ช้อนเกลือไฟฟ้าจาก Kirin เฉิดฉายใน CES Innovation Awards 2025 และคว้าชัยชนะเป็นครั้งแรกในหมวดเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสุขภาพและเทคโนโลยีเพื่อความสามารถในการเข้าถึงและผู้สูงวัย!

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–25 ธันวาคม 2024

Kirin Holdings Company, Limited (Kirin Holdings) (โตเกียว: 2503) คว้ารางวัลในสองหมวดหมู่ ได้แก่ เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสุขภาพและเทคโนโลยีเพื่อความสามารถในการเข้าถึงและผู้สูงวัยจากงาน CES Innovation Awards® 2025 จากผลิตภัณฑ์ใหม่แห่งนวัตกรรมของบริษัทอย่าง “ช้อนเกลือไฟฟ้า” โดยอุปกรณ์รูปร่างเหมือนช้อนทานอาหารที่มีความโดดเด่นนี้เพิ่มรสเค็มและรสอูมามิให้กับอาหารโซเดียมต่ำ ซึ่งมอบโซลูชันสั่นสะเทือนวงการให้กับการทานอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้น โดยความสำเร็จนี้เป็นรางวัลครั้งแรกที่ Kirin Group ได้รับในงาน CES Innovation Awards นอกจากนี้ Kirin Holdings จะมาแสดงสินค้าเป็นครั้งแรกในงาน CES 2025 ด้วย

The CES Innovation Awards 2025 (Graphic: Business Wire)

งาน CES Innovation Awards 2025 (กราฟิก: Business Wire)

  •  เกี่ยวกับ CES®

CES คืองานกิจกรรมประจำปีที่จัดขึ้นทุกเดือนมกราคมในลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อจัดแสดงอุปกรณ์และบริการอิเล็กทรอนิกส์ล่าสุด ในฐานะงานแสดงสินค้าทางเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก งานนี้มีประวัติความเป็นมายาวนาน โดยจัดขึ้นครั้งแรกนานกว่า 50 ปีที่แล้วในปี 1967 งาน CES Innovation Awards ยกย่องผลิตภัณฑ์และบริการที่มีการออกแบบและเทคโนโลยีโดดเด่น โดยงาน CES Innovation Awards 2025 นี้มีผู้ส่งผลิตภัณฑ์และบริการเข้ามามากกว่า 3,400 รายการ ซึ่งมากที่สุดเป็นประวัติการณ์

หมายเหตุ: รางวัล CES Innovation Awards พิจารณาจากคำบรรยายที่ส่งให้กรรมการผู้ตัดสิน โดยสมาคมเทคโนโลยีเพื่อผู้บริโภคหรือ CTA ไม่ได้ตรวจสอบความถูกต้องของผลิตภัณฑ์หรือบริการ ตลอดจนคำกล่าวอ้างของผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ส่งเข้ามา และไม่ได้ทดสอบผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ได้รับรางวัล

  •  เกี่ยวกับหมวดหมู่รางวัลทั้งสอง

 เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสุขภาพ: หมวดหมู่นี้ไฮไลท์อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพและสุขภาวะ รวมถึงอุปกรณ์ที่ช่วยในการจัดการและวิเคราะห์สุขภาพ การตรวจพบโรค และประสิทธิภาพของการรักษา

 เทคโนโลยีเพื่อความสามารถในการเข้าถึงและผู้สูงวัย: หมวดหมู่นี้ยกย่องผลิตภัณฑ์ บริการ และเทคโนโลยีที่ให้ความสำคัญกับความสามารถในการเข้าถึงสำหรับผู้ทุพพลภาพ รวมถึงฟีเจอร์ที่คิดค้นขึ้นใหม่ที่ส่งเสริมการดำรงชีวิตอย่างอิสระของผู้สูงวัย

  •  เกี่ยวกับช้อนเกลือไฟฟ้า

ช้อนเกลือไฟฟ้าคืออุปกรณ์รูปร่างเหมือนช้อนทานอาหารที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มรสเค็มและรสอูมามิของอาหารโซเดียมต่ำ*1 เช่น ซุปและแกง โดยใช้กระแสไฟฟ้าอ่อนๆ อุปกรณ์นี้เปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2024*2 โดยเป็นการพัฒนาร่วมกับห้องปฏิบัติการมิยาชิตะของศ.โฮเมอิ มิยาชิตะแห่งภาควิชาวิทยาศาสตร์สื่อแนวหน้า คณะวิทยาศาสตร์ทางคณิตศาสตร์แบบสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยเมจิ โดยผลิตภัณฑ์นี้มีเทคโนโลยีรูปแบบคลื่นไฟฟ้าอันเป็นเอกลักษณ์*4 ซึ่งเพิ่มความเค็มให้กับอาหารโซเดียมต่ำได้ประมาณ 1.5 เท่า*3 จากนี้เป็นต้นไป Kirin Holdings มีแผนที่จะร่วมเป็นหุ้นส่วนกับธุรกิจและรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อขยายการใช้งานและตลาดของผลิตภัณฑ์นี้ รวมถึงสำรวจการนำการใช้งานของผลิตภัณฑ์นี้ไปใช้ในเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารประเภทอื่นๆ และการพัฒนาตัวเลือกอาหารโซเดียมต่ำ

 *1 การประชุม Neurostimulation Interface Research Meeting ครั้งที่ 3 (มีนาคม 2023) “ผลของรูปแบบคลื่นไฟฟ้าควบคุมรสชาติที่เพิ่มความเค็มของอาหารโซเดียมต่ำให้เกิดรสชาติอูมามิ” ประสบการณ์ที่แต่ละคนได้รับอาจต่างกันไป และการรับรู้รสอาจต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับประเภทของอาหาร
*2 ข่าวประชาสัมพันธ์ของ Kirin Holdings, 20 พฤษภาคม 2024: Kirin Holdings จะเริ่มการจำหน่ายทางออนไลน์ของ “ช้อนเกลือไฟฟ้า” ซึ่งเป็นช้อนที่ใช้กระแสไฟฟ้าในการเพิ่มรสเค็มและรสอูมามิ ในวันที่ 20 พฤษภาคม
 https://www.kirinholdings.com/en/newsroom/release/2024/0520_01.html
*3 การประเมินความระดับความเค็มระหว่างตัวอย่างที่คล้ายอาหารปกติกับตัวอย่างที่ลดเกลือลง 30%
การทดสอบใช้ตะเกียบติดเทคโนโลยีเกลือไฟฟ้า (ช่วงกระแสไฟฟ้า: 0.1-0.5mA) โดยจากการสำรวจผู้ชายและผู้หญิง 31 คนอายุ 40-65 ปีที่เคยลดการบริโภคเกลือหรือกำลังลดการบริโภคเกลือ ผู้เข้าร่วม 29 จาก 31 คนรายงานว่าความเค็มของอาหารที่ทดสอบเพิ่มขึ้น
 *4 ข่าวประชาสัมพันธ์ของ Kirin Holdings, 11 เมษายน 2022: ครั้งแรกของโลก! งานวิจัยยืนยันว่ามีการเปลี่ยนแปลงการรับรู้รสผ่านการกระตุ้นด้วยไฟฟ้า ซึ่งนำไปสู่การพัฒนา 'ตะเกียบปรับรสชาติ'
 https://www.kirinholdings.com/en/newsroom/release/2022/0411_01.html

  •  ภาพรวมของบูธ

วันที่: 7-10 มกราคม 2025
*จะมีการจัดแสดงบูธในงาน CES Unveiled Las Vegas ในวันที่ 5 มกราคมด้วย
สถานที่: Las Vegas Convention Center, Eureka Park ของ Venetian Expo
บูธช้อนไฟฟ้า: Tech West, Venetian Expo, โถง A-D — 51320 — เทคโนโลยีอาหาร
เว็บไซต์ทางการของ CES: https://www.ces.tech/

  •  คำกล่าวของผู้ชนะรางวัล: คุณไอ ซาโต้, กลุ่มธุรกิจใหม่, แผนกวิทยาศาสตร์สุขภาพ, Kirin Holdings

“ช้อนเกลือไฟฟ้าพัฒนาขึ้นโดยมีปรัชญาหลักคือ “มื้ออาหารที่อร่อยสำหรับทุกคน” เพื่อหาคำตอบให้กับความท้าทายของสังคมและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการทานอาหารลดโซเดียม การทานโซเดียมมากเกินไปเป็นปัญหาสำคัญด้านสุขภาพทั่วโลก ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่วิสัยทัศน์และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังช้อนเกลือไฟฟ้าได้รับการยอมรับ และเรารู้สึกซาบซึ้งใจที่ได้รับรางวัลนี้ ในขณะเดียวกัน ดิฉันมองรางวัลนี้เป็นสัญญาณแห่งความคาดหวังต่ออนาคต เราจะผลักดันธุรกิจของเราให้ก้าวไปข้างหน้าต่อไป เพื่อมอบคุณค่าของสุขภาพและความสุขผ่านอาหารแก่ลูกค้าทั่วโลก”

Kirin Group ได้กำหนดวิสัยทัศน์ในการบริหารจัดการระยาวชื่อว่า Kirin Group Vision 2027 ขึ้นโดยมีเป้าหมายในการกลายเป็นผู้นำระดับโลกด้าน CSV*5 ทั้งในภาคธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มและภาคธุรกิจเภสัชกรรม เพื่อสร้างเสริมสุขภาพของผู้คนผ่านการเติบโตของธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพของบริษัท โดยช้อนเกลือไฟฟ้ามีจุดมุ่งหมายเพื่อมอบพฤติกรรมการทานอาหารที่มีความสุข อร่อย และดีต่อสุขภาพให้กับลูกค้า เพื่อสังคมที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้นและมีความสุขยิ่งขึ้น

*5 ย่อมาจาก Creating Shared Value หรือการสร้างคุณค่าร่วม โดยสร้างประโยชน์ต่อผู้บริโภคและสังคมในภาพรวมไปพร้อมๆ กัน

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทข้ามชาติที่ประกอบธุรกิจในภาคอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม), ภาคเภสัชกรรม (ธุรกิจเภสัชกรรม) และภาควิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings เริ่มต้นมาจาก Japan Brewery ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1885 และจาก Japan Brewery ก็ได้กลายเป็น Kirin Brewery ในปี 1907 นับแต่นั้นเป็นต้นมา บริษัทก็ขยายกิจการออกไปโดยมีการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และได้ก้าวเข้าสู่ธุรกิจเภสัชกรรมในทศวรรษ 1980 ซึ่งทั้งหมดนี้กลายเป็นศูนย์กลางของการเติบโตระดับโลกต่อมาเรื่อยๆ ในปี 2007 Kirin Holdings ได้รับการก่อตั้งขึ้นโดยมีลักษณะเป็นบริษัทผู้ถือหุ้นอย่างแท้จริง (Pure Holding Company) และขณะนี้มุ่งเน้นไปที่การสร้างความเติบโตให้กับภาควิทยาศาสตร์สุขภาพของบริษัท

ภายใต้ Kirin Group Vision 2027 (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนบริหารจัดการระยะยาวที่เริ่มใช้งานในปี 2019 ทาง Kirin Group พุ่งเป้าไปที่การกลายเป็นผู้นำระดับโลกด้าน CSV* เพื่อสร้างคุณค่าทั้งในภาคธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มและภาคธุรกิจเภสัชกรรมของเรา จากนี้เป็นต้นไป Kirin Group จะใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของตัวเองต่อไปเพื่อสร้างคุณค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านธุรกิจของเรา โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อนำการเติบโตที่ยั่งยืนมาผสานไว้ในค่านิยมขององค์กร

* ย่อมาจาก Creating Shared Value หรือการสร้างคุณค่าร่วม โดยสร้างประโยชน์ต่อผู้บริโภคและสังคมในภาพรวมไปพร้อมๆ กัน

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/54170896/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ
แผนกสื่อสารองค์กรของ Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 นากาโนะ, เขตนากาโนะ, โตเกียว
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

Source: Kirin Holdings Company, Limited


Perma-Pipe International Holdings, Inc. ประกาศงบการเงินไตรมาสที่ 3

Logo

  •  บริษัทมียอดขายสุทธิอยู่ที่ 41.6 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับไตรมาส และ 113.4 ล้านเหรียญสหรัฐนับจากวันแรกของปีจนถึงวันปัจจุบัน
  •  รายได้ก่อนหักภาษีเงินได้อยู่ที่ 5.1 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับไตรมาส และ 13.2 ล้านเหรียญสหรัฐนับจากวันแรกของปีจนถึงวันปัจจุบัน
  •  ยอดขายสะสมที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้อยู่ที่ 114.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2024 เมื่อเทียบกับ 68.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 31 มกราคม 2024

สปริง เท็กซัส –(BUSINESS WIRE)–24 ธันวาคม 2024

Perma-Pipe International Holdings, Inc. (NASDAQ: PPIH) ประกาศงบการเงินในวันนี้สำหรับไตรมาสที่ 2 และรอบปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024

“ยอดขายสุทธิในไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 41.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 4.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว รายได้สุทธิจากหุ้นสามัญอยู่ที่ 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 29% เมื่อเทียบกับ 1.9 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 3 ของปี 2023 งวดเก้าเดือนที่สิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 ยอดขายสุทธิอยู่ที่ 113.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับงวดเก้าเดือนที่สิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2023 รายได้สุทธิจากหุ้นสามัญอยู่ที่ 7.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 294% เมื่อเทียบกับรายได้สุทธิจากหุ้นสามัญอยู่ที่ 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐงวดเก้าเดือนที่สิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2023” David Mansfield ประธานและซีอีโอกล่าว

“ยอดขายสะสมที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้ในไตรมาสที่ 3 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างมากและปัจจุบันอยู่ที่ 114.2 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเทียบเท่ากับรายได้งวดเก้าเดือนเมื่อพิจารณาจากรายได้ในปีก่อนๆ ยอดขายสะสมที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสองไตรมาสที่ผ่านมา ถือเป็นเรื่องน่ายินดีและทำให้เกิดความหวังในการก้าวเข้าสู่ปีหน้า นอกจากนี้ ยอดขายสะสมที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้ในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เปลี่ยนจาก MFRI มาเป็น Perma-Pipe ซึ่งเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม 2017” Mr. Mansfield กล่าวต่อ

“ผลประกอบการไตรมาสที่ 3 และปีงบการเงิน 2024 ของเราจนถึงปัจจุบันยังคงสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมซึ่งยังคงสม่ำเสมอตลอดทั้งปี ทั้งนี้ รายได้สุทธิของเราที่เป็นหุ้นสามัญในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 ถือเป็นรายได้สูงสุดนับตั้งแต่เปลี่ยนจาก MFRI มาเป็น Perma-Pipe” Mr. Mansfield กล่าว

“เรารู้สึกยินดีกับระดับกิจกรรมทางธุรกิจที่เราเผชิญมาและยังคงพบเห็นอยู่ โดยได้รับแรงหนุนจาก ยอดขายสะสมที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้ และราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานในซาอุดีอาระเบีย อินเดีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถือเป็นแรงผลักดันสำคัญในการปรับปรุงโดยรวมของเรา ซึ่งความแข็งแกร่งของงบการเงินของเราช่วยให้เราสามารถดำเนินการตามแผนริเริ่มเชิงกลยุทธ์ต่อไปได้” Mr. Mansfield กล่าวสรุป

ผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปีงบการเงิน 2024

ยอดขายสุทธิอยู่ที่ 41.6 ล้านเหรียญสหรัฐและ 45.7 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การลดลง 4.1 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 9% เป็นผลมาจากระยะเวลาในการดำเนินโครงการ

กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 14.1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 34% ของยอดขายสุทธิ และ 13.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 29% ของยอดขายสุทธิ ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การเพิ่มขึ้น 0.9 ล้านเหรียญสหรัฐนั้นได้รับแรงหนุนหลักจากอัตรากำไรที่ดีขึ้นเนื่องจากส่วนประสมผลิตภัณฑ์

ค่าใช้จ่ายทั่วไปและการบริหารอยู่ที่ 7.3 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 5.7 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือนและค่าธรรมเนียมวิชาชีพที่สูงขึ้นในไตรมาสนี้

ค่าใช้จ่ายในการขายอยู่ที่ 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การลดลง 0.3 ล้านเหรียญสหรัฐเกิดจากค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือนที่ลดลงในไตรมาสนี้

ดอกเบี้ยจ่ายสุทธิยังคงที่และอยู่ที่ 0.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 0.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ อยู่ที่ 0.1 ล้านเหรียญสหรัฐและ 0.5 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การลดลง 0.4 ล้านเหรียญสหรัฐนั้น มีสาเหตุหลักมาจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในการทำธุรกรรมสกุลเงินต่างประเทศ

ETR ของบริษัทอยู่ที่ 32% และ 31% ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การเปลี่ยนแปลงใน ETR เกิดจากความสามารถในการรับรู้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากผลขาดทุนในสหรัฐอเมริกาในปีปัจจุบัน ในขณะที่ปีก่อนมีค่าเผื่อการปรับมูลค่าเต็มจำนวน และมีการเปลี่ยนแปลงการผสมผสานระหว่างรายได้และขาดทุนในเขตอำนาจศาลต่างๆ

รายได้สุทธิจากหุ้นสามัญอยู่ที่ 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 1.9 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การเพิ่มขึ้น 0.6 ล้านเหรียญสหรัฐนั้น สาเหตุหลักมาจากการดำเนินโครงการที่ดีขึ้นในไตรมาสนี้

 ผลประกอบการปีงบการเงิน 2024 จนถึงปัจจุบัน

ยอดขายสุทธิอยู่ที่ 113.4 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 110.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การเพิ่มขึ้น 2.9 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 3% เป็นผลมาจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง

กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 38.1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 34% ของยอดขายสุทธิ และ 29.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 27% ของยอดขายสุทธิ ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การเพิ่มขึ้น 8.7 ล้านเหรียญสหรัฐนั้นได้รับแรงหนุนหลักจากอัตรากำไรที่ดีขึ้นเนื่องจากส่วนประสมผลิตภัณฑ์

ค่าใช้จ่ายทั่วไปและการบริหารอยู่ที่ 19.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 16.4 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การเพิ่มขึ้น 3.1 ล้านเหรียญสหรัฐเกิดจากค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือนและค่าธรรมเนียมวิชาชีพที่สูงขึ้น

ค่าใช้จ่ายในการขายอยู่ที่ 3.8 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 4.2 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การลดลง 0.4 ล้านเหรียญสหรัฐเกิดจากค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือนที่ลดลง

ดอกเบี้ยจ่ายสุทธิอยู่ที่ 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การลดลง 0.3 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสาเหตุหลักมาจากการลดลงของอัตราดอกเบี้ยของหนี้ที่มีอัตราผันแปรบางประเภท

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ อยู่ที่ 0.2 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 0.4 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การเปลี่ยนแปลงนี้มีสาเหตุหลักมาจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ

ETR ของบริษัทอยู่ที่ 28% และ 49% ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การเปลี่ยนแปลงใน ETR เกิดจากความสามารถในการรับรู้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากผลขาดทุนในสหรัฐอเมริกาในปีปัจจุบัน ในขณะที่ปีก่อนมีค่าเผื่อการปรับมูลค่าเต็มจำนวน และมีการเปลี่ยนแปลงการผสมผสานระหว่างรายได้และขาดทุนในเขตอำนาจศาลต่างๆ

รายได้สุทธิจากหุ้นสามัญอยู่ที่ 7.2 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การเพิ่มขึ้น 5.4 ล้านเหรียญสหรัฐนั้น สาเหตุหลักมาจากการดำเนินโครงการที่ดีขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา

Perma-Pipe International Holdings, Inc.

Perma-Pipe International Holdings, Inc. (“บริษัท”) เป็นผู้นําระดับโลกในด้านระบบท่อหุ้มฉนวนล่วงหน้าและระบบตรวจจับการรั่วไหลสําหรับการรวบรวมน้ำมันและก๊าซ ระบบทำความร้อนและทำความเย็นในเขตพื้นที่ และการใช้งานอื่นๆ บริษัทใช้ความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและการประดิษฐ์ที่กว้างขวางเพื่อพัฒนาโซลูชันระบบท่อที่ช่วยแก้ปัญหาที่ซับซ้อนเกี่ยวกับการขนส่งของเหลวหลายประเภทอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ บริษัทมีการดำเนินงานทั้งหมด 14 แห่งใน 6 ประเทศ

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคต

ข้อความบางส่วนและข้อมูลอื่น ๆ ที่มีอยู่ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ซึ่งสามารถระบุได้โดยใช้คำศัพท์ที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์อนาคต ถือเป็น “ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคต” ตามความหมายของมาตรา 27A ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ปี 1933 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม และมาตรา 21E ของ พระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ปี 1934 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม และอยู่ภายใต้การคุ้มครองความปลอดภัยที่สร้างขึ้น ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ข้อความเกี่ยวกับผลการดำเนินงานและการดำเนินธุรกิจในอนาคตที่คาดหวังของบริษัท ข้อความเหล่านี้ควรได้รับการพิจารณาว่ามีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนมากมายที่มีอยู่ในการดำเนินงานและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของบริษัท ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนดังกล่าวรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงดังต่อไปนี้: (i) ความผันผวนของราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติและผลกระทบต่อปริมาณการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทของลูกค้า (ii) ความสามารถของบริษัทในการซื้อวัตถุดิบในราคาที่เอื้ออำนวยและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับซัพพลายเออร์ของตน (iii) การลดลงของการใช้จ่ายภาครัฐในโครงการที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท และความท้าทายต่อสภาพคล่องและการเข้าถึงเงินทุนของลูกค้าที่ไม่ใช่ภาครัฐของบริษัท (iv)ความสามารถของบริษัทในการชำระหนี้และต่ออายุสินเชื่อระหว่างประเทศที่กำลังจะหมดอายุ (v) ความสามารถของบริษัทในการดำเนินการตามแผนกลยุทธ์อย่างมีประสิทธิผล และบรรลุผลกำไรที่ยั่งยืนและกระแสเงินสดที่เป็นบวก (vi) ความสามารถของบริษัทในการเรียกเก็บเงินลูกหนี้ระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับโครงการในตะวันออกกลาง (vii) ความสามารถของบริษัทในการตีความการเปลี่ยนแปลงในกฎระเบียบและกฎหมายด้านภาษี(viii) ความสามารถของบริษัทในการใช้ผลขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงานยกไป (ix) การกลับรายการรายได้และกำไรที่บันทึกไว้ก่อนหน้านี้อันเป็นผลมาจากการประมาณการที่ไม่ถูกต้องซึ่งเกี่ยวข้องกับการรับรู้รายได้ “ล่วงเวลา” ของบริษัท (x) ความล้มเหลวของบริษัทในการสร้างและรักษาการควบคุมภายในที่มีประสิทธิผลต่อการรายงานทางการเงิน (xi) ระยะเวลาในการรับคำสั่งซื้อ การดำเนินการ การส่งมอบ และการยอมรับผลิตภัณฑ์ของบริษัท (xii) ความสามารถของบริษัทในการเจรจาการจัดการการเรียกเก็บเงินความคืบหน้าสำหรับสัญญาขนาดใหญ่ได้สำเร็จ (xiii) การกำหนดราคาเชิงรุกโดยคู่แข่งที่มีอยู่และการเข้ามาของคู่แข่งรายใหม่ในตลาดที่บริษัทดำเนินการอยู่ (xiv) ความสามารถของบริษัทในการผลิตสินค้าที่ปราศจากข้อบกพร่องที่แฝงอยู่และในการกู้คืนจากซัพพลายเออร์ที่อาจจัดหาวัตถุดิบที่มีข้อบกพร่องให้กับบริษัท (xv) การลดหรือยกเลิกคำสั่งซื้อที่รวมอยู่ในยอดขายสะสมที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้ของบริษัท (xvi) ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่เฉพาะเจาะจงต่อการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศของบริษัท (xvii) ความสามารถของบริษัทในการดึงดูดและรักษาผู้บริหารระดับสูงและบุคลากรสำคัญ (xviii) ความสามารถของบริษัทในการบรรลุผลประโยชน์ที่คาดหวังจากโครงการริเริ่มการเติบโต (xix) ผลกระทบของโรคระบาดและวิกฤตด้านสาธารณสุขอื่น ๆ ที่มีต่อบริษัทและการดำเนินงานของบริษัท และ (xx) ผลกระทบของภัยคุกคามทางไซเบอร์ต่อระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท ผู้ถือหุ้น นักลงทุนที่มีศักยภาพ และผู้อ่านรายอื่นๆ ควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้อย่างรอบคอบในการประเมินข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า และเตือนไม่ให้เชื่อถือข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าดังกล่าวมากเกินไป ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่ทำขึ้นในที่นี้จัดทำขึ้น ณ วันที่ในข่าวประชาสัมพันธ์นี้เท่านั้น และเราไม่มีข้อผูกมัดในการปรับปรุงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าใดๆ ต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่นๆ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยที่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานของเราได้ในเอกสารที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งสามารถดูได้ที่ https://www.sec.govและภายใต้หัวข้อศูนย์นักลงทุนของเว็บไซต์ของเรา (http://investors.permapipe.com.)

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลประกอบการทางการเงินของบริษัทสำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 รวมถึงการอภิปรายและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหารเกี่ยวกับสถานะทางการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัท มีอยู่ในรายงานประจำไตรมาสของบริษัทในแบบฟอร์ม 10-Q สำหรับไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 22024 ซึ่งจะยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในหรือประมาณวันที่ระบุในที่นี้ และจะสามารถเข้าถึงได้ที่ www.sec.govและ www.permapipe.comสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปดูที่เว็บไซต์ของบริษัท

 PERMA-PIPE INTERNATIONAL HOLDINGS, INC. และบริษัทย่อย

 งบการเงินรวมอย่างย่อของการดำเนินงาน

 (เป็นจำนวนพัน ยกเว้นข้อมูลต่อหุ้น)

 (ก่อนตรวจสอบ)

 งวดสามเดือนสิ้นสุด
วันที่ 31 ตุลาคม

 งวดเก้าเดือนสิ้นสุด
 วันที่ 31 ตุลาคม

 2024

 2023

 2024

 2023

ยอดขายสุทธิ

$

41,563

$

45,690

$

113,397

$

110,489

กำไรขั้นต้น

14,086

13,184

38,077

29,424

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวม

8,500

7,145

23,214

20,618

รายได้จากการดำเนินงาน

5,586

6,039

14,863

8,806

ดอกเบี้ยจ่าย

468

640

1,489

1,788

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ

(50

)

(502

)

(156

)

(350

)

รายได้ก่อนหักภาษีเงินได้

5,068

4,897

13,218

6,668

ภาษีเงินได้

1,615

1,533

3,692

3,257

รายได้สุทธิ

$

3,453

$

3,364

$

9,526

$

3,411

หัก: รายได้สุทธิของส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม

962

1,429

2,303

1,577

รายได้สุทธิที่เป็นส่วนของหุ้นสามัญ

$

2,491

$

1,935

$

7,223

$

1,834

กำไรต่อหุ้นที่เป็นส่วนของหุ้นสามัญ

ขั้นพื้นฐาน

$

0.31

$

0.24

$

0.91

$

0.23

ปรับลด

$

0.31

$

0.24

$

0.90

$

0.23

 หมายเหตุ: การคำนวณกำไรต่อหุ้นอาจได้รับผลกระทบจากการปัดเศษ

 PERMA-PIPE INTERNATIONAL HOLDINGS, INC. และบริษัทย่อย

 งบดุลรวมอย่างย่อ

 (เป็นจำนวนพัน)

 (ก่อนตรวจสอบ)

 October 31, 2024

 January 31, 2024

 สินทรัพย์

สินทรัพย์หมุนเวียน

$

104,405

$

98,818

สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน

56,344

56,893

 สินทรัพย์รวม

$

160,749

$

155,711

 หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น

หนี้สินหมุนเวียน

$

53,794

$

57,742

หนี้สินไม่หมุนเวียน

26,792

25,991

 หนี้สินรวม

80,586

83,733

 ส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม

8,952

6,266

 ส่วนของผู้ถือหุ้น

71,211

65,712

 หนี้สินและส่วนทุนรวม

$

160,749

$

155,711

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Perma-Pipe International Holdings, Inc.
David Mansfield ประธานและซีอีโอ
นักลงทุนสัมพันธ์ Perma-Pipe
(847) 929-1200
investor@permapipe.com

Source: Perma-Pipe International Holdings, Inc.

LG Uplus KidsTopia คว้ารางวัล MSIT Award จากการประชุม Metaverse Alliance ประจำปี 2024

Logo

  • ได้รับการยอมรับถึงความเป็นเลิศด้านการปกป้องผู้ใช้ การโต้ตอบ และการรับรองความถูกต้อง
  • มีสมาชิกมากกว่า 900,000 คนทั่วโลก และได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางทั้งในและนอกประเทศ ด้วยความสามารถในการสนทนาได้อย่างเป็นธรรมชาติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ขั้นสูง
  • มีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นจากการขับเคลื่อนโดย ‘ixi’ ซึ่งเป็นแบรนด์ AI ที่พัฒนาขึ้นภายในองค์กร พร้อมเนื้อหาการศึกษาเชิงประสบการณ์ที่ขยายออกเป็นวงกว้าง
  • ได้รับรางวัล ‘เหรียญทอง’ ในหมวดหมู่แอปพลิเคชันจาก ‘2024 Mom’s Choice Awards’ ซึ่งเป็นโปรแกรมการรับรองที่มีชื่อเสียงระดับโลกที่ผ่านการประเมินโดยผู้ปกครองและนักศึกษา

SEOUL, South Korea–(BUSINESS WIRE)–23 ธันวาคม 2024

LG Uplus (KRX:032640) ซึ่งเป็นหนึ่งในสามผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ ได้มีการประกาศเกี่ยวกับ ‘KidsTopia’ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับเด็ก ได้รับรางวัลจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และ ICT จาก 2024 Metaverse Alliance and Self-Regulation Achievement Sharing Conference

KidsTopia honored with the Gold Medal at the 2024 Mom’s Choice Awards. (image: LG Uplus)

KidsTopia ได้รับรางวัลเหรียญทองอันทรงเกียรติในงาน 2024 Mom’s Choice Awards (ภาพ: LG Uplus)

การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และ ICT (MSIT) ของสาธารณรัฐเกาหลี โดยมีการรวบรวมผู้เชี่ยวชาญจากภาคอุตสาหกรรม สถาบันการศึกษา การวิจัย และรัฐบาล เพื่อหารือเกี่ยวกับความสำเร็จและยกย่องบริษัทและโครงการที่โดดเด่น ซึ่งมีส่วนสนับสนุนการเติบโตของระบบนิเวศเมตาเวิร์ส โดยงานประจำปีในปีนี้มีการจัดขึ้นเมื่อวันที่ 11 เดือนธันวาคม ที่โรงแรม Seoul Dragon City ในเขต Yongsan-gu กรุงโซล

KidsTopia ได้รับรางวัลจากรัฐมนตรีซึ่งยกย่องผลงานที่โดดเด่นในด้านต่างๆ อาทิเช่น การปกป้องผู้ใช้ การโต้ตอบและการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ใช้ และการรับรองความถูกต้องสำหรับผู้ใช้

KidsTopia เป็นแพลตฟอร์มซึ่งเด็กๆ สามารถสำรวจและเรียนรู้เกี่ยวกับหัวข้อต่างๆ มากมาย รวมถึงภาษาต่างประเทศ สัตว์ ไดโนเสาร์ และอวกาศ ผ่านประสบการณ์เสมือนจริงแบบ 3D ที่น่าสนใจ พร้อมตัวละครที่ขับเคลื่อนด้วย AI กุญแจสำคัญของความสำเร็จคือ กราฟิกที่เด็กสามารถเข้าใจได้ง่ายและความสามารถในการสนทนาหลายภาษากับตัวละครที่ขับเคลื่อนโดย ixi ซึ่งเป็นเทคโนโลยี AI ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ LG Uplus

การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและคุณค่าทางการศึกษาที่เป็นเอกลักษณ์ไม่มีใครเหมือน ทำให้ KidsTopia ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ไม่เพียงเฉพาะในประเทศเกาหลีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยเช่นกัน เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2024 แพลตฟอร์มนี้ได้มีสมาชิกสะสมมากกว่า 900,000 คนทั่วโลก ถือเป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจ เมื่อแพลตฟอร์มนี้บรรลุเป้าหมายภายในเวลาเพียงหนึ่งปีเจ็ดเดือนเท่านั้น นับตั้งแต่เปิดตัว

นอกจากจะได้รับการยอมรับจาก MSIT แล้ว KidsTopia ยังได้รับรางวัล ‘เหรียญทอง’— ซึ่งเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุดในหมวดหมู่แอปพลิเคชันใน ‘2024 Mom’s Choice Awards’ ซึ่งเป็นโปรแกรมการรับรองผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับเด็กซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลก เมื่อวันที่ 4 เดือนธันวาคม

'Mom’s Choice' เป็นองค์กรรับรองระดับนานาชาติที่ดำเนินการประเมินและให้การยอมรับผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น โดยพิจารณาจากการประเมินโดยรวมด้านคุณภาพ คุณค่าทางการศึกษา และความคิดสร้างสรรค์ คณะกรรมการตัดสินไม่เพียงประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาและสื่อเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ปกครองและเด็กๆ อีกด้วย

ความสำคัญในการผ่านการยอมรับจาก Mom’s Choice Awards นั้นคือ การที่มีผู้ปกครองเข้าร่วมเป็นผู้ตัดสินใจหลักในการซื้อบริการสำหรับเด็ก ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาในกระบวนการประเมิน ความร่วมมือกันระหว่างผู้ปกครองและผู้เชี่ยวชาญนี้ช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือสำหรับกระบวนการรับรอง และกลายเป็นมาตรฐานสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อเด็กที่ครอบครัวทั่วโลกไว้วางใจ

Kim Min-gu หัวหน้าโครงการเมตาเวิร์สของ LG Uplus กล่าวว่า “เรามีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ความพยายามของเราในการสร้างแพลตฟอร์มที่สนุกสนานและเป็นประโยชน์ต่อเด็กๆ ได้รับการยอมรับจากการที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ทั้งในประเทศและทั่วโลก LG Uplus จะยังคงพยายามต่อไปเพื่อยกระดับ KidsTopia ให้เป็นแพลตฟอร์มสำหรับเด็กชั้นนำระดับโลก ซึ่งขับเคลื่อนด้วยความมั่นใจและความมุ่งมั่นในด้านการศึกษา ความบันเทิง และความปลอดภัย”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54167968/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

LG Uplus
Seung-oh Han
sohan@lguplus.co.kr

แหล่งข้อมูล: LG Uplus

สัปดาห์ภาพยนตร์นานาชาติล้านช้าง-แม่โขง ครั้งที่ 6 เปิดสะพานเชื่อมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการเรียนรู้ร่วมกัน

Logo

พนมเปญ, กัมพูชา–(BUSINESS WIRE)–20 ธันวาคม 2024

สัปดาห์ภาพยนตร์นานาชาติล้านช้าง-แม่โขง ครั้งที่ 6 จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 17 ธันวาคม ณ กรุงพนมเปญ เมืองหลวงของประเทศกัมพูชา ที่จะนำผู้ชมในประเทศเข้าสู่การเดินทางแห่งโลกภาพยนตร์เป็นเวลา 5 วัน

The 6th Lancang-Mekong International Film Week kicked off in Phnom Penh on December 17. (photo by Li Tao)

สัปดาห์ภาพยนตร์นานาชาติล้านช้าง-แม่โขงครั้งที่ 6 จัดขึ้นที่กรุงพนมเปญเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม (ภาพถ่ายโดย Li Tao)

Phoeung Sakona รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและศิลปกรรมแห่งกัมพูชา เน้นย้ำว่างานนี้เป็นเวทีที่ช่วยส่งเสริมการสนทนาทางวัฒนธรรมและความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างประเทศในอนุภูมิภาคล้านช้าง-แม่น้ำโขง

ในช่วงสัปดาห์ภาพยนตร์นี้ จะมีการฉายภาพยนตร์ 20 เรื่องจากกลุ่มประเทศล้านช้าง-แม่โขง ซึ่งนำเสนอธีมและประเภทภาพยนตร์ที่หลากหลาย เช่น ภาพยนตร์ตลก ภาพยนตร์แอ็คชั่น ภาพยนตร์โรแมนติก และภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์

ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Rooftop Soccer ที่ได้รับรางวัลภาพยนตร์เด็กยอดเยี่ยมจากงาน Golden Rooster Awards ครั้งที่ 37 ในประเทศจีน โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นำเสนอเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้านโบราณ รวมถึงประเพณีของชาติพันธุ์แห่งมณฑลยูนนานแก่ผู้ชม

โดยภาพยนตร์แอนิเมชั่นหนึ่งเดียวในงานนี้อย่าง I Am What I Am จะแนะนำผู้ชมให้รู้จักวัฒนธรรมการเชิดสิงโตแบบจีนดั้งเดิม รวมถึงประเพณีของหลิงหนานผ่านภาพที่งดงามและเนื้อเรื่องที่เสริมสร้างแรงบันดาลใจ

ภาพยนตร์จากกัมพูชา When Mom Gets Old ที่มุ่งเน้นไปที่ชีวิตของสตรีวัยชรา โดยเน้นถึงความขัดแย้งระหว่างรุ่น ที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการคิดอย่างไตร่ตรองรอบด้าน

ภาพยนตร์จากประเทศไทย Grandma’s Grandchild (หลานม่า) ที่ถ่ายทอดการขับเคลื่อนทางอารมณ์อันละเอียดอ่อนภายในครอบครัวไทย-จีนสามชั่วอายุคน ที่ได้ทำลายสถิติของบ็อกซ์ออฟฟิศหลายรายการเมื่อออกฉาย

จากผ่านภาพยนตร์เหล่านี้ ผู้ชมสามารถร่วมเดินทาง เข้าถึงอารมณ์ รู้สึก และสัมผัสกับทัศนียภาพอันสวยสดงดงาม วัฒนธรรมอันหลากหลาย รวมถึงความสะท้อนทางอารมณ์ของกลุ่มประเทศล้านช้าง-แม่น้ำโขงได้ทั้ง 6 ประเทศ

นอกจากนี้ กิจกรรมต่างๆ เช่น การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การอภิปราย และการส่งเสริมโครงการ ยังช่วยเสริมสร้างความสำคัญทางวัฒนธรรมของสัปดาห์ภาพยนตร์ และช่วยเพิ่มอิทธิพลของแบรนด์อีกด้วย

Zhai Yulong ผู้อำนวยการสำนักงานภาพยนตร์แห่งมณฑลยูนนานของจีน แสดงความหวังว่างานนี้จะช่วยส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนภาพยนตร์ ช่วยเสริมสร้างการสื่อสารระหว่างผู้สร้างภาพยนตร์ และเพิ่มการเชื่อมโยงในอุตสาหกรรมภาพยนตร์เพิ่มมากขึ้น รวมถึงช่วยส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองและการพัฒนาของภาคส่วนภาพยนตร์ในกลุ่มประเทศล้านช้าง-แม่น้ำโขง

Mr. CHEN Cong อัครราชทูตที่ปรึกษาสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรกัมพูชา กล่าวว่า สัปดาห์ภาพยนตร์นานาชาติล้านช้าง-แม่โขงจะช่วยส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเชิงลึก ความร่วมมือ และการพัฒนาภายในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกันและมิตรภาพระหว่างประชาชนของประเทศเหล่านี้

ขณะที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติล้านช้าง-แม่โขง ครั้งที่ 6 กำลังดำเนินอยู่ บทหนึ่งที่งดงามเกี่ยวกับการบูรณาการทางวัฒนธรรมและความเข้าใจซึ่งกันและกันจะถูกเขียนขึ้นอย่างชัดเจน โดยแสดงให้เห็นว่าอารยธรรมนั้นได้รับการเสริมสร้างผ่านการแลกเปลี่ยน และเติบโตผ่านการเรียนรู้ร่วมกัน

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54170021/en

Contacts

Eason Zhou
อีเมล: evisionsinfo@gmail.com

แหล่งข้อมูล: Yunnan Information Office

Kao Corporation: ว่าด้วยเรื่องการเสนอเชื่อเพื่อคัดเลือกบุคคลขึ้นเป็นกรรมการบริษัทของเรา

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–19 ธันวาคม 2024

คณะกรรมการและทีมผู้บริหารของบริษัท Kao มุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นจากมุมมองในระยะยาวตามตามกลยุทธ์ทางธุรกิจของเรา เรามุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดของเราโดยตรงและในเชิงสร้างสรรค์เพื่อวัตถุประสงค์ในการเพิ่มมูลค่าให้กับองค์กรของเรา และเรายินดีที่จะเปิดรับมุมมองใหม่ ๆ ในการรับมือกับความท้าทายด้วย

Kao ยึดมั่นในกระบวนการคัดเลือกที่เข้มงวดเพื่อให้มั่นใจได้ว่าเราจะสามารถคัดเลือกองค์คณะในคณะกรรมการบริหารได้อย่างเหมาะสมที่สุด ตามที่ประกาศในข่าวซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ในปีงบประมาณนี้นั้น คณะกรรมการบริหารและคณะกรรมการตรวจสอบผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการและกรรมการตรวจสอบและกำกับดูแลได้พิจารณาคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับตำแหน่งกรรมการและกรรมการตรวจสอบและกำกับดูแลเป็นระยะเวลานานกว่า 6 เดือน ซึ่งเราได้ประกาศชื่อผู้รัดคัดเลือกสำหรับตำแหน่งกรรมการและกรรมการตรวจสอบและกำกับดูแลเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมเพื่อให้สอดคล้องกับการประกาศโครงสร้างเจ้าหน้าที่บริหารชุดใหม่

บุคคลที่ได้รับการประกาศออกไปนั้น คือผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อและจะไม่เป็นการตัดสิทธิ์การเสนอชื่อจากผู้ถือหุ้นรายอื่น ขณะนี้ เรากำลังดำเนินการประเมินผู้สมควรได้รับเลือกเป็นกรรมการที่ผู้ถือหุ้นบางรายเสนอชื่อมา โดยเป็นกระบวนการหลังจากกระบวนการคัดเลือกของบริษัทเรา

Kao จะยังคงมุ่งมั่นเพื่อให้แน่ใจได้ว่าเราจะเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดแก่ผู้ถือผลประโยชน์ร่วมทั้งหมดได้อย่างยุติธรรมต่อไป

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

สื่อสามารถสอบถามได้โดยตรงที่:
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
Kao Corporation
corporate_pr@kao.com

Source: Kao Corporation

ClinChoice ขยายความร่วมมือ 13 ปีกับ Medidata ด้วยการเพิ่ม Clinical Data Studio เพื่อปรับปรุงการจัดการข้อมูลและเสริมศักยภาพการทดลองทางคลินิก

Logo

ข้อตกลงใหม่จะผสานรวมแพลตฟอร์ม Medidata ขจัดขั้นตอนการศึกษาที่ซับซ้อน และเร่งการวิจัยผ่าน AI ระบบอัตโนมัติ และการวิเคราะห์ขั้นสูง

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–18 ธันวาคม 2024

Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Dassault Systèmes และผู้ให้บริการโซลูชันการทดลองทางคลินิกชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ได้ขยายความร่วมมือทางธุรกิจระยะยาวกับ ClinChoice ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยตามสัญญา (CRO) ระดับโลก ภายใต้ข้อตกลงใหม่นี้ ClinChoice จะใช้แพลตฟอร์ม Medidata เพื่อปรับปรุงข้อมูลการศึกษาและการจัดการการจัดหา เพิ่มประสิทธิภาพการทดลอง และเร่งการเติบโตในฐานะ CRO แบบครบวงจรในเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ClinChoice ยังวางแผนที่จะให้ความสำคัญกับการรับรอง Clinical Data Studio เป็นหลัก โดยการเพิ่มขีดความสามารถให้มากขึ้นผ่านประสบการณ์การจัดการคุณภาพข้อมูลที่ขับเคลื่อนด้วย AI เชิงปฏิรูป

ClinChoice มุ่งมั่นที่จะใช้โซลูชันของ Medidata มานานกว่าทศวรรษ โดยช่วยอำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยระหว่างผู้ป่วย สถานที่ และผู้สนับสนุนภายในสภาพแวดล้อมคลาวด์แบบรวมศูนย์ ในฐานะผู้ใช้รายแรกๆ ClinChoice มีบทบาทสำคัญในช่วงการระบาดใหญ่จากการนำโมเดล Direct-to-Patient ของ Rave RTSM มาใช้ ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างต่อเนื่องและปรับปรุงสินค้าคงคลังให้เหมาะสมในหลายๆ ภูมิภาคและข้อกำหนดด้านกฎระเบียบต่างๆ การผสานรวมโซลูชันของ Medidata ช่วยให้ ClinChoice เสริมศักยภาพในการดำเนินงานและพร้อมสำหรับการเติบโตในสภาพแวดล้อมการทดลองทางคลินิกที่ซับซ้อนมากขึ้นในปัจจุบัน

“ตั้งแต่ที่เราเริ่มนำ Medidata Rave EDC มาใช้ครั้งแรกในปี 2011 ความร่วมมือระหว่างเรากับ Medidata ได้ช่วยสนับสนุนการพัฒนาของเรา โดยเริ่มต้นที่สหรัฐอเมริกา จากนั้นที่จีน และในที่สุดก็ขยายไปสู่ระดับโลก” Ling Zhen ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารระดับโลกของ ClinChoice กล่าว “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะขยายความร่วมมือเพื่อนำ Clinical Data Studio ของ Medidata และเทคโนโลยีขั้นสูงอื่นๆ มาใช้เพื่อส่งเสริมการขยายตัวของเราต่อไป”

“ความมุ่งมั่นของ ClinChoice ในด้านนวัตกรรมและแนวทางที่ให้ความสำคัญกับผู้ป่วยเป็นหลักทำให้พวกเขาเป็นพันธมิตรที่ล้ำค่า” Edwin Ng รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Medidata กล่าว “ด้วยความร่วมมือใหม่นี้ เรามุ่งหวังที่จะเสริมศักยภาพให้กับ ClinChoice ด้วยโซลูชันขั้นสูงของ Medidata เพื่อส่งเสริมกระบวนการทดลองให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ขยายการเข้าถึงทั่วโลก และเร่งการเข้าถึงการรักษาที่เปลี่ยนแปลงชีวิตสำหรับผู้ป่วยทั่วโลก”

เกี่ยวกับ Medidata

Medidata ขับเคลื่อนการรักษาที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นและทำให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดีขึ้นผ่านโซลูชันดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการทดลองทางคลินิก Medidata เฉลิมฉลอง 25 ปีของนวัตกรรมเทคโนโลยีสุดล้ำในการทดลองมากกว่า 35,000 ครั้งและผู้ป่วย 10 ล้านราย โดยนำเสนอความเชี่ยวชาญระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยการวิเคราะห์ และชุดข้อมูลการทดลองทางคลินิกในอดีตระดับผู้ป่วยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนมากกว่า 1 ล้านรายในลูกค้าประมาณ 2,300 รายไว้วางใจในแพลตฟอร์มที่ไร้รอยต่อและครบวงจรของ Medidata ในการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วย เร่งการค้นพบทางคลินิก และนำการรักษาออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Dassault Systèmes (Euronext Paris: FR0014003TT8, DSY.PA) มีสำนักงานใหญ่อยู่ในนครนิวยอร์ก และได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำโดย Everest Group และ IDC ค้บหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.medidata.com และติดตามเราได้ที่ @Medidata

เกี่ยวกับ Dassault Systèmes

Dassault Systèmes เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับความก้าวหน้าของมนุษย์ ตั้งแต่ปี 1981 บริษัทได้ริเริ่มโลกเสมือนจริงเพื่อพัฒนาชีวิตจริงสำหรับผู้บริโภค ผู้ป่วย และพลเมือง แพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE ของ Dassault Systèmes ช่วยให้ลูกค้า 350,000 รายในอุตสาหกรรมทั้งหมดและทุกขนาดสามารถทำงานร่วมกัน จินตนาการ และสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ยั่งยืนซึ่งส่งผลกระทบที่มีคุณค่าได้ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่: www.3ds.com

เกี่ยวกับ ClinChoice

ClinChoice เป็นองค์กรวิจัยตามสัญญา (CRO) ชั้นนำระดับโลกที่มุ่งมั่นจัดหาโซลูชันบริการครบวงจรและฟังก์ชันการทำงานตลอดวงจรชีวิตการพัฒนาสำหรับบริษัทเภสัชกรรม เทคโนโลยีชีวภาพ อุปกรณ์การแพทย์ และผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก ClinChoice ก่อตั้งขึ้นในปี 1995 และมีพนักงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมากกว่า 4,000 คนใน 30 ประเทศทั่วเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ

ClinChoice คือแหล่งข้อมูลโซลูชันไบโอเมตริกที่ครอบคลุมซึ่งออกแบบมาเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลการทดลองทางคลินิกของคุณเป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพสูงสุด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราสร้างชื่อเสียงในฐานะพันธมิตรที่ลูกค้าทั่วโลกเลือก ด้วยการนำเสนอโซลูชันที่เหนือกว่าซึ่งช่วยลดความซับซ้อนและเร่งเวลาในการนำผลิตภัณฑ์ของคุณออกสู่ตลาด ClinChoice ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณวิเคราะห์ข้อมูลได้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณเข้าใจระเบียบวิธีล่าสุดในการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านกฎระเบียบและวิทยาศาสตร์การพัฒนาทางคลินิกได้อย่างลึกซึ้ง

ในอนาคต ClinChoice จะยังคงสร้างระบบนิเวศทางคลินิกระดับโลกต่อไปโดยมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางทั่วโลก

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.clinchoice.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Medidata PR
Medidata.PR@3ds.com

ความสัมพันธ์กับนักวิเคราะห์
medidata.AR@3ds.com

แหล่งข้อมูล: Medidata

MRI-Simmons เข้าร่วมกับ Truthset Data Collective เพื่อตรวจสอบคุณภาพข้อมูลยิ่งขึ้น

Logo

ผู้นำด้านข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นต่อความถูกต้องและความโปร่งใสของข้อมูล

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–17 ธันวาคม 2024

MRI-Simmons ผู้นำด้านผู้ให้บริการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคชาวอเมริกันได้ประกาศวันนี้ว่าตนได้เข้าร่วมกลุ่มกับ Truthset Data Collective ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ให้บริการข้อมูลที่รวมตัวกันเพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมการตลาดทำธุรกรรมกับข้อมูลด้วยความแม่นยำและมีคุณภาพในระดับที่สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การเข้าร่วมกลุ่ม Data Collective ได้แสดงให้เห็นว่าผู้นำด้านข้อมูลเชิงลึกเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในความโปร่งใสและความถูกต้องแม่นยำ ซึ่งเป็นคุณลักษณะ 2 ประการที่บริษัทยึดมั่นมาเป็นเวลากว่า 70 ปี

Truthset Data Collective เปิดตัวในเดือนธันวาคม 2022 โดยก่อตั้งขึ้นเพื่อมอมบริการแบบหลายแหล่งที่มีความแม่นยำและเป็นกลางให้กับอุตสาหกรรมเพื่อสร้างมาตรฐานความแม่นยำถูกต้องตามข้อมูลประชากรให้กับการกำหนดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายและการการวัดผลสื่อ ซึ่งกลุ่มนี้ใช้ประโยชน์จากการตรวจสอบที่เป็นอิสระจาก Truthset ในระดับขนาดใหญ่เพื่อแก้ปัญหาความถูกต้องของข้อมูลมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้แน่ใจได้ว่าจะมีความแตกต่างและความสามารถในการดำเนินการสำหรับผู้ให้บริการด้านข้อมูลรายต่าง ๆ ที่เข้าร่วม

สำหรับ MRI-Simmons แล้ว การร่วมมือกับ Truthset จะช่วยมอบการตรวจสอบเพิ่มเติมได้ว่าชุดข้อมูลจะมีคุณภาพสูงสุดเท่าที่เป็นไปได้ ซึ่งทั้งอุตสาหกรรมโดยรวมสามารถไว้วางใจได้ การบูรณาการผลิตภัณฑ์สี่รายการของ MRI-Simmons ที่ได้รับการรับรองจากสภาจัดเรทสื่อ (Media Rating Council/MRC) รวมถึงการศึกษาวิจัยผู้บริโภคหลัก 'USA' หรือการวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา การเข้าไปเป็นสมาชิกของ Data Collective จึงช่วยเพิ่มระดับความโปร่งใสอีกชั้นหนึ่งให้กับกระบวนการที่ค่อนข้างยากลำบากอยู่แล้ว ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบประจำปีอย่างเข้มงวดที่บริษัท CPA อิสระเป็นผู้ดำเนินการ

MRI-Simmons ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการรักษาความโปร่งใสและคุณภาพข้อมูลที่ไม่มีใครเทียบได้ในอุตสาหกรรม”  Lana Busignani หัวหน้าแผนกสื่อระดับโลกของ NIQ ซึ่งเป็นเจ้าของส่วนใหญ่ของ MRI-Simmons กล่าว “การเข้าร่วมกลุ่ม Truthset Data Collective ถือเป็นการเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นและส่งสัญญาณไปยังอุตสาหกรรมว่าเราสามารถไว้วางใจข้อมูลคุณภาพสูงของเราในการขับเคลื่อนผลลัพธ์การแปลงข้อมูลเชิงดิจิทัลที่สามารถปรับให้เหมาะสมได้อย่างมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น””

Scott McKinley ซีอีโอของ Truthset กล่าวว่า “MRI-Simmons มีประวัติในการส่งมอบข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกด้านการตลาดที่เชื่อถือได้ให้กับอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน” “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะต้อนรับพวกเขาเข้าสู่กลุ่ม Data Collective และทำงานร่วมกันเพื่อยกระดับมาตรฐานความถูกต้องแม่นยำของอุตสาหกรรมการตลาด

Truthset ได้เข้าร่วมกลุ่ม Data Collective หลังจากที่ MRI-Simmons ขยายโซลูชันการเพิ่มประสิทธิภาพข้อมูล ซึ่งช่วยให้นักการตลาดปรับปรุงคุณภาพและประโยชน์ใช้สอยของข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่งได้ ซึ่งความแม่นยำและความน่าเชื่อถือของชุดข้อมูลของบุคคลที่สามที่ใช้ในการเสริมประสิทธิภาพการตลาดถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากนักการตลาดมีหน้าที่ขับเคลื่อนประสิทธิภาพสื่อและผลตอบแทนจากการลงทุนโฆษณาให้มากขึ้น  การเข้าร่วมกลุ่ม Data Collective จึงช่วยให้นักทำการตลาดมั่นใจได้มากขึ้นว่า MRI-Simmons และชุดข้อมูลผู้บริโภคจะมีคุณสมบัติเหมาะสมในการขับเคลื่อนผลลัพธ์การตลาดที่พวกเขาตั้งเป้าเอาไว้ได้

เกี่ยวกับ MRI-Simmons

MRI-Simmons เป็นผู้นำด้านด้านการให้บริการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคชาวอเมริกัน MRI-Simmons ได้ทำให้ข้อมูลผู้บริโภคฉลาดขึ้นและส่งเสริมการดำเนินการจากข้อมูลเชิงลึกด้วยความโปร่งใสและความเข้มงวดเชิงวิธีการ ซึ่งเป็นรากฐานบริษัท MRI-Simmons เป็นผู้นำด้านข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคมาเป็นเวลากว่า 60 ปี โดยมีชุดข้อมูลจากแหล่งเดียวที่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยเรื่องความเป็นส่วนตัวจำนวนหนึ่ง ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในการจัดทำโปรไฟล์ผู้บริโภค การวางแผนสื่อ การปรับแต่งข้อมูลให้เหมาะสม และการแปลงข้อมูล MRI-Simmons ใช้วิธีการสุ่มวัดประชากรจริงในรูปแบบต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ด้วยสุ่มกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ความน่าจะเป็น ผลลัพธ์จึงมาจากชุดข้อมูลที่มีตัวแทนระดับประเทศและมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ซึ่งช่วยให้มุมมองเกี่ยวกับผู้บริโภคชาวอเมริกันที่ครอบคลุมและถูกต้องแม่นยำที่สุด

Catalyst ซึ่งเป็นเครื่องมือวัดข้อมูลเชิงลึกและการแปลงข้อมูลผู้บริโภคของบริษัทจะช่วยทำหน้าที่แจ้งถึงกลยุทธ์การตลาดและปรับปรุงการใช้ข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางธุรกิจได้ Catalyst ซึ่งสร้างขึ้นจากชุดข้อมูลจริงของผู้บริโภคที่เป็นตัวแทนระดับประเทศของ MRI-Simmons จะมอบชุดโมดูลต่าง ๆ ให้แก่ผู้ทำการตลาด ตั้งแต่การจัดทำโปรไฟล์ผู้บริโภคไปจนถึงการแปลงข้อมูลเชิงดิจิทัลและปรับแต่งข้อมูลให้เหมาะสมได้ โดยออกแบบมาเพื่อให้มอบประสบการณ์แบบบริการตนเองที่มีความโปร่งใสอย่างสมบูรณ์

MRI-Simmons เปิดตัวในรูปแบบบริษัทร่วมทุนในปี 2019 โดยมี GfK และ SymphonyAI Group ร่วมเป็นเจ้าของ และมีมี GfK เป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ GfK ได้รวมตัวกับ NIQ เพื่อรวบรวมผู้นำในอุตสาหกรรมที่มีการเข้าถึงระดับโลกที่ไม่มีใครเทียบได้สองรายในปี 2023 ดูเพิ่มเติมได้ที่ mrisimmons.com

เกี่ยวกับ Truthset

Truthset เป็นบริษัทด้านข้อมูลเชิงลึกที่มุ่งเน้นเฉพาะการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลผู้บริโภคเท่านั้น บริษัทนี้ทำหน้าที่ช่วยให้แบรนด์สร้างความเชื่อมั่นในข้อมูล และปรับปรุงประสิทธิภาพในการตัดสินใจด้วยข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น Truthset รวบรวมความน่าจะเป็นของความจริงสำหรับบันทึกแต่ละรายการที่สามารถใช้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและส่งเสริมการโต้ตอบกับผู้บริโภคที่แม่นยำยิ่งขึ้น Truthset ก่อตั้งขึ้นในปี 2019 โดยผู้มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมจาก Nielsen, Salesforce, LiveRamp และ Procter & Gamble ซึ่งปัจจุบันมีสำนักงานใหญ่อยู่ในซานฟรานซิสโก

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

สื่อ:

MRI-Simmons
Matt Cumello รองประธานฝ่ายการตลาด
press.ms@mrisimmons.com

Truthset
Mike Gasbara, Fabric Media
mike@fabricmedia.net

แหล่งข้อมูล: MRI-Simmons

Falcon 3: สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เปิดตัวโมเดล AI ขนาดเล็กที่ทรงพลังที่สุดในโลก ซึ่งสามารถทํางานบนโครงสร้างพื้นฐานขนาดเล็ก เช่น แล็ปท็อปได้ด้วย

Logo

ฟังก์ชันมัลติโมดอลพร้อมโหมดเสียงที่จะตามมาในเดือนมกราคม 2025

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–17 ธันวาคม 2024

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยี (TII) ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยประยุกต์ชั้นนําระดับโลกภายใต้สภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (ATRC) ของอาบูดาบี ได้เปิดตัว Falcon 3 ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดของซีรีส์โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) แบบโอเพ่นซอร์ส การเปิดตัวครั้งสำคัญนี้กําหนดมาตรฐานประสิทธิภาพใหม่สําหรับ LLM ขนาดเล็ก และทําให้การเข้าถึงปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงเป็นประชาธิปไตย โดยทําให้โมเดลทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพบนโครงสร้างพื้นฐานขนาดเล็ก เช่น แล็ปท็อป Falcon 3 นําเสนอการใช้เหตุผลที่เหนือกว่าและความสามารถในการปรับแต่งขั้นสูง ทําให้เป็นโมเดล AI ที่ทรงพลังและใช้งานได้มากขึ้น

Falcon 3: UAE’s Technology Innovation Institute Launches World’s most Powerful Small AI Models that can also be run on Light Infrastructures, including Laptops (Photo: AETOSWire)

Falcon 3: สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เปิดตัวโมเดล AI ขนาดเล็กที่ทรงพลังที่สุดในโลก ซึ่งสามารถทํางานบนโครงสร้างพื้นฐานขนาดเล็ก เช่น แล็ปท็อปได้ด้วย (ภาพ: AETOSWire)

Falcon 3 ได้รับการออกแบบมาเพื่อทําให้การเข้าถึง AI ประสิทธิภาพสูงเป็นประชาธิปไตย โดยนําเสนอโมเดลที่ทั้งทรงพลังและมีประสิทธิภาพ Falcon 3 ซึ่งฝึกด้วยโทเค็น 14 ล้านล้านโทเค็น ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนหน้าที่มี 5.5 ล้านล้านโทเค็นถึงสองเท่า แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่เหนือกว่าในเกณฑ์มาตรฐานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Falcon 3 ติดอันดับหนึ่งในรุ่นชั้นนําของโลกที่สามารถทํางานบน GPU ตัวเดียวได้ เมื่อเปิดตัว Falcon 3 ก็สามารถครองตําแหน่งอันดับหนึ่งในลีดเดอร์บอร์ด LLM ของบุคคลที่สามทั่วโลกของ Hugging Face โดยแซงหน้ารุ่นโอเพ่นซอร์สอื่นๆ ที่มีขนาดใกล้เคียงกัน รวมถึงรุ่น Llama ของ Meta โดยเฉพาะอย่างยิ่งโมเดล Falcon 3-10B เป็นผู้นําในหมวดหมู่นี้ โดยมีประสิทธิภาพเหนือกว่าทุกโมเดลที่มีพารามิเตอร์ต่ำกว่า 13 พันล้านตัว

ฯพณฯ Faisal Al Bannai เลขาธิการ ATRC และที่ปรึกษาของประธานาธิบดีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้านการวิจัยเชิงกลยุทธ์และกิจการเทคโนโลยีขั้นสูงกล่าวว่า “พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงของ AI นั้นไม่อาจปฏิเสธได้ ในวันนี้ เราได้พัฒนาการมีส่วนร่วมของเราในชุมชน AI โดยเฉพาะภาคโอเพ่นซอร์ส ด้วยการเปิดตัวโมเดลข้อความตระกูล Falcon 3 การเปิดตัวครั้งนี้ต่อยอดจากรากฐานที่เราสร้างขึ้นกับ Falcon 2 ซึ่งถือเป็นก้าวสําคัญสู่โมเดล AI รุ่นใหม่ ความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของเราในการทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงเครื่องมืออันทรงพลังเหล่านี้ได้ทุกที่ สะท้อนให้เห็นถึงความทุ่มเทของเราเพื่อความเท่าเทียมระดับโลกและนวัตกรรมที่ครอบคลุม”

ตระกูล Falcon 3

ซีรีส์ Falcon 3 มีสี่ขนาด ได้แก่ Falcon3-1B, -3B, -7B และ -10B เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ๆ จะพบว่ามีการให้ความสำคัญกับการบูรณาการที่ราบรื่นเป็นอย่างมาก โมเดลเหล่านี้เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์กับ API (Application Programming Interfaces) และไลบรารีที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งช่วยลดความพยายามในการบูรณาการได้อย่างมาก และทําให้มั่นใจได้ถึงความสะดวกในการใช้งาน ในที่สุดสิ่งนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกโซลูชันที่เหมาะกับความต้องการของตนมากที่สุด ด้วย Falcon 3 ที่มอบประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในด้านการใช้เหตุผล ความเข้าใจภาษา การปฎิบัติตามคําสั่ง การสร้างโค้ด และงานทางคณิตศาสตร์ จึงพร้อมที่จะกําหนดมาตรฐานใหม่ในความสามารถของ AI

Falcon 3 ขนาดเล็กแต่ละโมเดลมี Base และ Instruct ซึ่งแต่ละโมเดลอยู่ในอันดับที่ทรงพลังที่สุดในโลกตามขนาดของมัน โมเดล Base อนุญาตให้ทํางานสร้างเอนกประสงค์ ในขณะที่ Instruct เป็นโมเดลที่ปรับแต่งมาอย่างดีสําหรับแอปพลิเคชันการสนทนา Falcon 3 มีให้บริการในภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน และโปรตุเกส โมเดล Falcon 3 ยังมีเวอร์ชันเชิงปริมาณที่ช่วยให้สามารถบูรณาการเข้ากับสถาปัตยกรรมเฉพาะทางได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและมีน้ำหนักเบา จึงสามารถนำไปใช้และอนุมานได้อย่างรวดเร็ว

ดร. Najwa Aaraj ซีอีโอของ TII กล่าวว่า “ความทุ่มเทของเราในการบุกเบิกการวิจัยและดึงดูดผู้มีความสามารถระดับแนวหน้าได้มาถึงจุดสูงสุดในการพัฒนา Falcon 3 ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือโมเดลที่แสดงให้เห็นถึงการแสวงหาความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์ โดยนําเสนอประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น และกําหนดเกณฑ์มาตรฐานใหม่ในด้านเทคโนโลยี AI”

Dr. Hakim Hacid หัวหน้านักวิจัยของศูนย์วิจัย AI และวิทยาศาสตร์ดิจิทัล (AIDRC) ของ TII กล่าวว่า “AI มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และเรายินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางครั้งนี้ Falcon 3 ผลักดันขอบเขตของ LLM ขนาดเล็กให้ไกลขึ้น โดยมีส่วนสนับสนุนชุมชนโอเพ่นซอร์สโดยให้การเข้าถึง AI ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น เรามั่นใจว่าการเปิดตัวล่าสุดนี้จะเปิดโอกาสอันไม่จํากัด และจะมีประโยชน์มากมาย ช่วยให้ธุรกิจและบุคคลทั่วไปสามารถใช้ AI ในรูปแบบที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถเข้าถึงได้”

Falcon 3 พร้อมให้ดาวน์โหลดทันทีบน HuggingFace และที่ FalconLLM.TII.ae พร้อมกับรายละเอียดเกี่ยวกับเกณฑ์มาตรฐาน

นอกจากนี้ TII ยังเปิดตัว Falcon Playground ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมการทดสอบสําหรับผู้ใช้ปลายทาง โปรแกรมเมอร์ ผู้เขียนโค้ด และนักวิจัย เพื่อสํารวจ Falcon 3 ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยเปิดโอกาสให้ทดลองและให้ข้อเสนอแนะ

Falcon 3 ได้รับอนุญาตภายใต้ TII Falcon License ซึ่งเป็นใบอนุญาตซอฟต์แวร์แบบ Apache 2.0 ซึ่งรวมถึงนโยบายการใช้งานที่ยอมรับได้ซึ่งส่งเสริมการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบ

ต้นเดือนมกราคม 2025 โมเดลตระกูล Falcon 3 จะเปิดตัวสมาชิกใหม่ โดยเน้นที่ฟังก์ชันมัลติโมดอล รวมถึงโหมดข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และเสียง

ที่มา: AETOWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54167979/en

ติดต่อ

Victoria Meven
victoria.meven@edelman.com

ที่มา: สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยี


ข้อมูลล่าสุดของ OAG เผยว่าเส้นทางการบินจากฮ่องกง (HKG) ไป ไทเป (TPE) เป็นเส้นทางการบินระหว่างประเทศที่พลุกพล่านที่สุดในโลกในปี 2024

Logo

เอเชียแปซิฟิกครองอันดับประจําปีอีกครั้ง

การค้นพบที่สําคัญ:

  • ·  ฮ่องกง (HKG) -ไทเป (TPE) มีกําลังการผลิตเพิ่มขึ้น 48% เมื่อเทียบเป็นรายปี
  • ·  7 ใน 10 เส้นทางระหว่างประเทศที่พลุกพล่านที่สุดอยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
  • ·  เส้นทางภายในประเทศที่พลุกพล่านที่สุดคือ เชจู (CJU)-โซล กิมโป (GMP), 14 ล้านที่นั่ง
  • ·  นิวยอร์ก (JFK)- ลอนดอน ฮีทโธรว์ (LHR) เส้นทางบินที่พลุกพล่านที่สุดเป็นอันดับ 10 ของโลก โดยมี 4 ล้านที่นั่ง

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–17 ธันวาคม 2024

OAG แพลตฟอร์มข้อมูลชั้นนําสําหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก ได้เปิดเผยเส้นทางที่พลุกพล่นที่สุด ในโลกประจำปี 2024 ในวันนี้ การวิเคราะห์นี้ขับเคลื่อนโดยข้อมูลตารางการบินของสายการบินทั่วโลกของ OAG และให้ภาพรวมของประสิทธิภาพและแนวโน้มของเส้นทางบินทั้งในและต่างประเทศ

เอเชียแปซิฟิกครองอันดับประจําปีอีกครั้งด้วยเส้นทางบินระหว่างประเทศที่พลุกพล่านที่สุด 7 เส้นทางจาก 10 เส้นทาง และเส้นทางภายในประเทศที่พลุกพล่านที่สุด 9 เส้นทางจาก 10 เส้นทาง เส้นทางระหว่างประเทศที่พลุกพล่านที่สุดอันดับ 1 ของปี 2024 และเส้นทาง 10 อันดับแรกที่มีการเติบโตมากที่สุดคือฮ่องกง (HKG)-ไทเป (TPE) โดยมีที่นั่ง 6.8 ล้านที่นั่ง และความจุเพิ่มขึ้น 48% ระหว่างปี 2023-2024 ทำให้ขยับขึ้นจากอันดับที่ 3 ของปีที่แล้ว

ไคโร (CAI)-เจดดาห์ (JED) ครองอันดับ 2 ด้วยที่นั่ง 5.5 ล้านที่นั่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในสองเส้นทางที่ให้บริการในตะวันออกกลางที่ติด 10 อันดับแรกตั้งแต่ปี 2019 CAI-JED เติบโต 68% ใน 5 ปี ในขณะที่ ดูไบ (DBX)-ริยาด (RUH) อยู่ในอันดับที่ 6 ด้วยที่นั่ง 4.3 ล้านที่นั่งและความจุเพิ่มขึ้น 37% ตั้งแต่ปี 2019

เส้นทางระหว่างประเทศอื่น ๆ ที่มีการเติบโตที่น่าประทับใจเมื่อเทียบเป็นรายปี ได้แก่ โซล อินชอน (ICN)-โตเกียว นาริตะ (NRT) ขยับจากอันดับที่ 5 ขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ด้วยความจุเพิ่มขึ้น 30% และกรุงเทพฯ (BKK)-ฮ่องกง (HKG) ซึ่งกลับเข้าสู่ 10 อันดับแรกอีกครั้งในอันดับที่ 7 หลังจากเคยอยู่ในอันดับที่ 11 เมื่อปี 2023

นิวยอร์ก (JFK)- ลอนดอน ฮีทโธรว์ (LHR) ครองอันดับ 1 ของเส้นทางระหว่างประเทศที่พลุกพล่านที่สุดในยุโรปและในอเมริกาเหนือ ไคโร (CAI)-เจดดาห์ (JED) เป็นเส้นทางระหว่างประเทศอันดับ 1 ทั้งในแอฟริกาและตะวันออกกลาง และ ออร์แลนโด (MCO)-ซานฮวน (SJU) เป็นเส้นทางบินระหว่างประเทศอันดับ 1 ในละตินอเมริกา

John Grant หัวหน้านักวิเคราะห์ของ OAG ให้ความเห็นว่า ” เนื่องจากภูมิภาค ASPAC ใกล้จะฟื้นตัวเต็มที่แล้ว เส้นทางที่พลุกพล่านที่สุดจึงกระจุกตัวอยู่ในศูนย์กลางการบินหลักที่คุ้นเคยอย่างฮ่องกง โซล อินชอน และสิงคโปร์ แม้ว่าองค์ประกอบของอุปทานในเส้นทางเหล่านั้นจะเปลี่ยนไป เนื่องจากภาคส่วนต้นทุนต่ำยังคงเติบโตในอัตราที่เร็วกว่าภาคส่วนเดิม

การพัฒนาที่น่าสนใจที่สุดอย่างหนึ่งคือการเติบโตของตลาดในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเน้นที่ซาอุดีอาระเบียเป็นพิเศษ ซึ่งโครงการ Vision 2030 ยังคงขับเคลื่อนความต้องการทั้งทางธุรกิจและการพักผ่อน”

ค้นหาอันดับเส้นทางการบินที่พลุกพล่านที่สุดในโลกของปี 2024 และวิธีการจัดอันดับระดับโลกและระดับภูมิภาค ได้ที่เว็บไซต์ของ OAG

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลชั้นนําสําหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก โดยนําเสนอแหล่งข้อมูลด้านอุปทาน อุปสงค์ และราคา แห่งแรกในอุตสาหกรรม

สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ OAG โปรดไปที่ www.oag.com.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สอบถามสื่อมวลชน: pressoffice@oag.com

ที่มา: OAG