Tag Archives: liquidity

Ripple เปิดตัว Liquidity Hub เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อขายและถือครองสินทรัพย์คริปโต

Logo

เปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นแรกร่วมกับพันธมิตร Coinme

ซานฟรานซิสโก–(บิสิเนสไวร์)–09 พ.ย. 2564

วันนี้ Ripple ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชั่นบล็อกเชนและคริปโตระดับองค์กร ได้นำเสนอตัวอย่าง Ripple Liquidity Hub ซึ่งเป็นโซลูชันใหม่สำหรับลูกค้าองค์กรที่จะเปิดตัวในปี 2565   Ripple Liquidity Hub จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลจากหลากหลายจากผู้ให้บริการทั่วโลก รวมถึงผู้มอบสภาพคล่องตัว การแลกเปลี่ยน เคาน์เตอร์ OTC และสถานที่กระจายอำนาจในอนาคต  ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะรองรับการบูรณาการแบบเบ็ดเสร็จและการกำหนดเส้นทางคำสั่งซื้อที่ชาญฉลาดไปยังแหล่งสินทรัพย์ดิจิทัลในราคาที่เหมาะสม ทำให้ลูกค้าสามารถซื้อ ขาย และถือสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างง่ายดาย

การเปิดตัว GA จะรองรับ BTC, ETH, LTC, ETC, BCH และ XRP (ความพร้อมใช้งานจะแตกต่างกันไปตามพื้นที่) โดยมีแผนที่จะขยายไปยังสินทรัพย์ที่มีโทเค็นมากขึ้น ในอนาคต Ripple มีแผนที่จะเพิ่มคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น การสนับสนุนการ staking และฟังก์ชันการสร้าง yield

เป็นเวลาเกือบสองปีที่ Ripple ได้ใช้ประโยชน์จาก Liquidity Hub สำหรับการจัดการสภาพคล่องภายในโดยเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ On-Demand Liquidity (ODL) ซึ่งขับเคลื่อนธุรกรรมนับล้านรายการ มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ตอนนี้ Ripple จะทำให้ผลิตภัณฑ์พร้อมใช้งานสำหรับลูกค้าหลายร้อยรายทั่วโลก เช่นเดียวกับสถาบันการเงิน ธนาคาร ฟินเทค หรือบริษัทต่างๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือในการเตรียมพร้อมสำหรับโลกที่คริปโตเป็นที่แรกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

Asheesh Birla GM ของ RippleNet กล่าวว่า “เราเข้าใจโดยตรงถึงความจำเป็นในการจัดการสภาพคล่องที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ และด้วยเหตุนี้ เราได้ทราบความต้องการจากลูกค้าที่อยากได้โซลูชันที่สามารถเป็นผู้ค้าครบวงจรในการซื้อ ขาย และถือ สินทรัพย์คริปโท  การผสมผสานของ DNA คริปโตของ Ripple และประวัติการทำงานอันยาวนานกับสถาบันการเงินทำให้เราอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ซ้ำใครในการแก้ไขปัญหานี้สำหรับลูกค้าของเราในขณะที่พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่เป็นโทเค็น”

Liquidity Hub ต่างจากโซลูชันที่มีอยู่ในปัจจุบัน ออกแบบมาสำหรับลูกค้าองค์กรและความต้องการเฉพาะของพวกเขา

  • การเริ่มต้นใช้งานที่ง่ายดาย: นำเสนอ API ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพสำหรับการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลจากกลุ่มสภาพคล่องที่หลากหลาย ทำให้องค์กรสามารถผสานรวมกับ Liquidity Hub ได้อย่างง่ายดาย และเริ่มให้บริการซื้อขายแก่ลูกค้า ทำให้เกิดแหล่งรายได้ใหม่
  • การกำหนดราคาที่เหมาะสม: โดยมอบราคารวมที่ดีที่สุดและเหมาะสมสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลที่หลากหลาย ทำให้องค์กรสามารถให้ราคาดีที่สุดแก่ลูกค้าจากแหล่งสภาพคล่องที่หลากหลาย
  • การเข้าถึงเงินทุน: องค์กรต่างๆ จะไม่ต้องเติมเงินในบัญชีล่วงหน้าสำหรับ Liquidity Hub และสามารถรับเงินทุนหมุนเวียนผ่าน Ripple เพื่อเป็นทุนในการดำเนินธุรกิจได้

พันธมิตรรายแรกของ Ripple ของผลิตภัณฑ์รุ่นแรกคือ Coinme ซึ่งเป็นเครือข่ายสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยมีสถานที่หลายพันแห่งทั่วประเทศ ในขั้นต้น Coinme จะใช้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีพื้นฐานของ Liquidity Hub โดยมีแผนที่จะปลดล็อกฟังก์ชันเพิ่มเติมเมื่อพร้อมใช้งาน

“Coinme ให้การเข้าถึงที่สะดวกและง่ายดายในการแลกเปลี่ยนเงินสดเป็นคริปโต  การจัดการเครือข่ายที่กว้างขวางนี้ต้องการการเข้าถึงสภาพคล่องตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นเราจึงสามารถให้ราคาดีที่สุดแก่ลูกค้าของเราสำหรับสินทรัพย์ที่หลากหลาย เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรกับ Ripple เพื่อนำประโยชน์เหล่านี้มาสู่ลูกค้าและธุรกิจของเรา” Neil Bergquist ซีอีโอของ Coinme กล่าว

Ripple เป็นบริษัทองค์กรแห่งแรกที่ใช้ประโยชน์จากคริปโตเพื่อจัดการกับความท้าทายมูลค่าล้านล้านดอลลาร์ด้วยการชำระเงินข้ามพรมแดน  ตั้งแต่นั้นมา Ripple ได้ขยายจากเครือข่ายการชำระเงินข้ามพรมแดนไปยังแพลตฟอร์มที่ให้บริการโทเค็นที่จะนำความสามารถด้านการเข้ารหัสลับมาสู่องค์กร และเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตที่คริปโตเป็นศูนย์กลาง สภาพคล่องมีบทบาทสำคัญและเป็นรากฐานของประสบการณ์ในสกุลเงินดิจิทัล

ในอนาคต ลูกค้าทุกคนจะเข้าร่วม RippleNet ด้วยบริการพื้นฐานเดียวกันและกระเป๋าเงินที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งคริปโตและ fiat ด้วยการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้  ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากโซลูชั่นที่ใช้เทคโนโลยีบล็อคเชนล่าสุดที่ทำให้พวกเขาทันสมัยอยู่เสมอ แพลตฟอร์มนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สามารถอัพเกรดและเพิ่มบริการใหม่ๆ ได้อย่างราบรื่นตามที่ลูกค้าต้องการ ลูกค้าจะสามารถใช้กระเป๋าเงินที่เปิดใช้งาน Ripple เพื่อดูแลทุกอย่างที่เป็นโทเค็นได้

RippleNet เพิ่งเสร็จสิ้นไตรมาสที่ดีที่สุดจน โดยประกาศตลาดมากกว่า 20 แห่งที่พร้อมให้บริการสำหรับ ODL ด้วยการใช้งานใหม่ในญี่ปุ่นและตะวันออกกลาง รวมถึงการเติบโตมากกว่า 25 เท่าสำหรับกระแสข้อมูลระหว่างประเทศในเครือข่าย

การเปิดตัว Liquidity Hub อยู่ระหว่างรอใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องและข้อกำหนดอื่นๆ ความพร้อมใช้งานจะแตกต่างกันไปตามเขตอำนาจศาล

เกี่ยวกับ Ripple

Ripple ช่วยให้สามารถชำระเงินได้ทุกที่ ทุกทาง สำหรับทุกคนที่ใช้พลังของคริปโตและบล็อกเชน  ด้วยการเข้าร่วมเครือข่ายระดับโลก (RippleNet) ที่กำลังเติบโตของ Ripple  สถาบันการเงินสามารถประมวลผลการชำระเงินของลูกค้าได้ทุกที่ในโลกทันที เชื่อถือได้ และคุ้มค่า ธนาคารและผู้ให้บริการชำระเงินสามารถใช้ XRP ของสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อลดต้นทุนและเข้าถึงตลาดใหม่ได้ ด้วยสำนักงานในซานฟรานซิสโก วอชิงตัน ดีซี นิวยอร์ก ลอนดอน มุมไบ สิงคโปร์ เซาเปาโล เรคยาวิก และดูไบ Ripple มีลูกค้าหลายร้อยรายทั่วโลก

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211109005824/en/

ติดต่อ:

Megan Katz
Press@ripple.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Ripple เปิดตัวบริการ On-Demand Liquidity ร่วมกับ SBI Remit เพื่อเร่งสร้างการเติบโตของระบบชำระเงินข้ามพรมแดนจากญี่ปุ่น

Logo

Ripple เปิดตัวบริการ On-Demand Liquidity ร่วมกับ SBI Remit เพื่อเร่งสร้างการเติบโตของระบบชำระเงินข้ามพรมแดนจากญี่ปุ่น

การเข้าเป็นพันธมิตรกับ Coins.ph และ SBI VC Trade จะช่วยให้ SBI Remit สามารถส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือกว่าให้กับลูกค้าด้วยบริการโอนเงินที่เร็วขึ้นในราคาที่ถูกกว่า โดยจะเริ่มจากประเทศฟิลิปปินส์เป็นที่แรก

ซานฟรานซิสโก & โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–28 กรกฎาคม 2564

Ripple ผู้ให้บริการชั้นนำด้านบล็อกเชนสำหรับธุรกิจและโซลูชันเงินดิจิทัลสำหรับการชำระเงินทั่วโลก วันนี้ ได้ประกาศเปิดตัวบริการ On-Demand Liquidity (ODL) ของ Ripplenet แบบเรียลไทม์เป็นครั้งแรกในญี่ปุ่น โดยร่วมกับ SBI Remit Co., Ltd ผู้ให้บริการโอนเงินที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และหนึ่งในผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลชั้นนำในฟิลิปปินส์อย่าง Coins.ph

การขยายความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้ SBI Remit เชื่อมต่อกับ Coins.ph และ SBI VC Trade ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลบน RippleNet เพื่อให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดนจากญี่ปุ่นไปยังฟิลิปปินส์ที่รวดเร็วมากขึ้นและในราคาที่เอื้อมถึงง่ายขึ้น หลังการมาถึงของบริการ ODL ในญี่ปุ่น ลูกค้าของ RippleNet จะสามารถใช้สินทรัพย์ดิจิทัล XRP ในการลดความจำเป็นในการวางเงินล่วงหน้า (pre-funding) และช่วยลดต้นทุนในการดำเนินการ ซึ่งเป็นการปลดล็อคเงินทุนและเร่งให้เกิดการขยายธุรกิจรับชำระเงินของลูกค้า

Asheesh Birla ผู้จัดการทั่วไปของ RippleNet แห่ง Ripple กล่าวว่า “การขยายความร่วมมือของเรากับ SBI Remit เพื่อเริ่มให้บริการ ODL ของ RippleNet ในญี่ปุ่น เป็นอีกก้าวความสำเร็จครั้งสำคัญในหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเรา หากพูดถึงการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า SBI Remit คือผู้นำทางด้านนี้มาตลอด เราตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรกับบริษัทที่มีวิสัยทัศน์อย่าง SBI ที่มองเห็นคุณค่าในเทคโนโลยีบล็อกเชน และได้สนับสนุนพวกเขาในการเตรียมความพร้อมสู่อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยสกุลเงินดิจิทัล”

แนวโน้มการเติบโตของแรงงานต่างชาติในระยะยาวและธุรกิจอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศในญี่ปุ่นคาดว่าจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้มีการโอนเงินที่มียอดไม่สูงแต่จำนวนครั้งถี่เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบัน ประชากรฟิลิปปินส์พลัดถิ่นในญี่ปุ่นนั้นมีจำนวนมากสูงสุดเป็นอันดับสาม เฉพาะในปี 2563 มีการโอนเงินจากญี่ปุ่นไปยังฟิลิปปินส์โดยแรงงานชาวฟิลิปปินส์ในต่างประเทศรวมราว 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกเหนือจากนั้น ญี่ปุ่นยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีค่าธรรมเนียมในการชำระเงินระหว่างประเทศสูงที่สุดของโลก โดยข้อมูลจากธนาคารโลกเผยว่าการส่งเงินจากญี่ปุ่นจะมีต้นทุนเฉลี่ยที่ 10.5% ขณะที่ต้นทุนเฉลี่ยในการส่งเงินจากกลุ่มประเทศ G8 อยู่ที่ 5.92%

Nobuo Ando ประธานกรรมการแห่ง SBI Remit กล่าวว่า “เรามองเห็นศักยภาพอันมหาศาลในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อพลิกโฉมไม่เพียงเฉพาะวิธีการทำธุรกรรมชำระเงิน แต่ยังรวมถึงวิธีบริหารจัดการธุรกิจโดยการปลดล็อคเงินทุนที่จมอยู่ การเปิดตัวบริการ ODL ในญี่ปุ่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น และเราตั้งตารอที่จะได้สานต่อการผลักดันไปสู่อีกระดับของนวัตกรรมการเงินที่เหนือกว่าการชำระเงินแบบเรียลไทม์เฉพาะในฟิลิปปินส์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงพื้นที่อื่น ๆ ในภูมิภาคด้วย”

ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังเติบโตอย่างมากและเป็นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยโอกาสมากมายสำหรับ RippleNet สืบเนื่องจากระเบียบข้อบังคับที่ก้าวหน้าและบริษัทที่มีความก้าวล้ำเช่น SBI Remit ซึ่งตั้งเป้าขึ้นแท่นผู้นำอุตสาหกรรมเงินดิจิทัล เอเชียแปซิฟิกเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุดสำหรับ Ripple โดยมีการทำธุรกรรมเติบโต 130% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า สำหรับความร่วมมือในระยะถัดไป SBI Remit จะเชื่อมต่อกับพันธมิตรรายอื่น ๆ ของ RippleNet และใช้ XRP เพื่อเร่งสร้างธุรกิจรับชำระเงินประสิทธิภาพสูงให้กับพวกเขาต่อไป

Nauman Mustafa ซีอีโอของ Coins.ph กล่าวว่า “นวัตกรรมฟินเทคเป็นกุญแจที่จะนำไปสู่การทำธุรกรรมทางการเงินที่รวดเร็วยิ่งขึ้นและมีความปลอดภัยมากขึ้น ด้วยการสนับสนุนจาก SBI Remit และ Ripple เราหวังที่จะได้สร้างประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นให้กับลูกค้าด้วยบริการชำระเงินระหว่างญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ที่มีความรวดเร็วยิ่งกว่าในราคาที่ถูกลง พร้อมก้าวสู่การปฏิวัติระบบการเงินไปอีกขั้น”

ขณะที่มีธุรกิจจำนวนมากขึ้นต้องการผสานบริการที่รองรับเงินดิจิทัลเข้ากับผลิตภัณฑ์ของตน SBI Remit จึงจะร่วมกับลูกค้า ODL ปัจจุบันในเอเชียแปซิฟิก เช่น Novatti และ Tranglo และเข้าไปมีบทบาทสำคัญบน RippleNet ในรูปแบบ fiat ทั้งแบบ on ramp และ off-ramp โดย SBI Holdings เป็นผู้ลงทุนและผู้ถือหุ้นของ Ripple

เกี่ยวกับ Ripple

Ripple ช่วยให้ใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงบริการชำระเงินได้ทุกที่ ทุกช่องทาง โดยใช้พลังของคริปโตและบล็อกเชน การเข้าร่วมเครือข่ายที่มีอยู่ทั่วโลก (RippleNet) ซึ่งกำลังเติบโตของ Ripple ช่วยให้สถาบันการเงินสามารถดำเนินการการชำระเงินของลูกค้าได้ทันทีจากทุกที่ในโลกด้วยความน่าเชื่อถือและความคุ้มค่า ธนาคารและผู้ให้บริการชำระเงินสามารถใช้สินทรัพย์ดิจิทัล XRP เพื่อลดต้นทุนและเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ และด้วยสำนักงานทีมีอยู่ทั้งในซานฟรานซิสโก วอชิงตันดีซี นิวยอร์ก ลอนดอน มุมไบ สิงคโปร์ เซาเปาโล เรคยาวิก และดูไบ Ripple จึงมีลูกค้าหลายร้อยรายทั่วโลก

เกี่ยวกับ SBI Remit

SBI Remit ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือของ SBI FinTech Solutions เป็นหนึ่งในบริษัทที่ให้บริการโอนเงินที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ซึ่งให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศด้วยความปลอดภัย สะดวก และง่ายดาย สามารถทำให้เสร็จสมบูรณ์ได้ภายใน 10 นาที เมื่อสิ้นสุดเดือนกรกฎาคม ปี 2563 มียอดการโอนเงินรวมสูงกว่า 1 ล้านล้านเยน

เกี่ยวกับ Coins.ph

พันธกิจของ Coins.ph คือการพัฒนาบริการทางการเงินที่ให้ใคร ๆ สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายผ่านทางโทรศัพท์มือถือแม้ไม่มีบัญชีธนาคาร ด้วยบริการจาก Coins.ph ลูกค้าสามารถเข้าถึงกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ให้พวกเขาใช้บริการทางการเงินต่าง ๆ อย่างเช่นการส่งและรับเงิน การชำระบิลออนไลน์ การซื้อ air-time สำหรับมือถือ การใช้งานจากผู้ให้บริการด้านการขนส่ง และสกุลเงินดิจิทัล Coins.ph อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Bangko Sentral ng Pilipinas (BSP) และเป็นบริษัทด้านบล็อกเชนเพียงแห่งเดียวในเอเชียที่ได้รับทั้งใบอนุญาต Virtual Currency และ Electronic Money Issuer จากธนาคารกลาง

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210727006246/en/

Sheryl Tham
press@ripple.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย