เปิดตัวเกม MMO แนว Battle Royale ‘Dusty Derby’: มาทะยานเข้าสู่สงครามเหล่าฝุ่นน้อยแสนน่ารักกันเถอะ

Logo

ช่วงชิงตำแหน่งราชันฝุ่นได้เลยใน Dusty Derby เกมออนไลน์ผู้เล่นหลายคนจำนวนมาก (MMO) ออกใหม่

เกมสไตล์แคชชวลที่มาพร้อมกับตัวละครน่าหลงใหลและระบบควบคุมที่เรียบง่าย เล่นได้ทุกเพศทุกวัย ปลอดภัยทั้งครอบครัว

ผู้เล่นสูงสุดถึง 32 คนที่จะมาช่วงชิงตำแหน่งราชันฝุ่น

โซล ประเทศเกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–29 พฤศจิกายน 2024

GENIESOFT Inc. บริษัทผู้พัฒนาแพลตฟอร์มเนื้อหาวิดีโอจากเกาหลีใต้เปิดตัว ‘Dusty Derby’ เวอร์ชัน Early Access บน Steam อย่างเป็นทางการแล้ว เกมแนว Battle Royale แบบออนไลน์ผู้เล่นหลายคนจำนวนมาก (MMO) นี้จะพาผู้เล่นไปรับบทเป็นตัวละครฝุ่นน่ารักเพื่อช่วงชิงตำแหน่ง “ราชันฝุ่น”

ในเกมนี้ ผู้เล่นจะได้เดินทางไปตามบ้านแสนประหลาดเพื่อทำภารกิจและต่อสู้ชิงชัยชนะกับผู้เล่นอื่น ด้วยระบบควบคุมที่เรียบง่ายและสไตล์งานอาร์ตที่ดูน่าหลงใหล ‘Dusty Derby’ จึงมอบเกมเพลย์ที่เล่นง่ายและเข้าถึงได้กับผู้เล่นทุกวัยในฝีมือทุกระดับ

ผู้เล่นต่อสู้กันสูงสุดถึง 32 คน

'Dusty Derby' มอบเกมเพลย์ Battle Royale สไตล์แคชชวลสูงสุดถึง 32 คนในห้องเดียว ไม่ว่าจะลุยเดี่ยวหรือเฟี้ยวไปกับเพื่อน ๆ ในตี้ทีม ผู้เล่นก็จะได้สำรวจด่านสุดสร้างสรรค์ราวหลุดมาจากฝันซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากพื้นที่ในบ้านที่เราคุ้นเคย เมื่อผู้เล่นทำภารกิจสำเร็จ เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ ผู้เล่นก็จะเป็นผู้ชนะ

ด่านหลากหลาย

เวอร์ชัน Early Access มาพร้อมกับด่านสามด่านภายในสามฉากหลัก ตั้งแต่ห้องนั่งเล่น ห้องอาบน้ำ และห้องครัว ซึ่งรวมแล้วทั้งหมดเก้าด่านสุดเป็นเอกลักษณ์ ดีไซน์ออกแบบด่านสุดอาร์ตและสร้างสรรค์ช่วยเปลี่ยนพื้นที่ในบ้านที่เราคุ้นเคยเป็นสนาม Battle Royale และยังมีอัปเดตซีซั่นในอนาคตที่จะมาพร้อมกับฉากในธีมใหม่ ๆ อย่างออฟฟิศ ร้านอาหาร และโรงเรียนด้วย

เกมเพลย์เชิงกลยุทธ์

หนึ่งในฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ 'Dusty Derby' ก็คือระบบควบคุมที่เรียบง่าย ซึ่งช่วยให้ผู้เล่นจากทุกเพศทุกวัยสามารถดื่มด่ำไปกับในเกมได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่สวมบทเป็นตัวละครฝุ่นเข้าไปลุยในด่าน ผู้เล่นก็จะได้ใช้เหลี่่ยมกลยุทธ์มากมาย เช่น เร่งความเร็ว โจมตีคู่ต่อสู้ด้วยการน็อคให้ร่วง และโยนสิ่งของใส่ การควบคุมที่ง่ายไม่เพียงแต่ทำให้ผู้เล่นทุกประเภทและสไตล์สามารถโดดเข้ามาเล่นได้อย่างง่ายดายและช่วงชิงเพื่อเป็น ‘ราชันฝุ่น’ เท่านั้น แต่ยังเพิ่มด้านกลยุทธ์ที่ซับซ้อนให้กับเกมเพลย์อีกด้วย

ปรับแต่งตัวละคร

GENIESOFT เพิ่มความตื่นเต้นไปอีกขั้นด้วยการใส่ภารกิจเฉพาะด่านอย่างภารกิจหลบเครื่องโดดฝุ่นหรือปิดพัดลม ซึ่งเพิ่มอะดรีนาลีนยิ่งขึ้นด้วยการเพิ่มเลเยอร์ของกลไกเกมเพลย์เข้าไปอีกขั้น ทั้งองค์ประกอบเหล่านี้และการที่เกมรองรับผู้เล่นถึง 32 คนในแมตช์เดียว ทำให้ 'Dusty Derby' เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมเพื่อสัมผัสประสบการณ์ E-Sports ที่เป็นมิตรต่อครอบครัวและดึงดูดผู้เล่นได้ทุกวัย รวมทั้งเพื่อน ๆ และคนในครอบครัวด้วย

สนุกได้ทั้งครอบครัว

ตัวละครที่น่ารักสดใสยังเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าดึงดูดอย่างมาก ผู้เล่นสามารถแต่งตัวละครฝุ่นให้เหมาะกับความต้องการของผู้เล่นได้ด้วยการเลือกสี วัสดุ สีหน้า เครื่องประดับ และเครื่องแต่งกายได้ เครื่องแต่งกายสุดเตะตามากมาย ตั้งแต่ชุดผึ้งและชุดนักบินอวกาศ ไปจนถึงชุดกลาดิเอเตอร์และตัวตลกให้ผู้เล่นได้สวมเมื่ออัพเลเวล ดังนั้น จึงมีเครื่องแต่งกายใหม่ ๆ ให้ผู้เล่นลองสวมให้กับตัวละครอยู่ตลอดเวลา GENIESOFT วางแผนที่จะขยายออพชั่นปรับแต่งไปอีกเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ที่ผู้เล่นจะได้รับด้วยฟีเจอร์สังคมเช่นร้านค้าในเกมและรายชื่อเพื่อนด้วย

แค่ก็เพียงพอที่ 'Dusty Derby' สามารถดึงดูดความสนใจได้เป็นจำนานมากแล้ว ตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกที่งานมหกรรมเกมครั้งใหญ่ทั่วเอเชีย ซึ่งรวมถึงงาน G-STAR 2024 หลาย ๆ คนก็ได้แสดงความคาดหวังกันอย่างมากมาย ยกเครดิตให้กับการควบคุมที่ง่ายและเกมเพลย์ที่น่าดึงดูดของเกมเลย ทัวร์นาเมนต์ 'Dusty Derby Tournament' จบลงด้วยความสำเร็จอย่างมากเมื่อวันที่ 24 พฤษจิกายน โดยมีคอนเทนต์ครีเอเตอร์ด้านวิดีโอเกมเสมือนจริงที่โดดเด่นกว่า 32 รายจากอินโดนีเซียเข้าร่วม นี่เองที่ช่วยเพิ่มความคาดหวังให้กับความสำเร็จของเกมในฐานะที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกไปอีก

ดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่ Dusty Derby บน Steam

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54158787/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

GENIESOFT Inc.
Dohyeon Kim
+82 507-1301-7163
genie@geniesoft.io

แหล่งข้อมูล: GENIESOFT Inc.

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีของอาบูดาบีเปิดการประชุมสุดยอด AI แบบโอเพ่นซอร์ส พร้อมการอภิปรายที่สําคัญเกี่ยวกับอนาคตของ AI

Logo

ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI นานาชาติกว่า 300 รายจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี รวมถึง Meta และ Google DeepMind สํารวจหัวข้อต่างๆ เช่น การพิจารณาด้านจริยธรรมในการเป็นเจ้าของ AI นวัตกรรมในการประมวลผล AI ที่ยั่งยืน และพลังการประมวลผล

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–26 พฤศจิกายน 2024

การประชุมสุดยอด AI แบบโอเพ่นซอร์ส ที่อาบูดาบี ซึ่งจัดโดย Technology Innovative Institute (TII) ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ประยุกต์ระดับโลก ได้เริ่มต้นด้วยการสนทนาที่สําคัญที่จะกําหนดวาระการประชุม AI ระดับโลก การประชุมสุดยอดดังกล่าวจะจัดขึ้นที่เกาะ St. Regis Saadiyat ในวันนี้และพรุ่งนี้ โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 300 คน โดยการประชุมครั้งนี้จะมุ่งเน้นในระดับนานาชาติที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการดึงและผลักดันระหว่าง AI แบบโอเพ่นซอร์สและแบบปิด

Abu Dhabi’s Technology Innovation Institute Inaugurates Open-Source AI Summit with Critical Discussions on the Future of AI (Photo: AETOSWire)

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีของอาบูดาบีเปิดการประชุมสุดยอด AI แบบโอเพ่นซอร์ส พร้อมการอภิปรายที่สําคัญเกี่ยวกับอนาคตของ AI (ภาพ: AETOSWire)

“เมื่อพูดถึง AI มีสองทางเลือกที่สําคัญ ” H.E. Faisal Al Bannai เลขาธิการสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูงและที่ปรึกษาของประธานาธิบดีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กล่าว “คุณสามารถใช้ประโยชน์จากโมเดล AI แบบปิดที่เป็นของบริษัทได้ พวกเขาควบคุมมัน รวมถึงข้อมูลที่คุณให้ไว้ด้วย นวัตกรรมเริ่มต้นและจบลงด้วยพวกเขา

“อีกทางหนึ่ง คุณสามารถใช้ประโยชน์จากโมเดลโอเพ่นซอร์สที่เติบโตภายในชุมชนได้ เราสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ร่วมกัน และทุกคนสามารถเข้าถึงและต่อยอดจากมันได้ทุกที่ หาก AI จะเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างของสังคมของเรา และมันจะเป็นอย่างนั้น ประเทศ บริษัท และบุคคลต่างๆ จําเป็นต้องตัดสินใจว่าใครเป็นผู้ควบคุมมัน การเปิดตัวโมเดล Falcon AI ถือเป็นการมีส่วนสนับสนุนของ TII ต่อโลก”

Dr. Najwa Aaraj ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ TII ผู้เปิดการประชุมกล่าวว่า “การประชุมสุดยอด AI แบบโอเพ่นซอร์สที่อาบูดาบีถือเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับการอภิปรายเกี่ยวกับ AI ระดับโลก เช่นเดียวกับโมเดลโอเพ่นซอร์สอื่น ๆ Falcon ได้รวมนักวิทยาศาสตร์ นักพัฒนา และนวัตกรเข้าด้วยกัน เพื่อเร่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เพื่อเป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั่วโลก เราหวังว่าจะได้เห็นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรายังคงทํางานร่วมกับ Falcon Foundation ต่อไป”

วาระการประชุมสุดยอดยังคงดําเนินต่อไปด้วยการอภิปรายจากวิทยากรที่มีชื่อเสียง รวมถึง Dr. Belgacem Haba รองประธานของ Adeia Corporation ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งพูดถึงความท้าทายที่ AI สร้างขึ้นในอุตสาหกรรมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์

Prof. Philip Torr ศาสตราจารย์และหัวหน้าที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดในสหราชอาณาจักร พูดถึงผู้ที่ควรเป็นเจ้าของ AI โดยกล่าวถึงข้อเสียที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนถึงกฎระเบียบ และโต้แย้งว่าในระยะยาว ประโยชน์ของ AI แบบโอเพ่นซอร์สมีมากกว่าความเสี่ยง

Dr. Hakim Hacid หัวหน้านักวิจัยของศูนย์วิจัย AI ของ TII กล่าวว่า “เราเชื่อว่า AI แบบโอเพ่นซอร์สเป็นหนทางข้างหน้า แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะยังมีความท้าทายและคําถามเกี่ยวกับการควบคุม นโยบาย พลังการประมวลผล และฮาร์ดแวร์ที่เราต้องแก้ไข นั่นคือเหตุผลที่เรารวบรวมผู้เชี่ยวชาญระดับโลกจํานวนมากในการประชุมสุดยอดนี้ และจะยังคงทําเช่นนี้ต่อไปในปีต่อๆ ไปโดยร่วมมือกับ Falcon Foundation การสนทนาเหล่านี้มีความสําคัญมาก”

วิทยากรที่จะมาอภิปรายในภายหลัง ได้แก่ Dr. Natalia Vassilieva รองประธานและ CTO ภาคสนามของ Cerebras Systems ในสหรัฐอเมริกา Dr. June Paik ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ FuriosaAI ในสหรัฐอเมริกา Dr. Armand Joulin ผู้อํานวยการฝ่ายวิจัยของ Google DeepMind ในฝรั่งเศส และ Dr. Michal Valko หัวหน้าวิศวกร Llama ที่ Meta Paris ในฝรั่งเศส พวกเขาจะพูดคุยเกี่ยวกับระดับของการเปิดกว้างของ AI การประมวลผล AI ที่ยั่งยืน การสร้าง LLM ที่มีขนาดกะทัดรัดมากขึ้น, การใช้ประโยชน์จากโมเดลพื้นฐานสําหรับอัลกอริทึมที่น่าเชื่อถือและอื่น ๆ

Dr. Jingwei Zuo จาก TII จะพูดเกี่ยวกับ Falcon Mamba ซึ่งเป็นโมเดล State Space Language รุ่นแรกที่สร้างขึ้นโดยใช้สถาปัตยกรรมใหม่ทั้งหมดและเปิดตัวเมื่อต้นปีนี้

การประชุมสุดยอดจะจบลงด้วยการเสวนาที่นําโดย TII เกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของพวกเขาสําหรับ AI แบบโอเพ่นซอร์ส

ซีรีส์ Falcon AI LLM ของ TII ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ซีรีส์นี้เริ่มต้นด้วยการเปิดตัว Falcon 40B ซึ่งเป็น LLM โอเพ่นซอร์สตัวแรกของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในเดือนพฤษภาคม 2023 นับตั้งแต่นั้นมา โมเดล Falcon รุ่นต่อๆ มาก็ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สชั้นนําของโลกอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการรับรองจาก Hugging Face  ซึ่งเป็นผู้นำอุตสาหกรรมอิสระ คาดว่าจะมี Falcon รุ่นใหม่ภายในสิ้นปี 2024

*ที่มา: AETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/54158361/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Victoria Meven
victoria.meven@edelman.com

ที่มา: สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยี

Aurora King Power M-150 Royal Umbrella TOPS TrueOnline และ VISTRA คว้ารางวัลแบรนด์ดิ้งระดับโลก ประจำปี 2024-2025

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–26 พฤศจิกายน 2024

งานมอบรางวัล World Branding Awards ครั้งที่ 18 ได้จัดขึ้นเพื่อยกย่องความสำเร็จและความก้าวหน้าของแบรนด์ที่ดีที่สุดในโลกในฐานะผู้ชนะระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลก งานมอบรางวัล World Branding Awards ประจำปี 2024-2025 ได้มีการเสนอชื่อแบรนด์มากกว่า 927 แบรนด์จาก 66 ประเทศเข้าชิงรางวัล “แบรนด์แห่งปี” โดยในจำนวนนี้ มีผู้ได้รับการประกาศให้เป็นผู้ชนะน้อยกว่า 100 ราย

พิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรติครั้งนี้จัดขึ้นที่หอคอยลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร โดยมีเดวิด ครอฟต์ ผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์ชื่อดังของอังกฤษเป็นผู้ดำเนินรายการและได้ต้อนรับแขกมากกว่า 80 คนจากทั่วโลก

ผู้ชนะระดับโลกที่ได้พิสูจน์ถึงความเป็นเลิศและความสามารถในการสร้างแบรนด์ได้อย่างไร้ที่ติในอุตสาหกรรม ได้แก่ Yakult (ญี่ปุ่น) Lurpak (เดนมาร์ก) Sennheiser (เยอรมนี) Spotify (สวีเดน) BYD (จีน) และ Heinz (สหราชอาณาจักร)

ผู้ชนะรางวัลจากประเทศไทย ได้แก่ Aurora Café Amazon King Power M-150 PTT Stations Royal Umbrella Thai Life Insurance (ไทยประกันชีวิต) TrueOnline TOPS และ VISTRA ผู้ชนะระดับประเทศอื่น ๆ ได้แก่ Absolut (สวีเดน) Airland (ฮ่องกง) Bank of Taiwan (ไต้หวัน) Boots (สหราชอาณาจักร) Farm Fresh (มาเลเซีย) Fern-D (ฟิลิปปินส์) Sinar Mas Land (อินโดนีเซีย) และ Sukiya (ญี่ปุ่น) เป็นต้น

โดยมีเพียง 20 แบรนด์เท่านั้นที่ได้รับคัดเลือกให้รับรางวัลระดับภูมิภาคในปีนี้ ซึ่งได้แก่ M-150 (ประเทศไทย) Tsui Wah (ฮ่องกง) Nippon Rent-A-Car (ญี่ปุ่น) และ MR DIY (มาเลเซีย) ซึ่งแบรนด์เหล่านี้ได้รับการโหวตให้เป็นแบรนด์โปรดของผู้บริโภคในมากกว่า 4 ประเทศขึ้นไปในพื้นที่ภูมิภาคทางภูมิศาสตร์มากกว่า 3 พื้นที่ขึ้นไป

“การชนะรางวัลแบรนด์แห่งปีจากเสียงโหวตของผู้บริโภคถึง 70% ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถของแบรนด์ในการสร้างเสียงตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ได้ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าแบรนด์ไม่เพียงแต่ตอบสนองต่อความคาดหวังของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังทำได้เกินความคาดหวังของลูกค้าอีกด้วย นี่จึงนับเป็นเครื่องหมายเกียรติยศที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการมอบคุณค่าที่โดดเด่น สร้างความไว้วางใจ และสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนได้” นาย Richard Rowles ประธาน World Branding Forum กล่าว

มีผู้บริโภคมากกว่า 100,000 รายเข้าร่วมการเสนอชื่อระดับโลกในปีนี้ โดยเฉลี่ยแล้ว มีแบรนด์ที่ได้รับรางวัลเพียง 5 แบรนด์ในแต่ละประเทศ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าการได้รับรางวัล World Branding Award ถือเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่ง

คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและรายชื่อผู้ชนะรางวัลทั้งหมดได้ที่ awards.brandingforum.org

เกี่ยวกับ WORLD BRANDING AWARDS

World Branding Awards เป็นรางวัลชั้นนำของ World Branding Forum ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ได้จดทะเบียนไว้ รางวัลนี้เป็นการยกย่องความสำเร็จของแบรนด์ที่ดีที่สุดของโลก

ช่องทางโซเชียล

Facebook: https://www.facebook.com/worldbrandingforum/
Twitter: https://twitter.com/WorldBranding
Instagram: https://www.instagram.com/worldbranding/
LinkedIn: https://linkedin.com/company/world-branding-forum

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

editorial@brandingforum.org

แหล่งข้อมูล: World Branding Awards

.

Kolmar BNH ปฏิวัติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลด้วย HemoHIM อาหารเสริมเพื่อสุขภาพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

Logo

โซล เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–25 พฤศจิกายน 2024

Kolmar BNH (KRX: 200130) เป็นบริษัทผู้รับจ้างออกแบบและผลิตสินค้าให้กับบริษัทเพื่อนำไปขายในแบรนด์ตัวเองหรือ Original Development Manufacturing (ODM) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพชั้นนำของเกาหลี โดยเป็นผู้นำด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social, and Governance/ESG) ผ่านการวิจัยและพัฒนา (R&D) โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม

HemoHIM G, produced by Kolmar BNH and distributed by Atomy (Photo: Kolmar BNH)

HemoHIM G ผลิตโดย Kolmar BNH และจัดจำหน่ายโดย Atomy (รูปภาพ: Kolmar BNH)

บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือเทคโนโลยีสีเขียว (Green Technology) ตลอดจนส่งเสริมวงจรทรัพยากรที่ดีผ่านการใช้วัสดุจากผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ถูกใช้งานแล้ว เพื่อสร้างสิ่งใหม่ (Upcycle) ที่น่าสังเกตก็คือ Kolmar BNH กำลังดำเนินการเพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) โดยนำเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้กับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงของ HemoHIM ขณะเดียวกันก็มีส่วนร่วมเพื่อสังคมผ่านการเผยแพร่เทคโนโลยีการเพาะปลูกด้วย

บริษัทมีความมุ่งมั่นในการวิจัยและพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยลงทุนในการวิจัยและพัฒนามากกว่า 2% ของยอดขายประจำปี นอกจากนี้ บริษัทยังได้เร่งดำเนินการวิจัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยอุทิศพนักงานกว่า 30% ของบริษัทให้กับงานด้านการวิจัยและพัฒนา อีกทั้งบริษัท Kolmar BNH ยังเป็นบริษัทแรกในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อสุขภาพของเกาหลีที่ได้รับ 'ใบรับรองเทคโนโลยีสีเขียว' และ 'ใบรับรองผลิตภัณฑ์จากเทคโนโลยีสีเขียว' ติดต่อกันถึง 2 ครั้งเพื่อเป็นการยกย่องถึงความพยายามดังกล่าวด้วย ใบรับรองเหล่านี้มอบให้โดยกระทรวงเกษตรและกิจการชนบท (MOA) เพื่อเป็นการยกย่องเทคโนโลยีที่ส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์ทรัพยากร

HemoHIM คืออาหารเพื่อสุขภาพที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและได้รับการรับรองให้เป็นผลิตภัณฑ์จากเทคโนโลยีสีเขียว Kolmar BNH ได้ปรับปรุงระบบเก็บกลับแอลกอฮอล์ (เอธานอล) เพื่อสกัดส่วนผสมสำคัญจากผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติในประเทศ เช่น ตังกุย (Angelica Gigas) โกฐหัวบัว (Cnidium Officinale) และโบตั๋นญี่ปุ่น (Paeonia Japonica) ทั้งยังได้รับการรับรองว่าเป็นเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ระบบขั้นสูงนี้ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้มากกว่า 94% ด้วยเก็บกลับและนำเอธานอลกลับมาใช้ซ้ำในการผลิต HemoHIM หรือนำไปใช้ผลิตผลิตภัณฑ์อื่นอีกครั้งได้

นอกจากนี้ Kolmar BNH ยังดำเนินกิจการฟาร์มอัจฉริยะเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถจัดหาวัตถุดิบสำหรับผลิตภัณฑ์ HemoHIM ได้อย่างมั่นคง และเพื่อให้เกิดการวิจัยและพัฒนาอย่างยั่งยืน ฟาร์มแห่งนี้จึงใช้กรรมวิธีปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์ โดยละลายสารอาหารในน้ำเพื่อปลูกพืชผลธรรมชาติในลักษณะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ เทคโนโลยีการเพาะปลูกที่พัฒนาโดยฟาร์มอัจฉริยะของ Kolmar BNH ยังส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนกับชุมชนท้องถิ่นอีกด้วย บริษัทกำลังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของฟาร์มโดยพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตพืชปลอดไวรัสจำนวนมากและเผยแพร่เทคโนโลยีดังกล่าวไปยังฟาร์มใกล้เคียง

กิจกรรมด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social, and Governance/ESG) ที่ครอบคลุมเหล่านี้ทำให้ Kolmar BNH ได้รับเกรด A แบบบูรณาการในการประเมินระดับ ESG ประจำปี 2024 ซึ่งดำเนินการโดยสถาบันการกำกับดูแลองค์กรและความยั่งยืนแห่งเกาหลี (KCGS) นี่จึงเป็นความแตกต่างที่ไม่มีใครทัดเทียมได้ในภาคส่วน (ODM/Original Design Manufactuere) หรือผู้รับจ้างออกแบบและผลิตสินค้าให้กับบริษัทเพื่อนำไปขายในแบรนด์ตัวเองในด้านอาหารเพื่อสุขภาพของเกาหลี KCGS ประเมินแนวทางการจัดการอย่างยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนในด้านสิ่งแวดล้อม/Environmental (E) สังคม/สังคม (S) และธรรมาภิบาล/Governance (G) เป็นประจำทุกปี

นอกจากนี้ Kolmar BNH ยังประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในภาคสังคมและธรรมาภิบาลอีกด้วย โดยได้เสริมสร้างความปลอดภัยในสถานที่ทำงานด้วยการปฏิบัติตามมาตรฐานการรับรอง ISO 45001 สำหรับระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในโรงงานผลิตทั้งหมด นอกจากนี้ บริษัทยังได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย โดยมีบันทึกอุบัติเหตุร้ายแรงเป็น 'ศูนย์' เป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน ในด้านการกำกับดูแลนั้น Kolmar BNH ได้รวบรวมกรอบการจัดการที่โปร่งใสโดยบูรณาการระบบการจัดการต่อต้านการทุจริต (ISO 37001) และระบบการจัดการการปฏิบัติตามข้อกำหนด (ISO 37301) ด้วย

เจ้าหน้าที่ของ Kolmar BNH กล่าวว่า “การพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมถือเป็นภารกิจสำคัญสำหรับบริษัท ODM” เราจะขยายการจัดการสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social, and Governance/ESG) ที่เน้นการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างตัวเองให้เป็นบริษัทอาหารเพื่อสุขภาพระดับโลกที่ยั่งยืน”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54157497/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Kolmar Holdings
Jang-Woo Lee
jay.lee@kolmar.co.kr

แหล่งข้อมูล: Kolmar BNH Co., Ltd.


Tabreed ผลักดันการสนทนาระดับโลก เรื่องการทำความเย็นอย่างยั่งยืนที่ COP29

Logo

บริษัทสนับสนุนโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติและ Cool Coalition อีกครั้ง

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–25 พฤศจิกายน 2024

Tabreed บริษัทชั้นนำด้านระบบทำความเย็นส่วนกลางระดับสากลของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้เสร็จสิ้นกิจกรรมตลอดสัปดาห์ในงาน COP29 ที่บากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน ในงานสำคัญระดับโลกนี้ ตัวแทนของบริษัทได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ เข้าร่วมเป็นผู้ร่วมอภิปราย และนำเสนอข้อมูลที่เน้นย้ำถึงบทบาทของ Tabreed ในฐานะผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมสำคัญนี้ รวมถึงความพร้อมและศักยภาพในการถ่ายทอดความเชี่ยวชาญระดับสากลอันโดดเด่นไปยังภูมิภาคใหม่ ๆ เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีความต้องการสูงยิ่งในปัจจุบัน

CEO, Khalid Al Marzooqi - (Photo - AETOSWire)

Khalid Al Marzooqi ซีอีโอ – (ภาพจาก – AETOSWire)

หลังจากความร่วมมือที่ประสบความสำเร็จในงาน COP28 ปี 2023 ที่ดูไบ ทาง Tabreed ได้ให้การสนับสนุนโครงการ Cool Coalition ที่นำโดยโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) อีกครั้ง ในฐานะผู้สนับสนุนระดับซิลเวอร์ของอาคารและพื้นที่ทำความเย็นใน Blue Zone โดยเป็นผู้สนับสนุน Global Cooling Pledge ของ UNEP ซึ่งเปิดตัวในงาน COP28 Tabreed ยังคงอยู่แถวหน้าในด้านการลดคาร์บอน และในปีนี้ พื้นที่จัดแสดงในบากูได้จัดเซสชันหลายสิบครั้งที่มุ่งเป้าไปยังผู้ออกกฎหมายและนักพัฒนาทั่วโลกที่มุ่งสู่แนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยให้ความสำคัญกับการทำความเย็นเป็นลำดับต้นๆ

การมีส่วนร่วมของ Tabreed ในงาน COP29 ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับซีอีโอ Khalid Al Marzooqi ซึ่งได้กล่าวว่า “ประสิทธิภาพการใช้พลังงานของระบบทำความเย็นส่วนกลางนำมาซึ่งประโยชน์มหาศาลในการหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนในระดับใหญ่ ทำให้มันเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนสู่การบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net-zero) นั่นคือเหตุผลที่ Tabreed มีบทบาทอย่างต่อเนื่องในงานระดับโลกสำคัญอย่าง COP และผมรู้สึกภาคภูมิใจที่เราเป็นผู้นำการสนทนาเกี่ยวกับการทำความเย็นอย่างยั่งยืนในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ในประวัติศาสตร์โลก”

ในระหว่างโปรแกรมที่เต็มไปด้วยกิจกรรม Tabreed ได้นำเสนอนวัตกรรมที่ได้รับรางวัลของบริษัท เช่น โรงงาน G2COOL แบบพลังงานความร้อนใต้พิภพ (geothermal) แห่งใหม่ ซึ่งกำลังเป็นที่จับตามองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พร้อมทั้งมีการปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมจากทั่วโลกที่สนใจอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมและการดำเนินงานที่ได้รับการยืนยันจากการใช้ระบบทำความเย็นส่วนกลาง

Shikha Bhasin ที่ปรึกษาอาวุโสของ UNEP และ Cool Coalition ที่นำโดย UNEP กล่าวว่า “การมีส่วนร่วมของ Tabreed ในงาน COP29 ช่วยผลักดันบริษัทให้เป็นผู้นำในการลดคาร์บอน พร้อมทั้งเพิ่มหลักฐานที่ยืนยันว่า UAE กำลังตั้งมาตรฐานใหม่ในการขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืนที่แท้จริง ระบบทำความเย็นส่วนกลางกำลังกลายเป็นจุดสนใจสำหรับหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเราขอขอบคุณที่ Tabreed ยังคงสนับสนุนการทำงานของ Cool Coalition โดยนำความเชี่ยวชาญที่สะสมมาเป็นเวลาหลายทศวรรษมาร่วมอภิปรายในเรื่องที่สำคัญเหล่านี้”

เกี่ยว Tabreed

Tabreed ให้บริการระบบทำความเย็นส่วนกลางที่จำเป็นและยั่งยืนแก่โครงการพัฒนาสำคัญในตะวันออกกลางและเอเชีย โดยเป็นผู้นำที่ผลักดันความก้าวหน้าสู่อนาคตที่ยั่งยืนสำหรับผู้คน ชุมชน และสิ่งแวดล้อมทั่วโลก ก่อตั้งขึ้นในปี 1998 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ดูไบ Tabreed เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการเติบโตแข็งแกร่งที่สุดในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ด้วยการดำเนินงานในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ ความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพในระดับแนวหน้า โครงการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยี AI ทำให้ Tabreed เป็นผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมระบบทำความเย็นส่วนกลาง

*ที่มาAETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54156334/en

ติดต่อ

Samer Al Tawil

ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดและการมีส่วนร่วม

saltawil@tabreed.ae

Kevin Hackett
ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสื่อสารภายนอก
khackett@tabreed.ae

ที่มา: Tabreed

NTT Com เปิดตัวบริการกล้องติดรถ LINKEETH แบบรองรับการใช้งานเว็บไซต์ในประเทศไทย

Logo

ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยและลดอุบัติเหตุได้

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–22 พฤศจิกายน 2024

NTT Communications Corporation (NTT Com) ซึ่งดำเนินงานภายใต้แบรนด์ธุรกิจองค์กร “ธุรกิจโดโคโม” ภายในกลุ่มธุรกิจ DOCOMO ได้ประกาศวันนี้ว่าบริษัท Mobile Innovation จำกัด เป็นบริษัทในกลุ่มประเทศไทย จะเริ่มจำหน่ายกล้องติดรถ LINKEETH แบบรองรับการใช้งานเว็บไซต์ในประเทศไทยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

LINKEETH Service Outline (Graphic: Business Wire)

LINKEETH Service Outline (รูปภาพ: Business Wire)

ประเทศไทยมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนต่อประชากร 100,000 คนอยู่อันดับที่ 9 ของโลก* นอกเหนือจากชีวิตที่สูญเสียไปจำนวนมากแล้ว อุบัติเหตุจำนวนมากยังส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งก่อภาระอย่างใหญ้หลวงต่อสังคม รวมถึงการสูญเสียทางเศรษฐกิจและค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย การขับขี่ยานพาหนะขณะเมาสุราและการขับรถเร็วเกินกำหนดเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุทางถนนที่พบบ่อยที่สุด แม้ว่าความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เช่น กฎหมายที่เข้มงวดยิ่งขึ้นและการนำกฎหมายมาบังคับใช้ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการจราจร และการศึกษาความปลอดภัยทางการจราจรจะยังคงดำเนินต่อไป แต่ก็จำเป็นต้องมีความคืบหน้าเพิ่มเติมอยู่

* แหล่งข้อมูล: สำนักงานรัฐบาลเทศบาลนครไอจิประจำประเทศไทย

บริการ LINKEETH จะช่วยจัดการการทำงานของยานพาหนะด้วยข้อมูลตำแหน่งและวินิจฉัยการขับขี่ที่ปลอดภัยโดยวิเคราะห์จากข้อมูลการขับขี่ บริษัททั้งสอง ตั้งเป้าที่จะมีส่วนช่วยให้เกิดการขับขี่อย่างปลอดภัยและลดจำนวนอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยผ่านการให้บริการนี้

ฟีเจอร์สำคัญ

1.

ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (Advanced Driver-Assistance Systems/ADAS) และระบบตรวจสอบผู้ขับขี่ (Driver Monitoring System/DMS)

ระบบเหล่านี้ใช้ AI เพื่อตรวจสอบสภาวะการขับขี่โดยใช้ภาพจากกล้องในรถ ซึ่งจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุด้วยการตรวจจับพฤติกรรมขับขี่ที่เสี่ยงและเตือนผู้ขับขี่ นอกจากช่วยเพิ่มความปลอดภัยแล้ว ระบบเหล่านี้ยังช่วยช่วยป้องกันพฤติกรรมขับขี่อย่างประมาทหรือก้าวร้าวอีกด้วย ระบบ ADAS ออกแบบมาเพิ่อให้ผู้ขับขี่ปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยการใช้เซ็นเซอร์ต่าง ๆ เพื่อประเมินสภาพแวดล้อมของรถยนต์ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนและคำเตือนแก่ผู้ขับขี่อย่างทันท่วงที และช่วยควบคุมรถเมื่อจำเป็น บริการใหม่จะวิเคราะห์วิดีโอที่บันทึกจากกล้องหน้ารถและเตือนผู้ขับขี่หากอยู่ใกล้รถคันข้างหน้าเกินไปหรือขับรถออกนอกเลน ส่วนระบบ DMS จะคอยตรวจสอบสภาวะของผู้ขับขี่ผ่านกล้องที่ติดอยู่ภายในตัวยานพาหนะเพื่อช่วยป้องกันพฤติกรรมขับขี่อย่างก้าวร้าวหรือเป็นอันตรายและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

2.

แสดงภาพข้อมูลสภาวะการขับขี่

ระบบจะนำข้อมูล เช่น อัตราการเร่ง การเบรก การหักพวงมาลัย และความเร็วมาวิเคราะห์และนำมาแสดงผลเป็นบันทึกพฤติกรรมของผู้ขับขี่ ผลการวินิจฉัยจะแสดงในรูปแบบรายงานเพื่อระบบบริหารจัดการยานพาหนะ (Fleet Management) สามารถให้คำแนะนำการขับขี่ที่ปลอดภัยได้อย่างง่ายดาย

3.

ตรวจจับอุบัติเหตุและส่งวิดีโออัตโนมัติ

เมื่อระบบตรวจจับการขับขี่ที่เป็นอันตรายหรืออุบัติเหตุได้ ระบบจะส่งข้อมูลวิดีโอไปที่เซิร์ฟเวอร์คลาวด์อัตโนมัติ พร้อมส่งอีเมลแจ้งเตือนไปยังผู้รับที่ลงทะเบียนไว้ โดยสามารถดูวิดีโอแบบเรียลไทม์และที่บันทึกไว้ก่อนหน้าจากระยะไกลได้ตลอดเวลา ทำให้สามารถเข้าถึงหลักฐานวิดีโอในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นได้

4.

จัดการตำแหน่งยานพาหนะ

ข้อมูลตำแหน่งยานพาหนะจะแสดงบนแผนที่ในแบบเรียลไทม์ โดยสามารถตรวจสอบยานพาหนะหลายคันอย่างรวมศูนย์ได้ จึงช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการส่งมอบและป้องกันการโจรกรรมได้ ระบบจะเก็บประวัติการขับขี่สำหรับยานพาหนะแต่ละคันไว้สูงสุดหนึ่งปี

5.

การค้นหาข้อมูลเชิงปริภูมิกาล

เมื่อระบุวันที่ เวลา และพื้นที่ลงในระบบ ยานพาหนะทั้งหมดภายในระยะดังกล่าวก็จะแสดงบนแผนที่ ซึ่งช่วยให้สามารถหายานพาหนะที่เกี่ยวข้องพบและดูในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ จึงช่วยปรับปรุงบริการลูกค้าและประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้นได้

NTT Com และ MI มีแผนที่จะขยายการให้บริการไปยังอินโดนีเซีย เนื่องจากทั้งสองบริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายบริการให้สามารถเข้าถึงได้ทั่วโลก โดยจะวิเคราะห์ความต้องการของประเทศอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ บริษัท Sumitomo Mitsui Auto Leasing & Service (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการเช่าซื้อรถยนต์ กำลังวางแผนที่จะใช้บริการนี้เพื่อให้บริการเช่าซื้อรถยนต์รูปแบบใหม่ในประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย จึงถือเป็นพันธมิตรรายแรกของทั้งสองบริษัท

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54155695/en

ข้อมูลติดต่อ

สำหรับข้อมูลติดต่อ
สำหรับลูกค้า:
Mobility Service, 5G & IoT Service Dept., Platform and Service Div.
NTT Communications Corporation
ms-3g2t@ntt.com

Mobile Innovation Co., Ltd. (ในประเทศไทย)
+66 (0)2129 3800
support@mobileinnovation.co.th

สำหรับสื่อ
Public Relations Office
NTT Communications Corporation
pr-cp@ntt.com

แหล่งข้อมูล: NTT Communications Corporation

Xsolla ขยายความเป็นผู้นําด้านการพัฒนาเกมและนวัตกรรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ใหม่กับเมืองปูซานและ BDAN

Logo

Xsolla จะจัดตั้งสํานักงานใหญ่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ขยายโอกาสในการพัฒนาผู้มีความสามารถ และขับเคลื่อนความก้าวหน้าของ Web3 ในปูซาน

ปูซาน เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–20 พฤศจิกายน 2024

Xsolla บริษัทการค้าวิดีโอเกมระดับโลก Busan Metropolitan City และ Busan Digital Asset Nexus Co., Ltd. (BDAN) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ที่สําคัญ เพื่อยกระดับปูซานให้เป็นศูนย์กลางระดับโลกด้านการพัฒนาเกมและนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ข้อตกลงดังกล่าวตอกย้ำแผนการจัดตั้งสํานักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Xsolla ในเมืองปูซาน เปิดตัวศูนย์พัฒนาผู้มีความสามารถที่ล้ำสมัยสําหรับนักพัฒนาเกม และสํารวจความก้าวหน้าในเทคโนโลยี Web3 เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและดิจิทัลในภูมิภาค

(Graphic: Xsolla)

(กราฟฟิก: Xsolla)

พิธีลงนามจัดขึ้นที่ศาลาว่าการเมืองปูซาน โดยมีตัวแทนคนสําคัญ ได้แก่ นายกเทศมนตรีเมืองปูซาน Park Hyung-joon, Rytis Joseph Jan รองประธานอาวุโสฝ่ายความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระดับโลกของ Xsolla และ Kim Sang-min ซีอีโอของ BDAN ทั้งสามฝ่ายให้คํามั่นว่าจะทุ่มเทเพื่อส่งเสริมนวัตกรรม สร้างโอกาสให้กับผู้มีความสามารถในท้องถิ่น และสร้างชื่อเสียงให้กับเมืองปูซานในฐานะผู้นําในอุตสาหกรรมเกมและดิจิทัล

“ความร่วมมือครั้งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงศักยภาพอันน่าทึ่งของปูซานในฐานะศูนย์กลางเกมและเทคโนโลยี” Rytis Joseph Jan รองประธานอาวุโสฝ่ายความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระดับโลกของ Xsolla กล่าว “ด้วยความร่วมมือกับ BDAN และเมืองปูซาน เรามุ่งมั่นที่จะสร้างโอกาสให้กับผู้มีความสามารถและธุรกิจในท้องถิ่น พร้อมทั้งสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของภูมิภาค”

โครงการริเริ่มหลักที่สํารวจผ่านความร่วมมือนี้ คือการจัดตั้งสํานักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Xsolla ในปูซาน สิ่งนี้จะนํามาซึ่งโอกาสในการจ้างงานใหม่ๆ ในภูมิภาคนี้ และเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรในท้องถิ่นและต่างประเทศ สํานักงานใหญ่จะทําหน้าที่เป็นศูนย์กลางสําหรับกิจกรรมการค้าเกม ซึ่งจะช่วยสนับสนุนวิสัยทัศน์ของปูซานในการเป็นผู้นําด้านเกมและนวัตกรรมดิจิทัลระดับโลก

เพื่อให้สอดคล้องกับความร่วมมือนี้ Xsolla และ BDAN กําลังสร้างศูนย์พัฒนาผู้มีความสามารถเพื่อส่งเสริมผู้มีความสามารถในการพัฒนาเกมในท้องถิ่น ศูนย์นี้จะทําหน้าที่เป็นศูนย์บ่มเพาะ และโครงการเร่งรัดเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับนักพัฒนาเกมและผู้ประกอบการในท้องถิ่น นอกจากนี้ Xsolla และ BDAN จะให้คําปรึกษา ทรัพยากร และโอกาสในการระดมทุน เพื่อให้ครีเอเตอร์สามารถเติบโตในตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้น และช่วยสร้างปูซานให้เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมในภาคส่วนเกม

“ความร่วมมือครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเมืองปูซานในการเป็นผู้นําระดับโลกในอุตสาหกรรมเกมและดิจิทัล” Park Hyung-joon นายกเทศมนตรีเมืองปูซานกล่าว “เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมมือกับ Xsolla และ BDAN เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของเมืองและส่งเสริมโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ”

“วิสัยทัศน์ที่เราพูดคุยกับ Xsolla เมื่อต้นปีนี้กําลังกลายเป็นความจริง” Kim Sang-min ซีอีโอของ BDAN กล่าว “เราจะช่วยให้ปูซานกลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินดิจิทัลและเมืองบล็อกเชนระดับโลก ส่งเสริมโอกาสใหม่ๆ ในด้านเกมและอื่นๆ BDAN มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการเป็นผู้นําอุตสาหกรรมดิจิทัลและนวัตกรรมในเมืองปูซาน”

ความร่วมมือนี้เป็นการปูทางสําหรับโครงการริเริ่มเพิ่มเติม รวมถึงการดึงดูดบริษัทระดับโลก การสนับสนุนธุรกิจในท้องถิ่น และการพัฒนาโครงการนําร่องในเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ ความร่วมมือนี้สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ร่วมกันในการวางตําแหน่งปูซานให้เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกสําหรับการพัฒนาเกมและเป็นผู้เล่นหลักในเศรษฐกิจดิจิทัล

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Xsolla เมืองปูซาน และ BDAN ร่วมกันกําหนดอนาคตของการพัฒนาเกมและนวัตกรรมได้ที่: xsolla.blog/busan

เกี่ยวกับ Xsolla

Xsolla เป็นบริษัทค้าวิดีโอเกมระดับโลกที่มีชุดเครื่องมือและบริการที่แข็งแกร่งและทรงพลังซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะสําหรับอุตสาหกรรมนี้ ตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2005 Xsolla ได้ช่วยเหลือนักพัฒนาเกมและผู้เผยแพร่เกมหลายพันรายทุกขนาด ในการระดมทุน ทําการตลาด เปิดตัว และสร้างรายได้จากเกมของตนทั่วโลกและบนแพลตฟอร์มต่างๆ ในฐานะผู้นําด้านนวัตกรรมในการค้าเกม ภารกิจของ Xsolla คือการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนโดยธรรมชาติของการจัดจําหน่าย การตลาด และการสร้างรายได้ทั่วโลก เพื่อช่วยให้พันธมิตรของเราเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ ได้มากขึ้น สร้างรายได้มากขึ้น และสร้างความสัมพันธ์กับเกมเมอร์ทั่วโลก Xsolla มีสํานักงานใหญ่และจัดตั้งขึ้นในลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย โดยมีสํานักงานในลอนดอน เบอร์ลิน โซล ปักกิ่ง กัวลาลัมเปอร์ ราลี โตเกียว มอนทรีออล และเมืองต่างๆ ทั่วโลก Xsolla สนับสนุนพันธมิตรเกมชั้นนํา เช่น Valve, Twitch, Epic Games, Take-Two, KRAFTON, Nexters, NetEase, Playstudios, Playrix, miHoYo เป็นต้น

สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมและเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ xsolla.com

เกี่ยวกับเมืองปูซาน

ปูซานเป็นเมืองท่าทางตอนใต้สุดของโลกบนคาบสมุทรเกาหลี และเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองในเกาหลีใต้รองจากมหานครระดับโลกอย่างกรุงโซล ชายหาดหลายแห่งเต็มไปด้วยความเยาว์วัยและความมีชีวิตชีวา ในขณะที่ท่าเรือและท่าเทียบเรือเต็มไปด้วยตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่และสินค้าสําหรับการนําเข้าและส่งออก ถนนและสถานที่ต่างๆ มีชีวิตชีวาด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมและศิลปะ ปูซานยังเป็นแหล่งมรดกทางธรณีวิทยาที่ยั่งยืน และเป็นศูนย์กลางของการดําเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์สภาพภูมิอากาศเอเปค ตึกระฟ้าแห่งอนาคตกําลังเปลี่ยนเส้นขอบฟ้าในย่านต่างๆ เช่น แฮอุนแดและควางอัลลี ในขณะที่เทศกาลโรแมนติก เช่น เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติและการแสดงดอกไม้ไฟจัดขึ้นตลอดทั้งปี

เกี่ยวกับ BDAN

Busan Digital Asset Nexus (BDAN) คือ Busan Digital Asset Nexus รุ่นที่สี่ที่มีการกระจายอำนาจ โดยเชี่ยวชาญด้านสินทรัพย์ในโลกแห่งความเป็นจริง (RWA) นับเป็นครั้งแรกที่ Busan Digital Asset Nexus ในประเทศที่ลงนามในข้อตกลงกับรัฐบาลท้องถิ่น และเติบโตอย่างรวดเร็วอันเป็นผลมาจากความร่วมมือนี้ นอกจากนี้ BDAN ยังเป็นบริษัทหลักในเขตพิเศษบล็อกเชนเพียงแห่งเดียวของเกาหลีใต้ และทําหน้าที่เป็นบริษัทหลักของเขตพัฒนาโอกาส โดยมีบทบาทสำคัญนําในการเปลี่ยนปูซานให้เป็นศูนย์กลางระดับโลกด้านการเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชน BDAN ได้รับการคัดเลือกผ่านการร้องขอของผู้ประกอบการธุรกิจที่ดําเนินการโดยปูซานมหานครในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 และก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 ผู้ถือหุ้นผู้ก่อตั้ง ได้แก่ Barunson บริษัทผู้ผลิตที่อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์เรื่อง Parasite ที่ได้รับรางวัลออสการ์ Ocon โปรดิวเซอร์แอนิเมชั่นตัวละครชั้นนําของเกาหลีใต้ Pororo หนังสือพิมพ์ธุรกิจ Maeil หนังสือพิมพ์เศรษฐกิจชั้นนําของเกาหลีใต้ Hana Bank และ Hana Securities ซึ่งเป็นสองในห้าสถาบันการเงินชั้นนําของประเทศ และ IT Cen ซึ่งเป็นผู้เล่นหลักในโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีสาธารณะของเกาหลีใต้ เป็นต้น สถาบันทั้ง 11 แห่งนี้ร่วมกันลงทุนรวมมูลค่า 10 พันล้านวอน ในเดือนตุลาคม 2024 BDAN ได้ประกาศการเข้าซื้อกิจการแพลตฟอร์ม RWA ที่ชื่อว่า Sengold ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า 1.18 ล้านรายแล้ว

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54155219/en

ติดต่อ

ติดต่อสื่อ
Derrick Stembridge
ผู้อํานวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ Xsolla
d.stembridge@xsolla.com

ที่มา: Xsolla



DeepGreenX และ Veea ประกาศข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระดับโลก

Logo

Veea จะสนับสนุนการนําโครงข่ายพลังงานเสมือนจริงที่ขับเคลื่อนด้วย AI ระดับโลกของ DeepGreenX ไปใช้ ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับเงินสนับสนุนจากสัญญาเช่าซื้อมูลค่า 140 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในอีก 5 ปีข้างหน้า

นิวยอร์กและปารีส

Pallion Group ผนวกความยืดหยุ่นและประสบการณ์ลูกค้าเข้ากับธุรกิจทองและเครื่องประดับที่เต็มไปด้วยพลวัตด้วย Boomi

Logo

กลุ่มแบรนด์ผลิตภัณฑ์โลหะมีค่าและเครื่องประดับของออสเตรเลียทั้งหกแบรนด์เสริมความแข็งแกร่งด้านประสบการณ์ลูกค้า ผ่านการเชื่อมต่อที่เชื่อถือได้และการมองเห็นข้อมูล (data visibility) เป็นการช่วยวางรากฐานสำหรับ AI ช่วยสร้าง

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–22 พฤศจิกายน 2024

วันนี้ Boomi™ ผู้นำด้านการบูรณาการอัจฉริยะและระบบอัตโนมัติ ประกาศว่า Pallion Group บริษัทผลิตภัณฑ์โลหะมีค่าและเครื่องประดับของออสเตรเลีย ได้เสริมความแข็งแกร่งด้านความยืดหยุ่นและประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience : CX) ในทุกแบรนด์ของบริษัท และวางรากฐานสำหรับ AI ช่วยสร้าง (generative AI) โดยใช้ Boomi Enterprise Platform เป็นฐานสำหรับกลยุทธ์ด้านข้อมูล

Pallion Group Welds Resilience and Customer Experience Into Dynamic Gold and Jewellery Business With Boomi (Graphic: Business Wire)

Pallion Group ผนวกความยืดหยุ่นและประสบการณ์ลูกค้าเข้ากับธุรกิจทองและเครื่องประดับที่เต็มไปด้วยพลวัตด้วย Boomi (กราฟิก : Business Wire)

Pallion ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในซิดนีย์ เป็นบริษัทที่ประกอบด้วยแบรนด์ทั้งหมดหกแบรนด์ ที่จัดหา ผลิต จัดจำหน่าย ขาย และให้บริการการจัดเก็บที่ปลอดภัย สำหรับทองคำ เงิน และเครื่องประดับที่ผลิตตามสั่ง โดยให้บริการแก่องค์กรและบุคคล ในออสเตรเลีย ฮ่องกง และจีน  บริษัทได้นำแพลตฟอร์มการบูรณาการในรูปแบบบริการ (Integration Platform as a Service : iPaaS) ของ Boomi มาใช้ เพื่อทำให้การเชื่อมต่อระหว่างระบบเทคโนโลยีง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้เกิดการมองเห็นข้อมูลทางการเงิน การค้า และห่วงโซ่อุปทานผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีความอ่อนไหวอย่างมาก

Simon Smith ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศกลุ่ม (Group Chief Information Officer : CIO) ของ Pallion Group กล่าวว่า “Pallion จัดหาโลหะมีค่าและเครื่องประดับมูลค่าสูง ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการกำหนดราคาแบบพลวัตและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งยังมีข้อกำหนดด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวด เพราะในท้ายที่สุดแล้ว เราดูแลเงินของผู้คนและบริษัทต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงธนาคาร กองทุนบำนาญ และผู้ค้าปลีกรายใหญ่”  “นั่นหมายความว่าเราต้องการให้มีช่วงเวลาให้บริการที่มีความต่อเนื่อง (consistent uptime) สำหรับระบบของเราและระหว่างระบบของเรา เพื่อให้มีการโฟลว์ของข้อมูลไปกลับแบบเรียลไทม์ ในขณะที่ทีมของเราสามารถดูข้อมูลลูกค้าแบบรวมศูนย์ในหน้าจอเดียวได้  Boomi ขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้านข้อมูลของเราด้วยการมอบเฟรมเวิร์กการบูรณาการแบบ Hub-and-Spoke ที่สะอาด เพื่อเชื่อมต่อแพลตฟอร์มที่สำคัญต่อธุรกิจและรวมศูนย์ข้อมูลเพื่อให้ความต้องการนี้เป็นไปได้”

ตามที่คุณ Smith กล่าวนั้น Pallion ได้นำ Boomi Enterprise Platform มาใช้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 เพื่อให้การสนับสนุนฐานรากของการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (digital transformation) และเพื่อแทนที่ “ความยุ่งเหยิงแบบเส้นสปาเกตตี” (“spaghetti mess”) นับร้อยรายการ ของการบูรณาการในรูปแบบจุดต่อจุด (point-to-point integration) ที่ล้าสมัย  แพลตฟอร์ม Boomi ได้ถูกใช้เพื่อเชื่อมต่อชุดการวางแผนทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning : ERP) Microsoft Dynamics 365 และระบบการเงินและทรัพยากรบุคคล (Human Resources : HR) ของ Pallion และบริษัทยืนยันว่าการใช้ iPaaS จะปรับขนาดขึ้นได้ (scale up) เมื่อกลยุทธ์การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลพัฒนาไป  ในขณะเดียวกัน ข้อมูลที่ถูกนำเข้าโดยระบบของ Pallion ได้ถูกรวมศูนย์ไว้ใน Boomi DataHub แล้ว

คุณ Smith กล่าวว่า “Boomi ได้สร้างสภาพแวดล้อมที่เรามั่นใจว่าเราสามารถวางใจได้ ในการส่งข้อมูลไปยังบุคคลและสถานที่ที่ถูกต้อง อย่างปลอดภัย โดยไม่มีช่วงเวลาหยุดทำงาน (downtime) ครอบคลุมตั้งแต่การดำเนินงานด้านการผลิตไปจนถึงเว็บไซต์ที่ลูกค้าของเราใช้ในการซื้อโลหะมีค่าและเครื่องประดับ”  “สิ่งนี้ได้ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า เนื่องจากข้อมูลที่ผู้ซื้อและทีมของเราเห็นจะมีความถูกต้องเสมอ หากมีปัญหาใด ๆ โมเดลการบูรณาการของ Boomi จะช่วยให้เราสามารถระบุและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว – กระบวนการที่เคยใช้เวลาหลายวันตอนนี้เสร็จสิ้นได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง”

Pallion ยังพบว่า ผลิตภาพเพิ่มขึ้นสูงมาก เนื่องจาก Boomi ช่วยให้บริษัทลดเวลาที่ต้องใช้ในการบำรุงรักษาและแก้ไขการบูรณาการแบบจุดต่อจุดลงได้อย่างมาก

นอกจากนี้ คุณ Smith กล่าวว่า Boomi Enterprise Platform ยังทำหน้าที่เป็น “ชั้นการเชื่อมต่อ” (abstraction layer) ทำให้มั่นใจได้ว่า การลงทุนด้านเทคโนโลยีเพิ่มเติมจะถูกบูรณาการเข้ากับกลุ่มบริษัทได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น โดยมีข้อมูลพร้อมใช้งานผ่าน Boomi DataHub  สิ่งนี้มีความสำคัญในแผนกลยุทธ์ของ Pallion โดยบริษัทวางแผนที่จะนำ AI ช่วยสร้าง มาใช้ เพื่อให้พนักงานสามารถค้นข้อมูลของบริษัทโดยใช้ภาษาธรรมชาติได้ และในท้ายที่สุดเพื่อเร่งกระบวนการภายในต่าง ๆ และการบริการลูกค้า

David Irecki ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Boomi กล่าวว่า “Pallion Group เป็นผู้ให้บริการแบรนด์ค้าปลีกที่มีชื่อเสียงที่สุดหลายแบรนด์ ตั้งแต่ Tiffany & Co ไปจนถึง Michael Hill Jewellery รวมถึงให้บริการแก่สถาบันการเงิน และประชาชนชาวออสเตรเลีย  บริษัทเองยังได้ร่วมทำถ้วยรางวัล Melbourne Cup และ Australian Open และรถม้าพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ด้วย  ลูกค้าของบริษัทย่อมคาดหวังประสบการณ์ที่ราบรื่นเมื่อต้องทำการตัดสินใจครั้งสำคัญในการซื้อผลิตภัณฑ์  Boomi ได้ช่วย Pallion ในการสร้างสภาพแวดล้อมทางเทคโนโลยีที่เชื่อถือได้และยืดหยุ่น สำหรับแบรนด์ทุกแบรนด์ เพื่อให้ประสบการณ์ลูกค้าที่เหมาะสมที่สุด ในขณะเดียวกันก็รองรับข้อผูกพันด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวด ซึ่งกลุ่มบริษัทต้องปฏิบัติตาม”

ทรัพยากรเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ผู้นำด้านการบูรณาการอัจฉริยะและระบบอัตโนมัติ ที่ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกสามารถปรับให้กระบวนการสำคัญต่าง ๆ เป็นระบบอัตโนมัติและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ทางธุรกิจได้เร็วขึ้น ด้วยการใช้ความสามารถขั้นสูงของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) Boomi Enterprise Platform เชื่อมต่อระบบและจัดการโฟลว์ของข้อมูลด้วยการจัดการ API (API Management) การบูรณาการ (Integration) การจัดการข้อมูล (Data Management) และการประสานงานปัญญาประดิษฐ์ (AI Orchestration) ในโซลูชันครบวงจรเดียว ด้วยฐานลูกค้าที่กว่า 20,000 บริษัททั่วโลก และเครือข่ายพาร์ทเนอร์ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วกว่า 800 ราย Boomi กำลังปฏิวัติวิธีการที่องค์กรทุกขนาดบรรลุความคล่องตัวทางธุรกิจและความเป็นเลิศในการดำเนินงาน ค้นพบเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

ลิขสิทธิ์ของ Boomi, LP ปีค.ศ. 2024 “Boomi”, โลโก้ “B” และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP, บริษัทในเครือ หรือบริษัทย่อย ชื่อหรือเครื่องหมายอื่น ๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

สำหรับสื่อ :
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายความสัมพันธ์อินฟลูเอนเซอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นjasmine.ee@boomi.com

แหล่งที่มา : Boomi

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54152750/en