หุ่นยนต์ UVD ได้รับเลือกจาก ISS ซึ่งเป็นบริษัทจัดการอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลก ให้เป็นผู้จัดหาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้ออัตโนมัติ

Logo

ความร่วมมือครั้งใหม่นี้จะยกระดับมาตรฐานสุขอนามัยและการปกป้องคุ้มครองในสถานที่ทำงาน เพื่อให้พนักงานสามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ

โอเดนเซ่ เดนมาร์ก–(BUSINESS WIRE)–16 มิ.ย. 2564

Blue Ocean Robotics ผู้ผลิตหุ่นยนต์ UVD สำหรับการฆ่าเชื้อด้วย UV-C แบบอัตโนมัติ ได้ประกาศในวันนี้ว่าได้รับเลือกจาก ISS World Services ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสถานที่ทำงานและประสบการณ์ในที่ทำงานชั้นนำระดับโลก ให้เป็นผู้จัดหาหุ่นยนต์อัตโนมัติสำหรับการฆ่าเชื้อโดยเป็นส่วนหนึ่งของ ข้อเสนอระดับโลกของ ISS

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210616005504/en/

UVD Robots are helping to ensure outstanding cleaning and disinfection excellence. Unlike many stationary disinfection systems, the UVD Robot is a mobile, fully autonomous robot integrating UV-C light to disinfect against all known bacteria and viruses including Covid-19 not only on surfaces, but the air as well, providing a fully comprehensive infection control and prevention solution. UVD Robots enable facilities to reduce disease transmission by eliminating 99.99 percent of bacteria and viruses in any room. The robots have been rolled out to more than 70 countries worldwide. (Photo: Business Wire)

หุ่นยนต์ UVD ช่วยให้มั่นใจได้ถึงความเป็นเลิศในการทำความสะอาดและการฆ่าเชื้อโรค หุ่นยนต์ UVD ต่างจากระบบฆ่าเชื้อแบบตั้งอยู่กับที่หลาย ๆ ตัว เพราะเป็นหุ่นยนต์ที่เคลื่อนที่อัตโนมัติที่ทำงานได้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งมีการใช้แสง UV-C เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสที่เป็นที่รู้จักทั้งหมด ซึ่งรวมถึง Covid-19 ไม่เพียงแต่บนพื้นผิวแต่ยังรวมไปถึงในอากาศอีกด้วย จึงทำให้เครื่องสามารถให้การควบคุมและป้องกันการติดเชื้อแบบครอบคลุมรอบด้าน  หุ่นยนต์ UVD ช่วยให้โรงงานต่าง ๆ ลดการแพร่กระจายของโรคด้วยการกำจัดแบคทีเรียและไวรัสร้อยละ 99.99 ในห้องใด ๆ ก็ได้ ทั้งนี้ หุ่นยนต์ดังกล่าวได้รับการเปิดตัวในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก (ภาพ: Business Wire)

ข้อตกลงดังกล่าวทำให้ ISS สามารถให้บริการการฆ่าเชื้อในระดับเดียวกับของโรงพยาบาล แก่ลูกค้ากว่า 60,000 ราย ในกว่า 30 ประเทศ ในด้านการดูแลสุขภาพ เภสัชกรรม ชีววิทยาศาสตร์ การธนาคารและบริการทางการเงิน ภาคอุตสาหกรรมและการผลิต หุ่นยนต์ UVD ช่วยให้โรงงานต่าง ๆ ลดการแพร่กระจายของโรคด้วยการกำจัดแบคทีเรียและไวรัสร้อยละ 99.99 ในห้องใด ๆ

“เมื่อเรากลับไปทำงาน บริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องสร้างปฏิสัมพันธ์ทางกายภาพใหม่อีกครั้ง โดยการนำพนักงานกลับสู่สภาพแวดล้อมการทำงานอย่างปลอดภัยตามมาตรฐานด้านสุขอนามัยที่สูงขึ้น และพวกเขาจำเป็นต้องฟื้นฟูการเชื่อมโยงทางอารมณ์ระหว่างกัน และการสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของสถานที่ทำงานของพนักงาน ฉะนั้นความสามารถในการฆ่าเชื้อ ซึ่งรวมถึงการใช้หุ่นยนต์ UVD จึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและสร้างประสิทธิผลสำหรับบริษัทของเราในการตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของลูกค้า” Anders Høj ผู้อำนวยการ วิธีการและเทคโนโลยีด้านการทำความสะอาดของ ISS World Services กล่าว

Claus Risager ซีอีโอของ Blue Ocean Robotics ตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับ ISS “หุ่นยนต์ของเรายังคงมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจตอบสนองความต้องการที่เกิดจากการระบาดใหญ่และเหตุการณ์อื่น ๆ ส่งผลให้การติดเชื้อในสถานที่ทำงานลดลงเป็นอย่างมาก พร้อม ๆ ไปกับการลดการลาป่วยของพนักงาน หุ่นยนต์ UVD มีความสามารถเฉพาะตัวในการตรวจจับ บันทึก และแสดงให้ผู้ใช้เห็นว่ามีการฆ่าเชื้อที่ดีในพื้นที่นั้นเพียงใด ช่วยให้ผู้ใช้ปรับกระบวนการและเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วในกรณีจำเป็น ซึ่งคุณลักษณะเช่นนี้ไม่สามารถพบได้ในหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อ UV-C ตัวอื่น ๆ “

เอกสารสำหรับสื่อ

เกี่ยวกับ ISS

ISS ซึ่งเป็นบริษัทจัดการด้านประสบการณ์สถานที่ทำงานและอาคารสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นนำ ให้บริการโซลูชั่นที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจที่ดีขึ้น และทำให้ชีวิตง่ายขึ้น มีประสิทธิผลและสนุกสนานมากขึ้น ทั้งนี้ ISS ให้บริการด้วยมาตรฐานระดับสูงโดยผู้ที่ใส่ใจอย่างแท้จริง เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ issworld.com

เกี่ยวกับ UVD Robots

UVD Robots เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาหุ่นยนต์บริการ Blue Ocean Robotics ซึ่งรวมถึงแบรนด์  GoBe Robots และ PTR Robots โดย Blue Ocean Robotics มีสำนักงานใหญ่ในเดนมาร์ก และเพิ่งได้รับตำแหน่ง ท็อป 10 จากการจัดอันดับ 'Most Innovative Robotics Companies 2021 หรือ บริษัทหุ่นยนต์ที่มีนวัตกรรมมากที่สุดประจำปี 2564' ของ Fast Company

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210616005504/en/

ติดต่อ:

Camilla Almind Knudsen,

ผู้ประสานงานประชาสัมพันธ์  Blue Ocean Robotics

+45 61 10 02 74

cak@blue-ocean-robotics.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Emerson ฉลองครบรอบ 100 ปีเทคโนโลยี Copeland™ นวัตกรรมระบบปรับอากาศและระบบทำความเย็น

Logo

เทคโนโลยี Copeland™ ผสมผสาน ‘ความคิดสร้างสรรค์’ กับความเชี่ยวชาญที่ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนาน ในการแก้ปัญหาความท้าทายด้วยความยั่งยืนแก่ลูกค้าทั่วโลก

ฮ่องกง, 17 มิถุนายน 2564 – อิเมอร์สัน (Emerson, NYSE: EMR) ฉลองการครบรอบ 100 ปี ของแบรนด์ Copeland™ ซึ่งได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำด้านการออกแบบและผลิตคอมเพรสเซอร์ระบบปรับอากาศและระบบทำความเย็นที่ประหยัดพลังงานและน่าเชื่อถือ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและปกป้องสิ่งแวดล้อมทั้งในที่ทำงานและที่พักอาศัย เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองที่สำคัญนี้ ในอีก 12 เดือนข้างหน้า อิเมอร์สันเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ของ Copeland™ อย่างต่อเนื่อง และรับมือกับความท้าทายที่สำคัญของอุตสาหกรรม

เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสานต่อนวัตกรรมของ Copeland™  และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการแก้ปัญหาที่สำคัญของลูกค้า อิเมอร์สันได้ลงทุนกว่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการขยายโรงงาน Copeland™ ในเมืองซิดนีย์ รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา การลงทุนครั้งนี้ครอบคลุมการสร้างห้องปฏิบัติการทางวิศวกรรมใหม่ ขนาด 110,000 ตารางฟุต สำหรับการวิจัยผลิตภัณฑ์ การพัฒนาและการทดสอบคอมเพรสเซอร์และระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงเทคโนโลยีที่สำคัญอื่นๆ สำหรับอุตสาหกรรมการทำความร้อน การระบายอากาศ เครื่องปรับอากาศ และเครื่องทำความเย็น (HVACR) ระดับโลก งานส่วนใหญ่ในห้องปฏิบัติการที่เมืองซิดนีย์จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนานวัตกรรมด้านเทคโนโลยีคอมเพรสเซอร์ รวมถึงสารทำความเย็น ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และมีค่าที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนที่ต่ำกว่าเดิม (GWP) เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานและข้อบังคับด้านประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถตอบโจทย์เชิงการออกแบบของลูกค้า การลงทุนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเสริมความแข็งแกร่งของเครือข่ายศูนย์การวิจัยและพัฒนา (R&D) และศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ทั่วโลกของอิเมอร์สัน ทั้งในประเทศจีน สหรัฐอเมริกา และเยอรมนี เพื่อขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลในอุตสาหกรรมและการใช้งานที่หลากหลาย

นายเจมี่ โฟรดจ์ ประธานบริหารฝ่ายธุรกิจโซลูชันเพื่อการพาณิชย์และที่อยู่อาศัย ของ อิเมอร์สัน กล่าวว่า “แบรนด์ Copeland™  มีมรดกอันน่าภาคภูมิใจและศักยภาพที่แข็งแกร่ง เทคโนโลยีเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นได้มีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลก ด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์และความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของ Copeland™  อิเมอร์สันจะยังคงยึดมั่นในแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบ และอาศัยความเชี่ยวชาญอันยาวนานของเราในอุตสาหกรรมนี้ ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อโลกที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น”

แบรนด์ Copeland™ กำเนิดขึ้นจากการคิดค้นของนักประดิษฐ์ เอ็ดมันด์ โคปแลนด์ ผู้ก่อตั้งบริษัท ในเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน ในปี 1921 เพื่อพลิกโฉมอุตสาหกรรมเครื่องทำความเย็นผ่านสิ่งประดิษฐ์อันเป็นเอกลักษณ์ของเขา เมื่อธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทายในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ทรัพย์สินของบริษัทถูกขายและธุรกิจถูกย้ายไปที่เมืองซิดนีย์ รัฐโอไฮโอ ในปี 1937 โดยในเมืองซิดนีย์มีกลุ่มวิศวกรรุ่นใหม่ซึ่งมีวิสัยทัศนด้านธุรกิจ 4 คนของบริษัท ได้เล็งเห็นโอกาสในอนาคต จึงได้ซื้อกิจการและสิทธิบัตรคอมเพรสเซอร์ของบริษัท ต่อมา เมื่ออิเมอร์สันเข้าซื้อกิจการ Copeland™ ในปี 1986 บริษัทยังคงคำนึงถึงจิตวิญญาณขององค์กรและความคิดสร้างสรรค์ที่หลอมรวมโดยผู้ก่อตั้งและผู้บุกเบิกธุรกิจกลุ่มแรกของแบรนด์นี้

อิเมอร์สันได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สโครลคอมเพรสเซอร์ (คอมเพรสเซอร์แบบก้นหอย) รุ่นใหม่ที่ Copeland™ กำลังพัฒนาในช่วงเวลาที่ซื้อกิจการ และในปี 1987 บริษัทก็ได้เปิดตัวสโครลคอมเพรสเซอร์ตัวแรกที่จำหน่ายภายใต้แบรนด์ Copeland™  ความสำเร็จของผลิตภัณฑ์นี้ได้ปฏิวัติอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นทั่วโลกด้วยประสิทธิภาพที่สูงและน่าเชื่อถือ นำไปสู่การเปิดตัวสโครลคอมเพรสเซอร์ตระกูลใหม่ของ Copeland™  สำหรับการใช้งานหลากหลาย ตั้งแต่เครื่องปรับอากาศในที่พักอาศัยและเชิงพาณิชย์ ไปจนถึงระบบทำความเย็นสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและสุขภาพ รวมถึงคอนเทนเนอร์สำหรับการขนส่งทางทะเล

อิเมอร์สันยังคงมุ่งมั่นที่จะยกระดับนวัตกรรมกลุ่มผลิตภัณฑ์ Copeland™ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาโซลูชันที่ยั่งยืน ทั้งในด้านประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และอนุรักษ์ทรัพยากร นอกจากเหนือจากสโครลคอมเพรสเซอร์จาก Copeland™ แล้ว อิเมอร์สันยังออกแบบ ผลิต และทำการตลาดคอมเพรสเซอร์แบบลกึ่งลูกสูบและแบบลูกสูบของ Copeland™ แบบครบวงจร รวมถึงชุดควบแน่น(Condensing unit)สำหรับการใช้งานทำความเย็นเชิงพาณิชย์ โดยผลิตภัณฑ์ของ Copeland™ จำนวนมากยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีอัจฉริยะ สำหรับตรวจสอบและการป้องกัน การวินิจฉัย การวัดการใช้พลังงาน และความสามารถในการสื่อสารขั้นสูงอีกด้วย

แบรนด์ Copeland™ ยังยืนหยัดที่จะสานต่อเส้นทางแห่งการสร้างสรรค์ ตอบสนองความต้องการเฉพาะของแต่ละตลาดในภูมิภาค โดยครอบคลุมตั้งแต่การวิจัยและพัฒนา การออกแบบและวิศวกรรม ไปจนถึงการทดสอบและการผลิตขั้นสูงที่ศูนย์นวัตกรรมและโรงงานทั่วโลก

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคอมเพรสเซอร์ของ Copeland™ ได้ที่ Emerson.com/Copeland หรือ Emerson.com

เกี่ยวกับ Emerson

Emerson (NYSE: EMR) เป็นบริษัทชั้นนำของโลกด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมที่นำเสนอนวัตกรรมและโซลูชันสำหรับลูกค้าในภาคอุตสาหกรรม การพาณิชย์ และกลุ่มผู้บริโภคทั่วโลก โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เซนต์หลุยส์ มลรัฐมิสซูรี่ ประเทศสหรัฐอเมริกา ธุรกิจโซลูชันระบบอัตโนมัติของอิเมอร์สัน (Emerson Automation Solutions) มุ่งสนับสนุนให้ผู้ผลิต ทั้งผู้ผลิตแบบกระบวนการ แบบนับชิ้น และแบบไฮบริด สามารถเพิ่มกำลังการผลิต ปกป้องบุคลากรและสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานและงบประมาณในการดำเนินธุรกิจ ในขณะที่ธุรกิจโซลูชันเพื่อการพาณิชย์และที่พักอาศัย (Emerson Commercial and Residential Solutions) มุ่งส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีและสุขภาพของมนุษย์ ปกป้องคุณภาพและความปลอดภัยด้านอาหาร เพิ่มการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างโครงสร้างพื้นฐานอย่างยั่งยืน ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Emerson.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Smiths Medical ออกแจ้งเตือนทั่วโลกเกี่ยวกับการเรียกคืน Jelco® Hypodermic Needle-Pro® Fixed Needle Insulin Syringe ที่มีเครื่องหมายกระบอกตวงที่เอียงไป

Logo

มินนีแอโพลิส–(BUSINESS WIRE)–17 มิถุนายน 2564

Smiths Medical ได้ตระหนักถึงรุ่นและรหัสที่เฉพาะเจาะจงและ Jelco® Hypodermic Needle-Pro® Fixed Needle Insulin Syringes ที่อาจแสดงเครื่องหมายกระบอกตวงตรงเส้นเลขคี่ที่เอียงบนกระบอกฉีดยา มีการระบุเครื่องหมายที่เอียงประมาณ 20 องศาขึ้นไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210616005888/en/

Jelco® Hypodermic Needle-Pro® Fixed Needle Insulin Syringes skewed graduation marking on the syringe barrel. (Photo: Business Wire)

Jelco® Hypodermic Needle-Pro® Fixed Needle Insulin Syringe ที่มีเครื่องหมายกระบอกตวงที่เอียงไปบนกระบอกฉีดยา (ภาพ: Business Wire)

รุ่นและรหัสกำกับสินค้าที่ได้รับผลกระทบ:

เลขหมายของรุ่น

ชื่อสินค้า

รหัสกำกับสินค้า

4428-1

Jelco® Hypodermic Needle-Pro® Fixed Needle Insulin Syringe 28Gx1/2” 1CC

4046543 and 4062235

4429-1

Jelco® Hypodermic Needle-Pro® Fixed Needle Insulin Syringe 29Gx1/2” 1CC

4014096, 4031846, 4031845, 4040734, 4043536, 4046545, 4046546, 4062239, 4062240, 4062238 and 4062242

โปรดอ้างอิงเอกสารแนบสำหรับภาพประกอบของการทำเครื่องหมายกระบอกตวงที่เอียงบนกระบอกฉีดยา

จากปัญหานี้ มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับอินซูลินในปริมาณที่ไม่เหมาะสม โดยอาจส่งผลให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (อาจนำไปสู่ภาวะเลือดเป็นกรด) หรือภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (อาจนำไปสู่อาการชัก) และอาจส่งผลให้เกิดอันตรายร้ายแรงหรือถึงแก่ชีวิตได้

Smiths Medical ยังไม่ได้รับรายงานการเสียชีวิตหรือการบาดเจ็บสาหัสที่เกี่ยวข้องกับปัญหานี้

Smiths Medical ได้ออกใบแจ้งการเรียกคืนและแบบฟอร์มตอบกลับไปยังผู้รับของรุ่นและรหัสกำกับสินค้าที่ได้รับผลกระทบ เพื่อแนะนำให้พวกเขาต้องกักกันและส่งคืนผลิตภัณฑ์

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม:

การดำเนินการนี้ได้รับการกำหนดให้เป็นการเรียกคืนประเภท 1 โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA)

สภาพแวดล้อมการดูแลสุขภาพที่บ้าน

รหัสกำกับสินค้าสามารถหาดูได้ที่บรรจุภัณฑ์ของกระบอกฉีดยา ห้ามใช้กระบอกฉีดยาที่มีรหัสกำกับสินค้าที่ได้รับผลกระทบ ผู้ป่วยหรือผู้ดูแลควรติดต่อร้านขายยา ผู้ให้บริการดูแลสุขภาพที่บ้าน หรือสถานพยาบาลที่จัดหากระบอกฉีดยาเพื่อจัดเตรียมการส่งคืนและเปลี่ยนเข็มฉีดยา

ข้อมูลติดต่อของ Smith Medical

ผู้บริโภคที่มีคำถามเกี่ยวกับการเรียกคืนนี้สามารถติดต่อ Smiths Medical ทางโทรศัพท์ได้ที่ 1-(800)-258-5361

ผู้บริโภคสามารถติดต่อ Smiths Medical ทางออนไลน์ได้ที่ https://smiths-medical.custhelp.com

คำถามเฉพาะเกี่ยวกับการเรียกคืนสินค้าโปรดส่งไปที่ fieldactions@smiths-medical.com

การรายงาน FDA MedWatch

สามารถรายงานอาการไม่พึงประสงค์หรือปัญหาด้านคุณภาพที่เกิดขึ้นจากการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไปยังโปรแกรม MedWatch ของ FDA โดยช่องทางต่อไปนี้:

  • เว็บไซต์ MedWatch ที่ www.fda.gov/medwatch
  • โทร: 1-800-FDA-1033
  • แฟกซ์: 1-800-FDA-0178
  • ส่งจดหมาย: MedWatch, HF-2, FDA, 5600 Fishers Lane, Rockville, MD 20852

เกี่ยวกับ Smiths Medical

ผู้จัดจำหน่ายชั้นนำด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์เฉพาะทางสำหรับตลาดทั่วโลก โดยมุ่งเน้นที่การส่งมอบยา การดูแลที่สำคัญและกลุ่มตลาดอุปกรณ์ความปลอดภัย สำหรบข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมได้ที่ www.smiths-medical.com

เกี่ยวกับ Smiths Group

บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่เปิดดำเนินการมาเกือบ 170 ปี โดยนำส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับเทคโนโลยีทางการแพทย์ การรักษาความปลอดภัยและการป้องกันอุตสาหกรรมทั่วไป พลังงานและอวกาศ และตลาดการบินและอวกาศเชิงพาณิชย์ทั่วโลก Smiths Group plc มีพนักงาน 23,000 คนในกว่า 50 ประเทศและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมได้โปรดเยี่ยมชมได้ที่ www.smiths.com

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210616005888/en/

ติดต่อ:

Doug Shook
619-886-0504
douglas.shook@smiths-medical.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

LiveRamp และ Carrefour ร่วมเป็นพันธมิตร เพื่อนำเสนอการค้าปลีกแห่งยุคอนาคต

Logo

ผู้นำระดับโลกด้านการทำงานร่วมกันของข้อมูลที่เปิดใช้งานความเป็นส่วนตัว ช่วยให้ผู้ค้าปลีกปลดล็อกโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และยกระดับความสัมพันธ์ของคู่ค้าซัพพลาย

ซานฟรานซิสโก-(BUSINESS WIRE)–15 มิ.ย. 2564

LiveRamp® (NYSE: RAMP) ประกาศขยายความร่วมมือระดับโลกกับ Carrefour (OTCMKTS: CRERF) เพื่อเปิดใช้งาน การทำงานร่วมกันของข้อมูล ความสามารถในการวิเคราะห์และนวัตกรรมผ่าน Safe Haven ของ LiveRamp ทั้งนี้ การใช้เทคโนโลยีรักษาความเป็นส่วนตัวที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมของ LiveRamp จะทำให้ผู้ค้าปลีก แบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภค (CPG) และพันธมิตรของ Carrefour สามารถดำเนินการใช้และประสานข้อมูลได้อย่างปลอดภัย เรียบง่าย และมีประสิทธิภาพในระดับโลก อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ปัจจุบัน Safe Haven มีให้บริการในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส จีน ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย และ Carrefour กำลังขยายตัวไปยังสเปน อิตาลี เบลเยียม โปแลนด์ โรมาเนีย อาร์เจนตินา บราซิล และไต้หวัน อนึ่ง Safe Haven ของ LiveRamp เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยธุรกิจใหม่ที่ Carrefour กำลังเปิดตัวในโอกาสนี้: “Carrefour Links” การเป็นหุ้นส่วนได้รับการประกาศในงานแถลงข่าวที่ปารีสในวันนี้

“LiveRamp จะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงของคาร์ฟูร์ให้กลายเป็นผู้ค้าปลีกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลชั้นนำของอุตสาหกรรม” Elodie Perthuisot กรรมการบริหาร E-Commerce, Data and Digital Transformation Carrefour Group กล่าว “เรากำลังส่งมอบคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ด้วยการทำงานร่วมกันมากขึ้นกับ CPG และพันธมิตรผู้ค้าปลีกของเรากับ Carrefour Links เรารู้สึกตื่นเต้นกับการเป็นพันธมิตรกับ LiveRamp ในการทำงานร่วมกันเพื่อส่งมอบข้อมูลเชิงลึกและความสามารถใหม่ ๆ สำหรับผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง ให้แก่พันธมิตร CPG ของเราในระดับโลก”

ด้วยการนำเสนอ การเชื่อมต่อข้อมูล และการจัดการข้อมูลประจำตัวในสภาพแวดล้อมที่เป็นกลาง ปลอดภัย และที่ได้รับอนุญาตแล้ว LiveRamp ทำให้วิธีการใช้งานและช่องทางรายได้ใหม่ ๆ เป็นไปได้สำหรับผู้ค้าปลีก ในขณะเดียวกันก็เปลี่ยนวิธีการทำงานร่วมกับพันธมิตรซัพพลาย ส่วน การใช้ Safe Haven ผ่าน Carrefour Links  ช่วยให้คาร์ฟูร์เป็นพันธมิตรอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตร CPG ในตลาดต่างประเทศ 9 แห่งผ่านอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพื่อมอบความสามารถในการทำงานร่วมกันด้านข้อมูลที่ได้รับการพัฒนามากขึ้น ซึ่งรวมถึง:

  • ข้อมูลเชิงลึกและการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น一รายงานแบบครบถ้วนให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพของแคมเปญ การจัดการหมวดหมู่ และการวิเคราะห์นักช้อป Safe Haven ยังช่วยมอบความสามารถสำหรับทีมวิทยาศาสตร์ข้อมูลเพื่อใช้สำหรับแบบจำลองและการเรียนรู้ของเครื่องอีกด้วย
  • การเปิดใช้งานการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าที่หลากหลายช่องทาง一เปิดใช้งานแคมเปญ CPG โดยใช้ข้อมูลของ Carrefour ในแพลตฟอร์มโซเชียลและเว็บแบบเปิดและทรัพย์สินที่ Carrefour เป็นเจ้าของและดำเนินการ
  • การวัดที่ดีขึ้น一CPG สามารถเข้าใจผลกระทบของกิจกรรมทางการตลาดที่มีต่อการขายโดยใช้ข้อมูลการค้าปลีกได้ดีขึ้น และผลักดันให้มีการขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางธุรกิจที่สำคัญ ๆ

“ข้อมูลกำลังเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ของลูกค้าทั่วโลก – และCarrefour เป็นผู้นำเทรนด์นี้ด้วยแพลตฟอร์ม Carrefour Links” Warren Jenson ประธาน LiveRamp กล่าว “ด้วยการใช้ LiveRamp Safe Haven แบรนด์ต่าง ๆ และพันธมิตรสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างปลอดภัยเพื่อมอบประสบการณ์ลูกค้าที่ดีขึ้นและขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางธุรกิจ เราภูมิใจที่ได้เริ่มใช้งานความสามารถที่ก้าวล้ำนี้สำหรับ Carrefour ในเครือข่ายพันธมิตร CPG และในกว่า 9 ประเทศ”

การขยายความร่วมมือของ LiveRamp กับ Carrefour ส่งสัญญาณถึงโมเมนตัมที่เพิ่มขึ้นของ Safe Haven ซึ่งขณะนี้ให้บริการลูกค้ามากกว่า 45 รายในร้านค้าปลีก ร้านขายของชำ CPG เครื่องใช้ไฟฟ้า และร้านค้าประเภทอื่น ๆ การเข้าซื้อกิจการ DataFleets ล่าสุดของ LiveRamp นำเทคโนโลยีที่ยกระดับความเป็นส่วนตัวชั้นนำของอุตสาหกรรมชิ้นนี้ มาสู่ Safe Haven ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้การควบคุมข้อมูลที่กำหนดค่าได้ Safe Haven ของ LiveRamp ทำให้การทำงานร่วมกันของข้อมูลปลอดภัยและง่ายดายสำหรับลูกค้า โดยไม่ต้องคำนึงถึงโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิคหรือแพลตฟอร์มคลาวด์ที่แต่ละฝ่ายใช้ โดยไม่ต้องย้ายข้อมูล

“Safe Haven ช่วยให้ลูกค้าสามารถทำงานร่วมกันข้ามคลาวด์ ข้ามพันธมิตร และพรมแดน เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม มอบประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน” Jenson กล่าวต่อ “ในเวลาเพียงหนึ่งปีนับตั้งแต่การประกาศ Safe Haven เราได้รับส่วนแบ่งการตลาด 30% ภายในร้านขายของชำในสหรัฐอเมริกาและร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ ส่วนในยุโรปกำลังบุกเบิกแนวทางกับ Carrefour และร้านค้าปลีกชั้นนำอื่นๆ โดยในขณะที่เราขยายธุรกิจไปทั่วโลก เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะให้บริการมากกว่าร้อยละ 30 ของ CPG ที่ใหญ่ที่สุดทั่วโลกกว่า 50 ราย  ในขณะนี้”

เยี่ยมชมเว็บไซต์ LiveRamp เพื่อค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Safe Haven และ Safe Haven สำหรับการค้าปลีก

เกี่ยวกับ Carrefour Group

ด้วยเครือข่ายหลายรูปแบบของร้านค้ากว่า 13,000 แห่งในกว่า 30 ประเทศ Carrefour Group เป็นหนึ่งในผู้ค้าปลีกอาหารชั้นนำของโลก Carrefour มียอดขายรวม 78.6 พันล้านยูโรในปี 2020 มีพนักงานมากกว่า 320,000 คนที่ช่วยทำให้คาร์ฟูร์เป็นผู้นำระดับโลกในด้านการส่งต่ออาหารสำหรับทุกคน โดยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงอาหารคุณภาพสูงและราคาไม่แพงได้ทุกวันในทุกสถานที่

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.carrefour.com หรือตามเราบน Twitter(@GroupeCarrefour) และ LinkedIn (Carrefour)

เกี่ยวกับ LiveRamp

LiveRamp เป็นแพลตฟอร์มการเชื่อมต่อข้อมูลชั้นนำสำหรับการใช้ข้อมูลอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ขับเคลื่อนโดยความสามารถในการแก้ไขข้อมูลประจำตัวหลักและเครือข่ายที่ไม่มีใครเทียบได้ LiveRamp ช่วยให้บริษัทและคู่ค้าสามารถเชื่อมต่อ ควบคุม และเปิดใช้งานข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น เพื่อเปลี่ยนประสบการณ์ของลูกค้าและสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่มีคุณค่ามากขึ้น โครงสร้างพื้นฐานที่ทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์และเป็นกลางของ LiveRamp มอบความสามารถในการเป็นสถานที่ตั้งแบบครบวงจรหรือ end-to-end สำหรับแบรนด์ เอเจนซี่ และผู้เผยแพร่ชั้นนำของโลก ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.LiveRamp.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210615005755/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ

Michelle Millsap ในนามของ LiveRamp

liveramp@havasformula.com

619-857-2384

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

หญิงชาวญี่ปุ่นรุ่นมิลเลนเนียลมอง CLMV (กัมพูชา/ลาว/เมียนมาร์/เวียดนาม) เป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างไร จะมีการจัดสัมมนาผ่านเว็บที่จะรวบรวมผลการสำรวจความคิดเห็นนี้ในวันที่ 21 และ 22 มิถุนายน โดยศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น

Logo

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–16 มิ.ย. 2564

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC) จะจัดสัมมนาผ่านเว็บที่มีชื่อว่า “การสำรวจความคิดเห็นการเดินทางใน CLMV (กัมพูชา/ลาว/เมียนมาร์/เวียดนาม) กลยุทธ์หลังการระบาดเพื่อดึงดูดผู้หญิงชาวญี่ปุ่นรุ่นมิลเลนเนียล” ในวันที่ 21 และ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2564 ซึ่งจะอิงผลการ สำรวจความเชื่อมั่นในการเดินทาง CLMV1 ที่จัดทำขึ้นในเดือนมกราคม พ.ศ. 2564 โดย AJC.  Ms. Yui Hiramatsu ผู้จัดการฝ่ายการตลาดจาก Valise Inc. ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับมอบหมายให้ทำการสำรวจ จะอธิบายผลการสำรวจรวมถึงวิธีที่ผู้หญิงชาวญี่ปุ่นรุ่นมิลเลนเนียลรวบรวมข้อมูลการเดินทางบนโซเชียลมีเดียและความประทับใจที่พวกเขามีต่อแต่ละประเทศใน CLMV ในฐานะสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งทั้งหมดอาจเป็นประโยชน์ในการสร้างผลิตภัณฑ์ทัวร์และปรับปรุงการใช้โซเชียลมีเดียในการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีเป้าหมายลูกค้าเป็นนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น

หน่วยงานการท่องเที่ยวญี่ปุ่นคาดว่าชาวญี่ปุ่นที่เดินทางในต่างประเทศประจำปีจะทะลุ 20 ล้านเป็นครั้งแรกใน 20192 โดยผู้หญิงในวัยยี่สิบอยู่อันดับแรกทั้งในกลุ่มอายุและเพศในฐานะตัวแทนส่งเสริมการท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเทศ CLMV, AJC ได้จัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นด้านการเดินทางโดยมุ่งเป้าไปที่ผู้หญิงญี่ปุ่นในวัย 20 และ 30 ปี เพื่อรอการเดินทางทั้งในช่วงที่มีและหลังโควิด-19

การสัมมนาผ่านเว็บจะอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการสำรวจ โดยเปิดให้ทุกคนที่สนใจในจุดหมายปลายทาง CLMV การวางแผนการท่องเที่ยว และการใช้โซเชียลมีเดียอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว  แม้ว่าการสัมมนาผ่านเว็บจะเป็นภาษาญี่ปุ่นแต่จะมีการจัดเตรียมล่ามภาษาอังกฤษไว้แปลในเวลาเดียวกัน

ดาวน์โหลดรายงานผลการสำรวจได้ที่เว็บไซต์ของ AJC ดังนี้ https://www.asean.or.jp/en/tourism-info/20210604/

เกี่ยวกับสัมนาทางเว็ป

ชื่อสัมนา:
“การสำรวจความคิดเห็นการเดินทางใน CLMV (กัมพูชา/ลาว/เมียนมาร์/เวียดนาม) กลยุทธ์หลังการระบาดเพื่อดึงดูดผู้หญิงชาวญี่ปุ่นรุ่นมิลเลนเนียล”

วันที่และเวลา:

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เวลา 15:00น. – 16:00น. (เวลาญี่ปุ่น) ประเด็นประเทศกัมพูชาและลาว

วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เวลา 15:00น. – 16:00น. (เวลาญี่ปุ่น) ประเด็นประเทศเมียนมาร์และเวียดนาม

กำหนดการ
ผู้นำเสนอ: Ms. Yui Hiramatsu, Manager, Marketing Solution Dept., Valise Inc.
เนื้อหา: ผลการสำรวจ ข้อสรุปและการตอบคำถาม

ภาษา:
จะมีการจัดเตรียมล่ามภาษาอังกฤษไว้แปลในเวลาเดียวกัน (เสียงต้นเป็นภาษาญี่ปุ่น)

เสียงล่ามแปลมีเฉพาะกับแอปพลิเคชัน Zoom เท่านั้น

การลงทะเบียน:
ผ่านแบบฟอร์ม google ด้านล่าง https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSeD9Q6qrN_sRoSRCmnlR6qvXnl5EZwHjptF03SJ2xQVevlU4g/viewform

สถานที่:
สัมนาออนไลน์ผ่าน ZOOM

ค่าธรรมเนียม:
ฟรี

ผู้จัดงาน:
ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น


1 AJC ได้เพิ่มการสนับสนุนให้แก่ประเทศ CLMV (กัมพูชา/ลาว/เมียนมาร์/เวียดนาม) เพื่อลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน

2 การท่องเที่ยวญี่ปุ่น, 17 มกราคม 2564 (https://www.mlit.go.jp/kankocho/topics06_000244.html).

3 รายงาน JTB ปี 2563 “All about Japanese overseas travelers” (การท่องเที่ยวต่างประเทศของชาวญี่ปุ่น), ศูนย์ให้คำปรึกษาและวิจัยการท่องเที่ยว JTB, 14 สิงหาคม 2563

อ่านต้นฉบับใน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210615006245/en/

ติดต่อ:

ASEAN-Japan Centre (AJC) PR Unit (ฝ่ายประชาสัมพันธ์ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น)
Tomoko Miyauchi (MS)
URL: https://www.asean.or.jp/en/
E-mail: toiawase_ga@asean.or.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Pony.ai เป็นบริษัทแรกในการทดสอบรถยนต์ไร้คนขับบนถนนสาธารณะในสหรัฐฯ และจีน

Logo

เริ่มเปิดบริการ Robotaxi หรือแท็กซี่ไร้คนขับเต็มรูปแบบแก่ประชาชนทั่วไปในแคลิฟอร์เนียในปี 2565

ฟรีมอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–16 มิถุนายน 2564

Pony.ai ซึ่งตั้งอยู่ในซิลิคอนวัลเลย์ เป็นบริษัทพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติชั้นนำ ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทได้เริ่มทดสอบรถยนต์ไร้คนขับเต็มรูปแบบบนถนนสาธารณะทุกวันในเมืองฟรีมอนต์และมิลพีทัส รัฐแคลิฟอร์เนีย นอกจากการประกาศทดสอบรถยนต์ไร้คนขับอย่างเต็มรูปแบบในกวางโจว ประเทศจีนเมื่อไม่นานมานี้แล้ว บริษัทยังเป็นบริษัทแรกที่มีรถยนต์ไร้คนขับเต็มรูปแบบบนถนนสาธารณะของ 3 เมืองใน 2 ประเทศ ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่คึกคักมากที่สุดในโลกอีกด้วย

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210615005458/en/

ความสำเร็จในการเปิดตัวครั้งนี้คือการได้รับใบอนุญาตขับขี่ที่ออกให้ก่อนหน้านี้สำหรับรถยนต์ไร้คนขับจำนวน 6 คันโดยกรมยานยนต์แห่งแคลิฟอร์เนีย ซึ่งให้บริการความสะดวกในพื้นที่ปฏิบัติการรวมกว่า 100 ตารางกิโลเมตร การทดสอบเทคโนโลยีซ้ำไปซ้ำมานับไม่ถ้วนและการประเมินความพร้อมของรถยนต์ไร้คนขับหลายครั้ง ซึ่งดำเนินการโดยทีมงานระดับแนวหน้าได้ตอกย้ำความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ในขณะที่เมืองต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ทยอยเปิดพื้นที่ Pony.ai จึงเตรียมการที่จะกลับมาให้บริการ Robotaxi หรือแท็กซี่ไร้คนขับสาธารณะในฤดูร้อนนี้ที่เมืองเออร์ไวน์ รัฐแคลิฟอร์เนีย และวางแผนที่จะเปิดตัวบริการไร้คนขับสาธารณะเต็มรูปแบบในปี 2565

James Peng ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Pony.ai กล่าวว่า “การพัฒนาระบบไร้คนขับแบบสมบูรณ์เป็นกุญแจสำคัญเพื่อสร้างความสำเร็จแก่การขับขี่อัตโนมัติ และเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำคัญเพื่อตระหนักถึงวิสัยทัศน์อันทะเยอทะยานของเรา เนื่องจากเรายังคงเดินหน้าเติบโตและเพิ่มขนาดธุรกิจต่อไป เราจึงขยายความรับผิดชอบต่อชุมชน ตั้งแต่บริการจัดส่งแบบไร้การสัมผัสกันตลอดการระบาดใหญ่ของโรค COVID-19 ในแคลิฟอร์เนียเมื่อปีที่แล้ว ไปจนถึงการต่อสู้กับการระบาดใหม่ของ COVID-19 ในกวางโจว”

Pony.ai ได้ร่วมมือกับเมืองฟรีมอนต์มานานกว่าหนึ่งปีเพื่อต่อสู้กับโรค COVID-19 ไม่ว่าจะเป็นบริการจัดส่งชุดอาหารให้กับชุมชนที่อ่อนไหว นอกจากนี้ บริษัทยังได้ร่วมมือกับ Yamibuy ในแคลิฟอร์เนียตอนใต้ในการมอบบริการจัดส่งปลายทางแบบอัตโนมัติและไร้การสัมผัสแก่ผู้อยู่อาศัยในเมืองเออร์ไวน์อีกด้วย

Peng กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในเมืองกวางโจว รถยนต์ไร้คนขับจำนวน 14 คันจะลำเลียงอุปกรณ์ทางการแพทย์ อุปกรณ์ช่วยชีวิต และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์แนวหน้าไปยังชุมชนท้องถิ่นทั้งกลางวันและกลางคืน Pony.ai ยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคมเสมอ และทำให้ชุมชนเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งที่เราทำ”

เกี่ยวกับ Pony.ai

Pony.ai, Inc. (“Pony.ai”) ดำเนินการตามวิสัยทัศน์ที่ทะเยอทะยานด้านระบบขับขี่อัตโนมัติ เรามุ่งหวังที่จะนำระบบขับขี่ที่ปลอดภัย ยั่งยืน และเข้าถึงได้มาสู่ทั่วโลก เราเชื่อว่าเทคโนโลยีระบบขับขี่อัตโนมัติจะทำให้ถนนของเราปลอดภัยแก่นักเดินทางยิ่งขึ้น Pony.ai ก่อตั้งขึ้นเมื่อปลายปี 2016 เป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีและบริการระบบขับขี่อัตโนมัติทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาและจีน โดยนำร่องให้บริการ Robotaxi หรือแท็กซี่ไร้คนขับสาธารณะใน 2 ประเทศ ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าทางการตลาด 5.3 พันล้านดอลลาร์ และนักลงทุนรายใหญ่บางรายของบริษัท ได้แก่ Toyota, Ontario Teachers' Pension Plan, Sequoia Capital China และ IDG Capital Pony.ai ได้จับมือเป็นพันธมิตรธุรกิจ OEM ชั้นนำ เช่น Toyota, Hyundai, GAC Group, FAW Group เป็นต้น

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210615005458/en/

ติดต่อ:

Christine Qing
media@pony.ai

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Luminary เปิดตัวช่องสมัครสมาชิกใหม่บน Apple Podcasts

Logo

Luminary Original Podcasts ทั้งหมดพร้อมให้ใช้งานแล้วทั่วโลกสำหรับผู้ฟัง Apple Podcasts

นครนิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–16 มิถุนายน 2564

Luminary ซึ่งเป็นเครือข่ายพอดแคสต์แบบสมัครสมาชิก ในวันนี้ได้เปิดช่องใหม่บน Apple Podcasts ทำให้ผู้ฟังของ Apple Podcasts มี Luminary Original podcasts ทั้งหมดทั่วโลกในกว่า 170 ประเทศ

“เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับ Apple ซึ่งเป็นบริษัทที่สร้างพอดแคสต์ เพื่อนำเสนอเนื้อหาต้นฉบับของเราไปยังผู้ฟังหลายล้านคนทั่วโลก” Simon Sutton ซีอีโอของ Luminary กล่าว

“ตอนเราก่อตั้ง Luminary เราเชื่อว่าการสนับสนุนเนื้อหาพอดแคสต์แบบสมัครสมาชิกระดับพรีเมียมมีความสำคัญต่อทั้งผู้ฟังและผู้สร้าง การเผยแพร่เนื้อหาของเราบน Apple Podcasts เป็นขั้นตอนสำคัญในการบรรลุวิสัยทัศน์ของเรา” Matt Sacks ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารของLuminary กล่าว

The Luminary channel includes more than 30 Luminary Original podcasts including Under the Skin with Russell Brand, Snap Judgment Presents: Spooked, The C-Word with Lena Dunham, and Leon Neyfakh’s Fiasco.

ช่อง Luminary มี Luminary Original podcasts มากกว่า 30 รายการรวมถึง Under the Skin with Russell Brand, Snap Judgement Presents: Spooked, The C-Word with Lena Dunham และ Fiasco ของ Leon Neyfakh 

ช่อง Luminary ยังรวมถึงการเข้าถึง The Midnight Miracle รายการใหม่จากผู้สร้าง Talib Kweli, yasiin bey และ Dave Chappelle ซึ่งได้เริ่มปล่อยตอนของ The Midnight Miracle ในเดือนพฤษภาคมและจะดำเนินต่อไปตลอดทั้งปี โดยเว้นช่วงฤดูร้อน Luminary กำลังเปิดตัวรายการและซีซันใหม่จาก Russell Brand, Karamo Brown, Lena Dunham และ Leon Neyfakh ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าเช่นกัน

Luminary Original podcasts ทั้งหมดจะยังคงให้บริการสำหรับสมาชิกในแอ็ปของ Luminary ใน 12 ประเทศที่เปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบัน ด้วยการเปิดตัวบน Apple นี้ พอดแคสต์ของ Luminary ทั้งหมดพร้อมให้ใช้งานในช่อง Luminary บน Apple Podcasts ในกว่า 170 ประเทศแล้ว

ราคาในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ $4.99 ต่อเดือนหลังจากการทดลองใช้งานฟรีเจ็ดวัน หรือรายปีในราคา $34.99 หรือประมาณ $2.99 ​​ต่อเดือน หลังจากการทดลองใช้งานฟรีเจ็ดวัน การกำหนดราคาระหว่างประเทศจะคล้ายกับการกำหนดราคาในสหรัฐฯ

เกี่ยวกับ Luminary

Luminary เป็นเครือข่ายพอดแคสต์แบบสมัครสมาชิกที่มีรายการต้นฉบับที่ได้รับรางวัลซึ่งคุณไม่สามารถหาได้จากที่อื่น สมาชิกสามารถเพลิดเพลินกับการเข้าถึงคอลเลกชัน Luminary Original Podcasts ทั้งหมดได้ไม่จำกัด โดยประกอบด้วยผู้สร้างที่มีชื่อเสียง เสียงที่หลากหลาย และเรื่องราวสำคัญที่บอกเล่าผ่านเลนส์ใหม่ คุณสามารถค้นหาเนื้อหาต้นฉบับของ Luminary ได้ผ่านแอ็ปLuminary บน iOS, Android และเว็บไซด์ และตอนนี้ก็พร้อมให้รับชมแล้วบนช่อง Luminary ของ Apple Podcasts

Luminary ก่อตั้งโดย Matt Sacks ในปี 2561 โดยได้รับการสนับสนุนจาก NEA ด้วยแรงผลักดันจากความชื่นชอบในพอดแคสต์ Luminary จึงยกระดับประสบการณ์การฟังพอดแคสต์สำหรับทั้งผู้ฟังและผู้สร้าง

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Luminary กรุณารับชมได้ที่ newsroom.luminarypodcasts.com และติดตามได้ที่ @hearluminary

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210615006125/en/

ติดต่อสื่อ:
Liz Biber, The Lede Company
Sarah Rothman, The Lede Company

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Hisense เพิ่มรายได้จากการขายในยุโรป 113% แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการเสริมสร้างความแข่งขันและความสามารถในการทำกำไรในยุโรป

Logo

ชิงเต่า จีน–(บิสิเนสไวร์)–14 มิ.ย. 2564

Hisense ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของ UEFA EURO 2020 ฉลองการเปิดตัว EURO 2020 ในอิตาลี  ฟุตบอลเป็นหนึ่งในกิจกรรมชั้นนำของยุโรปและสร้างโอกาสให้ Hisense สร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์กับผู้บริโภคชาวยุโรป  นับตั้งแต่การสนับสนุน UEFA EURO 2016 ผ่านการสนับสนุนการแข่งขันกีฬาและนวัตกรรมเทคโนโลยี Hisense ได้รับการยอมรับและยกย่องมากมายจากผู้บริโภคชาวยุโรป โดยการรับรู้แบรนด์ได้เพิ่มขึ้น 6%. ในปี 2564 รายได้ของ Hisense ในตลาดยุโรปเพิ่มขึ้น 113% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 355% และ 185% ในตลาดหลัก เช่น โปแลนด์และฝรั่งเศส  Hisense ทุ่มเทให้กับการพัฒนาและผลิตเทคโนโลยีล้ำสมัย โดยใช้กลยุทธ์เชิงพื้นที่เพื่อรับรองความต้องการของผู้บริโภคในตลาดที่แตกต่างกันและประสบการณ์ของผลิตภัณฑ์

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210614005257/en/

Fans can find Hisense Logo on EURO 2020 Festival Tower (Photo: Business Wire)

แฟนๆ สามารถมองเห็นโลโก้ Hisense บนหองาน EURO 2020 (ภาพ: Business Wire)

การจัดการระดับท้องถิ่น

Hisense ได้จัดตั้งสาขาและสำนักงานในเยอรมนี อิตาลี สเปน สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และประเทศในยุโรปอื่นๆ โดยขยายการขายในท้องถิ่นอย่างแข็งขันโดยร่วมมือกับ Amazon, Euronics, ElectonicPartner, ตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ ฯลฯ

นอกจากนี้ Hisense ยังเพิ่มการลงทุนในยุโรปเพื่อปรับปรุงการรับรู้ถึงแบรนด์และเร่งกระบวนการขายกับพื้นที่  ในปี 2564 ตั้งแต่มกราคมถึงพฤษภาคม ยอดขาย ULED TV U7 และ ULED TV U8 ในสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน และรัสเซีย เพิ่มขึ้น 181% เมื่อเทียบเป็นรายปี และรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 258% เมื่อเทียบเป็นรายปี  เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในท้องถิ่นและเร่งการผลิตผลิตภัณฑ์ Hisense ได้ลงนามในข้อตกลงกับรัฐบาลสโลวีเนียและวางแผนที่จะผลิตทีวี 2.5 ล้านเครื่องสำหรับตลาดยุโรปในปี 2564

ผลิตภัณฑ์สำหรับแต่ละท้องถิ่น

โดยทุ่มเทให้กับนวัตกรรมทางเทคนิคและให้ความสำคัญกับผู้บริโภคเป็นอันดับแรก Hisense สร้างผลิตภัณฑ์ที่กำหนดตามความแตกต่างของความต้องการของตลาด เช่น การปรับรอบหมุนของเครื่องซักผ้าจากปกติ 1200 รอบเป็น 1400 รอบสำหรับเครื่องในสหราชอาณาจักรเนื่องจากระดับความชื้นสูงเพื่อให้ผ้าแห้งเร็วขึ้น

นอกจากการดูแลพฤติกรรมผู้บริโภคแล้ว Hisense ยังปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของตนให้เหมาะสมเพื่อตอบสนองต่อตลาดในท้องถิ่นและการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม  จากการวิจัยตลาด เนื่องจากผลกระทบจากโควิด-19 และการล็อกดาวน์ ผู้บริโภคชาวยุโรปต้องการตู้เย็นขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อเก็บอาหาร  Hisense จึงได้เปิดตัวตู้เย็น SkyLine ขนาด 2 เมตร ซึ่งได้รับการออกแบบให้มีขนาดความสูงและปริมาตรที่ใหญ่ขึ้น และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวยุโรปได้สำเร็จ

การรับสมัครงานในแต่ละพื้นที่

Hisense ยืนหยัดในการจัดการระดับท้องถิ่นโดยจัดตั้งทีมในพื้นที่ เช่น ทีมการขาย การผลิต การขนส่ง การดูแลลูกค้า ผ่านการจัดการโครงการและการอนุมัติงาน  Hisense เชื่อว่าผู้บริหารท้องถิ่นและข้อมูลเชิงลึกจากพนักงานในท้องถิ่นสามารถบูรณาการเข้ากับตลาดได้ดียิ่งขึ้น

โรงงานผลิตโทรทัศน์ในยุโรปของ Hisense มีพนักงานเพิ่มขึ้น 2 เท่าตั้งแต่เปิดทำการ  โรงงานยังคงจ้างพนักงานในท้องถิ่นเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับการดำเนินงานในพื้นที่  “โรงงานผลิตโทรทัศน์ของ Hisense มีส่วนสำคัญในการพัฒนาภูมิภาคนี้ด้วยการสร้างงานใหม่มากกว่า 700 ตำแหน่ง” รัฐมนตรี Zdravko Počivalšek กล่าว

เมื่อมองไปข้างหน้า ไฮเซนส์จะยังคงทำงานร่วมกับตลาดยุโรปและทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานและพันธมิตรในท้องถิ่นเพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการด้านเทคโนโลยีคุณภาพสูงสำหรับผู้บริโภคชาวยุโรป

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210614005257/en/

สื่อ:
Lori Luo (ทีมประชาสัมพันธ์ Ogilvy)
อีเมล: lori.luo@ogilvy.com  / HisenseGlobal@ogilvy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



คนสวยใจบุญ “ไข่หวาน-สาธิตา จิรพัฒนกุล” บอสสาว “แลคตาซอย”

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS ON BEHALF OF INTEGRATED COMMUNICATION)–15 มิถุนายน 2564

imgคนสวยใจบุญ “ไข่หวาน-สาธิตา จิรพัฒนกุล” บอสสาว “แลคตาซอย” ล่าสุดมอบผลิตภัณฑ์นมถั่วเหลืองซังซังชุดใหญ่จาก โครงการ ซังซัง…รักกัน ครั้งที่ 2 ให้กับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อนำไปร่วมเสริมสร้างกำลังกายให้กับบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลทั่วประเทศ ที่ต้องทำงานอย่างหนักในการรักษาผู้ติดเชื้อ COVID-19

สื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์  บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์  โทร. 081 954 5500 Email: usanee@incom.co.th

Celltrion ประกาศผลลัพธ์ที่เป็นเชิงบวกจากการทดลองระยะที่ 3 ของ regdanvimab (CT-P59) ทั่วโลก ซึ่งเป็นการรักษาด้วยแอนติบอดีชนิดโมโนโคลนต้าน COVID-19

Logo

  • Regdanvimab (CT-P59) (40 มก./กก.) บรรลุผลลัพธ์ที่มีนัยสำคัญทางสถิติและมีความหมายทางคลินิกในจุดยุติหลักสี่จุด รวมถึงจุดยุติหลักและจุดยุติทุติยภูมิที่สำคัญสามจุด บริษัทคาดว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลระยะที่ 3 เต็มรูปแบบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
  • Regdanvimab (CT-P59) ลดความเสี่ยงที่มีนัยสำคัญของ COVID-19 ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาในโรงพยาบาล หรือการเสียชีวิตได้ 72% สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการรุนแรงของ COVID-19 และ 70% สำหรับผู้ป่วยทุกราย
  • ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วย regdanvimab (CT-P59) รายงานว่าลดระยะเวลาอย่างมีนัยสำคัญในการฟื้นตัวทางคลินิกโดยอย่างน้อยเร็วขึ้น 4.7 วัน สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการรุนแรงของ COVID-19 และโดยเร็วขึ้น 4.9 วัน เมื่อเทียบกับยาหลอกสำหรับผู้ป่วยทุกราย
  • ตามบทความที่ตีพิมพ์เมื่อเร็ว ๆ นี้จาก Biochemical and Biophysical Research Communications ฤทธิ์ต้านไวรัสที่เพียงพอในสายพันธุ์ B.1.351 (ปัจจุบันจัดประเภทโดย WHO โดยเรียกว่า บีตา) – สัตว์ที่ติดเชื้อได้รับการยืนยันด้วยปริมาณยาทางคลินิกของ regdanvimab (CT-P59) 1

อินชอน เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–14 มิถุนายน 2564

Celltrion Group ประกาศในวันนี้ว่าข้อมูลประสิทธิภาพและความปลอดภัยระดับบนสุดจากการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ทั่วโลก แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยแอนติบอดีชนิดโมโนโคลนต้าน COVID-19 ซึ่ง regdanvimab (CT-P59) มีคุณสมบัติตรงตามจุดยุติหลักและจุดทุติยภูมิทั้งหมดในผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลางของ COVID-19 (n=1,315) ผลการศึกษาพบว่า CT-P59 ลดความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญของการรักษาในโรงพยาบาลหรือการเสียชีวิตโดย 72% สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการรุนแรงของ COVID-19 จนถึงวันที่ 28 เมื่อเทียบกับยาหลอก เป็นไปตามจุดยุติประสิทธิภาพหลัก [3.1 เทียบกับ 11.1 %, ค่า p-value< 0.0001] CT-P59 ยังลดความเสี่ยงของการรักษาในโรงพยาบาลหรือการเสียชีวิตได้ 70% ในผู้ป่วยทุกราย โดยเป็นไปตามจุดยุติทุติยภูมิที่สำคัญลำดับแรก (2.4 vs. 8.0 %, p-value< 0.0001]

การทดลองยังพบจุดยุติทุติยภูมิที่สำคัญอื่นๆ รวมถึงการลดลงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องในระยะเวลาของอาการ ผู้ป่วยที่ได้รับ CT-P59 (40mg/kg) ฟื้นตัวเร็วกว่ากลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอกอย่างน้อย 4.7 วัน (ค่ามัธยฐาน 9.3 เทียบกับค่าขั้นต่ำ 14 วัน ค่า p-value < 0.0001) สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการรุนแรงของ COVID-19 สำหรับผู้ป่วยทุกรายที่ได้รับ CT-P59 (40mg/kg) ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วกว่าผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอก 4.9 วัน (มัธยฐาน 8.4 เทียบกับ 13.3 วัน ค่า p < 0.0001)

ผลลัพธ์อันดับต้นๆ ยังแสดงให้เห็นว่า CT-P59 มีความปลอดภัยในเชิงบวก โดยไม่มีความแตกต่างที่มีความหมายทางคลินิกระหว่างผู้ป่วยที่ได้รับ CT-P59 (40mg/kg) กับผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอก ปฏิกิริยาที่เกี่ยวข้องกับการให้ยาไม่รุนแรงและเกิดขึ้นชั่วคราว โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะฟื้นตัวภายใน 1 ~ 3 วัน

“เรายังคงต้องรับมือจากการระบาดใหญ่ของ COVID-19 และความกังวลในรูปแบบใหม่” Dr. HoUng Kim, Ph.D.หัวหน้าแผนกการแพทย์และการตลาดของ Celltrion Healthcare กล่าว “ขณะนี้โรงพยาบาลหลายแห่งทั่วโลกไม่สามารถรับมือในการรองรับผู้ป่วยเนื่องจาก COVID-19 เราจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องใช้ทรัพยากรทุกอย่างเพื่อลดภาระในระบบการรักษาพยาบาล การทดลองที่มีการควบคุมอย่างดีนี้ให้ผลลัพธ์ที่สรุปได้ว่า CT-P59 สามารถปรับปรุงผลลัพธ์ในผู้ที่ติดเชื้อ COVID-19 ที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง และยังลดความเสี่ยงของการรักษาในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตได้อย่างมาก เราตั้งตารอที่จะทำงานร่วมกับหน่วยงานควบคุมทั่วโลกต่อไปเพื่อให้ CT-P59 พร้อมใช้งานสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการความช่วยเหลือมากขึ้น”

ผลการรักษาของ CT-P59 ต่อสายพันธุ์ B.1.351 (พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ ซึ่งปัจจุบันจัดประเภทโดย WHO โดยเรียกว่า บีตา) ได้รับการอัปเดตผ่านการตีพิมพ์จาก Biochemical and Biophysical Research Communications ตามบทความในการศึกษาในสัตว์ทดลอง (in vivo) เฟร์ริต แสดงให้เห็นว่าปริมาณการรักษาของ CT-P59 สามารถลดจำนวนของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ B.1.351 ในทางเดินหายใจส่วนบนและส่วนล่าง เมื่อเทียบได้กับปริมาณที่สังเกตได้จากไวรัสสายพันธุ์ก่อโรค1

Celltrion วางแผนที่จะเปิดเผยข้อมูลระยะที่ 3 เต็มรูปแบบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และวางแผนที่จะนำเสนอข้อมูลดังกล่าวในการประชุมแบบปากเปล่าที่การประชุมทางจุลชีววิทยาเชิงคลินิกและโรคติดเชื้อแห่งยุโรปครั้งที่ 31 (ECCMID) ซึ่งจะจัดขึ้นทางออนไลน์ระหว่างวันที่ 9-12 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

 จบ –

หมายเหตุถึงบรรณาธิการ:

เกี่ยวกับ Celltrion Healthcare

Celltrion Healthcare มุ่งมั่นที่จะนำเสนอยาที่เป็นนวัตกรรมและราคาที่จับต้องได้เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงการรักษาขั้นสูงของผู้ป่วย ผลิตภัณฑ์ของบริษัทผลิตขึ้นที่สถานเพาะเลี้ยงเซลล์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ทันสมัย ​​ออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับ US FDA cGMP และแนวทาง EU GMP โดย Celltrion Healthcare พยายามนำเสนอโซลูชั่นคุณภาพสูงที่คุ้มค่าผ่านเครือข่ายทั่วโลกที่ครอบคลุมกว่า 110 ประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณารับชมได้ที่ https://www.celltrionhealthcare.com/en-us

เกี่ยวกับ regdanvimab (CT-P59) และการทดลองทางคลินิก

CT-P59 ถูกระบุว่าเป็นการรักษาที่มีศักยภาพสำหรับ COVID-19 ผ่านการคัดกรองผู้สมัครแอนติบอดีและเลือกผู้ที่แสดงศักยภาพสูงสุดในการทำให้ไวรัส SARS-CoV-2 เป็นกลาง ซึ่งการศึกษาทางคลินิกในหลอดทดลอง (in vitro) และในสัตว์ทดลอง (in vivo) แสดงให้เห็นว่า CT-P59 จับกับ SARS-CoV-2 RBD อย่างแน่นหนา และทำให้เป็นกลางอย่างมีนัยสำคัญกับสายพันธุ์ก่อโรคและสายพันธุ์กลายพันธุ์ที่น่าเป็นห่วง รวมถึงสายพันธุ์อัลฟาในสหราชอาณาจักร (B.1.17) แบบจำลองในสัตว์ทดลอง (in vivo) CT-P59 ช่วยลดจำนวนเชื้อไวรัสของ SARS-CoV-2 และการอักเสบในปอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์จากการทดลองทางคลินิกระยะที่ 1 และ 2 ทั่วโลกของ CT-P59 แสดงให้เห็นถึงความปลอดภัย ความทนทาน ผลต้านเชื้อไวรัส และประสิทธิภาพในผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลางของ COVID-192 โดย Celltrion เพิ่งเริ่มพัฒนาค็อกเทลแอนติบอดีที่เป็นกลางกับ CT-P59 ต่อสายพันธุ์ใหม่ของ SARS-CoV-2 การวิจัยสำหรับการทดลองทางคลินิกของ Celltrion ได้รับการสนับสนุนโดยทุนป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านสุขภาพของเกาหลีจากสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสุขภาพแห่งเกาหลี (KHIDI) โดยได้รับทุนสนับสนุนจากกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ สาธารณรัฐเกาหลี (หมายเลขทุน: HQ2xC00xx)

ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

ข้อมูลบางอย่างที่ระบุไว้ในเอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยข้อความที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและผลการดำเนินงานทางการเงินของเราในอนาคต และเหตุการณ์หรือการพัฒนาในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับ Celltrion/Celltrion Healthcare ซึ่งอาจประกอบด้วยข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง

ข้อความเหล่านี้อาจระบุได้ด้วยคำต่างๆ เช่น “เตรียม”, “หวังว่า”, “ที่จะมาถึง”, “แผน”, “จุดมุ่งหมาย”, “ที่จะเปิดตัว”, “กำลังเตรียมการ, “เมื่อได้รับ”, “สามารถ” , “โดยมุ่งหมาย”, “อาจจะ”, “เมื่อระบุ”, “จะ”, “มุ่งไปทาง”, “ครบกำหนด”, “พร้อมใช้งาน”, “มีศักยภาพที่จะ”, คำเหล่านี้ในเชิงลบ หรือการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ดังกล่าว หรือคำศัพท์ที่ใช้เปรียบเทียบกันได้

นอกจากนี้ ตัวแทนของเราอาจทำแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าด้วยวาจา ข้อความดังกล่าวอิงตามความคาดหวังในปัจจุบันและสมมติฐานบางประการของฝ่ายบริหารของ Celltrion/Celltrion Healthcare ซึ่งหลายข้ออยู่เหนือการควบคุม

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตจัดทำขึ้นเพื่อให้นักลงทุนที่มีศักยภาพได้มีโอกาสที่จะเข้าใจความเชื่อและความคิดเห็นของผู้บริหารในส่วนที่เกี่ยวกับอนาคต เพื่อที่พวกเขาจะได้ใช้ความเชื่อและความคิดเห็นดังกล่าวเป็นปัจจัยหนึ่งในการประเมินการลงทุน ข้อความเหล่านี้ไม่ได้รับประกันประสิทธิภาพและไม่ควรเชื่อมั่นเกินควรในอนาคต

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตดังกล่าวมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่ทราบและไม่ทราบ ซึ่งอาจทำให้ผลการดำเนินงานและผลประกอบการที่แท้จริงในอนาคตแตกต่างไปอย่างมากจากการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคตหรือผลลัพธ์ที่แสดงหรือบอกเป็นนัยโดยข้อความที่ที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ดังกล่าว

แม้ว่าข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต การนำเสนอนี้จะขึ้นอยู่กับสิ่งที่ผู้บริหารของ Celltrion/Celltrion Healthcare เชื่อว่าเป็นสมมติฐานที่สมเหตุสมผล แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์จะพิสูจน์ได้ว่ามีความถูกต้อง เนื่องจากผลลัพธ์ที่แท้จริงและเหตุการณ์ในอนาคตอาจแตกต่างไปอย่างมากจากที่คาดการณ์ไว้ในข้อความดังกล่าวนั้น Celltrion/Celltrion Healthcare ไม่มีภาระผูกพันในการปรับปรุงข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ และถ้าหากสถานการณ์หรือการประมาณการหรือความคิดเห็นของฝ่ายบริหารควรเปลี่ยนแปลงไปยกเว้นตามที่กฎหมายหลักทรัพย์กำหนด ผู้อ่านไม่ควรเชื่อมั่นข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์เกินควร

อ้างอิง


1 Ryu DK., et al. ผลการรักษาของ CT-P59 ต่อ SARS-CoV-2 สายพันธุ์แอฟริกาใต้ Biochemical and Biophysical Research Communications, เล่มที่ 566, 2021, หน้าที่ 135-140, https://doi.org/10.1016/j.bbrc.2021.06.016. [เข้าถึงล่าสุดเดือนมิถุนายน 2021]

2 ข้อมูล Celltrion บนไฟล์

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210614005275/en/

ติดต่อ:

Holly Barber
hbarber@hanovercomms.com
+44 (0) 7759 301620

Donna Curran
dcurran@hanovercomms.com
+44 (0) 7984 550312

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Thai Herald

Thai Herald