพลตฟอร์มของตนทุกเดือน การเติบโตที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากการเปิดตัว Visual Worksuite ของ Canva เมื่อเร็วๆ นี้ โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวมีผู้ใช้ที่ใช้งานต่อเดือนเพิ่มเติมมากกว่า 15 ล้านคน เนื่องจากทีม โรงเรียน และสถานที่ทำงานเปิดรับความสามารถในการสื่อสารด้วยภาพบนอุปกรณ์ใดก็ได้จากทุกที่ในโลก

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20221012005414/en/

(Graphic: Canva)

(กราฟิก: Canva)

“เราภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ทะลุเป้าหมายที่สำคัญนี้ในภารกิจของเราในการเสริมพลังให้คนทั้งโลกได้เป็นนักออกแบบ” Melanie Perkins ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Canva กล่าว “การสื่อสารด้วยภาพมีความสำคัญมากกว่าที่เคย การเติบโตอย่างต่อเนื่องของเราแสดงให้เห็นถึงความต้องการอย่างมากสำหรับแพลตฟอร์มการทำงานร่วมกันที่เรียบง่ายและครบวงจรที่ช่วยให้ทีมทุกประเภท ในสถานที่ทำงานทุกประเภท ปลดล็อกความคิดสร้างสรรค์และบรรลุเป้าหมายโดยไม่ต้องมีความซับซ้อน”

การเติบโตอย่างยั่งยืนของ Canva เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าบริษัทกลายเป็นแพลตฟอร์มการสื่อสารด้วยภาพตัวเลือกอย่างรวดเร็วในทีมและสถานที่ทำงานทุกประเภท  ความง่ายในการใช้งาน ลักษณะการทำงานร่วมกัน และความกว้างของชุดผลิตภัณฑ์ของ Canva ได้เห็นการนำไปใช้ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก  ด้วยการใช้งานในสถานที่ทำงานที่เพิ่มสูงขึ้นในหลากหลายอาชีพและอุตสาหกรรม  ความต้องการนี้พิสูจน์ได้จากงานปัจจุบันมากกว่า 10,000 ตำแหน่งบน LinkedIn ที่ระบุว่า Canva เป็นทักษะที่ต้องการของบริษัทต่างๆ ซึ่งรวมถึง American Express, Amazon, TikTok, LEGO และ Google

Marissa Kraines รองประธานฝ่ายโซเชียลและการตลาดด้านคอนเท้นท์ที่ Salesforce กล่าวว่า “Canva เป็นเครื่องมืออันล้ำค่าสำหรับธุรกิจของเรา โดยเปลี่ยนวิธีที่ทีมครีเอทีฟและโซเชียลทำงานร่วมกันโดยทำให้พนักงานสร้างการออกแบบใหม่ได้ง่ายขึ้นในลักษณะที่คงไว้ซึ่งความสอดคล้องของแบรนด์  นอกจากนี้ยังช่วยให้ทีมของเราสามารถปรับขนาดแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการสื่อสารด้วยภาพทั่วทั้งบริษัทเพื่อให้มั่นใจว่าเราจะสามารถสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจในช่องทางโซเชียลและช่องทางที่เราเป็นเจ้าของทั้งหมด”

การสื่อสารมีการมองเห็นเพิ่มมากขึ้น และโลกแห่งการทำงานไม่เคยมีความเป็นสากลมากขึ้นเท่านี้ ทำให้ทักษะการออกแบบที่เรียบง่ายและการทำงานร่วมกันอย่างราบรื่นมีความสำคัญมากกว่าที่เคยเป็นมา  เมื่อความต้องการใช้การสื่อสารด้วยภาพในที่ทำงานเพิ่มขึ้น Canva ยังคงทุ่มเทเพื่อสร้างชุดผลิตภัณฑ์การสื่อสารด้วยภาพอย่างเต็มรูปแบบที่ขับเคลื่อนพนักงานยุคใหม่เพื่ออนาคตของการทำงานในทุกอุตสาหกรรม

เกี่ยวกับ Canva

Canva เปิดตัวในปี 2013 เป็นแพลตฟอร์มการสื่อสารด้วยภาพและการทำงานร่วมกันแบบออนไลน์ฟรี โดยมีพันธกิจในการมอบอำนาจให้ทุกคนในโลกออกแบบ มีส่วนต่อประสานผู้ใช้แบบลากและวางที่เรียบง่ายและเทมเพลตหลากหลายตั้งแต่การนำเสนอ เอกสาร เว็บไซต์ กราฟิกโซเชียลมีเดีย โปสเตอร์ เสื้อผ้า ไปจนถึงวิดีโอ รวมถึงคลังแบบอักษรขนาดใหญ่ การถ่ายภาพสต็อก ภาพประกอบ ฟุตเทจวิดีโอ และ คลิปเสียง ใครๆ ก็สามารถนำไอเดียมาสร้างสรรค์สิ่งสวยงามได้

ดาวน์โหลดมีเดียต่างๆ คลิกที่นี่

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20221012005414/en/

ติดต่อสำหรับสื่อมวลชน:
Grace Langford
press@canva.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



Adani Power ของอินเดียเลือก Black & Veatch เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ด้านพลังงานความร้อนลดต้นทุนการดำเนินงานและลดการปล่อยมลพิษ

Logo

ผู้นำโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกใช้โปรแกรมการจัดการประสิทธิภาพสินทรัพย์ (APM) เพื่อส่งมอบข้อมูลเชิงลึกที่ทันเวลาและนำไปปฏิบัติได้

มุมไบ อินเดีย–(BUSINESS WIRE)–13 ตุลาคม 2565

Adani Power Limited (APL) ได้แต่งตั้ง Black & Veatch เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและปรับปรุงความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพของสินทรัพย์ด้านพลังงานในอินเดีย โดยมีเป้าหมายรวมถึงการลดการปล่อยคาร์บอนโดยรวม

Black & Veatch จะใช้ซอฟต์แวร์วิเคราะห์เชิงคาดการณ์ที่หน่วยความร้อน 23 หน่วยเพื่อตรวจสอบสถานภาพและประสิทธิภาพของสินทรัพย์ที่สำคัญแบบเรียลไทม์ การดำเนินการดังกล่าวจะสนับสนุนการทำงานที่เชื่อถือได้ มีประสิทธิภาพ และยั่งยืนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานการผลิตพลังงานความร้อนเกือบ 12 กิกะวัตต์ (GW) ในอินเดีย โดยลดการปิดระบบที่ไม่ได้ตั้งแผนไว้ให้น้อยที่สุดและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้มากขึ้น

“ความท้าทายที่ภาคพลังงานของอินเดียได้รับในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้ทดสอบความยืดหยุ่นของรูปแบบธุรกิจของเรา ด้วยความรอบคอบ แน่วแน่ และมีวินัย เราสามารถจัดลำดับความสำคัญของการลงทุนและปรับปรุงประสิทธิภาพของสินทรัพย์ของเราด้วยความช่วยเหลือจากการวิเคราะห์ข้อมูลและความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม” Jayadeb Nanda ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Adani Power Limited กล่าว

โซลูชันการจัดการประสิทธิภาพด้านสินทรัพย์ที่ดำเนินการโดย Black & Veatch จะช่วยให้ Adani Power มีบริการตรวจสอบและวินิจฉัยที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพิ่มเติมจากอินเดียและศูนย์ทั่วโลก บริการตรวจสอบและวินิจฉัยระยะไกลสร้างกระบวนการทำซ้ำได้ที่สำเร็จ ความผิดปกติด้านประสิทธิภาพที่สำคัญ แนะนำการดำเนินการสืบสวนสอบสวน และกำหนดมาตรการแก้ไขทันทีและกลยุทธ์ระยะยาวเพื่อลดความเสี่ยงและลดต้นทุนในโรงงานขนาดต่าง ๆ และสภาพแวดล้อม

Hoe Wai Cheong ประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอินเดียของ Black & Veatch ให้ความเห็นเกี่ยวกับคุณค่าของโปรแกรมที่จะนำมาสู่ Adani Power ได้กล่าวว่า “อุตสาหกรรมทุกขนาดกำลังเผชิญกับตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้น ซึ่งความสำเร็จจะขึ้นอยู่กับการใช้ประโยชน์จากข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้แน่ใจว่า การดำเนินงานที่เชื่อถือได้มีประสิทธิภาพและยืดหยุ่น พอร์ตโฟลิโอของโซลูชันการจัดการประสิทธิภาพด้านสินทรัพย์ของ Black & Veatch บรรลุวัตถุประสงค์เหล่านี้ด้วยการรวมการวิเคราะห์ข้อมูล บุคลากร และกระบวนการต่าง ๆ เพื่อแจ้งและชี้นำการตัดสินใจในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งช่วยให้ธุรกิจบรรลุผลลัพธ์ที่ยั่งยืน ยืดหยุ่น และทำกำไรได้”

Adani Power Limited (APL) เป็นส่วนหนึ่งของ Adani Group ที่มีความหลากหลาย APL เป็นผู้ผลิตพลังงานความร้อนเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 12,450 เมกะวัตต์ ซึ่งประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังความร้อนในรัฐคุชราต รัฐมหาราษฏระ รัฐกรณาฏกะ รัฐราชสถาน และรัฐฉัตติสครห์ และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 40 เมกะวัตต์ในรัฐคุชราต

โซลูชัน ASSET360® Monitoring & Diagnostics (M&D) ขับเคลื่อนโดยแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ข้อมูลปัญญาประดิษฐ์ (AI)/ภาษาเครื่อง (ML) บนคลาวด์ของ Atonix Digital ซึ่งรวมพลังของการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์เข้ากับเวิร์กโฟลว์การทำงานร่วมกันในตัว แพลตฟอร์มนี้ปรับใช้โมเดล ML อย่างรวดเร็ว ตรวจจับความเบี่ยงเบนในการปฏิบัติงาน อำนวยความสะดวกในการวินิจฉัย และเชื่อมโยงทีมเพื่อให้แน่ใจว่าจะแก้ไขปัญหาได้

หมายเหตุบรรณาธิการ:

  • Black & Veatch ใช้กระบวนการตรวจสอบและวินิจฉัยกับหน่วยผลิตไฟฟ้ามากกว่า 150 หน่วย ซึ่งคิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้ามากกว่า 50,000 เมกะวัตต์
  • Black & Veatch ดำเนินการศูนย์ตรวจสอบและวินิจฉัยสี่แห่งโดยมุ่งเน้นที่การผลิตพลังงาน การผลิตพลังงานทดแทน อุตสาหกรรมซึ่งดำเนินการผลิต และแหล่งผลิตไฟฟ้าแบบกระจายศูนย์ (DER)
  • Black & Veatch ช่วยลูกค้าได้มากกว่า 121 ล้านดอลลาร์จากการตรวจหาและประเมินปัญหาด้านวิศวกรรมช่วงเริ่มต้น ตรวจสอบทรัพย์สินมากกว่า 25,000 รายการด้วยโซลูชัน ASSET360® ซึ่งขับเคลื่อนโดย AtonixOI

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ ที่ปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยผลงานด้านนวัตกรรมในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมากกว่า 100 ปี ตั้งแต่ปี 2458 เราได้ช่วยลูกค้าของเราปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยยืนหยัดต่อสู้และสร้างความเชื่อมั่นในสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา รายได้ของเราในปี 2564 มีมูลค่าเกิน 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20221003005482/en/

ข้อมูลการติดต่อสื่อ:
EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com
24-HOUR MEDIA HOTLINE | +1 855-999-5991

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay Inc. ยกระดับความเป็นผู้นำของสตรีในการอนุรักษ์ผ่านการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้เสมือนจริง

Logo

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–13 ตุลาคม 2565

Mary Kay Inc. ผู้สนับสนุนระดับโลกด้านความยั่งยืนขององค์กรและการเสริมอำนาจของผู้หญิง เพิ่งเข้าร่วมในการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้เสมือนจริงที่จัดโดย Coral Triangle Center (CTC), The Nature Conservancy (TNC) และ Coral Triangle Initiative on Coral Reefs, Fisheries และ Food Security (CTI-CFF) Regional Secretariat

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20221012005232/en/

Mary Kay Inc. has worked to elevate women’s leadership in marine conservation and to spotlight innovations and actions undertaken by women leaders across the Coral Triangle to protect marine biodiversity. (Graphic: Mary Kay Inc.)

Mary Kay Inc. ได้ทำงานเพื่อยกระดับความเป็นผู้นำของสตรีในการอนุรักษ์ทางทะเล และให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและการปฏิบัติที่ดำเนินการโดยผู้นำสตรีทั่วทั้งสามเหลี่ยมปะการัง (Coral Triangle) เพื่อปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล (กราฟิก: Mary Kay Inc.)

งาน “ผู้นำสตรีปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพที่ถูกคุกคามและการสูญพันธุ์ของสัตว์ทะเลในสามเหลี่ยมปะการัง” ได้นำเสนอนวัตกรรมและการดำเนินการของผู้นำสตรีทั่วทั้งสามเหลี่ยมปะการังในการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล พร้อมเน้นย้ำถึงการริเริ่มที่นำโดยสตรีที่ประสบความสำเร็จในการจัดการทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืนและการปกป้องมหาสมุทร โครงการริเริ่มเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่การปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ การดำเนินการด้านสภาพอากาศ และการจัดการพื้นที่คุ้มครองทางทะเล ซึ่งเชื่อมโยงกับเป้าหมายระดับโลกในการปกป้องมหาสมุทร 30% ของโลกภายในปี 2573

สามเหลี่ยมปะการังเป็นที่ตั้งของแนวปะการังที่สวยงามและมีความหลากหลายมากที่สุดในโลก และเป็นที่อยู่อาศัยของปลามากกว่า 250 สายพันธุ์ อย่างไรก็ตาม สัตว์ทะเลและระบบนิเวศจำนวนมากในสามเหลี่ยมปะการังถูกคุกคามจากกิจกรรมของมนุษย์

Mary Kay ร่วมกับผู้ร่วมอภิปรายจาก CTC, CTI-CFF, TNC รวมถึง WWF Malaysia, Conservation International และ University of the Philippines Diliman เพื่อแบ่งปันเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจในการปกป้องเต่าทะเล พะยูน ฉลาม และการประมงอย่างยั่งยืน

หลายโครงการที่ Mary Kay สนับสนุนให้ประสบความสำเร็จในการอนุรักษ์ ความเท่าเทียมทางเพศ และการเสริมอำนาจทางเศรษฐกิจในชุมชน ในสามเหลี่ยมปะการัง Mary Kay ยังคงร่วมมือกับ TNC และสตรีในปาปัวนิวกินีและ Mangoro Market Meri ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทำการตลาดผลิตภัณฑ์ป่าชายเลนที่ยั่งยืน อย่างเช่น หอยและปูดำ ในขณะที่ปกป้องป่าชายเลนจากการเก็บเกี่ยวไม้ ชุมชนนี้ได้รับการฝึกอบรมด้านการเป็นผู้นำ ความรู้ทางการเงิน และการจัดการธุรกิจเพื่อสร้างรายได้และโอกาสในการจ้างงานที่จำเป็นมาก ในขณะที่ยังเป็นประโยชน์ต่อระบบนิเวศป่าชายเลน

Mary Kay ยังสนับสนุนงานของ TNC กับ KAWAKI ในหมู่เกาะโซโลมอนเพื่อปกป้องเต่าทะเลและดำเนินการให้ความรู้ด้านการอนุรักษ์และโปรแกรมด้านสุขภาพของชุมชนใน Arnavon Community Marine Park ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติในเรื่องเพศสภาพกับเจ้าหน้าที่อุทยาน 30 คน สมาชิก KAWAKI และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในชุมชนอื่น ๆ เพื่อทำความเข้าใจและท้าทายบรรทัดฐานทางเพศที่อาจขัดขวางการมีส่วนร่วมของสตรีในอุทยาน โปรแกรมให้ความรู้ด้านการอนุรักษ์และสุขาภิบาลของพวกเขาเข้าถึงผู้คนจำนวน 2,000 คนในโรงเรียนและชุมชนท้องถิ่น  

หากต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของ Mary Kay ในด้านความยั่งยืน โปรดไปที่ marykayglobal.com/sustainability และดาวน์โหลดกลยุทธ์ความยั่งยืนระดับโลกของ Mary Kay: Enriching Lives Today for a Sustainable Tomorrow

เกี่ยวกับ Mary Kay Inc.

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นในปี 2506 โดยมีเป้าหมายหนึ่งคือเติมเต็มชีวิตให้กับผู้หญิง ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการเดินทางผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน เครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอม Mary Kay เชื่อมั่นในการทำให้ชีวิตดีขึ้นในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมที่ marykayglobal.com พบกับเราบน FacebookInstagram, และ LinkedIn หรือติดตามเราบน Twitter

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20221012005232/en/

ติดต่อ:

Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย




รับรองความปลอดภัยให้การชำระเงินในเอเชียด้วยเทคโนโลยี 3-D Secure ล่าสุด

Logo

Omise ผสานรวมโปรโตคอล EMV® 3DS 2.2 โดยใช้เซิร์ฟเวอร์ 3DS ของ Netcetera

สิงคโปร์Omise ผู้ให้บริการระบบชำระเงิน (PSP) ได้นำเซิร์ฟเวอร์ 3-D Secure ของ Netcetera มาใช้เพื่อรับรองความปลอดภัยให้กับธุรกรรมการชำระเงินออนไลน์ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก Netcetera ซึ่งเป็นผู้นำตลาดสำหรับโซลูชันการชำระเงินดิจิทัล นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองสำหรับการประมวลผลการชำระเงินแบบ 3DS และสนับสนุนการรับรองความถูกต้องที่ปลอดภัยและราบรื่นเพื่อให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้อย่างไร้กังวล Omise คือหนึ่งในลูกค้า PSP รายแรกๆ ที่นำโปรโตคอล EMV 3DS 2.2 มาปรับใช้ ซึ่งช่วยให้สามารถเพิ่มอัตราการอนุมัติธุรกรรมและลดการฉ้อโกงได้

PSP, ร้านค้า และผู้ให้บริการแก่ผู้รับบัตรจำเป็นต้องลดความเสี่ยงสำหรับธุรกรรมที่ไม่มีการพิสูจน์ตัวจริง การคืนเงินที่เกี่ยวข้อง และรายได้ที่สูญหายไป ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างกระบวนการที่ราบรื่นและปรับปรุงประสบการณ์ของเจ้าของบัตรในระหว่างการเลือกซื้อสินค้าทางออนไลน์ การค้นหาความสมดุลในการตอบโจทย์ทั้งด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบายไม่ใช่งานง่าย

เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการรับมือกับความท้าทายครั้งนี้ Omise ตัดสินใจที่จะปรับใช้เซิร์ฟเวอร์ 3-D Secure ของ Netcetera ซึ่งเป็นโซลูชันในองค์กรที่ได้รับการรับรองจากเครือข่ายและพร้อมสำหรับ PCI Omise คือหนึ่งใน PSP รายแรกๆ ที่นำเซิร์ฟเวอร์ 3DS มาใช้กับโปรโตคอลล่าสุด EMV 3DS 2.2 Jatuporn Pinnuvat หัวหน้าฝ่ายนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ของ Omise กล่าวว่า “หลังจากการประเมินและการตรวจสอบซัพพลายเออร์และผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่างถี่ถ้วนแล้ว เราตัดสินใจเลือก Netcetera เพราะมอบการชำระเงินที่ยืดหยุ่น ฉับไว และเป็นอิสระ เราพิจารณาว่าเซิร์ฟเวอร์ 3DS ของ Netcetera เป็นผลิตภัณฑ์ที่เชื่อถือได้และใช้การได้มากที่สุดในการสนับสนุนธุรกรรมที่สะดวกและปลอดภัย การปรับใช้เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ และเราสามารถประหยัดทั้งแรงและเวลาได้เป็นอย่างมาก เนื่องจาก Netcetera มีการจัดทำเอกสารทางเทคนิคที่ครอบคลุม เว็บบินาร์เพื่อให้ความรู้ และการสนับสนุนระดับมืออาชีพ”

ในฐานะแบรนด์ที่มีตัวตนที่แข็งแกร่ง ซึ่งให้บริการแก่ร้านค้าหลายพันรายในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ทำให้ Omise เป็นผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมระบบชำระเงิน และขับเคลื่อนความปลอดภัยและความสะดวกของการชำระเงินออนไลน์ร่วมกับ Netcetera Kiril Milev กรรมการผู้จัดการของ Netcetera ในประเทศสิงคโปร์ กล่าวว่า “เราเชื่อว่าเราสามารถนำคุณค่ามาสู่อุตสาหกรรมระบบชำระเงินได้ด้วยผลิตภัณฑ์ของเราที่ทันสมัยและได้รับการรับรอง ซึ่งผลักดันระบบชำระเงินสำหรับอีคอมเมิร์ซให้ก้าวหน้า การปรับใช้ในครั้งนี้ที่ Omise ทำให้เราสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวตนของเราในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกได้”

Netcetera และ Omise เดินหน้าร่วมมือกันต่อไปเพื่อให้มั่นใจว่าการชำระเงินออนไลน์ในเอเชียจะได้รับการประมวลผลตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยล่าสุด และเพื่อสำรวจเทคโนโลยีล่าสุดของระบบชำระเงิน

หมายเหตุ:
EMV® เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนในสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ และเป็นเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียนในที่อื่นๆ เครื่องหมายการค้า EMV เป็นของ EMVCo, LLC

เกี่ยวกับ Netcetera

Netcetera คือบริษัทซอฟต์แวร์ระดับโลกที่มีผลิตภัณฑ์ไอทีล้ำสมัยและโซลูชันดิจิทัลเฉพาะตัวด้านการชำระเงินดิจิทัลที่ปลอดภัย เทคโนโลยีทางการเงิน สื่อ การขนส่ง การดูแลสุขภาพ และการประกันภัย ธนาคารและผู้ออกบัตรกว่า 2,000 แห่ง และร้านค้า 150,000 รายพึ่งพาโซลูชันการชำระเงินดิจิทัลและผลิตภัณฑ์ 3-D Secure ที่ได้รับการรับรองในระดับสากลของผู้นำตลาดรายนี้สำหรับความปลอดภัยในการชำระเงิน บริษัทที่บริหารงานโดยเจ้าของแห่งนี้ครอบคลุมไอทีแบบครบวงจร ตั้งแต่การสร้างแนวคิดและกลยุทธ์ไปจนถึงการปรับใช้และการปฏิบัติการ การผสมผสานที่สมดุลระหว่างเทคโนโลยีล่าสุดกับมาตรฐานที่ผ่านการพิสูจน์แล้วช่วยให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยในการลงทุน ตั้งแต่โครงการขนาดใหญ่ไปจนถึงสตาร์ทอัพนวัตกรรม Netcetera ก่อตั้งขึ้นในปี 1996 โดยเป็นบริษัทผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่มีพนักงาน 700 คน และมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และมีสาขาเพิ่มเติมอยู่ทั่วยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง

ข้อมูลเพิ่มเติม: netcetera.com

เกี่ยวกับ Omise

Omise ก่อตั้งขึ้นในปี 2013 โดยเป็นแพลตฟอร์มการชำระเงินที่ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานแบบครบวงจรอันทันสมัยแก่ธุรกิจต่างๆ ในการรับ ประมวลผล และเบิกจ่ายการชำระเงินทางออนไลน์ ร้านค้าที่ทำงานร่วมกับ Omise สามารถเข้าถึงเครื่องมือการชำระเงินที่มีประสิทธิภาพ โซลูชันการบริหารความเสี่ยงที่ครอบคลุม ตลอดจนการเชื่อมต่อกับเครือข่ายบัตรและวิธีการชำระเงินที่ผู้บริโภคนิยมใช้ Omise ช่วยเพิ่มอัตราการเติบโตของรายได้และมอบประสบการณ์ในการชำระเงินที่ราบรื่นทั้งทางออนไลน์ ในร้านค้า และในแอป

Omise มีสำนักงานอยู่ในประเทศไทย ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ โดยเป็นบริษัทแพลตฟอร์มการชำระเงินที่แบรนด์นับพันต่างเลือกใช้ในทุกวันนี้

ข้อมูลเพิ่มเติม: omise.co

ติดต่อสื่อ

Netcetera

Angelika Seiler

หัวหน้าฝ่ายเนื้อหา

angelika.seiler@netcetera.com

+41 44 297 58 09

Thai Herald

Thai Herald