Tag Archives: holdings:

Plocamium Holdings เล็งเห็นโอกาสสร้างมูลค่าในตลาดที่มีการเติบโตสูงของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–27 สิงหาคม 2024

Plocamium Holdings บริษัทชั้นนำด้านการลงทุนและการเงินได้เผยแพร่การวิเคราะห์เชิงลึกที่เน้นให้เห็นโอกาสที่เติบโตไม่หยุดนิ่งของหุ้นนอกตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมุ่งเน้นที่เวียดนาม ไทย และฟิลิปปินส์ การศึกษาวิจัยนี้เน้นย้ำถึงศักยภาพของภูมิภาคแห่งนี้ในการเป็นพื้นที่สำคัญสำหรับการลงทุนเชิงกลยุทธ์ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยการขยายเศรษฐกิจที่มั่นคง กรอบการทำงานกับทางรัฐที่เอื้ออำนวย และแนวโน้มในการเติบโตของตลาด

“กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับหุ้นนอกตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่เพียงกำลังเจริญเติบโต แต่ยังพัฒนาไปอย่างรวดเร็วอีกด้วย” Lily Raaka ผู้ดำรงตำแหน่ง Research Director ของ Plocamium Holdings กล่าว “ข้อมูลที่เราค้นพบบ่งชี้ว่าเวียดนาม ไทย และฟิลิปปินส์มีความพร้อมที่จะสร้างผลตอบแทนได้เป็นจำนวนมาก โดยแต่ละตลาดต่างก็มีโอกาสที่แตกต่างกันไปอย่างไม่ซ้ำกันซึ่งเหมาะกับกลยุทธ์การลงทุนที่เฉพาะเจาะจง”

“ขณะที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการพัฒนาเป็นภูมิภาคที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างไม่หยุดนิ่งต่อไปเรื่อย ๆ โอกาสด้านการลงทุนในหุ้นนอกตลาดจึงมีอยู่อย่างมากมายและหลากหลาย” James Tannahill ผู้ดำรงตำแหน่ง President ของ Plocamium กล่าว

เวียดนาม: ศูนย์การผลิตและการดูแลสุขภาพเชิงกลยุทธ์

เวียดนามถือเป็นประเทศอันดับต้น ๆ ในด้านการลงทุนในหุ้นนอกตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนการผลิตและการดูแลสุขภาพ การดำเนินการริเริ่มทางเศรษฐกิจเชิงกลยุทธ์ของประเทศ รวมถึงการร่วมมืออย่างครอบคลุมกับสหรัฐฯ ในปี 2013 และการร่วมเป็นสมาชิกในองค์การการค้าโลก ช่วยดึงดูดนักลงทุนต่างชาติได้อย่างมาก เมื่อรัฐบาลดำเนินการขยายขีดจำกัดด้านกรรมสิทธิ์ของต่างชาติ เวียดนามจึงดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศจำนวนมากได้อย่างต่อเนื่อง

ไทย: โอกาสสำหรับผู้เล่นในตลาดเฉพาะกลุ่ม

ประเทศไทยนำเสนอโอกาสที่น่าสนใจสำหรับบริษัทหุ้นนอกตลาดในตลาดระดับกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเทคโนโลยีชีวภาพและสารสนเทศ ถึงแม้จะมีความท้าทายด้านการเมือง แต่ความคล่องตัวและการมีธุรกิจครอบครัวอยู่อย่างแพร่หลายในประเทศไทยก็สร้างจุดเริ่มต้นดำเนินการที่แตกต่างจากประเทศอื่นให้กับนักลงทุน การดำเนินการริเริ่มของรัฐบาล รวมถึงปัจจัยจูงใจด้านภาษีและทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน ยิ่งส่งเสริมแวดวงการลงทุนให้แข็งแกร่ง ประเทศไทยจึงเป็นแหล่งลงทุนเป้าหมายที่น่าดึงดูดใจ

ฟิลิปปินส์: เศรษฐกิจดิจิทัลกำลังมาแรง

ฟิลิปปินส์กำลังกลายเป็นศูนย์รวมสตาร์ตอัปทางดิจิทัลอย่างรวดเร็ว ซึ่งขับเคลื่อนด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลผ่านการดำเนินการริเริ่มต่าง ๆ เช่น แผนดำเนินการสำหรับสตาร์ตอัปทางดิจิทัลของฟิลิปปินส์ แม้ว่าความท้าทายอย่างการทุจริตจะยังคงมีอยู่ แต่จำนวนผู้ประกอบอาชีพวัยหนุ่มสาวที่มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และปัจจัยจูงใจที่ทางรัฐให้การสนับสนุนของประเทศก็ส่งผลให้ฟิลิปปินส์เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสำหรับการลงทุนในภาคส่วนเทคโนโลยีและเกษตรกรรม

เกี่ยวกับ Plocamium Holdings

Plocamium Holdings ใช้ความเชี่ยวชาญหลายทศวรรษในการร่วมมือกับผู้สนับสนุนและผู้ประกอบการด้านหุ้นนอกตลาด โดยมุ่งเน้นเผยให้เห็นการเติบโตและขับเคลื่อนความสำเร็จระยะยาว Plocamium จัดตั้งอยู่ในนิวยอร์ก โดยมุ่งมั่นดำเนินการอย่างเป็นเลิศและลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่จะสร้างมูลค่าให้กับพันธมิตรของตน

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ plocamium.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

สื่อมวลชน:
media@plocamium.com
plocamium.com/contact

แหล่งที่มา: Plocamium Holdings

Kirin Holdings เริ่มเตรียมข้อเสนอซื้อ FANCL A เข้าเป็นบริษัทย่อยในเครือ โดยมีการถือหุ้นทั้งหมด

Logo

  • ส่งเสริมสุขภาพของผู้บริโภคทั่วโลกผ่านธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • มุ่งมั่นที่จะเป็นหนึ่งในบริษัทด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก
  • เมื่อรวมเข้ากับการเข้าซื้อกิจการของ Blackmores จะช่วยเพิ่มมูลค่าของกลุ่มบริษัทและเสริมสร้างฐานการดำเนินงานทั่วโลกให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นต่อไป

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–14 มิถุนายน 2024

Kirin Holdings Company, Limited (Kirin Holdings) (TOKYO: 2503) ตัดสินใจซื้อหุ้นสามัญของ FANCL Corporation (FANCL) (TOKYO: 4921) เพิ่มเติมผ่านข้อเสนอซื้อหุ้นและใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหุ้น ภายใต้พระราชบัญญัติระบบทางการเงินและอัตราแลกเปลี่ยน (พระราชบัญญัติฉบับที่ 25 ปี 1948 และข้อแก้ไขเพิ่มเติม) โดยจัดให้ FANCL เป็นบริษัทในเครือ โดยถือหุ้นทั้งหมด

  • ภูมิหลัง

ภายใต้วิสัยทัศน์การบริหารระยะยาวของ Kirin Group Vision 2027 นั้น Kirin Holdings มุ่งมั่นที่จะ “กลายเป็นผู้นำระดับโลกในด้าน CSV โดยการสร้างมูลค่าในภาคส่วนต่างๆ ตั้งแต่อาหารและเครื่องดื่ม ตลอดจนถึงเภสัชกรรม” ด้วยการเปิดตัวธุรกิจในกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ เพิ่มเติมจากภาคส่วนอาหารและเภสัชกรรม และด้วยการเปลี่ยนปัญหาด้านสุขภาพของผู้บริโภคให้เป็นโอกาสในการเติบโต ด้วยความสามารถด้านการวิจัยและการพัฒนาในเทคโนโลยีการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพ รวมถึงภูมิคุ้มกันวิทยา ช่วยให้ Kirin Holdings สามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งสำหรับธุรกิจด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ เพื่อพัฒนาให้เป็นหน่วยธุรกิจที่จะรับผิดชอบการเติบโตในระยะยาวของ Kirin Group ในปี 2019 Kirin Holdings ได้เข้าซื้อหุ้นของ FANCL ประมาณ 33% (ตามสิทธิในการออกสิทธิและเสียง) และได้ทำข้อตกลงด้านการลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจ ในปี 2023 Kirin Holdings เข้าซื้อกิจการของ Blackmores Limited (Blackmores) ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติออสเตรเลียซึ่งดำเนินธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ   (สุขภาพเชิงธรรมชาติ) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จึงทำให้สามารถสร้างรากฐานธุรกิจที่มั่นคงในตลาดต่างประเทศ

ภายใต้วิสัยทัศน์ของ FANCL Group VISION2030 FANCL มุ่งมั่นที่จะทำให้โลกมีสุขภาพที่ดีขึ้นและสวยงามยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็กลายเป็นบริษัทที่ได้รับความนิยมชมชอบทั่วโลก ด้วยการตอบสนองต่อการเปลี่ยนเปลงในสภาพแวดล้อมทางสังคมผ่านมาตรการต่างๆ อาทิเช่น การรับมือกับปัญหาใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นเนื่องจาก COVID-19 FANCL ได้กระชับความสัมพันธ์กับผู้บริโภคและเสริมสร้างรากฐานสำหรับการเติบโตที่ยั่งยืน นับจากนี้ไป FANCL ตั้งเป้าที่จะเสร้มสร้างความมั่นคงให้กับรากฐานการดำเนินงานภายในประเทศ และลงทุนเพื่อกระแสเงินสดในญี่ปุ่นอย่างจริงจังในการดำเนินงานในต่างประเทศของ FANCL เพื่อพัฒนาให้เป็นตัวขับเคลื่อนในการเติบโต

ด้วยปรัชญาและทิศทางเดียวกันในการมุ่งสู่การเติบโตผ่านการแก้ไขปัญหาสังคมด้านสุขภาพ Kirin Holdings และ FANCL ได้กระชับความเข้าใจในแนวเดียวกันโดยการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ นับตั้งแต่มีการสรุปข้อตกลงด้านการลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจในปี 2019 นอกเหนือจากนี้ ในขณะที่เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมภายนอกร่วมกัน เช่น COVID-19 ทั้งสองบริษัทมีการร่วมมือกันในด้านวัสดุ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และแบรนด์ การวิจัยและพัฒนาธุรกิจร่วมกัน และการใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน

  • วัตถุประสงค์ในการจัดให้ FANCL เป็นบริษัทในเครือที่มีการถือหุ้นทั้งหมด

จุดแข็งของ Kirin Holding ได้แก่ การวิจัยด้านภูมิคุ้มกันวิทยาที่มีการดำเนินงานมาอย่างยาวนาน โดยมีความสามารถในการพัฒนาและผลิตส่วนผสมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงสำหรับเทคโนโลยีการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพ และฐานธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งมีการเข้าซื้อกิจการผ่านการเข้าซื้อกิจการของ Blackmores

จุดแข็งของ FANCL อยู่ที่ความสามารถในการเชื่อมต่อและเข้าใจผู้บริโภคผ่านช่องทาง D2C (การจำหน่ายผ่านร้านค้าออนไลน์และทางร้านค้าที่มีการบริหารโดยตรง) ซึ่งคิดเป็น 70% ของยอดขาย และในด้านเทคโนโลยีสำหรับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ โดยใช้ความคิดเห็นจากผู้บริโภคในการวิจัยและพัฒนา เพื่อลดข้อคิดเห็นใน “แง่ลบ” โดยมีความเป็นกลาง ซึ่งมีการดำเนินการมาตลอดอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท

ในการจัดให้ FANCL เป็นบริษัทในเครือที่มีการถือหุ้นทั้งหมด จะช่วยให้ Kirin Holdings สามารถเร่งสร้างโมเดลธุรกิจที่โดดเด่นด้วยการเสริมสร้างจุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละบริษัทเข้าด้วยกัน และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในการบริหารร่วมกัน และการส่งเสริมการจัดการเชิงบูรณาการ โดยการจำหน่ายส่วนผสมที่สร้างขึ้นผ่านเทคโนโลยีการหมักแบบธรรมชาติ และการใช้ประโยชน์จากความเข้าใจของลูกค้าที่มีความสัมพันธ์อันดีกับ Kirin Holdings และ FANCL และนำเสนอแก่ผู้บริโภคผ่านหลากหลายช่องทางในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Kirin Group ยังมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสุขภาพของผู้บริโภคทั้งในธุรกิจเครื่องสำอางค์และอาหารเพื่อสุขภาพ และยังเสริมสร้างความแข็งแกร่งในตลาดโลกนอกเหนือจากตลาดในญี่ปุ่นอีกด้วย

การเปลี่ยนให้ FANCL เป็นบริษัทในเครือที่มีการถือหุ้นทั้งหมดนี้ คาดว่า จะช่วยให้สามารถสร้างความสามารถที่หลากหลายซึ่งอยู่นอกขอบเขตปัจจุบันในการลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น การเสริมสร้างการใช้ประโยชน์จากฐานการดำเนินงานและข้อมูลการสั่งซื้อในญี่ปุ่นและต่างประเทศ การส่งเสริมการวิจัยร่วมกัน และการปรับใช้เทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมเชิงกว้าง ในฐานะบริษัทหลักที่ดำเนินงานในธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพของ Kirin Group FANCL จะมีการเสริมเพิ่ม “ความเป็น FANCL” ในแบรนด์ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงปรัชญาการก่อตั้ง ซึ่งเป็นที่มาของความแข็งแกร่ง นอกเหนือจากการเพิ่มมูลค่าองค์กรของ FANCL แล้ว ทั้งสองบริษัทจะทำงานร่วมกันนอย่างใกล้ชิดเพื่อส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจ เพื่อให้กลายเป็นหนึ่งในธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และบรรลุเป้าหมายในการเติบโตสำหรับ Kirin Group โดยรวมและเสริมสร้างมูลค่าองค์กรให้ดียิ่งขึ้น

  • โครงร่างการทำธุรกรรม

บริษัทที่จะเข้าซื้อกิจการ

FANCL Corporation (รหัสหลักทรัพย์: 4921)

วิธีการเข้าซื้อกิจการและกระบวนการ

การประมูลเข้าซื้อกิจการ (TOB รวมถึงใบสำคัญแสดงสิทธิในหุ้น)

*หาก TOB ประสบความสำเร็จ และไม่ส่งผลให้ได้มาซึ่งหุ้นทั้งหมด จะมีการดำเนินการ “ความต้องการซื้อหุ้น เช่น การจ่ายเงินสด” หรือ “การรวมบัญชีหุ้น”

ระยะเวลา TOB

ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 17 เดือนมิถุนายน ปี 2024

ถึงวันจันทร์ที่ 29 เดือนกรกฎาคม ปี 2024 (30 วันทำการ)

ราคา TOB

หุ้นสามัญ: 2,690 ต่อหุ้น

(ราคาปิดระดับพรีเมียมในวันที่ 13 เดือนมิถุนายน: 42.74% ค่าเฉลี่ย 3 เดือน: 37.17%, EV/EBITDA 17.8 เท่าของปีงบประมาณ สิ้นสุดเดือนมีนาคม ปี 2024)

สิทธิในการซื้อหุ้น: หนึ่งต่อหนึ่งเยน

จำนวนหุ้นที่จะซื้อ

จำนวนหุ้นที่จะซื้อ: 82,051,400 หุ้น

จำนวนหุ้นขั้นต่ำที่จะซื้อ: 41,117,700 หุ้น (จำนวนหุ้นจะต้องผ่านมติพิเศษในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของ FANCL สำหรับหุ้นจำนวนนี้ รวมกับจำนวนหุ้นที่ถือครองโดย Kirin Holdings)

จำนวนหุ้นสูงสุดที่จะซื้อ: N/A

ราคาซื้อรวม

ประมาณ 220.0 พันล้านเยน

วิธีการระดมทุน

กู้เงินผ่านระบบหนี้แบบมีดอกเบี้ย *จะไม่มีการจัดหาเงินทุนจากตราสารทุน

ผลลัพธ์สำหรับปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 31 เดือนมีนามคม ปี 2024

รายได้ 110.9 พันล้านเยน กำไรจากการดำเนินงาน 12.6 พันล้านเยน (Japan GAAP)

อื่นๆ

ตามรายงานจากคณะกรรมการพิเศษที่จัดตั้งขึ้นโดย FANCL คณะกรรมการฝ่ายบริหารของ FANCL ในวันที่ 14 เดือนมิถุนายน ปี 2024 ได้มีมติให้ (i) แสดงความเห็นยืนยันเกี่ยวกับข้อเสนอซื้อหุ้น (ii) แนะนำให้ผู้ถือหุ้นทำการประมูลหุ้นในข้อเสนอซื้อหุ้น และ (iii) ให้สิทธิในการตัดสินใจแก่ผู้ถือสิทธิในการเข้าซื้อหุ้นว่า จะเสนอซื้อสิทธิในการเข้าซื้อหุ้นในข้อเสนอซื้อหุ้นหรือไม่

สำหรับข้อสอบถามเกี่ยวกับข้อเสนอซื้อหุ้น

NOMURA SECURITIES CO., LTD (ตัวแทนสำหรับข้อเสนอซื้อหุ้น)

+81-(0)120-043-335

เวลาทำการ 8:40-17:10 JST ในวันธรรมดา, 9:00-17:00 JST ในวันเสาร์ (ยกเว้นวันหยุด)

สามารถดูรายละเอียดได้ที่ “ประกาศเกี่ยวกับการเตรียมข้อเสนอซื้อใบหุ้น เป็นต้น ของ FANCL CORPORATION (รหัสหลักทรัพย์ 4921)” ลงวันที่ 14 เดือนมิถุนายน ปี 2024

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทต่างชาติที่มีการดำเนินงานในภาคส่วนอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม) ภาคส่วนเภสัชกรรม (ธุรกิจยา) และภาคส่วนวิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings มีรากฐานจาก Japan Brewery ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1885 โดย Japan Brewery ได้เปลี่ยนเป็น Kirin Brewery ในปี 1907 จากนั้น บริษัทมีการขยายธุรกิจด้านเทคโนโลยีการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจยาในปี 1980 โดยยังคงเป็นศูนย์กลางการเติบโตระดับโลก ในปี 2007 มีการก่อตั้ง Kirin Holdings ขึ้นในฐานะบริษัทโฮลดิ้งเต็มรูปแบบ และในปัจจุบัน มุ่งเน้นในการขยายธุรกิจภาคส่วนวิทยาศาสตร์เพื่อสุขภาพ

ภายใต้วิสัยทัศน์ของ Kirin Group Vision 2027 (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนการจัดการระยะยาวที่มีการเปิดตัวในปี 2019 โดย Kirin Group มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำระดับโลกใน CSV* โดยสร้างมูลค่าทั่วโลกทั้งธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ไปจนถึงธุรกิจยา นับจากนี้ไป Kirin Group จะยังคงใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของบริษัทเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านทางธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรลุการเติบโตอย่างยั่งยืนในมูลค่าองค์กร

* การสร้างมูลค่าร่วม: เป็นการผสานรวมมูลค่าเพิ่มสำหรับผู้บริโภคและสังคมร่วมกันโดยรวม

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
Corporate Communication Department Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

แหล่งข้อมูล: Kirin Holdings Company, Limited

การค้นพบครั้งแรกของญี่ปุ่น*1 เกี่ยวกับการทำงานของไขมันในอวัยวะภายในและภูมิคุ้มกันในการวิจัยร่วมกันของ Kirin Holdings และ Kao

Logo

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–27 พฤศจิกายน 2023

Kirin Holdings Company, Limited (TOKYO:2503) และ Kao Corporation (TOKYO:4452) จะเข้าร่วมในการศึกษาเรื่องการส่งเสริมสุขภาพ Wakayama ซึ่งเป็นการศึกษาตามรุ่น*2 ซึ่งนำโดย Wakayama Medical University และจัดขึ้นโดย Health Promotion Research Center (HPRC) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Kao และ Kirin Holdings ทำการศึกษาร่วมกันตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2022 เพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในอวัยวะภายในกับการทำงานของเซลล์พลาสมาไซตอยด์เดนไตรติก (pDC*3)*4 ซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมการสร้างภูมิคุ้มกัน

Joint Research Results (Summary) (Graphic: Business Wire)

ผลการวิจัยร่วม (สรุป) (กราฟิก: Business Wire)

ในช่วงปีที่ผ่านมา มีการมุ่งเน้นความสนใจไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างโรคอ้วนและภูมิคุ้มกัน เนื่องจากมีรายงานว่า โรคอ้วนทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัสที่รุนแรงมากขึ้น*5 การศึกษานี้เป็นการศึกษาครั้งแรกในญี่ปุ่น*1 เพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของคุ้มภูมิกัน และยืนยันว่าระดับไขมันในอวัยวะภายในสูงมีความสัมพันธ์กับการทำงานของ pDC ที่ต่ำ (การทำงานของภูมิคุ้มกันต่ำ) และระดับไขมันในอวัยวะภายในสูงและการทำงานของ pDC ต่ำมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อโคโรนาไวรัสและไข้หวัดใหญ่ การค้นพบนี้ยังไม่มีการรายงานในเอกสารใดๆ ในโลก*6 จะมีการแสดงผลลัพธ์ในการประชุมประจำปีครั้งที่ 44 ของสมาคมญี่ปุ่นเพื่อการศึกษาเรื่องโรคอ้วน และการประชุมประจำปีครั้งที่ 41 ของสมาคมญี่ปุ่นเพื่อการรักษาโรคอ้วน ซึ่งจะมีการจัดขึ้นในจังหวัดมิยางิ ในวันที่ 25 (เสาร์) และ 26 (อาทิตย์) เดือนพฤศจิกายน ปี 2023

*1 อ้างอิงจากบทความและข้อมูลบทคัดย่อที่ตีพิมพ์ใน Pubmed และ Journal of Health Care and Society Web (ณ วันที่ 22 เดือนพฤศจิกายน ปี 2023 ตามข้อมูลจาก KnowledgeWire)
*2 หนึ่งในวิธีการวิจัยเชิงสังเกตทางระบาดวิทยาเชิงวิเคราะห์ โดยการสร้างกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยเฉพาะของโรคและกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้อง และการคำนวณอัตราอุบัติการณ์ของโรคเป้าหมายภายในแต่ละกลุ่ม ช่วยให้สามารถตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยของโรคและการระบาดได้
*3 เซลล์ภูมิคุ้มกันที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมเมื่อมีแบคทีเรียหรือไวรัสเข้าสู่ร่างกาย การทำให้ pDC ทำงานจะช่วยกระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกันต่างๆ เช่น เซลล์ NK ทีเซลล์ และบีเซลล์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส
*4 เปอร์เซ็นต์ของ pDC ที่สร้างปัจจัยต้านไวรัสตามการกระตุ้นที่เลียนแบบการติดเชื้อไวรัส
*5 Ghilotti F et al. J Epidemiol. 2019; 48(6): 1783-1794
Popkin BM et al. Obes Rev. 2020; 21(11): e13128
*6 อ้างอิงจากข้อมูลบทความที่ตีพิมพ์ใน Pubmed และ Journal of Health Care and Society Web (ณ วันที่ 22 เดือนพฤศจิกายน ปี 2023 ตามข้อมูลจาก KnowledgeWire)

ผลลัพธ์การวิจัยร่วม (บทสรุป)

การค้นพบครั้งแรกของญี่ปุ่น*1
(1) มีการค้นพบว่า การทำงานของ pDC จะลดลงในบุคคลที่มีไขมันในอวัยวะภายในสูง
(2) มีเปอร์เซ็นต์สูงที่ผู้มีไขมันในอวัยวะภายในสูงและการทำงานของ pDC ต่ำจะติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่และไข้หวัดใหญ่ เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่มีไขมันในอวัยวะภายในสูง

ผลกระทบที่ได้รับ
ขอแนะนำว่า การรักษามวลไขมันในอวัยวะภายในต่ำและการทำงานของ pDC สูงนั้น มีความสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโคโรนาไวรัสและไข้หวัดใหญ่

ผลการวิจัยร่วม

ความเป็นมาและวัตถุประสงค์

มีการระบุโรคอ้วนโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่า เป็น “ภาวะที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการสะสมไขมันที่ผิดปกติหรือมากเกินไป” และมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการเกิดโรคเรื้อรัง มีการศึกษาผลกระทบจากโรคอ้วนที่มีต่อสุขภาพในหลายประเทศ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างโรคอ้วนและภูมิคุ้มกันได้รับความสนใจ เนื่องจากมีการรายงานว่า โรคอ้วนนำไปสู่การติดเชื้อไวรัสที่รุนแรงยิ่งขึ้น*7

การวิจัยนี้จัดทำขึ้นโดยเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาวิจัยเรื่องการส่งเสริมสุขภาพ Wakayama โดยมีการตั้งเป้าไปที่ผู้อยู่อาศัยใน Wakayama มาตั้งแต่ปี 2011 Kao ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวิจัยเรื่องโรคอ้วนจากไขมันในอวัยวะภายใน ซึ่งถือว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับโรคที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต และ Kirin Holdings ซึ่งมีการวิจัยในสาขาภูมิคุ้มกันวิทยามานานกว่า 35 ปี ได้ร่วมมือกันเพื่อชี้แจงความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของ pDC
*7 Pranata R et al. Clin Nutr ESPEN. 2021; 43: 163-168

การศึกษาเรื่องการส่งเสริมสุขภาพ Wakayama คืออะไร

นี่เป็นการศึกษาตามรุ่นที่นำโดย Wakayama Medical University ตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งปัจจุบันกำลังดำเนินการร่วมกับ HPRC เพื่อระบุปัจจัยทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาของโรคต่างๆ ในหมู่ประชากรที่อาศัยอยู่ใน Wakayama

ในปัจจุบัน มีการวิจัยที่ดำเนินการในโครงการเกี่ยวกับวิถีชีวิต โรคที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต และมวลกล้ามเนื้อ ส่งผลให้เกิดการค้นพบมากมาย รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อและการพัฒนาของหลอดเลือด และความสัมพันธ์ระหว่างประวัติในการหกล้อมและการทำงานด้านกายภาพโดยสมัครใจ นี่เป็นครั้งแรกที่โครงการทำการวิจัยเกี่ยวกับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

Kirin Holdings และ Kao ดำเนินงานร่วมกันเพื่อพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างมวลไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของ pDC ในการศึกษาการส่งเสริมสุขภาพใน Wakayama เพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้บริโภคในอนาคต

วิธีการวิจัย

ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2022 มีการจัดการตรวจสุขภาพเฉพาะสำหรับ Wakayama ที่มีผู้อยู่อาศัย 223 คน ช่วงอายุ 50–55 ปี จากการดำเนินการนี้ ช่วยให้ Kao ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมตามวิถีชีวิตและบริเวณไขมันในอวัยวะภายใน ในขณะที่ Kirin มีการวัดข้อมูลจากการทำงานของ pDC ในเลือด จะมีการแบ่งปันข้อมูลเหล่านี้ระหว่างทั้งสองทีม และมีการศึกษาและวิเคราะห์ร่วมกันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของ pDC มีการแบ่งกลุ่มที่ศึกษาออกเป็นดังนี้

บริเวณไขมันในอวัยวะภายใน: จากค่ามัธยฐานที่ 77 ซม.2 สำหรับค่าทั้งหมด จะมีการกำหนดให้ระดับไขมันในอวัยวะภายในที่น้อยกว่า 77 ซม.2 ให้เป็นกลุ่มไขมันในอวัยวะภายในต่ำ และกลุ่มที่มีระดับไขมันในอวัยวะภายในสูงกว่า 77 ซม.2 จะถือว่าเป็นกลุ่มไขมันในอวัยวะภายในสูง

การทำงานของ pDC: ขึ้นอยู่กับค่ามัธยฐานที่ 9.52% สำหรับค่าทั้งหมด จะมีการกำหนดให้กลุ่มที่มีการทำงานของ pDC อยู่ที่ 9.52% หรือน้อยกว่าเป็นกลุ่มที่มีการทำงานของ pDC ต่ำ และกลุ่มที่มีการทำงานของ pDC อยู่ที่ 9.52% หรือสูงกว่าเป็นกลุ่มที่มีการทำงานของ pDC สูง

ผลลัพธ์

ผลลัพธ์ที่ 1: ความสัมพันธ์ระหว่างบริเวณไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของ pDC
กลุ่มที่มีค่าบริเวณไขมันในอวัยวะภายในสูงจะมีการทำงานของ pDC ต่ำกว่ากลุ่มที่มีค่าบริเวณไขมันในอวัยวะภายในต่ำอย่างมีนัยสำคัญ (ภาพที่ 1)

ผลลัพธ์ที่ 2: ผลกระทบของบริเวณไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของ pDC ต่อการติดโรคติดเชื้อ
กลุ่มที่มีค่าบริเวณไขมันในอวัยวะภายในสูงมีอุบัติการณ์ในการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่สูงกว่ากลุ่มที่มีค่าต่ำ โดยมีอัตราส่วนโอกาสที่จะเกิดขึ้นสูงถึง 7 เท่า*8 ในขณะเดียวกัน กลุ่มที่มีการทำงานของ pDC ต่ำมีอุบัติการณ์ในการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่สูงกว่ากลุ่มที่มีการทำงานของ pDC สูง โดยมีอัตราส่วนโอกาสที่จะเกิดขึ้นสูงถึง 5 เท่า (ภาพที่ 2)

ยังมีการแบ่งการวิเคราะห์ออกเป็นสี่กลุ่ม เพื่อยืนยันผลเสริมฤทธิ์สำหรับบริเวณไขมันในอวัยวะภายในสูงหรือต่ำ และการทำงานของ pDC และพบว่า กลุ่มที่มีบริเวณไขมันในอวัยวะภายในสูงและการทำงานของ pDC ต่ำ มีอุบัติการณ์ในการติดเชื้อไวรัสโคโรนนาสายพันธุ์ใหม่สูงกว่ากลุ่มที่มีบริเวณไขมันอวัยวะภายในต่ำและการทำงานของ pDC สูง โดยมีอัตราส่วนโอกาสที่จะเกิดขึ้นสูงถึง 20 เท่า และมีการตรวจพบผลลัพธ์เช่นเดียวกันสำหรับไข้หวัดใหญ่ (ภาพที่ 3)
*8 อัตราส่วนโอกาสที่จะเกิดขึ้นเป็นค่าที่ใช้เพื่อแสดงความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุการณ์ขึ้น อัตราส่วนโอกาสที่จะเหิดขึ้นและความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้นมีความสัมพันธ์เชิงบวก

ผลการวิจัยเกี่ยวกับการทำงานร่วมกัน

นับเป็นครั้งแรกในโลกที่การทำงานร่วมกันนี้ มีการวิจัยพบว่า ผู้ที่มีระดับบริเวณไขมันในอวัยวะภายในสูงมีการทำงานของ pDC ต่ำ นอกจากนี้ ยังมีการแนะนำว่า บริเวณไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของ pDC ตามลำดับ ส่งผลต่อความไวในการติดเชื้อโคโรนาไวรัสและไข้หวัดใหญ่ และผู้ที่มีบริเวณไขมันอวัยวะภายในสูงและการทำงานของ pDC ต่ำ จะมีความเสี่ยงต่อโรคเหล่านี้เป็นพิเศษ

ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่มีค่าบริเวณไขมันในอวัยวะภายในสูงและการทำงานของ pDC ต่ำเพื่อการจัดการมวลไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทระดับโลกที่ดำเนินงานในภาคส่วนอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม) ภาคส่วนเภสัชกรรม (ธุรกิจเภสัชกรรม) และภาคส่วนวิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings มีรากฐานมาจาก Japan Brewery ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1885 Japan Brewery ได้เปลี่ยนเป็น Kirin Brewery ในปี 1907 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บริษัทได้ขยายธุรกิจเกี่ยวกับการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจเภสัชกรรมในปี 1980 โดยยังคงเป็นศูนย์กลางระดับโลกที่ยังคงเติบโตอยู่ ในปี 2007 Kirin Holdings ก่อตั้งขึ้นเป็นบริษัทโฮลดิ้ง และปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่การขยายขอบเขตภาคส่วนวิทยาสาสตร์สุขภาพ

ภายใต้วิสัยทัศน์ Kirin Group Vision 2027 (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนการบริหารระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2019 Kirin Group ตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำระดับโลกในด้าน CSV*9 เพื่อสร้างมูลค่าในโลกของอาหารและเครื่องดื่มไปจนถึงภาคส่วนเภสัชกรรม นับจากนี้ไป Kirin Group จะยังคงใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของตนเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บรรลุการเติบโตที่ยั่งยืนในคุณค่าขององค์กร
*9 การสร้างคุณค่าร่วมกัน: มูลค่าเพิ่มร่วมกันสำหรับผู้บริโภคและสังคมโดยรวม

เกี่ยวกับ Kao Corporation

Kao สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ซึ่งนำเสนอการดูแลและเติมเต็มให้กับชีวิตของผู้คนทั้งหมดและโลกใบนี้ Kao เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนในเอเชีย โอเชียเนีย อเมริกาเหนือ และยุโรป ผ่านผลงานของแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 แบรนด์ เช่น Attack, Bioré, Goldwell, Jergens, John Frieda, Kanebo, Laurier, Merries, และ Molton Brown เมื่อมีการรวมเข้ากับธุรกิจเคมีภัณฑ์ ซึ่งมีส่วนช่วยในอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย Kao สร้างรายได้ประมาณ 1,420 พันล้านเยนจากยอดขายต่อปี Kao มีพนักงานประมาณ 33,500 คนทั่วโลก และมีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 135 ปีในด้านนวัตกรรม โปรดเข้าชมข้อมูลที่อัปเดตในเว็บไซต์ของ Kao Group https://www.kao.com/global/en/

Kao มีการก่อตั้งกลยุทธ์ ESG คือ Kirei Lifestyle Plan ในเดือนเมษายน ปี 2019 ตั้งแต่ปี 2021 Kao มีการส่งเสริมแผนระยะกลางตาม “การปกป้องขีวิตในอนาคต” และส่งเสริม “ความยั่งยืนเป็นหลัก” เป็นวิสัยทัศน์ Kao จะยังคงบูรณาการมุมมอง ESG เข้ากับการบริหารจัดการบริษัท โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาธุรกิจและจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการที่ดียิ่งขึ้นแก่ผู้บริโภคและสังคม และทำงานตามจุดประสงค์ “เพื่อสร้างโลก Kirei เพื่อทุกชีวิตสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

https://www.businesswire.com/news/home/53862302/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
Corporate Communication Department
Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

Corporate PR, Corporate Strategy
Kao Corporation
1-14-10, Nihonbashi Kayabacho, Chuo-ku, Tokyo
https://www.kao.com/global/en/
corporate_pr@kao.com

แหล่งข้อมูล: Kirin Holdings Company, Limited




Alpaca และ SBI Holdings ของญี่ปุ่น ประกาศความร่วมมือและการลงทุนเชิงกลยุทธ์มูลค่า 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเร่งธุรกิจของ Alpaca ในเอเชีย

Logo

Alpaca แซงหน้าธุรกิจ 150 แห่ง ที่เปิดตัวบนแพลตฟอร์มนายหน้า และเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตแบบเร่งตัวร่วมกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ในแต่ละภูมิภาคหลัก

ซานมาเทโอ แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE )–13 ตุลาคม 2023

Alpaca แพลตฟอร์มนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ระดับโลกสำหรับการซื้อขายหุ้นและสกุลเงินดิจิทัลที่รองรับการเปิดตัวธุรกิจการลงทุนหลายร้อยแห่งทั่วโลก วันนี้ได้ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ SBI Group (“SBI”) ซึ่งเป็นกลุ่มบริการทางการเงินในญี่ปุ่นที่มีนายหน้าออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด (บริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ใหญ่เป็นอันดับสอง) ในญี่ปุ่นโดยมีรายได้และมีสินทรัพย์มากกว่า 400 พันล้านเยนภายใต้การจัดการการลงทุน VC/PE

Alpaca and Japan’s SBI Holdings Announce Partnership and Strategic Investment to Accelerate Alpaca’s Asian Business (Graphic: Business Wire)

Alpaca และ SBI Holdings ของญี่ปุ่น ประกาศความร่วมมือและการลงทุนเชิงกลยุทธ์เพื่อเร่งธุรกิจของ Alpaca ในเอเชีย (กราฟิก: Business Wire)

ความร่วมมือครั้งนี้ช่วยให้ Alpaca สามารถเร่งการขยายธุรกิจและขยายการเข้าถึงไปยังสถาบันการเงินระดับองค์กรเพื่อการเคลียร์และดำเนินการหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ในเอเชีย

ในฐานะส่วนหนึ่งของความร่วมมือครั้งใหม่ SBI ได้ลงทุน 15 ล้านเหรียญสหรัฐใน Alpaca นอกจากนี้ SBI ยังได้ตกลงกับ Alpaca เพื่อให้คำมั่นสัญญาในการขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคตของ Alpaca ผ่านความพยายามในการพัฒนาธุรกิจร่วมกันและการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม

Alpaca ยังคงจัดหาทรัพยากรที่ทุ่มเทให้กับการขยายธุรกิจในเอเชียผ่านใบอนุญาตนายหน้า-ตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับเมื่อเร็ว ๆ นี้ภายใต้ Japan FSA ด้วยใบอนุญาตในญี่ปุ่น Alpaca สามารถจัดหาโครงสร้างพื้นฐานด้านนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์สำหรับสถาบันการเงินระดับองค์กรและบริษัทสตาร์ทอัพ เพื่อเสนอบริการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ให้กับลูกค้าปลายทางได้อย่างง่ายดาย

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับ SBI ในฐานะพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของเรา และเพื่อขยายขอบเขตการดำเนินงานของเราในภูมิภาคเอเชีย” กล่าวโดย Yoshi Yokokawa ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Alpaca “ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเร่งภารกิจของเราในการเปิดบริการทางการเงินแก่ทุกคนบนโลกอย่างมีนัยสำคัญ เงินทุนพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของ SBI ช่วยให้เราสามารถเพิ่มสถานะของเราในภูมิภาคเอเชียได้อย่างมีนัยสำคัญ เร่งการให้บริการสถาบันการเงินระดับองค์กร และเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการของท้องถิ่น เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ปลดล็อกศักยภาพอันมหาศาลนี้”

“การลงทุนของเราใน Alpaca สอดคล้องโดยตรงกับวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ของเรา เพื่อแสดงความมุ่งมั่นของเราในการเร่งสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และสร้างมูลค่าให้กับลูกค้าปลายทาง” กล่าวโดย Shohei Yamada รองผู้จัดการทั่วไปของ SBI Investment “เรารู้สึกประหลาดใจกับการเติบโตและความเร็วของนวัตกรรมที่ Alpaca ได้แสดงให้เห็น และรู้สึกตื่นเต้นที่จะสนับสนุนการขยายธุรกิจต่อไปในภูมิภาคเอเชีย”

นอกจากการเติบโตของ Alpaca ในญี่ปุ่นแล้ว แพลตฟอร์มนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของ Alpaca ยังสนับสนุนธุรกิจหลายร้อยรายในเกือบ 30 ประเทศ เช่น ตุรกี ซาอุดีอาระเบีย อินโดนีเซีย ไทย และอินเดีย Alpaca ระดมทุนได้มากกว่า 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากนักลงทุนชั้นนำในอุตสาหกรรมทั่วโลก

เกี่ยวกับ Alpaca

Alpaca เป็นแพลตฟอร์มนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ API แห่งแรกของนักพัฒนาที่รองรับธุรกิจหลายร้อยแห่งทั่วโลก Alpaca นำเสนอการซื้อขายหุ้นและสกุลเงินดิจิทัล ข้อมูลตลาดแบบเรียลไทม์ และโครงสร้างพื้นฐานด้านนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์แบบ end-to-end ผ่าน API ที่ทันสมัย Alpaca ระดมทุนได้มากกว่า 120 ล้านดอลลาร์ และได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนชั้นนำในอุตสาหกรรมทั่วโลก ซึ่งรวมถึง Portage Ventures, Spark Capital, Tribe Capital, Social Leverage, Horizons Ventures, Unbound, SBI Group, Eldridge, Positive Sum, Elefund และ Y Combinator

เกี่ยวกับ SBI Group

SBI Group ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 ในฐานะผู้บุกเบิกบริการทางการเงินบนอินเทอร์เน็ตในญี่ปุ่น เป็นกลุ่มการเงินทางอินเทอร์เน็ตแบบครบวงจรที่ดำเนินงานทั่วโลก ครอบคลุมธุรกิจหลัก 5 ประเภท ได้แก่ “ธุรกิจบริการทางการเงิน” เช่น ธุรกิจหลักทรัพย์ การธนาคาร และประกันภัย “ธุรกิจการลงทุน” ซึ่งดำเนินธุรกิจการลงทุนในหุ้นนอกตลาด รวมถึงการร่วมลงทุน “ธุรกิจบริหารสินทรัพย์” ที่ให้บริการด้านการบริหารสินทรัพย์ที่หลากหลาย “ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล” ซึ่งดำเนินการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและบริการแลกเปลี่ยน และ “ธุรกิจที่ไม่ใช่ทางการเงิน” ซึ่งรวมถึงกิจกรรมทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีชีวภาพ การดูแลสุขภาพและสารสนเทศทางการแพทย์, Web3 และตลาดใหม่ในต่างประเทศ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.sbigroup.co.jp/english/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53604043/en

รายชื่อติดต่อ

press@alpaca.markets
ทีมการตลาด Alpaca

ที่มา: Alpaca

SciMed (Asia) บริษัทฝ่ายขายและบริการด้านชีววิทยาศาสตร์ในเครือของ PHC Holdings Corporation กลายเป็นบริษัทในเครืออย่างเต็มตัวจากการเข้าซื้อกิจการเพื่อขยายธุรกิจของ PHC Group เพื่อสนับสนุนนักวิจัยและผู้ให้บริการด้านสุขภาพในเอเชียแปซิฟิก

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–15 มิถุนายน 2023

PHC Holdings Corporation (สำนักงานใหญ่: มินาโตะ โตเกียว ญี่ปุ่น, ประธาน กรรมการผู้แทน และซีอีโอ: Shoji Miyazaki ซึ่งต่อไปเรียกบริษัทนี้ว่า PHCHD) ประกาศว่า บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นที่เหลืออีก 30% ของบริษัทในเครือ SciMed (Asia) Pte. Ltd. (สำนักงานใหญ่: สิงคโปร์ ซึ่งต่อไปเรียกบริษัทนี้ว่า SciMed) ทำให้ SciMed กลายเป็นบริษัทในเครือของ PHCHD อย่างเต็มตัว โดยก่อนหน้านี้ PHCHD ถือหุ้นใน SciMed อยู่ 70% PHC Group บริษัทระดับโลกที่ประกอบด้วย PHCHD และบริษัทในเครือ จะใช้การซื้อกิจการครั้งนี้เพื่อขยายธุรกิจชีววิทยาศาสตร์ไปทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

SciMed นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการด้านชีววิทยาศาสตร์ ซึ่งรวมถึงตู้แช่แข็งอุณหภูมิต่ำพิเศษและตู้อบ CO2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย และโอเชียเนีย นับตั้งแต่ปี 1992 PHC Group และกลุ่มบริษัทก่อนหน้าได้ร่วมมือกับ SciMed เพื่อขยายธุรกิจในภูมิภาคเหล่านี้ผ่านเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวาง ตลอดจนความเชี่ยวชาญในสาขาชีววิทยาศาสตร์ของ SciMed และความสามารถในการให้บริการของตน ในเดือนกรกฎาคม 2020 นั้น PHCHD เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน SciMed จาก 14.99% เป็น 70% ซึ่งทำให้กลายเป็นบริษัทในเครือของ PHCHD*

ตลาดอุปกรณ์ชีววิทยาศาสตร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกคาดว่าจะเติบโตอย่างมาก โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากการขยายตัวระดับภูมิภาคในอุตสาหกรรมเภสัชกรรมและการสร้างสถาบันทางการแพทย์ใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของชีวเภสัชภัณฑ์ เช่น ยาแอนติบอดีและวัคซีน ในฐานะบริษัทในเครืออย่างเต็มตัว SciMed จะสามารถบรรลุความร่วมมือเชิงลึกกับแผนกและบริษัทในเครืออื่น ๆ ของ PHC Group และปรับปรุงโครงสร้างการขายและการตลาดทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย และโอเชียเนีย สิ่งนี้จะส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ และเร่งการสร้างโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่สนับสนุนนักวิจัยและผู้ให้บริการด้านสุขภาพที่เผชิญกับความท้าทายในการพัฒนาการรักษาขั้นสูง

Nobuaki Nakamura เจ้าหน้าที่องค์กรและหัวหน้าร่วมฝ่ายการวินิจฉัยและชีววิทยาศาสตร์ของ PHCHD กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับ SciMed ในฐานะบริษัทในเครืออย่างเต็มตัวของเรา เราได้ขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ SciMed กลายเป็นบริษัทในเครือในปี 2020 โดย SciMed มีความพร้อมที่ดีที่จะกลายเป็นสถานที่ปฏิบัติการในเอเชียสำหรับธุรกิจอื่น ๆ ของ PHC Group ในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งจะขยายกิจกรรมการขายในธุรกิจที่มีอยู่และส่งเสริมการเข้าถึงขอบเขตของการรักษาขั้นสูงอย่างเต็มรูปแบบ เช่น เซลล์บำบัดและยีนบำบัด PHC Group จะยังคงสนับสนุนการทำงานร่วมกันระหว่างธุรกิจทั่วโลกของเรา และมีส่วนร่วมในการส่งเสริมนักวิจัยในการพัฒนาวิธีการรักษาขั้นสูงเพื่อช่วยสร้างอนาคตของการดูแลสุขภาพที่ดีขึ้น”

ภาพรวมของ SciMed
ชื่อบริษัท: SciMed (Asia) Pte. Ltd.
สำนักงานใหญ่: สิงคโปร์
ก่อตั้ง: 1992
กรรมการผู้จัดการ: Sachihiko Kataoka
ธุรกิจ: การขายและบริการอุปกรณ์และสินค้าอุปโภคบริโภคด้านชีววิทยาศาสตร์
จำนวนพนักงาน: 75 (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2023)
จำนวนไซต์ธุรกิจ: 1

www.phchd.com/global/news/2020/0707

เกี่ยวกับ PHC Holdings Corporation

PHC Holdings Corporation (TSE 6523) เป็นบริษัทด้านการดูแลสุขภาพระดับโลกที่มีพันธกิจในการสนับสนุนสังคมสุขภาพผ่านโซลูชันด้านการดูแลสุขภาพที่มีผลกระทบเชิงบวกและพัฒนาชีวิตของผู้คน โดยมีบริษัทย่อยในเครือ ได้แก่ PHC Corporation, Ascensia Diabetes Care Holdings AG, Epredia Holdings Ltd., Wemex Corporation และ LSI Medience Corporation บริษัทเหล่านี้ร่วมกันพัฒนา ผลิต จำหน่าย และให้บริการโซลูชันด้านการจัดการโรคเบาหวาน โซลูชันด้านการดูแลสุขภาพ การวินิจฉัย และชีววิทยาศาสตร์ ยอดขายสุทธิรวมในปีงบประมาณ 2022 อยู่ที่ 356.4 พันล้านเยน โดยมีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการทั่วโลกในกว่า 125 ประเทศและภูมิภาค PHC Group เป็นคำเรียกรวมที่หมายรวมถึง PHC Holdings Corporation และบริษัทย่อยในเครือทั้งหมด
URL: www.phchd.com

เกี่ยวกับ SciMed (Asia) Pte. Ltd.

