Tag Archives: group

บทวิเคราะห์การสรรหาบุคลากรจากสถานศึกษาในต่างประเทศในช่วงครึ่งปีแรกของ Midea Group ประจำปี 2024: การก้าวกระโดดเชิงกลยุทธ์ในด้านนวัตกรรมระดับโลกและการปรับให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่

Logo

ซาน ฟรานซิสโก–(BUSINESS WIRE)–10 กรกฎาคม 2024

Midea Group ซึ่งได้รับการยอมรับในฐานะองค์กรเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นนำระดับโลก ประสบความสำเร็จในการดำเนินโครงการสัญจรเพื่อการสรรหาบุคลากรจากสถานศึกษาในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 โดยงานสุดท้ายเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และกิจกรรมการสรรหาบุคลากรนี้ยังถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในการมุ่งเป้าสู่การเติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับโลก รวมถึงการทำนวัตกรรมเชิงกลยุทธ์ให้เหมาะกับแต่ละพื้นที่ด้วย

Midea Group's 2024 1H Overseas Campus Recruitment Tour at Stanford University (Photo: Business Wire)

โครงการสัญจรเพื่อการสรรหาบุคลากรจากสถานศึกษาในต่างประเทศในช่วงครึ่งปีแรกของ Midea Group ประจำปี 2024 ที่มหาวิยาลัยสแตนฟอร์ด (ภาพ: Business Wire)

นี่คือบริษัทผู้เป็นเจ้าของผลงานหลากหลายรอบด้านทั้งผลิตภัณฑ์สำหรับบ้านอัจฉริยะ เทคโนโลยีอุตสาหกรรม เทคโนโลยีการก่อสร้าง หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ รวมถึงธุรกิจที่เป็นนวัตกรรม ซึ่งทาง Midea Group ได้ตอกย้ำถึงความทุ่มเทในตลาดโลกผ่านโครงการสรรหาบุคลากรที่ครอบคลุมนี้ โดยทุกๆ ปี ประมาณ 15-20% ของการรับสมัครในสถานศึกษาของ Midea Group นั้นได้บุคลากรที่มีพื้นฐานการศึกษาในต่างประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับกลุ่มผู้มีความสามารถระดับนานาชาติของบริษัทเป็นอย่างมาก

โดยการสรรหาบุคลากรในสถานศึกษาของ Midea ประจำปี 2024 มีสิ่งที่น่าสนใจดังนี้

  • มีผู้สมัครเข้าร่วมงานกว่า 3,000 คน
  • มีการจัดงานกิจกรรมของมหาวิทยาลัยมากกว่า 4 ประเทศและมีกิจกรรมที่น่าสนใจกว่า 20 รายการ
  • การจัดประชุมแบบโต๊ะกลมกว่า 10 โต๊ะที่ออกแบบมาเพื่อผู้สมัครระดับปริญญาเอกโดยเฉพาะ

การประชุมเชิงกลยุทธ์ในเชิงลึก

  • ข้อมูลเชิงลึกในด้านความเป็นผู้นำ: เซสชั่นปาฐกถาพิเศษที่นำเสนอโดย CTO, CPO ของ Midea และผู้บริหารคนอื่นๆ โดยมีการนำเสนอมุมมองวิสัยทัศน์เกี่ยวกับอนาคตของเทคโนโลยีและบทบาทสำคัญของ Midea
  • เข้าใจวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้ง: เน้นย้ำถึงปรัชญาของ Midea ที่ให้ความสำคัญกับผู้คน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน สวัสดิการ และความก้าวหน้าของบุคลากร
  • การจัดแสดงนวัตกรรม: นำเสนอเครือข่ายการวิจัยและพัฒนาที่กว้างขวางของ Midea ซึ่งรวมถึงสถาบันวิจัยกลางที่ขับเคลื่อนกลยุทธ์การวิจัยและพัฒนาระดับโลกอย่าง “2+4+N” ซึ่งจะทำให้ความเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีของ Midea แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ประสบการณ์เชิงปฏิสัมพันธ์อันสมจริง

  • ช่วงถามและตอบคำถาม: การอภิปรายในทุกแง่มุมเรื่องค่านิยม โอกาส และความคาดหวังของ Midea
  • การอภิปรายแบบโต๊ะกลม: การสนทนาอย่างละเอียดเกี่ยวกับโครงการริเริ่มด้านการวิจัยและพัฒนา การเติบโตทางอาชีพ และบทบาทในระดับโลก
  • แชร์ประสบการณ์จากอดีตผู้ร่วมงาน: เรื่องราวการเติบโตจากศิษย์เก่าที่ให้ข้อมูลเชิงลึกโดยตรงเกี่ยวกับโอกาสของการทำงานใน Midea

เส้นทางที่ชัดเจนสู่การสรรหาบุคลากร:

  • ช่องทางพิเศษสำหรับนักศึกษาจากต่างประเทศ: นักศึกษาต่างชาติที่สำเร็จการศึกษาตั้งแต่เดือนมกราคม 2024 ถึงธันวาคม 2025 ล้วนเป็นผู้สมัครเป้าหมายของเราและได้รับอนุญาตให้ส่งประวัติสมัครงานทางออนไลน์ได้
  • กระบวนการที่ชัดเจน: ผู้สมัครจะได้รับคำแนะนำผ่านกระบวนการสมัคร การสัมภาษณ์ และการเสนองานที่โปร่งใส
  • โอกาสอันหลากหลาย: หน้าที่การงานที่รอบด้านทั้งการวิจัยและพัฒนา, AI, ไอที, วิศวกรรม และอีกมากมาย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Midea ในด้านชุดทักษะที่หลากหลายและความสนใจในวิชาชีพ
  • Global Outlook: Midea เปิดโอกาสให้ผู้สมัครได้ทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ด้วยโอกาสที่จะได้ทำงานในเมืองกว่า 40 เมืองทั่วโลก

ความมุ่งมั่นอันไม่หยุดยั้งของ Midea

เส้นทางการสรรหาบุคลากรตั้งแต่สหราชอาณาจักรไปจนถึงเยอรมนี ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 ของ Midea ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ในการสร้างรากฐานที่เป็นนวัตกรรม ครอบคลุม และเปิดกว้าง นอกจากนี้บริษัทยังให้ความสำคัญในด้านบุคลากรและการวิจัยและพัฒนา เพื่อการันตีว่าบริษัทยังคงเป็นผู้นำด้านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/54092129/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Diwei Zhang
zhangdw26@midea.com

แหล่งข้อมูล: Midea Group

ผู้นำของกลุ่ม Montrose Environmental Group และ 3M Chief Technology Officer พูดคุยเรื่องความก้าวหน้าที่ประสบความสำเร็จในการกำจัด “สารเคมีที่อยู่ตลอดไป” จากน้ำ

Logo

ลิตเทิลร็อก อาร์คันซอ –(BUSINESS WIRE)–28 พฤษภาคม 2024

บริษัท Montrose Environmental Group, Inc. (“Montrose”) (NYSE: MEG) ได้แบ่งปันไฮไลท์จากการนำเสนอร่วมกับบริษัท 3M ที่งานประชุม Bank of America ครั้งที่ 31 สำหรับภาคการขนส่ง สายการบิน และอุตสาหกรรมที่จัดขึ้นในนิวยอร์ก โดย Vijay Manthripragada ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Montrose และ Dr. Steve Woodard หัวหน้าเจ้าหน้าที่นวัตกรรมของ Montrose ได้ร่วมกับ Dr. John Banovetz หัวหน้าเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีของ 3M ในการจัดเสวนาหัวข้อ “PFAS Panel: Advancing Technology for a Cleaner Tomorrow” (คณะเสวนา PFAS: การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออนาคตที่สะอาดขึ้น)

ในช่วงการเสวนา ทาง Montrose และ 3M ได้พูดคุยเกี่ยวกับวิธีการที่ทั้งสองบริษัทจะนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อกำจัดสารประกอบ PFAS ออกจากแหล่งน้ำที่ซับซ้อนในสถานที่ผลิตสารเคมีของ 3M ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน และการบูรณาการความยั่งยืน ซึ่งรวมถึงการใช้เทคโนโลยีการแลกเปลี่ยนไอออนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Montrose

“บริษัทของเรามีพื้นฐานจากนวัตกรรมและวิทยาศาสตร์ ดังนั้นเราจึงมองหาพันธมิตรในแนวทางเดียวกัน” Dr. Banovetz จาก 3M กล่าว “เราสามารถหาพันธมิตรใน Montrose ได้อย่างรวดเร็ว และรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับความร่วมมือของ Montrose ที่ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยเฉพาะเป้าหมายด้านคุณภาพน้ำของเรา”

“เราทำงานร่วมกับบริษัทในกลุ่ม Fortune 500 หลายแห่ง John และทีมผู้นำของ 3M เป็นหนึ่งในผู้นำที่มุ่งมั่นในเรื่องความยั่งยืนมากที่สุดที่เราเคยมีความยินดีได้ร่วมงานด้วย”  Manthripragada กล่าว “เมื่อทีมของ Montrose และ 3M คิดเกี่ยวกับวิธีการ [กำจัด PFAS จากน้ำ] ความยั่งยืนเป็นสิ่งที่สำคัญ ผลลัพธ์จากการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีร่วมกันนั้นคือโซลูชันที่สร้างของเสียน้อยลง ใช้สื่อกลางการกรองน้อยลง มีขนาดเล็กลงซึ่งอาจปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับพนักงาน และใช้พลังงานน้อยลง”

โซลูชันที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของ Montrose มีลักษณะเป็นลูกปัดพลาสติกขนาดเล็กที่มีคุณสมบัติพิเศษที่ทำให้พวกมันมีความสามารถสูงในการจับกับ PFAS และกำจัดสารประกอบเหล่านี้ออกจากน้ำ เราสามารถล้างลูกปัดและนำกลับมาใช้ใหม่ได้แทนที่จะทิ้งและเปลี่ยนลูกปัดเมื่อใช้งานแล้ว นอกจากนี้ Montrose ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีในการทำความสะอาดโซลูชันการฟื้นฟูที่ใช้ไปแล้วโดยใช้การกลั่นและการบรรจุซ้ำ ทำให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง การจับคู่เทคโนโลยีการบำบัดด้วยเรซินกับโซลูชันการฟื้นฟูนี้ ทำให้ได้ระบบบำบัด PFAS ที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพในการกำจัด PFAS ออกจากสิ่งแวดล้อม

Dr. Woodard กล่าวว่าระบบที่พัฒนาขึ้นสำหรับ 3M ผ่านความร่วมมือนี้ได้ถูกนำไปใช้ทั่วโลกและกำลังเป็นประโยชน์ต่อชุมชนต่าง ๆ ที่อยู่ไกลถึงออสเตรเลีย “เราได้พัฒนาเทคโนโลยีหลายประเภทเพื่อกำจัดพวกมันออกจากสิ่งแวดล้อม และ 3M กำลังเป็นผู้นำทาง” Dr. Woodard กล่าว “เราจะเป็นประโยชน์ต่อหลายอุตสาหกรรม ชุมชน และรัฐบาล แต่ที่สำคัญที่สุดคือสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชน

สามารถเข้าฟังการบันทึกเสียงการประชุมซ้ำได้ที่เว็บไซต์การถ่ายทอดสดของการประชุม BofA ที่ PFAS Panel: Advancing Technology for a Cleaner Tomorrow (veracast.com)

เกี่ยวกับ Montrose

Montrose เป็นบริษัทชั้นนำด้านโซลูชันสิ่งแวดล้อมที่มุ่งเน้นการสนับสนุนองค์กรการค้าและรัฐบาลในการรับมือกับความท้าทายของปัจจุบันและเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต ด้วยพนักงานประมาณ 3,200 คนในกว่า 100 แห่งทั่วโลก Montrose ผสมผสานความรู้ท้องถิ่นอย่างลึกซึ้งกับแนวทางแบบบูรณาการในการออกแบบ วิศวกรรม และการดำเนินงาน ทำให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะของแต่ละโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การวัดคุณภาพอากาศและบริการห้องปฏิบัติการที่ครอบคลุมไปจนถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบ การตอบสนองเหตุฉุกเฉิน การออกใบอนุญาต วิศวกรรม และการฟื้นฟู Montrose มอบโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมและปฏิบัติได้จริงที่ช่วยให้ลูกค้าของพวกเขาอยู่เหนือความต้องการในทันทีและล้ำหน้าในเชิงกลยุทธ์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เยี่ยมชมได้ที่ www.montrose-env.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Montrose
ฝ่ายสื่อสารกับนักลงทุน:
Rodny Nacier
(949) 988-3383
ir@montrose-env.com

ฝ่ายสื่อสารมวลชน:
Sarah Kaiser
(225) 955-1702
pr@montrose-env.com

ที่มา: Montrose Environmental Group, Inc.

Netmore Group ขยายสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกด้วยการส่งมอบบริการเครือข่าย LoRaWAN ที่มุ่งเน้นช่องทาง

Logo

แพลตฟอร์มในรูปแบบบริการได้รับการวางตำแหน่งเพื่อรองรับการเปิดตัว IoT จำนวนมากในตลาดยูทิลิตี้ เทศบาล และองค์กร

สตอกโฮล์ม, สวีเดน–(BUSINESS WIRE)–15 พฤษภาคม 2024

Netmore Group ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่าย LoRaWAN ชั้นนำระดับโลก ได้ประกาศในวันนี้ว่าจะขยายธุรกิจ IoT ไปสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการตรวจสอบสาธารณูปโภคที่ใช้เซ็นเซอร์และโครงสร้างพื้นฐานของเทศบาลและโซลูชันการจัดการพลังงาน การขยายธุรกิจนี้เกิดขึ้นหลังจากบริษัทเข้าซื้อกิจการ Senet ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ LoRaWAN ในสหรัฐฯ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ซึ่งเป็นการเพิ่มเครือข่ายของ Senet เข้าไปในการดำเนินงานของเครือข่ายระดับผู้ให้บริการในตลาดยุโรป 11 แห่ง

Netmore กำลังเข้าใกล้ภูมิภาค APAC ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นช่องทางที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในการส่งมอบการเชื่อมต่อเครือข่ายที่รองรับอนาคตผ่าน Platform-as-a-Service (PaaS) ซึ่งได้รับการออกแบบขึ้นใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบเพื่อรองรับการเปิดตัว IoT ขนาดใหญ่ ด้วยประสบการณ์เชิงลึกในโดเมนแนวดิ่ง ความน่าเชื่อถือระดับผู้ให้บริการ และโมเดลราคาที่เอื้อมถึงและปรับขนาดได้ Netmore นำเสนอโครงสร้างที่คุ้มค่าและคาดการณ์ได้สำหรับ MNO, OEM และผู้รวมระบบที่ต้องการขยายข้อเสนอเพื่อสร้างรายได้จากความคิดริเริ่มในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล เพื่อลดต้นทุนเครือข่ายอย่างต่อเนื่องในขณะที่ปรับปรุงการให้บริการ Netmore ยังร่วมมือกับบริษัททาวเวอร์และผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ในกิจกรรมการพัฒนาธุรกิจร่วมกันในตลาดที่เลือก

ด้วยการขยายธุรกิจนี้ Netmore ได้แต่งตั้ง Lim Perng ให้เป็นหัวหน้าฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดย Lim ได้นำมาซึ่งความสำเร็จมายาวนานกว่า 15 ปีในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และประวัติที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในด้านการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจและสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

Lim Perng กล่าวว่า “Netmore อยู่ในตำแหน่งที่ดีมากที่จะกลายเป็นผู้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลักในการส่งมอบการเชื่อมต่อ IoT ในช่วงเวลาที่มีการปรับใช้ทั่วโลก ฉันตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับองค์กรในขณะที่บริษัทขยายตัว ฉันตั้งตารอที่จะทำงานร่วมกับทีม Netmore และพันธมิตรของเราทั่วทั้งระบบนิเวศเพื่อมอบโซลูชันการเชื่อมต่อที่จะช่วยให้ลูกค้าบรรลุความสำเร็จทางธุรกิจที่ยั่งยืน”

Ove Anebygd ผู้เป็นซีอีโอของ Netmore Group AB กล่าวว่า “ในอีกหลายปีข้างหน้าจะเป็นปีที่พิเศษสำหรับตลาด IoT และเรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ Lim มาร่วมมือกับเราเพื่อสนับสนุนการเติบโตขั้นต่อไปของเรา ประสบการณ์ของ Lim ในการจัดการทีมที่มีประสิทธิภาพสูงในหลายประเทศและความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับวิธีการสนับสนุนผู้ปฏิบัติงานและลูกค้าองค์กรผ่านเส้นทางการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของลูกค้าจะเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับองค์กรของเรา”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.netmoregroup.com หรืออีเมล lim.perng@netmoregroup.com เพื่อหารือเกี่ยวกับโอกาสในการเป็นพันธมิตร

Netmore Group คือผู้ให้บริการเครือข่าย IoT ที่สร้างเครือข่ายข้ามชาติชั้นนำเพื่อพัฒนาแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน เรานำเสนอแพลตฟอร์มเครือข่ายที่เชื่อถือได้และความเชี่ยวชาญด้านการเชื่อมต่อชั้นนำเพื่อการวัดผล การตรวจสอบ และการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยประสบการณ์ 10 ปีในอุตสาหกรรมนี้ เรามีประวัติที่ดี ดำเนินงานอย่างไร้ขอบเขตในตลาดยุโรป และเติบโตขึ้นจนกลายเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายชั้นนำระดับโลก เจ้าของหลักของกลุ่ม Netmore คือ Polar Structure ซึ่งเป็นผู้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานชาวนอร์ดิก

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ข้อมูลติดต่อสื่อมวลชน:
James Gerber
Crackle Communications
+1 508-233-3391
netmore@cracklepr.com

ข้อมูลติดต่อ Netmore:
Ken Lynch
VP, Global Marketing
+1 617-877-5393
ken.lynch@netmoregroup.com

แหล่งที่มา: Netmore Group

AGC Group ได้รับการรับรอง First Cradle to Cradle Certified® เป็นครั้งแรกสําหรับผลิตภัณฑ์กระจกภายใน Mirox MNGE ในเอเชีย

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–13 พฤษภาคม 2024

Mirox MNGE ของ AGC Glass Asia กระจกตะกั่วต่ำ ได้รับรางวัล Cradle to Cradle Certified® ในระดับทองแดงตามเวอร์ชัน 3.1 การรับรองนี้ครอบคลุมถึงการผลิตโดยบริษัทในเครือ AGC Group สองแห่งในเอเชีย ได้แก่ PT Asahimas Flat Glass Tbk และ AGC Float Glass (ประเทศไทย)

The AGC Group Obtains Its First Cradle to Cradle Certified® for Mirox MNGE Interior Glass Products in Asia (Graphic: Business Wire)

AGC Group ได้รับการรับรอง First Cradle to Cradle Certified® เป็นครั้งแรกสําหรับผลิตภัณฑ์กระจกภายใน Mirox MNGE ในเอเชีย (รูปกราฟิก​: Business Wire)

กระจก Mirox MNGE ได้รับการประเมินอย่างละเอียดตามเกณฑ์การประเมินหลักห้าประเภท ได้แก่ สุขภาพวัสดุ การนําวัสดุกลับมาใช้ใหม่ พลังงานหมุนเวียน การดูแลน้ำ และความเป็นธรรมทางสังคม การรับรองนี้ไม่เพียงตรวจสอบข้อมูลประจําตัวด้านความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยในการได้รับการรับรองอาคารเขียว เช่น LEED, WELL และ Green Star (ออสเตรเลีย)

AGC Group ได้กําหนด “ค่านิยมทางสังคมสามประการ” ที่จะสร้างขึ้นผ่านผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีในแผนการจัดการระยะกลาง “AGC plus-2026” หนึ่งในนั้นคือ “Blue planet” มีเป้าหมายที่จะมีส่วนร่วมในความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมโลก ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม ด้วยการได้รับการรับรอง Cradle to Cradle Certified® กลุ่มบริษัทกําลังสานต่อความมุ่งมั่นในการส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง

เกี่ยวกับ AGC

AGC Inc. (สํานักงานใหญ่: โตเกียว ประธานและซีอีโอ: Yoshinori Hirai) (TOKYO: 5201) เป็นบริษัท แม่ของ AGC Group ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นกระจกชั้นนําของโลก และผู้จัดจําหน่ายกระจกแผ่นราบ ยานยนต์ และจอแสดงผล เคมีภัณฑ์ เซรามิก ตลอดจนวัสดุและส่วนประกอบไฮเทคอื่นๆ ด้วยนวัตกรรมทางเทคนิคที่สั่งสมมานานกว่าหนึ่งศตวรรษ AGC Group ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ล้ำสมัยมากมาย กลุ่มบริษัทมีพนักงานประมาณ 57,000 คนทั่วโลก และสร้างยอดขายต่อปีประมาณ 2.0 ล้านล้านเยน (ประมาณ 13.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ผ่านการดําเนินงานในกว่า 30 ประเทศและภูมิภาค เรียนรู้เพิ่มเติมที่ เว็บไซต์ของ AGC และบน LinkedIn

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53983396/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Irene Chen โทร: +65 6273 5656, อีเมล: info-pr@agc.com

Midea Group เผยแพร่เรื่องราวของแบรนด์ ESG เป็นครั้งแรกพร้อมการเยี่ยมชมแบบวีไอพีโดยไม่คาดคิด ซึ่งเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นต่อความยั่งยืน

Logo

ฝอซาน ประเทศจีน–(BUSINESS WIRE)–29 มีนาคม 2024

Midea Group:

ความเป็นมา:

Midea Group ซึ่งเป็นกลุ่มเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ได้เปิดตัวรายงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ประจำปี 2023 โดยมีการตั้งเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนอันทะเยอทะยานไว้สำหรับปี 2030

อีกทั้งยังได้รวมการบรรลุเป้าหมายในการผลิตไฟฟ้าโซลาร์เซลล์มากกว่า 500 เมกะวัตต์ ลดความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ขอบเขตที่ 1 และ 2) ลง 0.040 ได้รับการรับรองระบบการจัดการพลังงานสำหรับโรงงาน 50 แห่ง และบรรลุการบัญชีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ 100% ซึ่งคิดเป็นหมวดหมู่หลักของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอัจฉริยะ

สิ่งนี้สอดคล้องกับมาตรฐานรายงานการพัฒนาที่ยั่งยืนของมาตรฐานรายงานระดับโลกของ Global Reporting Initiative (GRI)

รายงานและแคมเปญใหม่มุ่งเน้นไปที่สี่มิติ ได้แก่ ปกป้องดาวเคราะห์สีน้ำเงิน สร้างชุมชนที่มีความสามัคคี ปฏิบัติตาม 'แนวทางการนำนวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมมาสู่ชีวิต' และร่วมกันสร้างระบบนิเวศที่เจริญรุ่งเรือง

การรณรงค์:

ข้อมูลรับรอง ESG ของ Midea นั้นครอบคลุม แต่การสื่อสารกับผู้ชมในวงกว้างอาจมีความซับซ้อนและเสี่ยงที่จะฟังดูเย็นชาเกินไป

สำหรับภาพยนตร์แบรนด์ ESG เรื่องแรก เป็นเรื่องง่ายที่จะทำตามแบบแผนด้วยการตัดต่อมหาสมุทร ป่าฝน และพลังงานทดแทนตามด้วยเสียงพากย์แบบธรรมดาๆ แต่เพื่อที่จะให้ตรงเป้าหมาย ความบันเทิงคือกุญแจสำคัญ

ด้วยเหตุนี้ ภาพยนตร์ที่เน้นการเล่าเรื่องจึงถูกสร้างขึ้นโดยบอกเล่าเรื่องราวของการเยี่ยมชมโรงงานที่มีวีไอพีคนสำคัญที่สุดของ Midea The Next Generation (ผู้ที่เป็นรุ่นต่อไป)

การวางข้างกันเพื่อเทียบเคียงอย่างสร้างสรรค์นี้เน้นให้เด็ก ๆ เป็นวีไอพีตลอดจนผู้รับประโยชน์ในอนาคตจากโครงการริเริ่ม ESG ตัวละครของพวกเขานำมาซึ่งความอบอุ่น ความเรียบง่าย และเสน่ห์ที่เด็ก ๆ เท่านั้นสามารถมอบให้ได้ ช่วยให้แบรนด์สามารถนำเสนอข้อเท็จจริงที่แข็งกระด้างได้ด้วยสัมผัสที่นุ่มนวล

ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวทั่วโลกเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2024 บนแพลตฟอร์ม Linkedin, Facebook, X และ Youtube

ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ต่อความยั่งยืน Midea Group อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะเป็นผู้นำในการมุ่งสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนยิ่งขึ้นต่อไป

ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Midea ESG:

– ปัจจุบัน Midea มีโรงงาน Global Lighthouse 5 แห่ง และโรงงาน 28 แห่งที่ได้รับชื่อว่าเป็นโรงงานสีเขียวระดับชาติ

– นอกจากนี้ ยังจัดให้มีระบบการพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถหลากหลายให้แก่พนักงานจำนวน 190,000 คน และจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนข้ามวัฒนธรรมเป็นประจำ

– ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทยังได้เปิดเผยแผนการลงทุน 140 ล้านหยวนเพื่อพัฒนาการศึกษาในชุมชนท้องถิ่นอีกด้วย

– ในฐานะพลเมืองที่มีความรับผิดชอบระดับโลก Midea Group มีเป้าหมายที่จะสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ และได้เข้าร่วมกับองค์กร United Nations Global Compact นอกจากนี้ Midea Building Technology ยังได้เป็นส่วนหนึ่งของ SBTi (โครงการริเริ่มเป้าหมายทางคาร์บอนที่อิงหลักวิทยาศาสตร์)

– เพื่อเป็นการยกย่องการอุทิศตนเพื่อความยั่งยืน Midea Group ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในรายชื่อบริษัทชั้นนำสำหรับผู้หญิงของโลกประจำปี 2023 ของ Forbes

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Lori luo, luory17@midea.com

แหล่งที่มา: Midea Group

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53916811/en

คำบรรยายวิดีโอ:

ภาพยนตร์แบรนด์ ESG เรื่องใหม่ของ Midea บอกเล่าเรื่องราวการเยี่ยมชมโรงงานจากแขกวีไอพีคนสำคัญที่สุดของพวกเขา พวกเขาจะได้เห็นด้วยตนเองถึงความมุ่งมั่นอันน่าประทับใจของแบรนด์ต่อแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ ด้วยความคิดริเริ่มที่ยังคงน้อมรับอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสดใสยิ่งขึ้นร่วมกัน เชิญเข้าร่วมทัวร์กับพวกเขาผ่านภาพยนตร์ที่มีเสน่ห์เรื่องนี้

#TheNextGeneration #ESG #Midea

Midea Group ทำลายสถิติรายได้และกำไรด้วยยอด 373.7 พันล้านหยวนในปี 2023

Logo

FOSHAN, China–(BUSINESS WIRE)–28 มีนาคม 2024

Midea Group ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์เครื่องใช้ในบ้านรายใหญ่ที่สุดของโลก รายงานการเติบโตที่น่าประทับใจและสถิติผลกำไรที่เป็นประวัติการณ์ในรายงานประจำปี 2023 บริษัทมีรายได้รวม 373.7 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 8.10% เมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน กำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 33.7 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 14.10% ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา

ความสำเร็จของบริษัทเป็นผลมาจากกลยุทธ์ “ผลกระทบระดับโลก” ซึ่งส่งผลให้ยอดขายในต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนสูงกว่า 40% ของยอดขายรวมในเวลาหลายปีที่ผ่ามา ผลิตภัณฑ์ของ Midea ได้รับการส่งออกไปยังกว่า 200 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก และยังคงมีการขยายโครงสร้างการผลิตในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยมีการส่งเสริมการสร้างฐานการผลิตในอินโดนีเซีย อินเดีย ไทย บราซิล เม็กซิโก อิตาลี อียิปต์ และประเทศอื่นๆ

เทคโนโลยีใหม่ด้านพลังงานและอุตสาหกรรมของ Midea เป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และเป็นการพัฒนาแบบกรีนอย่างยั่งยืนในกลุ่มอุตสาหกรรมทั่วโลก และได้รับตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรม ธุรกิจคอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศที่ใช้ในครัวเรือนของบริษัทครองอันดับหนึ่งในปี 2023 โดยครองส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกที่ 45% ในส่วนของมอเตอร์เครื่องปรับอากาศที่ใช้ในครัวเรือนและเครื่องซักผ้าของบริษัทก็ครองตำแหน่งสูงสุดระดับโลกเช่นกัน โดยครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 40% และ 22% ตามลำดับ นอกเหนือจากนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ New Energy ของบริษัทก็มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่า จะมีปริมาณการจัดส่งถึง 750,000 ยูนิตในปี 2023 คิดเป็นสัดส่วนการเติบโตเป็น 400% เมื่อเทียบต่อปี นอกจากนี้ การเข้าซื้อกลุ่มบริษัทด้านพลังงาน เช่น CLOU Electronics และ Hiconics Eco-energy ทำให้ Midea เข้าสู่อุตสาหกรรมการจัดเก็บพลังงาน ซึ่งมีศักยภาพทางการตลาดมหาศาล

KUKA ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Midea เป็นหนึ่งในบริษัทผลิตหุ่นยนต์อุตสาหกรรม “Big Four” ระดับโลก และเป็นบริษัทผลิตหุ่นยนต์น้ำหนักสูงที่ใหญ่เป็นอันดับสองเมื่อพิจารณาจากยอดขายในปี 2023 ในปี 2023 KUKA Group มีรายได้และปริมาณการสั่งซื้อสูงเป็นประวัติการณ์ โดยมีการตอบรับสูงมากเป็นพิเศษในตลาดจีน

เทคโนโลยีอาคารอัจฉริยะของ Midea นำเสนอโซลูชันบูรณาการระบบนิเวศอัจฉริยะสำหรับการก่อสร้างอาคาร จากข้อมูลของ Frost & Sullivan บริษัทถือเป็นซัพพลายเออร์เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดในจีนแผ่นดินใหญ่ และใหญ่เป็นอันดับห้าของโลกในปี 2023

Midea Group มีการลงทุนกว่า 14.5 พันล้านหยวนในด้านการวิจัยและพัฒนา โดยมีบุคลากรด้านการวิจัยมากกว่า 23,000 คนทั่วโลก ในปี 2022 บริษัทอยู่ในอันดับที่เจ็ดของโลกในกลุ่มสิทธิบัตรทั้งหมด โดยเป็นอันดับแรกในกลุ่มบริษัทจีนและอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนทั่วโลก โดยมีสิทธิบัตรการประดิษฐ์มากกว่า 28,000 ฉบับ

Midea Group มีบริษัทในเครือ 200 แห่งโดยประมาณ มีศูนย์วิจัยและพัฒนา 33 แห่ง และมีฐานการผลิตหลัก 40 แห่งทั่วโลก มีพนักงานกว่า 190,000 คน การเติบโตที่น่าประทับใจและผลกำไรที่ทำลายสถิติของบริษัทแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในนวัตกรรม ความยั่งยืน และการขยายธุรกิจไปทั่วโลก

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Lori Luo
Luory17@midea.com

แหล่งข้อมูล: Midea Group

กลุ่ม Mitsui Chemicals Group และ ARRK Thailand จัดนิทรรศการ MotionTech 2024 เป็นครั้งแรก

Logo

จัดแสดงวัสดุและเทคโนโลยีเพื่อการขับเคลื่อนแห่งอนาคต

กรุงเทพมหานคร–(BUSINESS WIRE)–13 กุมภาพันธ์ 2024

Mitsui Chemicals Asia Pacific (MCAP) – กลุ่มMitsui Chemicals และ ARRK Thailand จะร่วมกันจัดนิทรรศการสาธารณะในกรุงเทพฯ ประเทศไทย ซึ่งจะจัดแสดงวัสดุและเทคโนโลยีต่างๆ สำหรับการขับเคลื่อนแห่งอนาคต ที่ได้พัฒนาโดยกลุ่ม Mitsui Chemicals และกลุ่ม ARRK นิทรรศการ MotionTech 2024 จะเป็นนิทรรศการลักษณะดังกล่าวครั้งแรกของทั้งสององค์กร

ผู้เข้าชมสามารถชมเทคโนโลยีล่าสุดและวัสดุที่ใช้งานได้จริงสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งจัดขึ้นมากกว่าสองช่วง นอกจากนั้นยังมีนิทรรศการ touch-and-feel (สัมผัสและรับรู้) สำหรับวัสดุต่างๆ ที่ผลิตโดยกลุ่ม Mitsui Chemicals นอกจากนี้ MOLp (Mitsui Chemicals Material Oriented Laboratory) ซึ่งเป็นงานแสดงนวัตกรรมที่ได้รับการตอบรับอย่างดีในญี่ปุ่น จะมาปรากฏตัวพร้อมกับผลิตภัณฑ์บางส่วนที่นำเสนอไปในนิทรรศการครั้งก่อนๆอีกด้วย

งานนี้ได้รับความร่วมมืออย่างภาคภูมิใจโดย Mitsui Chemicals Asia Pacific, Mitsui Chemicals (Thailand) และ ARRK Thailand

รายละเอียดของนิทรรศการ

ช่วงแรก

วันที่

15 ถึง 16 กุมภาพันธ์ 2024

สถานที่

โรงแรม Nikko Hotel กรุงเทพฯ (ชั้น4)

27 ทองหล่อ, คลองตันเหนือ, วัฒนา, กรุงเทพฯ 10110

ช่วงที่สอง

วันที่

20 กุมภาพันธ์ 2024

สถานที่

โรงแรม Pacific Park ศรีราชา

2 1 ศรีราชานคร 3, ศรีราชา, อ.ศรีราชา, ชลบุรี 20110

เข้าชมได้ฟรี รับวอล์คอินสำหรับทุกท่าน (Walk-in) ไม่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า เชิญเข้าชมเว็บไซต์ Asia Pacific website เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับ MotionTech 2024 หรือท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้

เกี่ยวกับ MOLp

MOLp™ เป็นโครงการห้องปฏิบัติการแบบเปิดโดย Mitsui Chemicals Group ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อค้นหาเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่และคุณค่าเชิงฟังก์ชันของวัสดุโดยการใช้ประสาทสัมผัสที่หลากหลายอย่างเต็มที่

เชิญเยี่ยมชมเว็บไซต์ MOLp™ website เพื่อทำความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับแรงบันดาลใจเบื้องหลังผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้

บางโครงการของ MOLp™ จะนำเสนอใน MotionTech 2024 ด้วย:

321 IDEA CAVE

https://youtu.be/QJ4Uvl2k-Tk?si=bc0R-yIYK6b1YTB2

NAGORI® products

https://youtu.be/-zpoeglo8zc?si=kDCMTr-ojw4IKLgY

TAFNEX™ bench

https://jp.mitsuichemicals.com/en/release/2022/2022_1018/index.htm

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53893280/en

ติดต่อ

หากต้องการสอบถามเกี่ยวกับข่าวประชาสัมพันธ์นี้ โปรดติดต่อ:

Eric Lim
การสื่อสารองค์กรและการตลาด
Mitsui Chemicals Asia Pacific, Ltd.
eric.lim@mitsuichemicals.com

แหล่งที่มา: Mitsui Chemicals Asia Pacific 


Tsuno Group ประสบความสำเร็จในการพัฒนาและยื่นขอรับสิทธิบัตรสำหรับสูตรเสถียรที่มี FERULIC ACID ในปริมาณสูง โดยมีส่วผสมจากพืชธรรมชาติที่หายากและมีหน้าที่ในการดูดซับรังสียูวี

Logo

WAKAYAMA, Japan–(BUSINESS WIRE)–31 มกราคม 2024

Tsuno Group Co., Ltd. ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Katsuragi-cho, Ito-gun, Wakayama และนำโดยประธาน Fumi Tsuno และ Matsumoto Trading Co., Ltd. ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Chuo-ku, Tokyo โดยมี Shunsuke Matsumoto เป็น CEO ได้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาสูตรครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของ Ferulic Acid โดย Ferulic Acid เป็นตัวดูดซับรังสียูวีที่เป็นพืชธรรมชาติหายาก และมีความคงตัวพร้อมการละลายได้ยากใน ferulic acid ที่มีความเข้มข้นสูง

สำหรับ ferulic acid

Tsuno Group เป็นรายแรกในโลกที่ประสบความสำเร็จในการผลิต ferulic acid ปริมาณมาก ซึ่งเป็นโพลีฟีนอลจากรำข้าว Ferulic acid มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่ยอดเยี่ยม และได้รับการยอมรับว่า มีศักยภาพในการป้องกันโรคอัลไซเมอร์ เบาหวาน และคอเลสเตอรอลสูง นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตวานิลลินธรรมชาติ ซึ่งเป็นส่วนผสมในเครื่องปรุงวานิลลา ในเครื่องสำอาง ก็เป็นสารช่วยยับยั้งการผลิตเมลานิน โดยปิดกั้นการทำงานของไทโรซิเนส และมีคุณบัติด้านการอักเสบ ต้านจุลชีพ และต้านอนุมูลอิสระ ดังนั้น จึงมีการนำมาใช้เป็นสารออกฤทธิ์ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอสงหลากหลายชนิด

“ในฐานะบริษัทชั้นนำด้านเคมีภัณฑ์จากข้าวและรำข้าวของโลก เราได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงฟังก์ชันจำนวนหนึ่งด้วยความพยายามเป็นอย่างมาก โดยใช้เทคโนโลยีในการผสานรวม รวมทั้งยังมีการวิจัยระดับความปลอดภัยและผลกระทบ เพื่อให้ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีในอุตสาหกรรมยา อาหาร อาหารสัตว์ และเครื่องสำอาง ปัจจุบัน เรามีการเปิดตัวเทคโนโลยีในการใช้ ferulic acid จากรำข้าง เพื่อใช้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ และเป็นตัวดูดซับรังสียูวี ซึ่งเป็นนวัตกรรมแรกของโลก เรามั่นใจว่า คุณจะพบว่า ผลิตภัณฑ์นี้มีเอกลักษณ์และสร้างผลดีไม่เฉพาะเพียงต่อสุขภาพและความงามของมนุษย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงเศรษฐกิจแบบหมุนเวียนของโลกอีกด้วย” —— Fumi Tsuno ประธานของ Tsuno Group Co., Ltd.

ผลการดูดซับรังสียูวีของ ferulic acid

Ethylhexyl methoxycinnamate (EHMC) ซึ่งเป็นตัวกรองรังสียูวีจากปิโตรเคมี มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในครีมกันแดด อย่างไรก็ตาม มีผลการศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้พบว่า มีผลกระทบด้านลบต่อสภาวะแวดล้อมทางน้ำ รวมถึงการฟอกขาวของปะการัง Ferulic acid ซึ่งเป็นส่วนผสมของสารพันแดดจากธรรมชาติจากข้าว จะช่วยดูดซับรังสียูวีในช่วงสเปกตรัมที่ใกล้เคียงกันกับ octyl methoxycinnamate (OMC) คุณลักษณะดังกล่าวเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแทน EHMC ท่ามกลางความกังวลทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ศักยภาพของ ferulic acid เนื่องจากเป็นส่วนผสมของครีมกันแดดที่เป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพดี มีแนวโน้มที่จะได้รับการยอมรับเพิ่มขึ้น มีศักยภาพที่สำคัญเมื่อนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลากหลายประเภทของญี่ปุ่น

การพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ดูแลรังสียูวีที่มีความเสถียรสูง โดยมีส่วนประกอบ Ferulic Acid ที่มีความเข้มข้นสูง

การได้รับการยอมรับด้านคุณสมบัติดูดซับรังสียูวี สำหรับ ferulic acid ที่เป็นส่วนผสมจากพืชธรรมชาติ ทำให้มีการนำเสนอความท้าทายในด้านความสามารถในการละลาย และความคงตัวที่ความเข้มข้นสูงสำหรับสูตรครีมกันแดด เพื่อเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้  Matsumoto Trading จึงทุ่มเทในการวิจัยและการพัฒนา โดยบุกเบิกเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ โดยใช้ ferulic acid ที่มีความเข้มข้นสูงในสูตรที่เป็นแท่งสติ๊ก สูตรใหม่นี้ได้รับการพัฒนาให้มี SPF50+ และ PA++ (in vitro) โดยมีเพียงส่วนผสมของ ferulic acid ซึ่งเป็นสารดูดซับรังสียูวีธรรมชาติที่สกัดได้จากรำข้าวเท่านั้น สูตรเฉพาะนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ส่วนผสมป้องกันรังสียูวีอื่นๆ ที่มีการใช้กันโดยทั่วไป ในขณะที่ยังสามารถคงประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดในระดับสูง และอยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตร

เกี่ยวกับ Tsuno Rice Fine Chemicals Co., Ltd.

Tsuno Rice Fine Chemicals ผลิตส่วนผสมต่างๆ จากผลพลอยได้ที่เกิดขึ้นในกระบวนการกลั่นน้ำมันรำข้าว และสามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเพื่อสุขภาพ วัตถุเจือปนอาหาร อาหารสัตว์ และสารเคมีทางอุตสาหกรรม นอกจากนี้ เรายังมีส่วนร่วมในการผลิตเครื่องสำอางภายใต้แบรนด์ของเราเองโดยใช้ส่วนผสมเหล่านี้ด้วยเช่นกัน

โปรไฟล์ธุรกิจของ Tsuno Group Co., Ltd.

เรามีการส่งเสริมการใช้รำข้าวขั้นสูงและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสุขภาพและความงามที่ได้รับความนิยมตั้งแต่สมัยโบราณ เรากำลังพัฒนาธุรกิจสามประเภท ได้แก่ ธุรกิจการผลิตน้ำมันรำข้าว ธุรกิจเคมีภัณฑ์ละเอียด และธุรกิจเคมีภัณฑ์ Oleo

ก่อตั้งเมื่อ: วันที่ 1 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 1947
กรรมการฝ่ายตัวแทนและประธานของ Fumi Tsuno
URL : https://www.tsuno.co.jp/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Fine Chemical dept
Tsuno Group Co., Ltd.
Mayu Aizawa
+81-739-22-8000
boeki@tsuno.co.jp

แหล่งข้อมูล: TSUNO GROUP CO., LTD.

AIT Worldwide Logistics วางแผนเพิ่มขอบข่ายการให้บริการด้วยการควบรวมกับ Lubbers Logistics Group

Logo

การดีลเชิงกลยุทธ์จะทำให้ AIT อยู่ในบทบาทผู้เล่นสำคัญของการขนส่งทางบกและเซกเมนต์พลังงาน

ITASCA Ill–(BUSINESS WIRE)–20 พฤศจิกายน 2023

AIT Worldwide Logistics ผู้นำที่ให้บริการโซลูชันซัพพลายเชนระดับโลกได้เข้าร่วมในข้อตกลงซื้อกิจการ Lubbers Logistics Group ซึ่งเป็นบริษัทโลจิสติกส์สัญชาติยุโรปที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษด้านบริการขนส่งมูลค่าสูง ซับซ้อน และเน้นเรื่องเวลา การซื้อขายนี้จะนับเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับ AIT ที่จะขยายขอบข่ายระดับโลกต่อไป รวมถึงยกระดับข้อเสนอต่าง ๆ ของการขนส่งทางบก ตัวแทนบริการขนส่งสินค้าต่างประเทศ และบริการโลจิสติกส์ขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในเซกเมนต์พลังงาน

Once the acquisition of Lubbers is finalized, more than 350 new teammates in 18 offices will join AIT's European network. (Graphic: Business Wire)

เมื่อการควบรวม Lubbers เสร็จสิ้น เพื่อนร่วมทีมใหม่กว่า 350 คน จาก 18 สำนักงาน จะมาเข้าร่วมอยู่ในเครือข่ายยุโรปของ AIT (Graphic: Business Wire)

ตลอดศตวรรษที่ผ่านมา Lubbers ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในชโคเนอะเบก เนเธอร์แลนด์ ได้สถาปนาตัวเองเป็นผู้ให้บริการชั้นนำของโซลูชันการขนส่งระดับสูงสุดสำหรับเซกเมนต์มูลค่าสูง มีความเชี่ยวชาญพิเศษในการขนส่งทางบก สินค้าขนาดใหญ่ และบริการตัวแทนขนส่งสินค้าต่างประเทศ บริษัทมีพนักงาน 377 คน ทำงานทั่วฮับขนส่งทางบกทั้งเก้าฮับ และฮับส่งสินค้าอีกเก้าแห่ง Lubbers ประกาศได้ว่ามีเครื่องข่ายขยายของแหล่งอำนวยความสะดวกที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ทั่วทั้งยุโรป

“วิธีการแบบวันสตอปชอปที่มั่นคงของ Lubbers และความสัมพันธ์อันยาวนานกับลูกค้าชั้นนำของอุตสาหกรรมทำให้บริษัทนี้เหมาะสำหรับ AIT” Greg Weigel เจ้าหน้าที่หัวหน้าฝ่ายบริหารของ AIT กล่าว “เราเห็นศักยภาพสำคัญของเครือข่ายที่กว้างขวาง โดยเราจะทำให้การดำเนินงานด้านตัวแทนบริการขนส่งสินค้าต่างประเทศและความเชี่ยวชาญในเซกเตอร์พลังงานเติบโตขึ้น เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าระดับโลกของ AIT เรายังรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พัฒนาโซลูชันจากต้นจนจบด้วยบริการมิดเดิลไมล์ในยุโรป ให้คู่กันไปกับ U.S. Middle Mile Network ที่เราเพิ่งเริ่มไปเมื่อไม่นานนี้”

เครือข่ายของ Lubbers จะเพิ่มสำนักงานใหม่ 18 แห่ง ให้เครือข่ายที่มีอยู่แล้วทั่วโลกของ AIT มากกว่า 125 แห่ง ขณะเดียวกันก็ขยายเขตสัญญาณบริการไปยังสี่ประเทศใหม่ได้แก่ เดสมาร์ก นอร์เวย์ โรมาเนีย และตุรกี Lubbers ยังมีแหล่งอำนวยความสะดวกในเยอรมนี อิตาลี และ สหราชอาณาจักร

“การรวมพลังกันกับ AIT Worldwide Logistics เป็นการเดินกลยุทธ์ที่จะช่วยให้เราสามารถมอบบริการสุดพิเศษให้ลูกค้าเราได้ต่อไป ขณะเดียวกันก็ขยายขอบข่ายของเราในระดับโลก” Gary Roche ซีอีโอของ Lubbers กล่าว “ประวัติผลงานที่แข็งแรงของ AIT และการอุทิศต่อบริการลูกค้านั้นสอดคล้องกับคุณค่าของเรา และเราก็มองหาอนาคตอันสดใสไปด้วยกัน”

 “เรากำลังเตรียมที่จะต้อนรับ Lubbers ให้มาเข้าร่วมเครือข่าย AIT” Vaughn Moore ประธานและซีอีโอของ AIT กล่าว “ดีลนี้จะยกระดับบทบาทของเราในยุโรปและทำให้เราเป็นที่รู้จักยิ่งขึ้นในเซกเตอร์พลังงาน ช่วยให้เราบริการลูกค้าปัจจุบันไปพร้อมกับสร้างโอกาสใหม่ ๆ วิธีการที่ให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางธุรกิจของ Lubbers รวมถึงชื่อเสียงด้านคุณภาพอันยอดเยี่ยมสอดคล้องกับวัฒนธรรม AIT อย่างสมบูรณ์แบบ”

การควบรวม Lubbers ของ AIT คาดว่าจะได้ข้อสรุปตอนสิ้นปี 2023 และต่อไปจะต้องขอการอนุมัติตามกฏข้อบังคับตามธรรมเนียม ยังไม่มีการเปิดเผยข้อตกลงในตอนนี้

Kirkland & Ellis LLP และ NautaDutilh N.V. ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้ AIT ทั้งคู่เกี่ยวกับเรื่องการควบรวม Nielen Schuman B.V. กำลังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านการเงินให้ Lubbers ส่วน Loyens & Loeff N.V. กำลังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้ Lubbers

เกี่ยวกับ AIT Worldwide Logistics

AIT Worldwide Logistics เป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าระดับที่ช่วยบริษัทเติบโตด้วยการขยายการเข้าถึงตลาดทั่วโลก ที่พวกเขาสามารถขายและ/หรือ จัดซื้อวัตถุดิบ ส่วนประกอบ และสินค้าสำเร็จรูปได้ เป็นเวลากว่า 40 ปี ที่ผู้นำโซลูชันซัพพลายเชนที่ตั้งอยู่ในชิคาโกนี้ได้พึ่งพิงวิธีการที่มีการให้คำปรึกษาในการสร้างเครือข่ายทั่วโลกและความเป็นพาร์ตเนอร์ที่เชื่อใจได้ในเกือบทุกอุตสาหกรรม ประกอบด้วย ยานบิน ยานยนต์ การค้าปลีกให้ลูกค้า อาหาร รัฐบาล การดูแลสุขภาพ เทคโนโลยีขั้นสูง วิทยาศาสตร์อุตสาหกรรมและชีวิต ที่ได้รับการสนับสนุนจากเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้และปรับสเกลได้ โมเดลธุรกิจอันยืดหยุ่นของ AIT ช่วยปรับแต่งการขนส่งตั้งแต่ต้นจนถึงประตูบ้านผ่านทะเล อากาศ ทางบก และราง — ตามเวลาและตามงบ ด้วยเพื่อนร่วมทีมผู้เชี่ยวชาญที่ประจำอยู่ทั่วโลกทั้งใน เอเชีย, ยุโรป และอเมริกาเหนือ ตัวเลือกบริการแบบครบของ AIT ยังมีเรื่องการจัดการเรื่องศุลกากร คลังสินค้า และบริการนำเสนอสินค้าถึงบ้านลูกค้าโดยตรง ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.aitworldwide.com

ภารกิจของเรา

ที่ AIT เรามองหาโอกาสอย่างแข็งขันที่จะซื้อความเชื่อใจลูกค้าด้วยการมอบโซลูชันโลจิสติกส์ทั่วโลกสุดพิเศษ รวมถึงให้คุณค่าเพื่อนร่วมงาน พันธมิตร และชุมชนของเราด้วย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53859335/en

ติดต่อ

Matt Sanders
ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์
+1 (630) 766-8300
msanders@aitworldwide.com

แหล่งที่มา: AIT Worldwide Logistics

PHC Corporation ประกาศว่า บริษัทในเครืออุปกรณ์วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพฐานที่ตั้งประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีการก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมโดย PHC Group มีการเปิดดำเนินการเต็มรูปแบบแล้ว

Logo

— PT PHC Sales Indonesia จะสนับสนุนการขยายธุรกิจของอุปกรณ์วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพ PHCbi ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ —

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2023

แผนกชีวการแพทย์ของ PHC Corporation (สำนักงานใหญ่: Minato-ku, Tokyo, President: Nobuaki Nakamura ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า แผนกชีวการแพทย์) ผู้ให้บริการด้านผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ PHCbi รวมถึงตู้แช่แข็งอุณหภูมิต่ำพิเศษและตู้อบ CO2 มีการประกาศว่า บริษัทในเครือแห่งใหม่ในอินโดนีเซียที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมเพื่อจำหน่ายและให้บริการอุปกรณ์ รวมถึงสาขาวิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพมีการเปิดดำเนินการธุรกิจแล้วในวันนี้ หลังจากผ่านข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องต่างๆ เช่น ได้รับใบอนุญาตจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ บริษัท PT PHC Sales Indonesia (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า PHCSI) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ SciMed (Asia) Pte Ltd (สำนักงานใหญ่: สิงคโปร์ ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า SciMed) โดย PHC Holdings Corporation เป็นเจ้าของทั้งหมด (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า PHCHD) จะเสริมสร้างรากฐานและส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจวิทยาศาสตร์เชิงขีวภาพของแผนกชีวการแพทย์ในประเทศอินโดนีเซีย

ตลาดอุปกรณ์วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ซึ่งสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นด้านการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาสำหรับชีวเภสัชภัณฑ์และการเติบโตของสถาบันทางการแพทย์ใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินโดนีเซีย ซึ่งระบบประกันสุขภาพแห่งชาติรองรับประชากรมากเป็นอันดับสี่ของโลก ซึ่งนับเป็นจำนวน 279 ล้าน *1 คนโดยประมาณ และมีการคาดการณ์การเติบโตของตลาดที่สูงในอนาคต เนื่องจากเกิดโรคที่เกี่ยวกับวิถีการใช้ชีวิตที่เพิ่มขึ้น เช่น โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง รวมถึงความต้องการของผู้บริโภคด้านการบริการทางแพทย์ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

แผนกชีวการแพทย์ ภายใต้การนำของ SciMed ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ PHCHD ในประเทศสิงคโปร์ มีการเปิดดำเนินการเพื่อจำหน่ายและบริการสำรหับอุปกรณ์วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย และโอเชียเนีย PT PHC Indonesia (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า PHCI) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตในเครือของ PHCHD ก็มีการดำเนินการในภูมิภาคนี้เป็นฐานการผลิตรองจากญี่ปุ่น เพื่อตอบสนองความต้องผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงทั่วโลก เช่น ตู้แช่แข็งชีวการแพทย์ และตู้อบ CO2 เป็นต้น

การจัดตั้ง PHCSI นี้จะช่วยให้แผนกชีวการแพทย์สามารถสร้างแพลตฟอร์มสำหรับการจำหน่ายและบริการในอินโดนีเซีย เข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ ที่มีความเป็นไปได้ และขยายเครือข่ายผู้จัดจำหร่าย ในขณะเดียวกัน ก็เสริมสร้างความแข็งแกร่งในการบริการลูกค้าด้วยเช่นกัน ด้วยการติดตามตลาดนี้อย่างใกล้ชิด แผนกชีวการแพทย์นี้จึงมีจุดยืนที่ดียิ่งขึ้นในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า พัฒนาโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจในอินโดนีเซีย และเสริงการเติบโตของธุรกิจโดยใช้ความสามารถในการผลิตที่สูงเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง

Nobuaki Nakamura ประธานกรรมการฝ่ายตัวแทนจำหน่ายของ PHC Corporation และผู้อำนวยการแผนกชีวการแพทย์ กล่าวว่า “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทใหม่ของเราในอินโดนีเซียได้เปิดดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบแล้วในวันนี้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับรากฐานธุรกิจด้านชีววิทยาศาสตร์ของแผนกชีวการแพทย์ของในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเสริมศักยภาพในการเติบโตของตลาดที่สูง เรามุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการจัดตั้งบริษัทเพื่อจัดจำหน่ายแห่งใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวธุรกิจในอินโดนีเซีย ภายหลังจากการเข้าซื้อกิจการ SciMed*2 โดยเป็นเจ้าของ 100% เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้ และในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า PHCSI พร้อมด้วย SciMed จะมีจุดยืนที่มั่นคงเพื่อเป็นที่ตั้งการดำเนินการแห่งสำคัญในเอเชียสำหรับ PHC Group และจะขยายธุรกิจที่มีอยู่ในอินโดนีเซียเป็นการต่อไป และส่งเสริมการรักษาพยาบาลขั้นสูงอย่างเต็มรูปแบบ เช่น การบำบัดด้วยเซลล์และยีน และด้วยการทำงานข้ามธุรกิจร่วมกันกับ PHC Group เรามุ่งมั่นที่จะมีส่วนช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง และส่งเสริมศักยภาพของนักวิจัยเพื่อการพัฒนาวิธีการรักษาขั้นสูง และเพื่อเสริมสร้างการดูแลสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต”

ภาพรวมของ PT PHC Sales Indonesia
ชื่อบริษัท: PT PHC Sales Indonesia
ประเภทธุรกิจ: จัดจำหน่ายและบริการสนับสนุนด้านอุปกรณ์ รวมถึงสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ
ก่อตั้งขึ้นเมื่อ: วันที่ 3 เดือนมีนาคม ปี 2023
ที่อยู่: จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย
ตัวแทนจำหน่าย: Sachihiko Kataoka
เงินทุน: 10 พันล้าน IDR (ประมาณ 95 ล้าน JPY) *3

(*1) องค์กรการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น www.jetro.go.jp/world/asia/idn/
(*2) www.phchd.com/global/news/2023/0615
(*3) คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 1IDR = 0.0095JPY

เกี่ยวกับแผนกชีวการแพทย์ของ PHC Corporation

PHC Corporation ก่อตั้งขึ้นในปี 1969 โดยเป็นบริษัทในเครือที่ญี่ปุ่นของ PHC Holdings Corporation (โตเกียว: 6523) เป็นบริษัทด้านการดูแลสุขภาพระดับโลกซึ่งมีการพัฒนา ผลิต จำหน่าย และให้บริการโซลูชันต่างๆ ทั้งการจัดการโรคเบาหวาน โซลูชันการดูแลสุขภาพ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ และการวินิจฉัยโรค แผนกชีวการแพทย์สนับสนันอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวภาพเพื่อช่วยเหลือนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยในกว่า 110 ประเทศและภูมิภาคโดยใช้อุปกรณ์และบริการในห้องปฎิบัติการ รวมถึงตู้อบ CO2 ภายใต้แบรนด์ของ PHCbi และตู้แช่แข็งอุณภูมิต่ำพิเศษ
www.phchd.com/apac/biomedical

เกี่ยวกับ PHC Holdings Corporation

PHC Holdings Corporation (โตเกียว: 6523) เป็นบริษัทด้านการดูแลสุขภาพระดับโลกที่มีพันธกิจในการมีส่วนร่วมเพื่อสุขภาพของสังคมผ่านโซลูชันด้านการดูแลสุขภาพที่ส่งผลเชิงบวกและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้คน บริษัทในเครือ ได้แก่ PHC Corporation, Ascensia Diabetes Care Holdings AG, Epredia Holdings Ltd., LSI Medience Corporation, Wemex Corporation และ Mediford Corporation บริษัทนี้เหล่านี้ร่วมกันพัฒนา ผลิต จำหน่าย และให้บริการโซลูชันด้านการบริการเกี่ยวกับการจัดการโรคเบาหวาน โซลูชันด้านการดูแลสุขภาพ การวินิจฉัยโรค และวิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพ โดยมียอดขายสุทธิรวมใน FY2022 อยู่ที่ประมาณ JPY 356.4 พันล้าน โดยมีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการทั่วโลกในกว่า 125 ประเทศและภูมิภาค PHC Group เป็นคำเรียกรวมที่อ้างอิงถึง PHC Holdings Corporation และบริษัทในเครือทั้งหมด
www.phchd.com

เกี่ยวกับ SciMed (Asia) Pte Ltd

SciMed (Asia) Pte Ltd มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ เป็นบริษัทผู้ให้บริการชั้นนำในผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับชีวการแพทย์ วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพ การดูแลสุขภาพ การค้นคว้าด้านยา เภสัชกรรม ห้องปฏิบัติการ การทดสอบทางอุตสาหกรรม และตลาดการเกษตร SciMed กลายเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทในเครือ PHC Holdings Corporation อย่างเต็มรูปแบบในปี 2023 โดยมีการพัฒนาการจำหน่ายและการตลาดในธุรกิจวิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชีย และโอเชียเนีย
https://scimed.com.sg/about-scimed/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Hiroko Arai
Investor Relations & Corporate Communications Department
PHC Holdings Corporation
+81-3-6778-5311
อีเมลphc-pr@gg.phchd.com
Masayo Okada
Marketing Department, Biomedical Division
PHC Corporation
+81-80-4816-3259

อีเมลmasayo.okada@phchd.com

แหล่งข้อมูล: PHC Corporation