Gupshup เข้าซื้อกิจการ Knowlarity ผู้นำด้านเสียงที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอการสนทนา

Logo

Gupshup เพิ่มโซลูชันการส่งข้อความด้วยโซลูชันเสียงชั้นนำ Knowlarity เพื่อรวมความเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีการสนทนา

ซานฟรานซิสโก–(บิสิเนส ไวร์)–2 ก.พ. 2565

Gupshup ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการสนทนาได้เข้าซื้อ Knowlarity Communications. Knowlarity  เป็นผู้นำระดับโลกในด้านการสื่อสารบนคลาวด์ โดยให้บริการโทรศัพท์บนคลาวด์ ระบบอัตโนมัติของศูนย์ติดต่อ ผู้ช่วยด้านเสียงที่ขับเคลื่อนด้วย AI และโซลูชันการวิเคราะห์คำพูดให้กับลูกค้ากว่า 6,000 รายใน 65 ประเทศ  การเข้าซื้อกิจการช่วยเสริมชุดเครื่องมือส่งข้อความสนทนาชั้นนำของ Gupshup และทำให้ Gupshup เป็นผู้นำด้านการสื่อสารด้วยเสียงและวิดีโอเช่นกัน  Knowlarity ดำเนินการในตลาด Conversational Engagement ด้วยเสียง ซึ่งพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงศูนย์ติดต่อ ระบบ IVR และระบบเสียงอัจฉริยะ ซึ่งคิดเป็นขนาดตลาดรวม (TAM) เกือบ 1 หมื่น 8 พันล้านดอลลาร์1 ในปี 2567

รายได้ของ Knowlarity เพิ่มขึ้น 50% เมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่รายรับจากต่างประเทศนอกอินเดียเติบโต 100% ในช่วงเวลาเดียวกัน  Knowlarity นำเสนอโซลูชันที่มีความน่าเชื่อถือและความชาญฉลาดที่ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถมีส่วนร่วมกับลูกค้าได้ดีขึ้นผ่านโซลูชันเสียงและวิดีโอที่เปิดใช้งาน AI เพื่อ ROI ที่ดีขึ้น  มีการใช้โซลูชันของ Knowlarity ในหลายอุตสาหกรรม รวมถึง BFSI สินค้าอุปโภคบริโภค IT/ITeS และการดูแลสุขภาพทั่วเส้นทางของลูกค้าที่หลากหลายซึ่งครอบคลุมการขายและการสร้างลูกค้าเป้าหมาย การบริการลูกค้าและการสนับสนุน การโทรอัตโนมัติ การสำรวจความคิดเห็น การขนส่งและการจัดส่ง และงานระยะไกล  พวกเขามีพันธมิตรชั้นนำของอุตสาหกรรมกับ Google Cloud for Speech Analytics และการผสานรวมกับระบบ CRM ชั้นนำของโลก เช่น Salesforce, Freshworks, Hubspot และ Zoho และอื่นๆ Knowlarity มีลูกค้ายูนิคอร์นจำนวนมากที่สุดในตลาดเสียงของอินเดีย

“ในขณะที่การมีส่วนร่วมระหว่างธุรกิจกับผู้บริโภคกลายเป็นการสนทนา Gupshup กำลังเปิดโอกาสให้ธุรกิจได้นำเสนอประสบการณ์ที่หลากหลาย ด้วยการเพิ่มผลิตภัณฑ์ของ Knowlarity  ธุรกิจต่างๆ จะสามารถสร้างประสบการณ์การสนทนาที่ราบรื่นทั้งผ่านช่องทางการส่งข้อความและเสียง” Beerud Sheth ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Gupshup กล่าว “Knowlarity เป็นผู้นำตลาดในด้านเสียงที่ชัดเจนด้วยชุดผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมซึ่งครอบคลุมระบบโทรศัพท์คลาวด์และระบบอัตโนมัติของศูนย์ติดต่อ ควบคู่ไปกับการโต้ตอบกับลูกค้าที่ยอดเยี่ยมจะช่วยยกระดับตำแหน่งผู้นำของ Gupshup ต่อไป  ผมตื่นเต้นที่จะได้ต้อนรับทีม Knowlarity สู่ครอบครัว Gupshup”

“พวกเราที่ Knowlarity รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ Gupshup สิ่งนี้จะนำไปสู่ประสบการณ์ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้าปัจจุบันและในอนาคตของเรา ควบคู่ไปกับการเพิ่มพูนผลิตภัณฑ์และโอกาสในการขยายทางภูมิศาสตร์ที่สำคัญ  วัฒนธรรมที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางและนวัตกรรมของเรามีความสอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์และเรามองเห็นการทำงานร่วมกันที่เกิดขึ้นจากการรวมกันของสองทีมที่ยอดเยี่ยม” Yatish Mehrotra ซีอีโอของ Knowlarity กล่าว

“ความจำเป็นของธุรกิจในการรักษาการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพกับลูกค้าเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและยาวนานโดยไม่คำนึงถึงภาคส่วน เวที หรือตลาด  การระบาดใหญ่ได้เน้นย้ำถึงความต้องการนี้และการเพิ่มความต้องการโซลูชันการสื่อสารที่เป็นหนึ่งเดียวและไร้รอยต่อที่ช่วยให้ บริษัทต่างๆ สามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าในทุกช่องทาง  การรวมกันของ Gupshup และ Knowlarity ทำให้เกิดการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมือนใครสำหรับลูกค้าทั่วภูมิภาค สิ่งนี้ตอกย้ำตำแหน่งความเป็นผู้นำของทั้งสองธุรกิจในด้านการมีส่วนร่วมในการสนทนาและการสื่อสารบนระบบคลาวด์ อย่างเร็ว  ในฐานผู้เชื่อมั่นใน Knowlarity, Sequoia India ยังคงตื่นเต้นกับภาคส่วนนี้ต่อไปและหวังว่าจะเป็นพันธมิตรที่ยั่งยืน” Sandeep Kher ผู้อำนวยการ Sequoia Capital India และ South East Asia กล่าว

“การลงทุนและการเดินทางของเรากับ Knowlarity ตลอดหลายปีที่ผ่านมายังคงตอกย้ำความเชื่อของเราว่าอินเดียเป็นฐานผลิตธุรกิจ SaaS ระดับโลก  Gupshup และ Knowlarity เข้ากันได้อย่างเป็นธรรมชาติ  เราขอแสดงความยินดีกับทีมต่างๆ ที่ Gupshup และ Knowlarity และขอให้พวกเขาพบเจอแต่สิ่งดีๆ ในการสร้างความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งในปีต่อๆ ไป” Subeer Monga หุ้นส่วนของ Mayfield India กล่าว

“ลูกค้าต้องการสื่อสารกับองค์กรต่างๆ ในรูปแบบข้อความ เสียง และช่องทางอื่นๆ ได้ตามต้องการ  Knowlarity เป็นผู้บุกเบิกระบบโทรศัพท์ระดับองค์กรในตลาดเกิดใหม่และ Gupshup เป็นผู้นำตลาดด้านการส่งข้อความ  การเข้าซื้อกิจการ Knowlarity ของ Gupshup เป็นเหตุการณ์สร้างผู้นำด้านการสื่อสารในประเทศตลาดเกิดใหม่ที่ใหญ่โตและก้าวหน้าที่สุด” Ambarish Gupta ผู้ร่วมก่อตั้ง Knowlarity กล่าว

ในปี 2564 Gupshup กลายเป็นยูนิคอร์นด้วยมูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์และระดมทุน 340 ล้านดอลลาร์จาก Tiger Global, Fidelity Management and Research Co. LLC และนักลงทุนรายอื่นๆ ทั่วโลก  นี่คือการเข้าซื้อกิจการครั้งที่สองของ Gupshup ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา หลังจากการเข้าซื้อกิจการของ Dotgo ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม RCS (Rich Communications Services) ชั้นนำของโลก

ธุรกรรมนี้คาดว่าจะปิดได้ภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการแล้วเสร็จของเงื่อนไขการปิดการซื้อขาย  DC Advisory ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินเพียงผู้เดียวให้กับ Knowlarity ในการทำธุรกรรม

เกี่ยวกับ Gupshup

Gupshup ช่วยสร้างความมีส่วนร่วมของผู้ใช้ผ่านการสนทนา  Gupshup เป็นแพลตฟอร์มการมีส่วนร่วมในการสนทนาชั้นนำ ที่ขับเคลื่อนข้อความมากกว่า 6 พันล้านข้อความต่อเดือน ในแนวดิ่ง  ธุรกิจขนาดใหญ่และเล็กหลายพันแห่งในตลาดเกิดใหม่ใช้ Gupshup เพื่อสร้างประสบการณ์การสนทนาแบบ Omni-channel ในด้านการตลาด การขาย และการสนับสนุน  Gupshup นำเสนอ API การส่งข้อความเดียวสำหรับช่องการส่งข้อความมากกว่า 30 ช่อง โซลูชันเสียงที่ขับเคลื่อนด้วย AI ชุดเครื่องมือสร้างประสบการณ์การสนทนาที่หลากหลาย การผสานรวมมากกว่า 500 รายการกับระบบ CRM อีคอมเมิร์ซและระบบการตลาดอัตโนมัติชั้นนำ และเครือข่ายพันธมิตรตลาดเกิดใหม่ในแอพการรับส่งข้อความ ผู้ผลิตอุปกรณ์ ISV และผู้ให้บริการมือถือ  ด้วย Gupshup ธุรกิจต่างๆ ได้ทำให้การสนทนาเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จในการมีส่วนร่วมกับลูกค้า www.gupshup.io

เกี่ยวกับ Knowlarity

Knowlarity ช่วยให้มีการสื่อสารอัตโนมัติโดยอนุญาตให้ผู้ปฏิบัติงานทำงานออนไลน์ผ่านระบบคลาวด์  Knowlarity ช่วยให้ธุรกิจสามารถทำงานบนเครือข่ายการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพผ่านโซลูชันระบบคลาวด์ เช่น คลิกเพื่อโทร การปิดบังหมายเลข ระบบ IVR หลายระดับ WhatsApp Business API หมายเลขโทรฟรี แพลตฟอร์มวิดีโอ โซลูชันที่เปิดใช้งาน AI เช่น Speech Analytics และ VoiceBot /ChatBot และอื่นๆ  Knowlarity มีความสามารถในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับทีมของคุณด้วยโซลูชันการทำงานเสมือนจริง เพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินธุรกิจจะไม่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากการเปิดใช้งานจากทุกที่  Knowlarity ก่อตั้งโดย Ambarish Gupta และ Pallav Pandey https://www.knowlarity.com

  1. การวิเคราะห์พยากรณ์ของ Gartner Contact center ทั่วโลก ม.ค. 2564

รูปภาพ/แกลเลอรีมัลติมีเดียพร้อมใช้: https://www.businesswire.com/news/home/52572422/en

ติดต่อ:

สื่อ

Richard Laermer
RLM PR | gupshup@rlmpr.com | (212) 741-5106 x 216

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Sandbox เข้าซื้อกิจการ Playkids หนึ่งในแพลตฟอร์มความบันเทิงสำหรับเด็กชั้นนำในบราซิล เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับพื้นที่การเรียนรู้ออนไลน์ระดับโลก

Logo

Movile เจ้าของรายใหญ่ของ PlayKids จะเข้าร่วม Sandbox ในฐานะผู้ถือหุ้นรายย่อย โดยซีอีโอของ PlayKids เพื่อนำการขยายตัวของ Sandbox สู่ LatAm

ลอนดอน คัมปีนาส บราซิล–(BUSINESS WIRE)–2 กุมภาพันธ์ 2565

Sandbox & Co ผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการการเรียนรู้ดิจิทัลในลอนดอน ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้ซื้อกิจการ PlayKids ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการศึกษาดิจิทัลชั้นนำในบราซิล

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220201005943/en/

The PlayKids app (4M+ users) and Leiturinha (kids’ monthly book-club subscription with 200,000+ subscribers) will now be part of Sandbox & Co.’s rapidly expanding portfolio. (Graphic: Business Wire)

แอป PlayKids (ผู้ใช้ 4 ล้านคนขึ้นไป) และ Leiturinha (การสมัครสมาชิกชมรมหนังสือรายเดือนสำหรับเด็กที่มีสมาชิกมากกว่า 200,000 คน) จะเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตโฟลิโอที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วของ Sandbox & Co. (กราฟิก: Business Wire)

PlayKids นำเสนอเนื้อหาวิดีโอ หนังสือ และประสบการณ์อีเลิร์นนิงผ่านแบรนด์หลักสองแบรนด์ได้แก่: แอป PlayKids ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอออนดีมานด์ที่ได้รับรางวัลสำหรับเด็กอายุ 2-6 ปี และ Leiturinha ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการสมัครสมาชิกหนังสือสำหรับเด็กที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค

Movile เจ้าของรายใหญ่ของ PlayKids ซึ่งเป็นนักลงทุนระยะยาวในบริษัทเทคโนโลยี LatAm จะกลายเป็นนักลงทุนรายย่อยใน Sandbox ธุรกิจที่ได้รับการสนับสนุนจาก Prosus มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศด้านเทคโนโลยีและการลงทุนของบราซิล และเป็นผู้นำด้านการลงทุนที่หลากหลายสำหรับผู้นำในอุตสาหกรรม เช่น iFoodSinch และ Zoop

Bhav Singh ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Sandbox กล่าวว่า “เราเป็นแฟนตัวยงของ PlayKids และ Leiturinha และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับพวกเขาเข้าสู่ครอบครัว Sandbox ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สมบูรณ์แบบสำหรับชุดผลิตภัณฑ์ของเราที่มีอยู่” “ผมรู้สึกตื่นเต้นที่มี Guilherme Martins ซีอีโอของ PlayKids เข้ามาเป็นผู้นำในการเปิดตัวพอร์ตโฟลิโอของเราใน LatAm และ Movile ก็เข้าร่วมกับเราในฐานะผู้ถือหุ้น ในขณะที่เรายังคงเติบโตและมุ่งเน้นที่ ‘ซุปเปอร์เสิร์ฟ หรือ super serving’ กลุ่มคน millennial และ Gen Z”

Guilherme Martins ซีอีโอของ PlayKids และผู้ก่อตั้ง Leiturinha กล่าวว่า “ในปีที่แล้วหลังผลกระทบจากการระบาดใหญ่ มีการเร่งเครื่องพัฒนาธุรกิจดิจิทัล หรือ Digital Acceleration ให้เห็นอย่างชัดเจน และจำเป็นต้องปฏิรูปวิธีการให้การศึกษาและความบันเทิงของเด็ก ๆ ในช่วงล็อกดาวน์ให้รวดเร็ว” “ผมเห็นแนวโน้มดังกล่าวได้ดำเนินต่อไป และรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับ Bhav และ Sandboxers คนอื่น ๆ เพื่อขยายข้อเสนอทางดิจิทัลของเราและแนะนำผลิตภัณฑ์การเรียนรู้ออนไลน์ของ Sandbox สู่ตลาดละตินอเมริกา”

“เป้าหมายของ Movile คือการสร้างบริษัทชั้นนำที่สามารถเปลี่ยนโลก ช่วยพวกเขาแก้ไขปัญหา และเร่งการเติบโตของพวกเขา” Silvia Motta ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์และ M&A ของ Movile กล่าว “เราได้สร้าง PlayKids จากแอปที่ให้บริการผู้เรียนสองสามพันคนจนถึงแพลตฟอร์มการศึกษาสำหรับเด็กที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม ความรู้ความชำนาญ และความมุ่งมั่นในการเป็นผู้ประกอบการที่ Sandbox นำเสนอ การรวมกันของทั้งสองธุรกิจจะมอบประสบการณ์การศึกษาที่มีส่วนร่วมและปรับปรุงการเรียนรู้ทั่วโลก เราตั้งตารอที่จะเดินทางต่อไปด้วยกันกับ Sandbox”

Sandbox มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันพอร์ตโฟลิโอของบริษัทประกอบด้วย 17 แบรนด์ที่มีผู้ชมที่เป็นเด็ก ครอบครัว และครู มากกว่า 60 ล้านคนต่อเดือน

สำหรับโลโก้และรูปภาพคลิกที่นี่

เกี่ยวกับ Sandbox & Co – https://sandboxandco.com

Sandbox เป็นบริษัทด้านการศึกษายุคมิลเลนเนียลในลอนดอนที่มีผลิตภัณฑ์และบริการออนไลน์ที่ทำให้การเรียนรู้เป็นเรื่องสนุก ณ จุดที่บรรจบกันของอุตสาหกรรมดิจิทัล การเรียนรู้ และสื่อ ทั้งนี้ แบรนด์ Sandbox ได้เปิดรับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างเต็มที่ และมุ่งเน้นไปที่หัวข้อหลักที่เน้นไปที่ความสนใจของครอบครัวทั่วโลก และช่วยพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 นอกจากนั้น Sandbox & Co เป็นตัวแทนและดำเนินการอย่างมียุทธศาสตร์สำหรับบริษัทที่อยู่ภายใต้การควบคุมและได้ลงทุนโดย Sandbox  ทั้งนี้ Sandbox ประกอบด้วย 17 แบรนด์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้นำในกลุ่มของตนเองและได้รับรางวัลมากมาย แบรนด์เหล่านี้ได้เข้ามาร่วมกันในแนวตั้ง 3 ธุรกิจได้แก่: Sandbox Gaming, Sandbox Kids และ Sandbox Learning ทั้งนี้แบรนด์ต่าง ๆ ของ Sandbox รวมถึง Code Kingdoms, CoolMathGames, Curious World, Edujoy, Fact Monster, Family Education, Funbrain, InfoPlease, Hopster, Kidomi, Leiturinha, PlayKids, Poptropica, TeacherVision, Teachit, Tellmewow และ Tinybop Sandbox มุ่งมั่นที่จะจัดหาระบบนิเวศของผลิตภัณฑ์เพื่อความบันเทิงที่ไม่มีใครเทียบได้ และปัจจุบันมีเด็ก ผู้ปกครองยุคมิลเลนเนียลของพวกเขา และครู มากกว่า 60 ล้านคน

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220201005943/en/

ติดต่อ:

Agnes Lesti
Communications and Partnerships Manager
a.lesti@sandboxkids.io

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Bittrex Global เปิดตัวแพลตฟอร์ม IEO Bittrex Global Starting Block

Logo

วาดุซ ลีชเทินชไตน์–(บิสิเนสไวร์)–2 ก.พ. 2565

Bittrex Global ประกาศเปิดตัว Bittrex Global Starting Block แพลตฟอร์ม Initial Exchange Offer (IEO) ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับโครงการคริปโตระดับสูงที่ต้องการร่วมมือกับผู้นำในอุตสาหกรรมด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เพื่อเปิดตัวโครงการของพวกเขาสู่อนาคต

ในฐานะหนึ่งในแพลตฟอร์มการเทรดดิจิทัลชั้นนำของโลก Bittrex Global มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนนวัตกรรมในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล  ความคิดริเริ่มใหม่ล่าสุดนี้จะช่วยให้โครงการที่มีศักยภาพต่างๆ สามารถเปิดตัว IEO ของพวกเขา ระดมทุนและแจกจ่ายโทเค็น และสร้างการรับรู้สำหรับโครงการของพวกเขาทั่วทั้งอุตสาหกรรม Bittrex Global Starting Block จะช่วยให้ลูกค้าทั้งระดับย่อยและสถาบันได้เข้าถึงโครงการสินทรัพย์ดิจิทัลและนวัตกรรมใหม่เหล่านี้ได้

ด้วยการใช้ความเชี่ยวชาญของ Bittrex Global โครงการต่างๆ จะได้รับการประเมินอย่างครอบคลุมและได้รับการคัดกรองอย่างเข้มงวด  แนวทางการคัดกรองรวมถึงนวัตกรรมโครงการ การตรวจสอบสถานะผู้ออกโทเค็น เศรษฐศาสตร์โทเค็น กำหนดการปลดล็อคอุปทาน การใช้เงินที่ได้รับ แผนงานโครงการ ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ ความสนใจของตลาดและการมีส่วนร่วมของชุมชน

โครงการบล็อคเชนที่ได้รับการตรวจสอบและมีคุณสมบัติที่จะเปิดตัวใน Bittrex Global Starting Block จะสามารถเข้าถึงความสามารถทางการตลาดอันทรงพลังของ Bittrex Global และฐานผู้ใช้ทั่วโลก

“เรากำลังสนับสนุนโครงการที่มีแนวโน้มมากที่สุดด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด  ก่อนที่จะมี IEO, Bittrex Global จะดำเนินการตรวจสอบโครงการอย่างละเอียดและตรวจสอบทุกแง่มุม ตั้งแต่ความเป็นเจ้าของโทเค็นไปจนถึงการขายในอดีต เป้าหมายการกระจายโทเค็น การจัดสรร และระยะเวลาการได้รับสิทธิ โดยมุ่งเน้นที่การสร้างความมั่นใจถึงการมีอุปสงค์และอุปทานที่สมดุลสำหรับผู้เข้าร่วม IEO” Stephen Stonberg ซีอีโอของ Bittrex Global กล่าว

“นวัตกรรมและการทดลองของบล็อคเชนอยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์  ทีมงานของเรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้พบกับโครงการใหม่ๆ ในพื้นที่คริปโตและเราหวังว่าจะได้สนับสนุนโครงการแนวหน้าที่ต้องการผลักดันขอบเขตของเทคโนโลยีบล็อคเชนอย่างแท้จริง” Chris Sinkey ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจของ Bittrex Global กล่าว

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Bittrex Global Starting Block และสำหรับรายละเอียดขั้นตอนการสมัครของเรา โปรดไปที่: https://global.bittrex.com/discover/startingblock

เกี่ยวกับ BITTREX GLOBAL

Bittrex Global แพลตฟอร์มการเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลที่ปลอดภัยที่สุดในโลก ให้บริการทั้งลูกค้ารายย่อยและลูกค้าสถาบันทั่วโลก โดยมุ่งมั่นที่จะช่วยให้ผู้ใช้สร้างความมั่งคั่ง  Bittrex Global อำนวยความสะดวกในการซื้อและแลกเปลี่ยนโทเค็นมากกว่า 250 รายการด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ​​โปรโตคอลความปลอดภัยขั้นสูง และกลยุทธ์กระเป๋าเงินแบบหลายขั้นตอนที่ยืดหยุ่นได้  บริษัทมอบประสบการณ์ระดับสูงให้กับลูกค้าทั้งมืออาชีพและมือใหม่  Bittrex Global เป็นผู้เล่นหลักในการขับเคลื่อนการนำวิธีการที่ปลอดภัยและกระจายอำนาจมาใช้อย่างกว้างขวางเพื่อสร้างความมั่งคั่งในขณะที่ยังคงปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลที่หลากหลายทั่วโลก

Bittrex Global GmbH จดทะเบียนกับ Financial Market Authority ตามกฎหมายวันที่ 3 ตุลาคม 2562 บน Tokens and TT Service Providers (TVTG) ในลีชเทินชไตน์ เพื่อดำเนินการเป็น TT Exchange Service Provider, TT Token Depositary และ Token Issuer ในนามของบัญชีบุคคลที่สาม Bittrex Global (Bermuda) Limited ถูกควบคุมโดยหน่วยงานการเงินเบอร์มิวดาและได้รับอนุญาตเป็นธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลคลาส F ภายใต้กฎบัญญัติธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเบอร์มิวดา 2561 เพื่อดำเนินการเป็นการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล ให้บริการกระเป๋าสตางค์ที่ได้รับการจัดการ และดำเนินการเป็นแพลตฟอร์มให้บริการแลกเปลี่ยนอนุพันธ์ของสินทรัพย์ดิจิทัล

เรียนรู้เพิ่มเติม: https://global.bittrex.com/

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220201005417/en/

ติดต่อ:

Sarah Evans
Sevans PR
sarah@sevanspr.com 
224- 829-8820

Sarah Mawji
Sevans PR
sm@sevanspr.com

Julia Lazniuk
Sevans PR
Julia@sevanspr.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

i2c เผยแพร่รายงานผลิตภัณฑ์บัตรที่รองรับสกุลเงินคริปโตซึ่งมีการจัดทำขึ้นเป็นครั้งแรก

Logo

บริษัทที่เป็นผู้นำของผลิตภัณฑ์หมวดหมู่นี้ยังได้แชร์ข้อมูลเชิงลึกจากบัตรที่รองรับสกุลเงินคริปโตหลายล้านใบที่ออกใน 40 ประเทศ

เรดวูดซิตี้, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–01 กุมภาพันธ์ 2565

วันนี้ i2c Inc. ผู้ให้บริการระบบชำระเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีการธนาคารชั้นนำ ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับบัตรที่รองรับสกุลเงินคริปโต ซึ่งเป็นหนึ่งในหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์บัตรที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก โดยรายงานดังกล่าวมีการจัดทำขึ้นเป็นครั้งแรกและมีการประมวณผลบัญชีและข้อมูลการทำธุรกรรมจากผลิตภัณฑ์บัตรทั้งแบบทั่วไปและแบบที่รองรับสกุลเงินคริปโตกว่า 4,000 รายการใน 3 ทวีป 40 ประเทศ

ด้วยจำนวนบัตรที่รองรับสกุลเงินคริปโตกว่า 5 ล้านใบบนแพลตฟอร์มที่ใช้ทั่วโลก i2c จึงเป็นพันธมิตรด้านการออกบัตรและการดำเนินการเกี่ยวกับบัตรที่รองรับสกุลเงินคริปโตชั้นนำของโลก

รายงานดังกล่าวมีความแตกต่างจากผลการศึกษาทั่วไป โดยมีความโดดเด่นในเรื่องของการใช้พฤตกรรมจริง (ข้อมูลการทำธุรกรรม) รวมถึงข้อมูลประชากรที่ได้รับการตรวจสอบยืนยันมาอ้างอิงแทนการใช้เพียงข้อมูลจากผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนข้อมูลที่น่าสนใจจากรายงานฉบับนี้เป็นผลการศึกษาที่เหมือนจะเป็นการท้าทายมุมมองโดยทั่วไปต่อผู้ใช้สกุลเงินคริปโต และเสริมแกร่งให้กับทั้งลักษณะโดยธรรมชาติที่ส่งผลในระดับโลกรวมถึงผลประโยชน์ที่ไร้พรมแดนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดังกล่าว ดังนี้

  • 45% ของผู้ถือบัตรคริปโตเป็นผู้ที่มีอายุเกิน 35 ปี
  • ผลิตภัณฑ์บัตรที่รองรับสกุลเงินคริปโตมีการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนในอัตราที่สูงกว่าบัตรแบบทั่วไปมากกว่า 2 เท่า
  • ผลิตภัณฑ์บัตรที่รองรับสกุลเงินคริปโตมีปริมาณการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนในสกุลเงินดอลลาร์สูงกว่าบัตรทั่วไป (7%)

“บัตรที่รองรับสกุลเงินคริปโตกำลังนำเสนอผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ให้กับอุตสาหกรรมระบบชำระเงิน ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของระบบชำระเงินที่ให้บริการทั่วโลกอย่างแท้จริง ในช่วงปีที่ผ่านมาเราได้เห็นว่าบัญชีเกี่ยวกับสกุลเงินคริปโตนั้นเติบโตอย่างมาก ควบคู่ไปกับนวัตกรรมและระดับการมีส่วนร่วมที่กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีคิดเกี่ยวกับระบบชำระเงินและผู้ถือบัตร” Jim McCarthy ประธาน i2c กล่าว

ดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มที่นี่: Crypto-Backed Cards: Behind the Numbers

เกี่ยวกับ i2c Inc.

i2c เป็นผู้ให้บริการระดับโลกด้านโซลูชันการชำระเงินและการธนาคารที่สามารถปรับแต่งได้อย่างเต็มที่ ด้วยการใช้เทคโนโลยี “building block” ที่เป็นเอกสิทธิ์ของ i2c ลูกค้าสามารถสร้างและจัดการชุดโซลูชันที่ครอบคลุมสำหรับเครดิต เดบิต การชำระล่วงหน้า การให้ยืม และอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็วและคุ้มค่า i2c มอบความยืดหยุ่น ความคล่องตัว ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือที่เหนือชั้นจากแพลตฟอร์ม SaaS เดียวทั่วโลก i2c ก่อตั้งขึ้นในปี 2544 และมีสำนักงานใหญ่ในซิลิคอนแวลลีย์ เทคโนโลยียุคหน้าของ i2c รองรับผู้ใช้หลายล้านคนในกว่า 200 ประเทศ/เขตแดนและในทุกเขตเวลา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.i2cinc.com และติดตามเราได้ที่ @i2cinc

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220201005603/en/

ติดต่อ:

Heather Clifton
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด
media@i2cinc.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Blackhawk Network ผู้ให้บริการชำระเงินทั่วโลก เข้าซื้อหุ้นส่วนน้อยในบริษัทซึ่งทำงานด้านรางวัลและแรงจูงใจในสิงคโปร์อย่าง Wogi

Logo

ข้อตกลงนี้จะขยายการเข้าถึงเนื้อหารางวัล สิ่งจูงใจ และบัตรของขวัญแบบที่เน้นดิจิทัลเป็นหลัก สำหรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะ

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–31 ม.ค. 2565

ในฐานะส่วนหนึ่งของภารกิจในการมอบรางวัลที่มีความหมายในระดับโลก Blackhawk Network ได้ซื้อหุ้นส่วนน้อยใน Wogi ซึ่งเป็นบริษัทที่งานด้านรางวัลและสิ่งจูงใจในสิงคโปร์ ความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยเร่งการเติบโตของรางวัลและสิ่งจูงใจทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจัดหาโซลูชั่นให้กับธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่กำลังทบทวนกลยุทธ์การให้รางวัลของพวกเขาอันเป็นผลมาจากการระบาดใหญ่ของโควิด

ด้วยการลงทุนของ Blackhawk จึงทำให้ Wogi สามารถเสนอรางวัลบัตรของขวัญให้เลือกมากมาย ซึ่งได้แสดงให้เห็นว่าเป็นแรงจูงใจที่มีประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนความภักดีและแรงจูงใจในหมู่นักช้อปและพนักงานมาเป็นเวลาสักพักแล้ว1

“การลงทุนนี้จะช่วยให้ Blackhawk สามารถเข้าถึงรางวัล สิ่งจูงใจ และเนื้อหาบัตรของขวัญดิจิทัลเป็นครั้งแรกในประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อย่างเช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย และทำให้ Wogi มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น กรอบงานขององค์กรได้รับประโยชน์จากเครือข่ายบัตรของขวัญและโซลูชั่นมากมายของ Blackhawk” Mark Singer กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Blackhawk Network กล่าว “รางวัลดิจิทัลได้รับความนิยมอย่างสูงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และมีแอพพลิเคชั่นมากมายสำหรับองค์กรในการใช้ประโยชน์จากรางวัลเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากรางวัลอันชาญฉลาดและสิ่งจูงใจเพื่อช่วยเพิ่มรายได้หลัก และปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจโดยสร้างการมีส่วนร่วมและส่งเสริมความพึงพอใจของพนักงาน คู่ค้า และลูกค้า เป็นต้น”

จนถึงปัจจุบัน Wogi ให้การสนับสนุนด้านรางวัลแก่บริษัทแบบ B2B และ B2C มากกว่า 300 แห่ง โดยมีเนื้อหาบัตรของขวัญและพันธมิตรการชำระเงินมากกว่า 700 แห่ง ด้วยการร่วมมือกับ Blackhawk ในครั้งนี้ จะทำให้ลูกค้าของ Wogi ในตลาด APAC จะสามารถเข้าถึงพอร์ตโฟลิโอของรางวัลที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ซึ่งรวมถึงเนื้อหาบัตรของขวัญดั้งเดิมที่ปรับให้เหมาะกับผู้รับแต่ละคน ผ่าน CONNECT API ที่ราบรื่นและเทคโนโลยีการรวมระบบดิจิทัลเพื่อการสั่งซื้อ การประมวลผล และการจัดส่งที่ราบรื่น

Pavlina Atanasov ผู้ก่อตั้งและรองประธานอาวุโสของ Wogi กล่าวว่า “ด้วยการสนับสนุนจาก Blackhawk เราจะมีโอกาสขยายข้อเสนอและแสวงหาโอกาสในการเติบโตสำหรับธุรกิจของเราและธุรกิจของลูกค้าของเรา” “โปรแกรมการให้รางวัลที่ทันสมัยและแข็งแกร่งสามารถสร้างความแตกต่างทางการแข่งขันที่สำคัญสำหรับองค์กรเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดอันมีค่า และด้วยการขยายขีดความสามารถของเรา เราจะช่วยให้พันธมิตรของเรา และบริษัทของเรา สามารถใช้ประโยชน์จากตัวเลือกรางวัลชิ้นล่าสุดและที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”

เยี่ยมชม www.wogi.biz สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันระดับองค์กรและความสามารถของผลิตภัณฑ์ดิจิทัลของ Wogi

เกี่ยวกับ Blackhawk Network

Blackhawk Network นำเสนอโซลูชั่นการชำระเงินที่มีตราสินค้าผ่านผลิตภัณฑ์ระบบเติมเงิน เทคโนโลยี และเครือข่ายที่เชื่อมโยงแบรนด์และผู้คน เราร่วมมือกับพันธมิตรของเราในการสร้างสรรค์นวัตกรรม แปลแนวโน้มของตลาดในการชำระเงินแบบทางเลือก (branded payments)เพื่อเพิ่มการเข้าถึง เพิ่มความภักดีและรายได้ เราดำเนินการโซลูชันที่คำนึงถึงความปลอดภัยทั่วโลกอย่างน่าเชื่อถือ เข้าร่วมกับเราในขณะที่เรากำหนดอนาคตของการชำระเงินทางเลือกทั่วโลก เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ www.blackhawknetwork.com.

เกี่ยวกับ Wogi

Wogi ส่งเสริมความสำเร็จด้วยการสร้างพฤติกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยแรงจูงใจ เราเป็นผู้ให้บริการดิจิทัลของรางวัลในรูปแบบการให้บริการ เปิดใช้งานโปรแกรมรางวัล ความภักดีและแรงจูงใจในแบบเรียลไทม์สำหรับลูกค้า พนักงาน ตลอดจนถึงหุ้นส่วนการพัฒนาธุรกิจ ผ่านผลิตภัณฑ์การชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสด บริษัทนำเสนอพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่ชำระแบบไร้เงินสดที่เชื่อมต่อกับระบบดิจิทัล ซึ่งเชื่อมโยงแบรนด์ผู้บริโภค องค์กรในท้องถิ่น และผู้บริโภคปลายทาง บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2558 สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมที่ www.wogi.biz.

1 “BrandedPay: วิธีที่ผู้คนและแบรนด์เชื่อมต่อกันผ่านการชำระเงิน” ขึ้นอยู่กับผลการสำรวจทางอินเทอร์เน็ตที่จัดทำโดย Leger ในนามของ Blackhawk Network ระหว่างวันที่ 12 กุมภาพันธ์-17 มีนาคม 2563 จากขนาดตัวอย่างรวมผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 12,000 คนในแปดประเทศ

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220130005002/en/

Ashley Jackson

The Fletcher Group

1.719.332.3495

ashley@fletchergroupllc.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Wipro แต่งตั้ง Badrinath Srinivasan เป็นกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Logo

สิงคโปร์และบังกาลอร์ อินเดีย–(บิสิเนสไวร์)– 27 ม.ค. 2565

Wipro Limited (NYSE: WIT, BSE: 507685, NSE: WIPRO) บริษัทชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การให้คำปรึกษา และการบริการด้านกระบวนการทางธุรกิจ ประกาศแต่งตั้ง Badrinath Srinivasan (Badri) เป็นกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Badri จะมุ่งเน้นไปที่วิสัยทัศน์ของ Wipro สำหรับการเติบโตของธุรกิจ การขยายรายได้ ความสัมพันธ์กับลูกค้าและผู้มีอิทธิพล การพัฒนาความสามารถ และการสร้างแบรนด์  Badri จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับตลาดสำคัญ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเน้นที่ข้อตกลงขนาดใหญ่และการมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์

ในบทบาทล่าสุดของเขา Badri เป็นผู้นำเอเชียในด้านธุรกิจบริการทางการเงินและการประกันภัยที่ Infosys  ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปีของเขากับบริษัท Badri ได้ดำรงตำแหน่งผู้นำหลายตำแหน่งในด้านการขายและการให้คำปรึกษาทั่วตลาดสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชียแปซิฟิก และร่วมมือกับลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนวาระการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล  เขาเป็นผู้นำการริเริ่มเชิงกลยุทธ์ในเอเชีย รวมถึงการผลักดันการควบรวมและการเข้าซื้อกิจการ การสร้างกิจการร่วมค้า และการสร้างระบบนิเวศพันธมิตรเชิงกลยุทธ์

“เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคที่มุ่งเน้นเชิงกลยุทธ์สำหรับ Wipro ตลอดหลายปีที่ผ่านมา และยิ่งในตอนนี้ ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคนี้สำหรับโซลูชันการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่ครอบคลุม ความคล่องตัวและขนาด ความต้องการด้านเทคโนโลยีเฉพาะทาง และนวัตกรรม ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับ Badri มาเป็นผู้นำธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมั่นใจว่าความเป็นผู้นำและความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับตลาดของเขาจะช่วยให้ลูกค้าประสบความสำเร็จและขับเคลื่อนแผนการเติบโตของเราในภูมิภาคนี้” NS Bala, CEO, APMEA, Wipro Limited กล่าว

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมกับ Wipro ซึ่งเป็นองค์กรที่ผมชื่นชมในวัฒนธรรมและค่านิยมอย่างแท้จริง  เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่สำคัญและผมดีใจที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับทีมที่โดดเด่นและระบบนิเวศของพันธมิตรของเราในขณะที่เรายังคงมอบคุณค่าให้กับลูกค้าของเราต่อไป  ผมหวังว่าจะได้มีส่วนร่วมในการขยายธุรกิจ Wipro ในภูมิภาค ในขณะที่เราขยายการลงทุนเพื่อสร้างความสามารถในท้องถิ่น” Badri Srinivasan กล่าว

Badri สำเร็จการศึกษาระดับวิศวกรรมศาสตร์ในสาขาอิเล็กทรอนิกส์และการสื่อสาร และเป็น MBA จาก Indian Institute of Management, Lucknow  ปัจจุบันเขาประจำอยู่ในสิงคโปร์และจะรายงานต่อ NS Bala, CEO, APMEA

เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหนึ่งในหกภูมิภาคที่สำคัญที่ประกอบด้วยหน่วยตลาดเชิงกลยุทธ์ APMEA (เอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง อินเดีย และแอฟริกา) ของ Wipro  ทาบริษัทดำเนินธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มานานกว่าทศวรรษ โดยได้ร่วมมือกับองค์กรภาครัฐและเอกชนชั้นนำในอุตสาหกรรมหลายประเภทในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจและเส้นทางดิจิทัล  Wipro ยังมีสถานะในภูมิภาคนี้ผ่านหน่วยงานที่ได้มา ซึ่งได้แก่ Capco, Designit และ Topcoder  เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการของเราในภูมิภาคนี้ เรายังคงลงทุนในการปรับเข้ากับท้องถิ่น การสร้างความสามารถตามขนาด ในขณะที่เสริมสร้างความร่วมมือและความรู้เกี่ยวกับความต้องการในภูมิภาคเพื่อนำเสนอบริการและประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับลูกค้าของเรา

เกี่ยวกับ Wipro Limited

Wipro Limited (NYSE: WIT, BSE: 507685, NSE: WIPRO) เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกที่ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การให้คำปรึกษา และกระบวนการทางธุรกิจ  เราควบคุมพลังของการประมวลผลทางความคิด ระบบไฮเปอร์ออโตเมชั่น หุ่นยนต์ คลาวด์ การวิเคราะห์ และเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราปรับตัวเข้ากับโลกดิจิทัลและทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ  เราเป็นบริษัทที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในด้านบริการที่ครอบคลุม ความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าเพื่อความยั่งยืน และการเป็นพลเมืองที่ดี  เรามีพนักงานที่ทุ่มเทมากกว่า 220,000 คนที่ให้บริการลูกค้าในหกทวีป  เราค้นพบแนวคิดและเชื่อมโยงจุดต่างๆ ร่วมกันเพื่อสร้างอนาคตใหม่ที่ดีกว่าและกล้าหาญ

แถลงการณ์ที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้า

ข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าในที่นี้แสดงถึงความเชื่อของ Wipro เกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคต ซึ่งตามปกติมีความไม่แน่นอนและอยู่นอกเหนือการควบคุมของ Wipro  ข้อความดังกล่าวรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ข้อความเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของ Wipro ผลการดำเนินงานทางการเงินในอนาคต และแผนงาน ความคาดหวังและความตั้งใจของ Wipro  ทางบริษัทเตือนผู้อ่านว่าข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าในที่นี้มีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างอย่างมากจากผลลัพธ์ที่คาดการณ์ไว้ในข้อความดังกล่าว  ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนดังกล่าว รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความผันผวนของรายได้และผลกำไรของเรา ความสามารถของเราในการสร้างและจัดการการเติบโต การดำเนินการขององค์กร การแข่งขันที่รุนแรงในบริการไอที ความสามารถของเราในการรักษาความได้เปรียบทางต้นทุน ค่าแรงที่เพิ่มขึ้นในอินเดีย ความสามารถของเราในการดึงดูดและรักษาผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะสูง เวลาและค่าใช้จ่ายเกินในสัญญาราคาคงที่ ความเข้มข้นของฐานลูกค้า ข้อจำกัดในการย้ายถิ่นฐาน ความสามารถของเราในการจัดการการดำเนินงานระหว่างประเทศ ความต้องการในเทคโนโลยีหลักของเราที่ลดลด การหยุดชะงักในเครือข่ายโทรคมนาคม ความสามารถของเราในการดำเนินการให้เสร็จสมบูรณ์และการเข้าซื้อกิจการที่อาจเกิดขึ้น ความรับผิดต่อความเสียหายในสัญญาบริการของเรา ความสำเร็จของบริษัทที่เราลงทุนเชิงกลยุทธ์ การเพิกถอนสิ่งจูงใจทางการคลัง ความไม่มั่นคงทางการเมือง สงคราม ข้อจำกัดทางกฎหมายในการระดมทุนหรือการเข้าซื้อกิจการนอกอินเดีย การใช้ทรัพย์สินทางปัญญาของเราโดยไม่ได้รับอนุญาตและสภาพเศรษฐกิจทั่วไปที่มีผลกระทบต่อธุรกิจและอุตสาหกรรมของเรา เงื่อนไขที่เกิดจากการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ที่อาจทำให้การใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีลดลง ส่งผลเสียต่อความต้องการผลิตภัณฑ์ของเรา ส่งผลกระทบต่ออัตราการใช้จ่ายของลูกค้า และอาจส่งผลเสียต่อความสามารถหรือความเต็มใจของลูกค้าในการซื้อข้อเสนอของเรา การชะลอการตัดสินใจซื้อของลูกค้าในอนาคตที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถของเราในการให้บริการให้คำปรึกษาในสถานที่ และการไม่สามารถให้บริการลูกค้าหรือการล่าช้าในการจัดหาข้อเสนอของเราซึ่งอาจส่งผลเสียต่อยอด ผลการดำเนินงาน และประสิทธิภาพทางการเงินโดยรวมของเราขายในอนาคต  การดำเนินงานของเราอาจได้รับผลกระทบทางลบจากปัจจัยภายนอกหลายประการที่เกี่ยวข้องกับการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ซึ่งไม่อยู่ในการควบคุมของเรา  ความเสี่ยงเพิ่มเติมที่อาจส่งผลต่อผลการดำเนินงานในอนาคตของเรานั้นได้อธิบายไว้อย่างครบถ้วนในเอกสารที่เรายื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงรายงานประจำปีในแบบฟอร์ม 20-F เอกสารที่ยื่นเหล่านี้มีอยู่ www.sec.govที่ในบางครั้ง เราอาจทำแถลงการณ์ที่เป็นลายลักษณ์อักษรและโดยวาจาเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งรวมถึงข้อความที่อยู่ในเอกสารที่บริษัทยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และรายงานของเราต่อผู้ถือหุ้น  เราไม่ดำเนินการปรับปรุงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าใดๆ ที่อาจทำขึ้นเป็นครั้งคราวโดยเราหรือในนามของเรา

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220126006116/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ:
Sandeep Deb Varman
Wipro Limited
sandeep.varman@wipro.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mattel และ Disney ประกาศข้อตกลงการอนุญาตให้ใช้สิทธิแฟรนไชส์ Disney Princess และ Disney Frozen ทั่วโลกในระยะยาว

Logo

เตรียมส่งเนื้อหาจากหลากหลายหมวดหมู่ถึงผู้ค้ารายย่อยทั่วโลกตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป

เอล เซกุนโด, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–26 มกราคม 2565

วันนี้ Mattel, Inc. (NASDAQ: MAT) ได้ประกาศเรื่องข้อตกลงการอนุญาตให้ใช้สิทธิแฟรนไชส์ ​​Disney Princess และ Frozen ทั่วโลกในระยะยาว โดย Mattel จะได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิทั่วโลกเพื่อพัฒนาของเล่นให้กับธุรกิจ Disney Consumer Products, Games and Publishing รวมถึงตุ๊กตาแฟชัน ตุ๊กตาขนาดเล็ก และหุ่นของเล่น ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะพร้อมเปิดตัวที่ร้านค้าปลีกทั่วโลกในช่วงต้นปี 2566 เป็นต้นไป

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220126005398/en/

(Graphic: Business Wire)

(กราฟิก: Business Wire)

Richard Dickson ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mattel กล่าวว่า “เราภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ Disney Princess และ Frozen กลับมายัง Mattel ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านตุ๊กตา เราตั้งใจที่จะนำแนวทางอันเป็นเอกลักษณ์ของ Mattel Playbook มาใช้ในการจัดการแบรนด์ ความเชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์และการตลาด รวมถึงการใส่ใจในรายละเอียดและคุณภาพอย่างไม่ลดละเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์และเป็นแรงบันดาลใจให้กับเรื่องราวและตัวละครที่น่าจดจำเหล่านี้”

การจัดเตรียมข้อตกลงการอนุญาตใช้สิทธิครั้งใหม่นี้ต่อยอดจากความสัมพันธ์ด้านการอนุญาตใช้สิทธิระหว่าง Mattel และ Disney สำหรับแฟรนไชส์ Toy Story  และ Cars ของ Pixar Animation Studio ที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงข้อตกลงการอนุญาตใช้สิทธิทั่วโลกสำหรับ Lightyear ที่เพิ่งประกาศไปเมื่อไม่นานมานี้

Stephanie Young ประธานธุรกิจ Disney Consumer Products, Games and Publishing กล่าวว่า “ความกล้าหาญและความเมตตาที่พบในเรื่องราวและตัวละครของ Disney Princess และ Frozen ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้แฟน ๆ ทั่วโลก จากการสานต่อความสัมพันธ์อันยาวนานกับ Mattel เราตั้งตารอที่จะขยายอาณาจักรแห่ง Disney Princess และ Frozen ให้กว้างขึ้นโดยนำเสนอยุคแห่งนวัตกรรมใหม่ของแฟรนไชส์อันเป็นที่รักเหล่านี้ผ่านผลิตภัณฑ์ที่มีเสน่ห์และการเล่นเกมที่หลากหลาย”

ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว Mattel จะพัฒนาตุ๊กตาบนแนวทางของ Disney Princess ได้แก่ AladdinBeauty and the Beast, Brave, Cinderella, The Little Mermaid, Mulan, Pocahontas, The Princess and the Frog, Sleeping Beauty, Snow White and the Seven Dwarfs, Tangled, Disney Frozen, The Little Mermaid Live Action, Moana D+ Series, Tiana D+ Series, Aladdin Live Action, Beauty & the Beast Live Action, Cinderella Live Action และ Mulan Live Action

เกี่ยวกับ Mattel

Mattel เป็นบริษัทของเล่นชั้นนำระดับโลกและและเป็นเจ้าของหนึ่งในแคตตาล็อกแฟรนไชส์ความบันเทิงสำหรับเด็กและครอบครัวที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก เราสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ล้ำสมัยที่สร้างแรงบันดาลใจ มอบความบันเทิง และพัฒนาศักยภาพของเด็ก ๆ ผ่านการเล่นเกม พร้อมกระตุ้นผู้บริโภคผ่านผลงานเกมเฟรนไชส์อันเป็นเอกลักษณ์ต่าง ๆ เช่น Barbie®, Hot Wheels®, Fisher-Price®, American Girl®, Thomas & Friends®, UNO®, Masters of the Universe®, Monster High® และ MEGA® รวมทั้งแบรนด์อื่น ๆ ที่เราเป็นเจ้าของและได้รับใบอนุญาตร่วมกับบริษัทความบันเทิงระดับโลก ผลิตภัณฑ์ที่เรานำเสนอประกอบด้วยเนื้อหาละครทีวีและภาพยนต์ เกม ดนตรี และกิจกรรมไลฟ์ต่าง ๆ บริษัทดำเนินงานผ่าน 35 สาขาและขายผลิตภัณฑ์ร่วมกับบริษัทอีคอมเมิร์ซและค้าปลีกชั้นนำระดับโลกในกว่า 150 ประเทศ Mattel ก่อตั้งขึ้นในปี 2488 และเป็นบริษัทที่ได้รับความน่าเชื่อถือในการเสาะหาความมหัศจรรย์และสร้างพลังความคิดสร้างสรรค์แก่เด็ก เพื่อรีดศักยภาพของเด็กออกมาได้อย่างเต็มที่ เยี่ยมชมผ่านทางออนไลน์ได้ที่ mattel.com

เกี่ยวกับ Disney Consumer Products, Games and Publishing

Consumer Products, Games, and Publishing (CPGP) คือแผนกหนึ่งของ Disney Parks, Experiences and Products (DPEP) ที่นำแบรนด์และแฟรนไชส์ที่ผู้คนชื่อนชอบมาสู่ชีวิตประจำวันของครอบครัวและแฟน ๆ ผ่านผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ตั้งแต่ของเล่นไปจนถึงเสื้อยืด แอปพลิเคชัน หนังสือ เกมคอนโซล และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึงประสบการณ์ที่สามารถพบได้ทั่วโลก ทั้งบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ shopDisney และที่ Disney Parks ร้านค้าปลีกทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งสาขาของ Disney Store ทั่วโลก ธุรกิจนี้เป็นศูนย์รวมของทีมผลิตภัณฑ์ระดับโลก ผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุญาตใช้สิทธิและการค้าปลีก ศิลปินและนักเล่าเรื่อง และนักเทคโนโลยีที่จุดประกายจินตนาการจากทั่วโลก

เกี่ยวกับ Disney Princess

Disney Princess เฉลิมฉลองการผจญภัยสุดมหัศจรรย์และเหล่าฮีโร่ผู้เปี่ยมด้วยพลังที่ผู้คนสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้แฟน ๆ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทั่วโลกค้นพบโลกใบใหม่และตระหนักถึงศักยภาพสูงสุดของพวกเขา ทุกตัวละครจาก Disney Princess ไม่ว่าจะเป็น Snow White ผู้มองโลกในแง่ดีและใจดี หรือ Moana ผู้รักการผจญภัย จะมาสร้างพลังให้แฟน ๆ ฝันที่จะนำความมหัศจรรย์ของเรื่องราวสุดประทับใจจาก Disney มาสู่ชีวิตจริง ด้วยการค้นหาความกล้าหาญที่จะเปลี่ยนแปลงโลกและเป็นผู้กำหนดชะตาของพวกเขาเอง

เกี่ยวกับ Frozen

ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง “Frozen” ของ Walt Disney Animation Studio สร้างปรากฏการณ์ทั่วโลกในปี 2556 โดยทำรายได้ถล่มทลายในบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลกมากกว่า 1,270 ล้านดอลลาร์ และได้รับรางวัลสาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยมจาก Academy Award®, Golden Globe® และ BAFTA® Award ภาคต่อที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล Oscar® อย่าง “Frozen 2”  เปิดตัวในปี 2562 ด้วยมูลค่ามากกว่า 1,450 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก และภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องถือเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังและความน่าสนใจในวงกว้างของแบรนด์ที่ผู้คนชื่นชอบนี้ ภาพยนตร์ทั้ง 2 เรื่องนี้กำกับโดย Chris Buck และ Jennifer Lee เขียนบทโดย Lee และผลิตโดย Peter Del Vecho และเป็นที่รู้จักในด้านดนตรีประกอบภายนตร์ที่ได้รับรางวัล ซึ่งสร้างสรรค์โดยนักเขียนเนื้อเพลง Kristin Anderson-Lopez และ Robert Lopez และนักแต่งเพลง Christophe Beck เพลงประกอบภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง “Frozen” ซึ่งประกอบด้วยเพลงเจ้าของรางวัลออสการ์อย่าง “Let It Go” ถูกจัดให้เป็นเพลงระดับควอดรูเปิลแพลตตินัมที่มียอดขายทั่วโลกกว่า 10 ล้านยูนิต และติดอันดับ Top 5 ในชาร์ต Billboard 200 ยาวนานถึง 33 สัปดาห์ โดยขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในชาร์ตนานถึง 13 สัปดาห์ ขณะที่เพลงประกอบภาพยนต์ “Frozen 2” ที่ติดชาร์ตเช่นเดียวกัน ก็มาพร้อมเพลงที่ได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์อย่าง “Into the Unknown” ด้าน “Frozen The Musical” มีการเล่นบนบรอดเวย์ตั้งแต่ปี 2561 ถึง 2563 และเริ่มทัวร์ไปยังอเมริกาเหนือในปี 2562 โดยมีผลงานสร้างสรรค์ในระดับนานาชาติที่ปัจจุบันมีการแสดงในลอนดอน โตเกียว และฮัมบูร์ก รวมถึงทัวร์ในออสเตรเลีย แฟน ๆ สามารถพบกับตัวละครจาก “Frozen” ได้ที่ Disney Parks & Resorts ทั่วโลก ทั้งตามสถานที่ท่องเที่ยวและการแสดงสดบนเวที สำหรับบน Disney+ แฟน ๆ สามารถเพลิดเพลินกับ “Frozen” และ “Frozen 2” และดำดิ่งสู่โลกและตัวละครในเรื่องต่าง ๆ เช่น “Olaf's Frozen Adventure”, “Once Upon a Snowman,” “Frozen Fever,” “Olaf Presents” และสารคดี “ Into the Unknown: Making Frozen 2”

MAT-CORP

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220126005398/en/

ติดต่อ:

สื่อมวลชน
Catherine Frymark
Catherine.Frymark@mattel.com

Niki Kazakos
Niki.Kazakos@mattel.com

Kristine Karaca
Kristine.Karaca@mattel.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


สัมผัสประสบการณ์ญี่ปุ่นแท้จริงผ่านอาหารที่หลากหลายของภูมิภาค – Japan National Tourism Organization (JNTO)

Logo

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–26 ม.ค. 2565

สำหรับนักเดินทางหลายๆ คน การได้สัมผัสประสบการณ์อาหารท้องถิ่นเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการเดินทางต่างประเทศ  ผลการสำรวจโดยสำนักงานการท่องเที่ยวญี่ปุ่นในปี 2562 เผยว่าการรับประทานอาหารญี่ปุ่นและการชิมสาเกญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ผู้มาเยือนญี่ปุ่นตั้งตารอคอยมากที่สุด

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220126005356/en/

Strolling around the old town in Takayama, famous for its saké breweries. (Photo: HIDA-TAKAYAMA Tourism & Convention Bureau. If you’d like to use this photo in your article or other publication, please download it from <a href=www.hida.jp/english/library/index.html)” src=”https://mms.businesswire.com/media/20220126005356/en/1339333/4/VOL_9.jpg” />

การเดินเล่นรอบเมืองเก่าในทาคายามะซึ่งขึ้นชื่อเรื่องโรงหมักสาเก (ภาพ HIDA-TAKAYAMA Tourism & Convention Bureau หากคุณต้องการใช้รูปภาพนี้ในบทความหรือสิ่งพิมพ์อื่นๆ ของคุณ โปรดดาวน์โหลดจาก https://www.hida.jp/english/library/index.html)

การท่องเที่ยวเชิงอาหารเป็นปรากฏการณ์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว  องค์การการท่องเที่ยวโลกนิยามให้คือ “กิจกรรมการท่องเที่ยวที่โดดเด่นด้วยประสบการณ์ด้านอาหารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง”  กิจกรรมต่างๆ ได้แก่ การเยี่ยมชมผู้ผลิตในท้องถิ่น เทศกาลอาหาร และคลาสเรียนทำอาหาร  การท่องเที่ยวเชิงอาหารจะช่วยอนุรักษ์ประเพณีท้องถิ่นและรักษาความหลากหลายในการทำอาหาร

การลดลงของกิจกรรมล่าสัตว์ในญี่ปุ่นประกอบกับจำนวนพื้นที่รกร้างในชนบทที่เพิ่มขึ้นทำให้ประชากรสัตว์ป่าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้พืชผลในพื้นที่เพาะปลูกได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้น  ดังนั้น ได้เริ่มมีการเคลื่อนไหวทั่วประเทศเพื่อใช้สัตว์ที่เป็นเหยื่อล่า เช่น กวางและหมูป่าเป็นแหล่งอาหาร โดยคำภาษาฝรั่งเศส gibier ที่คนญี่ปุ่นใช้กันทั่วไปในตอนนี้เพื่ออ้างถึงเนื้อสัตว์ที่ถูกล่า

ภูมิภาค Nishi-Awaในพื้นที่ภูเขาของจังหวัดโทกูชิมะบนเกาะชิโกกุเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับวิธีการทำนาบนเนินเขาแบบโบราณและการอยู่ร่วมกันของผู้คนกับธรรมชาติ  ชุมชนในภูมิภาคนี้พยายามที่จะบรรเทาความเสียหายที่เกิดจากสัตว์ป่าโดยการส่งเสริมเนื้อสัตว์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว บ้านพัก Uribo minshuku เสิร์ฟจานอาหาร gibier และในฤดูหนาวพวก แขกสามารถลองล่าสัตว์ได้ เจ้าของได้ใช้โอกาสนี้ให้แขกได้ทำความรู้จักเกี่ยวกับวิถีชีวิตเกษตรกรรมของภูมิภาค

พื้นที่ฮิดะทาคายามะในจังหวัดกิฟุเป็นที่ตั้งของชิราคาวาโกที่มีชื่อเสียงในด้านมรดกโลก  เมืองทาคายามะได้รับคะแนนเต็มสามดาวจาก Michelin Green Guide Japan สำหรับภูมิทัศน์เมืองเก่า โดยมีอาคารไม้ที่ชวนให้นึกถึงสมัยเอโดะ มีการปลูกข้าวคุณภาพในพื้นที่ซึ่งมีน้ำจากภูเขาอุดมสมบูรณ์ โดยองค์ประกอบเหล่านี้ได้รวมกันเพื่อผลิตสาเกหอมมีเอกลักษณ์  ในเมืองทาคายามะมีโรงหมักสาเกเจ็ดแห่งที่ตั้งอยู่ในรัศมี 100 เมตร รวมถึงฮิราเสะซึ่งเป็นโรงสาเกที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองซึ่งผลิตสาเกมาตั้งแต่ปี 2166  นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมสถานที่เหล่านี้และลองดื่มสาเกในขณะที่เดินเล่นไปตามถนนสายประวัติศาสตร์  ฮิดะยังมีชื่อเสียงในด้าน เนื้อวัวฮิดะซึ่งผู้เข้าชมสามารถเพลิดเพลินกับการแช่สาเกท้องถิ่นได้เช่นกัน

ในเมืองเกโระ ห่างจากฮิดะทาคายามะไปทางใต้ 60 กม. เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ห่างไกลจากมาเซะซึ่งหลายคนถือว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น  แม่น้ำเขาวงกตที่ไหลผ่านเต็มไปด้วย ปลาอะยุ (ปลาหวาน) ซึ่งพบได้เฉพาะในแม่น้ำและลำธารที่สะอาดที่สุดเท่านั้นและได้รับการออกแบบให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่ 'เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม'  เขตหมู่บ้านนิชิมูระมีโปรแกรมที่เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสวิถีชีวิตชนบทที่แท้จริงผ่านทัวร์แบบมีไกด์และประสบการณ์ตรงรวมถึงการตกปลาและการทำอาหาร การชิมปลาหวานที่จับได้สดๆ เป็นกิจกรรมยามว่างที่ดีที่สุดในย่านชนบทของญี่ปุ่น!

จังหวัดนารา ศูนย์กลางทางการเมืองและศาสนาในสมัยโบราณของญี่ปุ่น จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม UNWTO World Forum on Gastronomy Tourism ครั้งที่ 7 ในเดือนมิถุนายน 2565 งานนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวและการทำอาหาร โดยผู้เข้าร่วมจะแบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหารโดยเป็นผู้มีส่วนทำให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน

ด้วยร้านอาหารที่หลากหลายกว่า 1.4 ล้านแห่งทั่ว 47 จังหวัดทั่วประเทศ ตั้งแต่ร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารร่วมสมัยไปจนถึงร้านอาหารแบบบ้านไร่ ผู้มาเยือนญี่ปุ่นจากต่างประเทศสามารถเพลิดเพลินกับการค้นพบการทำอาหารอย่างไม่รู้จบ!

สำหรับเนื้อหาเพิ่มเติมสำหรับบทความและเนื้อหาของคุณ โปรดไปที่ Japan Online Media Center (JOMC)

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220126005356/en/

ติดต่อ:

Mayuko Harada
Weber Shandwick JNTO Team
media_inquiry@jnto.go.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

LightCON เปิดตัวการสั่งซื้อ NFT ล่วงหน้า สำหรับเกมใหม่ Rise of Stars (ROS)

Logo

  • เปิดจอง NFT ล่วงหน้า สำหรับไอเท็มยานรบแคริเออร์ของ ROS เริ่มวันที่ 27 มกราคม
  • กล่องนำโชค ยานรบแคริเออร์ NFT 1,504 กล่อง จะขายผ่านการประมูล WEMIX
  • ซิลเธอเรียม จำนวน 1.2 ล้าน ซิลเธิอเรียม จะมอบให้ผ่านกิจกรรม airdrop event และอื่น ๆ

ซองนัม, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–27 ม.ค. 2565

Rise of Stars (ROS) เกมมือถือใหม่ที่พัฒนาโดย LightCON บริษัทลูกของ WEMADE MAX (ซีอีโอร่วม: Hyunguk Chang, Gilhyung Lee) (KOSDAQ: 101730) เปิดตัวการจอง NFT ล่วงหน้า ของเกมยานรบแคริเออร์ในวันที่ 27 มกราคม

Rise of Stars (ROS) launches NFT presale of Warship Carriers on January 27. Warship Carrier is an item providing various buff benefits to the warships and serves as the main axis in the ROS token ecosystem. The presale is held twice between January 27 and February 17 on WEMIX Auction. 1,504 NFT Warship Carrier lucky boxes will be sold at discounted prices on a first-come-first-served basis. (Graphic: Business Wire)

Rise of Stars (ROS) เปิดตัวการเปิดจอง NFT ล่วงหน้าของยานรบแคริเออร์ในวันที่ 27 มกราคม ยานรบแคริเออร์เป็นไอเท็มที่มอบผลประโยชน์ต่าง ๆ ให้กับเรือรบและทำหน้าที่เป็นแกนหลักในระบบนิเวศโทเค็น ROS การเปิดจองล่วงหน้าจัดขึ้นสองครั้งระหว่างวันที่ 27 มกราคมถึง 17 กุมภาพันธ์ในการประมูล WEMIX ทั้งนี้ กล่องนำโชคยานรบแคริเออร์ NFT จำนวน 1,504 กล่องจะจำหน่ายในราคาลดพิเศษแบบมาก่อนได้ก่อน(กราฟิก: Business Wire)

ROS เป็นเกมบล็อคเชน เกมแรกที่เปิดตัวบนแพลตฟอร์ม WEMIX นอกเหนือไปจากการทำสงครามครั้งใหญ่แบบเรียลไทม์แล้ว เกมนี้ซึ่งตั้งอยู่บนจักรวาลอันกว้างใหญ่ ยังมียานรบและดาวเคราะห์ที่ถูกออกแบบมาอย่างประณีต

ROS มอบ ซิลเธอเรียม โทเค็นเกมตัวใหม่และไอเท็ม 'ยานรบแคริเออร์' ที่มีการดัดแปลงเป็น NFT ทั้งนี้ ก่อนการให้บริการอย่างเป็นทางการ จะมีการเปิดขาย NFT ล่วงหน้า

ยานรบแคริเออร์ซึ่งบรรทุกเรือรบจำนวนมาก เป็นไอเท็มที่ให้ผลประโยชน์ด้านบัฟต่าง ๆ แก่ยานรบและทำหน้าที่เป็นแกนหลักในระบบนิเวศโทเค็น ROS นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นในการรวบรวมอนุภาคซิลเธอ ซึ่งใช้แลกเปลี่ยนซิลเธอเรียม ซึ่งเป็นโทเค็นของเกม ยิ่งระดับของยานรบแคริเออร์สูงเท่าใด การรวบรวมอนุภาคซิลเธอ ก็จะยิ่งสูงขึ้นมากเท่านั้น

การขายล่วงหน้าจัดขึ้นสองครั้งระหว่างวันที่ 27 มกราคมถึง 17 กุมภาพันธ์ในการประมูล WEMIX โดยกล่องนำโชคยานรบแคริเออร์ NFT จำนวน 1,504 กล่อง จะถูกจำหน่ายในราคาลดพิเศษแบบมาก่อนได้ก่อน

ผ่านการเปิดจองล่งหน้าครั้งแรก กล่องนำโชคของยานรบแคริเออร์ระดับ Tier 1 จำนวน 500 กล่อง และกล่องนำโชคสำหรับยานรบแคริเออร์ระดับ Tier 2 จำนวน 252 กล่อง จะจำหน่ายในราคาลด 20% ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม ถึง 3 กุมภาพันธ์ สำหรับระหว่างช่วงการเปิดขายรอบที่สองตั้งแต่วันที่ 10 ถึง 17 กุมภาพันธ์จะมีการขายที่จำนวนเท่ากัน ในราคาลด 10%

เพื่อเป็นการฉลองการขาย NFT ล่วงหน้า ของ ROS จะมีการมอบโทเค็น ซิลเธอเรียม 1.2 ล้านโทเค็น ผ่านกิจกรรม airdrop event โดยผู้ที่ซื้อ NFT ทั้งหมดจะได้รับโทเค็น ซิลเธอเรียม ทั้งหมด 201,200 โทเค็น นอกจากนี้ ผู้ใช้ 20,000 คนที่เข้าร่วมในกิจกรรมชุมชนจะได้รับซิลเธอเรียม 50 โทเค็นต่อล็อต

ในวันที่ 12 นี้ ROS ได้เปิดการลงทะเบียนล่วงหน้าบน Google Play และ Apple App Store ในภูมิภาคทั่วโลก ยกเว้นเกาหลีและจีน ฯลฯ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการเปิดการลงทะเบียนล่วงหน้าทั่วโลก จะมีการจัดกิจกรรม airdrop ที่มีโทเค็นซิลเธอเรียม รวมกันทั้งหมดหนึ่งล้านเหรียญ

ดูรูปภาพ/มัลติมีเดียที่: https://www.businesswire.com/news/home/52567077/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สำหรับติดต่อ LightCON

Wemade Co., Ltd.

Young Ahn

+82-2-3709-2065

ay2000@wemade.com

Milken Institute แจ้งว่ามาเลเซียเป็นประเทศชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังเกิดใหม่สำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ

Logo

ดัชนีโอกาสการลงทุนจากต่างประเทศ หรือ Global Opportunity Index ของ Milken Institute ประเมินว่า 126 ประเทศใน 7 ภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ โดยเน้นที่ประเทศเกิดใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อวัดความน่าดึงดูดใจที่อาจเกิดขึ้นกับนักลงทุนต่างชาติ ทั้งนี้สวีเดนจัดอยู่ในอันดับที่ 1 โดยรวมในประเทศที่น่าลงทุน สหรัฐฯ หลุดจาก 5 อันดับแรก

ลอสแอนเจลิส–(BUSINESS WIRE)–26 มกราคม 2565

มาเลเซียจัดอยู่ในอันดับที่ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นประเทศเกิดใหม่ที่มีศักยภาพสูงสุดในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ตามดัชนีโอกาสการลงทุนจากต่างประเทศปี 2565 ของ Milken Institute (2022 Milken Institute Global Opportunity Index) การประเมินประจำปีนี้สร้างขึ้นเพื่อช่วยแจ้งให้นักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายทราบในการตัดสินใจการลงทุนทั่วโลก ประเมินภูมิทัศน์การลงทุนของเศรษฐกิจโดยใช้ตัวแปรต่าง ๆ อย่างเช่น แนวโน้มเศรษฐกิจมหภาค การเข้าถึงบริการทางการเงิน ศักยภาพสำหรับนวัตกรรมและการพัฒนาในอนาคต และอื่น ๆ

ดัชนีโอกาสการลงทุนจากต่างประเทศปี 2565 ประกอบด้วยผลรายงานที่เน้นที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่การไหลเข้าของเงินทุนอาจนำไปสู่นวัตกรรมที่เพิ่มขึ้น การสร้างงาน และความสามารถในการแข่งขัน

ประเทศเกิดใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีคะแนนที่ดีเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจเกิดใหม่และที่กำลังพัฒนาอื่น ๆ ใน 3 ด้านหลักได้แก่: 1) มีผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง 2) มีบุคลากรที่มีคุณสมบัติสูง และ 3) มีการบูรณาการอย่างแน่นแฟ้นกับเศรษฐกิจโลก

มาเลเซียซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดตราสารหนี้ที่ใหญ่เป็นอันดับสามในเอเชีย (รองจากญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลี) ได้ดำเนินการตามขั้นตอนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพื่อผ่อนคลายข้อจำกัดและออกนโยบายเพื่อใช้ประโยชน์จากการพัฒนาการค้า ซึ่งช่วยให้ประเทศสามารถครองตำแหน่งอันดับหนึ่งในดัชนีปีนี้

“ในผลรายงานประจำปีนี้ เราระบุนโยบายหลายประการที่จะช่วยให้ประเทศเกิดใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงแข่งขันได้ในแง่ของโอกาสในการลงทุน” Claude Lopez, PhD หัวหน้าแผนกวิจัยที่ Milken Institute กล่าว “รัฐบาลในภูมิภาคต้องเสริมสร้างกรอบโครงสร้างสถาบัน บูรณาการในระดับภูมิภาคอย่างลึกซึ้งเพื่อใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและโอกาสที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศ และเพิ่มผลกระทบทางสังคมสูงสุดโดยใช้ประโยชน์จากกระแสเงินทุนทั่วโลกเพื่อพัฒนาที่ก้าวไกล”

ผลการรายงานที่สำคัญจากดัชนีโอกาสการลงทุนจากต่างประเทศปี 2565 ได้แก่:

  • สวีเดนยังคงครองอันดับที่ 1 จากปี 2564 ในฐานะประเทศที่มีศักยภาพในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด ตามมาด้วยสหราชอาณาจักรที่อยู่อันดับ 2 และเดนมาร์กในอันดับที่ 3 สหรัฐฯ ตกลงจากอันดับสามในปี 2564 มาอยู่ที่อันดับเก้าในปีนี้ โดยส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอและสภาวะทางการเงิน
  • มาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซียครองตำแหน่งสูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เกิดใหม่ มาเลเซียได้รับการจัดอันดับสูงสุดในภูมิภาคเนื่องจากผลงานที่แข็งแกร่งในทุกหมวดหมู่ที่นำมาวัด เวียดนามและฟิลิปปินส์เข้าในห้าประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามลำดับ
  • ในปีนี้ ดัชนีโอกาสการลงทุนจากต่างประเทศได้เพิ่มตัวแปรด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) 7 ประการ ซึ่งรวมถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และสัดส่วนของผู้หญิงในตำแหน่งรัฐบาล ตัวแปรเหล่านี้ได้รวมไว้เพื่อสะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนในการรวมข้อมูล ESG เข้ากับการตัดสินใจทางธุรกิจ

ดัชนีโอกาสการลงทุนจากต่างประเทศประเมินอย่างไร:

เพื่อสร้างดัชนี Milken Institute ประเมินโอกาสในการลงทุนผ่านตัวแปร 100 ตัวที่จัดเป็น 5 หมวดหมู่และ 14 หมวดหมู่ย่อย หมวดหมู่หลักห้าประเภท ได้แก่ การรับรู้ทางธุรกิจ การบริการทางการเงิน มาตรฐานและนโยบายระหว่างประเทศ ความรู้พื้นฐานด้านเศรษฐกิจ และกรอบโครงสร้างสถาบัน ตัวแปรภายในหมวดหมู่เหล่านี้วัดจากทุกมุมของศักยภาพในการลงทุนของประเทศ ซึ่งรวมถึงการเปิดกว้างและประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ ข้อจำกัดทางธุรกิจ และความสามารถและความหลากหลายของแรงงาน แหล่งข้อมูลรวมถึงธนาคารโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ องค์การสหประชาชาติ ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ และการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านสุขภาพโลก

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม สามารถดาวน์โหลดผลรายงานฉบับเต็มได้ที่นี่

ผลรายงานดัชนีโอกาสการลงทุนจากต่างประเทศปี 2565 ของ Milken Institute  โดยรวม
1. สวีเดน
2. สหราชอาณาจักร
3. เดนมาร์ก
4. ฟินแลนด์
5. เนเธอร์แลนด์

เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เกิดใหม่
1. มาเลเซีย
2. ไทย
3. อินโดนีเซีย
4. เวียดนาม
5. ฟิลิปปินส์

เกี่ยวกับ Milken Institute

The Milken Institute is a nonprofit, nonpartisan think tank that helps people build meaningful lives in which they can experience health and well-being, pursue effective education and gainful employment, and access the resources required to create ever-expanding opportunities for themselves and their broader communities. For more information, visit https://milkeninstitute.org/.

Milken Institute เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรและไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดที่ช่วยให้ผู้คนสร้างชีวิตที่มีความหมายซึ่งพวกเขาสามารถสัมผัสสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ติดตามการศึกษาที่มีประสิทธิภาพและการจ้างงานที่เหมาะกับความสามารถ และเข้าถึงทรัพยากรที่จำเป็นในการสร้างโอกาสที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับตนเองและชุมชนในวงกว้าง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ https://milkeninstitute.org/

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220126005247/en/

ติดต่อสื่อ: Chad Clinton, cclinton@milkeninstitute.org, + 1 202-262-1067

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Thai Herald

Thai Herald