น้ำมันเครื่องสูตรเพื่อการแข่งขันที่สกัดจากพืช พร้อมประสิทธิภาพที่ได้รับการพิสูจน์ในการแข่งขัน “IDEMITSU IFG Plantech Racing” เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคมเป็นต้นไปผ่านร้านจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นออนไลน์อย่างเป็นทางการของเรา

Logo

โตเกียว –(BUSINESS WIRE)–03 ธันวาคม 2024

บริษัท อิเดมิตสึ โคซัน จำกัด (สำนักงานใหญ่อยู่ที่เขตโยชิดะ โตเกียว กรรมการผู้จัดการใหญ่คือคุณชุนอิจิ คิโตะ โดยต่อจากกนี้จะเรียกว่า “บริษัท”) จะเริ่มวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องสำหรับรถยนต์ “IDEMITSU IFG Plantech Racing” (ค่าความหนืด: 0W-20, 4Litter/1Litter) ผ่านร้านจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นออนไลน์อย่างเป็นทางการของบริษัท (https://global.idemitsu-nano-tailored-oil.com) ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคมเป็นต้นไปสำหรับลูกค้าในประเทศไทย ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย*1

”IDEMITSU IFG Plantech Racing” (Photo: Business Wire)

”IDEMITSU IFG Plantech Racing” (รูปภาพ: Business Wire)

ผลิตภัณฑ์นี้เป็นน้ำมันเครื่องสำหรับการแข่งขันรุ่นแรกของโลก*2 ที่ใช้พืชเป็นวัตถุดิบมากกว่า 80% ของน้ำมันพื้นฐาน และมีคุณสมบัติทั้งในด้านประสิทธิภาพเพื่อการแข่งขันและได้รับการรับรองมาตรฐานน้ำมันเครื่องจาก API SP

“IDEMITSU IFG Plantech Racing” แสดงให้เห็นถึงตัวตนของแบรนด์ผ่านถ้อยแถลงที่ว่า “The Heart of Technology (หัวใจแห่งเทคโนโลยี)”*3 และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโลโลยีของเราจนถึงขีดสุดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมาก โดยเทคโนโลยีการผสมสูตรเฉพาะของเรานั้นผสานโมลิบดีนัม ซึ่งช่วยลดการสูญเสียพลังงานที่เกิดจากความต้านทานแรงเสียดทาน เข้ากับเอสเทอร์จากพืชที่มีความหนืดสูงที่ทำให้ชั้นฟิล์มน้ำมันหนาขึ้นและทำให้ประสิทธิภาพในการปกป้องสูงขึ้น ในน้ำมันพื้นฐานจากพืชที่ยากต่อการผสม โดยเทคโนโลยี “Molybdenum Ester” ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเรานั้นทำให้เราประสบความสำเร็จในการบรรลุถึงประสิทธิภาพที่เหมาะกับการใช้งานในสภาวะของการแข่งขัน ซึ่งมีการนำมาใช้ใน “MAZDA SPIRIT RACING ROADSTER CNF ” ซึ่งเข้าร่วมการแข่งขันใน SUZUKA Super Taikyu Endurance Race ที่จัดขึ้นเมื่อปลายเดือนกันยายนของปีนี้ด้วย *4

สำหรับรถที่คุณรักแล้ว เราอยากแนะนำให้คุณลองใช้น้ำมันประสิทธิภาพสูงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมาพร้อมกับคุณภาพระดับสูงนี้ *5

ตั้งแต่ที่เราก่อตั้งบริษัทขึ้นมาในปี 1911 เรามุ่งมั่นในการผลิตน้ำมันหล่อลื่นสูตรที่เหมาะกับการใช้งานทุกรูปแบบและมีประสิทธิภาพสูง พร้อมทั้งได้ปรับปรุงความสามารถทางเทคโนโลยีให้ดีขึ้น โดยเราจะยังคงใช้จุดแข็งด้านเทคโนโลยีที่ไม่เหมือนใครของเราเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีแต่เราเท่านั้นที่สามารถทำได้ เพื่อมอบสุนทรียภาพให้กับผู้รักการขับขี่

*1 การวางจำหน่ายในประเทศจีน อินเดีย อินโดนีเซีย สหรัฐอเมริกา บราซิล เม็กซิโก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และประเทศอื่นๆ จะประกาศให้ทราบทันทีเมื่อมีการวางจำหน่ายในแต่ละประเทศ โดยสามารถซื้อได้จากญี่ปุ่นผ่านเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซในต่างประเทศ
*2 ผลการสำรวจตลาด “น้ำมันเครื่อง” ซึ่งดำเนินการสำรวจตั้งแต่เดือนธันวาคม 2023 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2024 พบว่านี่คือน้ำมันเครื่องสำหรับยานยนต์สี่ล้อรุ่นแรกของโลกที่มีการรับรองจาก API รวมถึงน้ำมันจากพืช และประสิทธิภาพในการแข่งขัน โดยผลการสำรวจนั้นจัดทำโดย Trending Future Research Institute Inc. โปรดดูรายละเอียดได้ที่ข่าวประชาสัมพันธ์ด้านล่างนี้
Development of “IDEMITSU IFG Plantech Racing,” the world’s first API-certified engine oil with racing performance made from more than 80% plant-based raw materials (August 7, 2024).
*3 ถ้อยแถลงของแบรนด์น้ำมันหล่อลื่นของเราที่ว่า “The Heart of Technology (หัวใจแห่งเทคโนโลยี)” นั้นเป็นการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นของเราในการทำให้โลกเป็นพื้นที่แห่งความสะดวกสบายที่มากขึ้นอย่างแท้จริงผ่านเทคโนโลยี
วิดีโอแสดงถ้อยแถลงของแบรนด์: https://www.idemitsu.com/en/business/lube/brandstory/index.html
*4 กรุณาดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ข่าวประชาสัมพันธ์ด้านล่างนี้
“IDEMITSU IFG Plantech Racing,” the world's first engine oil with racing performance and API certification using plant derived raw materials, was adopted for use in the “MAZDA SPIRIT RACING ROADSTER CNF concept” racing car that competed in the “SUZUKA S Endurance Race” and completed the course. (October 16, 2024).
*5 เหมาะสำหรับรถยนต์ที่สามารถใช้ SP 0W-20 ได้ ตามที่มีการแนะนำในคู่มือเจ้าของรถ

[ข้อมูลเพื่อการอ้างอิง]
เกี่ยวกับ “IDEMITSU IFG/IRG Series”

“IDEMITSU IFG/IRG Series” เป็นชุดผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องที่ออกแบบมาเพื่อผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ โดยมีสูตรที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องยนต์
กรุณาดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
https://www.idemitsu-nano-tailored-oil.com/

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54159720/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

ติดต่อสอบถามข้อมูลในหัวข้อนี้
ติดต่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับ IDEMITSU IFG Plantech Racing
idemitsu-plantech-racing@idemitsu.com

หากต้องการสอบถามข้อมูลสื่อ กรุณาติดต่อ
ส่วนงานประชาสัมพันธ์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Idemitsu Kosan Co., Ltd.
https://www.idemitsu.com/en/contact/flow/index.html

แหล่งที่มา: Idemitsu Kosan Co., Ltd.

.


NIQ เผยรายงาน CMO OUTLOOK ประจำปี 2025

Logo

รายงานเผยว่า GenAI  ที่เป็นเครื่องมือวัดผลทางการตลาดขั้นสูงและความร่วมมือที่ทำงานได้ราบรื่นขึ้นระหว่างฝ่ายไอที วิทยาศาสตร์ข้อมูลและการตลาด ซึ่งกำลังขับเคลื่อนการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงในปี 2025

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–03 ธันวาคม 2024

NIQ บริษัทชั้นนำด้านข้อมูลเชิงลึกผู้บริโภคระดับโลก ได้เปิดตัวรายงาน CMO Outlook ฉบับล่าสุด เน้นย้ำถึงลำดับความสำคัญและความกังวลที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้นำด้านการตลาดทั่วโลก รายงานในปีนี้สำรวจวิธีที่นักการตลาดปรับตัวรับทั้งความท้าทายและตัวช่วยในแผนกลยุทธ์สำหรับปี 2025 รวมถึงยุคใหม่ของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการตลาด

ผู้บริโภคยังคงเผชิญกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในด้านอาหารและค่าสาธารณูปโภค ประกอบกับความเสี่ยงของเศรษฐกิจที่อาจถดถอย ส่งผลให้เกิดรูปแบบการใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้นในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (CPG) และการค้าปลีก ในขณะเดียวกัน AI มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อกลยุทธ์การตลาดระยะยาว เช่น กิจกรรมส่งเสริมการขายและการสร้างแบรนด์ เนื่องจากผู้บริโภคยังคงมองหาความคุ้มค่าและการประหยัดอยู่ แม้จะมีความท้าทายทางเศรษฐกิจเหล่านี้ แต่โอกาสสำหรับการเติบโตทางการตลาดยังคงมีอยู่

รายงานระบุว่าผู้นำด้านการตลาดยังคงมองในแง่ดีในอนาคต โดย 78% คาดว่าจะอยู่ในสถานะที่ดีขึ้นในอีกสามปีข้างหน้า ท่ามกลางสภาพแวดล้อมปัจจุบัน กว่า 56% ยังคงมองว่าการตลาดเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุเป้าหมายยอดขายในทันที (ลดลงจาก 64% ในปี 2023) ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่การสร้างแบรนด์ในระยะยาว แม้ว่าผู้นำการตลาด 60% จะมองว่าการชี้แจงความจำเป็นในการลงทุนด้านการตลาดเป็นเรื่องง่าย (ลดลงจาก 65% ในปี 2023) แต่ความเชื่อมั่นของ CEO และ CFO ต่อคุณค่าระยะยาวของการลงทุนในแบรนด์กลับเพิ่มขึ้น (44% ในปี 2024 เทียบกับ 41% ในปี 2023) นักการตลาดยังหันมาใช้ AI เป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาหลัก ซึ่งบ่งชี้ว่า AI กำลังจะเข้ามาปรับเปลี่ยนวิธีการรับมือกับภูมิทัศน์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นในอนาคต

Marta Cyhan-Bowles ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารและหัวหน้าฝ่ายการตลาดระดับโลกของ NIQ กล่าวถึงผลการศึกษาว่า “อนาคตของการตลาดจะขับเคลื่อนด้วย AI แม้กลยุทธ์อื่นๆ ของ CMO จะยังคงเสถียรในปี 2024 แต่ Generative AI (GenAI) กำลังสร้างการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ และกำลังกลายเป็นองค์ประกอบหลักในกลยุทธ์การตลาดเพื่อเร่งการเติบโต AI สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในทุกด้านที่เราดูแล ตั้งแต่การสื่อสารกับลูกค้า การสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล ไปจนถึงการเจาะลึกข้อมูลเชิงลึกในโปรเจคต่างๆ และการเปิดโอกาสใหม่ๆ

แนวโน้มสำคัญที่ขับเคลื่อนการตัดสินใจด้านการตลาดในปี 2025:

  • ฟังก์ชันการตลาดใช้ AI มากขึ้นเรื่อยๆ: นักการตลาดระดับสูงกำลังทำให้ GenAI เป็นศูนย์กลางของกลยุทธ์ โดย 72% ใช้สำหรับการสร้างเนื้อหาและความคิดสร้างสรรค์ 67% ใช้ในการวัดสุขภาพของแบรนด์ 65% ใช้สำหรับการวางแผนและปรับปรุงสื่อ และ 30% ใช้สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ GenAI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกฟังก์ชันการตลาด รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพประสบการณ์ลูกค้าอีกด้วย
  • AI จะกระตุ้นความมั่นใจในการใช้ข้อมูล: ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลกำลังกลายเป็นความได้เปรียบทางการแข่งขันสำหรับนักการตลาด โดยการใช้งาน AI เป็นแรงขับเคลื่อนความมั่นใจนี้ นักการตลาดส่วนใหญ่ (81%) พึ่งพาข้อมูลเพื่อติดตามผลการดำเนินงาน และมากกว่าครึ่ง (60%) ขององค์กรที่ใช้ข้อมูลเป็นหลักมีความมั่นใจอย่างมากในความสามารถด้านการวิเคราะห์ข้อมูลของตน แม้จะมีแนวโน้มเชิงบวกนี้ แต่ 31% ของนักการตลาดระดับสูงยังคงประสบปัญหาในการเชื่อมโยงข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นของเครื่องมือ AI ขั้นสูง AI ยังคงมีบทบาทสำคัญในการสร้างข้อมูลเชิงลึกที่นำไปปฏิบัติได้ พร้อมนำเสนอแนวทางแก้ปัญหาเพื่อทำให้การวัดผลการตลาดมีความแม่นยำและคุ้มค่ามากขึ้น
  • การปรับปรุงในสุขภาพของฟังก์ชันการตลาด: ดัชนี CMO Outlook ซึ่งติดตามมิติหลักขององค์กรที่มุ่งเน้นการตลาด ได้ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยในปี 2024 ความ 'สุขภาพ' โดยรวมของการตลาดก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะในยุโรป ซึ่งมีการเพิ่มขึ้นสี่คะแนนในความรู้สึกที่เกิดจากการปรับปรุงการประสานงานกับผู้บริหารระดับสูง AI กำลังก้าวไปข้างหน้าในการเปลี่ยนแปลงนี้ และกำลังถูกใช้ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมการตลาดและกลยุทธ์ทางธุรกิจ
  • AI จะกำจัดช่องว่างระหว่างลูกค้ากับธุรกิจโดยการเพิ่มความเข้าใจในความชอบของผู้บริโภค: AI ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นผู้บริโภคในระยะยาว BASES Ad Explorer ของ NIQ ช่วยนักการตลาดในการปรับปรุงมูลค่าของแบรนด์และให้ข้อมูลเชิงลึกที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความชอบของผู้บริโภค โดยการใช้ AI นักการตลาดสามารถให้ความสำคัญกับข้อมูลเชิงลึกด้านความคิดสร้างสรรค์ ทดสอบโฆษณาหลายเวอร์ชัน และทำงานให้เสร็จตามกำหนดโดยไม่ลดทอนคุณภาพ
  • นักการตลาดจะให้ความสำคัญกับความร่วมมือข้ามแผนก: นักการตลาดกำลังใช้ภาษาของ CFO เพื่อดึงดูดการลงทุนและร่วมงานกับ CTO เพื่อใช้ศักยภาพของ AI ให้สูงสุด ในปีใหม่จะเห็นความร่วมมือที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างการตลาด นักวิเคราะห์ข้อมูล และผู้นำธุรกิจ เพื่อทำลายข้อจำกัดของข้อมูลและรวมแหล่งข้อมูลที่หลากหลายเพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปปฏิบัติได้มากขึ้น

ทำไมแนวโน้มเหล่านี้จึงสำคัญในปี 2025

รายงาน CMO Outlook เน้นย้ำถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของ AI ในด้านการตลาด เพื่อช่วย CMO ในการวางแผนปี 2025 รายงานเผยให้เห็นถึงลำดับความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของนักการตลาดอาวุโส และวิธีที่พวกเขาสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ AI และเครื่องมือข้อมูลเพื่อนำทางภูมิทัศน์ที่ซับซ้อนข้างหน้า หัวข้อต่างๆ ได้แก่:

  • ความสำคัญและโอกาสด้านการตลาดในปี 2025
  • ศักยภาพและผลกระทบของ AI ต่อการตลาด
  • การสร้างความไว้วางใจใน AI สำหรับกลยุทธ์การตลาดในอนาคต

ดาวน์โหลดสำเนารายงาน CMO Outlook: วิธีที่ผู้นำการตลาดควรคิดเกี่ยวกับ AI และการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลในปี 2025 ได้ ที่นี่

เกี่ยวกับรายงานนี้:

รายงาน CMO Outlook ของ NIQ: How marketing leaders should be thinking about AI and data-driven decisioning heading into 2025 รายงานนี้อ้างอิงจากการสำรวจผู้นำการตลาดระดับสูงเกือบ 600 คนจากบริษัทที่มีรายได้ประจำปีมากกว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือมีพนักงานมากกว่า 250 คน การสำรวจครอบคลุม 18 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยุโรป ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง/แอฟริกา และอเมริกาเหนือ ผู้นำการตลาดถูกกำหนดว่าเป็น CMO หรือหัวหน้าแบรนด์ ผู้อำนวยการหรือรองประธานฝ่ายการตลาด แบรนด์ การดำเนินงานการตลาด หรือประสบการณ์ลูกค้า

เกี่ยวกับ NIQ:

NIQ เป็นบริษัทด้านข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคระดับสากลชั้นนำ ที่มอบความเข้าใจที่ครบถ้วนที่สุดเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคและเผยเส้นทางในการเติบโตใหม่ ๆ ในปี 2023 NIQ ได้ควบรวมกิจการกับ GfK เป็นการรวมสองผู้นำในอุตสาหกรรมที่มีเครือข่ายระดับสากล ซึ่งไม่มีใครเทียบได้ ปัจจุบัน NIQ ดำเนินงานในกว่า 95 ประเทศ ครอบคลุม 97% ของ GDP โลก NIQ ใช้ข้อมูลค้าปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุด ผสานเข้ากับการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ทันสมัย เพื่อนำเสนอมุมมองแบบรอบด้าน Full View™

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ www.niq.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Sweta Patra
Sweta.patra@nielseniq.com

ที่มา: NielsenIQ

alkaLi ของ Gradiant สร้างมาตรฐานใหม่ในการสกัดลิเธียมโดยตรง

Logo

ตีพิมพ์ ณ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2567

เทคโนโลยี EC2 ได้รับการรับรองว่าสามารถกู้คืนลิเธียมได้มากกว่า 95% เพื่อแปลงเป็นเกรดแบตเตอรี

บอสตัน แมสซาชูเซตส์ — วันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 — alkaLi ซึ่งเป็นบริษัทที่แยกตัวออกของ Gradiant เป็นผู้นำตลาดการผลิตและการสกัดลิเธียมโดยตรง (DLE) ด้วยเทคโนโลยี EC2 ซึ่งมีอัตราการกู้คืนลิเธียมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากน้ำเกลือทะเลสูงถึง 97% ในอเมริกาเหนือ เทคโนโลยีใหม่นี้ได้รับการรับประกันโดย Gradiant ว่าจะกู้คืนลิเธียมได้อย่างน้อย 95% ที่ไซต์ของลูกค้า ซึ่งช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถผลิตลิเธียมคาร์บอเนตเกรดแบตเตอรีได้เร็วขึ้น ถูกลง และยั่งยืนมากกว่าที่เคย

alkaLi’s EC2 modular three-stage containerized system for Extract, Concentrate, and Convert (Graphic: Business Wire)

ระบบคอนเทนเนอร์สามขั้นตอนแบบแยกส่วน EC2 ของ alkaLi สำหรับการสกัด เพิ่มความเข้มข้น และแปลง (ภาพ: Business Wire)

โซลูชันลิเธียมที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในโลก เทคโนโลยี EC2 ของ alkaLi เป็นโซลูชันแบบครบวงจรตัวแรกและตัวเดียวที่ออกแบบมาเพื่อสกัด เพิ่มความเข้มข้น และแปลงลิเธียมเกรดแบตเตอรี เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากรถยนต์ไฟฟ้า การจัดเก็บพลังงาน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ปัจจุบันผู้ผลิตได้รับประโยชน์จาก:

  • ต้นทุนที่ลดลงด้วยต้นทุน OPEX และ CAPEX ที่ลดลง 50%
  • ความยั่งยืนที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมด้วยปริมาณคาร์บอนและน้ำที่ลดลง
  • การผลิตที่รวดเร็วขึ้นซึ่งตอนนี้จะวัดเป็นชั่วโมง ไม่ใช่เป็นเดือน
  • ขนาดที่กะทัดรัดในรูปแบบของตู้คอนเทนเนอร์เคลื่อนที่ขนาด 20 หรือ 40 ฟุตที่ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
  • การอนุญาตแบบเร่งด่วนโดยให้น้ำในผลิตภัณฑ์เป็นไปตามข้อกำหนดและพร้อมสำหรับการฉีดกลับเข้าไปใหม่

alkaLi ได้พิสูจน์กระบวนการเพิ่มความเข้มข้นของ EC2 ให้กับบริษัทพลังงานชั้นนำของสหรัฐอเมริกาแล้วที่ไซต์เชิงพาณิชย์ในหุบเขาเคลย์ตัน รัฐเนวาดา เพื่อแสดงประสิทธิภาพของเทคโนโลยี CFRO พื้นฐานในการเพิ่มความเข้มข้นของลิเธียมให้มีคุณภาพในเกรดแบตเตอรี

ประสิทธิภาพสุดล้ำ การสาธิตสามขั้นตอนของ EC2 โดยใช้น้ำเกลือทะเลดิบช่วยยืนยันว่าสามารถ:

  • สกัด: ประสิทธิภาพ DLE มากกว่า 95% แม้จะมีปริมาณ COD สูง
  • เพิ่มความเข้มข้น: เทคโนโลยี CFRO เพิ่มความเข้มข้นของลิเธียมให้มีคุณภาพระดับเกรดแบตเตอรีที่สูงกว่า 200,000 มก./ลิตร
  • แปลง: ทำให้ลิเธียมที่มีความเข้มข้นสูงตกตะกอนเป็นของแข็งเพื่อผลิตลิเธียมคาร์บอเนตหรือลิเธียมไฮดรอกไซด์เกรดแบตเตอรี

นอกเหนือจากลิเธียม แนวทางการใช้เทคโนโลยีธาตุของ alkaLi ยังช่วยปรับชุดเทคโนโลยี EC2 ให้สามารถกู้คืนแร่ธาตุสำคัญอื่นๆ ได้มากมาย ซึ่งรวมถึงทองแดง นิกเกิล โคบอลต์ แมงกานีส แมกนีเซียม และเหล็ก

ในปลายเดือนนี้ alkaLi จะเริ่มใช้งานโซลูชันที่พัฒนาเองร่วมกับผู้นำด้านการทำเหมืองระดับโลกในออสเตรเลียตะวันตก โดยมุ่งเน้นการกู้คืนนิกเกิลและโคบอลต์จากน้ำเสียของเหมือง โซลูชันนี้ได้รับการเสริมประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีการสกัดสารเคมีที่ได้รับการคัดสรรโดย Gradiant โดยจะบำบัดน้ำดิบให้พร้อมใช้งานสำหรับ CFRO ซึ่งระบบที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัยนี้มีประสิทธิภาพเหนือกว่ากระบวนการ RO ที่มีจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ทั้งหมด และสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นได้ 300,000 มก./ล. โดยใช้พลังงานน้อยที่สุด

เมื่อนำไปใช้งานแล้ว alkaLi จะเปลี่ยนบ่อกักเก็บตะกอนที่เป็นภาระทางสิ่งแวดล้อมให้กลายเป็นแหล่งแร่ธาตุที่มีคุณค่า ซึ่งเป็นแนวทางที่ยั่งยืนในการตอบสนองความต้องการแร่ธาตุทั่วโลก ณ สถานที่แห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เทคโนโลยี EC2 กำลังแปลงน้ำเสียจากเหมืองให้เป็นแมกนีเซียมซัลเฟตเกรดอุตสาหกรรมที่มีคุณค่าสูง

“แนวทางการทำงานแบบแยกส่วนของ alkaLi ในการออกแบบชุดเทคโนโลยี EC2 เป็นการสานต่อปรัชญาของ Gradiant ที่ต้องการเพิ่มผลลัพธ์ของนวัตกรรมล้ำสมัยของเราให้มีประโยชน์ที่สุดในอุตสาหกรรมและภูมิภาคต่างๆ” Prakash Govindan ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Gradiant กล่าวว่า “แร่ธาตุที่เราต้องการนั้นจำเป็นต่อการเร่งให้เกิดการใช้ระบบไฟฟ้าในสังคม และผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่ alkaLi จะมีบทบาทสำคัญในการนำวัตถุดิบเหล่านี้ไปใช้กับผู้บุกเบิกทั่วโลก”

สนใจนำ EC2 ไปใช้ในสถานที่ปฏิบัติงานของคุณหรือไม่ ขณะนี้ Gradiant มีโปรแกรมทดลองใช้งานฟรีเพื่อแสดงความสามารถในการสกัด เพิ่มความเข้มข้น และแปลงของ alkaLi ในน้ำดิบต่าง ๆ ติดต่อ Gradiant เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.gradiant.com/contact

เกี่ยวกับ Gradiant

Gradiant เป็นบริษัทน้ำที่ไม่เหมือนใคร ชุดโซลูชันครบวงจรที่แตกต่างและเป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะสำหรับการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูงที่พัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำระดับสูง จะช่วยให้บริษัทให้บริการการดำเนินงานที่สำคัญยิ่งต่อภารกิจของลูกค้าในอุตสาหกรรมที่สำคัญทั่วโลก รวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ ยา อาหารและเครื่องดื่ม ลิเธียมและแร่ธาตุที่สำคัญและพลังงานหมุนเวียน โซลูชันที่เป็นนวัตกรรมของ Gradiant จะช่วยลดการใช้น้ำและปล่อยน้ำเสีย กู้คืนทรัพยากรที่มีค่าและบำบัดน้ำเสียให้เป็นน้ำจืด บริษัทซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองบอสตันก่อตั้งขึ้นที่ MIT และมีพนักงานมากกว่า 1,000 คนทั่วโลก รับทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ gradiant.com

เกี่ยวกับ alkaLi

alkaLi มุ่งมั่นที่จะเร่งการขยายขนาดการผลิตลิเธียมและแร่ธาตุที่สำคัญอื่น ๆ บริษัทขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี EC2 ซึ่งเป็นโซลูชันแบบครบวงจรเพียงหนึ่งเดียวในโลกที่ออกแบบมาเพื่อสกัด เพิ่มความเข้มข้นและแปลงลิเธียมในเกรดแบตเตอรี alkaLi นำเสนอวิธีการใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนแก่ผู้ผลิตแร่ธาตุเพื่อการขยายขนาดการผลิตอย่างรวดเร็ว พร้อมประโยชน์ที่สำคัญในด้านความสามารถในการผลิต ความเร็ว ต้นทุนและความยั่งยืน โดยมีโซลูชันที่ปรับให้เข้ากับแหล่งวัตถุดิบที่หลากหลายที่สุดในอุตสาหกรรม ซึ่งประกอบด้วยน้ำเกลือ การระเหยและการรีไซเคิล บริษัทซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองบอสตันเป็นบริษัทที่แยกตัวออกจาก Gradiant รับทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ alkaLi3.com

*เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลจากต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อองค์กร
Felix Wang
หัวหน้าฝ่ายแบรนด์และประชาสัมพันธ์ทั่วโลกของ Gradiant
fwang@gradiant.com

แหล่งข้อมูล: Gradiant

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54151011/en

เปิดตัวเกม MMO แนว Battle Royale ‘Dusty Derby’: มาทะยานเข้าสู่สงครามเหล่าฝุ่นน้อยแสนน่ารักกันเถอะ

Logo

ช่วงชิงตำแหน่งราชันฝุ่นได้เลยใน Dusty Derby เกมออนไลน์ผู้เล่นหลายคนจำนวนมาก (MMO) ออกใหม่

เกมสไตล์แคชชวลที่มาพร้อมกับตัวละครน่าหลงใหลและระบบควบคุมที่เรียบง่าย เล่นได้ทุกเพศทุกวัย ปลอดภัยทั้งครอบครัว

ผู้เล่นสูงสุดถึง 32 คนที่จะมาช่วงชิงตำแหน่งราชันฝุ่น

โซล ประเทศเกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–29 พฤศจิกายน 2024

GENIESOFT Inc. บริษัทผู้พัฒนาแพลตฟอร์มเนื้อหาวิดีโอจากเกาหลีใต้เปิดตัว ‘Dusty Derby’ เวอร์ชัน Early Access บน Steam อย่างเป็นทางการแล้ว เกมแนว Battle Royale แบบออนไลน์ผู้เล่นหลายคนจำนวนมาก (MMO) นี้จะพาผู้เล่นไปรับบทเป็นตัวละครฝุ่นน่ารักเพื่อช่วงชิงตำแหน่ง “ราชันฝุ่น”

ในเกมนี้ ผู้เล่นจะได้เดินทางไปตามบ้านแสนประหลาดเพื่อทำภารกิจและต่อสู้ชิงชัยชนะกับผู้เล่นอื่น ด้วยระบบควบคุมที่เรียบง่ายและสไตล์งานอาร์ตที่ดูน่าหลงใหล ‘Dusty Derby’ จึงมอบเกมเพลย์ที่เล่นง่ายและเข้าถึงได้กับผู้เล่นทุกวัยในฝีมือทุกระดับ

ผู้เล่นต่อสู้กันสูงสุดถึง 32 คน

'Dusty Derby' มอบเกมเพลย์ Battle Royale สไตล์แคชชวลสูงสุดถึง 32 คนในห้องเดียว ไม่ว่าจะลุยเดี่ยวหรือเฟี้ยวไปกับเพื่อน ๆ ในตี้ทีม ผู้เล่นก็จะได้สำรวจด่านสุดสร้างสรรค์ราวหลุดมาจากฝันซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากพื้นที่ในบ้านที่เราคุ้นเคย เมื่อผู้เล่นทำภารกิจสำเร็จ เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ ผู้เล่นก็จะเป็นผู้ชนะ

ด่านหลากหลาย

เวอร์ชัน Early Access มาพร้อมกับด่านสามด่านภายในสามฉากหลัก ตั้งแต่ห้องนั่งเล่น ห้องอาบน้ำ และห้องครัว ซึ่งรวมแล้วทั้งหมดเก้าด่านสุดเป็นเอกลักษณ์ ดีไซน์ออกแบบด่านสุดอาร์ตและสร้างสรรค์ช่วยเปลี่ยนพื้นที่ในบ้านที่เราคุ้นเคยเป็นสนาม Battle Royale และยังมีอัปเดตซีซั่นในอนาคตที่จะมาพร้อมกับฉากในธีมใหม่ ๆ อย่างออฟฟิศ ร้านอาหาร และโรงเรียนด้วย

เกมเพลย์เชิงกลยุทธ์

หนึ่งในฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ 'Dusty Derby' ก็คือระบบควบคุมที่เรียบง่าย ซึ่งช่วยให้ผู้เล่นจากทุกเพศทุกวัยสามารถดื่มด่ำไปกับในเกมได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่สวมบทเป็นตัวละครฝุ่นเข้าไปลุยในด่าน ผู้เล่นก็จะได้ใช้เหลี่่ยมกลยุทธ์มากมาย เช่น เร่งความเร็ว โจมตีคู่ต่อสู้ด้วยการน็อคให้ร่วง และโยนสิ่งของใส่ การควบคุมที่ง่ายไม่เพียงแต่ทำให้ผู้เล่นทุกประเภทและสไตล์สามารถโดดเข้ามาเล่นได้อย่างง่ายดายและช่วงชิงเพื่อเป็น ‘ราชันฝุ่น’ เท่านั้น แต่ยังเพิ่มด้านกลยุทธ์ที่ซับซ้อนให้กับเกมเพลย์อีกด้วย

ปรับแต่งตัวละคร

GENIESOFT เพิ่มความตื่นเต้นไปอีกขั้นด้วยการใส่ภารกิจเฉพาะด่านอย่างภารกิจหลบเครื่องโดดฝุ่นหรือปิดพัดลม ซึ่งเพิ่มอะดรีนาลีนยิ่งขึ้นด้วยการเพิ่มเลเยอร์ของกลไกเกมเพลย์เข้าไปอีกขั้น ทั้งองค์ประกอบเหล่านี้และการที่เกมรองรับผู้เล่นถึง 32 คนในแมตช์เดียว ทำให้ 'Dusty Derby' เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมเพื่อสัมผัสประสบการณ์ E-Sports ที่เป็นมิตรต่อครอบครัวและดึงดูดผู้เล่นได้ทุกวัย รวมทั้งเพื่อน ๆ และคนในครอบครัวด้วย

สนุกได้ทั้งครอบครัว

ตัวละครที่น่ารักสดใสยังเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าดึงดูดอย่างมาก ผู้เล่นสามารถแต่งตัวละครฝุ่นให้เหมาะกับความต้องการของผู้เล่นได้ด้วยการเลือกสี วัสดุ สีหน้า เครื่องประดับ และเครื่องแต่งกายได้ เครื่องแต่งกายสุดเตะตามากมาย ตั้งแต่ชุดผึ้งและชุดนักบินอวกาศ ไปจนถึงชุดกลาดิเอเตอร์และตัวตลกให้ผู้เล่นได้สวมเมื่ออัพเลเวล ดังนั้น จึงมีเครื่องแต่งกายใหม่ ๆ ให้ผู้เล่นลองสวมให้กับตัวละครอยู่ตลอดเวลา GENIESOFT วางแผนที่จะขยายออพชั่นปรับแต่งไปอีกเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ที่ผู้เล่นจะได้รับด้วยฟีเจอร์สังคมเช่นร้านค้าในเกมและรายชื่อเพื่อนด้วย

แค่ก็เพียงพอที่ 'Dusty Derby' สามารถดึงดูดความสนใจได้เป็นจำนานมากแล้ว ตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกที่งานมหกรรมเกมครั้งใหญ่ทั่วเอเชีย ซึ่งรวมถึงงาน G-STAR 2024 หลาย ๆ คนก็ได้แสดงความคาดหวังกันอย่างมากมาย ยกเครดิตให้กับการควบคุมที่ง่ายและเกมเพลย์ที่น่าดึงดูดของเกมเลย ทัวร์นาเมนต์ 'Dusty Derby Tournament' จบลงด้วยความสำเร็จอย่างมากเมื่อวันที่ 24 พฤษจิกายน โดยมีคอนเทนต์ครีเอเตอร์ด้านวิดีโอเกมเสมือนจริงที่โดดเด่นกว่า 32 รายจากอินโดนีเซียเข้าร่วม นี่เองที่ช่วยเพิ่มความคาดหวังให้กับความสำเร็จของเกมในฐานะที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกไปอีก

ดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่ Dusty Derby บน Steam

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54158787/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

GENIESOFT Inc.
Dohyeon Kim
+82 507-1301-7163
genie@geniesoft.io

แหล่งข้อมูล: GENIESOFT Inc.

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีของอาบูดาบีเปิดการประชุมสุดยอด AI แบบโอเพ่นซอร์ส พร้อมการอภิปรายที่สําคัญเกี่ยวกับอนาคตของ AI

Logo

ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI นานาชาติกว่า 300 รายจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี รวมถึง Meta และ Google DeepMind สํารวจหัวข้อต่างๆ เช่น การพิจารณาด้านจริยธรรมในการเป็นเจ้าของ AI นวัตกรรมในการประมวลผล AI ที่ยั่งยืน และพลังการประมวลผล

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–26 พฤศจิกายน 2024

การประชุมสุดยอด AI แบบโอเพ่นซอร์ส ที่อาบูดาบี ซึ่งจัดโดย Technology Innovative Institute (TII) ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ประยุกต์ระดับโลก ได้เริ่มต้นด้วยการสนทนาที่สําคัญที่จะกําหนดวาระการประชุม AI ระดับโลก การประชุมสุดยอดดังกล่าวจะจัดขึ้นที่เกาะ St. Regis Saadiyat ในวันนี้และพรุ่งนี้ โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 300 คน โดยการประชุมครั้งนี้จะมุ่งเน้นในระดับนานาชาติที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการดึงและผลักดันระหว่าง AI แบบโอเพ่นซอร์สและแบบปิด

Abu Dhabi’s Technology Innovation Institute Inaugurates Open-Source AI Summit with Critical Discussions on the Future of AI (Photo: AETOSWire)

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีของอาบูดาบีเปิดการประชุมสุดยอด AI แบบโอเพ่นซอร์ส พร้อมการอภิปรายที่สําคัญเกี่ยวกับอนาคตของ AI (ภาพ: AETOSWire)

“เมื่อพูดถึง AI มีสองทางเลือกที่สําคัญ ” H.E. Faisal Al Bannai เลขาธิการสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูงและที่ปรึกษาของประธานาธิบดีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กล่าว “คุณสามารถใช้ประโยชน์จากโมเดล AI แบบปิดที่เป็นของบริษัทได้ พวกเขาควบคุมมัน รวมถึงข้อมูลที่คุณให้ไว้ด้วย นวัตกรรมเริ่มต้นและจบลงด้วยพวกเขา

“อีกทางหนึ่ง คุณสามารถใช้ประโยชน์จากโมเดลโอเพ่นซอร์สที่เติบโตภายในชุมชนได้ เราสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ร่วมกัน และทุกคนสามารถเข้าถึงและต่อยอดจากมันได้ทุกที่ หาก AI จะเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างของสังคมของเรา และมันจะเป็นอย่างนั้น ประเทศ บริษัท และบุคคลต่างๆ จําเป็นต้องตัดสินใจว่าใครเป็นผู้ควบคุมมัน การเปิดตัวโมเดล Falcon AI ถือเป็นการมีส่วนสนับสนุนของ TII ต่อโลก”

Dr. Najwa Aaraj ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ TII ผู้เปิดการประชุมกล่าวว่า “การประชุมสุดยอด AI แบบโอเพ่นซอร์สที่อาบูดาบีถือเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับการอภิปรายเกี่ยวกับ AI ระดับโลก เช่นเดียวกับโมเดลโอเพ่นซอร์สอื่น ๆ Falcon ได้รวมนักวิทยาศาสตร์ นักพัฒนา และนวัตกรเข้าด้วยกัน เพื่อเร่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เพื่อเป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั่วโลก เราหวังว่าจะได้เห็นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรายังคงทํางานร่วมกับ Falcon Foundation ต่อไป”

วาระการประชุมสุดยอดยังคงดําเนินต่อไปด้วยการอภิปรายจากวิทยากรที่มีชื่อเสียง รวมถึง Dr. Belgacem Haba รองประธานของ Adeia Corporation ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งพูดถึงความท้าทายที่ AI สร้างขึ้นในอุตสาหกรรมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์

Prof. Philip Torr ศาสตราจารย์และหัวหน้าที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดในสหราชอาณาจักร พูดถึงผู้ที่ควรเป็นเจ้าของ AI โดยกล่าวถึงข้อเสียที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนถึงกฎระเบียบ และโต้แย้งว่าในระยะยาว ประโยชน์ของ AI แบบโอเพ่นซอร์สมีมากกว่าความเสี่ยง

Dr. Hakim Hacid หัวหน้านักวิจัยของศูนย์วิจัย AI ของ TII กล่าวว่า “เราเชื่อว่า AI แบบโอเพ่นซอร์สเป็นหนทางข้างหน้า แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะยังมีความท้าทายและคําถามเกี่ยวกับการควบคุม นโยบาย พลังการประมวลผล และฮาร์ดแวร์ที่เราต้องแก้ไข นั่นคือเหตุผลที่เรารวบรวมผู้เชี่ยวชาญระดับโลกจํานวนมากในการประชุมสุดยอดนี้ และจะยังคงทําเช่นนี้ต่อไปในปีต่อๆ ไปโดยร่วมมือกับ Falcon Foundation การสนทนาเหล่านี้มีความสําคัญมาก”

วิทยากรที่จะมาอภิปรายในภายหลัง ได้แก่ Dr. Natalia Vassilieva รองประธานและ CTO ภาคสนามของ Cerebras Systems ในสหรัฐอเมริกา Dr. June Paik ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ FuriosaAI ในสหรัฐอเมริกา Dr. Armand Joulin ผู้อํานวยการฝ่ายวิจัยของ Google DeepMind ในฝรั่งเศส และ Dr. Michal Valko หัวหน้าวิศวกร Llama ที่ Meta Paris ในฝรั่งเศส พวกเขาจะพูดคุยเกี่ยวกับระดับของการเปิดกว้างของ AI การประมวลผล AI ที่ยั่งยืน การสร้าง LLM ที่มีขนาดกะทัดรัดมากขึ้น, การใช้ประโยชน์จากโมเดลพื้นฐานสําหรับอัลกอริทึมที่น่าเชื่อถือและอื่น ๆ

Dr. Jingwei Zuo จาก TII จะพูดเกี่ยวกับ Falcon Mamba ซึ่งเป็นโมเดล State Space Language รุ่นแรกที่สร้างขึ้นโดยใช้สถาปัตยกรรมใหม่ทั้งหมดและเปิดตัวเมื่อต้นปีนี้

การประชุมสุดยอดจะจบลงด้วยการเสวนาที่นําโดย TII เกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของพวกเขาสําหรับ AI แบบโอเพ่นซอร์ส

ซีรีส์ Falcon AI LLM ของ TII ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ซีรีส์นี้เริ่มต้นด้วยการเปิดตัว Falcon 40B ซึ่งเป็น LLM โอเพ่นซอร์สตัวแรกของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในเดือนพฤษภาคม 2023 นับตั้งแต่นั้นมา โมเดล Falcon รุ่นต่อๆ มาก็ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สชั้นนําของโลกอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการรับรองจาก Hugging Face  ซึ่งเป็นผู้นำอุตสาหกรรมอิสระ คาดว่าจะมี Falcon รุ่นใหม่ภายในสิ้นปี 2024

*ที่มา: AETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/54158361/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Victoria Meven
victoria.meven@edelman.com

ที่มา: สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยี

Aurora King Power M-150 Royal Umbrella TOPS TrueOnline และ VISTRA คว้ารางวัลแบรนด์ดิ้งระดับโลก ประจำปี 2024-2025

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–26 พฤศจิกายน 2024

งานมอบรางวัล World Branding Awards ครั้งที่ 18 ได้จัดขึ้นเพื่อยกย่องความสำเร็จและความก้าวหน้าของแบรนด์ที่ดีที่สุดในโลกในฐานะผู้ชนะระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลก งานมอบรางวัล World Branding Awards ประจำปี 2024-2025 ได้มีการเสนอชื่อแบรนด์มากกว่า 927 แบรนด์จาก 66 ประเทศเข้าชิงรางวัล “แบรนด์แห่งปี” โดยในจำนวนนี้ มีผู้ได้รับการประกาศให้เป็นผู้ชนะน้อยกว่า 100 ราย

พิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรติครั้งนี้จัดขึ้นที่หอคอยลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร โดยมีเดวิด ครอฟต์ ผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์ชื่อดังของอังกฤษเป็นผู้ดำเนินรายการและได้ต้อนรับแขกมากกว่า 80 คนจากทั่วโลก

ผู้ชนะระดับโลกที่ได้พิสูจน์ถึงความเป็นเลิศและความสามารถในการสร้างแบรนด์ได้อย่างไร้ที่ติในอุตสาหกรรม ได้แก่ Yakult (ญี่ปุ่น) Lurpak (เดนมาร์ก) Sennheiser (เยอรมนี) Spotify (สวีเดน) BYD (จีน) และ Heinz (สหราชอาณาจักร)

ผู้ชนะรางวัลจากประเทศไทย ได้แก่ Aurora Café Amazon King Power M-150 PTT Stations Royal Umbrella Thai Life Insurance (ไทยประกันชีวิต) TrueOnline TOPS และ VISTRA ผู้ชนะระดับประเทศอื่น ๆ ได้แก่ Absolut (สวีเดน) Airland (ฮ่องกง) Bank of Taiwan (ไต้หวัน) Boots (สหราชอาณาจักร) Farm Fresh (มาเลเซีย) Fern-D (ฟิลิปปินส์) Sinar Mas Land (อินโดนีเซีย) และ Sukiya (ญี่ปุ่น) เป็นต้น

โดยมีเพียง 20 แบรนด์เท่านั้นที่ได้รับคัดเลือกให้รับรางวัลระดับภูมิภาคในปีนี้ ซึ่งได้แก่ M-150 (ประเทศไทย) Tsui Wah (ฮ่องกง) Nippon Rent-A-Car (ญี่ปุ่น) และ MR DIY (มาเลเซีย) ซึ่งแบรนด์เหล่านี้ได้รับการโหวตให้เป็นแบรนด์โปรดของผู้บริโภคในมากกว่า 4 ประเทศขึ้นไปในพื้นที่ภูมิภาคทางภูมิศาสตร์มากกว่า 3 พื้นที่ขึ้นไป

“การชนะรางวัลแบรนด์แห่งปีจากเสียงโหวตของผู้บริโภคถึง 70% ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถของแบรนด์ในการสร้างเสียงตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ได้ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าแบรนด์ไม่เพียงแต่ตอบสนองต่อความคาดหวังของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังทำได้เกินความคาดหวังของลูกค้าอีกด้วย นี่จึงนับเป็นเครื่องหมายเกียรติยศที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการมอบคุณค่าที่โดดเด่น สร้างความไว้วางใจ และสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนได้” นาย Richard Rowles ประธาน World Branding Forum กล่าว

มีผู้บริโภคมากกว่า 100,000 รายเข้าร่วมการเสนอชื่อระดับโลกในปีนี้ โดยเฉลี่ยแล้ว มีแบรนด์ที่ได้รับรางวัลเพียง 5 แบรนด์ในแต่ละประเทศ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าการได้รับรางวัล World Branding Award ถือเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่ง

คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและรายชื่อผู้ชนะรางวัลทั้งหมดได้ที่ awards.brandingforum.org

เกี่ยวกับ WORLD BRANDING AWARDS

World Branding Awards เป็นรางวัลชั้นนำของ World Branding Forum ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ได้จดทะเบียนไว้ รางวัลนี้เป็นการยกย่องความสำเร็จของแบรนด์ที่ดีที่สุดของโลก

ช่องทางโซเชียล

Facebook: https://www.facebook.com/worldbrandingforum/
Twitter: https://twitter.com/WorldBranding
Instagram: https://www.instagram.com/worldbranding/
LinkedIn: https://linkedin.com/company/world-branding-forum

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

editorial@brandingforum.org

แหล่งข้อมูล: World Branding Awards

.

Kolmar BNH ปฏิวัติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลด้วย HemoHIM อาหารเสริมเพื่อสุขภาพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

Logo

โซล เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–25 พฤศจิกายน 2024

Kolmar BNH (KRX: 200130) เป็นบริษัทผู้รับจ้างออกแบบและผลิตสินค้าให้กับบริษัทเพื่อนำไปขายในแบรนด์ตัวเองหรือ Original Development Manufacturing (ODM) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพชั้นนำของเกาหลี โดยเป็นผู้นำด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social, and Governance/ESG) ผ่านการวิจัยและพัฒนา (R&D) โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม

HemoHIM G, produced by Kolmar BNH and distributed by Atomy (Photo: Kolmar BNH)

HemoHIM G ผลิตโดย Kolmar BNH และจัดจำหน่ายโดย Atomy (รูปภาพ: Kolmar BNH)

บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือเทคโนโลยีสีเขียว (Green Technology) ตลอดจนส่งเสริมวงจรทรัพยากรที่ดีผ่านการใช้วัสดุจากผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ถูกใช้งานแล้ว เพื่อสร้างสิ่งใหม่ (Upcycle) ที่น่าสังเกตก็คือ Kolmar BNH กำลังดำเนินการเพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) โดยนำเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้กับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงของ HemoHIM ขณะเดียวกันก็มีส่วนร่วมเพื่อสังคมผ่านการเผยแพร่เทคโนโลยีการเพาะปลูกด้วย

บริษัทมีความมุ่งมั่นในการวิจัยและพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยลงทุนในการวิจัยและพัฒนามากกว่า 2% ของยอดขายประจำปี นอกจากนี้ บริษัทยังได้เร่งดำเนินการวิจัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยอุทิศพนักงานกว่า 30% ของบริษัทให้กับงานด้านการวิจัยและพัฒนา อีกทั้งบริษัท Kolmar BNH ยังเป็นบริษัทแรกในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อสุขภาพของเกาหลีที่ได้รับ 'ใบรับรองเทคโนโลยีสีเขียว' และ 'ใบรับรองผลิตภัณฑ์จากเทคโนโลยีสีเขียว' ติดต่อกันถึง 2 ครั้งเพื่อเป็นการยกย่องถึงความพยายามดังกล่าวด้วย ใบรับรองเหล่านี้มอบให้โดยกระทรวงเกษตรและกิจการชนบท (MOA) เพื่อเป็นการยกย่องเทคโนโลยีที่ส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์ทรัพยากร

HemoHIM คืออาหารเพื่อสุขภาพที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและได้รับการรับรองให้เป็นผลิตภัณฑ์จากเทคโนโลยีสีเขียว Kolmar BNH ได้ปรับปรุงระบบเก็บกลับแอลกอฮอล์ (เอธานอล) เพื่อสกัดส่วนผสมสำคัญจากผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติในประเทศ เช่น ตังกุย (Angelica Gigas) โกฐหัวบัว (Cnidium Officinale) และโบตั๋นญี่ปุ่น (Paeonia Japonica) ทั้งยังได้รับการรับรองว่าเป็นเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ระบบขั้นสูงนี้ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้มากกว่า 94% ด้วยเก็บกลับและนำเอธานอลกลับมาใช้ซ้ำในการผลิต HemoHIM หรือนำไปใช้ผลิตผลิตภัณฑ์อื่นอีกครั้งได้

นอกจากนี้ Kolmar BNH ยังดำเนินกิจการฟาร์มอัจฉริยะเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถจัดหาวัตถุดิบสำหรับผลิตภัณฑ์ HemoHIM ได้อย่างมั่นคง และเพื่อให้เกิดการวิจัยและพัฒนาอย่างยั่งยืน ฟาร์มแห่งนี้จึงใช้กรรมวิธีปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์ โดยละลายสารอาหารในน้ำเพื่อปลูกพืชผลธรรมชาติในลักษณะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ เทคโนโลยีการเพาะปลูกที่พัฒนาโดยฟาร์มอัจฉริยะของ Kolmar BNH ยังส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนกับชุมชนท้องถิ่นอีกด้วย บริษัทกำลังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของฟาร์มโดยพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตพืชปลอดไวรัสจำนวนมากและเผยแพร่เทคโนโลยีดังกล่าวไปยังฟาร์มใกล้เคียง

กิจกรรมด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social, and Governance/ESG) ที่ครอบคลุมเหล่านี้ทำให้ Kolmar BNH ได้รับเกรด A แบบบูรณาการในการประเมินระดับ ESG ประจำปี 2024 ซึ่งดำเนินการโดยสถาบันการกำกับดูแลองค์กรและความยั่งยืนแห่งเกาหลี (KCGS) นี่จึงเป็นความแตกต่างที่ไม่มีใครทัดเทียมได้ในภาคส่วน (ODM/Original Design Manufactuere) หรือผู้รับจ้างออกแบบและผลิตสินค้าให้กับบริษัทเพื่อนำไปขายในแบรนด์ตัวเองในด้านอาหารเพื่อสุขภาพของเกาหลี KCGS ประเมินแนวทางการจัดการอย่างยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนในด้านสิ่งแวดล้อม/Environmental (E) สังคม/สังคม (S) และธรรมาภิบาล/Governance (G) เป็นประจำทุกปี

นอกจากนี้ Kolmar BNH ยังประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในภาคสังคมและธรรมาภิบาลอีกด้วย โดยได้เสริมสร้างความปลอดภัยในสถานที่ทำงานด้วยการปฏิบัติตามมาตรฐานการรับรอง ISO 45001 สำหรับระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในโรงงานผลิตทั้งหมด นอกจากนี้ บริษัทยังได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย โดยมีบันทึกอุบัติเหตุร้ายแรงเป็น 'ศูนย์' เป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน ในด้านการกำกับดูแลนั้น Kolmar BNH ได้รวบรวมกรอบการจัดการที่โปร่งใสโดยบูรณาการระบบการจัดการต่อต้านการทุจริต (ISO 37001) และระบบการจัดการการปฏิบัติตามข้อกำหนด (ISO 37301) ด้วย

เจ้าหน้าที่ของ Kolmar BNH กล่าวว่า “การพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมถือเป็นภารกิจสำคัญสำหรับบริษัท ODM” เราจะขยายการจัดการสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social, and Governance/ESG) ที่เน้นการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างตัวเองให้เป็นบริษัทอาหารเพื่อสุขภาพระดับโลกที่ยั่งยืน”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54157497/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Kolmar Holdings
Jang-Woo Lee
jay.lee@kolmar.co.kr

แหล่งข้อมูล: Kolmar BNH Co., Ltd.


Tabreed ผลักดันการสนทนาระดับโลก เรื่องการทำความเย็นอย่างยั่งยืนที่ COP29

Logo

บริษัทสนับสนุนโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติและ Cool Coalition อีกครั้ง

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–25 พฤศจิกายน 2024

Tabreed บริษัทชั้นนำด้านระบบทำความเย็นส่วนกลางระดับสากลของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้เสร็จสิ้นกิจกรรมตลอดสัปดาห์ในงาน COP29 ที่บากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน ในงานสำคัญระดับโลกนี้ ตัวแทนของบริษัทได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ เข้าร่วมเป็นผู้ร่วมอภิปราย และนำเสนอข้อมูลที่เน้นย้ำถึงบทบาทของ Tabreed ในฐานะผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมสำคัญนี้ รวมถึงความพร้อมและศักยภาพในการถ่ายทอดความเชี่ยวชาญระดับสากลอันโดดเด่นไปยังภูมิภาคใหม่ ๆ เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีความต้องการสูงยิ่งในปัจจุบัน

CEO, Khalid Al Marzooqi - (Photo - AETOSWire)

Khalid Al Marzooqi ซีอีโอ – (ภาพจาก – AETOSWire)

หลังจากความร่วมมือที่ประสบความสำเร็จในงาน COP28 ปี 2023 ที่ดูไบ ทาง Tabreed ได้ให้การสนับสนุนโครงการ Cool Coalition ที่นำโดยโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) อีกครั้ง ในฐานะผู้สนับสนุนระดับซิลเวอร์ของอาคารและพื้นที่ทำความเย็นใน Blue Zone โดยเป็นผู้สนับสนุน Global Cooling Pledge ของ UNEP ซึ่งเปิดตัวในงาน COP28 Tabreed ยังคงอยู่แถวหน้าในด้านการลดคาร์บอน และในปีนี้ พื้นที่จัดแสดงในบากูได้จัดเซสชันหลายสิบครั้งที่มุ่งเป้าไปยังผู้ออกกฎหมายและนักพัฒนาทั่วโลกที่มุ่งสู่แนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยให้ความสำคัญกับการทำความเย็นเป็นลำดับต้นๆ

การมีส่วนร่วมของ Tabreed ในงาน COP29 ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับซีอีโอ Khalid Al Marzooqi ซึ่งได้กล่าวว่า “ประสิทธิภาพการใช้พลังงานของระบบทำความเย็นส่วนกลางนำมาซึ่งประโยชน์มหาศาลในการหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนในระดับใหญ่ ทำให้มันเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนสู่การบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net-zero) นั่นคือเหตุผลที่ Tabreed มีบทบาทอย่างต่อเนื่องในงานระดับโลกสำคัญอย่าง COP และผมรู้สึกภาคภูมิใจที่เราเป็นผู้นำการสนทนาเกี่ยวกับการทำความเย็นอย่างยั่งยืนในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ในประวัติศาสตร์โลก”

ในระหว่างโปรแกรมที่เต็มไปด้วยกิจกรรม Tabreed ได้นำเสนอนวัตกรรมที่ได้รับรางวัลของบริษัท เช่น โรงงาน G2COOL แบบพลังงานความร้อนใต้พิภพ (geothermal) แห่งใหม่ ซึ่งกำลังเป็นที่จับตามองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พร้อมทั้งมีการปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมจากทั่วโลกที่สนใจอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมและการดำเนินงานที่ได้รับการยืนยันจากการใช้ระบบทำความเย็นส่วนกลาง

Shikha Bhasin ที่ปรึกษาอาวุโสของ UNEP และ Cool Coalition ที่นำโดย UNEP กล่าวว่า “การมีส่วนร่วมของ Tabreed ในงาน COP29 ช่วยผลักดันบริษัทให้เป็นผู้นำในการลดคาร์บอน พร้อมทั้งเพิ่มหลักฐานที่ยืนยันว่า UAE กำลังตั้งมาตรฐานใหม่ในการขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืนที่แท้จริง ระบบทำความเย็นส่วนกลางกำลังกลายเป็นจุดสนใจสำหรับหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเราขอขอบคุณที่ Tabreed ยังคงสนับสนุนการทำงานของ Cool Coalition โดยนำความเชี่ยวชาญที่สะสมมาเป็นเวลาหลายทศวรรษมาร่วมอภิปรายในเรื่องที่สำคัญเหล่านี้”

เกี่ยว Tabreed

Tabreed ให้บริการระบบทำความเย็นส่วนกลางที่จำเป็นและยั่งยืนแก่โครงการพัฒนาสำคัญในตะวันออกกลางและเอเชีย โดยเป็นผู้นำที่ผลักดันความก้าวหน้าสู่อนาคตที่ยั่งยืนสำหรับผู้คน ชุมชน และสิ่งแวดล้อมทั่วโลก ก่อตั้งขึ้นในปี 1998 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ดูไบ Tabreed เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการเติบโตแข็งแกร่งที่สุดในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ด้วยการดำเนินงานในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ ความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพในระดับแนวหน้า โครงการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยี AI ทำให้ Tabreed เป็นผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมระบบทำความเย็นส่วนกลาง

*ที่มาAETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54156334/en

ติดต่อ

Samer Al Tawil

ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดและการมีส่วนร่วม

saltawil@tabreed.ae

Kevin Hackett
ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสื่อสารภายนอก
khackett@tabreed.ae

ที่มา: Tabreed

NTT Com เปิดตัวบริการกล้องติดรถ LINKEETH แบบรองรับการใช้งานเว็บไซต์ในประเทศไทย

Logo

ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยและลดอุบัติเหตุได้

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–22 พฤศจิกายน 2024

NTT Communications Corporation (NTT Com) ซึ่งดำเนินงานภายใต้แบรนด์ธุรกิจองค์กร “ธุรกิจโดโคโม” ภายในกลุ่มธุรกิจ DOCOMO ได้ประกาศวันนี้ว่าบริษัท Mobile Innovation จำกัด เป็นบริษัทในกลุ่มประเทศไทย จะเริ่มจำหน่ายกล้องติดรถ LINKEETH แบบรองรับการใช้งานเว็บไซต์ในประเทศไทยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

LINKEETH Service Outline (Graphic: Business Wire)

LINKEETH Service Outline (รูปภาพ: Business Wire)

ประเทศไทยมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนต่อประชากร 100,000 คนอยู่อันดับที่ 9 ของโลก* นอกเหนือจากชีวิตที่สูญเสียไปจำนวนมากแล้ว อุบัติเหตุจำนวนมากยังส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งก่อภาระอย่างใหญ้หลวงต่อสังคม รวมถึงการสูญเสียทางเศรษฐกิจและค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย การขับขี่ยานพาหนะขณะเมาสุราและการขับรถเร็วเกินกำหนดเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุทางถนนที่พบบ่อยที่สุด แม้ว่าความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เช่น กฎหมายที่เข้มงวดยิ่งขึ้นและการนำกฎหมายมาบังคับใช้ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการจราจร และการศึกษาความปลอดภัยทางการจราจรจะยังคงดำเนินต่อไป แต่ก็จำเป็นต้องมีความคืบหน้าเพิ่มเติมอยู่

* แหล่งข้อมูล: สำนักงานรัฐบาลเทศบาลนครไอจิประจำประเทศไทย

บริการ LINKEETH จะช่วยจัดการการทำงานของยานพาหนะด้วยข้อมูลตำแหน่งและวินิจฉัยการขับขี่ที่ปลอดภัยโดยวิเคราะห์จากข้อมูลการขับขี่ บริษัททั้งสอง ตั้งเป้าที่จะมีส่วนช่วยให้เกิดการขับขี่อย่างปลอดภัยและลดจำนวนอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยผ่านการให้บริการนี้

ฟีเจอร์สำคัญ

1.

ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (Advanced Driver-Assistance Systems/ADAS) และระบบตรวจสอบผู้ขับขี่ (Driver Monitoring System/DMS)

ระบบเหล่านี้ใช้ AI เพื่อตรวจสอบสภาวะการขับขี่โดยใช้ภาพจากกล้องในรถ ซึ่งจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุด้วยการตรวจจับพฤติกรรมขับขี่ที่เสี่ยงและเตือนผู้ขับขี่ นอกจากช่วยเพิ่มความปลอดภัยแล้ว ระบบเหล่านี้ยังช่วยช่วยป้องกันพฤติกรรมขับขี่อย่างประมาทหรือก้าวร้าวอีกด้วย ระบบ ADAS ออกแบบมาเพิ่อให้ผู้ขับขี่ปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยการใช้เซ็นเซอร์ต่าง ๆ เพื่อประเมินสภาพแวดล้อมของรถยนต์ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนและคำเตือนแก่ผู้ขับขี่อย่างทันท่วงที และช่วยควบคุมรถเมื่อจำเป็น บริการใหม่จะวิเคราะห์วิดีโอที่บันทึกจากกล้องหน้ารถและเตือนผู้ขับขี่หากอยู่ใกล้รถคันข้างหน้าเกินไปหรือขับรถออกนอกเลน ส่วนระบบ DMS จะคอยตรวจสอบสภาวะของผู้ขับขี่ผ่านกล้องที่ติดอยู่ภายในตัวยานพาหนะเพื่อช่วยป้องกันพฤติกรรมขับขี่อย่างก้าวร้าวหรือเป็นอันตรายและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

2.

แสดงภาพข้อมูลสภาวะการขับขี่

ระบบจะนำข้อมูล เช่น อัตราการเร่ง การเบรก การหักพวงมาลัย และความเร็วมาวิเคราะห์และนำมาแสดงผลเป็นบันทึกพฤติกรรมของผู้ขับขี่ ผลการวินิจฉัยจะแสดงในรูปแบบรายงานเพื่อระบบบริหารจัดการยานพาหนะ (Fleet Management) สามารถให้คำแนะนำการขับขี่ที่ปลอดภัยได้อย่างง่ายดาย

3.

ตรวจจับอุบัติเหตุและส่งวิดีโออัตโนมัติ

เมื่อระบบตรวจจับการขับขี่ที่เป็นอันตรายหรืออุบัติเหตุได้ ระบบจะส่งข้อมูลวิดีโอไปที่เซิร์ฟเวอร์คลาวด์อัตโนมัติ พร้อมส่งอีเมลแจ้งเตือนไปยังผู้รับที่ลงทะเบียนไว้ โดยสามารถดูวิดีโอแบบเรียลไทม์และที่บันทึกไว้ก่อนหน้าจากระยะไกลได้ตลอดเวลา ทำให้สามารถเข้าถึงหลักฐานวิดีโอในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นได้

4.

จัดการตำแหน่งยานพาหนะ

ข้อมูลตำแหน่งยานพาหนะจะแสดงบนแผนที่ในแบบเรียลไทม์ โดยสามารถตรวจสอบยานพาหนะหลายคันอย่างรวมศูนย์ได้ จึงช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการส่งมอบและป้องกันการโจรกรรมได้ ระบบจะเก็บประวัติการขับขี่สำหรับยานพาหนะแต่ละคันไว้สูงสุดหนึ่งปี

5.

การค้นหาข้อมูลเชิงปริภูมิกาล

เมื่อระบุวันที่ เวลา และพื้นที่ลงในระบบ ยานพาหนะทั้งหมดภายในระยะดังกล่าวก็จะแสดงบนแผนที่ ซึ่งช่วยให้สามารถหายานพาหนะที่เกี่ยวข้องพบและดูในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ จึงช่วยปรับปรุงบริการลูกค้าและประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้นได้

NTT Com และ MI มีแผนที่จะขยายการให้บริการไปยังอินโดนีเซีย เนื่องจากทั้งสองบริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายบริการให้สามารถเข้าถึงได้ทั่วโลก โดยจะวิเคราะห์ความต้องการของประเทศอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ บริษัท Sumitomo Mitsui Auto Leasing & Service (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการเช่าซื้อรถยนต์ กำลังวางแผนที่จะใช้บริการนี้เพื่อให้บริการเช่าซื้อรถยนต์รูปแบบใหม่ในประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย จึงถือเป็นพันธมิตรรายแรกของทั้งสองบริษัท

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54155695/en

ข้อมูลติดต่อ

สำหรับข้อมูลติดต่อ
สำหรับลูกค้า:
Mobility Service, 5G & IoT Service Dept., Platform and Service Div.
NTT Communications Corporation
ms-3g2t@ntt.com

Mobile Innovation Co., Ltd. (ในประเทศไทย)
+66 (0)2129 3800
support@mobileinnovation.co.th

สำหรับสื่อ
Public Relations Office
NTT Communications Corporation
pr-cp@ntt.com

แหล่งข้อมูล: NTT Communications Corporation

Thai Herald

Thai Herald