Category Archives: Technology

Hillstone Networks เปิดตัวโซลูชัน Stand-alone SD-WAN ใหม่

Logo

Hillstone Networks เปิดตัวโซลูชัน Stand-alone SD-WAN ใหม่

SD-WAN ที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มการจัดการความปลอดภัย Hillstone Security Management Platform (HSM) 5.0 มอบประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันและเครือข่าย ด้วยความสามารถในการควบคุมและความสะดวกของระบบอัตโนมัติแบบรวมศูนย์

ซานตา คลารา แคลิฟอร์เนีย –(บิสิเนส ไวร์)–12 ส.ค. 2564

Hillstone Networks ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันการปกป้องโครงสร้างพื้นฐาน ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ เครือข่ายพื้นที่กว้างที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ (SD-WAN) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัวแพลตฟอร์มการจัดการความปลอดภัย  Hillstone Security Management Platform (HSM) 5.0 SD-WAN แบบสแตนด์อโลนของ Hillstone ตอบสนองความต้องการสำหรับแบนด์วิดธ์ที่เพิ่มมากขึ้น ตลอดจนความพร้อมใช้งานของเครือข่ายที่ได้รับการปรับปรุงและข้อกำหนดด้านคุณภาพเพื่อให้บริการแอปพลิเคชันที่มีความอ่อนไหวต่อความล่าช้าได้ดียิ่งขึ้นและเพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานแบบไฮบริดในปัจจุบันมีโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายที่ปลอดภัยเพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ดี

การแข่งขันสู่ระบบคลาวด์เร่งตัวขึ้นจากการระบาดใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพนักงานเคลื่อนที่ล้วนต้องการประสบการณ์การใช้งานที่มีคุณภาพ รวมถึงการประมวลผลแบบเอดจ์ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนโซลูชัน SD-WAN ที่ปลอดภัย  Hillstone นำเสนอด้วยความสามารถ SD-WAN ขั้นสูง ซึ่งรวมถึง:

  • การประสานที่ง่ายขึ้นด้วยระบบการวางอัตโนมัติขั้นสูงและการจัดวางแบบไร้สัมผัส ซึ่งนำมาสู่การจัดเตรียมอุปกรณ์ในการปรับใช้ในภาคสนามด้วยการตั้งค่าที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเพื่อลดต้นทุนการจัดตั้ง เร่งการส่งมอบบริการ และเพิ่มความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการปรับใช้ขนาดใหญ่
  • การแสดงเครือข่ายที่เป็นหนึ่งเดียวทั่วโลกด้วยการตรวจสอบสุขภาพ ไม่เพียงแต่ให้การเตือนแบบเรียลไทม์ผ่านเว็บ UI อีเมลหรือแอปพลิเคชันโซเชียล แต่ยังนำข้อมูลและสถิติที่ได้รับการปรับปรุงมาการแก้ไขปัญหาและเพิ่มประสิทธิภาพ
  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแอปพลิเคชันด้วยการกำหนดเส้นทางอัจฉริยะและการรับรู้เนื้อหา โดยกำหนดแอปพลิเคชันให้สามารถรับรองประสบการณ์ผู้ใช้ที่เหมาะสมที่สุดโดยควบคุมการรับส่งข้อมูลอย่างชาญฉลาดตามแอปพลิเคชันหรือบริการและนโยบายที่บังคับใช้

“องค์กรในปัจจุบันยังคงประสบปัญหาในการสนับสนุนและรักษาความปลอดภัยให้กับพนักงานในช่วงเวลาที่มีการโจมตีทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้น” Tim Liu ผู้ร่วมก่อตั้งและ CTO ของ Hillstone Networks กล่าว “เราได้ออกแบบโซลูชัน Hillstone SD-WAN ที่มีการรักษาความปลอดภัยแบบบูรณาการอย่างสมบูรณ์เพื่อจัดการกับจุดบอดที่สำคัญที่เกิดจากความต้องการทางธุรกิจในปัจจุบันและแนวโน้มของตลาด และเพื่อให้ทีมไอทีสามารถรักษาความปลอดภัยเครือข่ายและแอปพลิเคชันได้อย่างน่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพ และที่มอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับ ผู้ใช้ปลายทางของพวกเขา”

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

โซลูชั่นการป้องกันโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการพิสูจน์แล้วของ Hillstone Networks ช่วยให้องค์กรและผู้ให้บริการมีทัศนวิสัยและความเข้าใจที่ครอบคลุมและถี่ถ้วน ทำให้สามารถดำเนินการอย่างรวดเร็วต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์อย่างทั่วถึง  Hillstone ได้คะแนนที่ยอดเยี่ยมจากนักวิเคราะห์ชั้นนำและได้รับความไว้วางใจจากบริษัทระดับโลกและปกป้องการเข้าถึงระบบคลาวด์ด้วยการยกระดับต้นทุนรวมของการเป็นเจ้าของที่ดีขึ้น เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ www.hillstonenet.com

ติดต่อ:

Hillstone Networks
Zeyao Hu ผู้จัดการฝ่ายการตลาด
inquiry@hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Kioxia ขยายขีดจำกัดด้านประสิทธิภาพด้วยหน่วยความจำแฟลชแบบฝัง UFS เวอร์ชัน 3.1 ใหม่

Logo

พัฒนาต่อยอดจากหน่วยความจำแบบแฟลช BiCS FLASH™ 3D เจเนอเรชันที่ 5 บรรจุอยู่ในอุปกรณ์ที่บางกว่าเดิม มาพร้อมความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูลที่เร็วขึ้นตามความต้องการในการใช้งานที่สูงขึ้น

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–11 สิงหาคม 2564

วันนี้ Kioxia Corporation ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำได้เปิดตัวตัวอย่างอุปกรณ์หน่วยความจำแฟลชแบบฝัง Universal Flash Storage (UFS) เวอร์ชัน 3.1 เจเนอเรชันใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมความจุ 256GB และ 512GB ผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ซึ่งบรรจุอยู่ในแพ็คเกจที่มีความสูง 0.8 มม. และ 1.0 มม. นี้ มาพร้อมประสิทธิภาพสำหรับการอ่านแบบสุ่มและการเขียนแบบสุ่ม[1 ซึ่งเพิ่มขึ้นราว 30% และ 40% ตามลำดับ และยังทำให้อุปกรณ์ดังกล่าวมีความบางมากขึ้น[2] และทำงานได้เร็วกว่ารุ่นก่อนหน้า อุปกรณ์ UFS รุ่นใหม่ของ Kioxia ใช้หน่วยความจำ BiCS FLASH™ 3D เจเนอเรชันที่ 5 ซึ่งเป็นหน่วยความจำประสิทธิภาพสูงของบริษัทเอง โดยตั้งเป้าให้มีการนำไปใช้กับอุปกรณ์เคลื่อนที่ชนิดต่าง ๆ รวมถึงสมาร์ทโฟนระดับชั้นนำ

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210810006065/en/

Kioxia Corporation: UFS Ver. 3.1 embedded flash memory devices (Photo: Business Wire)

Kioxia Corporation: อุปกรณ์หน่วยความจำแฟลชแบบฝังรุ่น UFS Ver. 3.1 (รูปภาพ: Business Wire)

อุปกรณ์หลากหลายชนิดที่ใช้หน่วยความจำแฟลชแบบฝังซึ่งต้องคำนึงถึงความจำเป็นเรื่องพลังงานและพื้นที่ยังคงต้องการอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพและความหนาแน่นสูงขึ้นไปอีก และ UFS ก็กลายมาเป็นทางออกที่ผู้คนเลือกใช้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในแง่ของความจุรวม โดยส่วนใหญ่แล้วอุปกรณ์ UFS เป็นที่ต้องการมากกว่าในปัจจุบันเมื่อเทียบกับอุปกรณ์แบบ e-MMC และข้อมูลจาก Forward Insights[3] ยังเผยว่าเมื่อรวมความต้องการพื้นที่ความจุของอุปกรณ์แบบ UFS และ e-MMC จากทั่วโลกแล้ว เกือบ 70% ของความต้องการในปีนี้เป็นของอุปกรณ์แบบ UFS และตัวเลขนี้จะยังโตขึ้นเรื่อย ๆ

อุปกรณ์ UFS ใหม่ที่มีความจุ 256GB และ 512GB มาพร้อมความก้าวล้ำต่าง ๆ ดังนี้:

ประสิทธิภาพสำหรับการอ่านแบบสุ่มและการเขียนแบบสุ่มที่เพิ่มขึ้นราว 30% และ 40% ตามลำดับ

Host Performance Booster (HPB) Ver. 2.0: เพิ่มประสิทธิภาพในการอ่านแบบสุ่มโดยใช้หน่วยความจำฝั่งโฮสต์สำหรับจัดเก็บตารางแปลงค่า logical เป็น physical นอกจากนี้อุปกรณ์ HPB Ver. 1.0 สามารถเข้าถึง chunk size ได้เพียงแค่ 4KB ขณะที่อุปกรณ์ HPB Ver. 2.0 สามารถเข้าถึงได้มากกว่าซึ่งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่านแบบสุ่มได้มากยิ่งขึ้น

ขนาดแพ็คเกจของรุ่น 256GB ที่บางลงโดยมีความสูงเพียงแค่ 0.8 มม.

หมายเหตุ
[1] เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าของอุปกรณ์ UFS โดย Kioxia ที่มีความจุ 256 และ 512 กิกะไบต์
[2] เมื่อเทียบความหนาแน่นของรุ่น 256GB กับอุปกรณ์ UFS ขนาด 256GB เจเนอเรชันก่อนหน้าของ Kioxia
[3] อ้างอิง: Forward Insights “NAND Quarterly Insights” 2Q (2021)

ความเร็วในการอ่านและเขียนอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับอุปกรณ์โฮสต์ เงื่อนไขในการอ่านและเขียน และขนาดของไฟล์

ในการกล่าวถึงผลิตภัณฑ์ Kioxia ทุกครั้ง: การระบุความหนาแน่นของผลิตภัณฑ์จะระบุตามความหนาแน่นของชิปหน่วยความจำภายในผลิตภัณฑ์ ไม่ใช่จำนวนความจุหน่วยความจำที่มีสำหรับการจัดเก็บข้อมูลโดยผู้ใช้ ความจุที่ใช้งานได้ของผู้บริโภคจะลดลงเนื่องจากพื้นที่ของ overhead data การจัดรูปแบบฟอร์แมต บล็อกที่เสียหาย และข้อจำกัดอื่น ๆ และอาจแตกต่างกันไปตามอุปกรณ์โฮสต์และการใช้งาน สำหรับรายละเอียด โปรดอ้างอิงข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดย 1KB = 2^10 ไบต์ = 1,024 ไบต์, 1Gb = 2^30 บิต = 1,073,741,824 บิต, 1GB = 2^30 ไบต์ = 1,073,741,824 ไบต์ และ 1Tb = 2^40 บิต = 1,099,511,627,776 บิต

ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ

เกี่ยวกับ Kioxia
Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำที่อุทิศตนเพื่อการพัฒนา การผลิต และการขายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2560 บริษัท Toshiba Memory ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ Kioxia ได้แยกออกมาจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 2530 โดยบริษัทถือเป็นผู้บุกเบิกโซลูชันและบริการหน่วยความจำที่ล้ำสมัยซึ่งเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้คนและขยายขอบเขตทางสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D แบบใหม่ของ Kioxia หรือที่เรียกว่า BiCS FLASH ™ กำลังสร้างอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่มีความหนาแน่นสูงซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง, พีซี, SSD, ศูนย์ยานยนต์และศูนย์ข้อมูล

ลูกค้าสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
Kioxia Corporation
ฝ่ายขายและการตลาดหน่วยความจำ
โทร: +81-3-6478-2423
https://business.kioxia.com/en-jp/buy/global-sales.html

*ข้อมูลในเอกสารนี้รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการและข้อมูลการติดต่อนั้นถูกต้องในวันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210810006065/en/

สื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
Kioxia Corporation
ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย
Koji Takahata
โทร: +81-3-6478-2404

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Sapura Drilling มอบสัญญาก่อสร้างบ่อน้ำนอกชายฝั่งให้แก่ Halliburton

Logo

การดำเนินการแบบบูรณาการช่วยลดความไม่แน่นอนและปรับปรุงประสิทธิภาพในโครงการพัฒนาก๊าซหลัก

ฮิวสตัน–(บิสิเนสไวร์)–10 ส.ค. 2564

Halliburton Company (NYSE: HAL) ประกาศว่า Sapura Drilling ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Sapura Energy ได้มอบสัญญาบูรณาการนอกชายฝั่งให้แก่บริษัท

Sapura โดยมี Halliburton เป็นพันธมิตรด้านเทคนิค จะทำสัญญาขุด Integrated Rig Drilling Completion (i-RDC) สำหรับโครงการก่อสร้างบ่อน้ำนอกชายฝั่งจำนวน 6 หลุม  ลักษณะการบูรณาการที่ไม่เหมือนใครของสัญญานี้เปิดโอกาสให้แก่ Halliburton และ Sapura Drilling และ PETRONAS Carigali Sdn Bhd ในการใช้งานแพลตฟอร์มดิจิทัล Halliburton 4.0 อย่างเต็มศักยภาพเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน.

เทคโนโลยีดิจิทัลเหล่านี้รวมถึงชุด Digital Well Program®, Digital Well Operations และ Digital Well Automation และแอปพลิเคชันคลาวด์ DecisionSpace®365 ทั้งหมด  ขอบเขตงานของ Halliburton 4.0 ยังรวมถึงเทคโนโลยีดิจิทัลที่สำคัญจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ Sperry Drilling, Cementing, Drill Bits, Baroid และ Completions  นับว่าเป็นโครงการบูรณาการแรกในประเทศที่รวมบริการแท่นขุดเจาะเข้ากับการวางแผน การดำเนินงาน และระบบอัตโนมัติทุกด้าน

เกี่ยวกับ Halliburton

ก่อตั้งขึ้นในปี 2462 Halliburton เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการที่ใหญ่ที่สุดในโลกในอุตสาหกรรมพลังงาน  ด้วยพนักงานประมาณ 40,000 คนจาก 130 สัญชาติและกว่า 70 ประเทศ บริษัทช่วยให้ลูกค้าเพิ่มมูลค่าตอลทั้งวงจรชีวิตของอ่างเก็บน้ำ ตั้งแต่การค้นหาไฮโดรคาร์บอนและการจัดการข้อมูลทางธรณีวิทยา ไปจนถึงการประเมินการขุดเจาะและการก่อตัวของหิน การก่อสร้างบ่อน้ำ และการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ตลอดทั้งอายุของทรัพย์สิน  เยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทที่ www.halliburton.com  ติดตาม Halliburton บน Facebook, Twitter, LinkedIn, Instagram and YouTube

อ่านเวอร์ชั่นที่มาใน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210810005132/en/

ติดต่อ:

สำหรับนักลงทุน:
Abu Zeya
Investor Relations (ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์) investors@halliburton.com 
281-871-2688

สำหรับสื่อมวลชน:
William Fitzgerald
External Affairs (ฝ่ายกิจการภายนอกองค์กร) pr@halliburton.com 
281-871-2601

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

การส่งเสริมวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (STI) ในกระบวนการผลิตเป็นกุญแจสำหรับอินโดนีเซียในการได้รับประโยชน์จากการขยาย GVC อย่างเต็มที่ จากการศึกษาโดยศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น

Logo

ดาวน์โหลด “Global Value Chains in ASEAN” เกี่ยวกับประเทศอินโดนีเซียได้ที่เว็บไซต์ AJC

โตเกียว –(บิสิเนส ไวร์)–04 ส.ค. 2564

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC) ออกเอกสารฉบับที่ 4 ของชุด “Global Value Chains in ASEAN” โดยเน้นที่อินโดนีเซียในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2564  จากรายงานดังกล่าว อินโดนีเซียได้เพิ่มส่วนแบ่งของมูลค่าเพิ่มภายในประเทศในการส่งออก (DVA) ที่ร้อยละ 88 ในปี 2562  อย่างไรก็ตาม สัดส่วนที่สูงของ DVA นี้กระจุกตัวอยู่ในกิจกรรมการผลิตที่ระดับล่างซึ่งมีการนำเข้าและเทคโนโลยีจากต่างประเทศในระดับที่ต่ำ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210803006201/en/