SciMed (Asia) Pte. Ltd. มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ เป็นผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการชั้นนำในด้านชีวการแพทย์ ชีววิทยาศาสตร์ การดูแลสุขภาพ การค้นคว้ายา เวชภัณฑ์ ห้องปฏิบัติการ การทดสอบทางอุตสาหกรรม และตลาดเกษตรกรรม SciMed ได้กลายเป็นบริษัทในเครือของ PHC Holding Corporation อย่างเต็มตัวในปี 2023 เพื่อพัฒนาการขายและการตลาดในธุรกิจชีววิทยาศาสตร์ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย และโอเชียเนีย
URL: scimed.com.sg/about-scimed

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ช่องทางติดต่อสำหรับสื่อ
Hiroko Arai
ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร
PHC Holdings Corporation
+81-3-6778-5311
อีเมล: phc-cp@gg.phchd.com

ฝ่ายการตลาด แผนกชีวการแพทย์
PHC Corporation
+80-4816-3259
อีเมล: masayo.okada@phchd.com

แหล่งที่มา: PHC HOLDINGS CORPORATION

บริษัทวิศวกรรมระดับโลก JGC Holdings เลือกให้ Boomi ปรับปรุงระบบธุรกิจให้ทันสมัย

Logo

แพลตฟอร์มการผสานรวมที่ได้รับรางวัลของ Boomi ในฐานะบริการ (iPaaS) ได้รับเลือกจากประวัติการใช้งานทั่วโลกและความสามารถในการเชื่อมต่อแพลตฟอร์มต่าง ๆ

TOKYO & CHESTERBROOK, Pa.–(BUSINESS WIRE)–31 พฤษภาคม 2023

Boomi™ ผู้นำด้านการเชื่อมต่ออัจฉริยะและระบบอัตโนมัติ ได้ประกาศในวันนี้ว่า JGC Holdings Corporation (“JGC”) ซึ่งเป็นบริษัทด้านวิศวกรรมระดับโลก ได้เลือกแพลตฟอร์ม Boomi เพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีให้ทันสมัยและสนับสนุนเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของบริษัท

Global Engineering Company JGC Holdings Selects Boomi To Modernize Its Business Systems (Graphic: Business Wire)

บริษัทวิศวกรรมระดับโลก JGC Holdings เลือกให้ Boomi ปรับปรุงระบบธุรกิจให้ทันสมัย (กราฟิก: Business Wire)

JGC ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น ดำเนินธุรกิจในหลายภูมิภาคทั่วโลก โดยต้องการสถาปัตยกรรมไอทีแบบ hub-and-spoke เพื่อเชื่อมต่อแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่น เมื่อพิจารณาถึงความซับซ้อนของการพัฒนาระบบใหม่ JGC จึงใช้แนวทางแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อรวมแพลตฟอร์ม software as a service (SaaS) เช่น Coupa และ ServiceNow ขนาดของโครงการที่จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เฟซ ระบบ และแพลตฟอร์มจำนวนมากนั้น ส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น JGC ติดต่อ Nomura Research Institute (NRI) เพื่อแนะนำผู้จำหน่ายที่มีชื่อเสียงซึ่งมีประวัติการทำงานที่แข็งแกร่งและมีประสบการณ์ในการเชื่อมต่อแพลตฟอร์มที่หลากหลายและทำให้โครงการที่ซับซ้อนง่ายขึ้น

“Boomi เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการสี่รายในกระบวนการคัดเลือกและมีประสบการณ์มากมายในการแก้ปัญหาความท้าทายของลูกค้าตลอดเส้นทางการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล” กล่าวโดย Mr. Atsuo Honiden ผู้จัดการกลุ่ม Procurement DX Group แผนกจัดส่งโครงการดิจิทัลของ JGC “Boomi เหมาะสมที่สุดทั้งในแง่ของเทคโนโลยีและความคุ้มค่า นอกจากนี้ โซลูชันของ Boomi ยังตรงกับวิสัยทัศน์ของเราในการค่อย ๆ รวมระบบต่าง ๆ เข้าด้วยกันเพื่อให้ได้สถาปัตยกรรมแบบ hub-and-spoke”

“Boomi มีผลงานที่พิสูจน์แล้วในการใช้งานทั่วโลกและจัดหาโซลูชันที่คุ้มค่าสำหรับโครงการจัดซื้อจัดจ้างของ JGC Corporation” กล่าวโดย Mr. Akira Matsumoto กรรมการผู้จัดการองค์กรอาวุโส ผู้จัดการแผนก DX Platform Division ของ Nomura Research Institute, Ltd. “ตัวเชื่อมต่อต่าง ๆ ของ Boomi ช่วยให้เราสามารถใช้สถาปัตยกรรมแบบ hub-and-spoke ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเชื่อมต่อระบบหลายระบบในเฟส”

Kazunori Hori ผู้อำนวยการที่ญี่ปุ่นของ Boomi กล่าวว่า “Boomi เป็นบริษัทผสานรวมอิสระบนคลาวด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้จำหน่ายแพลตฟอร์มการผสานรวม เราเชื่อมโยงทุกคนเข้ากับทุกสิ่ง และภูมิใจในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ปลายทางที่ไม่ซ้ำกันมากกว่า 200,000 รายการ ช่วยให้ลูกค้าของเรา เช่น JGC สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ”

Boomi นำเสนอชุมชนที่กำลังเติบโตซึ่งมีสมาชิกมากกว่า 100,000 คน และเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้รวมระบบระดับโลก (GSI) ที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่ iPaaS บริษัทมีเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลกประมาณ 800 ราย ซึ่งรวมถึง Accenture, Deloitte, SAP และ Snowflake และทำงานร่วมกับผู้ให้บริการคลาวด์ไฮเปอร์สเกลเลอร์รายใหญ่ที่สุด ที่มี Amazon Web Services, Google และ Microsoft เป็นต้น

นับรวมอยู่ใน Deloitte Technology Fast 500™ และ Inc. 5000 ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่เติบโตเร็วที่สุดในอเมริกา Boomi ได้รับรางวัล International Stevie® Awards สามรางวัลสำหรับบริษัทแห่งปี (สองปีติดต่อกัน) และนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ได้แก่ รางวัล Gold Globee® Award ในหมวด Platform as a Service (PaaS), รางวัล Merit Award for Technology ในหมวด Cloud Services และรางวัล Stratus Award ในฐานะ Global Leader in Cloud Computing 2022 และได้รับการจัดอันดับอันทรงเกียรติระดับ 5 ดาว ใน CRN Partner Program Guide เป็นเวลาสองปีติดต่อกัน

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ตั้งเป้าหมายที่จะทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นโดยเชื่อมโยงทุกคนเข้ากับทุกสิ่ง ทุกที่ ผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มการผสานรวมบนคลาวด์ในรูปแบบบริการ (iPaaS) และปัจจุบันเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำระดับโลกด้านบริการ (SaaS) Boomi นำเสนอฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้จำหน่ายแพลตฟอร์มการผสานรวมและเครือข่ายทั่วโลกที่มีพันธมิตรประมาณ  800 ราย รวมถึง Accenture, Capgemini, Deloitte, SAP และ Snowflake องค์กรระดับโลกหันมาใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ Boomi เพื่อค้นหา จัดการ และจัดการข้อมูล ขณะที่เชื่อมต่อแอปพลิเคชัน กระบวนการ และผู้คนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและรวดเร็วขึ้น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ http://www.boomi.com

© 2022 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ 'B', Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทย่อยหรือบริษัทในเครือ สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่น ๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53408276/en

ติดต่อ

มีเดีย:
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายสื่อและนักวิเคราะห์สัมพันธ์ของ APJ
jasmine.ee@boomi.com

แหล่งที่มา: Boomi

Kirin Holdings และ Kao เริ่มทำการวิจัยร่วมกันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในช่องท้องและภูมิคุ้มกันวิทยา

Logo

Tokyo–(BUSINESS WIRE)–11 พฤศจิกายน 2022

ตั้งแต่เดือนนี้ Kirin Holdings Company, Limited (Kirin Holdings) และ Kao Corporation (Kao) จะเข้าร่วมในการศึกษาตามรุ่นของ “วิจัยส่งเสริมสุขภาพวาคายามะ”*1 ซึ่งนำโดย Wakayama Medical University และเรียบเรียงโดยศูนย์วิจัยส่งเสริมสุขภาพ (HPRC) ที่เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Kirin Holdings และ Kao จะร่วมกันทำการวิจัยเพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในช่องท้องกับการทำงานของเซลล์เดนไดรต์ในพลาสมาไซทอยด์*2 (pDCs) ซึ่งเป็นตัวนำสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันและอื่น ๆ

*1 วิธีการวิจัยเชิงสังเกตวิธีหนึ่งที่ใช้ตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยของโรคและการเกิดโรค โดยจัดกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยโรคเฉพาะและกลุ่มคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับปัจจัยโรคเฉพาะ และสามารถตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยและการเกิดโรคได้โดยการคำนวณอุบัติการณ์ของโรคเป้าหมายในแต่ละกลุ่ม

*2 เซลล์ภูมิคุ้มกันที่มีบทบาทสำคัญในฐานะตัวนำหลักเมื่อแบคทีเรียหรือไวรัสเข้าสู่ร่างกาย การทำงานของ pDC จะกระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกันต่าง ๆ เช่น เซลล์ NK เซลล์ T และเซลล์ B เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส

โครงร่างการวิจัย

  1. หัวข้อการวิจัย
  2. โครงสร้างการวิจัย
    Kirin Central Research Institute, Kirin Holdings Company, Limited
    R&D-Health & Wellness Products Research, R&D-Biological Science Research , Kao Corporation
    Wakayama Medical University
  3. เป้าหมาย
    ชายและหญิงที่เป็นผู้ใหญ่ 300 คนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดวาคายามะ (ตามแผน)

ความเป็นมา

โรคอ้วนได้รับการกำหนดโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่าเป็น “การสะสมไขมันผิดปกติหรือมากเกินไปซึ่งอาจนำไปสู่สุขภาพที่ไม่ดี” ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคเรื้อรังเพิ่มขึ้น ทั่วโลกกำลังศึกษาผลกระทบของโรคอ้วนต่อสุขภาพ และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความเชื่อมโยงระหว่างโรคอ้วนกับภูมิคุ้มกันกำลังได้รับความสนใจ เนื่องจากโรคอ้วนมีความเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัสที่รุนแรงมากขึ้น*3

วัตถุประสงค์

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในช่องท้องกับกิจกรรมของ pDC โดยผสมผสานความสามารถในด้านการวิจัยมากกว่า 35 ปีของ Kirin Holdings ที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันวิทยาเข้ากับความสามารถในด้านการวิจัยของ Kao ที่เกี่ยวกับการลดการสะสมไขมันในช่องท้อง ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิต งานวิจัยนี้จะดำเนินการเป็นการศึกษาเพิ่มเติมสำหรับ “วิจัยส่งเสริมสุขภาพวาคายามะ” ซึ่งได้ดำเนินการกับผู้อยู่อาศัยในจังหวัดวาคายามะมาตั้งแต่ปี 2011

ในเดือนนี้ จะมีการตรวจสุขภาพเฉพาะในจังหวัดวาคายามะสำหรับผู้อยู่อาศัยที่มีอายุ 40-55 ปี Kao จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและปริมาณไขมันในช่องท้อง ในขณะที่ Kirin Holdings จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมของเซลล์เดนไดรต์ รวมถึง pDCs ในเลือด โดยทั้งคู่จะแบ่งปันข้อมูลเหล่านี้ร่วมกัน และจะมีการศึกษาและวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในช่องท้องและกิจกรรมของ pDC

*3 Int J Epidemiol. 2019;48(6):1783-1794. https://doi.org/10.1093/ije/dyz129
Obes Rev. 2020;21(11):e13128. https://doi.org/10.1111/obr.13128

วิจัยส่งเสริมสุขภาพวาคายามะคืออะไร

นี่เป็นการศึกษาตามรุ่นที่นำโดย Wakayama Medical University ตั้งแต่ปี 2011 และขณะนี้ได้ดำเนินการร่วมกับ HPRC โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระบุปัจจัยทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการเกิดของโรคต่าง ๆ ในหมู่คนท้องถิ่นในจังหวัดวาคายามะ

จนถึงปัจจุบัน มีการวิจัยเกี่ยวกับการใช้ชีวิตและมวลกล้ามเนื้อ และได้มีการตีพิมพ์เอกสารต้นฉบับเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อกับการเริ่มมีภาวะหลอดเลือดแข็ง ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างประวัติการล้มและปริมาณการออกกำลังกายที่เจตนา

Kirin และ Kao จะส่งเสริมความคิดริเริ่มที่มุ่งลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้บริโภคในอนาคต โดยการชี้แจงความสัมพันธ์ระหว่างมวลไขมันในอวัยวะภายในและกิจกรรม pDC ผ่านวิจัย HPRC

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทระหว่างประเทศที่ดำเนินการในส่วนของอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม) ส่วนของยา (ธุรกิจยา) และในด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings สืบทอดมาจาก Japan Brewery ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1885 โดย Japan Brewery ได้กลายเป็น Kirin Brewery ในปี 1907 ตั้งแต่นั้นมา บริษัทก็ได้ขยายธุรกิจด้วยการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจเภสัชกรรมในปี 1980 ซึ่งทั้งหมดยังคงเป็นศูนย์กลางการเติบโตระดับโลก ในปี 2007 Kirin Holdings ก่อตั้งขึ้นในฐานะบริษัทโฮลดิ้งอย่างแท้จริง และปัจจุบันนี้กำลังมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ

ภายใต้วิสัยทัศน์ Kirin Group Vision 2027 (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนการจัดการระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2019 ทำให้ Kirin Group มีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำระดับโลกในด้าน CSV* ซึ่งสร้างมูลค่าให้กับโลกของอาหารและเครื่องดื่มไปจนถึงยา ในอนาคต Kirin Group จะยังคงใช้จุดแข็งต่าง ๆ เพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านธุรกิจของบริษัท โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรลุการเติบโตอย่างยั่งยืนในค่านิยมขององค์กร

* การสร้างคุณค่าร่วมกัน: รวมมูลค่าเพิ่มสำหรับผู้บริโภคและสังคมโดยรวม

เกี่ยวกับ Kao Corporation

Kao สร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูงซึ่งให้การดูแลและเพิ่มคุณค่าให้กับชีวิตของทุกคนและโลกใบนี้ ด้วยผลงานของแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 แบรนด์ เช่น Attack, Bioré, Goldwell, Jergens, John Frieda, Kanebo, Laurier, Merries และ Molton Brown โดย Kao เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนในเอเชีย โอเชียเนีย อเมริกาเหนือ และยุโรป Kao สร้างยอดขายต่อปีได้ประมาณ 1,420 พันล้านเยน เมื่อรวมกับธุรกิจเคมีภัณฑ์ซึ่งมีส่วนช่วยในหลากหลายอุตสาหกรรม Kao มีพนักงานประมาณ 33,500 คนทั่วโลกและมีประวัติยาวนานถึง 135 ปีในด้านนวัตกรรม โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ Kao Group สำหรับข้อมูลล่าสุด https://www.kao.com/global/en/

Kao Group ได้กำหนดกลยุทธ์ ESG ของ Kirei Lifestyle Plan ในเดือนเมษายน ปี 2019 และในปี 2021 Kao ได้เปิดตัวแผนระยะกลางปี ​​2025 (K25) ซึ่งประกาศว่า “การปกป้องชีวิตในอนาคต” และการส่งเสริมให้ “ความยั่งยืนเป็นหนทางเดียว” เป็นวิสัยทัศน์ของบริษัท Kao Group จะยังคงรวมกลยุทธ์ ESG เข้ากับแนวทางการจัดการ นอกจากนี้ยังจะพัฒนาธุรกิจ จัดหาผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีขึ้นสำหรับผู้บริโภคและสังคม และทำงานตามวัตถุประสงค์ “เพื่อให้เกิดโลก Kirei ที่ทุกชีวิตอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนสมานฉันท์”

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Press Contact
Corporate Communication Department Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

Corporate PR, Corporate Strategy, Kao Corporation
1-14-10, Nihonbashi Kayabacho, Chuo-ku, Tokyo
https://www.kao.com/global/en/
corporate_pr@kao.com

แหล่งข้อมูล: Kirin Holdings Company, Limited

Kirin Holdings: ช้อนและชามที่ช่วยเพิ่มรสเค็มของอาหารที่มีโซเดียมต่ำได้ประมาณ 1.5 เท่า*1 ผ่านการกระตุ้น

Logo

  • พัฒนารูปแบบของคลื่นกระแสไฟฟ้าที่มีลักษณะเฉพาะซึ่งช่วยเพิ่มความเค็มของอาหารที่มีโซเดียมต่ำได้ประมาณ 1.5 เท่า
  • อุปกรณ์ “เกลืออิเล็กทริก” รูปทรงช้อนและชามที่มีรูปแบบของคลื่นกระแสไฟฟ้านี้ได้รับการพัฒนาขึ้น
  • การทดลองสาธิตร่วมกับสองบริษัทที่เสนอการรับประทานเพื่อสุขภาพเริ่มขึ้นในเดือนกันยายน
  • ตั้งเป้าเปิดตัวอุปกรณ์ที่ประเทศญี่ปุ่นในปี 2566

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–07 กันยายน 2565

Kirin Holdings Company, Limited (Kirin) และ Dr. Homei Miyashita แห่งมหาวิทยาลัย Meiji University Laboratory of Department of Frontier Media Science, School of Interdisciplinary Mathematical Sciences (Miyashita Laboratory) ได้พัฒนาเครื่องกระตุ้นอิเล็กทริกที่ลักษณะเฉพาะในการช่วยเพิ่มการรับรสเค็มเมื่อรับประทานอาหารที่มีโซเดียมต่ำได้ประมาณ 1.5 เท่า และพัฒนาอุปกรณ์ “เกลืออิเล็กทริก” รูปทรงช้อนและชามที่รวมเทคโนโลยีนี้เข้าด้วยกัน

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220906005747/en/

Electric Salt Spoon (Photo: Business Wire)

ช้อนเพิ่มความเค็มอิเล็กทริก (ภาพ: Business Wire)

Kirin ร่วมกับ Noruto Company, Limited (Noruto) และ The Orangepage Inc. (Orangepage) จะเริ่มการทดลองสาธิตในเดือนกันยายนเพื่อประเมินความพึงพอใจในมื้ออาหารโดยการจัดให้อุปกรณ์นี้พร้อมอาหารที่มีโซเดียมต่ำเป็นชุด

เราตั้งเป้าที่จะเปิดตัวอุปกรณ์ “เกลืออิเล็กทริก” ในปี 2566 ด้วยอุปกรณ์นี้ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างสังคมที่ผู้คนสามารถปรับปรุงวิถีชีวิตของพวกเขาได้อย่างเอร็ดอร่อย

ปัญหาสังคม “เกลือมากเกินไป”

ปริมาณเกลือที่คนญี่ปุ่นบริโภคในแต่ละวันคือ 10.9 กรัมสำหรับผู้ชาย และ 9.3 กรัมสำหรับผู้หญิงที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป*2 ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าสูงมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานการบริโภคเกลือขององค์การอนามัยโลก (WHO)*3 ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดญี่ปุ่นสำหรับอาหารที่มีโซเดียมต่ำและปราศจากเกลือได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องเพราะความใส่ใจในสุขภาพที่เพิ่มขึ้น โดยเติบโตขึ้นประมาณ 26% ในช่วงห้าปีระหว่างปี 2558 ถึง 2563 โดยประมาณการยอดขายอยู่ที่ 141.3 พันล้านเยน ในปี 2563*4 จากการสำรวจที่จัดทำโดยบริษัทของเรา*5 ของผู้อยู่อาศัยในเขตมหานครโตเกียว เราพบว่าประมาณ 63% ของผู้ที่รับประทานอาหารที่มีโซเดียมต่ำตั้งใจที่จะทำเช่นนั้นเพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ท้าทาย และในจำนวนนี้ประมาณ 80% ไม่พอใจกับรสชาติของอาหารที่มีโซเดียมต่ำ หากผู้คนยังคงสนุกกับการรับประทานอาหารที่มีโซเดียมต่ำต่อไป ก็จะช่วยปรับปรุงความท้าทายด้านสุขภาพและอาจขยายตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีโซเดียมต่ำและปราศจากเกลือได้

การวิจัยร่วมกันโดย Kirin และ Dr. Homei Miyashita Laboratory ของ Meiji University เพื่อแก้ปัญหาทางสังคม

ในการตอบสนองต่อปัญหาสังคมนี้ ตั้งแต่ปี 2562 เราได้ทำการวิจัยร่วมกับ Dr. Homei Miyashita Laboratory ในการใช้เทคโนโลยี “การรับรสด้วยอิเล็กทริก” ซึ่งใช้กระแสไฟฟ้าที่อ่อนมากซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายมนุษย์เพื่อการเปลี่ยนแปลงรสชาติของอาหารในการรับรู้ทางประสาทสัมผัสเทียม จากผลการวิจัยนี้ เราได้พัฒนารูปแบบของคลื่นกระแสไฟฟ้าที่มีลักษณะเฉพาะในการช่วยเพิ่มรสชาติของอาหารที่มีโซเดียมต่ำ และได้รับการยืนยันเป็นครั้งแรกในโลกว่าการรับรู้รสเค็มเมื่อรับประทานอาหารโซเดียมต่ำเพิ่มขึ้นประมาณ 1.5 เท่าในการทดสอบทางคลินิกกับผู้ที่เคยหรือกำลังลดเกลือ

วิวัฒนาการของอุปกรณ์โดยคำนึงถึงความต้องการของลูกค้า

ในการสำรวจของเรา*6 บะหมี่ราเมนและซุปมิโซะได้รับการจัดอันดับที่หนึ่งและสองในแง่ของ “อาหารของผู้ที่พยายามลดการบริโภคเกลือต้องการกินที่มีรสชาติเข้มข้นแทนที่จะเป็นรสบางเบา” เราพบว่ามีความต้องการสูงสำหรับ “อาหารที่เป็นรางวัล” อย่างเช่น บะหมี่ราเมนซึ่งพวกเขาชอบแต่ละเว้นจากการรับประทานเนื่องจากการลดเกลือ รสจัด และความต้องการน้ำซุปที่รสอร่อยสูงซึ่งมีนิสัยชอบรับประทานเป็นประจำทุกวันแต่ไม่พอใจกับรสชาติ

เพื่อขจัดความอดทนที่ลูกค้ามีในการลดเกลือเหล่านี้และทำให้มื้ออาหารของพวกเขาน่ารับประทานยิ่งขึ้น เราจึงได้พัฒนา “ช้อนเพิ่มความเค็มอิเล็กทริก” และ “ชามเพิ่มความเค็มอิเล็กทริก” ซึ่งเหมาะสำหรับการรับประทานบะหมี่ราเมนและน้ำซุป

“ช้อนเพิ่มความเค็มอิเล็กทริก” และ “ชามเพิ่มความเค็มอิเล็กทริก” ที่พัฒนาขึ้นใหม่นั้นล้ำหน้ากว่าและติดตั้งเทคโนโลยีรูปแบบคลื่นกระตุ้นไฟฟ้า*7 ซึ่งพัฒนาโดย Kirin และ ห้องปฏิบัติการของ Dr. Homei Miyashita และนำเสนอเป็นอุปกรณ์ประเภทตะเกียบเพื่อการดำเนินการทางสังคม

ช้อนเพิ่มความเค็มอิเล็กทริก

คุณสมบัติ:
เปิดสวิตช์ไฟที่ด้ามจับของช้อนและตั้งค่าความเข้ม (4 ระดับ) ตามที่คุณต้องการ
หลังจากเลือกแล้ว ให้ใช้ช้อนในลักษณะเดียวกับช้อนปกติ
กระแสไฟฟ้าอ่อนจะถูกส่งผ่านอาหารเพื่อสร้างผลกระทบจากปลายช้อน

การใช้งานที่เป็นไปได้:
แทนช้อนบะหมี่ราเมน
สำหรับน้ำซุปและแกงที่มีส่วนผสมมากมาย
อาหารมื้ออื่น ๆ โดยทั่วไป

ชามเพิ่มความเค็มอิเล็กทริก

คุณสมบัติ:
เปิดสวิตช์ไฟที่ด้านข้างของชามและตั้งค่าความเข้ม (4 ระดับ) ตามที่คุณชอบ
หลังจากเลือกแล้ว ให้ใช้ชามเหมือนชามทั่วไป
วางมือที่ด้านล่างของชาม
เมื่อถือไว้ กระแสไฟฟ้าอ่อนจะไหลเข้าไปในชามเพื่อสร้างผลลัพธ์

การใช้งานที่เป็นไปได้:
เมื่อรับประทานซุปมิโซะหรือน้ำซุป
ใช้เป็นชามเสิร์ฟสำหรับบะหมี่ราเมนและบะหมี่อุด้ง

การทดลองความร่วมมือกับสองบริษัท เพื่อเสนอประสบการณ์การรับประทานเพื่อสุขภาพโดยใช้อุปกรณ์

เพื่อให้ชีวิตประจำวันมีการรับประทานเกลือที่เข้มข้นน้อยลง เรายังนำเสนออาหารเพื่อสุขภาพที่น่ารับประทานด้วย “ช้อนเพิ่มความเค็มอิเล็กทริก” และ “ชามเพิ่มความเค็มอิเล็กทริก” โดยใช้ความรู้ของเราที่ปลูกฝังในฐานะบริษัทด้านอาหาร ในเดือนกันยายนของปีนี้ การทดลองสาธิตโดยใช้อุปกรณ์ “เกลืออิเล็กทริก” จะดำเนินการร่วมกับ Noruto ซึ่งดำเนินการร้านค้าปลีกที่จำหน่ายเฉพาะผลิตภัณฑ์โซเดียมต่ำ “Muen.com” ซึ่งซื้อขายผลิตภัณฑ์เป็นจำนวนมากที่สุด*8 ในประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาโดยบริษัทและ Orangepage การทดลองสาธิตจะเริ่มในเดือนกันยายน โดยสมาชิกของแต่ละบริษัทจะได้รับเชิญให้เข้าร่วม อาหารโซเดียมต่ำแสนอร่อยที่พัฒนาโดยทั้งสองบริษัทจะนำเสนอเป็นชุดพร้อมอุปกรณ์ “เกลืออิเล็กทริก” และจะมีการประเมินระดับความพึงพอใจของพวกเขา

โครงร่างของการทดลองสาธิต

  1. ระยะเวลาดำเนินการ: เดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน 2565
  2. เรื่อง: สมาชิกของ Noruto และ Orangepage
  3. รายละเอียดการใช้งาน: สำรวจการชิมที่หน้างาน การทดสอบการใช้งานในบ้านเพื่อใช้ที่บ้าน

การพัฒนาในอนาคต

ประโยชน์ของอุปกรณ์ “เกลืออิเล็กทริก” จะได้รับการยืนยันผ่านการทดลองสาธิตในปีนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะวางจำหน่ายอุปกรณ์ที่ประเทศญี่ปุ่นในปี 2566 เรากำลังพัฒนาอุปกรณ์ “เกลืออิเล็กทริก” เพื่อส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้าที่กังวลเรื่องการลดเกลือ ในอนาคตเราจะส่งเสริมความร่วมมือกับบริษัทหลายแห่งในการส่งมอบอาหารเพื่อสุขภาพให้กับลูกค้า และมุ่งมั่นที่จะให้บริการที่ช่วยให้ลูกค้าได้ลิ้มลองรสชาติ และบรรลุนิสัยการกินเพื่อสุขภาพโดยไม่ต้องอดทนหรือหงุดหงิดอีกต่อไป

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทระหว่างประเทศที่ดำเนินการในโดเมนอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม) โดเมนเภสัชกรรม (ธุรกิจเภสัชกรรม) และโดเมนวิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings แกะรอยรากเหง้ามาจาก Japan Brewery ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2428 Japan Brewery ได้กลายเป็น Kirin Brewery ในปี 2450 ตั้งแต่นั้นมาบริษัทก็ได้ขยายธุรกิจด้วยการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจเภสัชกรรมในช่วงปี 2523 ซึ่งธุรกิจทั้งหมดยังคงเป็นศูนย์กลางการเติบโตทั่วโลก ในปี 2550 Kirin Holdings ก่อตั้งขึ้นในฐานะบริษัทโฮลดิ้งอย่างแท้จริง และขณะนี้กำลังมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมโดเมนวิทยาศาสตร์สุขภาพ

ภายใต้วิสัยทัศน์ Kirin Group Vision 2027 (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนการจัดการระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2562 โดย Kirin Group มีเป้าหมายที่จะเป็น “ผู้นำระดับโลกในด้าน CSV* ซึ่งสร้างมูลค่าให้กับโลกของอาหารและเครื่องดื่มสู่เภสัชกรรม” ในอนาคต Kirin Group จะยังคงใช้จุดแข็งเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางด้านสังคมและเศรษฐกิจผ่านธุรกิจของบริษัท โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรลุการเติบโตอย่างยั่งยืนในมูลค่าองค์กร

  1. เปลี่ยนค่าการประเมินความเข้มข้นของความเค็มในตัวอย่างที่เลียนแบบอาหารธรรมดาและตัวอย่างที่มีเกลือน้อยกว่า 30% ทดสอบโดยใช้ตะเกียบที่ติดตั้งเทคโนโลยีเกลืออิเล็กทริก (กระแสไฟ 0.1~0.5 mA) ชายและหญิงอายุระหว่าง 40-65 ปี จำนวน 31 คน ที่เคยหรือกำลังลดเกลือถูกถามถึงระดับความเค็มที่พวกเขารับรู้เมื่อรับประทานอาหารทดลอง และผู้ตอบแบบสอบถาม 29 ใน 31 คนตอบว่า ความเค็มเพิ่มขึ้น
  2. การสำรวจสุขภาพและโภชนาการแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข แรงงานและสวัสดิการปี 2565
  3. น้อยกว่า 5.0 กรัม/วัน (ปี 2555 แนวทางของ WHO)
  4. Fuji Keizai “แนวโน้มตลาดอาหารเพื่อสุขภาพปี 2562” ขนาดตลาดปี 2563เป็นการคาดการณ์
  5. การวิจัย Kirin ระยะเวลาสำรวจ: มิถุนายน 2564 เป้าหมาย: ชายและหญิงอายุ 40-79 ปี อาศัยอยู่ในเขตมหานครโตเกียว (N=4,411) รูปแบบ: การสำรวจทางเว็บ ประมาณ 47% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดรับประทานอาหารที่โซเดียมต่ำ/เต็มใจที่จะทำเช่นนั้น
  6. การวิจัย Kirin ระยะเวลาสำรวจ: มกราคม 2565 เป้าหมาย: ชายและหญิงอายุ 30-69 ปี จำนวน 120 คนที่กำลังฝึกลดเกลือ รูปแบบ: แบบสำรวจ CLT อนุญาตให้ตอบได้หลายแบบ
  7. ข่าวประชาสัมพันธ์ของผลการวิจัย (วันจันทร์ที่ 11 เมษายน 2565) https://www.kirinholdings.com/jp/newsroom/release/2022/0411_01.html
  8. ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีโซเดียมต่ำจำนวนมากที่สุดที่ซื้อขายในประเทศญี่ปุ่น/ วิจัยโดย Nord (อ้างอิงจากข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ ณ วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม 2565)

*: การสร้างมูลค่าร่วมกัน รวมมูลค่าเพิ่มสำหรับผู้บริโภคตลอดจนสังคมโดยทั่วไป

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220906005747/en/

ติดต่อสื่อ
Corporate Communication Department
Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
+81-3-6837-7028
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

Public Relations Office, Meiji University
1-1 Kanda-Surugadai, Chiyoda-ku, Tokyo
https://www.meiji.ac.jp/cip/english/
Email: koho@mics.meiji.ac.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


bitbank inc. ผู้ประกอบการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์คริปโต ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับ Sumitomo Mitsui Trust Holdings Inc. เพื่อจัดตั้งบริษัททรัสต์ที่เชี่ยวชาญด้านสินทรัพย์ดิจิทัล

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–24 พ.ค. 2565

bitbank, inc. (สำนักงานใหญ่: โตเกียว ญี่ปุ่น CEO: Noriyuki Hirosue) และ Sumitomo Mitsui Trust Holdings, Inc. (HQ: Tokyo Japan, ผู้อำนวยการ, ประธาน: Toru Takakura) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดตั้ง “Japan Digital Asset Trust Preparatory Company, inc*1 หรือ “JADAT”” ซึ่งจะเป็นบริษัทเตรียมการเพื่อจัดตั้งบริษัททรัสต์ที่เชี่ยวชาญด้านสินทรัพย์ดิจิทัล*2 โดยในบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะศึกษาความเป็นไปได้ของ SuMi TRUST Holdings ในการลงทุนใน JADAT

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหาเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220523005408/en/

bitbank, inc., a crypto asset exchange operator, has signed a MOU with Sumitomo Mitsui Trust Holdings, Inc. to establish a trust company specializing in digital assets

bitbank, inc. ผู้ดำเนินการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์คริปโต ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับ Sumitomo Mitsui Trust Holdings, Inc. เพื่อจัดตั้งบริษัททรัสต์ที่เชี่ยวชาญด้านสินทรัพย์ดิจิทัล “JADAT” (กราฟิก: Business Wire)

JADAT จะได้ความรู้ know-how เกี่ยวกับระบบการจัดการการจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลจากระดับความปลอดภัยขั้นสูงของ bitbank และของประเทศญี่ปุ่น และได้ความรู้ know-how ด้านธุรกิจทรัสต์จาก SuMi TRUST Holdings ซึ่งเป็นกลุ่มธนาคารทรัสต์เฉพาะทาง

*1 หลังจากการจดทะเบียนโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามพระราชบัญญัติธุรกิจทรัสต์ คาดว่าจะเปลี่ยนชื่อธุรกิจเป็น Japan Digital Asset Trust, inc..

*2 สินทรัพย์ Crypto, โทเค็นความปลอดภัยบนบล็อคเชนสาธารณะ, สเตเบิลคอยน์ และ NFT

เกี่ยวกับบริษัทใหม่

ชื่อ: Japan Digital Asset Trust Preparatory Company, inc.

ซีอีโอ: Noriyuki Hirosue

เนื้อหาธุรกิจ: ธุรกิจการดูแลทรัพย์สินดิจิทัล

เว็บไซต์: http://jadat.com/en

เกี่ยวกับ bitbank, inc.

[บทนำ]

bitbank ดำเนินการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ crypto ของญี่ปุ่น ซึ่งมีปริมาณการค้าในประเทศต่อเดือนที่ 731.7 พันล้านเยน ส่วนแบ่งปริมาณการค้าในประเทศ 33.7% (ในเดือนเมษายน 2564) และเงินฝากของลูกค้ามากกว่า 300 พันล้านเยน บริษัทกำลังขยายตัวขนาดธุรกิจอย่างรวดเร็ว  เพื่อขยายตลาดสินทรัพย์ crypto ในประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องมีนักลงทุนสถาบันเข้าสู่ตลาดมากขึ้น อนึ่ง ด้วยจุดแข็งของเราในด้านเทคโนโลยีการจัดเก็บสินทรัพย์ crypto สภาพคล่องของการซื้อขายแบบสปอต, ความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง ทำให้เราจะมีส่วนร่วมในการขยายตัวต่อไปของตลาดสินทรัพย์ crypto ผ่านธุรกิจที่ไว้วางใจสินทรัพย์ดิจิทัลกับ JADAT

[ชื่อบริษัท]

bitbank, inc.

[URL]

https://bitbank.cc/about/corporate

[CEO]

Noriyuki Hirosue

[ที่อยู่]

141-0031 7F, KDX Nishigotanda Building, 7-20-9 Nishigotanda, Shinagawa, Tokyo, Japan

[วันก่อตั้ง]

7 พ.ค., 2557

[ทุนเริ่มต้น]

8,647.21 ล้านเยน (รวมทุนสำรอง)

[คำอธิบายธุรกิจ]

บริการที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ Crypto (cryptocurrency)

ผู้ดำเนินการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ Crypto ทะเบียนเลขที่ 00004 ออกโดยผู้อำนวยการสำนักการเงินท้องถิ่นคันโต

[สมาชิกภาพ]

Japan Virtual and Crypto assets Exchange Association (JVCEA)

Japan Crypto Asset Business Association (JCBA)

Blockchain Collaborative Consortium (BCCC)

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220523005408/en/

ติดต่อ:

bitbank, inc.

Midori Abe

+81-50-1751-8600

midori.abe@bitcoinbank.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Regencell Bioscience Holdings Limited ประกาศราคาเสนอขายหุ้นครั้งแรกของบริษัทให้กับนักลงทุนประมาณ 21.9 ล้านดอลลาร์

Logo

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–16 กรกฎาคม 2564

Regencell Bioscience Holdings Limited (NASDAQ:RGC) (“Regencell” หรือ “บริษัท”) ซึ่งเป็นบริษัทชีววิทยาศาสตร์ระยะเริ่มต้นที่มุ่งเน้นการวิจัย พัฒนา และการค้าของแพทย์แผนจีน (“TCM”) สำหรับการรักษาความผิดปกติและความเสื่อมของระบบประสาท โดยเฉพาะโรคสมาธิสั้น Attention Deficit Hyperactivity Disorder (“ADHD”) และโรคออทิสติก Autism Spectrum Disorder (“ASD”) ประกาศราคาการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (“การเสนอขาย”) จำนวน 2,300,000 หุ้น ในราคาเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป 9.50 ดอลลาร์ต่อหุ้นสามัญ โดยหุ้นสามัญได้รับการอนุมัติให้เข้าจดทะเบียนในตลาดทุนของ Nasdaq และคาดว่าจะเริ่มซื้อขายในวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 ภายใต้สัญลักษณ์ “RGC”

Regencell คาดว่าจะได้รับรายได้รวมประมาณ 21.9 ล้านดอลลาร์จากการเสนอขายนี้ ก่อนที่จะหักส่วนลดการรับประกันภัยและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้บริษัทได้ให้สิทธิผู้รับประกันการจัดจำหน่ายในการซื้อหุ้นสามัญโดยเพิ่มทุนจำนวน 345,000 หุ้นในราคาเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปได้ภายใน 45 วัน หักด้วยส่วนลดการรับประกันภัย การเสนอขายนี้คาดว่าจะปิดในหรือประมาณวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของเงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียม

เงินที่ได้จากการเสนอขายนี้จะนำไปใช้เป็นทุนในการศึกษาวิจัยครั้งที่สอง สูตรและผลิตภัณฑ์ TCM ของบริษัท เงินเดือนพนักงาน การเช่าสิ่งอำนวยความสะดวก การปรับปรุงและอุปกรณ์ การจดทะเบียนผลิตภัณฑ์และทรัพย์สินทางปัญญา และเงินทุนหมุนเวียนและวัตถุประสงค์ทั่วไปอื่นๆ ขององค์กร

การเสนอขายจะดำเนินการบนพื้นฐานของความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ Maxim Group LLC ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการบัญชีสำหรับนี้แต่เพียงผู้เดียว

Hunter Taubman Fischer & Li LLC ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัท และ Loeb & Loeb LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับ Maxim Group LLC ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขาย

แบบแสดงรายการข้อมูลการลงทะเบียนในแบบฟอร์ม F-1 ที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายได้ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“ก.ล.ต.”) (หมายเลขไฟล์: 333-254571) และประกาศให้มีผลบังคับโดยสำนักงาน ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 การเสนอขายนี้จัดทำขึ้นโดยใช้หนังสือชี้ชวนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแบบแสดงรายการข้อมูลการจดทะเบียนเท่านั้น สำเนาหนังสือชี้ชวนขั้นสุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายสามารถรับได้จาก Maxim Group LLC, 300 Park Ave, 16th Floor, New York, NY 10022 ที่ (212) 895-3745 นอกจากนี้ สามารถรับสำเนาหนังสือชี้ชวนที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายได้จากเว็บไซต์ของ ก.ล.ต. ที่ www.sec.gov

ก่อนการลงทุนควรอ่านหนังสือชี้ชวนและเอกสารอื่นๆ ที่บริษัทได้ยื่นหรือจะยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อข้อมูลที่ครบถ้วนเกี่ยวกับบริษัทและการเสนอขาย ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ไม่ถือเป็นการเสนอขาย หรือการชักชวนให้เสนอซื้อหลักทรัพย์ใดๆ ของบริษัท และจะไม่มีการนำเสนอหรือขายหลักทรัพย์ดังกล่าวในสหรัฐอเมริกาหากไม่ได้ลงทะเบียนหรือได้รับการยกเว้นจากการลงทะเบียน และจะไม่มี การเสนอ การชักชวน หรือการขายหลักทรัพย์ใดๆ ของบริษัทในรัฐหรือเขตอำนาจศาลใดๆ ที่การเสนอ การชักชวน หรือการขายดังกล่าวจะไม่ชอบด้วยกฎหมายก่อนการลงทะเบียนหรือคุณสมบัติภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐหรือเขตอำนาจศาลดังกล่าว

เกี่ยวกับ Regencell Bioscience Holdings Limited

Regencell Bioscience Holdings Limited เป็นบริษัทด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพระยะเริ่มต้นที่มุ่งเน้นการวิจัย การพัฒนา และการค้าของ TCM สำหรับการรักษาความผิดปกติและความเสื่อมของระบบประสาท โดยเฉพาะ ADHD และ ASD บริษัทเริ่มต้นในฮ่องกงในปี 2557 และเสร็จสิ้นการศึกษาวิจัยครั้งแรกโดยใช้สูตร TCM เฉพาะบุคคลในฮ่องกง บริษัทมีเป้าหมายที่จะเปิดตัวยาสูตร TCM ที่เป็นของเหลวมาตรฐานจำนวนสามสูตรสำหรับผู้ป่วย ADHD และ ASD ที่มีอาการเล็กน้อย ปานกลาง และขั้นรุนแรงในฮ่องกงก่อนแล้วจึงค่อยไปสู่ตลาดอื่นๆ ตามความเหมาะสม

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

ข้อความทั้งหมดนอกเหนือจากข้อความข้อเท็จจริงในอดีตในประกาศนี้เป็นข้อความที่มีลักษณะคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะการเสนอขายของบริษัท ข้อความที่มีลักษณะการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนทั้งที่ทราบและไม่ทราบ และอยู่บนพื้นฐานของความคาดหวังในปัจจุบันและการคาดการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์และแนวโน้มทางการเงินในอนาคตที่บริษัทเชื่อว่าอาจส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงิน ผลการดำเนินงาน กลยุทธ์ทางธุรกิจ และความต้องการทางการเงิน รวมทั้งความคาดหวังว่าการเสนอขายจะเสร็จสมบูรณ์ นักลงทุนสามารถระบุข้อความที่มีลักษณะคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้ด้วยคำหรือวลี อย่างเช่น “อาจจะ” “จะ” “คาดหวัง” “คาดการณ์” “ตั้งเป้า” “ประมาณการ” “ตั้งใจ” “วางแผน” “เชื่อ” “มีศักยภาพ” “ดำเนินต่อไป” “มีแนวโน้มว่าจะ” หรือสำนวนอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน บริษัทไม่มีภาระผูกพันในการปรับปรุงข้อความที่มีลักษณะคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตที่สะท้อนถึงเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามมา หรือการเปลี่ยนแปลงในความคาดหวัง ยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนด แม้ว่าบริษัทเชื่อว่าความคาดหวังที่แสดงไว้ในข้อความที่มีลักษณะคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้มีความสมเหตุสมผล แต่ก็ไม่สามารถรับรองได้ว่าความคาดหวังดังกล่าวจะถูกต้อง และบริษัทเตือนนักลงทุนว่าผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างอย่างมากจากผลลัพธ์ที่คาดการณ์ไว้ และสนับสนุนให้นักลงทุนทบทวนปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อผลลัพธ์ในอนาคตในแบบแสดงรายการข้อมูลการจดทะเบียนของบริษัทและการยื่นเอกสารอื่นๆ ต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต.

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210715006080/en/

ติดต่อ:

องค์กร:
James Chung
Chief Strategy Officer
Regencell Bioscience Holdings Limited
ir@rgcbio.com

สำหรับนักลงทุนในภูมิภาคเอเชีย:
Strategic Financial Relations Limited
Vicky Lee (852) 2864 4834
Brigid Lee (852) 2114 4313
Yvonne Lee (852) 2864 4847
SPRG_Regencell@sprg.com.hk

สำหรับนักลงทุนนอกภูมิภาคเอเชีย:
Lena Cati
The Equity Group Inc.
Vice President
(212) 836-9611
lcati@equityny.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย