Novo Nordisk ประเทศไทยได้รับการรับรองให้เป็น “สถานที่ทำงานที่ดีที่สุด หรือ Best Place to Work” ในปี 2563

Logo

กรุงเทพมหานคร–(BUSINESS WIRE)–18 พ.ย. 2563

Novo Nordisk ประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทด้านการดูแลสุขภาพระดับโลกที่มีนวัตกรรมและความเป็นผู้นำด้านการดูแลผู้ป่วยเบาหวานมากว่า 90 ปี ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งใน บริษัท ที่ดีที่สุดสำหรับการทำงานในประเทศไทยในปี 2563 บริษัทนำเสนอวัฒนธรรมที่ได้รับรางวัลความก้าวหน้า โอกาสการฝึกอาชีพ การให้คำปรึกษาระดับสูง โครงการด้านสุขภาพ และการค่าตอบแทนที่ดี ส่งผลให้ได้เป็นหนึ่งในนายจ้างในประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับจากลูกจ้างมากที่สุด โดยจากผลสำรวจพบว่า 92% ของพนักงานกล่าวว่าที่นี่เป็นสถานที่ทำงานที่ยอดเยี่ยมสำหรับการทำงาน เมื่อเทียบกับ 80% ที่สถานที่ทำงานในไทยอื่น ๆ ได้รับจากพนักงาน

“เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นหนึ่งในบริษัทที่ดีที่สุดในการทำงานในประเทศไทย” John Dawber, GM ของ Novo Nordisk ประจำประเทศไทยกล่าว "ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างแท้จริงกับผลลัพธ์นี้ เพราะนี่มาจากคำตอบที่ผู้ตอบไม่ต้องเปิดเผยตัวตนที่รวบรวมจากพนักงานที่มีค่าของเรา เราทำงานอย่างหนักทุกวันเพื่อให้แน่ใจว่าเราได้จัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่พนักงานของเราสามารถเพลิดเพลินกับสถานที่ที่พวกเขาทำงานและที่ที่เขาประสบความสำเร็จได้  รางวัลนี้ถือเป็นการยกย่องการมีส่วนร่วมของพนักงานของเราทุกคน”

“เรามุ่งมั่นที่จะสร้างวัฒนธรรมครอบครัวที่พนักงานของเราทุกคนเติบโต การเข้าร่วมโครงการนี้มีความสำคัญเนื่องจากการให้ข้อเสนอแนะที่มีคุณค่าแก่เราในแง่ของสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ตลอดจนถึงการเป็นพื้นที่ที่เราสามารถพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของพนักงานต่อไป พนักงานของเราคือกระดูกสันหลังของความสำเร็จและเราขอขอบคุณทุกคนสำหรับการมีส่วนร่วมอย่างมากในวัฒนธรรมของ บริษัทของเรา”  Vera Bakirova, ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของ Novo Nordisk Thailand กล่าว

“แม้จะมีการหยุดชะงักซึ่งเกิดจากการระบาดของโรค แต่ Novo Nordisk ประเทศไทยก็ประสบความสำเร็จในการได้รับความไว้วางใจจากพนักงานของพวกเขา ช่วยสร้างวัฒนธรรมในการทำงานที่ยอดเยี่ยมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ทางธุรกิจที่โดดเด่น”  Hamza Idrissi, ผู้จัดการโครงการสำหรับภูมิภาค APAC.

เกี่ยวกับโครงการ BEST PLACES TO WORK PROGRAM

Best Places To Work คือโครงการการรับรองระดับโลกสำหรับสถานที่ทำงานชั้นนำในหลายประเทศทั่วโลก การประเมินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเราจะวิเคราะห์ความน่าดึงดูดใจของบริษัท ผ่านกระบวนการสองขั้นตอนโดยมุ่งเน้นไปที่ปัจจัยในสถานที่ทำงาน 8 ประการ ซึ่งรวมถึง วัฒนธรรม ความเป็นผู้นำ โอกาสในการเติบโต และการปฏิบัติของผู้คน นอกเหนือจากการสำรวจความพึงพอใจของพนักงานแล้วเรายังดำเนินการประเมินด้านทรัพยากรบุคคลโดยเน้นที่การปฏิบัติด้านทรัพยากรบุคคลที่นำมาใช้ในองค์กรเทียบกับมาตรฐานกรอบงานด้านบุคลากรของเราที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างรายได้ในระดับที่เป็นผู้นำตลาดและการยกระดับนวัตกรรม

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  www.bestplacestoworkfor.org

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201117006152/en/

สำหรับสื่อ:

Grace Kelly

อีเมล: grace@bestplacestoworkinasia.com

โทร: +65 3159 1167

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รางวัลทรงเกียรติ Jonathan B. Postel Service Award มอบให้ Onno W. Purbo

Logo

รางวัลนี้ยกย่องผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ในการขยายการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในอินโดนีเซีย

กรุงเทพฯ–(บิสิเนสไวร์)–18 พฤศจิกายน 2020

The Internet Society องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกที่ส่งเสริมการพัฒนาและการใช้อินเทอร์เน็ตแบบเปิดกว้าง เชื่อมต่อกับทั่วโลก และปลอดภัยได้มอบรางวัลอันทรงเกียรติ Jonathan B. Postel Service Award แก่ Onno W. Purbo สำหรับผลงานด้านเทคนิคที่ยั่งยืนและสำคัญ ความเป็นผู้นำ และการบริการแก่ชุมชนอินเทอร์เน็ตทั่วโลก

รางวัลนี้มีชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ Jonathan Postel ผู้เป็นตำนานด้านเทคนิคในวงการ โดยยกย่องบุคคลที่ไม่ธรรมดาเช่นคุณ Purbo ที่มุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีการเติบโตและความแข็งแกร่งของอินเทอร์เน็ต

Mr. Purbo เป็นที่รู้จักในนาม “ผู้ปลดล๊อคอินเทอร์เน็ตของอินโดนีเซีย” คุณ Purbo เป็นผู้สนับสนุนอินเทอร์เน็ตที่มีชื่อเสียงและมีบทบาทสำคัญในเพิ่มการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วยราคาที่ไม่แพง โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทของอินโดนีเซีย

"การสนับสนุนของคุณ Purbo ในภาคดิจิทัลเป็นสิ่งล้ำค่าและรางวัลนี้เป็นการยกย่องความสำเร็จของเขาและเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น  ความคิดริเริ่มของเขาในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายชุมชนได้นำมาสู่การเติบโตของอินเทอร์เน็ตที่ราคาไม่แพงและการเข้าถึงได้ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วอินโดนีเซีย  ผมมั่นใจว่ารางวัลนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และเดินตามรอยเท้าของเขาและเอาชนะความท้าทายในชุมชนของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการปรับปรุงระบบดิจิทัล” Johnny Plate รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศของอินโดนีเซียกล่าว

จากความสำเร็จมากมายของเขา คุณ Purbo เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้บุกเบิกอินเทอร์เน็ตในอินโดนีเซียผ่านการใช้เทคโนโลยีไร้สายและ Voice over Internet Protocol   เขาเป็นผู้นำการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตครั้งแรกที่สถาบันเทคโนโลยีในบันดุงและสร้างเครือข่ายการศึกษาของชาวอินโดนีเซียแห่งแรก  นอกจากนี้เขายังสนับสนุนการยกเลิกกฎระเบียบของความถี่ Wi-Fi และได้ก่อตั้งไซเบอร์คาเฟ่ เครือข่ายชุมชน และเครือข่ายเซลลูลาร์ชุมชนในอินโดนีเซีย  คุณ Purbo ได้จัดระเบียบเครือข่ายโทรศัพท์ชุมชนผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรกและเป็นผู้นำ ICT กลับมาใช้ในหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายของชาวอินโดนีเซีย  ปัจจุบันเขามีส่วนร่วมในบริการอีเลิร์นนิงฟรีที่ใหญ่ที่สุดในชาวอินโดนีเซีย ซึ่งนำเสนอหลักสูตรมากกว่า 700 หลักสูตรให้กับนักเรียนเกือบ 40,000 คนและได้ฝึกอบรมครูมากกว่า 8,000 คนในการดำเนินงานอีเลิร์นนิง

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการยกย่องที่สูงและล้ำค่าจากชุมชนอินเทอร์เน็ตของอินโดนีเซีย คุณ Purbo กล่าว “ด้วยการดัดแปลงอุปกรณ์ที่เรียบง่าย เรามีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลและความรู้ซึ่งเป็นรากฐานที่จำเป็นสำหรับทุกชาติที่จะก้าวไปข้างหน้า  The Internet Society ยอมรับว่าแนวทางดังกล่าวเป็นหนึ่งในเส้นทางที่ถูกต้องสำหรับแนวทางอินเทอร์เน็ตสำหรับทุกคน  อย่างไรก็ตามภารกิจนี้ยังไม่เสร็จสิ้น  รางวัล Postel Service Award ชี้ให้เห็นถึงหนทางแก่พวกเราทุกคนและสร้างแรงบันดาลใจให้กับความกระตือรือร้นในการก้าวไปสู่สังคมแห่งความรู้”

คุณ Purbo ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการระดับนานาชาติที่มีชื่อเสียงซึ่ง ประกอบด้วยอดีตผู้ได้รับรางวัล Jonathan B. Postel ซึ่งรวมถึงผู้มีวิสัยทัศน์ทางอินเทอร์เน็ตและผู้ทรงคุณวุฒิ  โดยเป็นปีที่ 21 รางวัล Postel Award ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 โดย Internet Society เพื่อให้เกียรติประชาชนและองค์กรที่สนองจิตวิญญาณของ Jonathan Postel ซึ่งอิทธิพลทางเทคนิคของเขาเป็นหัวใจสำคัญของหลาย กระบวนการที่ทำให้อินเทอร์เน็ตทำงานได้  Andrew Sullivan ประธานและซีอีโอของ Internet Society จะมอบรางวัลซึ่งรวมถึงเงินสนับสนุน US$20,000 และรูปโลกคริสตัลในพิธีเสมือน โดยเป็นส่วนหนึ่งของการประชุม 109th Internet Engineering Task Force (IETF) Meeting ที่เกิดขึ้นในวันที่ 16-20 พฤศจิกายน 2563

เกี่ยวกับ Internet Society

ก่อตั้งขึ้นในปี 2535 โดยผู้บุกเบิกอินเทอร์เน็ต Internet Society เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกที่ทำงานเพื่อให้อินเทอร์เน็ตเป็นแรงผลักดันที่ดีสำหรับทุกคน  โดยผ่านชุมชน สมาชิกกลุ่มผลประโยชน์พิเศษ และ 120+ สมาคมทั่วโลก องค์กรปกป้องและส่งเสริมนโยบายอินเทอร์เน็ต มาตรฐาน และโปรโตคอลที่ทำให้อินเทอร์เน็ตเปิดกว้าง เชื่อมต่อกับทั่วโลก และปลอดภัย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชม: internetsociety.org

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201117006053/en/

ติดต่อสื่อ:
Allesandra deSantillana
Internet Society
desantillana@isoc.org

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Black & Veatch: ความไม่แน่นอนในการลงทุนและพลังงานหมุนเวียนสำหรับอุตสาหกรรมไฟฟ้าในเอเชีย

Logo

ความยืดหยุ่นในการปรับตัว ความสามารถในการจับจ่าย และแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อม จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมในเอเชีย

กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย (18 พ.ย. 2563) – ความไม่แน่นอนของการลงทุนที่เกิดจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและพลังงานหมุนเวียน เป็นสองความกังวลที่ใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมไฟฟ้าในเอเชียในปัจจุบันนี้ จากรายงาน Strategic Directions: Electric Industry Asia 2563 ครั้งแรกของ Black & Veatch

จากข้อมูลที่ได้จากผู้นำระดับอาวุโสในอุตสาหกรรมพลังงาน ในรายงานชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องสร้างสมดุลระหว่างความสามารถในการจับจ่าย กับแรงกดดันในการลดปริมาณคาร์บอนในการผลิตไฟฟ้า ในขณะเดียวกันต้องสร้างระบบที่เชื่อถือได้และมีความหยืดหยุ่นที่พร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติ สภาพอากาศที่รุนแรง และความไม่ต่อเนื่องของพลังงานหมุนเวียน

สิ่งที่เป็นภัยต่อประสิทธิภาพของระบบโครงข่ายไฟฟ้าที่เชื่อถือได้ในตลาดไฟฟ้าในเอเชีย ได้แก่ :

  1. การลงทุนด้านกำลังการผลิตเครือข่ายไม่ทันกับความต้องการ
  2. การลงทุนที่น้อยเกินไปในเครือข่ายการส่งกระแสไฟที่เชื่อถือได้
  3. การนำพลังงานหมุนเวียนที่ไม่ต่อเนื่องมาใช้มากเกินไป
  4. ความจุในการจัดเก็บพลังงานไม่เพียงพอ
  5. ภัยพิบัติทางธรรมชาติ.

“การจัดหาเงินทุนและการบูรณาการพลังงานหมุนเวียนเป็นสิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมไฟฟ้าในภูมิภาคนี้ เนื่องจากเรายังคงดำเนินการอยู่ในช่วงที่ได้รับผลกระทบของ COVID-19” Narsingh Chaudhary รองประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการของ Black & Veatch, Asia Power Business กล่าว “เราเห็นความจำเป็นในการใช้โซลูชันแบบบูรณาการมากขึ้นในการผลิต การส่งและการจัดจำหน่าย รวมไปถึงการขยายตัวของโรงไฟฟ้าระบบเชื้อเพลิงแก๊สธรรมชาติและการกักเก็บพลังงานเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการใช้พลังงาน”

การลงทุนที่จะเติบโตแบบเห็นได้ชัดที่สุด สำหรับกำลังการผลิตใหม่ ๆที่จะเกิดขึ้นในอีกสามถึงห้าปีข้างหน้าคาดว่าจะอยู่ในรูปแบบพลังงานหมุนเวียน ประกอบด้วย พลังงานแสงอาทิตย์ (บนพื้นดิน), การกักเก็บพลังงาน, พลังงานแสงอาทิตย์ (แบบลอยน้ำ), ลม (นอกชายฝั่ง) และไมโครกริด ซึ่งจะเป็นห้าอันดับแรกของการลงทุน ต้นทุนของพลังงานที่ถูกลงถูกมองว่าเป็นตัวขับเคลื่อนหลักสำหรับการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนโดยมีการปรับปรุงเทคโนโลยีโซลาร์เซลล์โฟโตวอลเทอิก  (PV) แบบสองหน้าและการจัดแผงที่มีความล้ำหน้ามากขึ้นจะทำให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับโรงงานผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ทั่วโลก

นอกจากนี้ยังคาดว่าอนาคตของการผลิตไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงจะดำเนินไปอย่างน้อยถึงปี 2578 โดย 66 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าก๊าซจะยังเป็นองค์ประกอบสำคัญของโครงข่ายไฟฟ้า ในขณะที่มีเพียง 18 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เห็นว่าถ่านหินจะยังคงมีบทบาทคล้ายกันในการผลิตไฟฟ้า บ่อยครั้งที่เราเห็นการใช้เชื้อเพลิงที่หลากหลาย ก๊าซจะทำหน้าที่เป็นพลังงานพื้ฐานหลักในการผลิตไฟฟ้าเพื่อสร้างเสถียรภาพของโครงข่ายไฟฟ้าควบคู่ไปกับการใช้งานระบบจัดเก็บพลังงานแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้นตามคาดการณ์เอาไว้

“อุตสาหกรรมคาดว่าการลงทุนระยะใกล้จะเปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับสินทรัพย์ที่มีอยู่ แทนที่จะเป็นการสร้างใหม่ หรือแม้แต่การเลื่อนการลงทุนออกไป” Harry Harji รองประธานฝ่ายที่ปรึกษาด้านการจัดการของ Black & Veatch ในเอเชีย “ COVID-19 ป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดการแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัล, ระบบควบคุมตรวจสอบจากระยะไกล และแนวทางการบริหารจัดการสินทรัพย์ร่วมกันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น”

เมื่อพิจารณาถึงความไม่แน่นอนในปี 2564 หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาล (66%) ยังคงถูกมองว่าเป็นตัวแทนที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของพวกเขาในอีกหลายเดือนข้างหน้า สำหรับข้อมูลเชิงลึกโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Electric Industry Asia 2564 ดาวน์โหลดที่นี่

คลิกที่นี่ และ ที่นี่ เพื่อดาวน์โหลดภาพประกอบ

หมายเหตุของบรรณาธิการ:

  • Strategic Directions: Electric Industry Asia 2564 เป็นรายงานอย่างเป็นทางการครั้งแรกของ Black & Veatch เกี่ยวกับอุตสาหกรรมไฟฟ้าในเอเชีย รายงานนี้ได้ข้อมูลจากผู้เข้าร่วมอาวุโสในอุตสาหกรรม 35 คนที่มีหน้าที่รับผิดชอบธุรกิจในพื่นที่ครอบคลุมเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ / หรือเอเชียตะวันออก ระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 ถึง 21 สิงหาคม 2563
  • ซีรีย์รายงานการกำหนดทิศทางเชิงกลยุทธ์ของ Black & Veatch ให้ข้อมูลเชิงลึกและการวิเคราะห์ในแวดวงอุตสาหกรรมโดยอ้างอิงกับการวิจัยชั้นนำของตลาด ประกอบด้วยรายงานประจำปีหลายฉบับ รวมถึงระบบสาธารณูปโภคอัจฉริยะ น้ำและไฟฟ้า   โดยทำหน้าที่ให้ความรู้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับประเด็นต่างๆที่มีความสำคัญ รวมถึงความท้าทายและโอกาสต่าง ๆ เยี่ยมชม http://bv.com/reports เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษาและการก่อสร้างที่มีพนักงานเป็นเจ้าของซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีในด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ตั้งแต่ปี 2458 เราได้ช่วยทำให้ชีวิตผู้คนในกว่า 100 ประเทศดีขึ้น ด้วยการจัดการกับความสามารถในการฟื้นฟูและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์ด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของโลก รายได้ของเราในปี 2562 อยู่ที่ 3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

ติดต่อสำหรับสื่อ

EMILY CHIA

+65 6761 3511 p

+65 9875 8907 m

ChiaLP@BV.com

ฮอตไลน์สำหรับสื่อติดต่อ 24 ชั่วโมง

+1 866 496 9149

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

APRU Quarantunes การแข่งขันที่ช่วยสารสัมพันธ์และยกระดับชุมชนของนักเรียนผ่านดนตรีที่กระตุ้นจิตวิญญาณในระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด-19

Logo

ผู้ชนะจากฮ่องกง ไต้หวัน เม็กซิโก ฟิลิปปินส์ สหรัฐอเมริกา โคลอมเบียและเกาหลีใต้ ร่วมกันส่งเสริมด้านการมีสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–17 พ.ย. 2563

เพื่อเป็นการนำนักศึกษานานาชาติมารวมตัวกัน โดยการจุดประกายความคิดสร้างสรรค์และแบ่งปันเชิงบวกในช่วงที่เกิดการระบาดใหญ่ เช่นตอนนี้ ทาง Association of Pacific Rim Universities (APRU) จึงได้เปิดตัวการแข่งขันดนตรีของนักศึกษาที่มีชื่อโครงการว่าการแข่งขัน Quarantunes โดยการแข่งขัน Quarantunes ซึ่งจัดขึ้นโดย APRU Plus ซึ่งเป็นศูนย์กลางออนไลน์ (online hub) ที่ได้เปิดตัวขึ้นเพื่อรับมือกับความท้าทายในช่วง COVID นี้ ได้รับผลงานส่งเข้าประกวดจำนวนกว่า 108 ผลงาน จากนักศึกษากว่า 13 เขตเศรษฐกิจทั่วเอเชียแปซิฟิก โดยทีมที่ชนะรางวัลสามารถสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของนักเรียนจากนานาชาติ โดยในกลุ่มนี้มีผลงานชั้นนำจากทีมนักศึกษาจากฮ่องกง ไต้หวันเม็กซิโก ฟิลิปปินส์ แคลิฟอร์เนีย (สหรัฐอเมริกา) โคลอมเบีย และเกาหลีใต้

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201116006114/en/

เนื่องจากแทบจะไม่มีการเคลื่อนไหวของนักเรียนต่างชาติ ประกอบกับการที่ห้องเรียนในรูปแบบปกติหยุดชะงักไป นักเรียนจึงต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่เคยมีมาก่อนในการเรียนและประสบการณ์ในมหาวิทยาลัย โดยจากข้อมูลการศึกษาที่ดำเนินการในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาของกลุ่มวิจัยระดับอุดมศึกษาซึ่งรวมถึงสมาชิก APRU University of California, Berkeley พบว่า 35% ของนักศึกษาระดับปริญญาตรีมีอาการโรคซึมเศร้า ในขณะที่ 39% มีอาการวิตกกังวลทั่วไปซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าปีที่ผ่านมาอย่างมาก ด้วยความวิตกกังวลที่แพร่หลายไปทั่วมหาวิทยาลัยทั่วโลก APRU Plus จึงมอบโอกาสใหม่ ๆ ในการทำงานร่วมกันเพื่อลดปัญหาที่เกิดจากการห่างเหินทางสังคม

การแข่งขัน Quarantunes ซึ่งเกิดขึ้นจากแนวคิดในการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการอภิปรายเกี่ยวกับความสำคัญของสุขภาพจิตในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้  ทำให้นักเรียนมีวิธีใหม่ในการรับมือกับความโดดเดี่ยวและสามารถมารวมตัวกันเพื่อผลิตผลงานดนตรีที่ช่วยส่งต่อความรู้สึกเชิงบวก เพลงที่นักเรียนส่งมาแต่ละเพลงบอกเล่าเรื่องราวของ COVID ที่ไม่เหมือนใครซึ่งช่วยให้เราสามารถมองข้ามความลำบากในปัจจุบันเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้มีความหวังสำหรับอนาคต

"'Get Down' เป็นเพลงที่ผสมผสานระหว่างความไพเราะดนตรีที่เปี่ยมไปด้วยความหวังและเนื้อเพลงที่สะท้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ เราหวังว่าเราจะนำเสนอโลกในแบบที่มันเป็นจริง ๆ แต่ก็แฝงความขี้เล่นเอาไว้ โลกซึ่งผู้คนรับทราบข้อบกพร่องของสังคม แต่ก็ยังคงมองโลกในแง่ดี และเชื่อมั่นในอนาคตที่สดใสกว่านี้” – ทีม National Taiwan University andThe Chinese University of Hong Kong team กล่าว

ดู วิดีโอไฮไลต์ และ วิดีโอที่ชนะ :

  • รางวัลชนะเลิศ (เสมอกัน)
    • “Get Down”  จาก National Taiwan University and The Chinese University of Hong Kong
    • “Sonos Más” จาก Tecnológico de Monterrey
  • รางวัลที่สาม
    • “Six Feet Apart” จาก University of the Philippines
  • รางวัลพิเศษ
    • “Golden Girl” จาก University of Southern California
    • “Homenaje a Lucho Bermúdez”  จาก Universidad de los Andes
    • “We're All Heroes” จาก Yonsei University

เพื่อเชื่อมโยงนักเรียนนานาชาติมากขึ้น APRU ยังเสนอโครงการ APRU Virtual Student Exchange (VSE) ซึ่งเป็นโอกาสพิเศษในการเชื่อมต่อกับเพื่อนจากทั่วโลกเพื่อเรียนรู้ความรู้และทักษะใหม่ ๆ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและวัฒนธรรมและพัฒนาความสัมพันธ์ที่สำคัญต่อความสำเร็จ คลิก ที่นี่ เพื่ออ่านเพิ่ม

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201116006114/en/

ติดต่อ:

APRU: Jack Ng jack.ng@apru.org

PLUG: Marisa Lam marisa@plug.agency

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Hillstone Networks ติดอันดับในรายงาน Magic Quadrant ด้าน Network Firewall เป็นครั้งที่ 7

Logo

ซานตาคลารา, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–17 พฤศจิกายน 2563

Hillstone Networks ผู้ให้บริการโซลูชันความปลอดภัยบนเครือข่ายสำหรับองค์กรและการจัดการความเสี่ยงชั้นนำ ประกาศรั้งตำแหน่งหัวแถวในรายงาน Gartner Magic Quadrant ด้าน Network Firewall จากปัจจัยด้านขีดความสามารถในกลุ่ม Niche Player

“มีคนกล่าวไว้ว่าการฝึกฝนทำให้เกิดความชำนาญ” Tim Liu ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีและผู้ร่วมก่อตั้ง Hillstone Networks กล่าว “เราได้รับการจัดอันดับในรายงาน Magic Quadrant ด้าน Network Firewall 7 ปีต่อเนื่อง (2 ปีต่อเนื่องในรายงาน Critical Capabilities ซึ่งเกี่ยวเนื่องกัน) เรามองว่าการทำตามสัญญาที่จะยืนหยัดร่วมกับลูกค้าในการป้องกันเครือข่ายของพวกเขาที่ช่วยให้เราเป็นหนึ่งเดียวคือพันธกิจอันแน่วแน่และพันธกิจหลักของเรา”

พอร์ตโฟลิโออันแข็งแกร่งของ Hillstone ครอบคลุมทั้งการแก้ปัญหาเกี่ยวกับกรณีและสถานการณ์การใช้งานต่าง ๆ การรักษาความปลอดภัยเครือข่ายโดยใช้เทคโนโลยีสำหรับตลาดกลุ่มย่อย รวมถึงกลยุทธ์อันมุ่งมั่นซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ระบบคลาวด์มาตั้งแต่เริ่มต้น

  • โซลูชัน Hillstone Intelligent Breach Prevention ประกอบด้วย Hillstone iNGFW และ sBDS เป็นโซลูชันป้องกันภัยคุกคามตลอดวงจรซึ่งสามารถป้องกันภัยคุกคามขั้นสูง ปกป้องทรัพยากรที่มีความสำคัญสูง และร่นระยะเวลาระหว่างภัยคุกคามและการตรวจจับ
  • โซลูชัน Hillstone Data Center Protection ประกอบด้วย Hillstone Data Center NGFW และ Micro-segmentation solution CloudHive เป็นโซลูชันที่ให้การป้องกันด้านความมั่นคงปลอดภัยแบบ L2~L7 และการันตีถึงความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจสำหรับศูนย์ข้อมูลที่มีความทันสมัย
  • โซลูชัน Hillstone Secure SD-WAN ช่วยให้องค์กรที่มีหลายสาขาสามารถติดตั้งเครือข่าย VPN ที่ปลอดภัยได้อย่างรวดเร็วในทุกสถานที่ เพื่อยกระดับการใช้งานของผู้ใช้โดยไม่ทำให้ความปลอดภัยลดลง

ด้วยองค์กรกว่า 18,000 แห่งที่ได้รับการปกป้องดูแลโดยโซลูชันของ Hillstone ในปัจจุบัน เราเชื่อว่าเหตุผลที่ลูกค้าเลือกโซลูชันของเรา และเหตุผลที่ทำให้เราได้รับการยอมรับนั้นเห็นได้ชัดเจน

*: การ์ทเนอร์, รายงาน Magic Quadrant ด้านเน็ตเวิร์กไฟร์วอลล์, Rajpreet Kaur, Adam Hils, Jeremy D’Hoinne, 9 พฤศจิกายน 2563

การ์ทเนอร์ไม่ได้ให้การรับรองผู้ผลิต สินค้า หรือบริการใด ๆ ที่กล่าวถึงในรายงานวิจัยของบริษัทฯ และไม่ได้แนะนำให้ผู้ใช้เลือกใช้เทคโนโลยีของผู้ผลิตที่จัดอยู่ในอันดับสูงสุด รายงานวิจัยของการ์ทเนอร์ประกอบด้วยความคิดเห็นของฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ และไม่ควรถือว่าเป็นการระบุข้อเท็จจริง การ์ทเนอร์ขอปฏิเสธการรับประกันใด ๆ ไม่ว่าโดยชัดแจ้งหรือโดยนัย ในส่วนที่เกี่ยวกับข้อมูลการวิจัยนี้ รวมถึงการรับประกันเกี่ยวกับความสามารถในการจัดจำหน่าย หรือความเหมาะสมสำหรับจุดประสงค์เฉพาะ

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

โซลูชันเพื่อความปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับองค์กรและการจัดการความเสี่ยงโดย Hillstone Networks มาพร้อมทัศนวิสัย ความอัจฉริยะ และระบบป้องกันที่จะสร้างความมั่นใจให้องค์กรว่าพวกเขาสามารถมองเห็นอย่างรอบด้าน เข้าใจอย่างลึกซึ้ง และสามารถรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างรวดเร็ว โซลูชันของ Hillstone ซึ่งได้รับการยอมรับจากนักวิเคราะห์ชั้นนำและได้รับความไว้วางใจจากองค์กรระดับโลกหลายแห่งสามารถปกป้องอุปกรณ์ทั้งระบบเอดจ์และคลาวด์ขององค์กร พร้อมช่วยลดต้นทุนการเป็นเจ้าของในขณะเดียวกัน เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ www.hillstonenet.com

ติดต่อ:

Zeyao Hu
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด
inquiry@hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Zeavola Resort ได้ลงนามในปฏิญญาเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของ UNESCO ในฐานะหนึ่งในโรงแรมแห่งแรกในประเทศไทย

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–16 พ.ย. 2563

Wedge Holdings มีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า  Zeavola Resort ซึ่งเป็นรีสอร์ทหรูที่กลุ่มบริษัทของเราเป็นเจ้าของและตั้งอยู่บนเกาะพีพีประเทศไทย เป็นหนึ่งในโรงแรมแรก ๆ ที่ลงนามปฏิญญาเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism Pledge) กับองค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ( UNESCO)  โดยได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการและ มีข้อมูลปรากฎบนเว็บไซต์ของยูเนสโกเรียบร้อยแล้ว

ปฏิญญาเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเป็นโครงการของ UNESCO ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ Expedia Group เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและการอนุรักษ์แหล่งมรดกโลก ซึ่งมีกำหนดจะเปิดตัวทั่วโลกโดยเริ่มจากประเทศไทย ทั้งนี้ โรงแรมสมาชิกจะดำเนินงานในลักษณะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยจะแสดงให้เห็นชัดเจนว่าพวกเขามุ่งมั่นที่จะลดการใช้พลาสติกและการมีโครงการริเริ่มด้านการท่องเที่ยวอื่น ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายระหว่างประเทศที่กำหนดไว้ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) จากคำชี้แนะขององค์การสหประชาชาติ

Zeavola Resort เป็นผู้บุกเบิกด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในประเทศไทยมายาวนาน โดยสื่อได้เขียนบทความเกี่ยวกับ Zeavola Resort หลายบทความ และโรงแรมได้รับรางวัลด้านโรงแรมมากมายสำหรับแนวทางการจัดการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

*บทความ: Zeavola Resort ได้รับรางวัลด้านโรงแรม 3 รางวัลติดต่อกันในหนึ่งเดือน (2562)

https://www.carrushome.com/en/zeavola-resort-in-thailand-wins-three-awards-in-a-month/

https://latteluxurynews.com/2019/11/12/zeavola-resort-scoops-suite-of-awards/

จากความพยายามดังกล่าวทำให้ Zeavola กลายเป็นหนึ่งในโรงแรมแห่งแรกในประเทศไทยที่เข้าร่วมโครงการนี้ หลังจากนั้นโรงแรมอีกหลายแห่งก็ได้เข้าร่วมโครงการนี้และ Zeavola Resort ก็มีชื่อปรากฏบนเว็บไซต์ของ UNESCO ในฐานะโรงแรมสมาชิก

(https://unescosustainable.travel/en/zeavola-resort)

ขณะนี้ Zeavola Resort เปิดรับการจองผ่านเว็บไซต์ของตัวเองและผ่านเว็บไซต์จองโรงแรมหลัก ๆ ทั้งหมด และยังเสนอแพ็คเกจที่น่าสนใจให้กับนักท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายตลาดการท่องเที่ยวของไทยในปัจจุบัน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ต่อไปนี้

เว็บไซต์ทางการของ Zeavola Resort: https://www.zeavola.com/

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201115005020/en/

ติดต่อ:

Wedge Holdings Co., Ltd

ติดต่อ PIC: Yasuhiro Kotake

โทร: +81-3-6225-2207

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

นักวิจัยของ NTHU ค้นพบดัชนีชี้วัดทางชีวภาพตัวใหม่สำหรับมะเร็งกระเพาะอาหาร เพื่อการบำบัดที่ปรับแต่งได้

Logo

ซินจู๋  ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2563

ทีมวิจัยที่นำโดยศาสตราจารย์ Wang Wen-ching จากสถาบันชีววิทยาระดับโมเลกุลและเซลล์มหาวิทยาลัย National Tsing Hua (NTHU) ได้ใช้ประโยชน์จากพลังของข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ big data เพื่อระบุตัวบ่งชี้ทางชีวภาพที่สำคัญสองตัวที่มีส่วนในการก่อตัวและการแพร่กระจายของมะเร็งกระเพาะอาหาร ด้วยการใช้ยาที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ทีมได้ทำการบำบัดแบบกำหนดเป้าหมายซึ่งสามารถกำจัดการเติบโตของเนื้องอกและยับยั้งการแพร่กระจายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปูทางไปสู่การบำบัดแบบใหม่ งานวิจัยของพวกเขาได้รับการตีพิมพ์ในฉบับล่าสุดของ Proceedings of the National Academy of Sciences of the United States.

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201113005183/en/

Professor Wang Wen-ching (left) of the Institute of Molecular and Cellular Biology and Dr. Tseng Linlu researching a new treatment for gastric cancer. (Photo: National Tsing Hua University)

ศาสตราจารย์ Wang Wen-ching (ซ้าย) จากสถาบันชีววิทยาโมเลกุลและเซลล์และ ดร. Tseng Linlu ค้นคว้าวิธีการรักษามะเร็งกระเพาะอาหารแบบใหม่ (ภาพ: National Tsing Hua University)

ค้นหาวิธีใหม่ในการรักษามะเร็งกระเพาะอาหาร

มะเร็งกระเพาะอาหารเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 5 ของโลกและเป็นมะเร็งที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงเป็นอันดับสองเนื่องจากการรักษาที่ทรหดและยากสำหรับผู้ป่วยจำนวนมาก Wang กล่าวว่า เวลาที่คนจะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง เซลล์มะเร็งก็มักจะได้แพร่กระจายไปแล้ว

Wang กล่าวว่าจนถึงขณะนี้มียาเป้าหมายเพียงตัวเดียว (Her 2 therapy) ที่สามารถรักษามะเร็งกระเพาะอาหารได้และเหมาะสำหรับผู้ป่วยน้อยกว่า 20% ทั่วโลกเท่านั้น ในไต้หวันตัวเลขนี้ลดลงเหลือ 8% ทีมงานของ Wang กำลังทำงานเพื่อคลี่คลายกลไกที่เป็นรากฐานของการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งและค้นหาตัวบ่งชี้ทางชีวภาพใหม่โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาการบำบัดแบบใหม่

การเบรกมะเร็งกระเพาะอาหาร

Wang อธิบายว่าสาเหตุหลักที่ทำให้เซลล์มะเร็งกระเพาะอาหารแพร่กระจายคือความไร้ประสิทธิผลของโปรตีนฟอสฟาเตสและเทนซินโฮโมโลกัล (PTEN) ซึ่งเป็นโปรตีนยับยั้งเนื้องอกซึ่งทำหน้าที่เหมือนเบรค เมื่อเบรคล้มเหลวแล้ว เซลล์มะเร็งจะแพร่กระจายขยายตัวและเติบโตเป็นเนื้องอกระยะลุกลามที่เป็นอันตราย งานแรกของทีมคือการหาสาเหตุของ “เบรกล้มเหลว” ตัวนี้

ทีมวิจัยได้รวบรวมข้อมูลจากผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารมากกว่า 300 รายและใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (big data) เพื่อหาเส้นทางทางชีววิทยาที่นำไปสู่การลุกลามของมะเร็งจากยีนมากกว่า 30,000 ยีน พวกเขาค้นพบว่าเอนไซม์ทั้งสองได้แก่ PHF8 และ PKCα มีบทบาทสำคัญในการไขปริศนานี้ เอนไซม์นิวเคลียร์ PHF8 แพร่หลายในเนื้อเยื่อมะเร็งกระเพาะอาหารประมาณ 40% และทำให้ PKCα พุ่งสูงขึ้นทำให้เกิดการสูญเสีย PTEN ทำให้เกิด “เบรกล้มเหลว”

โชคดี ที่กิจกรรมของ PKCα สามารถถูกยับยั้งได้โดยยา midostaurin ซึ่งเป็นสารต้านมะเร็งในการรักษามะเร็งในเลือดที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาเมื่อสามปีก่อน ทีมงานใช้แบบจำลองจากปลาม้าหลายและหนูเพื่อพิสูจน์หลักฐานว่าการรักษา midostaurin สามารถลดขนาดเนื้องอกและลดการแพร่กระจายของมะเร็ง

Wang กล่าวว่าความก้าวหน้าในการค้นหาการบำบัดที่แม่นยำนั้นเกิดจากความร่วมมือแบบสหวิทยาการ Tseng Linlu ผู้ซึ่งเพิ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกจากการฝึกอบรมด้านการแพทย์ระดับโมเลกุลและชีวสถิติที่ NTHU ดร. Yeh Ta-sen ผู้อำนวยการแผนกศัลยกรรมทั่วไปของโรงพยาบาล Chang Gung Memorial ใน Linkou, Dr Yuh Chiou-hwa จากสถาบันวิจัยสุขภาพแห่งชาติและ  Kung Hsing-jien  จาก Academia Sinica 

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน  businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201113005183/en/

ติดต่อ:

Holly Hsueh

National Tsing Hua University

(886)3-5162006

hoyu@mx.nthu.edu.tw

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Graforce และ Berlin Hotel เปิดตัวเทคโนโลยีการปล่อยสาร CO2 ติดลบ

Logo

เบอร์ลิน–(บิสิเนสไวร์)–13 พ.ย. 2563

โรงแรม Mercure Hotel MOA Berlin จะกลายเป็นโรงแรมและสถานที่จัดงานแห่งแรกของโลกที่มีค่า CO2 ติดลบเวลาสร้างความร้อน  ด้วยเทคโนโลยีพลาสมาไลซิสของก๊าซมีเทนที่พัฒนาโดย Graforce ทาง MOA เบอร์ลินจะไม่เพียงแต่สร้างความร้อนโดยไม่ปล่อยมลพิษใดๆ แต่ยังสามารถดึง CO2 ออกจากชั้นบรรยากาศในขณะที่ให้ความร้อน  ดังนั้นเทคโนโลยี "MOA-H2eat" จึงเพิ่งได้รับรางวัล German Gas Industry Innovation Prize เนื่องจาก "แนวทางที่ปฏิวัติตลาดเครื่องทำความร้อนและมีส่วนช่วยในการลดคาร์บอนแบบในท้องถิ่น" คณะกรรมการตัดสินกล่าว

Graforce's "MOA-H2eat" solution will revolutionize the heating market (Graphic: Business Wire)

"MOA-H2eat" ของ Graforce จะปฏิวัติตลาดเครื่องทำความร้อน (กราฟฟิค: บิสิเนสไวร์)

MOA Berlin ไม่ได้สร้างความร้อนด้วยก๊าซธรรมชาติอีกต่อไป แต่สร้างจากไฮโดรเจนโดยใช้ก๊าซชีวภาพ  เทคโนโลยีพลาสมาไลซิสของมีเทนแยกก๊าซชีวภาพออกเป็นไฮโดรเจนและคาร์บอนที่เป็นของแข็ง  การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน กระบวนการพลาสมาไลซิสของก๊าซมีเทนนั้นเป็นมิตรกับสภาพภูมิอากาศเช่นเดียวกับกระบวนการอิเล็กโทรลิซิส แต่ค่าใช้จ่ายจะต่ำกว่าอย่างมาก

สำหรับกระบวนการทำความร้อนแบบปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ MOA Berlin ใช้หม้อไอน้ำกลั่นตัวดัดแปลงที่เติมเชื้อเพลิงจากส่วนผสมของไฮโดรเจนสีเขียวและก๊าซชีวภาพ  อัตราการผสมจะถูกควบคุมโดยพลาสมาไลเซอร์ของมีเทน  การผลิตความร้อนเริ่มต้นด้วยไฮโดรเจนปริมาตร 30% และก๊าซชีวภาพ 70%  ในเดือนต่อๆ ไปส่วนแบ่งของไฮโดรเจนจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น

คาร์บอนที่เป็นของแข็ง สามารถใช้เป็นวัตถุดิบทางอุตสาหกรรม ใช้เป็นสีและเซรามิกส์ หรือในกรณีของ MOA Berlin ใช้ผลิตยางมะตอย  ดังนั้น CO2 จึงถูกก่อตัวอย่างถาวร  ด้วยเหตุนี้ Graforce นำเสนอเทคโนโลยีที่พร้อมใช้ในตลาดเป็นครั้งแรกสำหรับการลด COและเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับแทนการจัดเก็บ CCS

เครื่องทำความร้อนก๊าซที่ใช้ใน MOA Berlin ก่อนหน้านี้จะปล่อย CO2 ถึง 800 ตันต่อปี การจะดูดซับปริมาณนี้จากชั้นบรรยากาศจำเป็นต้องมีต้นไม้มากกว่า 65,000 ต้น

"ในการลดภาวะโลกร้อน กระบวนการสร้างความร้อนและน้ำร้อนจำเป็นต้องปราศจาก CO2  อย่างสมบูรณ์ภายในปี 2593 โดยมีสองวิธีที่จะบรรลุเป้าหมายนี้: เราจะให้ความร้อนด้วยไฟฟ้าหมุนเวียนเท่านั้นหรือเราจะแยกก๊าซธรรมชาติออกด้วยทางเลือกที่ปราศจากคาร์บอนเช่นไฮโดรเจน" ผู้ก่อตั้ง Graforce และ CTO Dr. Jens Hanke อธิบาย

เกี่ยวกับ

บริษัท Graforce ของเยอรมันได้พัฒนาเทคโนโลยีการใช้งานพลาสม่าใหม่สำหรับการผลิตไฮโดรเจนสีเขียวและก๊าซที่มีค่าอื่นๆ ในอุตสาหกรรมในราคาไม่แพงจากวัสดุเหลือใช้ www.graforce.com/EN

รับชมคลังภาพ/มัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52324006/en

ติดต่อ:

Graforce GmbH
Dr. Jens Hanke
โทร: +49 30 – 63 2222-110
presse@graforce.de

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Florasis ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องสำอางจากประเทศจีน เปิดตัวบนหน้าจอขนาดใหญ่ MBK ในกรุงเทพฯ แสดงให้เห็นถึงความงดงามของวัฒนธรรมประจำชาติจีน

Logo

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2563

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การแต่งหน้าแบบจีนและแบรนด์เครื่องสำอางจีนเริ่มเป็นที่นิยมในประเทศไทย ในบรรดาแบรนด์เครื่องสำอางยอดนิยมของประเทศจีน แบรนด์ Florasis มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว 

(Photo: Business Wire)

(ภาพ: Business Wire)

เมื่อเร็ว ๆ นี้  ผลิตภัณฑ์ล่าสุดของ Florasis  "Chinese Miao Ethnic Minority Silver Limited Collection" เปิดตัวบนจอขนาดใหญ่ MBK ในกรุงเทพฯ  หลังจากนี้  China Beauty ฮอตมาก  ผลิตภัณฑ์ชุดนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง Florasis,  Jiaqi Li ซึ่งเป็นผู้ประกาศข่าวแฟชั่นชื่อดังในประเทศจีนและช่างเครื่องเงินแม้วจีน แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของการแต่งหน้าแบบจีนและความงดงามของวัฒนธรรมประจำชาติจีน

ผู้บริโภคที่คุ้นเคยกับแวดวงความงามจะพบแน่นอน   ชุด  "Chinese Miao Ethnic Minority Silver Limited Collection"  ได้จุดประกายการพูดคุยกันบ่อยครั้งบนแพลตฟอร์มโซเชียลเช่น Instagram และ YouTube ตั้งแต่เดือนตุลาคม ชาวเน็ตหลายคนกล่าวว่า "ว้าว! ฉันอยากรู้ว่าจะซื้อได้ที่ไหน"  "ผลิตภัณฑ์ของ Florasis มีคุณภาพสูงเหมือนนำมาจากวังโดยตรง"  พวกเขาแสดงความรักต่อ Florasis โดยไม่ลังเล

แบรนด์เครื่องสำอาง Florasis ก่อตั้งขึ้นในปี 2560  ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีพันธกิจในการสืบทอดและส่งเสริมสุนทรียภาพแบบตะวันออก  ปัจจุบันอยู่ในช่วงของการเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศจีน คาดว่ายอดขายทั้งปีในปี 2563 จะเกิน 500 ล้านดอลล่าร์ 

ตามที่เรารู้กันดีว่า  ผลิตภัณฑ์ ชุด "Chinese Miao Ethnic Minority Silver Limited Collection"  ของ Florasis ได้รับแรงบันดาลใจจากกลุ่มชาวหนึ่งที่เป็นชนกลุ่มน้อย-ชาวแม้ว คนสัญชาติแม้วเป็นคนที่มีความสามารถในการทำเครื่องประดับเงินและงานปัก  เครื่องประดับเงินและงานปักต้องใช้หลายกระบวนการ  และสามารถทำได้ด้วยมือเท่านั้น  ด้วยการพัฒนาในยุคอุตสาหกรรม   ฝีมือเครื่องประดับเงินแม้วก็ยังประสบปัญหาเรื่องมรดก  ดังนั้น Florasis จึงทำเครื่องประดับเงินแม้วบนเครื่องสำอางด้วย เพื่อให้คนอื่น ๆ รู้ว่าประเทศจีนมีเครื่องประดับเงินชาติพันธุ์ที่สวยงามเช่นนี้ 

ดูที่ผลิตภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ของ Florasis เราสามารถพบได้อย่างง่ายว่า Florasis ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์แต่งหน้ามากมายที่มีลักษณะเฉพาะของประเทศจีน Florasis ได้ทำซ้ำงานฝีมือจีนโบราณจำนวนมาก   แสดงให้เห็นถึงสุนทรียภาพและระดับการผลิตของจีนด้วยเครื่องสำอาง  ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของ  Florasis แตกต่างกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางยอดนิยมในประเทศไทยเป็นอย่างมาก  ทำให้ผู้บริโภคในประเทศไทยสร้างความสดชื่นเกี่ยวกับเครื่องสำอางจีน

ชุด  "Chinese Miao Ethnic Minority Silver Limited Collection"  ของ Florasis ได้เปิดตัวบนหน้าจอขนาดใหญ่ MBK ที่กรุงเทพฯในครั้งนี้  แสดงให้เห็นถึงความงดงามของวัฒนธรรมประจำชาติจีน  ความงามของชาติก็คือความงามของโลก  ในความหลากหลายทางสุนทรียภาพในปัจจุบันนี้ ความสวยงามแห่งชาติสามารถกระตุ้นอารมณ์สะท้อนของผู้คนทั่วโลกได้มากขึ้น ทำให้บุคคลรู้สึกถึงเสน่ห์และอุณหภูมิของผลิตภัณฑ์.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ชิงแท็บเล็ตจากกิจกรรม Diwali Giveaway กับ WorldRemit!

Logo

เปิดให้ร่วมลุ้นระหว่างวันที่ 23 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2563

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–11 พฤศจิกายน 2563

WorldRemit บริษัทผู้ให้บริการชำระเงินระหว่างประเทศชั้นนำ ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลดิวาลี (Diwali) ปีนี้ด้วยการแจกแท็บเล็ต 100 เครื่องให้กับผู้โชคดีในอินเดีย! ดิวาลี หรือเทศกาลแห่งแสงสว่าง เป็นสัญลักษณ์ของการใช้ความดีเอาชนะความชั่วร้ายของผู้ที่นับถือศาสนาฮินดู เชน และซิกข์ทั่วโลก โดยผู้คนจะร่วมเฉลิมฉลองกันในเดือนการ์ติกะ (Kartika) เป็นระยะเวลาห้าวันด้วยการไปสวดมนต์ที่วัด แลกเปลี่ยนของขวัญในครอบครัวและประดับประดาบ้านเรือนด้วยเทียนและโคมไฟ และ WorldRemit ปรารถนาที่จะส่งต่อความรักผ่านการมอบของขวัญครั้งนี้

ลูกค้าในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์สามารถลุ้นเป็นเจ้าของแท็บเล็ตเพื่อมอบให้กับผู้รับที่ตนเลือกได้ง่าย ๆ เพียงโอนเงินขั้นต่ำ 10 ดอลลาร์ (ในสกุลเงินท้องถิ่น AUD หรือ NZD) ไปยังอินเดียผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ของ WorldRemit ระหว่างวันที่ 23 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2563 และต้องลงทะเบียนร่วมสนุกกับกิจกรรมทางออนไลน์ทางเว็บไซต์ที่ https://www.worldremit.com/en/promotions/india-win-a-tablet โดยมีข้อกำหนดและเงื่อนไข ทั้งนี้ WorldRemit จะทำการสุ่มเลือกผู้ได้รับรางวัลสัปดาห์ละครั้ง ก่อนส่งแท็บเล็ตไปยังผู้ทีได้รับเลือกให้รับรางวัลในประเทศอินเดีย

“เราตระหนักถึงความสำคัญด้านการศึกษาที่จะสร้างโอกาสให้กับผู้คนได้เสริมสร้างศักยภาพของตน และทราบดีว่าหนึ่งในเหตุผลหลักที่ลูกค้าของเราโอนเงินกลับบ้านก็เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา เช่นเดียวกับประเทศส่วนใหญ่บนโลก ระบบการศึกษาในประเทศอินเดียได้อ้าแขนรับเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้นเนื่องจากการระบาดของโรคที่ลุกลามไปทั่ว ไวรัสโคโรนา (COVID-19) ได้สร้างผลกระทบต่อหลาย ๆ ครอบครัวรวมถึงการเงินของพวกเขา เราจึงต้องการที่จะสร้างความมั่นใจว่าผู้คนจำนวนมากขึ้นจะสามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ได้ทางออนไลน์ การมอบของขวัญด้านการศึกษาครั้งนี้เป็นการอวยพรลูกค้าของเราให้มีความสุขกับการเฉลิมฉลองเทศกาลดิวาลี และช่วยให้พวกเขาสามารถดูแลครอบครัวรวมถึงเพื่อนฝูงซึ่งรออยู่ที่บ้านได้” Ruzan Ahamed ผู้อำนวยการระดับประเทศกลุ่มเอเชียใต้ของ WorldRemit กล่าว

เทศกาลดิวาลีเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองและภราดรภาพอันแท้จริง จากการสำรวจในกลุ่มลูกค้าของ WorldRemit ในออสเตรเลีย พบว่า:

  • 37% ของผู้ตอบแบบสำรวจมักเดินทางต่างประเทศเพื่อพบปะกับญาติมิตรและเพื่อนฝูงในช่วงเทศกาลดิวาลี แต่ส่วนใหญ่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากข้อกำหนดด้านการเดินทางเนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19
  • 41% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าพวกเขาจะโอนเงินให้ครอบครัวและเพื่อนในช่วงเทศกาลดิวาลี
  • 65% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้เทศกาลดิวาลีมีความสำคัญยิ่งขึ้นในปีนี้

WorldRemit ปรารถนาให้เทศกาลที่มีการเฉลิมฉลองทั่วอินเดียนี้มีความพิเศษยิ่งขึ้นปีนี้! ผู้สนใจสามารถกรอกแบบฟอร์มผ่านลิงก์ด้านล่างหลังจากทำการโอนเงินไปอินเดียระหว่างวันที่ 23 ตุลาคมถึง 31 ธันวาคม 2563 นี้ เงื่อนไขเป็นไปตามที่กำหนด

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่:

https://www.worldremit.com/en/promotions/india-win-a-tablet

WorldRemit

WorldRemit เป็นบริษัทที่ให้บริการชำระเงินระหว่างประเทศชั้นนำ และพลิกโฉมอุตสาหกรรมที่ก่อนหน้านี้ควบคุมโดยผู้เล่นที่ให้บริการโอนเงินออฟไลน์แบบดั้งเดิมด้วยการนำบริการโอนเงินระหว่างประเทศมาไว้บนโลกออนไลน์ ซึ่งทำให้การโอนเงินระหว่างประเทศมีความปลอดภัยขึ้น รวดเร็วขึ้น และมีต้นทุนที่น้อยลง ปัจจุบันเราให้บริการโอนเงินจากกว่า 50 ประเทศสู่ 150 ประเทศ มีจุดให้บริการกว่า 6,500 แห่งทั่วโลก และมีพนักงานกว่า 1100 คนทั่วโลก

ในฝั่งของผู้โอนเงิน WorldRemit ให้บริการแบบดิจิทัล 100% (ไร้เงินสด) ซึ่งเป็นการเพิ่มความสะดวกและยกระดับความปลอดภัย สำหรับผู้รับเงิน มีช่องทางรับเงินให้เลือกหลายช่องทาง ซึ่งรวมถึงการโอนเข้าบัญชีธนาคาร การถอนเงินสด การเติมเงินค่าโทรศัพท์มือถือ และรับผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลบนมือถือ

WorldRemit ซึ่งมีผู้สนับสนุนอย่าง Accel, TCV และ Leapfrog มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร และมีสำนักงานอยู่ในทั้งสหรัฐอเมริกา แคนาดา แอฟริกาใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ www.worldremit.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20201110006284/en/

ติดต่อ:

WorldRemit
Kyara Kwan
ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
kkwan@worldremit.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Thai Herald

Thai Herald