Category Archives: Technology

Eisai เลือก Clinical Data Studio ของ Medidata เพื่อเสริมสร้างและปรับปรุงประสิทธิภาพของการทดลองทางการแพทย์และประสบการณ์ของผู้ป่วย

Logo

โซลูชันที่ใช้เทคโนโลยี AI จะช่วยให้ Eisai เร่งการตรวจสอบและการปรับปรุงข้อมูลได้เร็วขึ้น 80%

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–26 กรกฎาคม 2024 

Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Dassault Systèmes และผู้ให้บริการโซลูชันการทดลองทางคลินิกชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวิต ประกาศว่า Eisai Inc. (“Eisai”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Eisai Co., Ltd. ที่ตั้งอยู่ในโตเกียวในสหรัฐอเมริกา เป็นลูกค้ารายแรกที่ใช้ Medidata Clinical Data Studio ที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดย Eisai Inc จะใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ข้อมูลที่เป็นนวัตกรรมนี้เพื่อให้ควบคุมข้อมูลทางการแพทย์ได้อย่างไม่เคยมีมาก่อน อำนวยความสะดวกในการดำเนินการทดลองทางการแพทย์ที่สามารถขยายขนาดและมีความซับซ้อน รวมถึงเพิ่มประสบการณ์ของผู้ป่วย”

“เราได้รวม Clinical Data Studio ของ Medidata เข้ากับแพลตฟอร์มการจัดการการทดลองทางการแพทย์ของเรา เนื่องจากความสามารถในการทำลายข้อจำกัดของข้อมูลและบูรณาการอย่างราบรื่นกับซอฟต์แวร์ที่เราใช้ในปัจจุบัน พร้อมกับรักษาคุณภาพและความสมบูรณ์ของข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ได้ด้วย”

Shobha Dhadda, Ph.D. หัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์ทางคลินิกและการดำเนินงานที่ Eisai กล่าว

“การมีชุดเทคโนโลยีที่สามารถประมวลผลข้อมูลทางคลินิกและข้อมูลผู้ป่วยที่หลากหลาย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโดยไม่ลดทอนคุณภาพหรือจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรเพิ่มเติม

Clinical Data Studio ขับเคลื่อนโดย Medidata Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแบบครบวงจรเพียงแห่งเดียวในอุตสาหกรรมที่จัดการแหล่งข้อมูลทั้งหมดจากส่วนกลาง ปรับปรุงความน่าเชื่อถือของข้อมูลทั่วทั้งระบบนิเวศการทดลองทางคลินิกทั้งหมด ด้วยการผสานรวมข้อมูลจากแหล่ง Medidata ทั้งสองแหล่งอย่างราบรื่น รวมถึง Medidata Rave EDC และแหล่งที่ไม่ใช่ Medidata เช่น ห้องปฏิบัติการหรือระบบบันทึกข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์อื่น Clinical Data Studio จึงปรับปรุงกระบวนการนำเข้าให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเปิดใช้งานการตรวจสอบอัตโนมัติผ่านข้อตกลงการถ่ายโอนข้อมูลที่กำหนดค่าไว้ การใช้ AI จะช่วยลดปัญหาที่เกิดจากระบบข้อมูลที่แตกต่างกัน และเสนอการตรวจสอบข้อมูลที่รวดเร็วขึ้นถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกันก็ให้มุมมองที่ครอบคลุมของข้อมูลผู้ป่วยที่สามารถตรวจสอบ แสดงภาพ และดำเนินการได้พร้อมกัน

“Eisai ช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านการดูแลสุขภาพเอาชนะความซับซ้อนของการทดลองทางการแพทย์สมัยใหม่ผ่าน Clinical Data Studio และส่งเสริมการทำงานร่วมกันเกี่ยวกับข้อมูลที่สะอาดและนำไปปฏิบัติได้มากขึ้น” Janet Butler รองประธานบริหารและหัวหน้าฝ่ายขายทั่วโลกของ Medidata กล่าว

“เราช่วยให้ทีมการศึกษาสามารถระบุปัญหาข้อมูลที่อาจเกิดขึ้นได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และได้รับความเข้าใจที่แม่นยำยิ่งขึ้นของผู้ป่วยด้วยการมอบประสบการณ์การจัดการข้อมูลและการวิเคราะห์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI แบบครบวงจร”

เกี่ยวกับ Medidata

Medidata ขับเคลื่อนการรักษาที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นและผู้คนมีสุขภาพที่ดีขึ้นผ่านโซลูชันดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการทดลองทางคลินิก เฉลิมฉลอง 25 ปีของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำในการทดลองมากกว่า 33,000 รายการและผู้ป่วย 10 ล้านคน Medidata นำเสนอความเชี่ยวชาญชั้นนำของอุตสาหกรรม ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยการวิเคราะห์ และข้อมูลการทดลองทางคลินิกในอดีตระดับผู้ป่วยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนมากกว่า 1 ล้านคนจากลูกค้ากว่า 2,200 รายไว้วางใจแพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่ราบรื่นของ Medidata เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วย เร่งความก้าวหน้าทางคลินิก และนำการรักษาออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Dassault Systèmes (Euronext Paris: FR0014003TT8, DSY.PA) มีสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์กซิตี้ และได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำโดย Everest Group และ IDC ค้นพบเพิ่มเติมได้ที่ www.medidata.com และติดตามเรา @Medidata

เกี่ยวกับ Dassault Systèmes

Dassault Systèmes เป็นตัวเร่งให้เกิดความก้าวหน้าของมนุษย์ เรามอบสภาพแวดล้อมเสมือนจริงสำหรับการทํางานร่วมกันให้กับธุรกิจและผู้คน เพื่อจินตนาการถึงนวัตกรรมที่ยั่งยืน ด้วยการสร้างประสบการณ์แฝดเสมือนจริงของโลกแห่งความเป็นจริง ด้วยแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน 3DEXPERIENCE ลูกค้าของเราสามารถกําหนดกระบวนการสร้าง การผลิต และการจัดการวงจรชีวิตของข้อเสนอใหม่ได้ และด้วยเหตุนี้จึงมีผลกระทบที่มีความหมายในการทําให้โลกมีความยั่งยืนมากขึ้น ความงดงามของ Experience Economy คือ เศรษฐกิจที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลางเพื่อประโยชน์ของทุกคน  ทั้งผู้บริโภค ผู้ป่วย และประชาชน Dassault Systèmes นําคุณค่ามาสู่ลูกค้าทุกขนาดมากกว่า 350,000 ราย ในทุกอุตสาหกรรม ในกว่า 150 ประเทศ สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.3ds.com

© Dassault Systèmes สงวนลิขสิทธิ์. 3DEXPERIENCE, โลโก้ 3DS, ไอคอน Compass, IFWE, 3DEXCITE, 3DVIA, BIOVIA, CATIA, CENTRIC PLM, DELMIA, ENOVIA, GEOVIA, MEDIDATA, NETVIBES, OUTSCALE, SIMULIA และ SOLIDWORKS เป็นเครื่องหมายการค้า หรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Dassault Systèmes ซึ่งเป็นบริษัทในยุโรป (Societas Europaea) ที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายฝรั่งเศส และจดทะเบียนกับสำนักทะเบียนการค้าและบริษัท Versailles ภายใต้หมายเลข 322 306 440 หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและ/หรือประเทศอื่นๆ เครื่องหมายการค้าอื่นๆ ทั้งหมดเป็นของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง การใช้เครื่องหมายการค้า Dassault Systèmes หรือบริษัทในเครือจะต้องได้รับการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดแจ้ง

เกี่ยวกับ Eisai Inc.

Eisai Inc. เป็นบริษัทด้านการดูแลสุขภาพมนุษย์ เป็นบริษัทในเครือด้านเภสัชกรรมในสหรัฐฯ ของบริษัท Eisai Co., Ltd. ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในโตเกียว ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองนัทลีย์ รัฐนิวเจอร์ซี โดยดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ โดยเฉพาะด้านเนื้องอกวิทยาและประสาทวิทยา ซึ่งรวมถึงการวิจัยและพัฒนา การผลิต รวมถึงอุปทานและโลจิสติกส์ระดับโลก และกิจกรรมเชิงพาณิชย์ เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ https://us.eisai.com และติดตามเราบน X และ LinkedIn

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ
การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ประชาสัมพันธ์ Medidata
Medidata.PR@3ds.com

นักวิเคราะห์สัมพันธ์
Medidata.AR@3ds.com

ที่มา: Medidata

Kioxia คว้ารางวัล Lifetime Achievement Award จาก FMS จากผลงานการคิดค้นแฟลช NAND แบบ 3 มิติ

Logo

ทีมพัฒนาของ Kioxia คว้ารางวัลจากการคิดค้นเทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลชแบบ 3 มิติ BiCS FLASH อันล้ำสมัย

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–25 กรกฎาคม 2024

Kioxia Corporation ซึ่งเป็นผู้คิดค้นหน่วยความจำแฟลชแบบ NAND คว้ารางวัล Lifetime Achievement Award ประจำปี 2024 จาก FMS: the Future of Memory and Storage โดยทีมวิศวกรรมจาก Kioxia ซึ่งได้แก่คุณฮิเดอากิ อาโอจิ, เรียวตะ คัตสึมาตะ, มาซารุ คิโตะ, มาซารุ คิโดะ และฮิโรยาสึ ทานากะ จะขึ้นรับรางวัลอันทรงเกียรตินี้จากผลงานการพัฒนาและจัดจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชแบบ 3 มิติรายแรก เทคโนโลยีอันล้ำสมัยนี้ได้กลายมาเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการใช้งานทางคอมพิวเตอร์ต่างๆ มากมาย ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง, พีซี, SSD, ศูนย์ข้อมูล, AI และอุตสาหกรรม

Kioxia นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับเทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลชแบบ 3 มิติ BiCS FLASHTM ที่งาน VLSI Symposium เมื่อปี 2007 โดยหลังจากประกาศตัวต้นแบบไป Kioxia ก็เดินหน้าพัฒนาเพื่อยกระดับเทคโนโลยีดังกล่าวเพื่อการผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งในที่สุดก็ได้เปิดตัวหน่วยความจำแฟลชแบบ 3 มิติ 48 ชั้นขนาด 256 กิกะบิต (Gb) ตัวแรกของโลกไปเมื่อปี 2015

“การคิดค้นหน่วยความจำแฟลชแบบ 3 มิติของ Kioxia ได้พลิกโฉมการจัดเก็บข้อมูลไป เปลี่ยนจากการยกระดับเทคโนโลยีที่มีอยู่เดิมมาเป็นโซลูชันสุดล้ำที่ตอบโจทย์ระบบคอมพิวเตอร์ยุคใหม่” คุณ Chuck Sobey ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานทั่วไปของ FMS กล่าว “เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอผลงานอันสำคัญนี้ และอยากจะเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”

หน่วยความจำแฟลชแบบ 3 มิติ BiCS FLASH มาพร้อมโครงสร้างแบบวางซ้อน 3 มิติที่ช่วยเพิ่มความจุและยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน หน่วยความจำรูปแบบนี้ได้พลิกโฉมแวดวงธุรกิจการจัดเก็บข้อมูลไปจากเดิม เทคโนโลยีนี้ช่วยให้เกิดโซลูชันการจัดเก็บข้อมูลที่มีความหนาแน่นสูงขึ้นพร้อมรักษาความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพไว้ดังเดิม ซึ่งช่วยยกระดับขีดความสามารถให้กับศูนย์ข้อมูล อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภค และอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ ได้เป็นอย่างมาก ทั้งยังเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับเทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลชอีกด้วย เทคโนโลยี BiCS FLASH ของ Kioxia ใช้การวางซ้อนแบบแนวตั้ง (Vertical stacking) ซึ่งขจัดข้อจำกัดที่พบในแฟลช NAND เชิงระนาบ ช่วยเปิดทางให้เกิดการพัฒนาโซลูชันการจัดเก็บข้อมูลหน่วยความจำต่างๆ ในอนาคต ทั้งยังช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ของ Kioxia Corporation ในฐานะผู้นำวงการอีกด้วย

“นวัตกรรมทางเทคนิคของหน่วยความจำแฟลชแบบ 3 มิติจาก Kioxia นับเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่” คุณอัตสึชิ อิโนอุเอะ รองประธานและผู้บริหารด้านเทคโนโลยีจากแผนกหน่วยความจำของ Kioxia Corporation กล่าว “เทคโนโลยีของเราทำให้เพื่อนร่วมวงการได้มองเห็นความเป็นไปได้ใหม่ๆ ช่วยให้หน่วยความจำแฟลชสามารถเพิ่มความหนาแน่นของการจัดเก็บข้อมูลต่อเซลล์ ดาย และแพ็กเกจได้อย่างมาก ผมตื่นเต้นที่จะได้เห็นความสำเร็จของเราได้รับการยอมรับ และหวังว่าจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีกหลายปีต่อจากนี้ครับ”

“เพื่อนๆ วิศวกรใน Kioxia ต่างเป็นแรงบันดาลใจให้ผม ไม่เพียงแต่ในเรื่องความสำเร็จทางเทคโนโลยี แต่ยังรวมถึงความมุ่งมั่นที่จะยกระดับวงการโดยอาศัยการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ อย่างไม่หยุดยั้งและคอยช่วยเหลือผู้ที่ทำงานด้านเทคโนโลยีรอบๆ ตัว” คุณเรียวตะ คัตสึมาตะ วิศวกรอาวุโสจากศูนย์พัฒนาหน่วยความจำขั้นสูงของ Kioxia Corporation กล่าว “ผลงานของเราไม่เพียงแต่สร้างความเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง แต่ยังช่วยให้คนในวงการหันมาสนใจการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ และร่วมมือกันอีกด้วย ผมดีใจมากที่ได้เห็นผู้คนยอมรับในความเป็นผู้นำและวิสัยทัศน์นี้”

เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลชแบบ 3 มิตินี้ยังคว้ารางวัล Imperial Invention Prize จาก National Commendation for Invention ประจำปี 2020 ในประเทศญี่ปุ่น และได้รับรางวัล Award for Science and Technology ประจำปี 2023 จาก The Commendation for Science and Technology โดยกระทรวงการศึกษา วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีของประเทศญี่ปุ่น รวมถึงรางวัล IEEE Andrew S. Grove Award ประจำปี 2021

หมายเหตุ:

ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทภายนอก

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันหน่วยความจำ มุ่งเน้นด้านการพัฒนา ผลิต และจัดจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชและไดรฟ์แบบโซลิดสเตต (SSD) โดยเฉพาะ เมื่อเดือนเมษายนปี 2017 บริษัท Toshiba Memory ซึ่งเป็นชื่อเดิมได้แยกตัวจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND เมื่อปี 1987 บริษัท Kioxia มุ่งมั่นที่จะพัฒนาโลกใบนี้ให้ดียิ่งขึ้นด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบต่างๆ ที่ช่วยให้ลูกค้าได้มีสิทธิ์เลือกและส่งมอบประโยชน์ให้กับสังคมผ่านหน่วยความจำต่างๆ ทั้งนี้ เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลชแบบ 3 มิติอันล้ำสมัยของ Kioxia อย่าง BiCS FLASH™ มีส่วนช่วยในการยกระดับการจัดเก็บข้อมูลสำหรับการใช้งานที่มีความหนาแน่นสูงแบบต่างๆ ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง, พีซี, SSD, ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ผู้ติดต่อ

โคตะ ยามาจิ
ประชาสัมพันธ์
Kioxia Corporation
+81-3-6478-2319
kioxia-hd-pr@kioxia.com

แหล่งที่มา: Kioxia Corporation

A2RL ทะยานสู่จุดสูงสุดใหม่: เปิดตัวการแข่งขันรถโดรนอัตโนมัติ มูลค่าเงินรางวัลรวม 1 ล้านเหรียญสหรัฐ

Logo

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–25 กรกฎาคม 2024

Abu Dhabi Autonomous Racing League (A2RL) ซึ่งเปิดตัวอย่างน่าประทับใจในเดือนเมษายนนี้ที่สนาม Yas Marina Circuit ได้ประกาศความท้าทายต่อไปกับ Drone Champions League (DCL) ซึ่งเป็นองค์กรแข่งรถโดรนมืออาชีพชั้นนําของโลก ต่อยอดจากความสําเร็จของงานเปิดตัวครั้งแรก A2RL Drone Race ยังคงพัฒนาขอบเขตของเทคโนโลยีอัตโนมัติ โดยผสมผสานทักษะของมนุษย์เข้ากับความก้าวหน้าทางนวัตกรรมในการบินอัตโนมัติ

The Abu Dhabi Autonomous Racing League (A2RL) x Drone Champions League (DCL) (Graphic: AETOSWire)

A2RL ทะยานสู่จุดสูงสุดใหม่: เปิดตัวการแข่งขันแข่งรถโดรนอัตโนมัติมูลค่าเงินรางวัลรวม 1 ล้านเหรียญสหรัฐ (ภาพ: AETOSWire)

การแข่งขันรถโดรนอัตโนมัติจะรวบรวมทีมจากทั่วโลก ต้อนรับทีมแข่งรถด้วยโดรนที่จัดตั้งขึ้น สถาบันวิจัย และ 'มือใหม่' ที่กระตือรือร้น ผู้เข้าแข่งขันทุกคนจะแข่งขันกันเพื่อชิงเงินรางวัลที่น่าตื่นเต้นมูลค่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่พวกเขามุ่งมั่นที่จะบรรลุความคล่องตัวและความเร็วสูงสุดในขณะที่หลบหลีกผ่านวัตถุที่ขวางทางได้สําเร็จ เปิดให้ลงทะเบียนแล้วที่ a2rl.io และทีมที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมการแข่งขันได้ ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดจะผ่านกระบวนการคัดเลือกอย่างเข้มงวด เพื่อระบุทีมที่เข้าแข่งขันที่ประสบความสําเร็จ ผู้ที่ผ่านการคัดกรองจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมในชุดภารกิจที่จะช่วยให้คณะกรรมการตัดสินสามารถประเมินความสามารถของทีมในการใช้เครื่องจําลองโอเพ่นซอร์สเพื่อบินโดรนโดยอัตโนมัติ รอบชิงชนะเลิศจะจัดขึ้นในเดือนเมษายน 2025 ซึ่งจะมีการตัดสินผู้ชนะ

A2RL จัดขึ้นโดย ASPIRE A2RL ผสมผสานปัญญาประดิษฐ์ (AI) ความเป็นอิสระ และกีฬาเอ็กซ์ตรีมเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของการขับเคลื่อนในอนาคต และได้รับการยกย่องว่าเป็นลีกแข่งรถอัตโนมัติที่ใหญ่ที่สุดในโลก การแข่งขันโดรนอัตโนมัติสุดมันส์ A2RL จะเห็นนักวิจัยที่แข่งขันกันตั้งโปรแกรมโดรนเพื่อนําทางผ่านประตูต่างๆหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง โดยใช้เซ็นเซอร์ในตัวและพลังการคํานวณ เป้าหมายหลักของการแข่งขันคือการกําหนดเกณฑ์มาตรฐานสําหรับการบรรลุนวัตกรรมสูงสุดในอัลกอริทึมในขณะที่ใช้เทคโนโลยีเซ็นเซอร์น้อยที่สุดในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน

เช่นเดียวกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมด A2RL Drone Challenge จะรวมถึงการมุ่งเน้นไปที่ STEM และนักเรียนมัธยมปลายจะได้รับการต้อนรับให้เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน

ในการประกาศการแข่งขันครั้งใหม่ H.E. Faisal Al Bannai เลขาธิการ ATRC กล่าวว่า “เมื่อคุณทดลองในสภาวะสุดขั้วเท่านั้น คุณจึงจะค้นพบขอบเขตใหม่หรือความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง เรากําลังสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดความร่วมมือระดับโลก ขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และสร้างอนาคตที่โซลูชันอัตโนมัติเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมและปรับปรุงคุณภาพชีวิต”

Stephane Timpano ซีอีโอของ ASPIRE กล่าวว่า “นี่เป็นวิวัฒนาการที่น่าตื่นเต้นของซีรีส์การแข่งรถเอ็กซ์ตรีม A2RL ของเรา DCL เป็นพันธมิตรที่มีแนวคิดเดียวกันด้วยประสบการณ์การแข่งรถโดรนอันล้ำค่ามาหลายปี เราไม่เพียงแต่เพิ่มมิติใหม่แห่งการขับขี่อัตโนมัติให้กับการแข่งรถด้วยโดรนเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจํากัดของอากาศยานไร้คนขับผ่านการแข่งขันครั้งนี้”

Markus Stampfer ประธานบริหารของ Drone Champions AG ผู้จัดงาน Drone Champions League (DCL) กล่าวว่า “ที่ DCL ภารกิจของเราคือการก้าวข้ามขีดจำกัดของการแข่งรถด้วยโดรนมาโดยตลอด หลังจากประสบความสําเร็จในการผสานโลกของการแข่งรถด้วยโดรนเสมือนจริงและทางกายภาพเข้าด้วยกัน การร่วมมือกับ ASPIRE เพื่อพัฒนาการบินด้วยโดรนอัตโนมัติถือเป็นก้าวต่อไปตามธรรมชาติสําหรับเรา เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้นําประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่กว้างขวางของเรามาสู่การแข่งขันที่บุกเบิกนี้ โดยสนับสนุน ASPIRE ด้วยความรู้ที่เราได้รับจากการพัฒนาโดรนสำหรับการแข่งขัน และการทํางานร่วมกับนักบินโดรนที่ดีที่สุดในโลกเป็นเวลาหลายปี”

ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีโดรน การแข่งขันนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ทุกประเทศสามารถเข้าถึงการใช้โดรนได้ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและขับเคลื่อนนวัตกรรมในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น สุขภาพและโลจิสติกส์ได้ในที่สุด

สอบถามข้อมูลสื่อมวลชนได้ที่ comms@a2rl.io หรือ ATRC@edelman.com

Twitter

LinkedIn

Instagram

*ที่มา: AETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54099128/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Jennifer Dewan ผู้อํานวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสาร
Jennifer.dewan@tii.ae

ที่มา: Abu Dhabi Autonomous Racing League


NIQ เผยแพร่รายงานความคืบหน้าด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ประจำปี 2023

Logo

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–24 กรกฎาคม 2024

NielsenIQ  (NIQ) บริษัทข่าวกรองผู้บริโภคชั้นนําของโลกได้เปิดตัวรายงานความคืบหน้าด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ฉบับที่สอง ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับลําดับความสําคัญของ ESG ของบริษัท ตลอดจนวิธีการฝังหลักการที่ครอบคลุมและยั่งยืนในรูปแบบธุรกิจ และความมุ่งมั่นในการเสนอข่าวกรองและนวัตกรรมให้กับลูกค้าที่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ ชุมชน และสิ่งแวดล้อม

“กลยุทธ์ ESG ของเราได้รับการออกแบบมาเพื่อขับเคลื่อนมูลค่าในระยะยาว — สําหรับพนักงาน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ลูกค้า อุตสาหกรรม ผู้ขาย และชุมชนของเรา” Jim Peck ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ NIQ กล่าว “เรามุ่งเน้นไปที่การบูรณาการลําดับความสําคัญของ ESG ของเราทั่วทั้งบริษัท และเพิ่มผลกระทบของเรา นอกจากนี้ ด้วยการให้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค เรามุ่งมั่นที่จะนําเสนอข่าวกรองทางการตลาดให้กับลูกค้าและระบบนิเวศของพวกเขา เพื่อสนับสนุนความพยายามด้านความยั่งยืนของพวกเขา”

ไฮไลท์สำคัญในรายงาน ESG ปี 2023:

ความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อมูล ความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัย
ข้อมูลเป็นหัวใจสําคัญของธุรกิจของ NIQ บริษัทมุ่งเน้นไปที่การส่งมอบข้อมูลที่ปลอดภัย และได้รับการปกป้องด้วยความแม่นยําและความสมบูรณ์ในระดับสูง

  • การตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อมูล: NIQ ใช้มาตรการเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลถูกต้องและมีความเกี่ยวข้อง ในปีที่ผ่านมา NIQ ได้จัดตั้งคณะทํางานเฉพาะด้าน Generative AI ซึ่งจะสํารวจแอปพลิเคชัน AI รุ่นต่อไป โดยเน้นที่คุณภาพของข้อมูล ความครบถ้วนสมบูรณ์ และการพิจารณาด้านจริยธรรม นอกจากนี้ยังได้จัดตั้งการตรวจสอบคุณภาพสําหรับการรวบรวมข้อมูลภาคสนาม รวมถึงมีการควบคุมที่เข้มงวดสําหรับผู้ตรวจสอบภาคสนาม เพื่อให้มั่นใจถึงความสมบูรณ์สูง และแผนการตอบสนองต่อเหตุการณ์ เพื่อให้สามารถแก้ไขการเบี่ยงเบนจากแนวปฏิบัติมาตรฐานได้ทันที
  • การเสริมความแข็งแกร่งและการรักษาความปลอดภัยข้อมูลของ NIQ: NIQ มีแนวทางปฏิบัติที่แข็งแกร่งในการระบุและจัดการกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูล เพื่อระบุช่องโหว่ NIQ จะทําการสแกนช่องโหว่และประเมินระบบข้อมูลทั้งหมดเป็นประจํา เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ NIQ มีทีมรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ใช้มาตรการองค์กร เทคนิค และการบริหารหลายชั้นเพื่อปกป้องข้อมูล
  • การจัดลําดับความสําคัญของความเป็นส่วนตัวของข้อมูล: NIQ ปฏิบัติตามชุดหลักการความเป็นส่วนตัวที่ครอบคลุม ซึ่งรวมถึงการควบคุมความเป็นส่วนตัวที่ใช้งานง่าย ประกาศที่ชัดเจน และตัวเลือกต่างๆ นอกเหนือจากการปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานอุตสาหกรรมในประเทศที่ดําเนินงานแล้ว NIQ ยังรวมมาตรการป้องกันความเป็นส่วนตัวเข้ากับการออกแบบ และการใช้งานผลิตภัณฑ์และบริการของ NIQ โดยตรงอีกด้วย
  • การปกป้องอนาคตดิจิทัลของ NIQ NIQ กำลังจัดลำดับความสำคัญของการบูรณาการการรักษาความปลอดภัยที่ราบรื่นทั่วทั้งองค์กร โดยมุ่งเน้นไปที่บุคลากร ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และการรักษาความลับ โปรแกรมรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์และความเป็นส่วนตัวที่กําลังดําเนินอยู่ ได้รวมหน่วยงานระดับโลกเข้าด้วยกัน โดยใช้ประโยชน์จากมาตรฐาน NIST CSF และ ISO 27002

ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

  • บุกเบิกผลกระทบที่ยั่งยืน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยกําหนดรูปแบบตลาด NIQ ร่วมมือกับลูกค้าเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนมากขึ้น โดยสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของผู้บริโภคที่ใส่ใจและเปลี่ยนแปลงไป ในปี 2023 NIQ ได้ร่วมมือกับ McKinsey & Company เพื่อจัดทำรายงานเรื่อง “ผู้บริโภคใส่ใจเกี่ยวกับความยั่งยืน – และสนับสนุนด้วยกระเป๋าเงินของพวกเขา
  • NIQ ได้นําแนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมาใช้ในการวัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และวัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นปีที่สองในปี 2022
  • NIQ ทํางานอย่างใกล้ชิดกับผู้จำหน่ายและพันธมิตรเพื่อเลือกอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าที่ประหยัดพลังงาน และตรวจสอบโอกาสในการนำพลังงานสะอาดมาใช้ และโครงการริเริ่มลดพลังงาน
  • NIQ ได้ปรับศูนย์ข้อมูลให้เหมาะสมเพื่อลดการใช้พลังงาน โดยประมาณ 90% ของเซิร์ฟเวอร์ของ NIQ ได้รับการจําลองเสมือนในปี 2022 ส่งผลให้ประหยัดพลังงานได้อย่างมาก
  • เป็นเวลากว่าทศวรรษที่ NIQ ได้ให้ข้อมูล ข้อมูลเชิงลึก และความเชี่ยวชาญแก่ Feeding America® รวมถึงข้อมูลการกําหนดราคาอาหารในท้องถิ่นเพื่อประเมินค่าอาหารในทุกเทศมณฑลของสหรัฐฯ สําหรับรายงาน Map the Meal Gap รายงานนี้สร้างความตระหนักถึงความไม่มั่นคงทางอาหารทั่วสหรัฐอเมริกา และนำไปใช้โดยธนาคารอาหารและผู้กําหนดนโยบาย

ผู้คนและความหลากหลาย ความเสมอภาค และการไม่แบ่งแยก

  • ปรับปรุงความหลากหลายของพนักงานอย่างต่อเนื่อง NIQ มุ่งมั่นที่จะสร้างพนักงานที่หลากหลาย กระบวนการที่เท่าเทียมกัน และวัฒนธรรมที่ครอบคลุมซึ่งสอดคล้องกับค่านิยมหลัก
    • ปัจจุบันสมาชิกกลุ่มชนกลุ่มน้อยทําหน้าที่ใน 29% ของบทบาททั่วทั้งองค์กร และผู้หญิงทําหน้าที่ในครึ่งหนึ่งของพนักงาน โดยมีตัวแทนผู้หญิงมากกว่า 43% ในตําแหน่งผู้นําระดับโลก
    • ในปี 2023 NIQ ได้ต่ออายุคํามั่นสัญญาของ LEAD Network Europe CEO เพื่อเร่งความเท่าเทียมทางเพศและจัดลําดับความสําคัญของความเท่าเทียมทางเพศ
  • เปิดรับความหลากหลาย ความเสมอภาค และการไม่แบ่งแยก ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการบูรณาการกับ GfK นั้น NIQ ได้ใช้ความพยายามอย่างมีสติในการทําความเข้าใจวัฒนธรรมของบริษัทที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเพื่อส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ผสมผสานกันซึ่งส่งเสริมการรวมตัวกันในทุกด้านของบริษัท NIQ ได้สนับสนุนการจ้างงานภายในข้ามหน่วยงาน เพื่อให้ผู้ร่วมงานสามารถพัฒนาอาชีพและตระหนักถึงแรงบันดาลใจของตน และในเดือนสิงหาคม 2023 NIQ ได้โพสต์ตําแหน่งที่เปิดรับมากกว่า 500 ตําแหน่งสําหรับผู้สมัครภายในใน NIQ และ GfK
  • การขยาย People & Planet Day ในช่วง People & Planet Day ประจําปีครั้งที่สอง พนักงานทั่วโลก 13,000 คนได้มีส่วนร่วมในการเป็นอาสาสมัครในท้องถิ่น โดยเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ โดยรวมแล้ว NIQ มีส่วนร่วมมากกว่า 75,000 ชั่วโมง ครอบคลุมกิจกรรมมากกว่า 500 กิจกรรม โดยมีการระดมทุนของพนักงานเกือบ 67,000 ดอลลาร์ นี่เป็นกิจกรรมที่รวมกันสําหรับ NIQ รุ่นเก่าและผู้ร่วมงาน GfK รุ่นเก่า

“ข้อมูล NIQ สามารถช่วยให้บริษัทและชุมชนตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนและสนับสนุนชุมชนที่พวกเขาให้บริการ” John Blenke ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายกล่าว “เราภูมิใจในความพยายามด้าน ESG ของเราจนถึงปัจจุบัน และหวังว่าจะได้ขยายผลกระทบเชิงบวกของเราผ่านความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง”

NIQ จัดทำรายงาน ESG ให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติและมาตรฐานของคณะกรรมการมาตรฐานการบัญชีความยั่งยืน (SASB) สําหรับบริการเชิงพาณิชย์ระดับมืออาชีพ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทาง ESG ของ NIQ ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของบริษัทในการสร้างคุณค่าให้กับสังคม และความคืบหน้าในเป้าหมายหลัก โปรดไปที่รายงานความคืบหน้า ESG ประจําปี 2023 ของ NIQ

เกี่ยวกับ NIQ

NielsenIQ (NIQ) เป็นบริษัทข่าวกรองผู้บริโภคชั้นนําของโลก ซึ่งนำเสนอความเข้าใจที่สมบูรณ์ที่สุดเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค และเปิดเผยเส้นทางใหม่สู่การเติบโต NIQ รวมกับ GfK ในปี 2023 โดยนําผู้นําอุตสาหกรรมทั้งสองแห่งมารวมกันด้วยการเข้าถึงระดับโลกที่ไม่มีใครเทียบได้ ปัจจุบัน NIQ มีการดําเนินงานในกว่า 95 ประเทศ ครอบคลุม 97% ของ GDP ด้วยการอ่านข้อมูลการค้าปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุด ซึ่งมาพร้อมกับการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ล้ำสมัย NIQ มอบ Full View™

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อสื่อมวลชน: sweta.patra@nielseniq.com

ที่มา: NielsenIQ

Hytera ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ VST ECS สำหรับการจัดจำหน่ายเทคโนโลยียุคใหม่ในฟิลิปปินส์

Logo

MANILA, Philippines–(BUSINESS WIRE)–25 กรกฎาคม 2024

Hytera Communications (SZSE: 002583) ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีและโซลูชันการสื่อสารระดับมืออาชีพ มีความยินดีที่จะประกาศแต่งตั้ง VST ECS Phils., Inc. ผู้จัดจำหน่ายไอทีและการสื่อสารชั้นนำในฟิลิปปินส์ ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการในประเทศ ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้มอบหมายให้ VST ECS นำเสนอโซลูชัน Push-to-talk over Cellular (PoC) และ Body-worn Camera (BWC) สมัยใหม่ของ Hytera สู่ตลาดฟิลิปปินส์

Hytera and VST ECS management at the certificate awarding ceremony (Photo: Business Wire)

ฝ่ายบริหารของ Hytera และ VST ECS ในพิธีมอบใบรับรอง (ภาพถ่าย: Business Wire)

VST ECS Philippines เป็นที่รู้จักในฐานะผู้จัดจำหน่ายไอทีและการสื่อสารชั้นนำในประเทศ ด้วยผลงานที่พิสูจน์แล้วด้านผลิตภัณฑ์ โซลูชัน และบริการที่ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม เป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับแบรนด์ชั้นนำกว่า 100 แบรนด์ นำเสนอโซลูชันเทคโนโลยีที่หลากหลาย VST ECS สร้างชื่อเสียงในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้สำหรับธุรกิจที่แสวงหาโซลูชันสมัยใหม่และปรับแต่งได้เพื่อตอบสนองความต้องการด้านไอทีที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โซลูชันที่ครอบคลุมของบริษัทครอบคลุมตลาดค้าปลีก การขนส่ง การพาณิชย์ และองค์กร ตอบสนองความต้องการเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรมและส่งเสริมนวัตกรรมในทุกภาคส่วน

Hytera ก่อตั้งขึ้นในปี 1993 ที่ Shenzhen ประเทศจีน สั่งสมชื่อเสียงยาวนานในการนำเสนอโซลูชันการสื่อสารที่พลิกโฉมการเชื่อมต่อและการทำงานร่วมกันสำหรับภารกิจและอุตสาหกรรมที่สำคัญๆ Hytera เป็นที่รู้จักในด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีการสื่อสารที่ล้ำสมัยและกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุม มุ่งมั่นให้บริการลูกค้าหลากหลายประเภท รวมถึงหน่วยงานความปลอดภัยสาธารณะ หน่วยงานสาธารณูปโภค อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ การขนส่ง หน่วยงานรับมือเหตุฉุกเฉิน ธุรกิจบริการต้อนรับ การรักษาความปลอดภัยส่วนบุคคล และการจัดการสถานที่

การเข้าถึงโซลูชันของ Hytera ผ่านความร่วมมือครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของผู้ใช้งานอย่างมีนัยสำคัญ ช่วยส่งเสริมให้การดำเนินงานที่รวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น การเป็นพันธมิตรกับ Hytera ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับ VST ECS เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับโซลูชันไอทีที่มีอยู่  VST ECS มุ่งหวังที่จะขยายการเข้าถึงตลาดและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ  ให้กับพันธมิตรในช่องทางการขาย

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรกับ VST ECS Phils., Inc. ในฐานะตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของเราในฟิลิปปินส์” Stanley Song รองประธานของ Hytera กล่าว “ความร่วมมือครั้งนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเราในการขยายการเข้าถึงทั่วโลกและนำเสนอโซลูชันการสื่อสารที่ล้ำสมัยใหม่ ๆ ให้กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่กว้างมากขึ้น  สถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งและความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศของ VST ECS เป็นพันธมิตรในอุดมคติในการจัดจำหน่ายเทคโนโลยีขั้นสูงของ Hytera เรามุ่งมั่นที่จะปรับปรุงการเชื่อมต่อและประสิทธิภาพการดำเนินงานสำหรับธุรกิจและผู้ที่มีความสำคัญต่อภารกิจทั่วประเทศ”

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ผนึกกำลังกับ Hytera Communications ความร่วมมือนี้ไม่เพียงแต่เสริมความแข็งแกร่งให้กับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของเรา แต่ยังตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในการให้บริการที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าของเรา ด้วยโซลูชันการสื่อสารที่เป็นนวัตกรรมของ Hytera เราอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะสามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าของเรา และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานในภาคส่วนต่างๆ” Jimmy Go ประธานและ CEO ของ VST ECS Phils กล่าว

นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1998 VST ECS Philippines มุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ โซลูชัน และบริการ ICT คุณสมบัติสูงแก่พันธมิตรช่องทางจำหน่ายและลูกค้าที่สำคัญของเรา ในฐานะสมาชิกที่น่าภาคภูมิใจของ VST ECS Holdings ซึ่งเป็นบริษัทจัดจำหน่ายไอทีชั้นนำระดับภูมิภาค บริษัทได้รับประโยชน์จากเครือข่ายการดำเนินงานที่กว้างขวาง ครอบคลุม ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย พม่า ลาว จีน และฟิลิปปินส์ เครือข่ายการจัดจำหน่ายนี้ช่วยให้ VST ECS Philippines เข้าถึงเทคโนโลยีและความร่วมมือระดับโลก เพื่อให้มั่นใจในการส่งมอบโซลูชันที่ล้ำสมัยให้กับลูกค้า

เกี่ยวกับ Hytera

Hytera Communications Corporation Limited (SZSE: 002583) คือผู้ให้บริการเทคโนโลยีและโซลูชันการสื่อสารระดับมืออาชีพชั้นนำระดับโลก ด้วยความสามารถด้านเสียง วิดีโอ และข้อมูล เราขอมอบการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว ปลอดภัย และหลากหลายยิ่งขึ้นสำหรับธุรกิจและผู้ใช้ที่สำคัญต่อภารกิจข เราช่วยให้โลกมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยช่วยให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จมากขึ้นทั้งในด้านการปฏิบัติงานประจำวันและการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

https://www.businesswire.com/news/home/54096270/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Lele Yao
Hytera Communications Corporation Limited
Lele.yao@hytera.com

Maurice Altar
VP, Marketing and Communications
VST ECS
maltar@msi-ecs.com.ph

แหล่งข้อมูล: Hytera Communications Corporation Limited

ผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดเย็นของ NIPPON KINZOKU ได้รับการตั้งชื่อว่า “Fine Profile” เพื่อส่งเสริมการขยายการขาย

Logo

มีส่วนช่วยให้บรรลุเป้าหมายด้านความเป็นกลางของคาร์บอนผ่านเทคโนโลยีการแปรรูปที่ประหยัดทั้งทรัพยากรและพลังงาน

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–23 กรกฎาคม 2024

NIPPON KINZOKU CO., LTD. (โตเกียว: 5491) (สำนักงานใหญ่: เขตมินาโตะ,โตเกียว) ประกาศว่าบริษัทได้ตั้งชื่อและจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า “Fine Profile” ให้กับผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดเย็น ซึ่งสามารถใช้กับโลหะได้หลายชนิด ตั้งแต่โลหะกลุ่มเหล็กไปจนถึงโลหะนอกกลุ่มเหล็ก โดยเป็นการผสมผสานเทคโนโลยีการรีดเย็นที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทกับเครื่องมือเฉพาะทาง

Fine Profile is a generic term for products made by continuously processing ferrous and nonferrous metals into irregularly shaped cross sections with different thicknesses in the width direction using our unique rolling technology. It contributes to customers' process reduction, environmental improvement, manufacturing cost reduction, and yield improvement as an alternative to various processes such as cutting and grinding. (Graphic: Business Wire)

Fine Profile เป็นคำทั่วไปที่ใช้เรียกผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากการแปรรูปโลหะกลุ่มเหล็กและโลหะนอกกลุ่มเหล็กอย่างต่อเนื่องให้ได้หน้าตัดที่มีรูปทรงที่ปรับแต่งได้โดยมีความหนาด้านกว้างที่หลากหลาย โดยใช้เทคโนโลยีการรีดขึ้นรูปของเราที่ไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการลดขั้นตอนของลูกค้าในการแปรรูป ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มผลผลิตในฐานะทางเลือกที่สามารถทดแทนการแปรรูปวิธีต่างๆ เช่น การตัดและการเจียร (กราฟิก: Business Wire)

Fine Profile เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เราเป็นผู้คิดค้น ซึ่งมีส่วนช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตให้กับลูกค้าในฐานะทางเลือกที่สามารถทดแทนกระบวนตัดเฉือนหรือสกัดเนื้อวัสดุหลากหลายด้วยวิธี เช่น การตัดและการเจียร และเราตั้งเป้าที่จะขยายการขายผลิตภัณฑ์นี้ในอนาคต

คุณสมบัติ

  1. ลดต้นทุนของการแปรรูปโลหะ ประหยัดทรัพยากร ประหยัดพลังงาน
  2. การใช้รูปทรงหน้าตัดที่ปรับแต่งได้ช่วยลดกระบวนการตัดเฉือนหรือสกัดเนื้อวัสดุและลดขยะ
  3. รักษาคุณภาพให้เสถียร
    การรีดอย่างต่อเนื่องจากคอยล์ช่วยให้สร้างผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงได้อย่างเสถียร
  4. การรีดขึ้นรูปบนพื้นผิวโลหะ
    การรีดลวดลายที่ไม่สม่ำเสมอบนพื้นผิวลูกรีดทำให้สามารถสร้างดีไซน์และฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ เช่น ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ร่องน้ำมันหล่อลื่น ลดความเงาของโลหะ ร่องเครื่องหมาย ฯลฯ
  5. ส่งมอบผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ
    เราสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ลูกรีด Record, ลูกรีด Oscillate, ผลิตภัณฑ์ที่มีความยาวแบบตายตัว และการแปรรูปขั้นที่สอง ฯลฯ ตามความต้องการของลูกค้า
  6. ระยะเวลาพัฒนาที่สั้นลง
    การออกแบบลูกรีดโดยใช้การวิเคราะห์ CAE ช่วยลดต้นทุนและเวลาในการพัฒนาลูกรีดของลูกค้า

ประเภทโลหะ

โลหะนอกกลุ่มเหล็ก: ทองแดงปลอดออกซิเจน, โลหะผสมทองแดง, โลหะผสมอลูมิเนียม, ไทเทเนียมบริสุทธิ์, โลหะผสมไทเทเนียม, นิกเกิลบริสุทธิ์, โลหะผสมแมกนีเซียม ฯลฯ
สเตนเลสสตีล: SUS304 (L), SUS316 (L), SUS430, SUS420J2, SUS440C ฯลฯ
เหล็กกล้าคาร์บอน: SS400, SPCD, SPCC, SPHC, SECC ฯลฯ
เหล็กกล้าเกรดพิเศษ: SCM415, SUJ2, S10C, S45C, S65C, SAE1070, SK75, SK95, SKS81, 1LSSP ฯลฯ

* โปรดสอบถามข้อมูลจำเพาะอื่นๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้ข้างต้นแยกต่างหาก

ตัวอย่างการใช้งาน

Fine Profile ได้รับการพัฒนาและผลิตด้วยเทคโนโลยีการรีดขึ้นรูปของเรา อีกทั้งผ่านการสร้างสรรค์ร่วมกับลูกค้าที่ต้องการคุณภาพที่เสถียรและความน่าเชื่อถือในการใช้งานที่หลากหลาย

  1. การใช้งานด้านยานยนต์ (ชิ้นส่วนขับเคลื่อนยานยนต์ ส่วนประกอบตลับลูกปืน ชิ้นส่วนปั๊มแบบใบพัด ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ฯลฯ)
  2. การใช้งานกับชิ้นส่วนระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (ชิ้นส่วนขั้วต่อ ขั้วแบตเตอรี่สำรอง ตัวกระจายความร้อน บัสบาร์ ฯลฯ)
  3. การใช้งานกับวัสดุก่อสร้าง (ส่วนประกอบตะแกรง ปุ่มนำทางผู้พิการทางสายตา ส่วนประกอบระแนง ตัวยึดพิเศษ ฯลฯ )

เกี่ยวกับ NIPPON KINZOKU Group

ผลิตภัณฑ์ของเราถูกนำไปใช้ในสายงานต่างๆ ที่หลากหลาย ซึ่งมีตั้งแต่งานที่ต้องอาศัยความแม่นยำสูงไปจนถึงอุตสาหกรรมการก่อสร้าง https://www.nipponkinzoku.co.jp/en/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: 

https://www.businesswire.com/news/home/54096164/en

ข้อมูลติดต่อ

แผนก Sales Development
NIPPON KINZOKU CO., LTD.
อีเมล: nikkin-overseas@nipponkinzoku.co.jp
https://www.nipponkinzoku.co.jp/en/inquiry

แหล่งข้อมูล: NIPPON KINZOKU CO., LTD.

AV Access เปิดตัว eShare W80 ระบบประชุมไร้สายล้ำยุคที่งาน InfoComm Asia 2024 ในประเทศไทย

Logo

กรุงเทพมหานคร–(BUSINESS WIRE)–18 กรกฎาคม 2024

AV Access ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชัน Pro AV และ AV over IP ยินดีที่จะประกาศให้ทราบถึงการเข้าร่วมหนึ่งในงานแสดงสินค้าเทคโนโลยีที่โดดเด่นที่สุดของภูมิภาคอย่างงาน InfoComm Asia 2024 ซึ่งจัดขึ้นในประเทศไทยระหว่างวันที่ 17 ถึง 19 กรกฎาคม ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร

eShare W80 4K Wireless Conferencing System for Video Presentation & Collaboration, Dual HDMI out, Multiview, No Software Required (Photo: Business Wire)

ระบบประชุมไร้สาย eShare W80 ความละเอียด 4K สำหรับการนำเสนอและการทำงานร่วมกันผ่านวิดีโอ, เอาต์พุต Dual HDMI, การแสดงผลแบบหลายมุมมอง, ไม่จำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์ (ภาพ: Business Wire)

AV Access จัดแสดงผลิตภัณฑ์ล้ำสมัยล่าสุดที่บูธ J40 ซึ่งประกอบด้วยระบบประชุมไร้สาย eShare W80 ที่ทุกคนตั้งตารอ, Docking Station สำหรับสวิตช์ KVM ซีรีส์ iDock และโซลูชัน 4K HDMI over IP ซึ่งโซลูชันที่หลากหลายนี้เป็นสิ่งที่เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ AV Access ในการมอบเทคโนโลยีภาพและเสียงขั้นสูงสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย

การประชุมไร้สายที่ทำได้ง่ายเพียงคลิกเดียว

หนึ่งในไฮไลท์ของการแสดงผลิตภัณฑ์จาก AV Access คือระบบประชุมไร้สาย eShare W80 ซึ่งพลิกโฉมการแชร์เนื้อหาในที่ประชุม โดยผู้ใช้สามารถฉายภาพหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตนไปที่จอแสดงผลขนาดใหญ่ได้ง่ายๆ เพียงใช้การเชื่อมต่อ HDMI หรือเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่าน AirPlay, Miracast หรือดองเกิล eShare D20 eShare W80 แตกต่างจาก Barco Clickshare ตรงที่ eShare W80 เป็นโซลูชันแบบเสียบแล้วใช้งานได้ทันที (Plug-and-Play) อย่างแท้จริง คุณไม่จำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์หรือไดรเวอร์ และมั่นใจได้ว่าประสบการณ์ผู้ใช้จะราบรื่นตั้งแต่ต้นจนจบ

ดองเกิล eShare D20 แบบ USB-C เป็นอุปกรณ์ BYOM (จัดประชุมด้วยอุปกรณ์ส่วนตัว) ที่มีความพิเศษ เพียงเชื่อมต่อกับแล็ปท็อปของคุณ กดปุ่มแคสต์ จากนั้นคุณก็แชร์หน้าจอแบบไร้สายได้ทันที และยิ่งไปกว่านั้น คุณสามารถควบคุมอุปกรณ์ต่อพ่วง USB 3.0 แบบไร้สายโดยใช้ปุ่มการประชุมของดองเกิลเมื่อเชื่อมต่อกับ eShare W80 ได้อีกด้วย” Bill Liao, CTO ของ AV Access กล่าว

นอกจากนี้ eShare W80 ยังสามารถทำงานร่วมกับเว็บแคมซีรีส์ BizEye และวิดีโอบาร์/สปีกเกอร์โฟนซีรีส์ AnyCo ของ AV Access หรืออุปกรณ์ USB 3.0 บุคคลที่สามจากแบรนด์อื่นๆ ซึ่งช่วยให้มั่นใจว่าธุรกิจต่างๆ สามารถใช้ประโยชน์จากการลงทุนในระบบ AV ที่มีอยู่แล้ว และในขณะเดียวกันก็ยกระดับขีดความสามารถในการประชุมด้วยเทคโนโลยีล่าสุด

คุณสมบัติขั้นสูงเพิ่มเติม: Dual HDMI และโหมดการแสดงผลแบบหลายมุมมอง

ระบบประชุมไร้สาย eShare W80 ที่มาพร้อมกับพอร์ตอินพุตและเอาต์พุตแบบ Dual HDMI ช่วยลดความยุ่งยากในการเชื่อมต่อกับพีซีหรือแล็ปท็อปในห้อง อีกทั้งรองรับการแสดงผลพร้อมกันบน 2 หน้าจอ ซึ่งคุณสมบัตินี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในการช่วยให้มองเห็นเพื่อนร่วมงานที่ร่วมประชุมทางไกลได้อย่างชัดเจนขณะนำเสนอ นอกจากนี้ โหมดการแสดงผลแบบหลายมุมมองยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปรียบเทียบและวิเคราะห์ 2 เนื้อหาข้างๆ กัน ซึ่งช่วยยกระดับการร่วมกันอภิปรายให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น

“เราตื่นเต้นที่ได้เข้าร่วมในงาน InfoComm Asia 2024 และนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดของเรา” Bill กล่าว “ซีรีส์ eShare ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการมอบโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมและใช้งานง่ายให้กับผู้บริโภคทั่วทุกมุมโลก ผลิตภัณฑ์นี้คือทางเลือกนอกเหนือจาก Clickshare ที่เหมาะสำหรับใช้ในการนำเสนอและการประชุมแบบไร้สาย”

เกี่ยวกับ AV Access

AV Access คือผู้ผลิตระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตผลิตภัณฑ์ Pro AV และ AV over IP ขั้นสูง ซึ่งประกอบด้วยตัวขยายสัญญาณ, ตัวแยกสัญญาณ, ตัวสลับ HDMI/KVM, สวิตช์ KVM โซลูชัน AV over IP, โซลูชันห้องประชุมไร้สาย ฯลฯ โดยนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท AV Access ได้ทุ่มเทเพื่อมอบประสบการณ์ด้านภาพและเสียงที่ดีที่สุดแก่ผู้คนจำนวนมากด้วยผลิตภัณฑ์ AV ที่มีคุณภาพและผ่านการออกแบบมาเป็นอย่างดีในราคาที่สมเหตุสมผล AV Access จะไม่หยุดพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมอื่นๆ ในแวดวงสมาร์ทโฮม องค์กร การศึกษา การค้าปลีก ความบันเทิง การดูแลสุขภาพ ฯลฯ การวิจัยและพัฒนาที่แข็งแกร่ง ห่วงโซ่อุปทานที่ทรงประสิทธิภาพ และทีมผู้บริหารที่ยอดเยี่ยมคือสิ่งที่ทำให้ AV Access พร้อมจะเป็นพันธมิตรที่ซื่อสัตย์ของคุณ! คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้โดยไปที่ www.avaccess.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/54094940/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ
ชื่อบริษัท: Actions Global (US) Inc
บุคคลสำหรับติดต่อ: Shane Jiang
อีเมล: shane@avaccess.com
เว็บไซต์: https://www.avaccess.com/

แหล่งข้อมูล: AV Access

Xsolla เปิดตัวโซลูชันแบ็กเอนด์ที่ได้รับรางวัล โดยเพิ่มการรองรับการเล่นข้ามแพลตฟอร์มสําหรับคอนโซลรุ่นต่อไป

Logo

การเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนา: โซลูชันที่ปรับแต่งให้เหมาะกับการบูรณาการอย่างราบรื่นในแพลตฟอร์มเกมหลัก ๆ

ลอสแองเจลิส–(BUSINESS WIRE)–16 กรกฎาคม 2024

Xsolla บริษัทการค้าวิดีโอเกมระดับโลกประกาศเปิดตัว Xsolla Backend ซึ่งเป็นโซลูชันนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อช่วยนักพัฒนาทุกขนาด โดยเฉพาะทีมอิสระและทีมขนาดกลาง Xsolla Backend ทําให้เกมของพวกเขาเข้าถึงได้มากขึ้นโดยช่วยให้นักพัฒนาสามารถรวมผู้ชมในทุกแพลตฟอร์มเข้าด้วยกัน: พีซี คอนโซล อุปกรณ์เคลื่อนที่ และเว็บ สิ่งนี้จะจัดการกับการกระจายตัวของผู้ชมที่พบได้ทั่วไปในเกมส่วนใหญ่ และช่วยให้นักพัฒนาสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในขณะที่สร้างการมีส่วนร่วมที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ขณะที่พวกเขาขยายธุรกิจเกม

(Graphic: Xsolla)

(Graphic: Xsolla)

Xsolla Backend นําเสนอโซลูชันที่ปรับขนาดได้และราคาไม่แพงแก่นักพัฒนา เพื่อปรับปรุงฟังก์ชันการทํางานของเกมและการมีส่วนร่วมของผู้เล่นในทุกแพลตฟอร์มเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงการดูแลลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพการหาผู้เล่นที่มีประสิทธิภาพ ระบบการค้นหาแบบไดนามิก และฟังก์ชันการเล่นข้ามแพลตฟอร์มและผู้เล่นหลายคนที่มีประสิทธิภาพ คุณสมบัติเหล่านี้ช่วยให้มั่นใจได้ถึงประสบการณ์การเล่นเกมที่เชื่อมต่อและดื่มด่ำยิ่งขึ้น ช่วยให้นักพัฒนาสามารถมุ่งเน้นไปที่การสร้างสรรค์ของการพัฒนาเกมได้มากขึ้น ในขณะที่ลดความซับซ้อนทางเทคนิคให้เหลือน้อยที่สุดโซลูชันแบบบูรณาการในแนวตั้งช่วยให้สามารถเล่นข้ามแพลตฟอร์มและชำระเงินข้ามทุกแพลตฟอร์มได้ โดยผสานรวมกับโซลูชันการค้าเกมของ Xsolla ได้อย่างราบรื่น

Jean-Philippe Steinmetz หัวหน้าฝ่าย Xsolla Backend กล่าวว่า “ด้วย Xsolla Backend เรากําลังทําให้เทคโนโลยีแบ็กเอนด์เป็นประชาธิปไตย เพื่อให้มั่นใจว่านักพัฒนาทุกขนาดสามารถเข้าถึงเครื่องมือขั้นสูงที่จําเป็นในการสร้างประสบการณ์การเล่นเกมที่น่าดึงดูดและดื่มด่ำ”

หลังจากการเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์ของเทคโนโลยี AcceleratXR ที่ได้รับรางวัลในปี 2023 Xsolla Backend ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการแบ็กเอนด์เกมส่วนใหญ่ตั้งแต่เริ่มแรก พร้อมทั้งให้ความยืดหยุ่นแก่นักพัฒนาในการปรับแต่งตามต้องการ แพลตฟอร์มนี้ดำเนินการในรูปแบบที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมล่วงหน้า โดยเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์เพียง 5% รวมถึงโฮสติ้งแบ็กเอนด์ ทําให้เข้าถึงได้ทางการเงินและเป็นประโยชน์สําหรับนักพัฒนาทุกขนาด

ด้วยพันธมิตรที่ใช้งานอยู่มากกว่า 30 รายและโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนามากกว่า 10 โครงการ Xsolla Backend ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นผู้เปลี่ยนเกมในอุตสาหกรรม นักพัฒนาที่สนใจใช้ Xsolla Backend โดยตรงสามารถสาธิตแพลตฟอร์มได้ที่ Gamescom ในเมืองโคโลญจน์ในเดือนสิงหาคมนี้

David Stelzer ประธานของ Xsolla เน้นย้ำว่า “รูปแบบธุรกิจและการออกแบบแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งของเรา ทำให้ความสำเร็จของเราสอดคล้องกับความสําเร็จของพันธมิตรของเรา Xsolla Backend ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่เป็นความร่วมมือที่เติบโตไปพร้อมกับนักพัฒนา โดยได้รับการสนับสนุนจากการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและแผนงานที่เต็มไปด้วยการอัปเดตที่ทรงพลัง”

ปลายปีนี้ Xsolla Backend จะเปิดตัว SDK ใหม่สําหรับแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Microsoft Xbox และ Sony PlayStation ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการรองรับระบบเกมหลักๆ ส่วนขยายนี้ยังรวมถึงพอร์ทัลแบบบริการตนเอง ตัวเรียกใช้งานโซเชียล และการอัปเดตคอนโซลผู้ดูแลระบบ เพื่อการจัดการเกมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น นักพัฒนายังสามารถตั้งตารอที่จะบูรณาการระบบการชําระเงินของ Xsolla ซึ่งทั้งหมดนี้จะสอดคล้องกับกฎระเบียบของอุตสาหกรรม และรักษามาตรฐานการปฏิบัติตามกฎระเบียบของ Xsolla การอัปเดตเพิ่มเติมจะมีระบบปาร์ตี้ ของสะสมการเล่นเกม ระบบทัวร์นาเมนต์ กล่องของขวัญ และการแชทด้วยเสียงแบบผู้เล่นหลายคน จะช่วยยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมไปพร้อมๆ กับการปฏิบัติตามข้อกําหนด

สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Xsolla Backend หรือลงทะเบียน โปรดไปที่ xsolla.pro/xbe และ Discord: xsolla.pro/xbe-discord

เกี่ยวกับ Xsolla

Xsolla เป็นบริษัทการค้าวิดีโอเกมระดับโลกที่มีชุดเครื่องมือและบริการที่มีประสิทธิภาพและทรงพลัง ซึ่งออกแบบมาสําหรับอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2005 Xsolla ได้ช่วยเหลือนักพัฒนาและผู้เผยแพร่เกมทุกขนาดหลายพันรายในการระดมทุน ทําการตลาด เปิดตัว และสร้างรายได้จากเกมของพวกเขาทั่วโลกและในหลายแพลตฟอร์ม ในฐานะผู้นําด้านนวัตกรรมด้านการค้าเกม ภารกิจของ Xsolla คือการแก้ปัญหาความซับซ้อนโดยธรรมชาติของการจัดจําหน่าย การตลาด และการสร้างรายได้ทั่วโลก เพื่อช่วยให้พันธมิตรของเราเข้าถึงพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ได้มากขึ้น สร้างรายได้มากขึ้น และสร้างความสัมพันธ์กับนักเล่นเกมทั่วโลก Xsolla มีสํานักงานใหญ่และจัดตั้งขึ้นในลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย โดยมีสํานักงานในมอนทรีออล ลอนดอน เบอร์ลิน ปักกิ่ง กวางโจว โซล โตเกียว กัวลาลัมเปอร์ ราลี และเมืองต่างๆ ทั่วโลก Xsolla รองรับเกมสำคัญๆ เช่น Valve, Take-Two, KRAFTON, Nexters, NetEase, Playstudios, Playrix, miHoYo และอีกมากมาย

สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมและเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ xsolla.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54094630/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Derrick Stembridge

ผู้อํานวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์สากลของ Xsolla
d.stembridge@xsolla.com

ที่มา: Xsolla

NielsenIQ (NIQ) ซึ่งขับเคลื่อนโดย CGA ได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับการวัด On Premise (OPM) และบริการติดตามการแชร์สำหรับแบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

Logo

  • ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในพฤติกรรมการดื่มของผู้บริโภค NielsenIQ (NIQ) ช่วยให้ผู้ผลิตเบียร์และสุราติดตามส่วนแบ่งการตลาดและประสิทธิภาพการขายในตลาด On Premise ได้มากขึ้น
  • On Premise มีความสำคัญต่อการเชื่อมโยงกับผู้บริโภคและสร้างมูลค่าแบรนด์ให้กับแบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–17 กรกฎาคม 2024

NIQ ที่ขับเคลื่อนโดย CGA กำลังขยายการวัดผล On Premise (OPM) ไปทั่วโลก โดย On Premise คิดเป็น 61% ของยอดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วโลก ทำให้เจ้าของแบรนด์จำเป็นต้องยังคงลงทุนในช่องทางนี้ต่อไป On Premise เป็นแพลตฟอร์มที่สำคัญสำหรับการสร้างมูลค่าแบรนด์และความภักดีของผู้บริโภคในระยะยาว ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับการพิสูจน์จากข้อเท็จจริงที่ว่าโดยรวมแล้วแบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้รับผลกระทบจากภัยคุกคามจากตราสินค้าของผู้ผลิตเองน้อยกว่าหมวดหมู่ FMCG อื่นๆ ปริมาณตราสินค้าของผู้ผลิตเองใน Off Premise คิดเป็นน้อยกว่า 10% ของยอดขายรวม (เมื่อเทียบกับหมวดหมู่ FMCG อื่นๆพบว่าตัวเลขต่ำกว่ามาก)

กลยุทธ์และการกระตุ้นการบริการที่สร้างสรรค์ซึ่งเชื่อมต่อกับผู้บริโภคและรับรองคุณภาพที่สูงขึ้นจะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาการรับรู้เชิงบวกต่อมูลค่าในตัวผู้บริโภค ตลอดจนการสร้างความสำเร็จในระยะยาวให้กับแบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และในร้านด้วยเช่นกัน

จุดเด่นสำคัญของการศึกษา NIQ On Premise ที่ขับเคลื่อนโดย CGA ประกอบด้วย:

  • ผู้บริโภค LDA* ทั่วโลก 83% เคยเยือน On Premise ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดย 62% เข้าใช้บริการเป็นรายสัปดาห์
  • ยอดผู้เข้าใช้บริการทั่วโลกยังคงมีเสถียรภาพ แม้ว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่จะรู้สึกแย่ทางการเงินมากกว่าปีที่แล้ว
  • On Premise มีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกในการติดต่อกับเพื่อนและคนที่คุณรัก โดย 3 เหตุผลที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการไปเยี่ยมเยียนคือ – เพื่อติดต่อกับครอบครัวและเพื่อน ๆ เพื่อเฉลิมฉลองและสนุกสนาน
  • ยอดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบ On Premise คิดเป็น 61% ของยอดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วโลก (ไม่รวมไวน์)
  • แม้ว่าจำนวนผู้เข้าใช้บริการจะคงที่ แต่ยอดขายเบียร์ เครื่องดื่มมอลต์ และไซเดอร์แบบ On Premise ทั่วโลกกลับลดลง 4.0% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ส่วนสุราลดลง 7.6%
  • Gen Z และ Millennials รุ่นเยาว์ (อายุไม่เกิน 34 ปี) มีแนวโน้มสูงสุดที่จะเพิ่มจำนวนผู้เยี่ยมชมแบบ On Premise ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า โดยเพิ่มขึ้นสุทธิ 27pp เมื่อเทียบกับ 14pp สำหรับผู้เยี่ยมชมแบบ On Premise ทั้งหมด

*LDA –อายุที่สามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ตามกฎหมาย (Legal Drinking Age)

โซลูชัน OPM รองรับกลยุทธ์ของธุรกิจในการเพิ่มยอดขายท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของความต้องการ On Premise รวมถึงการลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ โดย NIQ ได้ร่วมกับ OPM ทำการศึกษาผู้บริโภค On Premise จำนวน 30,000 รายจาก 38 ตลาด เพื่อเปิดเผยว่าแม้ว่าการเข้าใช้บริการ On Premise ของผู้บริโภคจะยังคงสูง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริโภคกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นไม่แน่นอน โดยผู้บริโภคมากกว่าหนึ่งในสาม (37%) ดื่มแอลกอฮอล์น้อยลงกว่าเมื่อ 12 เดือนที่แล้ว คนรุ่น X และผู้ที่มาเข้าใช้บริการ On Premise บ่อยครั้งมีแนวโน้มสูงสุดที่จะลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ลง

บริการ On Premise Measurement (OPM) ของ NIQ จะเจาะลึกข้อมูลเพื่อเน้นให้เห็นถึงผลกระทบของแนวโน้มผู้บริโภคเหล่านี้ต่อประสิทธิภาพตามหมวดหมู่ ยอดขายเบียร์ เครื่องดื่มมอลต์ และไซเดอร์ทั่วโลกตามปริมาณลดลง 4.0% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และราคาที่สูงขึ้นทำให้มูลค่าเพิ่มขึ้น 0.4% ในทางตรงกันข้าม สุราลดลง 7.6% และ 3.4% ในด้านปริมาณและมูลค่าตามลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรั่นดี รัม และจิน ซึ่งมียอดขายลดลงอย่างรวดเร็วในตลาดสำคัญ ขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น เตกีลาและวอดก้ากลับมีผลงานดีขึ้น

Phil Tate ผู้เป็นกรรมการผู้จัดการฝ่ายลูกค้าทั่วโลกของ NIQ กล่าวว่า: “การวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่าบทบาทของ On Premise กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั่วโลก การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจลดลง แต่บาร์ ผับ และร้านอาหารยังคงมีบทบาทสำคัญต่อชีวิตของผู้บริโภค แม้ว่าการบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะจะส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อประสิทธิภาพของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ความชอบในการดื่มที่เปลี่ยนไปของผู้คนกำลังเปิดโอกาสใหม่ๆ ในหมวดหมู่อื่นๆ On Premise ยังคงเป็นช่องทางสำคัญในการเติบโตของมูลค่าแบรนด์ และการเชื่อมโยงกับช่วงเวลาที่น่าจดจำที่นี่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการสร้างการทดลองใช้และความภักดี เมื่อแรงกดดันด้านต้นทุนของผู้บริโภคบางส่วนลดลงและผู้ใหญ่ที่อายุน้อยกว่ามีส่วนร่วมโดยเฉพาะ มีพื้นที่ว่างสำหรับการเติบโตอย่างมากในอีกไม่กี่เดือนและปีข้างหน้า”

แม้ว่าปริมาณจะลดลง แต่ก็ยังมีเหตุผลให้มองในแง่ดีได้ เนื่องจากผู้คนยังคงกระตือรือร้นที่จะออกไปข้างนอก และเตรียมที่จะเพิ่มการใช้จ่ายในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 On Premise มีบทบาทสำคัญในชีวิตของผู้บริโภคในฐานะจุดหมายปลายทางในการนำคนที่รักมารวมกัน และช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถสร้างการเชื่อมโยงที่มีความหมายกับผู้บริโภคเพื่อสร้างความภักดีต่อแบรนด์

ผู้บริโภคทั่วโลกหนึ่งในสี่ (26%) ที่สำรวจโดย NIQ ระบุว่าพวกเขาจะเพิ่มความถี่ในการเข้าใช้บริการ On Premise ในอีกสามเดือนข้างหน้า ซึ่งมากกว่าจำนวนที่วางแผนจะออกไปข้างนอกน้อยลงถึงสองเท่า (12%) Gen Z มีแนวโน้มที่จะเพิ่มจำนวนการเข้าใช้บริการมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เกี่ยวกับ OPM

บริการ OPM ของ NIQ วัดประสิทธิภาพการขายของแบรนด์และหมวดหมู่สินค้าในระบบ On Premise ในหลายพื้นที่ OPM ช่วยให้เจ้าของแบรนด์สามารถค้นพบแนวโน้มของตลาดที่ขับเคลื่อนการเติบโต ประเมินประสิทธิภาพของแบรนด์ ติดตามส่วนแบ่งการตลาด ตลอดจนระบุโอกาสในการขยายพื้นที่และประเมินการแข่งขัน

OPM ขับเคลื่อนโดยผู้เชี่ยวชาญ On Premise อย่าง CGA ซึ่งถูกซื้อกิจการโดย NIQ ในปี 2022 OPM ได้รับการปรับปรุงโดย CGA มาหลายปีในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา โดยมอบการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับยอดขาย การจัดจำหน่าย และราคาตามภูมิภาคและช่องทาง ซึ่งช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถเอาชนะในตลาดต่างๆ ได้ ปัจจุบัน OPM ได้รับการขยายไปยังประเทศสำคัญๆ เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา เยอรมนี และฝรั่งเศส โดยจะขยายไปยังเกาหลีใต้ในเร็วๆ นี้

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ NIQ ที่ขับเคลื่อนโดยบริการ OPM ของ CGA และโซลูชันอื่นๆ ในตลาดต่างประเทศ โปรดคลิกที่นี่ 

เกี่ยวกับ NIQ:

NielsenIQ (NIQ) เป็นบริษัทด้านข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคชั้นนำของโลก ซึ่งมอบความเข้าใจที่ครอบคลุมที่สุดเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคและเปิดเผยเส้นทางใหม่สู่การเติบโต โดย NIQ ได้รวมตัวกับ GfK ในปี 2023 อันเป็นการนำผู้นำอุตสาหกรรมทั้งสองรายที่มีการเข้าถึงทั่วโลกที่ไม่มีใครเทียบได้มาอยู่รวมกัน ปัจจุบัน NIQ มีการดำเนินงานในกว่า 95 ประเทศ ครอบคลุม 97% ของ GDP ด้วยการอ่านข้อมูลค้าปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุด ซึ่งนำเสนอด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ทันสมัย— NIQ จึงมอบ Full View™

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ประสานงานสื่อ: Sweta.patra@nielseniq.com

แหล่งที่มา: NielsenIQ