Category Archives: Featured

Cyble บริษัทสตาร์ทอัพตรวจสอบอาชญากรรมทางไซเบอร์และเว็บมืด ประกาศระดมทุนในรอบ Series A ได้ 10 ล้านดอลลาร์ฯ

Logo

แอตแลนตา & เมลเบิร์น, ออสเตรเลีย–(BUSINESS WIRE)–22 กุมภาพันธ์ 2565

Cyble บริษัทป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เปิดเผยในวันนี้ว่า บริษัทระดมทุนในรอบ Series A ได้มูลค่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการระดมทุนดังกล่าวนำโดยบริษัท Blackbird และบริษัทที่เข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ Spider Capital, January Capital, Cendana Capital และ VentureSouq เงินที่ได้จากการระดมทุนจะถูกจัดสรรเพื่อขยายแผนงานผลิตภัณฑ์ของ Cyble ให้สามารถเจาะลึกเข้าไปในตลาดปัจจุบันและตลาดใหม่ รวมทั้งขยายขีดความสามารถของ Cyble Research Labs (CRL)

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220215006151/en/

Cyble Co-founders, Beenu Arora (right) and Manish Chachada (left) (Photo: Business Wire)

Beenu Arora (ขวา) และ Manish Chachada (ซ้าย) ผู้ร่วมก่อตั้ง Cyble (รูปภาพ: Business Wire)

Cyble ก่อตั้งขึ้นโดย Beenu Arora และ Manish Chachada ในปี 2562 บริษัทให้บริการตรวจสอบข้อมูลเว็บมืดและเว็บทั่วไปอย่างต่อเนื่องแบบเรียลไทม์ในแหล่งที่มาแบบเปิดและแบบปิด เพื่อทำแผนที่ ตรวจสอบ และลดความเสี่ยงทางดิจิทัลของบริษัทต่าง ๆ วันนี้ Cyble มีสาขาอยู่ใน 6 ประเทศและธุรกิจเพิ่มขึ้นสามเท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ข่าวการระดมทุนในรอบ Series A เกือบครบรอบหนึ่งปีนับตั้งแต่การระดมทุนในรอบ Seed ครั้งแรกของ Cyble ในเดือนเมษายน 2564, Cyble ประกาศว่าได้ระดมทุน 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นำโดยบริษัท Blackbird และ Spider Capital รวมทั้งบริษัทที่เข้าร่วมอย่าง Picus Capital และ Cathexis Ventures นับตั้งแต่นั้นมา บริษัทก็ได้สร้างรากฐานที่มั่นคงผ่านการเติบโตอย่างยั่งยืน พัฒนาข้อเสนอของลูกค้าด้วยการเฝ้าระวังเว็บมืด แบรนด์ และการโจมตี ขยายฐานลูกค้าใน 6 ประเทศ และเพิ่มจำนวนพนักงานจาก 25 เป็น 80 คน

Manish Chachada ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Cyble กล่าวว่า “Cyble เริ่มต้นด้วยเป้าหมายที่ทะเยอทะยานเพื่อทำให้องค์กรต่าง ๆ มองเห็นเว็บมืดอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง และเพิ่มความสามารถให้องค์กรเหล่านั้นเสริมสร้างความแข็งแกร่งของโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัย และทำให้มั่นใจได้ถึงความสามารถในการรับมือต่อการโจมตีทางไซเบอร์ที่อันตราย เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนของเราในการดำเนินตามวิสัยทัศน์ของ Cyble ต่อไป และรู้สึกเป็นเกียรติที่ Cyble ได้รับการยอมรับว่าเป็นกระบอกเสียงชั้นนำในด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ และเป็นพันธมิตรที่น่าเชื่อถือ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถพัฒนากลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงด้านดิจิทัลได้”

Minsoo Chi จาก Spider Capital กล่าวว่า “เรารู้สึกประทับใจกับ Beenu และ Manish และทีมงาน Cyble ทั้งหมดเกี่ยวกับการดำเนินงานเพื่อให้องค์กรสามารถมองเห็นเว็บมืดได้แบบเรียลไทม์ เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้สนับสนุนวิสัยทัศน์ของพวกเขาต่อไป เพื่อทำให้การป้องกันความเสี่ยงทางดิจิทัลสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง”

Tom Humphrey จาก Blackbird กล่าวว่า “ในเวลาไม่ถึง 12 เดือน การเติบโตที่ Cyble ทำได้นั้นช่างน่าอัศจรรย์มาก Beenu, Manish และทีมงานของพวกเขามีความคืบหน้าอย่างมากในแผนงานด้านผลิตภัณฑ์และการขยายธุรกิจไปทั่วโลก และแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น Cyble กำลังแก้ปัญหาที่ยิ่งใหญ่และแสนเจ็บปวดสำหรับธุรกิจทั่วโลก และเราภูมิใจที่จะสนับสนุนความทะเยอทะยานของพวกเขาต่อไป”

นอกจากความตั้งใจอย่างต่อเนื่องในการลดและจัดการความเสี่ยงในโลกไซเบอร์ให้แก่ลูกค้าแล้ว Cyble ยังได้เปิดตัวหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย (LEA) และโซลูชันการป้องกันภัยคุกคามตามความเหมาะสม หรือ Cyble Hawk เพื่อช่วยบังคับใช้กฎหมาย และช่วยหน่วยงานของรัฐในการต่อสู้กับความเสี่ยงทางไซเบอร์ที่แผ่ขยายไปยังระดับชาติและประเทศอื่น ๆ

Beenu Arora ประธานจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Cyble กล่าวว่า “การระดมทุนในรอบ Series A เป็นก้าวสำคัญสำหรับบริษัทที่เติบโตอย่างรวดเร็วของเรา และเป็นการยืนยันว่า Cyble ได้เข้ามาเป็นผู้บุกเบิกและผู้นำทางความคิดในอุตสาหกรรมการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้รับการสนับสนุนในครั้งนี้ และตั้งใจที่จะนำเงินทุนเหล่านี้ไปใช้เพื่อสนับสนุนการวิจัย การพัฒนา และความสามารถในการเฝ้าระวังของเราให้สูงขึ้นไปอีก อาชญากรรมทางไซเบอร์ที่ดำเนินการผ่านเว็บมืดเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณและไม่มีการปิดบัง เราเชื่อว่าการป้องกันภัยคุกคามอย่างต่อเนื่องและการเฝ้าระวังเว็บมืดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับองค์กรในการระบุและจัดการการละเมิดข้อมูลในเวลาที่เหมาะสม Cyble มุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชั่นการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ครอบคลุม ซึ่งสอดคล้องกับฐานลูกค้าที่กำลังเติบโตของเรา”

เกี่ยวกับ Cyble:
Cyble เป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์การป้องกันภัยคุกคามระดับโลกที่ช่วยให้องค์กรปกป้องตนเองจากอาชญากรรมทางไซเบอร์และการเผชิญกับเว็บปกติ (surface web) เว็บเฉพาะกลุ่ม (deepweb) และเว็บมืด (darkweb) ความตั้งใจหลักของบริษัทคือการทำให้องค์กรต่าง ๆ สามารถมองเห็นร่องรอยความเสี่ยงทางดิจิทัลแบบเรียลไทม์ได้ Cyble ได้รับการสนับสนุนจาก Blackbird Ventures, Xoogler และ Y Combinator ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้สนับสนุนในฤดูหนาวปี 2564 Cyble ยังได้รับการยอมรับจากนิตยสาร Forbes ให้เป็นหนึ่งใน 20 อันดับแรกของบริษัทสตาร์ทอัพด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ดีที่สุด และรางวัลชื่นชมในสาขาอื่น ๆ อีกหลายรายการ Cyble มีสำนักงานใหญ่อยู่ในรัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา และมีสำนักงานในออสเตรเลีย สิงคโปร์ และอินเดีย และยังมีสาขาอยู่ทั่วโลกอีกด้วย เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Cyble ได้ที่ www.cyble.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220215006151/en/

ติดต่อ:

Enquiries@Cyble.com
+1 678 379 3241

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Integromat ขยายวิสัยทัศน์เพื่อเพิ่มพลังให้ผู้ใช้ได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อย่างไร้ขีดจำกัด

Logo

ให้ทุกคนสามารถออกแบบ สร้าง และทำให้ทุกอย่างเป็นอัตโนมัติได้ตั้งแต่งานและเวิร์กโฟลว์ไปจนถึงแอพและระบบ—ด้วยความเร็วของความคิด

ปราก–(บิสิเนส ไวร์)–22 ก.พ. 2565

วันนี้ Integromat แพลตฟอร์มการรวมแบบไร้โค้ดเปิดตัว “Make” Make เป็นตัวแทนของชื่อแบรนด์ ธุรกิจ และผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายที่ช่วยให้คุณออกแบบ สร้าง และทำให้ทุกอย่างเป็นอัตโนมัติตั้งแต่เวิร์กโฟลว์ง่ายๆ ไปจนถึงกระบวนการที่ซับซ้อนโดยไม่ต้องเขียนโค้ด  ชื่อแบรนด์ใหม่และอัตลักษณ์ได้รับการพัฒนาควบคู่ไปกับผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อจับภาพวิสัยทัศน์ที่กว้างขึ้นสำหรับโลกที่ทุกคนมีพลังในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อย่างไร้ขีดจำกัด

“Make จับภาพวิวัฒนาการของแพลตฟอร์มของเรา จิตวิญญาณของลูกค้าของเรา และสะท้อนถึงหนึ่งในแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดในยุคของเรา: จากงานที่เข้มงวด จากบนลงล่าง ซ้ำซาก ไปจนถึงงานที่ยืดหยุ่น เพิ่มขีดความสามารถ และมีความหมาย ผู้ใช้ของเราไม่ได้เป็นเพียงแค่เชื่อมต่อแอพหรือทำให้เวิร์กโฟลว์เป็นอัตโนมัติ พวกเขากำลังตอบสนองต่อความท้าทายในสถานที่ทำงานอย่างสร้างสรรค์ด้วยการสร้างโซลูชัน” Ondřej Gazda ซีอีโอของ Make กล่าว “พูดง่ายๆ เราตระหนักดีว่าผู้ใช้ของเราไม่ใช่แค่ผู้ใช้ แต่คือผู้สร้าง”

Make กำลังปูทางไปสู่อนาคตใหม่สำหรับการไม่มีโค้ดและกำหนดความหมายของการเป็นแพลตฟอร์มที่มองเห็นได้ใหม่  เครื่องมือที่ไม่มีโค้ดมักจะแสดงด้วยคุณลักษณะการลากและวางแบบภาพทั่วไป  สำหรับ Make การมองเห็นหมายถึงสิ่งที่แตกต่างออกไป โดย Make ช่วยให้ทีมเห็นภาพ ปรับเปลี่ยน และทำงานร่วมกันในกระบวนการที่ปรับขนาดได้เร็วเท่ากับองค์กรของพวกเขา  Make นำเสนอประสบการณ์ที่ใช้งานง่ายและสนุกสนาน ซึ่งทำให้แตกต่างจากเครื่องมืออัตโนมัติอื่นๆ

“เครื่องมือไร้โค้ดช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างและทำให้เป็นอัตโนมัติโดยไม่ต้องเขียนโค้ดใดๆ  Make ให้ข้อเสนอมากขึ้น: ภาษาภาพที่ส่งเสริมการพัฒนาอย่างทั่วถึงที่ทำให้กระบวนการเป็นรูปธรรมและส่งเสริมการทำงานร่วมกันเป็นทีมโดยไม่คำนึงถึงทักษะทางเทคนิค” Patrik Simek CTO ของ Make กล่าว “การสร้างสรรค์บน Make ยังสนุกและน่าตื่นเต้นเช่นกัน  เมื่อคุณตระหนักถึงสิ่งที่เป็นไปได้ จะรู้สึกเหมือนไม่มีขีดจำกัด  การเพิ่มขีดความสามารถให้กับมนุษย์ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมไม่เพียงแต่เปลี่ยนอนาคตของวิธีการทำงานของเรา แต่ยังเปลี่ยนโลกอีกด้วย”

ธุรกิจขนาดเล็ก, สตาร์ทอัพ, ขยายขนาด, ทีม และองค์กรทั่วโลก สามารถสร้างโซลูชันที่มีประสิทธิภาพ #withMake เพื่อขยายขนาดธุรกิจได้เร็วกว่าที่เคย

แพลตฟอร์ม Make มีพื้นฐานมาจากสถาปัตยกรรมใหม่ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการปรับขนาดและประสิทธิภาพได้อย่างมาก นอกจากนี้ยังมีความสามารถใหม่ที่ได้รับการร้องขออย่างสูงพร้อมประสบการณ์ภาพที่คุ้นเคยของ Integromat ที่ลูกค้าชื่นชอบ  ผู้ใช้ยังสามารถได้รับประโยชน์จากความสามารถในการเรียกใช้กระบวนการที่สำคัญของตนจากโฮสต์ในภูมิภาคที่ตนเลือก ไม่ว่าจะเป็นยุโรปหรืออเมริกาเหนือ (พร้อมกับภูมิภาคอื่นๆ ที่จะตามมา)

Integromat ถูกซื้อโดย Celonis ในปี 2020  ในตอนนี้ หนึ่งปีครึ่งต่อมา Make ได้เปิดตัวในฐานะหน่วยธุรกิจของตนเองภายใน Celonis.  Integromat จะยังคงเป็นผลิตภัณฑ์รุ่นเก่าจนถึงปี 2022  ลูกค้าที่มีอยู่ทั้งหมดจะมีโอกาสอัปเกรดเป็น Make ได้อย่างราบรื่นตลอดปีหน้า ลูกค้าใหม่สามารถลงทะเบียน Make และเริ่มใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มใหม่ได้ทันที

เกี่ยวกับ Make

Make เป็นแพลตฟอร์มภาพชั้นนำสำหรับทุกคนในการออกแบบ สร้าง และทำให้ทุกอย่างเป็นอัตโนมัติ ตั้งแต่งานและเวิร์กโฟลว์ ไปจนถึงแอพและระบบโดยไม่ต้องใช้ทักษะการเขียนโค้ด ทำให้บุคคล ทีม และองค์กรในแนวดิ่งทั้งหมดสร้างโซลูชันแบบกำหนดเองที่มีประสิทธิภาพซึ่งปรับขนาดธุรกิจได้เร็วกว่าที่เคย และสร้างอำนาจให้มากกว่า 500,000 องค์กรทั่วโลก เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Make ที่ www.make.com

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220222005231/en/

ติดต่อ:

Shiran Brodie
Head of Marketing
press@make.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายงาน BitMEX ฉบับใหม่ทำนายห้าสิ่งที่จะเปลี่ยนไปในโลกของ Crypto ปี 2565

Logo

มาเฮ, เซเชลส์–(BUSINESS WIRE)–17 ก.พ. 2565

BitMEX ซึ่งแพลตฟอร์มการลงทุน crypto ชั้นนำ ได้เผยแพร่รายงานใหม่ที่คาดการณ์การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในภูมิทัศน์ของ crypto ในปี 2565 ซึ่งรวมไปถึงการเสริมสร้างความเสมอภาคทางเพศในหมู่ผู้ใช้ crypto และการเพิ่มขึ้นของจำนวนการเข้าซื้อบริษัททางการเงินแบบดั้งเดิมโดยผู้เล่น crypto

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหาเป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220216006330/en/

Five Ways the World of Crypto Will Change in 2022 (Photo: Business Wire)

ห้าสิ่งที่จะเปลี่ยนไปในโลกของ Crypto ปี 2565 (รูปภาพ: Business Wire)

รายงานชื่อ ห้าสิ่งที่จะเปลี่ยนไปในโลกของ Crypto ปี 2565 ได้รับการพัฒนาด้วยข้อมูลจากผู้บริหารและพนักงานของ BitMEX หลายคน

รายงานมีจุดมุ่งหมายเพื่อสำรวจ สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตสำหรับอุตสาหกรรมในปี 2565 และปีต่อ ๆ ไป พร้อม ๆ ไปกับการยอมรับว่าจะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ที่แม้แต่ผู้สังเกตการณ์ที่ฉลาดที่สุดในวงการที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วนี้ยังต้องประหลาดใจอย่างแน่นอน

รายงาน BitMEX ได้คาดการณ์เอาไว้ห้าประการ ได้แก่

1. จะมีผู้หญิงจำนวนมากขึ้นกว่าเดิมที่จะยอมรับ Crypto ในปี 2565

2. Solana จะมาเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ Ethereum

3. Crypto Gaming จะบูม

4. ความต้องการผลิตภัณฑ์ออมทรัพย์ Crypto แบบที่ให้ผลตอบแทนสูงจะเพิ่มขึ้น

5. บริษัท Crypto จะมองหาการเข้าซื้อกิจการบริษัทแบบ TradFi

สามารถดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มได้ ที่นี่ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ BitMEX ผลิตภัณฑ์และบริการที่ขยายออกไป และข้อมูลเชิงลึกอื่น ๆ ของอุตสาหกรรม โปรดคลิก ที่นี่ หรือเยี่ยมชมบล็อกของ BitMEX

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220216006330/en/

ติดต่อ:

Taylor Bossung

press@bitmex.com, +852 5689 8725

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สูตรของเหลว RGC-COV19TM ที่ใช้ในการวิจัยของ Regencell Bioscience แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพผ่านทางผู้ป่วยที่ลงทะเบียนในการกำจัดโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลางภายในระยะเวลาการรักษา 6 วันในการทดลองประสิทธิภาพของ EARTH

Logo

  • ผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 36 จาก 37 รายที่รับการรักษาในการทดลองนี้ คิดเป็นประมาณร้อยละ 97.3 ของผู้ป่วย ผลรายงานว่าอาการทั้งหมดถูกกำจัดภายในระยะเวลาการรักษา 6 วัน ช่วยรักษาการสูญเสียหรือลดการรับรู้รสชาติและกลิ่น (“Sensory Dysfunction”) และไอเป็นครั้งคราว ทั้งนี้จำนวนสูงสุดของอาการต่าง ๆ ที่รายงานสำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่งคือ 14 ราย
  • ผู้ป่วยจำนวน 15 จาก 36 รายมีอาการผิดปกติทางประสาทสัมผัสก่อนเข้ารับการรักษา ในบรรดาผู้ป่วยจำนวน 15 รายนั้น มี 5 รายฟื้นตัวจากการทำงานทางประสาทสัมผัส ในขณะที่อีก 10 รายมีอาการดีขึ้นเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการรักษา 6 วัน
  • ผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 31 จาก 37 ราย คิดเป็นประมาณร้อยละ 83.8 ของผู้ป่วย ผลรายงานว่ามีการกำจัดอาการอย่างน้อยหนึ่งอาการหลังจากรับประทาน RGC-COV19 TM ครบ 1 โดส (วันที่ 1 ของการรักษา) ด้วยจำนวนมากที่สุดของการกำจัดอาการหลังจาก 1 วัน ของการรักษาคือ 7 อาการ
  • จากผู้ป่วย 37 ราย ในผู้ป่วยจำนวน 9 รายมีอาการหายใจลำบาก (อาการหายใจไม่ออก หรือ difficulty breathing) ร่วมกับอาการเจ็บหน้าอกอย่างต่อเนื่อง ผู้ป่วย 6 จาก 9 รายนี้ไม่มีอาการหายใจลำบากและ/หรือเจ็บหน้าอกอย่างต่อเนื่องหลังจากได้รับ RGC-COV19 TM ครบ 1 โดส
  • ผู้ป่วยทั้งหมด 23 รายที่เริ่มใช้ RGC-COV19 TM ภายใน 3 วันนับจากเริ่มมีอาการ ใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 3.2 วัน ในการกำจัดอาการทั้งหมด ช่วยรักษาในความผิดปกติทางประสาทสัมผัสและอาการไอเป็นครั้งคราว
  • ผู้ป่วยทั้งหมด 14 รายที่เริ่มใช้ RGC-COV19TM ระหว่าง 4 ถึง 5 วันนับจากเริ่มมีอาการ ใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 3.6 วัน ในการกำจัดอาการทั้งหมด ช่วยรักษาความผิดปกติทางประสาทสัมผัสและอาการไอเป็นครั้งคราว

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–17 กุมภาพันธ์ 2565

Regencell Bioscience Holdings Limited (NASDAQ: RGC) (“Regencell” หรือ “บริษัท”) ในวันนี้ประกาศผลการวิเคราะห์บุคคลทั้งหมด 37 รายที่ลงทะเบียนในการประเมินค่า/การตัดสินและการประเมิน RGC-COV19TM TCM ผ่านแนวทางแบบองค์รวม หรือ Evaluation and Assessment of RGC-COV19TM TCM through a Holistic approach (“EARTH”) การทดลองใช้ประสิทธิภาพโดย Regencell Bioscience Asia Limited (“Regencell Asia”) ของ COVID-19 oral TCM candidate RGC-COV19TM ใหม่ชนิดรับประทาน (Regencell Bioscience (RGCA-CV01) ที่เป็นสูตรของเหลว) ผลลัพธ์ยังไม่ได้รับการควบคุมและตรวจสอบคุณภาพ เมื่อเสร็จสิ้นการทดลองประสิทธิภาพของ EARTH แล้ว RGC-COV19TM สามารถใช้ในวงกว้างขึ้นสำหรับการรักษาประชากรที่แสวงหาแนวทางธรรมชาติและองค์รวมเพื่อลดและกำจัดอาการของโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อลดความเสี่ยงของการรักษาในโรงพยาบาลและการเสียชีวิต

“ผลลัพธ์ของ EARTH ถือเป็นการเดินทางครั้งสำคัญของบริษัทโดยมีเป้าหมายในการช่วยและปรับปรุงชีวิตของผู้ป่วยทั่วโลก ในขณะที่ผู้ป่วยโควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้นทั่วโลกในปี 2565 จึงมีการเร่งโดยด่วนในการหาแนวทางแบบองค์รวมในการรักษาโควิด-19 ด้วยการก่อตั้ง Regencell Asia และจากผลการวิจัยเบื้องต้นของ EARTH เราหวังว่ากระบวนการในการหาทางเลือกในการรักษาโดยธรรมชาติสำหรับโควิด19 จะเร็วขึ้น ผลลัพธ์เหล่านี้เน้นให้เห็นถึงศักยภาพในการนำเสนอการรักษาแบบองค์รวมและเป็นธรรมชาติสำหรับโควิด-19” Ji Yang Lee (Jay) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Regencell Asia กล่าว

เกี่ยวกับการทดลองประสิทธิภาพของ EARTH

วัตถุประสงค์หลักของ EARTH คือการประเมินค่า/การตัดสินและการประเมินประสิทธิภาพใน TCM – RGC-COV19TM ของ Regencell Bioscience (Regencell Bioscience (RGCA-CV01) สูตรของเหลว) ในการลดและกำจัดอาการโควิด-19 ผ่านแนวทางองค์รวมภายในระยะเวลา 6 วัน

EARTH เป็นการทดลองประสิทธิภาพแบบไม่อำพรางซึ่งดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2565 เกณฑ์คุณสมบัติกำหนดให้ผู้ป่วยทุกรายได้รับการยืนยันทางห้องปฏิบัติการว่าติดเชื้อ SARS-CoV-2 ภายใน 3 วันก่อนการรักษาและมีอาการภายใน 5 วันก่อนการรักษา

ตามเกณฑ์ที่กล่าวไว้ข้างต้น ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการถูกปฏิเสธและในที่สุดก็มีผู้ป่วย 37 รายที่ผ่านการคัดเลือกและเข้ารับการลงทะเบียน ผู้ป่วยที่ลงทะเบียนมีอายุระหว่าง 5 ถึง 61 ปี และมีเชื้อชาติ ชาติพันธุ์ และภูมิหลังทางเศรษฐกิจและสังคมที่แตกต่างกัน จำนวน 23 รายอาศัยอยู่ในกัวลาลัมเปอร์และเซเรมบัน ประเทศมาเลเซีย ในขณะที่อีก 14 คนอาศัยอยู่ในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ผู้ป่วยที่ลงทะเบียนจำนวน 23 จาก 37 รายเริ่มใช้ RGC-COV19TM ภายใน 3 วันหลังจากเริ่มมีอาการ และผู้ป่วยที่เหลืออีก 14 รายเริ่มใช้ RGC-COV19TM ระหว่าง 4 ถึง 5 วันหลังที่เริ่มมีอาการ

ในการดำเนินการทดลอง EARTH ซึ่ง Regencell Asia ได้กำหนดการรักษาสูงสุดจำนวน 6 วันต่อผู้ป่วยหนึ่งราย ผู้ป่วยที่ลงทะเบียนต้องรายงานอาการโควิด-19 ทุกวันตามความรุนแรง 3 ประเภท (เล็กน้อย ปานกลาง รุนแรง) และรายการของอาการอย่างเช่น มีไข้ เหนื่อยล้า ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ปวดศีรษะ คลื่นไส้ รู้สึกร้อน หนาวสั่น ง่วงซึม หายใจถี่ เจ็บหน้าอกหรือแน่นอย่างต่อเนื่อง ปวดกล้ามเนื้อและไม่สบายท้อง ผู้ป่วยยังได้รับการร้องขอให้ระบุอาการอื่น ๆ ที่พวกเขาประสบอยู่ ทั้งนี้ผู้ป่วยแต่ละรายได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง 2 วัน ในขณะที่การทดสอบปฏิกิริยาลูกโซ่โพลีเมอเรสย้อนกลับ (RT-PCR) สำหรับผู้ป่วยในมาเลเซียดำเนินการทุก 2 วัน

เมื่อใดก็ตามที่ผลการทดสอบ RT-PCR ของผู้ป่วยเป็นลบหรือผู้ป่วยไม่มีอาการของโควิด-19 อีกต่อไป (ช่วยรักษาอาการผิดปกติทางประสาทสัมผัสหรือไอเป็นครั้งคราว) ภายในระยะเวลาการรักษา 6 วันนั้นการรักษาจะสิ้นสุดลง ขณะรับการรักษา TCM จำนวน 3 รายไม่ได้รับการฉีดวัคซีน จำนวน 3 รายได้รับการฉีดวัคซีนบางส่วน และจำนวน 31 รายได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน เมื่อสิ้นสุดการรักษาจำนวนผู้ป่วยทั้งหมดที่อาการหายไปอย่างสมบูรณ์ภายในระยะเวลาการรักษา 6 วัน ช่วยรักษาความผิดปกติทางประสาทสัมผัสและอาการไอเป็นครั้งคราวจะถูกบันทึกเพื่อประเมินประสิทธิภาพ

เกี่ยวกับผลลัพธ์ของ EARTH

ประสิทธิภาพของอาการหมดไปอย่างสมบูรณ์ภายในระยะเวลาการรักษา 6 วัน

ผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 36 จาก 37 ราย ได้รับการรักษาจนหมดอาการ ช่วยรักษาอาการผิดปกติทางประสาทสัมผัสและอาการไอเป็นครั้งคราวภายในระยะเวลาการรักษา 6 วัน การทดลองวัดประสิทธิภาพของเราแสดงให้เห็นว่าหลังจากรับ RGC-COV19TM ผู้ป่วยร้อยละ 97.3 ได้รับการกำจัดโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง ช่วยรักษาความผิดปกติทางประสาทสัมผัสและอาการไอเป็นครั้งคราวภายในระยะเวลาการรักษา 6 วัน ผู้ป่วยจำนวน 15 จาก 36 รายมีอาการผิดปกติทางประสาทสัมผัสก่อนเข้ารับการรักษา ในบรรดาผู้ป่วย 15 รายนั้น จำนวน 5 ราย มีการฟื้นตัวของการทำงานทางประสาทสัมผัส ขณะที่อีก 10 รายที่เหลือมีอาการดีขึ้นเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการรักษาจำนวน 6 วัน

จากผู้ป่วยจำนวน 36 ราย ซึ่งจำนวนวันที่ใช้รักษาจนหมดอาการ ช่วยรักษาอาการผิดปกติทางประสาทสัมผัสและไอเป็นครั้งคราวภายในระยะเวลาการรักษาจำนวน 6 วัน คือ 1 วัน = ผู้ป่วยจำนวน 6 ราย, 2 วัน = ผู้ป่วยจำนวน 7 ราย, 3 วัน = ผู้ป่วยจำนวน 5 ราย, 4 วัน = ผู้ป่วยจำนวน 11 ราย, 5 วัน = ผู้ป่วยจำนวน 4 ราย, 6 วัน = ผู้ป่วยจำนวน 3 ราย

อาการหมดไปหลังจากได้รับ RGC-COV19TM ครบ 1 โดส

ผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 31 จาก 37 ราย คิดเป็นประมาณร้อยละ 83.8 ของผู้ป่วย ผลรายงานการกำจัดอาการอย่างน้อยหนึ่งอาการหลังจากรับ RGC-COV19TM ครบ 1 โดส ด้วยจำนวนที่มากที่สุดของการกำจัดอาการหลังจากการรักษา 1 วัน ได้ถูกรายงานโดยผู้ป่วยจำนวน 7 ราย จำนวนวันเฉลี่ยที่ใช้ตั้งแต่เริ่มการรักษาสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ทั้ง 37 รายที่อาการหมดไป ช่วยรักษาความผิดปกติทางประสาทสัมผัสและอาการไอเป็นครั้งคราวอยู่ที่ประมาณ 3.4 วัน จำนวนมากที่สุดของอาการต่าง ๆ ที่รายงานโดยผู้ป่วยคือ 14 อาการ และจำนวนเฉลี่ยของอาการต่าง ๆ ที่รายงานคือประมาณ 6 อาการ

มาเลเซีย – การรักษาที่นำไปสู่การตรวจด้วยวิธี RT-PCR ที่ได้ผลลบ

จากผู้ป่วยจำนวน 23 รายจากมาเลเซีย มีผู้ป่วยจำนวน 10 ราย (คิดเป็นประมาณร้อยละ 43.48) ทดสอบวิธี RT-PCR ที่ได้ผลลบภายใน 6 วันของการรักษา (RT-PCR ที่ได้ผลลบใน 2 วัน = ผู้ป่วยจำนวน 4 ราย, 4 วัน = ผู้ป่วยจำนวน 4 ราย, 5 วัน = ผู้ป่วยจำนวน 1 ราย, 6 วัน = ผู้ป่วยจำนวน 1 ราย) นับตั้งแต่เริ่มการรักษา จำนวนวันเฉลี่ยของผู้ป่วยจำนวน 10 รายที่ทดสอบได้ผลเป็นลบคือ 3.5 วัน จำนวนวันต่ำสุดและสูงสุดที่ผู้ป่วยทดสอบได้ผลเป็นลบคือ 2 และ 6 วันตามลำดับ ผู้ป่วยที่เหลืออีก 13 ราย ที่อาการหมดไป ช่วยรักษาอาการผิดปกติทางประสาทสัมผัสและไอเป็นครั้งคราวภายใน 6 วัน (โดยเฉลี่ยประมาณ 3.5 วัน) ดังนั้นจึงไม่ได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพิ่มเติม

การรักษาภายใน 3 วันนับจากเริ่มมีอาการ เทียบกับภายใน 4 ถึง 5 วันนับจากเริ่มมีอาการ

การวิเคราะห์เพิ่มเติมพบว่าผู้ป่วยจำนวน 23 รายที่เริ่มใช้ RGC-COV19TM ภายใน 3 วันนับจากเริ่มมีอาการใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 3.2 วันที่อาการหมดไป ช่วยรักษาความผิดปกติทางประสาทสัมผัสและอาการไอเป็นครั้งคราว โดยจำนวนสูงสุดของอาการต่าง ๆ ที่รายงานโดยบุคคลใดบุคคลหนึ่งคือ 14 อาการและจำนวนเฉลี่ยของอาการต่าง ๆ ที่รายงานคือ 5 อาการ

ผู้ป่วยที่เหลืออีกจำนวน 14 รายที่เริ่มใช้ RGC-COV19TM ระหว่าง 4 ถึง 5 วันนับจากเริ่มมีอาการใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 3.6 วันที่อาการหมดไป ช่วยรักษาความผิดปกติทางประสาทสัมผัสและอาการไอเป็นครั้งคราว โดยจำนวนสูงสุดของอาการต่าง ๆ ที่รายงานโดยบุคคลใดบุคคลหนึ่งคือ 13 อาการและจำนวนเฉลี่ยของอาการที่รายงานคือ 7 อาการ

สถานะการฉีดวัคซีน

ผู้ป่วยจำนวน 3 รายที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ผลรายงานว่าแต่ละรายมีอาการโดยเฉลี่ย 3 อาการ และผู้ป่วยทั้ง 3 รายใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 2.3 วันในการกำจัดอาการ ผู้ป่วยจำนวน 3 รายที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพียงบางส่วน ผลรายงานอาการโดยเฉลี่ย 3 อาการต่อราย และใช้เวลาประมาณ 3.3 วันที่อาการหมดไป ช่วยรักษาความผิดปกติทางประสาทสัมผัส ผู้ป่วยจำนวน 1 ใน 3 รายนี้ทดสอบ RT-PCR ได้ผลเป็นลบหลังการรักษาจำนวน 4 วัน ผู้ป่วยที่เหลือซึ่งได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน ผลรายงานจำนวนเฉลี่ย 6 อาการ และผู้ป่วยเหล่านี้ใช้เวลาประมาณ 3.5 วันที่อาการหมดไป ช่วยรักษาความผิดปกติทางประสาทสัมผัสและอาการไอเป็นครั้งคราว ผู้ป่วยทุกรายที่ได้รับการฉีดวัคซีนอาจได้รับวัคซีนเข็มแรก เข็มสอง หรือวัคซีนสูตรไขว้จาก Pfizer-BioNTech, Moderna, AstraZeneca, Sinovac-CoronaVac และ/หรือ Janssen ของ Johnson & Johnson

ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง

จากผู้ป่วยจำนวน 37 ราย ผู้ป่วยจำนวน 9 รายมีอาการหายใจลำบาก (อาการหายใจไม่ออก) ร่วมกับอาการเจ็บหน้าอกอย่างต่อเนื่อง ผู้ป่วยจำนวน 6 ใน 9 รายนี้ไม่มีอาการหายใจลำบากและ/หรือเจ็บหน้าอกอย่างต่อเนื่องหลังจากได้รับ RGC-COV19 TM  ครบ 1 โดส

ไม่มีผลข้างเคียง

จากข้อมูลที่ผู้ป่วยรายงานด้วยตนเอง ไม่มีอาการแย่ลงระหว่างและหลังการใช้ RGC-COV19TM และไม่มีผู้ป่วยรายใดได้รับผลข้างเคียงที่ไม่ทราบสาเหตุ

ไม่มีการรักษาเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้น

ในบรรดาผู้ป่วยจำนวน 3 รายที่เป็นโรคร่วม อย่างเช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) โรคหอบหืด และโรคมะเร็ง ไม่มีการรักษาเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นและไม่มีการหยุด RGC-COV19TM เนื่องจากผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์

การเสียชีวิต/เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

เมื่อสิ้นสุดการทดลองใช้ประสิทธิภาพของ EARTH ไม่มีผู้ป่วยรายใดเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและไม่มีผู้เสียชีวิต ประสิทธิภาพของ RGC-COV19TM ไม่ได้รับผลกระทบจากระยะเวลาที่เริ่มมีอาการหรือปัจจัยเสี่ยง ผลลัพธ์มีความสอดคล้องกันในทุกช่วงอายุ เพศ เชื้อชาติและกลุ่มชาติพันธุ์ในผู้ป่วยที่ลงทะเบียน

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ EARTH

มีผู้ป่วยหลายร้อยล้านคนทั่วโลกที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด-19 และบางคนมีอาการหลังโควิด-19 อย่างเช่น เหนื่อยล้าอย่างรุนแรง (อ่อนเพลีย) หายใจลำบาก มีปัญหาด้านความจำและสมาธิ (สภาวะสมองล้า) ใจสั่น เวียนศีรษะ เจ็บหน้าอกหรือแน่น ปวดข้อ ซึ่งขณะนี้จัดอยู่ในกลุ่มอาการลองโควิด (long-COVID)

เนื่องจากอาการลองโควิดมีผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิตและความสามารถในการทำงานของแต่ละบุคคล Regencell Asia จึงอยู่ระหว่างการดำเนินการศึกษาสำหรับผู้ป่วยลองโควิดโดยใช้สูตรธรรมชาติและองค์รวม – RGC-COV19TM (RGCA-LCV01)

เกี่ยวกับ RGC-COV19TM

RGC-COV19TM (RGCA-CV01) เป็นสูตรของเหลวเพื่อการศึกษาวิจัยที่เป็นธรรมชาติชนิดรับประทาน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อลดและกำจัดอาการโควิด-19

RGC-COV19TM สามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัยเป็นเวลาสองถึงสามสัปดาห์ ในการดำเนินการEARTH การรักษาถูกจำกัดไว้ที่ 6 วัน เพื่อประเมินประสิทธิภาพในการลดและกำจัดอาการโควิด-19

Regencell เริ่มแนวทางเชิงสอบสวนเกี่ยวกับการรักษาโควิด-19 เมื่อเพื่อนของ Regencell ได้รับเชื้อโควิด-19 ในเดือนมีนาคม 2563 และ TCM Practitioner ได้ใช้สูตร TCM ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเขา โดยใช้มาตลอด 30 ปีที่ผ่านมาเพื่อรักษาผู้ป่วยที่เป็นหวัดและไข้หวัดใหญ่ต่าง ๆ รวมถึงในช่วงการระบาดของโรคซาร์สในปี 2546 ในการรักษาเขา ทั้งนี้ TCM Practitioner ได้ให้การรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่สมัครใจจำนวน 9 รายในสหรัฐอเมริกา “TCM Practitioner” หมายถึงพันธมิตรการวิจัยเชิงกลยุทธ์ของ TCM ซึ่ง Sik-Kee Au เป็นบิดาของผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเรา

ผลการศึกษาพบว่าการรักษาได้ผลดี เนื่องจาก Regencell มีเป้าหมายในการช่วยชีวิต ปรับปรุงความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ป่วย และตอบสนองความต้องการที่ไม่ได้รับการตอบสนองในตลาด Regencell ต้องการทำให้การรักษาแบบธรรมชาติและแบบองค์รวมพร้อมสำหรับผู้คนที่ต้องการ

ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 ถึงสิงหาคม 2564 Regencell ได้ตั้งค่าโปรโตคอลและขั้นตอนการดำเนินการทดลองประสิทธิภาพของ EARTH ในมาเลเซียและสหรัฐอเมริกา

RGC-COV19TM ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติเพื่อกระตุ้นกลไกการรักษาของร่างกายและยาช่วยบรรเทาอาการของโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างเช่น มีไข้ อ่อนเพลีย ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ปวดศีรษะ คลื่นไส้ หนาวสั่น เซื่องซึม หายใจถี่ เจ็บอกเรื้อรัง และปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ ในขณะที่ยาทำงานเพื่อ (i) ลดและล้างเมือกและเสมหะออกจากระบบทางเดินหายใจส่วนบน; (ii) กำจัดเชื้อโรคจากไวรัสภายนอกผ่านทางเหงื่อ ปัสสาวะและอุจจาระ; (iii) ล้างความร้อนสิ่งที่อยู่ภายในและตับ; (iv) ดีท็อกซ์ตับ; และ (v) ปรับปรุงการไหลเวียนของร่างกาย

ด้วยการใช้ TCM Practitioner “Sik-Kee Au TCM Brain Theory®”, RGC-COV19TM ช่วยขจัดลิ่มเลือดออกจากสมองจึงฟื้นฟูการทำงานของสมองต่าง ๆ ของผู้ป่วย

RGC-COV19TM (RGCA-CV01) จัดให้ที่ 1 โดสของ RGCA-CV01-1Na (ประมาณ 230 มล.) และ 1 โดสของ RGCA-CV01-2Da (ประมาณ 230 มล.) ในแต่ละครั้ง โดยให้ 1 โดสของ RGCA-CV01-1Na เริ่มตั้งแต่คืนวันแรกของการรักษา และรับประทาน 1 โดสของ RGCA-CV01-2Da หลังอาหารกลางวันในวันถัดไปจนกว่าอาการจะหมดไป

เกี่ยวกับ Regencell Bioscience Holdings Limited และ Regencell Bioscience Asia Limited: ความก้าวหน้าในสูตร TCM ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยชีวิตและปรับปรุงชีวิต

เป็นระยะเวลากว่า 30 ปีที่ TCM Practitioner ซึ่ง Regencell Bioscience เป็นพันธมิตรด้วยได้รักษาผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของระบบประสาทและโรคติดเชื้อ TCM formulae candidates ของ TCM Practitioner มาจากสูตรพื้นฐานของ TCM และสูตรที่ปรับได้ซึ่งพัฒนาขึ้นจากทฤษฎีสมอง TCM ของเขาหรือที่รู้จักกันในชื่อ “Sik-Kee Au TCM Brain Theory®”

ทั้ง Regencell Bioscience และ TCM Practitioner มุ่งมั่นที่จะตอบแทนสังคมและแสดงให้เห็นถึง CARE ผ่านการดูแลผู้ป่วย ความรับผิดชอบโดยการรักษามาตรฐานคุณภาพและความซื่อสัตย์ในระดับสูง ความเคารพโดยประเมินค่าความร่วมมือ การทำงานเป็นทีมและความสามัคคี และความกระตือรือร้นในการปรับปรุงชีวิตของผู้ด้อยโอกาส

นับตั้งแต่จดทะเบียน Regencell Bioscience ผ่านการร่วมทุนกับ Honor Epic Enterprises Limited ได้ก่อตั้ง Regencell Bioscience Asia Limited เพื่อเสนอการรักษาที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 แก่ผู้ป่วยในประเทศอาเซียน อินเดีย ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เนื่องจาก Regencell Bioscience มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำตลาดระดับโลกในด้านการรักษาแบบธรรมชาติและแบบองค์รวมสำหรับความผิดปกติทางระบบประสาทและโรคติดเชื้อ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.regencellbioscience.com และ www.regencellasia.com

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มี “ข้อความที่มีลักษณะคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต” ตามความหมายของกฎหมายที่บังคับใช้ รวมถึงกฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐบาลกลางสหรัฐ ข้อความที่มีลักษณะคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้อาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ข้อความที่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ แผนงาน และกลยุทธ์ของเรา; ข้อความที่มีการคาดการณ์ผลการดำเนินงานหรือสถานะทางการเงิน; ข้อความที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย การพัฒนา และการใช้แพลตฟอร์มด้านเทคโนโลยี  เทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และตัวเลือกผลิตภัณฑ์ของเรา; และข้อความทั้งหมดที่กล่าวถึงกิจกรรม เหตุการณ์ หรือการพัฒนาที่เราตั้งใจ คาดหวัง โครงการ เชื่อ หรือคาดการณ์ว่าจะเกิดหรืออาจเกิดขึ้นในอนาคต ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนของบริษัทของเรา ได้แก่: ความสามารถของเราในการได้รับการอนุมัติด้านกฎระเบียบและ TCM formulae และ/หรือผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่สุดแล้วตาม TCM formulae ของเรา; ผลการศึกษาวิจัยของเราปราศจากอคติของผู้ปกครองหรือผู้ดูแลผู้ป่วย เนื่องจากเราอาศัยข้อมูลที่ได้รับจากพวกเขา; ความยากลำบากในการลงทะเบียนผู้ป่วยในการศึกษาวิจัยของเรา; ผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ใด ๆ ที่เกิดจาก TCM formulae candidates อาจทำให้ล่าช้าหรือขัดขวางการอนุมัติด้านกฎระเบียบหรือขัดขวางการค้าเชิงพาณิชย์;หรือไม่ผลการศึกษาก่อนหน้านี้เกี่ยวกับ TCM formulae เฉพาะบุคคลสามารถคาดการณ์ผลการศึกษาวิจัยในอนาคตได้; ความล้มเหลวของกระบวนการวิจัยและพัฒนา; หรือไม่ TCM formulae candidates ใด ๆ ที่สามารถพัฒนา ผลิต ขาย ทำการตลาดและจัดจำหน่าย; ความสามารถในการค้าที่ประสบความสำเร็จในการรักษาใด ๆ ในอนาคต; ความสามารถของเราในการเพิ่มการรับรู้แบรนด์ของเรา; และความสามารถของเราในการได้มาและปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของเรา; และการประชาสัมพันธ์ที่ไม่พึงประสงค์ใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ TCM formulae candidates ส่วนผสมหรือโปรแกรมการตลาดแบบเครือข่าย เราได้ใช้ข้อความที่มีลักษณะคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้บนสมมติฐานและการประเมินโดยฝ่ายบริหารของเราตามประสบการณ์และการรับรู้ของพวกเขาเกี่ยวกับแนวโน้มในอดีต สภาวะปัจจุบัน การพัฒนาในอนาคตที่คาดหวัง และปัจจัยอื่น ๆ ที่พวกเขาเชื่อว่ามีความเหมาะสม นอกจากนี้บริษัทยังใช้และสันนิษฐาน โดยไม่มีการตรวจสอบโดยอิสระ ในความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมดที่มีจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ และไม่รับประกันโดยชัดแจ้งหรือโดยนัยเกี่ยวกับความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลดังกล่าว แม้ว่าผลการดำเนินงาน สถานะทางการเงินและสภาพคล่อง และการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เราดำเนินการอยู่จะสอดคล้องกับข้อความที่มีลักษณะคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตที่มีอยู่ในการนำเสนอนี้ แต่ก็อาจไม่ได้บ่งบอกถึงผลลัพธ์หรือการพัฒนาในอนาคต สำหรับการอภิปรายเกี่ยวกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอื่น ๆ เหล่านี้ โปรดดูรายงานประจำปีของเราในแบบฟอร์ม 20-F สำหรับปีสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 ซึ่งอยู่บนเว็บไซต์ของ SEC ได้ที่ www.sec.gov ข้อมูลทั้งหมดในเอกสารประชาสัมพันธ์นี้เป็นข้อมูล ณ วันที่เผยแพร่ และบริษัทไม่มีหน้าที่ในการปรับปรุงข้อมูลนี้เว้นแต่กฎหมายจะกำหนด คำเตือนนี้จัดทำขึ้นภายใต้บทบัญญัติด้านความปลอดภัยของมาตรา 21E ของกฎหมายปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 2538

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220216005895/en/

ติดต่อ:

นักลงทุนสัมพันธ์
James Chung
ir@rgcbio.com
+852 2155 0823

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mobil 1™ และปอร์เช่ฉลองครบรอบ 25 ปีด้วยการขยายสัญญา

Logo

ด้วยความร่วมมือ 25 ปี ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม การปกป้องในสภาวะที่รุนแรง และประสบการณ์การขับขี่ที่โดดเด่น Mobil 1 และปอร์เช่จะยังคงเป็นพันธมิตรในระยะยาว

  • น้ำมันเครื่อง Mobil 1 จะยังคงเป็นน้ำมันที่แนะนำสำหรับเครื่องยนต์ของปอร์เช่
  • เครื่องยนต์ปอร์เช่กว่า 1.5 ล้านตัวถูกเติมด้วยน้ำมันเครื่อง Mobil 1 จากโรงงาน
  • Mobil 1 ยังคงสนับสนุน Formula E และจัดหาผลิตภัณฑ์ Mobil EV™ ให้กับปอร์เช่

สปริง เท็กซัส–(บิสิเนส ไวร์)–16 ก.พ. 2565

Mobil 1 และปอร์เช่ประกาศขยายความสัมพันธ์ระยะยาวของพวกเขาเพื่อให้น้ำมันเครื่อง Mobil 1 ยังคงเป็นน้ำมันเครื่องที่แนะนำสำหรับโรงงานและศูนย์บริการสำหรับรถยนต์ปอร์เช่จนถึงปี 2569

เป็นเวลา 25 ปีที่แบรนด์ Mobil 1 และปอร์เช่ร่วมมือกันสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้บริโภคและผู้ขับขี่มอเตอร์สปอร์ต แบรนด์อันโด่งดังทั้งสองแบรนด์มีความมุ่งมั่นในการวิจัยและเทคโนโลยีขั้นสูงเหมือนกันและมีความปรารถนาที่จะเพิ่มประสิทธิภาพและการปกป้องเครื่องยนต์ให้สูงสุด

“Mobil 1 ช่วยให้ผู้ขับขี่ปอร์เช่ปลดล็อกความหลงใหลและสมรรถนะของรถ โดยมอบความสมดุลที่เหมาะสมระหว่างประสิทธิภาพ การปกป้อง ความทนทาน และประสิทธิภาพที่รถยนต์สมรรถนะสูงของปอร์เช่ต้องการ” Mike Smith ผู้อำนวยการฝ่ายพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระดับโลกของ ExxonMobil Fuels & Lubricants กล่าว “ตั้งแต่ปี 2539 เราได้สร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งซึ่งรวบรวมสิ่งที่ผู้บริโภคและทีมงานของเราปรารถนา ต้องการ และคาดหวังจากแบรนด์ระดับโลกและผู้นำในอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยประสิทธิภาพ บรรดาผู้ที่มาก่อนเราและผู้นำของเราในวันนี้มุ่งมั่นที่จะพัฒนาทั้งประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือ เราตั้งตารอที่จะผลักดันขอบเขตเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปของรถยนต์ปอร์เช่ทั้งหมดในอีก 25 ปีข้างหน้าและต่อๆ ไป”

การคิดแบบก้าวหน้าเป็นรากฐานของอุตสาหกรรมยานยนต์มาอย่างยาวนาน  สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า Mobil 1 ได้จัดหาของเหลวระบบส่งกำลังไฟฟ้าให้กับปอร์เช่ ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยเฉพาะเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะด้าน  Mobil EV™ นำเสนอประสิทธิภาพที่โดดเด่นโดยไม่สูญเสียกำลังรถ ความคล่องตัว หรือความปลอดภัย  ในขณะเดียวกัน ความร่วมมือระหว่าง Porsche Formula E และ Mobil EV เป็นบทพิสูจน์ความต่อเนื่องในการพัฒนาน้ำมันหล่อลื่นและของเหลวสมรรถนะสูง

“เป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษครึ่งที่ทีมของเราได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการพัฒนาเครื่องยนต์ที่ให้ขุมพลังแก่รถยนต์สมรรถนะสูงที่เป็นที่ต้องการและล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เคยมีมา” Dr. Michael Steiner สมาชิกคณะกรรมการบริหารฝ่ายวิจัยและพัฒนาของปอร์เช่ กล่าว “ในขณะที่ปอร์เช่แข่งขันและแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ExxonMobil ยังคงนำเสนอวิศวกรรมน้ำมันหล่อลื่นแบรนด์ Mobil อย่างเต็มรูปแบบเพื่อช่วยทีม Porsche Formula E ต่อยอดตำนานการแข่งรถ มรดกที่สืบทอดมายาวนานของผลิตภัณฑ์ ExxonMobil และตั้งตนเป็นตัวอย่างที่ดียิ่งขึ้นด้วย Mobil EV  เหตุการณ์สำคัญและการขยายสัญญานี้ไม่เพียงแต่เฉลิมฉลองการเป็นหุ้นส่วนของปอร์เช่และ ExxonMobil ในวันนี้เท่านั้น แต่ยังนำโอกาสเพิ่มเติมในการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์แบรนด์ของเราด้วยเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และจะดำเนินต่อไปในอีกหลายปีข้างหน้า”

เหตุการณ์สำคัญสำหรับความสัมพันธ์ของแบรนด์ Mobil 1 และปอร์เช่:

  • จนถึงปัจจุบัน เครื่องยนต์ของปอร์เช่มากกว่า 1.5 ล้านเครื่องได้เติมน้ำมันหล่อลื่น Mobil 1 จากโรงงาน
  • น้ำมันเครื่อง Mobil 1 เป็นน้ำมันเครื่องที่แนะนำสำหรับรถปอร์เช่กว่า 50 รุ่น รวมทั้ง 911, 918, Cayman, Panamera, Macan และ Cayenne
  • รถแข่ง Porsche ต่อไปนี้ทั้งหมดใช้ Mobil 1: 911 RSR, 911 GT3 R, 911 GT3 Cup และรถทั้งสี่คันของ Cayman GT4 Clubsport
  • แบรนด์ Mobil 1 ภาคภูมิใจที่ได้สนับสนุน Porsche 919 Hybrid 900 แรงม้า ในการแข่งขัน World Endurance Championship และยังคงสนับสนุน Porsche 911 GT3 Cup 510 แรงม้าใน Porsche Mobil 1™ Supercup
  • ตั้งแต่ปี 2550 แบรนด์ Mobil 1 เป็นผู้สนับสนุนหลักของ Porsche Mobil 1™ Supercup ที่เร็วที่สุด และการแข่งขันชิงแชมป์วันเมคระดับนานาชาติอันทรงเกียรติที่สุด

เกี่ยวกับ Mobil 1

Mobil 1 ซึ่งเป็นแบรนด์น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ชั้นนำของโลก เป็นโรงงานบรรจุรถยนต์เพื่อการผลิตที่ทรงพลังที่สุดในโลกหลายคัน  เครื่องยนต์ของปอร์เช่มากกว่า 1,500,000 เครื่องออกจากโรงงานด้วย Mobil 1  เทคโนโลยีป้องกันการสึกหรอขั้นสูงของ Mobil 1 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสังเคราะห์ขั้นสูงที่ให้ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าน้ำมันเครื่องทั่วไป  เทคโนโลยีนี้ทำให้วัสดุสังเคราะห์ขั้นสูงของ Mobil 1 เป็นไปตามหรือเกินกว่ามาตรฐานที่เข้มงวดที่สุดของผู้ผลิตรถยนต์ เช่น Porsche และ Bentley และให้การปกป้องที่ดีเยี่ยมต่อการสึกหรอของเครื่องยนต์ภายใต้สภาวะปกติหรือแม้แต่ในสภาวะที่รุนแรงที่สุด

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไป mobil.com และติดตาม @Mobil1 บน Facebook, Instagram และ Twitter

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220216005798/en/

ติดต่อ:

ExxonMobil Media Relations, 972-940-6007

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Pando Software: สนุกกับการต่อสู้ในเกม P2E ใหม่ ‘Legend of Pandonia’ พร้อมรับเหรียญเป็นรางวัล!

Logo

โซล เกาหลีใต้–(บิสิเนส ไวร์)–16 ก.พ. 2565

เกม P2E 'Legend of Pandonia (โดยต่อไปนี้จะเรียกว่า LoP)' ที่เพิ่งวางจำหน่ายไปในปี 2565 เป็นที่ชื่นชอบของผู้เล่นจำนวนมากทั่วโลกเพราะระบบการเล่นเกมคุณภาพสูง  ตอนนี้ ด้วยการรวมกระเป๋าเงินและการอัปเดต staking ผู้ใช้จำนวนมากขึ้นสามารถเข้าร่วมการเดินทางที่น่าสนใจและน่าตื่นเต้นของเหล่า Knights

The P2E game ‘Legend of Pandonia' released in 2022, is loved by many users all over the world for its high-quality gameplay. Now, through the wallet integration and staking update, users can join the interesting and exciting journey of the Knights. (Graphic: Business Wire)

เกม P2E ‘Legend of Pandonia'  ที่วางจำหน่ายในปี 2565 เป็นที่ชื่นชอบของผู้เล่นจำนวนมากทั่วโลกเพราะระบบการเล่นเกมคุณภาพสูง  ตอนนี้ ด้วยการรวมกระเป๋าเงินและการอัปเดต staking ผู้ใช้จำนวนมากขึ้นสามารถเข้าร่วมการเดินทางที่น่าสนใจและน่าตื่นเต้นของเหล่า Knights (กราฟิก: Business Wire)

รับเหรียญในกระเป๋าเงินของฉัน…อัปเดตที่มีการรวม Wallet!

ตอนนี้ผู้ใช้สามารถโอน mPANDO ที่ได้รับในเกมไปยังกระเป๋าเงินของพวกเขา  หากผู้ใช้สร้างกระเป๋าเงิน PANDO SWAP ผู้ใช้สามารถโอนสินทรัพย์ mPANDO ไปที่นั่นเพื่อทำการฝาก/ถอน  mPANDO ที่ฝากใน 'กระเป๋าเงินของฉัน' สามารถแลกเปลี่ยนเป็น Bitcoin และ Ethereum ได้แล้ว  เหรียญ PANDO สามารถแลกเป็น mPANDO ได้

ร้าน Pandonia เปิดแล้ว! เพลิดเพลินไปกับผลประโยชน์ staking ร่วมกัน!

ผู้ใช้สามารถใช้ mPANDO ที่ซื้อมาจากร้านค้าในเกม Pandonia  ร้านค้า Pandonia เป็นสถานที่ที่ผู้ใช้สามารถซื้อฮีโร่ SSR (ระดับสุดยอด) รวมถึงไอเท็มเฉพาะเพื่อเพลิดเพลินไปกับการต่อสู้ที่น่าอัศจรรย์มากขึ้นเรื่อยๆ  นอกจากนี้ยังมีไอเท็มหลากหลายที่สามารถทำให้ฮีโร่แข็งแกร่งขึ้นได้  ในการใช้ร้านค้า Pandonia ผู้ใช้จะต้องเข้าร่วม staking ในเกม mPANDO

วิธีรับเหรียญ mPANDO ใน 'Legend of Pandonia'

LoP เป็นเกมแอคชั่น RPG ที่ผู้เล่นสามารถรวบรวมและใช้งานฮีโร่ที่มีเอกลักษณ์ 120 ตัวและติดตามการเดินทางของเหล่าอัศวินเพื่อค้นหา Soul Stones ที่ช่วยให้ได้รับพลังมหาศาล  นอกจากนี้ ผู้เล่นยังสามารถสัมผัสกับความสนุกในการสร้างคอมโบการต่อสู้ฮีโร่ของตนเองด้วยระบบการต่อสู้ที่เป็นเอกลักษณ์ของ LoP ซึ่งพวกเขาสามารถเล่นกับฮีโร่หลัก 3 ตัวและตัวละครสนับสนุน 3 ตัว (รวมฮีโร่ทั้งหมด 6 ตัว)

นอกจากนี้ LoP ยังเปิดฤดูกาล Arena (PVP) และ Tower of Abyss (PVE) เป็นประจำทุกสัปดาห์  รางวัลสุดท้ายของฤดูกาลปกติคือ 5,000 mPANDO  นอกจากนี้ ผู้เล่นสามารถรับ mPANDO ผ่านเนื้อหาต่างๆ เช่น ภารกิจรายวันและภารกิจความสำเร็จ  mPANDO เป็นเหรียญ MainNet ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานแอพพลิเคชั่นในเกมต่างๆ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและการอัพเดทล่าสุดของ LoP กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์อย่างเป็นทางการและชุมชนโซเชียลด้านล่าง

แนะนำเกม: https://drive.google.com/file/d/1G93chZn5YMnEw225PEB8MXK1s8HRKUpM/view?usp=sharing

เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: https://www.legendofpandonia.com

Telegram: https://t.me/+cHuLOkOHBU1lMWY1

Discord: https://discord.gg/aX6BBQ3Jmy

Facebook: https://www.facebook.com/Legend.of.Pandonia

Twitter: https://twitter.com/LOP_GameMaster

Medium: https://medium.com/@legendofpandonia

Pando swap: https://pandoswap.com/#/

ดูคลังภาพ/มัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52578711/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ:

Pando Software Inc
Lucia Tanti
+82-70-5100-0815
pr@pandosoft.co.kr

Parse Biosciences ระดมทุนรอบ Series B มูลค่า 41.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อปรับผลิตภัณฑ์การจัดลำดับเซลล์เดียวและขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์

Logo

บริษัทจะทำการค้าและสร้างผลิตภัณฑ์ multi-omics แบบเซลล์เดียว

ซีแอตเทิล–(BUSINESS WIRE)–15 กุมภาพันธ์ 2565

วันนี้ Parse Biosciences บริษัทที่ทุ่มเทในการให้บริการโซลูชันการจัดลำดับเซลล์เดียวที่ปรับขนาดได้ ประกาศเกี่ยวกับการระดมทุนในรอบ Series B เป็นมูลค่า 41.5 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนำโดย Marshall Wace และ Janus Henderson Investors ขณะที่ Soleus Capital, Logos Capital และ Bioeconomy Capital ก็เข้าร่วมในการระดมทุนรอบนี้เช่นเดียวกัน ทำให้มูลค่าการระดมทุนทั้งหมดของ Parse Biosciences ปัจจุบันมีมูลค่ามากกว่า 50 ล้านเหรียญ

เงินทุนจะนำไปใช้เพื่อขยายการค้าผลิตภัณฑ์ Evercode Whole Transcriptome ของ Parse ซึ่งช่วยให้นักวิจัยสร้างโปรไฟล์เซลล์ในระดับต่าง ๆ และทำให้พวกเขาสามารถปรับให้เข้ากับความต้องการในการทดลองเฉพาะของพวกเขาได้ Evercode ใช้ประโยชน์จากเทคนิคที่ได้รับการจดสิทธิบัตรแล้วของบาร์โค้ดแบบผสมผสาน ซึ่งช่วยปรับปรุงความละเอียดของตัวอย่าง เพิ่มความไวในการถอดรหัส และทำให้กระบวนการทำงานง่ายขึ้น

กลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Parse ประกอบด้วย Evercode Whole Transcriptome Mega ซึ่งสามารถกำหนดโปรไฟล์ได้มากถึง 1,000,000 เซลล์ในแบบคู่ขนาน และ Evercode Whole Transcriptome Mini ซึ่งเป็นชุดอุปกรณ์ที่ใช้สร้างโปรไฟล์มากถึง 10,000 เซลล์แบบคู่ขนานสำหรับการศึกษาในระดับที่เล็กกว่า หลังจากการระดมทุน Parse จะขยายแพลตฟอร์ม Evercode ไปมากกว่า transcriptomics ซึ่งช่วยให้นักวิจัยสามารถยกระดับการวัด multi-omic แบบเซลล์เดียวในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

Alex Rosenberg ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Parse Biosciences กล่าวว่า “การทำความเข้าใจและกำหนดโปรไฟล์เซลล์อย่างละเอียดตามระดับที่ต้องการเป็นพื้นฐานสำหรับการค้นพบครั้งใหญ่ในอนาคตในสาขาต่าง ๆ เช่น เนื้องอกวิทยา ภูมิคุ้มกันวิทยา และประสาทวิทยาศาสตร์ การทำความเข้าใจ transcriptome เป็นหัวใจสำคัญ แต่การพัฒนาไปสู่ ​​multi-omics เป็นการพัฒนาตามธรรมชาติ เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะเริ่มขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเรา โดยเริ่มในปลายปีนี้”

ผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทจะรองรับการใช้งานต่าง ๆ ได้แก่:

  • การทำโปรไฟล์ภูมิคุ้มกันที่จะช่วยให้นักวิจัยสามารถรวบรวมการแสดงออกของยีนและการทำโปรไฟล์ตัวรับ
  • การทำโปรไฟล์ Chromatin ที่จะให้ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับกลไกการควบคุมยีนเฉพาะเซลล์ และช่วยให้เข้าใจ epigenome มากขึ้น
  • การคัดกรอง CRISPR ปริมาณงานสูงที่จะช่วยให้สามารถตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงการแสดงออกของยีนตามการปรับยีนในเซลล์เดียว
  • เครื่องมือการวิเคราะห์ยีนเป้าหมายที่จะเสริมสร้างยีนย่อยเฉพาะอีกชุดที่เกี่ยวข้องกับนักวิจัย โดยจะช่วยให้การศึกษาที่ปรับระดับได้เพิ่มมากขึ้น พร้อมกับรักษาต้นทุนในแต่ละลำดับที่เหมาะสม
  • ความไวเพิ่มเติมของชุดเครื่องมือ Evercode Whole Transcriptome ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มขึ้นอย่างมากในการถอดรหัสและการตรวจหายีน

หลังจากการระดมทุน Series A มูลค่า 7 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนมกราคม 2564, Parse Biosciences ก็ได้ขยายขอบเขตการบริการไปยังระดับโลก ในเดือนตุลาคม 2564, Parse ร่วมมือกับ Decode Sciences เพื่อจัดหาโซลูชันการจัดลำดับเซลล์เดียวให้กับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ หลังจากนั้นไม่นาน Parse ได้ประกาศข้อตกลงการจัดจำหน่ายกับ Research Instruments Pte Ltd เพื่อขยายการให้บริการไปยังสิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย และเวียดนาม

Charlie Roco ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีและผู้ร่วมก่อตั้ง Parse Biosciences กล่าวว่า “ตั้งแต่ Series A ปิดตัวลง Parse ก็เติบโตอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เรากำลังพัฒนาแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่องตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งกำลังใช้การจัดลำดับเซลล์เดียวในวงกว้างในแบบที่เราไม่เคยพบมาก่อน เรารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่งต่อนักลงทุนของเราที่ได้แบ่งปันวิสัยทัศน์ และเรารู้สึกภูมิใจที่ได้สนับสนุนนักวิจัยผู้ขับเคลื่อนข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อยารักษาที่ตรงจุดและการบำบัดด้วยยาโดยรวม”

Parse Biosciences จะเข้าร่วมการประชุมประจำปี Molecular and Precision Med Tri-Conference ตั้งแต่วันที่ 21-23 กุมภาพันธ์ 2565 ในเซสชันของเขา หัวข้อ “The Implications of Single-Cell Transcriptomics at Unprecedented Scale” หรือ ผลกระทบของการถอดรหัสเซลล์เดียวในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดย Charlie Roco จะนำเสนอผลกระทบที่สำคัญของการทำโปรไฟล์ transcriptome ตามระดับที่ต้องการในพื้นที่การรักษาจำนวนมาก Parse จะเป็นเจ้าภาพการสัมมนาผ่านทาง webinar คู่กับ American Society of Human Genetics เพื่อแสดงประสิทธิภาพใหม่ของแพลตฟอร์ม Evercode ในวันที่ 18 มีนาคม 2565 เวลา 00.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

Parse กำลังรับสมัครสมาชิกเพิ่มเติมเพื่อเข้าร่วมทีม สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.parsebiosciences.com/careers

เกี่ยวกับ Parse Biosciences

Parse Biosciences เป็นบริษัทในซีแอตเทิลที่มีภารกิจในการเร่งความก้าวหน้าในด้านสุขภาพของมนุษย์และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์

หัวใจหลักของบริษัทของเราคือแนวทางการบุกเบิกสำหรับการจัดลำดับเซลล์เดียว การจัดลำดับเซลล์เดียวได้เปิดใช้งานการค้นพบที่แปลกใหม่ ซึ่งนำไปสู่ความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับการรักษามะเร็ง การซ่อมแซมเนื้อเยื่อ การบำบัดด้วยสเต็มเซลล์ โรคไตและตับ การพัฒนาสมอง และระบบภูมิคุ้มกัน  ที่ Parse Biosciences เรากำลังจัดหานักวิจัยที่มีความสามารถในการดำเนินการจัดลำดับเซลล์เดียวในขนาดและความง่ายดายที่ไม่เคยมีมาก่อน

เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่: https://www.parsebiosciences.com/

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220215005525/en/

ติดต่อ:

Shannia Coley
shannia@jones-dilworth.com
443-471-6830

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

A Thing of Beauty: Mary Kay Inc. คว้า 5 รางวัลนายจ้างดีเด่นในช่วงต้นปี 2565 ทั่วสหรัฐอเมริกา ยุโรปและมาเลเซีย

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–16 กุมภาพันธ์ 2565

คนทำงานด้านบริการทั่วโลกต่างกล่าวขาน: Mary Kay Inc. บริษัทด้านความงามและการพัฒนาผู้ประกอบการอันโด่งดัง ได้รับการโหวตให้เป็นสถานที่ทำงานอันดับต้น ๆ อีกครั้ง ในช่วงเวลา 60 วันแรกของปี 2565 แบรนด์ได้รับรางวัลนายจ้างอันทรงเกียรติถึงห้ารางวัลผ่านทาง Forbes และ Kincentric  ในสหรัฐอเมริกา ยุโรป สาธารณรัฐเช็ก สเปน และมาเลเซีย การได้รับเกียรตินี้มาจากความสำเร็จในการจ้างงานอื่น ๆ อีกหลายรางวัลที่ได้รับตลอดสามปีที่ผ่านมา

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220215005276/en/

Melinda Foster Sellers, Chief People Officer at Mary Kay Inc. (Photo: Mary Kay Inc.)

Melinda Foster Sellers ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทรัพยากรบุคคลของ Mary Kay Inc. (ภาพ: Mary Kay Inc.)

สุดยอดนายจ้างแห่งปี 2565 ของนิตยสาร Forbes (Forbes Best Employers of 2022) ได้รับการระบุในแบบสำรวจอิสระซึ่งจัดทำโดยพนักงานชาวอเมริกันประมาณ 60,000 รายที่ทำงานให้กับบริษัทที่มีพนักงานมากกว่า 1,000 รายในสหรัฐอเมริกา โดยรวมแล้วนายจ้าง 1,000 รายได้รับการยอมรับจาก 25 ภาคอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันไป และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Mary Kay ได้รับรายชื่อให้เป็นนายจ้างที่เป็นที่ปรารถนาของนิตยสาร Forbes—เมื่อเร็ว ๆ นี้ Forbes ยังระบุให้ Mary Kay เป็นสุดยอดนายจ้างขนาดกลาง สุดยอดนายจ้างสำหรับความหลากหลาย และสุดยอดนายจ้างสำหรับผู้หญิง

รางวัลนายจ้าง Kincentric ของ Mary Kay ในยุโรป สาธารณรัฐเช็ก สเปน และมาเลเซีย เป็นผลจากการประเมินที่แข็งแกร่งซึ่งวัดผลและระบุองค์กรที่เปลี่ยนแนวปฏิบัติด้านบุคลากรเพื่อขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น จากข้อมูลของ Kincentric พนักงานของ Mary Kay ที่เข้าร่วมเกือบ 8 ใน 10 รายตอบว่า “ใช่” เมื่อถูกถามว่า: “Mary Kay เป็นแรงบันดาลใจให้ฉันทำงานให้ดีที่สุดในทุก ๆ วัน” และพนักงานร้อยละ 87 ตอบรับคำกล่าวยืนยันว่า: “ภารกิจขององค์กรนี้ให้ทิศทางที่มีความหมายมาสู่ฉัน” ทั้งนี้เป็น 19 คะแนนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกของ Kincentric

Melinda Foster Sellers ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทรัพยากรบุคคลของ Mary Kay Inc. กล่าวว่า “Mary Kay รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการยอมรับอีกครั้งในด้านแนวปฏิบัติของพนักงานและคะแนนการมีส่วนร่วมในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม” “บุคลากรของเราเป็นรากฐานของงานอันน่าทึ่งที่เราทำทั่วโลกและเป็นเหตุผลที่ทำให้เรายังคงเป็นแบรนด์ความงามชั้นนำเกือบ 60 ปีหลังจากการก่อตั้งของเรา เรามีปรัชญาการจ้างงานที่เรียบง่ายที่ Mary Kay: หากพนักงานของเรามาทำงานในทุก ๆ วันโดยเชื่อว่าพวกเขากำลังช่วยทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นนั้นแสดงว่าเรามาถูกทางแล้ว”

ทั้งนี้ปรัชญาดังกล่าวได้แจ้งการตัดสินใจของพนักงานภายในทุกครั้งตลอดหกทศวรรษที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้พนักงานของ Mary Kay ร้อยละ 41 ทั่วโลกจึงร่วมงานกับบริษัทมาเป็นเวลานานกว่าสิบปี โดยร้อยละ 75 ของบทบาทใหม่ได้รับการส่งเสริมจากภายใน และแบรนด์นำเสนอหลายโปรแกรมที่มุ่งพัฒนาทางวิชาชีพ การคิดเชิงนวัตกรรม และสวัสดิภาพของพนักงาน Mary Kay นำเสนอรายการที่เอื้อประโยชน์ให้แก่พนักงานในด้านการรักษาพยาบาล ทันตกรรม และการมองเห็น การประกันชีวิต บัญชีออมทรัพย์สำหรับการรักษาพยาบาลและการดูแลที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน ความคุ้มครองการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุและการสูญเสียอวัยวะ และแผนการออมเพื่อการเกษียณที่มีทั้งแบบ 401k และโปรแกรมแบ่งปันผลกำไรที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความมุ่งมั่นในการแบ่งปันความสำเร็จนี้เป็นรากฐานที่สำคัญของความมุ่งมั่นของ Mary Kay ต่อผู้ที่ทำให้เป็นไปได้

“บางทีฉันภูมิใจกับความพยายามด้านความหลากหลายของเราอย่างมากที่สุด” Sellers กล่าวเสริม “ในฐานะส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของเราต่อความหลากหลายและการไม่แบ่งแยก ผู้นำของเรามากกว่า 1,000 ราย ได้เข้ารับการฝึกอบรมเรื่องอคติโดยไม่รู้ตัวและกำลังมีการดำเนินการอย่างอื่นที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้เรายังขอความช่วยเหลือจากผู้ให้บริการตรวจสอบธุรกิจบุคคลที่สามและผู้ขายข้อมูลความหลากหลายเพื่อประเมินห่วงโซ่อุปทานของเราเพื่อให้แน่ใจว่าเราเป็นตัวแทนของผู้หญิง ชนกลุ่มน้อย และธุรกิจที่เป็นเจ้าของโดยทหารผ่านศึกอย่างเหมาะสม”

พนักงานทั่วโลกของ Mary Kay ร้อยละ 61 เป็นผู้หญิง และร้อยละ 64 ของผู้นำตลาดเป็นผู้หญิง ณ เดือนมีนาคม 2564 

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเมื่อเกือบ 57 ปีที่ผ่านมาโดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ นอกจากการลงทุนทางด้านวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและผลิตภัณฑ์สุดล้ำ Mary Kay ยังทุ่มเทกับการให้ความช่วยเหลือผู้หญิงและครอบครัวของพวกเธอ บริษัทของเรายังสนับสนุนการวิจัยด้านมะเร็ง ปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน เพื่อให้วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกายจนถึงทุกวันนี้ เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ MaryKay.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220215005276/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Blackstone ประกาศเพิ่มทุนจำนวน 21,000 ล้านยูโรสำหรับ Mileway

Logo

  • ธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา
  • การเพิ่มทุนช่วยเสริมสร้างมูลค่าที่โดดเด่นให้กับนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของ Blackstone ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้สามารถคัดเลือกผู้ลงทุนเพื่อรักษาเอ็กซ์โพเชอร์ในระยะยาวสำหรับหนึ่งในธีมความเชื่อมั่นสูงสุดของบริษัทได้

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–15 ก.พ. 2565

Blackstone (NYSE: BX) ประกาศในวันนี้ว่านักลงทุนเดิมใน Mileway ซึ่งเป็นบริษัทโลจิสติกส์ที่มีพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 14.7 ล้านตารางเมตรในทวีปยุโรป ได้ตกลงที่จะเพิ่มทุนให้กับบริษัทเป็นจำนวนเงิน 21,000 ล้านยูโรควบคู่ไปกับกลยุทธ์ Core+ ของ Blackstone และจะดำเนินธุรกิจต่อไปในระยะยาว  ทั้งนี้ การเพิ่มทุนยังคงอยู่ภายใต้กระบวนการ “go-shop” ซึ่งจะเริ่มทันที

ในช่วงหกปีที่ผ่านมา ทีมผู้บริหารของ Blackstone และ Mileway ได้ขยายบริษัทให้เติบโตเป็นพอร์ตโฟลิโอด้านโลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ปัจจุบันประกอบด้วยสินทรัพย์ด้านโลจิสติกส์คุณภาพสูงกว่า 1,700 แห่ง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 14.7 ล้านตารางเมตรใน 10 ประเทศ

ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มทุน ผู้ที่ลงทุนเดิมใน Mileway จะได้รับโอกาสในการเลือกที่จะคงไว้หรือเพิ่มการถือหุ้นของตน หรือการขายหุ้นเปลี่ยนเป็นเงินสด เงินทุนส่วนใหญ่สำหรับการเพิ่มทุนนั้นมาจากนักลงทุนที่มีอยู่เดิม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งของพวกเขาใน Mileway และในภาคส่วนนี้

James Seppala หัวหน้าฝ่ายอสังหาริมทรัพย์ในยุโรปของ Blackstone กล่าวว่า ” เราภูมิใจที่ได้สร้างพอร์ตโฟลิโอชั้นนำของอสังหาริมทรัพย์ในยุโรปร่วมกับทีมผู้บริหารของ Mileway ในการจัดการโลจิสติกขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการส่งมอบในหลายสถานที่ที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด โลจิสติกส์เป็นหนึ่งในรูปแบบความเชื่อมั่นสูงสุดของเราทั่วโลก และภาคส่วนนี้ยังคงพิสูจน์ความยืดหยุ่นและศักยภาพในการเติบโตที่แข็งแกร่ง เราได้ส่งมอบผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของ Blackstone และเราตั้งตารอที่จะสร้างมูลค่าต่อไปให้กับนักลงทุนที่แสวงหาผลตอบแทน Core+ ในระยะยาว”

Emmanuel Van der Stichele ซีอีโอของ Mileway กล่าวว่า “เราได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Blackstone เพื่อสร้างพอร์ตโฟลิโอด้านโลจิสติกขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการส่งมอบ ซึ่งเชื่อมโยงลูกค้าของเรากับธุรกิจและชุมชนที่พวกเขาให้บริการได้ดียิ่งขึ้น การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของ Blackstone จะช่วยให้เราสามารถดำเนินการตามวิสัยทัศน์ร่วมกันของเราสำหรับ Mileway ซึ่งเป็นบริษัทด้านโลจิสติกส์สำหรับการขนส่งระยะไกลระดับแนวหน้าของยุโรป ในขณะที่เราใช้ความคิดริเริ่มในการเพิ่มมูลค่าและแผนการพัฒนาในเมืองสำคัญ ๆ ทั่วสหราชอาณาจักรและยุโรป”

Morgan Stanley & Co. International plc ได้ให้ความเห็นอย่างเป็นธรรมในเรื่องการเพิ่มทุน ส่วน Eastdil Secured International Limited ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นธรรมต่อผู้ลงทุนเดิมที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมที่ประกาศไว้ เพื่อตอกย้ำว่าธุรกรรมนี้จะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนเดิม Blackstone กำลังเริ่มกระบวนการ “go-shop” ในนามของนักลงทุนปัจจุบันของ Mileway ซึ่งนำโดย Morgan Stanley & Co. International plc และจะใช้เวลาสูงสุด 75 วัน

บริษัท BofA Securities, Eastdil Secured International Limited, Goldman Sachs International, Jones Lang LaSalle Limited, JP Morgan Securities plc, Morgan Stanley & Co. International plc และ Rothschild & Co เป็นที่ปรึกษาทางการเงินแก่นักลงทุนปัจจุบัน บริษัทเหล่านี้ทั้งหมดยกเว้น Morgan Stanley & Co. International plc และ Eastdil Secured International Limited อาจได้รับการติดต่อเพื่อสนับสนุนผู้มีโอกาสเป็นผู้เสนอราคาในกระบวนการแบบ “go-shop process” ทั้งนี้ Simpson Thatcher & Bartlett LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับ Blackstone

เกี่ยวกับ Blackstone Real Estate

Blackstone เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ Blackstone ก่อตั้งขึ้นในปี 2534 และมีเงินทุน 279,000 ล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหาร ทั้งนี้ Blackstone เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเป็นเจ้าของและดำเนินการสินทรัพย์ในทุกภูมิภาคและทุกภาคส่วนที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงการขนส่ง ที่อยู่อาศัย สำนักงาน การบริการ และการค้าปลีก กองทุนปิดของเราพยายามที่จะซื้อสินทรัพย์ที่ไม่มีการจัดการและอยู่ในทำเลที่ดีทั่วโลก ธุรกิจ Core+ ของ Blackstone ลงทุนในสินทรัพย์ด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มีความเสถียรอย่างมากทั่วโลก ผ่านทั้งกลยุทธ์เชิงสถาบันและกลยุทธ์ที่ปรับให้เหมาะสำหรับนักลงทุนรายย่อยที่เน้นรายได้ ซึ่งรวมถึง Blackstone Real Estate Income Trust, Inc. (BREIT) REIT ที่ไม่จดทะเบียนในสหรัฐฯ และ Blackstone's European กลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับนักลงทุนรายย่อยที่ออกแบบมาสำหรับนักลงทุนที่ไม่ใช่ชาวอเมริกัน นอกจากนี้ Blackstone Real Estate ยังดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับหนี้สินด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลกรายหนึ่ง โดยให้บริการโซลูชั่นทางการเงินที่ครอบคลุมทั่วทั้งโครงสร้างเงินทุนและสเปกตรัมความเสี่ยง ซึ่งรวมถึงการจัดการ Blackstone Mortgage Trust อีกด้วย (NYSE: BXMT)

เกี่ยวกับ Mileway

Mileway เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ด้าน โลจิสติกส์ล่าสุดที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ซึ่งมีการดำเนินงานทั่วทั้งยุโรป โดยมีสินทรัพย์มากกว่า 1,700 รายการใน 10 ประเทศในยุโรปที่สำคัญ ตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ Mileway ได้แก่ สหราชอาณาจักร เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ สวีเดน และฝรั่งเศส และมีสาขาสำคัญในเดนมาร์ก อิตาลี สเปน ฟินแลนด์ และไอร์แลนด์ อนึ่ง Mileway มีทีมงานกว่า 350 คนในสำนักงาน 26 แห่ง หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่: www.mileway.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220214005931/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ

Louis Clark

Louis.Clark@Blackstone.com

+44 7867 930156

Alexandra Ritterman

Alexandra.Ritterman@Blackstone.com

+44 7778 487939

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Allvue Systems ได้รับคัดเลือกโดย Do Ventures เพื่อสนับสนุนการสื่อสารแก่นักลงทุน

Logo

โซลูชัน Investor Portal ของ Allvue จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีของ Do Ventures เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการจัดการ LP

ไมแอมี–(บิสิเนสไวร์)–15 ก.พ. 2565

Allvue Systems (“Allvue”) ผู้ให้บริการโซลูชั่นเทคโนโลยีการลงทุนทางเลือกชั้นนำ ประกาศว่า Do Ventures ได้เลือกโซลูชัน Investor Portal ของบริษัทเพื่อสนับสนุนการจัดการ LP.  Do Ventures เป็นกองทุนร่วมระยะเริ่มต้นที่ทำหน้าที่เป็นหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์สำหรับสตาร์ทอัพในเวียดนามและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โซลูชัน Investor Portal ของ Allvue จะช่วยให้ Do Ventures มีการสื่อสารที่โปร่งใส ทันเวลา และมีประสิทธิภาพกับ LP.  Do Ventures จะสามารถเข้าถึงแดชบอร์ดที่ใช้งานง่ายและกำหนดค่าได้สูง ซึ่งจะช่วยให้สามารถแบ่งปันข้อมูลกับนักลงทุนได้อย่างปลอดภัย และปรับปรุงการดำเนินงานเมื่อจำนวนเงินทุน การลงทุน และลูกค้าเติบโตขึ้นทั่วโลก

“ในขณะที่ธุรกิจของเราเติบโตขึ้น การหาพันธมิตรด้านเทคโนโลยีที่มีจิตวิญญาณของผู้บุกเบิกเช่นเดียวกับเราในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและให้บริการลูกค้าได้ดีที่สุดเป็นสิ่งสำคัญ” Vy Le ผู้ร่วมก่อตั้งและหุ้นส่วนทั่วไปของ Do Ventures กล่าว  “โซลูชันเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลของ Allvue รวมกับประสบการณ์ที่ลึกซึ้งในทางเลือกอื่น จะช่วยให้เราสามารถปรับปรุงการสื่อสารของนักลงทุนผ่านโครงสร้างพื้นฐานการรายงานที่ครอบคลุม”

“ด้วยภาคส่วนการร่วมทุนที่เติบโตอย่างรวดเร็วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Do Ventures ตระหนักถึงความจำเป็นสำหรับเวิร์กโฟลว์การจัดการนักลงทุนที่เหนือกว่าเพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสการลงทุนเหล่านี้และจัดการฐานนักลงทุนที่กำลังเติบโต” Edward Bee หัวหน้าภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกของ Allvue กล่าว “โซลูชั่นพอร์ทัลนักลงทุนของเราจะช่วยให้ Do Ventures ขยายขอบเขตการสื่อสาร LP ของพวกเขา และทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับนักลงทุนทั้งในปัจจุบันและอนาคต”

Investor Portal ของ Allvue มอบระบบการจัดการข้อมูลบริษัทในพอร์ตโฟลิโอ การวิเคราะห์กระแสเงินสด และการแบ่งปันเอกสารที่ปลอดภัยไว้ในโซลูชันเดียวให้กับหุ้นส่วนจำกัด  ด้วยข้อตกลงนี้ Do Ventures กลายเป็นลูกค้ารายแรกของ Allvue ในเวียดนามและภูมิภาคอาเซียน เพียงหกเดือนหลังจากการเปิดตัวธุรกิจ APAC ในเดือนมิถุนายน 2564 ด้วยการเปิดสำนักงานในสิงคโปร์

เกี่ยวกับ Allvue

Allvue เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำสำหรับผู้จัดการการลงทุนในอุตสาหกรรมเงินทุนและตลาดสินเชื่อส่วนบุคคล ภารกิจของบริษัทคือการเพิ่มขีดความสามารถในการตัดสินใจลงทุนที่เหนือกว่าด้วยการจับคู่โซลูชันซอฟต์แวร์บนคลาวด์ที่ทันสมัยเข้ากับความสามารถในสินทรัพย์หลายประเภท  โซลูชันซอฟต์แวร์ของ Allvue ให้บริการตลอดวงจรชีวิตการลงทุน และมีการบูรณาการอย่างราบรื่นเพื่อจัดหาชุดผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุม ซึ่งให้บริการผู้จัดการการลงทุนทุกขนาดทั่วโลก รวมถึงหุ้นส่วนทั่วไป หุ้นส่วนจำกัด ผู้บริหารกองทุน และธนาคาร

Allvue ก่อตั้งขึ้นในปี 2562 ผ่านการควบรวมกิจการของ Black Mountain Systems และ AltaReturn ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นเทคโนโลยีการลงทุนชั้นนำสองราย Allvue ตั้งอยู่ในเมืองไมแอมี รัฐฟลอริดา โดยมีสำนักงานทั่วอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชียแปซิฟิก  ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการมุ่งเน้นที่สินทรัพย์หลายประเภท โซลูชันซอฟต์แวร์ของ Allvue ช่วยให้ลูกค้าสามารถดำเนินการและขยายธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยทำให้กระบวนการทำงานด้วยตนเองเป็นอัตโนมัติ ปรับปรุงความถูกต้องของข้อมูลและความสม่ำเสมอในเวิร์กโฟลว์ และนำเสนอการวิเคราะห์ที่ได้รับการปรับปรุง

เกี่ยวกับ Do Ventures

Do Ventures เป็นกองทุนระยะเริ่มต้นมูลค่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งทำหน้าที่เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์สำหรับทั้งสตาร์ทอัพและนักลงทุน  โดยได้รับการสนับสนุนจาก LP ที่มีชื่อเสียง เช่น Naver Corporation, SEA Group, Woowa Brothers และ Vertex Ventures กองทุนแสวงหาโอกาสในการลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีที่สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่มีความหมายเพื่อปรับปรุงชีวิตผู้บริโภคในเวียดนามและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ด้วยปรัชญา “เติบโตด้วยการทำ” Do Ventures เชื่อว่าการที่สตาร์ทอัพจะเติบโตอย่างรวดเร็ว ผู้ก่อตั้งจะต้องมีความสามารถในการดำเนินการที่โดดเด่นและเต็มใจเพื่อการตัดสินใจที่ถูกต้องและเพื่อนำหน้าคู่แข่ง  การลงทุนที่โดดเด่นของ Do Ventures ได้แก่ F99, Palexy, Manabie, MFast, VUIHOC, Bizzi, Validus และ Selly

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220215005426/en/

ติดต่อ:

Allvue Systems:
Remy Marin
Prosek Partners
646.818.9298
rmarin@prosek.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย