(China International Import Expo หรือ CIIE) มหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน ครั้งที่ 5 เอื้อประโยชน์ต่อนานาประเทศในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง

Logo

เซี่ยงไฮ้–(ฺBUSINESS WIRE)–4 ส.ค. 2565

มหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน (China International Import Expo หรือ CIIE) เวทีสำคัญสำหรับการจัดซื้อระหว่างประเทศ การส่งเสริมการลงทุน การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และการสร้างความร่วมมือที่เปิดกว้าง ประสบความสำเร็จในการจัดงาน 4 ปีติดต่อกัน อีกทั้งยังได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นสินค้าสาธารณะระหว่างประเทศและระบบการค้าข้ามชาติ ตลอดจนเป็นสื่อกลางสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจโลกที่เปิดกว้างและประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ

นับตั้งแต่จัดงานครั้งแรกในปี 2561 มหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีนได้เติบโตทั้งในแง่ของขนาดและอิทธิพลของงาน โดยพื้นที่จัดแสดงเพิ่มขึ้นจาก 270,000 ตารางเมตรในปี 2561 เป็น 366,000 ตารางเมตรในปี 2564 ด้านผู้จัดแสดงในงาน 4 ครั้งที่ผ่านมาได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และบริการใหม่มากกว่า 1,500 รายการ และบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นคิดเป็นมูลค่ากว่า 2.70 แสนล้านดอลลาร์

ในขณะที่มหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีนเข้าสู่ปีที่ 5 ประเทศต่าง ๆ ในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ก็ให้ความสนใจตลาดจีนและส่งออกสินค้ามายังจีนมากขึ้นเรื่อย ๆ   

ในมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีนครั้งแรก คุณหม่า อวี้เซี่ย นักธุรกิจหญิงชาวจีนที่อยู่ในอเมริกาใต้ ได้นำตุ๊กตาอัลปากามาบุกตลาดจีน

คุณหม่าและหุ้นส่วนชาวเปรูเช่าบูธเล็ก ๆ ขนาด 9 ตารางเมตรเพื่อจัดแสดงและโปรโมทตุ๊กตาอัลปากา รวมถึงงานหัตถกรรมพื้นบ้านของเปรู นอกจากนั้นยังสร้างแบรนด์ของตัวเองในชื่อวอร์มปากา (Warmpaca)

การออกบูธในครั้งนั้นได้ผลดีอย่างเหลือเชื่อ และหลังจากเข้าร่วมมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน 4 ปีติดต่อกัน ตอนนี้สินค้าของวอร์มปากามีวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้ากว่า 20 แห่งในจีน

จนถึงตอนนี้ พื้นที่จัดแสดงในมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน ครั้งที่ 5 ได้ถูกจับจองไปแล้วกว่า 80% โดยบริษัทกว่า 260 แห่งที่ติดอันดับฟอร์จูน โกลบอล 500 (Fortune Global 500) และบรรดาผู้นำอุตสาหกรรมจะเข้าร่วมงานในปีนี้

ขณะเดียวกัน หลายประเทศก็ยืนยันว่าจะเข้าร่วมงานในส่วนจัดแสดงของแต่ละประเทศ นอกจากนี้ ภายในงานจะมีการเผยแพร่รายงานการเปิดกว้างทั่วโลก (World Openness Report) และดัชนีการเปิดกว้างทั่วโลก (World Openness Index) ในการประชุมเศรษฐกิจนานาชาติหงเฉียว (Hongqiao International Economic Forum) ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญของงานนี้

เนื่องจากงานนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก พื้นที่จัดแสดงจะถูกจับจองจนหมดในอีกไม่นานนี้ จีงขอเชิญผู้ที่สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมจัดแสดงในงานก่อนที่จะไม่ทันกาล โดยสามารถลงทะเบียนได้ที่ https://www.ciie.org/exhibition/f/book/register?locale=en.

ติดต่อ: เนี่ย ฉิงซิน (Nie Qingxin)
โทร: 0086-21-67008870/67008988

งานแสดงสินค้า Korea International Construction & Industrial Safety Expo 2565 จะจัดแสดงนวัตกรรมการก่อสร้างอัจฉริยะและโซลูชั่นความปลอดภัยในอุตสาหกรรมที่ KINTEX ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้

Logo

งาน K-Con Safety Expo 2565 เป็นพื้นที่พบปะของผู้ซื้อเเละผู้ขายเพื่อติดต่อซื้อขายสินค้าและบริการกัน (marketplace) ที่สมบูรณ์แบบสำหรับอุตสาหกรรมการก่อสร้างและความปลอดภัยในอุตสาหกรรม จัดแสดงโซลูชั่นอัจฉริยะและอุปกรณ์ความปลอดภัยในที่ทำงานของ LG U+, Bentley Systems, 3M Korea และ GERB

โกยาง สาธารณรัฐเกาหลี–(BUSINESS WIRE)–3 ส.ค. 2565

งานแสดงสินค้า Korea International Construction & Industrial Safety Expo 2022 ซึ่งเป็นที่ที่ผู้เข้าร่วมงานสามารถสัมผัสโลกแห่งโซลูชั่นความปลอดภัยในการก่อสร้างที่ทันสมัยได้ในที่เดียว จะถูกจัดขึ้นที่ KINTEX ในเมืองโกยาง ประเทศเกาหลี ในวันที่ 19 ถึง 21 ตุลาคม

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหาเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220731005060/en/

Korea Int'l Construction and Industrial Safety Expo (K-Con Safety Expo) 2022 Official Poster (Graphic: Business Wire)

โปสเตอร์อย่างเป็นทางการของ Korea Int'l Construction and Industrial Safety Expo (K-Con Safety Expo) 2565 (กราฟิก: Business Wire)

K-Con Safety Expo 2022 ได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในด้านพบปะของผู้ซื้อเเละผู้ขายเพื่อติดต่อซื้อขายสินค้าและบริการกันสำหรับผู้บริหารด้านความปลอดภัยในการก่อสร้าง มาเป็นรุ่นที่สี่แล้ว ด้วยการสนับสนุนจากกระทรวงของรัฐบาลตลอดมา แม้จะเป็นในช่วงที่มีการระบาดของ โควิด-19 ก็ตาม โดย K-Con Safety Expo 2022 มุ่งมั่นที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่สำหรับความพยายามทางด้านพื้นที่พบปะของผู้ซื้อเเละผู้ขายเพื่อติดต่อซื้อขายสินค้าและบริการและความพยายามด้านการขายของผู้เข้าร่วมงาน ผ่านกิจกรรมที่เกิดขึ้นควบคู่ไปกับการสัมนาทางธุรกิจที่หลากหลายขึ้น และเพื่อการนำเสนอโซลูชันแบบบูรณาการเพื่อความปลอดภัยในการก่อสร้างที่สอดคล้องกับแนวโน้มอุตสาหกรรมทั่วโลก

นอกเหนือจากงานแสดงสินค้าแล้ว ผู้บริหารระดับสูงและผู้มีอำนาจตัดสินใจในอุตสาหกรรมความปลอดภัยในการก่อสร้างของเกาหลีจะเป็นผู้เปิดฟอรั่มการประชุม นอกจากนี้ ยังจะมีการจัดการประชุมทางธุรกิจออนไลน์ตามกำหนดการแบบตัวต่อตัว โดยร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมการค้าการลงทุนของเกาหลี ด้วยความหวังว่าผู้ซื้อจากต่างประเทศจะสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ร่วมกับผู้แสดงสินค้าชาวเกาหลีที่มีคุณสมบัติเหมาะสม นอกจากนี้ ยังจะมีคณะผู้แทนจากองค์กรภาครัฐและเอกชนมาเยี่ยมชมงาน อีกด้วย

สิ่งที่คุณจะพลาดไม่ได้เลยคือการได้เห็นเทคโนโลยีล่าสุดในตลาดการก่อสร้างอัจฉริยะ (smart construction market) ซึ่งคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องที่อัตราเฉลี่ยต่อปีที่ 26% ภายในปี 2568 โดยบริษัทก่อสร้างอัจฉริยะและความปลอดภัยในอุตสาหกรรมรายใหญ่ของเกาหลี ซึ่งรวมไปถึง LG U+, GSIL และ HULAN จะมาเข้าร่วมงานด้วย  งานนี้จะสร้างจุดเชื่อมต่อที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้บริหารความปลอดภัยในการก่อสร้างจากทั่วทุกมุมโลกที่ต้องการสร้างสถานที่ก่อสร้างที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น เมื่อคำนึงถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาดการก่อสร้างในเอเชีย

บริษัทระดับโลกรายใหญ่จะเข้าร่วมในฐานะผู้แสดงสินค้าโดยมีเป้าหมายเพื่อขยายฐานตลาดในเกาหลี อุปกรณ์ความปลอดภัยในสถานที่ทำงานและอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของ 3M ของเกาหลี กับ ระบบควบคุมการสั่นสะเทือนของกลุ่ม GERB ของเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมระบบแยกการสั่นสะเทือนระดับโลก และโซลูชั่นการจัดการการก่อสร้างอัจฉริยะของ Bentley Systems ก็จะถูกจัดแสดงเพื่อปูทางเข้าสู่ตลาดเกาหลี อีกด้วย

K-Con Safety Expo 2022 กำลังมองหาผู้แสดงสินค้าและผู้ซื้อจากต่างประเทศเพื่อเข้าร่วมการประชุมธุรกิจออนไลน์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ(www.k-consafetyexpo.com).

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220731005060/en/

ติดต่อ:

Naru Kang

KINTEX

+82-(0)31-995-8044

internationalbusiness@kintex.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Midea ขึ้นอันดับที่ 245 ใน Fortune Global 500 ปี 2565 ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและการเจาะตลาดต่างประเทศ

Logo

ฝอซาน ประเทศจีน–(BUSINESS WIRE)–03 ส.ค. 2565

รายชื่อ Fortune Global 500 ปี 2565 โดย Midea Group ได้รับการจดทะเบียนใน Fortune Global 500 เป็นปีที่เจ็ดติดต่อกัน โดยคราวนี้ได้เลื่อนขึ้นสู่อันดับที่ 245

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220731005072/en/

(Graphic: Business Wire)

(กราฟิก: Business Wire)

ในเดือนเมษายนนี้ Midea Group เผยแพร่รายงานประจำปี 2564 – รายได้ของบริษัทต่อปีเพิ่มขึ้น 20.06% ในปี 2564 โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 343.4 พันล้านหยวน

Midea ยึดมั่นในการมุ่งเน้นเชิงกลยุทธ์ใน “ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี” และเร่งการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี

สำหรับธุรกิจ C-suite สมาร์ทโฮมมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์เครื่องใช้และบริการในบ้านอัจฉริยะทั้งบ้านที่ดีที่สุดผ่านการใช้เทคโนโลยี IoT และ AI

สำหรับธุรกิจ B-suite, Midea มุ่งเน้นที่การพัฒนาไม่เพียงแต่ด้านธุรกิจของ ToB เช่น หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เทคโนโลยีอาคาร การจัดการพลังงาน การเดินทางอัจฉริยะ และ Midea Healthcare แต่ยังพัฒนาต่อยอดการเปลี่ยนแปลงและยกระดับธุรกิจนวัตกรรมดิจิทัล เช่น Annto Midea Cloud

ในแนวทางนี้ Midea มุ่งที่จะบรรลุจุดมุ่งหมายสูงสุดในการปรับปรุงจากบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านให้เป็นกลุ่มเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม

Midea Industrial Technology ลงทุนในพลังงานสีเขียวและผลิตภัณฑ์ที่มีความแม่นยำสูง และดำเนินการแบรนด์ต่างๆ เช่น GMCC, Welling, HICONICS, SERVOTRONIX เป็นต้น

ด้วยแพลตฟอร์มบริการอาคารดิจิทัล Midea Building Technologies นำเสนอโซลูชั่นแบบครบวงจรที่ชาญฉลาด ดิจิทัล และคาร์บอนต่ำ

แผนก Robotics & Automation มุ่งเน้นในการจัดหาโซลูชั่นสำหรับหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระบบลอจิสติกส์อัตโนมัติ และระบบส่งกำลังสำหรับสาขาที่เกี่ยวข้องกับโรงงานในอนาคต ตลอดจนโซลูชั่นสำหรับการดูแลสุขภาพ ความบันเทิง การบริโภคใหม่ ฯลฯ

ธุรกิจนวัตกรรมดิจิทัลให้บริการโซลูชั่นและบริการ สำหรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลขององค์กร

นอกจากนี้ Midea ยังแสวงหาความก้าวหน้าในตลาดต่างประเทศ เมื่อเร็วๆ นี้ CSP Abu Dhabi ของ COSCO ได้ลงนามในข้อตกลงกับ Midea เกี่ยวกับการก่อสร้างร่วมกันของศูนย์ขนส่งคลังสินค้าในต่างประเทศในตะวันออกกลาง ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ต่างประเทศเข้าถึงผลิตภัณฑ์ Midea ได้ง่ายขึ้น

Midea Group ภูมิใจที่มีครอบครัวพนักงานประมาณ 160,000 คน รวมถึงกว่า 30,000 คนในต่างประเทศ

เกี่ยวกับ Midea Group

Midea Group ยึดมั่นในปรัชญาในการสร้างชีวิตที่ดีขึ้นผ่านเทคโนโลยีนับตั้งแต่ก่อตั้ง 54 ปีที่แล้ว ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา Midea ได้ลงทุนเกือบ 5 หมื่นล้านหยวนในการวิจัยและพัฒนา และมีศูนย์วิจัยและพัฒนา 35 แห่ง และฐานการผลิตหลัก 35 แห่งทั่วโลก ผู้บริโภค 400 ล้านคนใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของ Midea ในกว่า 200 ประเทศและภูมิภาค

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220731005072/en/

ติดต่อ:

Lori Luo
+8613512784739
luory17@midea.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Black & Veatch เข้าร่วม Australian Hydrogen Council ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่ออสเตรเลีย

Logo

ผู้นำในการแก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมชั้นนำของออสเตรเลีย ในขณะที่ประเทศกำลังเดินหน้าแผนพัฒนาอุตสาหกรรมไฮโดรเจนมูลค่า 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เมืองเมลเบิร์น, ประเทศออสเตรเลีย–(BUSINESS WIRE)–04 สิงหาคม 2565

Black & Veatch ได้เข้าร่วม Australian Hydrogen Council (AHC) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการพยายามเร่งการเปลี่ยนแปลงทั่วโลกให้นำไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับศูนย์ และเร่งการพัฒนาเศรษฐกิจพลังงานไฮโดรเจนทั่วโลก

Dr Fiona Simon ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ AHC กล่าวว่าจุดแข็งอย่างหนึ่งของ AHC คือความกว้างขวางและความลึกซึ้งในกลุ่มสมาชิก ซึ่งรวมถึงบริษัทระดับโลกอย่าง Black & Veatch

Dr Simon กล่าวอีกว่า “ในฐานะที่เป็นผู้นำในการสนับสนุนการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนในประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยการเปลี่ยนผ่านสู่ไฮโดรเจน Black & Veatch จะนำความรู้และประสบการณ์เพิ่มเติมมาสู่สมาชิกของเรา และเรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่จะได้ต้อนรับบริษัทนี้”

Mick Scrivens รองประธานและผู้อำนวยการของ Black & Veatch ประจำภูมิภาคออสเตรเลียแปซิฟิก กล่าวว่า “ไฮโดรเจนและแอมโมเนียจะเป็นปัจจัยสำคัญในการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนออกจากระบบพลังงาน ซัพพลายเชน และอุตสาหกรรมหนักของโลก ความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างผู้นำด้านวิศวกรรม เช่น Black & Veatch และองค์กรภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น Australian Hydrogen Council จะช่วยให้บรรลุถึงเป้าหมายอันแรงกล้าของออสเตรเลียในการจัดหาแอมโมเนียที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับตลาดในประเทศและเอเชีย”

ไฮโดรเจนมีศักยภาพในการลดและทดแทนการพึ่งพาเชื้อเพลิงจากฟอสซิลเพื่อการผลิตไฟฟ้า ตลอดจนการจัดเก็บพลังงาน การให้ความร้อน การขนส่ง การผลิตสารเคมีและปุ๋ยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ไฮโดรเจนสามารถเปลี่ยนเป็นแอมโมเนียที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ ซึ่งผลิตขึ้นโดยใช้พลังงานหมุนเวียนที่ปราศจากคาร์บอน 100%

แอมโมเนียเป็นสารเคมีเหลวที่ประกอบด้วยไนโตรเจนและไฮโดรเจน มีพลังงานหนาแน่นกว่าไฮโดรเจนบริสุทธิ์ มีความเสถียรอย่างเหลือเชื่อและสามารถทำให้เป็นของเหลวได้ง่ายสำหรับการกักเก็บและจัดส่งไปทั่วโลกในลักษณะเดียวกันกับ LNG

แอมโมเนียสามารถใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานจำนวนมากเพื่อผลิตไฟฟ้าที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นตัวกลางเพื่อกักเก็บพลังงาน สามารถเผาได้โดยตรงโดยไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอน สามารถเป็นแหล่งพลังงานที่ปราศจากการปล่อยมลพิษ หรือ สามารถดัดแปลงให้เปลี่ยนกลับไปเป็นไฮโดรเจนในฐานะตัวนำพลังงานได้

การดัดแปลงโครงสร้างพื้นฐานของ LNG ให้กระจายไปทั่วโลกนั้น สถานีปลายทางที่รับ LNG และโรงกักเก็บ จะช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งแอมโมเนียให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

รายงานเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าในเอเชียในปี 2565 ของ Back & Veatch ระบุว่า 73% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าไฮโดรเจนจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนภายใน 10 ปีนับจากนี้ มากกว่าเทคโนโลยีอื่น ๆ

นักวิเคราะห์ด้านอุตสาหกรรมคาดการณ์ว่าประเทศออสเตรเลียจะมีสัดส่วนของอุปทานแอมโมเนียที่ปราศจากคาร์บอนมากกว่า 10% ทั่วโลกภายในปี 2578

Scrivens กล่าวเพิ่มเติมว่า “Black & Veatch มีประวัติการทำงานยาวนาน 80 ปีในการผลิตไฮโดรเจนและแอมโมเนียในหลากหลายอุตสาหกรรม ด้วยความเชี่ยวชาญในทุกขั้นตอนของโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านไฮโดรเจน ตั้งแต่บริการให้คำปรึกษาด้านเทคนิคและการออกแบบไปจนถึงการดำเนินงาน เรายังคงสนับสนุนโครงการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนทั่วโลก ซึ่งรวมถึงโครงการในประเทศออสเตรเลีย”

AHC เป็นหน่วยงานสูงสุดสำหรับอุตสาหกรรมไฮโดรเจนในประเทศออสเตรเลีย โดยมีสมาชิกจากห่วงโซ่คุณค่าด้านไฮโดรเจนทั้งหมด ซึ่งรวมทั้ง ผู้ผลิตยานยนต์ บริษัทพลังงาน ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน องค์กรวิจัย และรัฐบาล

หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการ:

เกี่ยวกับ Black & Veatch 
Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่พนักงานร่วมเป็นเจ้าของ 100% โดยมีประวัติผลงานด้านนวัตกรรมเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมากว่า 100 ปี ตั้งแต่ปี 2458 เป็นต้นมา เราได้ช่วยลูกค้าของเราพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยจัดการกับความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา ในปี 2563 บริษัทมีรายได้รวมจากการดำเนินงานมากกว่า 3,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com  และทางโซเชียลมีเดีย ติดตามเราได้ทาง www.bv.com และโซเชียลมีเดีย

ข้อมูลการติดต่อสื่อ
EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com 
ฮอตไลน์สำหรับสื่อ 24 ชั่วโมง | +1 855-999-5991

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย