Celltrion ประกาศผลลัพธ์ที่เป็นเชิงบวกจากการทดลองระยะที่ 3 ของ regdanvimab (CT-P59) ทั่วโลก ซึ่งเป็นการรักษาด้วยแอนติบอดีชนิดโมโนโคลนต้าน COVID-19

Logo

  • Regdanvimab (CT-P59) (40 มก./กก.) บรรลุผลลัพธ์ที่มีนัยสำคัญทางสถิติและมีความหมายทางคลินิกในจุดยุติหลักสี่จุด รวมถึงจุดยุติหลักและจุดยุติทุติยภูมิที่สำคัญสามจุด บริษัทคาดว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลระยะที่ 3 เต็มรูปแบบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
  • Regdanvimab (CT-P59) ลดความเสี่ยงที่มีนัยสำคัญของ COVID-19 ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาในโรงพยาบาล หรือการเสียชีวิตได้ 72% สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการรุนแรงของ COVID-19 และ 70% สำหรับผู้ป่วยทุกราย
  • ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วย regdanvimab (CT-P59) รายงานว่าลดระยะเวลาอย่างมีนัยสำคัญในการฟื้นตัวทางคลินิกโดยอย่างน้อยเร็วขึ้น 4.7 วัน สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการรุนแรงของ COVID-19 และโดยเร็วขึ้น 4.9 วัน เมื่อเทียบกับยาหลอกสำหรับผู้ป่วยทุกราย
  • ตามบทความที่ตีพิมพ์เมื่อเร็ว ๆ นี้จาก Biochemical and Biophysical Research Communications ฤทธิ์ต้านไวรัสที่เพียงพอในสายพันธุ์ B.1.351 (ปัจจุบันจัดประเภทโดย WHO โดยเรียกว่า บีตา) – สัตว์ที่ติดเชื้อได้รับการยืนยันด้วยปริมาณยาทางคลินิกของ regdanvimab (CT-P59) 1

อินชอน เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–14 มิถุนายน 2564

Celltrion Group ประกาศในวันนี้ว่าข้อมูลประสิทธิภาพและความปลอดภัยระดับบนสุดจากการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ทั่วโลก แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยแอนติบอดีชนิดโมโนโคลนต้าน COVID-19 ซึ่ง regdanvimab (CT-P59) มีคุณสมบัติตรงตามจุดยุติหลักและจุดทุติยภูมิทั้งหมดในผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลางของ COVID-19 (n=1,315) ผลการศึกษาพบว่า CT-P59 ลดความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญของการรักษาในโรงพยาบาลหรือการเสียชีวิตโดย 72% สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการรุนแรงของ COVID-19 จนถึงวันที่ 28 เมื่อเทียบกับยาหลอก เป็นไปตามจุดยุติประสิทธิภาพหลัก [3.1 เทียบกับ 11.1 %, ค่า p-value< 0.0001] CT-P59 ยังลดความเสี่ยงของการรักษาในโรงพยาบาลหรือการเสียชีวิตได้ 70% ในผู้ป่วยทุกราย โดยเป็นไปตามจุดยุติทุติยภูมิที่สำคัญลำดับแรก (2.4 vs. 8.0 %, p-value< 0.0001]

การทดลองยังพบจุดยุติทุติยภูมิที่สำคัญอื่นๆ รวมถึงการลดลงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องในระยะเวลาของอาการ ผู้ป่วยที่ได้รับ CT-P59 (40mg/kg) ฟื้นตัวเร็วกว่ากลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอกอย่างน้อย 4.7 วัน (ค่ามัธยฐาน 9.3 เทียบกับค่าขั้นต่ำ 14 วัน ค่า p-value < 0.0001) สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการรุนแรงของ COVID-19 สำหรับผู้ป่วยทุกรายที่ได้รับ CT-P59 (40mg/kg) ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วกว่าผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอก 4.9 วัน (มัธยฐาน 8.4 เทียบกับ 13.3 วัน ค่า p < 0.0001)

ผลลัพธ์อันดับต้นๆ ยังแสดงให้เห็นว่า CT-P59 มีความปลอดภัยในเชิงบวก โดยไม่มีความแตกต่างที่มีความหมายทางคลินิกระหว่างผู้ป่วยที่ได้รับ CT-P59 (40mg/kg) กับผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอก ปฏิกิริยาที่เกี่ยวข้องกับการให้ยาไม่รุนแรงและเกิดขึ้นชั่วคราว โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะฟื้นตัวภายใน 1 ~ 3 วัน

“เรายังคงต้องรับมือจากการระบาดใหญ่ของ COVID-19 และความกังวลในรูปแบบใหม่” Dr. HoUng Kim, Ph.D.หัวหน้าแผนกการแพทย์และการตลาดของ Celltrion Healthcare กล่าว “ขณะนี้โรงพยาบาลหลายแห่งทั่วโลกไม่สามารถรับมือในการรองรับผู้ป่วยเนื่องจาก COVID-19 เราจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องใช้ทรัพยากรทุกอย่างเพื่อลดภาระในระบบการรักษาพยาบาล การทดลองที่มีการควบคุมอย่างดีนี้ให้ผลลัพธ์ที่สรุปได้ว่า CT-P59 สามารถปรับปรุงผลลัพธ์ในผู้ที่ติดเชื้อ COVID-19 ที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง และยังลดความเสี่ยงของการรักษาในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตได้อย่างมาก เราตั้งตารอที่จะทำงานร่วมกับหน่วยงานควบคุมทั่วโลกต่อไปเพื่อให้ CT-P59 พร้อมใช้งานสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการความช่วยเหลือมากขึ้น”

ผลการรักษาของ CT-P59 ต่อสายพันธุ์ B.1.351 (พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ ซึ่งปัจจุบันจัดประเภทโดย WHO โดยเรียกว่า บีตา) ได้รับการอัปเดตผ่านการตีพิมพ์จาก Biochemical and Biophysical Research Communications ตามบทความในการศึกษาในสัตว์ทดลอง (in vivo) เฟร์ริต แสดงให้เห็นว่าปริมาณการรักษาของ CT-P59 สามารถลดจำนวนของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ B.1.351 ในทางเดินหายใจส่วนบนและส่วนล่าง เมื่อเทียบได้กับปริมาณที่สังเกตได้จากไวรัสสายพันธุ์ก่อโรค1

Celltrion วางแผนที่จะเปิดเผยข้อมูลระยะที่ 3 เต็มรูปแบบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และวางแผนที่จะนำเสนอข้อมูลดังกล่าวในการประชุมแบบปากเปล่าที่การประชุมทางจุลชีววิทยาเชิงคลินิกและโรคติดเชื้อแห่งยุโรปครั้งที่ 31 (ECCMID) ซึ่งจะจัดขึ้นทางออนไลน์ระหว่างวันที่ 9-12 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

 จบ –

หมายเหตุถึงบรรณาธิการ:

เกี่ยวกับ Celltrion Healthcare

Celltrion Healthcare มุ่งมั่นที่จะนำเสนอยาที่เป็นนวัตกรรมและราคาที่จับต้องได้เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงการรักษาขั้นสูงของผู้ป่วย ผลิตภัณฑ์ของบริษัทผลิตขึ้นที่สถานเพาะเลี้ยงเซลล์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ทันสมัย ​​ออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับ US FDA cGMP และแนวทาง EU GMP โดย Celltrion Healthcare พยายามนำเสนอโซลูชั่นคุณภาพสูงที่คุ้มค่าผ่านเครือข่ายทั่วโลกที่ครอบคลุมกว่า 110 ประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณารับชมได้ที่ https://www.celltrionhealthcare.com/en-us

เกี่ยวกับ regdanvimab (CT-P59) และการทดลองทางคลินิก

CT-P59 ถูกระบุว่าเป็นการรักษาที่มีศักยภาพสำหรับ COVID-19 ผ่านการคัดกรองผู้สมัครแอนติบอดีและเลือกผู้ที่แสดงศักยภาพสูงสุดในการทำให้ไวรัส SARS-CoV-2 เป็นกลาง ซึ่งการศึกษาทางคลินิกในหลอดทดลอง (in vitro) และในสัตว์ทดลอง (in vivo) แสดงให้เห็นว่า CT-P59 จับกับ SARS-CoV-2 RBD อย่างแน่นหนา และทำให้เป็นกลางอย่างมีนัยสำคัญกับสายพันธุ์ก่อโรคและสายพันธุ์กลายพันธุ์ที่น่าเป็นห่วง รวมถึงสายพันธุ์อัลฟาในสหราชอาณาจักร (B.1.17) แบบจำลองในสัตว์ทดลอง (in vivo) CT-P59 ช่วยลดจำนวนเชื้อไวรัสของ SARS-CoV-2 และการอักเสบในปอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์จากการทดลองทางคลินิกระยะที่ 1 และ 2 ทั่วโลกของ CT-P59 แสดงให้เห็นถึงความปลอดภัย ความทนทาน ผลต้านเชื้อไวรัส และประสิทธิภาพในผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลางของ COVID-192 โดย Celltrion เพิ่งเริ่มพัฒนาค็อกเทลแอนติบอดีที่เป็นกลางกับ CT-P59 ต่อสายพันธุ์ใหม่ของ SARS-CoV-2 การวิจัยสำหรับการทดลองทางคลินิกของ Celltrion ได้รับการสนับสนุนโดยทุนป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านสุขภาพของเกาหลีจากสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสุขภาพแห่งเกาหลี (KHIDI) โดยได้รับทุนสนับสนุนจากกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ สาธารณรัฐเกาหลี (หมายเลขทุน: HQ2xC00xx)

ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

ข้อมูลบางอย่างที่ระบุไว้ในเอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยข้อความที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและผลการดำเนินงานทางการเงินของเราในอนาคต และเหตุการณ์หรือการพัฒนาในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับ Celltrion/Celltrion Healthcare ซึ่งอาจประกอบด้วยข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง

ข้อความเหล่านี้อาจระบุได้ด้วยคำต่างๆ เช่น “เตรียม”, “หวังว่า”, “ที่จะมาถึง”, “แผน”, “จุดมุ่งหมาย”, “ที่จะเปิดตัว”, “กำลังเตรียมการ, “เมื่อได้รับ”, “สามารถ” , “โดยมุ่งหมาย”, “อาจจะ”, “เมื่อระบุ”, “จะ”, “มุ่งไปทาง”, “ครบกำหนด”, “พร้อมใช้งาน”, “มีศักยภาพที่จะ”, คำเหล่านี้ในเชิงลบ หรือการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ดังกล่าว หรือคำศัพท์ที่ใช้เปรียบเทียบกันได้

นอกจากนี้ ตัวแทนของเราอาจทำแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าด้วยวาจา ข้อความดังกล่าวอิงตามความคาดหวังในปัจจุบันและสมมติฐานบางประการของฝ่ายบริหารของ Celltrion/Celltrion Healthcare ซึ่งหลายข้ออยู่เหนือการควบคุม

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตจัดทำขึ้นเพื่อให้นักลงทุนที่มีศักยภาพได้มีโอกาสที่จะเข้าใจความเชื่อและความคิดเห็นของผู้บริหารในส่วนที่เกี่ยวกับอนาคต เพื่อที่พวกเขาจะได้ใช้ความเชื่อและความคิดเห็นดังกล่าวเป็นปัจจัยหนึ่งในการประเมินการลงทุน ข้อความเหล่านี้ไม่ได้รับประกันประสิทธิภาพและไม่ควรเชื่อมั่นเกินควรในอนาคต

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตดังกล่าวมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่ทราบและไม่ทราบ ซึ่งอาจทำให้ผลการดำเนินงานและผลประกอบการที่แท้จริงในอนาคตแตกต่างไปอย่างมากจากการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคตหรือผลลัพธ์ที่แสดงหรือบอกเป็นนัยโดยข้อความที่ที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ดังกล่าว

แม้ว่าข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต การนำเสนอนี้จะขึ้นอยู่กับสิ่งที่ผู้บริหารของ Celltrion/Celltrion Healthcare เชื่อว่าเป็นสมมติฐานที่สมเหตุสมผล แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์จะพิสูจน์ได้ว่ามีความถูกต้อง เนื่องจากผลลัพธ์ที่แท้จริงและเหตุการณ์ในอนาคตอาจแตกต่างไปอย่างมากจากที่คาดการณ์ไว้ในข้อความดังกล่าวนั้น Celltrion/Celltrion Healthcare ไม่มีภาระผูกพันในการปรับปรุงข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ และถ้าหากสถานการณ์หรือการประมาณการหรือความคิดเห็นของฝ่ายบริหารควรเปลี่ยนแปลงไปยกเว้นตามที่กฎหมายหลักทรัพย์กำหนด ผู้อ่านไม่ควรเชื่อมั่นข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์เกินควร

อ้างอิง


1 Ryu DK., et al. ผลการรักษาของ CT-P59 ต่อ SARS-CoV-2 สายพันธุ์แอฟริกาใต้ Biochemical and Biophysical Research Communications, เล่มที่ 566, 2021, หน้าที่ 135-140, https://doi.org/10.1016/j.bbrc.2021.06.016. [เข้าถึงล่าสุดเดือนมิถุนายน 2021]

2 ข้อมูล Celltrion บนไฟล์

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210614005275/en/

ติดต่อ:

Holly Barber
hbarber@hanovercomms.com
+44 (0) 7759 301620

Donna Curran
dcurran@hanovercomms.com
+44 (0) 7984 550312

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

นักวิจัยจาก NTHU พัฒนาอิมิตเตอร์ควอนตัมที่ซ่อมแซมตัวเองได้ด้วยความสว่างอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

Logo

นครซินจู๋ ไต้หวัน –(BUSINESS WIRE)–12 มิถุนายน 2564

แม้ว่าควอนตัมดอทเพอรอฟสไกต์ (PQDs) เป็นดาวรุ่งท่ามกลางอิมิตเตอร์ควอนตัมหลายตัว ความไม่แน่นอนโดยธรรมชาติของพวกมันได้จำกัดการพัฒนาของพวกเขา ปัจจุบันศาสตราจารย์ Hao-Wu Lin จากภาควิชาวัสดุศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์, ศาสตราจารย์ Chih-Sung, Chuu จากภาควิชาฟิสิกส์ และศาสตราจารย์ Richard D. Schaller จากภาควิชาเคมีที่มหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น ได้ร่วมกันพัฒนา PQDs ที่มีความเสถียรสูงและความสามารถในการซ่อมแซมตัวเองโดยใช้ขั้นตอนที่ง่ายและคุ้มค่า: สเปรย์สังเคราะห์ ซึ่ง PQDs ของพวกเขาแสดงความสว่างโฟตอนเชิงเดี่ยวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แน่นอนที่พวกเขาทำลายสถิติโลกด้วยวัสดุอิมิตเตอร์ควอนตัมที่อุณหภูมิห้องที่สว่างที่สุด ซึ่งเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญสำหรับการประมวลผลข้อมูลของควอนตัม

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210611005011/en/

Professor Hao-Wu Lin of the Department of Materials Science and Engineering at NTHU has played a key role in developing the world's brightest quantum emitters at room temperature. (Photo: National Tsing Hua University)

ศาสตราจารย์ Hao-Wu Lin จากภาควิชาวัสดุศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ที่ NTHU มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอิมิตเตอร์ควอนตัมที่สว่างที่สุดในโลกที่อุณหภูมิห้อง (ภาพ: National Tsing Hua University)

Lin กล่าวว่าตรงกันข้ามกับอิมิตเตอร์ควอนตัมอื่นๆ PQDs สามารถรับรู้การปล่อยโฟตอนเชิงเดี่ยวที่อุณหภูมิห้องด้วยคุณสมบัติทางแสงที่ดีเยี่ยมรวมถึงอัตราส่วนควอนตัมที่สูงและความบริสุทธิ์ของโฟตอนเชิงเดี่ยวที่สูง ทำให้เหมาะสำหรับการคำนวณเชิงควอนตัมและการสื่อสารเชิงควอนตัมในอนาคต ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา PQDs ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากนักวิจัยจากต่างประเทศ ซึ่งคาดหวังที่จะขยายความเสถียรของวัสดุให้เหลือเพียงไม่กี่นาทีภายใต้การกระตุ้น

วิธีการดั้งเดิมในการเตรียม PQDs นั้นเกี่ยวข้องกับการผสมสารละลายสองชนิดที่แตกต่างกันในขวดแก้วโดยตรง ทีมนักวิจัยของ Lin ใช้วิธีการสเปรย์สังเคราะห์เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมผัสของสารตั้งต้น และสร้างชั้นสารอินทรีย์ที่ป้องกันแบบเดียวกันบนพื้นผิวของ PQD แต่ละตัว ผลลัพธ์ PQDs ที่ได้จะคงความสว่างไว้แม้หลังจากการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง 24 ชั่วโมงภายใต้ความเข้มของแสงสูง ซึ่งเป็นการปรับปรุงความเสถียรอย่างมาก

การค้นพบที่น่าประหลาดใจคือ PQDs ที่สเปรย์สังเคราะห์เหล่านี้มีความสามารถในการซ่อมแซมตัวเองที่ไม่เหมือนใคร แม้ว่า PQDs จะได้รับความเสียหายและเสื่อมโทรมเมื่อถูกกระตุ้นภายใต้แสงที่มีความเข้มสูงมาก แต่ก็กลับคืนสู่ความสว่างเดิมหลังจากหยุดพักหลายนาที งานวิจัยของทีมปรากฏในวารสาร ACS Nano อันทรงเกียรติระดับนานาชาติซึ่งครอบคลุมฉบับล่าสุด

Lin เปรียบเทียบการเตรียมควอนตัมดอทเหล่านี้กับการทำเกี๊ยว บางคนลองใช้ส่วนผสมที่แตกต่างกัน บางคนลองใช้แผ่นห่อที่หนาขึ้น และบางคนก็พยายามเพิ่มแผ่นห่อเป็นสองเท่า แต่ทีมของเขาเน้นไปที่วิธีการห่อเกี๊ยวให้สมบูรณ์แบบ

ผู้เขียนบทความวารสารฉบับแรกคือ Bo-Wei Hsu นักศึกษาปริญญาเอกที่ NTHU เมื่อหวนคิดถึงช่วงเวลาที่เขาค้นพบการซ่อมแซมตัวเองของ PQDs ซึ่ง Hsu กล่าวว่า “ภายหลังจากการกระตุ้นอย่างแรง PQDs ค่อยๆ จางลง แต่หลังจากนั้นไม่นานพวกมันก็ฟื้นความสว่างดังเดิม – และฉันแทบจะไม่เชื่อสายตาของฉันเลย!” Hsu ได้ทำการทดลองซ้ำหลายครั้ง และในที่สุดก็เชื่อในตัวเองว่า PQDs มีความสามารถในการซ่อมแซมตัวเองได้อย่างแท้จริง

Lin ตั้งข้อสังเกตว่าอิมิตเตอร์ควอนตัมเพอรอฟสไกต์ด้วยสเปรย์สังเคราะห์ต้องใช้ความเข้มของการกระตุ้นเพียง 1% ที่จำเป็นโดยอิมิตเตอร์ควอนตัมอื่น ๆ และให้ความสว่างโฟตอนเชิงเดี่ยวเกิน 9 ล้านโฟตอนต่อวินาทีซึ่งเป็นสถิติโลกใหม่ นอกจากนี้ความบริสุทธิ์ของโฟตอนเชิงเดี่ยวยังค่อนข้างสูงถึง 98% ด้วยประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม เช่น ความสว่างโฟตอนเชิงเดี่ยวสูง ความบริสุทธิ์ของโฟตอนเชิงเดี่ยวที่สูง และความเสถียรที่สูง อิมิตเตอร์ควอนตัมเพอรอฟสไกต์จึงเป็นวัสดุที่มีแนวโน้มว่าจะนำไปใช้ในอนาคตในการคำนวณเชิงควอนตัมและการสื่อสารเชิงควอนตัมได้

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210611005011/en/

ติดต่อ:

Holly Hsueh
NTHU
(886)3-5162006
hoyu@mx.nthu.edu.tw

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Amazon และ National Safety Council ร่วมเป็นพันธมิตรในการแก้ปัญหาการบาดเจ็บในสถานที่ทำงานที่พบบ่อยที่สุดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งถิอเป็นครั้งแรกของความร่วมมือเช่นนี้

Logo

ความร่วมมือห้าปีระหว่าง Amazon และ NSC จะร่วมกันคิดค้นวิธีใหม่ในการป้องกันการบาดเจ็บด้านกล้ามเนื้อและกระดูกทั่วไป หรือ musculoskeletal disorders (MSDs) เช่น การเคล็ดขัดยอก และกล้ามเนื้อฉีก

ซีแอตเทิลและชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–10 มิ.ย. 2564

วันนี้ Amazon (NASDAQ:AMZN) และ National Safety Council (NSC) ได้ประกาศความร่วมมือระยะเวลาห้าปีในการคิดค้นวิธีการใหม่ในการป้องกันการบาดเจ็บในที่ทำงานประเภทที่เกิดขึ้นมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้แก่ โรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก (MSDs) โดย Amazon และ NSC ทำงานร่วมกันมาเป็นเวลาหลายเดือนในการทำงานร่วมกันเป็นครั้งแรกในโครงการลักษณะนี้

Lorraine Martin ประธานและซีอีโอของ National Safety Council กล่าวว่า “การเป็นพันธมิตรในครั้งนี้จะทำให้เราสามารถแก้ปัญหาที่ผู้คนต้องเผชิญทุกวันเพื่อให้พวกเขาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่” “การไปทำงานควรเป็นประสบการณ์ที่ดี คุ้มค่า และปลอดภัย เรารู้สึกขอบคุณสำหรับการสนับสนุนอย่างล้นหลามของ Amazon เพื่อช่วยบริษัทต่างๆ ทั่วโลกในการแก้ปัญหาที่สำคัญนี้ ไปพร้อม ๆ กับการเติมพลังให้กับภารกิจไม่แสวงหาผลกำไรของเราในการรักษาความปลอดภัยให้กับพนักงานในที่ทำงาน”

“ในฐานะสมาชิกของทีมความปลอดภัยในสถานที่ทำงานของ Amazon เป้าหมายของฉันคือการทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อให้เพื่อนร่วมงานของฉันมีสุขภาพแข็งแรงในที่ทำงาน เพื่อที่เราจะได้กลับบ้านอย่างปลอดภัยไปหาเพื่อน ๆ และครอบครัวของเรา” Chelsea Weimer พนักงานรายชั่วโมงของ Amazon Fulfillment Center ในเมืองบัลติมอร์ รัฐแมริแลนด์ กล่าว  “Amazon มีมาตรฐานด้านความปลอดภัยสูง ความร่วมมือครั้งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ฉันแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นโครงการนี้เสร็จสมบูรณ์เพื่อช่วยลดโรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก”

การเป็นหุ้นส่วนจะมีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกัน MSDs ในอุตสาหกรรมต่างๆ  ผ่านการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก การดำเนินการวิจัย คิดค้นเทคโนโลยีและกระบวนการใหม่ และปรับขนาดผลลัพธ์ ความร่วมมือนี้เกิดขึ้นได้จากการที่  Amazon บริจาค 12 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นยอดการบริจาคที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ NSC และจะรวมองค์ประกอบหลัก 5 ประการ:

สภาที่ปรึกษา: การจัดตั้งสภาที่ปรึกษาระหว่างประเทศเพื่อรวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย บริษัท และนักวิจัยในภาครัฐและเอกชน สภาที่ปรึกษาจะทำงานร่วมกันเพื่อทบทวนแนวทางที่มีแนวโน้มมากที่สุดในการป้องกันโรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก กำหนดรูปแบบการพัฒนาองค์ประกอบการเป็นหุ้นส่วน และการมีส่วนร่วมกับบุคคลภายนอกในการป้องกันโรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก

การวิจัยบุกเบิก: ดำเนินการวิจัยโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์แห่งอนาคต การประมวลผลภาษาธรรมชาติ และเครื่องมือการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อสำรวจนวัตกรรมและแนวโน้มของ MSD ในปัจจุบันและอนาคต งานวิจัยนี้จะเปิดให้ทุกอุตสาหกรรมได้สำรวจและรวบรวมข้อมูลเชิงลึก

ทุนสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและมหาวิทยาลัย: มอบทุนให้กับธุรกิจขนาดเล็ก มหาวิทยาลัย และนักศึกษามหาวิทยาลัย ทุนเหล่านี้จะให้ทุนสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมที่ช่วยให้บริษัททุกขนาดประสบความสำเร็จได้

ความท้าทายด้านนวัตกรรม: การบ่มเพาะและส่งเสริมโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมและใช้งานได้จริงเพื่อจัดการกับ MSD ผ่านการแข่งขันด้านนวัตกรรมที่ท้าทาย การแข่งขันเหล่านี้จะรวบรวมผู้เชี่ยวชาญมาทำงานร่วมกัน ทำซ้ำ และแบ่งปันเทคนิคและแนวคิด

การรณรงค์ให้มีการสร้างความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม – The MSD Pledge: Amazon และ NSC จะแบ่งปันโซลูชันที่ค้นพบตลอดการเป็นหุ้นส่วนเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงผ่านการสร้าง The MSD Pledge และเรียกร้องให้บริษัทอื่นๆ เข้าร่วมในโครงการ เพื่อที่จะ

  • ติดตามตัวบ่งชี้การบาดเจ็บเชิงรุกเพื่อให้แน่ใจว่ามีการลดความเสี่ยงที่เหมาะสมและใช้กลยุทธ์การป้องกันที่อิงจากข้อมูล
  • ใช้โครงการป้องกัน MSD ซึ่งรวมถึงการให้ความรู้พนักงานและนายจ้างเกี่ยวกับการป้องกันการบาดเจ็บ
  • เปิดรับและขับเคลื่อนโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อป้องกัน MSD และแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดกับองค์กรอื่นๆ ทั่วโลก

ความร่วมมือดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นในเดือนมิถุนายนในช่วงเดือนความปลอดภัยแห่งชาติ โดยในปีแรกจะมุ่งเน้นไปที่การเปิดตัวสภาที่ปรึกษา National Safety Council การระบุพันธมิตรด้านการวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่ การพัฒนาทุนสนับสนุน และโครงการท้าทายด้านนวัตกรรม

Heather MacDougall รองประธานฝ่ายสุขภาพและความปลอดภัยในที่ทำงานทั่วโลกของ Amazon กล่าวว่า “ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความปลอดภัยของพนักงาน และการร่วมมือกันครั้งนี้จะช่วยให้เราสามารถเจาะลึกถึงวิธีที่ดีที่สุดในการลด MSD” “สภาความปลอดภัยแห่งชาติ หรือ National Safety Council มีประวัติอันยาวนานในการพัฒนาแนวทางปฏิบัติที่ปลอดภัยในสถานที่ทำงาน และเราหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกับพวกเขาเช่นเดียวกับบริษัทต่าง ๆ ผู้เชี่ยวชาญ และนักศึกษาอื่นๆ ทั่วโลก เพื่อสร้างสรรค์และแก้ไขปัญหาที่สำคัญนี้”

การทำงานร่วมกันของ NSC เป็นอีกก้าวหนึ่งในภารกิจระยะยาวของ Amazon ในการเป็นสถานที่ทำงานที่ปลอดภัยที่สุดในโลก ซึ่งรวมถึงการลงทุนมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์ในโครงการด้านความปลอดภัยในปี 2564 และเป้าหมายที่จะลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุที่บันทึกได้ร้อยละ 50 ภายในปี 2568 ทุก ๆ วัน Amazon ทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและความปลอดภัย ดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยหลายพันครั้งภายในทุกอาคาร และแสวงหาข้อเสนอแนะจากพนักงานเกี่ยวกับวิธีปรับปรุงความเป็นอยู่ที่ดีในที่ทำงาน หากต้องการรับชมสถานที่ทำงานของ Amazon และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับทีมและเทคโนโลยีของ Amazon ลงชื่อเพื่อเข้าร่วมทัวร์ ได้ที่ www.amazon.com/FCtours.

สภาความปลอดภัยแห่งชาติ หรือ NSC เป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านความปลอดภัยที่ไม่แสวงหากำไรชั้นนำของอเมริกา—และตั้งอยู่มานานกว่า 100 ปีแล้ว ในฐานะองค์กรที่ยึดถือการปฏิบัติตามภารกิจ องค์กรจะดำเนินการเพื่อขจัดสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตและการบาดเจ็บที่ป้องกันได้ โดยมุ่งเน้นที่การทำงานในสถานที่ทำงาน ถนน และอุปสรรค สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยเพื่อให้ผู้คนปลอดภัยยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่ในที่ทำงาน แต่ยังรวมถึงนอกที่ทำงานด้วย

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความปลอดภัยของพนักงานที่ Amazon โปรดไปที่ www.amazon.com/employee-safety.

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเป็นหุ้นส่วน โปรดไปที่ www.nsc.org/amazonpartnership.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210610005214/en/

ติดต่อ:

Amazon-pr@amazon.com

www.amazon.com/pr

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Entravision Communications Corporation ขยายตัวตนในโลกดิจิทัลทั่วโลกด้วยการเข้าซื้อกิจการบริษัทการตลาดและโฆษณาดิจิทัลชั้นนำ MediaDonuts

Logo

การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้เป็นการขยายข้อเสนอดิจิทัลระดับแนวหน้าของบริษัทไปยังตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

ซานตาโมนิกา แคลิฟอร์เนีย–(บิสิเนส ไวร์)–10 มิ.ย. 2564

Entravision Communications Corporation (NYSE: EVC) (“Entravision” หรือ “บริษัท”) ประกาศในวันนี้ว่าได้ทำข้อตกลงขั้นสุดท้ายเพื่อเข้าซื้อกิจการ MediaDonuts บริษัทด้านการตลาดดิจิทัลชั้นนำและบริษัทการสร้างแบรนด์ที่มีการดำเนินงานใน 7 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก  เป็นเวลากว่าหนึ่งทศวรรษที่ MediaDonuts ได้ช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายด้านประสิทธิภาพและการสร้างแบรนด์ผ่านช่องทางสื่อดิจิทัล  การเข้าซื้อกิจการคาดว่าจะเสร็จสิ้นประมาณวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย  อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210609005862/en/

MediaDonuts ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2553 นำเสนอความสามารถด้านการโฆษณาดิจิทัลอย่างครอบคลุมผ่านการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับแพลตฟอร์มสื่อและเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก  MediaDonuts มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ โดยให้บริการลูกค้าด้านเทคโนโลยีและแบรนด์ผู้บริโภคมากกว่า 500 ราย

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะประกาศการเข้าซื้อกิจการ MediaDonuts” Walter Ulloa ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Entravision กล่าว “การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้มีความเหมาะสมอย่างยิ่งกับกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลระดับโลกโดยรวมของเรา  Entravision ให้ความสำคัญกับการให้บริการการโฆษณาในตลาดที่มีการเติบโตสูงและร่วมมือกับสื่อและเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก  เราเชื่อว่าการรวม MediaDonuts เข้ากับแพลตฟอร์ม Entravision จะเพิ่มความเป็นผู้นำ การดำเนินการขาย และข้อเสนอดิจิทัลที่จะขับเคลื่อนความเป้าหมายด้านดิจิทัลของเราต่อไป”

การเข้าซื้อกิจการ MediaDonuts ของ Entravision เป็นก้าวสำคัญในแผนของบริษัทในการก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีการตลาดชั้นนำในประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลก  เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตัวแทนของความสำเร็จครั้งสำคัญของบริษัท  เนื่องจาก Entravision จะเจาะตลาดผู้บริโภคใหม่ที่เป็นตัวแทนของผู้คนเกือบ 700 ล้านคน โดย 400 ล้านคนในจำนวนนั้นเชื่อมต่อกันผ่านทางดิจิทัล

“เมื่อเราก่อตั้ง MediaDonuts เราต้องการสร้างองค์กรการตลาดดิจิทัลและบริการด้านประสิทธิภาพที่สามารถเชื่อมต่อผู้โฆษณาและเอเจนซีกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างราบรื่น เราสามารถบรรลุเป้าหมายนี้และอีกมากมายด้วยการสร้างการผสมผสานที่ลงตัวของพันธมิตร ซึ่งรวมถึงเครือข่ายโซเชียลและความบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในโลก” Pieter-Jan de Kroon ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ MediaDonuts กล่าว “เมื่อธุรกิจของเราประสบความสำเร็จ เรารู้สึกตื่นเต้นที่ตอนนี้มีโอกาสเข้าร่วมแพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลกที่ Entravision สร้างขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ผมเชื่อมั่นในการผนึกกำลังทางการค้า เทคโนโลยี และการพัฒนาผลิตภัณฑ์มากมายที่จะทำให้ธุรกิจของเราประสบความสำเร็จในอนาคตในฐานะนิติบุคคลที่รวมกัน”

“เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ต้อนรับ Pieter-Jan และทีม MediaDonuts ทั้งหมดเข้าสู่ครอบครัว Entravision” Juan Saldívar หัวหน้าฝ่ายดิจิทัล ฝ่ายกลยุทธ์และความรับผิดชอบของ Entravision กล่าว “การขยายธุรกิจดิจิทัลเป็นหัวใจสำคัญของแผนการเติบโตโดยรวมของเรา และหลังจากการลงทุนส่วนใหญ่ใน Cisneros Interactive เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ธุรกิจดิจิทัลคิดเป็นกว่า 65 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมดของเรา  ด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลกในขณะนี้ที่พร้อมจะเข้าถึงและให้บริการลูกค้าใน 32 ประเทศ เรามั่นใจว่าการเพิ่ม MediaDonuts จะช่วยปรับปรุงการนำเสนอบริการของเราและช่วยขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเราทั่วโลก”

เมื่อปิดธุรกรรมนี้ พนักงาน MediaDonuts ทั้งหมดจะยังคงอยู่กับบริษัท และ Pieter-Jan de Kroon จะยังคงดำรงตำแหน่ง CEO ของธุรกิจซึ่งตั้งอยู่นอกสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ MediaDonuts มีทีมงานมากกว่า 80 คนในสิงคโปร์ ไทย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และอินเดีย นักนวัตกรรมด้านการขายและสื่อของ MediaDonuts นำเสนอบริการโปรแกรมการซื้อ เทคโนโลยีและข้อมูลเชิงลึก และการวางแผนสื่อที่ช่วยให้แบรนด์ชั้นนำเปลี่ยนกลยุทธ์การมีส่วนร่วมกับลูกค้าดิจิทัลได้ บริษัทยังได้สร้างหน่วยงานตัวแทนสื่อที่สนับสนุนบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในสื่อและเทคโนโลยีทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านองค์กรการขายที่กว้างขวาง

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำธุรกรรม โปรดตรวจสอบเอกสารล่าสุดที่บริษัทยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในแบบฟอร์ม 8-K

เกี่ยวกับ Entravision Communications Corporation

Entravision เป็นบริษัทด้านสื่อ การตลาด และเทคโนโลยีระดับโลกที่มีความหลากหลายที่ให้บริการลูกค้าทั่วสหรัฐอเมริกาและในกว่า 20 ประเทศทั่วละตินอเมริกา ยุโรป และเอเชีย  Entravision มีสถานีโทรทัศน์ 54 สถานีและเป็นเครือที่ใหญ่ที่สุดของเครือข่ายโทรทัศน์ Univision และ UniMás และสถานีวิทยุภาษาสเปน 48 สถานีที่ได้รับรางวัลและมีความสามารถระดับประเทศ  พอร์ตโฟลิโอดิจิทัลของเราประกอบด้วย Entravision Digital ซึ่งให้บริการ SMB ในตลาดลาตินอเมริกาที่มีความหนาแน่นสูง และให้บริการโซลูชันโปรแกรมสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ล้ำสมัยและแพลตฟอร์มฝั่งดีมานด์ที่ให้ผู้ลงโฆษณาดำเนินการแคมเปญด้านประสิทธิภาพโดยใช้อัลกอริธึมการเสนอราคาที่เรียนรู้ด้วยเครื่องกล  โดยร่วมกับ Cisneros Interactive ผู้นำด้านโซลูชันการโฆษณาดิจิทัลในตลาดละตินอเมริกาและสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตัวแทนของแพลตฟอร์มเทคโนโลยีหลัก หุ้นสามัญของ Entravision Class A ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กภายใต้สัญลักษณ์: EVC  เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับทุกสื่อการตลาดและการให้บริการด้านเทคโนโลยีของเราที่ entravision.com หรือเชื่อมต่อกับเราใน LinkedIn และ Facebook

เกี่ยวกับ MediaDonuts

MediaDonuts เป็นบริษัทโฆษณาและเทคโนโลยีออนไลน์ที่ช่วยให้ผู้โฆษณาบรรลุเป้าหมายด้านประสิทธิภาพและการสร้างแบรนด์ผ่านช่องทางสื่อดิจิทัล  MediaDonuts เชื่อมโยงแบรนด์ต่างๆ เข้ากับกลุ่มเป้าหมายผ่านความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับแพลตฟอร์มสื่อและเทคโนโลยีระดับโลกที่สำคัญ  MediaDonuts มีสำนักงานใน 7 ประเทศทั่ว APAC โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชม https://mediadonuts.com/

แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยแถลงการณ์ที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้า ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ความคาดหวังและความตั้งใจในปัจจุบันของบริษัทเกี่ยวกับการยื่นแบบฟอร์ม 10-K แถลงการณ์ที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้ ซึ่งรวมอยู่ในข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของกฎหมายปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 2538 อาจเกี่ยวข้องกับความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และปัจจัยอื่นๆ ที่ทราบและไม่ทราบที่อาจส่งผลให้ผลประกอบการและผลการดำเนินงานที่แท้จริงของบริษัทในอนาคตแตกต่างอย่างมากจากผลลัพธ์หรือผลดำเนินการในอนาคตที่คาดการณ์โดยข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ แม้ว่าบริษัทเชื่อว่าความคาดหวังในแถลงการณ์นี้เกิดจากการตั้งสมมติฐานที่สมเหตุสมผล แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าผลลัพธ์ที่แท้จริงจะไม่แตกต่างไปจากที่คาดการณ์ไว้ และบริษัทขอปฏิเสธหน้าที่ในการปรับปรุงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่ทำโดยบริษัท  ในบางครั้ง ความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และปัจจัยอื่นๆ เหล่านี้จะมีการกล่าวถึงในเอกสารที่บริษัทยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210609005862/en/

ติดต่อ:

Entravision:
Christopher T. Young
Chief Financial Officer (เจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน)
310-447-3870

Kimberly Esterkin
ADDO Investor Relations (ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์)
310-829-5400
evc@addo.com 

MediaDonuts:
Pieter-Jan de Kroon
Chief Executive Officer (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร)
pieterjan@mediadonuts.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay Inc. ผู้อำนวยการสร้างสารคดีเจ้าของรางวัล“Guardians of the Gulf” เข้าร่วมโครงการ CEO Water Mandate และหลักการฟื้นฟูมหาสมุทรอย่างยั่งยืนภายใต้กรอบความร่วมมือการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ

Logo

ดัลลัส


Procore เดินหน้าขยายธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกอย่างต่อเนื่องสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Logo

คาร์พินเทเรีย แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–9 มิ.ย. 2564

Procore Technologies, Inc. (NYSE: PCOR) ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์การจัดการการก่อสร้างชั้นนำ ประกาศขยายธุรกิจสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) โดยการขยายตัวนี้สอดคล้องกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของ Procore ทั่วออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ (ANZ) ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา สำนักงาน APAC แห่งแรกของ Procore ถูกเปิดในซิดนีย์ในปี 2560 สิงคโปร์จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางอาเซียนของ Procore เพื่อรองรับความต้องการเทคโนโลยีการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาค

Procore ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2545 และมีสำนักงานใหญ่ในเมืองคาร์พินเทเรีย รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้เห็นความต้องการที่สำคัญทั่วทั้งอาเซียนสำหรับแพลตฟอร์มการจัดการการก่อสร้างที่เน้นอุปกรณ์เคลื่อนที่ซึ่งสร้างขึ้นสำหรับอุตสาหกรรมโดยเฉพาะเป็นอันดับแรก บริษัทกำลังลงทุนในภูมิภาคนี้ ซึ่งรวมถึงการว่าจ้างผู้นำสองคน ได้แก่ Chris Yio หัวหน้าภูมิภาคอาเซียน และ Clare Wharrier ผู้อำนวยการอาวุโส – Global Channel

“Procore สร้างซอฟต์แวร์สำหรับผู้ที่สร้างโลก ความต้องการแพลตฟอร์มของเราในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และเรารู้สึกตื่นเต้นกับการเติบโตในระยะต่อไปในอาเซียน” Tooey Courtemanche ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Procore กล่าว “Procore ถูกใช้ไปแล้วในกว่า 125 ประเทศ และการขยายไปทั่วโลกจะช่วยให้เราร่วมมือกับผู้นำด้านการก่อสร้างทั่วโลกได้ดีขึ้น ภารกิจของเราคือการเชื่อมโยงทุกคนในด้านการก่อสร้างบนแพลตฟอร์มระดับโลกของเรา เพื่อให้ลูกค้าของเราสามารถก่อสร้างได้เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และชาญฉลาดขึ้น นอกจากภูมิภาคอาเซียนแล้ว เรากำลังขยายตัวเข้าสู่ภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ”

“เราได้เห็นผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในอาเซียนจากการเติบโตของธุรกิจ ANZ ของเรา โดยความต้องการที่มาจากผู้นำด้านการก่อสร้างที่กำลังมองหาแพลตฟอร์มการจัดการการก่อสร้างที่ช่วยให้พวกเขาสามารถจัดการวงจรชีวิตการก่อสร้างได้ดียิ่งขึ้น เรายังเห็นจำนวนบริษัทข้ามชาติที่ต้องการขยายการใช้งาน Procore ไปทั่วโลก” Tom Karemacher รองประธาน Procore ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก  กล่าว “อาเซียนเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง และเราตั้งตารอที่จะร่วมมือกับอุตสาหกรรมเพื่อยกระดับความสามารถด้านดิจิทัลและให้คุณค่าแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดในการก่อสร้าง เรามีบุคลากรที่มีความสามารถในสิงคโปร์อยู่แล้ว และกำลังเร่งการจ้างงานในภูมิภาคนี้เพื่อให้บริการอุตสาหกรรมได้ดียิ่งขึ้น”

Procore มีฐานลูกค้าและพันธมิตรที่กำลังเติบโตทั่วอาเซียน ลูกค้าในภูมิภาค ได้แก่ Obayashi Corporation, Sime Darby Property, Precise Development และมีการจัดตั้งพันธมิตรช่องทางหลักกับ CS Global Group.

“CS Global Group สำรวจและประเมินโซลูชันอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราใช้เทคโนโลยีการเปลี่ยนแปลงเพื่อขับเคลื่อนประสิทธิภาพการทำงานและเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจของพวกเขา ปัจจุบันนี้มีความต้องการเพิ่มขึ้นสำหรับแพลตฟอร์มการทำงานร่วมกันในภูมิภาคนี้ การขยายธุรกิจ APAC ของ Procore เป็นไปอย่างทันท่วงที และ CSG รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ Procore สำหรับการเติบโตในระยะต่อไป” Eugene Low, ซีอีโอ CS Global Group กล่าว

ทีมงานในสิงคโปร์ของ Procore จะประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการขาย การตลาด การนำผลิตภัณฑ์ไปใช้ และผู้เชี่ยวชาญด้านความสำเร็จของลูกค้า ซึ่งช่วยให้ลูกค้าในพื้นที่สามารถรับการสนับสนุนได้ทันท่วงที การดำเนินงานระดับภูมิภาคของ Procore จะยังคงดำเนินงานจากสำนักงานใหญ่ APAC ในซิดนีย์

เกี่ยวกับ Procore

Procore เป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์การจัดการการก่อสร้างชั้นนำ โครงการกว่า 1 ล้านโครงการและปริมาณการก่อสร้างมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดำเนินการบนแพลตฟอร์มของ Procore ทั้งนี้ แพลตฟอร์มของ Procore เชื่อมโยงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในโครงการหลักเข้ากับโซลูชันที่ Procore สร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมการก่อสร้าง สำหรับเจ้าของ ผู้รับเหมาทั่วไป และผู้รับเหมาพิเศษ โดย Marketplace ของ Procore มีโซลูชันพันธมิตรมากมายที่รวมเข้ากับแพลตฟอร์มของ Procore อย่างราบรื่น ทำให้มืออาชีพด้านการก่อสร้างมีอิสระในการเชื่อมต่อกับสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา Procore มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองคาร์พินเทเรีย รัฐแคลิฟอร์เนีย และมีสำนักงานอยู่ทั่วโลก เรียนรู้เพิ่มเติมที่Procore.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210608006130/en/

ติดต่อ:

Roohi Saeed

press@procore.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Cerro Dominador บริษัทในเครือ EIG เปิดตัวโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบเข้มข้น (CSP) ในชิลี

Logo

โรงงาน CSP แห่งแรกในละตินอเมริกาเตรียมสร้างพลังงานหมุนเวียน 100% ในโรงงานตลอด 24 ชั่วโมง 

เพื่อจัดหาไฟฟ้าให้แก่ประเทศชิลีด้วยพลังงานที่ยืดหยุ่น เสถียร และปลอดภัย

วอชิงตัน–(บิสิเนส ไวร์)–19 มิ.ย. 2564

EIG สถาบันลงทุนชั้นนำในภาคพลังงานทั่วโลกและหนึ่งในนักลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานชั้นนำของโลก ประกาศเปิดตัวศูนย์พลังงานแสงอาทิตย์ Cerro Dominador หลังจากประสบความสำเร็จในการผสานกับระบบไฟฟ้าแห่งชาติของชิลี  Cerro Dominador ถูกบริหารโดยเงินทุนของ EIG ทั้งหมด

ศูนย์นี้ตั้งอยู่ใจกลางทะเลทรายอาตากามาของชิลี ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในโลกสำหรับการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์  สถานที่แห่งนี้ประกอบด้วยโรงงาน CSP ขนาด 110 เมกะวัตต์และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (“PV”) ขนาด 100 เมกะวัตต์ที่อยู่ติดกันซึ่งเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2560  โรงงาน CSP ใช้เทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ที่ล้ำสมัยเพื่อให้ความร้อนกับเกลือที่หลอมเหลว ซึ่งจะถูกเก็บไว้ในถังขนาดใหญ่เพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าผ่านกังหันไอน้ำ  เทคโนโลยีนี้ให้การจัดเก็บพลังงานได้นานถึง 17.5 ชั่วโมง ทำให้สามารถผลิตพลังงานหมุนเวียนได้ 100% ตลอด 24 ชั่วโมง เจ็ดวันต่อสัปดาห์  โรงงานผลิตนี้สามารถชดเชยการปล่อย CO2 ได้ประมาณ 640,000 ตันต่อปี และสร้างพลังงานเพียงพอสำหรับจ่ายพลังงานให้กับบ้านประมาณ 380,000 หลัง

R. Blair Thomas ประธานและซีอีโอของ EIG กล่าวว่า “เราภูมิใจที่ได้สนับสนุนโครงการที่ก้าวล้ำนี้ ซึ่งจะทำให้กริดของประเทศชิลีมีพลังงานหมุนเวียนที่ยืดหยุ่น ปลอดภัย เสถียร และมีส่วนช่วยในการลดการปล่อย CO2 ในชิลีอย่างมีความหมาย  โครงการนี้สอดคล้องกับเป้าหมายและลำดับความสำคัญของ ESG อย่างสมบูรณ์ และช่วยวางรากฐานสำหรับอนาคตคาร์บอนต่ำผ่านการผลิตพลังงานที่สะอาด เสถียร และคุ้มค่า  เรามุ่งมั่นที่จะลงทุนอย่างต่อเนื่องในโครงการ CSP ในอนาคตในชิลีและส่วนอื่นๆ ของโลก”

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการเปิดศูนย์พลังงานแสงอาทิตย์ ทาง Cerro Dominador ได้เป็นเจ้าภาพในพิธีที่โรงงานซึ่งมีประธานาธิบดี Sebastián Piñera แห่งชิลี Juan Carlos Jobet รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ของชิลี Carolina Schmidt รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมของชิลีและผู้นำอื่นๆ Mr. Thomas และ Fernando Gonzalez ซีอีโอของ Cerro Dominador ก็เข้าร่วมในพิธีเช่นกัน

เกี่ยวกับ EIG 

EIG เป็นผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานทั่วโลกด้วยเงิน 21.7 พันล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564  EIG เชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลก ในช่วงประวัติศาสตร์ 39 ปี EIG ได้สร้างมูลค่ากว่า 37 พันล้านดอลลาร์แก่ภาคพลังงานผ่านโครงการหรือบริษัทมากกว่า 370 โครงการใน 37 ประเทศในหกทวีป  ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยแผนบำเหน็จบำนาญชั้นนำมากมาย บริษัทประกันภัย กองทุนเงินบริจาค มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งอธิปไตยในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป  EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดีซี และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ ริโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ EIG ที่ www.eigpartners.com

เกี่ยวกับ Cerro Dominador 

Cerro Dominador เป็นเจ้าของ Cerro Dominador Solar Complex ซึ่งมีกำลังการผลิต 210 เมกะวัตต์ ที่รวมโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 100 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าความร้อนจากแสงอาทิตย์แห่งแรกในละตินอเมริกาที่มีกำลังการผลิต 110 เมกะวัตต์ และจัดเก็บความร้อนได้ 17.5 ชั่วโมง  บริษัทนำโดยกองทุนที่จัดการโดย EIG มุ่งที่จะมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงของเมทริกซ์พลังงานโดยการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน  ด้วยนวัตกรรม Cerro Dominador ได้สร้างโครงการพลังงานหมุนเวียนที่ยืดหยุ่น จัดการได้ และยั่งยืน

อ่านต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210608005202/en/

สื่อ: 
EIG 
Sard Verbinnen & Co. 
Kelly Kimberly / Brandon Messina 
+1 212-687-8080 
EIG-SVC@sardverb.com

María José López
mjlopez@cerrodominador.com
Corporate Affairs Director (ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการองค์กร) 
Cerro Dominador

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Blue Origin ประกาศว่า Jeff Bezos และ Mark น้องชายของเขาจะเข้าร่วมผู้ชนะการประมูลในเที่ยวบินสำหรับมนุษย์เที่ยวแรกของ New Shepard ในวันที่ 20 กรกฎาคม

Logo

การประมูลตอนนี้อยู่ที่ 2.8 ล้านดอลลาร์ โดยมีผู้เข้าร่วมเกือบ 6,000 คนจาก 143 ประเทศ

เคนท์, วอชิงตันดีซี

Mitsubishi Power Aero ส่งมอบโครงการ Vital Power ไปยังเม็กซิโก: การออก RFP สู่การดำเนินการเชิงพาณิชย์ใน 145 วัน

Logo

การยื่นเสนอราคา การเจรจาสัญญา การจัดส่ง การติดตั้ง และการทดสอบระบบให้เสร็จทันเวลาเพื่อตอบสนองความต้องการสูงสุดในช่วงฤดูร้อน

กลาสตันเบอรี คอนเนตทิคัต–(BUSINESS WIRE)–4 มิถุนายน 2564

Mitsubishi Power Aero LLC ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชั่นพลังงานระดับโลก และ Mitsubishi Power de Mexico ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทั้งสองแห่งของ Mitsubishi Power Americas, Inc. ได้ลงนามอย่างรวดเร็วในสัญญาจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จในการติดตั้งและว่าจ้าง เครื่องยนต์ไอพ่น FT8® MOBILEPAC® กังหันก๊าซแบบอนุพันธ์แบบคู่ ขนาด 30 เมกะวัตต์ จำนวนห้าเครื่อง สำหรับ CFEnergia SA de CV (CFEN) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Federal Electricity Commission (CFE) ของเม็กซิโก โครงการนี้ตั้งอยู่ในเมืองเม็กซิกาลี รัฐบาฮากาลิฟอร์เนีย โดยส่งมอบพลังงานที่สำคัญในช่วงเวลาที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด กังหันก๊าซตัวที่หกจะถูกเพิ่มในภายหลังเพื่อขยายกำลังการผลิตและรองรับความต้องการในช่วงฤดูร้อนหน้า

Mitsubishi Power Aero มีประสบการณ์มากมายในการช่วยเหลือลูกค้าในการแก้ไขปัญหาความต้องการด้านการผลิตพลังงานที่เร่งด่วนที่สุดโดยการจัดหาอุปกรณ์การผลิตแบบเคลื่อนที่ร่วมกับความเชี่ยวชาญด้าน EPC ภายในบริษัท แพ็คเกจกังหันก๊าซ  FT8 MOBILEPAC เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานฉุกเฉิน พลังงานเพิ่มเติมจากเครื่องเหล่านี้ให้ความอุ่นใจและความมั่นคงด้านพลังงานแก่ผู้คนและอุตสาหกรรมในเม็กซิกาลี นอกจากนี้ ขณะที่เม็กซิโกทำงานเพื่อบูรณาการการผลิตพลังงานหมุนเวียนที่ไม่ต่อเนื่อง กังหันก๊าซเหล่านี้จึงมีบทบาทสำคัญในการจัดหาพลังงานที่ยืดหยุ่น เชื่อถือได้ และเคลื่อนที่ได้เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและความยืดหยุ่นของโครงข่ายไฟฟ้า

 “แม้ว่าในเม็กซิกาลีจะมีกำลังการผลิตเพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการด้านพลังงานของภูมิภาคเกือบตลอดทั้งปี แต่ก็มีการขาดแคลนในช่วงฤดูท่องเที่ยว ซึ่งทำให้เกิดความยากลำบากสำหรับทุกคนที่ต้องพึ่งพาไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ” Harsh Shah รองประธานฝ่ายขายและการพัฒนาธุรกิจของ Mitsubishi Power Aero กล่าว “เครื่องแบบเคลื่อนที่ที่ Mitsubishi Power Aero ได้ติดตั้งแล้วจะบำรุงรักษาส่งมอบความปลอดภัย ความเที่ยงตรง คุณภาพ และความต่อเนื่องในระบบไฟฟ้าของ Baja ความสามารถในการเดินเครื่องในสภาวะที่ไม่มีไฟฟ้าใช้งานที่น่าเชื่อถือได้ของเครื่อง MOBILEPAC ทำให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดสำหรับพลังงานแบบตามสั่งเมื่อถึงยามจำเป็น”

Raul Pereda ประธานและซีอีโอของ Mitsubishi Power Aero กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เราสามารถส่งมอบพลังงานที่สำคัญสำหรับ CFEnergia ได้ในช่วงเวลาที่จำกัดเช่นนี้ เครื่อง FT8® MOBILEPAC® เป็นสินทรัพย์ที่จำเป็นสำหรับเม็กซิโก พื้นที่กะทะรัด การจัดเตรียมสถานที่ที่เรียบง่าย และการไม่เทพื้นถาวร ทำให้ CFE มีความยืดหยุ่นในการย้ายที่ตั้งไปยังตำแหน่งอื่นเพื่อรองรับความต้องการได้ ด้วยการเพิ่มเครื่อง MOBILEPAC CFE ได้ใช้งานหนึ่งใน FT8 ที่ใหญ่ที่สุดในโลก การขยายตัวโดยกระตุ้นด้วยประสิทธิภาพการปฏิบัติงานที่น่าเชื่อถือได้ และการบริการและสนับสนุนหลังการขายที่แข็งแกร่งของ Mitsubishi Power Aero เราส่งมอบพลังงานเมื่อโลกต้องการมันมากที่สุด”

เกี่ยวกับ Mitsubishi Power Aero LLC

Mitsubishi Power Aero LLC มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกลาสตันเบอรี รัฐคอนเนตทิคัต สหรัฐอเมริกา เป็นผู้นำในการจัดหาโซลูชั่นพลังงานตามความต้องการที่รวดเร็วสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าทั่วโลกและลูกค้าในอุตสาหกรรมและ O&G เรานำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ยืดหยุ่น และปรับแต่งได้รวมถึงแพ็คเกจกังหันก๊าซแบบอนุพันธ์ของเครื่องยนต์ไอพ่นที่มีขนาดตั้งแต่ 30 ถึง 140 เมกะวัตต์ บริการหลังการขายที่ปรับแต่งและตอบสนองความเชี่ยวชาญด้าน EPC แบบครบวงจร และการจัดเก็บแบตเตอรี่ เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าขยายตัวและมีการเพิ่มพลังงานหมุนเวียนให้กับโครงข่ายไฟฟ้า Mitsubishi Power Aero จะยังคงมีบทบาทสำคัญในการให้ความมั่นคงด้านพลังงานแก่ลูกค้าทั่วโลก Mitsubishi Power Aero เป็นของกลุ่มบริษัท Mitsubishi Power Americas, Inc. ติดต่อกับเราได้ที่ aero.power.mhi.com และ LinkedIn

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210603005943/en/

ติดต่อ:

Stefan Zavatone, Vice President, Marketing, Communications, and Commercial Operations at Mitsubishi Power Aero
860-368-5499
stefan.zavatone@aeropowermhi.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Wipro และ Finastra จับมือเป็นพันธมิตรเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในการทำธุรกรรมธนาคาร

Logo

การทำงานร่วมกันจะสร้างข้อเสนอแบบครบวงจรลอจิสติกส์ที่ไม่เหมือนใครสำหรับสถาบันการเงินในเอเชียแปซิฟิก

นิวยอร์ก & บังกาลอร์, อินเดีย–(BUSINESS WIRE)– 2 มิ.ย. 2564

Wipro Limited (NYSE: WIT, BSE: 507685, NSE: WIPRO) บริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศชั้นนำระดับโลก ที่ให้คำปรึกษาและให้บริการด้านกระบวนการทางธุรกิจ กับ  Finastra ผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์ Pure-Play รายใหญ่ที่สุดที่ให้บริการอุตสาหกรรมบริการทางการเงินทั้งหมด ได้ประกาศในวันนี้ว่าจะมีความร่วมมือเพื่อช่วยให้ธนาคารฝ่ายที่ดูแลองค์กรทั่วเอเชียแปซิฟิกเร่งการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล โดยบริษัททั้งสองจะสร้างข้อเสนอที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งจะรวมแค็ตตาล็อกบริการที่ครอบคลุมของ Wipro เข้ากับการเงินการค้าแบบ front-to-back และโซลูชั่นการจัดการเงินสดของ Finastra

การศึกษาของ Finastra เมื่อเร็ว ๆ นี้แสดงให้เห็นว่าลูกค้าธนาคารฝ่ายที่ดูแลองค์กรได้เปลี่ยนโฟกัสไปที่ความสามารถในการดำเนินการตามเวลาจริง หรือแบบ เรียลไทม์ การเข้าถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ และบริการเพิ่มมูลค่า  โดยธนาคารต่าง ๆ กำลังเปลี่ยนจากรูปแบบการจัดการความสัมพันธ์แบบเดิมไปเป็นผู้เล่นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ยืดหยุ่น และคล่องตัวมากขึ้น การเป็นหุ้นส่วนจะช่วยให้ธนาคารสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วผ่านการเข้าถึงพอร์ตบริการของ Wipro โดยเริ่มตั้งแต่การให้คำปรึกษา ด้านดิจิทัล ไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐานและการดำเนินงาน รวมไปถึงโซลูชั่นชั้นนำของ Finastra อย่าง Fusion Trade Innovation และ Fusion Cash Management หรือ นวัตกรรมการค้าและการจัดการเงินสดแบบฟิวชั่น

Luc Hovhannessian กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Finastra กล่าวว่า “บริการที่ครบถ้วนสมบูรณ์ของ Wipro และประสบการณ์ที่ล้ำลึกในการนำโซลูชันของ Finastra ไปใช้ เป็นส่วนเสริมที่สมบูรณ์แบบให้กับข้อเสนอของเรา ทำให้พวกเขาเป็นพันธมิตรที่สมบูรณ์แบบสำหรับเราในเอเชียแปซิฟิก การสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ แบบดิจิทัลไม่เคยมีความสำคัญมากไปกว่านี้สำหรับสถาบันการเงิน แต่การทำธุรกรรมธนาคารยังเป็นสิ่งที่ธนาคารหลายแห่งกำลังพยายามปรับปรุง ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้เป็นความต่อเนื่องของความร่วมมือหลายปีกับ Encore Theme Technologies ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ Wipro เพื่อสร้างข้อเสนอที่จะช่วยให้ธนาคารเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ผลักดันการแข่งขัน และเพิ่มนวัตกรรมในอุตสาหกรรม”

Harpreet Arora รองประธาน BFSI Domain & Consulting Head ของ Wipro Limited กล่าวว่า “ความร่วมมือครั้งนี้สอดคล้องกับความพยายามอย่างต่อเนื่องของเราในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของเราในเอเชียแปซิฟิกและขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล การเข้าซื้อกิจการ Encore Theme Technologiesเมื่อเร็ว ๆ นี้ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้โซลูชันบริการการเงินเพื่อการค้าของ Finastra ข้อตกลงนี้เป็นขั้นตอนต่อไปที่สมเหตุสมผลในการกระชับความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันของเราให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น”

เกี่ยวกับ Wipro Limited

Wipro Limited (NYSE: WIT, BSE: 507685, NSE: WIPRO) เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การให้คำปรึกษา และการบริการด้านกระบวนการทางธุรกิจ เราควบคุมพลังของการประมวลผลทางปัญญา ระบบไฮเปอร์ออโตเมชั่น หุ่นยนต์ คลาวด์ การวิเคราะห์ และเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราปรับตัวเข้ากับโลกดิจิทัลและทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ เราเป็นบริษัท ๆ หนึ่งที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในด้านบริการที่ครอบคลุม ความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าต่อความยั่งยืนและการเป็นพลเมืองที่ดีของบริษัท เรามีพนักงานที่ทุ่มเทมากกว่า 190,000 คนให้บริการลูกค้าในหกทวีป เราค้นพบแนวคิดและเชื่อมโยงจุดต่างๆ ร่วมกันเพื่อสร้างอนาคตใหม่ที่ดีและกล้าหาญกว่า

เกี่ยวกับ Finastra

Finastra กำลังสร้างแพลตฟอร์มแบบเปิดที่เร่งการทำงานร่วมกันและนวัตกรรมในบริการทางการเงิน สร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นสำหรับผู้คน ธุรกิจ และชุมชน Finastra สนับสนุนโดยซอฟต์แวร์บริการทางการเงินที่กว้างที่สุดและลึกที่สุด เพื่อส่งมอบเทคโนโลยีที่สำคัญอย่างยิ่งนี้ให้กับสถาบันการเงินทุกขนาดทั่วโลก รวมถึงธนาคาร 90 แห่งจาก 100 อันดับแรกของโลก แนวทางสถาปัตยกรรมแบบเปิดของเรารวบรวมพันธมิตรและนักประดิษฐ์จำนวนมากไว้ด้วยกัน เรากำลังร่วมกันเป็นผู้นำในการเขียนโปรแกรม ปรับใช้ และการใช้งานแอปพลิเคชันในบริการทางการเงินเพื่อพัฒนาไปพร้อม ๆ กับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ finastra.com

แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า

ข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าในที่นี้แสดงถึงความเชื่อของ Wipro เกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคต ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วส่วนมากมีความไม่แน่นอนโดยเนื้อแท้และอยู่นอกเหนือการควบคุมของ Wipro ข้อความดังกล่าวนี้รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียงข้อความเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของ Wipro ผลการดำเนินงานทางการเงินในอนาคต และแผนงาน ความคาดหวังและความตั้งใจของ Wipro ได้แก่การ เตือนผู้อ่านว่า ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าในที่นี้มีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างอย่างมากจากผลลัพธ์ที่คาดการณ์ไว้ในข้อความดังกล่าว ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนดังกล่าวรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความผันผวนของรายได้ รายได้สุทธิ และผลกำไรของเรา ความสามารถของเราในการสร้างและจัดการการเติบโต การดำเนินการขององค์กรตามที่เสนออย่างสมบูรณ์ การแข่งขันที่รุนแรงในบริการด้านไอที ความสามารถของเราในการรักษาต้นทุนของเรา ความได้เปรียบ การเพิ่มขึ้นของค่าจ้างในอินเดีย ความสามารถของเราในการดึงดูดและรักษาผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะสูง เวลาและค่าใช้จ่ายเกินในสัญญาที่มีราคาคงที่และกรอบเวลาตายตัว การกระจุกตัวของลูกค้า ข้อจำกัดในการย้ายถิ่นฐาน ความสามารถของเราในการจัดการการดำเนินงานระหว่างประเทศของเรา ความต้องการเทคโนโลยีที่ลดลงในพื้นที่โฟกัสหลักของเรา การหยุดชะงักในเครือข่ายโทรคมนาคม ความสามารถของเราในการดำเนินการให้เสร็จสมบูรณ์และการรวมการเข้าซื้อกิจการที่อาจเกิดขึ้นได้โดยสำเร็จ ความรับผิดต่อความเสียหายในสัญญาบริการของเรา ความสำเร็จของบริษัทที่เราลงทุนเชิงกลยุทธ์ การเพิกถอนแรงจูงใจทางการคลัง, ความไม่มั่นคงทางการเมือง สงคราม ข้อจำกัดทางกฎหมายใน การเพิ่มทุนหรือบริษัทที่เข้าซื้อกิจการนอกอินเดีย การใช้ทรัพย์สินทางปัญญาของเราโดยไม่ได้รับอนุญาตและสภาพเศรษฐกิจทั่วไปที่มีผลกระทบต่อธุรกิจและอุตสาหกรรมของเรา เงื่อนไขที่เกิดจากการระบาดใหญ่ของ COVID-19 อาจทำให้การใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีลดลง ส่งผลเสียต่อความต้องการผลิตภัณฑ์ของเรา ส่งผลกระทบต่ออัตราการใช้จ่ายของลูกค้า และอาจส่งผลเสียต่อความสามารถหรือความเต็มใจของลูกค้าในการซื้อข้อเสนอของเรา ชะลอการตัดสินใจซื้อของลูกค้าในอนาคต ในทางลบ ส่งผลกระทบต่อความสามารถของเราในการให้บริการให้คำปรึกษาในสถานที่และการไม่สามารถให้บริการลูกค้าหรือล่าช้าในการจัดหาข้อเสนอของเรา ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อยอดขายในอนาคต ผลการดำเนินงาน และประสิทธิภาพทางการเงินโดยรวมของเรา การดำเนินงานของเราอาจได้รับผลกระทบทางลบจากปัจจัยภายนอกหลายประการที่เกี่ยวข้องกับการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ซึ่งอยู่เหนือการควบคุมของเรา ความเสี่ยงเพิ่มเติมที่อาจส่งผลต่อผลการดำเนินงานในอนาคตของเรานั้นได้อธิบายไว้อย่างละเอียดมากขึ้นในเอกสารที่เรายื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงรายงานประจำปีในแบบฟอร์ม 20-F เอกสารที่ยื่นเหล่านี้หาได้ที่  www.sec.gov ในบางครั้งเราอาจทำแถลงการณ์ที่เป็นลายลักษณ์อักษรและโดยวาจาเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งรวมถึงข้อความที่อยู่ในเอกสารของบริษัทที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และรายงานของเราต่อผู้ถือหุ้น เราไม่ดำเนินการปรับปรุงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าใด ๆ ที่อาจทำขึ้นเป็นครั้งคราวโดยเราหรือในนามของเรา

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210602005605/en/

ติดต่อ:

Nisha Chandrasekaran

Wipro Limited

nisha.chandrasekaran@wipro.com

Benjamin Jun Tai

หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์อาวุโส APAC

+65 9058 1160

benjamin.juntai@finastra.com

Caroline Duff

หัวหน้าระดับโลกฝ่าย PR

+44 (0)7917 613586

caroline.duff@finastra.com

finastra.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Thai Herald

Thai Herald