Tag Archives: world

Toshiba เป็นผู้ชนะรางวัล World Electronics Achievement Awards ของ AspenCore

Logo

KAWASAKI, Japan–(BUSINESS WIRE)–24 พฤศจิกายน 2022

Toshiba Devices & Storage (Shanghai) Co., Ltd. บริษัทสาขาในเซี่ยงไฮ้ของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“Toshiba”) เป็นผู้ชนะเลิศประเภท “Power Semiconductor/Driver of the Year” ในงาน World Electronics Achievement Awards (WEAA) 2022 โดย Toshiba Devices & Storage (Shanghai) Co., Ltd. ได้เข้ารับรางวัลในพิธีซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2022

Toshiba is a Winner at AspenCore World Electronics Achievement Awards (Photo: Business Wire)

Toshiba เป็นผู้ชนะรางวัล World Electronics Achievement Awards ของ AspenCore (ภาพ: Business Wire)

AspenCore ซึ่งตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในกลุ่มสื่อเทคโนโลยีชั้นนำของโลก และทุก ๆ ปี WEAA ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจะมีการยกย่องบริษัทและบุคคลที่มีส่วนร่วมอย่างโดดเด่นในด้านนวัตกรรมและการพัฒนาอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ในปีนี้ XPQR3004PB MOSFET ของ Toshiba ซึ่งเป็นทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้าของสารกึ่งตัวนำโลหะออกไซด์แรงดันต่ำเชิงกลยุทธ์ ได้รับรางวัล “Power Semiconductor/Driver of the Year”

Tsutomu Nomura ประธานบริษัท Toshiba Devices & Storage (Shanghai) Co., Ltd. กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่ได้รับการยกย่องจาก WEAA อันทรงเกียรติ โดยเป็นปีที่ห้าติดต่อกันที่ผลิตภัณฑ์ของเราได้รับรางวัล Toshiba มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการจัดหาอุตสาหกรรมยานยนต์และภาคส่วนอื่น ๆ ด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กำลังที่ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์และเพิ่มความเป็นกลางทางคาร์บอน”

XPQR3004PB ที่เปิดตัวในปีงบประมาณนี้ เป็น MOSFET แรงดันต่ำ 40V ที่มี N-channel สำหรับการใช้งานในยานยนต์ เหมาะสำหรับสวิตช์แบตเตอรี่ในรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมอเตอร์ช่วยขับขี่ในรถยนต์ไฮบริด ทั้งยังเป็นแม่พิมพ์ UMOS IX ที่ก้าวหน้าที่สุดของ Toshiba และรวมอยู่ในแพ็คเกจ L-TOGL™ ซึ่ง AspenCore รับรองว่า มีกระแสไฟฟ้าสูง ความสามารถในการกระจายความร้อนสูง และความน่าเชื่อถือสูง

จากนี้ Toshiba จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจสารกึ่งตัวนำกำลัง (power semiconductor) ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความสามารถในการประหยัดพลังงานสูง และนำไปสู่สังคมที่ใช้พลังงานต่ำและความเป็นกลางทางคาร์บอน

* TOGL™ เป็นเครื่องหมายการค้าของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่น ๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ

* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลติดต่อ เป็นข้อมูลปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลขั้นสูง ระดมประสบการณ์และนวัตกรรมกว่าครึ่งศตวรรษเพื่อนำเสนอเซมิคอนดักเตอร์แบบแยก ระบบ LSI และผลิตภัณฑ์ HDD ให้กับลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจ

พนักงานของบริษัทจำนวน 23,000 คนทั่วโลกมีความมุ่งมั่นร่วมกันในการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงสุด และส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในการสร้างมูลค่าร่วมกันและการเปิดตลาดใหม่ ปัจจุบัน Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ที่มียอดขายต่อปีทะลุ 8.5 แสนล้านเยน (7.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ตั้งตารอที่จะสร้างและมีส่วนร่วมเพื่ออนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้คนทุกหนทุกแห่ง

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52977612/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Customer Inquiries:
ติดต่อเรา

รายชื่อติดต่อหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมด้านสื่อ:
K.Tanaka, S.Mihashi
กลุ่มงานสื่อสารองค์กรและข่าวกรองการตลาด
ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
โทร: +81-44-548-2122
อีเมล: tdsc-publicrelations@ml.toshiba.co.jp

แหล่งที่มา: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

FIFA+ Collect เชิญชวนแฟนเกมฟุตบอล “Own It, Win It, Live It” พร้อมแจกประสบการณ์ระดับ VIP ในการเข้าร่วม FIFA World Cup Qatar 2022™

Logo

ทุกการซื้อแพ็กบนแพลตฟอร์มของสะสมดิจิทัลอย่างเป็นทางการจาก FIFA มอบสิทธิ์เข้าร่วมโปรแกรมระดับโลกโดยอัตโนมัติ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 20 เดือนพฤศจิกายน

ZURICH & BOSTON–(BUSINESS WIRE)–1 พฤศจิกายน 2022

FIFA+ Collect แพลตฟอร์มของสะสมดิจิทัลอย่างเป็นทางการของ FIFA+ ที่สร้างขึ้นบนบล็อกเชนของ Algorand ได้ประกาศแจกประสบการณ์ระดับ VIP สุดพิเศษสำหรับแฟนเกมฟุตบอลเพื่อเข้าร่วม FIFA World Cup Qatar 2022™ โปรแกรม “Own It, Win It, Live It” เปิดให้รับสิทธิ์ได้จนถึงวันที่ 20 เดือนพฤศจิกายน ปี 2022 ที่ www.fifapluscollectgowin.com

Every purchase of FIFA+ Collect digital collectibles unlocks entry to the “Own It, Win It, Live It” VIP Experience giveaway. Entry is open now through 20 November 2022 at <a href=www.fifapluscollectgowin.com. (Graphic: Business Wire)” src=”https://mms.businesswire.com/media/20221101005910/en/1620726/4/Press_Release_banner_2.jpg” />

ทุกการซื้อของการสะสมดิจิทัลจาก FIFA+ Collect ปลดล็อกการเข้าร่วม “Own It, Win It, Live It” แจกประสบการณ์ระดับ VIP การเข้าร่วมเปิดจนถึงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2022 (กราฟิก: Business Wire)

ผู้ชนะที่ได้รับสิทธิ์ระดับ VIP แต่ละคนจะสามารถเชิญแขกได้หนึ่งคนเพื่อเข้าร่วมทริปเที่ยว Doha เป็นเวลาห้าวัน/สี่คืน ฟรี รวมค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ ที่พักสุดหรูที่ St. Regis Doha ตั๋วเข้าชมเกมการแข่งชัน FIFA World Cup รอบก่อนรองชนะเลิศสองใบ เงินสดมูลค่า 500 ดอลลาร์ (สหรัฐ) กระเช้าของขวัญที่ระลึกจาก FIFA และ FIFA+ Collect และอื่นๆ อีกมากมาย โดยจะมีการสุ่มเลือกผู้ชนะในทุกสัปดาห์

แฟนเกมฟุตบอลทั่วโลกที่ซื้อแพ็กของสะสมดิจิทัลสำหรับไฮไลท์เกมในประวัติศาสตร์ 92 ปี ของ FIFA จะมีสิทธิ์เข้าร่วมรายการนี้ โดยผู้ซื้อชุดแพ็กแต่ละชุดจะได้รับสิทธิ์หนึ่งรายการโดยอัตโนมัติ และการซื้อชุดแพ็กเพิ่มเติมแต่ละชุดจะได้รับสิทธิ์เพิ่ม โดยเป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขเพิ่มเติมสำหรับการซื้อเพิ่มแต่ละรายการ

แพ็กชุดของสะสมดิจิทัลของ FIFA+ แต่ละชุดจะประกอบด้วยไฮไลท์แบบสุ่มสามรายการจากฟุตเทจรายการเกมฟุตบอลประวัติศาสตร์สุดพิเศษจาก FIFA โดยขณะนี้มีสองคอลเลกชันที่พร้อมให้สะสม ได้แก่ Genesis Collection ซึ่งเป็นชุดคอลเลกชันลิมิเต็ดชุดแรกจาก FIFA+ Collects ซึ่งจะมีการจำหน่ายในระยะเวลาที่จำกัด และคอลเลกชัน Archives ที่เป็นชุดคอลเลกชันใหม่ล่าสุด โดยทั้งสองคอลเลกชันนี้มีราคาเพียง 4.99 ดอลลาร์ (สหรัฐ) โดยมีของที่น่าสะสมต่างๆ มากมายทั้งสี่ระดับ ทั้งของสะสมทั่วไป ของสะสมหายาก ของสะสมระดับตำนาน และของสะสมที่เป็นสัญลักษณ์ ของสะสมดิจิทัลสามารถใช้บนแพลตฟอร์มได้เพื่อเก็บสะสม แลกเปลี่ยน ขาย และเล่นเกมล่ารางวัลและเข้าร่วมความท้าทายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น

เกี่ยวกับ Algorand 
ก่อตั้งขึ้นโดย Silvio Micali นักเข้ารหัสที่ได้รับรางวัล Turing Award-winning ระดับ 1 ที่มีประสิทธิภาพสูงของ Algorand ซึ่งไม่มีใครเทียบได้ในการสร้างเทคโนโลยีให้รวดเร็ว ราบรื่น และครอบคลุมยิ่งขึ้น Algorand กำลังดำเนินการเปลี่ยนแปลงในทุกอุตสาหกรรม นับจาก TradFi และ DeFi จนถึงระดับเศรษฐกิจสำหรับครีเอเตอร์ใหม่ๆ ด้วยความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกันและส่งมอบโซลูชั่นที่ดีเยี่ยม เทคโนโลยีที่ยั่งยืนช่วยเสริมสร้างให้มีส่วนร่วม มีความโปร่งใส และมีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับทุกคน ในฐานะที่เป็นเทคโนโลยีทางเลือกสำหรับองค์กรทั่วโลกกว่า 2,000 แห่ง ระบบนิเวศของ Algorand กำลังปรับแต่งผลิตภัณฑ์ด้านการเงิน โปรโตคอล และการแลกเปลี่ยนมูลค่าเจเนอเรชันถัดไป สามารถเข้าดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.algorand.com

เกี่ยวกับ FIFA 
FIFA เป็นองค์กรระดับโลกที่กำกับดูแลเกมฟุตบอลและพัฒนาเกมทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2016 องค์กรมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วจนสามารถรองรับเกมเพื่อผู้คนทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ FIFA รูปแบบใหม่นี้มุ่งมั่นในการปรับปรุงเกมฟุตบอลให้เป็นสากล ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และครอบคลุมในทุกด้าน ไม่เพียงในบางทวีปเท่านั้น แต่ขยายไปทุกที่ FIFA มีวิสัยทัศน์ที่จะขยายเกมฟุตบอลให้เป็นสากลอย่างแท้จริง พัฒนาเกมฟุตบอลให้เข้าถึงในทุกที่ ภายใต้วิสัยทัศน์ของ FIFA ในการทำให้ฟุตบอลเป็นสากลอย่างแท้จริง FIFA จะช่วยพัฒนาฟุตบอลในทุกๆ ที่ เพื่อให้มีทีมชาติอย่างน้อย 50 ทีม และ 50 สโมสรจากทุกทวีปที่สามารถเข้าแข่งขันได้ในการแข่งขันระดับสูง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Deana Graffeo Weeks
Alchemy Media for FIFA+ Collect
646-389-7519 or deana@alchemymedia.co

แหล่งข้อมูล: FIFA+ Collect

Mary Kay ท้าทายเยาวชนทั่วโลกในการจัดการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 14: ทรัพยากรทางทะเลในเครือข่ายประจำปีที่สามสำหรับ Teaching Entrepreneurship World Series of Innovation Challenge

Logo

การแข่งขันระดับโลกเฉลิมฉลองการเป็นผู้ประกอบการของเยาวชนและพลังแห่งความคิดเชิงนวัตกรรม

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–15 กันยายน 2565

Mary Kay Inc. ผู้สนับสนุนองค์กรชั้นนำด้านการเสริมสร้างพลังอำนาจและการเป็นผู้ประกอบการของสตรี ประกาศความท้าทาย World Series of Innovation (WSI) ประจำปีครั้งที่ 3 ร่วมกับ Network for Teaching Entrepreneurship (NFTE) การแข่งขันระดับโลกเชิญชวนให้เยาวชนอายุระหว่าง 13-24 ปี ได้ทดสอบทักษะการคิดเชิงวิพากษ์และมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษยชาติเผชิญอยู่ในปัจจุบันเพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs)

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220915005847/en/

Network for Teaching Entrepreneurship an international nonprofit organization providing entrepreneurship training and educational programs to middle and high school students, college students, and adults (Graphic: Network for Teaching Entrepreneurship)

Network for Teaching Entrepreneurship องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระหว่างประเทศที่จัดการฝึกอบรมผู้ประกอบการและโปรแกรมด้านการศึกษาแก่นักเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลาย นักศึกษาวิทยาลัย และผู้ใหญ่ (กราฟิก: Network for Teaching Entrepreneurship)

การแข่งขัน WSI ของ Mary Kay เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 15 กันยายน ร่วมกับ วันรณรงค์เพื่อโลกสะอาด หรือ World Clean Up Day ความท้าทายของ Mary Kay สนับสนุนให้ผู้ประกอบการรุ่นเยาว์เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นนวัตกรรมเพื่อจัดการกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติที่ 14: ทรัพยากรทางทะเล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักศึกษาถูกท้าทายให้ออกแบบวิธีแก้ปัญหาเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์และ/หรือการปกป้องระบบนิเวศทางทะเลของโลกและชุมชนชายฝั่ง

“ทุกชีวิตบนโลกเริ่มต้นขึ้นและขึ้นอยู่กับมหาสมุทรของเรา น้ำเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดในโลกของเรา และเราไม่เพียงเคารพน้ำเท่านั้น แต่ยังต้องทำหน้าที่ปกป้องน้ำด้วย” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “นักคิดและผู้นำรุ่นต่อไปของโลก กำลังจัดการกับประเด็นสำคัญเหล่านี้และเป็นหัวหอกในการอนุรักษ์ เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นว่าเยาวชนของโลกสามารถช่วยพัฒนาระบบนิเวศและการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพทั่วโลกได้อย่างไร”

ในปีแรกที่ร่วมมือกับ NFTE World Series of Innovation ในปี 2563 โดย Mary Kay สนับสนุนการแข่งขัน WSI challenge สำหรับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติที่ 12: การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน ผู้ประกอบการรุ่นเยาว์ได้รับการสนับสนุนให้ออกแบบผลิตภัณฑ์ การบริการ หรือความคิดริเริ่มที่ส่งเสริมการนำกลับมาใช้ซ้ำหรือการอัปไซเคิลสิ่งทอ ในปี 2564 Mary Kay สนับสนุนการแข่งขัน WSI challenge ครั้งที่ 2 เพื่อจัดการกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติที่ 5: ความเท่าเทียมทางเพศ นักศึกษาได้รับมอบหมายให้พัฒนาโครงการเพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมในสถานที่ทำงาน และให้เข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างเท่าเทียมกันสำหรับสตรีและเด็กผู้หญิง

“Mary Kay Global Oceans Conservations Challenge ท้าทายให้ผู้เข้าแข่งขัน WSI รุ่นเยาว์ของเราคิดให้ใหญ่เกี่ยวกับคุณภาพน้ำ” Dr. J.D. LaRock ประธานและซีอีโอของ NFTE กล่าว “ในห้องเรียนนั้นนักศึกษาเรียนรู้ว่าน้ำเป็นพื้นฐานของระบบนิเวศที่ดี การผ่านประสบการณ์เช่น WSI อย่างไรก็ตามพวกเขาได้รับอำนาจในการรักษาทรัพยากรนั้นไว้ พวกเขาสามารถคิดหาวิธีในการดูแลสัตว์ทะเล ปกป้องมหาสมุทร เข้าถึงน้ำดื่มสะอาดได้ในราคาประหยัด ปกป้องแหล่งน้ำจากมลพิษ จัดการกับการบริโภคที่มากเกินไป หรือช่วยรักษาระบบนิเวศของเราสำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไป นั่นแหละทรงพลัง”

NFTE เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกที่ให้การศึกษาด้านการเป็นผู้ประกอบการมาสู่ชุมชนที่มีรายได้น้อย นับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อ 35 ปีที่แล้ว NFTE ได้ฝึกอบรมครูผู้สอนหลายพันคนและให้การศึกษาแก่เยาวชนกว่าล้านคนทั่วโลก ทุกฤดูใบไม้ร่วง NFTE เปิดความท้าทายชุดใหม่สำหรับการแข่งขัน WSI และเชิญผู้สนับสนุนองค์กรเพื่อจัดการกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ โดย Citi Foundation นำเสนองาน 2022 NFTE World Series of Innovation และมีความท้าทายที่สนับสนุนโดย Mary Kay Inc., MetLife Foundation, Mastercard, Bank of the West, Link, Maxar, Ernst & Young, LLP (EY), ServiceNow และ Zuora ผู้ชนะสามอันดับแรกจะประกาศในต้นปี 2566

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ World Series of Innovation และความท้าทายทั้งหมด โปรดไปที่ https://innovation.nfte.com/

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นในปี 2506 โดยมีเป้าหมายหนึ่งคือเติมเต็มชีวิตให้กับผู้หญิง ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการเดินทางผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน เครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอม Mary Kay เชื่อมั่นในการทำให้ชีวิตดีขึ้นในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมที่ marykayglobal.com พบกับเราบน FacebookInstagram, และ LinkedIn หรือติดตามเราบน Twitter

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220915005847/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

World Smart City Expo 2022: สัมผัสปัจจุบันและอนาคตแห่งเมืองอัจฉริยะ

Logo

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–26 สิงหาคม 2565

งาน World Smart City Expo 2022 ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม ถึง 2 กันยายน นี้ พร้อมเมืองและธุรกิจต่าง ๆ  300 ราย จาก 20 ประเทศเข้าร่วม ณ​ KINTEX 1 เมืองโกยาง ประเทศเกาหลีใต้

งาน World Smart City Expo 2022 (WSCE 2022) ที่จะจัดขึ้นภายใต้สโลแกน “Digital Earth, Connecting Together” นี้จะพาไปสำรวจธีมหลักในเรื่องความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) การสัญจรอย่างยั่งยืน (sustainable mobility) และการฟื้นคืนสภาพของเมือง (urban resilience)

โซนจัดแสดง 6 ธีมนั้นประกอบด้วย โซนเมืองแห่งอนาคต โซนการฟื้นคืนสภาพของเมือง โซนความเป็นกลางทางคาร์บอน และโซนการสัญจรอย่างยั่งยืน

สำหรับที่บริเวณซุ้มเมืองอัจฉริยะต้นแบบแห่งชาติ ผู้เยี่ยมชมงานจะได้พบกับเทคโนโลยีสุดล้ำที่จะถูกปล่อยออกมาให้ใช้ในชีวิตประจำวัน นอกจากนั้น ผู้เยี่ยมชมงานยังจะได้สัมผัสกับบริการอัจฉริยะรวมถึงผลิตภัณฑ์จากเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก

คุณ Jason Schenker ผู้ซึ่ง Bloomberg News ยกให้เป็นนักพยากรณ์อันดับ 1 ของโลก จะมาเป็นวิทยากรในการบรรยายพิเศษหัวข้อ “บทบาทของเมืองอัจฉริยะและทิศทางสำหรับยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลครั้งใหญ่” พร้อมด้วยคุณ Won-jae Lee รองรัฐมนตรีอันดับที่ 1 ของกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน และการขนส่ง หลังจบการบรรยายพิเศษของรองรัฐมนตรีในหัวข้อเทคโนโลยีแห่งอนาคตและเมืองอัจฉริยะ

ขณะที่จะมีการจัดประชุมในหัวข้อต่าง ๆ 18 หัวข้อ ครอบคลุมการพูดคุยในหัวข้อใหม่ล่าสุดเกี่ยวกับเมือง เช่น การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล เมตาเวิร์ส การจัดการ ESG พลังงานสีเขียว และห้องปฏิบัติการชีวิต (living labs) พร้อมผู้เข้าร่วมจากอุตสาหกรรมชั้นนำ แวดวงวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญงานวิจัยจากทั่วโลก

คุณ Chris Sheldrick ผู้ก่อตั้ง What3Words ที่คิดระบบการตั้งชื่อที่อยู่ด้วยคำสามคำ และศาสตราจารย์ Alex Edmans แห่ง London Business School ผู้ตอกย้ำถึงการสร้างประโยชน์ต่อสังคมขององค์กรในงานประชุมของสภาเศรษฐกิจโลก ณ เมืองดาวอส จะมาร่วมแชร์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปัญหาของเมืองและทิศทางในอนาคตของเมืองอัจฉริยะด้วย

ทั้งนี้ WSCE Awards ได้เลือกบริษัทและเมืองสุดล้ำที่ได้มีส่วนร่วมให้เกิดความก้าวหน้าในการสร้างเมืองอัจฉริยะ โดยผู้ชนะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ซึ่งประกอบด้วยการจัดแสดงผลงาน การสัมภาษณ์บน WSCE ON-AIR และการได้รับเชิญเข้าร่วมงาน 'WSCE Networking Night'

คุณสามารถรับชมการสัมภาษณ์ของบริษัทที่เข้าร่วมและวิทยากร รวมถึงวิดีโอสถานที่จัดนิทรรศการได้ที่เว็บไซต์ทางการของ WSCE (https://www.worldsmartcityexpo.com)

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220825005746/en/

ติดต่อ:

สำหรับ World Smart City Expo 2022 
PR House Co., Ltd. 
Celine Yang 
+82 70 4278 1935

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

แพลตฟอร์ม Around the World of Care ของ Hyatt แบ่งปันความคืบหน้าในด้านความมุ่งมั่นและความคิดริเริ่มทางสังคมและธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม

Logo

ความคืบหน้านี้ ยังรวมถึงเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์ในปี 2573 เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องสู่เป้าหมาย DE&I ปี 2568

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–14 ก.ค. 2565

เพื่อแชร์ความคืบหน้าใน World of Care แพลตฟอร์มด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ของบริษัท Hyatt Hotels Corporation (NYSE: H) ได้มีการเผยแพร่รายงาน 2021 World of Care Highlights กับรายงาน Diversity, Equity and Inclusion (DE&I) Report เพื่อแสดงให้เห็นถึงวิธีการที่  Hyatt กำลังสร้างความก้าวหน้าในด้านการดูแลโลก ผู้คน และธุรกิจต่าง ๆ

“การดูแลผู้คนเพื่อช่วยให้พวกเขาเป็นเวอร์ชันของตนที่ดีที่สุด คือแก่นแท้ของเรื่องราวของ Hyatt ตลอด 65 ปีที่ผ่านมา เราเต็มที่ในด้านความรับผิดชอบและการหาโอกาสในการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อสร้างโลกและอนาคตที่ยั่งยืนผ่านโครงการ World of Care” Margaret Egan รองประธานบริหารและที่ปรึกษาทั่วไปของ Hyatt กล่าว “ด้วยการมุ่งความสนใจไปที่การขับเคลื่อนความก้าวหน้าตามพันธกิจ ESG หลัก ๆ เช่น กรอบงานด้านสิ่งแวดล้อม และเป้าหมาย Change Starts Here เรากำลังรับผิดชอบต่อการดำเนินการและการสร้างความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรม สังคม และโลกของเรา”

Hyatt ส่งเสริมการมีแรงงานที่หลากหลาย

ตามรายงานของ DE&I ครั้งแรกของปีที่แล้ว ข้อมูลความหลากหลายของคนงาน หรือ workforce diversity data ในปี 2564 ของ Hyatt แสดงให้เห็นว่าสัดส่วนของคนผิวสีเพิ่มขึ้นทั่วภาคแรงงานในสหรัฐฯ ตลอดจนการเติบโตของเพื่อนร่วมงาน ผู้จัดการ และผู้นำในเกือบทุกสีผิวและทุกเชื้อชาติ ความมุ่งมั่นของ Hyatt ที่จะแบ่งปันความคืบหน้าเป็นประจำทุกปีทำหน้าที่เป็นเกณฑ์มาตรฐานที่สำคัญในการวัดความก้าวหน้าไปสู่สภาพแวดล้อมที่หลากหลาย เท่าเทียมกัน และครอบคลุมมากขึ้นสำหรับภาคแรงงาน

Hyatt ยังคงทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย DE&I ในปี 2568 ว่าด้วย ผู้ถูกว่าจ้าง ผู้ได้รับการสนับสนุน และผู้ร่วมทำงาน ซึ่งระบุไว้ให้เป็นส่วนหนึ่งของพันธสัญญา Change Starts Here ทั้งนี้ ด้วยการมุ่งเน้นที่การพัฒนาตัวแทนผู้จำหน่ายที่หลากหลายในห่วงโซ่อุปทาน Hyatt ได้ต้อนรับซัพพลายเออร์ผิวดำรายใหม่จำนวน 220 รายในปี 2564 โดยมุ่งเน้นอย่างต่อเนื่องในการสร้างความก้าวหน้าจากการมองไปข้างหน้า ตัวอย่างเช่น Revival Baltimore ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ JdV by Hyatt ได้ทำงานร่วมกับ Black Acres Roastery เพื่อจัดหากาแฟให้กับห้องพักในโรงแรมและร้านกาแฟในสถานที่ทั้งหมด ส่วน 'Dashery และ Hyatt Centric The Pike Long Beach ก็เพิ่งได้ให้การต้อนรับโรงเบียร์ที่คนผิวสีเป็นเจ้าของอย่าง Crowns & Hops ณ Watercraft Lounge

“ที่ Hyatt เราเชื่อในพลังของการเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ในการทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนอยู่บ้านไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใดในโลก เราพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะสะท้อนโลกที่เราห่วงใยด้วยทีมที่จะประสบความสำเร็จและเติบโตไปด้วยกัน” Malaika Myers ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลของHyatt กล่าว “เพื่อให้วิสัยทัศน์ของเราก้าวไปสู่โลกแห่งความเข้าใจและความเอาใจใส่ เราต้องจัดลำดับความสำคัญของ DE&I ต่อไปในทุกมิติของธุรกิจของเรา และดำเนินการเพื่อสร้างความก้าวหน้าที่มีความหมายต่อเป้าหมายของเรา”

Hyatt ประกาศการบริจาคเพื่อเปิดตัวกองทุนผู้รอดชีวิตจากการค้ามนุษย์

ในความพยายามที่จะขยายงานต่อเนื่องของอุตสาหกรรมโรงแรมเพื่อสนับสนุนการการป้องกันการค้ามนุษย์และสนับสนุนผู้รอดชีวิตจากการค้ามนุษย์ มูลนิธิโรงแรม Hyatt ได้ประกาศบริจาคเงินจำนวน 500,000 เหรียญสหรัฐ เพื่อเปิดตัว “กองทุน No Room for Trafficking Survivors Fund” โดยความร่วมมือกับ American Hotel & Lodging Association (AHLA) ด้วยการบริจาคและการสนับสนุนเพิ่มเติมจากอุตสาหกรรมนี้ กองทุน Survivors Fund จะจัดหาทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับองค์กรในชุมชนในการมีส่วนร่วมและสนับสนุนผู้รอดชีวิต ตั้งแต่การสนับสนุนทางการเงินโดยตรงสำหรับความต้องการพื้นฐานระยะสั้น ไปจนถึงการสนับสนุนด้านอาชีพที่สามารถเสริมศักยภาพและเตรียมพวกเขาให้พร้อมสำหรับเส้นทางข้างหน้า

Hyatt ทำงานเพื่อส่งเสริมการดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ

Hyatt เร่งความพยายามในการมีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนมากขึ้นโดยเป็นส่วนหนึ่งของกรอบการทำงานด้านสิ่งแวดล้อม โดยเน้นที่ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการอนุรักษ์น้ำ ของเสีย และการหมุนเวียนของเสีย การจัดหาอย่างมีความรับผิดชอบ และจุดหมายปลายทางที่เจริญรุ่งเรือง

ในปี 2564 Hyatt ได้รับการอนุมัติจากโครงการ Science Based Targets Initiative (SBTi) เกี่ยวกับเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์ในปี 2573 เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป้าหมายของ Hyatt รวมไปถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 และ 2 การมีส่วนร่วมกับซัพพลายเออร์หลักในการกำหนดเป้าหมายตามหลักวิทยาศาสตร์ภายในปี 2568 และลดการปล่อยก๊าซในขอบเขตที่ 3 เพิ่มเติม

Hyatt ยังคงหมั่นเพียรในการส่งเสริมโครงการที่สนับสนุนความก้าวหน้าไปสู่เป้าหมายตามหลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การอนุรักษ์พลังงาน เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ ระบบอัตโนมัติในอาคาร การพิจารณาการออกแบบที่ยั่งยืน และอื่น ๆ อีกมากมาย การมุ่งเน้นอย่างต่อเนื่องที่สำคัญคือการเพิ่มจำนวนโรงแรมที่มีแผงโซลาร์เซลล์ในสถานที่ หรือใช้ไฟฟ้าหมุนเวียนหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่น Hyatt Regency อัมสเตอร์ดัม และ Hyatt Regency ฟีนิกซ์ ความพยายามในโครงการ ณ สถานที่ตั้ง อย่างต่อเนื่องก็เป็นสิ่งสำคัญในการบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ เช่น แล็บความยั่งยืน ที่ Alila Villas Uluwatu

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความพยายามและความคืบหน้า ESG ของ Hyatt โปรดไปที่ Hyatt.com/WorldofCare หรือที่ 2021 World of Care Highlights, 2021 DE&I Report กับที่ 2021 GRI Index

คำว่า “Hyatt” ใช้ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นไปเพื่อความสะดวกในการอ้างถึง Hyatt Hotels Corporation และ/หรือ บริษัทในเครือ

เกี่ยวกับ Hyatt Hotels Corporation

Hyatt Hotels Corporation ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในชิคาโก เป็นบริษัทด้านการบริการชั้นนำระดับโลกที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อดูแลผู้คนเพื่อให้พวกเขาสามารถทำหน้าที่ของตนได้ดีที่สุด โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2565 กลุ่มบริษัทมีโรงแรมและที่พักแบบเพรียบพร้อมทุกอย่างมากกว่า 1,150 แห่ง ใน 71 ประเทศ ในหกทวีป ข้อเสนอของบริษัท รวมถึง Park Hyatt®, Miraval®, Grand Hyatt®, Alila®, Andaz®, The Unbound Collection by Hyatt®, Destination by Hyatt™, Hyatt Regency®, Hyatt®, Hyatt Ziva™, Hyatt Zilara™, Thompson Hotels®, Hyatt Centric®, Caption by Hyatt, JdV by Hyatt™, Hyatt House®, Hyatt Place®, UrCove และ Hyatt Residence Club® ตลอดจนแบรนด์รีสอร์ทและโรงแรมภายใต้ AMR™ Collection รวมถึง Secrets® Resorts & Spas, Dreams® Resorts & Spas, Breathless Resorts & Spas®, Zoëtry® Wellness & Spa Resorts, Vivid Hotels & Resorts®, Alua Hotels & Resorts® และ Sunscape® Resorts & Spas บริษัทในเครือของบริษัทดำเนินการโปรแกรมสมาชิก World of Hyatt®, ALG Vacations®, Unlimited Vacation Club®, บริการจัดการปลายทาง Amstar DMC และบริการเทคโนโลยี Trisept Solutions® ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.hyatt.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220713005967/en/

ติดต่ิด:

Megen DiSanto

megen.disanto@hyatt.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay Inc. ประกาศผู้ชนะการแข่งขัน NFTE World Series of Innovation Challenge

Logo

ความท้าท้ายนี้ขอให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่แก้ไขปัญหาความเท่าเทียมทางเพศในสถานที่ทำงาน เพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–22 เมษายน 2565

Mary Kay Inc. ผู้สนับสนุนองค์กรชั้นนำด้านการเสริมสร้างพลังอำนาจและการเป็นผู้ประกอบการของสตรี ประกาศในวันนี้ว่า World Series of Innovation (WSI) Challenge ครั้งที่ 2 ร่วมกับ เครือข่ายสำหรับการสอนผู้ประกอบการ หรือ Network for Teaching Entrepreneurship (NFTE)  โดยประสบการณ์การศึกษาระดับโลกเชิญชวนให้เยาวชนอายุระหว่าง 13-24 ปีใช้ช่องทางการคิดเชิงวิพากษ์และทักษะการแก้ปัญหาเพื่อค้นหาแนวทางแก้ไขสำหรับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่โลกกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน และช่วยพัฒนาเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ในขณะที่ส่งเสริมกรอบความคิดของผู้ประกอบการ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220421005111/en/

In celebration of Creativity and Innovation Day, Mary Kay is proud to announce STEMinists as the winner of the NFTE World Series of Innovation Challenge addressing SDG 5: Gender Equality. (Photo: Mary Kay Inc.)

ในการเฉลิมฉลองวันแห่งความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and Innovation Day) Mary Kay มีความภาคภูมิใจที่จะประกาศให้ STEMinists เป็นผู้ชนะของการแข่งขัน NFTE World Series of Innovation Challenge ที่กล่าวถึง SDG 5: ความเท่าเทียมทางเพศ (ภาพ: Mary Kay Inc.)

การแข่งขัน World Series of Innovation Challenge ของ Mary Kay สนับสนุนให้เยาวชนจากทั่วโลกเสนอวิธีแก้ปัญหาเชิงนวัตกรรมเพื่อจัดการกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 5: ความเท่าเทียมทางเพศ หรือ Gender Equality โดยเฉพาะอย่างยิ่งความท้าทายนี้ขอให้นักเรียนคิดหาวิธีส่งเสริมความเท่าเทียมกันในสถานที่ทำงาน และรับรองการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกันสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ก่อนการเกิดโควิด-19 ข้อมูลหลายทศวรรษแสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของผู้หญิงในแรงงาน แม้ว่าช่องว่างของค่าจ้างนั้นยังคงมีอยู่ แต่มีผู้หญิงเข้าร่วมตลาดแรงงานมากขึ้นทุกปี แต่การตกงานจากการระบาดใหญ่นั้นส่งผลกระทบต่อผู้หญิงอย่างไม่สมส่วน และตั้งแต่ปี 2563 การตะเกียกตะกายไปสู่ความเท่าเทียมของแรงงานก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ขอแสดงความยินดีกับผู้ชนะการแข่งขัน World Series of Innovation Challenge ประจำปีนี้! Mary Kay รับรู้ถึงความสำคัญของการเป็นผู้ประกอบการและบทบาทที่มีต่อโลกในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงลงทุนทุกปีในโปรแกรมและโครงการริเริ่มเพื่อช่วยส่งเสริมสตรีและเด็กผู้หญิงทั่วโลก” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นมากสำหรับผู้เข้าแข่งขันและผู้ชนะที่จัดการกับความท้าทายนี้และแสดงให้เห็นถึงการคิดในการแก้ปัญหาล่วงหน้า และระบุโอกาสที่ยอดเยี่ยมในการบรรลุถึงความเท่าเทียมทางเพศในสถานที่ทำงาน”

NFTE เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรด้านการศึกษาระดับโลกที่มุ่งเน้นการนำพลังของการเป็นผู้ประกอบการมาสู่เยาวชนในชุมชนที่มีรายได้ต่ำ การแข่งขัน World Series of Innovation (WSI) Challenge เชิญชวนความท้าทายที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ

NFTE เข้าถึงเยาวชนกว่า 50,000 รายทั่วโลก มีนักเรียนมากกว่า 3,000 รายที่มีภูมิหลังที่หลากหลายส่งแนวคิดในการแข่งขัน WSI Challenges ในปีนี้ ทั้งนี้นักเรียนมากกว่า 400 รายเข้าร่วมในความท้าทายที่ได้รับการสนับสนุนจาก Mary Kay ผู้ชนะสามรายของการแข่งขัน Mary Kay’s 2021 Challenge ได้แก่:

  • ผู้ชนะเลิศอันดับที่หนึ่ง: STEMinists การสร้างพอร์ทัลออนไลน์ที่เชื่อมโยงกับผู้เชี่ยวชาญหญิงกับนักศึกษาหญิงสาว STEM ในฐานะที่ปรึกษาเพื่อสนับสนุนความสำเร็จของผู้หญิงในสาขา STEM พัฒนาโดย Misaki Nguyen อายุ 15 ปี จากโรงเรียนมัธยม Silver Creek High School ในเมืองซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย
  • ผู้ชนะเลิศอันดับที่สอง: Pads for Peace การบริการกล่องสมัครสมาชิกผลิตภัณฑ์สำหรับสตรี โดยบริจาคจำนวนหนึ่งกล่องให้แก่ที่ผู้ไร้บ้านในทุก ๆ กล่องที่ซื้อ พัฒนาโดย Ashley Cohen, Olivia Mooney และ Ashley Simonian อายุ 14 ปี จากโรงเรียน Brentwood School ในเมืองลอสแองเจลิส
  • ผู้ชนะเลิศอันดับที่สาม: Black Girls Mean Business โปรแกรมธุรกิจภาคฤดูร้อนเสมือนจริงสำหรับนักเรียนหญิงผิวดำระดับมัธยม จับคู่กับมืออาชีพรุ่นเยาว์กับที่ปรึกษาจากธุรกิจชั้นนำด้านอุตสาหกรรม พัฒนาโดย Brianna Holmes, Alyssa Torres, Rachel Holmes อายุ 17 ปี และ Cherry Zhang อายุ 18 ปี จากโรงเรียนมัธยม Silver Creek High School ในเมืองซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย

“ในทุก ๆ ปี ทีมเยาวชนจากทั่วโลกตอบสนองต่อการเรียกร้องของ WSI โดยใช้ประโยชน์จากความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาเพื่อหาวิธีแก้ไขปัญหาที่เร่งด่วนที่สุดของโลก” Dr.J.D. LaRock ประธานและซีอีโอของ NFTE กล่าว “เยาวชนมีความกล้าหาญและมีความทะเยอทะยาน และมักได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งที่พวกเขาหลงใหล WSI เปิดโอกาสให้พวกเขาพัฒนาความคิดและให้รางวัลสำหรับการคิดอย่างสร้างสรรค์ในประเด็นต่าง ๆ อย่างเช่น ความยากจน ความเสมอภาคและการไม่แบ่งแยก ตลอดจนความยุติธรรมทางสังคมและสิ่งแวดล้อม”

2021 NFTE World Series of Innovation นำเสนอโดย Citi Foundation และคุณสมบัติการแข่งขันจาก Bank of the West, Citi Foundation, Ernst & Young LLP (EY US), Mary Kay Inc., Maxar Technologies, PIMCO และ Saint-Gobain

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ World Series of Innovation และความท้าทายทั้งหมด กรุณาเยียมชมได้ที่ https://innovation.nfte.com

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเกือบ 60 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ นอกเหนือจากการลงทุนให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าที่ทันสมัยที่สุดแล้ว Mary Kay ยังมุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขา โดยมุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว สร้างความสวยงามให้กับชุมชน และสนับสนุนให้เด็ก ๆ ได้ทำตามความฝันของพวกเขา วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ในวันนี้ยังคงเปล่งประกาย เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Mary Kay ได้ที่ MaryKayGlobal.com

เกี่ยวกับ NFTE

Network for Teaching Entrepreneurship (NFTE) เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกที่ให้การศึกษาด้านการเป็นผู้ประกอบการที่มีคุณภาพสูงแก่นักเรียนระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายจากชุมชนที่มีทรัพยากรน้อย รวมถึงโปรแกรมสำหรับนักศึกษาและผู้ใหญ่ NFTE เข้าถึงนักเรียนมากกว่า 50,000 คนในปีการศึกษานี้ ด้วยการเปิดโปรแกรมใน 25 รัฐทั่วสหรัฐอเมริกา และในอีก 18 ประเทศเพิ่มเติม นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เราได้ให้การศึกษาแก่นักเรียนมากกว่าหนึ่งล้านคนผ่านโปรแกรมในโรงเรียน นอกโรงเรียน วิทยาลัย และค่ายฤดูร้อน ที่เปิดสอนโดยตรงและทางออนไลน์ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่เราส่งเสริมระบบทุนนิยมรอบด้าน และสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่หลากหลาย เยี่ยมชมได้ที่ www.nfte.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220421005111/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Global Corporate Communications
marykay.com/newsroom
(+1) 972-687-5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay Inc. สนับสนุนให้ผู้ประกอบการรุ่นเยาว์แก้ไขปัญหาความเท่าเทียมทางเพศในสถานที่ทำงานผ่านเครือข่ายสำหรับการสอนผู้ประกอบการ (NFTE) World Series of Innovation Challenge

Logo

แดลลัส–(BUSINESS WIRE)–04 พฤศจิกายน 2564

Mary Kay Inc. ผู้สนับสนุนองค์กรชั้นนำด้านการเสริมสร้างพลังอำนาจและการเป็นผู้ประกอบการของสตรี ประกาศในวันนี้ว่า World Series of Innovation (WSI) Challenge ครั้งที่ 2 ร่วมกับ เครือข่ายสำหรับการสอนผู้ประกอบการ หรือ Network for Teaching Entrepreneurship (NFTE) ในปีที่สองของการเป็นพันธมิตรกับ NFTE โดย Mary Kay ได้ให้การสนับสนุนโปรแกรม 2021 NFTE World Series of Innovation ซึ่งเป็นประสบการณ์การศึกษาระดับโลกที่เชิญชวนให้เยาวชนอายุระหว่าง 13-24 ปี ใช้ช่องทางการคิดเชิงวิพากษ์และทักษะในการแก้ปัญหาเพื่อค้นหาแนวทางแก้ไขสำหรับความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่กำลังเผชิญกับโลกในปัจจุบันและช่วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ให้ก้าวไกลในขณะที่ส่งเสริมความคิดของผู้ประกอบการ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211104005178/en/

Mary Kay’s World Series of Innovation Challenge asks students to think about ways to promote workplace equality and ensure equal access to economic opportunity for women and girls. (Photo: Mary Kay Inc.)

World Series of Innovation Challenge ของ Mary Kay ขอให้นักเรียนคิดหาวิธีส่งเสริมความเท่าเทียมในสถานที่ทำงานและรับรองการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกันสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง (ภาพ: Mary Kay Inc.)

World Series of Innovation Challenge ของ Mary Kay สนับสนุนให้เยาวชนจากทั่วโลกได้เสนอวิธีแก้ปัญหาเชิงนวัตกรรมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 5: ความเท่าเทียมทางเพศ หรือ Gender Equality โดยเฉพาะอย่างยิ่งความท้าทายครั้งนี้ได้ขอให้นักเรียนคิดหาวิธีการส่งเสริมความเท่าเทียมกันในสถานที่ทำงาน และรับรองของการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกันสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ซึ่งก่อนเกิดโควิด-19 ข้อมูลหลายทศวรรษแสดงให้เห็นการเพิ่มขึ้นของผู้หญิงในแรงงาน แม้ว่าช่องว่างค่าจ้างยังคงมีอยู่ ผู้หญิงจำนวนที่มากขึ้นเข้าร่วมตลาดแรงงานทุกปี แต่การตกงานจากการระบาดใหญ่ส่งผลกระทบต่อผู้หญิงอย่างไม่เป็นสัดส่วนนัก และตั้งแต่ปี 2563 การพยายามอย่างสูงไปสู่ความเท่าเทียมของแรงงานก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

“Mary Kay ทราบถึงความสำคัญของการเป็นผู้ประกอบการและบทบาทที่มีต่อโลกในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงลงทุนทุกปีในโปรแกรมและโครงการริเริ่มต่าง ๆ เพื่อช่วยส่งเสริมผู้หญิงและเด็กผู้หญิงทั่วโลก” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “เราต้องการช่วยที่ไม่เพียงแต่ให้โอกาสทางการศึกษาเท่านั้น แต่ยังช่วยให้พวกเขาไล่ตามความฝันไปทั่วโลก เราตื่นเต้นมากสำหรับความท้าทายนี้ซึ่งเชื่อมโยงกับภารกิจหลักของบริษัทของเรา”

NFTE เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรด้านการศึกษาระดับโลกที่มุ่งเน้นการนำพลังของผู้ประกอบการมาสู่เยาวชนในชุมชนที่มีรายได้ต่ำ World Series of Innovation (WSI) Challenge ได้เชื้อเชิญความท้าทายที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ด้วยจำนวนนักเรียน 100,000 คนจากทั่วโลก ในปี 2563 NFTE ได้รับนักเรียนที่เข้าร่วมเกือบ 4,000 คนจากทุกภูมิหลังที่ส่งแนวคิดใน WSI Challenges และนักเรียนเกือบ 350 คนเข้าร่วมในการแข่งขันครั้งแรกที่ Mary Kay สนับสนุนเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 12: การบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ หรือ Responsible Consumption and Production ผู้ชนะสามรายของความท้าทายปี 2563 ของ Mary Kay ได้แก่:

  • อันดับที่หนึ่ง: Loop Tee Loop
    • Loop Tee Loop เป็น clothing loop แบบยั่งยืนที่รวมโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอไลโอเซลล์เข้ากับการบริการรีไซเคิลเครื่องแบบจากมหานครมะนิลาในประเทศฟิลิปปินส์
  • อันดับที่สอง: SwagSwap
    • SwagSwap เป็นเครือข่ายโซเชียลในสหรัฐอเมริกาสำหรับเสื้อผ้ามือสอง โดยเปิดการใช้งานการแลกเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบ peer-to-peer สำหรับวัยรุ่น
  • อันดับที่สาม: Project DBrand
    • Project DBrand เป็นบริการที่ไม่เหมือนใคร ซึ่ง de-brands เครื่องแบบที่ใช้แล้ว เพื่อว่าพวกเขาสามารถนำไปรีไซเคิลสร้างสิ่งใหม่ได้ในสหรัฐอเมริกา

J.D. LaRock ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ NFTE กล่าวว่า “การสนับสนุนการพัฒนาผู้ประกอบการของเยาวชนมีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยสร้างโลกให้ดียิ่งขึ้นสำหรับคนรุ่นต่อไป” “ในแต่ละปีเรายังคงได้รับแรงบันดาลใจจากนวัตกรรมที่ผู้ประกอบการรุ่นต่อไปได้จินตนาการ และเราหวังว่าจะได้เห็นแนวคิดใหม่ทั้งหมดจากผู้เข้าแข่งขันใน WSI ปี 2564 เรารู้สึกขอบคุณ Mary Kay Inc. สำหรับการสนับสนุนเป็นปีที่สอง โดยวางความท้าทายระดับโลกที่สำคัญนี้เพื่อช่วยพัฒนาความเท่าเทียมกันในสถานที่ทำงานและเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกันสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง”

นอกเหนือจาก World Series of Innovation แล้ว Mary Kay ยังสนับสนุนโครงการ Entrepreneurship ของ NFTE ในทุกโรงเรียน โดยนำเส้นทางการเป็นผู้ประกอบการผ่านหลักสูตรไปสู่นักเรียนทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ และสนับสนุนความท้าทายในการเป็นผู้ประกอบการเยาวชนระดับภูมิภาคของ NFTE ที่ซึ่งนักเรียนนำเสนอโอกาสทางธุรกิจเพื่อสร้างเงินในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขัน

โปรแกรม 2021 NFTE World Series of Innovation นำเสนอโดย Citi Foundation และมีความท้าทายจาก Bank of the West, Citi Foundation, Ernst & Young LLP (EY US), Mary Kay, Inc., Maxar Technologies, PIMCO และ Saint-Gobain ความท้าทายนี้เปิดตัวในวันที่ 15 กันยายน และรายการจะครบกำหนดภายในวันที่ 15 ธันวาคม การตัดสินจะเริ่มต้นในเดือนมกราคม 2565 ผู้เข้ารอบสุดท้ายจะประกาศในเดือนกุมภาพันธ์ และผู้ชนะจะประกาศในวันที่ 31 มีนาคม

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ World Series of Innovation และความท้าทายทั้งหมด สามารถเยี่ยมชมได้ที https://innovation.nfte.com

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเกือบ 56 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay Inc. ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอม  Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขาด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลก โดยมุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว สร้างความสวยงามให้กับชุมชน และสนับสนุนให้เด็ก ๆ ได้ทำตามความฝันของพวกเขา วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกาย – และนำพาสู่ความสำเร็จไปทีละขั้น เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Mary Kay ได้ที่ www.marykayglobal.com

เกี่ยวกับ NFTE

Network for Teaching Entrepreneurship (NFTE) เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกที่ให้การศึกษาด้านการเป็นผู้ประกอบการที่มีคุณภาพสูงแก่นักเรียนระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายจากชุมชนที่มีทรัพยากรน้อย รวมถึงโปรแกรมสำหรับนักศึกษาและผู้ใหญ่ NFTE เข้าถึงนักเรียนมากกว่า 45,000 คนในปีการศึกษานี้ ด้วยการเปิดโปรแกรมใน 25 รัฐทั่วสหรัฐอเมริกา และในอีก 20 ประเทศเพิ่มเติม นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เราได้ให้การศึกษาแก่นักเรียนมากกว่าหนึ่งล้านคนผ่านโปรแกรมในโรงเรียน นอกโรงเรียน วิทยาลัย และค่ายฤดูร้อน ที่เปิดสอนโดยตรงและทางออนไลน์ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่เราส่งเสริมระบบทุนนิยมรอบด้าน และสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่หลากหลาย เยี่ยมชมได้ที่ www.nfte.com

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211104005178/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Global Corporate Communications
marykay.com/newsroom
(+1) 972-687-5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

แบรนด์สัตว์เลี้ยงและสัตว์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คว้ารางวัล World Branding Awards ประจำปี 2564 โดย Storm

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–9 กันยายน 2564

วันนี้รางวัลอันทรงเกียรติ World Branding Awards ซึ่งเป็นสุดยอดรางวัลการเชิดชูแบรนด์ระดับโลก ในขณะนี้เป็นครั้งที่ 13 ของงานแล้ว โดยคัดเลือก 150 แบรนด์จาก 41 ประเทศ และมอบรางวัล “แบรนด์แห่งปี” หรือ “Brand of the Year” ในพิธีมอบรางวัลเสมือนจริงครั้งแรกที่จัดขึ้นในประวัติศาสตร์ของรางวัลนี้ แบรนด์ต่าง ๆ ได้รับการเสนอชื่อจากผู้บริโภคมากกว่า 115,000 รายจากหกทวีปสำหรับ Animalis edition ที่พิเศษซึ่งจัดขึ้นทุก ๆ สองปี โดยมุ่งเน้นที่การมอบรางวัลแบรนด์สัตว์เลี้ยงและสัตว์ที่ดีที่สุดจากทั่วโลก

Animal Planet, BuddyRest, FRONTLINE, KONG, ORIJEN, Pedigree, Petplan, PURINA Friskies, Rogz, Tetra และ Whiskas ได้รับการประกาศให้เป็นผู้ชนะระดับ Global Tier ในปีนี้ ท่ามกลางแบรนด์อื่น ๆ

Aqua Design Amano (ญี่ปุ่น), Vitakraft และ Zooplus (เยอรมนี) และ PetSmart (สหรัฐอเมริกา) ล้วนได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ชนะระดับ Regional Tier พร้อมกับแบรนด์อื่น ๆ อีกสองสามราย

แบรนด์ของมาเลเซียที่เป็นจุดสนใจ ได้แก่ Aquanice (อาหารปลา), Aquaria KLCC (พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำสาธารณะ), Catzonia (โรงแรมสำหรับสัตว์เลี้ยง – แมว) และ Powercat (อาหารแมว – แบบแห้ง/แบบเม็ด) ท่ามกลางแบรนด์อื่น ๆ

แบรนด์ดังของสิงคโปร์ ได้แก่ Gold-D (อาหารแมว) และ Snappy (ทรายแมว) ในฐานะผู้ชนะระดับ National Tier และ Happi Doggy (ขนมขัดฟัน) และ Kit Cat (ผลิตภัณฑ์/อุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง) ในฐานะผู้ชนะระดับ Regional Tier ท่ามกลางแบรนด์อื่น ๆ

และสุดท้าย แบรนด์ที่ได้รับชัยชนะจากฟิลิปปินส์ ได้แก่ Top Breed (อาหารสุนัข – แบบแห้ง/แบบเม็ด), Pupkits (ชุดเครื่องนอน) และ Petshop.ph (ร้านขายสัตว์เลี้ยงออนไลน์) ท่ามกลางแบรนด์อื่น ๆ

“รางวัล Animalis Edition เป็นรางวัลอันทรงเกียรติแก่แบรนด์ที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมสัตว์และสัตว์เลี้ยงทั่วโลก และเชิดชูแบรนด์ที่ยังคงอยู่แถวหน้าในจิตใจของผู้บริโภค โดยเมื่อพิจารณาจากความท้าทายของการระบาดใหญ่ทั่วโลกที่ประสบต่อธุรกิจ อย่างน้อยก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างน่าประหลาดใจ” ริชาร์ด โรวส์ ประธานองค์กร World Branding Forum กล่าว

“นี่เป็นการเฉลิมฉลองของนักการตลาดที่ดีที่สุดของแบรนด์สัตว์เลี้ยงและสัตว์จากทั่วโลก” Rowles กล่าวเสริม

พิธีมอบรางวัลดังกล่าวมีผู้ประกอบการ Lara Morgan และสื่อสัตวแพทย์ Joe Inglis กล่าวปาฐกถาพิเศษแก่แขกผู้มีเกียรติ

รางวัลนี้จัดขึ้นโดย World Branding Forum ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่อุทิศตนเพื่อยกระดับมาตรฐานการสร้างแบรนด์

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและรายชื่อผู้ชนะทั้งหมด สามารถเยี่ยมชมได้ที่ awards.brandingforum.org

เกี่ยวกับ the World Branding Forum

World Branding Forum (WBF) เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกที่ผ่านการจดทะเบียน โดยมีจุดมุ่งหมายและกิจกรรมเพื่อยกระดับมาตรฐานการสร้างแบรนด์เพื่อประโยชน์ของอุตสาหกรรมและผู้บริโภค องค์กร WBF ทำการผลิต จัดการ และสนับสนุนโปรแกรมที่หลากหลายซึ่งครอบคลุมการวิจัย การพัฒนา การศึกษา การยอมรับ เครือข่าย และการขยายงาน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ brandingforum.org

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210909005386/en/

ติดต่อ:

Press
Peter Michaels
peter.michaels@brandingforum.org

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

New World La Plume Niseko Resort เตรียมเปิดให้บริการในปี 2566

Logo

รีสอร์ทแห่งนี้จะเป็นอสังหาริมทรัพย์แห่งแรกในญี่ปุ่นของ New World แบรนด์ที่กำลังขยายการเติบโตทั่วทั้งเอเชียอย่างต่อเนื่อง

นิเซโกะ, ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–30 เมษายน 2564

New World® Hotels & Resorts ได้รับการแต่งตั้งโดยบริษัท La Plume Niseko Resort TMK บริษัทอสังหาริมทรัพย์และพัฒนาโครงการจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ให้บริหารจัดการ New World La Plume Niseko Resort รีสอร์ทหรูแห่งใหม่ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งเตรียมเปิดให้บริการในปี 2566 ด้วยอาณาบริเวณที่กินพื้นที่เกือบเก้าเอเคอร์ซึ่งรายล้อมด้วยผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ระหว่างภูเขาโยเทอิและภูเขาอันนุปุริในฮอกไกโด ผู้มาเยือน New World La Plume Niseko Resort จะได้เข้าถึงประสบการณ์แบบกลางแจ้งซึ่งหาที่เปรียบไม่ได้จากกิจกรรมนับไม่ถ้วน ซึ่งรวมถึงการเล่นสกีและกอล์ฟระดับสุดยอด และยังมีร้านอาหารและร้านค้าขึ้นชื่อของหมู่บ้านนิเซโกะซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลออกไป โดยประกาศครั้งล่าสุดจาก New World Hotels & Resorts นี้ยังได้เน้นย้ำถึงกลยุทธ์การเติบโตของแบรนด์ในภูมิภาคเอเชียที่แสดงถึงความมุ่งมั่นและการพิจารณาอย่างรอบคอบอีกด้วย

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210430005017/en/

New World La Plume Niseko Resort (Photo: Business Wire)

New World La Plume Niseko Resort (รูปภาพ: Business Wire)

สำหรับสถาปัตยกรรมของรีสอร์ทแห่งนี้ ซึ่งได้รับการออกแบบมาให้อนุรักษ์และส่งเสริมสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เอาไว้ ควบคุมโดย Kazuko Okuyama สถาปนิกชื่อดังแห่ง Daiken Design Co โดยแผนการออกแบบโครงสร้างของ Okuyama ที่คิดมาอย่างละเอียด ได้นำองค์ประกอบของจิตวิญญาณการผจญภัยในพื้นที่และวิวที่งดงามตระการตามารวมเข้ากับทิวทัศน์ภูเขาโดยรอบได้อย่างแนบเนียนลงตัว และที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้ก็คือต้นเบิร์ชสีขาวที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนิเซโกะ ซึ่งถูกนำมาผสานเข้ากับดีไซน์ภายนอกได้อย่างพิถีพิถัน เข้ากับพื้นผิวกระจกด้านนอกของอาคารซึ่งทำให้มองเห็นบริเวณภายนอก แสง สภาพอากาศ และฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การตกแต่งภายในโดย Norihiko Shinya แห่ง S.D.S International Co. ยังเข้ามาเสริมให้อาคารแห่งนี้สามารถนำเสนอความงดงามในแบบร่วมสมัยที่ลงตัวกับภูมิทัศน์ทางธรรมชาติอันยิ่งใหญ่อีกด้วย

หลังการก่อสร้างแล้วเสร็จ รีสอร์ทแห่งนี้จะมีห้องพักแขกทั้งหมด 219 ห้อง และบ้านพักแบบวิลล่า 5 หลังที่มีสไตล์เรียบง่ายและทันสมัย แต่ละหลังยังมีห้องครัวหรือบริเวณทำครัวเล็ก ๆ เพื่อให้ผู้เข้าพักรู้สึกไม่ต่างจากการพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ห้องพักบางห้องยังมาพร้อมบ่อน้ำพุร้อนส่วนตัวและเตาผิงสำหรับสร้างความอบอุ่นและบรรยากาศที่ผ่อนคลายทั้งภายในและภายนอก สำหรับผู้ที่ต้องการอาศัยในพื้นที่ที่ได้เป็นเจ้าของแบบถาวร สถานที่แห่งนี้ก็มีห้องชุดสำหรับขาย รวมถึงห้องพักแบบวิลล่าที่แต่ละหลังแยกตัวออกจากกันเป็นสัดส่วนเพื่อมอบบริเวณพักผ่อนที่กว้างขวาง สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกประกอบด้วยห้องอาหารสองแห่งและบาร์ มีทั้งห้องอาหารซิกเนเจอร์ ห้องอาหารที่ให้บริการทั้งวัน และล็อบบี้เลาจน์โดยแต่ละแห่งเสิร์ฟเมนูที่น่าตื่นตาตื่นใจในบรรยากาศอันน่าทึ่ง สำหรับประสบการณ์รับประทานอาหารแบบองค์รวม ที่นี่มีให้ลิ้มลองทั้งอาหารในสไตล์ญี่ปุ่น ตะวันตก และจีน และยังมีเมนูที่ใช้เครื่องปรุงจากท้องถิ่นในภูมิภาคนั้นด้วย ส่วนบริเวณล็อบบี้เลาจน์ที่อยู่ถัดไปจากโถงต้อนรับจะตกแต่งภาพเขียนบนผนังตลอดทางเดินเล่นระดับ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับให้ผู้ที่รักธรรมชาติได้ใช้เวลาเล็ก ๆ น้อย ๆ ภายนอกอาคารระหว่างเพลิดเพลินกับการจิบไวน์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ค็อกเทลที่รังสรรค์ขึ้นใหม่ และเมนูเครื่องดื่มอีกหลากหลายรายการที่ผ่านการคัดสรรมาแล้ว

“ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมน่าตื่นเต้นหลงใหล และเป็นจุดหมายปลายทางที่ New World Hotels & Resorts ให้ความสนใจมาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ซึ่งเราพยายามขยายการเติบโตแบรนด์ของเราให้ทั่วเอเชีย” Sonia Cheng ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแห่ง Rosewood Hotel Group กล่าว “นิเซโกะ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางในการเล่นสกีอันดับต้น ๆ ของโลกและเป็นแหล่งเล่นสกีที่ใหญ่ที่สุดของทวีป เป็นที่ชื่นชอบด้วยมีสิ่งต่าง ๆ มากมายให้มาสัมผัส ภูมิทัศน์ที่น่าหลงใหล และกิจกรรมที่หลากหลาย เราตื่นเต้นที่ได้นำมาตรฐานใหม่ของความหรูหราและบริการมาสู่ภูมิภาคนี้ และขอแสดงความขอบคุณไปถึงพันธมิตรของเราที่ La Plume Niseko Resort TMK ด้วย สำหรับโอกาสที่พวกเขามอบให้เราได้ทำในสิ่งเหล่านี้”

หนึ่งในจุดดึงดูดหลักของรีสอร์ทแห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้นที่ 10 ซึ่งเป็นระเบียงนอกอาคารที่สามารถมองเห็นวิวแบบพาโนรามาของภูมิทัศน์โดยรอบ และยังมีสระว่ายน้ำ ยิม ออนเซ็นทั้งแบบในร่มและกลางแจ้ง รีสอร์ทแห่งนี้ยังมีสโมสรสำหรับเด็ก ๆ ที่จะสร้างความบันเทิงให้กับเจ้าตัวเล็กด้วยความสนุกสนานและเกมต่าง ๆ รวมถึงบริการแบบเอ็กซ์คลูซีฟและการดูแลเป็นพิเศษ นิเซโกะมีสิ่งต่าง ๆ รอต้อนรับที่แตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล ผู้มาเยือนจะได้สนุกกับกิจกรรมกลางแจ้งมากมาย ทั้งจุดเล่นหิมะที่ประกอบด้วยกิจกรรมอย่างสกีหิมะ นั่งรถเลื่อนบนหิมะ และการเดินบนรองเท้าหิมะ หรือกิจกรรมในช่วงที่อาการศอบอุ่นอย่างเช่นการพายเรือแคนู การล่องแพ และตกปลาในแม่น้ำหรือกิจกรรมขี่ม้า จักรยานเสือภูเขา กอล์ฟ รวมถึงนั่งบอลลูน

“จุดหมายปลายทางที่ผู้คนมากมายปรารถนาที่จะได้มาเยือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องการมาสัมผัสความหนาวเย็น นิเซโกะสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในฐานะเมืองสกีรีสอร์ทชั้นนำ” Zhang XiaoJin ประธานแห่ง La Plume Niseko Resort TMK กล่าว “เมื่อเราเตรียมนำนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่มาเยือนจุดหมายปลายทางที่แสนพิเศษแห่งนี้ เรานึกไม่ออกเลยว่าจะมีพันธมิตรรายใดที่เหมาะสมไปกว่า New World Hotels & Resorts เราต่างตั้งตารอที่จะได้แนะนำสถานที่น่ามหัศจรรย์แห่งนี้ให้กับนักเดินทางจากนานาประเทศอีกมากมายได้รู้จัก”

New World La Plume Niseko Resort จะเข้ามาเป็นอีกหนึ่งอสังหาที่มีความโดดเด่นของ New World ซึ่งมีอยู่ทั่วทั้งเอเชีย ทั้งนี้ยังมีอีกหลายโครงการในภูมิภาคนี้ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา ได้แก่ New World Jaipur Resort (อินเดีย), New World Hoiana Hotel (เวียดนาม), New World Nha Trang Hotel (เวียดนาม) และ New World Phu Ouoc Resort (เวียดนาม)

เกี่ยวกับ New World Hotels & Resorts

New World® Hotels & Resorts เป็นทั้งศูนย์ธุรกิจที่หรูหรา โรงแรมที่เน้นการจัดประชุม (MICE) และรีสอร์ทซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นแหล่งรวมความสะดวกสบายทั้งในเมืองหลักและเมืองรองของประเทศจีน ประตูสู่ทวีปเอเชียที่สำคัญและเป็นจุดหมายปลายทางเพื่อการพักผ่อนที่ได้รับความนิยม อสังหารวมทั้งหมด 9 แห่งของ New World Hotels & Resorts ตั้งอยู่ในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ปักกิ่ง ต้าเหลียน กุ้ยหยาง อู่ฮั่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม รวมถึงโรงแรมที่เป็นพันธมิตรอีกหนึ่งแห่งในซุ่นเต๋อ ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมขนาด 350 ห้องขึ้นไป เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการแบบครบวงจร รวมถึงห้องอาหารที่หลากหลาย บริการด้านธุรกิจต่าง ๆ ห้องประชุมขนาดใหญ่ ชั้นสำหรับผู้บริหาร และตัวเลือกด้านสันทนาการอีกมากมาย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ newworldhotels.com

เกี่ยวกับ Rosewood Hotel Group

Rosewood Hotel Group บริษัทซึ่งถือครองโดยเอกชน หนึ่งในกลุ่มผู้ให้บริหารการจัดการธุรกิจไลฟ์สไตล์และบริการชั้นนำของโลก และเป็นเจ้าของแบรนด์ต่าง ๆ 5 แบรนด์ ได้แก่ Rosewood Hotels & Resorts® สุดหรูหรา, New World Hotels & Resorts โรงแรมและรีสอร์ทระดับบน, KHOS คอนเซ็ปต์ที่พักแนวไลฟ์สไตล์โดย Rosewood, Asaya คอนเซ็ปต์ที่พักเพื่อสุขภาพแบบครบวงจร และ Carlyle & Co. คลับสำหรับสมาชิกแบบส่วนตัวที่มีความล้ำและทันสมัย และยังมีโรงแรมในเครือรวมทั้งหมด 39 แห่ง ใน 19 ประเทศ และอสังหาอีกเกือบ 40 แห่งที่อยู่ระหว่างการพัฒนา

เกี่ยวกับ La Plume Niseko Resort TMK

La Plume Niseko Resort TMK ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Sakura Capital International Holdings (HK) Limited เป็นบริษัทโฮลดิ้งในฮ่องกงที่เชี่ยวชาญทางด้านการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการท่องเที่ยวในต่างประเทศ ผู้ที่ถือหุ้นอยู่เบื้องหลังเป็นผู้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาโรงแรมรีสอร์ทระดับไฮเอนด์จำนวนมาก และโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการท่องเที่ยวที่มีพื้นที่เกือบหนึ่งล้านตารางเมตร

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210430005017/en/

สื่อ:
Rosewood Hotel Group
โทร: +852 2138 2260
อีเมล: rwhg.mediacontacts@rosewoodhotelgroup.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย