Tag Archives: corporation

MidOcean Energy ของ EIG ประกาศการลงทุนเชิงกลยุทธ์จาก Mitsubishi Corporation

Logo

Anchor Investment ตอกย้ำความสำเร็จของกลยุทธ์การเติบโตของ MidOcean

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–02 เมษายน 2024

MidOcean Energy (“MidOcean”) เป็นบริษัทก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ระดับโลกที่ก่อตั้งและบริหารจัดการโดย EIG ซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ได้ประกาศการลงทุนเชิงกลยุทธ์โดย Mitsubishi Corporation (“Mitsubishi Corp”) ในวันนี้ การลงทุนของ Mitsubishi Corp จะช่วยเร่งกลยุทธ์ของ MidOcean เพื่อสร้างบริษัท LNG บูรณาการระดับโลกที่มี ‘pure play’ คุณภาพสูง อีกทั้งมีความหลากหลาย

Mitsubishi Corp มีบทบาทอย่างแข็งขันในภาคส่วน LNG มานานกว่า 50 ปี โดยมีการลงทุนครอบคลุมถึง 12 โครงการใน 8 ประเทศ ความร่วมมือครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นของทั้งสองบริษัทที่มีต่อ LNG และบทบาทของบริษัทในฐานะผู้ขับเคลื่อนที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน Mitsubishi Corp มีเป้าหมายที่จะพัฒนาธุรกิจเพื่อบรรลุสังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ขณะเดียวกันก็ตอบสนองความรับผิดชอบในฐานะซัพพลายเออร์พลังงานที่มั่นคง และตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าอีกด้วย

การลงทุนครั้งนี้ทำให้ฐานนักลงทุนระดับบลูชิพของ MidOcean ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และต่อยอดจากแรงผลักดันที่สำคัญของ MidOcean นับตั้งแต่เปิดตัวในช่วงปลายปี 2022 เมื่อไม่นานมานี้ MidOcean ได้ประกาศปิดการเข้าซื้อหลักทรัพย์โครงการ LNG ของออสเตรเลียจาก Tokyo Gas

De la Rey Venter ซีอีโอของ MidOcean Energy กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ Mitsubishi Corp จะเข้าร่วมในฐานะนักลงทุนหลักใน MidOcean Energy ซึ่ง Mitsubishi Corp เป็นผู้บุกเบิกอุตสาหกรรม LNG ระดับโลก และได้แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญและการมองการณ์ไกลในการระบุโอกาสอันมีค่าอย่างต่อเนื่อง การลงทุนของพวกเขาเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงพื้นฐานที่แข็งแกร่งของตลาด LNG และกลยุทธ์ของ MidOcean ในการสร้างแพลตฟอร์มการเติบโตในระยะยาวที่สามารถแข่งขันได้สำหรับนักลงทุน”

R. Blair Thomas ประธานและซีอีโอของ EIG กล่าวว่า “การต้อนรับบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอย่าง Mitsubishi Corp ในฐานะนักลงทุนหลักและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ ช่วยเร่งความก้าวหน้าของ MidOcean ในการสร้างบริษัท LNG ระดับโลกขนาดใหญ่และบริสุทธิ์ ความต้องการในการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานของโลกมีส่วนทำให้ความต้องการ LNG ทั่วโลกเติบโตอย่างรวดเร็ว และเราหวังว่าจะได้ดำเนินการต่อไปตามโอกาสที่น่าสนใจและสำคัญนี้ร่วมไปกับนักลงทุนและพันธมิตรของเรา”

เกี่ยวกับ EIG
EIG คือนักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก โดยมีมูลค่าภายใต้การบริหาร $22.9 พันล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2023 โดย EIG เชี่ยวชาญในการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานในระดับโลก ในช่วงประวัติศาสตร์ 41 ปี EIG ได้ทุ่มเงินกว่า $47.1 พันล้านดอลลาร์ให้กับภาคพลังงานผ่านโครงการหรือบริษัทมากกว่า 405 แห่งใน 42 ประเทศใน 6 ทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยสำนักแผนบำนาญ บริษัทประกันภัย กองทุนการกุศล มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งชั้นนำหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยมีสำนักงานอยู่ในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ รีโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล

เกี่ยวกับ MidOcean Energy
MidOcean Energy ซึ่งเป็นบริษัท LNG ที่ก่อตั้งและบริหารจัดการโดย EIG มุ่งมั่นที่จะสร้างหลักทรัพย์ LNG ระดับโลกที่มีความหลากหลาย มีความยืดหยุ่น มีต้นทุนและคาร์บอนที่แข่งขันได้ โดยสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของ EIG ที่มีต่อ LNG ในฐานะตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงพลังงาน และความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของ LNG ในฐานะทรัพยากรพลังงานเชิงกลยุทธ์เชิงภูมิรัฐศาสตร์ MidOcean Energy นำโดย De la Rey Venter ผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมมา 26 ปี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารอาวุโสหลายตำแหน่ง ซึ่งรวมถึง Global Head of LNG ของ Shell Plc

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com หรือเว็บไซต์ของ MidOcean Energy ที่ www.midoceanenergy.com

เกี่ยวกับ Mitsubishi Corporation
Mitsubishi Corp ดำเนินธุรกิจที่หลากหลายครอบคลุมหลายอุตสาหกรรมและดูแลโดยกลุ่มธุรกิจเฉพาะอุตสาหกรรม 8 กลุ่ม ได้แก่ พลังงานสิ่งแวดล้อม โซลูชันวัสดุ ทรัพยากรแร่ การพัฒนาเมืองและโครงสร้างพื้นฐาน การเคลื่อนย้าย อุตสาหกรรมอาหาร การสร้างชีวิตอัจฉริยะ (Smart-Life) และโซลูชันพลังงาน

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัท Mitsubishi Corporation ได้ที่ www.mitsubishicorp.com/jp/en/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@fgsglobal.com

แหล่งที่มา: EIG

Mitsubishi Corporation Life Sciences ตีพิมพ์ผลการศึกษาใหม่เกี่ยวกับผลของการกินซิสเทอีนเปปไทด์ที่มีกลูตาไธโอนต่อความกระจ่างใสของผิว

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–12 มีนาคม 2024

Mitsubishi Corporation Life Sciences Limited (สำนักงานใหญ่: เขตชิโยดะ โตเกียว ญี่ปุ่น คิชิโมโตะ โคจิ กรรมการตัวแทนและประธาน) ได้ทำการศึกษาทางคลินิก เรื่องความกระจ่างใสของผิวในซิสเทอีนเปปไทด์และตีพิมพ์ใน Cosmetics 2023, 10, 72 ในการศึกษานี้ บริษัท มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น ไลฟ์ ไซเอนซ์ ให้คำจำกัดความของกลูตาไธโอน (GSH), ซิสเทนิลไกลซีน (Cys-Gly) และกลูตามิลซิสเทอีน (-Glu-Cys) เป็นเปปไทด์ซิสเทอีน และทำการศึกษาแบบสุ่ม ปกปิดทั้งสองด้านด้วยยาหลอกเพื่อตรวจสอบผลกระทบของซิสเทอีนเปปไทด์ที่รับประทานทางปากในความกระจ่างใสของผิวมนุษย์

การศึกษาแสดงให้เห็นว่ากลุ่มที่รับประทานซีสเตอีนเปปไทด์ขนาด 45 มก. เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าแขนขาวขึ้นโดยขึ้นอยู่กับเวลา และสังเกตเห็นความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอกในสัปดาห์ที่ 12

รายละเอียดการวิจัย

การศึกษานี้ได้รับการออกแบบให้เป็นการศึกษาเปรียบเทียบแบบสุ่ม ปกปิดสองด้าน ควบคุมด้วยยาหลอก กลุ่มคู่ขนานกับชายและหญิงที่มีสุขภาพดี อายุระหว่าง 20 ถึง 65 ปี ผู้เข้าร่วมที่มีสิทธิ์ได้รับการสุ่มแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม (ซิสเทอีนเปปไทด์ 45 มก.: n = 16, 90 มก.: n = 15 และยาหลอก: n = 16) ผู้เข้ารับการทดลองแต่ละคนรับประทานยาหกเม็ดทุกวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์ และวัดความสว่างของผิวหนัง (ค่า L) โดยใช้เครื่องสเปกโตรโฟโตมิเตอร์แบบพกพา CM-26d (Konica Minolta โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น) ที่การตรวจคัดกรอง 0 สัปดาห์ 4 สัปดาห์ 8 สัปดาห์ และ 12 สัปดาห์

ผลลัพธ์

ทุกกลุ่มแสดงให้เห็นความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในความกระจ่างใสของแขนที่ 12 สัปดาห์ เทียบกับ 0 สัปดาห์ นอกจากนี้ ค่า ΔL ยังสว่างกว่าอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่ม 45 มก. เมื่อเทียบกับยาหลอก (p = 0.028) ที่ 12 สัปดาห์ ค่า ΔL 90 มก. สูงกว่ากลุ่มยาหลอกที่ 12 สัปดาห์

Mitsubishi Corporation Life Sciences Limited มีบริษัทในเครือของ KOHJIN Life Sciences ซึ่งเป็นผู้ผลิตกลูตาไธโอนที่ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น KOHJIN Life Sciences มีประวัติการผลิตยาวนานกว่า 70 ปี และยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างมูลค่าใหม่โดยการรวมเทคโนโลยีการหมักขั้นสูงของบริษัทต่าง ๆ ของ Mitsubishi Corporation Life Sciences Group และผ่านการวิจัยและพัฒนาในด้านเทคโนโลยีชีวภาพ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53905938/en

ติดต่อ

หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับข่าวนี้ โปรดติดต่อ:
kentaro.hamasaki@mcls-ltd.com
Mitsubishi Corporation Life Sciences Limited
Tokyo Takarazuka Bldg 14F,
1-1-3 Yurakucho, Chiyoda-ku,
Tokyo 100-0006 Japan

ที่มา: Mitsubishi Corporation Life Sciences Limited

King Power Corporation ขับเคลื่อนการลดต้นทุนการดำเนินงานและปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าด้วย 8×8

Logo

ผู้ค้าปลีกปลอดภาษีปรับมาใช้ 8×8 SMS API เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอีคอมเมิร์ซและลดต้นทุนการดำเนินงานลง 30%

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–6 มีนาคม 2024

8×8, Inc. (NASDAQ: EGHT), ซึ่งเป็นศูนย์ติดต่อบนคลาวด์ครบวงจรชั้นนำ การสื่อสารแบบครบวงจร และผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการสื่อสารในฐานะบริการ (CPaaS) ได้ประกาศในวันนี้ว่า  ได้นำโซลูชั่น SMS API ของ 8×8 มาบูรณาการเข้ากับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า ในขณะเดียวกันก็ลดต้นทุนการดำเนินงานลง 30% ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กลุ่มบริษัทKing Power Corporation เป็นหนึ่งในผู้ค้าปลีกปลอดภาษีรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ค้นหาพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอีคอมเมิร์ซด้วยการยกระดับประสบการณ์การสื่อสารกับลูกค้าและพนักงาน นอกจากนี้ บริษัทยังต้องการโซลูชันการสื่อสารที่รองรับการปรับขนาดได้และมีความคุ้มค่า King Power Corporation ได้เลือก 8×8 SMS API ซึ่งช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพทุกที่ทุกเวลาด้วยการแจ้งเตือนอัตโนมัติ รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว การเตือนความจำ และการแจ้งเตือน

นับตั้งแต่ใช้ 8×8 SMS API กลุ่มบริษัท King Power Corporation พบว่ามีอัตราการส่ง SMS ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มบริษัท King Power Corporation ยังได้เพิ่มประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซด้วยการอำนวยความสะดวกในการประมวลผลคำสั่งซื้อ การตรวจสอบลูกค้า และการแจ้งเตือนทาง SMS ที่ตรงเวลาผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น

“ปัจจุบันกลุ่มบริษัท King Power Corporation ส่งข้อความ SMS ให้กับลูกค้ามากกว่า 850,000 รายต่อปี” คุณ Boonthavee Jarudomrongsak รองประธานฝ่าย Digital Delivery Management กลุ่มบริษัท King Power Corporation กล่าว “ด้วย 8×8 เราสามารถมอบประสบการณ์อีคอมเมิร์ซที่ยกระดับให้กับลูกค้าที่ตามที่พวกเขาต้องการและคาดหวังจากกลุ่มบริษํท King Power Corporation ทั้งบนเว็บไซต์และแอพของเรา”

“ลูกค้านั้นคาดหวังการบริการลูกค้าในระดับสูงเมื่อมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการที่เรามอบเครื่องมือสื่อสารที่จำเป็นให้กับบริษัทต่างๆ เพื่อตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าเหล่านี้จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก” คุณ Stephen Hamill ผู้จัดการทั่วไป CPaaS ของ 8×8, Inc. กล่าวว่า “ที่ 8×8 เรายังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชั่นการสื่อสารที่ทันสมัย ซึ่งช่วยให้ธุรกิจต่างๆ บรรลุวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และขับเคลื่อนความคิดริเริ่มในการประหยัดต้นทุนที่น่าประทับใจ อย่างที่ กลุ่มบริษัท King Power Corporation สามารถทำสำเร็จได้”

8×8 CPaaS ซึ่งรวมถึง SMS, messaging apps, voice, และ video interaction ทำหน้าที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการสื่อสารทางธุรกิจและประสบการณ์ของลูกค้าในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่พัฒนาอยู่ตลอดเวลา 8×8 CPaaS เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ติดต่อบนคลาวด์แบบบูรณาการของ 8×8 และแพลตฟอร์มการสื่อสารแบบครบวงจร ซึ่งรวมถึง contact center, business phone, team chat, video meetings และความสามารถด้าน SMS

เกี่ยวกับ 8×8 Inc.

8×8, Inc. (NASDAQ: EGHT) กำลังเปลี่ยนแปลงอนาคตของการสื่อสารทางธุรกิจในฐานะซอฟต์แวร์ชั้นนำเเละในฐานะผู้ให้บริการ 8×8 XCaaS™ (Experience Communications as a Service™) ซึ่งเป็นศูนย์ติดต่อแบบครบวงจร การสื่อสารด้วยเสียง วิดีโอ แชท และ โซลูชัน SMS ที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มการสื่อสารบนคลาวด์ระดับโลกแห่งเดียว 8×8 กำจัดไซโล (ไซโล) ทําไห้ยังคงบริการสื่อสารแบบครบวงจร (Unified Communications as a Service:UCaaS) และ Contact Center as a Service (CCaaS) สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพในการควบคุมด้านการสื่อสารของพนักงานทุกคนทั่วโลกในปัจจุบัน เพื่อเป็นการให้ประสบการณ์แก่ลูกค้าของเรา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม www.8×8.com หรือติดตาม 8×8 ได้ใน LinkedIn, X และ Facebook

8×8®, 8×8 XCaaS™, Experience Communications as a Service™, Experience Communications Platform™ เป็นเครื่องหมายการค้าของ 8×8, Inc.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ฝ่ายสื่อ:
PR@8×8.com

นักลงทุนสัมพันธ์:
Investor.relations@8×8.com

ที่มา: 8×8, Inc.

Nippon Steel Corporation (NSC) เตรียมซื้อกิจการของ U. S. Steel เพื่อผนึกกำลังร่วมสร้าง ‘ผู้ผลิตเหล็กที่ดีที่สุดที่มีความสามารถชั้นนำของโลก’

Logo

NSC เข้าซื้อกิจการของ U. S. Steel ในราคา 55.00 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นสำหรับธุรกรรมเงินสดทั้งหมด โดยคิดเป็น 40% พรีเมี่ยม สำหรับมูลค่าที่กำหนดและมีผลทันทีสำหรับผู้ถือหุ้นทั้งหมดของ U. S. Steel

เป็นการควบรวมสองบริษัทที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานเพื่อให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นเลิศ และมีส่วนช่วยในการพัฒนาสังคม

ผสมผสานเทคโนโลยีชั้นนำของโลก และความสามารถในการผลิตเพื่อให้สามารถบริการลูกค้าในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกได้ดียิ่งขึ้น

เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมเหล็กกล้าที่มีความหลากหลายและพร้อมในการแข่งขันในสหรัฐอเมริกา เพื่อเอื้อผลประโยชน์แก่ลูกค้าผ่านความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมด้านเหล็กกล้าระดับโลกสองราย

NSC ได้รับเกียรติเข้าร่วมข้อตกลงการเจรจาต่อรองร่วมกับ United Steelworkers Union ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ถือหุ้น

ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเหล็กกล้าทั่วไปไปสู่การลดคาร์บอนและโลกที่ยั่งยืน

U. S. Steel จะยังคงชื่อเสียงที่โดดเด่นและสำนักงานใหญ่ยังคงอยู่ที่ Pittsburgh, PA

การทำธุรกรรมจะเป็นไปตามกระบวนการทางเลือกเชิงกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งของ U. S. Steel

สร้างมูลค่าอย่างมีนัยสำคัญสำหรับผู้ถือหุ้นของทั้ง NSC และ U. S. Steel

จะมีการประชุมทางโทรศัพท์ร่วมกันในเวลา 8:00 น. โซนเวลา ET เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดของการทำธุรกรรม

TOKYO & PITTSBURGH–(BUSINESS WIRE)–22 ธันวาคม 2023

Nippon Steel Corporation (NSC) (TSE: 5401) ผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเหล็กกล้าชั้นนำของโลก และ United States Steel Corporation (NYSE: X) (“U. S. Steel”) ผู้ผลิตเหล็กกล้าชั้นนำที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันด้านแร่เหล็กต้นทุนต่ำ การผลิตเหล็กกล้าแบบโรงถลุงขนาดเล็ก และความสามารถในการตกแต่งเหล็กกล้าขั้นสุดท้ายที่หาที่เปรียบมิได้ ประกาศร่วมกันในวันนี้ว่า มีการตกลงขั้นสุดท้ายตามที่ NSC จะเข้าซื้อกิจการของ U. S. Steel ทั้งหมดโดยเป็นการทำธุรกรรมด้วยเงินสดที่ 55.00 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นมูลค่าหุ้นประมาณ 14.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ บวกกับภาระหนี้ รวมเป็นมูลค่ากิจการโดยรวม 14.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ราคาซื้อต่อหุ้นมีมูลค่าเท่ากับ 55.00 เหรียญสหรัฐ คิดเป็น 40% พรีเมี่ยมสำหรับราคาปิดของหุ้น U. S. Steel เมื่อวันที่ 15 เดือนธันวาคม ปี 2023 ธุรกรรมดังกล่าวได้รับการอนุมัติอย่างเป็นเอกฉันท์จากคณะกรรมการบริหารของทั้ง NSC และ U. S. Steel

การเข้าซื้อกิจการ U. S. Steel ของ NSC จะช่วยเสริมขีดความสามารถด้านการผลิตและเทคโนโลยีชั้นนำของโลก และช่วยให้สามารถขยายขอบเขตทางภูมิศาสตร์ที่ NSC สามารถให้บริการแก่ผู้ถือหุ้นทั้งหมดได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงลูกค้าและสังคมโดยรวม ธุรกรรมดังกล่าวจะเป็นการกระจายขอบเขตการดำเนินงานทั่วโลกของ NSC โดยการขยายการผลิตในปัจจุบันในสหรัฐอเมริกาอย่างมีนัยสำคัญ โดยขยายเพิ่มพื้นที่ทางภูมิศาสตร์หลักในญี่ปุ่น อาเซียน และอินเดีย ผลจากการเข้าซื้อกิจการ U. S. Steel ของ NSC จะส่งผลให้กำลังการผลิตเหล็กกล้าดิบโดยรวมต่อปีตามที่คาดการณ์ไว้ขึ้นสูงถึง 86 ล้านตัน – เอื้อให้สามารถเร่งความคืบหน้าไปสู่เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของ NSC เพื่อเพิ่มกำลังในการผลิตเหล็กกล้าดิบทั่วโลกให้ถึง 100 ล้านตันต่อปี

Eiji Hashimoto ประธาน NSC กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ธุรกรรมครั้งนี้เป็นการรวมตัวของสองบริษัทที่มีความสามารถในการผลิตและมีเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ซึ่งแสดงความมุ่งมั่นของเราเพื่อให้สามารถนำเสนอบริการแก่ลูกค้าได้ทั่วโลก รวมถึงความตั้งใจที่จะสร้างสังคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้มากยิ่งขึ้นโดยการลดคาร์บอนในการผลิตเหล็กกล้า NSC มีความชื่นชมใน U. S. Steel และเคารพในเทคโนโลยีชั้นนำมาตลอด รวมถึงประวัติศาสตร์อันยาวนาน และบุคลากรที่มีความสามารถสูง เราเชื่อมั่นว่า เราจะสามารถร่วมกันรับมือกับความท้าทายในการยกระดับแรงบันดาลใจของเราให้สูงยิ่งขึ้น ธุรกรรมนี้จะเสริมสร้างภาพลักษณ์ของเราในสหรัฐอเมริกา และเรามุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามสัญญาสหภาพแรงงานที่มีอยู่ทั้งหมดของ U. S. Steel เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะได้ดำเนินการร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับทีมงานของ U. S. Steel เพื่อนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดของทั้งสองบริษัทและก้าวไปข้างหน้าด้วยกันในฐานะ ‘ผู้ผลิตเหล็กกล้าที่ดีที่สุดที่มีความสามารถชั้นนำของโลก’

Takahiro Mori รองประธานบริหารของ NSC กล่าวว่า “เราเชื่อมั่นว่า ธุรกรรมครั้งนี้เป็นประโยชน์สูงสุดของทั้งสองบริษัท โดยเพิ่มมูลค่าหุ้นเพื่อผู้ถือหุ้นของ U. S. Steel และขณะเดียวกัน ก็เพิ่มโอกาสในการเติบโตในระยะยาวของ NSC เรามีงบดุลที่ดี และเรามั่นใจในความสามารถของเราที่จะปลดล็อกศักยภาพในการร่วมมือกันของ NSC และ U. S. Steel เพื่อเสริมสร้างความก้าวล้ำในการผลิตเหล็กกล้า สร้างมูลค่าในระยะยาวสำหรับผู้ถือหุ้นของทั้งสองบริษัท รวมถึงลูกค้า พนักงาน ซัพพลายเออร์ ชุมชน และผู้ถือหุ้น”

David B. Burritt ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของ U. S. Steel กล่าวว่า “NSC มีประวัติที่ดีซึ่งสามารถพิสูจน์ได้สำหรับการเข้าซื้อกิจการ การดำเนินงาน และการลงทุนในโรงงานถลุงเหล็กทั่วโลก และเรามีความมั่นใจ เช่นเดียวกับกลยุทธ์ของเราว่า การรวมตัวในครั้งนี้จะเป็นผลดีเยี่ยมสำหรับทั้งสองฝ่ายอย่างแท้จริง การทำธุรกรรมในครั้งนี้จะเป็นการทำให้เราสามารถตระหนักถึงมูลค่าอันมหาศาลของบริษัทในปัจจุบัน และเป็นผลมาจากกระบวนการทางเลือกเชิงกลยุทธ์ที่ครอบคลุมของคณะกรรมการบริหารของเรา สำหรับพนักงาน U. S. Steel ของเรา ซึ่งเราขอบคุณในการดำเนินงานกันมาตลอด การดำเนินธุรกรรมในครั้งนี้ เป็นการผสมผสานบริษัทผลิตเหล็กกล้าที่มีความคิดไปในทางเดียวกัน ทั้งการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยไม่เคยเปลี่ยน การมีเป้าหมายร่วมกัน ค่านิยม และกลยุทธ์ที่มีการสนับสนุนจากประวัติศาสตร์อันยาวนาน สำหรับลูกค้า U. S. Steel และ NSC ร่วมกันสร้างบริษัทผลิตเหล็กกล้าระดับโลกอย่างแท้จริง โดยการผสมผสานความสามารถและนวัตกรรมซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาของลูกค้าได้ การประกาศควบรวมกิจการในวันนี้ ยังเป็นการเอื้อประโยชน์แก่สหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน โดยรับประกันการแข่งขันในอุตสาหกรรมเหล็กกล้าภายในประเทศ ในขณะเดียวกัน ก็เป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในภาพลักษณ์ของเราทั่วโลก การมุ่งเน้นการลดคาร์บอนร่วมกันของเรานั้น คาดว่าจะสามารถเพิ่มความสามารถของเราที่จะจัดหาโซลูชันนวัตกรรมการผลิตเหล็กกล้าให้กับลูกค้า เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน”

ผลประโยชน์เชิงกลยุทธ์

  • ก้าวไปข้างหน้าด้วยกันในฐานะผู้ผลิตเหล็กกล้าที่ดีที่สุดที่มีความสามารถชั้นนำของโลกการทำธุรกรรมในครั้งนี้เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยทั้งจาก NSC และ U. S. Steel เพื่อพัฒนานวัตกรรมที่ล้ำสมัยและนำเสนอผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าคุณภาพสูง เช่น เหล็กกล้าสำหรับอุตสาหกรรมไฟฟ้า และเหล็กแผ่นสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์สำหรับลูกค้าทั่วโลก NSC และ U. S. Steel จะร่วมพัฒนาเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกและความสามารถด้านการผลิต เพื่อเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและการปรับแปลงด้านดิจิทัลในการผลิตเหล็กกล้า เพื่อประโยชน์แก่ลูกค้า U. S. Steel เป็นนักพัฒนานวัตกรรมที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ด้วยการดำเนินการ Big River Steel ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงถลุงเหล็กกล้าที่ยั่งยืนและทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกาเหนือ ในการดำเนินธุรกรรมร่วมกันนี้จะได้รับการขับเคลื่อนโดยการรวบรวมเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงและความรู้ความชำนาญจากทั้ง U. S. Steel และ NSC เข้าด้วยกัน รวมถึงการดำเนินงานอย่างคุ้มทุน มีการประหยัดพลังงาน และการรีไซเคิล เทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ของ NSC จะช่วยพัฒนาขีดความสามารถทางเทคนิคในกลุ่มผลิตภัณฑ์จากเหมืองแร่ การหลอม และการผลิตในสหรัฐอเมริกาของ U. S. Steel ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าในสหรัฐอเมริกาได้ดียิ่งขึ้น
  • เสริมสร้างความสามารถในการตอบสนองความต้องการเหล็กกล้าคุณภาพสูงที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก U. S. Steel เป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมเหล็กกล้าของสหรัฐอเมริกามาเป็นเวลาอันยาวนาน ในขณะที่ NSC ประสบความสำเร็จในการให้บริการแก่ลูกค้าในสหรัฐอเมริกามานานหลายทศวรรษเช่นกัน การร่วมมือกันกับ U. S. Steel จะช่วยเสริมให้ NSC มีความพร้อมยิ่งขึ้นในการรองรับความต้องการเหล็กกล้าคุณภาพสูงที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงเหล็กกล้าสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์และระบบไฟฟ้า รวมถึงนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นเลิศ นอกเหนือจากนี้ NSC ยังมีความมุ่งมั่นที่จะให้บริการลูกค้าในสหรัฐอเมริกา และนำเสนอผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าประสิทธิภาพสูงเพื่อตอบสนองความต้องการสำหรับการใช้งานทุกประเภท
  • ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเหล็กกล้าระดับโลกไปสู่การลดคาร์บอนและสร้างโลกที่ยั่งยืน NSC และ U. S. Steel มีความมุ่งมั่นเดียวกันที่จะลดคาร์บอนภายในปี 2050 และตระหนักว่า การแก้ไขปัญหาความท้าทายด้านความยั่งยืนเป็นเสาหลักพื้นฐานในการดำรงอยู่และการเติบโตของผู้ผลิตเหล็กกล้า ประเด็นสำคัญของความร่วมมือหลังการทำธุรกรรมนี้คือ การดำเนินการตามเป้าหมายนี้ต่อไปและขับเคลื่อนเทคโนโลยีทางเลือกในการลดคาร์บอน NSC มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยสามประการเพื่อมุ่งบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางของคาร์บอนภายในปี 2050 รวมถึงเทคโนโลยีการฉีดไฮโดรเจนเข้าในเตาถลุงเหล็กกล้า การผลิตเหล็กกล้าคุณภาพสูงในเตาอาร์คไฟฟ้าขนาดใหญ่ และการใช้ไฮโดรเจนในกระบวนการลดปริมาณเหล็กโดยตรง U. S. Steel มีการมุ่งเน้นการลดระดับคาร์บอนในทำนองเดียวกัน รวมถึงการใช้พลังงานให้น้อยลงอย่างต่อเนื่องในการดำเนินงานปัจจุบัน การบูรณาการความสามารถของเตาอาร์คไฟฟ้าเพื่อสนับสนุนการลดคาร์บอน และการสร้างโรงถลุงจขนาดเล็กที่ล้ำสมัยแห่งที่สองที่ Arkansas
  • เคารพข้อตกลงทั้งหมดระหว่าง U. S. Steel และ United Steelworkers Union: NSC มีประวัติที่ดีเยี่ยมด้านความปลอดภัยในที่ทำงานและการทำงานร่วมกันกับสหภาพแรงงาน จะมีการดำเนินกาตามข้อตกลงทั้งหมดของ U. S. Steel ที่มีต่อพนักงาน รวมถึงข้อตกลงการเจรจาต่อรองทั้งหมดกับสหภาพแรงงาน และ NSC มีความมุ่งมั่นที่จะรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้อย่างเหนียวแน่น
  • ความมุ่งมั่นที่จะรักษาความสัมพันธ์กับผู้ถือหุ้นอย่างเหนียวแน่น รวมทั้งความสัมพันธ์กับพนักงาน ลูกค้า ซัพพลายเออร์ และชุมชน การผสานรวมพนักงานมีความสำคัญต่อการดำเนินงานในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก ภายหลังการปิดข้อตกลงสำหรับการทำธุรกรรมนี้  U. S. Steel จะยังคงชื่ออันเป็นเอกลักษณ์ แบรนด์ และยังคงมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Pittsburgh, PA NSC มุ่งมั่นที่จะสานต่อความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับซัพพลายเออร์ ลูกค้า ชุมชนโดยรอบ และบุคลากรของ U. S. Steel ที่สนับสนุนการดำเนินงานของ U. S. Steel มาตลอด และมุ่งมั่นที่จะเป็นสมาชิกที่มีประสิทธิผลสำหรับชุมชนเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง
  • สร้างมูลค่าอย่างมีนัยสำคัญสำหรับผู้ถือหุ้นทั้งของ NSC และ U. S. Steel ธุรกรรมนี้จะช่วยเสริมสร้างการเติบโตของ NSC ในฐานะ ‘ผู้ผลิตเหล็กกล้าที่ดีที่สุดที่มีความสามารถชั้นนำของโลก’ ซึ่งพร้อมรองรับการเติบโตที่สูงขึ้น เสริมสร้างความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น และมูลค่าระยะยาวสำหรับผู้ถือหุ้นของ NSC ข้อเสนอเงินสดทั้งหมดนี้ยังสร้างมูลค่าที่สูงขึ้นและมีความเสถียรสำหรับผู้ถือหุ้นของ U. S. Steel ธุรกรรมนี้ถือเป็นผลลัพธ์ที่ประสบความสำเร็จเชิงกลยุทธ์ที่ครอบคลุมและเสถียรซึ่งดำเนินการโดย U. S. Steel และคณะกรรมการบริหาร โดยราคาซื้อ 55.00 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นคิดเป็นพรีเมียม 40% จากราคาปิดของหุ้น U. S. Steel ในวันที่ 15 เดือนธันวาคม ปี 2023

รายละเอียดการทำธุรกรรม

คาดการณ์ว่าจะสามารถปิดธุรกรรมนี้ได้ในช่วงไตรมาสที่สองหรือสามของปีปฎิทิน 2024 โดยขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของ U. S. Steel และได้รับการอนุมัติตามกฎระเบียบการกำกับดูแลและเงื่อนไขการปิดตามข้อกำหนดอื่นๆ ที่กำหนดไว้ NSC วางแผนที่จะสนับสนุนเงินทุนสำหรับการทำธุรกรรมโดยรายได้ส่วนใหญ่จะมาการกู้ยืมจากธนาคารญี่ปุ่นบางแห่ง และมีภาระผูกพันทางการเงินตามหลักประกันอยู่แล้ว การทำธุรกรรมนี้จะไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขทางการเงินใดๆ

ที่ปรึกษา

Citi ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับ NSC Ropes & Gray LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายสำหรับ NSC Barclays Capital Inc., Goldman Sachs & Co. LLC และ Evercore ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับ U. S. Steel Milbank LLP and Wachtell, Lipton, Rosen & Katz ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายสำหรับ U. S. Steel

การประชุมทางโทรศัพท์

NSC และ U. S. Steel จะมีการประชุมทางโทรศัพท์ร่วมกันเพื่อหารือเกี่ยวกับข้อเสนอการเข้าซื้อกิจการพร้อมนักวิเคราะห์และนักลงทุนในวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่ 18 เดือนธันวาคม ปี 2023 เวลา 8:00 น. โซนเวลา EST ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา (22:00 น. โซนเวลา JST ตามเวลาในญี่ปุ่น) สามารถเข้าฟังการประชุมที่จะมีการเผยแพร่ออกอากาศและเข้าดูการนำเสนอสไลด์ได้ในเว็บไซต์ของ U. S. Steel www.ussteel.com และคลิกที่ส่วน “นักลงทุน” และสามารถรับชมย้อนหลังหลังการประชุมได้ที่เว็บไซต์นักลงทุนสัมพันธ์ของ U. S. Steel ได้ที่: https://investors.ussteel.com/

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกรรมที่นำเสนอได้ที่ www.BestDealforAmericanSteel.com

เกี่ยวกับ NSC

NSC เป็นผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเหล็กกล้าชั้นในของโลก NSC มีกำลังการผลิตเหล็กกล้าดิบทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 66 ล้านตัน และมีพนักงานประมาณ 100,000 คนทั่วโลก ฐานการผลิตของ NSC อยู่ที่ญี่ปุ่น และบริษัทมีการดำเนินงานใน 15 ประเทศนอกเหนือจากในญี่ปุ่น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อินเดีย ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม บราซิล เม็กซิโก สวีเดน จีน และอื่นๆ NSC มีการก่อตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นในสหรัฐอเมริกาเมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว และมุ่งเน้นในการสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์อันดีกับพนักงาน สหภาพแรงงาน ซัพพลายเออร์ ลูกค้า และชุมชน ในฐานะ ‘ผู้ผลิตเหล็กกล้าที่ดีที่สุดที่มีความสามารถชั้นนำของโลก’ NSC แสวงหาเทคโนโลยีและความสามารถในการผลิตชั้นนำของโลก และมีส่วนช่วยเหลือสังคม โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นเลิศ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://www.nipponsteel.com

เกี่ยวกับ U. S. Steel

U. S. Steel เป็นผู้ผลิตเหล็กกล้าชั้นนำ มีการก่อตั้งขึ้นในปี 1901 ด้วยการมุ่งเน้นอย่างแน่วแน่ด้านความปลอดภัย จึงมีการพัฒนากลยุทธ์ Best for All® ซึ่งมุ่งเน้นลูกค้าของบริษัทเป็นสำคัญ โดยมุ่งเน้นอนาคตที่ปลอดภัยและยั่งยืนยิ่งขึ้นสำหรับ U. S. Steel และผู้ถือหุ้น ในการเน้นย้ำด้านนวัตกรรม U. S. Steel ให้บริการแก่อุตสาหกรรมยานยนต์ การก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า พลังงาน ภาชนะบรรจุ และบรรจุภัณฑ์ ด้วยผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง บริษัทยังมีการคงไว้ซึ่งการผลิตแร่เหล็กขั้นสูงและมีความสามารถในการผลิตเหล็กกล้าดิบต่อปีเป็นปริมาณ 22.4 ล้านตันสุทธิ U. S. Steel มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Pittsburgh, Pennsylvania และมีการดำเนินงานระดับโลกทั่วสหรัฐอเมริกาและในยุโรปกลาง สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: www.ussteel.com

ข้อมูลเพิ่มเติม และแหล่งข้อมูล

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เกี่ยวกับการทำธุรกรรมที่นำเสนอระหว่าง United States Steel Corporation (ซึ่งจะเรียกว่า บริษัท”) และ NSC ในการดำเนินธุรกรรมที่นำเสนอนี้ บริษัทจะยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (“SEC”) รวมถึงหนังสือมอบฉันทะของบริษัทตามตาราง 14A (ซึ่งเรียกว่า “หนังสือมอบฉันทะ”) ข้อมูลในหนังสือมอบฉันทะฉบับร่างนี้จะยังไม่สมบูรณ์และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ จะมีการนำส่งหนังสือมอบฉันทะฉบับสมบูรณ์ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท บริษัทยังอาจมีการยื่นเอกสารอื่นๆ ต่อ SEC ที่เกี่ยวเนื่องการทำธุรกรรมที่นำเสนอนี้ด้วยเช่นกัน ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ไม่ถือเป็นเอกสารทดแทนสำหรับหนังสือมอบฉันทะ หรือสำหรับเอกสารอื่นๆ ที่อาจมีการยื่นต่อ SEC ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมที่นำเสนอ จะมีการนำส่งธุรกรรมที่นำเสนอดังกล่าวไปยังผู้ถือหุ้นของบริษัทเพื่อพิจารณา ก่อนดำเนินการตัดสินใจลงคะแนนเสียงใดๆ ผู้ถือหุ้นของบริษัทควรอ่านเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่มีการยื่นหรือจะมีการยื่นต่อ SEC รวมถึงหนังสือมอบฉันทะ ตลอดจนการแก้ไขหรือเอกสารเพิ่มเติมใดๆ สำหรับเอกสารเหล่านี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน และหากหรือเมื่อใดที่มีผลบังคับใช้ เนื่องจากมีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับบริษัท, NSC, และการทำธุรกรรมที่นำเสนอ

ผู้ถือหุ้นของบริษัทจะสามารถขอรับสำเนาหนังสือมอบฉันทะฉบับร่างและหนังสือมอบฉันทะฉบับสมบูรณ์ได้ฟรี (ในแต่ละกรณี หากและเมื่อมีผลบังคับใช้) รวมถึงเอกสารอื่นๆ ที่มีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับบริษัท, NSC และการทำธุรกรรมที่นำเสนอ เมื่อมีการยื่นเอกสารดังกล่าวต่อ SEC โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ได้ที่เว็บไซต์ของ SEC (www.sec.gov) นอกจากนี้ ยังสามารถขอรับสำเนาหนังสือมอบฉันทะและเอกสารอื่นๆ ที่ทางบริษัทยื่นต่อ SEC ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยสามารถส่งคำขอไปยัง United States Steel Corporation, 600 Grant Street, Pittsburgh, Pennsylvania 15219 ติดต่อ: เลขานุการบริษัท หมายเลขโทรศัพท์ 412-433-1121 หรือได้ที่เว็บไซต์ของบริษัท www.ussteel.com

ผู้เข้าร่วมในการทำธุรกรรม

NSC, บริษัทและคณะกรรมการ, และเจ้าหน้าที่บริหารและพนักงานบางคน อาจเป็นผู้เข้าร่วมในการทำธุรกรรม โดยเป็นผู้รับมอบฉันทะจากผู้ถือหุ้นของบริษัท เพื่อดำเนินการธุรกรรมที่นำเสนอ ข้อมูลเกี่ยวข้องกับคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทที่อาจถือเป็นผู้เข้าร่วมในการทำธุรกรรมสำหรับผู้ถือหุ้นของบริษัทตามหลักเกณฑ์ของ SEC ที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกรรมที่นำเสนอ รวมถึงคำจำกัดความเกี่ยวกับผลประโยชน์โดยตรงหรือโดยอ้อม โดยการถือหลักทรัพย์ ซึ่งมีการระบุไว้ในหนังสือมอบฉันทะที่มีการยื่นต่อ SEC ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลเหล่านี้จะมีการระบุรวมไว้ในหนังสือมอบฉันทะประจำปีของแต่ละบริษัทและเอกสารอื่นๆ ที่มีการยื่นต่อ SEC และจะมีการรวมไว้ในหนังสือมอบฉันทะเมื่อยื่นต่อสำนักงาน สามารถขอรับสำเนาหนังสือมอบฉันทะและเอกสารอื่นๆ ตามที่กล่าวถึงในข้างต้นนี้ได้ฟรี

แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีข้อมูลที่เกี่ยวกับบริษัทและ NSC ซึ่งอาจมีการใช้เป็น “แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า” ตามคำนิยามที่กำหนดไว้ภายใต้กฎหมายปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์เอกชนปี 1995 และกฎหมายหลักทรัพย์อื่นๆ ที่อาจมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน เรากำหนดให้แถลงการณ์เชิงคาดการณ์นี้ครอบคลุมภายใต้ข้อกำหนดด้านความคุ้มครองสำหรับแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ในแต่ละส่วนดังกล่าว โดยทั่วไปแล้ว เรามีการระบุแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า โดยใช้คำว่า “เชื่อว่า” “คาดหวังว่า” “ตั้งใจ” “ประเมินการ” “มุ่งหมาย” “โครงการ” “เป้าหมาย” “คาดการณ์” “กำหนด” “ควร” “วางแผน” “จุดมุ่งหมาย” “อนาคต” “จะ” “อาจจะ” และข้อความที่คล้ายคลึงกัน หรือโดยการใช้วันที่ในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับการหารือใดๆ ที่แสดงถึงมุมมองทั่วไปเกี่ยวกับการดำเนินงานในอนาคตหรือผลทางการเงิน ผลการดำเนินงานหรือทางการเงิน แนวโน้ม เหตุการณ์หรือการพัฒนาที่เราคาดหวังหรือคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต การประหยัดต้นทุนตามคาดการณ์ เงินทุนที่ต้องใช้และการปรับปรุงกระแสเงินสดสำหรับการดำเนินงาน และการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโลก รวมถึงแถลงการณ์เกี่ยวกับการทำธุรกรรมที่นำเสนอ และระยะเวลาที่ธุรกรรมจะเสร็จสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม การไม่มีคำเหล่านี้หรือข้อความที่คล้ายคลึงไม่ได้หมายความว่า จะไม่ถือเป็นแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ แถลงการณ์เชิงคาดการณ์จะเป็นแถลงการณ์ทั้งหมดที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงในอดีต แต่เป็นการแสดงถึงความเชื่อของบริษัทในเป้าหมายอนาคต แผนการ และความคาดหวังเกี่ยวกับโอกาสที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและเหตุการณ์อื่นๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว หลายๆ ข้อความดังกล่าวอาจมีความไม่แน่นอน และอยู่เหนือการควบคุมของบริษัทหรือของ NSC โดยมีความเป็นไปได้ที่ผลลัพธ์ตามจริงและสถานะทางการเงินของบริษัทหรือของ NSC อาจมีความแตกต่างจากผลลัพธ์ที่คาดหารร์ไว้ในแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ ฝ่ายบริหารของบริษัทหรือของ NSC เชื่อว่า แถลงการณ์เชิงคาดการณ์เหล่านี้มีความสมเหตุสมผล ณ จุดเวลาที่จัดทำขึ้น อย่างไรก็ตาม จะต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้มีการระบุข้อความคาดการณ์ที่เกินความจริง เนื่องจากข้อความแถลงการณ์ดังกล่าวจะระบุถึงสถานการณ์ ณ วันที่จัดทำขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ แถลงการณ์เชิงคาดการณ์นี้ ยังประกอบด้วยความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่อาจเป็นเหตุให้ผลลัพธ์ตามจริงแตกต่างจากประสบการณ์ในอดีตของบริษัทหรือของ NSC และความคาดหวังหรือการคาดการณ์ของเราในปัจจุบัน ความเสี่ยงและความแน่นอน รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ความสามารถของทุกฝ่ายในการดำเนินธุรกรรมที่นำเสนอให้เสร็จสมบูรณ์ตามเวลาที่กำหนดหรือทันเวลา ระยะเวลา การรับตามข้อกำหนดและเงื่อนไขในการอนุมัติจากหน่วยงานรัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลสำหรับธุรกรรมที่นำเสนอ ซึ่งอาจทำให้ทั้งสองฝ่ายยุติข้อตกลงฉบับสมบูรณ์และแผนการควบรวมกิจการตามที่ระบุไว้ในการทำธุรกรรมที่นำเสนอ (“ข้อตกลงควบรวมกิจการ”) การเกิดขึ้นของเหตุการณ์ การเปลี่ยนแปลงหรือเงื่อนไขอื่นๆ ที่อาจทำให้ยุติข้อตกลงควบรวมกิจการ ความเป็นไปได้ที่ผู้ถือหุ้นของบริษัทอาจไม่อนุมัติสำหรับธุรกรรมที่นำเสนอ ความเสี่ยงและความแน่นอนที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติของผู้ถือหุ้น ความเสี่ยงที่คู่สัญญาในข้อตกลงควบรวมกิจการอาจไม่สามารถตอบสนองเงื่อนไขของธุรกรรมที่นำเสนอได้ทันเวลาหรือไม่ได้เลย ความเสี่ยงที่เกิดจากการไม่สามารถจัดการเวลาในการดำเนินการธุรกิจ เนื่องจากธุรกรรมที่นำเสนอ ข้อจำกัดบางประการในระหว่างการทำธุรกรรมที่นำเสนอ ซึ่งอาจมีผลกระต่อความสามารถของบริษัทในการติดตามโอกาสทางธุรกิจหรือธุรกรรมเชิงกลยุทธ์ ความเสี่ยงที่การประกาศใดๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับธุรกรรมที่นำเสนออาจมีผลกระทบทางลบต่อราคาตลาดของหุ้นสามัญของบริษัทหรือของ NSC หรือของ American Depositary Receipts ความเสี่ยงของต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายใดๆ ที่ไม่คาดคิดอันเป็นผลมาจากธุรกรรมที่นำเสนอ ความเสี่ยงของการดำเนินคดีใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมที่นำเสนอ และความเสี่ยงที่ธุรกรรมที่นำเสนอและการประกาศอาจมีผลกระทบต่อความสามารถของบริษัทของของ NSC ในการรักษาลูกค้าและรักษาหรือว่าจ้างบุคลากรที่สำคัญ และคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์ต่อลูกค้า ซัพพลายเออร์ พนักงาน ผู้ถือหุ้น และความสัมพันธ์ทางธุรกิจอื่นๆ และผลการดำเนินงานและธุรกิจโดยทั่วไป และความเสี่ยงในการที่ธุรกรรมที่นำเสนอกำลังรอดำเนินการและมีผลกระทบต่อการบริหารของบริษัท บริษัทขอแนะนำให้อ่านข้อมูลเพิ่มเติมใน Form 10-K สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 เดือนธันวาคม ปี 2022 และรายงานไตรมาสใน Form 10-Q สำหรับไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 เดือนกันยายน ปี 2023 และเอกสารอื่นๆ ที่มีการยื่นต่อ SEC เกี่ยวกับความเสี่ยงอื่นๆ ที่มีผลต่อการดำเนินงานในอนาคตของบริษัท เอกสารเหล่านี้ประกอบด้วยและมีการระบุถึงปัจจัยสำคัญที่อาจมีผลทำให้ผลลัพธ์ตามจริงมีความแตกต่างจากแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ ความเสี่ยงเกี่ยวกับแถลงการณ์เชิงคาดการ์ของ NSC รวมถึง แต่ไม่จำกัดเฉพาะ การเปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจมหภาคระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในญี่ปุ่น จีน และสหรัฐอเมริกา กำลังการผลิตส่วนเกินและอุปทานส่วนเกินในอุตสาหกรรมเหล็กกล้า แนวทางการปฏิบัติด้านการค้าและราคาที่ไม่เป็นธรรมในตลาดระดับภูมิภาคของ NSC ความเป็นไปได้ที่ราคาเหล็กกล้าตกต่ำ หรือมีอุปทานในแร่เหล็กสูงเกิน ความเป็นไปได้ที่ราคาตลาดของวัตถุดิบที่สำคัญจะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ความเป็นไปได้ที่ค่าเงินเยนญี่ปุ่นจะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐและสกุลเงินต่างประเทศอื่นๆ ที่สำคัญ การสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดสำหรับวัสดุทดแทน ความสามารถของ NSC ในการลดต้นทุนและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ความเป็นไปได้ที่การดำเนินงานอาจไม่เป็นไปตามแผนพันธมิตร การเข้าซื้อกิจการ หรือการลงทุน หรือการเป็นพันธมิตร การเข้าซื้อกิจการหรือการลงทุนอาจไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง ภัยพิบัติทางธรรมชาติและอุบัติเหตุหรือเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของ NSC รวมถึงเหตุการณ์อื่นๆ ที่อาจมีผลเสียต่อการดำเนินการธุรกิจของ NSC ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และความท้าทายในการทำให้ระดับคาร์บอนให้เป็นกลางสำหรับ NSC ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทางการเมือง สังคม และกฎหมาย ต่อการดำเนินธุรกิจในระบบเศรษฐกิจแบบควบรวม ความเป็นไปได้ที่จะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นอันเป็นผลมาจากข้อบกพร่องในผลิตภัณฑ์ของเรา หรือก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและมีความเสียหายอย่างต่อเนื่อง เนื่องมาจากข้อบกพร่องในผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตเหล็กกล้ารายอื่น ความเป็นไปได้เราอาจไม่สามารถปกป้องสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา หรือเผชิญกับการเรียกร้องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาโดยบุคคลที่สาม การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายและข้อบังคับของประเทศที่เราดำเนินธุรกิจ รวมถึงกฎหมายการค้าและอัตรา รวมถึงกฎหมายภาษี สิ่งแวดล้อม สุขภาพ และความปลอดภัย และความเป็นไปได้ที่จะเกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงและธุรกิจของเรา อันเนื่องมาจากการละเมิดข้อมูลและการโจรกรรมข้อมูล ข้อมูลทั้งหมดในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นข้อมูล ณ วันที่ที่ระบุไว้ข้างต้น บริษัทหรือ NSC จะไม่มีหน้าที่ใดๆ ในการปรับปรุงแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อความสำหรับผลลัพธ์ตามจริง หรือาการเปลี่ยนแปลงในการคาดการณ์ของบริษัทหรือ NSC ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่นๆ ยกเว้นตามกฎหมายกำหนด

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53872312/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

NSC Contacts
สื่อ
pr_contact@jp.nipponsteel.com
Kayo Kikuchi / +81-3-6867-2977 / kikuchi.26s.kayo@jp.nipponsteel.com
Masato Suzuki / +81-3-6867-2135 / suzuki.s4f.masato@jp.nipponsteel.com

ผู้ลงทุน
ir@jp.nipponsteel.com
Yuichiro Kaneko / +81-80-9022-6867 / kaneko.yc3.yuichiro@jp.nipponsteel.com
Yohei Kato / +81-80-2131-0188 / kato.rk5.yohei@jp.nipponsteel.com

สอบถามทั่วไป (U.S.)
Nippon Steel North America, Inc. / +1 (713) 654 7111

U.S. Media Contacts
NSCMedia@teneo.com
Robert Mead / +1 (917) 327 9828 / Robert.Mead@teneo.com
Monika Driscoll / +1 (929) 388 9442 / Monika.Driscoll@teneo.com
Tucker Elcock / +1 (917) 208 4652 / Tucker.Elcock@teneo.com

U. S. Steel Contacts
สื่อ
Tara Carraro
Senior Vice President, Chief Communications Officer
T- 412-433-1300
E- media@uss.com

Kelly Sullivan / Ed Trissel
Joele Frank, Wilkinson Brimmer Katcher
T- 212-355-4449

ผู้ลงทุน
Emily Chieng
Investor Relations Officer
T – (412) 618-9554
E – ecchieng@uss.com

แหล่งข้อมูล: United States Steel Corporation and Nippon Steel Corporation

PHC Corporation ประกาศว่า บริษัทในเครืออุปกรณ์วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพฐานที่ตั้งประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีการก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมโดย PHC Group มีการเปิดดำเนินการเต็มรูปแบบแล้ว

Logo

— PT PHC Sales Indonesia จะสนับสนุนการขยายธุรกิจของอุปกรณ์วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพ PHCbi ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ —

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2023

แผนกชีวการแพทย์ของ PHC Corporation (สำนักงานใหญ่: Minato-ku, Tokyo, President: Nobuaki Nakamura ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า แผนกชีวการแพทย์) ผู้ให้บริการด้านผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ PHCbi รวมถึงตู้แช่แข็งอุณหภูมิต่ำพิเศษและตู้อบ CO2 มีการประกาศว่า บริษัทในเครือแห่งใหม่ในอินโดนีเซียที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมเพื่อจำหน่ายและให้บริการอุปกรณ์ รวมถึงสาขาวิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพมีการเปิดดำเนินการธุรกิจแล้วในวันนี้ หลังจากผ่านข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องต่างๆ เช่น ได้รับใบอนุญาตจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ บริษัท PT PHC Sales Indonesia (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า PHCSI) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ SciMed (Asia) Pte Ltd (สำนักงานใหญ่: สิงคโปร์ ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า SciMed) โดย PHC Holdings Corporation เป็นเจ้าของทั้งหมด (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า PHCHD) จะเสริมสร้างรากฐานและส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจวิทยาศาสตร์เชิงขีวภาพของแผนกชีวการแพทย์ในประเทศอินโดนีเซีย

ตลาดอุปกรณ์วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ซึ่งสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นด้านการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาสำหรับชีวเภสัชภัณฑ์และการเติบโตของสถาบันทางการแพทย์ใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินโดนีเซีย ซึ่งระบบประกันสุขภาพแห่งชาติรองรับประชากรมากเป็นอันดับสี่ของโลก ซึ่งนับเป็นจำนวน 279 ล้าน *1 คนโดยประมาณ และมีการคาดการณ์การเติบโตของตลาดที่สูงในอนาคต เนื่องจากเกิดโรคที่เกี่ยวกับวิถีการใช้ชีวิตที่เพิ่มขึ้น เช่น โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง รวมถึงความต้องการของผู้บริโภคด้านการบริการทางแพทย์ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

แผนกชีวการแพทย์ ภายใต้การนำของ SciMed ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ PHCHD ในประเทศสิงคโปร์ มีการเปิดดำเนินการเพื่อจำหน่ายและบริการสำรหับอุปกรณ์วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย และโอเชียเนีย PT PHC Indonesia (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า PHCI) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตในเครือของ PHCHD ก็มีการดำเนินการในภูมิภาคนี้เป็นฐานการผลิตรองจากญี่ปุ่น เพื่อตอบสนองความต้องผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงทั่วโลก เช่น ตู้แช่แข็งชีวการแพทย์ และตู้อบ CO2 เป็นต้น

การจัดตั้ง PHCSI นี้จะช่วยให้แผนกชีวการแพทย์สามารถสร้างแพลตฟอร์มสำหรับการจำหน่ายและบริการในอินโดนีเซีย เข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ ที่มีความเป็นไปได้ และขยายเครือข่ายผู้จัดจำหร่าย ในขณะเดียวกัน ก็เสริมสร้างความแข็งแกร่งในการบริการลูกค้าด้วยเช่นกัน ด้วยการติดตามตลาดนี้อย่างใกล้ชิด แผนกชีวการแพทย์นี้จึงมีจุดยืนที่ดียิ่งขึ้นในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า พัฒนาโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจในอินโดนีเซีย และเสริงการเติบโตของธุรกิจโดยใช้ความสามารถในการผลิตที่สูงเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง

Nobuaki Nakamura ประธานกรรมการฝ่ายตัวแทนจำหน่ายของ PHC Corporation และผู้อำนวยการแผนกชีวการแพทย์ กล่าวว่า “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทใหม่ของเราในอินโดนีเซียได้เปิดดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบแล้วในวันนี้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับรากฐานธุรกิจด้านชีววิทยาศาสตร์ของแผนกชีวการแพทย์ของในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเสริมศักยภาพในการเติบโตของตลาดที่สูง เรามุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการจัดตั้งบริษัทเพื่อจัดจำหน่ายแห่งใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวธุรกิจในอินโดนีเซีย ภายหลังจากการเข้าซื้อกิจการ SciMed*2 โดยเป็นเจ้าของ 100% เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้ และในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า PHCSI พร้อมด้วย SciMed จะมีจุดยืนที่มั่นคงเพื่อเป็นที่ตั้งการดำเนินการแห่งสำคัญในเอเชียสำหรับ PHC Group และจะขยายธุรกิจที่มีอยู่ในอินโดนีเซียเป็นการต่อไป และส่งเสริมการรักษาพยาบาลขั้นสูงอย่างเต็มรูปแบบ เช่น การบำบัดด้วยเซลล์และยีน และด้วยการทำงานข้ามธุรกิจร่วมกันกับ PHC Group เรามุ่งมั่นที่จะมีส่วนช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง และส่งเสริมศักยภาพของนักวิจัยเพื่อการพัฒนาวิธีการรักษาขั้นสูง และเพื่อเสริมสร้างการดูแลสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต”

ภาพรวมของ PT PHC Sales Indonesia
ชื่อบริษัท: PT PHC Sales Indonesia
ประเภทธุรกิจ: จัดจำหน่ายและบริการสนับสนุนด้านอุปกรณ์ รวมถึงสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ
ก่อตั้งขึ้นเมื่อ: วันที่ 3 เดือนมีนาคม ปี 2023
ที่อยู่: จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย
ตัวแทนจำหน่าย: Sachihiko Kataoka
เงินทุน: 10 พันล้าน IDR (ประมาณ 95 ล้าน JPY) *3

(*1) องค์กรการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น www.jetro.go.jp/world/asia/idn/
(*2) www.phchd.com/global/news/2023/0615
(*3) คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 1IDR = 0.0095JPY

เกี่ยวกับแผนกชีวการแพทย์ของ PHC Corporation

PHC Corporation ก่อตั้งขึ้นในปี 1969 โดยเป็นบริษัทในเครือที่ญี่ปุ่นของ PHC Holdings Corporation (โตเกียว: 6523) เป็นบริษัทด้านการดูแลสุขภาพระดับโลกซึ่งมีการพัฒนา ผลิต จำหน่าย และให้บริการโซลูชันต่างๆ ทั้งการจัดการโรคเบาหวาน โซลูชันการดูแลสุขภาพ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ และการวินิจฉัยโรค แผนกชีวการแพทย์สนับสนันอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวภาพเพื่อช่วยเหลือนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยในกว่า 110 ประเทศและภูมิภาคโดยใช้อุปกรณ์และบริการในห้องปฎิบัติการ รวมถึงตู้อบ CO2 ภายใต้แบรนด์ของ PHCbi และตู้แช่แข็งอุณภูมิต่ำพิเศษ
www.phchd.com/apac/biomedical

เกี่ยวกับ PHC Holdings Corporation

PHC Holdings Corporation (โตเกียว: 6523) เป็นบริษัทด้านการดูแลสุขภาพระดับโลกที่มีพันธกิจในการมีส่วนร่วมเพื่อสุขภาพของสังคมผ่านโซลูชันด้านการดูแลสุขภาพที่ส่งผลเชิงบวกและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้คน บริษัทในเครือ ได้แก่ PHC Corporation, Ascensia Diabetes Care Holdings AG, Epredia Holdings Ltd., LSI Medience Corporation, Wemex Corporation และ Mediford Corporation บริษัทนี้เหล่านี้ร่วมกันพัฒนา ผลิต จำหน่าย และให้บริการโซลูชันด้านการบริการเกี่ยวกับการจัดการโรคเบาหวาน โซลูชันด้านการดูแลสุขภาพ การวินิจฉัยโรค และวิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพ โดยมียอดขายสุทธิรวมใน FY2022 อยู่ที่ประมาณ JPY 356.4 พันล้าน โดยมีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการทั่วโลกในกว่า 125 ประเทศและภูมิภาค PHC Group เป็นคำเรียกรวมที่อ้างอิงถึง PHC Holdings Corporation และบริษัทในเครือทั้งหมด
www.phchd.com

เกี่ยวกับ SciMed (Asia) Pte Ltd

SciMed (Asia) Pte Ltd มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ เป็นบริษัทผู้ให้บริการชั้นนำในผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับชีวการแพทย์ วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพ การดูแลสุขภาพ การค้นคว้าด้านยา เภสัชกรรม ห้องปฏิบัติการ การทดสอบทางอุตสาหกรรม และตลาดการเกษตร SciMed กลายเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทในเครือ PHC Holdings Corporation อย่างเต็มรูปแบบในปี 2023 โดยมีการพัฒนาการจำหน่ายและการตลาดในธุรกิจวิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชีย และโอเชียเนีย
https://scimed.com.sg/about-scimed/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Hiroko Arai
Investor Relations & Corporate Communications Department
PHC Holdings Corporation
+81-3-6778-5311
อีเมลphc-pr@gg.phchd.com
Masayo Okada
Marketing Department, Biomedical Division
PHC Corporation
+81-80-4816-3259

อีเมลmasayo.okada@phchd.com

แหล่งข้อมูล: PHC Corporation

SciMed (Asia) บริษัทฝ่ายขายและบริการด้านชีววิทยาศาสตร์ในเครือของ PHC Holdings Corporation กลายเป็นบริษัทในเครืออย่างเต็มตัวจากการเข้าซื้อกิจการเพื่อขยายธุรกิจของ PHC Group เพื่อสนับสนุนนักวิจัยและผู้ให้บริการด้านสุขภาพในเอเชียแปซิฟิก

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–15 มิถุนายน 2023

PHC Holdings Corporation (สำนักงานใหญ่: มินาโตะ โตเกียว ญี่ปุ่น, ประธาน กรรมการผู้แทน และซีอีโอ: Shoji Miyazaki ซึ่งต่อไปเรียกบริษัทนี้ว่า PHCHD) ประกาศว่า บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นที่เหลืออีก 30% ของบริษัทในเครือ SciMed (Asia) Pte. Ltd. (สำนักงานใหญ่: สิงคโปร์ ซึ่งต่อไปเรียกบริษัทนี้ว่า SciMed) ทำให้ SciMed กลายเป็นบริษัทในเครือของ PHCHD อย่างเต็มตัว โดยก่อนหน้านี้ PHCHD ถือหุ้นใน SciMed อยู่ 70% PHC Group บริษัทระดับโลกที่ประกอบด้วย PHCHD และบริษัทในเครือ จะใช้การซื้อกิจการครั้งนี้เพื่อขยายธุรกิจชีววิทยาศาสตร์ไปทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

SciMed นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการด้านชีววิทยาศาสตร์ ซึ่งรวมถึงตู้แช่แข็งอุณหภูมิต่ำพิเศษและตู้อบ CO2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย และโอเชียเนีย นับตั้งแต่ปี 1992 PHC Group และกลุ่มบริษัทก่อนหน้าได้ร่วมมือกับ SciMed เพื่อขยายธุรกิจในภูมิภาคเหล่านี้ผ่านเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวาง ตลอดจนความเชี่ยวชาญในสาขาชีววิทยาศาสตร์ของ SciMed และความสามารถในการให้บริการของตน ในเดือนกรกฎาคม 2020 นั้น PHCHD เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน SciMed จาก 14.99% เป็น 70% ซึ่งทำให้กลายเป็นบริษัทในเครือของ PHCHD*

ตลาดอุปกรณ์ชีววิทยาศาสตร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกคาดว่าจะเติบโตอย่างมาก โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากการขยายตัวระดับภูมิภาคในอุตสาหกรรมเภสัชกรรมและการสร้างสถาบันทางการแพทย์ใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของชีวเภสัชภัณฑ์ เช่น ยาแอนติบอดีและวัคซีน ในฐานะบริษัทในเครืออย่างเต็มตัว SciMed จะสามารถบรรลุความร่วมมือเชิงลึกกับแผนกและบริษัทในเครืออื่น ๆ ของ PHC Group และปรับปรุงโครงสร้างการขายและการตลาดทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย และโอเชียเนีย สิ่งนี้จะส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ และเร่งการสร้างโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่สนับสนุนนักวิจัยและผู้ให้บริการด้านสุขภาพที่เผชิญกับความท้าทายในการพัฒนาการรักษาขั้นสูง

Nobuaki Nakamura เจ้าหน้าที่องค์กรและหัวหน้าร่วมฝ่ายการวินิจฉัยและชีววิทยาศาสตร์ของ PHCHD กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับ SciMed ในฐานะบริษัทในเครืออย่างเต็มตัวของเรา เราได้ขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ SciMed กลายเป็นบริษัทในเครือในปี 2020 โดย SciMed มีความพร้อมที่ดีที่จะกลายเป็นสถานที่ปฏิบัติการในเอเชียสำหรับธุรกิจอื่น ๆ ของ PHC Group ในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งจะขยายกิจกรรมการขายในธุรกิจที่มีอยู่และส่งเสริมการเข้าถึงขอบเขตของการรักษาขั้นสูงอย่างเต็มรูปแบบ เช่น เซลล์บำบัดและยีนบำบัด PHC Group จะยังคงสนับสนุนการทำงานร่วมกันระหว่างธุรกิจทั่วโลกของเรา และมีส่วนร่วมในการส่งเสริมนักวิจัยในการพัฒนาวิธีการรักษาขั้นสูงเพื่อช่วยสร้างอนาคตของการดูแลสุขภาพที่ดีขึ้น”

ภาพรวมของ SciMed
ชื่อบริษัท: SciMed (Asia) Pte. Ltd.
สำนักงานใหญ่: สิงคโปร์
ก่อตั้ง: 1992
กรรมการผู้จัดการ: Sachihiko Kataoka
ธุรกิจ: การขายและบริการอุปกรณ์และสินค้าอุปโภคบริโภคด้านชีววิทยาศาสตร์
จำนวนพนักงาน: 75 (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2023)
จำนวนไซต์ธุรกิจ: 1

www.phchd.com/global/news/2020/0707

เกี่ยวกับ PHC Holdings Corporation

PHC Holdings Corporation (TSE 6523) เป็นบริษัทด้านการดูแลสุขภาพระดับโลกที่มีพันธกิจในการสนับสนุนสังคมสุขภาพผ่านโซลูชันด้านการดูแลสุขภาพที่มีผลกระทบเชิงบวกและพัฒนาชีวิตของผู้คน โดยมีบริษัทย่อยในเครือ ได้แก่ PHC Corporation, Ascensia Diabetes Care Holdings AG, Epredia Holdings Ltd., Wemex Corporation และ LSI Medience Corporation บริษัทเหล่านี้ร่วมกันพัฒนา ผลิต จำหน่าย และให้บริการโซลูชันด้านการจัดการโรคเบาหวาน โซลูชันด้านการดูแลสุขภาพ การวินิจฉัย และชีววิทยาศาสตร์ ยอดขายสุทธิรวมในปีงบประมาณ 2022 อยู่ที่ 356.4 พันล้านเยน โดยมีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการทั่วโลกในกว่า 125 ประเทศและภูมิภาค PHC Group เป็นคำเรียกรวมที่หมายรวมถึง PHC Holdings Corporation และบริษัทย่อยในเครือทั้งหมด
URL: www.phchd.com

เกี่ยวกับ SciMed (Asia) Pte. Ltd.

SciMed (Asia) Pte. Ltd. มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ เป็นผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการชั้นนำในด้านชีวการแพทย์ ชีววิทยาศาสตร์ การดูแลสุขภาพ การค้นคว้ายา เวชภัณฑ์ ห้องปฏิบัติการ การทดสอบทางอุตสาหกรรม และตลาดเกษตรกรรม SciMed ได้กลายเป็นบริษัทในเครือของ PHC Holding Corporation อย่างเต็มตัวในปี 2023 เพื่อพัฒนาการขายและการตลาดในธุรกิจชีววิทยาศาสตร์ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย และโอเชียเนีย
URL: scimed.com.sg/about-scimed

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ช่องทางติดต่อสำหรับสื่อ
Hiroko Arai
ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร
PHC Holdings Corporation
+81-3-6778-5311
อีเมล: phc-cp@gg.phchd.com

ฝ่ายการตลาด แผนกชีวการแพทย์
PHC Corporation
+80-4816-3259
อีเมล: masayo.okada@phchd.com

แหล่งที่มา: PHC HOLDINGS CORPORATION

Power Construction Corporation of China ช่วยให้เวียดนามเริ่มต้นบทใหม่ในด้านพลังงานลมในทะเล

Logo

ปักกิ่ง–(BUSINESS WIRE)–10 เมษายน 2023

Power Construction Corporation of China (POWERCHINA) ภูมิใจที่จะประกาศความสำเร็จในการยกพัดลมทั้งหมดในพื้นที่ 1A ของโครงการพลังงานลม Ca Mau 1 ซึ่งตั้งอยู่ใน Ca Mau จังหวัดทางใต้สุดของเวียดนาม โดยโครงการแบ่งออกเป็นฟาร์มกังหันลมสี่แห่ง ได้แก่ A, B, C และ D ในฐานะโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยกำลังการผลิตติดตั้งรวม 350 เมกะวัตต์

โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม Ca Mau 1 ตั้งอยู่ในจังหวัด Ca Mau ซึ่งหันหน้าออกสู่ทะเลทั้งสามด้าน โดยมีแนวชายฝั่งยาว 307 กิโลเมตร มีข้อได้เปรียบที่ไม่เหมือนใครในแง่ของการผลิตไฟฟ้าจากลมทะเล เมื่อเสร็จสิ้นโครงการจะเพิ่มการผลิตไฟฟ้าใหม่ 1.1 พันล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ซึ่งช่วยประหยัดถ่านหินมาตรฐานได้ประมาณ 450,000 ตัน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 880,000 ตัน สิ่งนี้จะช่วยปรับปรุงสถานการณ์การขาดแคลนไฟฟ้าในท้องถิ่นและแม้แต่ในภาคใต้ของเวียดนามได้อย่างมีนัยสำคัญ

ในโครงการนี้ POWERCHINA ได้ริเริ่มสร้างอุปกรณ์การขนส่งทางทะเลแบบสองชั้นสำหรับถังหอพลังงานลมนอกชายฝั่ง ซึ่งช่วยยุติการพึ่งพาการขนส่งทางทะเลชั้นเดียวเป็นเวลานานสำหรับถังหอที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 5 เมตร นวัตกรรมนี้ประสบความสำเร็จในการเพิ่มความสูงในการเรียงซ้อนสูงสุดของถังพลังงานลมสำหรับการขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศจาก 10 เมตรเป็น 14 เมตร และน้ำหนักการเรียงซ้อนสูงสุดจาก 100 ตันเป็น 240 ตัน ซึ่งช่วยประหยัดพื้นที่ดาดฟ้าเรือและลดต้นทุนการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากโครงการ Ca Mau 1 ของเวียดนามแล้ว POWERCHINA ยังได้เข้าร่วมในการก่อสร้างโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งขนาด 171 เมกะวัตต์ในเมือง Soc Trang และ Bac Lieu และโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งขนาด 310 เมกะวัตต์ในเมือง Binh Dai ในเวียดนาม ในเดือนกรกฎาคม 2022 นั้น POWERCHINA ได้ลงนามในสัญญาฉบับใหม่ในโครงการฟาร์มกังหันลมในเขตท่องเที่ยว Kai long-Ca Mau ในเวียดนาม ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ได้ส่งแรงกระตุ้นอันแรงกล้าไปสู่ความพยายามของเวียดนามในการลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล กระจายแหล่งพลังงาน และบรรลุการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Shi Pei
651538233@qq.com

ที่มา: POWERCHINA

NEC Corporation เลื่อนตำแหน่งให้ Aalok Kumar รับบทบาทระดับโลก โดยการให้เป็นหัวหน้าธุรกิจเมืองอัจฉริยะระดับโลก เพิ่มเติมจากความรับผิดชอบในอินเดีย

Logo

ตอนนี้ Aalok Kumar เป็นเจ้าหน้าที่องค์กรและรองประธานอาวุโส หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจเมืองอัจฉริยะระดับโลก และประธานและซีอีโอของ NEC Corporation India Pvt. Ltd.

เขาจะเป็นแนวหน้าในธุรกิจเมืองอัจฉริยะระดับโลก และแผนระยะยาวของ NEC รวมถึงการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านเมืองอัจฉริยะระดับโลกในอินเดีย

เดลี อินเดีย–(BUSINESS WIRE)–22 กุมภาพันธ์ 2023

NEC Corporation India ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ NEC Corporation ได้ประกาศเลื่อนตำแหน่ง Mr. Aalok Kumar ประธานและซีอีโอของ NEC Corporation India ขึ้นเป็นเจ้าหน้าที่องค์กรและรองประธานอาวุโส หัวหน้าธุรกิจเมืองอัจฉริยะระดับโลก

Mr. Aalok Kumar, Corporate Officer & Sr VP - Head of the Global Smart City Business (Photo: Business Wire)

Mr. Aalok Kumar เจ้าหน้าที่องค์กรและรองประธานอาวุโส หัวหน้าธุรกิจ Global Smart City (ภาพ: Business Wire)

Aalok จะยังคงเป็นผู้นำธุรกิจในอินเดียและเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ของอินเดียสำหรับ NEC Group โดยรวม เขาจะยังคงร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชนต่อไป ตามวิสัยทัศน์ของบริษัทที่ว่า “ในอินเดีย เพื่ออินเดีย” และ “จากอินเดีย เพื่อทั่วโลก” Aalok จะเข้ารับตำแหน่งใหม่ในฐานะเจ้าหน้าที่องค์กรและรองประธานอาวุโสและหัวหน้าธุรกิจเมืองอัจฉริยะระดับโลก ในฐานะส่วนหนึ่งของทีมบริหารองค์กรของ NEC เขาจะรับผิดชอบในการสร้างธุรกิจระดับโลก โดยใช้การเรียนรู้ที่ไม่เหมือนใครจากประสบการณ์ระดับโลกของเขา

Mr. Takayuki Morita ประธานและซีอีโอของ NEC Corporation กล่าวถึงการเลื่อนตำแหน่งนี้ว่า “หลังจากที่ Aalok ได้เป็นผู้นำในโครงการขนาดใหญ่ที่สุดของเราสำหรับทั้งองค์กรภาครัฐและเอกชนในช่วงเวลาที่เขาอยู่ที่ NEC Corporation India นั้น Aalok มีบทบาทสำคัญในการประสานความร่วมมือตำแหน่งของ NEC Corporation ในฐานะพันธมิตรการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่น่าเชื่อถือสำหรับรัฐบาลและองค์กรต่าง ๆ ของอินเดีย ตำแหน่งใหม่ของเขาในฐานะเจ้าหน้าที่องค์กรและสมาชิกฝ่ายบริหารของ NEC ที่เป็นผู้นำในอินเดีย แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความสำคัญของ NEC ที่มีต่ออินเดียในฐานะตลาด”

NEC ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างแนวดิ่งธุรกิจเมืองอัจฉริยะระดับโลกที่แข็งแกร่ง ซึ่งนำเสนอโดยผู้มีความสามารถจากทั่วโลกที่มีความรู้และประสบการณ์ทางเทคโนโลยีอย่างลึกซึ้ง อินเดียจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดรูปแบบนี้ โดยใช้ความเชี่ยวชาญของ Aalok ในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในอินเดีย และการเรียนรู้จากโครงการเมืองอัจฉริยะที่ดำเนินการในประเทศ ในระยะยาว เขาจะพยายามจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านเมืองอัจฉริยะระดับโลกในอินเดีย ซึ่งจะช่วยให้บริษัทบรรลุวิสัยทัศน์ในการพัฒนาโซลูชัน “จากอินเดีย เพื่อทั่วโลก” ได้อย่างรวดเร็ว

Aalok Kumar ศิษย์เก่าของ St. Stephens College, Delhi และ Indian Institute of Management, Ahmedabad นำประสบการณ์เกือบสามทศวรรษในบทบาทผู้นำระดับสูงมาใช้ในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ การปรับปรุงประสิทธิภาพ และการขยายอัตรากำไรขั้นต้น ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานและซีอีโอของ NEC India ในปี 2020 เขาดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโสของ McKinsey & Company อีกทั้งเขายังทำงานในบริษัทต่าง ๆ เช่น GE Healthcare, GE Capital และ ABN Amro Bank

Aalok Kumar เจ้าหน้าที่องค์กรและรองประธานอาวุโส หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจเมืองอัจฉริยะระดับโลก และประธานและซีอีโอของ NEC Corporation India Pvt. Ltd. กล่าวว่า ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ผู้นำระดับโลกมอบโอกาสนี้ให้ผม ผมได้รับสิทธิพิเศษให้เป็นผู้นำทีมที่ยอดเยี่ยมในอินเดีย และด้วยความสามารถและการสนับสนุนที่ไม่มีใครเทียบได้ทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายที่สำคัญบางอย่างสำหรับ NEC Corporation India จนถึงตอนนี้ ผมตั้งตารอที่จะทำหน้าที่ความรับผิดชอบที่มาพร้อมกับบทบาทใหม่นี้ให้สำเร็จ และจะมุ่งมั่นพา NEC ไปสู่จุดสูงสุดด้วยการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับทีมงานทั้งหมด”

หน่วยธุรกิจต่าง ๆ และโครงสร้างการจัดการองค์กรได้รับการปรับปรุงและรวมเข้าด้วยกันในระดับโลก เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงองค์กรของ NEC Corporation เพื่อให้สอดคล้องกับ “วิสัยทัศน์ปี 2030 (2030VISION)” ของ NEC บริษัทตั้งเป้าที่จะเสริมสร้างการกำกับดูแลกิจการและเพิ่มความเร็วในการจัดการเพื่อกระตุ้นการเติบโตของเสาหลักทางธุรกิจทั่วโลก สิ่งนี้จะช่วยให้ NEC Corporation บรรลุแผนการจัดการระยะกลางปี ​​2025 และเพิ่มมูลค่าองค์กรระยะกลางถึงระยะยาวของ NEC ในฐานะบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก

เกี่ยวกับ NEC Corporation India (NEC India)

NEC เป็นผู้นำในการผสานรวมเทคโนโลยีไอทีและเครือข่าย และนำความเชี่ยวชาญเกือบ 125 ปี ในด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีมาให้บริการโซลูชันสำหรับการเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้คน ธุรกิจ และสังคม NEC มีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น และเริ่มดำเนินการในอินเดียในทศวรรษที่ 1950 โดยเร่งการเติบโตผ่านการขยายธุรกิจไปยังตลาดโลก NEC ในอินเดียขยายธุรกิจจากโทรคมนาคมไปสู่ความปลอดภัยสาธารณะ ลอจิสติกส์ การขนส่ง การค้าปลีก การเงิน การสื่อสารแบบรวมศูนย์ และแพลตฟอร์มไอที โดยให้บริการทั่วทั้งรัฐบาล ธุรกิจ ตลอดจนบุคคลทั่วไป ด้วยศูนย์ความเป็นเลิศด้านโซลูชันแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ ข้อมูลขนาดใหญ่ ไบโอเมตริก อุปกรณ์เคลื่อนที่และการค้าปลีกนั้น NEC ในอินเดียนำเสนอบริการและโซลูชันใหม่ที่เป็นนวัตกรรมสำหรับอินเดียและตลาดทั่วโลก

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม: https://in.nec.com/

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53335907/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Arvind Saxena: arvind.saxena@india.nec.com

แหล่งที่มา: NEC Corporation India

Entravision Communications Corporation ประกาศปิดดีลการเข้าซื้อกิจการ MediaDonuts

Logo

บริษัทขยายแพลตฟอร์มดิจิทัลสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเพิ่มเติมไปจากสหรัฐอเมริกา ละตินอเมริกา และยุโรป

ซานตา โมนิกา แคลิฟอร์เนีย.–(BUSINESS WIRE)–7 ก.ค. 2564

Entravision Communications Corporation (NYSE: EVC) (“Entravision” หรือ “บริษัท”) ประกาศปิดการเข้าซื้อกิจการ MediaDonuts ซึ่งเป็นบริษัทการตลาดดิจิทัลชั้นนำและการสร้างแบรนด์ที่มีการดำเนินงานใน 7 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210706005763/en/

MediaDonuts ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2553 และมีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ นำเสนอบริการในด้านการโฆษณาดิจิทัลที่กว้างขวางร่วมกับบริษัทสื่อและเทคโนโลยีระดับโลกและระดับท้องถิ่น บริษัทรักษาความเป็นหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์กับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกและแพลตฟอร์มโซเชียลต่าง ๆ เช่น Twitter, TikTok, Spotify, Criteo และพันธมิตรทางการค้าที่มีเอกลักษณ์อื่น ๆ ผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชันดิจิทัลของ MediaDonuts ให้บริการฐานลูกค้ามากกว่า 500 แบรนด์ด้านเทคโนโลยีและผู้บริโภคในประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย อินเดีย เวียดนาม สิงคโปร์ และกัมพูชา

“วันนี้เป็นวันที่ยอดเยี่ยมสำหรับ Entravision และเรามีความยินดีที่จะต้อนรับ MediaDonuts เข้าสู่ครอบครัว Entravision อย่างเป็นทางการ” Walter Ulloa ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Entravision กล่าว “MediaDonuts เป็นการเข้าซื้อกิจการทางดิจิทัลเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญครั้งที่สองของเราในเวลาน้อยกว่าหนึ่งปี หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากในการเข้าซื้อกิจการส่วนใหญ่ของ Cisneros Interactive การเข้าซื้อกิจการ MediaDonuts ในวันนี้ยังคงเป็นกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลและระดับโลกในระยะยาว ซึ่งรวมถึงสำหรับสหรัฐอเมริกา ละตินอเมริกา ยุโรป และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

“การเข้าซื้อกิจการ MediaDonuts ของเราสอดคล้องกับเป้าหมายของเราในการเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการเทคโนโลยีการตลาดดิจิทัลชั้นนำของโลก” Juan Saldívar ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดิจิทัล กลยุทธ์ และความรับผิดชอบของ Entravision กล่าว “เราได้เริ่มร่วมมือกับทีม MediaDonuts ในโครงการที่น่าตื่นเต้นและสร้างสรรค์ และเดินหน้าขยายรอยเท้าทั่วโลกของเราต่อไป ผมมั่นใจว่าความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมของ MediaDonuts ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเป็นส่วนสำคัญต่อกลยุทธ์การเติบโตของ Entravision และพอร์ตโฟลิโอดิจิทัลระดับโลก”

Entravision ได้ขยายการเข้าถึงทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ด้วยการเข้ามาของบริษัทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตอนนี้ Entravision ให้บริการลูกค้าดิจิทัลใน 33 ประเทศ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีประชากรที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งทั่วโลก รวมถึง 700 ล้านคน โดย 400 ล้านคนมีการเชื่อมต่อทางดิจิทัล

ทีมขายและนักประดิษฐ์สื่อที่ชาญฉลาดของ MediaDonuts มีพนักงานมากกว่า 80 คนที่สนับสนุนลูกค้าในการซื้อโดยใช้โปรแกรม (programmatic buying) เทคโนโลยี และข้อมูลเชิงลึก และการวางแผนสื่อ นอกจากนี้ MediaDonuts ยังดูแลตัวแทนสื่อซึ่งสนับสนุนแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดในสื่อและเทคโนโลยีผ่านองค์กรการขายที่กว้างขวางทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พนักงาน MediaDonuts ทั้งหมดยังคงอยู่ในบริษัทต่อไป และ Pieter-Jan de Kroon จะยังคงดำรงตำแหน่ง CEO ที่สำนักงานของ MediaDonuts ในสิงคโปร์ต่อไป

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปิดธุรกรรมในครั้งนี้ โปรดตรวจสอบเอกสารที่บริษัทยื่นล่าสุดต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในแบบฟอร์ม 8-K

เกี่ยวกับ Entravision Communications Corporation

Entravision เป็นบริษัทด้านสื่อ การตลาด และเทคโนโลยีระดับโลกที่ให้บริการลูกค้าทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาและใน 32 ประเทศทั่วละตินอเมริกา ยุโรป และเอเชีย Entravision มีสถานีโทรทัศน์ 54 สถานีและเป็นกลุ่มในเครือที่ใหญ่ที่สุดของเครือข่ายโทรทัศน์ Univision และ UniMás และสถานีวิทยุภาษาสเปน 48 สถานีที่นำเสนอรายการระดับประเทศที่มีรางวัลเป็นการันตี พอร์ตโฟลิโอดิจิทัลแบบไดนามิกของเราประกอบด้วย Entravision Digital ซึ่งให้บริการ SMB ในตลาดละตินอเมริกาที่มีประชากรที่มีความหนาแน่นสูง และให้บริการโซลูชันแบบที่ตั้งโปรแกรมเอาไว้สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ล้ำสมัย และแพลตฟอร์มฝั่งดีมานด์ที่อนุญาตให้ผู้ลงโฆษณาดำเนินการแคมเปญด้านประสิทธิภาพโดยใช้อัลกอริธึมการเสนอราคาที่เรียนรู้ด้วยเครื่องแมชีน ร่วมกับ Cisneros Interactive ผู้นำด้านโซลูชันการโฆษณาดิจิทัลในตลาดละตินอเมริกาและสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตัวแทนของแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่สำคัญ และ MediaDonuts ผู้นำด้านโซลูชันดิจิทัลแบบที่ตั้งโปรแกรมเอาไว้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หุ้นของ Entravision Class A Common Stock ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กภายใต้สัญลักษณ์ EVC เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการนำเสนอสื่อ การตลาด และเทคโนโลยีของเราได้ที่ entravision.com หรือเชื่อมต่อเราได้ที่ LinkedIn กับ Facebook.

แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยแถลงการณ์ที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้า ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงความคาดหวังและความตั้งใจในปัจจุบันของบริษัทเกี่ยวกับการยื่นแบบฟอร์ม 10-K แถลงการณ์ที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้ ซึ่งรวมอยู่ในข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของกฎหมายปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 2538 โดยอาจเกี่ยวข้องกับความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และปัจจัยอื่นๆ ที่ทราบและไม่ทราบที่อาจทำให้ผลประกอบการและผลการดำเนินงานที่แท้จริงของบริษัทในอนาคตแตกต่างอย่างมากจากผลลัพธ์หรือประสิทธิภาพในอนาคตที่ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นผู้แนะนำ แม้ว่าบริษัทเชื่อว่าความคาดหวังที่สะท้อนให้เห็นในแถลงการณ์นี้ซึ่งเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้านั้นตั้งอยู่บนสมมติฐานที่สมเหตุสมผลแล้ว แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าผลลัพธ์ที่แท้จริงจะไม่แตกต่างไปจากที่คาดการณ์ไว้ และบริษัทขอปฏิเสธหน้าที่ในการปรับปรุงแก้ไขข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่ทำโดยบริษัท อนึ่ง ในบางครั้ง ความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และปัจจัยอื่นๆ เหล่านี้จะมีการหารือในการยื่นเอกสารของบริษัทต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210706005763/en/

ติดต่อ:

Entravision:

Christopher T. Young

ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน

310-447-3870

Kimberly Esterkin

นักลงทุนสัมพันธ์ ADDO

310-829-5400

evc@addo.com

MediaDonuts:

Pieter-Jan de Kroon

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

pieterjan@mediadonuts.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Entravision Communications Corporation ขยายตัวตนในโลกดิจิทัลทั่วโลกด้วยการเข้าซื้อกิจการบริษัทการตลาดและโฆษณาดิจิทัลชั้นนำ MediaDonuts

Logo

การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้เป็นการขยายข้อเสนอดิจิทัลระดับแนวหน้าของบริษัทไปยังตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

ซานตาโมนิกา แคลิฟอร์เนีย–(บิสิเนส ไวร์)–10 มิ.ย. 2564

Entravision Communications Corporation (NYSE: EVC) (“Entravision” หรือ “บริษัท”) ประกาศในวันนี้ว่าได้ทำข้อตกลงขั้นสุดท้ายเพื่อเข้าซื้อกิจการ MediaDonuts บริษัทด้านการตลาดดิจิทัลชั้นนำและบริษัทการสร้างแบรนด์ที่มีการดำเนินงานใน 7 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก  เป็นเวลากว่าหนึ่งทศวรรษที่ MediaDonuts ได้ช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายด้านประสิทธิภาพและการสร้างแบรนด์ผ่านช่องทางสื่อดิจิทัล  การเข้าซื้อกิจการคาดว่าจะเสร็จสิ้นประมาณวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย  อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210609005862/en/

MediaDonuts ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2553 นำเสนอความสามารถด้านการโฆษณาดิจิทัลอย่างครอบคลุมผ่านการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับแพลตฟอร์มสื่อและเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก  MediaDonuts มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ โดยให้บริการลูกค้าด้านเทคโนโลยีและแบรนด์ผู้บริโภคมากกว่า 500 ราย

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะประกาศการเข้าซื้อกิจการ MediaDonuts” Walter Ulloa ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Entravision กล่าว “การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้มีความเหมาะสมอย่างยิ่งกับกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลระดับโลกโดยรวมของเรา  Entravision ให้ความสำคัญกับการให้บริการการโฆษณาในตลาดที่มีการเติบโตสูงและร่วมมือกับสื่อและเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก  เราเชื่อว่าการรวม MediaDonuts เข้ากับแพลตฟอร์ม Entravision จะเพิ่มความเป็นผู้นำ การดำเนินการขาย และข้อเสนอดิจิทัลที่จะขับเคลื่อนความเป้าหมายด้านดิจิทัลของเราต่อไป”

การเข้าซื้อกิจการ MediaDonuts ของ Entravision เป็นก้าวสำคัญในแผนของบริษัทในการก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีการตลาดชั้นนำในประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลก  เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตัวแทนของความสำเร็จครั้งสำคัญของบริษัท  เนื่องจาก Entravision จะเจาะตลาดผู้บริโภคใหม่ที่เป็นตัวแทนของผู้คนเกือบ 700 ล้านคน โดย 400 ล้านคนในจำนวนนั้นเชื่อมต่อกันผ่านทางดิจิทัล

“เมื่อเราก่อตั้ง MediaDonuts เราต้องการสร้างองค์กรการตลาดดิจิทัลและบริการด้านประสิทธิภาพที่สามารถเชื่อมต่อผู้โฆษณาและเอเจนซีกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างราบรื่น เราสามารถบรรลุเป้าหมายนี้และอีกมากมายด้วยการสร้างการผสมผสานที่ลงตัวของพันธมิตร ซึ่งรวมถึงเครือข่ายโซเชียลและความบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในโลก” Pieter-Jan de Kroon ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ MediaDonuts กล่าว “เมื่อธุรกิจของเราประสบความสำเร็จ เรารู้สึกตื่นเต้นที่ตอนนี้มีโอกาสเข้าร่วมแพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลกที่ Entravision สร้างขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ผมเชื่อมั่นในการผนึกกำลังทางการค้า เทคโนโลยี และการพัฒนาผลิตภัณฑ์มากมายที่จะทำให้ธุรกิจของเราประสบความสำเร็จในอนาคตในฐานะนิติบุคคลที่รวมกัน”

“เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ต้อนรับ Pieter-Jan และทีม MediaDonuts ทั้งหมดเข้าสู่ครอบครัว Entravision” Juan Saldívar หัวหน้าฝ่ายดิจิทัล ฝ่ายกลยุทธ์และความรับผิดชอบของ Entravision กล่าว “การขยายธุรกิจดิจิทัลเป็นหัวใจสำคัญของแผนการเติบโตโดยรวมของเรา และหลังจากการลงทุนส่วนใหญ่ใน Cisneros Interactive เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ธุรกิจดิจิทัลคิดเป็นกว่า 65 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมดของเรา  ด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลกในขณะนี้ที่พร้อมจะเข้าถึงและให้บริการลูกค้าใน 32 ประเทศ เรามั่นใจว่าการเพิ่ม MediaDonuts จะช่วยปรับปรุงการนำเสนอบริการของเราและช่วยขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเราทั่วโลก”

เมื่อปิดธุรกรรมนี้ พนักงาน MediaDonuts ทั้งหมดจะยังคงอยู่กับบริษัท และ Pieter-Jan de Kroon จะยังคงดำรงตำแหน่ง CEO ของธุรกิจซึ่งตั้งอยู่นอกสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ MediaDonuts มีทีมงานมากกว่า 80 คนในสิงคโปร์ ไทย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และอินเดีย นักนวัตกรรมด้านการขายและสื่อของ MediaDonuts นำเสนอบริการโปรแกรมการซื้อ เทคโนโลยีและข้อมูลเชิงลึก และการวางแผนสื่อที่ช่วยให้แบรนด์ชั้นนำเปลี่ยนกลยุทธ์การมีส่วนร่วมกับลูกค้าดิจิทัลได้ บริษัทยังได้สร้างหน่วยงานตัวแทนสื่อที่สนับสนุนบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในสื่อและเทคโนโลยีทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านองค์กรการขายที่กว้างขวาง

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำธุรกรรม โปรดตรวจสอบเอกสารล่าสุดที่บริษัทยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในแบบฟอร์ม 8-K

เกี่ยวกับ Entravision Communications Corporation

Entravision เป็นบริษัทด้านสื่อ การตลาด และเทคโนโลยีระดับโลกที่มีความหลากหลายที่ให้บริการลูกค้าทั่วสหรัฐอเมริกาและในกว่า 20 ประเทศทั่วละตินอเมริกา ยุโรป และเอเชีย  Entravision มีสถานีโทรทัศน์ 54 สถานีและเป็นเครือที่ใหญ่ที่สุดของเครือข่ายโทรทัศน์ Univision และ UniMás และสถานีวิทยุภาษาสเปน 48 สถานีที่ได้รับรางวัลและมีความสามารถระดับประเทศ  พอร์ตโฟลิโอดิจิทัลของเราประกอบด้วย Entravision Digital ซึ่งให้บริการ SMB ในตลาดลาตินอเมริกาที่มีความหนาแน่นสูง และให้บริการโซลูชันโปรแกรมสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ล้ำสมัยและแพลตฟอร์มฝั่งดีมานด์ที่ให้ผู้ลงโฆษณาดำเนินการแคมเปญด้านประสิทธิภาพโดยใช้อัลกอริธึมการเสนอราคาที่เรียนรู้ด้วยเครื่องกล  โดยร่วมกับ Cisneros Interactive ผู้นำด้านโซลูชันการโฆษณาดิจิทัลในตลาดละตินอเมริกาและสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตัวแทนของแพลตฟอร์มเทคโนโลยีหลัก หุ้นสามัญของ Entravision Class A ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กภายใต้สัญลักษณ์: EVC  เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับทุกสื่อการตลาดและการให้บริการด้านเทคโนโลยีของเราที่ entravision.com หรือเชื่อมต่อกับเราใน LinkedIn และ Facebook

เกี่ยวกับ MediaDonuts

MediaDonuts เป็นบริษัทโฆษณาและเทคโนโลยีออนไลน์ที่ช่วยให้ผู้โฆษณาบรรลุเป้าหมายด้านประสิทธิภาพและการสร้างแบรนด์ผ่านช่องทางสื่อดิจิทัล  MediaDonuts เชื่อมโยงแบรนด์ต่างๆ เข้ากับกลุ่มเป้าหมายผ่านความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับแพลตฟอร์มสื่อและเทคโนโลยีระดับโลกที่สำคัญ  MediaDonuts มีสำนักงานใน 7 ประเทศทั่ว APAC โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชม https://mediadonuts.com/

แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยแถลงการณ์ที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้า ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ความคาดหวังและความตั้งใจในปัจจุบันของบริษัทเกี่ยวกับการยื่นแบบฟอร์ม 10-K แถลงการณ์ที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้ ซึ่งรวมอยู่ในข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของกฎหมายปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 2538 อาจเกี่ยวข้องกับความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และปัจจัยอื่นๆ ที่ทราบและไม่ทราบที่อาจส่งผลให้ผลประกอบการและผลการดำเนินงานที่แท้จริงของบริษัทในอนาคตแตกต่างอย่างมากจากผลลัพธ์หรือผลดำเนินการในอนาคตที่คาดการณ์โดยข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ แม้ว่าบริษัทเชื่อว่าความคาดหวังในแถลงการณ์นี้เกิดจากการตั้งสมมติฐานที่สมเหตุสมผล แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าผลลัพธ์ที่แท้จริงจะไม่แตกต่างไปจากที่คาดการณ์ไว้ และบริษัทขอปฏิเสธหน้าที่ในการปรับปรุงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่ทำโดยบริษัท  ในบางครั้ง ความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และปัจจัยอื่นๆ เหล่านี้จะมีการกล่าวถึงในเอกสารที่บริษัทยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210609005862/en/

ติดต่อ:

Entravision:
Christopher T. Young
Chief Financial Officer (เจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน)
310-447-3870

Kimberly Esterkin
ADDO Investor Relations (ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์)
310-829-5400
evc@addo.com 

MediaDonuts:
Pieter-Jan de Kroon
Chief Executive Officer (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร)
pieterjan@mediadonuts.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย