Category Archives: Energy

ผู้นำอุตสาหกรรมสีเขียวระดับโลกมารวมตัวกันที่งาน Eco Expo Asia 2023

Logo

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–3 ตุลาคม 2023

Eco Expo Asia 2023 จัดโดยองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกงและบริษัท Messe Frankfurt (HK) Ltd ร่วมกับสำนักสิ่งแวดล้อมและนิเวศวิทยาของรัฐบาลของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง จะเปิดตัวระหว่างวันที่ 26 – 29 ตุลาคม ในงาน AsiaWorld-Expo ในฮ่องกง พร้อมบริการการจับคู่ธุรกิจออนไลน์ “Click2Match” ที่เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม ถึง 6 พฤศจิกายน

Global Green Industry Leaders Unite at Eco Expo Asia 2023 (Photo: Business Wire)

ผู้นำอุตสาหกรรมสีเขียวระดับโลกมารวมตัวกันที่งาน Eco Expo Asia 2023 (รูปภาพ: Business Wire)

งานแสดงนี้จัดขึ้นภายใต้ธีม “ก้าวกระโดดสู่ความเป็นกลางคาร์บอน” มีจุดมุ่งหมายเพื่อรวบรวมบุคคลสำคัญจากจีนแผ่นดินใหญ่และอุตสาหกรรมสิ่งแวดล้อมทั่วโลก เพื่อส่งเสริมแนวคิดต่างๆ เช่น การลดคาร์บอน เศรษฐกิจหมุนเวียน และพลังงานใหม่ โดยมีเป้าหมายสูงสุดในการเปลี่ยนฮ่องกงให้เป็นศูนย์กลางระดับนานาชาติสำหรับเทคโนโลยีสีเขียวและการเงิน นอกเหนือจากกลุ่มบริษัทจัดแสดงนิทรรศการที่กลับมาจากแคนาดาและญี่ปุ่นแล้ว ยังมีกลุ่มบริษัทใหม่หลายกลุ่มจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่จะเข้าร่วมเป็นครั้งแรกด้วย

Eco Expo Asia ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากเขตเศรษฐกิจพิเศษอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (Greater Bay Area) โดยมีส่วนจัดแสดงใหม่ของเขตบริหารพิเศษมาเก๊าและเมืองจงซาน รวมถึงส่วนจัดแสดงไฮโดรเจนที่ประกอบด้วยบริษัทฮ่องกงต่างๆ เข้าร่วมด้วย ตลอดจนการกลับมาของส่วนจัดแสดงกว่างโจวและเสินเจิ้น งานจัดแสดงสินค้าครั้งนี้จะช่วยฟื้นคืนบทบาทของฮ่องกงในการเร่งความร่วมมือระหว่างกันภายในมหานครที่เจริญรุ่งเรืองแห่งนี้ ส่วนจัดแสดงใหม่อื่นๆ จากจีนแผ่นดินใหญ่ ได้แก่ ส่วนจัดแสดงจากมณฑลเจียงซูและหูหนาน รวมถึงเมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งมีนักลงทุนชั้นนำในด้านพลังงานหมุนเวียน ไฮโดรเจน การเงินสีเขียว และอื่นๆ งานจัดแสดงสินค้าในปีนี้ยังดึงดูดนักลงทุนชั้นนำในอุตสาหกรรมสีเขียวจากทั่วโลก ที่มีการยืนยันการเข้าร่วมจาก 11 ประเทศและภูมิภาคด้วย

การประชุมประจำปี Eco Asia Conference  เป็นส่วนที่ไม่ควรพลาด วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจะมาแบ่งปันมุมมองและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับหัวข้อสำคัญต่างๆ รวมถึง “กรอบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับสิ่งแวดล้อมที่สร้างขึ้น”, “แนวโน้มแนวคิดการพัฒนายั่งยืน (ESG) ที่เปลี่ยนแปลงและอนาคตของการเงินที่ยั่งยืน” และเทคโนโลยีดิจิทัลแบบหมุนเวียน ไฮไลท์อื่นๆ ได้แก่ การสัมมนา “C40 Climate Action (ภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย) เซสชันที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลฮ่องกง และพิธีเปิดตัว “การสร้างพื้นที่อ่าวขยะเป็นศูนย์” ซึ่งเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของเขตเศรษฐกิจพิเศษอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (GBA) ในเรื่องความเป็นกลางทางคาร์บอน

งานจัดแสดงสินค้านี้จะเปิดให้ประชาชนเข้าร่วมในวันสุดท้ายเพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตสีเขียว ผู้เข้าชมสามารถเข้าร่วมเวิร์กช็อปด้านสิ่งแวดล้อม การสัมมนา ตลาดสีเขียว และศูนย์หางาน ESG ใหม่ล่าสุดได้

ลงทะเบียนตอนนี้เพื่อรับ e-Badge ฟรี- https://tinyurl.com/2p8942h8

เว็บไซต์www.ecoexpoasia.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53569098/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

โปรดติดต่อแผนกนิทรรศการของ HKTDC:
Jojo Li/Joanne Ma
โทรศัพท์: (852)22404136/22404602
อีเมล: jojo.ty.li@hktdc.org /joanne .ts.ma@hktdc.org

ที่มา: องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง

JAIMA: ข้อมูลการประชุมสัมมนาหัวข้อ “สังคมคาร์บอนเป็นกลางและพลังงานชีวมวล” (ที่จัดขึ้นในประเทศไทย)

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–26 กันยายน 2023

Japan Analytical Instruments Manufacturers' Association (JAIMA ที่อยู่: 2-5-16 Kanda Nishiki-cho, Chiyoda-ku, Tokyo 101-0054 ประธาน: Masayuki Adachi/ประธานบริษัท Horiba, Ltd.) จะจัดการประชุมสัมมนาหัวข้อ “สังคมคาร์บอนเป็นกลางและพลังงานชีวมวล'' ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย

สังคมยุคใหม่กำลังเผชิญกับราคาพลังงานที่สูงขึ้นและการขาดแคลนแหล่งพลังงานที่ถือเป็นความท้าทายสำคัญ จึงได้ทำงานอย่างแข็งขันเพื่อให้บรรลุสังคมคาร์บอนเป็นกลางรวมถึงรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ในขณะเดียวกัน ดังนั้น JAIMA จึงได้ตัดสินใจจัดการประชุมสัมมนาในหัวข้อนี้โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันวิจัย รัฐบาล และบริษัทที่เกี่ยวข้องของญี่ปุ่นและไทย

หัวข้อเรื่อง: “สังคมคาร์บอนเป็นกลางและพลังงานชีวมวล”
วันที่และเวลา: 20 ตุลาคม 2023 (วันศุกร์) 9.00-17.00 น. ตามเวลาประเทศไทยและ 11.00-19.00 น. ตามเวลาญี่ปุ่น
สถานที่: โรงแรม Best Western Nada DonMueang Airport (สถานที่จัดงานในกรุงเทพฯ ประเทศไทย)
(https://bwnadadonmueang.com)
วิธีการจัดงาน: ห้องประชุมที่โรงแรม Best Western Nada Don Mueang Airport และเชื่อมต่อผ่าน ZOOM
ภาษา: อังกฤษ
ค่าธรรมเนียมการเข้าร่วม: ฟรี (มีอาหารกลางวันและกาแฟ/เครื่องดื่มให้บริการ)
การสมัครเข้าร่วม: โปรดสมัครเข้าร่วมจาก URL ด้านล่างนี้
https://www.jaima.or.jp/en/event/apply_cnbs/

ความร่วมมือ: JASTIP Japan-ASEAN Science, Technology and Innovation Platform/NEDO New Energy and Industrial Technology Surgery Research Organization/สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.), ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC)/สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)/สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติประเทศญี่ปุ่น (JST)/METI-KANSAI Bureau of Economy, Trade and Industry/JEMIMA Japan Electric Measuring Instruments Manufacturer’s Association/สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย/สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี TPA (ไทย-ญี่ปุ่น)/สมาคมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ญี่ปุ่น-ไทย (JTECS)/มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์/สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC)

โปรแกรม:

กล่าวต้อนรับ:

JAIMA สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (TPA)

การบรรยายสำคัญ:

นโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอนและพลังงานชีวมวลในประเทศไทยและญี่ปุ่น โดย สวทช./ENTEC และ NEDO

กรณีศึกษา:

ความพยายามในการใช้พลังงานชีวมวล – โดย ENTEC/สวทช.

“การปรับปรุงกระบวนการแปรสภาพเป็นแก๊สและก๊าซชีวภาพด้วยกระบวนการแปรสภาพเป็นแก๊สสามขั้นตอนและก๊าซชีวภาพสองขั้นตอน” โดย วว.

“ไพโรไลซิส เทคโนโลยีทางเลือกในการกลั่นชีวภาพและกิจกรรมหน่วยวิจัยด้านพลังงานชีวภาพและการเร่งปฏิกิริยา (BCRU) แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์” โดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

“การแปลงขยะลิกโนเซลลูโลสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นพลังงานชีวภาพ: ควบคุมการย่อยแบบไม่ใช้ออกซิเจนด้วยจุลินทรีย์เขตร้อน” โดย VISTEC

ประสบการณ์ด้านพลังงานชีวมวลของญี่ปุ่นโดย Maniwa Biomass Power Plant และ J&T Environment Company

การนำเสนอทางเทคนิคโดย JAIMA และ JEMIMA และบริษัทที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ข้อมูลการติดต่อ
JAIMA Dr. Naoki Hamada
อีเมล: hamada@jaima.or.jp  โทร: +81-3-3292-0642

ที่มา: Japan Analytical Instrument Manufacturers Association

แอสตร้าเซนเนก้าเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานสะอาดและความร้อนของสหราชอาณาจักรด้วยเงินลงทุน 100 ล้านปอนด์

Logo

ทำข้อตกลงระยะเวลา 15 ปีกับ Future Biogas เพื่อจัดหาก๊าซสีเขียว (ไบโอมีเทน) 100 GWh ต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับความต้องการความร้อนของบ้านกว่า 8,000 ครัวเรือน

โครงการนี้จะเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนให้กับโครงข่ายก๊าซแห่งชาติ และนับเป็นระบบไบโอมีเทนเชิงพาณิชย์แห่งแรกในสหราชอาณาจักร

ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่โรงงานผลิตยาที่ใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักรในเมืองแมคเคิลฟิลด์ ผ่านการติดตั้งระบบผลิตความร้อนและไฟฟ้าร่วม

แคมบริดจ์, สหราชอาณาจักร–(BUSINESS WIRE)–23 กันยายน 2023

แอสตร้าเซนเนก้าเดินหน้าสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ โดยการร่วมมือกับ Future Biogas เป็นเวลา 15 ปี เพื่อจัดหาก๊าซไบโอมีเทนเชิงอุตสาหกรรมแห่งแรกในสหราชอาณาจักรที่ไม่ต้องอาศัยเงินอุดหนุน และลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในการดำเนินงานของบริษัท รวมเป็นเงินลงทุน 100 ล้านปอนด์

A Future Biogas biomethane plant (Photo: Business Wire)

Future Biogas โรงงานก๊าซชีวภาพไบโอมีเทนแห่งอนาคต (รูปภาพ: Business Wire)

พลังงานจากโรงงานผลิตไบโอมีเทนจะจัดหาก๊าซไบโอมีเทน 100 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) ต่อปีให้กับโรงงานของแอสตร้าเซนเนก้าในเมืองแมคเคิลฟิลด์ แคมบริดจ์ ลูตัน และสเปก ซึ่งเทียบเท่ากับความต้องการพลังงานความร้อนของบ้านกว่า 8,000 ครัวเรือน เมื่อโครงการนี้เริ่มดำเนินการในต้นปี 2025 จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 20,000 ตัน CO เทียบเท่าคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2e) และเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนให้กับโครงข่ายก๊าซแห่งชาติ

โรงงานย่อยสลายด้วยจุลินทรีย์และความร่วมมือระยะยาวกับ Future Biogas เป็นต้นแบบสำหรับการนำก๊าซหมุนเวียนมาใช้ในเชิงพาณิชย์ในสหราชอาณาจักร ตลาดไบโอมีเทนที่แข่งขันได้จะมีบทบาทสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กลายเป็นศูนย์ii

สำหรับการเปลี่ยนผ่านเพื่อนำไปสู่การใช้ความร้อนสะอาดในสหราชอาณาจักร จะมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่วิทยาเขตแมคเคิลฟิลด์ของแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งเป็นสถานที่พัฒนาและผลิตยาที่ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร รวมถึงการปรับปรุงครั้งใหญ่ของโรงไฟฟ้าผลิตความร้อนและไฟฟ้าร่วม (CHP) ของไซต์ ซึ่งจะประหยัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2e) เพิ่มเติมได้ 16,000 ตันต่อปี นอกเหนือจากการปรับปรุงอาคารและปรับปรุงพื้นที่สำหรับการผลิตและบรรจุยาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพเหล่านี้จะสนับสนุนการดำเนินงานที่ยั่งยืนในระยะยาวของวิทยาเขตแมคเคิลฟิลด์ที่ส่งมอบยามากกว่า 90 ล้านแพ็คไปสู่กว่า 130 ประเทศ

การก้าวสู่การใช้พลังงานหมุนเวียน 100% เป็นพันธกิจสำคัญในโครงการ Ambition Zero Carbon ที่ผลักดันเป้าหมายของแอสตร้าเซนเนก้ามุ่งเน้นไปที่การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างมีนัยยะสำคัญ โดยการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในวงโคจรทั้งหมดของบริษัท (ขอบเขต 1 ถึง 3) ลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2030 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ตามหลักวิทยาศาสตร์ภายในปี 2045 อย่างช้าที่สุด แอสตร้าเซนเนก้ากำลังดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) จากการดำเนินงานทั่วโลก (ขอบเขต 1 และ 2) ลง 98% ภายในปี 2026

จูเลียต ไวท์ รองประธานฝ่ายความยั่งยืน ความปลอดภัย สุขภาพ และสิ่งแวดล้อมระดับโลกของแอสตร้าเซนเนก้า กล่าวว่า “ความมุ่งมั่นจากการทุ่มงบประมาณ 100 ล้านปอนด์แสดงให้เห็นว่าเราให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยคาร์บอนในการคิดค้น พัฒนา และผลิตยา และการสานต่ออนาคตที่ยั่งยืนสำหรับไซต์งานของเราทั่วทั้งสหราชอาณาจักรและทั่วโลก โดยการเป็นผู้นำในการนำความร้อนสะอาดมาใช้ในเชิงพาณิชย์ เรากำลังคิดค้นนวัตกรรมเพื่อขยายการใช้พลังงานหมุนเวียน ให้เป็นส่วนหนึ่งในเศรษฐกิจหมุนเวียน และขับเคลื่อนการดำเนินงานของเราสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์”

ฟิลลิป ลูคัส ซีอีโอของ Future Biogas กล่าวว่า “ความร่วมมือของเราและแอสตร้าเซนเนก้าได้ตอกย้ำสถานะผู้นำระดับโลกในการก้าวสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์” ทั้งนี้ประโยชน์ของโครงการนี้ยังนำไปสู่ความมั่นคงอันเกิดจากความร่วมมือทางการเกษตรระยะยาว ยังสร้างแรงจูงใจและสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่แนวทางปฏิบัติทางการเกษตรแบบฟื้นฟู ทั้งยังสอดคล้องกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและการเกษตรที่ส่งเสริมการดูแลรักษาดินของสหราชอาณาจักร เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้จะกลายเป็นต้นแบบที่องค์กรนวัตกรรมอื่นๆ จะนำไปปรับใช้ในทิศทางเดียวกัน”

ไซต์นี้จะใช้ประโยชน์จากพืชที่ปลูกในท้องถิ่นเป็นวัตถุดิบ และส่งเสริมฟาร์มด้วยแนวทางการจัดการที่ดินแบบยั่งยืน ซึ่งจะเอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจการเกษตรแบบหมุนเวียน การปลูกพืชพลังงานชีวภาพเป็นส่วนหนึ่งของการปลูกพืชหมุนเวียนที่หลากหลายตามแนวทางปฏิบัติทางการเกษตรแบบฟื้นฟู ซึ่งจะช่วยการหมุนเวียนของธาตุและสารอาหาร และปรับปรุงสุขภาพดิน

ใบรับรองการรับประกันแหล่งกำเนิดก๊าซหมุนเวียน (RGGO) จะถูกส่งไปยังแอสตร้าเซนเนก้าเพื่อรับรองว่าจะไม่มีการนับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซ้ำซ้อน

โรงงานแห่งใหม่นี้มีประสิทธิภาพในการดักจับและกักเก็บคาร์บอนพลังงานชีวภาพ (BECCS) ซึ่งอำนวยความสะดวกการดำเนินงานที่เป็นคาร์บอนลบของโรงงานแอสตร้าเซนเนก้า มีเป้าหมายที่จะแยกคาร์บอนผ่านโครงการ “Northern Lights” ในนอร์เวย์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมและได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลนอร์เวย์

ความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในสหราชอาณาจักรล่าสุดในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากความร่วมมือด้านนวัตกรรมอื่นๆ ที่ประกาศไปเมื่อต้นปีนี้ ในสหรัฐอเมริกา แอสตร้าเซนเนก้ากำลังร่วมมือกับ Vanguard Renewables เพื่อเริ่มใช้งานการจัดส่งไบโอมีเทนไปยังไซต์งานทั้งหมดในสหรัฐฯ ภายในสิ้นปี 2026 นอกจากนี้บริษัทยังได้ลงนามในข้อตกลงกับ Statkraft ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ที่สุดของยุโรป เพื่อเพิ่มการจัดหาไฟฟ้าหมุนเวียนในสวีเดน

หมายเหตุ

ก๊าซชีวภาพและไบโอมีเทนiii

ก๊าซชีวภาพผลิตโดยการหมักอินทรียวัตถุในถังย่อยแบบไม่ใช้ออกซิเจน ไบโอมีเทนเป็นก๊าซชีวภาพที่นำผลพลอยได้ของคาร์บอนไดออกไซด์ออกไป ส่งผลให้ไบโอมีเทนมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับก๊าซธรรมชาติ และช่วยให้สามารถฉีดเข้าสู่โครงข่ายก๊าซแห่งชาติได้ ในโรงงานของ Future Biogas วัตถุดิบตั้งต้นจะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์หรือเป็นลบ และหมายความว่าไบโอมีเทนเป็นพลังงานหมุนเวียน 100% ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมาก

พืชพลังงานที่ปลูกสำหรับ Future Biogas จะดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากชั้นบรรยากาศในระหว่างการเจริญเติบโต เมื่อเก็บเกี่ยวและจัดเก็บแล้ว พืชพลังงานจะถูกป้อนเข้าไปในถังย่อยแบบไม่ใช้ออกซิเจน ซึ่งแบคทีเรียจะสลายอินทรียวัตถุโดยปราศจากออกซิเจน และปล่อยก๊าซชีวภาพออกมา กากที่เหลือเป็นปุ๋ยอินทรีย์ (ย่อย) ซึ่งร่วมกับการเปลี่ยนแปลงหมุนเวียนการทำฟาร์มช่วยเร่งการดักจับคาร์บอนในดิน

พลังงานชีวภาพที่มีการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (BECCS)iv

พลังงานชีวภาพที่มีการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (BECCS) เป็นเทคนิคการกำจัดคาร์บอนเพื่อกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากชั้นบรรยากาศ ชีวมวล (วัสดุอินทรีย์) จะถูกแปลงเป็นความร้อน ไฟฟ้า ของเหลวหรือเชื้อเพลิงก๊าซ และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการแปลงพลังงานชีวภาพนี้จะถูกดักจับและเก็บไว้ในรูปแบบทางธรณีวิทยาหรือฝังอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่อยู่ได้นาน จะไม่ใช้ CO2 ที่ฉีดเข้าไปเพื่อการนำน้ำมันกลับมาใช้ใหม่

เกี่ยวกับ Future Biogas

Future Biogas คือบริษัทอุตสาหกรรมระดับแนวหน้าในการย่อยแบบไม่ใช้ออกซิเจน (AD) บริษัทเป็นผู้พัฒนาและผู้ดำเนินการโรงงาน AD ที่มีประสบการณ์สูงทั่วสหราชอาณาจักร และให้บริการการพัฒนา การก่อสร้าง การดำเนินงาน การปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างต่อเนื่อง และการจัดการสินทรัพย์อย่างเต็มรูปแบบ ให้กับโครงการที่เป็นเจ้าของและแก่บุคคลที่สาม โรงงาน Future Biogas แห่งอนาคตจะเปลี่ยนวัตถุดิบตั้งต้นหลายประเภทให้กลายเป็นพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด ผ่านกระบวนการย่อยแบบไม่ใช้ออกซิเจนซึ่งผลิตก๊าซชีวภาพให้สามารถนำมาใช้เพื่อผลิตไฟฟ้าสีเขียวหรืออัปเกรดเป็นไบโอมีเทนและฉีดเข้าไปในเครือข่ายก๊าซแห่งชาติของสหราชอาณาจักร

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.futurebiogas.com.*

เกี่ยวกับ Northern Lights

Northern Lights กำลังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแบบเปิดและยืดหยุ่นในการขนส่ง CO2 จากผู้ปล่อยก๊าซอุตสาหกรรมทางเรือไปยังสถานีรับทางตะวันตกของนอร์เวย์เพื่อจัดเก็บระดับกลาง ก่อนที่จะขนส่งทางท่อเพื่อจัดเก็บถาวรในอ่างเก็บน้ำทางธรณีวิทยาที่ลึก 2,600 เมตรใต้ก้นทะเล โดยการดำเนินการมีกำหนดจะเริ่มในปี 2024 สิ่งอำนวยความสะดวกดังกล่าวอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และจะช่วยให้ Northern Lights สามารถให้บริการขนส่งพร้อมการจัดเก็บที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้แก่ผู้ปล่อยก๊าซอุตสาหกรรมจากทั่วยุโรป ซึ่งให้ความสนใจเพิ่มขึ้นจากภาคอุตสาหกรรมในภูมิภาคนี้ ความสามารถในการขนส่งและการจัดเก็บเพิ่มเติมจะได้รับการพัฒนาตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://northernlightsccs.com/.*

เกี่ยวกับ AstraZeneca

แอสตร้าเซนเนก้า (ชื่อย่อหลักทรัพย์ AZN ในตลาดหลักทรัพย์ LSE/ STO/ Nasdaq) เป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก มุ่งเน้นทางด้านการคิดค้น พัฒนา และจำหน่ายยาเพื่อการรักษาโรค โดยเฉพาะในกลุ่มยาโรคมะเร็ง กลุ่มยาโรคหัวใจ ไต และระบบเผาผลาญ และกลุ่มยาโรคทางเดินหายใจ แอสตร้าเซนเนก้า มีฐานอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ สหราชอาณาจักร และดำเนินธุรกิจในกว่า 100 ประเทศ และมีผู้ป่วยหลายล้านคนทั่วโลกที่ได้รับประโยชน์จากนวัตกรรมยาต่างๆ จากแอสตร้าเซนเนก้า

ด้วยมรดกอันน่าภาคภูมิใจที่มีมายาวนานกว่า 100 ปีในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ของสหราชอาณาจักร ปัจจุบันแอสตร้าเซนเนก้าคือบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ชั้นนำของสหราชอาณาจักร แอสตร้าเซนเนก้ามีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในห้าแห่งทั่วประเทศ โดยมีสำนักงานใหญ่ระดับโลกตั้งอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ ในสหราชอาณาจักร พนักงานประมาณ 8,700 คนทำงานในด้านการวิจัยและพัฒนา การผลิต การจัดหา การขาย และการตลาด เราจัดหายาเพื่อการรักษาโรคชนิดต่างๆ ประมาณ 35 รายการให้กับ NHS

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาไปยังเว็บไซต์ www.astrazeneca.co.uk และช่องทางทวิตเตอร์ @AstraZenecaUK

อ้างอิง

ข่าวประชาสัมพันธ์

1:

ค่าการบริโภคภายในประเทศโดยทั่วไปของ Ofgem (TDCV) อยู่ที่ 12,000 kWh สำหรับอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลาง

2:

การเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน – การทบทวนพลังงานชีวภาพ (2023) รายงานพลังงานชีวภาพของ IEA ปี 2023

ดูได้ที่: https://www.ieabioenergyreview.org/transitioning-towards-sustainability/ [เข้าถึงล่าสุด: 06 กันยายน 2023]

3:

IEA (มีนาคม 2020) ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับก๊าซชีวภาพและไบโอมีเทน ออนไลน์: https://www.iea.org/reports/outlook-for-biogas-and-biomethane-prospects-for-organic-growth/an-introduction-to-biogas-and-biomethane [เข้าถึงล่าสุด: 07 กันยายน 2023 ]

4:

IEA (2023) พลังงานชีวภาพที่มีการดักจับและกักเก็บคาร์บอน – ระบบพลังงาน, IEA ดูได้ที่: https://www.iea.org/energy-system/carbon-capture-utilisation-and-storage/bioenergy-with-carbon-capture-and-storage [เข้าถึงล่าสุด: 07 กันยายน 2023]

_________________________________

*บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม ที่เป็นผลหรือสืบเนื่องจากการที่ผู้ใช้บริการเข้าใช้เว็บไซต์นี้หรือเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์นี้

รายชื่อติดต่อ

สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการติดต่อทีมนักลงทุนสัมพันธ์ กรุณาคลิก ที่นี่ สำหรับการติดต่อสื่อ คลิก ที่นี่

ที่มา: AstraZeneca

การเร่งการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่อนาคตที่มีคาร์บอนต่ำของ Black & Veatch

Logo

เปิดตัว eBook เล่มใหม่ล่วงหน้าก่อนงาน Gastech 2023 เนื่องจากในภาวะการแข่งขันที่สูงทั่วโลกของการรักษาอุปทานของ LNG

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE )–14 กันยายน 2023

ความต้องการเร่งด่วนในการเพิ่มการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และปรับปรุงความปลอดภัยของอุปทานจะเป็นประเด็นสำคัญในการประชุม Gastech 2023 ที่สิงคโปร์ เนื่องจากโลกกำลังเผชิญกับผลกระทบที่รุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและความท้าทายในการจัดหาพลังงานที่เชื่อถือได้และมีความยั่งยืน

ใน eBook ใหม่ LNG: Fueling the Future นี้ Black & Veatch จะเจาะลึกบทบาทของ LNG ในอนาคตของพลังงานทั่วโลก โดยให้รายละเอียดว่าอุตสาหกรรมจะต้องขยายขนาดเกินกำลังการผลิตในปัจจุบันอย่างไร เพื่อรักษาสมดุลของระดับพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น ควบคู่ไปกับการพิจารณาโซลูชันพลังงานสะอาดทางเลือกในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงไฮโดรเจน นิวเคลียร์ การจัดเก็บพลังงาน และการดักจับคาร์บอน

“เศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในกระบวนการเปลี่ยนจากเศรษฐกิจแบบคาร์บอนมาเป็นเศรษฐกิจแบบใช้อิเล็กตรอนและโมเลกุล การค้นหาส่วนผสมพลังงานที่เหมาะสมสำหรับความต้องการในระยะสั้นและการเปลี่ยนแปลงระยะยาวถือเป็นสิ่งสำคัญ” Mario Azar ประธานและซีอีโอของ Black & Veatch กล่าว

“ก๊าซธรรมชาติเหลวเป็นสิ่งจำเป็นในการขับเคลื่อนโลกไปสู่อนาคตที่มีคาร์บอนต่ำอย่างรวดเร็วด้วยการรักษาเสถียรภาพของโครงข่ายไฟฟ้าและเพิ่มความยืดหยุ่น” Narsingh Chaudhary ประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอินเดียของ Black & Veatch กล่าวเสริม

ในประเทศติดทะเล รวมถึงประเทศต่างๆ ทั่วเอเชียแปซิฟิก ความต้องการ LNG กำลังเพิ่มขึ้นในฐานะแหล่งพลังงานสำหรับการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซขนาดใหญ่ LNG เป็นพลังงานพื้นฐานที่สามารถเชื่อมช่องว่างระหว่างการเลิกใช้พลังงานถ่านหิน ความเร็วของการใช้พลังงานหมุนเวียน และการเกิดขึ้นของโซลูชันพลังงานสะอาดทางเลือกใหม่

การขยายขนาดการผลิต ความรวดเร็วในการออกสู่ตลาด และการรักษาราคาที่แข่งขันได้เป็นองค์ประกอบที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมในการตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น แนวทางที่เป็นนวัตกรรมในด้านเทคโนโลยีและการดำเนินการ เช่น LNG แบบลอยตัว (FLNG) และการทำให้เป็นโมดูล กำลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไปข้างหน้าและปลดล็อกก๊าซที่ติดอยู่ในสถานที่ที่ไม่เหมาะสมกับโรงงานขนาดใหญ่แบบดั้งเดิม

Black & Veatch เป็นผู้บุกเบิกในการนำเสนอโซลูชัน FLNG ที่ประสบความสำเร็จ บริษัทมีส่วนร่วมใน 5 โครงการจาก 10 โครงการ FLNG ที่กำลังดำเนินการหรืออยู่ระหว่างการก่อสร้างทั่วโลก โดยรวมถึงการแปลงเรือ MOSS ลำแรกเป็นโรงงาน FLNG นั่นคือเรือ Golar Hilli Episeyo FLNG ซึ่งสร้างเสร็จในสิงคโปร์

เทคโนโลยี FLNG นำเสนอโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมและทรงประสิทธิภาพในตลาดอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างรายได้จากแหล่งสำรองก๊าซนอกชายฝั่ง และความสามารถในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกใกล้ชายฝั่งเพื่อส่งออกก๊าซทางท่อ แนวทางดังกล่าวยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพการก่อสร้าง ในขณะเดียวกันก็ลดความเสี่ยงด้วยการออกแบบแบบแยกส่วนและการก่อสร้างในอู่ต่อเรือ นอกจากนี้ เทคโนโลยี FLNG ยังมีการออกแบบที่กะทัดรัดซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าสิ่งอำนวยความสะดวกบนบก

ความเป็นผู้นำของ Black & Veatch ในการพัฒนาและสร้างโรงงาน FLNG ได้รับการสนับสนุนโดยเทคโนโลยี PRICO® ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการทำให้เป็นของเหลวที่ได้รับการพิสูจน์แล้วซึ่งเหมาะสำหรับการผลิต LNG ที่สามารถใช้กับยานพาหนะที่มีการลดค่ากำลังไฟฟ้าสูงสุด ยานพาหนะขนาดกลางและหนัก การเติมเชื้อเพลิงทางอุตสาหกรรม กำลังไฟฟ้าพื้นฐาน และการใช้งานนอกชายฝั่ง การดำเนินงานที่เรียบง่ายและการกำหนดค่าที่ยืดหยุ่นของ PRICO® ทำให้สามารถปรับขนาดสำหรับการใช้งานในโรงงานขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ และใช้งานโซลูชันโครงการที่เป็นนวัตกรรมสำหรับโรงงาน LNG บนบก นอกชายฝั่ง และใกล้ชายฝั่ง

ที่ Gastech 2023 Azar จะแบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดระดับโลกในการสนับสนุนการพัฒนา การใช้งาน และการขยายขนาดของเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะนำอุตสาหกรรมไปสู่การลดคาร์บอนและอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น Chaudhary จะหารือเกี่ยวกับแนวโน้มของเทคโนโลยีสภาพภูมิอากาศในปัจจุบันและในอนาคตอันใกล้นี้

ติดต่อ Black & Veatch เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม

หมายเหตุบรรณาธิการ:

  • ดาวน์โหลดสำเนาฟรีของ eBook LNG: Fueling the Future ที่นี่
  • Black & Veatch สนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน LNG มานานกว่า 50 ปี โดยผสมผสานเทคโนโลยีและความรู้ความชำนาญในการผลิต LNG การจัดเก็บ การแปลงสภาพเป็นก๊าซ และส่งออกสิ่งอำนวยความสะดวกด้วยโซลูชันที่ราบรื่นสำหรับการออกแบบ การจัดซื้อ การแปรรูป และการก่อสร้าง
  • ความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีของ Black & Veatch เป็นส่วนสำคัญในโครงการ FLNG หลายโครงการ รวมถึง Tango FLNG ของ Eni (เดิมชื่อ Exmar) และเรือ FLNG สามลำที่พัฒนาโดย Golar LNG ในโครงการเหล่านี้ Black & Veatch ให้บริการด้านวิศวกรรมและการจัดซื้อจัดจ้างระดับสูง

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีในด้านนวัตกรรมในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ตั้งแต่ปี 1915 เราได้ช่วยลูกค้าของเราปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยจัดการกับความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา รายได้ของเราในปี 2022 อยู่ที่ 4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดตามเราบน www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ:
EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com
อีเมลสำหรับสื่อ 24 ชั่วโมง | Media@bv.com

ที่มา: Black & Veatch

Black & Veatch ขยายบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ Beca เพื่อให้บริการโซลูชันที่หลากหลายยิ่งขึ้นในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

Logo

ข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) นี้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของทั้งสองประเทศที่ต้องการเร่งดำเนินการด้านสภาพอากาศโดยค้นหาโอกาสทางเศรษฐกิจร่วมกันเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ได้สำเร็จ

เมลเบิร์น ออสเตรเลีย–(BUSINESS WIRE)–22 สิงหาคม 2023

Beca และ Black & Veatch จะขยายความร่วมมือเพื่อนำเสนอโซลูชันด้านความยั่งยืนและการลดการปล่อยคาร์บอนที่หลากหลายยิ่งขึ้นในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

ข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ได้มีการขยายเพิ่มเติมเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานที่ปรับให้เข้ากับและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ MoU ฉบับนี้ครอบคลุมไปถึงความร่วมมือด้านวิศวกรรมและโครงการก่อสร้างในพื้นที่ต่าง ๆ รวมถึงระบบน้ำและน้ำเสีย พลังงานหมุนเวียน การผลิตและส่งออกไฮโดรเจนและแอมโมเนีย การทำเหมืองและการแปรรูปโลหะ ศูนย์ข้อมูล การส่งและจ่ายไฟฟ้า การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และโรงงานอาหารและเครื่องดื่ม

การลดการปล่อยคาร์บอนนั้นมีความยุ่งยากและซับซ้อน แต่ก็จำเป็นต่อการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การสร้างอนาคตที่มีพลังงานคาร์บอนเป็นศูนย์นั้นจำเป็นต้องบูรณาการเทคโนโลยีอย่างหลากหลายและไร้รอยต่อ โดยการเตรียมการ การวางแผน และการลงทุนที่เหมาะสมจะช่วยให้สาธารณูปโภค ผู้ผลิตพลังงาน และองค์กรอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมอื่น ๆ ที่ใช้พลังงานปริมาณมากสามารถที่จะบรรลุเป้าหมายในการลดคาร์บอนได้

Narsingh Chaudhary ประธาน Black & Veatch ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอินเดีย กล่าวว่า “ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มีโอกาสมากมายในการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน และการลงทุนที่วางแผนไว้อย่างรอบคอบในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนสามารถทำให้เกิดผลกระทบเชิงบวกด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อรวมประสบการณ์ระดับโลกของเราเข้ากับการมีตัวตนในท้องถิ่นที่แข็งแกร่งของ Beca และประสบการณ์ในภูมิภาคออสตราเลเซีย เราหวังว่าจะเร่งแผนการดำเนินการครั้งนี้และดำเนินโครงการด้านวิศวกรรมทางเทคนิคที่ท้าทาย เพื่อบรรลุเป้าหมายในการลดคาร์บอนและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคให้ทันสมัยได้”

Clive Rundle ผู้อำนวยการกลุ่ม ฝ่ายสาธารณูปโภคของ Beca กล่าวว่า “บริษัทของเราทำงานร่วมกันในโครงการด้านน้ำซึ่งสามารถเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมทั่วออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มาเป็นเวลามากกว่าห้าปี รวมถึงการทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านน้ำชั้นนำ เช่น Melbourne Water, Yarra Valley Water และ Wellington City Council เราได้สร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและร่วมแรงร่วมใจกัน ซึ่งเป็นผลมาจากที่สององค์กรของเรามีค่านิยมที่คล้ายกันและความสามารถที่สอดคล้องกัน การขยายความร่วมมือของเรากับ Black & Veatch นอกเหนือจากโครงการด้านน้ำนั้นถือเป็นความก้าวหน้าที่จะช่วยให้ลูกค้าทั่วออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ได้รับประสบการณ์จากความเชี่ยวชาญทั่วโลกที่ไม่เหมือนใครซึ่งจำเป็นต่อการแก้ปัญหาความท้าทายที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันและในอนาคต”

MoU ของ Beca และ Black & Veatch ที่มีการขยายเพิ่มเติมนี้สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ในการเร่งการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานโดยมีการแสวงหาโอกาสและหลีกเลี่ยงอุปสรรคที่การเปลี่ยนผ่านเพื่อคาร์บอนเป็นศูนย์จะส่งผลต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ และระบุขอบเขตความร่วมมือที่มีศักยภาพ

วัฒนธรรมที่มีร่วมกันอย่างแข็งแกร่งอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของความร่วมมือระหว่าง Beca และ Black & Veatch ทั้งสองบริษัทมีพนักงานเป็นเจ้าของ ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จให้กับทั้งสององค์กรมานานกว่าศตวรรษ เป้าหมายสำคัญอันดับแรกที่มีร่วมกันของทั้งสองบริษัทคือความมุ่งมั่นในการนำเสนอและจัดการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอย่างปลอดภัย มีความยั่งยืน และความรับผิดชอบในการดูแลองค์กร

ติดต่อ Black & Veatch สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

หมายเหตุบรรณาธิการ:

  • MoU ฉบับก่อนหน้าที่ดำเนินการในปี 2019 ระหว่างสองบริษัทมุ่งเน้นเกี่ยวกับโครงการด้านน้ำและน้ำเสียในนิวซีแลนด์

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีประวัติผลงานด้านนวัตกรรมในโครงสร้างพื้นฐานยั่งยืนมากว่า 100 ปี นับตั้งแต่ปี 1915 เราได้ช่วยลูกค้าของเราปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยมุ่งเน้นที่ความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา รายได้ของเราในปี 2022 อยู่ที่ 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

เกี่ยวกับ Beca

Beca เป็นบริษัทด้านบริการระดับมืออาชีพที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ ซึ่งให้บริการด้านวิศวกรรม การให้คำแนะนำ และการให้คำปรึกษาด้านการจัดการเพื่อพัฒนาชุมชนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมากว่า 100 ปี เรามีพนักงานมากกว่า 4,000 คนในสำนักงาน 21 แห่งซึ่งให้บริการโครงการในกว่า 70 ประเทศ เรามีสำนักงานในออสเตรเลียตั้งแต่ปี 1969 และเราภูมิใจที่ได้สนับสนุนลูกค้าของเราในทุกกลุ่มตลาด ได้แก่ แร่และโลหะ การขนส่งและโครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน น้ำ อาหารและชีววิทยาศาสตร์ การผลิตขั้นสูง สุขภาพ และการป้องกันประเทศ

วิสัยทัศน์ของเราคือการรวมกลุ่มคนที่มีความคิดสร้างสรรค์เพื่อช่วยกันเปลี่ยนแปลงโลกของเรา ซึ่งสะท้อนถึงวัฒนธรรม แรงบันดาลใจ และจุดประสงค์ของเราในการทำให้ทุกวันดีขึ้น เราสร้างค่านิยมผ่านความเข้าใจและนำเสนอโซลูชันที่ประสบความสำเร็จ บริการที่ยอดเยี่ยมและความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนของเรา และใช้ทักษะและระบบของเราเพื่อส่งเสริมนวัตกรรม ช่วยให้ลูกค้าของเราพัฒนาชุมชนในรูปแบบที่ต้องการ เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้สินทรัพย์ รวมถึงเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน ติดตามเราได้ที่ www.beca.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อฝ่ายสื่อ Black & Veatch:
EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com
อีเมลฝ่ายสื่อตลอด 24 ชม. | Media@bv.com

ติดต่อฝ่ายสื่อ Beca:
REBECCA ADAM I +61 403 502 654 I rebecca.adam@beca.com

แหล่งที่มา: Black & Veatch

การบูรณาการเผสมผสานหลากหลายเทคโนโลยีให้มีความต่อเนื่องและรวมเป็นหนึ่งเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน: Black & Veatch

Logo

Black & Veatch ร่วมแบ่งปันกลยุทธ์ในการบูรณาการพลังงานทดแทน ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และไฮโดรเจน ทในงาน Future Energy Asia

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย–(BUSINESS WIRE)–15 พฤษภาคม 2566

ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องจัดลำดับและให้ความสำคัญในการบูรณาการด้านพลังงานหมุนเวียนและการเพิ่มขึ้นของโครงสร้างพื้นฐานก๊าซธรรมชาติใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในอนาคตด้านพลังงานที่ต้องมีราคาย่อมเยาว์ อีกทั้งต้องมีความยืดหยุ่นและยั่งยืน ตามข้อมูลของ Black & Veatch ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ

นอกจากนี้ การให้ความร่วมมือและสื่อสารกันระหว่างภาคอุตสาหกรรมและหน่วยงานรัฐบาลยังคงมีส่วนสำคัญยิ่งที่จะบรรลุเป้าหมายด้านพลังงานในระยะยาวได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังงานไฮโดรเจนและแอมโมเนีย การดักจับคาร์บอน การเก็บพลังงาน และโครงข่ายไฟฟ้าข้ามพรมแดนแบบสองทิศทางก็ตาม

“การเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานที่ประสบความสำเร็จและเสมอภาคนั้นเกี่ยวข้องกับการวางแผนและการบูรณาการร่วมด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกๆคนสามารถเข้าถึงแหล่งพลังงานที่มีความเสถียรภาพและราคาสมเหตุสมผลได้ เฉกเช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานทดแทน  ซึ่งต้องการการผลิตที่มีความยืดหยุ่นสูงและสามารถจัดส่งได้ เช่น การผลิตไฟฟ้าด้วยกังหันก๊าซและการพัฒนาโครงการ LNG ขนาดเล็กและขนาดกลาง เป็นส่วนที่มีความสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายเหล่านี้”

Narsingh Chaudhary รองประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของบริษัท Black & Veatch กล่าว

หน่วยผลิตไฟฟ้าด้วยกังหันก๊าซสามารถตอบสนองความต้องการการใช้ไฟฟ้าในขณะนั้น ด้วยการเพิ่มหรือลดปริมาณการผลิตไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว  เครื่องกังหันก๊าซสามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่ระบบได้มากถึง 400 MW ภายในเวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น อีกทั้งโรงไฟฟ้าที่ปฏิบัติการด้วยกังหันก๊าซนั้น ใช้เวลาแค่ 30นาทีถึง 1 ชั่วโมง ก็พร้อมที่จะป้อนไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ

เทคโนโลยีกังหันก๊าซในรุ่นปัจจุบันสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าที่โหลดต่กว่า 25 เปอร์เซ็นต์ของกำลังการผลิตไฟฟ้าขั้นสูงสุดได้ นอกจากนี้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตด้วยอัตราเร็ว 10 ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ของกำลังการผลิตสูงสุดต่อนาที เทคโนโลยีสมัยใหม่ของกังหันก๊าซทสามารถใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนเป็นแหล่งพลังงานที่ปราศจากการปล่อยมลพิษ และภายในปี 2030 ผู้ผลิตและนักพัฒนาคาดการณ์ว่านวัตกรรมกังหันก๊าซรุ่นใหม่จะสามารถใช้พลังงานไฮโดรเจนได้ 100 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ หน่วยผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวแบบลอยตัว (FLNG) และโครงการสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊า (FSRU) สามารถทำหน้าที่เป็นกลไกทางเลือกหนึ่งที่ถูกพิสูจน์แล้วว่าสามารถขับเคลื่อนห่วงโซ่ด้านพลังงาน LNG ได้อย่างดีเยี่ยมเทคโนโลยีการผลิตและขนส่ง LNG  ที่สามารถควบคุมจัดการได้นั้นมีส่วนช่วยในการประหยัดต้นทุนของ Black & Veatch น และช่วยเร่งการผลิต สร้างรายได้จากแหล่งก๊าซ อีกทั้งสามารถนำก๊าซที่ขนส่งโดยทางท่อออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น

คุณสมบัติเหล่านี้ของการผลิตแบบใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง ทำให้เหมาะสำหรับการผลิตกำลังไฟฟ้าที่มั่นคงและทำให้โครงข่ายไฟฟ้ามีเสถียรภาพควบคู่ไปกับการปรับใช้ระบบจัดเก็บพลังงานแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้นตามที่วางแผนไว้

แบบสอบถามที่ดำเนินการโดย Black & Veatch ก่อนที่วิกฤตพลังงานจะเกิดขึ้น ได้บ่งชี้ว่าโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซมีอนาคตและน่าลงทุนในภูมิภาคเอเชีย โดยประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าในอีกห้าปีข้างหน้าจะมี “การลงทุนมากขึ้น” ในโรงงานผลิตก๊าซหรือ LNG เป็นพลังงานรวมกับการดักจับคาร์บอน

ในการประชุม นิทรรศการพลังงานอนาคตแห่งเอเชียและการประชุมประจำปี 2023 (Future Energy Asia Exhibition & Summit 2023) Chaudhary จะหารือว่าการขยายการผลิตที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงสามารถช่วยรักษาสมดุลของโครงข่ายไฟฟ้าที่มีการผลิตพลังงานหมุนเวียนที่มีความแปรผันสูงได้อย่างไร

นอกเหนือจากการนำเสนอกลยุทธ์สำหรับการบูรณาการพลังงานทดแทน LNG และไฮโดรเจนแล้ว หัวข้ออื่น ๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านของ Black & Veatch จะหารือกันที่ Future Energy Asia ได้แก่

  • แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดจากการปรับใช้พลังงานแสงอาทิตย์แบบผสมผสานในระดับภูมิภาค
  • ศักยภาพของการผลิตพลังงานความร้อนและพลังงานไฟฟ้าพร้อมกันจากแหล่งเชื้อเพลิงเดียวกันและพัฒนาประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดีขึ้น
  • หลากหลายวิธีการสู่ความยั่งยืนสของไฮโดรเจนสีเขียว
  • แผนการบรรลุความเสมอภาคของโครงข่ายไฟฟ้าของเชื้อเพลิงทางเลือก เช่น ไฮโดรเจนสีเขียวและแอมโมเนีย
  • โอกาสทางธุรกิจ LNG ในประเทศไทยและศักยภาพของเทคโนโลยี LNG ขนาดเล็ก

ติดต่อ Black & Veatch เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม

หมายเหตุบรรณาธิการ:

  • โซลูชัน LNG แบบบูรณาการของ Black & Veatch ซถูกนำเสนอนั้นเกิดจากการพัฒนาเทคโนโลยี LNG มากว่า 50 ปี ด้วยความคิดด้านวิศวกรรม การจัดหา และการก่อสร้าง (EPC) นำเสนอการออกแบบ การจัดหา การประดิษฐ์ และการก่อสร้างสำหรับการผลิต LNG การจัดเก็บ การแยกก๊าซ รวมถึงการส่งออกสิ่งอำนวยความสะดวก เทคโนโลยีการทำให้เป็นของเหลวของ PRICO® ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วและเรียบง่ายของเราทำให้ LNG ที่ปลอดภัยออกสู่ตลาดได้อย่างเร็วขึ้น และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานทั้งบนบก นอกชายฝั่ง และใกล้ชายฝั่ง
  • Black & Veatch มีส่วนร่วมในเรือเดินสมุทรแบบ FLNG ถึง 5 ลำจากทั้งหมด 9 ลำของโลก ในขั้นสูงของการก่อสร้างหรือได้รับรางวัล
  • ความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีของ Black & Veatch เป็นส่วนสำคัญของโครงการ FLNG รวมถึง Tango FLNG ของ Eni (เดิมคือ Exmar) และเรือ FLNG สามลำที่พัฒนาโดย Golar LNG โดยในโครงการเหล่านี้ Black & Veatch ให้บริการด้านวิศวกรรมและการจัดซื้อจัดจ้าง
  • Black & Veatchได้รับการมอบหมายจาก The Green Solutions (TGS) เพื่อศึกษาการผลิตและกักเก็บไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในเวียดนาม โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลมที่จ่ายผ่านโครงข่ายไฟฟ้า
  • Black & Veatch ได้รับเลือกจาก Mitsubishi Power Americas และ Magnum Development ซึ่งเป็นผู้พัฒนาร่วมของ โรงเก็บและผลิตไฮโดรเจนสีเขียวเชิงอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก (world’s largest industrial green hydrogen production and storage facility) เพื่อให้บริการ EPC สำหรับโครงการ Advanced Clean Energy Storage ในรัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ ที่ปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีประวัติผลงานด้านนวัตกรรมเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมากว่า 100 ปี นับตั้งแต่ปี 1915 เราได้ช่วยลูกค้าของเราปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยการจัดการกับความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา รายได้ของเราในปี 2022 อยู่ที่ 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ข้อมูลติดต่อสื่อ:
EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com
24-HOUR MEDIA EMAIL | Media@bv.com

แหล่งที่มา: Black & Veatch

EIG จ้าง Joe Kaeser อดีต CEO ของ Siemens AG เป็นที่ปรึกษาอาวุโส

Logo

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–17 เมษายน 2023

EIG นักลงทุนระดับสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ได้ประกาศในวันนี้ว่า Joe Kaeser อดีตประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Siemens AG (“Siemens”) ได้เข้าร่วม EIG ในตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโส ในบทบาทนี้ Mr. Kaeser จะให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์แก่ทีมผู้นำของบริษัทในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตลาดพลังงานทั่วโลก โดยเน้นที่พลังงาน พลังงานหมุนเวียน และการเปลี่ยนผ่านของพลังงาน

(Photo: Business Wire)

(Photo: Business Wire)

Mr. Kaeser เคยดำรงตำแหน่งประธานและ CEO ของ Siemens ตั้งแต่ปี 2013 ถึง 2021 และเคยเป็น CFO ตั้งแต่ปี 2006 ถึง 2013 ในระหว่างดำรงตำแหน่งที่ Siemens Mr. Kaeser ได้ดูแลการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ โดยเป็นผู้นำบริษัทผ่านการริเริ่มเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ รวมถึงการปรับโครงสร้างกลุ่มองค์กรในเครือของ Siemens ออกเป็น 3 บริษัทที่มุ่งเน้น ได้แก่ Siemens Healthineers, Siemens Energy และ Siemens AG ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมใหม่ ที่สร้างมูลค่าที่สำคัญให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ปัจจุบัน Mr. Kaeser ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการที่ไม่ใช่ผู้บริหารของ Siemens Energy AG ซึ่งเป็นผู้จัดหาผลิตภัณฑ์ โซลูชัน และบริการสำหรับการผลิต การส่ง และการจ่ายพลังงาน นอกจากนี้ เขายังดำรงตำแหน่งประธานกรรมการที่ไม่ใช่ผู้บริหารของ Daimler Truck Holding AG และทำหน้าที่ในคณะกรรมการของ Linde, PLC

Blair Thomas ประธานและซีอีโอของ EIG กล่าวว่า “เราตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับ Joe เข้าสู่ทีม EIG” “ประสบการณ์ระดับโลกอันกว้างขวางและความรู้เชิงลึกในอุตสาหกรรมของเขา ซึ่งรวบรวมมาจากอาชีพการงานอันยาวนานและโดดเด่น จะเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับบริษัทของเราและบริษัทในเครือของเรา ในขณะที่พวกเขาสำรวจระบบนิเวศพลังงานโลกที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราตั้งตารอการมีส่วนร่วมของเขาในขณะที่เรายังคงแสวงหาโอกาสในการลงทุนใหม่ ๆ ที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานและเพื่อส่งมอบผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับนักลงทุนของเรา”

“ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับ EIG ในช่วงเวลาที่สำคัญในอุตสาหกรรมพลังงาน ที่นำเสนอโอกาสการลงทุนที่สำคัญในภาคส่วนพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน” กล่าวโดย Mr. Kaeser “ความเชี่ยวชาญและผลงานที่ผ่านมาของ EIG บวกกับแนวทางการลงทุนอย่างมีระเบียบวินัยในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานนั้นไม่เป็นสองรองใคร ผมตั้งตารอที่จะใช้ประสบการณ์ของผมและเครือข่ายทั่วโลกเพื่อช่วยทีมในการระบุและแสวงหาโอกาสที่ขับเคลื่อนการเติบโตและสร้างมูลค่าให้กับนักลงทุนและบริษัทในเครือของ EIG ทั่วโลก”

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นนักลงทุนระดับสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก โดยมีมูลค่า 22.7 พันล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2022 EIG เชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานในระดับโลก ตลอดประวัติศาสตร์ 40 ปี EIG ได้บริจาคเงิน 44.6 พันล้านดอลลาร์ในโครงการหรือบริษัท 396 แห่งใน 42 ประเทศบนหกทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยแผนบำเหน็จบำนาญชั้นนำ บริษัทประกัน เงินบริจาค มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป EIG มีสำนักงานใหญ่อยู่ในวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ ริโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ EIG ได้ที่ www.eigpartners.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53381059/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

มีเดีย
FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@fgsglobal.com

ที่มา: EIG

Greenway Grid Global Pte. Ltd. Ltd. และ TEPCO Power Grid, Inc.: การขาย “NFT สินทรัพย์พลังงานไฟฟ้า (การ์ด NFT ของเสาส่งสัญญาณ, การ์ด NFT เสาไฟฟ้า)”

Logo

~ ผจญภัยในโลกของ WEB 3.0 ~

SINGAPORE & TOKYO–(BUSINESS WIRE)–17 เมษายน 2023

Greenway Grid Global Pte. Ltd. Ltd. (สำนักงานใหญ่: สิงคโปร์ ประธาน: Kazuhiko Shiba ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “GGG”) และ Tokyo Electric Power Grid Co., Ltd. (สำนักงานใหญ่: Chiyoda-ku โตเกียว ประธาน/ซีอีโอ: Yoshinori Kaneko ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “TEPCO PG”) มีความยินดีที่จะประกาศการขาย “Electric Power Asset NFT” บนเว็บไซต์ของพวกเขาตั้งแต่วันจันทร์ที่ 3 เมษายน 2023 โดย NFT คือรูปภาพของสินทรัพย์ด้านพลังงานของ TEPCO PG เช่น เสาส่งสัญญาณและเสาไฟฟ้า ที่ได้รับการแปลงเป็นดิจิทัลโดยใช้เทคโนโลยี NFT*1

Utility pole NFT card (Numa 218) (Graphic: Business Wire)

การ์ด NFT ของเสาไฟฟ้า (Numa 218) (กราฟิก: Business Wire)

กล่าวกันว่าตลาด NFT ทั่วโลกมีมูลค่าหลายล้านล้านเยน และตลาดในประเทศคาดว่าจะเติบโตจากหลายหมื่นล้านเยนเป็นหลายแสนล้านเยนภายในปี 2030

GGG มองว่านี่เป็นโอกาสในการเปิดรับเทรนด์ Web3.0*2 ที่กำลังขยายตัว รวมถึงผลิตและจำหน่าย ” NFT สินทรัพย์พลังงานไฟฟ้า (การ์ด NFT สำหรับเสาส่งสัญญาณ, การ์ด NFT สำหรับเสาไฟฟ้า)” ซึ่งอิงจาก “การ์ดเสาส่งสัญญาณ” ของ TEPCO PG ซึ่งใช้ในการสรรหาบุคลากรเป็นหลัก นอกจากนี้ เราวางแผนที่จะร่วมมือกับ DEA*3 ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคของ WEB3.0 ที่พัฒนาผ่านการเล่นเกม NFT และตลาด NFT เพื่อสำรวจวิธีใหม่ ๆ ในการเพิ่มมูลค่านอกเหนือจากการเป็นเจ้าของ “สินทรัพย์พลังงานไฟฟ้า NFT”*4

ในการผลิตสินทรัพย์พลังงานไฟฟ้า NFT นั้น TEPCO PG นำเสนอภาพถ่ายของสิ่งอำนวยความสะดวกที่กลมกลืนกับทิวทัศน์และเรื่องราวของสินทรัพย์แต่ละชนิดจากสินทรัพย์พลังงานไฟฟ้าที่ TEPCO PG เป็นเจ้าของ ซึ่งทอดยาวจากเมืองไปจนถึงภูเขา ทำให้สื่อถึงเสน่ห์ของสินทรัพย์ด้านพลังงานไฟฟ้าและการสนับสนุนการสรรหาและกิจกรรมอื่น ๆ ทั่วทั้งอุตสาหกรรมพลังงาน

*1 โทเค็นที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ (NFT) NFT ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อสร้างสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่เหมือนใคร

*2 WEB3.0 คือ “เศรษฐกิจที่สร้าง ถือครอง และแลกเปลี่ยนมูลค่าโดยใช้โทเค็น เช่น สกุลเงินดิจิทัล บนบล็อกเชน” ที่มา: Web3.0 (METI/กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม)

*3 DEA (Digital Entertainment Asset Pte. Ltd.) นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2020 แพลตฟอร์มเกม NFT “PlayMining” ได้มีผู้ใช้มากกว่า 2.7 ล้านคนในกว่า 100 ประเทศ DEAPcoin เป็นโทเค็น Play-to-Earn แรกของญี่ปุ่น และ “PlayMining” เป็นเศรษฐกิจโทเค็น Play-to-Earn แรกของโลก ซึ่งเป็นผู้นำด้าน GameFi ของโลก

*4 การลงนาม MOU กับ Digital Entertainment Asset Pte. Ltd. เพื่อพิจารณาเกมช่วยเหลือสังคมอย่างยั่งยืนโดยใช้ “NFT สินทรัพย์พลังงานไฟฟ้า”

https://www.greenwaygrid.global/signing_of_mou_with_dea/

โปรดดูเอกสารแนบด้านล่างสำหรับภาพรวมของ “NFT สินทรัพย์พลังงานไฟฟ้า (การ์ด NFT ของเสาส่งสัญญาณและเสาไฟฟ้า)” และวิธีการขาย

ภาพรวมและวิธีการขายของ

สินทรัพย์พลังงานไฟฟ้า NFT (การ์ด NFT ของเสาส่งสัญญาณและเสาไฟฟ้า)”

1. ประเภทการ์ดและราคา

(การ์ด NFT ของเสาส่งสัญญาณ)

  • ระดับ S (1 แบบ x 5 แผ่น): 100,000 เยน/1 แผ่น (รวมภาษี)
  • ระดับ A (2 แบบ x 10 แผ่น): 30,000 เยน/1 แผ่น (รวมภาษี)
  • ระดับ B (2 แบบ x 10 แผ่น): 10,000 เยน/1 แผ่น (รวมภาษี)
  • อันดับ C (5 แบบ x 20 แผ่น): 3,000 เยน/1 แผ่น (รวมภาษี)

(การ์ด NFT ของเสาไฟฟ้า)

  • ระดับ S (1 แบบ x 5 แผ่น): 100,000 เยน/1 แผ่น (รวมภาษี)
  • ระดับ A (2 แบบ x 10 แผ่น): 30,000 เยน/1 แผ่น (รวมภาษี)
  • ระดับ B (2 แบบ x 10 แผ่น): 10,000 เยน/1 แผ่น (รวมภาษี)
  • อันดับ C (5 แบบ x 20 แผ่น): 3,000 เยน/1 แผ่น (รวมภาษี)

2. ปริมาณการขาย

การ์ด NFT ของเสาส่งสัญญาณ 10 แบบ และ การ์ด NFT ของเสาไฟฟ้า 10 แบบ รวม 290 แผ่น

3. ระยะเวลาการขาย

วันที่ 3 ถึง 30 เมษายน 2023

*เริ่มขายเวลา 9:00 น. (JST) วันที่ 3 เมษายน (วันจันทร์)

4. การขาย

ขายในเว็บไซต์ต่อไปนี้
https://nft.hexanft.com/en/users/g1mRrrU3HXQTDP?collection=%E3%80%90%E9%9B%BB%E6%9F%B1%E3%80%91%E3%83%A9%E3%83%B3%E3%82%AFS

5. ผลประโยชน์

หากคุณซื้อ NFT ตั้งแต่หนึ่งรายการขึ้นไปจากแต่ละระดับ (S ถึง C) คุณจะได้รับ “NFT สินทรัพย์พลังงานไฟฟ้าระดับพรีเมียม” (ดูจาก URL ด้านบนเพื่อดูรายละเอียด)

6. การมีส่วนร่วมในการผลิต

การผลิต: Greenway Grid Global. Pte. Ltd.
สนับสนุนโดย: Transmission Line Construction Technology Study Group
ภาพ: TEPCO Power Grid, Inc.
สนับสนุนโดย: Digital Entertainment Asset Pte. Ltd

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53381243/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อสอบถาม:
Kazuki Kito
ผู้จัดการฝ่ายนวัตกรรม ที่ Greenway Grid Global Pte. Ltd.
kito.k@greenwaygrid.global / +65-9023-6603

ที่มา: TEPCO Power Grid, Inc.




Power Construction Corporation of China ช่วยให้เวียดนามเริ่มต้นบทใหม่ในด้านพลังงานลมในทะเล

Logo

ปักกิ่ง–(BUSINESS WIRE)–10 เมษายน 2023

Power Construction Corporation of China (POWERCHINA) ภูมิใจที่จะประกาศความสำเร็จในการยกพัดลมทั้งหมดในพื้นที่ 1A ของโครงการพลังงานลม Ca Mau 1 ซึ่งตั้งอยู่ใน Ca Mau จังหวัดทางใต้สุดของเวียดนาม โดยโครงการแบ่งออกเป็นฟาร์มกังหันลมสี่แห่ง ได้แก่ A, B, C และ D ในฐานะโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยกำลังการผลิตติดตั้งรวม 350 เมกะวัตต์

โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม Ca Mau 1 ตั้งอยู่ในจังหวัด Ca Mau ซึ่งหันหน้าออกสู่ทะเลทั้งสามด้าน โดยมีแนวชายฝั่งยาว 307 กิโลเมตร มีข้อได้เปรียบที่ไม่เหมือนใครในแง่ของการผลิตไฟฟ้าจากลมทะเล เมื่อเสร็จสิ้นโครงการจะเพิ่มการผลิตไฟฟ้าใหม่ 1.1 พันล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ซึ่งช่วยประหยัดถ่านหินมาตรฐานได้ประมาณ 450,000 ตัน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 880,000 ตัน สิ่งนี้จะช่วยปรับปรุงสถานการณ์การขาดแคลนไฟฟ้าในท้องถิ่นและแม้แต่ในภาคใต้ของเวียดนามได้อย่างมีนัยสำคัญ

ในโครงการนี้ POWERCHINA ได้ริเริ่มสร้างอุปกรณ์การขนส่งทางทะเลแบบสองชั้นสำหรับถังหอพลังงานลมนอกชายฝั่ง ซึ่งช่วยยุติการพึ่งพาการขนส่งทางทะเลชั้นเดียวเป็นเวลานานสำหรับถังหอที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 5 เมตร นวัตกรรมนี้ประสบความสำเร็จในการเพิ่มความสูงในการเรียงซ้อนสูงสุดของถังพลังงานลมสำหรับการขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศจาก 10 เมตรเป็น 14 เมตร และน้ำหนักการเรียงซ้อนสูงสุดจาก 100 ตันเป็น 240 ตัน ซึ่งช่วยประหยัดพื้นที่ดาดฟ้าเรือและลดต้นทุนการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากโครงการ Ca Mau 1 ของเวียดนามแล้ว POWERCHINA ยังได้เข้าร่วมในการก่อสร้างโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งขนาด 171 เมกะวัตต์ในเมือง Soc Trang และ Bac Lieu และโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งขนาด 310 เมกะวัตต์ในเมือง Binh Dai ในเวียดนาม ในเดือนกรกฎาคม 2022 นั้น POWERCHINA ได้ลงนามในสัญญาฉบับใหม่ในโครงการฟาร์มกังหันลมในเขตท่องเที่ยว Kai long-Ca Mau ในเวียดนาม ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ได้ส่งแรงกระตุ้นอันแรงกล้าไปสู่ความพยายามของเวียดนามในการลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล กระจายแหล่งพลังงาน และบรรลุการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Shi Pei
651538233@qq.com

ที่มา: POWERCHINA

EIG เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการ 25% ของธุรกิจ Upstream ทั่วโลกทั้งหมดของ Repsol

Logo

Breakwater Energy ของ EIG เข้าซื้อหุ้นมูลค่า 4.8 พันล้านดอลลาร์

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–3 มีนาคม 2023

EIG นักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ประกาศในวันนี้ว่าได้เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการในสัดส่วน 25% ของ Repsol Upstream บริษัทสำรวจและผลิตก๊าซถ่วงน้ำหนักที่ตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจน้ำมันและก๊าซต้นน้ำทั่วโลกของ Repsol

Breakwater Energy ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ EIG ได้รับผลประโยชน์ 25% ใน Repsol Upstream คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 4.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงหนี้สิน โดย Repsol ถือหุ้นที่เหลือ 75%

Repsol Upstream เป็นเจ้าของและดำเนินการพอร์ตการลงทุนต้นน้ำที่หลากหลายทั่วโลกของ Repsol ซึ่งประกอบด้วยการผลิตและการดำเนินงานมากกว่า 600,000 บาร์เรลต่อวันใน 15 ประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกา พอร์ตโฟลิโอสร้างกระแสเงินสดอิสระที่สำคัญซึ่งควรสนับสนุนการจ่ายเงินปันผลที่สำคัญ ในขณะเดียวกันก็ยังคงความเข้มข้นของคาร์บอนที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่น โดยทั้ง Repsol และ EIG เล็งเห็นถึงศักยภาพในการจดทะเบียนธุรกิจในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป ภายใต้สภาวะตลาดที่เอื้ออำนวย

“Repsol เป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน และเรายินดีที่ได้ทำธุรกรรมนี้กับบริษัทระดับโลกที่มีความมุ่งมั่นร่วมกันในการลดการปล่อยมลพิษในขณะที่ตอบสนองความต้องการด้านพลังงานของโลก” กล่าวโดย R. Blair Thomas ประธานและ CEO ของ EIG “ธุรกรรมดังกล่าวทำให้ Repsol Upstream อยู่บนเส้นทางสู่อนาคตของการลดคาร์บอนที่รวดเร็ว การสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง และสภาพคล่องในตลาดที่มีศักยภาพ”

ตามที่ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ EIG จะมีสิทธิ์ในการเสนอชื่อสมาชิกสองคนเข้าสู่คณะกรรมการบริหารของ Repsol Upstream ที่ต้องมีสมาชิกแปดคน สี่คนจะได้รับการเสนอชื่อโดย Repsol และอีกสองคนที่เหลือจะเป็นแบบไม่บังคับ นอกจากนี้ EIG จะแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงสองคนให้กับทีมผู้นำของ Repsol Upstream โดยคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการ ESG และอีกคนหนึ่งเป็นผู้นำโครงการพิเศษ รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการเสนอขายหุ้น IPO

Goldman Sachs & Co LLC และ J.P. Morgan ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับ EIG ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรม Goldman Sachs & Co LLC, J.P. Morgan และ Lazard ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านตลาดทุนที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาเงินทุนของการทำธุรกรรม Latham & Watkins และ Debevoise & Plimpton ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายของ EIG

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นผู้ลงทุนระดับสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก โดยมีมูลค่า 22.7 พันล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2022 EIG เชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานในระดับโลก ในช่วงประวัติศาสตร์ 40 ปี EIG ได้ให้เงินสนับสนุนกว่า 44.6 พันล้านดอลลาร์แก่ภาคพลังงานผ่านโครงการหรือบริษัท 396 โครงการใน 42 ประเทศบน 6 ทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญชั้นนำ บริษัทประกัน กองทุนการกุศล มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป EIG มีสำนักงานใหญ่อยู่ในวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ ริโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com

เกี่ยวกับ Repsol

Repsol เป็นบริษัทพลังงานระดับโลกที่เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นบริษัทที่ปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 บริษัทอยู่ตลอดห่วงโซ่คุณค่าด้านพลังงาน โดยมีพนักงาน 24,000 คน และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในกว่า 90 ประเทศให้กับลูกค้า 24 ล้านราย

บริษัทสามารถตอบสนองความต้องการด้านพลังงานและความคล่องตัวของผู้บริโภคด้วยข้อเสนอที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ซึ่งอยู่ในระดับแนวหน้าของการพัฒนาโซลูชันที่ยั่งยืนสำหรับการสัญจร ด้วยเชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การชาร์จไฟฟ้า เชื้อเพลิงหมุนเวียน (เชื้อเพลิงชีวภาพขั้นสูงและเชื้อเพลิงสังเคราะห์) ก๊าซรถยนต์ และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานพาหนะ

เพื่อให้การปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 Repsol มุ่งมั่นที่จะสร้างแบบจำลองที่ผสานรวมเทคโนโลยีการลดคาร์บอนทั้งหมด โดยพิจารณาจากการปรับปรุงประสิทธิภาพ การเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าหมุนเวียน การผลิตเชื้อเพลิงหมุนเวียน การพัฒนาโซลูชันใหม่ ๆ สำหรับลูกค้า เศรษฐกิจหมุนเวียน และการส่งเสริมโครงการล้ำสมัยเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของอุตสาหกรรม

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.repsol.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

มีเดีย

EIG
FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@FGSGlobal.com

Repsol
+34 91 753 8787
prensa@repsol.com

ที่มา: EIG