Toshiba เปิดตัวฮาร์ดดิสก์ซีรีส์ MG09 ขนาดความจุ 18TB

Logo

ดีไซน์แบบ 9 ดิสก์เจเนอเรชันที่ 3 ที่ใช้ฮีเลียมปิดผนึกและนวัตกรรมการบันทึกที่นำพลังงานเข้ามาช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากความหนาแน่นของการจัดเก็บข้อมูลและประสิทธิภาพด้านพลังงานในระดับใหม่

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–18 กุมภาพันธ์ 2564

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (Toshiba) เปิดตัวฮาร์ดดิสก์ ซีรีส์ MG09 ขนาดความจุ 18TB[1]  ซึ่งเป็นฮาร์ดดิสก์รุ่นแรกของ Toshiba ที่มาพร้อมเทคโนโลยีการบันทึกที่นำพลังงานเข้ามาช่วย (EAMR) ฮาร์ดดิสก์ซีรีส์ MG09 ยังมาพร้อมดีไซน์แบบ 9 ดิสก์ที่ใช้ฮีเลียมปิดผนึกซึ่งเป็นเจเนอเรชันที่ 3 ของ Toshiba รวมถึงเทคโนโลยีบันทึกข้อมูลบนแผ่นจานแม่เหล็กด้วยคลื่นไมโครเวฟแบบ Flux Control (FC-MAMR) ที่ล้ำสมัยของ Toshiba เพื่อเพิ่มความหนาแน่นของการบันทึกข้อมูลบนแผ่นจากแม่เหล็ก (CMR) เป็น 2TB ต่อดิสก์ และทำให้ความจุรวมของฮาร์ดดิสก์สูงถึง 18TB

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหาในรูปแบบมัลติมีเดีย ดูเนื้อหาแบบเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210217006068/en/

Toshiba: 18TB MG09 Series hard disk drives (Photo: Business Wire)

Toshiba: ฮาร์ดดิสก์ซีรีส์ MG09 ความจุ 18TB (รูปภาพ: Business Wire)

การจัดส่งตัวอย่างฮาร์ดดิสก์ซีรีส์ MG09 ความจุ 18TB ให้กับลูกค้าคาดว่าจะสามารถเริ่มได้ในช่วงปลายเดือนมีนาคมของปี 2564 นี้

ฮาร์ดดิสก์ MG09 แบบ CMR ความจุ 18TB นี้มีขนาดความจุเพิ่มขึ้น 12.5% จากรุ่นก่อนหน้าที่มีความจุ 16TB และสามารถใช้ได้กับอุปกรณ์และระบบปฏิบัตการรุ่นต่าง ๆ ที่ครอบคลุมมากที่สุด ฮาร์ดดิสก์ MG09 ได้รับการปรับเปลี่ยนให้สามารถอ่านและเขียนข้อมูลทั้งแบบสุ่มและเรียงลำดับและรองรับการทำงานในดาต้าเซ็นเตอร์ทั้งแบบปกติและบนคลาวด์ ประสิทธิภาพของฮารด์ดิสก์รุ่น MG09 อยู่ที่ 7,200rpm อัตราการรองรับภาระงานต่อปี[2] อยู่ที่ 550TB และใช้อินเทอร์เฟส SATA และ SAS ทั้งหมดนี้บรรจุอยู่ในฟอร์มแฟกเตอร์ขนาด 3.5 นิ้ว[3 ที่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม ปิดผนึกด้วยฮีเลียม และมีประสิทธิภาพทางพลังงาน

ฮาร์ดดิสก์ซีรีส์ MG09 ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Toshiba ที่ต้องการยกระดับการออกแบบฮาร์ดดิส์ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นต่ออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่ใช้กับเซิร์ฟเวอร์บนคลาวด์รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานของระบบจัดเก็บทั้งแบบวัตถุและไฟล์ ด้วยประสิทธิภาพด้านพลังงานที่มากขึ้นและความจุที่ 18TB ฮาร์ดดิสก์ซีรีส์ MG09 จึงช่วยให้โครงสร้างพื้นฐานของระบบจัดเก็บบนคลาวด์พัฒนาความหนาแน่นของหน่วยจัดเก็บให้สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนและปรับปรุงต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของหรือ TCO ให้ดีขึ้น ขณะที่การเติบโตข้องข้อมูลยังคงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ฮาร์ดดิสก์ MG09 ความจุ 18TB ที่มาพร้อมเทคโนโลยี FC-MAMR จะช่วยผู้ให้บริการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์และนักออกแบบโซลูชันการจัดเก็บข้อมูลสามารถใช้ประโยชน์จากระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีความหนาแน่นสูงขึ้นได้ในทั้งระบบคลาวด์ ไฮบริดคลาวด์ และแบบ rack-scale ที่ติดตั้งอยู่ ณ สถานที่

“ฮารด์ดิสก์ซีรีส์ MG09 ความจุ 18TB ใหม่จาก Toshiba มาพร้อมกับระดับความหนาแน่นของการจัดเก็บข้อมูลและประสิทธิภาพด้านพลังงานที่พัฒนาขึ้นเพื่อสำหรับลูกค้าโซลูชันระบบคลาวด์และสตอเรจของเราที่ให้ความสำคัญกับเรื่องต้นทุน เทคโนโลยี HDD ความหนาแน่นสูงของเราสามารถตอบโจทย์ทางด้าน TCO ซึ่งมีความสำคัญของลูกค้าได้ในราคาที่แสนประหยัด” Shuji Takaoka ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาดผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูลของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation กล่าว “ดีไซน์แบบ 9 ดิสก์ที่ใช้ฮีเลียมปิดผนึกซึ่งเป็นเจเนอเรชันที่ 3 ของเรามีพื้นฐานที่ผ่านการทดสอบภาคสนามเพื่อพัฒนาความจุให้ได้ถึง 18TB การเสริมเทคโนโลยี FC-MAMR ที่ล้ำสมัยของ Toshiba เข้ามาช่วยให้ความจุของฮารด์ดิสก์แบบ CMR เพิ่มสูงขึ้นถึง 18TB สามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์และสภาพแวดล้อมการทำงานได้มากที่สุด”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ โปรดดูที่:
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/storage/product/data-center-enterprise/cloud-scale-capacity/articles/mg09-series.html

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์กลุ่มฮาร์ดดิสก์ของ Toshiba ทั้งหมด โปรดดูที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

[1] คำจำกัดความของความจุ: 1 เทราไบต์ (TB) = 1 ล้านล้านไบต์ อย่างไรก็ตามความจุหน่วยเก็บข้อมูลอาจแตกต่างกันออกไปตามสภาพแวดล้อมการทำงานและการจัดรูปแบบ ความจุในการจัดเก็บ (รวมถึงตัวอย่างของไฟล์สื่อต่าง ๆ) จะแตกต่างกันไปตามขนาดไฟล์ การจัดรูปแบบ การตั้งค่า ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ และ/หรือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า หรือเนื้อหาสื่อ ความจุที่ฟอร์แมตจริงอาจแตกต่างกันไป
[2] อัตราการรองรับงานต่อปีคือมาตรวัดข้อมูลตลอดทั้งปี และกำหนดโดยปริมาณของข้อมูลที่เขียน อ่าน หรือตรวจสอบตามคำสั่งของระบบโฮสต์
[3] “3.5 นิ้ว” หมายถึงลักษณะทางกายภาพหรือฟอร์มแฟกเตอร์ของฮาร์ดดิสก์ ซึ่งไม่ได้ระบุขนาดทางกายภาพของไดรฟ์

* ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ รวมถึงราคาและข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูล ณ ปัจจุบันในวันที่ประกาศ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
* ชื่อบริษัท สินค้าและบริการทั้งหมดที่กล่าวถึงในที่นี้อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ นั้น

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation เป็นบริษัทใหม่ที่เต็มไปด้วยพลังและประสบการณ์ นับตั้งแต่แยกตัวออกจากบริษัทเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2560 เราได้ก้าวสู่การเป็นหนึ่งในบริษัทผู้นำด้านอุปกรณ์ทั่วไป และได้นำเสนอโซลูชันเกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์ ระบบ LSIs และ ระบบ HDD อันโดดเด่นให้กับลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจของเรา
เรามีพนักงานจำนวน 24,000 คนทั่วโลก ซึ่งมีความตั้งใจร่วมกันที่จะเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ของเราให้ถึงระดับสูงสุด และให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า เพื่อส่งเสริมการสร้างสรรค์มูลค่าและตลาดใหม่ๆ ร่วมกัน เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเพิ่มยอดขายต่อปีซึ่งปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 7.5 แสนล้านเยน (ราว 6.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ให้สูงขึ้น เพื่อสร้างอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210217006068/en/

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อ
Motohiro Ajioka
ฝ่ายวางแผนธุรกิจ
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
โทร: +81-3-3457-3576
อีเมล: semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ยานพาหนะสำหรับต่อสู้หรือ Combat Vehicle รุ่น Type-X Robotic ของ Milrem Robotics จะจัดแสดงในงาน IDEX ปี 2564

Logo

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–17 กุมภาพันธ์ 2564

Milrem Robotics ผู้นำด้านการพัฒนาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติจะจัดแสดงยานพาหนะสำหรับต่อสู้ รุ่น Type-X Robotic เป็นครั้งแรกในงาน IDEX 2021

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210216006280/en/

The Type-X RCV is designed to support mechanized units and will become an intelligent wingman to main battle tanks and infantry fighting vehicles. (Photo: Business Wire)

Type-X RCV ถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนหน่วยยานยนต์และจะกลายเป็นนักบินผู้ขับขี่เครื่องบินในตำแหน่งปีกข้างระบบอัจฉริยะควบคู่ไปกับรถถังหลักและยานพาหนะทหารสำหรับต่อสู้ (Photo: Business Wire)

Type-X RCV ถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนหน่วยยานยนต์และจะกลายเป็นนักบินผู้ขับขี่เครื่องบินในตำแหน่งปีกข้างระบบอัจฉริยะควบคู่ไปกับรถถังหลักและยานพาหนะทหารสำหรับต่อสู้ มันจะสามารถรองรับภารกิจที่อันตรายที่สุดได้ ส่งผลให้ความเสี่ยงต่อการสูญเสียชีวิตลดลง

ยานรบหุ่นยนต์ตัวนี้สามารถติดตั้งปืนใหญ่ได้ถึง 50 มม. ดังนั้นมันจะให้อำนาจการยิงที่เท่าเดิมหรือมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับการใช้ยุทธวิธีแบบหน่วยติดตั้งยานรบทหารราบ

“ Type-X ให้วิธีการในการทำลายตำแหน่งป้องกันของศัตรูโดยสร้างความเสี่ยงน้อยที่สุดสำหรับกองทหารของตัวเอง หากรถ RCV สูญหาย การเอารถเข้าไปแทนที่จะเป็นแค่ความยุ่งยากเล็กน้อยทางลอจิสติกส์เท่านั้น แต่จะไม่มีการสูญเสียชีวิต” Kuldar Väärsi ซีอีโอของ Milrem Robotics กล่าว

RCV ของ Milrem Robotics จะมาพร้อมกับฟังก์ชันอัจฉริยะเช่น follow-me, waypoint navigation และการตรวจจับสิ่งกีดขวาง นอกจากนี้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของอัลกอริทึมด้วย อย่างไรก็ตามนวัตกรรมที่แท้จริงในครั้งนี้ได้แก่แนวทางใหม่และสร้างสรรค์ของ Milrem เพื่อให้สามารถควบคุมการทำงานจากระยะไกลด้วยความเร็วที่สูงขึ้นได้

ความเร็วสูงสุดของรถคือ 80 กม. / ชม. บนถนนลาดยางและ 50 กม. / ชม. บนถนนออฟโรด โดยรุ่น Type-X มีน้ำหนักเบา 12 ตันและให้กำลังสูง พร้อมการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพช่วยให้ความสามารถในด้านพื้นที่ที่เหนือกว่า และมาพร้อมความสูงแค่ 2.2 ม. และตัวเครื่องยนต์ด้านหลังที่สร้างความร้อนต่ำ

ในการสร้างหุ่นยนต์ Type-X Milrem โดยใช้ความรู้ที่ได้รับจากการพัฒนายานพาหนะภาคพื้นดินไร้คนขับ THeMIS โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนกองทหารที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งนั้น ปัจจุบันนี้ได้ถูกซื้อไปโดยสิบประเทศแล้ว ซึ่งรวมถึงสมาชิก NATO 7 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส นอร์เวย์ สหราชอาณาจักร เยอรมนี เอสโตเนีย เนเธอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา

Milrem Robotics เป็นผู้พัฒนาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติชั้นนำของยุโรปและเป็นผู้นำของ iMUGS ซึ่งเป็นโครงการ 32,6 ล้านยูโร ที่ได้รับทุนจาก European Defense Industrial Development Program (EDIDP) ของคณะกรรมาธิการยุโรปเพื่อพัฒนาระบบภาคพื้นดินไร้คนขับที่ได้มาตรฐานยุโรป

รถคันนี้จะจัดแสดงที่สแตนด์หมายเลข B18 ของ John Cockerill ในฮอลล์ที่ 12

ชมวิดีโอของ Type-X: https://youtu.be/jQg4PLCZLdY

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน  businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210216006280/en/

ติดต่อ:

Gert Hankewitz

ผู้อำนวยการฝ่ายส่งออก

Gert.hankewitz@milrem.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Spotify ประกาศเพิ่มคณะกรรมการผู้บริหาร

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–16 กุมภาพันธ์ 2564

Spotify (NYSE: SPOT) ประกาศในวันนี้ว่า Mona Sutphen จะเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการผู้บริหารของ Spotify ในเดือนเมษายนปี 2564 ที่จะถึงนี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการอนุมัติของผู้ถือหุ้น Ms. Sutphen เป็นที่ปรึกษาภาคเอกชนและเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง/ที่ปรึกษาของสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีหลายรายและเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสของทำเนียบขาวในสมัยรัฐบาลโอบามา

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210216005146/en/

Mona Sutphen (Photo: Business Wire)

Mona Sutphen (ภาพ: Business Wire)

>

 “Mona ได้สะสมประสบการณ์การทำงานทั้งในภาครัฐและเอกชน โดยให้คำปรึกษาแก่ผู้นำเกี่ยวกับนโยบายภายในและระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา เทคโนโลยี เศรษฐศาสตร์มหภาคและการค้าระหว่างประเทศ และสิทธิมนุษยชน … และนั่นเป็นเพียงแค่ปัญหาเล็ก ๆ ของปัญหาที่ใหญ่กว่ามาก” Daniel Ek ผู้ก่อตั้ง Spotify ผู้บริหารและประธานคณะกรรมการ กล่าว “Mona จะนำมุมมองใหม่ๆ ที่มีค่ามาสู่คณะกรรมการ ในขณะที่เรามุ่งเน้นที่จะขับเคลื่อนกลยุทธ์ของเราไปข้างหน้าในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั่วโลก”

 “ดิฉันตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้ร่วมเป็นส่วนหนีงของคณะกรรมการผู้บริหารของ Spotify”  Ms. Sutphen กล่าว “Spotify เป็นพลังแห่งการปฏิวัติและเป็นผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมที่น่าประทับใจในอุตสาหกรรมเพลง โดยการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของเนื้อหาทั่วโลก ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการและการขยายตัวอย่างต่อเนื่องนี้”

Ms. Sutphen ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของ The Vistria Group ซึ่งเป็น บริษัทหุ้นเอกชนในชิคาโกและเป็นที่ปรึกษาร่วมทุนและผู้ร่วมก่อตั้งสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีหลายแห่ง ก่อนหน้านี้เป็นหุ้นส่วนของ Macro Advisory Partners (MAP) ซึ่งเธอนำแนวทางในการปฏิบัติของบริษัทในสหรัฐอเมริกาโดยให้คำปรึกษาแก่บริษัทชั้นนำระดับโลกเกี่ยวกับความเสี่ยงและโอกาสที่จะเกิดขึ้นใหม่ในหลากหลายภาคส่วน รวมถึงการควบคุมแพลตฟอร์มเทคโนโลยี กลยุทธ์การเข้าสู่ตลาด และพลวัตทางการเมืองและกฎระเบียบความเสี่ยงในสหรัฐอเมริกา จีน และยุโรป ก่อนหน้านี้ Ms. Sutphen ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการที่ UBS AG ซึ่งเป็นที่ที่เธอได้พัฒนาวิธีการใหม่ๆ สำหรับการประเมินความเสี่ยงทางการเมืองที่มีผลกระทบต่อตลาดทุน

ตั้งแต่ปี 2552 ถึงปี 2554 เธอดำรงตำแหน่งรองเสนาธิการฝ่ายนโยบายของประธานาธิบดีบารัค โอบามาในทำเนียบขาวในการพัฒนานโยบายและวาระการกำกับดูแลของฝ่ายบริหารรวมถึงนโยบายด้านเทคโนโลยี และดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการที่ปรึกษาข่าวกรองของประธานาธิบดีตั้งแต่ปี 2556-2559 Ms. Sutphen เป็นกรรมการอิสระของ Patten Energy และเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ของ Putnam Mutual Funds เธอเป็นสมาชิกของคณะกรรมการช่วยเหลือระหว่างประเทศและสิทธิมนุษยชน (International Rescue Committee and Human Rights First) และเป็นผู้ดูแลของวิทยาลัย Mount Holyoke ด้วย

การแต่งตั้งขึ้นอยู่กับการอนุมัติของผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญประจำปีของ Spotify ในวันที่ 21 เมษายน 2564 นี้

เกี่ยวกับ Spotify Technology S.A.

Spotify เป็นผู้ให้บริการสมัครสมาชิกสตรีมเสียงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก โดยมีคอมมิวนิตีที่มีผู้ใช้งานรายเดือนมากกว่า 345 ล้านคน และสมาชิกระดับพรีเมียม 155 ล้านคน ด้วยการปรากฏตัวใน 93 ตลาดและมากกว่า 70 ล้านเพลงรวมถึงรายการพ็อดคาสท์  2.2 ล้านรายการ เป็นการเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนเข้าถึงและสามารถเพลิดเพลินกับเพลงและพ็อดคาสท์ได้

ดูเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210216005146/en/

ติดต่อนักลงทุนสัมพันธ์:
Bryan Goldberg
ir@spotify.com
investors.spotify.com

ติดต่อประชาสัมพันธ์:
Dustee Jenkins
press@spotify.com

แหล่งที่มา: Spotify Technology S.A.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

บริษัท แปซิฟิค ไพร์ม เข้าซื้อบริษัทนายหน้าภายใต้กลุ่ม CXA หลังจากการเข้าซื้อนี้ บริษัท แปซิฟิค ไพร์ม กลายมาเป็นนายหน้าผลประโยชน์พนักงานที่ใหญ่เป็นอันดับสามในประเทศสิงคโปร์และฮ่องกง

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–17 กุมภาพันธ์ 2564

บริษัทนายหน้าประกันภัยระดับโลก บริษัท แปซิฟิค ไพร์ม ได้มีการขยายการลงทุนในเอเชียแปซิฟิกด้วยการเข้าซื้อบริษัทนายหน้าในกลุ่ม CXA  ซึ่งมีการดำเนินงานในประเทศฮ่องกงและสิงคโปร์ โดยกลุ่ม  CXA เป็นบริษัทอินชัวร์เทคที่ออกจากธุรกิจดังกล่าวเพื่อพุ่งเป้าไปที่ธุรกิจ SaaS ขององค์กรบนระบบคลาวด์ ข้อตกลงการเข้าซื้อครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564

ที่ผ่านมาธุรกิจอินชัวร์เทคของ CXA นั้นได้รับการสนับสนุนจากหลายหน่วยงานดังนี้ ธนาคาร HSBC บริษัท Singtel Innov8 หน่วยงานด้านการลงทุนของคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจสิงคโปร์หรือ EDBI และ B Capital Group บริษัทร่วมลงทุนของผู้ร่วมก่อตั้งเฟสบุ๊ค อย่าง Eduardo Saverin

การเข้าซื้อบริษัทนายหน้ากลุ่ม CXA ในประเทศฮ่องกงและสิงคโปร์นี้เป็นการลงทุนครั้งสำคัญ สำหรับบริษัท แปซิฟิค ไพร์ม ที่ต้องการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและทั่วโลก การซื้อกิจการในครั้งนี้ทำให้บริษัท แปซิฟิค ไพร์ม สามารถนำเสนอเทคโนโลยีที่มีความยืดหยุ่นและไม่ซับซ้อน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าทั่วโลกได้อย่างเต็มรูปแบบ

คุณนีล เรย์มอนด์ ซีอีโอของบริษัท แปซิฟิคไพร์ม พอใจกับการลงทุนครั้งนี้ โดยกล่าวว่า “กลุ่ม CXA มีความเชี่ยวชาญที่เราสามารถใช้ประโยชน์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการใช้เทคโนโลยีพลิกโฉมรูปแบบการดูแลผลประโยชน์ของพนักงาน ซึ่งผมเชื่อว่าการลงทุนในครั้งนี้จะทำให้เราเป็นนายหน้าผู้จัดหาผลประโยชน์พนักงานที่ใหญ่เป็นอันดับสามในประเทศสิงคโปร์และฮ่องกง หลังจากที่ได้มีการการควบรวมกิจการของ Aon-WTW และ Mercer-JLT การซื้อกิจการครั้งนี้จะขับเคลื่อนเราไปสู่เป้าหมายระยะยาวในการเป็นผู้เชี่ยวชาญ ผู้ดูแลผลประโยชน์ของพนักงานระดับโลก”

คุณโรซาริน เชาวน์ คู ซีอีโอของกลุ่ม  CXA กล่าวว่า “เรามั่นใจที่จะให้บริษัท แปซิฟิค ไพร์ม สานต่อธุรกิจอินชัวร์เทคในประเทศฮ่องกงและสิงคโปร์ เพราะเรามีความมุ่งมั่นในการใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนธุรกิจเช่นเดียวกัน”

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัท แปซิฟิค ไพร์ม เป็นผู้สร้างธุรกิจอินชัวร์เทคของตัวเองขึ้นมาทั้งหมด โดยพนักงาน 15% จากทั้งหมด 600 คนเป็นพนักงานด้านไอที การดำเนินธุรกิจอินชัวร์เทคมีส่วนอย่างมากต่อการเติบโตของ บริษัท แปซิฟิค ไพร์ม ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีที่บริษัทจะได้รับในการเข้าซื้อกลุ่ม CXA นั้น จะเข้ามาเติมเต็มเทคโนโลยีที่ใช้ภายในของ บริษัท แปซิฟิค ไพร์ม ได้อย่างมาก และจะช่วยให้ บริษัท แปซิฟิค ไพร์ม สามารถนำเสนอทางเลือกที่สนับสนุนต่อความต้องการของลูกค้าผลประโยชน์พนักงานโดยมีความยืดหยุ่นให้กับลูกค้าของบริษักไม่ว่าจะเป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญหรือธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดเล็ก

การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะเข้ามาช่วยสนับสนุนผลประโยชน์พนักงานและเทคโนโลยีการจ่ายผลตอบแทนของ บริษัท แปซิฟิค ไพร์ม ที่มีอยู่แล้วให้ดีมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ทีมทรัพยากรบุคคลทั่วโลกลดความซับซ้อนในการบริหารแผนงานภายในองค์กร และสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกที่ระบบมีไว้ให้ รวมถึงการจัดการผลตอบแทนพนักงานได้ทั้งหมด

ข้อมูลเกี่ยวกับ บริษัท แปซิฟิค ไพร์ม

บริษัท แปซิฟิค ไพร์ม เป็นผู้นำระดับโลกในด้านการประกันภัยองค์กรและผลประโยชน์ของพนักงาน โดยมีสำนักงานมากถึง10 แห่งทั่วโลก บริษัทมีวิธีเฉพาะในการเป็นตัวกลางเจรจาผลประโยชน์พนักงานและสร้างเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนลูกค้า สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ แปซิฟิค ไพร์ม ได้ที่: https://www.pacificprime.com/corporate.

ข้อมูลเกี่ยวกับ บริษัท CXA Group

CXA Group เป็นแพลตฟอร์มคาดการณ์และวิเคราะห์ข้อมูลแบบครบวงจรในเอเชีย บริษัทเริ่มธุรกิจอินชัวร์เทคโดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ บริษัทมมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมสุขภาพ ความมั่งคั่ง และเป็นตัวเลือกด้านสุขภาพที่ดีกว่าให้กับบุคคลทั่วไป สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ CXA ได้ที่ https://www.cxagroup.com/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้ มีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210208005303/en/

ติดต่อ:

Stephen Ho, ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด – Pacific Prime และ Kwiksure,

+852 3589 0508

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ตอบโจทย์ทุกการตรวจวินิจฉัยที่อยู่เพียงปลายนิ้วมาพร้อมจอแสดงภาพอเนกประสงค์ที่มีความละเอียดถึง 12MP

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–17 กุมภาพันธ์ 2564

Barco ผู้นำระดับโลกทางด้านเทคโนโลยีภาพนิทัศน์ (visualization) ได้ออกจอแสดงผลการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ความละเอียด 12MP รุ่นใหม่สำหรับระบบจัดเก็บและรับส่งข้อมูลทางการแพทย์ (PACS) และภาพรังสีเต้านม จอแสดงผล Nio Fusion ที่มีความละเอียด 12MP เป็นคำตอบอย่างดีและมาตรฐานของระบบคอมพิวเตอร์สำหรับการตรวจวินิจฉัย (diagnostic workstation) ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

จอแสดงผลการตรวจวินิจฉัยตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

Rachel Coxon รองประธานด้านระบบการดูแลสุขภาพแห่ง Barco APAC กล่าวว่า “ความคาดหวังต่อการยกระดับการทำงานของจอแสดงผลการตรวจวินิจฉัยในกลุ่มรังสีแพทย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน มีความคาดหวังให้ระบบคอมพิวเตอร์สำหรับการตรวจวินิจฉัยสามารถรองรับงานเวชบำบัดได้ทั้งหมดรวมถึงภาพถ่ายของเนื้อเยื่อเต้านมที่มีความหนาแน่นสูง และใช้ได้ต่อเนื่องเพื่อความสะดวกใช้งานง่ายยาวนานในการตรวจวินิจฉัยจากโรงพยาบาล คลินิก หรือสถานที่ปฏิบัติงานประเภทโฮมออฟฟิศ”

คำตอบของ Barco: Nio Fusion ความละเอียด 12MP
Nio Fusion มาพร้อมจอที่มีความละเอียด 12MP เหมาะสำหรับแสดงภาพถ่ายระบบ PACS จำนวนหลาย ๆ ภาพ และเครื่องมือที่ใช้สำหรับสร้างภาพเต้านมรวมถึงภาพแบบสามมิติ (breast tomosynthesis) การออกแบบของ Fusion ช่วยลดความจำเป็นของการใช้จอแสดงภาพแนวตั้งหลาย ๆ จอ หรือการติดตั้งที่ซับซ้อน ฟังก์ชัน Keyboard-Video-Mouse (KVM) ช่วยให้การต่อระบบคอมพิวเตอร์เข้ากับจอแสดงผลและการสลับการใช้งานระหว่างคอมพิวเตอร์สองเครื่องกลายเป็นเรื่องที่เป็นไปได้เพียงแค่กดปุ่ม และยังทำให้การกำหนดเวลาและการจัดการระบบคอมพิวเตอร์กลายเป็นเรื่องง่าย

ความละเอียดเกรย์สเกลของ Nio Fusion 12MP ได้รับการปรับตามมาตรฐาน Digital Imaging and Communications in Medicine (DICOM) และเทคโนโลยี SteadyColorTM ของ Barco ยังการันตีความสม่ำเสมอของสี แม้จะมีการใช้งานผ่านไปแล้ว Nio Fusion 12MP มีความสว่างที่สูงกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรม และยังได้รับการยกระดับยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยี Uniform Luminance เพื่อให้ทุกพื้นที่ของจอภาพมีความสว่างสม่ำเสมอ

ตัวเครื่องของ Nio Fusion 12MP มีความบางเบา และได้รับการออกแบบให้สะท้อนการมองเห็นโดยธรรมชาติของมนุษย์เพื่อลดการเคลื่อนไหวของศีรษะ มือ และตา นอกจากนี้ยังมีระบบ SoftGlowTM และหลอดไฟผนังที่มาพร้อมกับเซ็นเซอร์วัดแสงสว่างโดยรอบและระบบชดเชยแสง รวมถึงสามารถลดอาการปวดตาและอาการเมื่อยล้าของตาเมื่อใช้เป็นเวลานาน

Nio Fusion 12MP ทำงานด้วยระบบควมบคุมจอภาพ Barco MXRT อันทรงพลัง ช่วยให้รังสีแพทย์มีอุปกรณ์สนับสนุนการทำงานแบบครบครัน เช่น SpotViewTM และ RapidFrameTM ที่สามารถเพิ่มความแม่นยำในการตรวจวินิจฉัยได้อย่างมาก นอกจากนี้ยังได้รับตรา Barco's Eco Product label หลังได้รับค่า ecoscore ระดับ A+ จากประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานของจอภาพที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น บรรจุภัณฑ์ของจอภาพที่มีขนาดกะทัดรัดและสามารถวางซ้อนกันได้ รวมถึงเนื้อหาที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับแต่ละภูมิภาคซึ่งช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์และการสร้างขยะ

Rachel Coxon ได้กล่าวสรุปไว้ว่า “ผู้ใช้ระบบ CIO และ PACS ต่างต้องเผชิญกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นจากความต้องการของแพทย์และเจ้าหน้าที่ประกันคุณภาพสำหรับการอ่านภาพในเคสที่มีความซับซ้อน ขณะที่ยังต้องจัดการงบประมาณและข้อจำกัดด้านการรับประกันเวลาการทำงานของเครื่องและประสิทธิภาพไปพร้อมกัน Nio Fusion 12MP ยังเป็นการลงทุนที่สามารถรองรับการใช้งานได้ในอนาคตระยะยาวทั้งด้านรังสีวิทยาและการถ่ายภาพรังสีเต้านม และช่วยให้การจัดการอุปกรณ์เป็นเรื่องง่ายรวมถึงลดต้นทุนในการลงทุน ในขณะเดียวกัน ยังช่วยทีมประกันคุณภาพบริหารจัดการคุณภาพและการปฏิบัติตามข้อบังคับต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดายไม่เปลืองแรงผ่านระบบประกันคุณภาพอัตโนมัติ เพื่อสร้างความมั่นใจในเรื่องของการปฏิบัติตามข้อกำหนดและเวลาทำงานที่ต่อเนื่องของระบบคอมพิวเตอร์สำหรับระบบ PACS”

เกี่ยวกับ Barco
Barco เป็นผู้ออกแบบเทคโนโลยีเพื่อสร้างความสว่างสดใสให้กับทั่วทั้งโลก เรามองเห็นมากกว่าภาพถ่ายและได้พัฒนาโซลูชั่นภาพนิทัศน์และความร่วมมือเพื่อช่วยให้ผู้คนทำงานร่วมกัน แบ่งปันข้อมูล และสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชม ธุรกิจของเรามุ่งเน้นที่สามตลาดหลัก ได้แก่ องค์กร (ตั้งแต่ห้องประชุมและห้องควบคุมไปจนถึงพื้นที่ขององค์กร) การดูแลสุขภาพ (ตั้งแต่แผนกรังสีวิทยาไปจนถึงห้องผ่าตัด) และความบันเทิง (ตั้งแต่โรงภาพยนตร์ไปจนถึงงานแสดงสดและสถานที่น่าสนใจ) ในปี 2562 เราสามารถทำยอดขายได้ถึง 1.083 พันล้านยูโร และมีพนักงานกว่า 3,600 คนทั่วโลก ซึ่งความหลงใหลในเรื่องเทคโนโลยีของพวกเขาถูกถ่ายทอดผ่านงานสิทธิบัตรถึง 400 ชิ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.barco.com

สื่อที่ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อที่:
Aashna Khurana | M: +91 9999000309 | E: aashna.khurana@barco.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Solidatus แพลตฟอร์มการจัดการข้อมูลรุ่นใหม่ระดมทุนได้ 14 ล้านปอนด์ในรอบ Series A

Logo

  • Solidatus มอบมุมมองของกระแสข้อมูลองค์กรที่ครอบคลุม 360 องศาที่เชื่อถือได้ ทำให้การจัดการข้อมูลเชิงลึกได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ
  • Solidatus ได้ระดมทุน 14 ล้านปอนด์ในรอบ Series A หลังปีที่ประสบความสำเร็จ โดยเติบโตขึ้นสองเท่า มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นสี่เท่า และกระตุ้นการขยายตัวสู่ตลาดที่รวมถึงสหรัฐอเมริกาและเอเชีย
  • กองทุน B2B ของ AlbionVC เป็นผู้นำในรอบนี้ซึ่งรวมถึงลูกค้าองค์กรระดับโลกของ Solidatus สองรายคือ HSBC และ Citi

ลอนดอน–(บิสิเนสไวร์)–16 ก.พ. 2564

Solidatus บริษัทจัดการข้อมูลและเมทาดาต้าที่ได้รับรางวัลประกาศว่าได้ระดมทุน 14 ล้านปอนด์ ($19.2m+) ในการระดมทุนรอบ Series A เพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีการที่องค์กรทำความเข้าใจและจัดการข้อมูล  AlbionVC เป็นผู้นำในรอบนี้ซึ่งรวมถึง HSBC Ventures และ Citi ลูกค้าองค์กรระดับโลกสองรายของ Solidatus ข้อตกลงนี้นำโดย Emil Gigov และ Jay Wilson จาก AlbionVC โดย Jay Wilson เข้าร่วมคณะกรรมการบริหาร Solidatus หลังจากการลงทุน

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210215005028/en/

L-R Solidatus co-founders Philip Miller and Philip Dutton (Photo: Business Wire)

ผู้ร่วมก่อตั้ง LR Solidatus Philip Miller และ Philip Dutton (รูปภาพ: บิสิเนสไวร์)

Solidatus ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการและสร้างรายได้กับข้อมูลของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ธุรกิจต่างๆ ทั่วโลกกำลังจัดการกับจุดข้อมูลที่ซับซ้อนและแนวทางของ Solidatus ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพได้ถึง 90% เมื่อเทียบกับวิธีการแบบเดิม  ลูกค้ารวมถึงบริษัทการเงิน เภสัชกรรม และที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลกกำลังใช้ซอฟต์แวร์เพื่อแสดงภาพและทำความเข้าใจฐานข้อมูลของตนโดยใช้ประโยชน์จากความสามารถในการติดตามข้อมูลผ่านองค์กรเพื่อขับเคลื่อนระบบธุรกิจอัจฉริยะ การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ

ปีที่แล้วถือเป็นปีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของบริษัท โดย Solidatus เติบโตขึ้นกว่าสองเท่า เพิ่มรายได้เป็นสี่เท่าในขณะที่ยังคงรักษาผลกำไร  จากความสำเร็จดังกล่าวทางบริษัทยังกลายเป็นผู้เข้าร่วมใหม่เพียงรายเดียวของ Gartner Magic Quadrant ในด้านการจัดการข้อมูลเมทาดาต้า ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับตำแหน่งนี้  ทางบริษัทได้ขยายไปสู่ภาคส่วนใหม่ๆ มากมาย รวมถึงการบินและอวกาศ การผลิต การสื่อสารโทรคมนาคม และรัฐบาลและมีลูกค้าเป็นธนาคารที่สำคัญระดับโลก (GSIB) 4 ใน 10 อันดับแรกในตลาดยุโรปและสหรัฐอเมริกา   นอกจากนี้ Solidatus ยังได้รับรางวัล Best Data Governance Solution จาก Data Management Insights และยังเข้าร่วม RegTech 100 อีกเช่นกัน

การลงทุน Series A ได้มีหุ้นส่วน AlbionVC และหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์ HSBC เข้าร่วม Citi เพื่อสนับสนุนวิสัยทัศน์ของ Solidatus ในการปฏิวัติวิศวกรรมข้อมูล จุดมุ่งหมายคือเร่งแผนการขยายตัวทั่วโลกและเข้าตลาดใหม่รวมถึงสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชียรวมทั้งส่งมอบความสามารถในการจัดการข้อมูลที่ดีที่สุดในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ๆ

Kate Platonova ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายข้อมูลและสถาปัตยกรรม HSBC กล่าวว่า “ในฐานะธนาคารรายใหญ่ระดับโลก เราจัดการข้อมูลเมทาดาต้าขององค์กรที่ซับซ้อน  ด้วยความร่วมมือกับ Solidatus เราได้ปรับปรุงขั้นตอนการทำงานบางส่วนของเราอย่างมากโดยลดทั้งความเสี่ยงและระยะเวลาสู่ตลาดสำหรับโปรแกรมระดับนานาชาติที่สำคัญบางโปรแกรมของเรา  เทคโนโลยีกราฟของพวกเขามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายนี้  เนื่องจากการจัดการข้อมูลเมทาดาต้ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จ เราเชื่อว่า Solidatus จะมีบทบาทเชิงกลยุทธ์มากขึ้นต่อ HSBC ในอนาคต”

Philip Dutton ผู้ร่วมก่อตั้ง Solidatus กล่าวว่า “Solidatus ถูกสร้างขึ้นเพื่อปฏิวัติเศรษฐกิจข้อมูล การปิดรอบ Series A เป็นการยืนยันว่าเราได้ออกแบบโซลูชันที่เหมาะสมเพื่อตอบสนองความต้องการที่ซับซ้อนขององค์กรที่มีข้อมูลจำนวนมาก โดยนำเสนอโซลูชันที่ทันสมัย คล่องตัว และขยายขนาดได้  เรารอคอยที่จะทำงานร่วมกับนักลงทุนของเราเพื่อเร่งการส่งมอบการเปลี่ยนแปลงองค์กรและการควบคุมไปยังตลาดใหม่และลูกค้าตามความมุ่งมั่นต่อมาตรฐานการบริการสูงสุดซึ่งเป็นกุญแจสำคัญใของ Solidatus”

Philip Miller ผู้ร่วมก่อตั้ง Solidatus กล่าวว่า “การมีธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลกสองรายเป็นลูกค้าและนักลงทุนในการระดมทุนรอบแรกของเรานั้นเป็นการตอกย้ำความเชื่อในความสามารถของ Solidatus ในการส่งมอบคุณค่าในบริการทางการเงินในระดับองค์กร  เราหวังว่าจะได้ร่วมงานกับผู้ลงทุนของเราทุกรายเพื่อช่วยให้ Solidatus ก้าวไปสู่นวัตกรรมและการเติบโต”

Jay Wilson นักลงทุนจาก AlbionVC และสมาชิกในคณะกรรมการ Solidatus กล่าวว่า “ความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นของฐานข้อมูลขององค์กรและการรับรู้ข้อมูลที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความต้องการด้านกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้นทำให้การจัดการข้อมูลกลายเป็นประเด็นสำคัญ  Solidatus ได้สร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดเพื่อแก้ปัญหาของอุตสาหกรรมนี้ และเรายินดีที่จะเป็นผู้นำในการระดมทุนเพื่อสนับสนุนผู้ร่วมก่อตั้งและบริษัทในการปรับเปลี่ยนข้อมูลและหมวดหมู่การจัดการข้อมูลที่กว้างขึ้น”

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210215005028/en/

ติดต่อสอบถามสำหรับสื่อมวลชน:
Kat Jackson, Franklin Rae PR
solidatus@franklinrae.com 
020 3011 1023
press@solidatus.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Zynga ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 4 และทั้งปี 2563

Logo

รายงานรายได้และยอดจองรายไตรมาสและรายปีสูงสุดในประวัติศาสตร์ของ Zynga

สร้างบันทึกกระแสเงินสดจากการดำเนินงานรายไตรมาสและรายปี

ได้รับตำแหน่งเป็นหนึ่งในผู้เผยแพร่เกมมือถือชั้นนำของโลก

ดำเนินการตามโครงการริเริ่มเพื่อการเติบโตในปี 2564 และต่อไป

ซานฟรานซิสโก–(BUSINESS WIRE)–11 กุมภาพันธ์ 2564

วันนี้ Zynga Inc. (Nasdaq: ZNGA) รายงานประกอบการทางการเงินประจำไตรมาสที่สี่และทั้งปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 โดยเผยแพร่รายได้ประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2563 สำหรับฝ่ายบริหารผ่านทางเว็บไซตสำหรับนักลงทุนสัมพันธ์ของบริษัท กรุณาดูรายงานรายได้รายไตรมาสที่แนบมานี้ หรือที่ http://investor.zynga.com/financial-information/quarterly-results

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210210005120/en/

 “ในปีที่มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ทีมงานของเราที่มีความสามารถและมีความยืดหยุ่นสามารถสร้างผลงานได้อย่างแข็งแกร่งในไตรมาสที่ 4 โดยสร้างรายได้และยอดจองรายไตรมาสสูงสุดในประวัติศาสตร์ของ Zynga การดำเนินการของเราตลอดปี 2563 ได้เพิ่มระดับที่มีความสำคัญต่อแพลตฟอร์มบริการถ่ายทอดสดของเรา และยังทำให้ตำแหน่งของเราแข็งแกร่งขึ้นในฐานะหนึ่งในผู้เผยแพร่เกมมือถือชั้นนำของโลก” Frank Gibeau ประธานกรรมการบริหารของ Zynga กล่าว “ พอร์ตโฟลิโอของการบริการถ่ายทอดสดของเราเริ่มต้นอย่างยิ่งใหญ่ในปี 2564 ซึ่งนำโดย Forever Franchises ของเรา กระแสความแรงใน Harry Potter: Puzzles & Spells และเกมไฮเปอร์แคชชวลใหม่ยอดนิยมทั้งสองเกมจาก Rollic กลยุทธ์ในหลายปีของ Zynga ในการขยายบริการถ่ายทอดสด การเปิดตัวเกมใหม่และการลงทุนในโอกาสในการเติบโตที่น่าตื่นเต้น ทำให้เราอยู่ในตำแหน่งที่ดีและเหมาะสมสำหรับในปี 2564 และต่อไป”

ฝ่ายบริหารของ Zynga จะจัดการประชุมทางไกลเวลา 14:00 น. ตามเวลาแปซิฟิก (17:00 น. ตามเวลาตะวันออก หรือ Eastern Time) ในวันนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับผลลัพธ์ของบริษัท สามารถถามคำถามโดยการโทร และ Zynga จะตอบคำถามให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

สามารถเข้าถึงการประชุมทางไกลได้ที่ http://investor.zynga.com ซึ่งจะมีการฉายซ้ำผ่านทางเว็บไซต์หลังการประชุม – หรือผ่านหมายเลขโทรเข้าการประชุมด้านล่าง:

• หมายเลขโทรฟรี: (800) 537-0745

• หมายเลขโทรศัพท์ระหว่างประเทศ: (253) 237-1142

• รหัสการประชุม: 8094404

เกี่ยวกับ Zynga Inc.

Zynga เป็นผู้นำระดับโลกในด้านความบันเทิงแบบโต้ตอบกับภารกิจในการเชื่อมต่อโลกผ่านเกม ในปัจจุบันมีผู้เล่นแฟรนไชส์ของ Zynga มากกว่าหนึ่งพันล้านคน ซึ่งรวมไปถึง CSR Racing™, Empires & Puzzles™, Merge Dragons!™, Merge Magic!™, Toon Blast™, Toy Blast™, Words With Friends™ และ Zynga Poker™เกมของ Zynga มีให้บริการในกว่า 150 ประเทศและสามารถเล่นได้บนแพลตฟอร์มโซเชียลและอุปกรณ์มือถือทั่วโลก ก่อตั้งขึ้นในปี 2550 บริษัทมีสำนักงานใหญ่ในซานฟรานซิสโกโดยมีที่ตั้งในสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักรไอร์แลนด์ อินเดีย ตุรกี และฟินแลนด์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม www.zynga.com หรือติดตาม Zynga ทาง TwitterInstagramFacebook or the Zynga blog

ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยแถลงการณ์ที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ของบริษัทและโอกาสในการเติบโตในอนาคต ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าประกอบด้วยคำต่าง ๆ เช่น“ มุมมอง” “คาดคะเน” “ วางแผน”“ ตั้งใจ”“ จะ” “คาดหวัง” “เชื่อ” “เป้าหมาย” “ คาดหวัง” และข้อความในอนาคต มักจะมองไปข้างหน้า ความสำเร็จหรือความบรรลุของเรื่องที่กล่าวถึงในข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าดังกล่าวเกี่ยวข้องกับความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และสมมติฐาน ไม่ควรเชื่อมั่นเกินควรในแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าดังกล่าวซึ่งอิงจากข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันของเรา เราไม่มีข้อผูกมัดในการอัพเดทข้อความดังกล่าว ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเสี่ยงความไม่แน่นอนและข้อสันนิษฐานเหล่านี้จะถูกอธิบายหรือให้รายละเอียดเพิ่มเติมในเอกสารที่ยื่นต่อสาธารณะของเรากับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์  http://investor.zynga.com หรือเว็บไซต์ของ SEC ที่ www.sec.gov

หมายเหตุจากบรรณาธิการ

หากต้องการดาวน์โหลดคลิป B-roll และภาพฟุตเทสที่สำคัญสำหรับเกมของ Zynga กรุณาไปที่: http://bit.ly/ZyngaQ42020

ดูคลังภาพ/มัลติมีเดียดีที่: businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210210005120/en/

ติดต่อนักลงทุนสัมพันธ์:
Rebecca Lau
Investors@zynga.com

ติดต่อสื่อ:
Sarah Ross
Sarah@zynga.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

การท่องเที่ยวฮ่องกงเตรียมกระตุ้นฟื้นฟูการท่องเที่ยว ผ่านแคมเปญยิ่งใหญ่ระดับโลก “Hong Kong Super Fans” พร้อมร่วมกิจกรรมกับซูเปอร์แฟนฮ่องกงใน 20 ประเทศทั่วโลก

Logo

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–10 กุมภาพันธ์ 2564

การท่องเที่ยวฮ่องกงประกาศเปิดตัวแคมเปญใหญ่ระดับโลกครั้งแรก กับแคมเปญ “Hong Kong Super Fans” โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของฮ่องกง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่การท่องเที่ยวฮ่องกงได้จัดทำขึ้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา

Good fortune bag (Photo: Business Wire)

Good fortune bag (ภาพ: Business Wire)

ในช่วงเวลานี้ที่ยังมีข้อจำกัดด้านการเดินทางในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก รวมถึงความพยายามในการจัดหาวัคซีนให้แก่ประชาชนเพื่อให้สถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด การท่องเที่ยวฮ่องกงได้รวบรวมกลุ่มผู้ชื่นชอบฮ่องกงจากหลากหลายประเทศมาร่วมแคมเปญสำคัญนี้ เพื่อย้ำเตือนให้ผู้คนหวนคิดถึงว่าทำไมพวกเขาถึงรักฮ่องกง และปลุกกระแสความตื่นเต้นที่ทุกคนเฝ้ารอจะได้เดินทางกลับมาเยือนฮ่องกงอีกครั้งเมื่อมีการเปิดพรมแดนอย่างเป็นทางการ

“การท่องเที่ยวฮ่องกงได้มีการวางแผนล่วงหน้าเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต้อนรับเหล่านักเดินทางกลับสู่ฮ่องกงอย่างยิ่งใหญ่สมการรอคอย” ดร. วายเค แปง (YK Pang) ประธานการท่องเที่ยวฮ่องกง กล่าว “แคมเปญ Hong Kong Super Fans นี้ เป็นองค์ประกอบหลักและสำคัญของแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวฮ่องกง และยังเป็นวิธีการที่เราจะแสดงความขอบคุณต่อกลุ่มผู้ที่ให้ความรักต่อฮ่องกงตลอดมาและยังคงคิดถึงฮ่องกงอยู่เสมอในฐานะเมืองจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก”

สำหรับแคมเปญล่าสุดนี้ การท่องเที่ยวฮ่องกงได้เชิญกลุ่ม Hong Kong Super Fans ซึ่งเป็นเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียงและมีความชื่นชอบและใกล้ชิดกับฮ่องกงมาร่วมกิจกรรมออนไลน์และออฟไลน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่พร้อมนำเสนอประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของฮ่องกง เมื่อเราได้รับอนุญาตให้เดินทางข้ามประเทศอีกครั้ง Hong Kong Super Fans เหล่านี้จะได้รับเชิญให้มาเที่ยวและสัมผัสฮ่องกงในทุกแง่มุม ตั้งแต่สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมไปจนถึงที่เที่ยวแบบ hidden gems สไตล์คนท้องถิ่น และอัปเดตกิจกรรมและสถานที่เที่ยวใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ของพวกเขาแก่ผู้คนในโลกออนไลน์ (แฟน ๆ และเพื่อน) และเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ การท่องเที่ยวฮ่องกงยังได้จัดดีลข้อเสนอและโปรโมชั่นโดนใจอีกมากมายเพื่อแฟน ๆ และเพื่อน ๆ ที่ชื่นชอบฮ่องกงทุกคนด้วย

การท่องเที่ยวฮ่องกงได้คัดเลือกและเชิญชวน Super Fans ทั้งในฮ่องกงและประเทศต่าง ๆ อีก 20 ประเทศผ่านสำนักงานการท่องเที่ยวฮ่องกงในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก ได้แก่ เอเชีย ออสตราเลเซีย ยุโรป แอฟริกาตะวันออกกลาง และอเมริกา โดยสัปดาห์นี้จะมีการประกาศกิจกรรมเปิดตัวแคมเปญคือ กิจกรรมทัวร์ออนไลน์เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนในฮ่องกงมิติใหม่แบบไม่เหมือนใคร ซึ่งจัดขึ้นสำหรับ Super Fans เป็นกลุ่มแรกโดยเฉพาะ กิจกรรมการเดินทางแบบ “ออนไลน์ + ออฟไลน์” นี้จะพาเหล่า Hong Kong Super Fans ไปสัมผัสย่าน Old Town Central ที่มีเสน่ห์เพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมประเพณีการเฉลิมฉลองของคนท้องถิ่น เลือกซื้อหาของมงคล และเปิด “ถุงโชคดี” ที่จัดส่งให้แก่พวกเขาล่วงหน้า ซึ่งมีเครื่องประดับนำโชค ขนมมงคลประจำเทศกาลและอื่น ๆ อีกมากมายอยู่ด้านใน พร้อมร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนนี้กับชาวฮ่องกงและผู้คนทั่วโลกจากบ้านได้อย่างสนุกสนาน

 “การท่องเที่ยวฮ่องกงได้เดินหน้าจัดแคมเปญ 'Holiday at Home' เพื่อเชิญชวนให้ชาวฮ่องกงมาสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวในฮ่องกงบ้านเกิดของพวกเขาอีกครั้ง ควบคู่ไปกับการจัดแคมเปญ 'Hong Kong Super Fans' ที่ถือเป็นก้าวแรกเริ่มสำคัญในการสร้างความผูกพันใกล้ชิดระหว่างฮ่องกงกับนักท่องเที่ยวทั่วโลก” ดร. วายเค แปง (YK Pang) กล่าวเสริม “เมื่อพรมแดนเริ่มเปิดอีกครั้ง เราจะเปิดตัวแคมเปญ ‘Open House Hong Kong’ เพื่อบอกให้โลกรู้ว่าฮ่องกงพร้อมที่จะต้อนรับเหล่านักเดินทางให้มาเยือนอีกครั้งด้วยข้อเสนอดี ๆ มากมายและประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าสนใจและหาไม่ได้ที่ไหนในโลก”

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญ Hong Kong Super Fans จะมีการประกาศเพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้

จบ

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/52377001/en

หากสื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ

คุณวันดี เลิศสุพงศ์กิจ หรือคุณกมลพิชญ์ พรมบาง

ศูนย์ข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยวฮ่องกงสำหรับสื่อมวลชน | แฟรนคอม เอเชีย

02 233 4329 ต่อ 17 หรือ pr@francomasia.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


รางวัลมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ฯ สำหรับการกำจัดคาร์บอนจาก XPRIZE สนับสนุนโดย Elon Musk เพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

Logo

การมอบรางวัลจูงใจครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เพื่อดึงดูดและกระตุ้นให้นักประดิษฐ์พัฒนาและขยายขนาดโซลูชันกำจัดคาร์บอนเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

ลอสแอนเจลิส–(BUSINESS WIRE)–09 กุมภาพันธ์ 2564

วันนี้ XPRIZE ผู้นำระดับโลกด้านการออกแบบและจัดการการแข่งขันเพื่อจูงใจให้เกิดการพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาที่เป็นความท้าทายอันยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ประกาศจัดการแข่งขัน XPRIZE Carbon Removal ที่สนับสนุนโดย Elon Musk และมูลนิธิ Musk เพื่อชิงรางวัลมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ฯ

การแข่งขันระดับโลกซึ่งมีกำหนดระยะเวลาสี่ปี เชิญชวนเหล่านักประดิษฐ์พร้อมทีมจากทั่วโลกมาสร้างสรรค์และสาธิตวิธีที่จะสามารถดึงเอาคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศหรือมหาสมุทรได้โดยตรงและกักเก็บไว้อย่างถาวรด้วยวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทีมที่จะคว้าชัยจากการแข่งขันนี้ได้จะต้องแสดงแบบจำลองของวิธีแก้ปัญหาต่อขนาดจริงที่มีความถูกต้องแม่นยำ โดยจะต้องสามารถกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ในระดับที่ 1 ตันต่อวัน จากนั้นจะต้องสาธิตให้คณะกรรมการตัดสินถึงความสามารถของวิธีแก้ปัญหาของพวกเขาในการขยายขนาดให้ได้ถึงระดับกิกะตัน เป้าหมายของการแข่งขันโดย XPRIZE นี้คือการสร้างแรงกระตุ้นและขยายขนาดวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพให้สามารถกำจัดคาร์บอนได้ตามเป้าหมายที่ 10 กิกะตันต่อปีภายในปี 2593 เพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและทำให้ระดับคาร์บอนของโลกอยู่ในระดับสมดุลอีกครั้ง

“เราต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีประโยชน์อย่างแท้จริง เราต้องการเห็นค่าคาร์บอนติดลบ ไม่ใช่แค่ค่าคาร์บอนเป็นศูนย์ เป้าหมายสูงสุดของเราคือการสร้างเทคโนโลยีดักคาร์บอนที่สามารถขยายขนาดได้ และจะต้องมีการวัดผลจาก ‘ต้นทุนต่อตันที่พิจารณาอย่างละเอียด’ ซึ่งรวมถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมด้วย นี่ไม่ใช่การแข่งขันทางทฤษฎี เราต้องการทีมที่จะสร้างระบบขึ้นมาจริง ๆ และสามารถสร้างผลกระทบที่สามารถวัดผลได้และขยายขนาดสู่ระดับกิกะตันต่อไป เราต้องทุ่มเททุกอย่างที่มีเพราะเวลาไม่รอใคร” Elon Musk ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Tesla และ SpaceX

“เราขอท้าเหล่าวิศวกร นักวิทยาศาสตร์ และผู้ประกอบการทั้งหลายให้มาสร้างและสาธิตระบบกำจัดคาร์บอนที่ใช้ได้จริงให้เราเห็น” Peter H. Diamandis ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารของ XPRIZE กล่าว “เราต้องการเห็นระบบในขนาดย่อที่สามารถสาธิตการกำจัดคาร์บอนได้ในระดับ 1 ตันต่อวันได้จริง ๆ จากนั้นเราอยากเห็นว่าระบบเหล่านั้นสามารถขยายขนาดเพื่อรองรับการกำจัดคาร์บอนในระดับกิกะตัน (อย่างคุ้มทุน) ได้อย่างไร เป้าหมายของการแข่งขันครั้งนี้คือกระตุ้นให้ผู้ประกอบการและวิศวกรคิดหาวิธีกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งหลาย ๆ วิธีถูกนำมาพูดคุยและถกเถียงกันเท่านั้น เราต้องการเห็นพวกเขาสร้าง ทดสอบ และทำให้สิ่งเหล่านั้นใช้งานได้จริง เราหวังว่าการแข่งขันโดย XPRIZE ครั้งนี้จะกระตุ้นให้ทั้งภาครัฐและเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมเช่นเดียวกับที่การแข่งขัน Ansari XPRIZE เพื่อชิงรางวัลมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์ฯ ได้ทำให้เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมการบินอวกาศเชิงพาณิชย์มาแล้ว”

การที่มนุษย์จะสามารถบรรลุเป้าหมายในความตกลงปารีสที่ตั้งเป้าควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกให้ไม่เกิน 1.5 หรือ 2 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรมได้นั้น เราต้องการการสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาสร้างปรากฏการณ์ และในระดับที่มากกว่าแค่การควบคุมการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ขณะที่กำจัดคาร์บอนได้ตั้งแต่ในอากาศและมหาสมุทร หากมนุษย์ยังคงเดินบนเส้นทางเดิม ๆ อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกอาจเพิ่มสูงขึ้น 6 องศาเซลเซียสภายในปี 2643

ข้อมูลอย่างละเอียดสำหรับการแข่งขันจะประกาศในวันที่ 22 เมษายน 2564 ซึ่งเป็นวันคุ้มครองโลก และจะมีการเปิดรับสมัครทีมในวันเดียวกัน โดยการแข่งขันจะกินเวลา 4 ปีจนถึงวันคุ้มครองโลกปี 2568

เงินรางวัลมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ฯ จะถูกจัดสรรดังรายละเอียดต่อไปนี้:

หลังการแข่งขันผ่านไป 18 เดือน คณะกรรมการตัดสินจะเลือกทีมมา 15 ทีมเพื่อรับเงินรางวัลทีมละ 1 ล้านดอลลาร์ฯ จากนั้น Milestone Awards จะเริ่มต้นการระดมทุนของทีมเพื่อพัฒนาแบบจำลองและสาธิตในขนาดจริงเพื่อคว้ารางวัลชนะเลิศต่อไป

ในช่วงกรอบเวลาเดียวกัน จะมีการแจกทุนการศึกษามูลค่า 200,000 ดอลลาร์ฯ จำนวน 25 ทุนให้กับทีมนักเรียนนักศึกษาที่เข้าร่วมการแข่งขัน

สำหรับเงินรางวัลที่เหลือ 80 ล้านดอลลาร์จะมอบให้กับผู้ชนะดังนี้:

1) รางวัลชนะเลิศ (อันดับ 1): 50 ล้านดอลลาร์ฯ

2) รางวัลที่ 2: 20 ล้านดอลลาร์ฯ

3) รางวัลที่ 3: 10 ล้านดอลลาร์ฯ

ทีมที่สนใจสามารถส่งผลงานได้ทั้งประเภทธรรมชาติ วิศวกรรม และไฮบริด โดยคณะกรรมจะตัดสินจากเกณฑ์พื้นฐานสี่ด้านดังนี้:

1) ต้นแบบการกำจัดคาร์บอนที่ใช้งานได้จริงที่สามารถสาธิตให้เห็นได้ว่าสามารถกำจัดคาร์บอนได้อย่างน้อย 1 ตันต่อวัน

2) ความสามารถของทีมในการสาธิตให้กรรมการตัดสินเห็นถึงการขยายขนาดของวิธีแก้ปัญหาเพื่อรองรับการกำจัดคาร์บอนระดับกิกะตันได้อย่างคุ้มทุน

3) เกณฑ์การวัดหลักสำหรับการแข่งขันนี้จะพิจารณาที่ต้นทุนที่ใช้ต่อการกำจัดคาร์บอนหนึ่งตัน ซึ่งรวมถึงการพิจารณาใด ๆ ที่จำเป็นต่อประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม ความคงทน ผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มใด ๆ และ

4) เกณฑ์สุดท้ายคือระยะเวลากักเก็บคาร์บอน โดยระยะที่พึงประสงค์คืออย่างน้อย 100 ปี

“สภาพอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลงเป็นภัยคุกคามพื้นฐานต่อมนุษยชาติ แต่ก็ยังไม่สายเกินไปหากเราเริ่มลงมือทำอะไรตั้งแต่ตอนนี้! จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์สามารถสร้างอนาคตที่สดใสและยั่งยืนมากขึ้นบนโลกที่เราเรียกว่าบ้านใบนี้” Anousheh Ansari ซีอีโอของ XPRIZE กล่าว “การร่วมมือกับ Elon และมูลนิธิ Musk จะช่วยเราระดมความคิดเพื่อหาทางออกที่คุ้มค่า ซึ่งสามารถขยายขนาดให้เติบโตได้อย่างมากในโลกแห่งความเป็นจริง และการแข่งขัน XPRIZE Carbon Removal จะเชิญทีมต่าง ๆ ให้มาสร้างประวัติศาสตร์และกลายเป็นฮีโร่จากการต่อสู้กับสภาพอากาศและสร้างอนาคตใหม่ให้กับเรา

“เราคาดหวังที่จะได้เห็นความหลากหลายของทีมจำนวนมากจากทั่วโลกมาลงทะเบียนเข้าร่วมการแข่งขัน สิ่งที่สวยงามเกี่ยวกับการแข่งขัน XPRIZE ก็คือความหลากหลายของวิธีที่ทีมต่าง ๆ นำมาใช้ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับการกำจัดคาร์บอนเนื่องจากการดึงคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศและมหาสมุทรนั้นสามารถทำได้หลายวิธี เราหวังที่จะได้เห็นวิธีอย่างการดักจับคาร์บอนโดยตรงจากอากาศ กระบวนการ mineralization and enhanced weathering วิธีทางธรรมชาติโดยใช้พืช ต้นไม้ หรือมหาสมุทร เราอยากเห็นการสาธิตที่สามารถขยายขนาดได้จริงมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อที่เราจะสามารถช่วยให้วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดถูกนำไปพัฒนาและใช้งานได้โดยเร็วที่สุด”

สำหรับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับโครงสร้างของการแข่งขันและกำหนดการที่สำคัญ โปรดดูที่ XPRIZE.org/prizes/elonmusk

ชมและแชร์ วิดีโอตัวอย่าง 90 วินาที เพื่อก้าวแห่งความสำเร็จระดับกิกะตันมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ฯ

เกี่ยวกับ XPRIZE

XPRIZE องค์กรไม่แสวงหากำไรตามมาตรา 501(c)(3) เป็นผู้นำระดับโลกทางด้านการออกแบบและจัดรูปแบบการแข่งขันที่มีความล้ำสมัยเพื่อแก้ปัญหาที่เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของโลก การแข่งขันที่ยังดำเนินอยู่ในปัจจุบันประกอบด้วยรายการ NRG COSIA Carbon XPRIZE ชิงรางวัลมูลค่า 20 ล้านเหรียญฯ รายการ XPRIZE Rainforest ชิงรางวัลมูลค่า 10 ล้านเหรียญ รายการ ANA Avatar XPRIZE ชิงรางวัลมูลค่า 10 ล้านเหรียญ รายการ XPRIZE Rapid COVID Testing ชิงรางวัลมูลค่า 6 ล้านเหรียญ รายการ Million IBM Watson AI XPRIZE ชิงรางวัลมูลค่า 5 ล้านเหรียญ รายการ XPRIZE Rapid Reskilling ชิงรางวัลมูลค่า 5 ล้านเหรียญ และรายการ Pandemic Response Challenge ชิงรางวัลมูลค่า 500,000 เหรียญ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ xprize.org

เกี่ยวกับมูลนิธิ Musk

มูลนิธิ Musk มอบทุนเพื่อสนับสนุนการวิจัยและการสนับสนุนด้านพลังงานหมุนเวียน การวิจัยและการสนับสนุนการสำรวจอวกาศของมนุษย์ การวิจัยในเด็ก การศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม และการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ที่ปลอดภัยเพื่อเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210208005280/en/

ติดต่อ:

Nicole Ryan, XPRIZE
nicole.ryan@xprize.org

Caden Kinard, XPRIZE
caden.kinard@xprize.org

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

LiveRamp เตรียมซื้อกิจการ DataFleets เพื่อเพิ่มพลังการทำงานร่วมกันของข้อมูลแบบกระจาย

Logo

ขยายความสามารถในการปกป้องข้อมูล

มอบความความยืดหยุ่นสูงสุดและควบคุมข้อมูลให้แก่องค์กร

ขยายโอกาสทางการตลาดให้แก่ผู้ใช้งาน Safe Haven

ซานฟรานซิสโก–(บิสิเนสไวร์)–09 ก.พ. 2564

LiveRamp® (NYSE: RAMP) แพลตฟอร์มการเชื่อมต่อข้อมูลชั้นนำประกาศว่าได้ทำข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการซื้อ DataFleets นแพลตฟอร์มข้อมูลบนคลาวด์ที่ช่วยรวบรวมข้อมูลโดยไม่ต้องย้ายข้อมูลหรือลดความเป็นส่วนตัว  การซื้อกิจการครั้งนี้ขยายขีดความสามารถในการปกป้องข้อมูลของ LiveRamp เพื่อปลดล็อกการเข้าถึงข้อมูลและการควบคุมที่ดีขึ้นสำหรับลูกค้า  นอกจากนี้ข้อตกลงดังกล่าวยังเปิดกรณีการใช้งานใหม่ๆ รวมถึงตลาดใหม่สำหรับการทำงานร่วมกันของข้อมูลแบบกระจายผ่าน LiveRamp Safe Haven

ด้วยการเติบโตของข้อมูลแบบทวีคูณ องค์กรต่างๆ จึงค้นหาวิธีเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อกระตุ้นการเติบโตและนวัตกรรม  บริษัททุกขนาด ภาคอุตสาหกรรม หรือภูมิศาสตร์ล้วนพยายามสร้างกลยุทธ์ข้อมูลเพื่อความได้เปรียบในการแข่งขัน  อย่างไรก็ตามกฎระเบียบด้านความเป็นส่วนตัวและการพิจารณาด้านความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นมักสร้างข้อจำกัดในการใช้หรือวิเคราะห์ข้อมูล  ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีความเป็นส่วนตัวทางคณิตศาสตร์ขั้นสูงต่างๆ DataFleets นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่รวมข้อมูลแบบกระจายสำหรับการทำงานร่วมกันและการวิเคราะห์โดยไม่ต้องย้ายข้อมูลข้ามไฟร์วอลล์ขององค์กร  เครื่องมือความเป็นส่วนตัวที่มีอยู่ในช่วงแรกมีชุดปฏิบัติการและความสามารถที่จำกัด  ด้วยเทคโนโลยี DataFleets องค์กรต่างๆ สามารถเข้าถึงชุดเครื่องมือป้องกันข้อมูลที่ทันสมัยและครบครันซึ่งสามารถกำหนดค่าได้ตามความต้องการของแต่ละธุรกิจ  เทคโนโลยีการเรียนรู้แบบรวมศูนย์ของ DataFleets ทำให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลข้ามพรมแดนและไซโลในสถาปัตยกรรมที่กระจัดกระจายราวกับว่าข้อมูลเหล่านี้รวมอยู่ในที่เดียว  DataFleets เก็บข้อมูลส่วนตัวที่เป็นประโยชน์และข้อมูลที่มีประโยชน์เป็นส่วนตัว

“การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้เป็นการผสมผสานระหว่างความเชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัวของ LiveRamp และแพลตฟอร์มที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางกับเทคโนโลยีที่พลิกเกมของ DataFleets ซึ่งจะปลดล็อกมูลค่ามหาศาลให้กับระบบนิเวศทั้งหมด” Anneka Gupta ประธานและหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์มของ LiveRamp กล่าว “เมื่อรวมกันแล้ว ความสามารถที่รวมกันของเราจะปูทางไปสู่เทคโนโลยีความเป็นส่วนตัวรุ่นต่อไปซึ่งทำหน้าที่เป็นรากฐานสำหรับแพลตฟอร์มและผลิตภัณฑ์ของเราและตอกย้ำความมุ่งมั่นในการทำให้องค์กรต่างๆ สามารถใช้งานข้อมูลได้อย่างปลอดภัยและง่ายดายไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม”

ด้วยการเพิ่ม DataFleets, LiveRamp จะเพิ่มขีดความสามารถในการตอบสนองความต้องการของตลาดที่กำลังพัฒนาโดยการเสริมสร้างความสามารถที่แตกต่างในสี่เสาหลัก ได้แก่

  • การปลดล็อกการเข้าถึงข้อมูล – ข้อมูลที่เป็นกรรมสิทธิ์มีให้สำหรับการวิเคราะห์โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายของข้อมูล
  • เทคโนโลยีการรักษาความเป็นส่วนตัว – การแก้ปัญหาข้อมูลประจำตัวและเวิร์กโฟลว์การทำงานร่วมกันในชุดข้อมูลแบบกระจายโดยไม่สูญเสียความเป็นส่วนตัวหรือความปลอดภัย
  • การเพิ่มการเชื่อมต่อทั่วโลก – เปิดใช้งานการเชื่อมต่อที่ลึกขึ้นในชุดข้อมูลที่ก่อนหน้านี้เคยอยู่ภายใต้โครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมและภูมิศาสตร์
  • การควบคุมอย่างทั่วถึง – ลูกค้า LiveRamp สามารถควบคุมข้อมูลได้อย่างต่อเนื่องในขณะที่ทำงานร่วมกันและมีความสามารถในการเลือกแนวทางและระดับการปกป้องข้อมูลที่เหมาะสมเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจ

DataFleets มอบทางเลือกที่ยืดหยุ่นมากขึ้นสำหรับลูกค้า Safe Haven สำหรับการทำงานร่วมกันของข้อมูลแบบกระจายตลอดจนปลดล็อกการปกป้องความเป็นส่วนตัวสำหรับอุตสาหกรรมใหม่เช่นการแพทย์และบริการทางการเงิน  นอกจากนี้ DataFleets ยังช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของ LiveRamp สามารถปรับเปลี่ยนตามเขตอำนาจศาลด้วยความเป็นส่วนตัวที่ออกแบบมาในชั้นโครงสร้างพื้นฐานช่วยให้ลูกค้าปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความเป็นส่วนตัวที่กำลังพัฒนาทั่วโลก

“ด้วยการเพิ่มเทคโนโลยีของ DataFleets และทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์อย่างลึกซึ้งในอุตสาหกรรมขณะนี้ LiveRamp อยู่ในตำแหน่งที่ดียิ่งขึ้นในการขยายขีดความสามารถของเราในภูมิภาคและอุตสาหกรรมต่างๆ” Warren Jenson ประธานและเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ LiveRamp กล่าว “การซื้อกิจการนี้จะสนับสนุนการขยายข้อเสนอของ LiveRamp ไปทั่วยุโรปและในเอเชียแปซิฟิกและตลาดลาตินอเมริกาในปี 2564 และช่วยขับเคลื่อนเราไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ๆ เช่นบริการด้านการดูแลสุขภาพและการเงินซึ่งการผสมผสานระหว่าง DataFleets และ LiveRamp เข้าด้วยกันจะมีประสิทธิภาพสูงและเพิ่มมูลค่ากรณีการใช้งาน”

David Gilmore ซีอีโอของ DataFleets กล่าวเสริมว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่ได้เข้าร่วมทีม LiveRamp และดำเนินการตามวิสัยทัศน์ร่วมกันของเราในการช่วยเหลือองค์กรต่างๆ ในการรวมข้อมูลเพื่อปลดล็อกมูลค่าสูงสุด โดยรักษาความเป็นส่วนตัวและการควบคุมของผู้บริโภค  การทำงานร่วมกันของเรามีความแข็งแกร่งและเราสามารถช่วยองค์กรระดับโลกให้ขจัดอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูลและการใช้ข้อมูลเพื่อเพิ่มพลังให้กับข้อมูลเชิงลึกและนวัตกรรมในธุรกิจของตนได้”

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการของ LiveRamp DataFleets กรุณาเยี่ยมชม: https://liveramp.com/blog/liveramp-to-acquire-datafleets

ผลกระทบทางการเงินและการปิดธุรกรรม

คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่สี่ปีงบประมาณของ LiveRamp  การซื้อกิจการคาดว่าจะไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการทางการเงินในปีงบประมาณ 2021 ของ LiveRamp

การเพิ่ม DataFleets ช่วยขยายความเป็นผู้นำของ LiveRamp ในด้านการรักษาความเป็นส่วนตัวและการทำงานร่วมกันของข้อมูล ผลักดันการเติบโตและมูลค่าที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องสำหรับผู้ถือหุ้น LiveRamp

ผลประกอบการไตรมาสที่สามปี 2564

บริษัทได้ประกาศผลประกอบการสำหรับไตรมาสที่สามของปี 2564 LiveRamp จะจัดการประชุมทางโทรศัพท์ในวันนี้เวลา 13:30 น. P.T. เพื่อหารือเกี่ยวกับการซื้อกิจการและผลประกอบการประจำไตรมาส 2021

เกี่ยวกับ LiveRamp

LiveRamp เป็นแพลตฟอร์มการเชื่อมต่อข้อมูลชั้นนำสำหรับการใช้ข้อมูลอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ  โดยขับเคลื่อนด้วยความสามารถในการแก้ปัญหาข้อมูลและเครือข่ายที่ไม่มีใครเทียบได้ LiveRamp ช่วยให้บริษัท และคู่ค้าสามารถเชื่อมต่อ ควบคุม และใช้งานข้อมูลเพื่อเปลี่ยนประสบการณ์ของลูกค้าและสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่มีคุณค่ามากขึ้น  โครงสร้างพื้นฐานที่ทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์และเป็นกลางของ LiveRamp มอบความสามารถในการระบุตำแหน่งแบบ end-to-end สำหรับแบรนด์ เอเจนซี่ และผู้เผยแพร่โฆษณาชั้นนำของโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม www.LiveRamp.com

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210208005758/en/

ติดต่อ:

Michelle Millsap ในนามของ LiveRamp
liveramp@havasformula.com 
619-857-2384

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Thai Herald

Thai Herald