“Global Value Chains in ASEAN” on Indonesia is available for download on AJC website (Graphic: Business Wire)

ดาวน์โหลด “Global Value Chains in ASEAN” เกี่ยวกับประเทศอินโดนีเซียได้ที่เว็บไซต์ AJC (กราฟิก: Business Wire)

อินโดนีเซียมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับที่สิบในโลก ด้วยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) 1.1 ล้านล้านดอลลาร์  อย่างไรก็ตามภาคการผลิตคิดเป็นเพียงหนึ่งในห้าของมูลค่าเพิ่มทั้งหมดที่สร้างขึ้น  สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตสร้างมูลค่าเพียงเล็กน้อยทั้งๆ ที่มีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของภาคหลักในแง่ของผลผลิต  เมื่อเทียบกับประเทศที่มีรายได้ปานกลางตอนบนอื่นๆ เช่น มาเลเซียและไทย อินโดนีเซียยังคงระดับรายได้ที่ต่ำกว่าและมีมูลค่าเพิ่มการผลิตที่เติบโตช้าที่สุด การขยายห่วงโซ่คุณค่าระดับโลก (GVC) เป็นโอกาสที่ดีในการปรับปรุงความสามารถทางเทคโนโลยีของบริษัทผู้ผลิตในประเทศ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญในการหนีกับดักรายได้ปานกลาง

การมี GVC ที่สูงขึ้นอาจกระตุ้นการเติบโตผ่านปริมาณการค้าที่สูงขึ้นและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่สูงขึ้น  บทความนี้แนะนำให้อินโดนีเซียพิจารณานำรูปแบบการเติบโตนี้มาใช้เป็นกรอบนโยบาย  ตัวเลข FDI แสดงให้เห็นว่าการผลิตคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 40 ในช่วงปี 2557-2562 และส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในการผลิตเทคโนโลยีระดับกลาง เช่น การผลิตอาหาร โลหะ และเครื่องจักร  อินโดนีเซียต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมและตลาดในท้องถิ่นและส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ นโยบายที่ส่งเสริมการยกระดับอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของเศรษฐกิจท้องถิ่นและส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เช่น ความสามารถด้านวิศวกรรม การออกแบบ และการวิจัยและพัฒนาขั้นสูง  สิ่งเหล่านี้จำเป็นต่อการขับเคลื่อนประเทศไปสู่เศรษฐกิจที่เน้นความรู้และนวัตกรรมมากขึ้น

การเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศให้สูงสุดไม่ได้นำไปสู่การบูรณาการกับ GVC โดยอัตโนมัติ  ผู้ดำเนินการในท้องถิ่นอาจไม่มีความสามารถในการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายการผลิตทั่วโลก เนื่องจากข้อกำหนดต่างๆ เช่น การปฏิบัติตามมาตรฐานสากล ทรัพยากรด้านการจัดการและการเงินที่มากขึ้น และการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา  สิ่งเหล่านี้อาจทำให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไม่สามารถมีส่วนร่วมได้  ในระดับชาตินั้นกระบวนการสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นกุญแจสำคัญ  นี่คือบทบาทที่สำคัญของระบบนวัตกรรมแห่งชาติ (NIS) ผ่านนโยบายด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (STI) โดยจะทำให้ขยายผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

NIS ที่มีการวางแผนมาอย่างดีอาจเป็นสะพานที่สามารถเปลี่ยนเทคโนโลยีจากต่างประเทศให้เป็นเทคโนโลยีพื้นเมืองในภาคการผลิตได้ รัฐบาลจำเป็นต้องจัดลำดับความสำคัญในการยกระดับบริษัทผู้ผลิตพื้นเมืองภายใน GVC โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เทคโนโลยีระดับกลาง-ต่ำ และเทคโนโลยีระดับกลาง-สูง เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตพื้นเมืองส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในภาคส่วนเทคโนโลยีต่ำ  รัฐบาลอินโดนีเซียจำเป็นต้องจัดตั้ง NIS ที่มีการวางแผนมาเป็นอย่างดีและมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นไปที่การติดตามอุตสาหกรรมและการประสานงานกับกระทรวงสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม การวิจัยและพัฒนา และการศึกษาระดับอุดมศึกษาเพื่อสนับสนุนการยกระดับบริษัทผู้ผลิตพื้นเมืองภายใน GVC  ด้วยเหตุนี้ ตัวแทนนโยบายของ STI จึงจำเป็นต้องมุ่งเน้นที่การสร้างเครือข่ายเพื่อเปลี่ยนเทคโนโลยีจากต่างประเทศให้กลายเป็นความสามารถด้านเทคโนโลยีของชนพื้นเมืองแทนที่จะสร้างสิ่ง “เฉพาะที่”

ดาวน์โหลด “Global Value Chains in ASEAN” เกี่ยวกับประเทศอินโดนีเซียได้ที่เว็บไซต์ AJC และด้านล่าง

https://www.asean.or.jp/en/centre-wide-info/gvc_database_paper4/

ต้นฉบับ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210803006201/en/

ติดต่อ:

ASEAN- Japan Center (AJC) PR Unit
Tomoko Miyauchi (MS)
URL: https://www.asean.or.jp/en/
TEL: +81-(0)3-5402-8118
E-mail: toiawase_ga@asean.or.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

DigitalEd ประกาศเรื่องการลงทุนที่เน้นการเติบโตจาก PSG

Logo

การลงทุนดังกล่าวจะถูกนำไปใช้สนับสนุนงานด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ประสบการณ์ของผู้ใช้ และการเร่งนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด

วอเตอร์ลู, ออนตาริโอ–(BUSINESS WIRE)–03 สิงหาคม 2564

วันนี้ DigitalEd ได้แจ้งเกี่ยวกับการลงทุนที่เน้นการเติบโตของ PSG บริษัทตราสารทุนชั้นนำที่ทำงานร่วมกับบริษัทผู้ให้บริการเกี่ยวกับซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีในตลาดระดับกลาง DigitalEd เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มที่ชื่อ Möbius ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้แบบดิจิทัลผ่านบริการ SaaS โดยเน้นการเรียนรู้ในสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ (STEM) PSG เป็นผู้ลงทุนจากภายนอกเพียงรายเดียวของ DigitalEd ทั้งนี้ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทางการเงินแต่อย่างใด

DigitalEd ก่อตั้งขึ้นในปี 2561 ด้วยพันธกิจที่เรียบง่ายแต่มีความสำคัญอย่างยิ่ง นั่นก็คือการสร้างสรรค์โลกผ่านการเรียนรู้ทางดิจิทัล DigitalEd เป็นผู้ให้บริการการเรียนรู้ด้วยตัวเองในโลกแห่งการแบ่งปันเพื่อให้ผู้เรียนศึกษาหาความรู้โดยมีการแนะนำอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและผู้เรียนสามารถกำหนดความเร็วหรือช้าได้เอง ปัจจุบัน DigitalEd ให้การสนับสนุนสถาบันการศึกษากว่า 300 แห่งทั่วโลก เป็นผู้จัดและอำนวยการสอบและงานมอบหมายกว่า 20 ล้านครั้ง และยังให้การสนับสนุนการเรียนรู้ออนไลน์กับมหาวิทยาลัยระดับโลก สถาบันด้านเทคโนโลยี และวิทยาลัยชุมชนอีกหลายแห่ง

Möbius เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการเรียนรู้ในสาขาวิชา STEM ที่มีความทันสมัยและมีความครอบคลุม แพลตฟอร์มนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยลดเวลาที่ผู้สอนต้องใช้ไปกับภาระงานอื่น ซึ่งอันที่จริงแล้วควรใช้ไปกับการเตรียมการสอนและการให้คะแนน ช่วยให้ผู้สอนได้ใช้เวลาไปกับการสอนและสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียนได้อย่างเต็มที่ แพลตฟอร์มนี้มุ่งเน้นเรื่องความสำเร็จของผู้เรียน โดยมีเหล่าผู้เชี่ยวชาญหลักสูตรสาขา STEM คอยจัดเตรียมเนื้อหาหลักสูตรที่มีคุณภาพสูงให้กับผู้สอน แพลตฟอร์ม Möbius สามารถช่วยจัดการเรียนและติดตามผลงานของผู้เรียนผ่านการวิเคราะห์ ในส่วนของผู้เรียน Möbius จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบดิจิทัลที่ผู้เรียนสามารถตอบโต้กับผู้สอนและเข้าถึงได้จากทุกที่ทุกเวลา ทั้งยังมีระบบให้คะแนนอัตโนมัติอันก้าวล้ำ รวมถึงการให้คำติชมกับผู้เรียนแบบเน้นเฉพาะเรื่อง (focused feedback) ได้อย่างทันที

Jim Cooper ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ DigitalEd กล่าวว่า “เราภูมิใจอย่างมากที่มีผู้นำแพลตฟอร์ม Möbius ไปใช้อย่างต่อเนื่อง และแพลตฟอร์มนี้ยังได้ทำให้การศึกษาแบบออนไลน์เข้ามามีส่วนยกระดับและพัฒนาการศึกษาแบบเดิม เราเชื่อว่าทีมงาน PSG เข้าใจและยึดมั่นในวิสัยทัศน์เริ่มต้นของเรา สำหรับพวกเราแล้ว PSG คือพันธมิตรที่สมบูรณ์แบบของ DigitalEd ซึ่งเรามุ่งที่จะขยายแพลตฟอร์ม Möbius อย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนผู้สอนผ่านการวัดผลและการปรับปรุงประสบการณ์การเรียนรู้”

Chris Andrews ประธานของ PSG กล่าวว่า “เราเชื่อว่า DigitalEd มีแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งและสามารถขยายขนาดรองรับการใช้งานได้สูง ซึ่งอยู่ในจุดที่เติบโตได้ท่ามกลางความต้องการที่มากขึ้นต่อทั้งเครื่องมือจัดการเรียนรู้ออนไลน์และการศึกษาในสาขา STEM เราตั้งตารอที่จะได้ร่วมทำงานเคียงข้างไปกับ Jim, Christina และทีมงานของ DigitalEd ผู้มากความสามารถ ภายใต้ความพยายามที่จะเร่งการเติบโตของบริษัทผ่านนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ การนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดอย่างมีกลยุทธ์ และการให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง”

Christina Perdikoulias ประธานของ DigitalEd กล่าวว่า “ทุกสิ่งที่เราทำที่ DigitalEd ก็เพื่อปรับปรุงประสบการณ์และความสำเร็จของผู้เรียนให้มากที่สุด เราตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับ PSG และสานต่อความมุ่งมั่นของเราในการจัดการศึกษาแบบเรียนรู้ด้วยตัวเองที่มีคุณภาพสูงและสามารถเข้าถึงได้ให้กับคนจำนวนมาก”

Stikeman Elliot LLP และ Weil, Gotshal & Manges LLP เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายให้กับ PSG และ Gowlings WLG, Grant Thornton LLP และ Tyton Partners เป็นที่ปรึกษาให้กับ DigitalEd

เกี่ยวกับ DigitalEd
DigitalEd เป็นบริษัทซอฟต์แวร์ที่ให้บริการบนคลาวด์ซึ่งอุทิศตนให้กับการยกระดับความสำเร็จด้านการศึกษาของผู้เรียน ที่ DigitalEd เรานำความเชื่อ ค่านิยม และเสาหลักของการพัฒนาซอฟต์แวร์มาใช้เพื่อสร้างแพลตฟอร์ม Möbius ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่มีความทันสมัยและครอบคลุมในสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ขึ้นมา เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ DigitalEd ได้ที่ www.digitaled.com

เกี่ยวกับ PSG
PSG เป็นบริษัทตราสารทุนที่เน้นการเติบโตซึ่งเป็นพันธมิตรกับบริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีในตลาดระดับกลางเพื่อช่วยให้บริษัทเหล่านั้นดำเนินธุรกิจบนเส้นทางการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด สร้างประโยชน์จากโอกาสเชิงกลยุทธ์ และสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง การได้เข้าไปสนับสนุนการทำงานของบริษัทต่าง ๆ กว่า 80 แห่ง และช่วยจัดการการเข้าซื้อกิจการแบบ add-on acquisition มาแล้ว 325 ครั้งทำให้ PSG เปี่ยมด้วยประสบการณ์อันช่ำชองด้านการลงทุน ความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งทั้งด้านซอฟต์แวร์และเทคโนโลยี รวมถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ในการทำงานร่วมกับทีมผู้บริหาร PSG ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2557 มีสำนักงานอยู่ในบอสตัน แคนซัสซิตี้ และลอนดอน เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ PSG ได้ที่ www.psgequity.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210803005210/en/

ติดต่อ:

สื่อ
DigitalEd
Siobhan Paul
spaul@digitaled.com

PSG
Jackie Schofield
Prosek Partners (ตัวแทนของ PSG)
jschofield@prosek.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

eCloudvalley เป็นพันธมิตรที่ปรึกษาของ AWS รายแรกในอาเซียนที่ได้รับสถานะ AWS Machine Learning Competency

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–02 สิงหาคม 2564

eCloudvalley Technology ประกาศว่าบริษัทเป็นพันธมิตรที่ปรึกษา Amazon Web Services (AWS) รายแรกที่ได้รับสถานะ AWS Machine Learning Competency ของอาเซียน

พันธมิตรที่ได้รับสถานะ AWS Machine Learning Competency จะต้องแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในการส่งมอบโซลูชันการเรียนรู้ของเครื่องจักร (ML) บนระบบคลาวด์ของ AWS โดยพันธมิตรเหล่านี้เป็นผู้นำเสนอบริการและเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ช่วยให้ธุรกิจพัฒนาโซลูชันอัจฉริยะทั้งสำหรับกระบวนการทำงานด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูลไปจนถึงการพัฒนาแอปพลิเคชันจากความชาญฉลาดของเครื่องจักร

การเรียนรู้ของเครื่องจักร ซึ่งเป็นหนึ่งในสาขาที่เติบโตเร็วที่สุดในด้านเทคโนโลยี เป็นทักษะที่เป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดแรงงานปัจจุบัน โดยสภาเศรษฐกิจโลกเผยในรายงานประจำปี 2563 ถึงจำนวนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของบริษัทที่นำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ ประโยชน์ของการเรียนรู้ของเครื่องจักรนั้นไม่มีที่สิ้นสุด เนื่องจากเทคโนโลยีนี้เป็นแพลตฟอร์มเปิดซึ่งให้ผู้ใช้มีสิทธิ์การเข้าถึงแบบควบคุมได้เพื่อเข้าสู่ทรัพยากรต่าง ๆ โดยใช้นโยบายการอนุญาตที่มีความละเอียด ขณะที่สามารถเลือกใช้บริการที่ครอบคลุมทั้งด้านการวิเคราะห์ข้อมูล การจัดเก็บข้อมูล ระบบธุรกิจอัจฉริยะ การประมวลผลแบบกลุ่ม การประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก และการรวบรวมและเตรียมข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์ การได้รับสถานะ AWS Machine Learning Competency ทำให้ eCloudvalley สามารถรองรับตลาดที่กำลังเติบโตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกซึ่งกำลังก้าวสู่การนำเทคโนโลยีอัตโนมัติมาใช้

eCloudvalley ประสบความสำเร็จในการช่วยให้บริษัทโซลูชันโฆษณาและผู้พัฒนาคอนเทนต์บนมือถืออย่าง PureTech Global นำเทคโนโลยี AI มาใช้เพื่อปรับปรุงรายได้จากการเรียกเก็บเงินอย่างเหมาะสมโดยใช้โมเดลการพยากรณ์ทางอนุกรมเวลาของ Amazon Forecast ซึ่งเป็นบริการแบบครบวงจรที่นำเทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่องจักรมาใช้เพื่อแสดงผลพยากรณ์ที่มีความแม่นยำสูง ช่วยคาดการณ์เวลาที่เหมาะสมสำหรับการส่งการแจ้งต่ออายุให้กับผู้สมัครของ PureTech แต่ละราย eCloudvalley ยังได้ช่วย PureTech Global นำระบบ Amazon Simple Storage Service (Amazon S3) มาใช้จัดเก็บข้อมูลดิบย้อนหลังสำหรับฝึกแบบจำลอง AI ต่าง ๆ และพัฒนาข้อมูลเชิงลึกที่สร้างขึ้นหลังการพยากรณ์ได้สำเร็จ ขณะที่มีการนำบริการ AWS Lambda ซึ่งเป็นบริการการประมวลผลแบบไร้เซิร์ฟเวอร์มาใช้เพื่อจัดเตรียมทรัพยากรในการประมวลผลสำหรับการวิเคราะห์และการพยากรณ์

เราได้ประโยชน์จากการสนับสนุนที่ได้รับจาก AWS และ eCloudvalley และจะยังคงได้รับประโยชน์จากความสามารถด้านระบบคลาวด์ที่มีความก้าวล้ำของ AWS อย่างเช่นการเรียนรู้ของเครื่องจักรต่อไป” - John Lim ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ PureTech Global

AWS ช่วยให้ธุรกิจทั้งระดับสตาร์ทอัพและธุรกิจระดับโลกได้ใช้โซลูชันที่สามารถขยายขนาดได้ ทั้งยังมีความยืดหยุ่นและคุ้มค่า และเพื่อสนับสนุนการผสานรวมและการติดตั้งที่ไร้รอยต่อของโซลูชันต่าง ๆ AWS จึงได้ก่อตั้งโครงการ AWS Competency Program ขึ้นมาเพื่อช่วยลูกค้าค้นหาพันธมิตร AWS ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอย่างลึกซึ้ง

Conor McNamara กรรมการผู้จัดการของ AWS ASEAN กล่าวว่า “วันนี้ธุรกิจต่าง ๆ มีความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยใช้โซลูชันการเรียนรู้ของเครื่องจักรของ AWS มากกว่าครั้งไหน ๆ และเพื่อช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกพันธมิตร AWS ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับงานมากที่สุด เราจึงได้เริ่มต้นให้บริการ AWS Machine Learning Competency เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้รับความสะดวกในการเลือกพันธมิตร AWS ที่มีความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งและมีผลงานที่ประสบความสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ในสาขานี้ เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ eCloudvalley กลายเป็นพันธมิตรที่ปรึกษารายแรกในอาเซียนของ AWS ที่คว้าตำแหน่งนี้มาครองได้ เรามุ่งหวังที่จะได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ร่วมกัน และเดินหน้าให้บริการลูกค้าของเราในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไปด้วยเทคโนโลยีสำหรับพันธมิตร AWS ที่ทันสมัยและได้รับการทดสอบแล้ว รวมถึงบริการด้านการให้คำปรึกษาอื่น ๆ”

ในปี 2564 eCloudvalley ได้เข้าร่วมโครงการ AWS Managed Service Provider Program ซึ่งช่วยสร้างและสนับสนุนธุรกิจของพวกเขาให้เติบโต eCloudvalley ยังได้รับสถานะ AWS Migration Consulting Competency จากการแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการช่วยเหลือให้ลูกค้าระดับองค์กรย้ายแอปพลิเคชันและโครงสร้างพื้นฐานแบบเก่ามายัง AWS รวมถึงสถานะ AWS Data and Analytics Competency จากความสำเร็จในการช่วยลูกค้าประเมินและใช้เครื่องมือและแนวทางปฏิบัติที่ดีสำหรับการรวบรวม จัดเก็บ ควบคุม และวิเคราะห์ข้อมูลทุกขนาด

eCloudvalley ยังได้รับสถานะ AWS SAP Competency จากประสบการณ์ เครื่องมือ ขั้นตอนการทำงาน และแนวทางปฏิบัติที่ดีสำหรับการย้ายหรือเปลี่ยนข้อมูลผ่านโซลูชัน SAP ที่มีการบูรณาการกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริการเหล่านี้จะดึงข้อมูลหลักจากโซลูชัน SAP ที่อยู่บนคลาวด์ ทำการวิเคราะห์ข้อมูล และนำผลที่ได้ไปช่วยผู้ใช้ในการสร้างขอบข่ายสำหรับการเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัล นอกเหนือไปจากการมุ่งเน้นในเรื่องการสร้างแบบจำลองทางไอทีแบบดั้งเดิมขึ้นใหม่ในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีไปจนถึงขั้นตอนการพัฒนา ซึ่งกระตุ้นให้เกิดวัฒนธรรมทางธุรกิจภายในองค์กร ผ่านการนำเสนอบริการแบบบูรณาการแห่งยุคถัดไป ทีม AI/ML ของ eCloudvalley ยังเป็นผู้จัดหาโซลูชันที่มีความพร้อมสมบูรณ์ทั้งในเรื่องโครงสร้างของแพลตฟอร์มไปจนถึงการออกแบบแผนผัง โมเดลสำหรับการฝึกไปจนถึงการปรับแต่งพารามิเตอร์ และการสัมภาษณ์สถานการณ์ทางธุรกิจไปจนถึงการนำไปใช้และการดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ เพื่อช่วยเหลือลูกค้าในการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นองค์กรดิจิทัลตั้งแต่ขั้นแรกจนขั้นสุดท้าย

เกี่ยวกับ eCloudvalley

eCloudvalley ก่อตั้งขึ้นในปี 2557 ในฐานะพันธมิตรที่เริ่มต้นพัฒนาโดยใช้ระบบบนคลาวด์ทั้งหมด (born-in-the-cloud partner) ที่เน้นการบริการของ AWS ทั้งหมด และได้เติบโตขึ้นจนมีพนักงานกว่า 400 คน พร้อมขยายธุรกิจไปทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกทั้งในไต้หวัน ฮ่องกง จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย อินโดนีเซีย และสหรัฐอเมริกา ภายใต้พันธกิจในการใช้เทคโนโลยีคลาวด์พัฒนาธุรกิจของลูกค้า eCloudvalley ได้สร้างทีมเจ้าหน้าที่เทคนิคที่มีความเป็นมืออาชีพขึ้นมา และได้รับใบรับรองกว่า 500 ฉบับจาก AWS ทั้งยังให้บริการลูกค้าระดับองค์กรทางด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันมาแล้วกว่า 1,000 แห่ง

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210801005001/en/

ติดต่อ:

Ratirat Chavanabutvilai
+66 984423915
eCloudvalley Technology
www.ecloudvalley.com/th/
ส่งอีเมลถึงเราที่ info@ecloudvalley.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Circus Social รีแบรนด์เป็น Radarr เพื่อช่วยให้ธุรกิจนำทาง Digital Landscape ของเอเชีย

Logo

• ระบบนิเวศโซเชียลมีเดียที่กว้างใหญ่ของเอเชียต้องการระบบอัจฉริยะใหม่

• ความต้องการข้อมูลเชิงลึกที่คาดการณ์ได้ในการขับเคลื่อนวิวัฒนาการของบริษัท

• การเผยแพร่ของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและภาษาในภูมิภาคจัดพิมพ์เขียวให้สำหรับโลก

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–2 สิงหาคม 2564

Circus Social บริษัทด้านโซเชียลมีเดียอัจฉริยะได้รีแบรนด์โดยใช้ชื่อว่า Radarr เนื่องจากมีการพัฒนาเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับข้อมูลเชิงลึกดิจิทัลเชิงคาดการณ์ในเอเชีย บริษัทซึ่งเปิดในปี 2555 จะเปิดตัวในชื่อใหม่ อัตลักษณ์ทางภาพ ผลิตภัณฑ์ และเว็บไซต์ในเดือนนี้

การรีแบรนด์สะท้อนให้เห็นถึงนวัตกรรมล่าสุดของบริษัทและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีโดยใช้เทคโนโลยี AI ข้อมูลคาดการณ์ล่วงหน้า และอัลกอริธึมการทำนายตามภาษาศาสตร์ ซึ่งสแกนการสนทนานับพันล้านครั้งในจักรวาลดิจิทัล ด้วย 2,300 ภาษา ผู้คน 4.5 พันล้านคน 48 ประเทศ และการสนทนาทางสังคมหลายพันล้านครั้งที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เอเชียเป็นศูนย์กลางใหม่ของโซเชียลมีเดีย อย่างไรก็ตามยังไม่มีเครื่องมือพิเศษใดที่สร้างขึ้นเพื่อควบคุมและติดตามภูมิภาคนี้จนถึงปัจจุบัน ระบบอัจฉริยะในยุคหน้าจำเป็นต้องให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศอย่างต่อเนื่องและคาดการณ์สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

ข้อเสนอใหม่นี้ออกแบบมาเพื่อให้บริการแบรนด์ต่างๆ ในยุคที่มีการเผยแพร่เนื้อหาอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแพลตฟอร์มในเอเชียได้เติบโตและการใช้เวลากับโซเชียลมีเดียยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระบบนิเวศของโซเชียลมีเดียที่สร้างสรรค์และเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วของเอเชียทำให้เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่ซับซ้อนและท้าทายที่สุดในการนำทางสำหรับธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากมุมมองของภาษาและการติดตามความรู้สึก แต่ยังคงมีคุณค่ามากที่สุดจากมุมมองของข้อมูลเชิงลึก ในขณะที่ digital landscape ที่กระจัดกระจายของภูมิภาคมีวิวัฒนาการ บริษัทต่างๆ กำลังมองหาวิธีที่ดีกว่าในการวิเคราะห์และใช้ข้อมูลที่มีอยู่มากมายทางออนไลน์สำหรับกลยุทธ์ ระบบธุรกิจอัจฉริยะ และข้อมูลเชิงลึกของผู้ชม

Prerna Pant ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Radarr กล่าวว่า “เรากำลังก้าวไปไกลกว่าการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ ลูกค้ามีความซับซ้อนมากขึ้นและต้องการให้พันธมิตรที่มี tech stacks ที่เข้าคู่กัน ลูกค้าของเราไม่เพียงแต่ต้องการทราบเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในพื้นที่ดิจิทัลแบบเรียลไทม์เท่านั้น พวกเขายังต้องการให้ Radarr เห็นว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นเพื่อให้พวกเขาสามารถคาดการณ์โอกาสและความท้าทายที่อาจสร้างหรือทำลายธุรกิจของพวกเขา''

Ram Bhamidi ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Radarr อธิบายว่า “แก่นแท้ของข้อเสนอใหม่ของ Radarr คือแพลตฟอร์มอัจฉริยะที่เจาะลึกลงไปในการสนทนาหลายพันล้านครั้งที่เกิดขึ้นทางออนไลน์เพื่อส่งมอบการตรวจสอบดิจิทัลและการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ Bespoke Dashboards ให้ข้อมูลเจาะจงเป้าหมายอัจฉริยะในพื้นที่ที่เลือก อย่างเช่น การตรวจสอบภาวะวิกฤตหรือการจัดการเชิงอิทธิพล ในขณะที่ industry-centric dashboard ในหัวข้อเช่น Crypto และ Gaming ให้มุมมองจากมุมสูงของแนวโน้มที่เกิดขึ้นในภาคส่วนเฉพาะ การช่วยวิเคราะห์และกลั่นกรองข้อมูลอัจฉริยะ คำแนะนำที่ขับเคลื่อนสำหรับแบรนด์ ทำให้พวกเขาสามารถคาดการณ์อนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพและดำเนินการอย่างรวดเร็ว”

Pant กล่าวต่อว่า “ลูกค้าต่างชาติของเรามองว่าเอเชียเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาและนวัตกรรมโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งระดับโลก เรากำลังมองเห็นแบรนด์ต่างๆ ให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ในการทำความเข้าใจว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นที่นี่ในภูมิภาคแล้วสร้างมันออกมา ตรงข้ามกับวิธีการแบบเก่าในการดำเนินกลยุทธ์ของอเมริกาเหนือหรือยุโรปในเอเชีย ความสามารถในการยึดถือการพัฒนาและคาดการณ์แนวโน้มในโลกของโซเชียลมีเดียกำลังกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจ และเอเชียอยู่ในระดับแนวหน้าที่การเปลี่ยนแปลงนั้นกำลังเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุด''

ครั้งล่าสุด บริษัทในสิงคโปร์และเบงกาลูรูได้ประกาศการระดมทุน Pre-Series A ที่นำโดย Inflection Point Ventures และนักลงทุนรายใหญ่หลายรายจากสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ และอินเดีย

เกี่ยวกับ Radarr

Radarr เดิมชื่อ Circus Social เป็นบริษัทด้านโซเชียลและดิจิทัลอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี AI และการวิเคราะห์ข้อมูล Radarr เป็นผู้เชี่ยวชาญในเอเชียแปซิฟิกและการเปลี่ยนลำดับอัลกอริธึมทางภาษาในโซเชียลมีเดีย Radarr ให้ข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริงผ่านการตรวจสอบและการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์แก่ธุรกิจที่ต้องการทำการตัดสินใจทางธุรกิจที่มีเดิมพันสูงในแบบเรียลไทม์ โดยแบรนด์ชั้นนำและบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500 เป็นพันธมิตรกับ Radarr โดยใช้เครื่องมือที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตน เช่น 20/Twenty และ Radarr Command Center เพื่อสำรวจภาษาที่ซับซ้อนในเอเชียแปซิฟิกและ digital landscape ที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  www.radarr.com

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210801005057/en/

ติดต่อสื่อ:

Radarr
media@radarr.com

Dabria Yiong
Wachsman
Trainee Executive
E: Dabria.Yiong@wachsman.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Kioxia เปิดตัว SSD สำหรับขายปลีกใหม่สำหรับพีซีรุ่นแห่งอนาคตและพีซีกระแสหลัก

Logo

Kioxia เปิดตัว SSD สำหรับขายปลีกใหม่สำหรับพีซีรุ่นแห่งอนาคตและพีซีกระแสหลัก

EXCERIA PRO Series นำเสนอเทคโนโลยี PCIe® 4.0 และ EXCERIA G2 Series ให้ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นสำหรับ ผู้ที่ชอบการประกอบเอง หรือ  DIY ที่แสวงหาความคุ้มค่า

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–29 ก.ค. 2564

Kioxia Corporation, ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ประกาศเปิดตัวไดรฟ์โซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ซีรีส์ใหม่ 2 รุ่น ซึ่งมีกำหนดวางจำหน่ายในไตรมาสที่สี่ของปี 2564 โดย EXCERIA PRO และ EXCERIA G2 Series เป็นโซลูชันระดับผู้บริโภคล่าสุดของบริษัทสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเป็นแฟนพันธุ์แท้ และผู้สร้างระบบ DIYกระแสหลักในปัจจุบัน  โดย SSD ใหม่ของ Kioxia ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา จะจัดแสดงอ้างอิงที่งาน China Digital Entertainment Expo and Conference (ChinaJoy) ในเซี่ยงไฮ้ ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม ถึง 2 สิงหาคม

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210728006136/en/

Kioxia Corporation: EXCERIA PRO Series and EXCERIA G2 Series SSDs (Graphic: Business Wire)

Kioxia Corporation: EXCERIA PRO Series และ EXCERIA G2 Series SSD (กราฟิก: Business Wire)

ด้วยการใช้อินเทอร์เฟซ PCIe Gen4x4 รุ่นต่อไป EXCERIA PRO Series จึงถูกสร้างขึ้นสำหรับสภาพแวดล้อมพีซีที่มีความต้องการการใช้งานในระดับสูง โดยผลิตภัณฑ์ซีรีส์ใหม่ล่าสุดนี้จะมอบความเร็วในการอ่านต่อเนื่องสูงสุดมากกว่า 2 เท่า[1] ของ EXCERIA PLUS Series ที่ใช้ PCIe Gen3 ซึ่งมอบประสบการณ์การจัดเก็บข้อมูลประสิทธิภาพสูงสำหรับผู้สร้างเนื้อหา เกมเมอร์ และมืออาชีพอื่น ๆ

นอกจากนี้ Kioxia ยังเปิดตัว EXCERIA G2 Series กระแสหลักที่ได้รับการปรับปรุงพร้อมประสิทธิภาพและความจุที่อัพเกรด ซีรีย์ SSD ระดับกระแสหลักนี้จะให้ประสิทธิภาพต่อเนื่องมากกว่า 2,000MB/s[1] และความจุสูงสุด 2TB สำหรับผู้ใช้ที่กำลังมองหาราคาที่ไม่แพง

ด้วยหน่วยความจำแฟลช BiCS FLASH™ 3D ของ Kioxia ทำให้ EXCERIA PRO และ EXCERIA G2 Series ใช้ฟอร์มแฟคเตอร์ด้านเดียวประเภท M.2 2280 ที่เหมาะสำหรับทั้งเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊ก แต่ละซีรีส์ยังสนับสนุนซอฟต์แวร์การจัดการยูทิลิตี้ SSD ของ Kioxia เพื่อช่วยตรวจสอบและบำรุงรักษา SSD ของคุณ

หมายเหตุ

[1] การประมาณการประสิทธิภาพเป็นข้อมูลเบื้องต้นและอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ

* PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ ทั้งหมดอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ

* คำจำกัดความของความจุ: Kioxia กำหนด 1 เมกะไบต์ (MB) เป็น 1,000,000 ไบต์ 1 กิกะไบต์ (GB) เป็น 1,000,000,000 ไบต์ และ 1 เทราไบต์ (TB) เป็น 1,000,000,000,000 ไบต์ อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์รายงานความจุของพื้นที่จัดเก็บโดยใช้กำลัง 2 สำหรับคำจำกัดความของ 1GB = 230 = 1,073,741,824 ไบต์ ดังนั้นจึงแสดงความจุของพื้นที่จัดเก็บน้อยลง ความจุที่ใช้งานได้ (รวมถึงตัวอย่างไฟล์มีเดียต่างๆ) จะแตกต่างกันไปตามขนาดไฟล์ การจัดรูปแบบ การตั้งค่า ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ เช่น ระบบปฏิบัติการ Microsoft และ/หรือแอพพลิเคชั่นซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า หรือเนื้อหาสื่อ ความจุที่จัดรูปแบบจริงอาจแตกต่างกันไป

*ผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคลจะแตกต่างกันไปตามประเทศและภูมิภาค

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมทั้งราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลติดต่อ ถูกต้องแล้วในวันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันหน่วยความจำ ซึ่งทุ่มเทให้กับการพัฒนา การผลิต และการขายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2560  Toshiba Memory ได้แยกตัวออกจาก Toshiba Corporation บริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 2530 ทั้งนี้ Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วยหน่วยความจำ ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและการสร้างคุณค่าสำหรับสังคมผ่านหน่วยความจำ โดย BiCS FLASH™ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3 มิติที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ Kioxia กำลังกำหนดอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่มีความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี SSD ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210728006136/en/

ติดต่อสอบถามสำหรับสื่อ:

Kioxia Corporation

ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย

Koji Takahata

Tel: +81-3-6478-2404

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



Toshiba เปิดตัว Arm® Cortex®-M4 ไมโครคอนโทรลเลอร์สำหรับควบคุมมอเตอร์ที่เป็นผลิตภัณฑ์ขั้นสูงชิ้นแรกของตระกูล TXZ+TM

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–29 กรกฎาคม 2564

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“Toshiba”) ได้เริ่มต้นผลิตอุปกรณ์สำหรับควบคุมมอเตอร์กลุ่ม M4K ใหม่เพื่อวางจำหน่าย 12 รายการ โดยเป็นผลิตภัณฑ์ที่จัดให้อยู่ในระดับขั้นสูงกลุ่มแรกของตระกูล TXZ+TM และจะเริ่มต้นการผลิตอุปกรณ์ในกลุ่ม M4M อีก 10 รายการในเดือนสิงหาคม 2564 โดยไมโครคอนโทรลเลอร์ของทั้งกลุ่ม M4K และ M4M จะเป็นการผลิตในรูปแบบ 40nm และจัดให้อยู่ภายใต้ซีรีส์ TXZ4A+

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210728005418/en/

Toshiba: TXZ+ Family Advanced Class, Arm Cortex-M4 Microcontrollers for Motor Control (Graphic: Business Wire)

Toshiba: ไมโครคอนโทรลเลอร์ควบคุมมอเตอร์ Arm Cortex-M4 ผลิตภัณฑ์ขั้นสูงจากตระกูล TXZ+ (กราฟิก: Business Wire)

ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ใช้แกนประมวลผล Arm Cortex-M4 ที่มาพร้อมเทคโนโลยี FPU ประมวลผลสูงสุดที่ 160MHz ซึ่งผสานเข้ากับวงจรควบคุมมอเตอร์ A-PMD (ตัวขับมอเตอร์ขั้นสูงแบบตั้งโปรแกรมล่วงหน้า) เอ็นโค้ดเดอร์ A-ENC (เอ็นโค้ดเดอร์ขั้นสูง) ขนาด 32 บิต และเครื่องประมวลผลแบบเวกเตอร์ A-VE+ (เครื่องประมวลผลแอดวานซ์เวกเตอร์เอนจิ้นพลัส) อุปกรณ์เหล่านี้มาพร้อมโซลูชันที่เหมาะสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงแบบไม่มีแปรงถ่าน และตัวควบคุมอินเวอร์เตอร์ขนาด 12 บิต สำหรับแปลงระบบอนาล็อกเป็นดิจิทัลที่มีความเร็วแบบไฮสปีดและความคมชัดแบบไฮเรสโซลูชันสูงสุดสามหน่วย

อุปกรณ์ในกลุ่ม M4K มีระบบ UART, SPI และ I2C เป็นอินเทอร์เฟสสื่อสารโดยทั่วไป ขณะที่กลุ่ม M4M จะมีระบบ CAN ที่เป็นอินเทอร์เฟสสื่อสารเพิ่มเข้ามา โดยทั้งสองกลุ่มมีฟังก์ชันวินิจฉัยการทำงานด้วยตัวเองสำหรับ ROM, RAM, ADC และนาฬิกา ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าได้รับการรับรองความปลอดภัยในการทำงาน IEC60730 Class B นอกจากนี้ ทั้งสองกลุ่มยังมีอัตราการใช้กระแสไฟที่ต่ำขณะที่มีประสิทธิภาพการทำงานสูง และยังสามารถทำงานร่วมกับผลิตภัณฑ์กลุ่ม M4K(2) ตระกูล TXZTM ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

เอกสาร ซอฟต์แวร์ตัวอย่างพร้อมตัวอย่างการใช้งานจริง บอรด์ประเมิน และซอฟต์แวร์ไดร์เวอร์ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมอินเทอร์เฟสของอุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกันจะจัดมาให้พร้อมกับการจัดส่งชิ้นส่วน เครื่องมือช่วยพัฒนาจะจัดมาให้พร้อมกันเพื่อรองรับความต้องการด้านต่าง ๆ ในการทำงานร่วมกับพันธมิตรในระบบนิเวศของ Arm ทั่วโลก

คุณสมบัติที่สำคัญของผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่

  • แกนประมวลผลประสิทธิภาพสูง Arm Cortex-M4 พร้อม FPU สูงสุด 160MHz
  • ฟังก์ชันควบคุมมอเตอร์และอินเวอร์เตอร์ และอินเทอร์เฟสสื่อสาร
  • ฟังก์ชันวินิจฉัยการทำงานด้วยตัวเองเพื่อมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงาน IEC60730 class B

การใช้งาน

ควบคุมมอเตอร์สำหรับเครื่องใช้ภายในบ้านและอุปกรณ์อุตสาหกรรม
เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า อินเวอร์เตอร์ทั่วไป เครื่องกรองไฟ หุ่นยนต์ และอื่น ๆ

ข้อมูลจำเพาะ

ชื่อซีรีส์/กลุ่มผลิตภัณฑ์

TXZ4A+ series / M4K group / M4M group

แกนประมวลผล CPU

Arm Cortex-M4
‒ หน่วยปกป้องข้อมูล (MPU)
‒ หน่วยคำนวณจำนวนจุดลอยตัว (FPU)

ความถี่ใช้งานสูงสุด

160MHz

วงจรกําเนิดสัญญาณภายใน

10MHz (+/-1%)

หน่วยความจำภายใน

Flash (โค้ด)

128KB/256KB

Flash (ข้อมูล)

32KB

RAM

24KB

พอร์ต I/O

31 ถึง 87

การอินเตอร์รัพท์ภายนอก

10 ถึง 20

ตัวควบคุม DMA (DMAC)

1 หน่วย

ฟังก์ชันควบคุมเวลา

32-bit timer : 6
(สามารถใช้รูปแบบ 16-bit timer : 12 ได้)

ฟังก์ชันสื่อสาร

UART

3 ถึง 4 ช่อง

I2C

1 ถึง 2 ช่อง

TSPI

1 ถึง 2 ช่อง

CAN

1 ช่อง (เฉพาะในกลุ่ม M4M เท่านั้น)

ฟังก์ชันการทำงาน

แบบอนาล็อก

12-bit AD converter

อินพุต 8 ถึง 22 ช่อง

Op-Amp

3 ช่อง

อุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกัน

Encoder input (A-ENC)

0 ถึง 3 ช่อง

Motor control (A-PMD)

3 ช่อง (1 ช่องใน LQFP44)

Vector engine (A-VE+)

1 ช่อง

ฟังก์ชันของระบบ

Watchdog timer (WDT)

1 ช่อง

ฟังก์ชันแก้ไขจุดบกพร้องในชิป

Serial Wire
(JTAG/TRACE/NBDIF สามารถใช้กับผลิตภัณฑ์แบบ 100 ขาได้)

แรงดันไฟเมื่อใช้งาน

2.7 ถึง 5.5V, จ่ายไฟจากแหล่งจ่ายไฟเดียว

แพ็คเกจ / ขา

LQFP100 (14มม. x 14มม. ระยะพิชต์ 0.5มม.)
QFP100 (14มม. x 20มม. ระยะพิชต์ 0.65มม.)
LQFP80 (12มม. x 12มม. ระยะพิชต์ 0.5มม.)
LQFP64 (10มม. x 10มม. ระยะพิชต์ 0.5มม.)
LQFP64 (14มม. x 14มม. ระยะพิชต์ 0.8มม.)
LQFP44 (10มม. x 10มม. ระยะพิชต์ 0.8มม.)
(LQFP44 สำหรับกลุ่ม M4K เท่านั้น)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/product/microcontrollers/txz4aplus-series.html

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับไมโครคอนโทรลเลอร์ของ Toshiba ได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/product/microcontrollers.html

* Arm และ Cortex เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Arm limited (หรือบริษัทในเครือ) ในสหรัฐอเมริกาและ/หรือทั่วโลก
* TXZ+™ เป็นเครื่องหมายการค้าของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่น ๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับลูกค้า:
ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์ MCU และอุปกรณ์ดิจิทัล
โทร: +81-3-3457-2913
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

* ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาด้านบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูล ณ ปัจจุบันในวันที่ประกาศ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (TDSC) ซัพพลายเออร์ระดับแถวหน้าผู้จัดหาโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และการจัดเก็บที่มีความก้าวล้ำ รวมรวมประสบการณ์และนวัตกรรมที่สะสมมากว่าครึ่งศตวรรษ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์ ระบบ LSIs และ HDD อันโดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจของเรา

พนักงานทั้ง 22,000 คนจากทั่วโลกของTDSC มุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ของเราให้ถึงระดับสูงสุด และให้ความสำคัญกับการทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า เพื่อส่งเสริมการสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ ๆ ร่วมกัน ด้วยยอดขายต่อปีที่สูงกว่า 7.1 แสนล้านเยน (6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในขณะนี้ TDSC หวังที่จะได้มีส่วนสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับผู้คนทั่วโลก

ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ TDSC ได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210728005418/en/

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อ:
Chiaki Nagasawa
ฝ่ายการตลาดดิจิทัล
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
โทร: +81-3-3457-4963
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Black & Veatch นำพาการศึกษาการผลิตไฮโดรเจน ณ จุดใช้งานสำหรับเชื้อเพลิงรถยนต์

Logo

ศักยภาพการลดคาร์บอนของการผลิตไฮโดรเจนสีเขียวแบบกระจายมีส่วนสำคัญในอนาคตของอุตสาหกรรมการขนส่ง

โอเวอร์แลนด์พาร์ค แคนซัส–(บิสิเนสไวร์)–29 ก.ค. 2564

บริษัทปัญญาประดิษฐ์ Empati ได้มอบหมายให้ Black & Veatch ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้การผลิตไฮโดรเจนสีเขียวแบบกระจายเพื่อเติมเชื้อเพลิงให้กับยานพาหนะ  Black & Veatch จะทำการประเมินด้านเศรษฐกิจ ลอจิสติกส์ และทางเทคนิคเกี่ยวกับศักยภาพของการผลิตไฮโดรเจนตามต้องการสำหรับผู้ประกอบการขนส่งที่ต้องการลดคาร์บอน

ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงรถยนต์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว  ไฮโดรเจนสีเขียวที่ผลิตขึ้นโดยใช้พลังงานหมุนเวียนช่วยให้ผู้ประกอบการขนส่งมีเส้นทางสู่การบรรลุเป้าหมายการลดคาร์บอน  โดยปกติการผลิตไฮโดรเจนจะเป็นแบบรวมศูนย์ จากนั้นจึงขนส่งเพื่อจัดเก็บที่คลังเก็บยานพาหนะหรือสถานีเติมเชื้อเพลิง  การศึกษาของ Black & Veatch จะพยายามยืนยันว่าการผลิตไฮโดรเจนแบบกระจายในขนาดเล็ก ณ จุดใช้งานนั้นเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในการบรรลุจุดราคาที่แข่งขันได้

“เราจะสร้างข้อกำหนดทางเทคนิคและแบบจำลองทางเศรษฐกิจสำหรับการผลิตพลังงานหมุนเวียนแบบกระจายเพื่อขับเคลื่อนการผลิตไฮโดรเจนในโรงงานขนาดเล็ก” Jonathan Cristiani วิศวกรเชื้อเพลิงขั้นสูงของ Black & Veatch กล่าว  “เนื่องจากความเป็นไปได้ในเชิงพาณิชย์จำเป็นต้องมีห่วงโซ่อุปทานที่สามารถรองรับเครือข่ายโรงงานไฮโดรเจนสีเขียวแบบกระจาย  การศึกษาของเราจึงกล่าวถึง 'ระบบนิเวศของไฮโดรเจน' ทั้งหมด ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีเท่านั้น”

การศึกษา ซึ่งดำเนินการโดยกลุ่มเทคโนโลยีไฮโดรเจนของ Black & Veatch จะสร้างจากประสบการณ์ของบริษัทใน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ไฮโดรเจน และ การกระจายสินทรัพย์พลังงานไฮโดรเจน ตลอดจนโครงการที่ระบุไฮโดรเจนเป็นชิ้นส่วนที่มีศักยภาพในการแยกก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  การศึกษาจะดำเนินการร่วมกับโครงการความร่วมมือเพื่อรวมแพลตฟอร์ม AI ของ Empati เข้ากับแพลตฟอร์ม Asset 360 ของ Black & Veatch

“เราเห็นไฮโดรเจนสีเขียวเป็นเชื้อเพลิงดิจิทัลที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการกระจายศูนย์ เช่น เครือข่ายของสถานีเติมน้ำมันหรือคลังเก็บยานพาหนะ  เราต้องการปรับใช้เทคโนโลยีของเราทั่วโลก โดยร่วมมือกับบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดในห่วงโซ่อุปทานไฮโดรเจน” Gopal Ramchurn ซีอีโอร่วมของ Empati กล่าว  “ในฐานะที่เป็นพันธมิตรด้านเทคโนโลยีซึ่งมีประสบการณ์ในโลกแห่งความจริงเกี่ยวกับไฮโดรเจน และทุกจุดในวงจรชีวิตของพลังงานแบบกระจายและโครงสร้างพื้นฐานด้านเชื้อเพลิงยานยนต์ทางเลือก Black & Veatch อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะช่วยเราบรรลุเป้าหมายนี้”

เพื่อสนับสนุนความคิดริเริ่มลดคาร์บอนและการใช้ไฮโดรเจนเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลดคาร์บอนที่  Black & Veatch ใน 2021   ได้เข้าร่วมสภาไฮโดรเจนและได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาให้กับคณะกรรมการที่ปรึกษาพลังงานที่มีประสิทธิภาพของกระทรวงพาFleet Decarbonization ebook และคู่มือ Hydrogen 2021: A Roadmap to NetZero

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทระดับโลกด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ ที่ปรึกษา และการก่อสร้างที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ โดยมีประวัติด้านนวัตกรรมในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมากกว่า 100 ปี  ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2458 เราได้ช่วยลูกค้าของเราปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยจัดการกับความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา  รายได้ของเราในปี 2563 เกิน 3.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ  ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210728005001/en/

ติดต่อ:

MALCOLM HALLSWORTH | +44 1483 319287 p | +44 7920 701764 m | HallsworthM@BV.com 

สายด่วนสำหรับสื่อ 24- ชั่วโมง | +1 866 496 9149

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย