Category Archives: Automotive

A2RL ทะยานสู่จุดสูงสุดใหม่: เปิดตัวการแข่งขันรถโดรนอัตโนมัติ มูลค่าเงินรางวัลรวม 1 ล้านเหรียญสหรัฐ

Logo

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–25 กรกฎาคม 2024

Abu Dhabi Autonomous Racing League (A2RL) ซึ่งเปิดตัวอย่างน่าประทับใจในเดือนเมษายนนี้ที่สนาม Yas Marina Circuit ได้ประกาศความท้าทายต่อไปกับ Drone Champions League (DCL) ซึ่งเป็นองค์กรแข่งรถโดรนมืออาชีพชั้นนําของโลก ต่อยอดจากความสําเร็จของงานเปิดตัวครั้งแรก A2RL Drone Race ยังคงพัฒนาขอบเขตของเทคโนโลยีอัตโนมัติ โดยผสมผสานทักษะของมนุษย์เข้ากับความก้าวหน้าทางนวัตกรรมในการบินอัตโนมัติ

The Abu Dhabi Autonomous Racing League (A2RL) x Drone Champions League (DCL) (Graphic: AETOSWire)

A2RL ทะยานสู่จุดสูงสุดใหม่: เปิดตัวการแข่งขันแข่งรถโดรนอัตโนมัติมูลค่าเงินรางวัลรวม 1 ล้านเหรียญสหรัฐ (ภาพ: AETOSWire)

การแข่งขันรถโดรนอัตโนมัติจะรวบรวมทีมจากทั่วโลก ต้อนรับทีมแข่งรถด้วยโดรนที่จัดตั้งขึ้น สถาบันวิจัย และ 'มือใหม่' ที่กระตือรือร้น ผู้เข้าแข่งขันทุกคนจะแข่งขันกันเพื่อชิงเงินรางวัลที่น่าตื่นเต้นมูลค่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่พวกเขามุ่งมั่นที่จะบรรลุความคล่องตัวและความเร็วสูงสุดในขณะที่หลบหลีกผ่านวัตถุที่ขวางทางได้สําเร็จ เปิดให้ลงทะเบียนแล้วที่ a2rl.io และทีมที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมการแข่งขันได้ ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดจะผ่านกระบวนการคัดเลือกอย่างเข้มงวด เพื่อระบุทีมที่เข้าแข่งขันที่ประสบความสําเร็จ ผู้ที่ผ่านการคัดกรองจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมในชุดภารกิจที่จะช่วยให้คณะกรรมการตัดสินสามารถประเมินความสามารถของทีมในการใช้เครื่องจําลองโอเพ่นซอร์สเพื่อบินโดรนโดยอัตโนมัติ รอบชิงชนะเลิศจะจัดขึ้นในเดือนเมษายน 2025 ซึ่งจะมีการตัดสินผู้ชนะ

A2RL จัดขึ้นโดย ASPIRE A2RL ผสมผสานปัญญาประดิษฐ์ (AI) ความเป็นอิสระ และกีฬาเอ็กซ์ตรีมเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของการขับเคลื่อนในอนาคต และได้รับการยกย่องว่าเป็นลีกแข่งรถอัตโนมัติที่ใหญ่ที่สุดในโลก การแข่งขันโดรนอัตโนมัติสุดมันส์ A2RL จะเห็นนักวิจัยที่แข่งขันกันตั้งโปรแกรมโดรนเพื่อนําทางผ่านประตูต่างๆหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง โดยใช้เซ็นเซอร์ในตัวและพลังการคํานวณ เป้าหมายหลักของการแข่งขันคือการกําหนดเกณฑ์มาตรฐานสําหรับการบรรลุนวัตกรรมสูงสุดในอัลกอริทึมในขณะที่ใช้เทคโนโลยีเซ็นเซอร์น้อยที่สุดในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน

เช่นเดียวกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมด A2RL Drone Challenge จะรวมถึงการมุ่งเน้นไปที่ STEM และนักเรียนมัธยมปลายจะได้รับการต้อนรับให้เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน

ในการประกาศการแข่งขันครั้งใหม่ H.E. Faisal Al Bannai เลขาธิการ ATRC กล่าวว่า “เมื่อคุณทดลองในสภาวะสุดขั้วเท่านั้น คุณจึงจะค้นพบขอบเขตใหม่หรือความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง เรากําลังสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดความร่วมมือระดับโลก ขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และสร้างอนาคตที่โซลูชันอัตโนมัติเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมและปรับปรุงคุณภาพชีวิต”

Stephane Timpano ซีอีโอของ ASPIRE กล่าวว่า “นี่เป็นวิวัฒนาการที่น่าตื่นเต้นของซีรีส์การแข่งรถเอ็กซ์ตรีม A2RL ของเรา DCL เป็นพันธมิตรที่มีแนวคิดเดียวกันด้วยประสบการณ์การแข่งรถโดรนอันล้ำค่ามาหลายปี เราไม่เพียงแต่เพิ่มมิติใหม่แห่งการขับขี่อัตโนมัติให้กับการแข่งรถด้วยโดรนเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจํากัดของอากาศยานไร้คนขับผ่านการแข่งขันครั้งนี้”

Markus Stampfer ประธานบริหารของ Drone Champions AG ผู้จัดงาน Drone Champions League (DCL) กล่าวว่า “ที่ DCL ภารกิจของเราคือการก้าวข้ามขีดจำกัดของการแข่งรถด้วยโดรนมาโดยตลอด หลังจากประสบความสําเร็จในการผสานโลกของการแข่งรถด้วยโดรนเสมือนจริงและทางกายภาพเข้าด้วยกัน การร่วมมือกับ ASPIRE เพื่อพัฒนาการบินด้วยโดรนอัตโนมัติถือเป็นก้าวต่อไปตามธรรมชาติสําหรับเรา เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้นําประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่กว้างขวางของเรามาสู่การแข่งขันที่บุกเบิกนี้ โดยสนับสนุน ASPIRE ด้วยความรู้ที่เราได้รับจากการพัฒนาโดรนสำหรับการแข่งขัน และการทํางานร่วมกับนักบินโดรนที่ดีที่สุดในโลกเป็นเวลาหลายปี”

ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีโดรน การแข่งขันนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ทุกประเทศสามารถเข้าถึงการใช้โดรนได้ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและขับเคลื่อนนวัตกรรมในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น สุขภาพและโลจิสติกส์ได้ในที่สุด

สอบถามข้อมูลสื่อมวลชนได้ที่ comms@a2rl.io หรือ ATRC@edelman.com

Twitter

LinkedIn

Instagram

*ที่มา: AETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54099128/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Jennifer Dewan ผู้อํานวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสาร
Jennifer.dewan@tii.ae

ที่มา: Abu Dhabi Autonomous Racing League


Hero MotoCorp รำลึกถึง Dr. Brijmohan Lall Munjal ผู้ก่อตั้งและประธานกิตติคุณของ Hero Forever ด้วยจักรยานยนต์รุ่นสำหรับนักสะสม, – ‘The Centennial’

Logo

NEW DELHI, India–(BUSINESS WIRE)–01 กรกฎาคม 2024

Hero MotoCorp ผู้ผลิตจักรยานยนต์และสกู๊ตเตอร์รายให้ญ่ที่สุดของโลก แสดงความยกย่องและรำลึกถึง Dr.  Brijmohan Lall Munjal ประธานผู้ก่อตั้งผู้ซึ่งมีวิสัยทัศน์ ด้วยรถจักรยานยนต์รุ่นสำหรับนักสะสม 'The Centennial'

The Centennial (Photo: Business Wire)

The Centennial (ภาพถ่าย: Business Wire)

“Dr. Brijmohan Lall Munjal พ่อของผมและประธานผู้ก่อตั้ง Hero MotoCorp เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนหลายพันล้านคนทั่วโลก วิสัยทัศน์ของเขาได้เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ของอินเดีย และอุตสาหกรรมในอินเดีย โดยทิ้งมรดกแห่งความชาญฉลาด นวัตกรรม แรงบันดาลใจ และความซื่อสัตย์ สำหรับเขาแล้ว นอกเหนือจากธุรกิจและผลกำไรแล้ว เหนือสิ่งอื่นใด คือ ผู้คน ทั้งส่วนบุคคลและชุมชน

ในโอกาสที่เราเฉลิมฉลองครบรอบศตวรรษมาเป็นเวลาหนึ่งปี ผมมีความรู้สึกตื้นตันและภูมิใจขอแนะนำThe Centennialความมหัศจรรย์ทางวิศวกรรมยานยนต์ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานผู้ก่อตั้งที่มีวิสัยทัศน์ของเรา ‘The Centennial’ ไม่ได้เป็นเพียงรถจักรยานยนต์ที่มีความโดดเด่นเท่านั้น แต่ยังเป็นความทรงจำที่จารึกไว้ในโครงเหล็กกล้าและคาร์บอนไฟเบอร์ โดยการออกแบบ วิศวกรรม และเทคโนโลยีของเครื่อจักรอันงดงามนี้ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ยังคงอยู่ไม่เลือนหายไปจากความทรงจำของผู้ก่อตั้งซึ่งสร้างแรงบันดาลใจของเราตลอดมา

วิสัยทัศน์ที่ครอบคลุมของเขาผสานรวมทุกคนในชุมชนของ Hero ทั้งลูกค้า พนักงาน ตัวแทนจำหน่าย พันธมิตร ซัพพลายเออร์ และผู้ถือหุ้นต่างๆ ตลอด 100 วันที่ผ่านมา เราเฉลิมฉลองให้กับชายผู้ริเริ่มในทุกสิ่ง ผมขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมรำลึกถึง Dr. Brijmohan Lall Munjal ในวันครบรอบวันเกิดปีที่ 101 ของเขากัน

Dr. Pawan Munjal
ประธานกรรมการบริหาร
Hero MotoCorp

'The Centennial' ได้รับการรังสรรค์คอนเซ็ปต์ ออกแบบ และพัฒนาขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลกที่ Hero Centre for Innovation and Technology (CIT) ในอินเดีย และ Hero Tech Centre in Germany (TCG) ในเยอรมนี ผลงานชิ้นเอกนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทต่อนวัตกรรมและความเป็นเลิศ ถือเป็นชิ้นงานจากฝีมือที่พิถีพิถัน โดยมีเพียง 100 คันเท่านั้น มาพร้อมประสิทธิภาพและเป็นงานฝีมือระดับพรีเมี่ยม

เพื่อเป็นเกียรคิแก่วันครบรอบวันเกิดปีที่ 101 ของ Dr. Brijmohan Lall Munjal บริษัทจะเปิดประมูลรถจักรยานยนต์เหล่านี้สำหรับพนักงาน เพื่อนร่วมงาน พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้ถือหุ้น โดยรายได้จากการประมูลในครั้งนี้จะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ที่ดีขึ้นของสังคม ซึ่งสะท้อนถึงคุณค่าที่ยั่งยืนของผู้ก่อตั้งในการตอบแทนสังคม

โดยจะสามารถเริ่มส่งมอบ ‘The Centennial’ ได้ในเดือนกันยายน ปี 2024

นอกเหนือจากนี้ ด้วยความมุ่งมั่นในความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและความยั่งยืน บริษัทจะมีการเฉลิมฉลอง 100 วันแห่งการมีส่วนร่วมของลูกค้าและพนักงานทั่วทุกโรงงานและเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย รวมถึงตลาดทั่วโลก ในระหว่างช่วงเวลานี้ ลูกค้าที่ซื้อรถจักรยานยนต์หรือสกู๊ตเตอร์ของ Hero ทุกรุ่นจะมีโอกาสพิเศษที่จะได้รับเงินคืน 100% โดยข้อเสนอนี้จะจำกัดเพียง 100 คันเท่านั้น สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของบริษัท

Hero MotoCorp ขอเชิญชวนลูกค้าให้เข้าร่วมในแคมเปญ ‘My Hero, My Story’ ด้วยเช่นกัน ซึ่งทุกคนสามารถแบ่งปันเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่แสดงถึงความผูกพันและการเดินทางที่เป็นเอกลักษณ์ร่วมกับแบรนด์ โดยผลงานที่ส่งเข้าประกวดจะได้รับการประเมินผลโดยคณะผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงจากหลากหลายภูมิหลัง และผลงานที่ติดอันดับสูงสุดจะได้รับรางวัล ‘The Centennial’ อันมีเกียรติของเรา

The Centennial

‘The Centennial’ โดดเด่นด้วยงานฝีมือระดับเยี่ยมยอดหาที่เปรียบมิได้ ประกอบด้วยคาร์บอนไฟเบอร์และอลูมิเนียมขัดเงา มาพร้อมงานวิศวกรรมที่มีความพิถีพิถันระดับพรีเมี่ยม

องค์ประกอบที่โดดเด่นได้แก่ สวิงอาร์มอลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบา เพื่อเสริมแต่งประสบการณ์การขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น และแผงตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ที่ได้รับการออกแบบใหม่ เพื่อความสวยงามโฉบเฉี่ยวและมีโครงสร้างที่แข็งแกร่ง ฟีเจอร์ของ ‘The Centennial’ ได้รับการพัฒนา ผ่านการกลึง และชุบอะโนไดซ์เป็นพิเศษ พร้อมแฮนด์จับ ที่ยึดแฮนด์จับ แคลมป์สามจุด และชุดขาพักเท้าด้านหลัง

รถจักรยานยนต์คันนี้มาพร้อมสมรรถนะและความคล่องตัวที่น่าประทับใจ โดยมีการติดตั้งมาพร้อมโมโนโช้คแบบชาร์จแก๊สที่สามารถปรับได้เต็มรูปแบบจาก Wilbers และระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบกลับหัวขนาด 43 มม. พร้อมการปรับช่วงล่าง

เสียงท่อไอเสียที่ลึกล้ำอันโดดเด่นจากระบบท่อไอเสียคาร์บอนไฟเบอร์และไทเทเนียมระดับแนวหน้าของ Akrapovic ซึ่งได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษเพื่อสมรรถนะสูงสุดและผสานรวมเข้ากับรถจักรยานยนต์ได้อย่างลงตัว

เบาะนั่งเดี่ยวพร้อมฝาครอบเบาะนั่งคาร์บอนไฟเบอร์ และป้ายหมายเลขรุ่นพิเศษอลูมิเนียมขัดเงาที่ฝาครอบด้านข้าง ช่วยเพิ่มเอกลักษณ์และความพิเศษเฉพาะตัวของรถจักรยานยนต์รุ่นนี้ ล้ออัลลอยด์ตัดเพชรแสดงถึงความใส่ใจในรายละเอียด พร้อมสีเครื่องยนต์และโครง ซึ่งช่วยเสริมรูปลักษณ์ของรถจักรยานยนต์รุ่นนี้

ด้วยน้ำหนักรถที่มีเบาเป็นพิเศษเพียง 158 กก. ‘The Centennial’ จึงมีความคล่องตัว ตอบสนองการเร่งตัวที่เหนือกว่า เสริมประสิทธิภาพการควบคุมการขับขี่และการเบรกที่ดียิ่งขึ้น

สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.heromotocorp.com/en-in/the-centennial.html

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hero MotoCorp:

https://www.heromotocorp.com/en-in/
https://www.facebook.com/HeroMotoCorpIndia
https://twitter.com/HeroMotoCorp
https://www.instagram.com/heromotocorp/
https://www.youtube.com/c/HeroMotoCorp
https://www.linkedin.com/company/heromotocorp/mycompany/

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

https://www.businesswire.com/news/home/54089291/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
corporate.communication@heromotocorp.com

แหล่งข้อมูล: Hero MotoCorp

บริษัท Mitsui Chemicals และ ARRK ได้จัดหาวัสดุสำหรับคอนเซ็ปต์คาร์สมรรถนะสูง

Logo

TAFNEX CF/PP และชิ้นส่วนประกอบจากการพิมพ์แบบ 3 มิติที่พัฒนาโดย Mitsui Chemicals Group ได้ค้นพบถึงการนำไปใช้งานในรถยนต์ที่มีดีไซน์พื้นฐานจาก Toyota Fortuner ซึ่งออกแบบโดย TCD ASIA

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–26 มิถุนายน 2024

Mitsui Chemicals, Inc. (Tokyo:4183; ประธานและ CEO: HASHIMOTO Osamu) และบริษัทย่อย ARRK Corporation (โอซาก้า; ประธานและ CEO: MOROZUMI Naoki) ในวันนี้ได้ประกาศว่าวัสดุที่พัฒนาโดยทั้งสองบริษัทได้ถูกนำมาใช้ในคอนเซ็ปต์คาร์สมรรถนะสูงซึ่งมีดีไซน์พื้นฐานมาจาก Toyota Fortuner ชิ้นส่วนประกอบพิมพ์ด้วยพลาสติกอัดเม็ดแบบโดยตรง*1 ที่พัฒนาร่วมกันโดยบริษัท Mitsui Chemicals และ ARRK รวมถึง TAFNEX CF/PP*2 ซึ่งเป็นแผ่นเรซินโพลีโพรพีลีนเสริมคาร์บอนไฟเบอร์แบบทิศทางเดียวที่พัฒนาโดย Mitsui Chemicals ได้ค้นพบการนำใช้งานในรถยนต์  TOYOTA Hyper-F CONCEPT ซึ่งได้รับการออกแบบโดยบริษัท TCD ASIA CO., LTD.*3 (กรุงเทพฯ ประเทศไทย ประธาน: KAWAZOE Takayuki).

TAFNEX™ CF/PP and 3D-printed components find application in the TOYOTA Hyper-F CONCEPT (Photo: Business Wire)

TAFNEX™ CF/PP และชิ้นส่วนประกอบจากการพิมพ์แบบ 3 มิติได้ค้นพบถึงการนำไปใช้งานในรถยนต์ TOYOTA Hyper-F CONCEPT (ภาพถ่าย: Business Wire)

TAFNEX CF/PP และชิ้นส่วนประกอบจากการพิมพ์แบบ 3 มิติที่อัดเม็ดแบบโดยตรงซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ โดยจะจัดแสดงในงาน Bangkok Auto Salon 2024 เป็นงานแสดงรถยนต์คัสต้อมที่จะจัดขึ้นในเมืองหลวงของประเทศไทยในระหว่างวันที่ 26-30 มิถุนายน และจัดแสดงในงาน Bangsaen Grand Prix 2024 โดยเป็นงานแข่งรถที่จะจัดขึ้นบริเวณรอบนอกกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 3-7 กรกฎาคม

TOYOTA Hyper-F CONCEPT เป็นคอนเซ็ปต์คาร์สมรรถนะสูงพร้อมดีไซน์การแต่งสไตล์ที่ผสมผสานการขับขี่บนถนนและสมรรถนะตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ได้รับการต่อยอดจากสนามแข่งรถโดยธุรกิจมอเตอร์สปอร์ตของ TCD ASIA วัสดุใหม่ดังกล่าวให้บริษัทสามารถลดน้ำหนักของคอนเซ็ปต์คาร์ได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การปรับที่นั่งแบบสปอร์ต 4 ที่นั่งให้เหมาะสมยังช่วยมอบความเพลิดเพลินรูปแบบใหม่ที่ผู้ขับขี่ไม่เคยสัมผัสได้บนรถสองที่นั่งมาก่อน

วัสดุ TAFNEX CF/PP ถูกนำมาใช้สำหรับชิ้นส่วนประกอบตกแต่งในส่วนของกันชนหน้าและช่องระบายอากาศที่ฝากระโปรง ในขณะที่ชิ้นส่วนประกอบจากการพิมพ์แบบ 3 มิติที่อัดเม็ดแบบโดยตรงจะติดตั้งเข้ากับกรอบท่อลมของฝากระโปรงรถ

*1 ชิ้นส่วนประกอบจากการพิมพ์แบบ 3 มิติที่อัดเม็ดแบบโดยตรง

ในปี 2020 บริษัท Mitsui Chemicals ได้เปิดตัวการลงทุนและเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท Dreams Design Corporation (นาโกย่า ไอจิ; คณะกรรมการตัวแทน: OKUMURA Yasuyuki) เป็นผู้ให้บริการด้านวิศวกรรมที่มุ่งเน้นการพัฒนายานยนต์ จากนั้นในปี 2023 บริษัท Mitsui Chemicals ได้เริ่มการลงทุนและเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในลักษณะเดียวกันกับบริษัท ExtraBold Inc. (โทชิมะ, โตเกียว; CEO: HARA Yuji) เป็นผู้ผลิตเครื่องพิมพ์แบบ 3 มิติที่อัดเม็ดแบบโดยตรง

ชิ้นส่วนประกอบจากการพิมพ์แบบ 3 มิติที่ติดตั้งเข้ากับคอนเซ็ปต์คาร์เป็นการนำเทคโนโลยีการออกแบบชิ้นส่วนรถยนต์ของบริษัท Dreams Design มาผสานกับเครื่องพิมพ์แบบ 3 มิติรุ่น EXF-12 ของบริษัท ExtraBold ที่สามารถพิมพ์ชิ้นส่วนขนาดใหญ่ด้วยความเร็วสูงได้ เทคโนโลยีการพิมพ์แบบ 3 มิติและเทคโนโลยี Post Processing ของบริษัท ARRK ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่สนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นในอุตสาหกรรมนี้ โดยให้บริการทุกกระบวนการตั้งแต่การพัฒนาต้นแบบไปจนถึงการผลิตแบบจำนวนมาก รวมถึงเทคโนโลยีวัสดุคอมโพสิตโพลีโอเลฟินส์ที่พัฒนาโดยบริษัท Mitsui Chemicals เพื่อใช้ในการพิมพ์แบบ 3 มิติ

การใช้งานกลไกที่ใช้ในการฉีดขึ้นรูป เครื่องพิมพ์แบบ 3 มิติที่อัดเม็ดพลาสติกโดยตรงจะเป็นการผลิตโครงสร้างจากเม็ดพลาสติกได้โดยตรง ข้อดีของกลไกนี้มีความล้ำหน้ามากกว่าเครื่องพิมพ์แบบ 3 มิติทั่วไปคือปริมาณพลาสติกที่ปล่อยออกมานั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างคงที่ ช่วยให้ผลิตโครงสร้างขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อใช้งานในการผลิตจำนวนมากที่มีความหลากหลายในปริมาณต่ำสำหรับผลิตภัณฑ์ที่พิมพ์แบบ 3 มิติแบบไม่ใช้แม่พิมพ์จะช่วยลดทั้งระยะเวลาในการพัฒนาและการลงทุนแรกเริ่มที่จำเป็น รวมถึงต้นทุนสำหรับแม่พิมพ์ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ คาดว่าเทคโนโลยีนี้จะมีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่พิมพ์แบบ 3 มิติสามารถบดกลับเป็นเม็ดและรีไซเคิลเป็นวัตถุดิบสำหรับการพิมพ์แบบ 3 มิติต่อไปได้

*2 TAFNEX™ CF/PP

TAFNEX™ CF/PP เป็นเทปแบบทิศทางเดียว (เทป UD) ที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ (CF) และโพลีโพรพีลีน (PP) แบบคอมโพสิตโดยใช้เทคโนโลยีอันเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท Mitsui Chemicals นอกจากจะมีน้ำหนักเบา มีความแข็งแกร่งสูง พร้อมความสามารถในการขึ้นรูปที่ดีแล้ว ยังมีคุณสมบัติที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับดีไซน์ที่หลากหลายได้ เช่น การสร้างลวดลายคล้ายหินอ่อน TAFNEX ได้รับการออกแบบมาเพื่อปรับงานใช้ในยานยนต์และโดรน ตลอดจนการนำไปใช้งานอื่นๆ ในภาคอุตสาหกรรมและสำหรับผู้บริโภค การนำไปใช้งานดังกล่าวรวมถึงการเสริมแรงเฉพาะที่ของชิ้นส่วนแม่พิมพ์แบบฉีดขึ้นรูปหรืออัดแบบขึ้นรูป และวัสดุดังกล่าวยังสามารถแปรรูปเป็นชิ้นส่วนในรูปแบบของท่อหรือแผ่นลามิเนตได้

เว็บไซต์พิเศษ: Mitsui Chemicals TAFNEX (mitsuichemicals.com)

บริษัท *3 TCD ASIA CO., LTD.เป็นบริษัทย่อยในประเทศไทยของ TOYOTA CUSTOMIZING & DEVELOPMENT Co., Ltd.

อ้างอิง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54087356/en

ข้อมูลติดต่อ

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ โปรดติดต่อ:
แผนกสื่อสารองค์กร
Mitsui Chemicals, Inc.
โทร.: +81-3-6880-7500
แบบฟอร์มสอบถาม: https://form.mitsuichemicals.com/corporate/cc_pr_csr_en?param=13

ฝ่ายสร้างตลาดใหม่ แผนกสร้างธุรกิจใหม่

ARRK Corporation

ที่อยู่อีเมลสำหรับสอบถาม: daishiro_takahashi@arrk.co.jp

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ TAFNEX CF/PP หรือชิ้นส่วนประกอบจากการพิมพ์แบบ 3 มิติ โปรดติดต่อ:
แผนกพัฒนาโมบิลิตี้โซลูชัน ภาคธุรกิจโมบิลิตี้โซลูชัน

Mitsui Chemicals, Inc.

ที่อยู่อีเมลสำหรับการสอบถามข้อมูล:
Atsushi.Miyata@mitsuichemicals.com (TAFNEX)
Naomi.Urakawa@mitsuichemicals.com (ชิ้นส่วนประกอบจากการพิมพ์แบบ 3 มิติ)
TAFNEX แบบฟอร์มสอบถาม

แหล่งที่มา: Mitsui Chemicals, Inc.

HARMAN ประกาศตั้งโรงงานผลิตแห่งใหม่ในประเทศไทย

Logo

โรงงานแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ในแหลมฉบังซึ่งห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 90 นาทีจะรองรับการผลิตทุกภาคส่วนของ HARMAN โดยมุ่งสร้างผลิตภัณฑ์ด้านยานยนต์ที่พร้อมใช้งานและโซลูชันด้านส่วนประกอบ

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–20 มิถุนายน 2024

HARMAN ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ในเครือ Samsung Electronics Co., Ltd. ได้จัดงานเปิดตัวการก่อสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นโรงงานใหม่ขนาด 47,000 ตร.ม. โดยประมาณและตั้งอยู่ในแหลมฉบัง ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 125 กิโลเมตร ตามกลยุทธ์ในการจัดตั้งขึ้นภายในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ของประเทศไทยและใกล้เคียงกับโรงงานผลิตของแบรนด์ด้านยานยนต์และเทคโนโลยีชั้นนำหลากหลายแห่ง

แม้โรงงานแห่งนี้จะรองรับหน่วยธุรกิจด้านยานยนต์ของ HARMAN หลายหน่วย แต่การผลิตที่โรงงานใหม่ในประเทศไทยนี้จะมุ่งเน้นด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในภาคส่วนยานยนต์ของบริษัทเป็นหลัก โดย HARMAN เป็นผู้นำระดับโลกในการผลิตผลิตภัณฑ์สำหรับยานพาหนะที่เชื่อมต่อระหว่างกันที่จะเปลี่ยนเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ความเป็นจริงเสริม (Augmented Reality) และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ให้เป็นประสบการณ์การใช้งานด้านยานยนต์ที่มีคุณค่าต่อผู้บริโภค โรงงานผลิตแห่งใหม่ในประเทศไทยจะเอื้อให้บริษัทสามารถขยับขยายโซลูชันเหล่านี้เพิ่มเติมและบรรลุเป้าหมายตามคำสัญญาในการรังสรรค์ประสบการณ์การใช้งานภายในยานพาหนะให้แก่ผู้บริโภคในระดับยานยนต์

ประธานฝ่ายยานยนต์ของ HARMAN อย่าง Christian Sobottka ตลอดจนผู้นำระดับสูงรายอื่น ๆ ของ HARMAN ฉลองการเปิดตัวครั้งนี้โดยการร่วมมือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมของไทยอย่างพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล และเจ้าหน้าที่ของไทยรายอื่น ๆ ที่ได้กล่าวคำปราศรัยเกี่ยวกับการประสานกำลังในด้านเศรษฐกิจ นวัตกรรม และการเติบโตที่โรงงานใหม่ของ HARMAN จะให้การเกื้อหนุนในภูมิภาค

“HARMAN มุ่งมั่นในการรับรองให้แน่ใจว่าเราจะสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ด้านยานยนต์ที่พร้อมใช้งานตามความต้องการของพันธมิตร OEM ซึ่งจะเป็นการมอบประสบการณ์การใช้งานด้านไลฟ์สไตล์ที่เชื่อมต่อระหว่างกันให้แก่ผู้บริโภคดังที่ผู้บริโภคคาดหวังว่าจะได้รับภายในยานพาหนะของตน” Christian Sobottka ประธานฝ่ายยานยนต์ของ HARMAN กล่าว “การขยายแหล่งผลิตของเราไปยังพื้นที่อย่างประเทศไทยมาพร้อมกับข้อดีหลายประการ ตัวอย่างเช่น กลุ่มบุคลากรที่หลากหลายและการตั้งอยู่ในระยะที่ใกล้กับพันธมิตร OEM โดยประเทศไทยไม่เพียงมีประสบการณ์ด้านการผลิตที่สนับสนุนทั้งภาคส่วนยานยนต์และเทคโนโลยีมาหลายปี แต่ยังกำลังผันตัวเป็นศูนย์กลางด้านการผลิตรายใหญ่ให้กับทั้งยานพาหนะไฟฟ้าและเทคโนโลยีด้านยานยนต์สมัยใหม่ ปัจจัยจากการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในด้านการผลิตเทคโนโลยีระดับสูงของประเทศไทยกับความรวดเร็วที่จำเป็นในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าด้านยานยนต์ในปัจจุบันจึงเป็นเหตุให้เราตัดสินใจดำเนินการในภูมิภาคนี้ได้โดยง่าย”

“การตัดสินใจของ HARMAN ในการสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ในแหลมฉบังถือเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย” ดนัยณัฏฐ์ โชคอำนวย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกล่าว “การลงทุนครั้งนี้สอดรับกับกลยุทธ์ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจในวงกว้างของประเทศไทย ซึ่งรวมถึงการส่งเสริมความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการก่อตั้งซัพพลายเชนด้านยานยนต์สมัยใหม่ที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ โรงงานแห่งใหม่ยังจะมีส่วนช่วยเศรษฐกิจในพื้นที่โดยการสร้างโอกาสในการฝึกอบรมบุคลากรและงานใหม่ ๆ ให้แก่แรงงานในพื้นที่ 1,200”

HARMAN จะร่วมมือกับ ESR Group Limited (“ESR”) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านการจัดการสินทรัพย์ที่จับต้องได้ตามหลักเศรษฐกิจกระแสใหม่แห่งเอเชียแปซิฟิกในการออกแบบและก่อสร้าง โดยการออกแบบโรงงานของ HARMAN จะยึดตามมาตรฐาน FM ระดับสากลในด้านความปลอดภัยและการคืนสภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวของประเทศไทย รวมทั้งจะมุ่งเป้าดำเนินการเพื่อให้ได้รับการรับรองระดับทองคำด้านความเป็นผู้นำด้านการออกแบบที่อนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม (Leadership in Energy and Environmental Design หรือ “LEED”) ที่เป็นระบบประเมินการก่อสร้างตามหลักอาคารสีเขียวที่ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุด อีกทั้งยังเป็นตัวบ่งชี้ที่ได้รับการยอมรับเกี่ยวกับการบรรลุและความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน

HARMAN ดำเนินงานอยู่ทั่วโลกโดยมีโรงงานผลิตด้านยานยนต์ในบราซิล จีน ฮังการี อินเดีย และเม็กซิโก อีกทั้งยังมีพนักงานสำหรับการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการโดยเฉพาะอีกกว่า 12,000 ราย เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในราคา คุณภาพ และการส่งมอบที่เหมาะสม ซึ่งได้เลือกประเทศไทยเป็นสถานที่ตั้งโรงงานผลิตแห่งใหม่ล่าสุดของ HARMAN เนื่องจากปริมาณการผลิตยานพาหนะเป็นจำนวนมากของประเทศ การมี OEM จัดตั้งอยู่อย่างมาก ตลอดจนสภาพแวดล้อมที่ประกอบด้วยบุคลากรอันหลากหลายสำหรับการผลิตเทคโนโลยี แม้ว่ามีการคาดการณ์ว่าจะก่อสร้างโรงงานเสร็จสิ้นในไตรมาสที่ 4 ของปี 2025 แต่ HARMAN จะเริ่มดำเนินการว่าจ้างบุคลากรในพื้นที่สำหรับตำแหน่งบางตำแหน่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ และวางแผนสร้างแรงงานในท้องถิ่นประมาณ 1,200 รายตั้งแต่ช่วงแรกเริ่มจนไปถึงวันเปิดทำการอย่างเป็นทางการของโรงงานในปีถัดไป

หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฝ่ายยานยนต์ของ HARMAN โปรดไปที่ car.harman.com

เกี่ยวกับ HARMAN

HARMAN (harman.com) ออกแบบและวางแผนวิศวกรรมสำหรับผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่เชื่อมต่อระหว่างกันสำหรับผู้ผลิตยานยนต์ ผู้บริโภค และองค์กรทั่วโลก รวมถึงระบบรถยนต์ที่เชื่อมต่อกัน ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเสียงและภาพ โซลูชันระบบอัตโนมัติสำหรับองค์กร ตลอดจนบริการที่รองรับอินเทอร์เน็ตประสานสรรพสิ่ง (Internet of Things) แบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ เช่น AKG®, Harman Kardon®, Infinity®, JBL®, Lexicon®, Mark Levinson® และ Revel®  ส่งผลให้ HARMAN มีชื่อเสียงในหมู่ผู้ชื่นชอบเกี่ยวกับเสียง นักดนตรี และสถานที่จัดงานบันเทิงที่ใช้จัดการแสดงทั่วโลก รถยนต์กว่า 50 ล้านคันที่ขับเคลื่อนอยู่บนถนนในปัจจุบันประกอบด้วยระบบเสียงและระบบรถยนต์ที่เชื่อมต่อกันของ HARMAN บริการซอฟต์แวร์ของเราช่วยขับเคลื่อนอุปกรณ์เคลื่อนที่และระบบต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อกันหลายพันล้านรายการ ซึ่งผสานการทำงานอย่างปลอดภัยทั่วทุกแพลตฟอร์ม ตั้งแต่ที่ทำงานและที่บ้าน ไปจนถึงรถยนต์และอุปกรณ์เคลื่อนที่ HARMAN มีแรงงาน 30,000 รายโดยประมาณทั่วอเมริกา ยุโรป และเอเชีย โดย HARMAN ได้กลายเป็นบริษัทในเครือที่ Samsung Electronics Co., Ltd. เป็นเจ้าของทั้งหมดในเดือนมีนาคม 2017

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Dawn Geary
ผู้อำนวยการด้านการสื่อสารระดับสากล – ยานยนต์
+1 248-463-0921
Dawn.Geary@harman.com

แหล่งข้อมูล: HARMAN

ระบบจัดการสถานีชาร์จ (CSMS) ของ Autel Energy ได้รับการรับรอง OCPP 2.0.1 ถือเป็นการยกระดับการทำงานร่วมกันและความปลอดภัยในการชาร์จ EV ขั้นสูง

Logo

นครนิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–11 มิถุนายน 2024

Autel Energy ผู้ให้บริการโซลูชั่นและบริการระบบการชาร์จ EV (รถยนต์ไฟฟ้า) ชั้นนำ ได้ประกาศอย่างภาคภูมิใจว่าระบบจัดการสถานีชาร์จ (CSMS) นั้นได้รับการรับรอง OCPP 2.0.1 จาก Open Charge Alliance (OCA) แล้ว ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าของความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนาความสามารถในการทำงานร่วมกันและความปลอดภัยของโซลูชั่นการชาร์รถไฟฟ้า(EV) และตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมธุรกิจการชาร์จรถไฟฟ้า EV

Autel Energy’s Charging Station Management System (CSMS) Achieves OCPP 2.0.1 Certification (Graphic: Business Wire)

ระบบการจัดการสถานีชาร์จ (CSMS) ของ Autel Energy ได้รับการรับรอง OCPP 2.0.1 (กราฟิก: Business Wire)

OCPP 2.0.1 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดของ Open Charge Point Protocol (OCPP) ที่ออกโดย OCA ในปี 2020 ถือเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกในด้านการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพระหว่างสถานีชาร์จและซอฟต์แวร์การจัดการสถานีชาร์จ โปรโตคอลนี้มอบความสามารถในการชาร์จอัจฉริยะขั้นสูงและคุณสมบัติในการควบคุมที่ได้รับการปรับปรุงสำหรับสาธารณูปโภค ผู้ดำเนินกิจการสถานีชาร์จ (CPO) และเจ้าของรถไฟฟ้า ปัจจุบัน มีเพียง 14 บริษัททั่วโลกเท่านั้นที่ได้รับการรับรองอันทรงเกียรตินี้

CSMS ของ Autel Energy มีโปรไฟล์ Core และโปรไฟล์ความปลอดภัยขั้นสูงและสมบูรณ์แบบของระบบ OCPP 2.0.1 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งและการทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น นอกจากนี้ Autel ยังได้สรุปการพัฒนาสำหรับโปรไฟล์ที่เหลืออีก 6 โปรไฟล์ของ OCPP 2.0.1 และพร้อมที่จะได้รับการรับรองเต็มรูปแบบทันทีที่ OCA เปิดกระบวนการรับรองสำหรับโปรไฟล์เหล่านี้

โซลูชั่นซอฟต์แวร์การชาร์จ Autel EV ประกอบด้วย CSMS และแอปพลิเคชั่นการชาร์จ ทั้งยังให้บริการลูกค้ามากกว่า 100,000 รายในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก รองรับการชาร์จมากกว่า 600,000 ครั้งต่อเดือน และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 42 ล้านกิโลกรัม

ด้วยการได้รับการรับรอง OCPP 2.0.1 Autel รับประกันความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นผ่านการใช้โปรโตคอล Transport Layer Security (TLS) ซึ่งรองรับกลไกการเข้ารหัสและการตรวจสอบสิทธิ์การใช้งานที่จำเป็น ด้วยการใช้โปรโตคอลการสื่อสารที่ได้มาตรฐาน CSMS รับประกันการรับส่งข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ โดยมีการเข้ารหัสการรับส่งข้อมูลทั้งหมดระหว่างสถานีชาร์จและระบบคลาวด์เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล การปลอมแปลง และการโจมตี การตรวจสอบสิทธิ์แบบสองทางระหว่างสถานีชาร์จและระบบคลาวด์ทำให้มั่นใจได้ว่าปลายทั้งสองด้านของการสื่อสารนั้นเชื่อถือได้ ช่วยป้องกันการเข้าถึงอุปกรณ์โดยไม่ได้รับอนุญาต CSMS นำเสนอความสามารถในการทำงานร่วมกันที่ยอดเยี่ยมและความเสถียรของระบบที่เป็นเลิศ สามารถผสานรวมอุปกรณ์ชาร์จจากผู้ผลิตหลายรายได้อย่างราบรื่น ทำให้มีความมั่นใจได้ถึงความเข้ากันได้ในวงกว้าง อีกทั้งยังมีความคล่องตัว ตลอดจนความเสถียรสูงและน่าเชื่อถือ

ความสำเร็จนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำ ของระบบการจัดการสถานีชาร์จรถไฟฟ้า ของ Autel Energy ในด้านนวัตกรรมและศักยภาพทางเทคโนโลยี รวมถึงโปรโตคอลหลักของอุตสาหกรรม เพิ่มความไว้วางใจของลูกค้าและความสามารถในการแข่งขัน ความยืนยัน และความมุ่งมั่นของเรา ในการจัดหาโซลูชันการชาร์จคุณภาพสูง ที่มีความปลอดภัย และทำงานร่วมกันได้กับทุกระบบ

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/54038346/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Tom Rakoczy ผู้จัดการฝ่ายการตลาด
tomr@autel.com

แหล่งที่มา: Autel Energy

กลุ่ม Mitsui Chemicals Group และ ARRK Thailand จัดนิทรรศการ MotionTech 2024 เป็นครั้งแรก

Logo

จัดแสดงวัสดุและเทคโนโลยีเพื่อการขับเคลื่อนแห่งอนาคต

กรุงเทพมหานคร–(BUSINESS WIRE)–13 กุมภาพันธ์ 2024

Mitsui Chemicals Asia Pacific (MCAP) – กลุ่มMitsui Chemicals และ ARRK Thailand จะร่วมกันจัดนิทรรศการสาธารณะในกรุงเทพฯ ประเทศไทย ซึ่งจะจัดแสดงวัสดุและเทคโนโลยีต่างๆ สำหรับการขับเคลื่อนแห่งอนาคต ที่ได้พัฒนาโดยกลุ่ม Mitsui Chemicals และกลุ่ม ARRK นิทรรศการ MotionTech 2024 จะเป็นนิทรรศการลักษณะดังกล่าวครั้งแรกของทั้งสององค์กร

ผู้เข้าชมสามารถชมเทคโนโลยีล่าสุดและวัสดุที่ใช้งานได้จริงสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งจัดขึ้นมากกว่าสองช่วง นอกจากนั้นยังมีนิทรรศการ touch-and-feel (สัมผัสและรับรู้) สำหรับวัสดุต่างๆ ที่ผลิตโดยกลุ่ม Mitsui Chemicals นอกจากนี้ MOLp (Mitsui Chemicals Material Oriented Laboratory) ซึ่งเป็นงานแสดงนวัตกรรมที่ได้รับการตอบรับอย่างดีในญี่ปุ่น จะมาปรากฏตัวพร้อมกับผลิตภัณฑ์บางส่วนที่นำเสนอไปในนิทรรศการครั้งก่อนๆอีกด้วย

งานนี้ได้รับความร่วมมืออย่างภาคภูมิใจโดย Mitsui Chemicals Asia Pacific, Mitsui Chemicals (Thailand) และ ARRK Thailand

รายละเอียดของนิทรรศการ

ช่วงแรก

วันที่

15 ถึง 16 กุมภาพันธ์ 2024

สถานที่

โรงแรม Nikko Hotel กรุงเทพฯ (ชั้น4)

27 ทองหล่อ, คลองตันเหนือ, วัฒนา, กรุงเทพฯ 10110

ช่วงที่สอง

วันที่

20 กุมภาพันธ์ 2024

สถานที่

โรงแรม Pacific Park ศรีราชา

2 1 ศรีราชานคร 3, ศรีราชา, อ.ศรีราชา, ชลบุรี 20110

เข้าชมได้ฟรี รับวอล์คอินสำหรับทุกท่าน (Walk-in) ไม่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า เชิญเข้าชมเว็บไซต์ Asia Pacific website เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับ MotionTech 2024 หรือท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้

เกี่ยวกับ MOLp

MOLp™ เป็นโครงการห้องปฏิบัติการแบบเปิดโดย Mitsui Chemicals Group ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อค้นหาเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่และคุณค่าเชิงฟังก์ชันของวัสดุโดยการใช้ประสาทสัมผัสที่หลากหลายอย่างเต็มที่

เชิญเยี่ยมชมเว็บไซต์ MOLp™ website เพื่อทำความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับแรงบันดาลใจเบื้องหลังผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้

บางโครงการของ MOLp™ จะนำเสนอใน MotionTech 2024 ด้วย:

321 IDEA CAVE

https://youtu.be/QJ4Uvl2k-Tk?si=bc0R-yIYK6b1YTB2

NAGORI® products

https://youtu.be/-zpoeglo8zc?si=kDCMTr-ojw4IKLgY

TAFNEX™ bench

https://jp.mitsuichemicals.com/en/release/2022/2022_1018/index.htm

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53893280/en

ติดต่อ

หากต้องการสอบถามเกี่ยวกับข่าวประชาสัมพันธ์นี้ โปรดติดต่อ:

Eric Lim
การสื่อสารองค์กรและการตลาด
Mitsui Chemicals Asia Pacific, Ltd.
eric.lim@mitsuichemicals.com

แหล่งที่มา: Mitsui Chemicals Asia Pacific 


ZCG ประกาศความร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับ Scuderia Ferrari

Logo

ขยายความร่วมมือและความร่วมมือที่ประสบความสําเร็จสําหรับ Formula 1 ฤดูกาล 2024

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–6 กุมภาพันธ์ 2024

Z Capital Group (“ZCG”) ประกาศในวันนี้ว่าได้ลงนามเป็นพันธมิตรทีมกับ Scuderia Ferrari สําหรับ Formula 1 ฤดูกาล 2024 ความมุ่งมั่นนี้จะสานต่อความร่วมมือที่ประสบความสําเร็จระหว่าง ZCG และ Scuderia Ferrari ที่เริ่มขึ้นในปี 2023

ความร่วมมือในปี 2023 ประกอบด้วยความคิดริเริ่มด้านความร่วมมือและนวัตกรรมมากมาย และในช่วง Formula 1 ฤดูกาล 2024 ZCG ตั้งเป้าที่จะทํางานอย่างใกล้ชิดกับ Scuderia Ferrari เพื่อขยายความคิดริเริ่มเหล่านี้ และค้นหาวิธีใหม่ๆที่สร้างสรรค์เพื่อดึงดูดแฟน Formula 1 ทั่วโลก เนื่องจาก ZCG เป็นที่รู้จักในระดับสากล

Scuderia Ferrari จะเปิดตัวรถ Formula 1 ปี 2024 ในวันอังคารที่ 13 กุมภาพันธ์ 2024 ในฐานะพันธมิตรทีมที่โดดเด่น ZCG จะแสดงโลโก้บนตัวรถอย่างโดดเด่นตลอดการแข่งขัน Formula 1 World Championship ปี 2024 โดยเริ่มต้นที่ Bahrain Grand Prix ในวันที่ 2 มีนาคม นอกเหนือจากการจัดวางโลโก้แล้ว ความร่วมมือนี้ยังรวมถึงการทํางานร่วมกันในวงกว้างขึ้น และการมีส่วนร่วมหลายแง่มุม ซึ่งตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการก้าวสู่ความสําเร็จและการเติบโต สําหรับความร่วมมือระหว่าง Scuderia Ferrari และ ZCG

“เรามีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งในความสัมพันธ์ของเรา และตั้งตารอที่จะสนับสนุน Scuderia Ferrari ต่อไป และต่อยอดจากความสําเร็จของความร่วมมือของเราในฤดูกาล 2023″ James Zenni ผู้ก่อตั้ง ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ZCG กล่าว ” Ferrari ก้าวข้ามขีดจำกัดของนวัตกรรม และการขยายตัวไปทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ZCG แบ่งปันวิสัยทัศน์ของ Scuderia Ferrari ในด้านความเป็นเลิศและการเติบโตเชิงกลยุทธ์ และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมงานกันต่อไป ซึ่งจะสามารถนําประสบการณ์และความตื่นเต้นของ Formula 1 มาสู่แฟนๆ ทั่วโลกได้มากขึ้น”

“เรามีความยินดีที่ได้ต่ออายุความร่วมมือกับ ZCG ซึ่งเรามีความหลงใหลในความเป็นเลิศและความปรารถนาที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของนวัตกรรม โดยไม่ละสายตาจากคุณค่าและอํานาจที่เกิดจากประสบการณ์หลายทศวรรษในสาขาของเรา” Lorenzo Giorgetti ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายได้จากการแข่งรถของ Scuderia Ferrari กล่าว “เรากระตือรือร้นที่จะทํางานร่วมกับ ZCG ต่อไป เพื่อเข้าถึงผู้ชมในวงกว้างยิ่งขึ้น เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครของ Formula 1 และโลกที่พิเศษสุดของ Scuderia Ferrari”

หนึ่งในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตที่น่าตื่นเต้นและมีชื่อเสียงที่สุดในโลก Formula 1 ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะทั่วสหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ชมโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นสองเท่าจากปี 2018 ถึง 2023 โดยมีผู้ชมเฉลี่ย 1.11 ล้านคนต่อการแข่งขันในช่วงฤดูกาล 2023 ZCG ยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการเติบโตของ Formula 1 ผ่านการเป็นพันธมิตรกับ Scuderia Ferrari ซึ่งเป็นทีมที่ประสบความสําเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของกีฬาประเภทนี้

เกี่ยวกับ ZCG

ZCG เป็นผู้นําในอุตสาหกรรมที่ประกอบด้วยการจัดการสินทรัพย์ในตลาดเอกชน บริการให้คําปรึกษาทางธุรกิจ การพัฒนาเทคโนโลยี และโซลูชั่น

เป็นเวลาเกือบ 30 ปีที่ ZCG Principals ได้ลงทุนหลายหมื่นล้าน และมีผลงานชั้นนําของอุตสาหกรรมในด้านไพรเวทอิควิตี้และสินเชื่อ

ZCG มี AUM ประมาณ 7 พันล้านเหรียญสหรัฐในด้านการจัดการสินทรัพย์ และนักลงทุนของบริษัทเป็นนักลงทุนสถาบันระดับโลกรายใหญ่ที่สุดและเชี่ยวชาญที่สุดกลุ่มหนึ่ง รวมถึงกองทุนบําเหน็จบํานาญ กองทุนการกุศล มูลนิธิ กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ ธนาคารกลาง และบริษัทประกันภัย

ZCG มีทีมงานระดับโลกที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญกว่า 400 คน สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชมwww.zcg.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Tim Ragones / Kate Thompson / Erik Carlson
Joele Frank, Wilkinson Brimmer Katcher
212-355-4449

ที่มา: Z Capital Group

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53890624/en

Exicom ขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเข้าร่วมมือกับ INNOPOWER Co. Ltd. เพื่อเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

Logo

  • INNOPOWER Co. Ltd เป็นผู้ดำเนินการหลักในการขยายธุรกิจของ Exicom ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย
  • การเปิดตัวเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าขนาด 30kW จำนวนหกเครื่องในการเริ่มต้นความร่วมมือกัน
  • Exicom ดำเนินกิจการในอินเดีย มาเลเซีย ตะวันออกกลาง และตอนนี้ กำลังขยายการดำเนินงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

BANGKOK–(BUSINESS WIRE)–18 มกราคม 2024

Exicom เป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องชาร์จ EV ของอินเดีย เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกภาคส่วนการผลิตเครื่องชาร์จ EV ในอินเดีย และเป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตยานยนต์ระดับโลก มีการประกาศในวันนี้เกี่ยวกับข้อตกลงการจัดจำหน่ายกับ INNOPOWER Company Limited ซึ่งเป็นบริษัทนวัตกรรมด้านพลังงานในประเทศไทย ความร่วมมือในครั้งนี้มีผลต่อตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดย Innopower จะเป็นผู้ดูแลการจัดจำหน่ายเครื่องชาร์จระบบ AC/DC ของ Exicom การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้จะช่วยเสริมฐานตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Exicom ให้เสถียรยิ่งขึ้น โดยมีการจัดตั้งเครือข่ายการขายและการจัดจำหน่ายในท้องถิ่น

Exicom Expands in Southeast Asia, Partners with INNOPOWER Co. Ltd. for Exclusive Distribution in Thailand (Graphic: Business Wire)

Exicom ขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเข้าร่วมมือกับ INNOPOWER Co. Ltd. เพื่อเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย (กราฟิก: Business Wire)

การดำเนินธุรกิจของ Exicom ในประเทศไทยถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมโซลูชันระบบชาร์จ EV ให้มีความคล่องตัวสูงยิ่งขึ้น โดยมุ่งมั่นในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานสำหรับระบบเพื่อรองรับ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทยในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลโดยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อโครงการริเริ่มด้านยานยนต์ในการพัฒนาระบบ EV และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับเป้าหมายดังกล่าว

การประกาศความร่วมมือระหว่าง Exicom และ INNOPOWER ในระหว่างพิธีลงนาม ถือเป็นการเริ่มต้นสำหรับพันธมิตรในครั้งนี้ด้วยการติดตั้งเครื่องชาร์จขนาด 30kW จำนวนหกเครื่อง บทบาทหน้าที่ของ INNOPOWER นอกเหนือจากการจัดจำหน่ายแล้ว ยังครอบคลุมการส่งเสริมการขาย การตลาด และการขายผลิตภัณฑ์ของ Exicom ทั่วประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในต่างประเทศ Exicom ยังมีการจัดตั้งเครือข่ายการขายและการจัดหน่ายในท้องถิ่น ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกทั่วอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Exicom กำลังขยายขอบเขตการดำเนินงานทั่วโลก โดยการกระจายกลุ่มผลิตภัณฑ์ เพื่อให้มีความก้าวหน้าในภูมิภาคใหม่ๆ รวมถึงการเปลี่ยนกระบวนการภายในให้เป็นระบบดิจิทัล

Anant Nahata กรรมการผู้จัดการของ Exicom กล่าวว่า “การตระหนักถึงศักยภาพมหาศาลในการเติบโตของ EV ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และด้วยประสบการณ์ของเราในฐานะผู้ผลิตเครื่องชาร์จ EV ชั้นนำของอินเดีย ทำให้เราสามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มพูนขึ้นในภูมิภาคได้ การเป็นพันธมิตรกับ INNOPOWER ซึ่งมีรากฐานเป้าหมายร่วมกันเพื่อการคมนาคมที่ยั่งยืน จะช่วยกระตุ้นการเติบโตของทั้งสองบริษัทได้อย่างมีนัยสำคัญ ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของประเทศ เครื่องชาร์จ EV ขั้นสูงของเราจะเป็นตัวอย่างของนวัตกรรมคุณภาพระดับสูง โดยได้รับการออกแบบมาเพื่อให้มีผลที่สำคัญระดับโลก เมื่อเราขยายผลการดำเนินงานออกในวงกว้าง เป้าหมายของเราก็ยังคงความชัดเจน นั่นคือ การถือบรรทัดฐานในการกำหนดอนาคตการคมนาคมอย่างยั่งยืน ไม่ใช่เพียงเฉพาะประเทศไทย แต่ยังก้าวไกลไปทั่วโลก”

INNOPOWER เป็นบริษัทร่วมทุนขององค์กรพลังงานชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย Ratch Group Public Company Limited และ Electricity Generating Public Company Limited หรือ EGCO Group ที่มีความเชี่ยวชาญในนวัตกรรมโซลูชันด้านพลังงาน ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนานกว่า 50 ปี บริษัทพร้อมลงทุนในโครงการริเริ่มด้านพลังงานอย่างยั่งยืนทั่วโลก และการร่วมมือกับ Exicom เมื่อเร็วๆ นี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการดำเนินงานอย่างมีวิสัยทัศน์นี้

“เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เป็นพันธมิตรร่วมมือกับ Exicom เพราะมีความโดดเด่นในความน่าเชื่อถือและศักยภาพความสามารถ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับลูกค้าของเราในประเทศไทย ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งด้านการตลาดเครื่องชาร์จ EV ในประเทศ เราจึงมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับ Exicom เพื่อช่วยในการขยายเครือข่าย เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นในวงกว้าง รวมถึง เจ้าของยานพาหนะและรถยนต์ส่วนตัว ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในความมุ่งมั่นของเรา เพื่อส่งเสริมโซลูชันการคมนาคมที่สะอาด และสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนของระบบนิเวศ EV ในประเทศไทย” Athip Tantivorawong ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของ INNOPOWER กล่าว

ความได้เปรียบจากการบุกเบิกในอินเดียและเรียนรู้ของ Exicom ควบคู่ไปกับการดำเนินงานแบบบูรณาการแนวดิ่ง ความสามารถในการวิจัยและพัฒนา และพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายของเครื่องชาร์จ EV ช่วยเสริมให้ Exicom ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องชาร์จ EV ในอินเดียและทั่วโลก ด้วยเครื่องชาร์จที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมและสภาวะไฟฟ้าที่รุนแรง Exicom นำเสนอเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ครอบคลุม นอกเหนือจากนี้ SPIN Control ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันบนมือถือของบริษัทยังช่วยให้ผู้ใช้ในที่พักอาศัยที่มีอินเทอร์เฟสที่ใช้งานง่าย พร้อมฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การทำงานของเครื่องชาร์จแบบระยะไกล ระบบการวิเคราะห์ ความเข้ากันได้ของอุปกรณ์ และการกำหนดตารางเวลาในการชาร์จโดยอัตโนมัติ

ความร่วมมือกันระหว่าง Exicom และ INNOPOWER เป็นความพยายามในการพัฒนาโซลูชันระบบการชาร์จ EV  ที่ใช้งานง่าย น่าเชื่อถือ และสะดวกสบายในประเทศไทย

เกี่ยวกับ Exicom:

Exicom เป็นผู้นำระดับโลกในการจัดหาโซลูชันพลังงานที่สำคัญ และโซลูชันระบบการชาร์จ EV ในกว่า 10 ประเทศ Exicom เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกในภาคส่วนการผลิตเครื่องชาร์จ EV ในอินเดีย และปัจจุบันนี้ กำลังขยายผลการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญเข้าในยุโรป สหราชอาณาจักร มาเลเซีย สิงคโปร์ และตะวันออกกลาง กลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Exicom ครอบคลุมตั้งแต่ขนาด 3.3kW จนถึง 360kW โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยการผลิตถึงสามหน่วย ฝ่ายการวิจัยและพัฒนาภายในสองแห่ง และเครือข่ายบริการที่สนับสนุน

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับนวัตกรรมพลังงานแห่งอนาคตได้ที่ https://www.exicom-ps.com/

เกี่ยวกับ INNOPOWER:

INNOPOWER ก่อตั้งขึ้นในปี 2022 และกำลังสร้างกระแสด้านภูมิทัศน์ความยั่งยืนของประเทศไทย เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT), RATCH Group และ The Electricity Generating Public Company Limited (EGCO) โดย INNOPOWER เป็นผู้นำด้านการลดคาร์บอน นวัตกรรมพลังงาน และเทคโนโลยีโลกสีเขียว พร้อมพันธกิจในการเร่งปรับเปลี่ยนประเทศไทยเข้าสู่พลังงานสะอาด และขับเคลื่อนนวัตกรรมในภาคส่วนพลังงานและเทคโนโลยี

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับนวัตกรรมพลังงานแห่งอนาคตได้ที่ www.innopower.co.th

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

https://www.businesswire.com/news/home/53884492/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Media Contacts
Anuj Bakshi
+91 9711306879
anuj.bakshi@adfactorspr.com

Shristy Sonal
+91 8340542348
shristy.sonal@adfactorspr.com

แหล่งข้อมูล: Exicom

ASPIRE ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กำหนดนิยามใหม่ของกีฬาแข่งรถเอ็กซ์ตรีมอัตโนมัติ: A2RL เผยโฉมรถ Dallara Super Formula “อัตโนมัติ” ที่งาน GITEX Global 2023

Logo

  • การแข่งรถอัตโนมัติครั้งแรกจะจัดขึ้นในเดือนเมษายน 2024 ที่ Yas Marina Circuit ของอาบูดาบีโดยมีเงินรางวัลรวม 2.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
  • 10 ทีมชั้นนำจากสถาบันที่มีชื่อเสียง ได้แก่: University of California, Berkeley, Technical University of Munich และ Nanyang Technological University, Singapore
  • ผู้เข้าร่วมงาน GITEX จะได้ชมรถยนต์รุ่น Dallara SF23 ที่เป็นรถยนต์อัตโนมัติเป็นครั้งแรก

ดูไบ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–16 ตุลาคม 2023

ASPIRE ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนเบื้องหลังความท้าทายอันยิ่งใหญ่และการแข่งขันระดับโลกสำหรับสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (ATRC) ของอาบูดาบี ได้ประกาศรายละเอียดของ Abu Dhabi Autonomous Racing League (A2RL) ที่เป็นที่รอคอยอย่างยิ่ง ในวันแรกของงาน GITEX Global ซึ่งเป็นงานเทคโนโลยีชั้นนำของโลก A2RL เผยโฉมรถยนต์รุ่นแรกที่เป็น Dallara Super Formula SF23 อัตโนมัติ ซึ่งเปิดตัวเมื่อต้นปีนี้ สิ่งมหัศจรรย์อันทันสมัยนี้สามารถรับรู้สภาพแวดล้อมและทำงานได้โดยปราศจากการแทรกแซงของมนุษย์ จะเปลี่ยนแปลงวงการมอเตอร์สปอร์ตด้วยการแข่งขันรอบปฐมฤกษ์ครั้งใหญ่ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 28 เมษายน 2024 ที่ Yas Marina Circuit ของอาบูดาบี

Abu Dhabi Autonomous Racing League - 28th April 2024 - (Photo - AETOSWire)

Abu Dhabi Autonomous Racing League – 28 เมษายน 2024 – (รูปภาพ – AETOSWire)

A2RL เป็นงานประเภทแรกของภูมิภาคที่ผสานรวมปัญญาประดิษฐ์ (AI) ความเป็นอิสระ และกีฬาเอ็กซ์ตรีมเพื่อผลักดันขอบเขตของการขับเคลื่อนในอนาคต งานนี้กำลังได้รับความสนใจว่าเป็นลีกการแข่งรถอัตโนมัติที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยจะจัดแสดงการแข่งรถอัตโนมัติ การแข่งโดรน และการแข่งรถบักกี้บนเนินทราย

H.E. Faisal Al Bannai เลขาธิการของ ATRC ซึ่งเป็นองค์กรแม่ของ ASPIRE กล่าวว่า “ที่จุดบรรจบกันของวิทยาศาสตร์ กีฬา และเทคโนโลยี ความเป็นอิสระกำลังจะปฏิวัติอนาคตของการคมนาคมขนส่ง Abu Dhabi Autonomous Racing League (A2RL) ถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นของ Abu Dhabi ในฐานะศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนา (R&D) ระดับนานาชาติ และเป็นพื้นที่ทดสอบชั้นนำสำหรับทดลองโซลูชันอัตโนมัติแบบพิสูจน์แนวคิด โดยการนำนักวิทยาศาสตร์ ผู้พัฒนา และผู้เชี่ยวชาญด้านการเขียนโค้ดจากทั่วโลกมารวมตัวกันในสนามกีฬาเอ็กซ์ตรีม เราจึงทดสอบความสามารถต่อความทนทานอย่างแข็งขัน เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนของเรา”

วันแข่งรอบปฐมฤกษ์ (การแข่งรถยนต์) จะนำเสนอภาพรวมของอนาคตของ AI ซึ่งเป็นการผสมผสานที่น่าตื่นเต้นระหว่างประสบการณ์เสมือนจริงและชีวิตจริง และการแนะนำความบันเทิงกีฬาเอ็กซ์ตรีมยุคใหม่

ทีมชั้นนำ 10 ทีมจากมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยระดับนานาชาติได้ยืนยันการเข้าร่วมการแข่งขันรถยนต์อัตโนมัติ และจะแข่งขันกันเพื่อชิงเงินรางวัล 2.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทีมที่เข้าร่วมได้แก่ Beijing Institute of Technology และ Khalifa University (จีนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์), Code19 Racing และ Indiana University (สหรัฐอเมริกา), Constructor Group (สวิตเซอร์แลนด์และสิงคโปร์), Hungarian Mobility Development Agency (ฮังการี), Kinetiz & Nanyang Technological University (สิงคโปร์), Politecnico di Milano (อิตาลี), Technical University of Munich (เยอรมนี), Technology Innovation Institute (UAE), University of California, Berkeley และ University of Hawaii (สหรัฐอเมริกา), University of Modena and Reggio Emilia (อิตาลี)

ทีมที่เข้าร่วมแต่ละทีมจะได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าถึงรถยนต์ Dallara Super Formula SF23 ใหม่ล่าสุด ซึ่งได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับ A2RL รถยนต์คันนี้ผลิตจากวัสดุคอมโพสิตชีวภาพที่ยั่งยืน ซึ่งมีน้ำหนัก 690 กิโลกรัม และปัจจุบันเป็นรถแข่งแบบเปิดล้อที่เร็วที่สุดในโลกรองจาก Formula One ด้วยความเร็วสูงสุด 300 กม./ชม.รถยนต์คันนี้มีระบบเบรกขั้นสูง ชุดระบบอัตโนมัติที่สร้างขึ้นเอง และระบบควบคุมคันเร่งแบบขับเคลื่อนด้วยลวด ทั้ง 10 ทีมจะมีโอกาสปรับใช้อัลกอริธึมซอฟต์แวร์ของตนบนยานพาหนะที่ล้ำสมัยคันนี้เพื่อให้เหนือกว่าคู่แข่ง ผู้เยี่ยมชม GITEX Global สามารถชมโมเดลอัตโนมัติได้ที่บูธ Advanced Technology Research Council (ATRC) – B10 ในฮอลล์ 17 ที่ Dubai World Trade Centre ตลอดช่วงห้าวันของการจัดงาน

ดร. Tom McCarthy กรรมการบริหารของ ASPIRE แสดงความตื่นเต้นเกี่ยวกับโครงการริเริ่มนี้ว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำกิจกรรมการแข่งรถอัตโนมัติมาสู่อาบูดาบี และแสดงให้โลกเห็นผ่าน A2RL โครงการริเริ่มนี้ไม่เพียงแต่กำหนดนิยามใหม่ของอนาคตของการขับเคลื่อนเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่คิดและสร้างสรรค์อนาคตที่สดใสยิ่งขึ้นในการแข่งขันระดับนานาชาติอันน่าตื่นเต้น การเตรียมทีมแข่งขันด้วยรถยนต์ Dallara SF23 ที่ได้รับการปรับแต่งใหม่ พร้อมด้วยระบบอัตโนมัติ ไม่ได้มุ่งเน้นที่ทักษะของผู้ขับขี่ แต่มุ่งเน้นเกี่ยวกับเทคโนโลยี การเขียนโปรแกรม และอัลกอริธึมแมชชีนเลิร์นนิ่งที่ช่วยให้ยานพาหนะเหล่านี้สามารถขับเคลื่อนในสนามแข่งที่ซับซ้อนด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ”

A2RL คืองานแข่งขันแข่งรถยนต์ประจำปีระดับโลก ซึ่งมอบโอกาสอันมีค่าสำหรับความร่วมมือและการทำงานร่วมกันในอุตสาหกรรมและสถาบันการศึกษา งานนี้เน้นให้เห็นประเด็นสำคัญระดับประเทศ เช่น การเป็นผู้บุกเบิกอนาคตของการคมนาคมขนส่ง การสร้างแรงบันดาลใจให้กับบุคลากรด้าน STEM รุ่นต่อไป การเร่งการเติบโตของเศรษฐกิจความรู้ของอาบูดาบี และสร้างผลกระทบที่เป็นรูปธรรมนอกเหนือจากสนามแข่งรถ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม A2RL.io.

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53604224/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

*ที่มา: AETOSWire

รายชื่อติดต่อ

Jennifer Dewan ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสาร 
jennifer.dewan@tii.ae

ที่มา: ASPIRE