Veritas Capital ปิดการระดมทุนกองทุนหลักลำดับที่เก้าด้วยวงเงินสูงสุดที่กำหนดไว้ที่ 1.44 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

Logo

การระดมทุนนี้เพิ่มขึ้น 35% จากกองทุน Fund VIII ทำให้สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของ Veritas มีมูลค่ามากกว่า 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ซึ่งสานต่อภารกิจของบริษัทในการปฏิรูปเทคโนโลยีและธุรกิจที่สอดคล้องกับภาครัฐ

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–10 กันยายน 2025

Veritas Capital (“Veritas”) เป็นนักลงทุนชั้นนำที่เชื่อมโยงเทคโนโลยีและภาครัฐเข้าด้วยกัน ประกาศปิดการระดมทุนครั้งสุดท้ายของกองทุน Veritas Capital Fund IX (“กองทุน IX”) ด้วยยอดเงินลงทุนรวม 1.44 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ กองทุน IX มียอดจองซื้อเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างมาก โดยมีความต้องการเกินกว่าวงเงินสูงสุดที่กำหนดไว้ และสูงกว่าเป้าหมายเริ่มต้นที่ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ การระดมทุนครั้งนี้เพิ่มขึ้น 35% จากกองทุน VIII ซึ่งปิดการระดมทุนที่ 1.07 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 โดยการปิดการระดมทุนครั้งนี้ทำให้ Veritas สามารถบริหารจัดการสินทรัพย์ได้มากกว่า 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในทุกกลยุทธ์ของบริษัท ซึ่งช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งในฐานะนักลงทุนชั้นนำที่มุ่งเน้นด้านเทคโนโลยี

“กองทุน IX ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับ Veritas และผมมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งในทีมงานและพันธมิตรที่ยั่งยืนที่ทำให้ความสำเร็จครั้งนี้เกิดขึ้นได้” กล่าวโดย Ramzi Musallam ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและหุ้นส่วนผู้จัดการของ Veritas “ท่ามกลางสภาพแวดล้อมการระดมทุนที่ท้าทายที่สุดครั้งหนึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความต้องการกองทุน IX ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นเครื่องยืนยันถึงกลยุทธ์และแพลตฟอร์มของเราอย่างชัดเจน ในขณะที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในการกำหนดอนาคตของความมั่นคงแห่งชาติ ในการยกระดับการให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ รวมถึงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในวงกว้าง กองทุนนี้จะช่วยให้เราสามารถขยายผลกระทบ คว้าโอกาสใหม่ๆ และผลักดันนวัตกรรมในจุดที่สำคัญที่สุดต่อไปได้”

กองทุน IX ขับเคลื่อน Veritas ให้มุ่งเน้นไปที่ธุรกิจที่จำเป็นและมีความยืดหยุ่นในตลาดที่มีกฎระเบียบสูง ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ภาคส่วนเหล่านี้กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ซอฟต์แวร์ ข้อมูล และ AI กำลังปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานของสังคม แพลตฟอร์มของ Veritas สร้างขึ้นจากความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นกรรมสิทธิ์ และกลยุทธ์ที่ทำซ้ำได้ โดยออกแบบมาเพื่อขับเคลื่อนมูลค่าในตลาดที่ซับซ้อนและมีความสำคัญระดับโลก

ความเป็นผู้นำและผลงานของ Veritas ได้รับการยอมรับอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดอันดับ 10 อันดับแรกของโลกโดย HEC Paris–Dow Jones เป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นบริษัทซื้อกิจการที่มีผลงานดีที่สุดในอเมริกาโดย Preqin ในปี 2023

เกี่ยวกับ Veritas Capital

Veritas เป็นนักลงทุนด้านเทคโนโลยีมายาวนาน มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการมากกว่า 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และมุ่งเน้นไปที่บริษัทที่ดำเนินธุรกิจที่เชื่อมโยงระหว่างเทคโนโลยีและภาครัฐ บริษัทลงทุนในบริษัทต่างๆ ที่ให้บริการด้านผลิตภัณฑ์ บริการ และซอฟต์แวร์ที่สำคัญต่อภารกิจ โดยเน้นที่เทคโนโลยีและโซลูชันที่ใช้เทคโนโลยี แก่ลูกค้าภาครัฐและภาคเอกชนทั่วโลก Veritas มุ่งมั่นที่จะสร้างมูลค่าโดยการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของบริษัทที่ลงทุนด้วยวิธีการทั้งแบบออร์แกนิกและแบบอนินทรีย์ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกในสาขาที่สำคัญยิ่ง เช่น การดูแลสุขภาพ การศึกษา พลังงาน และความมั่นคงแห่งชาติ ถือเป็นหัวใจสำคัญของบริษัท Veritas ภูมิใจที่ได้ดูแลสินทรัพย์ทั้งในระดับชาติและระดับโลก การพัฒนาคุณภาพของการดูแลสุขภาพควบคู่ไปกับการลดต้นทุน การพัฒนาระบบการศึกษา การเร่งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และการปกป้องประเทศชาติและพันธมิตรของเรา ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.veritascapital.com

การที่ Veritas ได้รับรางวัลหรือการจัดอันดับใดๆ ที่อ้างอิงในที่นี้ ไม่ได้บ่งชี้ถึงประสบการณ์ของนักลงทุนรายบุคคลที่มีต่อ Veritas หรือผลการดำเนินงานในอนาคตของกองทุน Veritas แต่อย่างใด การจัดอันดับและรางวัลดังกล่าวไม่ควรถือเป็นคำแนะนำหรือการประเมินธุรกิจการจัดการการลงทุนของ Veritas โดยสามารถอ่านประกาศสำคัญ ข้อสงวนสิทธิ์ และรายละเอียดเกี่ยวกับรางวัลหรือการจัดอันดับใดๆ ที่อ้างอิงได้ที่นี่

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Veritas Capital:
 
สื่อใหม่
Prosek Partners
Pro-Veritas@Prosek.com

ที่มา: Veritas Capital

ท่ามกลางความต้องการวีซ่านิวซีแลนด์ที่เพิ่มสูงขึ้น ทาง Greener Pastures New Zealand จึงได้เปิดตัวกองทุนเพื่อการลงทุนในกีวีฟรุตใหม่

Logo

กองทุนนี้มุ่งเป้าไปที่ภาคการเกษตรชั้นนำของนิวซีแลนด์ โดยเปิดโอกาสให้กับผู้ที่ต้องการขอวีซ่าถาวรในนิวซีแลนด์ผ่านการลงทุน

โอ๊คแลนด์, นิวซีแลนด์–(BUSINESS WIRE)–09 กันยายน 2025

Greener Pastures New Zealand เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนและไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรแห่งแรกของนิวซีแลนด์ ในวันนี้ได้ประกาศเปิดตัวกองทุนกีวีฟรุตของ Greener Pastures โดยกองทุนนวัตกรรมนี้จะช่วยให้บุคคลและครอบครัวต่างๆ ที่ต้องการพำนักถาวรในนิวซีแลนด์ผ่านวีซ่า Active Investor Plus หรือที่มักเรียกกันว่า “Golden Visa” ของนิวซีแลนด์ สามารถตอบโจทย์ความต้องการด้านการลงทุนด้วยการเข้าร่วมเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศ โดยกองทุนนี้จะลงทุนในภาคส่วนกีวีฟรุตของนิวซีแลนด์โดยเฉพาะ รวมถึงการเป็นเจ้าของที่ดินที่มีผลผลิตสูง เช่น สวนกีวีฟรุต รวมถึงหุ้นใน Zespri ที่เป็นผู้ส่งออกและจำหน่ายกีวีฟรุตรายใหญ่ที่สุดของโลก

Greener Pastures New Zealand ได้เปิดตัวเมื่อต้นปีนี้ โดยมอบเส้นทางที่ครอบคลุมสู่การพำนักอาศัยสำหรับบุคคลและครอบครัวที่มีสินทรัพย์สุทธิสูงผ่านโครงการวีซ่า Active Investor Plus เนื่องจากความต้องการวีซ่าเพื่อการลงทุนของนิวซีแลนด์ที่เพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางความสนใจจากทั่วโลกในการใช้ชีวิตอย่างมั่นคงและมีคุณภาพสูง ทำให้ Greener Pastures มีความโดดเด่นในฐานะที่เป็นบริษัทเดียวที่นำเสนอบริการครบวงจร ซึ่งรวมถึงการลงทุนที่ผ่านการรับรอง การอำนวยความสะดวกด้านวีซ่า รวมถึงการวางแผนด้านไลฟ์สไตล์ส่วนบุคคล ที่ครอบคลุมถึงการจัดหาที่เรียนในโรงเรียน การจัดหาอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการบูรณาการด้านชุมชนต่างๆ

“เรามีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เปิดตัวกองทุนกีวีฟรุตของ Greener Pastures” กล่าวโดย Dominic Jones กรรมการผู้จัดการของ Greener Pastures New Zealand “กองทุนนี้ช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถตอบสนองต่อความต้องการด้านการลงทุนสำหรับวีซ่า Active Investor Plus ผ่านการลงทุนในหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นภาคส่วนที่สร้างมูลค่ามหาศาลให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมาอย่างยาวนาน ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ชั้นนำให้กับโลก กีวีฟรุตเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้บริโภค เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการลงทุนในภาคส่วนนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับประเทศนิวซีแลนด์ อุตสาหกรรมนี้เป็นหนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จของนิวซีแลนด์มาอย่างยาวนาน และแนวโน้มในอนาคตของภาคส่วนนี้นั้นน่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก”

ความรู้เชิงสถาบันของ Greener Pastures New Zealand เกี่ยวกับภาคเกษตรกรรมนั้นเกิดมาจากความเชี่ยวชาญทางด้านการเงินอย่างลึกซึ้งในตลาดการลงทุนของประเทศ ประกอบกับความผูกพันทั้งโดยส่วนตัวและครอบครัวที่มีต่อการเกษตร เกษตรกรรม รวมถึงอุตสาหกรรมกีวีฟรุต โดยก่อนที่จะเริ่มต้นอาชีพในสายงานธนาคารและการเงินในลอนดอน รวมถึงการก่อตั้ง Origin Capital Partners ที่เป็นบริษัทจัดการกองทุนที่มีชื่อเสียงและเป็นบริษัทแม่ของ Greener Pastures New Zealand นั้น Jones ได้เติบโตในชนบทของนิวซีแลนด์ โดยมีรากฐานมาจากครอบครัวในอุตสาหกรรมกีวีฟรุตและผลิตภัณฑ์นมที่ผ่านมาหลายรุ่น เขามองว่ามรดกทางการเกษตรของนิวซีแลนด์นั้นเป็นหัวใจสำคัญของอัตลักษณ์และความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ โดยสมาชิกคณะกรรมการของ Greener Pastures New Zealand และ Origin Capital Partners นั้นมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในด้านการลงทุนส่วนบุคคล รวมถึงการกำกับดูแลในอุตสาหกรรมกีวีฟรุตมาเป็นเวลานานหลายปี

กองทุนกีวีฟรุตของ Greener Pastures ประกอบด้วยที่ดินในนิวซีแลนด์ที่ให้ผลผลิตสูงในรูปแบบของสวนกีวีเป็นหลัก โดยกองทุนจะเข้าซื้อสวนกีวีที่มีอยู่แล้วหรือพัฒนาสวนใหม่จากที่ดินเปล่า ที่มอบโอกาสพิเศษให้กับเหล่านักลงทุนในการปฏิบัติตามเกณฑ์การลงทุนของวีซ่าผ่านการเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ดินอันทรงคุณค่า อุตสาหกรรมกีวีของนิวซีแลนด์นั้นมีประวัติที่แข็งแกร่งในการสร้างมูลค่า โดยผลตอบแทนรวมจากที่ดินที่ปลูกกีวีนั้นให้ผลตอบแทนสูงกว่าภาคการเกษตรอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากข้อได้เปรียบเชิงโครงสร้างที่ยั่งยืน

กองทุนนี้ถือเป็นกองทุนที่สามที่ Greener Pastures New Zealand และ Origin Capital Partners ระดมทุนและบริหารจัดการในภาคธุรกิจกีวีฟรุต โดยกองทุนสองกองทุนแรกรวมกันนั้นจัดอยู่ในกลุ่มธุรกิจกีวีฟรุตที่ใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ ที่บริหารจัดการสินทรัพย์มากกว่า 225 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์

กองทุนกีวีฟรุตของ Greener Pastures เป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนลำดับที่สองจาก Greener Pastures New Zealand ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองข้อกำหนดวีซ่า Active Investor Plus นอกจากนี้ บริษัทยังมีกองทุน Greener Pastures Diversified Fund ซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะสำหรับวีซ่าประเภทนี้ โดยให้การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำในตลาดหุ้นบริษัทเอกชนที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงตราสารหนี้นอกตลาดอีกด้วย

เกี่ยวกับ Greener Pastures New Zealand

Greener Pastures New Zealand เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนและไลฟ์สไตล์แบบบูรณาการแห่งแรกของนิวซีแลนด์ ที่ให้คำปรึกษาแก่คู่รักและครอบครัวชาวต่างชาติที่มีความมั่งคั่งสูงผ่านโครงการวีซ่า Active Investor Plus (AIP) ในฐานะบริษัทในเครือของ Origin Capital Partners โดยบริษัทนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ปรับแต่งตามความต้องการและการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ เพื่อให้มั่นใจว่าการย้ายถิ่นฐานมายังนิวซีแลนด์จะราบรื่น มีกลยุทธ์ ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดย Greener Pastures ได้ช่วยให้พลเมืองโลกสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนในหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าปรารถนาที่สุดของโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.greenerpastures.nz

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ: greenerpastures@misfittoyscomms.com

ที่มา: Greener Pastures New Zealand

Balsam Hill ประกาศอย่างภาคภูมิใจถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาต้นคริสต์มาสที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น

Logo

เรดวูดซิตี้, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–08 กันยายน 2025

Balsam Hill® ผู้นำระดับโลกด้านต้นคริสต์มาสเทียมคุณภาพสูง ทนทานต่อธรรมชาติ และสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ รวมถึงของตกแต่งตามเทศกาลต่างๆ ภูมิใจนำเสนอนวัตกรรมใหม่ในการผลิตต้นคริสต์มาสคุณภาพระดับมรดกตกทอด โดยใช้วัสดุที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น

ตั้งแต่ปี 2006 Balsam Hill มุ่งมั่นในเรื่องการสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ คุณภาพ ความสมจริง และนวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับต้นคริสต์มาสที่ลูกค้าหลายล้านคนต่างหลงรัก ด้วยจิตวิญญาณดังกล่าว Balsam Hill จึงภูมิใจที่ได้เป็นผู้ค้าปลีกรายแรกของโลกที่นำเสนอต้นคริสต์มาสที่มีปลาย True Needle® ที่ทำจากโพลีเอทิลีนจากพืช ซึ่งได้มาจากอ้อย ไม่ใช่เชื้อเพลิงฟอสซิล และที่น่าตื่นเต้นไม่แพ้กันคือ ตั้งแต่สายการผลิตประจำฤดูกาลวันหยุดปี 2025 เป็นต้นไป ต้นคริสต์มาส True Needle อื่นๆ ทั้งหมดของแบรนด์จะใช้โพลีเอทิลีนรีไซเคิลที่ได้รับการรับรอง GRS 30% ซึ่งผลิตจากฝาขวดน้ำแบบฉีกได้ การเปลี่ยนแปลงทั้งสองอย่างนี้เกิดขึ้นโดยไม่ลดทอนการควบคุมคุณภาพและข้อควรพิจารณาด้านความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับต้นคริสต์มาส Balsam Hill แต่ละต้น รวมถึงการรับประกันสามปีของบริษัทที่เป็นมาตรฐานสำหรับต้นคริสต์มาสทุกต้นที่จัดจำหน่าย

“พันธกิจสำคัญของ Balsam Hill คือการนำเสนอต้นคริสต์มาสที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางการเฉลิมฉลองของลูกค้าไปอีกหลายๆ ปี แม้ว่าต้นคริสต์มาสของเราจะสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้เสมอ แต่ความก้าวหน้าเหล่านี้ถือเป็นตัวเปลี่ยนเกมสำหรับอุตสาหกรรมต้นคริสต์มาส” กล่าวโดย Mac Harman ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Balsam Hill “เราไม่เพียงแต่สร้างต้นคริสต์มาสเทียมต้นแรกจากโพลีเอทิลีนจากพืช รวมถึงการสร้างสรรค์นวัตกรรมการผลิตต้นคริสต์มาสใหม่กว่า 85% ในปีนี้เท่านั้น แต่เมื่อเร็วๆ นี้เรายังได้ทดสอบการผลิตต้นคริสต์มาสใหม่จากต้น Balsam Hill เก่าที่เรารีไซเคิล ซึ่งเป็นต้นคริสต์มาสที่สร้างแรงบันดาลใจที่เราได้นำมาจัดแสดงในสตูดิโอออกแบบของเราที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน”

นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการผลิตต้นคริสต์มาส ทาง Balsam Hill ยังได้มุ่งเน้นไปที่การนำระบบที่ยั่งยืนมาใช้ในทุกการดำเนินงาน โดยการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ นี้สามารถสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ได้ เช่น การเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้ ซึ่งรวมถึงการใช้กระดาษแทนเทปพลาสติก และการเลิกใช้พลาสติกกันกระแทกในบรรจุภัณฑ์ต้นไม้ส่วนใหญ่ในปี 2024 โดยในปีนี้ หลังจากที่ทุ่มเทวิจัยและพัฒนามาหลายปีเพื่อรับมือกับความท้าทายในการรีไซเคิลต้นคริสต์มาสเทียม บริษัทกำลังวางแผนสำหรับโครงการนำร่องในการเก็บและรีไซเคิลต้นคริสต์มาสในเมืองดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ เช่นเดียวกับในปีที่ผ่านมา ต้นคริสต์มาสเทียมและไฟประดับเทศกาลจะถูกเก็บรวบรวมไว้เพื่อนำไปรีไซเคิลในอนาคตที่ Balsam Hill Outlet ในเมืองเบอร์ลิงเกม รัฐแคลิฟอร์เนีย และมีแผนที่จะขยายบริการนี้ให้ครอบคลุมลูกค้ามากขึ้นทั่วสหรัฐอเมริกาโดยเร็วที่สุด

ในปีนี้ ต้นคริสต์มาสของ Balsam Hill มากกว่า 85% จะทำจากวัสดุใหม่ที่ยั่งยืนมากขึ้น และจะวางจำหน่ายในเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซทั้งหมด รวมถึงสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และแคนาดา

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางสู่ความยั่งยืนหลายปีของ Balsam Hill ได้ที่ www.balsamhill.com/sustainability รวมถึงลิงก์ไปยังรายงาน ESG ฉบับแรกของบริษัท

เกี่ยวกับ Balsam Brands

แบรนด์เรือธงที่มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกาของBalsam Brandsคือ Balsam Hill (www.balsamhill.com) ก่อตั้งขึ้นในปี 2006 โดย Mac Harman โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสรรค์ต้นคริสต์มาสเทียมที่สมจริงและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ที่มีคุณภาพสูงที่สุดสำหรับลูกค้าและธุรกิจทั่วโลก ด้วยการมุ่งเน้นไปที่คุณภาพและงานฝีมือ ต้นคริสต์มาสของเราจึงเป็นสัมผัสสุดท้ายที่สมบูรณ์แบบสำหรับครอบครัวและชุมชนต่างๆ ที่จะร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขร่วมกัน หลังจากเติบโตมา 19 ปี ผลิตภัณฑ์ของ Balsam Hill ได้ขยายขอบเขตครอบคลุมไปถึงเครื่องประดับ ต้นไม้ประดับตกแต่งสำหรับเทศกาล รวมถึงของตกแต่งตามฤดูกาล โดยมีเว็บไซต์ที่บริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินการเองในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย เยอรมนี ฝรั่งเศส และแคนาดา

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Jill Osaka
ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์และความร่วมมือ
Balsam Hill
josaka@balsambrands.com

ที่มา: Balsam Hill

Hidetaka Kokubu ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าฝ่ายญี่ปุ่นของ Xsolla

Logo

ลอสแอนเจลิส–(BUSINESS WIRE)–08 กันยายน 2025

Xsolla ผู้นำระดับโลกด้านการค้าวิดีโอเกม (ซีอีโอ: Chris Hewish สำนักงานใหญ่: ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา) มีความยินดีที่จะประกาศแต่งตั้ง Eiko Kokubun ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายญี่ปุ่น มีผลตั้งแต่วันที่ 8 กันยายนนี้ เพื่อเสริมสร้างการสนับสนุนบริษัทเกมญี่ปุ่นที่ต้องการขยายธุรกิจไปทั่วโลก

(Graphic: Xsolla)

(กราฟิก: Xsolla)

ก่อนร่วมงานกับ Xsolla นั้น Kokubun ดำรงตำแหน่งผู้นำสำคัญในด้านการพัฒนาธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ หลังจากได้รับประสบการณ์ทางธุรกิจในต่างประเทศระหว่างที่ประจำการอยู่ที่ฮ่องกงให้กับบริษัทญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง เขาได้ทำงานด้านการวางแผนและการวิเคราะห์ทางการเงิน (FP&A) และการพัฒนาธุรกิจให้กับบริษัทสื่อและบันเทิงระดับโลก อย่างเช่น Amazon และ Disney เขาดำรงตำแหน่งรองประธานและผู้จัดการทั่วไปที่ช่องโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกของบริษัท Sony Pictures โดยดูแลธุรกิจทั้งหมด ต่อมาเขาได้ร่วมงานกับ DAZN โดยดูแลการดำเนินงานด้านการสตรีมกีฬาสดและการขายธุรกิจใหม่แบบ B2B ในฐานะผู้บริหารระดับสูง ล่าสุด เขาดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารที่ Tsuburaya Productions โดยดูแลโครงการเชิงกลยุทธ์ระดับสูง

ด้วยประสบการณ์อันยาวนานในด้านการวางแผนเชิงกลยุทธ์และความรับผิดชอบต่อผลกำไรและขาดทุน Kokubun สามารถนำประสบการณ์และความเข้าใจอันลึกซึ้งมาสู่บทบาทใหม่ที่ Xsolla ได้

Kokubun แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแต่งตั้งใหม่ของเขาว่า:

“ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับ Xsolla หนึ่งในบริษัทค้าเกมชั้นนำของโลก และมีโอกาสได้ร่วมสร้างการเติบโตของอุตสาหกรรมเกมของญี่ปุ่น ตลอดอาชีพการงานในวงการบันเทิง ผมเคยดำรงตำแหน่งต่างๆ และได้รับเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับผู้เชี่ยวชาญที่โดดเด่นมากมาย จากประสบการณ์ดังกล่าว ผมมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือนักพัฒนาให้เติบโตทางธุรกิจ ไม่เพียงแต่ในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ทั่วโลกด้วย โดยใช้ประโยชน์จากโซลูชันที่ทันสมัยและเปี่ยมด้วยนวัตกรรมของ Xsolla ให้เกิดประโยชน์สูงสุด”

Juyeon Lee รองประธานอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Xsolla ให้ความเห็นว่า:

“ตอนนี้ Xsolla Japan ได้ก้าวเข้าสู่ปีที่สี่แล้ว และได้ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่น เพื่อสานต่อการเติบโตนี้และเสริมสร้างทิศทางเชิงกลยุทธ์ของเรา เราจึงมีความมุ่งมั่นที่จะค้นหาบุคลากรที่เหมาะสมเพื่อมารับบทบาทสำคัญนี้ เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับผู้ที่จะนำความเชี่ยวชาญและความเป็นผู้นำมาสู่ Xsolla ในญี่ปุ่น และเราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความร่วมมือที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในตลาดญี่ปุ่น”

เกี่ยวกับ Xsolla

Xsolla คือบริษัทค้าเกมระดับโลกที่มีเครื่องมือและบริการอันแข็งแกร่งเพื่อช่วยนักพัฒนาแก้ไขปัญหาสำคัญของอุตสาหกรรมวิดีโอเกม ตั้งแต่เกมอินดี้ไปจนถึงเกมระดับ AAA บริษัทต่างๆ ร่วมมือกับ Xsolla เพื่อช่วยระดมทุน จัดจำหน่าย ทำการตลาด และสร้างรายได้จากเกม ด้วยความเชื่อมั่นในอนาคตของวิดีโอเกม Xsolla มุ่งมั่นที่จะสร้างโอกาสต่างๆ ร่วมกัน และจัดหาทรัพยากรใหม่ๆ ให้กับเหล่าครีเอเตอร์อย่างต่อเนื่อง Xsolla มีสำนักงานใหญ่และจดทะเบียนในลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยดำเนินธุรกิจในฐานะผู้ค้าเกม และได้ช่วยเหลือนักพัฒนาเกมมากกว่า 1,500 คน ให้เข้าถึงผู้เล่นได้มากขึ้นและขยายธุรกิจไปทั่วโลก ด้วยเส้นทางสู่ผลกำไรและหนทางสู่ชัยชนะที่มากขึ้น นักพัฒนาเกมจึงมีทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเล่นเกม

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ xsolla.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250907348708/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
Derrick Stembridge
รองประธานฝ่ายประชาสัมพันธ์ระดับโลกของ Xsolla
d.stembridge@xsolla.com

ที่มา: Xsolla

Nikkiso ตอบรับความต้องการอุปกรณ์จัดการแอมโมเนียที่เพิ่มสูงขึ้น พร้อมเปิดตัวปั๊มรุ่นใหม่ในงาน Gastech 2025

Logo

มิลาน–(BUSINESS WIRE)–09 กันยายน 2025

Nikkiso Clean Energy & Industrial Gases Group (Nikkiso CE&IG) ได้ประกาศในงาน Gastech Conference วันนี้ว่า บริษัทได้เปิดตัวปั๊มแอมโมเนียแบบจุ่มใต้น้ำรุ่นใหม่ที่ได้รับการออกแบบให้มีความปลอดภัยและเชื่อถือได้มากที่สุดในอุตสาหกรรม

แอมโมเนียเป็นส่วนประกอบสำคัญในปุ๋ย และถูกนำมาใช้เป็นตัวพาไฮโดรเจนสะอาดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ความต้องการในการจัดการแอมโมเนียก็เพิ่มขึ้นเช่นกันในภาคส่วนต่างๆ เช่น การผลิตไฟฟ้า โรงงานเคมี กองเรือขนส่ง รวมถึงท่าเรือส่งออก ทาง Nikkiso CE&IG จึงตอบสนองต่อความต้องการนี้ด้วยโซลูชันแรกที่ออกแบบมาเพื่อลดภาระการบำรุงรักษาทั่วไปสำหรับผู้ปฏิบัติงาน ด้วยโครงสร้างที่ปราศจากซีลต่างๆ บำรุงรักษาง่าย ปราศจากทองแดง รวมถึงระบบมอเตอร์ปั๊มแบบบูรณาการ

โดยปั๊มมีความสามารถในการส่งน้ำได้มากกว่า 2,500 ม.3 ต่อชั่วโมง และมีประวัติการบำรุงรักษาที่เป็นผู้นำของอุตสาหกรรม โดยชิ้นส่วนที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะทำให้ปั๊มมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นอย่างเห็นได้ชัดก่อนที่จะต้องมีการบำรุงรักษาใดๆ โดยมีระยะเวลาเฉลี่ยระหว่างการหยุดทำงานแต่ละครั้งสูงกว่า 16,000 ชั่วโมง

Emile Bado ประธานฝ่ายปั๊มของ Nikkiso CE&IG กล่าวว่า “ความต้องการแอมโมเนียในการใช้งานที่หลากหลายกำลังเพิ่มขึ้น เนื่องจากความสำคัญของแอมโมเนียในฐานะเชื้อเพลิงสะอาดทางเลือก บทบาทในภาคเกษตรกรรม และในฐานะตัวพาไฮโดรเจน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า เรามีความยินดีที่จะเปิดตัวปั๊มที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาที่พบได้บ่อยที่สุดจากผู้ปฏิบัติงานต้องเผชิญ

“เรามีความภาคภูมิใจในนวัตกรรมของ Nikkiso CE&IG และความพยายามในการผลิตปั๊มนี้ก็ไม่ต่างกัน ส่งผลให้ปั๊มนี้เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมด้านความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ การบำรุงรักษา และประสิทธิภาพ”

การเปิดตัวปั๊มนี้เกิดขึ้นจากความเชี่ยวชาญและนวัตกรรมที่สั่งสมมาอย่างยาวนานของทั้ง Nikkiso CE&IG และ Nikkiso Co ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ในการให้บริการตลาดแอมโมเนียในหลากหลายรูปแบบ โดย Nikkiso CE&IG มีประสบการณ์กว่าสี่ทศวรรษในการสร้างปั๊มมอเตอร์แบบจุ่มสำหรับใช้กับแอมโมเนีย และเพิ่งได้รับการอนุมัติในหลักการสำหรับระบบจ่ายเชื้อเพลิงแอมโมเนียแบบใหม่ ควบคู่ไปกับเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนแบบอุณหภูมิแวดล้อมและแบบไฟฟ้าสำหรับแอมโมเนียที่สร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะทางที่มีอยู่และได้รับการพิสูจน์แล้ว ฝ่ายอุตสาหกรรมของ Nikkiso Co ได้สร้างปั๊มมอเตอร์แบบกระป๋องมากกว่า 7,000 ตัวสำหรับใช้ในการจัดการแอมโมเนีย และมีแผนจะเปิดตัวปั๊มแอมโมเนียเหลวสำหรับการผลิตพลังงานความร้อนในปีหน้า

หมายเหตุถึงบรรณาธิการ

Eric Sensat ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ – ปั๊มมอเตอร์แบบจุ่มใต้น้ำของ Nikkiso CE&IG จะมีการนำเสนอปั๊มแอมโมเนียแบบจุ่มใต้น้ำรุ่นใหม่นี้ที่บูทของ Nikkiso CE&IG (J14) เวลา 10.30 น. และ 13.30 น. ในวันพุธที่ 10 กันยายน 2025

เกี่ยวกับ Nikkiso Clean Energy & Industrial Gases Group

Nikkiso Clean Energy & Industrial Gases Group คือผู้ให้บริการชั้นนำด้านอุปกรณ์และโซลูชันไครโอเจนิกทั่วโลกที่ตอบสนองความต้องการของตลาดพลังงานคาร์บอนต่ำและก๊าซอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและโซลูชันที่ทำงานร่วมกัน เรามุ่งมั่นขับเคลื่อนอนาคตของตลาดพลังงาน การขนส่ง การเดินเรือ การบินและอวกาศ และก๊าซอุตสาหกรรม

กลุ่มบริษัทมีพนักงานมากกว่า 1,800 คนใน 12 ประเทศ และบริหารงานโดย Cryogenic Industries, Inc. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่ถือหุ้นโดย Nikkiso Co., Ltd (TSE: 6376)

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Nikkiso CE&IG Group ได้ที่ NikkisoCEIG.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

สื่อ
Ross Davidson
ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารภายนอก
+44 (0)7946 930741
Ross.davidson@nikkisoceig.com
pr@nikkisoceig.com

ที่มา: Nikkiso Clean Energy & Industrial Gases Group

NIPPON KINZOKU เดินหน้าโปรโมต SFA Finish ในฐานะผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม

Logo

SFA Finish ช่วยให้เหล็กกล้าคาร์บอนและเหล็กกล้าเครื่องมืออ่อนตัวลง แม้เป็นชิ้นงานที่ยากต่อการแปรรูป

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–09 กันยายน 2025

NIPPON KINZOKU CO., LTD. (สำนักงานใหญ่: มินาโตะ-คุ โตเกียว) เตรียมผลักดันการจำหน่าย “SFA Finish” สำหรับเหล็กกล้าคาร์บอนและเหล็กกล้าเครื่องมือ ซึ่งมีคุณสมบัติเพิ่มความง่ายในการแปรรูปด้วยการทำให้วัสดุอ่อนตัวลง ถือเป็นผลิตภัณฑ์ลำดับที่ 5 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ “Eco-Product” ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

Compared to standard annealed finishes, SFA finish offers greater elongation, preventing processing cracks.

เมื่อเทียบกับการอบอ่อนจะเห็นว่า SFA Finish ให้ความยืดหยุ่นสูงกว่า และช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการแตกร้าวระหว่างแปรรูป

“SFA (Super Full Annealing) Finish” เป็นผลิตภัณฑ์ลิขสิทธิ์เฉพาะของเรา ที่ช่วยให้วัสดุอ่อนตัวลงและไม่เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางเคมีด้วยการปรับสภาวะการผลิตให้เหมาะสมที่สุด การทำให้วัสดุอ่อนตัวลงทำให้การแปรรูปง่ายขึ้นและช่วยลดการคืนตัว ส่งผลให้กระบวนการมีประสิทธิภาพและเพิ่มอัตราผลผลิตมากขึ้น รวมถึงช่วยประหยัดการใช้พลังงานในกระบวนการผลิตและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้ “SFA finish” สำหรับเหล็กกล้าคาร์บอนและเหล็กกล้าเครื่องมือของเรา จึงได้รับการรับรองว่าเป็นผลิตภัณฑ์รักษ์สิ่งแวดล้อม “Eco-Product” ตามมาตรฐานของบริษัท เรามุ่งมั่นที่จะผลิตสินค้าอย่างยั่งยืนผ่านการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050

ยิ่งไปกว่านั้น ผลิตภัณฑ์นี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “NIPPON KINZOKU 2030” ตามแผนธุรกิจฉบับที่ 11 ภายใต้คีย์เวิร์ดสำคัญอย่าง “Near Net Performance” (บรรลุประสิทธิภาพที่ต้องการของผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ขั้นวัสดุ) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เราตั้งเป้าว่าจะขยายการจัดจำหน่ายให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์

คุณสมบัติและคุณประโยชน์ของ SFA Finish

  1. องค์ประกอบทางเคมี
    คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการปรับปรุงโดยปรับสภาพการรีดเย็นให้เหมาะสม องค์ประกอบทางเคมีจะไม่ถูกเปลี่ยนแปลง
     
  2. คุณสมบัติเชิงกล
    เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ที่ผ่านกระบวนการอบอ่อน SFA Finish ให้ความเหนียวที่เหนือกว่า พร้อมความอ่อนตัวที่มากกว่า (ความแข็งแรงต่ำกว่า)
     
  3. ความง่ายในการแปรรูป
    เนื่องจากมีการคืนตัวต่ำจึงทำให้ชิ้นงานค่อนข้างคงตัวหลังการแปรรูป
     
  4. โครงสร้างของโลหะ
    ขนาดของคาร์ไบด์ทรงกลมอยู่ที่ประมาณ 1.0-1.5 μm ซึ่งเทียบเท่ากับการอบอ่อนทั่วไป
     
  5. คุณสมบัติหลังอบชุบความร้อน
    โครงสร้างจุลภาคและความแข็งหลังชุบแข็งและการอบคืนตัวเทียบเท่าวัสดุพื้นฐานทั่วไป

คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.nipponkinzoku.co.jp/assets/images/2025/09/934d41c708857ee8bb4409fafb7ffb18.pdf

ภาพรวมของผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดเย็น

บริษัทของเราเริ่มผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็นตั้งแต่ปี 1930 ทำให้เราเป็นผู้ผลิตที่ก่อตั้งมาอย่างยาวนานที่สุดในญี่ปุ่น เราภูมิใจที่ได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ตรงตามข้อกำหนดและขนาดที่หลากหลายในทุกอุตสาหกรรม

ภาพรวมของผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่น

ด้วยเครื่องจักรเฉพาะของบริษัทที่ออกแบบโดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านการรีดเย็นและเทคโนโลยีชั้นนำในอุตสาหกรรม เราจึงสามารถตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าได้
URL: https://www.nipponkinzoku.co.jp/en/corporate-profile/business/cold-rolled-stainless-steel-strip

เกี่ยวกับกลุ่มบริษัท NIPPON KINZOKU

ผลิตภัณฑ์ของเราถูกนำไปใช้ในหลายสาขา ตั้งแต่งานที่ต้องการความแม่นยำไปจนถึงอุตสาหกรรมก่อสร้าง https://www.nipponkinzoku.co.jp/en/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

https://www.businesswire.com/news/home/20250908712511/en

Contacts

NIPPON KINZOKU CO., LTD. แผนกกระบวนการผลิตและสนับสนุน
โทร: +81-3-5765-8113
https://www.nipponkinzoku.co.jp/en/inquiry

ที่มา: NIPPON KINZOKU CO., LTD.

1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดไป: การปฏิวัติองค์กรของ Halo ได้เปิดตัวแล้วสำหรับองค์กรระดับโลกที่ได้รับเลือก

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–08 กันยายน 2025

Halo ผู้นำอิสระด้านการจัดการบริการองค์กร (ESM) วันนี้ประกาศเปิดตัว “1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดไปซึ่งเป็นแพ็คเกจองค์กรใหม่ที่โดดเด่นที่รับประกันค่าใช้จ่ายใบอนุญาต ESM ที่แน่นอนและคาดการณ์ได้ตลอดอายุการใช้งานให้กับองค์กร พร้อมทั้งมอบการใช้งานที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ความคล่องตัวที่มากขึ้น และระดับความร่วมมือที่ผู้จำหน่ายแบบดั้งเดิมไม่สามารถเทียบได้

ทำไมต้องตอนนี้

องค์กรขนาดใหญ่หลายแห่งติดอยู่ในสัญญามูลค่าเจ็ดหลักกับแพลตฟอร์มเดิม ซึ่งต้องเผชิญกับต้นทุนค่าลิขสิทธิ์ที่พุ่งสูงขึ้น การเปิดตัวโครงการที่ล่าช้า และเงื่อนไขที่ไม่ยืดหยุ่น โปรแกรม 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดไป ของ Halo จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้โดยตรง:

  •  โปร่งใส ราคายุติธรรม คาดการณ์มูลค่า ACV ไว้ที่ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดไป
  •  การใช้งานรวดเร็วกว่าที่คุณคิดมาก – การเปิดตัวองค์กรหลักที่ส่งมอบในกรอบเวลาที่ไม่เคยมีมาก่อน
  •  ความร่วมมือที่แท้จริง กับการจัดการระยะยาวที่สร้างขึ้นจากผลลัพธ์ที่วัดผลได้และการส่งมอบมูลค่าอย่างต่อเนื่อง
  •  สัญญาที่ยืดหยุ่น – ออกได้ทุกเมื่อโดยไม่มีค่าปรับ
  •  ทุนสนับสนุนนวัตกรรมอันทรงเกียรติ สำหรับเงินทุนทั้งหมดเพื่อครอบคลุมการโยกย้ายจากแพลตฟอร์มปัจจุบัน
  •  ไม่มีการชำระเงินจนกว่าการย้ายข้อมูลจะเสร็จสมบูรณ์และสัญญาปัจจุบันหมดอายุ

โอกาสสุดพิเศษ

1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดไป: การปฏิวัติองค์กรของ Halo มี ให้เฉพาะองค์กรที่มีพนักงานมากกว่า 20,000 คน หรือตัวแทนฝ่ายบริการมากกว่า 1,000 คนเท่านั้น การเข้าร่วมต้องอยู่บนพื้นฐานการสมัครเข้าร่วมอย่างเคร่งครัด เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ที่เริ่มใช้งานในช่วงแรกจะได้รับความสนใจและอิทธิพลอย่างเหนือชั้นต่อแผนงานของ Halo

ผู้เข้าร่วมจะได้รับประโยชน์จาก:

  •  ราคาคงที่ตลอดชีพที่ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ไม่มีการอัพเซลล์
  •  การติดตั้งใช้งานได้เร็วกว่าที่คิดพร้อมความสามารถที่พิสูจน์แล้วในการจัดการบริการระดับองค์กรได้ในเวลาอันรวดเร็ว
  •  การผสานรวมและการกำหนดค่าความปลอดภัยที่ออกแบบเฉพาะ
  •  มีอิทธิพลโดยตรงต่อลำดับความสำคัญด้านนวัตกรรมของ Halo
  •  เงินทุนสนับสนุนการย้ายผ่านทุนนวัตกรรมเพื่ออำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนผ่านและเร่งการสร้างมูลค่าให้เร็วขึ้น

นี่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชั่วอายุคนที่จะปรับเปลี่ยนวิธีคิดขององค์กรเกี่ยวกับการจัดการบริการ กล่าวโดย Paul Hamilton ซีอีโอของ Halo การกำหนดราคาที่คาดการณ์ได้ตลอดชีพ และการมอบทุนสนับสนุนนวัตกรรมที่เอื้อเฟื้อเพื่อรองรับภาระหนักในการย้ายระบบ ช่วยให้เรามอบความมั่นใจและช่องทางให้ลูกค้าองค์กรเริ่มต้นของเราได้หลุดพ้นจากแพลตฟอร์มเก่าที่มีข้อจำกัดและมีราคาแพงเกินไป

ความพิเศษเฉพาะที่มาพร้อมวัตถุประสงค์

ด้วยการจำกัดจำนวนลูกค้า “1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดไป” Halo รับประกันว่าผู้เข้าร่วมทุกรายในช่วงแรกจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ทรัพยากรระดับพรีเมียม และความสามารถในการกำหนดอนาคตของ Enterprise Service Management ควบคู่ไปกับทีมผู้นำของ Halo

เกี่ยวกับ Halo

Halo คือบริษัท SaaS เอกชนที่ก่อตั้งโดยผู้ก่อตั้ง นิยามใหม่ของ Enterprise Service Management โดย Halo สร้างขึ้นบนหลักการของความโปร่งใส ความยุติธรรม และความร่วมมือระยะยาว ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถส่งมอบบริการที่ดีขึ้น รวดเร็วขึ้น โดยไม่มีข้อจำกัดจากรูปแบบผู้ให้บริการแบบเดิม

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแพ็กเกจ Halo Enterprise ได้ที่ https://usehalo.com/enterprise-package

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/ 20250908530996/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ: Richard Horvath – Richard.horvath@imaginehalo.com

ที่มา: Halo

Autel Energy เปิดตัวแพลตฟอร์มการชาร์จรุ่นใหม่: ตั้งแต่โมดูลระบายความร้อนด้วยของเหลวที่ออกแบบภายในองค์กรไปจนถึงระบบตู้ที่ปรับขนาดได้ เทอร์มินัลประสิทธิภาพสูง และเครื่องชาร์จแบบออลอินวันที่ได้รับการอัปเกรด

Logo

เบอร์ลิน-(BUSINESS WIRE)–05 กันยายน 2025

ด้วยแนวคิด “พลังไร้ขีดจำกัด – เริ่มต้นจากศูนย์” ในงานเปิดตัวระดับโลก Autel Energy Europe ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำหน้าที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งเป็นโซลูชันรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จที่รวดเร็ว เชื่อถือได้ และปรับขนาดได้ที่เพิ่มขึ้นในยุโรปและทั่วโลก แพลตฟอร์มนี้สร้างขึ้นจากโมดูลพลังงานระบายความร้อนด้วยของเหลวที่ออกแบบภายในองค์กร ผสานประสิทธิภาพสูงเข้ากับความสามารถในการปรับเปลี่ยนที่เหนือชั้น มอบโซลูชันการชาร์จที่ยืดหยุ่นและปรับขนาดได้ให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งครอบคลุมการใช้งานที่หลากหลาย

Andreas Lastei, Vice President of Sales and Marketing at Autel Energy Europe, presents the MaxiCharger DS600L

Andreas Lastei รองประธานฝ่ายขายและการตลาดของ Autel Energy Europe นำเสนอ MaxiCharger DS600L

MaxiModule LCM60/120: โมดูลระบายความร้อนด้วยของเหลวประสิทธิภาพสูงที่พัฒนาภายในองค์กร

แกนหลักของแพลตฟอร์มคือโมดูลพลังงานระบายความร้อนด้วยของเหลว MaxiModule LCM60/120 ที่ Autel พัฒนาขึ้นเอง มีให้เลือกทั้งขนาด 60 กิโลวัตต์และ 120 กิโลวัตต์ โมดูลเหล่านี้ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อประสิทธิภาพการแปลงพลังงานสูง ความเสถียรในระยะยาว และการทำงานที่ยั่งยืนภายใต้สภาวะการทำงานที่หนักหน่วง โมดูลเหล่านี้มอบประสิทธิภาพทางความร้อนที่สม่ำเสมอแม้ในขณะที่ใช้พลังงานสูงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานได้รับประโยชน์จากต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของที่ต่ำลง เวลาทำงานที่สูงขึ้น และความสามารถในการปรับขนาดที่พร้อมรองรับอนาคต

MaxiCharger DS600L: ระบบตู้ที่ปรับขนาดได้พร้อมสถาปัตยกรรมแบบซ้ำซ้อน

โมดูลพลังงานใหม่นี้ถูกรวมเข้ากับระบบตู้ชาร์จ MaxiCharger DS600L ของ Autel ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จขนาดใหญ่ที่มีกำลังไฟฟ้ารวมสูงสุด 3 เมกะวัตต์ต่อคลัสเตอร์ตู้ชาร์จ

เพื่อรักษาความต่อเนื่องในการทำงาน MaxiCharger DS600L จึงมีสถาปัตยกรรมสำรองสำหรับส่วนประกอบสำคัญต่างๆ เช่น โมดูลจ่ายไฟ ชุดควบคุม และเมทริกซ์สวิตชิ่ง ซึ่งออกแบบขึ้นด้วยวิสัยทัศน์ที่จะลดเวลาหยุดทำงานให้เหลือศูนย์ เมื่อใช้ร่วมกับชุดอุปกรณ์ปลายทางของ Autel ระบบจะรองรับการกำหนดค่าไซต์งานที่ยืดหยุ่น รองรับ CCS และ MCS แอปพลิเคชันสำหรับยานพาหนะและคลังสินค้า และการผสานรวม BESS และ PV ได้อย่างราบรื่น ทั้งหมดนี้ควบคุมผ่านระบบ EMS ของ Autel เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของพลังงานและประสิทธิภาพการทำงาน DS600L ยังสามารถจับคู่กับชุดจ่ายและชุดอุปกรณ์ปลายทางที่หลากหลายได้อย่างยืดหยุ่น ตั้งแต่เสารถยนต์โดยสารไปจนถึงตู้จ่ายรถบรรทุกสำหรับงานหนัก ทำให้สามารถออกแบบโซลูชันที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการที่หลากหลายของไซต์งาน เทอร์มินัล MaxiCharger DT1500 รองรับเอาต์พุตสูงสุด 1,500 แอมป์ และ 1.44 เมกะวัตต์ จึงมั่นใจได้ถึงความพร้อมสำหรับความต้องการการชาร์จแบบเร็วพิเศษแห่งอนาคต

อัปเกรดเครื่องชาร์จแบบออลอินวันเป็น MaxiCharger DH600

Autel ได้ยกระดับเครื่องชาร์จแบบออลอินวันด้วย MaxiCharger DH600 ซึ่งเป็นรุ่นอัปเกรดจาก MaxiCharger DH480 ที่ยังคงขนาดกะทัดรัดและดีไซน์ที่เพรียวบางของรุ่นเดิมไว้ พร้อมมอบประสิทธิภาพที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด MaxiCharger DH600 มาพร้อมกับสายชาร์จระบายความร้อนด้วยของเหลว รองรับกระแสไฟสูงสุด 650 แอมป์ ให้กำลังส่งสูงต่อเนื่อง 600 กิโลวัตต์ พร้อมประสิทธิภาพการระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยม ด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่ต่อเนื่องสูงขึ้น ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และความสามารถในการปรับตัวที่ดีขึ้นสำหรับสถานการณ์การชาร์จที่หลากหลาย MaxiCharger DH600 จึงรับประกันการทำงานที่เชื่อถือได้แม้ในสภาวะที่ยากลำบากที่สุด

บริการ MaxiCare และการผสานรวม AI

นอกเหนือจากความก้าวหน้าด้านฮาร์ดแวร์แล้ว Autel ยังเน้นย้ำถึงความสามารถในการให้บริการ MaxiCare และฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เครื่องมือเหล่านี้รองรับการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ การเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายแบบเรียลไทม์ และประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีขึ้น ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถจัดการโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดเวลาหยุดทำงาน และมอบกระบวนการชาร์จที่ราบรื่นยิ่งขึ้นสำหรับผู้ขับขี่ จากจุดนี้ Autel ยังสำรวจการประยุกต์ใช้ AI ในการชาร์จและการตรวจสอบในวงกว้าง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวางรากฐานสำหรับนวัตกรรมในอนาคต

“ด้วยการพัฒนาโมดูลพลังงานหลักภายในองค์กรและการผสานรวมเข้ากับระบบตู้ที่ปรับขนาดได้ เทอร์มินัลประสิทธิภาพสูง และเครื่องชาร์จแบบออลอินวันรุ่นใหม่ เราจึงมอบความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือให้กับตลาดการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังพัฒนา” กล่าวโดย Andreas Lastei รองประธานฝ่ายขายและการตลาดของ Autel Energy ยุโรป “ด้วยแพลตฟอร์มบริการอัจฉริยะและความสามารถของ AI ของเรา รวมถึงความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับ CCS, MCS, BESS และ PV การเปิดตัวครั้งนี้จึงเป็นรากฐานที่ครอบคลุมสำหรับการสร้างเครือข่ายการชาร์จแห่งอนาคต ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของยุโรปไปสู่การขนส่งที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์”

*วันวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาจแตกต่างกันไปตามภูมิภาค โปรดติดต่อตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ของคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250905801873/en

Contacts

ฝ่ายขายและการตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก:

FiFi Huang

marketing.jp@autel.com

ที่มา: Autel Energy

ภาพยนตร์ไลฟ์แอคชั่น จากเกม Street Fighter เกมดังของ Capcom เริ่มถ่ายทำแล้ว!

Logo

– Capcom มุ่งหวังที่จะเพิ่มมูลค่าของ IP ด้วยกลยุทธ์ Single Content Multiple Usage –

OSAKA, Japan–(BUSINESS WIRE)–05 กันยายน 2025

Capcom Co., Ltd. (TOKYO:9697) ประกาศในวันนี้ว่า การถ่ายทำภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันที่ดัดแปลงมาจากซีรีส์เกมต่อสู้ยอดนิยม Street Fighter ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ด้วยความร่วมมือกับ Legendary Entertainment (Legendary) โดยทั้งสองบริษัทจะร่วมทุนสนับสนุนโครงการ

Street Fighter Movie Title Logo

โลโก้ชื่อภาพยนตร์ Street Fighter

เพื่อเป็นการเพิ่มยอดขายทั่วโลกในธุรกิจซอฟต์แวร์วิดีโอเกมหลักสำหรับใช้ในบ้าน Capcom จึงส่งเสริมการสร้างแบรนด์ทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตนภายใต้กลยุทธ์ Single Content Multiple Use โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การดัดแปลงคอนเทนต์เกมเป็นสื่อภาพ ถือเป็นโอกาสอันดีในการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาของ Capcom ให้กว้างไกลออกไปนอกกลุ่มผู้เล่นเกม

ในการถ่ายทำภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายเร็วๆ นี้ Street Fighter ขณะนี้ การคัดเลือกตัวละครหลัก ได้แก่ Ken, Ryu, และ Chun-Li ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว Capcom มุ่งมั่นที่จะยกระดับมูลค่าทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทให้สูงขึ้นไปอีก ด้วยการร่วมทุนกับ Legendary บริษัทที่มีชื่อเสียงด้านการผลิตภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์มากมาย

Capcom มุ่งมั่นแน่วแน่ที่จะพัฒนาการใช้งานพอร์ตโฟลิโอของเนื้อหาเกมหลายแง่มุมตามกลยุทธ์ Single Content Multiple Usage

เกี่ยวกับ Legendary Entertainment

Legendary Entertainment เป็นโปรดักชั่นเฮ้าส์ชั้นนำที่มีฝ่ายดำเนินการสร้างภาพยนตร์ (Legendary Pictures) โทรทัศน์และสื่อดิจิตอล (Legendary Television and Digital Media) และการ์ตูน (Legendary Comics) รายได้บ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลกทั้งหมดในโปรดักชั่นที่เกี่ยวข้องกับ Legendary Pictures รวมถึงภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชั่นหลายเรื่องที่ใช้วิดีโอเกม มีมูลค่าโดยรวมประมาณ 21 พันล้านเหรียญสหรัฐ

 [ Street Fighter รายละเอียดภาพยนตร์]

ชื่อ

 Street Fighter

วันเข้าฉาย

16 ตุลาคม 2026

นักแสดงหลัก

 Ken: Noah Centineo
 Ryu: Andrew Koji
 Chun-Li: Callina Liang

นำแสดงโดย

Joe “Roman Reigns” Anoai, David Dastmalchian, Cody Rhodes,

 Andrew Schulz, Eric André, Vidyut Jammwal
 With Curtis “50 Cent” Jackson and Jason Momoa

นำแสดงโดย

Orville Peck, Olivier Richters, Hirooki Goto, Rayna Vallandingham,

Alexander Volkanovski, Kyle Mooney and Mélanie Jarnson

เกี่ยวกับ CAPCOM

Capcom เป็นนักพัฒนาชั้นนำทั่วโลก ผู้จัดพิมพ์และผู้จัดจำหน่ายของ Interactive Entertainment สำหรับเกมคอนโซล เกมพีซี อุปกรณ์พกพา และอุปกรณ์ไร้สาย ก่อตั้งขึ้นในปี 1983 บริษัทสร้างเกมขึ้นหลายร้อยเกม รวมถึงแฟรนไชส์ที่เป็นที่รู้จักกันดี Resident Evil™, Monster Hunter™, Street Fighter™, Mega Man™, Devil May Cry™ และ Ace Attorney™ CAPCOM มีการดำเนินการในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และโตเกียว โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Capcom ได้ที่ https://www.capcom.co.jp/ir/english/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย  

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250905806122/en

Contacts

ฝ่ายประชาสัมพันธ์และนักลงทุนสัมพันธ์ของ Capcom
+81-6-6920-3623

ที่มา: Capcom Co., Ltd.


การประชุม EmPOWER AI 2025 ผนึกกำลังนวัตกรรมด้านพลังงานและ AI ร่วมสร้างโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะแห่งอนาคต

Logo

ซีอีโอของ Glean จะบรรยายปาฐกถาสำคัญ พร้อมรับฟังมุมมองจาก Ameren IL, APS, OG&E, SMUD, NV Energy, Itron, Infosys, AWS และบริษัทอื่นๆ

ลอสอัลโตส, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–04 กันยายน 2025

Bidgelyจัดงานประชุมด้านข่าวกรองด้านพลังงานชั้นนำในชื่อว่า “EmPOWER AI” ในระหว่างวันที่ 16-18 กันยายน ณ เมืองนาปา รัฐแคลิฟอร์เนีย งานประชุมประจำปีนี้จะมีผู้เข้าร่วมจากบริษัทระดับโลกกว่า 40 แห่ง เพื่อจุดประกายการสนทนาเชิงวิพากษ์ระหว่างผู้นำด้านสาธารณูปโภค ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูล และผู้บริหารด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) เกี่ยวกับบทบาทของ AI ที่กำลังปฏิวัติวงการนี้

Bidgely's EmPOWER AI, held September 16-18 in Napa, California, gathers over 40 global energy companies to explore how AI is revolutionizing the sector.

งาน EmPOWER AI ของ Bidgely จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-18 กันยายน ณ เมืองนาปา รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยรวบรวมบริษัทพลังงานระดับโลกกว่า 40 แห่ง เพื่อสำรวจว่า AI กำลังปฏิวัติวงการนี้อย่างไร

“งานนี้ถือเป็นเวทีสำคัญสำหรับการนำเสนอความก้าวหน้าด้าน AI ระลอกใหม่ของเรา โดยปีที่แล้ว Bidgely ได้เปิดตัวผลงานอันล้ำสมัยของเราในด้าน AI เชิงสร้างสรรค์ ส่วนในปีนี้ ผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสโซลูชัน AI ใหม่ล่าสุดอันทรงพลังของเราอีกครั้ง ซึ่งจะช่วยให้ผู้นำมีความยืดหยุ่นมากกว่าที่เคยในการนำ AI มาใช้ในธุรกิจสาธารณูปโภคต่างๆ” Abhay Gupta ซีอีโอของ Bidgely กล่าว “เราแทบรอไม่ไหวที่จะแบ่งปันความสำเร็จอันน่าทึ่งของลูกค้าและเปิดเผยถึงอนาคตของอุตสาหกรรมพลังงาน”

งาน EmPOWER AI ปีนี้จัดขึ้นโดย PacifiCorp ผู้ให้บริการโครงข่ายไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาตะวันตก และเป็นพันธมิตรกับ Bidgely มายาวนาน ภายในงานจะประกอบด้วยหัวข้อต่างๆ เกี่ยวกับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการแยกส่วนพลังงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI การแบ่งส่วนตลาดและการมีส่วนร่วมของลูกค้ายุคใหม่ รวมถึงการวางแผนโครงข่ายไฟฟ้าและการใช้ไฟฟ้า โดยหัวข้อเหล่านี้จะมีการพูดคุยอย่างเข้มข้นจากบริษัทสาธารณูปโภคชั้นนำและผู้เชี่ยวชาญของ Bidgely วิทยากรหลักของ EmPOWER AI ในปีนี้ คือ Arvind Jain ผู้มีวิสัยทัศน์ด้าน AI ในสถานที่ทำงานและซีอีโอของ Glean ซึ่งจะมาพูดคุยถึงแนวทางที่บริษัทสาธารณูปโภคสามารถกำหนดทิศทางของ AI ในอนาคต

“EmPOWER AI มอบพื้นที่พิเศษที่ผู้เชี่ยวชาญจากทั่วทุกอุตสาหกรรมมารวมตัวกันเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับนวัตกรรม และเรียนรู้จากประสบการณ์ AI ของกันและกัน” Shawn Grant ผู้อำนวยการฝ่ายโซลูชันลูกค้าของ PacifiCorp กล่าว “นี่คือการแลกเปลี่ยนแบบเปิดที่เร่งให้เราทุกคนก้าวไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น ตั้งแต่ขอบเครือข่ายไปจนถึงศูนย์กลางของการเปลี่ยนแปลง”

การสนทนาในระดับโลกกับ Local Insight

กิจกรรม EmPOWER AI ‘Insights Tour’ ใหม่ ที่เริ่มต้นขึ้นในปี 2025 จะสิ้นสุดลงที่เมืองนาปา โดยรวบรวมบทสนทนาและข้อมูลเชิงลึกจากผู้เข้าร่วมกว่า 100 คน ณ สถานที่ต่างๆ ในแคนาดาและยุโรป กิจกรรมระดับภูมิภาคทั้งสองแห่งนี้ได้รวมตัวผู้ให้บริการสาธารณูปโภคและผู้บริหารเพื่อหารือเกี่ยวกับการทำลายกำแพงกั้นระหว่างลูกค้าและการวางแผนโครงข่ายไฟฟ้า โดยใช้กลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล โครงสร้างพื้นฐานการวัดขั้นสูง (AMI) 2.0 และ AI เชิงสร้างสรรค์ (GenAI) เพื่อเสริมสร้างความน่าเชื่อถือของโครงข่ายไฟฟ้าและการมีส่วนร่วมของลูกค้า

“ผมคิดว่า EmPOWER AI เป็นกิจกรรมที่โดดเด่น พวกเขาเชิญผู้คนที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันและมีปัญหาคล้ายกันในอุตสาหกรรมของตนเองจากทั่วโลกมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น” Sumit Verma รองประธานฝ่ายประสบการณ์ลูกค้าของ TAQA Distribution ในอาบูดาบี กล่าว “ปัญหาของบริษัทหนึ่งอาจเป็นทางออกของอีกบริษัทหนึ่งก็ได้”

การสร้างเครือข่ายผู้บริหารและการพูดคุยอย่างตรงไปตรงมา

การประชุม EmPOWER AI ของ Bidgely เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสโซลูชันล่าสุดสำหรับความท้าทายที่สำคัญที่สุดของอุตสาหกรรมสาธารณูปโภค การประชุมนี้ผสมผสานวิสัยทัศน์ที่มองการณ์ไกลเข้ากับการประยุกต์ใช้งานจริงที่ภาคสาธารณูปโภคกำลังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ตลอดงานจะมีการแบ่งปันมุมมองจากองค์กรต่างๆ เช่น Ameren Illinois, APS, OG&E, SMUD, NV Energy, Avista, Itron, AWS, Infosys และองค์กรชั้นนำด้านนวัตกรรมอื่นๆ ตลอดห่วงโซ่คุณค่าด้านพลังงาน

หัวข้อของเซสชันประกอบด้วย

  •  การย้ายลูกค้าจากขอบเครือข่ายไปสู่ศูนย์กลางแห่งนวัตกรรม
  •  เปลี่ยนโครงข่ายไฟฟ้าคงที่ของคุณให้เป็นระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ AI
  •  เร่งความสำเร็จของโครงการ EV ด้วย AI
  •  โหลดที่ชาญฉลาดขึ้น ใช้จ่ายอย่างชาญฉลาดขึ้น: พลิกโฉมการออกแบบ TOU และอัตราค่าบริการ
  •  จาก AMI สู่ AI: การออกแบบเพื่ออนาคตด้วยปัญญาประดิษฐ์แบบกระจาย
  •  การพัฒนาความเสมอภาคและความสามารถในการซื้อโดยใช้ข้อมูล
  •  การคาดการณ์และเตรียมความพร้อมสำหรับการเติบโตของโครงข่ายไฟฟ้า 10 เท่า

เปิดลงทะเบียน EmPOWER AI 2025 แล้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.bidgely.com/empower-ai/

เกี่ยวกับ Bidgely

Bidgely คือบริษัท SaaS ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งกำลังเร่งสร้างอนาคตพลังงานสะอาด ด้วยการช่วยให้บริษัทพลังงานและผู้บริโภคสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับพลังงานโดยอาศัยข้อมูล โดยแพลตฟอร์ม UtilityAI™ ของ Bidgely นั้นขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของเราที่ได้รับการจดสิทธิบัตรที่จะแปลงข้อมูลของลูกค้าในหลากหลายมิติ เช่น การใช้พลังงาน ข้อมูลประชากร และปฏิสัมพันธ์ต่างๆ ให้เป็นข้อมูลเชิงลึกด้านพลังงานของผู้บริโภคที่แม่นยำและสามารถนำไปใช้ได้จริง เราใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้เพื่อมอบคำแนะนำเฉพาะบุคคลให้กับลูกค้าแต่ละราย ซึ่งปรับให้เหมาะกับความต้องการส่วนบุคคลและไลฟ์สไตล์ คุณลักษณะการใช้งาน รูปแบบพฤติกรรม แนวโน้มการซื้อ และอื่นๆ โดย Bidgely กำลังพัฒนานวัตกรรมมิเตอร์อัจฉริยะด้วยโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลสำหรับโซลาร์เซลล์ (PV) การตรวจจับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) การปรับเปลี่ยนโหลดและการจัดการการชาร์จตามพฤติกรรมของรถยนต์ไฟฟ้า การขโมยพลังงาน การคาดการณ์โหลดระยะสั้น การวิเคราะห์โครงข่ายไฟฟ้า และการออกแบบอัตราการใช้งาน (TOU) โดยระบบวิเคราะห์พลังงาน UtilityAI™ ของ Bidgely นั้นสามารถมอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการผลิตและการบริโภค เพื่อการวางแผนและกำหนดรูปแบบการใช้พลังงานสูงสุด (Peak Load) ที่ดีขึ้น พร้อมให้คำแนะนำที่ตรงจุดสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่มีมูลค่าเพิ่ม Bidgely ตั้งอยู่ที่ซิลิคอนแวลลีย์ มีสิทธิบัตรด้านพลังงานมากกว่า 16 ฉบับ เงินทุนกว่า 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลมากกว่า 30 คน และนำความหลงใหลใน AI มาสู่สาธารณูปโภค โดยให้บริการลูกค้าทั้งที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ทั่วโลก ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.bidgely.com หรือบล็อกของ Bidgely ที่ bidgely.com/blog

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250904069383/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Christine Bennett
Bidgely
press@bidgely.com

ที่มา: Bidgely