TransPod เปิดตัวขั้นต่อไปของการพัฒนาการขนส่งผ่าน UltraSpeed Tube ในอัลเบอร์ตาแคนาดาด้วยเงิน 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

Logo

TransPod ประสบความสำเร็จในก้าวสำคัญของอุตสาหกรรม กลายเป็นบริษัทขนส่งทางท่อแห่งแรกที่ยืนยันด้านการเงินสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

Broughton Capital Group ร่วมกับ CERIECO ได้ออกเงื่อนไขในการจัดหาเงินทุนรวม 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐและการจัดการ Master EPC ซึ่งรวมถึงการมีส่วนร่วมที่สำคัญจากผู้รับเหมาในแคนาดาเพื่อเร่งการพัฒนา TransPod Line ระหว่างเอดมันตันและคาลการี และขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจในส่วนภูมิภาค

เอดมันตัน อัลเบอร์ตา–(BUSINESS WIRE)–29 มีนาคม 2565

TransPod บริษัทเพื่อการสร้างสตาร์ทอัพใน TransPod Line ซึ่งเป็นระบบขนส่งความเร็วสูงพิเศษรูปแบบใหม่ เพื่อเปลี่ยนแปลงและกำหนดนิยามใหม่ของการขนส่งเชิงพาณิชย์ วันนี้ได้ประกาศว่าขั้นตอนต่อไปของโครงการโครงสร้างพื้นฐานมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในอัลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา ทั้งนี้ Broughton Capital Group (“BCG”) โดยความร่วมมือกับ China-East Resources Import & Export Co. (“CERIECO”) ได้ตกลงในหลักการที่จะจัดหาเงินทุนรวมกันจำนวน 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐและการจัดการ Master EPC ตามลำดับเพื่อเร่งการพัฒนา TransPod Line ระหว่างเอดมันตันและคาลการี และขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจในส่วนภูมิภาค การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการที่เผยแพร่ไปแล้วต่อ TransPod Line ยืนยันว่าโครงการขนส่งความเร็วสูงพิเศษนี้จะสร้างงานได้มากถึง 140,000 ตำแหน่ง และเพิ่ม 19.2 พันล้านดอลลาร์แก่ GDP ของส่วนภูมิภาคตลอดการก่อสร้าง และการจัดการ Master EPC ที่คาดว่าจะมีส่วนร่วมอย่างมีนัยสำคัญจากผู้รับเหมาชาวแคนาดา

“ในฐานะบริษัทแรกและแห่งเดียวที่ยืนยันการเงินดังกล่าวสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งผ่านท่อมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ TransPod ภูมิใจในความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนการเติบโตในอัลเบอร์ตาผ่านนวัตกรรมและการเป็นพันธมิตรที่แท้จริง” Sebastien Gendron ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ TransPod กล่าว “การก่อสร้างและการดำเนินงานของ TransPod Line จะช่วยให้ชาวอัลเบอร์ตันสามารถเคลื่อนย้ายไปมาได้อย่างง่ายดาย ช่วยสร้างงานใหม่ และอำนวยความสะดวกในการลงทุนในส่วนภูมิภาค ด้วยความเชื่อมั่นของนักลงทุนของเราและรัฐบาลอัลเบอร์ตา เราจะนำเสนอวิสัยทัศน์ร่วมกันของเศรษฐกิจที่ก้าวหน้า ยั่งยืน และเติบโต”

เหตุการณ์สำคัญจากการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ Alberta TransPod ได้แก่:

  • การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สำคัญ: Alberta TransPod Line จะเพิ่ม 19.2 พันล้านดอลลาร์ (หรือร้อยละ 6.25) ให้กับ GDP ของภูมิภาคภายในปี 2573
  • การเติบโตของการจ้างงานที่สำคัญ: โครงการโครงสร้างพื้นฐาน Alberta TransPod จะสร้างงาน 15,600 ตำแหน่งต่อปี รวมทั้งหมด 140,000 ตำแหน่งในระยะเวลา 9 ปี
  • ความสามารถในการจ่ายที่ดีขึ้นสำหรับนักเดินทาง: Riding TransPod จะใช้เวลา 45 นาทีจากคาลการีไปยังเอดมันตัน โดยมีค่าตั๋วประมาณ 90 ดอลลาร์แคนาดา เมื่อเทียบกับการขับรถมากกว่าสามชั่วโมงหรือตั๋วเครื่องบินในราคาประมาณ 162 ดอลลาร์
  • การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์: ในช่วงระยะเวลาหนึ่งปีคาดว่าจำนวนผู้โดยสารระหว่างคาลการีและเอดมันตันจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงจำนวน 636,000 ตันต่อปี หรือเทียบเท่ากับการปลูกป่าที่ใหญ่กว่าคาลการีถึงสี่เท่า

“เป้าหมายเชิงกลยุทธ์อย่างหนึ่งของ BCG คือการลงทุนในโครงการที่เป็นนวัตกรรมและความสอดคล้องของเรากับ CERIECO สำหรับโครงการ TransPod นั้นเหมาะสมกับวัตถุประสงค์อย่างยิ่งและเป็นลางที่ดีสำหรับโครงการในอนาคต เรากำลังรอคอยที่จะก้าวไปข้างหน้า” Broughton Capital Group กล่าว

ขั้นตอนต่อไปของโครงการ Alberta TransPod มีดังต่อไปนี้:

  • ระยะสั้น: การวิจัยและพัฒนา; ใบอนุญาตก่อสร้าง การประเมินสภาพสิ่งแวดล้อม การได้มาซึ่งที่ดิน (ปีปัจจุบัน-2567)
  • ระยะกลาง: การสร้างสนามทดสอบ การทดสอบความเร็วสูง และการรับรอง (ปี 2566-2570)
  • ระยะยาว: การก่อสร้าง inter-city line เต็มรูปแบบระหว่างเอดมันตันและคาลการี (เริ่มในปี 2570)

CERIECO กล่าวว่า “การเป็นพันธมิตรของเรากับ BCG และ TransPod นำเสนอการวางแนวเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นแนวทางที่น่ายกย่องชื่นชมสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เราเชื่อว่าจะเพิ่มมูลค่าอย่างมีนัยสำคัญทั่วทั้งโครงการอันเป็นนวัตกรรมในแคนาดา”

เพื่อสนับสนุนการพัฒนางานระดับภูมิภาคและให้การฝึกอบรมพนักงานสำหรับ TransPod Line ในอัลเบอร์ตา ทั้งนี้ TransPod ได้ร่วมมือกับ Building Trades of Alberta เพื่อยกระดับความเชี่ยวชาญระดับภูมิภาคและเครือข่ายพันธมิตร

“TransPod เป็นผู้นำที่น่าตื่นเต้นและเปลี่ยนเกมสำหรับอนาคตของโครงสร้างพื้นฐานสีเขียวและการขนส่งในแคนาดาและที่อื่น ๆ” Terry Parker กรรมการบริหาร Building Trades of Alberta กล่าว “ไม่เพียงแต่จะช่วยให้แคนาดาจัดการกับเป้าหมายคาร์บอนเท่านั้น แต่โครงการ Alberta TransPod จะสร้างงานที่มีรายได้ดีและสนับสนุนชุมชนสำหรับคนงานการค้าที่มีทักษะของอัลเบอร์ตา รวมถึงงานจากชุมชนพื้นเมือง ผู้หญิง ชาวแคนาดาใหม่ และผู้ฝึกงาน ทั้งนี้ Building Trades of Alberta — และสมาชิกมากกว่า 60,000 คน — พร้อมและตื่นเต้นที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้”

Colliers Capital Markets ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Colliers International ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับ TransPod

เกี่ยวกับ TransPod Inc.

เป้าหมายของ TransPod คือการเปลี่ยนแปลงและกำหนดนิยามใหม่ของการขนส่งเชิงพาณิชย์ระหว่างเมืองใหญ่ในตลาดที่พัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ สตาร์ทอัพก่อตั้งขึ้นในปี 2558 เพื่อสร้างระบบขนส่งผ่านท่อชั้นนำของโลก (TransPod Line) เพื่อเชื่อมโยงผู้คน เมือง และธุรกิจเข้าด้วยกันด้วยการขนส่งความเร็วสูงในราคาประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม TransPod Inc. มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.transpod.com 

เกี่ยวกับ Broughton Capital Group

Broughton Capital Group (BCG) เป็นผู้ให้เงินทุนสนับสนุนโครงการในอังกฤษ โดยผู้เชี่ยวชาญของเราในฐานะผู้จัดเตรียมและผู้ให้บริการด้านตราสารหนี้ในฐานะผู้ให้กู้อาวุโส มุ่งเน้นไปที่ภาคส่วนของโครงการต่าง ๆ ทั่วโลกทั้งในภาครัฐและเอกชน เรามีประสบการณ์สูงกับทีมงานระดับเฟิร์สคลาสทั้งภายในและภายนอก ในฐานะผู้ให้บริการทางการเงินทางเลือก เรามุ่งหวังที่จะให้บริการโซลูชั่นทางการเงินที่ไม่ได้มีอยู่ในตลาดการเงินของโครงการทั่วไป ดังนั้นเราจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ มีความยืดหยุ่น และสามารถแข่งขันได้ในเงื่อนไขทางการเงินที่เรานำเสนอในฐานะผู้ให้กู้

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.broughton-capital.com 

เกี่ยวกับ CERIECO

CERIECO ก่อตั้งขึ้นในปี 2536 เป็นรัฐวิสาหกิจของจีนที่มีโครงการต่าง ๆ ในกว่า 30 ประเทศ CERIECO เป็นผู้รับเหมา EPC ทั่วไปที่มีความเชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐานและการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ และสินเชื่อเพื่อการส่งออก CERIECO ดำเนินงานในแคนาดาภายใต้ CERIECO Canada Corp.

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.cerieco.com 

ติดต่อ:

Dianna Lai Read
Director, Communications
TransPod Inc.
dianna.lai@transpod.com

Richard Yu
Colliers Capital Markets
richard.yu@colliers.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

โครงการ Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ครั้งที่ 4 เรียกร้องให้ผู้ประกอบการทางสังคมเร่งสร้างการยอมรับความแตกต่างในวงการแฟชัน

Logo

โครงการนี้เชิญชวนผู้ประกอบการทางสังคมจากชุมชนที่ถูกมองข้ามในอดีตมาแบ่งปันความคิดสร้างสรรค์เพื่อรับโอกาสการสนับสนุนด้านเงินทุนและคำปรึกษา

อัมสเตอร์ดัม–(BUSINESS WIRE)–28 มีนาคม 2565

Tommy Hilfiger ซึ่งเป็นเจ้าของโดย PVH Corp. [NYSE: PVH] มีความยินดีที่จะประกาศเปิดรับสมัครผู้เข้าแข่งขันใน โครงการ Tommy HilfigerFashion Frontier Challenge ครั้งที่ 4 โครงการระดับโลกนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนของ Tommy Hilfiger ในเรื่องการไม่สูญเสียโดยเปล่าประโยชน์และการเปิดรับทุกคน หรือ Waste Nothing and Welcome All โดยขยายและสนับสนุนเสียงจากผู้คนใหม่ ๆ ในวงการผู้ประกอบการทางสังคมที่กำลังสร้างนวัตกรรมเปลี่ยนชีวิตและปรับใช้งานได้เพื่อสร้างอนาคตของแฟชันที่ยอมรับความแตกต่างมากขึ้น

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220328005210/en/

Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge 3rd Edition Finale Event (Photo: Business Wire)

งานรอบสุดท้ายของโครงการ Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ครั้งที่ 3 (ภาพ: Business Wire)

เพื่อให้สอดคล้องกับพันธะสัญญาของ Tommy Hilfiger ที่มีต่อความแตกต่าง ความหลากหลาย และการรับรู้ถึงช่องว่างด้านความเสมอภาคและโอกาสที่เท่าเทียมกัน ผู้คนจากชุมชนที่ถูกมองข้ามในอดีต ได้แก่ คนผิวสี ชนพื้นเมือง ผู้คนผิวหลากสี (BIPOC) ผู้ทุพพลภาพ และผู้หญิง จึงได้รับการแนะนำให้สมัครโครงการในปีนี้ โดยสามารถส่งใบสมัครได้ภายในวันที่ 29 เมษายน 2565 ผ่านเว็บไซต์ https://platform.younoodle.com/competition/th_fashion_frontier_challenge_2022

Tommy Hilfiger กล่าวว่า “โครงการ Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge มีเป้าหมายเพื่อรวบรวมผู้ประกอบการจากทุกสาขาอาชีพ ความรู้ด้านการลงทุน และทรัพยากรเพื่อให้พวกเขาได้ปลดล็อกพลังพิเศษด้านนวัตกรรม ในฐานะผู้ประกอบการ ผมต้องการสร้างแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกที่รวมความแตกต่างของทุกคนไว้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งเป็นปรัชญาที่จะถ่ายทอดสดผ่านโครงการนี้ ผมเชื่อจริง ๆ ว่าการร่วมมือกันจะทำให้เราสามารถขับเคลื่อนอนาคตของการเปลี่ยนแปลงที่มีคุณค่าและยั่งยืนได้”

รางวัลต่อไปนี้จะมอบให้กับผู้ชนะเพื่อสนับสนุนแนวคิดทางธุรกิจของพวกเขา:

  • เงินรางวัลรวม 200,000 ยูโร โดยแบ่งระหว่างผู้ชนะสองคน
  • เงินรางวัลเพิ่มเติม 15,000 ยูโรสำหรับผู้ที่ได้รับเลือกจากการโหวตของผู้ชม หรือ Audience's Favorite Vote
  • คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลกของ Tommy Hilfiger
  • คำปรึกษาและหลักสูตร INSEAD ตลอดทั้งปี

Tommy Hilfiger กำลังเชิญชวนแฟน ๆ ของแบรนด์ให้เข้าร่วมโครงการในช่วงแรกในฐานะผู้ตัดสินผ่านทางดิจิทัล โดยพวกเขาจะช่วยคัดเลือกใบสมัครให้เหลือเพียง 50 อันดับแรก ผู้สมัครที่สนใจสามารถสมัครได้จนถึงวันที่ 20 เมษายน 2565 ผ่านเว็บไซต์ https://platform.younoodle.com/competition/consumer_vote_tommy_hilfiger_fashion_frontier_challenge_2022.

ผู้สมัคร 50 อันดับแรกจะถูกคัดเลือกให้เหลือผู้เข้ารอบ 6 คนผ่านขั้นตอนภายใน ผู้เข้ารอบสุดท้ายแต่ละคนจะได้รับเชิญให้พัฒนาแผนธุรกิจของตนต่อไปด้วยการสนับสนุนจาก Tommy Hilfiger และผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกก่อนการแข่งขันรอบสุดท้าย ด้วยการฝึกอบรมจากโค้ชสนามที่มีประสบการณ์ ผู้เข้ารอบสุดท้ายแต่ละคนจะนำเสนอแนวคิดต่อคณะกรรมการตัดสินและผู้ชมที่เป็นพนักงานของ Tommy Hilfiger ที่งาน Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge รอบสุดท้ายทั่วโลกในช่วงต้นปี 2566

Martijn Hagman ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Tommy Hilfiger Global และ PVH Europe กล่าวว่า “ที่ Tommy Hilfiger เราต้องการทำงานร่วมกับชุมชนต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม การยอมรับความแตกต่าง และความหลากหลายเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว ในการจัดการแข่งขัน Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ครั้งที่ 4 นี้ เราตั้งตารอที่จะได้เห็นแนวคิดที่จะออกมาสนับสนุนชุมชนและช่วยสร้างอนาคตของแฟชัน”

นับตั้งแต่การริเริ่มโครงการในปี 2018, Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ได้มอบรางวัลมูลค่า 550,000 ยูโร เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการทั่วโลกในการนำความคิดสร้างสรรค์มาสู่ชีวิต เพื่อให้พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงชุมชนได้อย่างแท้จริง ผู้ชนะรุ่นที่ 3 ได้แก่ Lalaland ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจากประเทศเนเธอร์แลนด์ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสร้างแบบจำลองสังเคราะห์ที่ปรับแต่งและรวบรวมความแตกต่างของชาติพันธุ์ต่าง ๆ และ UZURI K&Y ซึ่งเป็นแบรนด์รองเท้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจากประเทศรวันดาซึ่งใช้ยางรถยนต์รีไซเคิลจากภูมิภาคในทวีปแอฟริกาทางตอนใต้ของทะเลทรายสะฮารา และจ้างงานเยาวชนในท้องถิ่น Clothes to Good ซึ่งเป็นกิจการเพื่อสังคมในแอฟริกาใต้ที่สร้างงานและโอกาสทางธุรกิจขนาดเล็กสำหรับคนพิการผ่านการรีไซเคิลเสื้อผ้าสิ่งทอได้รับการโหวตจากผู้ชม หรือ Audience Favorite ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นทางความยั่งยืนของ Tommy Hilfiger ซึ่งขับเคลื่อนผ่านกลยุทธ์ Forward Fashion ของ PVH สามารถดูได้ที่ https://global.tommy.com/en_int/about-us-corporate-sustainability.

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge รวมถึงวิธีการสมัครได้ที่นี่: https://responsibility.pvh.com/tommy/fashion-frontier-challenge/

เชิญเพื่อนและผู้ติดตามของแบรนด์เข้าร่วมการสนทนาบนโซเชียลมีเดียโดยใช้ #TommyHilfiger และ @TommyHilfiger

เกี่ยวกับ Tommy Hilfiger 

TOMMY HILFIGER เป็นหนึ่งในแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก โดยยกระดับจิตใจและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้บริโภคมาตั้งแต่ปี 2528 โดยผสมผสานความคลาสสิกเข้ากับสิ่งใหม่เพื่อสร้างความสดใสให้กับอนาคต แบรนด์ได้ผสมผสานการแต่งตัวสไตล์เพรพพี้กับอเมริกานาเฮอริเทจด้วยมุมมองที่สดใหม่จากวัฒนธรรมป๊อปเพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์และคอลเลกชันที่น่าจดจำ ภายใต้วิสัยทัศน์ของ Mr. Hilfiger นั้น TOMMY HILFIGER ได้รวบรวมการเปลี่ยนแปลงที่สนุกสนานและจำเป็นในการขับเคลื่อนประสบการณ์ผู้บริโภคที่ดื่มด่ำและสร้างสรรค์ หัวใจของแบรนด์คือวิสัยทัศน์ Waste Nothing และ Welcome All ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ต่อความยั่งยืน การยอมรับความแตกต่าง ความหลากหลาย และวงจรที่ขับเคลื่อนทีมเพื่อสร้างอุตสาหกรรมแฟชันที่ดีขึ้น

ยอดขายปลีกผลิตภัณฑ์ TOMMY HILFIGER ทั่วโลกอยู่ที่เกือบ 7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2563 ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ของ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ประกอบด้วยคอลเลกชั่นของสุภาพบุรุษ สุภาพสตรี และเด็ก รองเท้าและเครื่องประดับ เครื่องสำอาง และกลุ่มผลิตภัณฑ์ลิขสิทธิ์ต่าง ๆ เช่น แว่นตา นาฬิกา และน้ำหอม Tommy Hilfiger Group ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ PVH Corp. ขับเคลื่อนจากพนักงานกว่า 16,000 คนทั่วโลก โดยมีเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวางครอบคลุม 100 ประเทศและร้านค้าปลีกมากกว่า 2,000 แห่ง รวมถึงร้านเรือธงระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดที่ tommy.com

เกี่ยวกับ PVH Corp

PVH เป็นหนึ่งในบริษัทแฟชันที่ใหญ่ที่สุดและได้รับการยกย่องมากที่สุดในโลก โดยเชื่อมต่อกับผู้บริโภคในกว่า 40 ประเทศ แบรนด์ระดับโลกที่โดดเด่นของเรา ได้แก่ Calvin Klein และ TOMMY HILFIGER ประวัติ 140 ปีของเราสร้างขึ้นจากความแข็งแกร่งของแบรนด์ ทีมงาน และความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนแฟชันไปข้างหน้าให้ดี นั่นคือพลังของเรา นั่นคือพลังของ PVH

ติดตามเราได้ทาง FacebookInstagramTwitter และ Linkedin

ดูเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220328005210/en/

ติดต่อ:

Tommy Hilfiger 
Virginia Ritchie 
รองประธานฝ่ายสื่อสารทั่วโลก
อีเมล: virginia.ritchie@tommy.com 
โทร: +31 6 4318 4870

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



EIG และ Fluxys จับมือเป็นพันธมิตรในโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของ LNG ที่สนับสนุนการใช้พลังงานที่ไม่ทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ในชิลี

Logo

วอชิงตัน และ บรัสเซลส์–(BUSINESS WIRE)–28 มีนาคม 2565

EIG นักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก และ Fluxys บริษัทโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานชั้นนำ ประกาศในวันนี้ว่าพวกเขาร่วมกันจะเข้าซื้อหุ้นร้อยละ 80 ใน GNL Quintero SA (“Quintero”) ซึ่งเป็นคลังจัดเก็บก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่รอเปลี่ยนสถานะของเหลวให้กลับเป็นก๊าซที่ใหญ่ที่สุดในชิลี จาก Enagas Chile SpA และบริษัทในเครือของ OMERS Infrastructure เงื่อนไขของการทำธุรกรรมไม่ได้รับการเปิดเผย

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220327005104/en/

Quintero เป็นธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่สำคัญซึ่งสนับสนุนกลยุทธ์การใช้พลังงานที่ไม่ทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ของชิลีด้วยพลังงานทางเชื่อมที่ช่วยทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจกับการใช้ประโยชน์จากพลังงานหมุนเวียนและการเลิกใช้ถ่านหินที่สอดคล้องกัน ทั้งนี้ Quintero เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2552 เป็นสถานีรับและขนถ่าย LNG ที่ใหญ่ที่สุดในชิลี รวมถึงมีความสามารถในการเก็บรักษาและเปลี่ยนสถานะของเหลวให้กลับเป็นก๊าซ คลังจัดเก็บได้รับประโยชน์จากสถานที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ในอ่าวควินเทโร โดยจัดหาฐานลูกค้าที่หลากหลายในชิลีตอนกลางทั่วทั้งภาคส่วนที่อยู่อาศัย การพาณิชย์ การอุตสาหกรรม การขนส่ง และการผลิตไฟฟ้า คลังจัดเก็บร้อยละ 75 เป็นกำลังการผลิตก๊าซ LNG ของประเทศ และในปี 2564 การนำเข้าก๊าซธรรมชาติทั้งหมดร้อยละ 67 (ทั้ง LNG และท่อส่งก๊าซ) มาถึงชิลีผ่านสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์นี้ ด้วยกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติ 15 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ความสามารถในการจัดเก็บ LNG อยู่ที่ 334,000 ลูกบาศก์เมตร และ 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวันของความสามารถในการบรรทุกของรถบรรทุก ทำให้สถานีเป็นซัพพลายเออร์ที่เชื่อถือได้สำหรับก๊าซธรรมชาติซึ่งมีส่วนช่วยในการกระจายพลังงานและความปลอดภัยของชิลี

ชิลีมีแหล่งพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ระดับโลก และความสามารถ RES เทียบเท่าร้อยละ 4 ของความต้องการพลังงานทั่วโลกทั้งหมด ประเทศกำลังตั้งเป้าที่จะเป็นหนึ่งในสามผู้ผลิตไฮโดรเจนสีเขียวรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีแผนจะติดตั้งพลังงานหมุนเวียน 200 GW ภายในปี 2583 เพื่อผลิตไฮโดรเจนสีเขียว ชิลีได้ลงนามในข้อตกลงหลายฉบับเพื่อส่งเสริมการส่งออกไฮโดรเจนสีเขียว รวมถึงท่าเรือ Antwerp/Zeebrugge ของเบลเยียม เยอรมนี, ท่าเรือรอตเตอร์ดัม และเกาหลีใต้

การเข้าซื้อกิจการอยู่บนพื้นฐานการมีอยู่ของ EIG ในตลาดชิลี ที่บริษัทเป็นเจ้าของ Cerro Dominador ซึ่งเป็นศูนย์รวมพลังงานแสงอาทิตย์ที่ก้าวล้ำโดยรวมโรงไฟฟ้าโฟโตโวลเทอิก (PV) ขนาด 100 เมกกะวัตต์เข้ากับโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์ (CSP) ขนาด 110 เมกะวัตต์ ทั้งนี้โรงงานไฟฟ้า PV เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2560 และโรงงานไฟฟ้า CSP ประสบความสำเร็จในการประสานกับโครงข่ายไฟฟ้าของชิลีในเดือนเมษายน 2564 โดย EIG ยังเป็นพันธมิตรใน AME S.p.A ผู้พัฒนาโครงการในชิลีและผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ ซึ่ง AME เป็นเจ้าของร่วมกับ Generadora Metropolitana ซึ่งเป็นบริษัทผลิตไฟฟ้ารายใหญ่อันดับห้าในชิลี รวมทั้ง HIF Global ซึ่งเป็นผู้นำในภาคส่วนไฮโดรเจนและเชื้อเพลิงสังเคราะห์ โดยมีชุดโครงการเชิงพาณิชย์ขนาดต่าง ๆ อยู่ระหว่างการพัฒนา และคาดว่าจะมีการก่อสร้างในช่วงอีกหลายปีข้างหน้า

สำหรับ Fluxys การเป็นพันธมิตรนี้ถือเป็นการลงทุนที่มองไปข้างหน้าเพื่อสร้างฐานที่มั่นคงในประเทศอื่นในละตินอเมริกา ที่มีการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานถือเป็นวาระสำคัญของรัฐบาล ด้วยทรัพยากรพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมที่มีอยู่มากมาย ชิลีตั้งเป้าที่จะผลิตไฮโดรเจนสีเขียวที่มีราคาถูกที่สุดในโลก โดย Belgian Hydrogen Import Coalition กับ Fluxys ในฐานะพันธมิตรได้ยืนยันความสามารถในการแข่งขันและความเป็นไปได้ของห่วงโซ่อุปทานโมเลกุลสีเขียวจากชิลีไปยังยุโรปและเบลเยียม

“เรารู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสในการลงทุนใน Quintero ซึ่งเป็นบริษัทที่สอดคล้องกับการมุ่งเน้นด้านโครงสร้างพื้นฐานเชิงกลยุทธ์คุณภาพสูงของเราอย่างสมบูรณ์ ซึ่งมีความสำคัญต่อภูมิภาคที่ทำหน้าที่และให้ผลตอบแทนที่น่าดึงดูดใจ” R. Blair Thomas ประธานและซีอีโอของ EIG กล่าว “เรายินดีที่ได้เป็นพันธมิตรอีกครั้งกับ Fluxys ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านปฏิบัติการระดับโลก เพื่อช่วยให้ Quintero รองรับความต้องการด้านพลังงานของชิลีและเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านด้วยพลังงานที่เชื่อถือได้ สถานะที่แข็งแกร่งของ Quintero ที่ปรากฎอยู่ในโครงสร้างพื้นฐานด้านก๊าซธรรมชาติทำหน้าที่เป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจในการขยายธุรกิจในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและใกล้เคียง ซึ่งรวมถึงการจัดเก็บ การโหลดของรถบรรทุก และการเปลี่ยนสถานะของเหลวให้กลับเป็นก๊าซ ตลอดจนการพัฒนากำลังการผลิตสำหรับไฮโดรเจนสีเขียว โดยที่ Quintero มีศักยภาพที่สำคัญในการเป็นผู้นำในประเทศในอุตสาหกรรมตั้งไข่”

Pascal De Buck กรรมการผู้จัดการและซีอีโอของ Fluxys กล่าวว่า “ด้วยคลังจัดเก็บก๊าซ LNG 3 แห่งในยุโรป ความทะเยอทะยานของเราในการลงทุนนอกยุโรปและเพื่อมาเป็นผู้ขนส่งพลังงานรายใหม่ ซึ่ง Quintero เหมาะสมอย่างยิ่งกับกลยุทธ์ของเราในการเติบโตในแง่ของอนาคตแบบคาร์บอนต่ำ” “เราต้องการปรับใช้และขยายความเชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมของเราไปทั่วโลก และรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ EIG ในฐานะนักลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานชั้นนำระดับโลกซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างจริงจังในโครงการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในชิลี ความร่วมมือของเราใน Quintero ทำให้ Fluxys เข้าใกล้การพัฒนาไฮโดรเจนในชิลีมากขึ้น และสนับสนุนการนำเข้าไฮโดรเจนในเบลเยียม เรากำลังรอคอยที่จะร่วมมือและพัฒนาโอกาสใหม่กับผู้บริหารและพนักงานของ Quintero”

ธุรกรรมดังกล่าวคาดว่าจะปิดได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียม ซึ่งรวมถึงการควบคุมการควบรวมกิจการที่จำเป็นและการอนุมัติด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง

Citigroup Global Markets Inc. ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินของ EIG และ Fluxys ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรม White & Case LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายของ EIG และ Linklaters LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายของ Fluxys

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกด้วยจำนวนเงิน 23 พันล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 โดย EIG ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและพลังงานทั่วโลก ในช่วง 40 ปีแห่งประวัติศาสตร์ EIG ได้ให้คำมั่นสัญญามูลค่ากว่า 39.7 พันล้านดอลลาร์แก่ภาคพลังงานผ่านโครงการหรือบริษัทมากกว่า 379 โครงการใน 38 ประเทศในหกทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยแผนบำเหน็จบำนาญชั้นนำมากมาย บริษัทประกันภัย เงินบริจาค มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งอธิปไตยในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป ซึ่ง EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดีซี และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ ริโอเดจาเนโร ฮ่องกง และกรุงโซล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ EIG ได้ที่ www.eigpartners.com

เกี่ยวกับ Fluxys

Fluxys มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเบลเยียม เป็นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่เป็นอิสระเต็มรูปแบบ โดยมีพนักงาน 1,300 คนที่ทำงานด้านการส่งและจัดเก็บก๊าซ และคลังจัดเก็บก๊าซธรรมชาติเหลว Fluxys ดำเนินการทางท่อส่งน้ำมันและคลังก๊าซธรรมชาติเหลวเป็นระยะทาง 12,000 กิโลเมตรผ่านบริษัทในเครือทั่วโลก ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 29 พันล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี บริษัทในเครือของ Fluxys ได้แก่ Fluxys Belgium ที่จดทะเบียนใน Euronext ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ดำเนินการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการส่งและจัดเก็บก๊าซ และคลังจัดเก็บก๊าซธรรมชาติเหลวในเบลเยียม

ในฐานะบริษัทที่มีจุดมุ่งหมาย Fluxys ร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีส่วนทำให้สังคมดีขึ้นด้วยการกำหนดอนาคตของพลังงานที่สดใส Fluxys สร้างขึ้นบนทรัพย์สินอันเป็นเอกลักษณ์ของโครงสร้างพื้นฐานด้านก๊าซและความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคและเชิงพาณิชย์ของบริษัท Fluxys มุ่งมั่นที่จะขนส่งไฮโดรเจน ไบโอมีเทน หรือตัวนำพาพลังงานคาร์บอนเป็นกลางอื่น ๆ รวมทั้ง CO2 เพื่อรองรับการดักจับ การใช้งาน และการเก็บรักษา www.fluxys.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220327005104/en/

ติดต่อสื่อ

EIG
Sard Verbinnen & Co.
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG-SVC@sardverb.com

ติดต่อสื่อ Fluxys
Laurent Remy
+32 2 282 74 50
laurent.remy@fluxys.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Amadis จับมือแผนก PayPlug ของ Groupe BPCE เพื่อนำแอปพลิเคชัน SoftPOS มาตรฐาน nexo ระดับโลกตัวแรกมาใช้

Logo

โซลูชันดังกล่าวช่วยให้สามารถรับการชำระเงินแบบมาตรฐานได้ผ่านสมาร์ทโฟน แท็บเลต และ COTS

มอนทรีออล & ปารีส–(BUSINESS WIRE)–28 มีนาคม 2565

PayPlug (ส่วนหนึ่งของธุรกิจระบบชำระเงินภายใต้ Groupe BPCE) เลือก Amadis ซึ่งเป็นเครื่องมือแก้ไขซอฟต์แวร์ระบบชำระเงินระดับโลก เพื่อนำมาใช้กับแอปพลิเคชันรับชำระเงินมาตรฐาน nexo ที่ใช้กับเครื่องรับชำระเงินแบบดั้งเดิมหลาย ๆ แบบ รวมถึงอุปกรณ์ SoftPOS ของ Android ผ่านรูปแบบการรับชำระเงินที่เป็นมาตรฐาน โดยไม่ต้องใช้เฟรมเวิร์กประมวลผลบัตร EMV® Level 2 ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการติดตั้งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาลงอย่างมาก และมอบความเป็นเจ้าของให้กับ PayPlug เหนือโซลูชันรับชำระด้วยบัตรที่มีอยู่ ความเป็นพันธมิตรครั้งนี้ก่อขึ้นจากความร่วมมือที่ยาวนานระหว่าง Amadis และ PayPlug

แอปพลิเคชันใหม่ของ PayPlug ช่วยให้พนักงานหน้าร้านสามารถนำประสบการณ์การชำระเงินมามอบให้กับลูกค้า ณ จุด POI (จุดปฏิสัมพันธ์) ได้ทุกที่ที่ลูกค้าต้องการ โดยเปิดใช้งานผ่านอุปกรณ์ NFC COTS (Commercial-Off-The-Shelf) ของ Android เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเลต หรืออุปกรณ์ที่พัฒนามาเพื่อใช้กับสายงานต่าง ๆ

Antoine Grimaud ซีอีโอของ PayPlug กล่าวว่า “Amadis นำเสนอวิธีที่มีประสิทธิภาพให้กับเราเพื่อนำไปเสนอกับลูกค้ากลุ่มเอสเอ็มอีด้วยระบบชำระเงินที่ต้องแสดงบัตรรูปแบบใหม่ที่ล้ำสมัย เราหวังว่าโซลูชันนี้จะช่วยดันให้เกิดโอกาสในการสร้างรายได้ใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าของเรา ขณะเดียวกันก็สร้างจุดรับชำระเงินใหม่ ๆ ในหลายประเทศ และยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าไปพร้อม ๆ กัน

แอปพลิเคชันใหม่ของ PayPlug ประกอบด้วยองค์ประกอบของ Amadis One (โซลูชัน SoftPOS ของ Amadis) ทุกองค์ประกอบ โดยเฉพาะ OLA (Open Level 2 API) ซึ่ง OLA เป็นระดับชั้นสำหรับการจัดการ (abstraction layer) ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้งานแอปพลิเคชันชำระเงินด้วยสแต็ก EMV Level 2 ของผู้ผลิตปลายทางใด ๆ หรือ SoftPOS ทำให้ธุรกิจสามารถผู้วินิจฉัยอุปกรณ์ชำระเงินได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยไม่ต้องพึ่งพาระบบแวดล้อม ฮาร์ดแลร์ หรือระบบฏิบัติการ

Emmanuel Haydont ซีอีโอของ Amadis กล่าวว่า “แอปพลิเคชัน PayPlug ชิ้นใหม่นี้สะท้อนถึงยุคใหม่ของการรับชำระเงิน และเราตื่นเต้นที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของโซลูชันนี้ ด้วยโปรโตคอลของ nexo ที่เป็นจุดเด่น Amadis ได้ทำให้การนำ nexo มาใช้เป็นเรื่องง่ายขึ้นและช่วยลดต้นทุน พร้อมช่วยให้ธุรกิจนำระบบไปใช้และเพิ่มการเข้าถึงในประเทศต่าง ๆ ได้มากขึ้นด้วย”

Jacques Soussana เลขานุการทั่วไปของ nexo standards อธิบายว่า “เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็น PayPlug และลูกค้าของพวกเขาเป็นอีกหนึ่งบริษัทล่าสุดที่จะได้ใช้ประโยชน์จากงานที่เป็นมาตรฐานของเรา เกณฑ์และโปรโตคอลของเราได้ลบข้อจำกัดต่าง ๆ ที่พบในระบบนิเวศของการรับชำระเงินแบบดั้งเดิมออกไป ซึ่งรวมถึงภายในสภาพแวดล้อมของระบบชำระเงินแบบใหม่ด้วย เช่น แพลตฟอร์มรับชำระเงินเคลื่อนที่อย่างสมาร์ทโฟน แท็บเลต และ COTS”

เพื่อให้โซลูชันสามารถทำงานร่วมกันได้มากขึ้น แอปพลิเคชันของ PayPlug จำเป็นต้องถูกรวมเข้ากับมาตรฐานการชำระเงินของ nexo อย่างมีประสิทธิภาพ Amadis ทำให้การใช้งานง่ายขึ้นด้วยเฟรมเวิร์ก off-the-shelf แบบเปิดที่มีมาตรฐานซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดของ nexo

เกี่ยวกับ PayPlug

PayPlug เป็นโซลูชันชำระเงินผ่านบัตรแบบหลายช่องทางสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีจากฝรั่งเศส นับตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา PayPug ได้มอบทางเลือกที่ทั้งล้ำสมัยและสะดวกสบายให้กับผู้เล่นดั้งเดิมในตลาดมากมาย ไม่เพียงเท่านั้น ธุรกิจฟินเทคยังพึ่งพาระบบนิเวศที่มีความพิเศษเฉพาะของพาร์ทเนอร์และคุณสมบัติที่ถูกนำมาผสานรวมกันเพื่อทำลดความซับซ้อนของทุกสิ่งที่เกี่ยวกับการชำระเงินให้กับลูกค้า ผู้ค้าปลีก และผู้ค้าออนไลน์ถึง 15,000 รายในยุโรป หลังผ่านการรับรองโดย Payment Institution จาก ACPR Banque de France แล้ว PayPlug ได้เข้าร่วมกลุ่ม BPCE ในเดือนเมษายนของปี 2560 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา PayPlug โตเกือบ 100% ต่อปี www.payplug.com

เกี่ยวกับ nexo standards

nexo standards เป็นสมาคมที่มุ่งมั่นทุ่มเทกับการลบข้อจำกัดที่พบในระบบนิเวศการรับชำระเงินที่กระจัดกระจายในโลกในปัจจุบัน โดยทำให้เกิดการรับชำระเงินที่รวดเร็ว ไร้พรมแดนโดยสร้างมาตรฐานของการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ที่มีส่วนได้เสียในการรับชำระเงินทั้งหมด เกณฑ์ของ nexo และโปรโตคอลในการส่งข้อความเป็นไปตามมาตรฐาน ISO 20022 สามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกสิ่งและเปิดให้ใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ www.nexo-standards.org/

เกี่ยวกับ Amadis

Amadis เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีซอฟต์แวร์การชำระเงินที่เป็นไปตามข้อกำหนด โดยมีซอฟต์แวร์ที่ทำงานบนอุปกรณ์มากกว่า 40 ล้านเครื่องทั่วโลก บริษัทให้บริการโซลูชันการแก้ไขและพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ล้ำสมัยสำหรับผู้ค้า ผู้ผลิตอุปกรณ์ชำระเงิน และผู้ให้บริการทั่วโลก Amadis นำเสนอตัวเลือกเทคโนโลยีซอฟต์แวร์รับชำระเงินที่หลากหลายที่สุดในอุตสาหกรรมแก่ผู้ค้า โดยพิจารณาจากมาตรฐานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดที่มีอยู่ โดยไม่ต้องอาศัยฮาร์ดแวร์ กลุ่มค้าปลีก หรือที่ตั้ง บริษัทนำทีมซอฟต์แวร์ชั้นยอดและมีประสบการณ์มาสู่อุตสาหกรรม และช่วยมอบโซลูชันแก้ปัญหาให้กับฟินเทค โปรเซสเซอร์ และผู้ค้าระดับนานาชาติในกว่า 23 ประเทศ เรียนรู้เพิ่มเติมที่ www.amadis.ca

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220327005013/en/

ติดต่อ:

Tina Meunier Agence : Hopscotch for Pay Plug 
payplug@hopscotch.fr 
01 58 65 01 21 

David Finkelstein – The DFI Group (for Amadis) 
david@thedfigroup.net 
+1 416-300-4150

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Tanner Pharma เพิ่มสินค้าคงคลังของ Leukine® ในยุโรปเพื่อขยายความพร้อมใช้งานและเพิ่มการตอบสนองต่อการได้รับรังสีที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากความขัดแย้งอย่างต่อเนื่องในยูเครน

Logo

Leukine ได้รับการรับรองจาก FDA ให้รักษาความผิดปกติจากการได้รับรังสีสูงแบบเฉียบพลัน (ARS) ตามข้อแนะนํา/กําหนดของ EMEA/CPMP Guidance ในระบบการรักษาการได้รับแก๊สมัสตาร์ด (HD)

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–24 มีนาคม 2565

Tanner Pharma Group ผู้จัดจำหน่ายยาที่จำเป็นระดับสากล ประกาศว่าได้เพิ่มสินค้าคงคลัง Leukine (sargramostim, rhuGM-CSF ที่มาจากยีสต์) อย่างมีนัยสำคัญที่จะจัดขึ้นในยุโรป การดำเนินการนี้ด้วยความร่วมมือกับ Partner Therapeutics (PTx) เจ้าของของ Leukine เพื่อตอบสนองต่อสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ในยูเครนและมีโอกาสทวีความรุนแรงขึ้นสำหรับเหตุการณ์ที่อาจต้องปรับใช้อย่างรวดเร็วในการหนุนเสริมทางการแพทย์เพื่อรักษาการได้รับรังสีหรือสารเคมี

“เพื่อตอบสนองต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในยูเครน Tanner สนับสนุนการเตรียมพร้อมและการตอบสนองในยุโรปโดยการเพิ่มสินค้าคงคลังของ Leukine ในพื้นที่ที่สามารถนำไปใช้อย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน” Banks Bourne ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Tanner Pharma กล่าว “ประสิทธิภาพอันโดดเด่นของ Leukine ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่าช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตเมื่อให้ภายใน 96 ชั่วโมงหลังได้รับรังสีและปราศจากการให้เลือดครบส่วน ทำให้เป็นมาตรการรับมือที่มีประสิทธิภาพสูงพร้อมข้อได้เปรียบด้านลอจิสติกส์ที่สำคัญในกรณีที่เกิดการระเบิดนิวเคลียร์ การวางตำแหน่งอุปทานเพิ่มเติมในยุโรปทำให้มั่นใจได้ว่า Leukine มีวางจำหน่ายอย่างรวดเร็วหากจำเป็น”

Leukine เป็นตัวปรับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่ได้รับการอนุมัติจาก FDA ให้การรักษาผลการสร้างเม็ดเลือดของความผิดปกติจากการได้รับรังสีสูงแบบเฉียบพลันและได้รับการจัดเพื่อใช้โดยรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อเป็นมาตรการรับมือทางการแพทย์ตั้งแต่ปี 2556 นอกจากนี้ Leukine ยังได้รับการแนะนำให้ใช้เพื่อรักษา H-ARS ในทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) การจัดการทางการแพทย์สำหรับการบาดเจ็บจากรังสีปี 2563(1) และถูกนำมาใช้เพื่อรักษาผู้ประสบภัยจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนปิลในปี 2529 ได้สำเร็จ(2) นอกเหนือจาก ARS แล้ว แนะนำให้ใช้ Leukine ตามเอกสารแนะนํา/กําหนดของ EMEA/CPMP Guidance ว่าด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยที่ถูกโจมตีจากผู้ก่อการร้ายด้วยสารเคมีในการบำบัดการได้รับแก๊สมัสตาร์ด (HD)(3) ในขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาแต่ปัจจุบันยังไม่ได้รับการอนุมัติจาก FDA สำหรับใช้กับการได้รับซัลเฟอร์มัสตาร์ด

การฉายรังสีในปริมาณมากจะทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอย่างรุนแรง เซลล์ที่เสียหายรวมถึงโมโนไซต์ (monocytes) แมคโครเฟจ (macrophages) เกล็ดเลือด (platelets) นิวโทรฟิล (neutrophils) เซลล์เดนดริติก (dendritic cells) และเซลล์เม็ดเลือดแดง (red blood cells) กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (pancytopenia) โดย Leukine กระตุ้นเซลล์แต่ละประเภทเหล่านี้และแสดงให้เห็นว่าช่วยเร่งการฟื้นตัวจากเกล็ดเลือด ผลกระทบในวงกว้างนี้ช่วยให้รอดชีวิตจาก ARS เพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องให้เลือด นี่เป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญที่ให้ความคาดหวังว่าหลังจากเหตุการณ์ทางรังสีวิทยาหรือนิวเคลียร์ ผลิตภัณฑ์เลือดจะถูกจำกัดหรือไม่พร้อมใช้งาน นอกจากนี้ยังเป็นเพียงมาตรการรับมือ ARS เดียวที่แสดงให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพเมื่อให้ยานานกว่า 24 ชั่วโมงหลังการสัมผัส ในความเป็นจริงการค้นคว้าได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพเมื่อให้ยานานถึง 96 ชั่วโมงหลังการสัมผัส(4,5) ภายหลังเหตุการณ์กัมมันตภาพรังสีหรือนิวเคลียร์ กรอบเวลาการรักษา 48-96 ชั่วโมงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง(6,7) ความท้าทายด้านลอจิสติกส์ในการจัดเตรียมเวชภัณฑ์และผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพพร้อมสำหรับการตอบสนองและการรักษาที่แนะนำให้ใช้เวลา 2 วันก่อนที่จะให้ยาในทุกระดับ นอกจากนี้ Leukine ยังมีความเสถียรอยู่ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลา 12 เดือน ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ซัพพลายเชนแบบแช่เย็นในช่วงวิกฤต

ด้านล่างนี้คือข้อมูลสรุปเกี่ยวกับการใช้ Leukine สำหรับความผิดปกติจากการได้รับรังสีสูงแบบเฉียบพลัน (ARS) และแก๊สมัสตาร์ด (HD) ที่ได้รับจาก Partner Therapeutics:

เกี่ยวกับ LEUKINE ในความผิดปกติจากการได้รับรังสีสูงแบบเฉียบพลัน (ARS)

Leukine ได้รับการรับรองจาก FDA เพื่อเพิ่มอัตราการรอดชีวิตในผู้ป่วยที่ได้รับรังสีในปริมาณ myelosuppressive (กลุ่มของอาการที่ไม่รุนแรงในการสร้างเลือดของความผิดปกติจากการได้รับรังสีสูงแบบเฉียบพลัน หรือ H-ARS) ข้อมูลจากการค้นคว้า GLP NHP หลายรายการซึ่งได้รับทุนจากสถาบัน U.S. Biomedical Advanced Research and Development Authority (BARDA) แสดงให้เห็นว่า Leukine ช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตโดยการกระตุ้นการสร้างเกล็ดเลือดในไขกระดูกและเพิ่มจำนวนเกล็ดเลือดอย่างมีนัยสำคัญ นอกเหนือจากการเร่งการฟื้นตัวของเม็ดเลือดขาวและเรทติคิวโลไซต ด้วยเหตุนี้จึงระบุองค์ประกอบหลักทั้งสามของความเสียหายของการสร้างเลือดจากการได้รับรังสี รวมกันกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (pancytopenia) การค้นคว้า NHP แสดงให้เห็นว่า Leukine ช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตและเร่งการฟื้นตัวจากการลดการทำงานของไขกระดูก (รวมถึงภาวะเกล็ดเลือดต่ำ) เมื่อได้รับรังสีนานถึง 96 ชั่วโมง (4,5,8) Leukine ไม่ได้รับการรับรองจาก EMA สำหรับ H-ARS

Leukine คือรูปแบบรีคอมบิแนนท์ที่มาจากยีสต์ของ Granulocyte-Macrophage Colony Stimulating Factor (GM-CSF) ซึ่งเป็นโปรตีนขนาดเล็กในกลุ่ม pleiotropic ที่ส่งเสริมการสร้างต้นกำเนิดของ megakaryocytic และ erythroid และกระตุ้นให้เซลล์ progenitor แบ่งและแยกความแตกต่างภายในวิถีทางแกรนูโลไซต์ (granulocyte)และ แมคโครเฟจ (macrophage) โดย Leukine กระตุ้นการผลิต การเพิ่มจำนวนและการสร้างความแตกต่างของเซลล์เม็ดเลือดในกลุ่มของไมอิลอยด์ของเซลล์ต้นกำเนิดของการสร้างเลือด ซึ่งรวมถึงแกรนูโลไซต์ (granulocyte) แมคโครเฟจ (macrophages) เกล็ดเลือด (platelets) เซลล์เดนดริติก (dendritic cells) และเซลล์เม็ดเลือดแดง (red blood cells) นอกจากนี้ยังกระตุ้นแกรนูโลไซต์ (granulocytes) และโมโนไซท์ (monocytes) ที่โตเต็มที่ เพิ่มคุณสมบัติฟาโกไซติก (phagocytic) และ ไลติก (lytic) ผลกระทบของ Leukine ต่อเกล็ดเลือด (platelets) โมโนไซต์ (monocytes) แมคโครเฟจ (macrophage) และเซลล์เดนดริติก (dendritic cells) นอกเหนือจากผลกระทบที่ทราบแล้วต่อนิวโทรฟิล (neutrophils) ได้แสดงให้เห็นในสภาวะของโรคต่าง ๆ และสนับสนุนการใช้ใน H-ARS

ฉลาก FDA ของ Leukine ใน ARS อ่านว่า: “เพื่อเพิ่มอัตราการรอดชีวิตในผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่และเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 17 ปีที่ได้รับรังสีอย่างรุนแรงจากปริมาณใน myelosuppressive (กลุ่มของอาการที่ไม่รุนแรงในการสร้างเลือดของความผิดปกติจากการได้รับรังสีสูงแบบเฉียบพลัน [H-ARS]);” Leukine® สำหรับการฉีด: ดูได้ที่ www.leukine.com/pi สำหรับข้อมูลการสั่งจ่ายยา Leukine

เกี่ยวกับ LEUKINE ในการได้รับแก๊สมัสตาร์ด (HD)

Leukine ไม่ใช่ FDA หรือ EMA ที่ได้รับการอนุมัติให้รักษาการได้รับแก๊ส HD แนะนำให้ใช้ Leukine ในตามเอกสารแนะนํา/กําหนดของ EMEA/CPMP Guidance ว่าด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยที่ถูกโจมตีจากผู้ก่อการร้ายด้วยสารเคมีในการบำบัดการได้รับแก๊ส HD

การได้รับ HD นั้นไปยับยั้งการทำงานของไขกระดูก นำไปสู่การการลดการทำงานของไขกระดูก และภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (pancytopenia) รายงานภาวะเม็ดเลือดข่าวต่ำในผู้ป่วยที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลหลังการได้รับสารในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (WWI) สงครามโลกครั้งที่สอง (WWII) และสงครามอิรัก-อิหร่าน (Iran-Iraq War) และมีรายงานการเสียชีวิตในทุกกรณีที่จำนวนเม็ดเลือดขาวลดลงต่ำกว่า 200/µl6 ในขณะที่รายงานการเสียชีวิตน้อยกว่าร้อยละ 2.5 ของทั้งหมดที่ได้รับ HD โดยผลเสียหายทางโลหิตวิทยาเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการรักษาในโรงพยาบาล และความเสียหายทางโลหิตวิทยาอย่างรุนแรงเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิต(10)

Leukine ช่วยเร่งการฟื้นตัวของการทำงานของไขกระดูกและการฟื้นตัวจากภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (pancytopenia) และลดการเสียชีวิตจากการติดเชื้อในบุคคลที่มีภาวะไขกระดูกล้มเหลวภายใต้สถานการณ์ที่หลากหลาย รวมทั้งหลังการให้เคมีบำบัดอย่างเข้มข้นและหลังจากการฉายรังสีทั่วทั้งร่างกายในขนาดสูงอย่างเฉียบพลันในบริบทของการปลูกถ่ายเซลล์เม็ดเลือด(4,5,8) ทั้งประสบการณ์ทางคลินิกในผู้ที่ได้รับ Leukine หลังการให้เคมีบำบัดและการฉายรังสีบำบัด และข้อมูลจากการค้นคว้า GLP NHP ARS ที่สนับสนุนการอนุมัติของ Leukine และการใช้ในข้อบ่งชี้เหล่านั้น แสดงให้เห็นว่า Leukine ช่วยเร่งการฟื้นตัวจากภาวะการกดไขกระดูกและภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (pancytopenia) และลดอัตราการติดเชื้อและภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด และมีแนวโน้มที่จะให้ประโยชน์เช่นเดียวกันหลังจากการได้รับ HD(4-5,9-11)

Tanner มอบเส้นทางที่สอดคล้องกับกฎระเบียบเพื่อให้ Leukine มีวางจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมนี้หรือขอสิทธิ์ในการเข้าถึง Leukine กรุณาส่งอีเมลไปที่ leukine@tannerpharma.com

เกี่ยวกับ TANNER PHARMA GROUP

Tanner Pharma Group ร่วมมือกับบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์เพื่อจัดหาโซลูชั่นแบบเบ็ดเสร็จที่เพิ่มผู้ป่วยในการเข้าถึงยาทั่วโลก ด้วยการขยายธุรกิจในกว่า 130 ประเทศ Tanner นำเสนอโซลูชั่นที่ปรับให้เหมาะกับบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ที่อยู่นอกตลาดหลักที่พวกเขาให้ความสำคัญ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.tannerpharma.com

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Partner Therapeutics สามารถเยี่ยมชมได้ที่ https://www.partnertx.com/

(1) การจัดการทางการแพทย์ของการบาดเจ็บจากรังสี, เวียนนา, สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ, 2020; ผลรายงานความปลอดภัยชุดที่ 101

(2) Dainiak N, การจัดการทางการแพทย์ของกลุ่มอาการรังสีเฉียบพลันและการติดเชื้อที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตสูง, Journal of Radiation Research, ฉบับที่ 59, เลขที่ S2, 2018, p. ii54-ii64. Doi:10.1093/jrr/rry004

(3) เอกสารแนะนำ/กำหนดของ EMEA/CPMP เกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยที่ถูกโจมตีของผู้ก่อการร้ายด้วยสารเคมี; The European Agency for the Evaluation of Medicinal Products Pre-authorization Evaluation of Medicines for Human Use, ลอนดอน, 25 เมษายน 2003; EMEA/CPMP/1255/03

(4) Clayton N, et al. (2021): Sargramostim (rhu GM-CSF) ปรับปรุงการอยู่รอดของสัตว์ตระกูลลิงที่ไม่ใช่มนุษย์ด้วยการกดไขกระดูกอย่างรุนแรงหลังจากการฉายรังสีครอบคลุมทุกอวัยวะในร่างกาย ปริมาณสูง แบบเฉียบพลัน การวิจัยการฉายรังสี 195:191-199 https://doi.org/10.1667/RADE-20-00131.1

(5) Zhong Y, et al. (2020): ประสิทธิภาพของการบริหาร sargramostim ที่ล่าช้าจนถึง 120 ชั่วโมงหลังการได้รับสารในแบบจำลองการฉายรังสีครอบคลุมทุกอวัยวะในร่างกายของสัตว์ตระกูลลิงที่ไม่ใช่มนุษย์, Int. J. Radiat. Biol.; https://doi.org/10.1080/09553002.2019.1673499

(6) Yeddanapudi N, et. al., (2018): แจ้ง CONOPS และกลยุทธ์การปรับใช้มาตรการรับมือทางการแพทย์หลังจากการระเบิดอุปกรณ์นิวเคลียร์แบบชั่วคราว: ความสำคัญของประสิทธิภาพการรักษาที่ล่าช้า; Int. J. Radiat. Biol

(7) Pray L, et al., (2019): สำรวจความพร้อมทางการแพทย์และสาธารณสุขสำหรับเหตุการณ์นิวเคลียร์: การดำเนินการของการประชุมเชิงปฏิบัติการ; สำนักพิมพ์วิชาการแห่งชาติ http://doi.org/10.17226/25372

(8) Gale R, Armitage J, (2021): การใช้ปัจจัยการเจริญเติบโตของการสร้างเลือดที่โคลนในระดับโมเลกุลในบุคคลที่ได้รับรังสีไอออไนซ์ครอบคลุมทุกอวัยวะในร่างกายในปริมาณสูงเฉียบพลันและมีอัตราปริมาณที่สูง; Blood Reviews 45; https://doi.org/10.1016/j.blre.2020.100690

(9) Leukine แบบ Package Insert

(10) Willems, JL, การจัดการทางคลินิกของผู้เสียชีวิตจากแก๊สมัสตาร์ด, Ann Med Milit Belg 1989; 3: S1-61.

(11) Sezigan S, et. al., ภาวะเกล็ดเลือดต่ำและภาวะแทรกซ้อนทางโลหิตวิทยาเฉียบพลันของการได้รับซัลเฟอร์มัสตาร์ดในผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการก่อการร้ายทางเคมี, Toxicology Letters 318 (2020) 92-98

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220324005308/en/

ติดต่อ:

Christine Quern
CBQ Communications
cq@christinequern.com
617.650.8497

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay Inc. มุ่งมั่นที่จะบริหารจัดการน้ำอย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืนเนื่องในวันน้ำโลก 2022

Logo

ดัลลาส–(บิสิเนสไวร์)–24 มี.ค. 2565

น้ำมีความจำเป็นต่อชีวิตในทุกรูปแบบและต่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่ออนาคตที่แข็งแรงและยั่งยืน จากข้อมูลของ World Economic Forum ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติยังคงเป็นความเสี่ยงอันดับต้นๆ ของโลก

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220324005126/en/

Richard R. Rogers (R3) Manufacturing/R&D Center in Lewisville, Texas, U.S.A (Photo: Mary Kay Inc.)

Richard R. Rogers (R3) ศูนย์วิจัยและพัฒนาในเมืองลูอิสวิลล์ รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา (ภาพ: Mary Kay Inc.)

ในวันน้ำโลก Mary Kay Inc. มุ่งมั่นที่จะบริหารจัดการน้ำอย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืน เพื่อให้มั่นใจว่ามีน้ำเพียงพออย่างต่อเนื่องในฐานะทรัพยากรที่จำเป็นต่อการตอบสนองความต้องการของสิ่งแวดล้อมและชุมชนทั่วโลก

น้ำเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ความยั่งยืนของ Mary Kay และมีความสำคัญต่อกระบวนการผลิต การปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลน้ำที่ดีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ Mary Kay ในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนของเรา เรามุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นใจว่าการใช้น้ำสำหรับความต้องการของมนุษย์และเศรษฐกิจจะไม่รบกวนวัฏจักรของน้ำที่ยั่งยืนหรือก่อให้เกิดอันตรายต่อธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างต่อเนื่อง ความพยายามในการใช้น้ำครั้งล่าสุดที่โรงงานของ Mary Kay ได้แก่

  • การใช้น้ำในโรงงานของ Mary Kay ในสหรัฐอเมริกาลดลง 36% จากปี 2555-2560
  • ที่โรงงานผลิตของ Mary Kay ในเมืองหางโจว ประเทศจีน ความก้าวหน้าที่สำคัญในการอนุรักษ์น้ำ ได้แก่
    • ลดการใช้น้ำดื่มได้ถึง 34% ซึ่งช่วยประหยัดน้ำดื่มได้ประมาณ 913,480 แกลลอนต่อปี
    • ระบบ Reverse Osmosis (RO) การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่: อุปกรณ์ทำน้ำให้บริสุทธิ์ทำให้เกิดการปล่อยน้ำเข้มข้นจำนวนมากในกระบวนการดำเนินการ โดยการรวบรวมน้ำเข้มข้นและส่งผ่านระบบหมุนเวียน น้ำเข้มข้นจะถูกนำมาใช้ซ้ำผ่านหอดับเพลิงและระบบหอระบายความร้อนด้วยอากาศเป็นแหล่งน้ำเสริม
    • การอัพเกรดระบบบำบัดน้ำเสีย: เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของน้ำเสียในกระบวนการผลิต Mary Kay China ได้ลงทุนในกระบวนการเครื่องปฏิกรณ์ชีวภาพแบบเมมเบรนขั้นสูง (MBR) โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่เพื่อปรับปรุงความสามารถในการบำบัดน้ำเสียและลดการปล่อยกากตะกอนลง 40%

“ในฐานะผู้สนับสนุนความยั่งยืนระดับโลก แมรี่ เคย์มุ่งมั่นที่จะมีบทบาทสำคัญในความพยายามร่วมกันที่จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และเพื่อให้มั่นใจว่าชุมชนและเศรษฐกิจจะเจริญรุ่งเรือง” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของแมรี่ เคย์ อิงค์ กล่าว “Mary Kay” จะยังคงต่อยอดจากความก้าวหน้าและทำงานเพื่อมุ่งสู่ความมุ่งมั่นในการลดการใช้น้ำในกระบวนการผลิตของเราลง 30% ภายในปี 2573 เทียบกับเส้นพื้นฐานในปี 2563 ต่อกิโลกรัมที่ผลิตในปริมาณมาก การได้รับใบรับรองหลักจาก Alliance for Water Stewardship (AWS) สำหรับโรงงานผลิตของ Mary Kay ในสหรัฐอเมริกาและจีน จะช่วยให้เราเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้น”

องค์ประกอบสำคัญหลายประการของทศวรรษแห่งการดำเนินการของ Mary Kay ได้แก่

  • เป็นผู้ลงนามในหลักการมหาสมุทรแห่งสหประชาชาติและ CEO Water Mandate
  • สานต่อความร่วมมือ 32 ปีกับ The Nature Conservancy และสนับสนุนโครงการน้ำทั่วโลก 11 โครงการในปี 2565 โดยมุ่งเน้นที่:
    • การปกป้องมหาสมุทรทั่วโลกเพื่อปรับปรุงสุขภาพของมหาสมุทรสำหรับธรรมชาติและผู้คน
    • การฟื้นฟูแนวปะการังหอยเอเชียแปซิฟิกในออสเตรเลีย ฮ่องกง จีน สามเหลี่ยมคอรัล และแนวปะการัง Cakaulevu (เรียกอีกอย่างว่า Great Sea Reef);
    • การสนับสนุนผู้นำสตรีในมหาสมุทรแปซิฟิกในปาปัวนิวกินี (ป่าชายเลน ผู้หญิง และตลาด) และหมู่เกาะโซโลมอน (สุขภาพและความยืดหยุ่นของชุมชน);
    • การอนุรักษ์และฟื้นฟูชายฝั่งในกัลฟ์โคสต์ (การปกป้องพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่งกัลฟ์โคสต์);
    • การปรับปรุงการประมงในเม็กซิโก (การปรับปรุงการประมงและการเพิ่มขีดความสามารถของชุมชน); และ
    • การร่วมมือกับพันธมิตรในยุโรปเพื่อสนับสนุนโครงการฟื้นฟูหอยนางรมในอังกฤษ สกอตแลนด์ ไอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี และสวีเดน
  • เข้าร่วม Alliance for Water Stewardship และทำงานเพื่อให้ได้รับการรับรองสำหรับโรงงานผลิตทั้งสองแห่งภายในปี 2025

หากต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของ Mary Kay ในด้านความยั่งยืน โปรดไปที่ marykayglobal.com/sustainability และดาวน์โหลดกลยุทธ์ความยั่งยืนระดับโลกของ Mary Kay, Enriching Lives Today for a Sustainable Tomorrow

เกี่ยวกับ Mary Kay Inc.

หนึ่งในผู้ทลายเพดานแก้วรายแรก Mary Kay Ash ก่อตั้งบริษัทความงามของเธอเมื่อเกือบ 60 ปีที่แล้วโดยมีเป้าหมาย 3 ประการคือ พัฒนาโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น  ความฝันนั้นเบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีสมาชิกฝ่ายขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ  Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวล้ำสมัย เครื่องสำอางสี อาหารเสริม และน้ำหอม และการร่วมมือกับองค์กรทั่วโลกเพื่อสร้างผลกระทบทางสังคมที่ดี  Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขาด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่างๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการถูกล่วงละเมิดในครอบครัว สร้างความสวยงามให้ชุมชนของเรา และสนับสนุนให้เด็กๆ ทำตามความฝัน  วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกายในทุกลิปสติก   เรียนรู้เพิ่มเติมที่ marykayglobal.com
ติดตามเราได้ที่ Facebook, Instagram, LinkedIn และ Twitter

เกี่ยวกับ The Nature Conservancy

The Nature Conservancy เป็นองค์กรอนุรักษ์ระดับโลกที่อุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์ดินแดนและน่านน้ำที่ทุกชีวิตขึ้นอยู่กับ ภายใต้การนำของวิทยาศาสตร์ เราสร้างสรรค์โซลูชั่นที่สร้างสรรค์และใช้งานได้จริงสำหรับความท้าทายที่ยากที่สุดในโลกของเรา เพื่อให้ธรรมชาติและผู้คนสามารถเติบโตไปด้วยกัน เรากำลังจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การอนุรักษ์ที่ดิน น้ำ และมหาสมุทรในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน จัดหาอาหารและน้ำอย่างยั่งยืน และช่วยให้เมืองต่างๆ มีความยั่งยืนมากขึ้น ใน 79 ประเทศและดินแดน เราใช้แนวทางการทำงานร่วมกันที่มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น รัฐบาล ภาคเอกชน และพันธมิตรอื่นๆ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ www.nature.org หรือติดตาม @nature_press บน Twitter

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/22020324005126/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. ฝ่ายสื่อสารองค์กร
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


Kioxia เปิดตัว SSD รุ่นที่ 2 ที่ออกแบบด้วยเทคโนโลยี PCIe® 5.0 สำหรับองค์กรและศูนย์ข้อมูลที่อาศัยพลังการประมวลผลอย่างมหาศาล

Logo

KIOXIA CD8 Series ใหม่ นี้จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานประมาณ 14% เมื่อเทียบกับ SSD รุ่นก่อนหน้า

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–23 มีนาคม 2565

Kioxia Corporation ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายไดรฟ์ที่ออกแบบด้วยเทคโนโลยีอินเทอร์เฟซ  PCIe® 5.0 รายแรก[1] ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทได้เปิดตัว SSD รุ่นที่ 2 เพื่อต่อยอดจากความสำเร็จ โดยศูนย์ข้อมูล KIOXIA CD8 Series ใหม่ของบริษัทชื่อว่า NVMe™ SSD (“CD8 Series”) ได้รับการปรับปรุงให้เหมาะแก่การใช้งานกับศูนย์ข้อมูลที่อาศัยพลังการประมวลผลอย่างมหาศาลและปริมาณงานที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ขององค์กร โดยใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เฟซ PCIe 5.0 ที่ช่วยเพิ่มแบนด์วิดท์เป็นมากกว่า PCIe 4.0 ถึงสองเท่า จาก 16 กิกะทรานส์เฟอร์ต่อวินาที (GT/s) เป็น 32 กิกะทรานส์เฟอร์ต่อวินาที ขณะนี้ CD8 Series พร้อมมอบบริการประเมินผลให้แก่ลูกค้าแล้ว

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220322005623/en/

KIOXIA CD8 Series: 2nd Generation SSDs Designed with PCIe® 5.0 Technology for Enterprise and Hyperscale Data Centers (Photo: Business Wire)

KIOXIA CD8 Series: SSD รุ่นที่ 2 ที่ออกแบบด้วยเทคโนโลยี PCIe® 5.0 สำหรับองค์กรและศูนย์ข้อมูลที่อาศัยพลังการประมวลผลอย่างมหาศาล (ภาพ: Business Wire)

CD8 Series จะใช้คอนโทรลเลอร์และเฟิร์มแวร์ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Kioxia บนพื้นฐานของเทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช BiCS FLASH™ 3D รุ่นที่ 5 ของ Kioxia ซึ่งสามารถปรับปรุงการใช้งานตามความต้องการของลูกค้าได้ และอยู่ในฟอร์มแฟกเตอร์ขนาด 2.5 นิ้ว [2] และ Z-height ที่ 15 มม. ไดรฟ์ใหม่นี้ได้รับการออกแบบตามข้อกำหนดของศูนย์ข้อมูล NVMe SSD 2.0 และ NVMe 1.4 บนพื้นฐานเทคโนโลยี PCIe 5.0 และโครงการ Open Compute Project (OCP) เพื่อเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ ซึ่งเหมาะแก่การใช้งานกับแอปพลิเคชัน และการใช้งานที่เป็นการประมวลผลประสิทธิภาพขั้นสูง ปัญญาประดิษฐ์ ข้อมูลชั่วคราว การซื้อขายทางการเงิน และการวิเคราะห์

คุณสมบัติเพิ่มเติมประกอบด้วย:

  • รุ่นที่มีความทนทานในการอ่านแบบ 1DWPD (การเขียนไดรฟ์ต่อวัน) ที่กำหนดเป้าหมายสำหรับปริมาณงานที่อาศัยพลังการประมวลผลอย่างมหาศาลและมีเซิร์ฟเวอร์เป็นศูนย์กลางบนความจุตั้งแต่ 960GB ถึง 15.36TB
  • รุ่นที่มีความทนทานในการใช้งานผสมผสานแบบ 3DWPD มีจำหน่ายบนความจุตั้งแต่ 800GB ถึง 12.8TB
  • มอบประสิทธิภาพการอ่านแบบสุ่มถึง 1.25 ล้าน IOPS และอัตราการอ่านแบบลำดับที่ 7.2GB/s เพิ่มขึ้นประมาณ 14% จากรุ่นก่อนหน้า[3]
  • ช่องทางการรักษาความปลอดภัย ประกอบด้วย การลบข้อมูลโดยใช้คำสั่ง sanitize instance erase (SIE) ซึ่งเป็นการลบข้อมูลทั้งที่เป็น Mapping Table และบล็อกข้อมูลทั้งหมด และการลบข้อมูลผ่านไดรฟ์ที่เข้ารหัสด้วยตนเอง (SED) [4]

หมายเหตุ
[1] อิงจากการสำรวจของ Kioxia สำหรับ KIOXIA CD7 E3.S Series ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2564
[2] “2.5 นิ้ว” หมายถึงฟอร์มแฟกเตอร์ของ SSD โดยไม่ได้ระบุขนาดจริงของไดรฟ์
[3] การเปรียบเทียบรุ่น 1DWPD กับรุ่นก่อนหน้าอย่าง KIOXIA CD7 Series
[4] ความพร้อมด้านตัวเลือกความปลอดภัย/การเข้ารหัสอาจแตกต่างกันไปตามภูมิภาค

*ไดรฟ์ตัวอย่างมีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการประเมิน ข้อมูลจำเพาะของไดรฟ์ตัวอย่างอาจแตกต่างไปจากรุ่นของไดรฟ์ที่ใช้งานจริง

*คำจำกัดความของความจุ: Kioxia กำหนด 1 เมกะไบต์ (MB) เป็น 1,000,000 ไบต์ 1 กิกะไบต์ (GB) เป็น 1,000,000,000 ไบต์ และ 1 เทราไบต์ (TB) เป็น 1,000,000,000,000 ไบต์ อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์รายงานความจุของพื้นที่จัดเก็บโดยใช้กำลัง 2 สำหรับคำจำกัดความของ 1GB = 230 = 1,073,741,824 ไบต์ ดังนั้นจึงแสดงความจุของพื้นที่จัดเก็บน้อยลง ความจุที่ใช้งานได้ (รวมถึงตัวอย่างไฟล์มีเดียต่าง ๆ) จะแตกต่างกันไปตามขนาดไฟล์ การจัดรูปแบบ การตั้งค่า ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ และ/หรือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า หรือเนื้อหาสื่อ ความจุที่จัดรูปแบบจริงอาจแตกต่างกันไป

*ความเร็วในการอ่านและเขียนเป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดที่ได้จากสภาพแวดล้อมการทดสอบเฉพาะที่ Kioxia Corporation และ Kioxia Corporation ไม่รับประกันความเร็วในการอ่านหรือเขียนในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง ความเร็วในการอ่านและเขียนอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ใช้ และขนาดไฟล์ที่อ่านหรือเขียน

*PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG
*NVMe เป็นเครื่องหมายจดทะเบียนหรือไม่ได้จดทะเบียนของ NVM Express, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ
*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่น ๆ ทั้งหมดอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ

เกี่ยวกับ Kioxia
Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำที่อุทิศตนเพื่อการพัฒนา การผลิต และการขายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2560 บริษัท Toshiba Memory ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ Kioxia ได้แยกออกมาจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 2530 โดยบริษัทถือเป็นผู้บุกเบิกโซลูชันและบริการหน่วยความจำที่ล้ำสมัยซึ่งเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้คนและขยายขอบเขตทางสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D แบบใหม่ของ Kioxia หรือที่เรียกว่า BiCS FLASH™ กำลังสร้างอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่มีความหนาแน่นสูงซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง, พีซี, SSD, ศูนย์ยานยนต์และศูนย์ข้อมูล

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับลูกค้า:
Kioxia Corporation
ฝ่ายส่งเสริมการขาย
https://business.kioxia.com/en-jp/buy/global-sales.html

*ข้อมูลในเอกสารนี้รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการและข้อมูลการติดต่อนั้นถูกต้องในวันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220322005623/en/

ติดต่อ:

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อ:
Kioxia Corporation
ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย
Koji Takahata
โทร: +81-3-6478-2404

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay Inc. เฉลิมฉลองวันป่าไม้สากลและวันต้นไม้โลก ด้วยรายงานที่ให้รายละเอียดความร่วมมืออันน่าประทับใจกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation

Logo

จนถึงปัจจุบันแบรนด์ได้ปลูกต้นไม้มากกว่า 1.2 ล้านต้นทั่วโลก

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–23 มีนาคม 2565

สิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในต้นไม้ หลังวันป่าไม้สากลและวันต้นไม้โลก Mary Kay Inc. ผู้นำระดับโลกด้านบริการดูแลและความยั่งยืนขององค์กร ได้เผยแพร่ผลรายงานที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับความร่วมมือที่มีมายาวนานกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation ด้วยกันกับ Mary Kay Inc. และมูลนิธิ Arbor Day Foundation ร่วมกันปลูกต้นไม้กว่า 1.2 ล้านต้นทั่วโลก ทำให้เกิดผลกระทบที่ประเมินได้ต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การปล่อย CO2 และการปลูกป่า

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220321005134/en/

Mary Kay logo (Graphic: Mary Kay Inc.)

โลโก้ Mary Kay (กราฟิก: Mary Kay Inc.)

Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าวว่า “ทั่วโลกมีต้นไม้หายไปประมาณ 18 ล้านเอเคอร์ในแต่ละปี” “ไฟป่าที่โหมกระหน่ำ แมลงต่าง ๆ โรคภัย การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และอื่น ๆ ความจำเป็นในการปลูกป่าเป็นสิ่งที่เร่งด่วนอย่างยิ่ง Mary Kay มีพื้นที่ในตลาดทั่วโลก—ดังนั้นเราจึงต้องทำสุดความสามารถเพื่อปกป้องมัน ความร่วมมือกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation ช่วยให้เราสามารถมอบอนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นต่อไปได้”

ผลรายงานต้นไม้ล่าสุดของ Mary Kay ซึ่งสามารถดูได้ที่ลิงก์ด้านล่างบน MaryKayGlobal.com ทั้งนี้ให้รายละเอียดประโยชน์สะสมเพิ่มพูนสามประการสำหรับการปลูกต้นไม้ผ่านงานที่ร่วมกันได้เสร็จสิ้นลงแล้ว

  • คาร์บอน: การปลูก การปกป้อง และการจัดการต้นไม้ที่ดูดซับคาร์บอน เมื่อต้นไม้โตขึ้น คาร์บอนจะถูกกำจัดออกจากชั้นบรรยากาศไปยังลำต้น ราก และกิ่งก้าน
    • หน่วยวัดเป็นเมตริกตันของ CO2 ที่ถูกเก็บจนถึงปัจจุบัน: 1,018,021
  • น้ำ: ต้นไม้และป่าไม้มีบทบาทสำคัญในคุณภาพและปริมาณน้ำ ต้นไม้และป่าไม้ที่แข็งแรงลดการพังทลายของดิน ช่วยกรองน้ำฝนและการชลประทานทางการเกษตร เพิ่มการซึมลงดินของน้ำฝน และการลดน้ำที่ไหลบนผิวดิน
    • หน่วยวัดเป็นแกลลอนที่หลีกเลี่ยงของน้ำบ่า: 81,902,445 (เท่ากับจำนวน 930,710 คนด้วยน้ำสะอาด)
  • อากาศ: ต้นไม้ผลิตออกซิเจนที่เราหายใจเข้าไป นอกจากนี้ ต้นไม้ยังกำจัดมลพิษทางอากาศด้วยการลดอุณหภูมิของอากาศ โดยการปล่อยน้ำสู่ชั้นบรรยากาศ และโดยการกรองอนุภาค
    • หน่วยวัดเป็นตันของการกำจัดมลพิษทางอากาศจำนวน: 4,236

ในปี 2564 Mary Kay Inc. ได้ทำโครงการปลูกพืชหลักจำนวน 6 โครงการร่วมกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation สิ่งเหล่านี้รวมถึง:

  • ต้นไม้จำนวน 7,000 ต้นในโครงการฟื้นฟูอัคคีภัยของชนพื้นเมืองในบราซิล
  • ต้นไม้จำนวน 26,496 ต้นในหุบเขาแม่น้ำมิสซิสซิปปี้
  • ต้นไม้จำนวน 49,004 ต้นในฐานทัพอากาศทินดอลล์ในฟลอริดา
  • ต้นไม้จำนวน 7,500 ต้นในมณฑลกานซู่และป่ามองโกเลียในจีน
  • ต้นไม้จำนวน 5,000 ต้นในกาฆามาร์กา และป่าแอมะซอนในเปรู
  • ต้นไม้จำนวน 5,000 ต้นในป่าฟื้นฟูแมลงของเยอรมนี

ในปี 2565 Mary Kay วางแผนที่จะปลูกพืชในจีน บราซิล มาดากัสการ์ และฟลอริดา

นอกเหนือจากการเป็นพันธมิตรกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation แล้ว Mary Kay ยังดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างของ Forest of Hope ซึ่งเป็นสารคดีการเดินทางที่เน้นการต่อสู้เพื่อกอบกู้โลกของเราจากภัยคุกคามที่ใกล้จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและพฤติกรรมการทำลายล้างของมนุษย์ ในความร่วมมือกับ Media One และ The Nature Conversancy โดย Mary Kay ได้ไปเยือนเมืองมอนเตร์เรย์ ประเทศเม็กซิโก เพื่อให้ความกระจ่างแก่กลุ่มผู้ประกอบการสตรีที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูพันธุ์ไม้และระบบนิเวศในท้องถิ่น ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวในปี 2564 และมีกำหนดฉายในเทศกาลภาพยนตร์ที่กำลังจะมาถึงนี้

หากต้องการดูผลรายงานฉบับเต็มของ Mary Kay Inc. / Arbor Day Foundation คลิกที่นี่

เกี่ยวกับ Mary Kay Inc.

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นในปี 2506 โดยมีเป้าหมายหนึ่งเดียวคือช่วยเติมเต็มชีวิตผู้หญิง ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการเดินทางสู่อิสรภาพทางเศรษฐกิจผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน เครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอมมากมาย Mary Kay เชื่อมั่นในการทำชีวิตให้ดียิ่งขึ้นในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ด้วยการร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนกับการวิจัยด้านมะเร็ง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com พบเราบน FacebookInstagram, และ LinkedIn หรือติดตามบน Twitter

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220321005134/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


Clean Origin ได้รับเงินลงทุน 20 ล้านดอลลาร์จาก Titan

Logo

แบรนด์เพชรจากห้องแล็บชั้นนำจะใช้เงินทุนเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับซัพพลายเชนและการค้าปลีก

สแตมเฟิร์ด คอนเนตทิคัต–(บิสิเนสไวร์)–22 มี.ค. 2565

Great Heights Inc.และบริษัทในเครือ Clean Origin LLC ซึ่งเป็น ผู้นำร้านค้าปลีกออนไลน์แบบ DTC เกี่ยวกับเพชรจากห้องแล็บ แหวนหมั้น และเครื่องประดับ ประกาศว่าได้รับเงินลงทุนมูลค่า 20 ล้านดอลลาร์จาก TCL North America, Inc. (TCL Inc) บริษัทในเครือของ Titan Company Limited (NSE: TITAN ) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Titan Company Limited (NSE:TITAN) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตภัณฑ์หรูของอินเดียซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านการผลิตเครื่องประดับและนาฬิกาเพื่อการขยายธุรกิจต่อไป  Clean Origin วางแผนที่จะใช้เงินทุนเพื่อขยายการดำเนินงาน เสริมความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทาน ลงทุนในประสบการณ์การค้าปลีกแบบ omnichannel ใช้ประโยชน์จากการทำงานร่วมกันข้ามพรมแดนระหว่างอินเดียและอเมริกา และสร้างงบดุลเพื่อครองอุตสาหกรรมแหวนหมั้นเพชรในห้องแล็บ  ธุรกรรมนี้กำหนดมูลค่าให้กับ Great Heights Inc. ที่ประมาณ 132.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับการประเมินมูลค่าก่อนลงทุนเงิน และ 152.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับการประเมินมูลค่าหลังเงินลงทุน และไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการควบคุมหรือทิศทางของบริษัทที่ควบคุมโดยส่วนใหญ่

ในฐานะส่วนหนึ่งของข้อตกลง:

  • Ajoy Chawla CEO แผนกเครื่องประดับของ Titan Company Limited จะเข้าร่วมคณะกรรมการบริหาร Great Heights Inc.
  • Titan จะเป็นเจ้าของผลประโยชน์ทางการเงินประมาณ 13.09% และ 17.54% ของคะแนนเสียงใน Great Heights Inc.

“เรายินดีที่ได้เลือก Titan เป็นพันธมิตร และหวังว่าจะได้ต้อนรับคุณ Chawla เข้าสู่คณะกรรมการบริหารของเรา” Alexander Weindling ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Clean Origin และ Great Heights Inc. กล่าว “Titan นำเสนอมากกว่าแค่เงินสดเพื่อกระตุ้นการเติบโตของเรา โดยมีความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งในการผลิตระหว่างประเทศ การควบคุม และการขนส่งของเครื่องประดับเพชรตามสั่งทั่วทั้งแพลตฟอร์มทั่วโลก”

Clean Origin มีภารกิจที่จะสร้างมาตรฐานอุตสาหกรรมเพชรให้สูงขึ้นด้วยกระบวนการใหม่ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและปราศจากข้อขัดแย้ง ซึ่งช่วยให้ทุกคนอุ่นใจเมื่อซื้อเพชร  เพชรแต่ละเม็ดถูกเพาะเลี้ยงในห้องแล็บโดยใช้งานฝีมือที่สะท้อนถึงกระบวนการเติบโตตามธรรมชาติ ทำให้เกิดหินที่เหมือนกันในระดับโมเลกุลโดยไม่มีการทำลายจากการขุดหรือความไร้จริยธรรม  เพชรทั้งหมดเป็นของจริง 100 เปอร์เซ็นต์ มีจริยธรรม 100 เปอร์เซ็นต์ และได้รับการรับรองโดยอิสระเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพสูงสุด

เกี่ยวกับ Clean Origin

Clean Origin ซึ่งเป็นแบรนด์ในเครือของ Great Heights Inc. เป็นผู้ค้าปลีกเครื่องประดับเพชรที่ปลูกในห้องแล็บที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา  บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2560 โดย Alexander Weindling, Ryan Bonifacino และทีมผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมากว่า 100 ปี จากประสบการณ์ที่ผสมผสานกัน ทีมงานได้มุ่งมั่นที่จะปฏิวัติวิธีการพัฒนา การจัดหา และการขายเพชร นักลงทุนเมล็ดพันธุ์ ได้แก่ Terry Burman ประธาน Abercrombie & Fitch อดีตประธาน Zale's และ CEO ของแบรนด์ Signet Kay Jewelers และ Jared Clean Origin รู้จักอุตสาหกรรมเครื่องประดับเพชรเป็นแกนหลัก และมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงประสบการณ์การช็อปปิ้งเพชร บริษัทให้ความสำคัญกับคุณภาพและจริยธรรมเป็นอันดับแรก เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกดีกับเพชรได้ตลอดไป สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม www.cleanorigin.com

เกี่ยวกับ Titan Company Limited

Titan ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Tata Group และ Tamil Nadu Industrial Development Corporation (TIDCO) เริ่มดำเนินการในปี 1984  ตั้งแต่นั้นมา Titan ได้ขยายจากการขายนาฬิกาไปสู่การสร้างแบรนด์เครื่องประดับไลฟ์สไตล์ที่ใหญ่ที่สุดของอินเดียซึ่งก็คือ Tanishq และ Caratlane.com ทั้งนี้ Titan เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในด้านการพลิกโฉมอุตสาหกรรมเครื่องประดับในอินเดียและสำหรับการกำหนดตลาดค้าปลีกของอินเดียด้วยการบุกเบิกแนวทางการค้าปลีก  การดำเนินงานด้านเครื่องประดับทั่วโลกของ Titan สร้างยอดขายได้ 2.7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2564 ผ่านร้านค้า 2,000 แห่งในอินเดียและต่างประเทศ

Tata ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2411 โดย Jamsetji Tata เป็นหนึ่งในองค์กรระดับโลกชั้นนำของโลก ในปีงบประมาณล่าสุด ทาทาสร้างรายได้ 103 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีมูลค่าตลาดเกิน 3 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงบริษัทจดทะเบียน 28 แห่ง ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 ใน 10 อุตสาหกรรมแนวดิ่ง ซึ่งรวมถึงผู้บริโภค เทคโนโลยี และการค้าปลีก

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220322005240/en/

ติดต่อ:

Clean Origin LLC
John E. Beckwith
Chief Financial & Administrative Officer
jeb@cleanorigin.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

American Express Travel: รายงานแนวโน้มการเดินทางทั่วโลกปี 2565 แสดงให้เห็นว่าผู้คนพร้อมและกระตือรือร้นที่จะเดินทางและจองทริปมากกว่าที่เคย

Logo

  • ผู้บริโภคต้องการเดินทางไปพบผู้คนและสถานที่ที่พวกเขารัก เฉลิมฉลองเหตุการณ์สำคัญในชีวิต เริ่มต้นการเดินทางในสถานที่ที่พวกเขาตั้งตาคอย สัมผัสประสบการณ์กิจกรรมแบบตัวต่อตัว และแสวงหาทริปที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีและการดูแลตนเองที่ดียิ่งขึ้น
  • ร้อยละ 86 ของผู้ตอบแบบสอบถามวางแผนที่จะใช้จ่ายในปี 2565 มากขึ้นหรือเท่าเดิม เมื่อเทียบกับปีก่อนเกิดการระบาดของโควิด1

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–21 มี.ค. 2565

American Express (NYSE:AXP) เปิดเผยรายงานแนวโน้มการเดินทางทั่วโลกในรายงาน American Express Travel: 2022 Global Travel Trends Report 2565 ในวันนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้คนตั้งตารอการเดินทางมากกว่าปีที่แล้ว และวางแผนที่จะใช้จ่ายมากขึ้นหรือเท่า ๆ กันสำหรับการเดินทางก่อนช่วงปีที่โควิดระบาด รายงานจากข้อมูลของประเทศสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา เม็กซิโก ญี่ปุ่น อินเดีย และสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า ผู้บริโภคกำลังเดินทางไปพบผู้คนและสถานที่ที่พวกเขารัก เฉลิมฉลองเหตุการณ์สำคัญในชีวิต ออกเดินทางท่องเที่ยวไปในทริปที่เขาตั้งตารอ สัมผัสประสบการณ์ กิจกรรมแบบตัวต่อตัวและเพื่อแสวงหาสุขภาพและการดูแลตนเองที่ดีขึ้น การจองทริปของสมาชิกบัตรในไตรมาสที่ 4 ปี 2564 ที่ทำผ่าน American Express Travel เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับปี 2562 และมีการจองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปี 2565

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหาเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220321005163/en/

Audrey Hendley ประธานของ American Express Travel กล่าวว่า “การระบาดใหญ่ได้ทำให้เราทุกคน รวมถึงนักเดินทางได้ประเมินสิ่งที่สำคัญอย่างแท้จริง “รายงานแนวโน้มการเดินทางทั่วโลกแสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวกำลังชดใช้เวลาที่เสียไปและใคร่ครวญว่าพวกเขาเดินทางกับใคร สถานที่ใหนที่พวกเขาอยากไปเยี่ยมชม แบรนด์ใดที่พวกเขาสนับสนุน และวิธีที่พวกเขาใช้จ่ายเงินของพวกเขาควรเป็นเช่นไร ในขณะที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกำลังก้าวไปข้างหน้าต่อ”

ข้อมูลเชิงลึกหลักจาก American Express Travel: 2565 Global Travel Trends Report1 ประกอบด้วย:

  • โลกพร้อมสำหรับการเดินทางแล้ว: ร้อยละ 74 ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วยว่าพวกเขาพร้อมเป็นอย่างมากที่จะจองการเดินทางในปี 2565 แม้ว่าพวกเขาอาจต้องยกเลิกหรือปรับเปลี่ยนทริปในภายหลัง1  โดยตัวเลขเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่อยู่ที่ร้อยละ 562
  • การใช้จ่ายเพื่อการเดินทางแซงหน้าระดับก่อนเกิดโรคระบาด: ร้อยละ 86 ของผู้บริโภคคาดว่าจะใช้จ่ายมากขึ้นหรือเท่า ๆ กันสำหรับการเดินทางในปี 2565 เมื่อเทียบกับปีก่อนเกิดโรคระบาด1
  • นักท่องเที่ยวอยากเดินทางบ่อยขึ้น: ร้อยละ 62 ของผู้ตอบแบบสอบถามวางแผนที่จะเดินทาง 2 ถึง 4 ครั้งในปี 2565 และ ร้อยละ 76 ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วยว่าพวกเขาวางแผนที่จะเดินทางกับครอบครัวในปี 2565 มากกว่าในปี 2564
  • นักท่องเที่ยวกำลังมองหาแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น: ร้อยละ 81 ของผู้ตอบแบบสอบถามต้องการเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ ที่สามารถซึมซับวัฒนธรรมท้องถิ่นและต้องการใช้เงินระหว่างการเดินทางเพื่อช่วยเหลือชุมชนท้องถิ่น
  • จุดหมายปลายทางในฝันกำลังกลายเป็นความจริง: ร้อยละ 55 ของผู้ตอบแบบสอบถามต้องการจองวันหยุดพักผ่อนครั้งหนึ่งในชีวิตในปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับมิลเลนเนียลส์ (ร้อยละ 67) และ Gen Z (ร้อยละ 65)
  • เมื่อความบันเทิงกลับมา ทริปที่ต้องไปร่วมงานด้วยตนเองก็เช่นกัน: ร้อยละ 56 ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าพวกเขาหยุดการเดินทางเพื่อร่วมงานรื่นเริงใหญ่ ๆ เมื่อปีที่แล้ว แต่มีแผนจะกลับไปร่วมงานประเภทนี้อีกในปีนี้

ในขณะที่กำลังมีโมเมนตัมของการเติบโตอย่างต่อเนื่องของการเดินทาง  American Express Travel  ได้มอบการเข้าถึงและความคุ้มค่าแบบเอ็กซ์คลูซีฟ รวมไปถึงโปรแกรมและสิทธิประโยชน์ที่ไม่เหมือนใคร และการเข้าถึงความเชี่ยวชาญด้านการเดินทางที่ดีที่สุด ผ่านที่ปรึกษาการเดินทางของ American Express ซึ่งสนับสนุนสมาชิกบัตรในการเดินทางทุกประเภท

สามารถดูรายงานแนวโน้มการเดินทางทั่วโลก American Express Travel ฉบับเต็ม: 2565 ได้ ที่นี่

1วิธีการสำรวจ: การสำรวจความคิดเห็นออนไลน์ของ Amex Trendex นี้จัดทำโดย Morning Consult ระหว่างวันที่ 3- 11 กุมภาพันธ์ 2565 จากกลุ่มตัวอย่างระดับประเทศ 2,000 คนในสหรัฐฯ และ 1,000 คนในออสเตรเลีย แคนาดา อินเดีย ญี่ปุ่น เม็กซิโก สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกาที่มีรายได้ครัวเรือน อย่างน้อย 70,000 ดอลลาร์สหรัฐ และเป็นผู้ใหญ่ที่เดินทางโดยเครื่องบินอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง ผลลัพธ์จากการสำรวจของแต่ละตลาดมีอัตราความคลาดเคลื่อนบวกหรือลบร้อยละ 3

2วิธีการสำรวจ: การสำรวจความคิดเห็นออนไลน์ของ Amex Trendex นี้จัดทำโดย Morning Consult ระหว่างวันที่ 15-24 มกราคม พ.ศ. 2564 จากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศจำนวน 1,000 คนในออสเตรเลีย แคนาดา อินเดีย ญี่ปุ่น เม็กซิโก และสหราชอาณาจักร และ 2,000 ราย ที่มีรายได้ครัวเรือนตั้งแต่ 70,000 ดอลลาร์สหรัฐ  หรือเทียบเท่า ในประเทศออสเตรเลีย แคนาดา ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา และ เทียบเท่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ  หรือเทียบเท่าในเม็กซิโก และ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ  หรือเทียบเท่าเทียบเท่า ในอินเดีย ทั้งนี้ ผู้เดินทางในที่นี้หมายถึงผู้ใหญ่ที่เดินทางโดยเครื่องบินอย่างน้อยหนึ่งครั้งในปี 2652 ผลลัพธ์อาจมีข้อผิดพลาดบวกหรือลบร้อยละ 2 ในสหรัฐอเมริกา และ บวกหรือลบร้อยละ 3 ในประเทศอื่น ๆ

เกี่ยวกับ AMERICAN EXPRESS

American Express เป็นบริษัทการชำระเงินแบบบูรณาการระดับโลก โดยให้บริการลูกค้าด้วยการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ ข้อมูลเชิงลึก และประสบการณ์ที่ยกระดับชีวิตและสร้างความสำเร็จทางธุรกิจ เรียนรู้เพิ่มเติมที่americanexpress.com เชือมต่อกับเราบน facebook.com/americanexpress, instagram.com/americanexpress, linkedin.com/company/american-express, twitter.com/americanexpress, และ youtube.com/americanexpress.

ลิงค์ไปยังผลิตภัณฑ์ บริการ และข้อมูลความรับผิดชอบขององค์กรหลัก ๆ: บัตรส่วนบุคคล, บัตรธุรกิจ, บริการท่องเที่ยว, กิฟท์การ์ด, การ์ดแบบพรีเพด,บริการร้านค้า, Accertify, Kabbage, Resy, คอร์ปอเรทการ์ด, การเดินทางเพื่อธุรกิจ, ความหลากหลาย, ความรับผิดชอบองค์กร และ รายงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล

ที่ตั้ง: ทั่วโลก

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220321005163/en/

ติดต่อ:

AMERICAN EXPRESS

Ali Pearce

Ali.Pearce@aexp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Thai Herald

Thai Herald