I’mbesideyou Inc. เปิดตัวบริการ “UNION OF EMOTIONS” โดยใช้ระบบ AI เพื่อให้เห็นภาพการส่งเสียงเชียร์เป็นแรงใจซึ่งกันและกันข้ามพรมแดน

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–30 กรกฎาคม 2564

I'mbesideyou Inc. (Setagaya-ku, Tokyo CEO: Shozo Kamiya ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า I'mbesideyou) ได้เปิดตัวบริการ “UNION OF EMOTIONS” ในวันที่ 23 กรกฎาคม 2564 ซึ่งเป็นวันเปิดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ และนี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นภาพผู้คนส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจกันด้วยระบบ AI วิเคราะห์อารมณ์ความรู้สึก

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210730005404/en/

A visualization of the emotions of cheers flying around the world: Click on each cheer to learn more about that country. (Photo: Business Wire)

การแสดงให้เห็นภาพอารมณ์ความรู้สึกของการส่งเสียงเชียร์ไปทั่วโลก: คลิกที่แต่ละเสียงเชียร์เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประเทศนั้นๆ (ภาพ: Business Wire)

มีการส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจมากกว่า 20,000 ครั้งจากกว่า 79 เมืองในกว่า 14 ประเทศทั่วโลก และภาพการส่งเสียงเชียร์ที่กระจายไปทั่วโลกได้ขับเคลื่อนผู้คนจำนวนมากบนโลกโซเชียลมีเดีย

UNION OF EMOTIONS คือตัวอย่างแรกของโลกที่เชื่อมโยงอารมณ์ความรู้สึกของผู้คนแบบเรียลไทม์ในประเทศต่างๆ ด้วยความช่วยเหลือของระบบ AI โดยมีกำหนดจะเปิดให้บริการจนถึงวันที่ 8 สิงหาคม ตอนพิธีปิดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติที่จะจัดขึ้น

การส่งเสียงเชียร์จากทั่วโลก:

เสียงเชียร์ที่ส่งมาจะปรากฏให้เห็นทั่วโลกโดยใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์อารมณ์และความรู้สึกของ I'mbesideyou โดย I'mbesideyou ได้เริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้ด้วยความหวังว่าผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกจะรู้สึกถึงความเชื่อมโยงกับโลกและต่อตัวเองโดยการส่งแรงบันดาลใจให้กันและกันสำหรับความพยายามของนักกีฬาและก้าวข้ามผ่านพรมแดนของประเทศ

https://world-emotions.imbesideyou.com/index.html

การตอบสนองของผู้ใช้:

ผลตอบรับจากทั่วโลกไม่เพียงแต่ส่งเสียงเชียร์ในประเทศของตัวเอง แต่ยังส่งกำลังใจไปยังประเทศอื่นๆ ได้อีกด้วย

โพสต์มากกว่า 20,000 โพสต์จากกว่า 79 เมืองใน 14 ประเทศ

https://world-emotions.imbesideyou.com/index.html

และภาพถ่ายของโครงการ KIMONO ซึ่งคาดว่าจะนำมาแสดงในพิธีเปิด ซึ่งประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะนำเสนอโดยชุดกิโมโนและโอบิกว่า 213 แบบ และจะถูกโพสต์พร้อมชื่อประเทศต่างๆ

เกี่ยวกับ “UNION OF EMOTIONS”

UNION OF EMOTIONS เป็นบริการที่ใช้เทคโนโลยีการจดจำอารมณ์ของ I'mbesideyou เพื่อช่วยให้ผู้คนทั่วโลกเชื่อมต่อกันผ่านอารมณ์โดยการจับภาพและโพสต์วิดีโอและภาพถ่ายของผู้คนที่เชียร์นักกีฬา

บริการนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายและไม่รวมโฆษณาใดๆ

เป็นความพยายามในการส่งเสริมนักกีฬาให้แข่งขันโดยไม่มีผู้ชม

สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกใจในการโพสต์รูปภาพหรือวิดีโอ จะมีการเพิ่มปุ่มใหม่ตั้งแต่เปิดตัวที่อนุญาตให้ผู้ใช้เชียร์นักกีฬาด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว

I'mbesideyou หวังว่าผู้คนจากทั่วโลกจะรู้สึกอิสระที่จะมีส่วนร่วมและเชื่อมต่อกันผ่านการเฉลิมฉลองกีฬา

ความคิดของเรา:

I’mbesideyou มีความประหลาดใจอย่างยิ่งที่งานกีฬาที่โด่งดังที่สุดในโลกที่จัดขึ้นในประเทศของเราจะมีการจัดโดยไม่มีผู้ชม I’mbesideyou จะทำอะไรได้บ้างเพื่อนักกีฬาที่จะเข้าแข่งขันในสถานการณ์ที่ไม่ปกติเช่นนี้? I’mbesideyou จะทำอะไรได้บ้างเพื่อผู้คนทั่วโลกที่รอคอยชมการแข่งขันที่สถานที่จัดงาน และผลลัพธ์ในความคิดของเราเองนั่นคือ “UNION OF EMOTIONS”

I’mbesideyou กำลังร่วมกันทำงานในบริการนี้เพื่อเปลี่ยนความทุกข์ทรมานที่เกิดจาก COVID-19 ให้เป็นความหวังสำหรับยุคใหม่ หากคุณแบ่งปันวิสัยทัศน์ของเรา โปรดลงทะเบียนการสนับสนุนของคุณและแบ่งปัน URL ของไซต์บริการและแฮชแท็ก “#UNIONOFEMOTIONS”

https://world-emotions.imbesideyou.com/index.html
#UNIONOFEMOTIONS

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210730005404/en/

ติดต่อสอบถามข้อมูล:
I’mbesideyou Inc.
Shozo Kamiya
info@imbesideyou.com
+817043684330

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


Kioxia เปิดตัว SSD สำหรับขายปลีกใหม่สำหรับพีซีรุ่นแห่งอนาคตและพีซีกระแสหลัก

Logo

Kioxia เปิดตัว SSD สำหรับขายปลีกใหม่สำหรับพีซีรุ่นแห่งอนาคตและพีซีกระแสหลัก

EXCERIA PRO Series นำเสนอเทคโนโลยี PCIe® 4.0 และ EXCERIA G2 Series ให้ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นสำหรับ ผู้ที่ชอบการประกอบเอง หรือ  DIY ที่แสวงหาความคุ้มค่า

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–29 ก.ค. 2564

Kioxia Corporation, ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ประกาศเปิดตัวไดรฟ์โซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ซีรีส์ใหม่ 2 รุ่น ซึ่งมีกำหนดวางจำหน่ายในไตรมาสที่สี่ของปี 2564 โดย EXCERIA PRO และ EXCERIA G2 Series เป็นโซลูชันระดับผู้บริโภคล่าสุดของบริษัทสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเป็นแฟนพันธุ์แท้ และผู้สร้างระบบ DIYกระแสหลักในปัจจุบัน  โดย SSD ใหม่ของ Kioxia ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา จะจัดแสดงอ้างอิงที่งาน China Digital Entertainment Expo and Conference (ChinaJoy) ในเซี่ยงไฮ้ ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม ถึง 2 สิงหาคม

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210728006136/en/

Kioxia Corporation: EXCERIA PRO Series and EXCERIA G2 Series SSDs (Graphic: Business Wire)

Kioxia Corporation: EXCERIA PRO Series และ EXCERIA G2 Series SSD (กราฟิก: Business Wire)

ด้วยการใช้อินเทอร์เฟซ PCIe Gen4x4 รุ่นต่อไป EXCERIA PRO Series จึงถูกสร้างขึ้นสำหรับสภาพแวดล้อมพีซีที่มีความต้องการการใช้งานในระดับสูง โดยผลิตภัณฑ์ซีรีส์ใหม่ล่าสุดนี้จะมอบความเร็วในการอ่านต่อเนื่องสูงสุดมากกว่า 2 เท่า[1] ของ EXCERIA PLUS Series ที่ใช้ PCIe Gen3 ซึ่งมอบประสบการณ์การจัดเก็บข้อมูลประสิทธิภาพสูงสำหรับผู้สร้างเนื้อหา เกมเมอร์ และมืออาชีพอื่น ๆ

นอกจากนี้ Kioxia ยังเปิดตัว EXCERIA G2 Series กระแสหลักที่ได้รับการปรับปรุงพร้อมประสิทธิภาพและความจุที่อัพเกรด ซีรีย์ SSD ระดับกระแสหลักนี้จะให้ประสิทธิภาพต่อเนื่องมากกว่า 2,000MB/s[1] และความจุสูงสุด 2TB สำหรับผู้ใช้ที่กำลังมองหาราคาที่ไม่แพง

ด้วยหน่วยความจำแฟลช BiCS FLASH™ 3D ของ Kioxia ทำให้ EXCERIA PRO และ EXCERIA G2 Series ใช้ฟอร์มแฟคเตอร์ด้านเดียวประเภท M.2 2280 ที่เหมาะสำหรับทั้งเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊ก แต่ละซีรีส์ยังสนับสนุนซอฟต์แวร์การจัดการยูทิลิตี้ SSD ของ Kioxia เพื่อช่วยตรวจสอบและบำรุงรักษา SSD ของคุณ

หมายเหตุ

[1] การประมาณการประสิทธิภาพเป็นข้อมูลเบื้องต้นและอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ

* PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ ทั้งหมดอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ

* คำจำกัดความของความจุ: Kioxia กำหนด 1 เมกะไบต์ (MB) เป็น 1,000,000 ไบต์ 1 กิกะไบต์ (GB) เป็น 1,000,000,000 ไบต์ และ 1 เทราไบต์ (TB) เป็น 1,000,000,000,000 ไบต์ อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์รายงานความจุของพื้นที่จัดเก็บโดยใช้กำลัง 2 สำหรับคำจำกัดความของ 1GB = 230 = 1,073,741,824 ไบต์ ดังนั้นจึงแสดงความจุของพื้นที่จัดเก็บน้อยลง ความจุที่ใช้งานได้ (รวมถึงตัวอย่างไฟล์มีเดียต่างๆ) จะแตกต่างกันไปตามขนาดไฟล์ การจัดรูปแบบ การตั้งค่า ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ เช่น ระบบปฏิบัติการ Microsoft และ/หรือแอพพลิเคชั่นซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า หรือเนื้อหาสื่อ ความจุที่จัดรูปแบบจริงอาจแตกต่างกันไป

*ผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคลจะแตกต่างกันไปตามประเทศและภูมิภาค

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมทั้งราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลติดต่อ ถูกต้องแล้วในวันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันหน่วยความจำ ซึ่งทุ่มเทให้กับการพัฒนา การผลิต และการขายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2560  Toshiba Memory ได้แยกตัวออกจาก Toshiba Corporation บริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 2530 ทั้งนี้ Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วยหน่วยความจำ ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและการสร้างคุณค่าสำหรับสังคมผ่านหน่วยความจำ โดย BiCS FLASH™ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3 มิติที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ Kioxia กำลังกำหนดอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่มีความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี SSD ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210728006136/en/

ติดต่อสอบถามสำหรับสื่อ:

Kioxia Corporation

ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย

Koji Takahata

Tel: +81-3-6478-2404

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



Toshiba เปิดตัว Arm® Cortex®-M4 ไมโครคอนโทรลเลอร์สำหรับควบคุมมอเตอร์ที่เป็นผลิตภัณฑ์ขั้นสูงชิ้นแรกของตระกูล TXZ+TM

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–29 กรกฎาคม 2564

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“Toshiba”) ได้เริ่มต้นผลิตอุปกรณ์สำหรับควบคุมมอเตอร์กลุ่ม M4K ใหม่เพื่อวางจำหน่าย 12 รายการ โดยเป็นผลิตภัณฑ์ที่จัดให้อยู่ในระดับขั้นสูงกลุ่มแรกของตระกูล TXZ+TM และจะเริ่มต้นการผลิตอุปกรณ์ในกลุ่ม M4M อีก 10 รายการในเดือนสิงหาคม 2564 โดยไมโครคอนโทรลเลอร์ของทั้งกลุ่ม M4K และ M4M จะเป็นการผลิตในรูปแบบ 40nm และจัดให้อยู่ภายใต้ซีรีส์ TXZ4A+

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210728005418/en/

Toshiba: TXZ+ Family Advanced Class, Arm Cortex-M4 Microcontrollers for Motor Control (Graphic: Business Wire)

Toshiba: ไมโครคอนโทรลเลอร์ควบคุมมอเตอร์ Arm Cortex-M4 ผลิตภัณฑ์ขั้นสูงจากตระกูล TXZ+ (กราฟิก: Business Wire)

ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ใช้แกนประมวลผล Arm Cortex-M4 ที่มาพร้อมเทคโนโลยี FPU ประมวลผลสูงสุดที่ 160MHz ซึ่งผสานเข้ากับวงจรควบคุมมอเตอร์ A-PMD (ตัวขับมอเตอร์ขั้นสูงแบบตั้งโปรแกรมล่วงหน้า) เอ็นโค้ดเดอร์ A-ENC (เอ็นโค้ดเดอร์ขั้นสูง) ขนาด 32 บิต และเครื่องประมวลผลแบบเวกเตอร์ A-VE+ (เครื่องประมวลผลแอดวานซ์เวกเตอร์เอนจิ้นพลัส) อุปกรณ์เหล่านี้มาพร้อมโซลูชันที่เหมาะสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงแบบไม่มีแปรงถ่าน และตัวควบคุมอินเวอร์เตอร์ขนาด 12 บิต สำหรับแปลงระบบอนาล็อกเป็นดิจิทัลที่มีความเร็วแบบไฮสปีดและความคมชัดแบบไฮเรสโซลูชันสูงสุดสามหน่วย

อุปกรณ์ในกลุ่ม M4K มีระบบ UART, SPI และ I2C เป็นอินเทอร์เฟสสื่อสารโดยทั่วไป ขณะที่กลุ่ม M4M จะมีระบบ CAN ที่เป็นอินเทอร์เฟสสื่อสารเพิ่มเข้ามา โดยทั้งสองกลุ่มมีฟังก์ชันวินิจฉัยการทำงานด้วยตัวเองสำหรับ ROM, RAM, ADC และนาฬิกา ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าได้รับการรับรองความปลอดภัยในการทำงาน IEC60730 Class B นอกจากนี้ ทั้งสองกลุ่มยังมีอัตราการใช้กระแสไฟที่ต่ำขณะที่มีประสิทธิภาพการทำงานสูง และยังสามารถทำงานร่วมกับผลิตภัณฑ์กลุ่ม M4K(2) ตระกูล TXZTM ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

เอกสาร ซอฟต์แวร์ตัวอย่างพร้อมตัวอย่างการใช้งานจริง บอรด์ประเมิน และซอฟต์แวร์ไดร์เวอร์ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมอินเทอร์เฟสของอุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกันจะจัดมาให้พร้อมกับการจัดส่งชิ้นส่วน เครื่องมือช่วยพัฒนาจะจัดมาให้พร้อมกันเพื่อรองรับความต้องการด้านต่าง ๆ ในการทำงานร่วมกับพันธมิตรในระบบนิเวศของ Arm ทั่วโลก

คุณสมบัติที่สำคัญของผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่

  • แกนประมวลผลประสิทธิภาพสูง Arm Cortex-M4 พร้อม FPU สูงสุด 160MHz
  • ฟังก์ชันควบคุมมอเตอร์และอินเวอร์เตอร์ และอินเทอร์เฟสสื่อสาร
  • ฟังก์ชันวินิจฉัยการทำงานด้วยตัวเองเพื่อมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงาน IEC60730 class B

การใช้งาน

ควบคุมมอเตอร์สำหรับเครื่องใช้ภายในบ้านและอุปกรณ์อุตสาหกรรม
เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า อินเวอร์เตอร์ทั่วไป เครื่องกรองไฟ หุ่นยนต์ และอื่น ๆ

ข้อมูลจำเพาะ

ชื่อซีรีส์/กลุ่มผลิตภัณฑ์

TXZ4A+ series / M4K group / M4M group

แกนประมวลผล CPU

Arm Cortex-M4
‒ หน่วยปกป้องข้อมูล (MPU)
‒ หน่วยคำนวณจำนวนจุดลอยตัว (FPU)

ความถี่ใช้งานสูงสุด

160MHz

วงจรกําเนิดสัญญาณภายใน

10MHz (+/-1%)

หน่วยความจำภายใน

Flash (โค้ด)

128KB/256KB

Flash (ข้อมูล)

32KB

RAM

24KB

พอร์ต I/O

31 ถึง 87

การอินเตอร์รัพท์ภายนอก

10 ถึง 20

ตัวควบคุม DMA (DMAC)

1 หน่วย

ฟังก์ชันควบคุมเวลา

32-bit timer : 6
(สามารถใช้รูปแบบ 16-bit timer : 12 ได้)

ฟังก์ชันสื่อสาร

UART

3 ถึง 4 ช่อง

I2C

1 ถึง 2 ช่อง

TSPI

1 ถึง 2 ช่อง

CAN

1 ช่อง (เฉพาะในกลุ่ม M4M เท่านั้น)

ฟังก์ชันการทำงาน

แบบอนาล็อก

12-bit AD converter

อินพุต 8 ถึง 22 ช่อง

Op-Amp

3 ช่อง

อุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกัน

Encoder input (A-ENC)

0 ถึง 3 ช่อง

Motor control (A-PMD)

3 ช่อง (1 ช่องใน LQFP44)

Vector engine (A-VE+)

1 ช่อง

ฟังก์ชันของระบบ

Watchdog timer (WDT)

1 ช่อง

ฟังก์ชันแก้ไขจุดบกพร้องในชิป

Serial Wire
(JTAG/TRACE/NBDIF สามารถใช้กับผลิตภัณฑ์แบบ 100 ขาได้)

แรงดันไฟเมื่อใช้งาน

2.7 ถึง 5.5V, จ่ายไฟจากแหล่งจ่ายไฟเดียว

แพ็คเกจ / ขา

LQFP100 (14มม. x 14มม. ระยะพิชต์ 0.5มม.)
QFP100 (14มม. x 20มม. ระยะพิชต์ 0.65มม.)
LQFP80 (12มม. x 12มม. ระยะพิชต์ 0.5มม.)
LQFP64 (10มม. x 10มม. ระยะพิชต์ 0.5มม.)
LQFP64 (14มม. x 14มม. ระยะพิชต์ 0.8มม.)
LQFP44 (10มม. x 10มม. ระยะพิชต์ 0.8มม.)
(LQFP44 สำหรับกลุ่ม M4K เท่านั้น)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/product/microcontrollers/txz4aplus-series.html

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับไมโครคอนโทรลเลอร์ของ Toshiba ได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/product/microcontrollers.html

* Arm และ Cortex เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Arm limited (หรือบริษัทในเครือ) ในสหรัฐอเมริกาและ/หรือทั่วโลก
* TXZ+™ เป็นเครื่องหมายการค้าของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่น ๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับลูกค้า:
ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์ MCU และอุปกรณ์ดิจิทัล
โทร: +81-3-3457-2913
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

* ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาด้านบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูล ณ ปัจจุบันในวันที่ประกาศ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (TDSC) ซัพพลายเออร์ระดับแถวหน้าผู้จัดหาโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และการจัดเก็บที่มีความก้าวล้ำ รวมรวมประสบการณ์และนวัตกรรมที่สะสมมากว่าครึ่งศตวรรษ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์ ระบบ LSIs และ HDD อันโดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจของเรา

พนักงานทั้ง 22,000 คนจากทั่วโลกของTDSC มุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ของเราให้ถึงระดับสูงสุด และให้ความสำคัญกับการทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า เพื่อส่งเสริมการสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ ๆ ร่วมกัน ด้วยยอดขายต่อปีที่สูงกว่า 7.1 แสนล้านเยน (6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในขณะนี้ TDSC หวังที่จะได้มีส่วนสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับผู้คนทั่วโลก

ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ TDSC ได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210728005418/en/

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อ:
Chiaki Nagasawa
ฝ่ายการตลาดดิจิทัล
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
โทร: +81-3-3457-4963
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Black & Veatch นำพาการศึกษาการผลิตไฮโดรเจน ณ จุดใช้งานสำหรับเชื้อเพลิงรถยนต์

Logo

ศักยภาพการลดคาร์บอนของการผลิตไฮโดรเจนสีเขียวแบบกระจายมีส่วนสำคัญในอนาคตของอุตสาหกรรมการขนส่ง

โอเวอร์แลนด์พาร์ค แคนซัส–(บิสิเนสไวร์)–29 ก.ค. 2564

บริษัทปัญญาประดิษฐ์ Empati ได้มอบหมายให้ Black & Veatch ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้การผลิตไฮโดรเจนสีเขียวแบบกระจายเพื่อเติมเชื้อเพลิงให้กับยานพาหนะ  Black & Veatch จะทำการประเมินด้านเศรษฐกิจ ลอจิสติกส์ และทางเทคนิคเกี่ยวกับศักยภาพของการผลิตไฮโดรเจนตามต้องการสำหรับผู้ประกอบการขนส่งที่ต้องการลดคาร์บอน

ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงรถยนต์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว  ไฮโดรเจนสีเขียวที่ผลิตขึ้นโดยใช้พลังงานหมุนเวียนช่วยให้ผู้ประกอบการขนส่งมีเส้นทางสู่การบรรลุเป้าหมายการลดคาร์บอน  โดยปกติการผลิตไฮโดรเจนจะเป็นแบบรวมศูนย์ จากนั้นจึงขนส่งเพื่อจัดเก็บที่คลังเก็บยานพาหนะหรือสถานีเติมเชื้อเพลิง  การศึกษาของ Black & Veatch จะพยายามยืนยันว่าการผลิตไฮโดรเจนแบบกระจายในขนาดเล็ก ณ จุดใช้งานนั้นเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในการบรรลุจุดราคาที่แข่งขันได้

“เราจะสร้างข้อกำหนดทางเทคนิคและแบบจำลองทางเศรษฐกิจสำหรับการผลิตพลังงานหมุนเวียนแบบกระจายเพื่อขับเคลื่อนการผลิตไฮโดรเจนในโรงงานขนาดเล็ก” Jonathan Cristiani วิศวกรเชื้อเพลิงขั้นสูงของ Black & Veatch กล่าว  “เนื่องจากความเป็นไปได้ในเชิงพาณิชย์จำเป็นต้องมีห่วงโซ่อุปทานที่สามารถรองรับเครือข่ายโรงงานไฮโดรเจนสีเขียวแบบกระจาย  การศึกษาของเราจึงกล่าวถึง 'ระบบนิเวศของไฮโดรเจน' ทั้งหมด ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีเท่านั้น”

การศึกษา ซึ่งดำเนินการโดยกลุ่มเทคโนโลยีไฮโดรเจนของ Black & Veatch จะสร้างจากประสบการณ์ของบริษัทใน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ไฮโดรเจน และ การกระจายสินทรัพย์พลังงานไฮโดรเจน ตลอดจนโครงการที่ระบุไฮโดรเจนเป็นชิ้นส่วนที่มีศักยภาพในการแยกก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  การศึกษาจะดำเนินการร่วมกับโครงการความร่วมมือเพื่อรวมแพลตฟอร์ม AI ของ Empati เข้ากับแพลตฟอร์ม Asset 360 ของ Black & Veatch

“เราเห็นไฮโดรเจนสีเขียวเป็นเชื้อเพลิงดิจิทัลที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการกระจายศูนย์ เช่น เครือข่ายของสถานีเติมน้ำมันหรือคลังเก็บยานพาหนะ  เราต้องการปรับใช้เทคโนโลยีของเราทั่วโลก โดยร่วมมือกับบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดในห่วงโซ่อุปทานไฮโดรเจน” Gopal Ramchurn ซีอีโอร่วมของ Empati กล่าว  “ในฐานะที่เป็นพันธมิตรด้านเทคโนโลยีซึ่งมีประสบการณ์ในโลกแห่งความจริงเกี่ยวกับไฮโดรเจน และทุกจุดในวงจรชีวิตของพลังงานแบบกระจายและโครงสร้างพื้นฐานด้านเชื้อเพลิงยานยนต์ทางเลือก Black & Veatch อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะช่วยเราบรรลุเป้าหมายนี้”

เพื่อสนับสนุนความคิดริเริ่มลดคาร์บอนและการใช้ไฮโดรเจนเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลดคาร์บอนที่  Black & Veatch ใน 2021   ได้เข้าร่วมสภาไฮโดรเจนและได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาให้กับคณะกรรมการที่ปรึกษาพลังงานที่มีประสิทธิภาพของกระทรวงพาFleet Decarbonization ebook และคู่มือ Hydrogen 2021: A Roadmap to NetZero

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทระดับโลกด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ ที่ปรึกษา และการก่อสร้างที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ โดยมีประวัติด้านนวัตกรรมในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมากกว่า 100 ปี  ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2458 เราได้ช่วยลูกค้าของเราปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยจัดการกับความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา  รายได้ของเราในปี 2563 เกิน 3.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ  ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210728005001/en/

ติดต่อ:

MALCOLM HALLSWORTH | +44 1483 319287 p | +44 7920 701764 m | HallsworthM@BV.com 

สายด่วนสำหรับสื่อ 24- ชั่วโมง | +1 866 496 9149

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Riskified Ltd. ประกาศกำหนดราคาเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–29 กรกฎาคม 2564

Riskified Ltd. (“Riskified”) แพลตฟอร์มการจัดการการฉ้อโกงที่มอบประสบการณ์การเปิดใช้งานอีคอมเมิร์ซที่ลื่นไหล ประกาศราคาการเสนอขายหุ้นครั้งแรกแก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 17,500,000 หุ้นสามัญ Class A ในราคาเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปที่ 21.00 ดอลลาร์ต่อหุ้นสามัญ Class A การเสนอขายประกอบด้วยหุ้นสามัญ Class A จำนวน 17,300,000 หุ้นที่เสนอขายโดย Riskified และหุ้นสามัญ Class A จำนวน 200,000 หุ้นเพื่อจำหน่ายโดยผู้ถือหุ้นรายใดรายหนึ่งของ Riskified ซึ่ง Riskified จะไม่ได้รับเงินจากการขายหุ้นของผู้ถือหุ้นที่ขายหุ้น ผู้จัดการการจัดจำหน่ายจะมีสัญญาอนุพันธ์เป็นเวลา 30 วันในการซื้อหุ้นสามัญ Class A เพิ่มเติมสูงสุดจำนวน 2,625,000 หุ้นจาก Riskified ในราคาเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก โดยหักส่วนลดการรับประกันและค่าคอมมิชชั่น หุ้นสามัญ Class A คาดว่าจะเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กในวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 ภายใต้สัญลักษณ์ “RSKD”

การปิดการเสนอขายคาดว่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 2 สิงหาคม 2564 ขึ้นอยู่กับความพอใจของเงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียม

Goldman Sachs & Co. LLC, J.P. Morgan Securities LLC และ Credit Suisse Securities (USA) LLC ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้จัดการด้านธุรกรรมสำหรับการเสนอขายครั้งนี้ โดย Barclays Capital Inc., KeyBanc Capital Markets Inc., Piper Sandler & Co., Truist Securities, Inc. และ William Blair & Company, L.L.C. เป็นผู้จัดการร่วมดำเนินการจัดทำรายการเสนอขาย Loop Capital Markets LLC, Samuel A. Ramirez & Company, Inc., Siebert Williams Shank & Co., LLC และ Stern Brothers & Co. ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร่วมสำหรับการเสนอขาย

การเสนอขายจะทำโดยใช้หนังสือชี้ชวนเท่านั้น กรุณารับสำเนาหนังสือชี้ชวนขั้นสุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายได้จาก Goldman Sachs & Co. LLC, Attn: Prospectus Department, 200 West Street, New York, New York, 10282 ทางอีเมลที่ prospectus-ny@ny.email.gs.com หรือทางโทรศัพท์ที่ 866-471-2526; J.P. Morgan Securities LLC, Attn: Broadridge Financial Solutions, 1155 Long Island Avenue, Edgewood, New York, 11717 ทางอีเมลที่ Prospectus-eq_fi@jpmorgan.com หรือทางโทรศัพท์ที่ 1-866-803-9204 และ Credit Suisse Securities (USA) LLC, Attn: Prospectus Department, One Madison Avenue, New York, New York, 10010 ทางอีเมลที่ newyork.prospectus@credit-suisse.com หรือทางโทรศัพท์ที่หมายเลข 800-221-1037

ได้มีการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการจดทะเบียนในแบบฟอร์ม F-1 ที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์เหล่านี้ และมีผลบังคับใช้แล้วโดยสำนักงาน ก.ล.ต. ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ไม่ถือเป็นการเสนอขายหรือการชักชวนให้ซื้อหลักทรัพย์เหล่านี้ และจะไม่มีการขายหลักทรัพย์เหล่านี้ในรัฐหรือเขตอำนาจศาลใดๆ ตามข้อเสนอ การชักชวน หรือการขายดังกล่าวจะไม่ชอบด้วยกฎหมายก่อนการลงทะเบียนหรือคุณสมบัติตามกฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐหรือเขตอำนาจศาลดังกล่าว

เกี่ยวกับ Riskified

Riskified ช่วยให้ธุรกิจเพิ่มศักยภาพของอีคอมเมิร์ซอย่างเต็มที่โดยเพิ่มความปลอดภัย เข้าถึงได้ และความลื่นไหล Riskified ได้สร้างแพลตฟอร์มการจัดการความเสี่ยงอีคอมเมิร์ซยุคหน้าที่ช่วยให้ผู้ค้าออนไลน์สร้างความสัมพันธ์ที่เชื่อถือได้กับผู้บริโภคของพวกเขา แพลตฟอร์มของ Riskified ใช้ประโยชน์จากการทำให้ระบบคอมพิวเตอร์เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง โดยได้ประโยชน์จากเครือข่ายผู้ค้าทั่วโลกเพื่อระบุบุคคลที่อยู่เบื้องหลังการโต้ตอบออนไลน์ในแต่ละครั้ง ช่วยให้ผู้ค้า—ลูกค้าของ Riskified สามารถขจัดความเสี่ยงและความไม่แน่นอนจากธุรกิจของพวกเขา Riskified ช่วยเพิ่มยอดขายและลดการฉ้อโกงและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นๆ สำหรับผู้ค้า และมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าแก่ผู้บริโภค เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพของผู้ค้าก่อนที่จะเริ่มดำเนินการของ Riskified

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210728006106/en/

ติดต่อ:

นักลงทุนสัมพันธ์:
Chris Mammone, The Blueshirt Group for Riskified
ir@riskified.com

การสื่อสารองค์กร:
Rowena Kelley
press@riskified.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Gupshup ระดมทุนเพิ่มอีก 240 ล้านดอลลาร์เพื่อสานต่อวิสัยทัศน์การส่งข้อความสนทนาทั่วโลกอย่างรวดเร็วแบบฟาสต์แทร็ค

Logo

การลงทุนทำให้ Gupshup เป็นผู้นำในการส่งข้อความสนทนา เร่งนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สำหรับการเปิดใช้งานการค้าดิจิทัล กิจกรรม M&A และการขยาย GTM ทั่วโลก

ซานฟรานซิสโก–(BUSINESS WIRE)–28 ก.ค. 2564

Gupshup ผู้นำด้านการส่งข้อความสนทนา ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้ระดมเงินทุนเพิ่มเติมอีก 240 ล้านดอลลาร์ จากกลุ่มนักลงทุนชั้นนำในอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึง Fidelity Management and Research Company LLC, Tiger Global, Think Investments, Malabar Investments, Harbor Spring Capital, บัญชีบางรายการที่จัดการโดย Neuberger Berman Investment Advisers LLC, White Oak, Neeraj Arora และอื่นๆ โดยรอบการระดมทุนนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ระดมทุนได้ 100 บ้านดอลลาร์จาก Tiger Global ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่ระดมทุนได้มูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์

Gupshup จะใช้การลงทุนนี้เพื่อดำเนินการตามวิสัยทัศน์ต่อไปและเพื่อซื้อหุ้นต่อจากพนักงานปัจจุบันและอดีตพนักงาน ตลอดจนถึงนักลงทุนรายเดิมก่อนหน้านี้ Gupshup ยังคงลงทุนในนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อการพาณิชย์ดิจิทัล ตลอดจนการขยายโครงการริเริ่มสู่ตลาดในประเทศที่เน้นอุปกรณ์พกพาเป็นหลักทั่วโลก นอกจากนี้ Gupshup กำลังสำรวจโอกาสในการควบรวมกิจการเพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ ก่อนหน้านี้ บริษัทได้ประกาศการขยายทีมผู้บริหารด้วยการจ้างงานผู้นำในด้านการพัฒนาองค์กร การพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศ การขาย ความสำเร็จของลูกค้า การตลาด และไอที

“เราเห็นการเติบโตในเศรษฐกิจดิจิทัลของอินเดียเป็นอย่างมาก” Shashin Shah ผู้จัดการใหญ่ของ Think Investments กล่าว “แพลตฟอร์มของ Gupshup เป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับธุรกิจที่สร้างรอยเท้าดิจิทัล เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรกับ Gupshup เนื่องจากตำแหน่งผู้นำตลาด การเติบโตที่นำโดยนวัตกรรม และสถานะทางการเงินที่น่าดึงดูดของบริษัท”

“เราได้ติดตามความก้าวหน้าของ Gupshup มาระยะหนึ่งแล้ว และเชื่อว่าพวกเขาเป็นแพลตฟอร์มการสื่อสารกับลูกค้าที่มีการพัฒนามากที่สุดในอินเดียและเพิ่มมากขึ้นในตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ด้วยตำแหน่งผู้นำในกลุ่มย่อยที่น่าสนใจและเติบโตเร็วที่สุดของตลาด” กล่าว Sumeet Nagar กรรมการผู้จัดการ Malabar Investments “เราเชื่อว่า Beerud และทีมงานมีโอกาสพิเศษในการขยายตลาดที่เข้าถึงได้ด้วยข้อเสนอใหม่ ๆ และการขยายธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นสูตรที่สมบูรณ์แบบสำหรับการสร้างมูลค่ามหาศาล ผมรู้จัก Beerud มากว่าสามทศวรรษแล้ว และพวกเราทุกคนที่ Malabar รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับ Gupshup ในขั้นต่อไปของการเดินทางของพวกเขา”

“เราเชื่อว่าการแปลงเป็นดิจิทัลของอินเดียอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเติบโตเชิงพลวัต ซึ่งขับเคลื่อนโดยโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารที่สำคัญ” Subir Jajoo หุ้นส่วนของ Harbor Spring Capital กล่าว “Gupshup ได้สร้างแพลตฟอร์มชั้นนำเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของธุรกิจ-ผู้บริโภค และเรายินดีที่จะเป็นพันธมิตรกับบริษัทในขณะที่ดำเนินการปรับปรุงประสบการณ์ดิจิทัลอย่างต่อเนื่องผ่านนวัตกรรม ความน่าเชื่อถือ และการบริการลูกค้า”

“การมีบทสนทนาเป็นเหมือนตัวแทนของหน้าร้านดิจิทัลใหม่สำหรับธุรกิจ แทบทุกธุรกิจจะต้องสร้างระบบสนมนาขึ้นมา” Beerud Sheth ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Gupshup กล่าว “เรากำลังเปลี่ยนแปลงการค้าดิจิทัลทั่วโลกด้วยการส่งข้อความสนทนา เราตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับนักลงทุนรายใหม่ของเราเนื่องจากประวัติอันน่าทึ่งในการสนับสนุนบริษัทในการสร้างหมวดหมู่ นอกจากนี้เรายังยินดีกับโอกาสที่จะมอบสภาพคล่องและผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนและพนักงานที่เชื่อมั่นใน Gupshup ด้วย”

การเปิดใช้งานการค้าดิจิทัลด้วยการส่งข้อความสนทนาจะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ในอุตสาหกรรม พาลูกค้าไปยังเส้นทางการสนทนาที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในแอปรับส่งข้อความ ทั่วทั้งการตลาด การพาณิชย์ และเวิร์กโฟลว์การสนับสนุน ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถค้นพบผลิตภัณฑ์ ชำระเงิน ติดตามการส่งของ ให้คำติชม และขอรับการสนับสนุน ขณะสนทนากับแบรนด์โปรดของพวกเขา ได้เหมือนกับเวลาที่พูดคุยกับเพื่อนและครอบครัว

รอบการระดมทุนครั้งสุดท้ายของ Gupshup เกิดขึ้นในเดือนเมษายน 2564 โดยบริษัทระดมทุนได้ 340 ล้านดอลลาร์ในปี 2564 ทั้งนี้ Gupshup เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเมื่อสิ้นปี 2563 มีอัตราการดำเนินการรายรับต่อปีประมาณ 150 ล้านดอลลาร์

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Gupshup

Gupshup ช่วยให้ลูกค้ามีส่วนร่วมผ่านการส่งข้อความสนทนาได้ดีขึ้น Gupshup เป็นแพลตฟอร์มการส่งข้อความเชิงสนทนาชั้นนำที่ขับเคลื่อนข้อความมากกว่า 6 พันล้านข้อความต่อเดือน ธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดเล็กหลายพันแห่งในตลาดเกิดใหม่ต่างใช้ Gupshup เพื่อสร้างประสบการณ์การสนทนาในด้านการตลาด การขาย และการสนับสนุน แพลตฟอร์มระดับผู้ให้บริการของ Gupshup ประกอบด้วย API การส่งข้อความเดียวสำหรับช่องสัญญาณมากกว่า 30 ช่อง ชุดเครื่องมือสร้างประสบการณ์การสนทนาที่หลากหลายสำหรับกรณีการใช้งานใดๆ และเครือข่ายพันธมิตรทางการตลาดที่เกิดขึ้นใหม่ผ่านช่องทางการส่งข้อความ ผู้ผลิตอุปกรณ์ ISV และผู้ให้บริการ อนึ่งการมีอยู่ของ Gupshup ช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถทำให้การสนทนาเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จในการมีส่วนร่วมกับลูกค้า Gupshup มีบริษัทอยู่ในอินเดีย ลาตินอเมริกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง ยุโรปตะวันออก แอฟริกา และสหรัฐอเมริกา เยี่ยมชม www.gupshup.io และ สนทนากับ บอทของ Gupshup

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210728005075/en/

สำหรับสื่อติดต่อ

Richard Laermer

RLM PR | gupshup@rlmpr.com | (212) 741-5106 x 216

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Ripple เปิดตัวบริการ On-Demand Liquidity ร่วมกับ SBI Remit เพื่อเร่งสร้างการเติบโตของระบบชำระเงินข้ามพรมแดนจากญี่ปุ่น

Logo

Ripple เปิดตัวบริการ On-Demand Liquidity ร่วมกับ SBI Remit เพื่อเร่งสร้างการเติบโตของระบบชำระเงินข้ามพรมแดนจากญี่ปุ่น

การเข้าเป็นพันธมิตรกับ Coins.ph และ SBI VC Trade จะช่วยให้ SBI Remit สามารถส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือกว่าให้กับลูกค้าด้วยบริการโอนเงินที่เร็วขึ้นในราคาที่ถูกกว่า โดยจะเริ่มจากประเทศฟิลิปปินส์เป็นที่แรก

ซานฟรานซิสโก & โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–28 กรกฎาคม 2564

Ripple ผู้ให้บริการชั้นนำด้านบล็อกเชนสำหรับธุรกิจและโซลูชันเงินดิจิทัลสำหรับการชำระเงินทั่วโลก วันนี้ ได้ประกาศเปิดตัวบริการ On-Demand Liquidity (ODL) ของ Ripplenet แบบเรียลไทม์เป็นครั้งแรกในญี่ปุ่น โดยร่วมกับ SBI Remit Co., Ltd ผู้ให้บริการโอนเงินที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และหนึ่งในผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลชั้นนำในฟิลิปปินส์อย่าง Coins.ph

การขยายความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้ SBI Remit เชื่อมต่อกับ Coins.ph และ SBI VC Trade ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลบน RippleNet เพื่อให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดนจากญี่ปุ่นไปยังฟิลิปปินส์ที่รวดเร็วมากขึ้นและในราคาที่เอื้อมถึงง่ายขึ้น หลังการมาถึงของบริการ ODL ในญี่ปุ่น ลูกค้าของ RippleNet จะสามารถใช้สินทรัพย์ดิจิทัล XRP ในการลดความจำเป็นในการวางเงินล่วงหน้า (pre-funding) และช่วยลดต้นทุนในการดำเนินการ ซึ่งเป็นการปลดล็อคเงินทุนและเร่งให้เกิดการขยายธุรกิจรับชำระเงินของลูกค้า

Asheesh Birla ผู้จัดการทั่วไปของ RippleNet แห่ง Ripple กล่าวว่า “การขยายความร่วมมือของเรากับ SBI Remit เพื่อเริ่มให้บริการ ODL ของ RippleNet ในญี่ปุ่น เป็นอีกก้าวความสำเร็จครั้งสำคัญในหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเรา หากพูดถึงการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า SBI Remit คือผู้นำทางด้านนี้มาตลอด เราตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรกับบริษัทที่มีวิสัยทัศน์อย่าง SBI ที่มองเห็นคุณค่าในเทคโนโลยีบล็อกเชน และได้สนับสนุนพวกเขาในการเตรียมความพร้อมสู่อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยสกุลเงินดิจิทัล”

แนวโน้มการเติบโตของแรงงานต่างชาติในระยะยาวและธุรกิจอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศในญี่ปุ่นคาดว่าจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้มีการโอนเงินที่มียอดไม่สูงแต่จำนวนครั้งถี่เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบัน ประชากรฟิลิปปินส์พลัดถิ่นในญี่ปุ่นนั้นมีจำนวนมากสูงสุดเป็นอันดับสาม เฉพาะในปี 2563 มีการโอนเงินจากญี่ปุ่นไปยังฟิลิปปินส์โดยแรงงานชาวฟิลิปปินส์ในต่างประเทศรวมราว 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกเหนือจากนั้น ญี่ปุ่นยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีค่าธรรมเนียมในการชำระเงินระหว่างประเทศสูงที่สุดของโลก โดยข้อมูลจากธนาคารโลกเผยว่าการส่งเงินจากญี่ปุ่นจะมีต้นทุนเฉลี่ยที่ 10.5% ขณะที่ต้นทุนเฉลี่ยในการส่งเงินจากกลุ่มประเทศ G8 อยู่ที่ 5.92%

Nobuo Ando ประธานกรรมการแห่ง SBI Remit กล่าวว่า “เรามองเห็นศักยภาพอันมหาศาลในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อพลิกโฉมไม่เพียงเฉพาะวิธีการทำธุรกรรมชำระเงิน แต่ยังรวมถึงวิธีบริหารจัดการธุรกิจโดยการปลดล็อคเงินทุนที่จมอยู่ การเปิดตัวบริการ ODL ในญี่ปุ่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น และเราตั้งตารอที่จะได้สานต่อการผลักดันไปสู่อีกระดับของนวัตกรรมการเงินที่เหนือกว่าการชำระเงินแบบเรียลไทม์เฉพาะในฟิลิปปินส์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงพื้นที่อื่น ๆ ในภูมิภาคด้วย”

ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังเติบโตอย่างมากและเป็นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยโอกาสมากมายสำหรับ RippleNet สืบเนื่องจากระเบียบข้อบังคับที่ก้าวหน้าและบริษัทที่มีความก้าวล้ำเช่น SBI Remit ซึ่งตั้งเป้าขึ้นแท่นผู้นำอุตสาหกรรมเงินดิจิทัล เอเชียแปซิฟิกเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุดสำหรับ Ripple โดยมีการทำธุรกรรมเติบโต 130% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า สำหรับความร่วมมือในระยะถัดไป SBI Remit จะเชื่อมต่อกับพันธมิตรรายอื่น ๆ ของ RippleNet และใช้ XRP เพื่อเร่งสร้างธุรกิจรับชำระเงินประสิทธิภาพสูงให้กับพวกเขาต่อไป

Nauman Mustafa ซีอีโอของ Coins.ph กล่าวว่า “นวัตกรรมฟินเทคเป็นกุญแจที่จะนำไปสู่การทำธุรกรรมทางการเงินที่รวดเร็วยิ่งขึ้นและมีความปลอดภัยมากขึ้น ด้วยการสนับสนุนจาก SBI Remit และ Ripple เราหวังที่จะได้สร้างประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นให้กับลูกค้าด้วยบริการชำระเงินระหว่างญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ที่มีความรวดเร็วยิ่งกว่าในราคาที่ถูกลง พร้อมก้าวสู่การปฏิวัติระบบการเงินไปอีกขั้น”

ขณะที่มีธุรกิจจำนวนมากขึ้นต้องการผสานบริการที่รองรับเงินดิจิทัลเข้ากับผลิตภัณฑ์ของตน SBI Remit จึงจะร่วมกับลูกค้า ODL ปัจจุบันในเอเชียแปซิฟิก เช่น Novatti และ Tranglo และเข้าไปมีบทบาทสำคัญบน RippleNet ในรูปแบบ fiat ทั้งแบบ on ramp และ off-ramp โดย SBI Holdings เป็นผู้ลงทุนและผู้ถือหุ้นของ Ripple

เกี่ยวกับ Ripple

Ripple ช่วยให้ใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงบริการชำระเงินได้ทุกที่ ทุกช่องทาง โดยใช้พลังของคริปโตและบล็อกเชน การเข้าร่วมเครือข่ายที่มีอยู่ทั่วโลก (RippleNet) ซึ่งกำลังเติบโตของ Ripple ช่วยให้สถาบันการเงินสามารถดำเนินการการชำระเงินของลูกค้าได้ทันทีจากทุกที่ในโลกด้วยความน่าเชื่อถือและความคุ้มค่า ธนาคารและผู้ให้บริการชำระเงินสามารถใช้สินทรัพย์ดิจิทัล XRP เพื่อลดต้นทุนและเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ และด้วยสำนักงานทีมีอยู่ทั้งในซานฟรานซิสโก วอชิงตันดีซี นิวยอร์ก ลอนดอน มุมไบ สิงคโปร์ เซาเปาโล เรคยาวิก และดูไบ Ripple จึงมีลูกค้าหลายร้อยรายทั่วโลก

เกี่ยวกับ SBI Remit

SBI Remit ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือของ SBI FinTech Solutions เป็นหนึ่งในบริษัทที่ให้บริการโอนเงินที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ซึ่งให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศด้วยความปลอดภัย สะดวก และง่ายดาย สามารถทำให้เสร็จสมบูรณ์ได้ภายใน 10 นาที เมื่อสิ้นสุดเดือนกรกฎาคม ปี 2563 มียอดการโอนเงินรวมสูงกว่า 1 ล้านล้านเยน

เกี่ยวกับ Coins.ph

พันธกิจของ Coins.ph คือการพัฒนาบริการทางการเงินที่ให้ใคร ๆ สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายผ่านทางโทรศัพท์มือถือแม้ไม่มีบัญชีธนาคาร ด้วยบริการจาก Coins.ph ลูกค้าสามารถเข้าถึงกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ให้พวกเขาใช้บริการทางการเงินต่าง ๆ อย่างเช่นการส่งและรับเงิน การชำระบิลออนไลน์ การซื้อ air-time สำหรับมือถือ การใช้งานจากผู้ให้บริการด้านการขนส่ง และสกุลเงินดิจิทัล Coins.ph อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Bangko Sentral ng Pilipinas (BSP) และเป็นบริษัทด้านบล็อกเชนเพียงแห่งเดียวในเอเชียที่ได้รับทั้งใบอนุญาต Virtual Currency และ Electronic Money Issuer จากธนาคารกลาง

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210727006246/en/

Sheryl Tham
press@ripple.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ประกาศรางวัลการตลาดระดับปริญญาเอก Academy of Marketing Science Mary Kay Doctoral Dissertation Awards ประจำปี 2021

Logo

Mary Kay สนับสนุนวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกเพื่อส่งเสริมความใฝ่ฝันทางวิชาชีพและการศึกษาในสาขาที่เกี่ยวข้องกับการตลาด

แดลลัส–(บิสิเนส ไวร์)–27 ก.ค. 2564

Mary Kay Inc. องค์กรชั้นนำที่สนับสนุนและเสริมสร้างความเป็นผู้นำในผู้ประกอบการสตรี ได้ให้การสนับสนุนด้านการศึกษาและการวิจัยมาเป็นเวลาหลายทศวรรษด้วยรางวัล Mary Kay Doctoral Dissertation and Doctoral Dissertation Proposal Awards ในปี 2564 ที่ Academy of Marketing Science (AMS) ที่จัดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว  เป็นเวลากว่า 25 ปีแล้วที่บริษัทด้านความงามระดับโลกได้มอบทุนสนับสนุนประจำปีเหล่านี้เพื่อให้ผู้สมัครระดับปริญญาเอกด้านการตลาดมีโอกาสแสดงวิทยานิพนธ์ที่ได้รับการตอบรับอย่างสำเร็จต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน  ผู้เข้ารอบสุดท้ายจะได้รับการคัดเลือกจากการนำเสนอครั้งสุดท้ายในการประชุมประจำปี AMS

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210727005230/en/

AMS Mary Kay Doctoral Dissertation Awards were presented to six deserving winners at the 2021 AMS Annual Conference held virtually. (Graphic: Mary Kay Inc.)

AMS Mary Kay Doctoral Dissertation Awards มอบให้แก่ผู้ชนะหกท่านในการประชุม AMS ประจำปี 2564 ซึ่งจัดขึ้นทางออนไลน์ (กราฟิก: Mary Kay Inc.)

ทางโครงการรับสมัครนักศึกษาระดับปริญญาเอกจากสาขาต่างๆ ในมหาวิทยาลัย วิทยาลัยการเรียนรู้ระดับสูง โรงเรียนธุรกิจ หรือโรงเรียนการจัดการทั่วโลก  ผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายของ Mary Kay Doctoral Dissertation and Doctoral Dissertation Proposal Awards ประจำปี 2564 ได้แก่

ผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายของ Mary Kay Doctoral Dissertation Proposal Award ประจำปี 2564

  • รางวัลชนะเลิศ – Luo Bowen, PhD Candidate, University of Rochester, สหรัฐอเมริกา
  • รองชนะเลิศอันดับ 1 – Aleksandrina Atanasova, PhD Candidate, Royal Holloway University of London, สหราชอาณาจักร
  • รองชนะเลิศอันดับ 2 – Riley Krotz, PhD Candidate, University of Tennessee, สหรัฐอเมริกา

ผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายของ Mary Kay Doctoral Dissertation Award ประจำปี 2564

  • รางวัลชนะเลิศ – Irene Nahm, PhD, University of Minnesota, สหรัฐอเมริกา
  • รองชนะเลิศอันดับ 1 – Constant Pieters, PhD, Tilburg University, Netherlands
  • รองชนะเลิศอันดับ 2 – Victor Lima, PhD, York University, แคนาดา

“Mary Kay มุ่งมั่นที่จะมอบโอกาสในการเสริมความก้าวหน้าในอาชีพและการศึกษาทั่วโลก” Sheryl Adkins-Green ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Mary Kay Inc. กล่าว  “การสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดผ่าน Academy of Marketing Science Dissertation and Dissertation Proposal Awards ช่วยให้ผู้ที่มีความโดดเด่นในได้แสดงความสามารถของตนและก้าวหน้าในหน้าที่การงาน  พวกเขาเป็นกำลังสำคัญอย่างมากในด้านการตลาดและเรารู้สึกเป็นเกียรติที่สามารถสนับสนุนพวกเขาในอาชีพของพวกเขา”

Julie Moulard ประธาน Academy of Marketing Science กล่าวว่า “ในแต่ละปี เราได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Mary Kay Dissertation Awards หลายสิบรายการจากผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดที่ต้องการพัฒนาอาชีพและรับข้อเสนอแนะที่สำคัญจากเพื่อนร่วมงานของพวกเขาเพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับวิทยานิพนธ์ของพวกเขา “กว่าสองทศวรรษที่ Mary Kay's Dissertation Awards ได้ให้โอกาสในการจัดโครงสร้างและปรับแต่งงานวิจัย สร้างเครือข่ายกับผู้นำในอุตสาหกรรม และเพิ่มความรู้จักในหมู่เพื่อนร่วมงานทางวิชาการ ซึ่งทั้งหมดนี้มีความสำคัญต่อการพิสูจน์ผลงานของพวกเขาและการเผยแพร่ผลการวิจัยในวารสารการตลาดอย่างน่าเชื่อถือ”

 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Academy of Marketing Science Mary Kay Dissertation Awards คลิกที่นี่

เกี่ยวกับ Mary Kay

หนึ่งในผู้ทลายเพดานแก้วรายแรก Mary Kay Ash ก่อตั้งบริษัทความงามของเธอเมื่อเกือบ 60 ปีที่แล้วโดยมีเป้าหมาย 3 ประการคือ พัฒนาโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น  ความฝันนั้นเบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีสมาชิกฝ่ายขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ  Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวล้ำสมัย เครื่องสำอางสี อาหารเสริม และน้ำหอม และการร่วมมือกับองค์กรทั่วโลกเพื่อสร้างผลกระทบทางสังคมที่ดี Mary Kay Global Design Studio เป็นหน่วยงานด้านครีเอทีฟโฆษณาภายในองค์กรที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์บ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์สำหรับความร่วมมือด้านแฟชั่น ดีไซเนอร์และอินฟลูเอนเซอร์ และแคมเปญการสร้างแบรนด์ของ Mary Kay เพื่อพลิกโฉมการออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ และนวัตกรรมดิจิทัลสำหรับผู้บริโภค

เกี่ยวกับ Academy of Marketing Science

Academy of Marketing Science เป็นองค์กรวิชาชีพระดับนานาชาติที่ไม่แสวงหาผลกำไรที่ส่งเสริมมาตรฐานสูงและความเป็นเลิศในการสร้างและเผยแพร่ความรู้ด้านการตลาดและการส่งเสริมการปฏิบัติทางการตลาดผ่านบทบาทของความเป็นผู้นำในสาขาวิชาการตลาดทั่วโลก ทางองค์การมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมสูงสุดและความร่วมมือในการแสวงหาภารกิจนี้

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210727005230/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications Marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Tetrate โดย Istio Creators ผู้ริเริ่มประกาศเปิดสำนักงานเอเชียแปซิฟิกในสิงคโปร์

Logo

ซานฟรานซิสโก & สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–28 กรกฎาคม 2564

วันนี้ Tetrate ผู้นำด้านเทคโนโลยีในเครือข่ายด้วยฟีเจอร์ application-aware และ service mesh ได้ประกาศเปิดสำนักงานในสิงคโปร์เพื่อขยายธุรกิจของบริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Tetrate แต่งตั้ง Karthik Viswanathan ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายขาย APAC และ Adrian Cole เป็นหัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมเพื่อสร้างทีมในเอเชีย Viswanathan ได้ขยายองค์กรการขายสำหรับ Cloudhealth (ได้มาโดย VMware) และ Fortinet โดย Cole เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและผู้สนับสนุนหลักในโครงการโอเพนซอร์ส เช่น JClouds, Spring Cloud Sleuth และ OpenZipkin เมื่อต้นปีนีในเดือนมีนาคม Tetrate ได้ระดมทุน 40 ล้านดอลลาร์ในรอบการระดมทุน Series B ที่นำโดย Sapphire Ventures นักลงทุนรายอื่นๆ ได้แก่ Scale Venture PartnersNTTVCDell Technologies CapitalIntel Capital8VC, และ Samsung NEXT.

“เรากำลังมองหาแรงผลักดันที่แข็งแกร่งสำหรับผลิตภัณฑ์ของ Tetrate ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมในการลงทุนเพื่อสร้างทีมขายและวิศวกรรมที่แข็งแกร่งในเอเชีย” Varun Talwar ซีอีโอของ Tetrate กล่าว “การปรับปรุงแอปพลิเคชันให้ทันสมัยเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกและการรักษาความปลอดภัยแบบ zero trust สำหรับการบริการแอปพลิเคชัน และ API เป็นสิ่งที่กังวลทั่วไปในหมู่องค์กร Tetrate Service Bridge สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ผ่านจำนวนงานและสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน”

บริษัทการเงิน สุขภาพ และการค้าปลีกที่ติดอันดับ Fortune 200 และองค์กรรัฐบาลสหรัฐ แพลตฟอร์มการจัดส่งแอปพลิเคชันของ Tetrate และผลิตภัณฑ์ที่สำคัญที่สุด Tetrate Service Bridge ช่วยเร่งการปรับใช้ระบบคลาวด์ การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และสถาปัตยกรรม zero trust  ซึ่ง Tetrate เป็นผู้สนับสนุนชั้นนำของ Envoy Proxy และ Istio ช่วยองค์กรต่างๆ ในเส้นทาง service mesh ที่จะนำมาใช้ โดยการให้การสนับสนุนและความเชี่ยวชาญในเชิงพาณิชย์

การขยายตัวในภูมิภาคนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของ Tetrate ที่จะใกล้ชิดกับลูกค้าทั่วโลกมากขึ้น ทีมงานในสิงคโปร์จะประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการขาย การตลาด วิศวกรรม และความสำเร็จของลูกค้า ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าในพื้นที่และภูมิภาคได้รับคำแนะนำและการสนับสนุนที่รวดเร็วยิ่งขึ้น Tetrate จะยังคงขยายธุรกิจต่อไปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเพื่อเพิ่มพื้นที่ในเอเชีย

เกี่ยวกับ Tetrate

Tetrate เป็นบริษัท service mesh ระดับองค์กร ริเริ่มโดย Istio ในการสร้างสรรค์ระบบเครือข่ายแอปพลิเคชันใหม่ โดยจัดการความซับซ้อนของโครงสร้างพื้นฐานแอปพลิเคชันระบบคลาวด์แบบไฮบริดที่ทันสมัย ผลิตภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดของบริษัท Tetrate Service Bridge นำเสนอแพลตฟอร์ม service mesh ที่ครอบคลุมและพร้อมสำหรับองค์กร ซึ่งสร้างขึ้นสำหรับการปรับใช้แบบมัลติคลัสเตอร์ มัลติเทนแนนซ์ และมัลติคลาวด์ ลูกค้าจะได้รับความสามารถในการสังเกตที่สม่ำเสมอ ความปลอดภัยรันไทม์ และการจัดการทราฟฟิกในทุกสภาพแวดล้อม Tetrate ยังคงเป็นผู้สนับสนุนหลักในโครงการโอเพนซอร์ส Istio และ Envoy Proxy ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tetrate.io

ถ้ามีคำถามกรุณา ติดต่อเรา 

ติดตามบน Twitter, @Tetrateio.

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210727006063/en/

ติดต่อ:

Annie Fink, Bospar
Annie@bospar.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay Inc. ให้การสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจของสตรีและความเท่าเทียมทางเพศผ่านชุดกระบวนการที่มาพร้อมกับความมุ่งมั่นและความร่วมมือครั้งสำคัญทั่วโลก

Logo

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–20 ก.ค. 2564

Mary Kay Inc., ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนระดับโลกด้านการเสริมสร้างพลังอำนาจและการเป็นผู้ประกอบการของผู้หญิง ได้สานต่อความมุ่งมั่นในการผลักดันความเท่าเทียมทางเพศ โดยการเผยแพร่เอกสารแสดงจุดยืนในการต้อนรับยุทธศาสตร์ความเท่าเทียมทางเพศของคณะกรรมาธิการยุโรปสำหรับปี 2563 – 2568 พร้อม ๆ ไปกับการเข้าร่วม Generation Equality Forum Global Action Coalitions หรือ แนวร่วมปฏิบัติการของการประชุมยุคสมัยแห่งความเท่าเทียม

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210720005347/en/

This month, Mary Kay also joined the “Drivers of change” Program at the Generation Equality Forum in Paris, France (June 30 - July 2). (Graphic: Mary Kay Inc.)

ในเดือนนี้ Mary Kay ยังได้เข้าร่วมโครงการ “ผู้ผลักดันเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง หรือ Drivers of change” ที่ Generation Equality Forum ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส (ระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม (กราฟิก: Mary Kay Inc.)

เอกสารแสดงจุดยืนซึ่งสามารถอ่านได้ ที่นี่ สะท้อนถึงกลยุทธ์ของสหภาพยุโรปเกี่ยวกับความเท่าเทียมทางเพศ โดยจากข้อมูลของสหภาพยุโรป “ยุทธศาสตร์นี้นำเสนอวัตถุประสงค์เชิงนโยบายและการดำเนินการเพื่อสร้างความก้าวหน้าที่สำคัญภายในปี 2568 ซึ่งจะนำไปสู่ยุโรปที่เท่าเทียมกันทางเพศ เป้าหมายคือการสร้างสหภาพที่ผู้หญิงและผู้ชาย เด็กหญิงและเด็กชาย ผู้ที่มีความแตกต่างหลากหลายกันทั้งหมด ให้มีอิสระที่จะดำเนินตามเส้นทางชีวิตที่เลือกได้เอง มีโอกาสเท่าเทียมกันในการเติบโต และความสามารถในการมีส่วนร่วม และเป็นผู้นำสังคมยุโรปของเราอย่างเท่าเทียมกัน”

“กฎหมายที่กีดกันการเลือกปฏิบัติ อคติทางเพศ การเหมารวม ความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ล้วนแต่เป็นปัญหาระดับโลก และต้องได้รับการจัดการร่วมกับภาครัฐและเอกชน และจากองค์กรภาคประชาสังคมทั่วโลก” Julia Simon ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายและความหลากหลายที่ Mary Kay. กล่าว “การบรรลุความเท่าเทียมกันทางเพศมีความสำคัญต่อการอยู่รอดของโลกและการสร้างเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนและเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่”

ในเดือนนี้ Mary Kay ยังได้เข้าร่วมโครงการ “ผู้ผลักดันเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง หรือ Drivers of Change” ที่ฟอรัมความเท่าเทียมกันจากรุ่นสู่รุ่น หรือ the Generation Equality Forum ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส (30 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม)  การประชุม Generation Equality Forum ซึ่งจัดโดย UN Women และร่วมเป็นเจ้าภาพโดยรัฐบาลของเม็กซิโกและฝรั่งเศส ซึ่งเกิดขึ้น 26 ปีหลังจากปฏิญญาปักกิ่ง ถือเป็น “ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในยุคนี้ที่จะลงทุนในความเท่าเทียมทางเพศและเร่งดำเนินการณ์เพื่อความปลอดภัย ความเป็นผู้นำ และโอกาสทางเศรษฐกิจของผู้หญิง1

Julia Simon เข้าร่วมเสวนาในหัวข้อ “การสร้างกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างที่มีความเป็นธรรมทางเพศ” โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับอุปสรรคที่ซับซ้อนและที่เชื่อมโยงกันในการเป็นผู้ประกอบการของผู้หญิง และการส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างที่คำนึงถึงความเสอภาคทางเพศ โดย 1 ใน 3 ของธุรกิจในโลกมีผู้หญิงเป็นเจ้าของ2 แต่มีผู้หญิงชนะการประมูลเพียงร้อยละ 1ในสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาลและองค์กรขนาดใหญ่ เท่านั้น3 นอกจากนี้ ยังมีวิทยากรร่วมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกและคำแนะนำที่เป็นรูปธรรมซึ่งพิสูจน์ได้จากเส้นทางของตนเองเกี่ยวกับวิธีการนำกลยุทธ์ การจัดซื้อจัดจ้างที่มีความเป็นธรรมทางเพศ หรือ GRP มาใช้

ณ งาน ประชุม Paris Forum ครั้งนี้ Mary Kay ยังได้เข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรแนวร่วมปฏิบัติการของการประชุมยุคสมัยแห่งความเท่าเทียมผ่านความมุ่งมั่นด้านนโยบาย โครงการ และการสนับสนุน ในด้านความยุติธรรมทางเศรษฐกิจและสิทธิ การดำเนินการสตรีนิยมเพื่อความยุติธรรมด้านสภาพอากาศ ความรุนแรงตามเพศ และนวัตกรรมกับเทคโนโลยี โดยมีผู้คนเกือบ 50,000 คน มีส่วนร่วมในฟอรัมซึ่งรวบรวมผู้มีความมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมกว่า 1,000 ราย เป็นจำนวนการลงทุนกว่า 40,000 ล้าน สำหรับความเท่าเทียมกันทางเพศเพื่อสนับสนุนแผน 5 ปีเพื่อสร้างความเท่าเทียมกันใน 6 ด้านของการดำเนินการ

การมีส่วนร่วมเหล่านี้ เป็นความพยายามชุดล่าสุดของโครงการสนับสนุนของ Mary Kay ในการเสริมอำนาจทางเศรษฐกิจของสตรีและความเท่าเทียมทางเพศในการประชุมระดับสูงทั่วโลก ควบคู่ไปกับการเป็นพันธมิตรกับ UN และพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ในท้องถิ่น

  • เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2564 Deborah Gibbins ซีโอโอของ Mary Kay ได้เข้าร่วมการประชุม UN Global Compact Target Gender Equality เพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีที่ Mary Kay ส่งเสริมผู้ประกอบการสตรีในเกือบ 40 ประเทศ Gibbins เน้นย้ำข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยครั้งใหม่โดยธนาคารโลก4 ซึ่งเผยให้เห็นว่าโดยเฉลี่ยแล้ว ผู้หญิงทั่วโลกมีสิทธิตามกฎหมายสามในสี่ของผู้ชาย เธอท้าทายบริษัทต่าง ๆ ให้ยืนหยัดต่อต้านการเลือกปฏิบัติทางกฎหมายและสนับสนุนการปฏิรูปเพื่อปิดช่องว่าง เพื่อทำให้ผู้หญิงสามารถบรรลุศักยภาพสูงสุดได้ โดยในงานนี้มีการรวบรวมผู้คนกว่า 5,000 คนจากภาคธุรกิจ องค์การสหประชาชาติ ประเทศสมาชิก และองค์กรภาคประชาสังคม จากกว่า 100 ประเทศ โดย ร้อยละ 75 ของผู้เข้าร่วมเป็นตัวแทนของภาคเอกชน
  • เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2564 ได้มีการประชุมนอกรอบของคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี (CSW65) ซึ่ง Gibbins ได้เข้าร่วมกลุ่มการประชุมที่จัดโดย Women's Empowerment Accelerator (WEA) ในหัวข้อ “Women Leading Economic Recovery Through Entrepreneurship หรือ การที่ผู้หญิงเป็นผู้นำการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจผ่านการเป็นผู้ประกอบการ” ซึ่งเธอได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการ ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อช่วยสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยสำหรับผู้ประกอบการสตรี ทั้งนี้ The Women's Entrepreneurship Accelerator ซึ่ง ก่อตั้งขึ้นโดย Mary Kay ร่วมกับหน่วยงานของ UN 5 แห่ง ได้รับการนำเสนอเป็นตัวอย่างของการสร้างผลกระทบที่เป็นเอกลักษณ์ของความร่วมมือหลายฝ่ายในการเร่งสร้างการเปลี่ยนแปลง
  • เมื่อวันที่ 26 มีนาคม-4 เมษายน Edita Szabóová ผู้จัดการทั่วไปของ Mary Kay สาธารณรัฐเช็กและสโลวาเกีย ได้ร่วมประชุม Equal Pay Day ซึ่งเธอได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของ “ผู้หญิงที่สนับสนุนผู้หญิง” และเน้นย้ำถึงงานของ Mary Kay ในการสนับสนุนผู้หญิงที่เป็นผู้ประกอบการ ผ่านการฝึกอบรม ความเป็นผู้นำ และการให้คำปรึกษา “เมื่อผู้หญิงมารวมตัวกัน เราสามารถบรรลุสิ่งพิเศษเพื่อประโยชน์ของผู้หญิงและมนุษยชาติในวงกว้างได้ เพราะเรารู้ว่าถ้าเราอุ้มชูผู้หญิงหนึ่งคน ก็เท่ากับเป็นการอุ้มชูผู้หญิงทั้งหมด ทั้งนี้ หัวใจของการทำงานของ Mary Kay คือการพัฒนาและฝึกอบรมผู้ประกอบการซึ่งในทางกลับกันจะทำให้พวกเขาสร้างธุรกิจ เรื่องราว และมรดกของตนเองสำหรับลูกสาวทั้งหลายของพวกเขาได้” Szabóová กล่าว
  • เมื่อวันที่ 15-16 มิถุนายน พ.ศ. 2564 ที่งาน UN Global Compact Leaders Summit ที่จัดขึ้น Gibbins ได้พูดในเวทีหลักเรื่อง “Women In Sustainability: Innovating In A Man's World” ซึ่งสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสตรีเป็นแบบอย่างที่จำเป็นต่อเศรษฐกิจและสังคม นอกจากนี้ เธอยังเน้นย้ำถึงภารกิจที่สำคัญของ Women's Entrepreneurship Accelerator ซึ่งก่อตั้งโดย Mary Kay ร่วมกับพันธมิตรหน่วยงานของ UN 5 ราย ได้แก่ UN Women, UN Global Compact, International Trade Center, International Labour Organisation และ UN Development Program Accelerator ว่ามีความมุ่งมั่นที่จะให้ความรู้และส่งเสริมผู้ประกอบการสตรี 5 ล้านคนในอีก 10 ปีข้างหน้า “ผู้ประกอบการสตรีจะมีบทบาทสำคัญในการฟื้นตัวที่ประสบความสำเร็จหลังจากการระบาดของโรค นี่คือเหตุผลที่ทำไมภารกิจของ Women's Entrepreneurship Accelerator เกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะเจาะ และนี่คือเหตุผลที่ผู้ประกอบการสตรีจึงต้องการกรอบการทำงานในระดับที่ใหญ่ขนาดนี้” Gibbins กล่าว การประชุมสุดยอดประจำปีได้มีการประชุมผู้นำกว่า 25,000 คนจากภาคธุรกิจ รัฐบาล สหประชาชาติ และภาคประชาสังคม เพื่อให้รับทราบความคืบหน้าและผลักดันการดำเนินการร่วมกันเพื่อบรรเทาวิกฤตสภาพภูมิอากาศ การระบาดใหญ่ทั่วโลก ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม
  • เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่เมือง Ekaterinburg ทาง Mary Kay ได้เข้าร่วมงาน International Industrial Trade Fair INNOPROM-2021 ซึ่งเป็นเวทีอุตสาหกรรม การค้า และการส่งออกหลักในรัสเซีย วิทยากรรับเชิญในการอภิปรายถูกจัดโดย UN Women ในหัวข้อ “UN Women Programs for the Promotion and Development of Gender-Based Entrepreneurship หรือ โครงการ UN Women เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการโดยคำนึงถึงความเท่าเทียมทางเพศ” Mary Kay เน้นย้ำถึงความสำคัญอย่างยิ่งยวดของกลยุทธ์การจัดซื้อจัดจ้างที่ตอบสนองต่อความเท่าเทียมทางเพศ และเน้นว่าการระบาดครั้งใหญ่ของโรคยังนำโอกาสพิเศษมาสู่ความก้าวหน้า การดำเนินการ และการสนับสนุนธุรกิจสตรีทั่วโลก

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ฉีกกฎเกณฑ์แบบเดิม ได้ก่อตั้งบริษัทด้านความงามของเธอมานานกว่า 58 ปี โดยมีเป้าหมายสามประการ คือ มอบโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และการทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความฝันดังกล่าวได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ยังทุ่มเทให้กับการค้นคว้าวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัยเครื่องสำอางค์สี น้ำหอม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิงและครอบครัวด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงภายในครัวเรือน การทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และการส่งเสริมเด็ก ๆให้ทำตามความฝันของตน ดังนั้นวิสัยทัศน์อันดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ในคอนเซปท์ ก้าวไปด้วยกันทีละลิปสติกยังคงส่องสว่างนำทางต่อไป อ่านเพิ่มเติมที่ www.marykay.com

1 https://forum.generationequality.org/home

2 ธนาคารโลก (2563). Enterprise Surveys, World Bank Gender Data Portal อ้างอิงจากบล็อก ธนาคารโลก (2563) Women entrepreneurs needed – stat!

3 Vazquez และ Sherman (2557). อ้างอิงโดย UN Women (2560) The Power of Procurement: How to source from women-owned businesses.

4 Women, Business and the Law, 2021. รายงาน ซึ่งมาจากการดำเนินการใน 190 ประเทศ

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210720005347/en/

ติดต่อ:

ฝ่ายการสื่อสารองค์กร Mary Kay Inc.

Marykay.com/newsroom

(+1) 972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย