Category Archives: Technology

Platform as a Service (PaaS) ของ Sangfor ช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

Logo

Sangfor Technologies ประกาศแพลตฟอร์ม Sangfor HCI & SCP (Sangfor Cloud Platform) เวอร์ชันล่าสุด 6.2.0 ซึ่งตอนนี้มีความสามารถในการทำ Platform as a Service (PaaS) ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Platform as a Service (PaaS) ของ Sangfor ช่วยให้ลูกค้าจัดการ พัฒนา และใช้งานแอปพลิเคชันโดยไม่ต้องสร้างหรือบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานแบบดั้งเดิมที่ซับซ้อน  Platform as a Service (PaaS) มอบเครื่องมือเฉพาะที่ออกแบบมาเพื่อทดสอบ พัฒนา แอปพลิเคชันได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ฟังก์ชันนี้ช่วยให้ผู้ดูแลระบบขององค์กรสามารถมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาแทนที่จะต้องใส่ใจกับโครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อน  นอกจากนี้ Platform as a Service (PaaS) ยังช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถจัดการความปลอดภัย ระบบปฏิบัติการ ซอฟต์แวร์ การสำรองข้อมูลและฟังก์ชั่นที่จำเป็นในการเปิดใช้งานสภาพแวดล้อมการทำงานร่วมกันทั้งด้วยตนเองและจากระยะไกล

เทคโนโลยีคอนเทนเนอร์และ Kubernetes ทำให้ Platform as a Service (PaaS) กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของโครงสร้างเครือข่ายองค์กร  ทาง Sangfor ได้สร้างแพลตฟอร์มแบบรวมสำหรับทั้งแอปพลิเคชันที่ใช้คอนเทนเนอร์บน VM แบบดั้งเดิมและบนคลาวด์ไว้ภายใต้ระบบเดียวกัน และด้วย GUI ที่ใช้งานง่ายของ Sangfor KubeManagers ช่วยให้นักพัฒนาสามารถบริหารจัดการระบบ Micro Service ได้อย่างง่ายดายในขณะที่ผู้ปฏิบัติงานดูแลการจัดการ VM แบบดั้งเดิม (Traditional) ด้วย SCP

ฟังก์ชั่นที่เหนือกว่าที่มีให้สำหรับลูกค้าโดย Sangfor Platform as a Service (PaaS) และ HCI ได้แก่ :

  • สามารถบริหารจัดการ Multi-Cluster บนระบบ Kubernetes ได้
  • สามารถตรวจสอบและบันทึกข้อมูลบนระบบ Kubernetes ได้
  • ทำงานร่วมกับระบบจัดเก็บข้อมูล (Image Registry) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงและใช้งานภายในองค์กร
  • เพิ่มความสะดวกในการ Deploy Application ผ่าน Application Store
  • สามารถใช้งาน Container ร่วมกับ Virutal Storage ของ Sangfor ผ่าน Container Storage Interface (CSI) ได้
  • สนับสนุนการเข้ารหัสข้อมูลภายใน Disk
  • สนับสนุนการทำ Hybrid-Disk และ All Flash ภายใน Cluster เดียวกัน
  • เพิ่มความสามารถในการรวม Interface Function เพื่อลดจำนวนในการใช้งาน Interface
  • สามารถทำการทดสอบ DR เพื่อตรวจสอบความพร้อมใช้งานของแอปพลิเคชั่นและข้อมูลได้
  • สามารถคาดการณ์ความจุของพื้นที่ Storage สำหรับการใช้งานและการวางแผนในอนาคตได้

"เราทราบดีว่าธุรกิจต่างๆ ต้องพึ่งพาระบบคลาวด์เพื่อการดำเนินงานที่ง่ายรวดเร็ว" Jason Yuan รองประธานฝ่ายตลาดระหว่างประเทศของ Sangfor Technologies กล่าว "แพลตฟอร์มของเราเป็นบริการที่สร้างขึ้นด้วยความช่วยเหลือจากลูกค้าและคู่ค้าของเราที่ได้แบ่งปันความต้องการด้านไอทีของพวกเขา จึงเกิดเป็น Sangfor HCI พร้อมกับ PaaS ภารกิจของเราคือการนำสิ่งที่ดีที่สุดและล้ำสมัยที่สุดที่โลกไอทีแล้วทำให้เร็วขึ้นและปลอดภัยขึ้น”

ทำไมต้อง Sangfor

Sangfor Technologies เป็นผู้จำหน่ายโครงสร้างพื้นฐานไอทีชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เชี่ยวชาญด้าน ความปลอดภัยของเครือข่าย และการประมวลผลแบบคลาวด์  เยี่ยมชมเราได้ที่ www.sangfor.com เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Sangfor และให้ Sangfor ทำให้การไอทีของคุณง่าย ปลอดภัย และมีคุณค่ามากขึ้น

ในขณะที่หลายคนปล่อยให้สถานการณ์ของปี 2563 เป็นตัวกำหนดอนาคตตลอดทั้งปี  แต่ในมุมกลับกัน Sangfor ใช้ปี 2563 นี้สร้างสรรค์และอัปเดตบริการคลาวด์และความปลอดภัยที่เป็นตัวเอกอยู่แล้วรวมถึงการเพิ่มความสามารถของ Platform as a Service (PaaS) เข้ามาในผลิตภัณฑ์ Sangfor HCI

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210201005304/en/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Toshiba เพิ่ม eFuse IC ใหม่เป็นฟิวส์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับการใช้งานซ้ำ ๆ ซึ่งนำเสนอการป้องกันแรงดันไฟฟ้าเกินแบบที่ปรับได้และมาพร้อมกับฟังก์ชันการเตือนแบบเอาต์พุตสัญญาณ FLAG

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–2 ก.พ. 2564

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ("Toshiba") ได้เพิ่มผลิตภัณฑ์ eFuse IC ใหม่ “TCKE712BNL” ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ eFuse ICs สำหรับการใช้งานซ้ำ ๆ ซึ่งรองรับฟังก์ชันในการป้องกันวงจรสายไฟ

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210201005991/en/

Toshiba: TCKE712BNL, a new eFuse IC for repeated use that support functions to protect power line circuits. (Graphic: Business Wire)

Toshiba: TCKE712BNLe ซึ่งเป็น Fuse IC ใหม่สำหรับการใช้งานซ้ำ ๆ ที่รองรับฟังก์ชันเพื่อป้องกันวงจรสายไฟ (กราฟิก: Business Wire)

ฟิวส์แบบตัวเครื่องโดยทั่วไป ซึ่งได้แก่ ฟิวส์หลอดแก้วและฟิวส์ชิป จะป้องกันวงจรสายไฟโดยการปิดตัวเองลงเมื่ออยู่ในสถานะกระแสเกินและเมื่อฟิวส์แบบนี้ถูกใช้ไปแล้วและเสีย จะต้องได้รับการเปลี่ยนใหม่ แต่ eFuse ICs ได้รับการออกแบบมาเพื่อเข้ามาแทนที่ฟิวส์ดังกล่าวข้างต้นในการป้องกันวงจรสายไฟและให้ความปลอดภัย และเพื่อมอบฟังก์ชันการป้องกันในตัวที่หลากหลายนอกเหนือไปจากการป้องกันกระแสเกินแบบที่มีความแม่นยำสูง

TCKE712BNL จะปกป้องสายไฟด้วยฟังก์ชั่นป้องกันแรงดันไฟฟ้าเกิน โดยที่ตัวของมันสามารถปรับได้ตามความต้องการของผู้ใช้ด้วยการใช้ตัวต้านทานภายนอก นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นการปิดการย้อนกลับในตัวที่ Off state ทำให้สามารถใช้งานในแอพพลิเคชั่นเพาเวอร์มัลติเพล็กเซอร์ได้ นอกจากนี้ฟังก์ชั่นการป้องกันในตัวยังครอบคลุมถึงเรื่องกระแสไฟฟ้าลัดวงจรและอุณหภูมิที่สูงเกินไป นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน FLAG ที่ส่งสัญญาณภายนอกหากมีความผิดปกติเกิดขึ้นในวงจร ทำให้การตรวจจับข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น เป็นที่สังเกตเห็นได้ง่ายกว่าของผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายอยู่ก่อนหน้านี้ของ Toshiba

Toshiba จะยังคงเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับชุดผลิตภัณฑ์ eFuse ICs เพื่อปกป้องวงจรสายไฟสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย

การใช้งาน

– การป้องกันวงจรสายจ่ายไฟ

(พีซี แล็ปท็อป คอนโซลเกม อุปกรณ์เสริมความเป็นจริงและเสมือนจริงลำโพงอัจฉริยะ หุ่นยนต์ทำความสะอาด เซิร์ฟเวอร์เครือข่าย ฯลฯ )

คุณสมบัติ

– ฟังก์ชันการรีเวอร์สการปิดกระแสในสถานะปิด OFF state

– ฟังก์ชันที่ให้ผู้ใช้กำหนดการป้องกันกระแส / แรงดันไฟฟ้าเกินได้เอง

– ฟังก์ชันเอาต์พุตสัญญาณ FLAG

– แพ็คเกจ WSON10 ที่บางและกะทัดรัด: 3.00 × 3.00 มม. (ทั่วไป), t = 0.75 มม. (สูงสุด)

ข้อมูลจำเพาะหลัก

(@Ta=25°C นอกจากที่ระบุไว้)

หมายเลขชิ้นส่วน

TCKE712BNL

แพ็คเกจ

ชื่อ

WSON10

ขนาดปกติ typ. (มม)

3.00×3.00, t=0.75 max

ช่วงการทำงาน

แรงดันไฟฟ้าขาเข้า VIN (V)

4.4 to 13.2

ลักษณะกระแสตรง

กระแสเกิน

IOUT_CL typ. (A)

@VIN=12V

2.00

@VIN=9V

2.58

@VIN=5V

3.65

ออนรีซิสแตนซ์ RON typ. (mΩ)

53

ลักษณะกระแสสลับ

Fast trip time

tFASTTRIP typ.

(ns)

@Ta= -40 to 85°C

320

ฟังก์ชั่นป้องกันกระแสเกิน

ปรับได้

ฟังก์ชั่นป้องกันแรงดันไฟฟ้าเกิน

ปรับได้

ฟังก์ชันเอาต์พุตสัญญาณ FLAG

อยู่ในผลิตภัณฑ์

ฟังก์ชันรีเวิร์สการบล็อคกระแสไฟ

อยู่ในผลิตภัณฑ์

ตรวจสอบตัวอย่างและการวางจำหน่าย

ซื้อออนไลน์

ตามลิงค์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่

TCKE712BNL

https://toshiba.semicon-storage.com/info/lookup.jsp?pid=TCKE712BNL

หากต้องการตรวจสอบความพร้อมของผู้จัดจำหน่ายออนไลน์ โปรดไปที่:

TCKE712BNL

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/where-to-buy/stockcheck.TCKE712BNL.html

ไปที่ลิงก์เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ eFuse IC line-up ของ Toshiba

eFuse ICs

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/product/power-management-ics/efuse-ics.html

สอบถามสำหรับลูกค้า:

Small Signal Device Sales & Marketing Dept.

โทร: +81-3-3457-3411

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ

*ข้อมูลในเอกสารนี้รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการและข้อมูลการติดต่อเป็นข้อมูลล่าสุดในวันที่ประกาศ อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation รวมความแข็งแกร่งของบริษัทใหม่เข้ากับภูมิปัญญาและประสบการณ์ โดยนับตั้งแต่ได้รับการเปิดตัวจากบริษัทโตชิบาในเดือนกรกฎาคม 2560 เราได้ก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในบริษัทอุปกรณ์ทั่วไปชั้นนำและนำเสนอโซลูชันที่โดดเด่นให้แก่ลูกค้า และหุ้นส่วนทางธุรกิจในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์แบบแยกตัวระบบ LSI และ HDD

พนักงานของเราจำนวน 24,000 คนทั่วโลกมีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ของเรา และให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อส่งเสริมการร่วมสร้างสรรค์มูลค่าและตลาดใหม่ ๆ เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะสานต่อยอดขายรายปีที่ปัจจุบันอยู่ที่เจ็ดแสนห้าหมื่นล้านเยน (6.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อเอื้อให้เกิดอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคนทุกที่

ดูข้อมูลเพิ่มเติมของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210201005991/en/

สอบถามสำหรับสื่อ:

Chiaki Nagasawa

ฝ่ายการตลาดดิจิตอล หรือ Digital Marketing Department

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

โทร: +81-3-3457-4963

semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Capco และ Envizage ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์

Logo

เพื่อนำประโยชน์ของเครื่องมือแนะนำของ Envizage ไปใช้กับบริษัทที่ให้บริการทางการเงินและลูกค้าทั่วโลก

ลอนดอน–(บิสิเนสไวร์)–28 ม.ค. 2564

Capco ที่ปรึกษาด้านการจัดการและเทคโนโลยีระดับโลกและ Envizage ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์การวิเคราะห์ในลอนดอนประกาศความร่วมมือครั้งใหม่เพื่อมอบประโยชน์ของเครื่องมือคำแนะนำที่อิงจากการจำลองของ Envizage ในด้านบริการทางการเงิน

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210128005152/en/

Matt Hutchins, Capco (Photo: Business Wire)

Matt Hutchins, Capco (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

Envizage ก่อตั้งโดยอดีตหุ้นส่วน Morgan Stanley สามราย โดยสนับสนุนธนาคาร บริษัทประกัน กองทุนบำนาญและบริการความมั่งคั่งสำหรับลูกค้าทั่วไป และผู้จัดการสินทรัพย์ผ่านวิธีการและเทคโนโลยีที่ได้มาจาก Morgan Stanley ซึ่งเป็นหุ้นส่วนน้อยในบริษัท

เครื่องมือให้คำแนะนำของ Envizage เป็น API ที่ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ทางการเงินทั้งหมดสำหรับการวางแผนอนาคตของลูกค้า  Envizage จำลองความเสี่ยง 'ชีวิตจริง' ในกลุ่มอายุของลูกค้าที่แตกต่างกัน ตั้งแต่คนรุ่นมิลเลนเนียลไปจนถึงผู้เกษียณอายุโดยใช้ความน่าจะเป็นที่พิจารณาจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อ อายุยืน อัตราการเสียชีวิต สุขภาพ และสภาพคล่องทางการเงิน

Envizage สัญญาว่าจะปกป้องกลยุทธ์การบริการแบบดิจิทัลหรือแบบไฮบริดของลูกค้าในอนาคตตามขนาดและลดต้นทุนของแพลตฟอร์ม การปฏิบัติตามกฎระเบียบและการจัดจำหน่าย โดยข้อมูลที่ใช้มีความสามารถในการลดต้นทุน BAU ได้มาก

Matt Hutchins หุ้นส่วนและหัวหน้าฝ่ายประกันภัยของ Capco กล่าวว่า “Envizage นำเสนอรากฐานดิจิทัลแห่งเดียวสำหรับหลากหลายผลิตภัณฑ์ ช่องทาง และประเทศ  Capco นับว่าความร่วมมือคร้ังนี้สามารถกื้อกูลทั้งสองบริษัทได้อย่างมากด้วยการเจาะตลาดและความสามารถด้านข้อมูลและดิจิทัลของทั้งสองฝ่าย  ความสามารถในการใช้ข้อมูลเชิงวิเคราะห์เพื่อสร้างการรับรู้และการวางแผนทางการเงินสำหรับลูกค้า การช่วยธุรกิจในการปรับปรุงการบริการลูกค้า และการเพิ่มช่องทางการขายต่างๆ เช่น มือถือ เดสก์ท็อป ตัวแทนศูนย์ติดต่อ หรือที่ปรึกษาเป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งเนื่องจาก Capco ให้ความสำคัญกับตลาดประกันภัยและการธนาคาร”

Vinay Jayaram ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Envizage กล่าวว่า “Envizage มีความยินดีที่จะประกาศความร่วมมือครั้งใหม่นี้  ความเชี่ยวชาญเชิงลึกของ Capco ความสามารถในการบริการที่กว้างขวาง และความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับองค์กรที่ให้บริการทางการเงินชั้นนำทั่วโลกจะเป็นสิ่งที่ล้ำค่าในขณะที่เราให้บริการลูกค้าของเราทั้งในภาคธนาคาร การประกันภัย การลงทุนรายย่อย และการบริหารความมั่งคั่ง เงินบำนาญและบริการเกษียณอายุ  ในช่วงเวลาแห่งความท้าทายนี้ ผู้คนนับล้านทั่วโลกต่างแสวงหาหนทางที่ชัดเจนในการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับตนเองและครอบครัว  เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมงานกับ Capco เพื่อตอบโจทย์นี้และผลักดันความก้าวหน้าในการวางแผนทางการเงิน การปรับเปลี่ยนในแบบของลูกค้า และการเพิ่มช่องทางการขายสำหรับลูกค้าร่วมกันของเรา”

เกี่ยวกับ Capco

Capco เป็นที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีและการจัดการระดับโลกที่เชี่ยวชาญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในอุตสาหกรรมบริการทางการเงิน ด้วยพอร์ตโฟลิโอของลูกค้าที่กำลังเติบโต ซึ่งประกอบไปด้วยองค์กรกว่า 100 แห่งทั่วโลก Capco ดำเนินงานที่จุดรวมตัวของธุรกิจและเทคโนโลยีโดยการผสมผสานความคิดเชิงนวัตกรรมกับความรู้ในอุตสาหกรรมเพื่อเร่งโครงการด้านดิจิทัลสำหรับการธนาคารและการชำระเงิน ตลาดทุน ความมั่งคั่ง และการจัดการสินทรัพย์ การประกันภัย และภาคพลังงาน  ความล้ำสมัยของ Capco ถูกนำมาใช้จริงผ่านห้องแล็บ และวัฒนธรรม BYAW ที่ได้รับรางวัลและความสามารถที่หลากหลาย หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม www.capco.com หรือติดตามเราบน Twitter, Facebook, YouTube, LinkedIn Instagram และ Xing

เกี่ยวกับ Envizage

Envizage เป็นบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินที่มีโซลูชันหลักเป็นเครื่องมือให้คำแนะนำที่ให้บริการผ่าน API ที่กำหนดค่าได้  ลูกค้าของ Envizage ได้แก่ธนาคาร บริษัทประกัน กองทุนบำนาญและผู้จัดการสินทรัพย์รายย่อยที่สร้างแอปพลิเคชันสำหรับลูกค้าและสมาชิกที่ขับเคลื่อนโดย API ของ Envizage.  Envizage ให้บริการลูกค้าทั่วโลกเพื่อให้มีส่วนร่วมกับผู้ใช้เพื่อให้สามารถบรรลุผลลัพธ์ในอนาคตที่ดีขึ้น  หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมโปรดไปที่ envizage.me หรือติดตามเราบน LinkedIn

อ่านเวอร์ชั่นที่มาใน businesswire.com: businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210128005152/en/

ติดต่อ:

Capco
Tim Steele
Head of External Communications (หัวหน้าฝ่ายการสื่อสารภายนอก)
tim.steele@capco.com

Envizage
Claire Brown
contact-us@envizage.me

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Cavli Wireless เริ่มการผลิตโมดูล LPWAN LTE และ IoT แบบ 5G ในอินเดียโดยใช้ชิป GCT Semiconductor

Logo

โมดูล LTE / LPWAN IoT ที่มี eSIM รวมอยู่ภายในของ Cavli จะเป็นโซลูชันการสื่อสารไร้สายตัวแรกที่ออกแบบและผลิตในอินเดียเพื่อขับเคลื่อนแอปพลิเคชัน IoT ในเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities) ยานยนต์ พลังงานและสาธารณูปโภค การผลิต การดูแลสุขภาพ และเกษตรกรรมทั่วโลก

ซานโฮเซ่, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–25 ม.ค. 2564

Cavli Wireless, ได้ร่วมมือและให้อนุญาตกับ GCT Semiconductor ในการทำชิปเพื่อผลิตและประกอบโมดูล LPWAN, LTE และ 5G IoT  ในอินเดีย ซึ่งนี่จะเป็นครั้งแรกในการเริ่มต้นการผลิตโมดูล LTE / LPWAN IoT ระดับอุตสาหกรรมในอินเดีย โดยอินเดียเป็นศูนย์กลางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ IoT ที่กำลังเกิดขึ้นใหม่ในตลาดโลก และโมดูล IoT ที่ออกแบบพัฒนาและผลิตในอินเดียก็ถือเป็นข่าวดีสำหรับฐานลูกค้าที่ Cavli มีอยู่แล้ว

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210124005080/en/

C42GM is a single-mode LTE CAT M1/NB1/NB2 (upgradable to Release 14) compatible Smart Cellular Module based on 3GPP Release 13, that comes with an integrated eSIM. C42GM has a healthy battery life profile of ten years due to Deep Sleep Mode capability. It also comes with integrated GNSS, Bluetooth 4.2 & Sigfox. The integrated eSIM coupled with Cavli Hubble Global Connectivity ensures the module can be deployed across the globe, making it an ideal solution for logistics, automotive, vehicle tracking systems and more (Photo: Business Wire)

C42GM เป็น LTE CAT M1 / NB1 / NB2  (อัพเกรดเป็นรุ่น 14) แบบโหมดเดียว ที่ใช้ได้กับ Smart Cellular Module ที่ใช้ 3GPP Release 13 ซึ่งมาพร้อมกับ eSIM ในตัว โดย C42GM มีอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ยาวนานถึง 10 ปี เนื่องจากใช้ความสามารถในโหมด Deep Sleep นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ GNSS ในตัวบลูทูธ 4.2 และ Sigfox eSIM ที่ผสานรวมกับ Cavli Hubble Global Connectivity จึงช่วยให้มั่นใจได้ว่าโมดูลจะสามารถใช้งานได้ทั่วโลก ทำให้เป็นโซลูชันที่ดีที่สุดสำหรับระบบขนส่งยานยนต์ ระบบติดตามยานพาหนะและอื่น ๆ (ภาพ: Business Wire)

GCT Semiconductor, Inc. ออกแบบและพัฒนานวัตกรรมชิป LTE สำหรับอุตสาหกรรมการสื่อสารไร้สาย 4G LTE, LPWAN และ 5G

ไฮไลต์สำคัญในการทำงานร่วมกันครั้งนี้ คือการที่ LTE CAT M1/NB1/NB2 C42GM Smart IoT Module ที่ใช้ GCT GDM7243i จะมาพร้อมกับ eSIM, GNSS, CAN Controller และ BLE-4.2 ในตัว จึงทำให้มันเป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ในฝันสำหรับการติดตามสินทรัพย์ทุกสิ่งของผู้ผลิตโซลูชันยานยนต์ นอกจากนี้โมดูล IoT อัจฉริยะ C42GM ยังรองรับ Sigfox และเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับองค์กรที่เน้นโซลูชันการเชื่อมต่อแบบไฮบริด ทั้งนี้ แอพพลิเคชั่นการใช้งาน LPWAN ที่หลากหลาย เช่น ตัวติดตามอุปกรณ์สวมใส่ เครื่องวัดยูทิลิตี้อัจฉริยะ และโซลูชันที่ใช้เซ็นเซอร์อื่น ๆ สำหรับโครงการเมืองอัจฉริยะจะสามารถถูกขับเคลื่อนได้อย่างราบรื่นด้วยโมดูล C42GM IoT อัจฉริยะที่มาพร้อมกับ eSIM ในตัว ซึ่งพร้อมสำหรับการเชื่อมต่อทั่วโลก

อุตสาหกรรมการเชื่อมต่อไร้สายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ได้รับแรงผลักดันเพิ่มขึ้นสำหรับความพยายามในการเปลี่ยนรูปแบบให้เป็นดิจิทัลภายหลังจากการระบาดใหญ่ของโควิด ซึ่งกำลังปูทางให้อินเดียกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลกสำหรับตลาดที่พัฒนาแล้ว ความร่วมมือกับ GCT Semiconductor ในครั้งนี้ เป็นการวางตำแหน่ง Cavli Wireless ให้เป็นพันธมิตรระดับโลกที่เป็นที่นิยมสำหรับโครงการ IoT ขององค์กรจำนวนมากที่ซึ่งตลาดมีความต้องการผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ และการเชื่อมต่อที่มีการผสานรวมในระดับสูง

ปัจจุบันมีการทำงานโปรเจ็คท์นำร่องร่วมกับลูกค้าทั่วโลก โดย C42GM ที่เป็นโมดูล IoT ตัวแรกจากความร่วมมือนี้จะเริ่มจัดส่งไปทั่วโลกในรูปแบบการผลิตจำนวนมากตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2564

ผู้ผลิตโซลูชัน IoT ที่สนใจ สั่งซื้อชุดประเมินผลล่วงหน้าสามารถไปที่ลิงก์เพื่อดูข้อมูลได้ที่นี่

ค้นหาข่าวล่าสุดและการอัปเดตของ Cavli Wireless ได้ที่นี่

เกี่ยวกับ Cavli Wireless, Inc.

Cavli Wireless เป็นผู้ผลิตโมดูล IoT แบบเซลลูลาร์ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในซานโฮเซ แคลิฟอร์เนีย ซึ่งรวมการเชื่อมต่อ IoT และการจัดการข้อมูลไว้ในแพลตฟอร์มเดียว Cavli ออกแบบและผลิตโมดูลอัจฉริยะ IoT แบบเซลลูลาร์ระดับอุตสาหกรรม ที่ช่วยพัฒนาการใช้งานของอุปกรณ์และเร่งกระบวนการพัฒนาสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงการใช้งานในเมืองอัจฉริยะระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ และการขนส่งการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยของมนุษย์ โมดูลอัจฉริยะทั้งหมดที่พัฒนาโดย Cavli มาพร้อมกับการเชื่อมต่อเซลลูลาร์ทั่วโลกผ่านฟังก์ชัน eSIM ที่รวมเอาไว้แล้ว โดยมีการเสนอราคา data pricing ทั่วโลกที่ไม่แพงให้แก่ผู้ใช้ ตลอดจนถึงกระบวนการจัดการอุปกรณ์ที่ง่ายขึ้นและการจัดการการสมัครสมาชิกแบบรวมศูนย์ผ่านอินเทอร์เฟซบนคลาวด์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Cavli Hubble

เกี่ยวกับ GCT Semiconductor, Inc.

GCT Semiconductor เป็นผู้ออกแบบและจัดหาโซลูชั่นเซมิคอนดักเตอร์ 4G LTE และ 5G ขั้นสูงชั้นนำ โซลูชัน LTE ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วของ GCT ให้การเชื่อมต่อ LTE ที่รวดเร็วและเชื่อถือได้กับอุปกรณ์เชิงพาณิชย์จำนวนมาก เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ดองเกิล USB ฮอตสปอต เราเตอร์แอปพลิเคชัน M2M สำหรับผู้ให้บริการ LTE ชั้นนำของโลก เป็นต้น โดยทาง GCT นำเสนอโซลูชัน LTE ที่ถูกปรับให้เหมาะสมกับ Internet of Things (IoT) และระบบบนชิปของ GCT ได้ผสานรวมความถี่วิทยุโมเด็มเบสแบนด์และฟังก์ชันการประมวลผลสัญญาณดิจิทัลเอาไวด้ย ดังนั้นจึงนำเสนอโซลูชันแพลตฟอร์ม 4G และ 5G ที่สมบูรณ์แบบด้วยรูปทรงขนาดเล็ก ใช้พลังงานต่ำ ประสิทธิภาพสูง ความน่าเชื่อถือและความคุ้มค่าสูง ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.gctsemi.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210124005080/en/

ติดต่อ:

Ajit Thomas

ผู้ร่วมก่อตั้งและ CMO ของ Cavli Wireless

ajit@cavliwireless.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Capco แต่งตั้ง James Arnett เป็นหัวหน้าภูมิภาคเอเปค

Logo

ลอนดอนและฮ่องกง–(บิสิเนสไวร์)–21 ม.ค. 2564

Capco ที่ปรึกษาด้านการจัดการและเทคโนโลยีระดับโลกได้เสนอชื่อ James Arnett เป็นผู้จัดการและหุ้นส่วนสำหรับภูมิภาคเอเปค โดยมีหน้าที่รับผิดชอบธุรกิจของบริษัทในฮ่องกง สิงคโปร์ ไทย และมาเลเซีย

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210120005619/en/

James Arnett (Photo: Business Wire)

James Arnett (รูปภาพ: บิสิเนสไวร์)

James มีประสบการณ์ในการให้คำปรึกษา การธนาคาร และเทคโนโลยีทั่วโลกกว่า 20 ปี โดยร่วมกับสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกและธนาคารอินเทอร์เน็ตบุกเบิกหลายรายของสหราชอาณาจักร  เขาได้นำและสร้างแนวทางปฏิบัติด้านการเงิน ความเสี่ยง และการปฏิบัติตามกฎระเบียบในสหราชอาณาจักรของ Capco และล่าสุดเป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการตลาดทุนของสหราชอาณาจักร  เขาเข้าร่วมกับ Capco ในปี 2554 โดยดำรงตำแหน่งที่ IBM Global Business Services, Capita, Hewlett Packard Enterprise และ The Co-operative Bank

James จะประจำที่สำนักงานในฮ่องกงของ Capco และจะย้ายจากลอนดอนเมื่อได้มียุติข้อจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ

Lance Levy ซีอีโอของ Capco กล่าวว่า “การแต่งตั้ง James ให้เป็นผู้นำภูมิภาคเอเปคเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของ Capco ในการลงทุนในภูมิภาคนี้  James มีประสบการณ์ในการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าทั่วโลกและโปรแกรมการเปลี่ยนแปลงในสหราชอาณาจักร ยุโรป อเมริกาเหนือ เอเชีย และแอฟริกาและมีประวัติความสำเร็จในการนำแนวทางของผู้ประกอบการไปใช้ในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตได้อย่างรวดเร็ว  ความเชี่ยวชาญเชิงลึกของเขาเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่และการเปลี่ยนแปลงโดยใช้ข้อมูลภายในตลาดทุนและการธนาคารจะเป็นสิ่งล้ำค่าในการเติบโตและการกำเนินการในภูมิภาคของเรา”

James Arnett กล่าวว่า: “ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีโอกาสในการขับเคลื่อนธุรกิจในภูมิภาคเอเปคของเราให้ก้าวไปข้างหน้า  ภูมิภาคนี้เป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมและพลวัตของการปรับเปลี่ยนทางดิจิทัลและการเปลี่ยนแปลงในบริการทางการเงิน  นับว่ามีโอกาสที่ดีในอุตสาหกรรมการธนาคารเสมือน ข้อมูล บริษัท เทคโนโลยีประกันภัย เทคโนโลยีเกิดขึ้นใหม่ รวมถึงคลาวด์และแมชชีนเลิร์นนิงและการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้และการเดินทางของลูกค้า  ผมหวังว่าจะได้ร่วมงานกับลูกค้าในเอเชียแปซิฟิกของเราเพื่อช่วยปรับโครงสร้างและขยายธุรกิจให้เติบโต”

เกี่ยวกับ Capco

Capco เป็นที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีและการจัดการระดับโลกที่เชี่ยวชาญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในอุตสาหกรรมบริการทางการเงิน  ด้วยพอร์ตโฟลิโอของลูกค้าที่เติบโตขึ้นซึ่งประกอบไปด้วยองค์กรกว่า 100 แห่งทั่วโลก Capco ดำเนินงานที่จุดตัดของธุรกิจและเทคโนโลยีโดยการผสมผสานความคิดสร้างสรรค์เข้ากับความรู้ในอุตสาหกรรมที่ไม่มีใครเทียบได้เข้ากับผลงานด้านดิจิทัลสำหรับการธนาคารและการชำระเงิน ตลาดทุน การจัดการสินทรัพย์และความมั่งคั่ง และภาคพลังงาน  ความเฉลียวฉลาดล้ำสมัยของ Capco ถูกนำมาใช้จริงผ่านห้องแล็บนวัตกรรมและ BYAW โดยได้รับรางวัลและความสามารถที่หลากหลาย  หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม www.capco.com หรือติดตามเราบน Twitter, Facebook, YouTube, LinkedIn Instagram และ Xing

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210120005619/en/

ติดต่อสื่อ:
Tim Steele
Head of External Communications  (หัวหน้าฝ่ายสื่อสารภายนอก)
tim.steele@capco.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Commonwealth LNG เปิดตัวการประมูลราคาสำหรับการรับซื้อก๊าซ LNG

Logo

ฮูสตัน, นิวยอร์กและสิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–18 ม.ค. 2564

Commonwealth LNG ร่วมกับ Gunvor Group (“ Gunvor”) ประกาศในวันนี้ว่าด้วยการเปิดตัวกระบวนการอย่างเป็นทางการเพื่อให้มีการเสนอราคาเพื่อสำรองการรับซื้อก๊าซ LNG จากโรงงานผลิตที่วางแผนไว้จำนวน 8.4 ล้านตันต่อปี ณ เมืองคาเมรอน รัฐหลุยเซียนา นี่ถือเป็นกระบวนการประกวดราคาครั้งแรกที่ลูกค้าในอนาคตของก๊าซ LNG สามารถได้รับการจัดหาซัพพลายแบบที่สามารถกำหนดปริมาณ ราคา และระยะเวลาเองได้ ผ่านการเสนอราคาแข่งขัน โดยก๊าซ LNG จะมีให้บริการภายใต้ข้อตกลงการรับค่าบริการแบบ free on board (FOB) หรือแบบ delivered at place ( (DAP) เพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของ Commonwealth กล่าวว่าแนวทางเลือกที่แตกต่างออกไปเช่นนี้เกิดขึ้นหลังจากมีการเปลี่ยนแปลงในตลาดพลังงาน อันเป็นผลมาจากการระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก

Paul Varello ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Commonwealth กล่าวว่าแนวทางใหม่ในการขายก๊าซ LNG เป็นประโยชน์ต่อโครงการ และต่อผู้ซื้อที่มีศักยภาพ “ เราเชื่อว่ากระบวนการนี้เป็นทางออกที่เป็นประโยชน์ร่วมกันและมีความเสี่ยงต่ำสำหรับผู้ซื้อในการตอบสนองความต้องการในระยะยาวของพวกเขา ในขณะที่ให้ Commonwealth เองก็สามารถพัฒนาโครงการของเราอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด”

การประกวดราคาของ Commonwealth ได้รับการสนับสนุนโดย Gunvor Group, Ltd. ซึ่งเป็นผู้ค้าก๊าซ LNG อิสระชั้นนำระดับโลก โดย Gunvor และ Commonwealth LNG มีข้อตกลงเชิงกลยุทธ์ว่าด้วยการให้ Gunvor สนับสนุน Commonwealth ในการได้มาซึ่งผลผูกพันข้อตกลงการผลิต LNG และการจัดหาก๊าซสำหรับที่โรงงาน ทั้งนี้ Gunvor มุ่งมั่นที่จะรับก๊าซ LNG มากถึง 3 ล้านตันต่อปีจากโครงการ นอกจากนี้ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการประกวดราคา Gunvor จะเปิดใช้การเสนอขายพื้นฐานแบบ DAP ให้กับลูกค้าที่ต้องการตัวเลือกนี้ นอกจากนี้การใช้ประโยชน์จากพอร์ตโฟลิโอ LNG ของ Gunvor จะช่วยให้การเสนอขายมีภาระผูกพันในการจัดหาซัพพลายก๊าซ LNG ที่มั่นคงเชื่อถือได้ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการจัดหาโครงการกรีนฟิลด์และ / หรือช่วยทำให้สามารถส่งมอบก๊าซ LNG ก่อนที่จะเริ่มโครงการ Commonwealth LNG ให้กับผู้ซื้อที่มีความจำเป็นต้องการซัพพลายก่อนล่วงหน้า

“กระบวนการประกวดราคาถือเป็นการต่อยอดจากโมเมนตัมที่มีขึ้นระหว่าง Commonwealth และ Gunvor ภายใต้ข้อตกลงเชิงกลยุทธ์ที่ดำเนินการในปี 2562” Kalpesh Patel หัวหน้าฝ่ายการค้าแอลเอ็นจีของ Gunvor กล่าว “ ความยืดหยุ่นที่ Gunvor สามารถนำเสนอให้ ทั้งในแง่ของปริมาณการเชื่อมต่อในช่วงต้นและทั้งเรื่องสัญญา DES / DAP ของบริษัท ทำให้ Commonwealth ได้เปรียบและแตกต่างไปจากโครงการ LNG ที่กำลังดำเนินการอยู่แห่งอื่น ๆ ”

Commonwealth ให้บริษัท Poten & Partners, Inc. จัดการกระบวนการประกวดราคา โดย Poten ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นบริษัทที่ปรึกษา LNG ชั้นนำของโลก กระบวนการประกวดราคาจะเปิดตัวในวันที่ 18 มกราคม โดยจะเรียกร้องให้มีการยืนยันความสนใจภายในกลางเดือนกุมภาพันธ์และยื่นเสนอราคาภายในต้นเดือนเมษายน 2564 โดย Commonwealth จะประเมินการเสนอราคาแต่ละรายการโดยพิจารณาจากปริมาณราคา อายุสัญญา และเครดิตของผู้ประมูล อนึ่ง จะมีการออกสัญญาให้กับบริษัทที่ประมูลชนะในเดือนมิถุนายนของปีนี้

โครงการนี้น่าจะบรรลุ FID ภายในไตรมาสแรกของปี 2565 โดยคาดว่าจะมีการขนส่งสินค้าครั้งแรกในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 ทาง Commonwealth กำลังดำเนินการตามกำหนดการก่อสร้างที่กำลังมีการเร่งกำลังขึ้น ซึ่งจะช่วยให้โครงการสามารถสร้างได้ภายในสามปีโดยใช้วิธีการแบบแยกส่วน โดยที่การประดิษฐ์ส่วนประกอบหลัก ๆ ถูกจัดทำขึ้นนอกสถานที่ ดังนั้น จึงทำให้โครงการสามารถเสนอราคาขาย LNG จากสหรัฐอเมริกา ที่ต่ำที่สุดได้แห่งหนึ่ง

เกี่ยวกับ Commonwealth LNG

Commonwealth LNG เป็นโครงการสถานีส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) 8.4 ล้านตันต่อปี ซึ่งตั้งอยู่บนแม่น้ำ Calcasieu ที่อ่าวเม็กซิโกใกล้เมืองคาเมรอน รัฐหลุยเซียนา ทีมผู้นำของโครงการมุ่งมั่นที่จะสร้างโรงงานผลิต LNG ระดับโลกโดยให้ความสำคัญกับการจัดการความเสี่ยงและการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง www.CommonwealthLNG.com

เกี่ยวกับ Gunvor Group Ltd

Gunvor Group เป็นหนึ่งในบริษัทซื้อขายสินค้าอิสระที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยการหมุนเวียนสร้างโซลูชันโลจิสติกส์ที่เคลื่อนย้ายพลังงานที่จับต้องได้อย่างปลอดภัยและอย่างมีประสิทธิภาพจากแหล่งที่มา พร้อมกับแจกจ่ายและจัดเก็บพลังงานไปยังที่ที่มีความต้องการพลังงานมากที่สุด บริษัทนี้เป็นผู้ค้าก๊าซ Liquefied National Gas (LNG) อิสระชั้นนำระดับโลก www.GunvorGroup.com

เกี่ยวกับ Poten & Partners, Inc.

Poten & Partners เป็นบริษัทในเครือของ BGC Partners มากว่า 80 ปี Poten ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าแก่ลูกค้าเกี่ยวกับตลาดน้ำมันก๊าซและการขนส่งระหว่างประเทศ บริษัทมีทีมที่ปรึกษาการค้าที่มีประสบการณ์ที่สนับสนุนโครงการ LNG ที่มีอยู่และกำลังพัฒนาทั่วโลก www.Poten.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210118005075/en/

ติดต่อสอบถามสำหรับสื่อ:

Commonwealth LNG

Lyle Hanna

ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสาร

ออฟฟิศ: 346-352-4436

มือถือ: 281-794-9606

อีเมล: lhanna@teamcpl.com

Carbon Trust เปิดตัวโครงการเร่งการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับ บริษัทภาคอาหารและเครื่องดื่มในอาเซียน

Logo

โครงการ UK-ASEAN Energy Efficiency Accelerator สนับสนุนบริษัทภาคอาหารและเครื่องดื่มในมาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนามในการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดต้นทุนด้านพลังงานภายใต้โครงการคาร์บอนต่ำ ASEAN Low Carbon Programme ที่ได้รับทุนจากกองทุน Prosperity Fund ของรัฐบาลสหราชอาณาจักร

สิงคโปร์–(บิสิเนสไวร์)–14 ม.ค. 2564

วันนี้ Carbon Trust ได้เปิดตัว UK-ASEAN Energy Efficiency Accelerator (the Accelerator) เพื่อสนับสนุนธุรกิจต่างๆ ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ขยายการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน  โครงการ Accelerator จะดำเนินการจนถึงเดือนมีนาคม 2565 โดยเน้นที่ภาคอาหารและเครื่องดื่มในมาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนามโดยสนับสนุนบริษัทในขั้นตอนต่างๆ ของการจัดการพลังงานเพื่อช่วยให้ตระหนักถึงความสำคัญของประสิทธิภาพการใช้พลังงาน

ภาคอาหารและเครื่องดื่มนับว่าเป็นหนึ่งในภาคอุตสาหกรรมที่มีการใช้พลังงานมากที่สุดในภูมิภาค โดยสามารถประหยัดพลังงานได้ถึง 4.5Mtoe (หรือ 35% ของการใช้พลังงานทั้งหมดในปัจจุบัน)  การสนับสนุนโครงการมีให้สำหรับบริษัทขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการแปรรูปและการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม

Accelerator ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุน Prosperity Fund ของรัฐบาลสหราชอาณาจักรผ่านโครงการพลังงานคาร์บอนต่ำของอาเซียน (ASEAN Low Carbon Energy Programme) โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดีขึ้นผ่านการใช้ระบบการจัดการพลังงาน

เพื่อช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับโอกาสในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพจึงได้มีชุดคู่มือการประหยัดพลังงานซึ่งครอบคลุมกระบวนการที่พบบ่อยที่สุด 7 กระบวนการในภาคอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งรวมถึงการทำความเย็น การปรุงอาหาร การกลั่น และการอบแห้ง นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำเกี่ยวกับการสร้างระบบการจัดการพลังงานที่สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดทั่วโลก ISO50001

นอกจากนี้ Accelerator จะจัดเวิร์กชอปการเสริมสร้างขีดความสามารถและมอบความช่วยเหลือด้านเทคนิคให้กับบริษัททุกขนาดโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่บริษัทขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ในระดับประเทศ  จุดมุ่งหมายของการสนับสนุนคือเพื่อช่วยให้บริษัท ต่างๆ เข้าใจการใช้พลังงานในปัจจุบัน กำหนดเป้าหมายประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ระบุโอกาสในการประหยัดพลังงาน จัดตั้งระบบการจัดการพลังงานใหม่หรือปรับปรุงระบบที่มีอยู่และพัฒนาการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างขีดความสามารถภายในที่เหมาะสม

นอกจากนี้ Accelerator จะมีการจัดกิจกรรมออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคอาหารและเครื่องดื่ม  โดยร่วมกับพันธมิตร Spirax Sarco ทาง Accelerator จะจัดการฝึกซ้อมเสมือนจริงเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างระบบการอบไอน้ำ การขนส่ง และการเพิ่มประสิทธิภาพของผู้ใช้ปลายทางในภาคอาหารและเครื่องดื่มในวันที่ 26 มกรมคม เวลา 15:30น. (GMT+8)

Jane Ellaway หัวหน้ากองทุนเพื่อความมั่งคั่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าวว่า

“การเปิดตัว UK-ASEAN Energy Efficiency Accelerator เป็นโอกาสที่ดีสำหรับภาคอาหารและเครื่องดื่มในการเริ่มต้นเส้นทางสู่ประสิทธิภาพและการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น  การลงทุนในการประหยัดพลังงานครั้งนี้มีความสำคัญซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของข้อตกลงปารีส  ทางสหราชอาณาจักรมีความยินดีที่ได้เป็นพันธมิตรในครั้งนี้และหวังว่า Accelerator จะเป็นแพลตฟอร์มในการแบ่งปันความรู้และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด”

Chris Stephens ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียของ Carbon Trust กล่าวว่า

“เรารู้สึกยินดีที่สามารถใช้ประสบการณ์อันยาวนานในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้การสนับสนุนฟรีแก่ธุรกิจในท้องถิ่นในการลดค่าพลังงานและการปล่อยมลพิษ  นอกจากนี้ เรากำลังเห็นบริษัทอื่นๆ ทั่วโลกตั้งเป้าหมายประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้เป็นเสาหลักของกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนและเราตื่นเต้นที่จะสนับสนุนธุรกิจชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  นี่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่ธุรกิจจะใช้มาตรการประหยัดพลังงานต้นทุนต่ำซึ่งเป็นชัยชนะสำหรับพวกเขาและสำหรับโลกใบนี้”

UK-ASEAN Energy Efficiency Accelerator จะดำเนินการจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2565

จบ

เกี่ยวกับ Carbon Trust

ก่อตั้งขึ้นในปี 2544 Carbon Trust ทำงานร่วมกับธุรกิจ รัฐบาล และสถาบันต่างๆ ทั่วโลกช่วยให้ได้มีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์จากอนาคตที่ยั่งยืนผ่านการลดคาร์บอน กลยุทธ์การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ระบบและเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำในเชิงพาณิชย์

Carbon Trust:

  • ทำงานร่วมกับบริษัทและรัฐบาลช่วยให้พวกเขาวางกลยุทธ์ของตนกับวิทยาศาสตร์สภาพอากาศและบรรลุเป้าหมายของข้อตกลงปารีส
  • ให้คำแนะนำและความมั่นใจจากผู้เชี่ยวชาญทำให้นักลงทุนและสถาบันการเงินมั่นใจว่าการเงินสีเขียวจะมีผลลัพธ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
  • รองรับการพัฒนาเทคโนโลยีและโซลูชั่นคาร์บอนต่ำเพื่อสร้างรากฐานสำหรับระบบพลังงานแห่งอนาคต

Carbon Trust ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในลอนดอนมีทีมงานทั่วโลกที่มีพนักงานกว่า 200 คนซึ่งเป็นตัวแทนของกว่า 30 สัญชาติใน 5 ทวีป

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210113005747/en/

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อ
Ainslie Macleod ที่
Carbon Trust: +44 (0)207 170 7050
หรือ press@carbontrust.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Azbil เปิดตัวซอฟต์แวร์ระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าในระดับโลก

Logo

–การทำงานแบบคาดการณ์ล่วงหน้าช่วยยกระดับการติดตามการทำงาน ณ ฐานการผลิต–

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–13 มกราคม 2564

Azbil Corporation (TOKYO:6845) ได้ประกาศการเปิดตัวระดับโลกของระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าสำหรับข้อมูลอนุกรมเวลา (จากนี้เรียก “ระบบแจ้งเตือนล่วงหน้า”) ในเวอร์ชันภาษาอังกฤษและภาษาจีนสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน และเกาหลี

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210112006172/en/

Early Warning System screenshot (Photo: Business Wire)

ภาพหน้าจอของระบบแจ้งเตือนล่วงหน้า (รูปภาพ: Business Wire)

ระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อปี 2556 เป็นแพ็คเกจซอฟต์แวร์สำหรับติดตามการเปลี่ยนแปลงในแนวโน้มของข้อมูลอนุกรมเวลา (time series data) สำหรับตัวแปรในการประมวลผลที่สำคัญ เช่น อุณหภูมิ ความดัน อัตราการไหล และระดับของเหลว เพื่อแจ้งเตือนผู้ควบคุมเกี่ยวกับการเบี่ยงเบนที่อาจเกิดขึ้นจากค่าควบคุมได้ตั้งแต่ต้น เมื่อเทียบกับระบบแจ้งเตือนโดยระบบควบคุมแบบกระจาย (DCS) ระบบที่มีการคาดการณ์ล่วงหน้าเพื่อแจ้งเตือนนั้นมีข้อดีในแง่ของการรู้ล่วงหน้าก่อนที่ตัวแปรต่าง ๆ จะถึงขีดจำกัดของค่าควบคุมหรือก่อนที่อุปกรณ์ความปลอดภัยจะทำงาน

ในกรณีฉุกเฉินที่มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับอุปกรณ์และทำให้ระบบแจ้งเตือนแบบ DCS ทำงาน อาจมีบางครั้งที่ระบบไม่แจ้งเตือนหรืออาจเกิดข้อผิดพลาดอื่น ๆ ที่มีสาเหตุจากมนุษย์และนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ ขณะที่ระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าจะทำงานแยกจากระบบ DCS และเข้ามาเสริมระบบแจ้งเตือนแบบทั่วไปด้วยระบบคาดการณ์ล่วงหน้า ตัวอย่างเช่น การแสดงแนวโน้มบนจอขนาดใหญ่ซึ่งแยกจากจอของระบบ DCS จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานจัดการกับปัญหาได้ตั้งแต่ในระยะต้นและด้วยวิธีการที่เหมาะสม สำหรับวิธีนี้ ระบบจะทำงานร่วมกับระบบตรวจสอบและระบบควบคุมที่มีอยู่ เช่น DCS เพื่อประสิทธิผลที่มากขึ้น

ในประเทศญี่ปุ่น ส่วนใหญ่แล้วระบบจะถูกใช้ในบริษัทด้านน้ำมันและเคมีภัณฑ์ ซึ่งมีความระมัดระวังอย่างมากในเรื่องความปลอดภัยในโรงงานและต้องการใช้เทคโนโลยี IoT อย่างไรก็ดีในช่วงที่ผ่านมา ระบบดังกล่าวยังมีการใช้ที่สถานีผลิตน้ำประปาเพื่อติดตามการทำงานของถังพักจ่ายน้ำ คุณภาพของน้ำ และสถานีระบายน้ำ เพื่อให้การจ่ายน้ำประปามีความต่อเนื่องอีกด้วย นอกจากนี้ การใช้ระบบนี้ยังขยายครอบคลุมไปถึงการคงระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และยาให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ ตัวอย่างเช่น ระบบได้ตรวจพบความผิดปกติเกี่ยวกับความผันผวนของอุณหภูมิและทำงานระงับการเบี่ยงเบนจากค่าควบคุมก่อนที่จะเกิดปัญหา และเพื่อตอบสนองความต้องการต่อโซลูชันที่อิงข้อมูลที่สูงขึ้นในฐานการผลิตในต่างประเทศ Azbil จึงได้เปิดตัวซอฟต์แวร์ดังกล่าวในเวอร์ชันภาษาอังกฤษและภาษาจีน

คุณสมบัติ

  • ระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าจะใช้ฟังก์ชันการคาดการณ์ตรวจหาความเปลี่ยนแปลงก่อนที่จะถึงขีดจำกัดของค่าควบคุม (ก่อนที่จะเกิดปัญหาขึ้น) และส่งสัญญาณแจ้งเตือนซึ่งช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานมีเวลามากขึ้นในการจัดการ นอกจากการส่งสัญญาณแจ้งเตือนล่วงหน้าแล้ว ระบบจะคำนวณระยะเวลาโดยประมาณจนกว่าค่าควบคุมจะถึงขีดจำกัด และแสดงข้อมูลสำหรับช่วยตัดสินใจเลือกวิธีรับมือที่เหมาะสม
  • ช่วยเพิ่มความตระหนักของผู้ปฏิบัติงาน เนื่องจากบางครั้งระบบสามารถคาดการณ์การเกิดซ้ำของความเสื่อมสภาพหรือความผันผวนอย่างกะทันหันหลังการแจ้งเตือน
  • สามารถดูแลการติดตามการวัดที่สำคัญ ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะนำไปสู่การติดตามการทำงานของสถานที่ผลิตทั้งหมดได้ดีขึ้นและลดภาระงานของมนุษย์
  • สามารถเชื่อมต่อไปยังระบบหรือระบบ DCS, PLC หรือ PIMS*2 ของผู้จำหน่ายเจ้าอื่นได้ โดยใช้โปรโตคอลการสื่อสารเพื่อจุดประสงค์ทั่วไป หรือ OPC-DA*1
  • ไม่จำเป็นต้องติดตั้งเซ็นเซอร์ใหม่ และผู้ใช้สามารถจัดการงานด้านด้านวิศวกรรมได้ด้วยตัวเอง

สำหรับรายละเอียด โปรดดูที่เว็บไซต์ด้านล่างนี้
https://www.azbil.com/products/factory/factory-product/monitoring-control-system-software/monitoring-operation-support/actmos/index.html

ภายใต้หลักปรัชญา "ระบบอัตโนมัติที่คำนึงถึงมนุษย์เป็นสำคัญ" กลุ่มบริษัท Azbil ตั้งเป้าสร้างประโยชน์ “ในทิศทางที่สอดคล้องกัน” เพื่อสังคมที่ยั่งยืนและการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัท ซึ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สามารถแก้ปัญหาที่สังคมต้องเผชิญและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้พร้อมกัน

*1 มาตรฐานสำหรับแลกเปลี่ยนข้อมูลประมวลผล การแจ้งเตือน ข้อมูลย้อนหลัง หรืออื่น ๆ โดยใช้เทคโนโลยี COM/DCOM (Component Object Model / Distributed Component Object Model) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีของ Microsoft Windows
*2 ระบบจัดการข้อมูลโรงงานซึ่งจะรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลประมวลผลและข้อมูลการผลิตจากระบบติดตามและควบคุมต่าง ๆ ในฐานการผลิตและโรงงาน เพื่อแสดงภาพและวิเคราะห์กระบวนการทำงานและสถานะการผลิตของอุปกรณ์การผลิต

เกี่ยวกับ Azbil Corporation
Azbil Corporation หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ Yamatake Corporation ก่อนหน้านี้  เป็นบริษัทชั้นนำด้านอาคารและระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม โดยใช้เทคโนโลยีการวัดและการควบคุมพัฒนาโซลูชันที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า เพื่อให้การดำเนินงานของพวกเขามีประสิทธิภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้น Azbil ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2449 และให้บริการลูกค้าทั่วโลกในอุตสาหกรรมที่หลากหลายและมีเป้าหมายที่จะมีส่วนร่วมในด้านความปลอดภัยความสะดวกสบายและการเติมเต็มและการรักษาสิ่งแวดล้อมทั่วโลก ณ สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2563 Azbil มีพนักงานกว่า 9,800 คนทั่วโลก และสร้างรายได้ถึง 259 พันล้านเยน
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ https://www.azbil.com/

Windows เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนหรือเครื่องหมายการค้าของ Microsoft Corporation ในสหรัฐอเมริกาและ/หรือประเทศอื่น ๆ

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210112006172/en/

ติดต่อ:

Robert Jones
โทร: +81-3-6810-1006
อีเมล: publicity@azbil.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Toshiba เปิดตัวไมโครคอนโทรลเลอร์ระดับ Advanced Class ตระกูล TXZ +™ 5 กลุ่มใหม่ที่ใช้พลังงานต่ำรองรับการควบคุมมอเตอร์ และให้ต้นทุนระบบที่ต่ำลง

Logo

ใช้แกนArm®Cortex®-M core ที่มาพร้อมกับหน่วยความจำแฟลชความจุสูงในตัว

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–13 มกราคม 2564

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ("Toshiba") เปิดตัวไมโครคอนโทรลเลอร์ใหม่ 5 กลุ่มซึ่งเป็นของ ตระกูลTXZ+™ โดยกลุ่ม M4K, M4M, M4G และ M4N ใช้แกน Arm Cortex-M4 และกลุ่ม M3H ใช้แกน Arm Cortex-M3 ทุกกลุ่มมีการใช้พลังงานต่ำ และเหมาะสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย  เช่น การควบคุมมอเตอร์ อุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่อฟังก์ชันการตรวจจับระดับแนวหน้า เป็นต้น

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210112005488/en/

Toshiba: TXZ+(TM) family advanced class 32-bit microcontrollers (Graphic: Business Wire)

Toshiba: ไมโครคอนโทรลเลอร์ระดับสูง 32 บิตในตระกูล TXZ + (TM) (กราฟิก: Business Wire)

ตัวอย่างสินค้า หรือ engineering samples จะเริ่มจัดส่งในไตรมาสที่สี่ของปีงบประมาณ 2563 (มกราคมถึงมีนาคม 2564) และการผลิตจำนวนมากจะเริ่มในไตรมาสที่สองของปี 2564 (กรกฎาคมถึงกันยายน 2564) นอกจากนี้ยังมีเอกสารที่เกี่ยวข้องเครื่องมือในการพัฒนาและซอฟต์แวร์ตัวอย่างมาให้อีกด้วย.

คลาสขั้นสูงมีความถี่ในการทำงานสูงสุด 200MHz หน่วยความจำแฟลชสูงสุด ตัวแปลงอนาล็อกเป็นดิจิตอล 2MB และ 12 บิต อุปกรณ์เหล่านี้ติดตั้งอุปกรณ์ต่อพ่วงที่เน้นด้านการใช้งาน เช่น เครื่องยนต์ควบคุมมอเตอร์ประสิทธิภาพสูงหรืออินเทอร์เฟซการเชื่อมต่อที่หลากหลาย

คุณสมบัติหลัก

แกน Arm Cortex-M4 core

กลุ่ม M4K

ฮาร์ดแวร์ควบคุมมอเตอร์ฟังก์ชั่นการวินิจฉัยตัวเองสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่มีมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานแบบ IEC 60730

กลุ่ม M4M

ฮาร์ดแวร์ควบคุมมอเตอร์ฟังก์ชั่นการวินิจฉัยตัวเองสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่มีมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานแบบ IEC 60730

กลุ่ม M4G

ความถี่ในการทำงานสูงสุด 200MHz หน่วยความจำแฟลชสูงสุด 2MB อินเทอร์เฟซสำหรับการสื่อสารความเร็วสูง วงจรอะนาล็อกสำหรับการเชื่อมต่อเซ็นเซอร์หลายตัว การอัปเดตเฟิร์มแวร์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงเพื่อการประมวลผลที่ปลอดภัย

กลุ่ม M4N

ความถี่ในการทำงานสูงสุด 200MHz สูงสุด หน่วยความจำแฟลชสูงสุด 2MB อินเทอร์เฟซต่าง ๆ สำหรับอุปกรณ์ IoT (การตรวจจับและการสื่อสาร) รองรับการถ่ายโอนข้อมูลความเร็วสูง

แกน Arm Cortex-M3 core

กลุ่ม M3H

ฟังก์ชันจอแสดงผล LCD ในตัวฟังก์ชั่นการวินิจฉัยตัวเองสำหรับเครื่องใช้ในบ้านที่มีมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงาน IEC 60730 การควบคุมมอเตอร์ประสิทธิภาพสูงที่ลดต้นทุนระบบโดยการลด BOM

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับคลาสขั้นสูงของตระกูล Toshiba TXZ + โปรดไปที่:

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/company/exhibition/campaign/txzplus-family-advanced-class-new-products.html

คลิกที่นี่เพื่อดูวิดีโอแนะนำ

https://videoclip.toshiba.semicon-storage.com/ap-en/detail/videos/semiconductor-products/video/6222047575001/products-overview:-5-groups-of-txz-%E2%84%A2-family-advanced-class-microcontroller?autoStart=true

* Arm and Cortex เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Arm limited (หรือบริษัทในเครือ) ในสหรัฐอเมริกาและ / หรือที่อื่น ๆ

* TXZ+™เป็นเครื่องหมายการค้าของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่น ๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ

คำถามจากลูกค้า:

System Devices Marketing Dept.II

Multi Marketing Group II

โทร: +81-3-3457-3465

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

*ข้อมูลในเอกสารนี้รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการและข้อมูลการติดต่อเป็นข้อมูลล่าสุดในวันที่ประกาศ อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation รวมความแข็งแกร่งของบริษัทใหม่เข้ากับภูมิปัญญาและประสบการณ์ โดยนับตั้งแต่ได้รับการเปิดตัวจากบริษัทโตชิบาในเดือนกรกฎาคม 2560 เราได้ก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในบริษัทอุปกรณ์ทั่วไปชั้นนำและนำเสนอโซลูชันที่โดดเด่นให้แก่ลูกค้า และหุ้นส่วนทางธุรกิจในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์แบบแยกตัวระบบ LSI และ HDD

พนักงานของเราจำนวน 24,000 คนทั่วโลกมีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ของเรา และให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อส่งเสริมการร่วมสร้างสรรค์มูลค่าและตลาดใหม่ ๆ เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะสานต่อยอดขายรายปีที่ปัจจุบันอยู่ที่เจ็ดแสนห้าหมื่นล้านเยน (6.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อเอื้อให้เกิดอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคนทุกที่

ดูข้อมูลเพิ่มเติมของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ได้ที่

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210112005488/en/

สอบถามสำหรับสื่อ:

Chiaki Nagasawa

ฝ่ายการตลาดดิจิทัล

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

โทร: +81-3-3457-4963

semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Milrem Robotics เปิดตัว Type-X RCV รุ่นใหม่

Logo

ทาลลินน์ เอสโตเนีย–(บิสิเนสไวร์)–12 ม.ค. 2564

หุ่นยนต์ยานยนต์ต่อสู้ Type-X ขนาดกลางโดย Milrem Robotics ผู้พัฒนาหุ่นยนต์และระบบขับเคลื่อนอิสระชั้นนำของยุโรป ได้ผ่านการทดสอบการเคลื่อนที่เบื้องต้น

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20210112005037/en/

The Type-X by Milrem Robotics will become an intelligent wingman to main battle tanks and infantry fighting vehicles and will be capable of taking on the most dangerous tasks and positions, resulting in lower lethality risks. (Photo: Business Wire)

Type-X โดย Milrem Robotics จะเป็นหน่วยสนับสนุนขับเคลื่อนอัจฉริยะให้กับรถถังหลักและรถต่อสู้ทหารราบ โดยจะสามารถดำเนินงานและประจำตำแหน่งที่อันตรายที่สุด ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

Type-X จะเป็นหน่วยสนับสนุนขับเคลื่อนอัจฉริยะให้กับรถถังหลักและรถต่อสู้ทหารราบ โดยจะสามารถดำเนินงานและประจำตำแหน่งที่อันตรายที่สุด ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต

“Type-X จะมอบแสนยานุภาพที่เท่าเทียมหรือเหนือกว่าพร้อมกับการใช้งานทางยุทธวิธีให้กับหน่วยที่มียานรบทหารราบ โดยสามารถทำลายตำแหน่งป้องกันของศัตรูโดยมีความเสี่ยงกับกองทหารของตัวเองน้อยที่สุดและการแทนที่ RCV ที่หายไปนั้นถือเป็นความแตกต่างในเชิงลอจิสติกส์เพียงเล็กน้อย” Kuldar Väärsi ซีอีโอของ Milrem Robotics กล่าว

Type-X สามารถติดตั้งปืนใหญ่ได้ถึง 50 มม.  หากติดตั้งปืนใหญ่ขนาด 30 มม. นั้นจะสามารถวางตำแหน่ง RCV ได้ทางร่มชูชีพ โดย C-130J และ KC-390 สามารถบรรทุกได้หนึ่งคัน A400M สองคันและ C-17 ห้าคัน

“ยานยนต์คันนี้จะมีฟังก์ชั่นอัจฉริยะเช่นการติดตาม การนำทางจุดอ้างอิง และการตรวจจับสิ่งกีดขวางโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์เป็นส่วนหนึ่งของอัลกอริทึม” Väärsi กล่าว “นอกจากนี้ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ของเรายังใช้แนวทางสร้างสรรค์ใหม่เพื่อให้สามารถควบคุมการทำงานจากระยะไกลด้วยความเร็วที่สูงขึ้น”

ด้วยน้ำหนัก 12 ตันและการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพจึงมีความสามารถด้านภูมิประเทศที่เหนือกว่า  ความสูง 2.2 ม. และเครื่องยนที่ติดตั้งไว้ด้านหลังจะทำให้โอกาสการตรวจจับภาพและความร้อนต่ำ

Type-X เบากว่าสามถึงสี่เท่าและราคาต่ำกว่า IFV ทั่วไปอย่างมาก โดยได้รับการออกแบบมาพร้อมกับการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ที่ชาญฉลาดรวมกับระบบตรวจสอบสุขภาพ การใช้งานและหลักการของ Line Replacement Unit เพื่อลดต้นทุนการใช้งานและการขนส่ง  นอกจากนี้ระบบส่งกำลังแบบไฮบริดและรางยางช่วยลดต้นทุนตลอดอายุการใช้งานได้อย่างมาก

ในการสร้าง Type-X Milrem Robotics ได้ใช้ความรู้ที่ได้รับจากการพัฒนายานพาหนะภาคพื้นดินไร้คนขับ THeMIS โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนกองทหารในพื้นที่ที่ใช้งานโดยสิบประเทศ รวมถึงประเทศสมาชิก NATO 7 ราย ได้แก่ ฝรั่งเศส นอร์เวย์ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และเอสโตเนีย

Milrem Robotics เป็นผู้พัฒนาหุ่นยนต์และระบบเคลื่อนอิสระชั้นนำของยุโรปโดยมีสำนักงานสองแห่งในเอสโตเนีย หนึ่งแห่งในสวีเดนและฟินแลนด์ และเนเธอร์แลนด์ในอีกไม่นาน

บริษัทเป็นผู้นำกลุ่มที่ได้รับรางวัล 30,6 MEUR จาก European Defense Industrial Development Program (EDIDP) ของคณะกรรมาธิการยุโรปเพื่อพัฒนาระบบภาคพื้นดินไร้คนขับที่ได้มาตรฐานยุโรป

ชมวิดีโอ Type-X: https://youtu.be/34-NWYQ0L0c

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210112005037/en/

ติดต่อ:

Gert Hankewitz
Export Director
Gert hankewitz@milrem.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย