Spotify ประกาศการเข้าซื้อกิจการ Findaway ผู้นำด้านหนังสือเสียง

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2564

Spotify Technology S.A. (NYSE: SPOT) (“บริษัท”) ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทได้เข้าเจรจาเกี่ยวกับสัญญาหลักเพื่อเข้าซื้อกิจการ Findaway ผู้นำระดับโลกด้านการจัดจำหน่ายหนังสือเสียงดิจิทัล เงื่อนไขของการทำธุรกรรมไม่ได้รับการเปิดเผย

Spotify และ Findaway จะร่วมกันช่วยเร่งการเข้าสู่อุตสาหกรรมด้านหนังสือเสียงที่เติบโตอย่างรวดเร็วของ Spotify โดยทำให้เกิดนวัตกรรมที่เร็วขึ้น และนำหนังสือเสียงมาสู่ผู้ฟังที่มีอยู่หลายร้อยล้านคนบน Spotify โครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีของ Findaway จะช่วยให้ Spotify สามารถปรับขนาดแคตตาล็อกหนังสือเสียงได้อย่างรวดเร็วและสร้างสรรค์ประสบการณ์สำหรับผู้บริโภค พร้อมมอบช่องทางใหม่ ๆ สำหรับผู้จัดพิมพ์ ผู้เขียน และผู้สร้างอิสระในการเข้าถึงผู้ชมใหม่ ๆ ทั่วโลก การเข้าซื้อกิจการนี้ทำให้ Spotify ปฏิวัติพื้นที่ในลักษณะเดียวกับเพลงและพอดแคสต์ โดยขับเคลื่อนเนื้อหาเพื่อเข้าถึงผู้ชมในวงกว้างบนแพลตฟอร์มทั่วโลก

“มันเป็นความทะเยอทะยานของ Spotify ที่จะเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างทางด้านเสียงทั้งสำหรับผู้ฟังและผู้สร้าง การเข้าซื้อกิจการ Findaway จะช่วยเร่งการปรากฎตัวของ Spotify ในพื้นที่หนังสือเสียง และจะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายนั้นได้เร็วยิ่งขึ้น” Gustav Söderström ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิจัยและพัฒนาของ Spotify กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะรวมทีมของ Findaway ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มด้านเทคโนโลยีที่ดีที่สุด และแคตตาล็อกหนังสือเสียงที่มีประสิทธิภาพเข้ากับความเชี่ยวชาญของ Spotify เพื่อปฏิวัติพื้นที่หนังสือเสียงอย่างที่เราได้ทำบนเพลงและพอดแคสต์”

“การร่วมกับ Spotify ทำให้เรามีโอกาสสร้างนวัตกรรมและทำให้ระบบนิเวศของหนังสือเสียงเป็นประชาธิปไตย” Mitch Kroll ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Findaway กล่าว “เราก่อตั้ง Findaway ด้วยการรับรู้ถึงพลังของคำพูดผ่านหนังสือเสียง และโอกาสพิเศษในการเสริมพลังนักเล่าเรื่องและเชื่อมโยงพวกเขากับผู้ฟัง เราตั้งตารอที่จะรวมเครื่องมือทางเทคโนโลยีชั้นนำและทีมงานระดับโลกของเราเข้ากับแพลตฟอร์มของ Spotify เพื่อมอบประสบการณ์ด้านเสียงที่ดียิ่งขึ้นสำหรับเหล่าผู้สร้าง ผู้เผยแพร่ และผู้ฟังทั่วโลก”

บริษัทจะสานต่อสำนักงานใหญ่ในโซลอน รัฐโอไฮโอ และจะยังคงอยู่ภายใต้การนำของ Mitch Kroll ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Findaway ผู้ซึ่งจะรายงานต่อ Nir Zicherman หัวหน้าฝ่ายหนังสือเสียงของ Spotify

ธุรกรรมดังกล่าวคาดว่าจะปิดตัวลงในไตรมาสที่สี่ของปี 2564 และต้องได้รับการตรวจสอบและอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล

เกี่ยวกับ Spotify Technology S.A.

Spotify เป็นผู้ให้บริการสมัครสมาชิกออดิโอสตรีมมิ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ด้วยกลุ่มคอมมิวนิตี้ผู้ใช้งานรายเดือนมากกว่า 381 ล้านคน และสมาชิกระดับพรีเมียม 172 ล้านคน และปรากฎตัวอยู่ในตลาด 178 แห่ง และมากกว่า 70 ล้านเพลง รวมถึง 3.2 ล้านรายการพอดแคสต์ ซึ่งเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนเข้าถึงและสามารถเพลิดเพลินกับเพลงและพอดแคสต์ได้

เกี่ยวกับ Findaway

Findaway พันธมิตรหนังสือเสียงของโลกที่ได้เริ่มปฏิวัติธุรกิจทางด้านหนังสือเสียงในปี 2548 ด้วย Playaway ซึ่งเป็นเครื่องเล่นหนังสือเสียงพรีโหลดที่มีการสร้างสำหรับการใช้หมุนเวียน ด้วยการมุ่งเน้นที่นวัตกรรมที่เหนือชั้น Findaway ได้กลายเป็นผู้นำระดับโลกในการจัดจำหน่ายหนังสือเสียงดิจิทัลด้วย AudioEngine และเป็นแพลตฟอร์มในการเผยแพร่ด้วยตนเองที่น่าเชื่อถือที่สุดสำหรับผู้เขียนอิสระที่มี Findaway Voices ข้อเสนอเพิ่มเติมสำหรับการผลิตเสียงแบบ end-to-end โดย Audioworks และการเผยแพร่ภายใต้ OrangeSky Audio ได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งของ Findaway ซึ่งเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมทางด้านหนังสือเสียง สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Findaway และ Findawayers ผู้ที่ทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ กรุณาเยี่ยมชมที่ www.findaway.com

ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มี “ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต” ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 27A ของกฎหมายหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาปี 2476 ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติม และมาตรา 21E ของกฎหมายตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐอเมริกาปี 2477 ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติม คำต่าง ๆ ได้แก่ “จะ” “คาดหวัง” และคำที่มีลักษณะคล้ายกันมีจุดมุ่งหมายเพื่อระบุข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ตัวอย่างของข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ข้อความที่เราทำเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นจากการได้มาและระยะเวลาที่คาดว่าจะปิดการซื้อกิจการ เราตั้งใจให้ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตดังกล่าวครอบคลุมโดยข้อกำหนดด้านการคุ้มครองข้อมูลสำหรับข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ซึ่งมีอยู่ในกฎหมายปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 2538 และรวมถึงถ้อยแถลงนี้ไว้ด้วยเพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัย ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ดังกล่าวมีความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และสมมติฐานที่สำคัญ ซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างไปอย่างมากจากประสบการณ์ในอดีตของเราและความคาดหวังหรือการคาดการณ์ในปัจจุบันของเรา ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงปัจจัยสำคัญที่ทราบดังต่อไปนี้: ความสามารถของเราในการดึงดูดผู้ใช้ที่คาดหวังและรักษาผู้ใช้ที่มีอยู่ การแข่งขันสำหรับผู้ใช้ เวลาในการฟังของผู้ใช้ และผู้โฆษณา ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการขยายตัวระหว่างประเทศและความสามารถของเราในการจัดการการเติบโตของเรา ความสามารถของเราในการทำนาย แนะนำ และเล่นเนื้อหาที่ผู้ใช้ของเราสามารถเพลิดเพลิน ความสามารถของเราในการสร้างรายได้จากบริการของเราอย่างมีประสิทธิภาพ ความสามารถของเราในการสร้างรายได้เพียงพอที่จะทำกำไรหรือสร้างกระแสเงินสดที่เป็นบวกและเติบโตอย่างยั่งยืน ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการขยายการดำเนินงานของเราเพื่อนำเสนอเนื้อหาที่ไม่ใช่เพลง รวมถึงพอดแคสต์ รวมถึงความเสี่ยงทางธุรกิจ กฎหมาย การเงิน ชื่อเสียง และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ข้อพิพาทหรือความรับผิดที่อาจเกิดขึ้นที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่มีอยู่ในบริการของเรา ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการได้มา การลงทุน และการจำหน่ายของบริษัทหรือเทคโนโลยี การพึ่งพาใบอนุญาตของบุคคลที่สามสำหรับเนื้อหาส่วนใหญ่ที่เราสตรีม ขาดการควบคุมผู้ให้บริการเนื้อหาของเราและผลกระทบต่อการเข้าถึงเพลงและเนื้อหาอื่น ๆ ความสามารถของเราในการปฏิบัติตามข้อตกลงสิทธิ์การใช้งานที่ซับซ้อนซึ่งเราเป็นภาคี ความสามารถของเราในการประมาณการจำนวนเงินที่ต้องชำระภายใต้ข้อตกลงสิทธิ์การใช้งานของเราอย่างแม่นยำ ข้อจำกัดด้านความยืดหยุ่นในการดำเนินงานของเราอันเนื่องมาจากการรับประกันขั้นต่ำที่จำเป็นภายใต้ข้อตกลงสิทธิ์การใช้งานบางฉบับของเรา ความสามารถของเราในการรับข้อมูลที่ถูกต้องและครอบคลุมเกี่ยวกับองค์ประกอบที่รวมอยู่ในการบันทึกเสียง เพื่อรับใบอนุญาตที่จำเป็นหรือปฏิบัติตามภาระผูกพันภายใต้ข้อตกลงสิทธิ์การใช้งานที่มีอยู่ของเรา กฎหมายลิขสิทธิ์ใหม่และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องที่อาจเพิ่มต้นทุนและ/หรือความยุ่งยากในการอนุญาตให้ใช้สิทธิ์เพลง การยืนยันโดยบุคคลที่สามเกี่ยวกับการละเมิดหรือการละเมิดอื่น ๆ โดยเราเกี่ยวกับสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาของพวกเขา ความสามารถของเราในการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของเรา การพึ่งพาการสตรีมบนระบบปฏิบัติการ แพลตฟอร์มออนไลน์ ฮาร์ดแวร์ เครือข่าย ระเบียบข้อบังคับ และมาตรฐานที่เราไม่ได้ควบคุม การละเมิดที่อาจเกิดขึ้นกับระบบรักษาความปลอดภัยของเราหรือระบบของบุคคลที่สาม ซึ่งรวมถึงผลจากโปรแกรม Work From Anywhere ของเรา การหยุดชะงัก ความล่าช้า หรือการหยุดให้บริการในระบบของเราหรือระบบของบุคคลที่สาม การเปลี่ยนแปลงกฎหมายหรือข้อบังคับที่มีผลกระทบต่อเรา ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวและการปกป้องข้อมูลผู้ใช้ ความสามารถของเราในการรักษา การปกป้อง และปรับปรุงแบรนด์ของเรา ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงิน ความสามารถของเราในการจ้างและรักษาบุคลากรหลัก และความท้าทายด้านประสิทธิภาพและการบูรณาการอันเป็นผลมาจากโครงการ Work From Anywher ความสามารถของเราในการประมาณการเมตริกผู้ใช้และการประมาณการอื่น ๆ ได้อย่างแม่นยำ ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการจัดการจำนวนสตรีมและบัญชีผู้ใช้และการเข้าถึงบริการของเราโดยไม่ได้รับอนุญาต ความเสี่ยงด้านภาษี การกระจุกตัวของอำนาจในการออกเสียงในหมู่ผู้ก่อตั้งของเราที่มีและจะยังคงควบคุมธุรกิจของเราอย่างมีนัยสำคัญ ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสถานะของเราในฐานะผู้ออกหลักทรัพย์ต่างประเทศ สภาพเศรษฐกิจ สังคม หรือการเมืองระหว่างประเทศ ระดับชาติหรือระดับท้องถิ่น ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับประมาณการทางบัญชี ความผันผวนของค่าเงิน และการควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน และผลกระทบของการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ต่อธุรกิจและการปฏิบัติการของเรา รวมถึงผลกระทบในทางลบต่อยอดขายโฆษณาหรือรายได้ของสมาชิก ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับหนี้ของเรา รวมถึงการจำกัดกระแสเงินสดสำหรับการดำเนินงานและความสามารถของเราในการปฏิบัติตามภาระผูกพันของเราภายใต้ Exchangeable Note ความสามารถของเราในการระดมทุนที่จำเป็นในการซื้อคืน Exchangeable Notes เป็นเงินสด ในบางกรณี หรือเพื่อชำระเป็นเงินสดจำนวนใด ๆ ที่ครบกำหนดเมื่อทำการแลกเปลี่ยน บทบัญญัติในสัญญาผูกมัดที่ใช้บังคับกับ Exchangeable Notes ที่ล่าช้าหรือป้องกันการเข้ายึดครองอันเป็นประโยชน์ของเรา; ผลกระทบในทางลบต่อสถานะทางการเงินที่รายงานของเราและผลลัพธ์จากวิธีการบัญชีสำหรับ Exchangeable Notes; และความเสี่ยงอื่น ๆ ตามที่กำหนดไว้ในเอกสารที่เรายื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐอเมริกา เราไม่มีข้อผูกมัดในการปรับปรุงข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเพื่อให้สะท้อนถึงเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากวันที่ปัจจุบัน ณ ขณะนั้น

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211111006067/en/

ติดต่อ:

นักลงทุนสัมพันธ์:
Bryan Goldberg
ir@spotify.com
Investors.spotify.com

ประชาสัมพันธ์:
Dustee Jenkins
press@spotify.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Sangfor ได้รับยกย่องให้เป็นผู้จัดจำหน่ายที่มีวิสัยทัศน์ในรายงาน Magic Quadrant™ ด้านไฟร์วอลล์ปกป้องเครือข่าย ประจำปี 2564 โดย Gartner®

Logo

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2564

Sangfor มีความภาคภูมิใจที่ได้ประกาศว่าบริษัทได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้จัดจำหน่าย “VISIONARIES” ใน “รายงาน Magic Quadrant ด้าน Network Firewallsประจำปี 2564 ของการ์ทเนอร์

ตามที่ระบุโดยการ์ทเนอร์ “ผู้มีวิสัยทัศน์คือผู้ที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์อย่างชัดเจนรวมถึงนวัตกรรมที่เป็นผู้นำตลาดด้านการรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ที่ทำงานจากที่บ้าน การปกป้องภาระงานให้ปลอดภัย การติดตั้งระบบแบ่งส่วนการรักษาความปลอดภัยแบบ east-west ใน Public Cloud และสภาพแวดล้อมเครือข่ายแบบ Software Defined รวมถึงการตรวจจับภัยคุกคามโดยอัตโนมัติ และอื่น ๆ”

สถาปัตยกรรมและคุณสมบัติที่ได้รับการยกระดับ
NGAF ของ Sangfor เป็น NGFW (Next-Generation Firewall) ที่ทำงานด้วยระบบ AI ตัวแรกของโลก และยังเป็นตัวแรกของโลกที่ผสานการทำงานเข้ากับ Web Application Firewall อย่างสมบูรณ์ โดย NGAF ซึ่งได้รับเลือกให้อยู่ในรายงาน Magic Quadrant ตลอด 7 ปีนี้ ยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการในแวดวงของการป้องกันภัยคุกคามซึ่งเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดย NGAF ใหม่ล่าสุดมาพร้อมเทคโนโลยี AI ที่ออกแบบใหม่หมด ประสิทธิภาพที่ได้รับการปรับปรุง รวมถึงการป้องกันความปลอดภัยของเครือข่ายและแอปพลิเคชันที่ได้รับการยกระดับใหม่

NGAF มาพร้อมความล้ำสมัยจากคุณสมบัติใหม่ ๆ อย่างความสามารถในการมองเห็นการรับส่งข้อมูลทั้งหมดระหว่างอุปกรณ์ปลายทางและแอปพลิเคชัน ระบบป้องกันที่ยกระดับใหม่พร้อมประสานการทำงานกับ XDDR และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของ Sangfor เช่น Cyber Command โดยจะทำการค้นหาสิ่งที่เป็นภัยคุกคามโดยใช้เทคนิค Deception ระบบคลาวด์แบบบูรณาการ การระบุภัยคุกคามใหม่ๆจาก Security Analysis และ Machine การตรวจจับช่องโหว่แบบออนดีมานด์ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ อื่น ๆ

ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีคลาวด์พา Sangfor ขึ้นแท่นผู้นำตลาด
การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลยังคงแพร่หลายไปทั่วโลก ขณะที่ขอบเขตของเครือข่ายค่อย ๆ เลือนหาย ศูนย์ข้อมูลหลาย ๆ แห่งต่างขานรับข้อเรียกร้องเพื่อตอบสนองความต้องการที่มากขึ้นโดยใช้ NGAF เพื่อความพร้อมในการใช้งาน ความเสถียร และความปลอดภัยที่มากขึ้น

NGAF มาพร้อมระบบป้องกันสำหรับเครือข่ายและแอปพลิเคชันที่หลากหลาย ฟังก์ชันด้านความปลอดภัยที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และการผสานการทำงานกับระบบภายนอก โดยทั้งหมดนี้ถูกรวมไว้ในโซลูชันที่สามารถจัดการได้ง่าย และออกแบบมาเพื่อระบุและหยุดการทำงานของภัยคุกคามอย่างไม่หยุดหย่อน

เจเนอเรชันถัดไปของการย้ายสู่ระบบคลาวด์โดยใช้ FWaaS
NGAF อ้าแขนรับระบบคลาวด์โดยต่อยอดพัฒนาเป็นเทคโนโลยี Firewall-as-a-Service เพื่อมอบโซลูชันการป้องกันแบบเสมือนที่รองรับแพลตฟอร์มคลาวด์หลากหลายรูปแบบ

FWaaS สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีตรวจจับภัยคุกคามที่ล้ำสมัยของ NGAF และได้รับการยกย่องว่าเป็น “NGFW (ระดับ AAA) ที่มีความปลอดภัยสูงสุด” โดย CyberRatings โดยใช้การตรวจจับภัยคุกคามโดย AI การตรวจจับโดยใช้เทคนิค semantic detection การวิเคราะห์ข้อมูลที่เข้าสู่เครือข่ายในเชิงลึก และการระบุภัยคุกคามอย่างรวดเร็วโดยใช้ AI เพื่อสกัดกั้นภัยคุกคามทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ด้วยการจำกัดแอปพลิเคชันพร้อมการป้องกันการหลีกเลี่ยงพร็อกซีชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรม และระบบที่ออกแบบมาให้รับมือกับเหตุการณ์ได้ใน “คลิกเดียว” ผู้ดูแลระบบจะสามารถดูคำแนะนำในการรับมือกับภัยคุกคามที่เกี่ยวข้องได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัย

อ่านรายงานที่นี่

ที่มา: การ์ทเนอร์, รายงาน Magic Quadrant ด้านเน็ตเวิร์กไฟร์วอลล์ โดย Rajpreet Kaur, Jeremy D'Hoinne, Nat Smith และ Adam Hils, 1 พฤศจิกายน 2564

การปฏิเสธความรับผิดการ์ทเนอร์ไม่ได้ให้การรับรองผู้ผลิต สินค้า หรือบริการใด ๆ ที่กล่าวถึงในรายงานวิจัยของบริษัทฯ และไม่ได้แนะนำให้ผู้ใช้เลือกใช้เทคโนโลยีของผู้ผลิตที่จัดอยู่ในอันดับสูงสุด รายงานวิจัยของการ์ทเนอร์ประกอบด้วยความคิดเห็นของฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ และไม่ควรถือว่าเป็นการระบุข้อเท็จจริง การ์ทเนอร์ขอปฏิเสธการรับประกันใด ๆ ไม่ว่าโดยชัดแจ้งหรือโดยนัย ในส่วนที่เกี่ยวกับข้อมูลการวิจัยนี้ รวมถึงการรับประกันเกี่ยวกับความสามารถในการจัดจำหน่าย หรือความเหมาะสมสำหรับจุดประสงค์เฉพาะ

การ์ทเนอร์ และ Magic Quadrant เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Gartner, Inc. และ/หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ และได้รับอนุญาตให้ใช้ในเนื้อหานี้ สงวนลิขสิทธิ์

เกี่ยวกับ Sangfor Technologies
Sangfor เป็นผู้จัดจำหน่ายโซลูชันด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และคลาวด์คอมพิวติ้งชั้นนำระดับโลก

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211109006651/en/

สื่อ:
Sunny Sun
marketing@sangfor.com
+8675586560605

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ปักหมุด “บาร์ลับฮ่องกง” และลิสต์ร้านอาหารเด็ดที่ต้องไปโดนใน 4 ย่านดัง ฉลองเทศกาล Hong Kong Wine and Dine Festival 2021

Logo

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–11 พฤศจิกายน 2564

หลายคนคงมีภาพจำว่าถ้าได้ไปเยือนฮ่องกงแล้วจะต้องไปตะลุยชิมอาหารเจ้าเด็ดอย่างเดียว แต่วันนี้เทศกาล Hong Kong Wine and Dine Festival 2021 ที่เริ่มจัดงานทางออนไลน์ตั้งแต่ 1 – 30 พฤศจิกายน 2564  ขอเปิดมุมมองใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยทุกท่าน ให้ลองมาสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวไนต์ไลฟ์สุดชิคของฮ่องกงที่เก๋ไม่แพ้ใคร ด้วยลิสต์ที่รวบรวมบาร์ลับสุดชิค และร้านอาหารรสเด็ด ใน 4 ย่านดังของฮ่องกงที่นักดื่ม นักชิมจะต้องไปตามรอยให้ได้เมื่อเปิดประเทศ

เริ่มต้นกันที่ ย่าน “เซ็นทรัล” ย่านแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางฮ่องกงสมชื่อ คุณจะได้พบกับบาร์ที่มีรางวัลการันตีมากมาย รวมถึงภัตตาคารระดับโลกและร้านอาหารนานาชาติในสไตล์โมเดิร์น เตรียมตัวให้พร้อมไปกับการเดินทางตะลุยโลกแห่งอาหารที่น่าตื่นเต้น

img

1.  Tell Camellia:ค็อกเทลชา” รสชาติเยี่ยม (https://www.tellcamellia.com/)

บาร์ที่ซ่อนตัวอยู่บนถนนพอตทิงเกอร์อันเก่าแก่แห่งนี้ยกระดับค็อกเทลที่มีเบสเป็นชาให้เหนือขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการคัดสรรชาชั้นยอดจากทั่วโลก Tell Camellia เสิร์ฟค็อกเทลชาที่ตั้งชื่อตามประเทศต่างๆ และยังมีเมนูดังที่ใครๆ ก็ต้องมาลองอย่าง “Turkey” ซึ่งทำจากชาไรซ์ แอปริคอต ยี่หร่า และเหล้ายิน สมกับตำแหน่งอันดับที่ 23 จาก 50 บาร์ยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ประจำปี 2564 อีกด้วย

2.  The Pontiac: สุดเหวี่ยงไปกับค็อกเทลสไตล์ Coyote Ugly (https://www.thepontiac.com/)

ถ้าอยากสนุกสุดมันส์ยามค่ำคืน ไม่ต้องมองหาที่เที่ยวไหนนอกจาก The Pontiac บาร์สไตล์ Coyote Ugly พร้อมรั้งอันดับที่ 26 จาก 50 บาร์ยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ประจำปี 2564 เพลงดังๆ เข้ากันได้ดีกับค็อกเทลเมนูสนุกๆ ในบาร์เล็กๆ สไตล์อเมริกันแห่งนี้

3.  The Wise King: ค็อกเทลแห่ง“ยุคกลาง” (https://www.thewiseking.com/)

ด้วยแรงบันดาลใจจากชีวิตจริงของ King Alfonso X of Castile ในช่วงศตวรรษที่ 13 The Wise King ตกแต่งในบรรยากาศยุคกลาง พร้อมด้วยเครื่องดื่มที่เข้ากันได้อย่างลงตัว จนได้รับรางวัลการันตีในอันดับที่ 28 จาก 50 บาร์ยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ประจำปี 2564 อีกด้วย

4.  James Suckling Wine Central: จิบไวน์เคล้าอาหารเกาหลี (https://www.jamessucklingwinecentral.com/)

James Suckling Wine Bar ตั้งชื่อตามนักชิมไวน์ชาวอเมริกันชื่อดัง และเสิร์ฟเมนูที่รังสรรค์มาเพื่อระลึกถึงภรรยาชาวเกาหลีของเขาเป็นการเฉพาะ คุณสามารถมั่นใจในรสชาติได้อย่างแน่นอน เพราะที่แห่งนี้เสิร์ฟเฉพาะเครื่องดื่มที่มีคะแนนความอร่อยมากกว่า 90 คะแนนขึ้นไป พร้อมรับประทานคู่กับอาหารรสชาติดีอื่นๆ อย่างแพนเค้กกิมจิหรือไก่ทอดเกาหลี

มาต่อกันที่ย่าน “เคนเนดี้ทาวน์” ที่รับรองว่าเด็ดไม่แพ่ย่านไหนๆ เพราะมีการผสมผสานผับบาร์และคาเฟ่สุดชิคได้อย่างลงตัว ถือเป็นแหล่งสังสรรค์หลังเลิกงานของเหล่าชาวต่างชาติที่ทำงานในฮ่องกง เพียงมุ่งหน้าสู่ K-Town ก็ได้พบกับเส้นทางแสนอร่อยของนักชิมและคอไวน์พร้อมเต็มอิ่มไปกับรสชาติในย่านฝั่งตะวันตกสุดฮิปได้ด้วย

img

1.  Grain: เมนูคราฟต์เบียร์ที่ไม่ซ้ำใคร (https://grain.com.hk/)

สาวกคราฟต์เบียร์ห้ามพลาด! เพราะบาร์แห่งนี้ยืนหนึ่งในเรื่องคราฟต์เบียร์ซึ่งมาพร้อมเมนูใหม่ๆ ที่ขยันรังสรรค์ให้ลูกค้าได้ลิ้มลองอยู่เสมอ Grain เสิร์ฟเฉพาะเบียร์ท้องถิ่นยี่ห้อ Gweilo (ชื่อที่ชาวฮ่องกงใช้เรียกชาวต่างชาติ) อย่าลืมมาลองลิ้มชิมรสเครื่องดื่มเมนูทดลองแก้วใหม่ๆ เมนูสุดฮิต หรือจะเป็นค็อกเทลคลาสสิกที่กดสดๆ จากหัวจ่าย ของ Gweilo

2.  11 Westside: อาหารเม็กซิกันที่เด็ดที่สุดในฮ่องกง (https://www.11westside.com/)

ร้านอาหารเม็กซิกัน 11 Westside ก่อตั้งโดย เอสดราส โอชัว เชฟจากแอลเอผู้โด่งดังจาก Netflix ที่พร้อมเสิร์ฟทาโก้ชวนน้ำลายสอและอาหารสไตล์เม็กซิกันจานเด็ดอื่นๆ ในบรรยากาศหรูหราแบบเพดานสูง

3.  Winstons Coffee: ร้านกาแฟสุดชิคที่แปลงโฉมเป็นบาร์ในยามค่ำคืน (https://www.winstonscoffee.com/)

มาลองจิบกาแฟกลางวัน แล้วดื่มค็อกเทลกลางคืนกันไหม? ถ้ากำลังมองหาอะไรแบบนี้อยู่ก็ห้ามพลาดที่นี่เลย! แหล่งพบปะสังสรรค์ในบรรยากาศสบายๆ ที่เสิร์ฟ Espresso Martini รสชาติเข้มแต่นุ่มคอให้คุณได้ฟินกันสุดๆ

ถัดมาที่ย่าน “หว่านไจ๋” พื้นที่แห่งประวัติศาสตร์ที่มีความเป็นแบบฉบับและมีวัฒนธรรมอันโดดเด่นที่สุดในฮ่องกง พร้อมขบวนอาหารนานาชาติละลานตา พร้อมสรรพด้วยร้านอาหารและบาร์แปลกใหม่ราวกับหลุดมาอยู่ในนิยาย “โลกของซูซี่ วอง (The World of Suzie Wong)”

1.  MW Gunpowder Indian RestoBar: อาหารอินเดียแบบโมเดิร์น  (http://www.mayfare.com.hk/gunpowder-overview.php)

โดดเด่นด้วยความโมเดิร์นในบรรยากาศร่วมสมัย MW Gunpowder Indian RestoBar ยกขบวนอาหารอินเดียที่มีความแปลกใหม่ ดัดแปลงหน้าตาและรสชาติให้ทันสมัย ทั้งอาหารคาวที่หาทานได้ริมทาง ไก่ย่างทันดูรี และขนมปังจิ้มแกงที่อบสดใหม่จากเตา

2.  1011 TEABAR: “บาร์ชา” สุดสดชื่น (https://1011siptea.com/)

พักจากจิบไวน์ มาจิบชาให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจที่ 1011 TEABAR “บาร์ชา” แบบใหม่ พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มชารสชาติแปลกใหม่และแหวกแนว แถมยังมีสินค้าโฮมเมดน่ารักมากมายให้เลือกซื้อ

ลบภาพความพลุกพล่านในย่าน “จิมซาจุ่ย” ไปเลย เพราะวันนี้เราพาจะทุกท่านมาสัมสัมบรรยากาศสว่างไสวไปด้วยแสงนีออนบนรูฟท็อปบาร์ที่มีฉากหลังเป็นวิวเมืองสุดตราตรึง พื้นที่นั่งชิวรับลมเย็น และร้านอาหารกลางแจ้งที่มีวิวที่ดีที่สุดของอ่าววิคตอเรีย

imgQi Nine Dragons: สัมผัสแก่นแท้ของอาหารเสฉวนในบรรยากาศรูฟท็อป (https://www.qi-ninedragons.hk/home)

Qi Nine Dragons หรือ “ดาวส่องแสง” ในภาษาจีน คือหนึ่งในร้านแนะนำจากมิชลิน ที่เสิร์ฟอาหารรสชาติเผ็ดจัดจ้านสำหรับคนใจกล้า! เตรียมตัวให้พร้อมเพื่อลิ้มรสเมนู
เสฉวนอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมกับเครื่องดื่มสุดเก๋ที่คุณต้องคาดไม่ถึง

หากร้านที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นยังไม่จุใจ ท่านสามารถร่วมชมคลาสอาหารและไวน์ออนไลน์ได้ในเทศกาล Hong Kong Wine and Dine Festival 2021 ที่ขนทัพเชฟและบาร์เทนเดอร์ชื่อดัง พร้อมทั้งกิจกรรมอีกมากมายมาให้ทุกท่านร่วมสัมผัสบรรยากาศแห่งรสชาติชั้นเลิศในฮ่องกงที่ www.discoverhongkong.com/winedinefestival

###

(สำหรับท่านสื่อมวลชน) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: เอ็มเอสแอลกรุ๊ป ประเทศไทย (MSLGROUP Thailand)

อัญชิษฐา สุวรรณศรี (กิฟ) โทร +662 684 5712/ มือถือ+6685 337 0717/ อีเมล Aunchidtha.Suwannasri@mslgroup.com

ปราง เทพินทราภิรักษ์ (แก้ม) โทร +662 684 5712/ มือถือ+668 6665 9246 / อีเมล Prang.Tepintrapirak@mslgroup.com

เลิศพงศ์ ปุยเงิน (ตูน) โทร +662 684 5563/ มือถือ +669 5697 4465 / อีเมล Lerdpong.puyngern@mslgroup.com

###

(สำหรับท่านสื่อมวลชน) ท่านสามารถดาวน์โหลดภาพที่ใช้ในบทความนี้ได้ที่

https://assetlibrary.hktb.com/assetbank-hktb/action/browseItems?categoryId=665&categoryTypeId=2&cachedCriteria=1










Tetrate ได้ถูกยกย่องให้เป็น Cool Vendor ในปี 2021 ในสาขาคลาวด์คอมพิวติ้งโดย Gartner

Logo

ซานฟรานซิสโก–(BUSINESS WIRE)–10 พ.ย. 2564

Tetrate บริษัทที่ก่อตั้งโดยครีเอเตอร์และผู้ดำเนินงาน Istio และ Envoy ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งใน Cool Vendors ในคลาวด์คอมพิวติ้งปี 2564 โดย Gartner ทั้งนี้ รายงานของ Gartner เน้นย้ำถึงผลิตภัณฑ์และผู้จำหน่ายมัลติคลาวด์ต่าง ๆ ที่เป็นนวัตกรรมซึ่งซีไอโอควรประเมินในการกำหนดกลยุทธ์มัลติคลาวด์ของตน

“เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการยกย่องให้เป็น Cool Vendor จาก Gartner นี่เป็นก้าวสำคัญในการเดินทางของเราและการเน้นว่า Tetrate Service Bridge (TSB) ได้มาถูกทาง” Varun Talwar ผู้ร่วมก่อตั้ง Tetrate และผู้ร่วมสร้าง Istio และ gRPC กล่าว “TSB เปิดใช้งานและเร่งการปรับใช้คลาวด์ พร้อมกับการสร้างความทันสมัยสำหรับองค์กร เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้สร้างผลิตภัณฑ์ที่มุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าองค์กร”

ข้อค้นพบที่สำคัญที่ระบุไว้ในรายงาน ได้แก่ :

  • ร้อยละเจ็ดสิบหกของผู้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้ใช้ปลายทางบนคลาวด์ประจำปี 2563 ของ Gartner ที่ได้นำโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์มาใช้ ตั้งใจที่จะทำงานในสภาพแวดล้อมแบบมัลติคลาวด์ เหตุผลหลักคือเพื่อเพิ่มความพร้อมในการให้บริการ เพื่อใช้ประโยชน์จากบริการที่ดีที่สุดจากผู้ให้บริการ และเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดทั่วโลก
  • การใช้งานมัลติคลาวด์ในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นเต็มไปด้วยความซับซ้อนทางสถาปัตยกรรม ต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) ที่ไม่ชัดเจน และการกำกับดูแลที่ไม่สม่ำเสมอเนื่องจากการวางแผนที่ไม่เพียงพอและการขาดกลยุทธ์ที่รอบคอบ
  • มีสตาร์ทอัพสายพันธุ์ใหม่ที่มีแนวคิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บนคลาวด์และความสามารถของผลิตภัณฑ์มัลติคลาวด์ที่เน้นการลดความท้าทายในการปรับใช้มัลติคลาวด์

Tetrate ได้รับเลือกให้เป็น Cool Vendor เนื่องจากให้บริการโซลูชันเมช (mesh solutions) บนสภาพแวดล้อมมัลติคลาวด์ เพื่อมอบการเชื่อมต่อแอปพลิเคชันที่ครอบคลุม ความปลอดภัย ความสามารถในการสังเกต และความน่าเชื่อถือ ทั้งหมดนี้ทำได้บนแค่แพลตฟอร์มเดียว รายงานพบว่าความแตกต่างของตลาดเกิดจากความสามารถแบบรวมศูนย์หรือแบบเมช การสนับสนุนมัลติคลาวด์ โมเดลการดำเนินงานที่ยืดหยุ่น และความมุ่งมั่นต่อโอเพ่นซอร์ส

ท่านสามารถอ่านบล็อกโพสต์และเข้าถึงรายงานฉบับเต็มได้ ที่นี่ Gartner, “Cool Vendors in Cloud Computing” โดย Arun Chandrasekaran, Sid Nag, Lydia Leong, 1 พฤศจิกายน 2564

ข้อจำกัดความรับผิดชอบของ Gartner

Gartner ไม่ได้รับรองผู้จำหน่าย ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใด ๆ ที่ปรากฎในเอกสารการวิจัยของเรา และไม่แนะนำให้ผู้ใช้เทคโนโลยีเลือกใช้เฉพาะผู้ขายที่มีคะแนนสูงสุดเท่านั้น สิ่งพิมพ์งานวิจัยของ Gartner ประกอบด้วยความคิดเห็นขององค์กรวิจัยของ Gartner และไม่ควรตีความว่าเป็นข้อเท็จจริง Gartner ปฏิเสธการรับประกันทั้งหมด ไม่ว่าโดยชัดแจ้งหรือโดยนัย ในส่วนที่เกี่ยวกับการวิจัยนี้ รวมถึงการรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความสามารถในการซื้อขายหรือความเหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะ

เกี่ยวกับ Tetrate

Tetrate เป็นบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายระดับองค์กรที่เริ่มต้นโดยผู้ก่อตั้ง Istio เพื่อสร้างสรรค์ระบบเครือข่ายแอปพลิเคชันใหม่ ซึ่งจัดการความซับซ้อนของโครงสร้างพื้นฐานแอปพลิเคชันระบบคลาวด์แบบไฮบริดที่ทันสมัย ผลิตภัณฑ์เรือธงของบริษัท ได้แก่ Tetrate Service Bridge นำเสนอแพลตฟอร์มการเชื่อมต่อแอปพลิเคชันแบบ edge-to-workload เพื่อมอบความต่อเนื่องทางธุรกิจ ความคล่องตัว และความปลอดภัยสำหรับองค์กรต่างๆ ในการเดินทางระบบแบบเดิมไปสู่ระบบคลาวด์ ลูกค้าจะได้รับความสามารถในการสังเกตการณ์ที่สม่ำเสมอ ความปลอดภัยด้านรันไทม์ และการจัดการทราฟฟิกในทุกสภาพแวดล้อม Tetrate ยังคงเป็นผู้สนับสนุนหลักในโครงการโอเพนซอร์ซ Istio และ Envoy Proxy ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.tetrate.io.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211110005515/en/

ติดต่อ:

Annie Fink, Bospar

Annie@bospar.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

25 ปีแห่งการทำโลกนี้ให้น่าอยู่ขึ้นสำหรับผู้หญิง: มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM เฉลิมฉลองวันครบรอบเหตุการณ์สำคัญ

Logo

องค์กรการกุศลเปิดตัวชื่อ โลโก้ เว็บไซต์ การรีแบรนด์ และรายงานประจำปีใหม่ของมูลนิธิที่ไม่เคยมีมาก่อน

แดลลัส–(BUSINESS WIRE)–10 พฤศจิกายน 2564

การเฉลิมฉลองวันครบรอบ 25 ปี และเพื่อสานต่อความฝันของ Mary Kay Ash ในการส่งเสริมชีวิตของผู้หญิงทั่วโลก มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้เผยแพร่รายงานประจำปีของมูลนิธิเป็นครั้งแรก พร้อมชื่อ โลโก้เว็บไซต์ และการรีแบรนด์ใหม่ ตั้งแต่ปี 2539 มูลนิธิได้บริจาคเงินจำนวนมากกว่า 80 ล้านดอลลาร์ให้กับองค์กรที่สอดคล้องกับพันธกิจสองประการ อันได้แก่ การให้ทุนในการสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็งที่ส่งผลกระทบต่อผู้หญิง และการยุติความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงทางเพศต่อสตรีและเด็กหญิง

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211110005237/en/

The Mary Kay Ash Foundation℠ logo (Graphic: Mary Kay Inc.)

โลโก้ ของ Mary Kay Ash Foundation℠ (กราฟิก: Mary Kay Inc.)

มูลนิธิได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องในฐานะผู้นำด้านการกุศลระดับโลกที่มุ่งเน้นที่ผู้หญิงมากกว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อเป็นการฉลองครบรอบเหตุการณ์สำคัญ องค์กรได้เปลี่ยนชื่อไปเล็กน้อยจาก Mary Kay FoundationSM เป็น Mary Kay Ash FoundationSM เพื่อปรับปรุงการเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหา นอกจากนี้มูลนิธิยังได้เปิดเผยโลโก้และเว็บไซต์ การรีแบรนด์ และรายงานประจำปีของมูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM เป็นฉบับแรก รายงานนี้แสดงให้เห็นภาพรวมของการริเริ่มในปี 2563 ในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก ผลสรุปที่สำคัญในรายงานประกอบด้วย:

  • ในปี 2563 มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้มอบเงินสนับสนุนรวม 1,825,000 ดอลลาร์ให้กับสาเหตุต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกา และทุนที่จะสร้างความแตกต่างไปทั่วโลกผ่านทุนวิจัยด้านนวัตกรรม/การแปลง และโปรแกรม International Post-Doctoral Fellowship Cancer Research Program ตั้งแต่ปี 2539 มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็งที่เป็นนวัตกรรมและการทดลองทางคลินิกเพื่อค้นหาวิธีรักษาโรคมะเร็งที่ส่งผลกระทบต่อผู้หญิง โดยมอบเงินรางวัลมากกว่า 25 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการอันล้ำสมัยกว่า 250 โครงการในโรงเรียนแพทย์และสถาบันวิจัยชั้นนำทั่วโลก
  • เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 มีการรายงานความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มขึ้นอย่างมากทั่วทั้งโลกในปี 2563 การระบาดใหญ่ในวงกว้างนี้ขยายขอบเขตความรุนแรงในครอบครัวไปถึงขีดจำกัดของพวกเขา มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้มอบเงินช่วยเหลือฉุกเฉินเป็นจำนวนเงินรวม 1,000,000 ดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนคนทำงานด่านหน้าเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งเป็นหน่วยกู้ภัยกลุ่มแรกสำหรับผู้หญิงและเด็ก ในความพยายามที่จะขยายความมุ่งมั่นระดับโลกในการขจัดความรุนแรงในครอบครัวที่อิงจากเพศสภาพ Mary Kay Inc. และมูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้ผนึกกำลังกับ CARE USA ผู้นำด้านมนุษยธรรมระดับโลก และกองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี หรือ United Nations Trust Fund to End Violence Against Women and CARE USA  ตั้งแต่ปี 2543 มูลนิธิได้บริจาคเงินมากกว่า 58 ล้านดอลลาร์เพื่อยุติความรุนแรงทางเพศ ความพยายามดังกล่าวได้สนับสนุนผู้หญิงและเด็กหญิงกว่าหกล้านคนในการค้นหาที่พักพิงและการช่วยเหลือจากการถูกล่วงละเมิด

“เมื่อ 25 ปีที่แล้ว คุณยายของฉัน Mary Kay Ash ได้ก่อตั้งมูลนิธิที่ยังคงเป็นหัวใจของ Mary Kay Inc. พนักงานของบริษัทและที่ปรึกษาด้านความงามอิสระ ผู้ซึ่งมุ่งมั่นที่จะรักษาวิสัยทัศน์ในการทำให้โลกนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้นสำหรับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขา” Ryan Rogers ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนและรองประธานคณะกรรมการบริหารมูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM กล่าว “ในขณะที่มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้เติบโตในเท็กซัสและเฝ้าดูพวกเขาแผ่ขยายไปทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา เฉกเช่นเดียวกับตัวบริษัทเองงานของมูลนิธินั้นไร้พรมแดน เราจินตนาการถึงโลกที่ซึ่งผู้หญิงมีพลังอำนาจ สุขภาพดีและปลอดภัย ในวันครบรอบอันสำคัญนี้เรายังคงรักษาคำมั่นสัญญาอันแน่วแน่ต่อผู้หญิงทั่วโลก และได้รับการเตือนใจว่าเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างแท้จริงเพียงใดที่ได้สานต่อการทำงานของคุณยายต่อไป”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เยี่ยมชมได้ที่ marykayashfoundation.org.

เกี่ยวกับมูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM

เพื่อสานต่อความฝันของ Mary Kay Ash ในการส่งเสริมชีวิตของผู้หญิงทั่วโลก มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้ระดมทุนและทำการแจกจ่ายเพื่อลงทุนในการวิจัยโรคมะเร็งเพื่อค้นหาวิธีรักษาโรคมะเร็งที่มักเกิดกับผู้หญิง และเพื่อยุติผลกระทบความรุนแรงต่อผู้หญิงภายในประเทศ ตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา มูลนิธฺ Mary Kay FoundationSM ได้มอบเงินบริจาคมากกว่า 80 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรต่าง ๆ ที่ทำงานสอดคล้องกับพันธกิจของมูลนิธิโดยให้ความสำคัญอย่างเท่ากัน นอกเหนือจากนั้นมูลนิธิยังสนับสนุนโครงการสร้างการรับรู้ โครงการเข้าถึงชุมชน และการสนับสนุนช่วยเหลือการร่างกฏหมายเพื่อให้ผู้หญิงมีสุขภาพดีและปลอดภัย พร้อมกันนั้นก็สร้างโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นสำหรับผู้หญิง ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้ความรู้ การสนับสนุน อาสาสมัคร และการบริจาค รวมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมช่วยเหลือชีวิตเพื่อสร้างแรงผลักดันแก่ผู้หญิง กรุณาเยี่ยมชม marykayashfoundation.org ค้นหาเราได้ทาง Facebook และ Instagram หรือติดตามเราที่ Twitter

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211110005237/en/

ติดต่อ: 

marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


ShawKwei & Partners เข้าซื้อกิจการ CR Asia Group ด้วยมูลค่า 101 ล้านเหรียญสหรัฐ

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–11 พฤศจิกายน 2564

ShawKwei & Partners บริษัทกลุ่มสินทรัพย์ตราสารทุนนอกตลาดแห่งเอเชีย (“ShawKwei”) ประกาศการเข้าซื้อกิจการ CR Asia Pte Ltd (สิงคโปร์) มูลค่า 101 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และบริษัทในเครือทั้งหมด ซึ่งรู้จักกันในชื่อ CR Asia Group ด้วยประวัติการดำเนินงาน 30 ปี CR Asia Group เป็นธุรกิจโซลูชั่นด้านวิศวกรรมพลังงานชั้นนำที่ดำเนินงานทั่วทั้งเอเชีย โดยให้บริการลูกค้าระดับโลก อย่างเช่น Shell, Reliance และ Neste โดย ShawKwei เข้าซื้อกิจการ CR Asia Group จาก Joh Mourik & Co. Holding B.V. แห่งเนเธอร์แลนด์, Arabian Pipeline & Services Co. Ltd. (Anabeeb) แห่งซาอุดีอาระเบีย และผู้ถือหุ้นส่วนน้อยรายอื่น ๆ

CR Asia Group ก่อตั้งขึ้นในปี 2534 ในสิงคโปร์ ปัจจุบันให้บริการลูกค้าใน 18 ประเทศในเอเชียจากฐานที่ตั้งถาวรในสิงคโปร์ ไทย อินเดีย และมาเลเซีย ลูกค้าเหล่านี้เป็นเจ้าของโรงงานและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ใช้ในการแปรรูปพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการผลิตพลาสติก สิ่งทอ เครื่องสำอาง อิเล็กทรอนิกส์ สี และผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ CR Asia Group เป็นที่รู้จักกันดีในด้านการชาร์จและการปลดปล่อยตัวเร่งปฏิกิริยาที่สำคัญต่อภารกิจ ซึ่งเป็นเครื่องปฏิกรณ์หลักที่ใช้ในการกลั่นพลังงาน สารเคมีและปุ๋ย และโรงงานแปรรูปอุตสาหกรรมหนักอื่น ๆ CR Asia Group ยังให้บริการอื่น ๆ รวมถึงการบำรุงรักษาอุปกรณ์และโรงงาน บริการกระบวนการดำเนินงานและการเดินท่อ การหยุดทำงานและการซ่อมบำรุง ตลอดจนบริการด้านวิศวกรรม การจัดซื้อจัดจ้าง และการก่อสร้าง (EPC)

Kyle Shaw ผู้ก่อตั้งและหุ้นส่วนผู้จัดการของ ShawKwei กล่าวว่า “CR Asia Group มีชื่อเสียงในด้านความเป็นเลิศในการแก้ปัญหาด้านวิศวกรรมพลังงานทั่วทั้งเอเชีย และอยู่ในตำแหน่งที่ดีสำหรับการเปลี่ยนผ่านพลังงานไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนที่ต่ำกว่า CR Asia Group ได้รับการสนับสนุนจากพนักงานที่ซื่อสัตย์ ความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว และเครือข่ายพันธมิตรด้านเทคนิคที่กว้างขวาง เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรกับทีมงาน CR Asia Group ทั้งหมด และลงทุนในโครงการริเริ่มด้านเทคโนโลยีระดับองค์กร การดำเนินงาน และระบบอัตโนมัติ เพื่อใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงคาร์บอนที่ต่ำกว่า”

Mark Stansfield กรรมการผู้จัดการของ CR Asia Group กล่าวว่า “ทีมผู้บริหารของเรายินดีต้อนรับ ShawKwei ตามที่เราช่วยเหลือลูกค้าของเราในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในขณะที่ยังคงรักษาความมั่นคงของพลังงาน อาหาร และห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรม เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปี ของ CR Asia Group ในปี 2564 เราสะท้อนกลับด้วยความภาคภูมิใจในความสำเร็จที่ผ่านมาของเรา และเราตั้งตารอด้วยความมั่นใจในการมีส่วนร่วมในการลดคาร์บอนไดออกไซด์และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานสำหรับลูกค้าของเรา”

เกี่ยวกับ ShawKwei & Partners

ShawKwei & Partners เป็นผู้จัดการกองทุนกลุ่มสินทรัพย์ตราสารทุนนอกตลาด ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในฮ่องกง สิงคโปร์ เซี่ยงไฮ้ และซานฟรานซิสโก ShawKwei & Partners ลงทุนในบริษัทการผลิต อุตสาหกรรม และบริการที่ดำเนินงานทั่วทั้งเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา โดยมีรายได้ระหว่าง 50-800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากการลงทุน ShawKwei & Partners จะปรับปรุงธุรกิจโดยการร่วมมือกับผู้บริหารเพื่อระบุและตระหนักถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพที่ยั่งยืนในการเติบโตของยอดขาย การขยายอัตรากำไรขั้นต้น และประสิทธิภาพของเงินทุน

Kyle Shaw ก่อตั้ง ShawKwei & Partners ในปี 2541 หลังจากก่อนหน้านี้จัดการกองทุนกลุ่มสินทรัพย์ตราสารทุนนอกตลาดในเอเชียสำหรับ Tudor Investment Group และ Security Pacific National Bank การลงทุนในอดีต รวมถึง YongLe Tape ผู้ผลิตเทปกาวชั้นนำของจีน Beyonics ผู้ผลิตโลหะ พลาสติก และอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความแม่นยำสำหรับอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ ยานยนต์ และเทคโนโลยีที่ดำเนินงานทั่วเอเชีย Flex Holdings (เดิมชื่อ Flextronics) ผู้รับจ้างผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และ Schmid Group นักออกแบบและผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับลูกค้าพลังงานแสงอาทิตย์ อิเล็กทรอนิกส์ และแบตเตอรี่ลิเธียมในเยอรมนี

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211107005104/en/

ติดต่อ:

Mark Stansfield, Group Managing Director at CR Asia Group
T: +66-2-653-3913-5
E: mstansfield@crasia.net
Visit: www.crasia.net

Shirley Li, Communications Manager at ShawKwei & Partners
T: +852 3162 8479 / +86 138 1789 4699
E: shirley@shawkwei.com
Visit: www.shawkwei.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Ripple เปิดตัว Liquidity Hub เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อขายและถือครองสินทรัพย์คริปโต

Logo

เปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นแรกร่วมกับพันธมิตร Coinme

ซานฟรานซิสโก–(บิสิเนสไวร์)–09 พ.ย. 2564

วันนี้ Ripple ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชั่นบล็อกเชนและคริปโตระดับองค์กร ได้นำเสนอตัวอย่าง Ripple Liquidity Hub ซึ่งเป็นโซลูชันใหม่สำหรับลูกค้าองค์กรที่จะเปิดตัวในปี 2565   Ripple Liquidity Hub จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลจากหลากหลายจากผู้ให้บริการทั่วโลก รวมถึงผู้มอบสภาพคล่องตัว การแลกเปลี่ยน เคาน์เตอร์ OTC และสถานที่กระจายอำนาจในอนาคต  ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะรองรับการบูรณาการแบบเบ็ดเสร็จและการกำหนดเส้นทางคำสั่งซื้อที่ชาญฉลาดไปยังแหล่งสินทรัพย์ดิจิทัลในราคาที่เหมาะสม ทำให้ลูกค้าสามารถซื้อ ขาย และถือสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างง่ายดาย

การเปิดตัว GA จะรองรับ BTC, ETH, LTC, ETC, BCH และ XRP (ความพร้อมใช้งานจะแตกต่างกันไปตามพื้นที่) โดยมีแผนที่จะขยายไปยังสินทรัพย์ที่มีโทเค็นมากขึ้น ในอนาคต Ripple มีแผนที่จะเพิ่มคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น การสนับสนุนการ staking และฟังก์ชันการสร้าง yield

เป็นเวลาเกือบสองปีที่ Ripple ได้ใช้ประโยชน์จาก Liquidity Hub สำหรับการจัดการสภาพคล่องภายในโดยเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ On-Demand Liquidity (ODL) ซึ่งขับเคลื่อนธุรกรรมนับล้านรายการ มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ตอนนี้ Ripple จะทำให้ผลิตภัณฑ์พร้อมใช้งานสำหรับลูกค้าหลายร้อยรายทั่วโลก เช่นเดียวกับสถาบันการเงิน ธนาคาร ฟินเทค หรือบริษัทต่างๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือในการเตรียมพร้อมสำหรับโลกที่คริปโตเป็นที่แรกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

Asheesh Birla GM ของ RippleNet กล่าวว่า “เราเข้าใจโดยตรงถึงความจำเป็นในการจัดการสภาพคล่องที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ และด้วยเหตุนี้ เราได้ทราบความต้องการจากลูกค้าที่อยากได้โซลูชันที่สามารถเป็นผู้ค้าครบวงจรในการซื้อ ขาย และถือ สินทรัพย์คริปโท  การผสมผสานของ DNA คริปโตของ Ripple และประวัติการทำงานอันยาวนานกับสถาบันการเงินทำให้เราอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ซ้ำใครในการแก้ไขปัญหานี้สำหรับลูกค้าของเราในขณะที่พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่เป็นโทเค็น”

Liquidity Hub ต่างจากโซลูชันที่มีอยู่ในปัจจุบัน ออกแบบมาสำหรับลูกค้าองค์กรและความต้องการเฉพาะของพวกเขา

  • การเริ่มต้นใช้งานที่ง่ายดาย: นำเสนอ API ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพสำหรับการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลจากกลุ่มสภาพคล่องที่หลากหลาย ทำให้องค์กรสามารถผสานรวมกับ Liquidity Hub ได้อย่างง่ายดาย และเริ่มให้บริการซื้อขายแก่ลูกค้า ทำให้เกิดแหล่งรายได้ใหม่
  • การกำหนดราคาที่เหมาะสม: โดยมอบราคารวมที่ดีที่สุดและเหมาะสมสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลที่หลากหลาย ทำให้องค์กรสามารถให้ราคาดีที่สุดแก่ลูกค้าจากแหล่งสภาพคล่องที่หลากหลาย
  • การเข้าถึงเงินทุน: องค์กรต่างๆ จะไม่ต้องเติมเงินในบัญชีล่วงหน้าสำหรับ Liquidity Hub และสามารถรับเงินทุนหมุนเวียนผ่าน Ripple เพื่อเป็นทุนในการดำเนินธุรกิจได้

พันธมิตรรายแรกของ Ripple ของผลิตภัณฑ์รุ่นแรกคือ Coinme ซึ่งเป็นเครือข่ายสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยมีสถานที่หลายพันแห่งทั่วประเทศ ในขั้นต้น Coinme จะใช้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีพื้นฐานของ Liquidity Hub โดยมีแผนที่จะปลดล็อกฟังก์ชันเพิ่มเติมเมื่อพร้อมใช้งาน

“Coinme ให้การเข้าถึงที่สะดวกและง่ายดายในการแลกเปลี่ยนเงินสดเป็นคริปโต  การจัดการเครือข่ายที่กว้างขวางนี้ต้องการการเข้าถึงสภาพคล่องตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นเราจึงสามารถให้ราคาดีที่สุดแก่ลูกค้าของเราสำหรับสินทรัพย์ที่หลากหลาย เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรกับ Ripple เพื่อนำประโยชน์เหล่านี้มาสู่ลูกค้าและธุรกิจของเรา” Neil Bergquist ซีอีโอของ Coinme กล่าว

Ripple เป็นบริษัทองค์กรแห่งแรกที่ใช้ประโยชน์จากคริปโตเพื่อจัดการกับความท้าทายมูลค่าล้านล้านดอลลาร์ด้วยการชำระเงินข้ามพรมแดน  ตั้งแต่นั้นมา Ripple ได้ขยายจากเครือข่ายการชำระเงินข้ามพรมแดนไปยังแพลตฟอร์มที่ให้บริการโทเค็นที่จะนำความสามารถด้านการเข้ารหัสลับมาสู่องค์กร และเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตที่คริปโตเป็นศูนย์กลาง สภาพคล่องมีบทบาทสำคัญและเป็นรากฐานของประสบการณ์ในสกุลเงินดิจิทัล

ในอนาคต ลูกค้าทุกคนจะเข้าร่วม RippleNet ด้วยบริการพื้นฐานเดียวกันและกระเป๋าเงินที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งคริปโตและ fiat ด้วยการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้  ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากโซลูชั่นที่ใช้เทคโนโลยีบล็อคเชนล่าสุดที่ทำให้พวกเขาทันสมัยอยู่เสมอ แพลตฟอร์มนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สามารถอัพเกรดและเพิ่มบริการใหม่ๆ ได้อย่างราบรื่นตามที่ลูกค้าต้องการ ลูกค้าจะสามารถใช้กระเป๋าเงินที่เปิดใช้งาน Ripple เพื่อดูแลทุกอย่างที่เป็นโทเค็นได้

RippleNet เพิ่งเสร็จสิ้นไตรมาสที่ดีที่สุดจน โดยประกาศตลาดมากกว่า 20 แห่งที่พร้อมให้บริการสำหรับ ODL ด้วยการใช้งานใหม่ในญี่ปุ่นและตะวันออกกลาง รวมถึงการเติบโตมากกว่า 25 เท่าสำหรับกระแสข้อมูลระหว่างประเทศในเครือข่าย

การเปิดตัว Liquidity Hub อยู่ระหว่างรอใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องและข้อกำหนดอื่นๆ ความพร้อมใช้งานจะแตกต่างกันไปตามเขตอำนาจศาล

เกี่ยวกับ Ripple

Ripple ช่วยให้สามารถชำระเงินได้ทุกที่ ทุกทาง สำหรับทุกคนที่ใช้พลังของคริปโตและบล็อกเชน  ด้วยการเข้าร่วมเครือข่ายระดับโลก (RippleNet) ที่กำลังเติบโตของ Ripple  สถาบันการเงินสามารถประมวลผลการชำระเงินของลูกค้าได้ทุกที่ในโลกทันที เชื่อถือได้ และคุ้มค่า ธนาคารและผู้ให้บริการชำระเงินสามารถใช้ XRP ของสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อลดต้นทุนและเข้าถึงตลาดใหม่ได้ ด้วยสำนักงานในซานฟรานซิสโก วอชิงตัน ดีซี นิวยอร์ก ลอนดอน มุมไบ สิงคโปร์ เซาเปาโล เรคยาวิก และดูไบ Ripple มีลูกค้าหลายร้อยรายทั่วโลก

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211109005824/en/

ติดต่อ:

Megan Katz
Press@ripple.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

DigitalBridge ประกาศการลงทุนจาก IFC เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและการเชื่อมต่อในละตินอเมริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Logo

โบคา เรตัน รัฐฟลอริดา–(BUSINESS WIRE)–09 พฤศจิกายน 2564

DigitalBridge Group, Inc. (NYSE: DBRG) (“DigitalBridge” หรือ “บริษัท”) ประกาศในวันนี้ว่า International Finance Corporation (“IFC”) จะลงทุนด้วยจำนวนเงิน 100 ล้านดอลลาร์ในสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่จัดการโดย DigitalBridge ในบราซิล อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เพื่อขยายการเข้าถึงและการเชื่อมต่อดิจิทัล

การลงทุนด้วยจำนวนเงิน 100 ล้านดอลลาร์ของ IFC นั้นรวมถึง 75 ล้านดอลลาร์ที่ลงทุนไปแล้วในบริษัทพอร์ตโฟลิโอของ DigitalBridge จำนวนสามแห่งได้แก่:

  • Scala Data Centers (“Scala”) ผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลไฮเปอร์สเกลชั้นนำที่ตั้งอยู่ในบราซิล
  • EdgePoint Infrastructure (“EdgePoint”) ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารไร้สายอิสระที่มีการดำเนินงานในอินโดนีเซียและมาเลเซีย และ
  • Highline do Brasil (“Highline”) ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารไร้สายอิสระที่มีการดำเนินงานในบราซิล

IFC จะลงทุนเพิ่มอีก 25 ล้านดอลลาร์ในสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอื่น ๆ ในระบบเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ซึ่งจัดการโดย DigitalBridge ในอนาคต

เงินทุนของ IFC จะช่วยขยายธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของ Scala, EdgePoint และ Highline และเพิ่มการเข้าถึงการเชื่อมต่อดิจิทัลที่มีคุณภาพและความจุของศูนย์ข้อมูลสำหรับทั้งบุคคลและองค์กรในภูมิภาคเหล่านี้ การลงทุนของ IFC ตรวจสอบและผลักดันกลยุทธ์การเติบโตของ DigitalBridge ในระบบเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีคุณภาพและเชื่อถือได้กำลังกำหนดขั้นตอนสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวที่ครอบคลุมและอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น

“การลงทุนจาก IFC ช่วยให้ Scala มีแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงความเชี่ยวชาญและคำแนะนำ ซึ่งช่วยให้เราสามารถเร่งการเติบโตและความก้าวหน้าในประเทศแถบลาตินอเมริกาผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล รวมถึงการแบ่งปันหลักการที่แข็งแกร่งเกี่ยวกับ ESG” Marcos Peigo ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Scala กล่าว “ในขณะที่เราขยายแพลตฟอร์มของเราต่อไป Scala จะยังคงอยู่ในระดับแนวหน้าของการทำให้เป็นดิจิทัล สนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจในชุมชนที่เราให้บริการ”

“ด้วยการสนับสนุนจาก DigitalBridge ทำให้ EdgePoint ได้สร้างบริษัทโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมชั้นนำในเอเชียแปซิฟิก” Suresh Sidhu ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ EdgePoint กล่าว “โครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และการสนับสนุนจาก IFC จะช่วยให้เราสามารถขยายโซลูชั่นการเชื่อมต่อรุ่นต่อไปได้อย่างต่อเนื่องทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน”

“Highline มุ่งมั่นที่จะเพิ่มความครอบคลุมด้านโทรคมนาคมทั่วทั้งบราซิล การเชื่อมต่อเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนา นวัตกรรม และความก้าวหน้า” Fernando Viotti ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Highline กล่าว “เรายินดีที่จะได้รับทรัพยากรเพิ่มเติมเหล่านี้จาก IFC ในขณะที่เราแสวงหาโอกาสใหม่เพื่อสร้างมูลค่าอย่างต่อเนื่องและเส้นทางที่ยั่งยืน”

“เรายินดีที่ได้ร่วมงานกับ DigitalBridge ซึ่งเป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีวิสัยทัศน์สำหรับอนาคตที่ปรับการเติบโตทางเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมในเชิงบวก” Lance Crist หัวหน้า Global Head of Equity for Infrastructure ของ IFC กล่าว “โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสนับสนุนทุกแง่มุมของสังคมและเศรษฐกิจ ตั้งแต่เมืองอัจฉริยะและรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงการดูแลสุขภาพและการศึกษา ตั้งแต่อีคอมเมิร์ซ บริการทางการเงิน และการผลิต ไปจนถึงการวิจัยและพัฒนา และอื่น ๆ การลงทุนนี้มีส่วนสำคัญในการปิดช่องว่างทางดิจิทัลโดยการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและบริการดิจิทัล ส่งเสริมการเชื่อมต่อในชนบท และเร่งการเปิดตัวเทคโนโลยีการสื่อสารดิจิทัล 4G และ 5G ทั่วโลก”

เกี่ยวกับ DigitalBridge

DigitalBridge (NYSE: DBRG) เป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลชั้นนำระดับโลก ด้วยมรดกที่สะสมมายาวนานกว่า 25 ปี ในการลงทุนและดำเนินธุรกิจทั่วทั้งระบบนิเวศดิจิทัล ซึ่งรวมถึงหอคอย ศูนย์ข้อมูล ไฟเบอร์ เซลล์ขนาดเล็ก และโครงสร้างพื้นฐานแบบเอดจ์ ทีมงาน DigitalBridge จัดการพอร์ตโฟลิโอสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลมูลค่า 38,000 ล้านดอลลาร์ในนามของหุ้นส่วนและผู้ถือหุ้น DigitalBridge มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองโบกา เรตัน และมีสำนักงานหลักในลอสแองเจลิส นิวยอร์ก ลอนดอน และสิงคโปร์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ DigitalBridge กรุณาเยียมชมได้ที่ www.digitalbridge.com

คำเตือนเกี่ยวกับข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้อาจมีข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตตามความหมายของกฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐบาลกลาง ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเกี่ยวข้องกับความคาดหวัง ความเชื่อ การคาดการณ์ แผนและกลยุทธ์ในอนาคต เหตุการณ์หรือแนวโน้มที่คาดการณ์ไว้ และการแสดงออกที่คล้ายคลึงกันซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ในบางกรณี คุณสามารถระบุข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต มักใช้คำศัพท์ที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต เช่น “อาจจะ” “จะ” “ควร” “คาดหวัง” “ตั้งใจ” “วางแผน” “คาดการณ์” “ เชื่อ” “ประมาณการ” “ทำนาย” หรือ “มีศักยภาพ” หรือ เชิงลบของคำและวลีเหล่านี้  หรือ คำหรือวลีที่คล้ายกัน ซึ่งเป็นการคาดคะเนหรือบ่งชี้เหตุการณ์หรือแนวโน้มในอนาคต และไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางประวัติศาสตร์เพียงอย่างเดียว ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเกี่ยวข้องกับความเสี่ยง ความไม่แน่นอน การสมมติฐาน และเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นทั้งที่ทราบและไม่ทราบ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา และอาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างอย่างมากจากสิ่งที่แสดงในข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ปัจจัยที่อาจทำให้เกิดความแตกต่างดังกล่าวรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงความสามารถของบริษัทในการระดมทุนเพิ่มเติมเพื่อเป็นทุนในการเติบโตในระบบเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ และความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอื่น ๆ รวมถึงรายละเอียดในรายงานประจำปีในแบบฟอร์ม 10-K สำหรับปีสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 รายงานรายไตรมาสในแบบฟอร์ม 10-Q สำหรับไตรมาสสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 และ 30 มิถุนายน 2564 และรายงานอื่น ๆ ที่ DigitalBridge Group, Inc. (“บริษัท”) ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งคราว ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตทั้งหมดสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อ สมมติฐาน และความคาดหวังโดยสุจริตของบริษัท แต่ไม่ได้รับประกันผลการปฏิบัติงานในอนาคต บริษัทขอเตือนนักลงทุนอย่าใช้ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตอย่างไม่เหมาะสม แถลงการณ์ที่เป็นข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตกล่าวถึงเฉพาะวันที่ในเอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เท่านั้น บริษัทไม่มีหน้าที่ในการปรับปรุงข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตใด ๆ เหล่านี้หลังจากวันที่ในเอกสารประชาสัมพันธ์นี้ และต้องไม่ปฏิบัติตามข้อความก่อนหน้านี้ให้สอดคล้องกับผลลัพธ์ที่แท้จริงหรือการคาดการณ์ที่แก้ไข และบริษัทไม่มีเจตนาที่จะทำเช่นนั้น

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211109006064/en/

ติดต่อ:

DigitalBridge

นักลงทุน:
Kevin Smithen
Chief Commercial and Strategy Officer
kevin.smithen@digitalbridge.com
(646) 883-2846

สื่อ:
Joele Frank, Wilkinson Brimmer Katcher
Jon Keehner / Aura Reinhard
DBRG-jf@joelefrank.com
(212) 355-4449

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

LDRA ประกาศการประชุมสุดยอดความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยระบบฝัง หรือ Embedded Safety & Security Summit (ESSS) 2565 ซึ่งเป็นงานแบบออนไลน์ อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเปิดให้ผู้ชมทั่วโลกได้รับชมมากขึ้น

Logo

การประชุมชั้นนำระดับโลกครั้งที่ 7 จะจัดขึ้นในวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2565 ในหัวข้อ “การออกแบบระบบฝังตัวด้วยความคล่องตัว คุณภาพ ความมั่นคง และความปลอดภัย”

บังคาลอร์ อินเดีย–(BUSINESS WIRE)–9 พ.ย. 2564

LDRA ร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมและสมาคมต่าง ๆ ประกาศในวันนี้ว่างาน Embedded Safety & Security Summit (ESSS) 2565 ครั้งที่ 7 จะจัดขึ้นในวันที่ 15 มิถุนายน ในหัวข้อ “การออกแบบระบบสมองกลในระบบฝังตัวด้วยความคล่องตัว คุณภาพ ความมั่นคง และความปลอดภัย หรือ Designing Embedded Systems with Agility, Quality, Safety & Security” การประชุมและนิทรรศการจะเป็นแบบออนไลน์เสมือนจริงเป็นปีที่สองติดต่อกัน ซึ่งจะช่วยให้มีส่วนร่วมมากขึ้นในการพัฒนา ทดสอบ และรับรองระบบฝังตัวที่สำคัญต่อภารกิจต่าง ๆ เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีล่าสุด

ด้วยความพยายามอย่างต่อเนื่องในการเพิ่มขีดความสามารถของชุมชนระบบฝังตัวและการเข้าถึงผู้ชมทั่วโลก ESSS 2565 มาพร้อมกับเซสชันให้ความรู้พิเศษ ได้แก่ แพลตฟอร์มออนไลน์แบบโต้ตอบ และการผสมผสานที่ลงตัวของเพื่อนร่วมงานในอุตสาหกรรมสำหรับการสร้างเครือข่าย โดย งานมุ่งเน้นไปที่สี่เส้นทางอุตสาหกรรม: การบินและการป้องกัน, ยานยนต์, อุตสาหกรรม และการแพทย์

Ian Hennell ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ LDRA กล่าวว่า “ไม่ว่าจะทางออนไลน์ หรือออฟไลน์  ESSS ช่วยให้เราสามารถสานต่อความพยายามของเราในการสนับสนุนอุตสาหกรรมระบบฝังตัวที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของการใช้งาน” “การประชุมที่ครอบคลุมครั้งนี้ให้ความรู้และทำให้ชุมชนทราบเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความจำเป็นในการสร้างคุณภาพในระบบแห่งอนาคต”

ESSS 2565 จะรวมเนื้อหาที่ให้โอกาสมีส่วนร่วมและที่ให้ข้อมูล ซึ่งรวมถึงการอภิปรายในหัวข้อ “การพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยมาตรฐานในโลกที่คล่องตัว” นอกจากนี้ยังจะรวมถึงเซสชันที่เป็นประเด็นสำคัญของอุตสาหกรรม และเซสชันทางเทคนิคที่กล่าวถึงชุมชนระบบฝังตัวทุกประเภท ตั้งแต่วิศวกรซอฟต์แวร์ ผู้มีอำนาจตัดสินใจ ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรอง ไปจนถึงตัวแทนจากรัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแล

Shinto Joseph ผู้อำนวยการ – South East Asia Operation, LDRA และผู้ประสานงานของ ESSS กล่าวว่า “ESSS 2565 จะรวบรวมผู้นำจากภาครัฐ นวัตกรรมเทคโนโลยี องค์กรธุรกิจ และมาตรฐาน เพื่อนำเสนอสถานะของการปฏิบัติงานและนวัตกรรมที่ช่วยผู้เชี่ยวชาญในการใช้ประโยชน์จาก เทคโนโลยีอัจฉริยะ การอภิปรายเกี่ยวกับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยมาตรฐานในโลกที่คล่องตัวจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการเจาะจงเกี่ยวกับปัญหาที่ใกล้จะเกิดขึ้นที่อุตสาหกรรมต่าง ๆ กำลังจะเผชิญ รวมถึง EVs, UAVs, IIoTs, ระบบอัตโนมัติ เป็นต้น”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโอกาสในการสนับสนุน การส่งเอกสาร และการลงทะเบียนสำหรับ ESS 2565 โปรดไปที่ www.embedded-safety-security.com.

เกี่ยวกับ LDRA

กว่า 40 ปีแล้วที่ LDRA ได้พัฒนาและขับเคลื่อนตลาดซอฟต์แวร์ที่ทำการวิเคราะห์โค้ดและทดสอบซอฟต์แวร์โดยอัตโนมัติสำหรับตลาดด้านความปลอดภัย ภารกิจ ความมั่นคง และตลาดที่มีความสำคัญทางธุรกิจ การทำงานกับลูกค้าเพื่อให้ระบุและกำจัดข้อผิดพลาดได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และการปฏิบัติตามมาตรฐานอุตสาหกรรมอย่างครบถ้วน LDRA ติดตามข้อกำหนดผ่านการวิเคราะห์แบบสถิตและไดนามิก ไปจนถึงการทดสอบยูนิตและการตรวจสอบสำหรับแพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่หลากหลาย ด้วยการเป็นที่รู้จักทั่วโลก LDRA มีสำนักงานใหญ่ในสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และอินเดีย ควบคู่ไปกับเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายที่กว้างขวาง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชุดเครื่องมือ LDRA โปรดไปที่ http://www.ldra.com/.

เกี่ยวกับ ESSS®

การมุ่งเน้นไปที่ด้านความมั่งคงและการรักษาความปลอดภัยของระบบฝังตัวที่สำคัญ ทำให้ Embedded Safety & Security Summit (ESSS) เป็นเวทีพิเศษเฉพาะสำหรับชุมชนระบบฝังตัวทั้งหมดเพื่อเรียนรู้ โต้ตอบ และสร้างการเติบโต โดยทาง LDRA ขับเคลื่อนความคิดริเริ่มที่ประสบความสำเร็จด้วยการสนับสนุนจากพันธมิตร ลูกค้า หน่วยงานอุตสาหกรรมและวิชาชีพ และหน่วยงานรัฐบาล เรียนรู้เพิ่มเติมที่www.embedded-safety-security.com.

ผู้อ่านสามารถส่งคำถามไปที่:

Mark James

อีเมล: mark.james@ldra.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211108006207/en/

สื่อ:

Kelly Wanlass, Hughes Communications, Inc., ฝ่ายสื่อสัมพันธ์

โทร: +1 (801) 602-4723, อีเมล: kelly@hughescom.net

Mark James, LDRA, ผู้จัดการฝ่ายการตลาด

โทร: +44 (0) 151 649-9300, อีเมล: mark.james@ldra.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Hytera เปิดตัววิทยุ PoC รุ่นใหม่ มีชื่อรุ่นว่า PNC360S สำหรับการสื่อสารทางธุรกิจแบบง่ายที่งาน CCW2021

Logo

เซินเจิ้น ประเทศจีน–(BUSINESS WIRE)–9 พ.ย. 2564

Hytera คือ ผู้ห้บริการชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยีและโซลูชั่นการสื่อสารแบบส่วนตัวและแบบมืออาชีพ ได้เปิดตัววิทยุ Push-to-Talk over Cellular (PoC) ล่าสุดที่งานCCW2021 ซึ่งเป็นวิทยุที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถติดต่อทางธุรกิจได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพ

ดูข่าวประชาสัมพันธ์แบบมัลติมีเดียฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211103005609/en/

Hytera Rolled Out New PoC Radio PNC360S for Simplified Business Communications at CCW2021 (Graphic: Business Wire)

Hytera เปิดตัววิทยุ PoC รุ่นใหม่ มีชื่อรุ่นว่า PNC360S สำหรับการสื่อสารทางธุรกิจแบบง่ายที่งาน CCW2021 (กราฟิก: Business Wire)

องค์กรธุรกิจ เช่น ร้านค้าปลีกหรือโรงแรมมักมองหาโซลูชันทางเศรษฐกิจเพื่อให้สามารถสื่อสารในวงกว้างด้วยต้นทุนเริ่มต้นที่ต่ำ นี่คือสิ่งที่วิทยุ PoC นำเสนอ เพราะ PoC ให้บริการแบบ Push-to-Talk ผ่านเครือข่ายมือถือสาธารณะที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเครือข่ายแบบวิทยุได้ทั่วประเทศโดยไม่จำเป็นต้องซื้อ ลงทุน หรือบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานใดๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับวิทยุแบบสองทาง วิทยุ PoC แบบเดิมประสบปัญหาหลายประการ รวมถึงเสียงที่ไม่ชัดเจนในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังมาก ปัญหาการโทรไม่สม่ำเสมอในพื้นที่ที่มีสัญญาณอ่อน อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่สั้น และประสิทธิภาพการทำงานที่ไม่เสถียรในพื้นที่ชื้นและมีฝุ่น โดย Hytera PNC360S ได้รับการปรับให้เหมาะสมเพื่อตอบสนองความท้าทายเหล่านี้ ทำให้ Hytera PNC360Sเป็นโซลูชั่นในอุดมคติสำหรับการสื่อสาร แบบ Push-to-Talk ที่ง่ายดายและเชื่อถือได้

เสียงดังฟังชัด

ผู้ใช้จะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง เช่นถนนที่แออัด หรือโรงงานที่มีเสียงดัง ได้อย่างไร? PNC360S คือคำตอบ จะช่วยให้ผู้ใช้ได้ยินทุกคำอย่างชัดเจนและอย่างง่ายดาย ทำไมน่ะหรอ? เพราะ…มีการใช้ลำโพงในตัวแบบ 3 วัตต์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 36 มม. เพื่อให้แน่ใจว่าเสียงที่ออกมาจะดัง โดยมีการตัดเสียงรบกวนและเทคโนโลยีการลดการบิดเบือนที่จดสิทธิบัตรช่วยให้มั่นใจได้ถึงความชัดเจนของเสียง นอกจากนี้ Hytera ยังสามารถเอาชนะปัญหาเสียงสะท้อนกลับเมื่อวิทยุอยู่ใกล้กันมากเกินไป ด้วยอัลกอริธึมฟีดแบคการลดการบิดเบือนแบบใหม่

ขนาดพกพาและน้ำหนักเบา

PNC360S มีน้ำหนักเพียง 170 กรัม และหนาเพียง 26.5 มม. มีขนาดกะทัดรัดและเบา และสามารถใส่ในกระเป๋าเสื้อ หรือติดไหล่ได้อย่างสบาย ผู้ใช้สามารถพกพาได้ทุกแบบที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมีการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ที่ได้รับการปรับปรุง ออกแบบให้ปุ่มอยู่ด้านเดียวช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ด้วยมือเดียว ปุ่ม Push-to-Talk ขนาดใหญ่พิเศษช่วยให้ผู้ใช้งานหาเจอเพียงสัมผัสเดียว ขณะที่วงแหวนสีส้มรอบ ๆ ปุ่ม ทำให้ผู้ใช้งานมองเห็นชัด ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อใช้งานในที่แสงน้อย พื้นผิวกันลื่นสามารถลดจำนวนหยดน้ำที่เกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจได้ แม้ในสภาพชื้น

แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน

แบตเตอรี่ 4,000 mAh เปิดใช้งานได้ 48 ชั่วโมงสำหรับผู้ใช้ในรอบการทำงาน 10-10-80 เมื่อใช้ร่วมกับโซลูชัน Hytera HyTalk ทุกอย่างรวดเร็วและไม่ยุ่งยาก ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่บ่อย ๆ อีกต่อไป การไม่มีเวลาไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป PNC360S รองรับการชาร์จอย่างรวดเร็วแบบ 2A ด้วยสายข้อมูล USB Type-C

การออกแบบที่ทนทาน

PNC360S ได้รับการออกแบบด้วยโครงสร้างที่ทนทานและสร้างขึ้นจากวัสดุกันน้ำ ปุ่ม Push-to-Talk ได้รับการทดสอบด้วยการกด 400,000 ครั้ง วิทยุได้รับการรับรอง IP67 ดังนั้น PNC360S จึงมีความทนทานพอที่จะทนต่อน้ำ ฝุ่น การกระแทก อุณหภูมิแบบสุดขั้ว และการตกจากที่สูงได้ถึง 1.2 เมตร PNC360S จะให้การสื่อสารที่เสถียรและราบรื่นเสมอไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะรุนแรงเพียงใด

วิทยุ PNC360S PoC ใหม่ ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะโดยคำนึงถึงธุรกิจเป็นหลัก ดังนั้นจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของคุณสำหรับการสื่อสารในทีมที่รวดเร็วและเชื่อถือได้ทั้งภายในและภายนอกสำนักงาน และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ PNC360S กรุณาเยี่ยมชม: https://bit.ly/3nTds9R

ฉบับเต็มได้ที่นี่: businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211103005609/en/

ติดต่อ:

Lingran Tao
Lingran.Tao@hytera.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Thai Herald

Thai Herald