Japan Sake and Shochu Makers Association ประกาศข้อมูลการส่งออกสาเกในปี 2024: มีการส่งออกสูงเป็นประวัติการณ์ไปยังกว่า 80 ประเทศ เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–07 กุมภาพันธ์ 2025

ผลการดำเนินงานการส่งออกสาเกปี 2024

More people around the world are enjoying Japanese sake (Photo: Business Wire)

ผู้คนทั่วโลกเพลิดเพลินกับสาเกญี่ปุ่นมากขึ้น (ภาพ: Business Wire)

Japan Sake and Shochu Makers Association (JSS) ได้เปิดเผยข้อมูลการส่งออกสาเกในปี 2024 โดยมีมูลค่าการส่งออกรวมอยู่ที่ 43.5 พันล้านเยน เพิ่มขึ้น +6% จากปีก่อน มีการจัดส่ง 3.45 ล้านกล่อง (เทียบเท่า 9 ลิตร) ไปยังกว่า 80 ประเทศเป็นประวัติการณ์ ตั้งแต่ปี 2020 มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 1.8 เท่า ราคาต่อหน่วยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1.3 เท่า และจำนวนจุดหมายปลายทางการส่งออกเพิ่มขึ้น 19 แห่ง โดยตลาดสาเกพรีเมียมมีการเติบโตอย่างมากในช่วงห้าปีที่ผ่านมา

ในระดับภูมิภาค ทวีปเอเชียคิดเป็น 61% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด แต่ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม เกาหลีใต้มีการเติบโตที่โดดเด่นสูงถึง 29% ในขณะที่ประเทศไทยและมาเลเซียก็ทำผลงานได้ดีเช่นกัน ทวีปอเมริกาเหนือมีการเพิ่มขึ้น 27% โดยได้รับแรงหนุนจากการที่ร้านอาหารชั้นเลิศนำมาใช้บริการ ทวีปยุโรปตะวันตกเติบโต 18% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยขยายตัว 2.5 เท่าในช่วงห้าปี เนื่องมาจากความร่วมมือในอุตสาหกรรมไวน์ โดยเฉพาะสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสที่ขยายตัวประมาณ 3 เท่าและ 2.6 เท่าตามลำดับ

 ความคิดริเริ่มที่สำคัญในปี 2024 ของ JSS และแนวโน้มในอนาคต

เพื่อเพิ่มความตระหนักรู้ทั่วโลกเกี่ยวกับสาเก ทาง JSS ได้กระชับความร่วมมือกับ Association de la Sommelerie Internationale (ASI) และ Union de la Sommelerie Française (UDSF) ในปี 2024 โดย JSS ได้จัดมาสเตอร์คลาสที่ ASI Boot Camp ในสเปน เพื่อให้ความรู้แก่ซอมเมอลิเยร์รุ่นเยาว์เกี่ยวกับสาเก นอกจากนี้ JSS ยังเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติ รวมถึง ProWein, ProWine São Paulo และ Warsaw Wine Experience เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่าย

 โดยมีเหตุการณ์สำคัญในปี 2024 นั่นคือ การที่สาเกได้รวมอยู่ในงานบริการในรอบชิงชนะเลิศของการประกวด ASI สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านซอมเมอลิเยร์ที่ดีที่สุดของยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลาง ประจำปี 2024 ซึ่งได้ช่วยเพิ่มการยอมรับในหมู่ซอมเมอลิเยร์ นอกจากนี้ การลงทะเบียน “ความรู้และทักษะดั้งเดิมในการบ่มสาเกด้วยแม่พิมพ์โคจิในญี่ปุ่น” ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของ UNESCO ในเดือนธันวาคม 2024 ได้ส่งเสริมการปรากฏตัวทั่วโลกของสาเก โดยในปี 2025 JSS ตั้งเป้าที่จะเร่งการขยายธุรกิจไปยังทวีปลาตินอเมริกา ยุโรปตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตในการส่งออกต่อไป

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54200720/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

รายชื่อผู้ติดต่อ:
Takeshi Itani
takeshi.itani@sakeexperiencejapan.com

ที่มา: Japan Sake and Shochu Makers Association

 

 

Mary Kay Inc. ได้แต่งตั้ง Dr. Lucy Gildea ให้เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายแบรนด์และวิทยาศาสตร์

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–07 กุมภาพันธ์ 2025

เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต บริษัทด้านความงามและผู้ประกอบการอันเป็นเอกลักษณ์ Mary Kay Inc. ได้ประกาศแต่งตั้ง Dr. Lucy Gildea ให้เป็น หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายแบรนด์และวิทยาศาสตร์

Mary Kay Inc. Names Dr. Lucy Gildea Chief Brand and Scientific Officer. Gildea and her freshly designed cross-functional team will pioneer a new operating model to power up Mary Kay’s global brand and science aiming for growth and customer loyalty in over 40 markets. (Photo: Mary Kay Inc.)

Mary Kay Inc. แต่งตั้ง Dr. Lucy Gildea ให้เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายแบรนด์และวิทยาศาสตร์ โดย Gildea และทีมงานข้ามสายงานที่ได้รับการออกแบบใหม่ของเธอจะเป็นผู้บุกเบิกรูปแบบการดำเนินงานใหม่เพื่อขับเคลื่อนแบรนด์และวิทยาศาสตร์ระดับโลกของ Mary Kay โดยมีเป้าหมายเพื่อการเติบโตและการสร้างความภักดีของลูกค้าในตลาดกว่า 40 แห่ง (ภาพ: Mary Kay Inc.)

Gildea และทีมงานข้ามสายงานที่ได้รับการออกแบบใหม่ล่าสุดของเธอ จะบุกเบิกรูปแบบการดำเนินงานใหม่เพื่อขับเคลื่อนแบรนด์ระดับโลกและวิทยาศาสตร์ของ Mary Kay โดยมีเป้าหมายในการเติบโตและสร้างความภักดีของลูกค้าในตลาดกว่า 40 แห่ง ในบทบาทที่เพิ่มขึ้นของเธอ Gildea จะกำหนดเอกลักษณ์ของแบรนด์ ภาพลักษณ์ และกลยุทธ์ที่ทรงพลังให้สอดคล้องกันในทุกแพลตฟอร์มและทุกๆ ภูมิศาสตร์ โดยได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีผลกระทบซึ่งครอบคลุมความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของผู้บริโภค เธอและทีมงานของเธอจะกระตุ้นแบรนด์ผ่านกลยุทธ์การมีส่วนร่วมที่ควบคุมพลังของผู้ประกอบการยุคใหม่ รวมถึงการเล่าเรื่องเกี่ยวกับแบรนด์ที่สะท้อนออกมาเพื่อพิชิตใจและความคิดของผู้บริโภค

“ด้วยความเชี่ยวชาญของเธอในด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมความงาม ตลอดจนแนวทางที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง Lucy จะเป็นผู้นำบทบาทเชิงกลยุทธ์ในการเปลี่ยนแปลงของเราไปสู่อนาคต องค์กร Global Brand and Science แห่งใหม่จะมีส่วนร่วมในความสำเร็จทางธุรกิจร่วมกันของเรา โดยช่วยให้ที่ปรึกษาด้านความงามอิสระของเราได้แบ่งปันประสบการณ์ด้านแบรนด์ที่เปลี่ยนแปลงกับลูกค้าของพวกเขา และเติบโตในฐานะที่ปรึกษาด้านความงามส่วนบุคคล ซึ่งจะช่วยตอกย้ำคุณค่าที่นำเสนออันเป็นเอกลักษณ์ของการขายตรง” กล่าวโดย Ryan Rogers ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Mary Kay และหลานชายของ Mary Kay Ash

นับตั้งแต่ร่วมงานกับ Mary Kay ในปี 2017 Gildea ได้มุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงให้ทันสมัยและยกระดับความสามารถในการแข่งขันของบริษัทผ่านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพขององค์กร Gildea ทำงานที่บริษัท Procter & Gamble เป็นเวลานานถึง 15 ปี โดยทำงานในด้านเทคโนโลยีความงามและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ความงาม/ผิวพรรณเป็นหลัก นอกจากนี้ เธอยังดำรงตำแหน่งอาวุโสในหลากหลายตำแหน่ง รวมถึงเป็นผู้นำทีมพัฒนาสำหรับเทคโนโลยีขั้นต้นและวิทยาศาสตร์การวัดผลในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ ความงาม และการดูแลส่วนบุคคล ในระหว่างดำรงตำแหน่งที่ P&G Gildea อาศัยอยู่ในสิงคโปร์ เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของเธอในตลาดต่างประเทศ

“Mary Kay ก่อตั้งขึ้นด้วยความฝันที่จะยกระดับชีวิตของผู้หญิงด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีรากฐานมาจากวิทยาศาสตร์ ฉันมั่นใจว่าการบูรณาการแบรนด์และวิทยาศาสตร์เป็นสูตรสำเร็จในการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกและทำงานเพื่อความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของเรา ฉันตั้งหน้าตั้งตารอที่จะเพิ่มมิติการทำงานร่วมกันในทีมของเราให้สูงสุดเพื่อดึงดูดที่ปรึกษาด้านความงามอิสระของเรา และเชิญชวนผู้บริโภครุ่นใหม่ให้ตกหลุมรักในแบรนด์ของเรา” กล่าวโดย Dr. Lucy Gildea หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายแบรนด์และวิทยาศาสตร์ของ Mary Kay

Gildea ได้รับปริญญาเอก ในสาขาชีววิทยาเซลล์และโมเลกุล ภูมิคุ้มกันวิทยา และโรคติดเชื้อที่วิทยาลัยแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยซินซินนาติ และได้รับทุนวิจัยหลังปริญญาเอกสาขาภูมิคุ้มกันวิทยา ร่วมกับโรงพยาบาลเด็กซินซินนาติและภาควิชาภูมิคุ้มกันวิทยาของมหาวิทยาลัยซินซินนาติ โดยเธอยังสำเร็จการศึกษาวิทยาศาสตรบัณฑิตสาขาชีววิทยาจากวิทยาลัยจอร์จทาวน์ในจอร์จทาวน์ รัฐเคนตักกี้ อีกด้วย

Gildea เป็นผู้ให้การสนับสนุน STEM อย่างกระตือรือร้นสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง เธอดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการที่ Baylor Scott & White Dallas Foundation และที่ปรึกษาคณะกรรมการที่ Baylor Scott & White Charles A. Sammons Cancer Center

การแต่งตั้งผู้นำครั้งนี้โดย Ryan Rogers เป็นการยกย่องมรดกของ Mary Kay Ash ในด้านการเพิ่มขีดความสามารถของผู้หญิง โดยที่ Mary Kay มีสัดส่วนของผู้หญิงคิดเป็น 63% ของทีม R&D, 54% ของทีมผู้บริหาร และ 63% ของพนักงานทั่วโลก1

 คุณทราบไหม:

  •  ในปี 2023 และอีกครั้งในปี 2024 Mary Kay ได้รับเลือกให้เป็นแบรนด์ขายตรงอันดับ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางหลากสีสันในโลกโดย Euromonitor International2
  •  Mary Kay ถือสิทธิบัตรมากกว่า 1,600 ฉบับสำหรับผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ในกลุ่มผลงานทั่วโลก3

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash เป็นหนึ่งในผู้ทำลายเพดานกระจกแบบดั้งเดิม โดยก่อตั้งแบรนด์ความงามในฝันของเธอในเท็กซัสเมื่อปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียวคือการทำให้ชีวิตของผู้หญิงดีขึ้น ความฝันนั้นได้เบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทระดับโลกที่มีที่ปรึกษาด้านความงามอิสระหลายล้านคนในตลาดมากกว่า 40 แห่ง เป็นเวลากว่า 60 ปีแล้วที่ Mary Kay ได้เพิ่มขีดความสามารถของผู้หญิงในการกำหนดอนาคตของตนเองผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องสำอางที่มีสี อาหารเสริม และน้ำหอมที่ทันสมัย โดย Mary Kay มีความเชื่อในการอนุรักษ์โลกของเราเพื่อคนรุ่นต่อไป ปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งและการทารุณกรรมในครอบครัว รวมถึงสนับสนุนให้เยาวชนทำตามความฝันของตนเอง เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com พบเราได้ที่ Facebook Instagram และ LinkedIn หรือติดตามเราได้ที่ X

 _______________________
1 ที่มา: Women Representation and Leadership ที่ Mary Kay (พฤษภาคม 2024)
2 “ที่มา Euromonitor International Limited; ความงามและการดูแลส่วนบุคคล ฉบับปี 2024 ยอดขายมูลค่าที่ RSP ข้อมูลปี 2023”
3 ณ ปี 2023

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54201083/en

Contacts

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

ที่มา: Mary Kay Inc.

สหพันธ์กีฬาซาอุดีอาระเบีย (SFA) เปิดตัวเส้นทาง Riyadh Marathon สถานที่จัดงาน และผู้สนับสนุนในการเปิดตัวกิจกรรมกีฬาระดับนานาชาติของ SFA

Logo

ริยาด, ซาอุดีอาระเบีย –(BUSINESS WIRE)–06 กุมภาพันธ์ 2025

สหพันธ์กีฬาซาอุดีอาระเบีย (SFA) ได้ประกาศรายละเอียดสำคัญสำหรับการเปิดตัวงานกีฬาระดับนานาชาติ SFA ประจำปี 2025 ซึ่งรวมถึงงาน SFA Expo และงาน Riyadh Marathon โดยงาน SFA Expo จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 กุมภาพันธ์ 2025 ที่ JAX District ในริยาด ในขณะที่งาน Riyadh Marathon มีกำหนดจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2025

Saudi Sports for All Federation Unveils Riyadh Marathon Route, Venues, and Sponsors for Inaugural SFA International Sporting Events (Photo: AETOSWire)

สหพันธ์กีฬาซาอุดีอาระเบีย (SFA) เปิดตัวเส้นทาง Riyadh Marathon สถานที่จัดงาน และผู้สนับสนุนในการเปิดตัวกิจกรรมกีฬาระดับนานาชาติของ SFA (รูปภาพ: AETOSWire)

SFA Expo จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการเก็บหมายเลขประจำตัวนักวิ่งมาราธอน และจะมีโซนอินเทอร์แอกทีฟที่เน้นในด้านกีฬา สุขภาพ และฟิตเนส โดยมีจัดแสดงอุปกรณ์ที่ล้ำสมัย กิจกรรมเพื่อสุขภาพ และเทคโนโลยีใหม่ๆ ในงานยังมีการจัดเลานจ์ B2B สำหรับการสร้างเครือข่ายในอุตสาหกรรม และเวิร์คช็อปที่เกี่ยวกับการฝึกสมาธิและโภชนาการอีกด้วย ไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งคือการแข่งขัน Primal Race ในวันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นการแข่งขันฟิตเนสเชิงฟังก์ชันที่ประกอบด้วยกิจกรรมที่มีความเข้มข้นสูงสลับกับการวิ่งแบบกลุ่มระยะทาง 400 เมตร

Riyadh Marathon แบ่งการแข่งขันออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ มาราธอนเต็มรูปแบบ (42 กม.), ฮาล์ฟมาราธอน (21 กม.), การแข่งขันวิ่งระยะทาง 10 กม. และการแข่งขันวิ่งสำหรับครอบครัว 4 กม. โดยมีเส้นทางผ่านสถานที่สำคัญต่างๆ ของริยาด รวมถึง Boulevard City และ Wadi Hanifah โดยเริ่มต้นที่ Boulevard World และไปสิ้นสุดที่ Kingdom Arena

งาน SFA Expo และ Riyadh Marathon ได้รับการสนับสนุนจากผู้สนับสนุนและพันธมิตรที่แข็งแกร่งมากมาย โดย Saudi Awwal Bank (SAB) ได้กลับมาเป็นพันธมิตรในการจัดงานอีกครั้ง พร้อมทั้ง ASICS และ Tawuniya ที่เป็นผู้สนับสนุนหลักในทั้งสองงาน ส่วน Gatorade, Aquafina และ PepsiCo จะให้การสนับสนุนด้านน้ำดื่มแก่นักวิ่งมาราธอน ในขณะที่ Dr. Sulaiman Al Habib Medical Services Group (HMG) จะให้การสนับสนุนทางการแพทย์ในงาน Expo นี้

งาน Riyadh Marathon ยังได้รับการสนับสนุนจาก Ford โดยจะจัดเตรียมรถแข่ง KAFD ซึ่งจะมีการจัดกิจกรรมก่อนงาน และ MDL ที่นำดีเจมาสร้างสีสันให้กับงาน โดย Calo, JP Morgan, Centrum และ Kayanee จะร่วมสนับสนุนในฐานะพันธมิตร เช่นเดียวกับ Joe & The Juice ซึ่งได้เปิดตัวเครื่องดื่ม Riyadh Marathon แบบพิเศษ อีกทั้งมี BAE Systems และ Kudu ที่เป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการในการช่วยส่งเสริมการแข่งขันมาราธอน รวมถึง Huawei ที่จะมอบรางวัลให้กับผู้เข้าร่วมจำนวนมาก โดย JAX District จะทำหน้าที่เป็นพันธมิตรสำหรับสถานที่จัดงาน Expo ในขณะที่ ASICS ก็ได้จัดหาชุดกีฬาอย่างเป็นทางการให้กับผู้เข้าร่วมการแข่งขันอีกด้วย

กิจกรรมเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายวิสัยทัศน์ 2030 ที่กว้างขึ้น ซึ่งช่วยเสริมสร้างความมุ่งมั่นของ SFA ในการส่งเสริมการออกกำลังกายและกิจกรรมทางกายภาพต่างๆ ซึ่งเป็นเสาหลักสำคัญของวัฒนธรรมกีฬาที่กำลังพัฒนาของซาอุดีอาระเบีย

เกี่ยวกับสหพันธ์กีฬาซาอุดีอาระเบีย (SFA)

สหพันธ์กีฬาซาอุดีอาระเบีย (SFA) ซึ่งเป็นองค์กรด้านกีฬาและสุขภาพชุมชนเชิงรุกที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดีในราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย มีเป้าหมายที่จะให้โอกาสแก่สมาชิกทุกคนในสังคมในการฝึกฝนกิจกรรมทางกายภาพ SFA ร่วมมือกับองค์กรภาครัฐ หน่วยงานที่จัดการกีฬา สหพันธ์กีฬา ตลอดจนภาคส่วนสาธารณะและเอกชนทุกภาคส่วนเพื่อบรรลุเป้าหมายต่างๆ โดยมุ่งเน้นที่การเพิ่มกิจกรรมทางกายภาพ และตัวชี้วัดด้านสุขภาพ รวมถึงความสมบูรณ์ของร่างกายทั่วประเทศ กิจกรรมทางกายภาพจะประสบความสำเร็จได้โดยการส่งเสริมความสำคัญเชิงกลยุทธ์ 4 ประการ ได้แก่ การศึกษา ชุมชนและการอาสาสมัคร การออกกำลังกายและความเป็นอยู่ที่ดี รวมถึงการรณรงค์และการส่งเสริมการขาย SFA ได้ดำเนินการนี้โดยการออกแบบและการปรับใช้โปรแกรมกีฬาเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจที่เหมาะกับผู้หญิง ผู้ชาย เยาวชน ผู้สูงอายุ และผู้พิการทั่วประเทศซาอุดีอาระเบีย

 *แหล่งที่มา: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/54200758/en

Contacts

Malek Abdelrahman

mabdelrahman@apcoworldwide.com

ที่มา: Saudi Sports for All Federation

Saviynt ขอต้อนรับ Sunil Kedaraji อดีตผู้นำ SailPoint ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

Logo

Kedaraji ขับเคลื่อนการเติบโตในภูมิภาคในฐานะรองประธานฝ่ายขายพันธมิตรของ Saviynt สำหรับ APJ

LOS ANGELES–(BUSINESS WIRE)–06 กุมภาพันธ์ 2025

Saviynt ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันการจัดการข้อมูลประจำตัวบนคลาวด์ ประกาศแต่งตั้ง Sunil Kedaraji ดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายขายพันธมิตรสำหรับ APJ (ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น) ในวันนี้ การจ้างงานเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Saviynt ที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งสำหรับการดำเนินงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นที่มีการเติบโตสูง ด้วยความเป็นผู้นำที่มีประสบการณ์ บริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายการดำเนินงาน เสริมสร้างความร่วมมือ และเร่งการเติบโต เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับตำแหน่งผู้นำด้านโซลูชันการรักษาความปลอดภัยข้อมูลประจำตัว

“ความเชี่ยวชาญของ Sunil ด้านระบบนิเวศของพันธมิตร APJ ประกอบกับความรู้เชิงลึกด้านโดเมนความปลอดภัยของข้อมูลประจำตัวของเขานั้นมีค่ามหาศาล เนื่องจากเรายังคงมีการลงทุนในภูมิภาคนี้ ความเป็นผู้นำของเขาจะช่วยให้เราสามารถเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์ ขยายตลาด และมอบคุณค่าที่โดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรของเรา” Dan Mountstephen รองประธานอาวุโสของ APJ ที่ Saviynt กล่าว “การแต่งตั้งครั้งนี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของ Saviynt ในภูมิภาค APJ ที่มีการเติบโตสูง และความมุ่งมั่นของเราในการสร้างทีมระดับโลกเพื่อขับเคลื่อนความสำเร็จที่ยั่งยืน”

Kedaraji เข้าร่วมงานกับ Saviynt จาก Proofpoint ซึ่งเขาประสบความสำเร็จในการเป็นผู้นำการขยายธุรกิจของพันธมิตรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียเหนือ อินเดีย และเกาหลี ด้วยผลงานที่น่าประทับใจในองค์กรชั้นนำ เช่น SailPoint และ Quest Kedaraji พร้อมนำความเชี่ยวชาญด้านโดเมนและข้อมูลเชิงลึกในระดับภูมิภาค ซึ่งเป็นส่วนสำคัญมาช่วยเสริมสร้างกลยุทธ์พันธมิตรของ Saviynt

“ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้ร่วมงานกับ Saviynt ในตำแหน่งรองประธานฝ่ายขายพันธมิตรสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับการยอมรับจากบริษัทวิเคราะห์ชั้นนำของอุตสาหกรรมว่าเป็นผู้นำด้านการรักษาความปลอดภัยข้อมูลประจำตัว” Kedaraji ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านโดเมนความปลอดภัยของข้อมูลประจำตัวมานานกว่าทศวรรษ กล่าว “ด้วยโซลูชันแพลตฟอร์มการกำกับดูแลการเข้าถึงและการระบุตัวตนบนคลาวด์อันล้ำสมัยของ Saviynt ผมมองเห็นโอกาสมากมายในการร่วมมือกับพันธมิตรของเราและมอบคุณค่าที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าของเราทั่วทั้งภูมิภาคนี้ โดยเราจะร่วมกันเสริมสร้างตำแหน่งของ Saviynt ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นและเป็นองค์กรที่เชื่อถือได้สำหรับองค์กรต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ช่วยให้พวกเขาบรรลุวัตถุประสงค์ด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

ก่อนหน้านี้ Kedaraji ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพันธมิตรภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ SailPoint Technologies โดยเขามีบทบาทสำคัญในการสร้างและดูแลระบบนิเวศพันธมิตร ช่วยให้พันธมิตรสามารถเติบโตและขยายตัวได้ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง

พันธมิตรของ Saviynt ในภูมิภาค APJ ยินดีต้อนรับการแต่งตั้งของ Kedaraji ด้วยความกระตือรือร้น

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ Sunil เข้าร่วมงานกับ Saviynt ในตำแหน่งรองประธานฝ่ายขายพันธมิตรของ APJ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและแนวทางเชิงกลยุทธ์ของเขาจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนความร่วมมือที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นระหว่าง Saviynt และพันธมิตร ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ในภูมิภาคสามารถรับมือกับความท้าทายด้านความปลอดภัยของข้อมูลประจำตัวที่ซับซ้อนได้อย่างมั่นใจ” Anshul Pandey ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Content Security ซึ่งเป็นพันธมิตรของ Saviynt ในออสเตรเลีย กล่าว “เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับเขา เพื่อขับเคลื่อนความสำเร็จร่วมกันและส่งมอบโซลูชันที่โดดเด่นให้กับลูกค้าของเรา”

สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบข้อมูลประจำตัวบนระบบคลาวด์ของ Saviynt ได้ที่เว็บไซต์

เกี่ยวกับ Saviynt

Saviynt ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถรักษาความปลอดภัยในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ปกป้องทรัพย์สินที่สำคัญ และปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ ด้วยวิสัยทัศน์ด้านความปลอดภัยและเป็นไปตามข้อกำหนดสำหรับองค์กรทั้งหมดในอนาคต Saviynt จึงได้รับการยอมรับให้เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลประจำตัว โดยมีโซลูชันล้ำสมัยที่ช่วยปกป้องแบรนด์ชั้นนำของโลก บริษัทในกลุ่ม Fortune 500 และองค์กรของรัฐ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่www.saviynt.com.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
APJ
Sheetal Kumar
sheetal.kumar@saviynt.com

Global
Jacklyn Kellick
jacklyn.kellick@saviynt.com

ที่มา: Saviynt

Symphony of Sparkles: งาน HKTDC Twin Jewellery มีกำหนดเปิดในเดือนมีนาคม 2025

Logo

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–28 มกราคม 2025

จัดโดยองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) โดยงาน HKTDC Hong Kong International Jewellery Show ครั้งที่ 41 และงาน HKTDC Hong Kong International Diamond, Gem & Pearl Show ครั้งที่ 11 จะกลับมาอีกครั้งในเดือนมีนาคม 2025 ที่ศูนย์การประชุมและนิทรรศการฮ่องกง (HKCEC) และ AsiaWorld-Expo ตามลำดับ ภายใต้ธีม Symphony of Sparkles งาน Twin Jewellery Shows นี้คาดว่าจะดึงดูดผู้แสดงสินค้าได้มากกว่า 4,000 รายทั่วโลก โดยจัดแสดงเครื่องประดับสำเร็จรูป พลอยร่วง และวัตถุดิบ

Hong Kong International Jewellery Show and Hong Kong International Diamond, Gem & Pearl Show (Photo: Business Wire)

งาน Hong Kong International Jewellery Show และ Hong Kong International Diamond, Gem & Pearl Show (ภาพ: Business Wire)

งานจัดแสดง

Click2Match

งาน HKTDC Hong Kong International Jewellery Show

4 – 8 มีนาคม 2025

ที่ HKCEC

23 กุมภาพันธ์ ถึง 13 มีนาคม 2025

งาน HKTDC Hong Kong International Diamond, Gem and Pearl Show

2 – 6 มีนาคม 2025

ที่ AsiaWorld-Expo

งาน Hong Kong International Jewellery Show จะมีโซนธีมต่างๆ รวมถึง Hall of Extraordinary และ Hall of Fame Hall of Extraordinary จะจัดแสดงคอลเลคชั่นระดับไฮเอนด์ที่ประดับด้วยเพชร อัญมณีล้ำค่า หยก และไข่มุกจากผู้แสดงสินค้าชื่อดังอย่าง Dehres, On Tung และ Lili Jewelry โดยโซน Hall of Fame จะมีการนำแบรนด์ดังระดับนานาชาติมาจัดแสดง อาทิ Giorgio Visconti จากอิตาลี, Lao Feng Xiang จากจีนแผ่นดินใหญ่ และ Cheté จากฮ่องกง

นอกจากโซนที่ได้รับการยกย่องแล้ว ยังมีโซนผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด: Gold Jewellery ที่จะเปิดตัวดีไซน์ที่สร้างสรรค์และงานฝีมือที่ประณีตในชิ้นงานทองคำต่างๆ

ด้วยจิตวิญญาณแห่งความคิดสร้างสรรค์นี้ Hong Kong Jewellery Design Competition ขอเชิญชวนผู้มีความสามารถด้านการออกแบบมาสำรวจธีม Lasting Brilliance โดยผลงานอันสร้างสรรค์นี้จะสามารถสร้างความหลงใหลและแรงบันดาลใจผ่านความเปล่งประกายและความงดงามที่ก้าวข้ามผ่านกาลเวลา และจะมีพิธีมอบรางวัลจัดขึ้นที่งาน International Jewellery Show ซึ่งจะมีการจัดแสดงผลงานที่ชนะรางวัลด้วย

ในขณะเดียวกัน งาน Hong Kong International Diamond, Gem & Pearl Show จะมีการนำเสนอการคัดสรรเพชร ไข่มุก และอัญมณีคุณภาพเยี่ยม รวมไปถึงวัตถุดิบสำหรับทำเครื่องประดับจากแหล่งต่างๆ โดยโซน Hall of Fine Diamonds จะนำเสนอเพชรกะรัตขนาดใหญ่ ส่วนโซน Treasures of Nature จะมีการจัดแสดงคอลเลกชั่นอัญมณีอันน่าทึ่งจากทับทิม มรกต และไพลิน และโซน Treasures of Ocean ที่จะดึงดูดใจผู้ซื้อด้วยไข่มุกทะเลธรรมชาติ

งานแสดงดังกล่าวประกอบด้วยโปรแกรมต่างๆ อันครบครัน อาทิ ขบวนพาเหรดอัญมณี สัมมนา ฟอรั่มผู้ซื้อ และกิจกรรมสร้างเครือข่ายที่จะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มทางการตลาดให้กับผู้เล่นต่างๆ ในอุตสาหกรรม

เว็บไซต์สำหรับแอป Marketplace
https://tinyurl.com/2rneaheu

เว็บไซต์ของงาน
HK International Jewellery Show: hkjewelleryshow.hktdc.com
HK International Diamond, Gem & Pearl Show: hkdgp.hktdc.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54189770/en

Contacts

การสอบถามสำหรับสื่อ:
แผนกนิทรรศการของ HKTDC:
Ken Tsang
โทร: (852) 2240 4136
อีเมล: ken.mc.tsang@hktdc.org

ที่มา: Hong Kong Trade Development Council
 

 


Kirin Holdings: ปรับปรุงความยั่งยืนของไร่ชาดำในศรีลังกาผ่าน Regenerative Tea Scorecard ที่ร่วมกับ Rainforest Alliance

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–31 มกราคม 2025

Kirin Holdings Company, Ltd. (Kirin Holdings) (TOKYO: 2503) และ Kirin Beverage Company, Ltd. (Kirin Beverage) ได้ทำงานร่วมกับ Rainforest Alliance ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 เพื่อพัฒนาเครื่องมือในการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเกษตรแบบฟื้นฟู*1 Regenerative Tea Scorecard เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเกษตรแบบฟื้นฟู ซึ่งได้รับการพัฒนาจากความร่วมมือกับ Rainforest Alliance ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 โดยได้เริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคม 2024 โดยการดำเนินการนี้มีเป้าหมายที่ไร่ชาบางแห่งในศรีลังกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตใบชารายใหญ่ที่ใช้ใน Kirin Gogo-no-Kocha และมีแผนจะดำเนินการในไร่ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งและไร่ขนาดเล็กอีก 30 แห่งในศรีลังกาภายในสิ้นปี 2025
*1 แนวทางการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรมทางการเกษตร

250ml LL Slim Kirin Gogo-no-Kocha Straight Tea (Photo: Business Wire)

ชาต้นตำรับ LL Slim Kirin Gogo-no-Kocha 250 มล. (ภาพ: Business Wire)

Regenerative Tea Scorecard มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเครื่องมือแบบสมัครใจที่สามารถเข้าถึงได้สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการปลูกใบชาในไร่ชา เป็นเครื่องมือสนับสนุนไร่ชาในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเกษตรแบบฟื้นฟู ซึ่งจะเป็นโครงการนำร่องในห่วงโซ่อุปทานของ Kirin Beverage โดยเกษตรกรผู้ปลูกชาสามารถใช้ “The Regenerative Tea Scorecard” เพื่อประเมินแนวทางการทำไร่ชาในปัจจุบันของตน และระบุพื้นที่ในการปรับปรุงเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่การเกษตรแบบฟื้นฟู โดย Regenerative Tea Scorecard มีพื้นฐานมาจากคำจำกัดความของ Rainforest Alliance เกี่ยวกับเกษตรกรรมแบบฟื้นฟู ซึ่งใช้แนวทางการอนุรักษ์และฟื้นฟูในการทำไร่ โดยรวมแนวทางปฏิบัติด้านการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้ากับกลยุทธ์การจัดการระบบแบบบูรณาการ เพื่อให้มั่นใจถึงสุขภาพของดิน การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพภายในไร่ การฟื้นฟูระบบนิเวศ และการดำรงชีวิตของเกษตรกร

ปัจจุบันประมาณ 40%*2 ของใบชาดำ*3 ที่นำเข้ามาในญี่ปุ่นมาจากศรีลังกา ซึ่งประมาณ 20%*4 ได้ถูกนำไปใช้ใน Kirin Gogo-no-Kocha โดย Kirin Group ได้ให้การสนับสนุนการเข้าซื้อ Rainforest Alliance Certification*5 ตั้งแต่ปี 2013 เพื่อสร้างความร่วมมือที่ดีขึ้นกับภูมิภาคที่ผลิตชาของศรีลังกาและผู้คนที่ทำงานที่นั่น และเพื่อผลิตเครื่องดื่มชาที่ปลอดภัยและมีรสชาติที่ดีต่อไป ภายในสิ้นปี 2023 ไร่ขนาดใหญ่จำนวน 94*6 แห่ง หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 30 ของไร่ขนาดใหญ่ทั้งหมดในศรีลังกา ได้รับการรับรองแล้ว ตั้งแต่ปี 2021 โดย Kirin Beverage ได้จำหน่ายชาต้นตำรับ LL Slim Kirin Gogo-no-Kocha 250 มล. ซึ่งผลิตจากใบชาศรีลังกา 100% ซึ่งมากกว่า 90% ได้รับการรับรองจาก Rainforest Alliance
*2 สำหรับผลเฉพาะใบชา (ไม่รวมชาสำเร็จรูป)
*3 สถิติพิธีการศุลกากร กระทรวงการคลัง
*4 ผลงานวิจัย Kirin Beverage
*5 ใบรับรองที่มอบให้กับไร่ที่ได้รับการยอมรับในด้านความมุ่งมั่นในวิธีการเกษตรที่ยั่งยืนมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ปกป้องธรรมชาติและผู้ผลิต
*6 ไร่ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งปฏิเสธที่จะรับการรับรองต่อในปี 2023

ไร่ชาในศรีลังกาเผชิญกับความท้าทายหลายประการ รวมทั้งผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น ภัยแล้งและฝนตกหนัก และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงจากการใช้ที่ดินอันเนื่องมาจากการขยายตัวของเมือง ในรายงานด้านสิ่งแวดล้อมประจำปี 2022 ที่เผยแพร่ในเดือนกรกฎาคม 2022 ระบุว่า Kirin Group เป็นรายแรกของโลกที่ทดลองเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับต้นทุนทางธรรมชาติ*7 รวมถึงไร่ชาในศรีลังกา โดยยึดตามแนวทาง LEAP ที่ได้รับการสนับสนุนจาก TNFD*8 ในรายงานด้านสิ่งแวดล้อมประจำปี 2023 ที่เผยแพร่ในเดือนกรกฎาคม 2023 เรื่องการค้นหา (การค้นพบจุดสัมผัสกับธรรมชาติ) และการประเมิน (การวิเคราะห์ความสัมพันธ์และผลกระทบ) สำหรับไร่ชาในศรีลังกา และในรายงานด้านสิ่งแวดล้อมประจำปี 2024 ที่เผยแพร่ในเดือนมิถุนายน 2024 เรื่องการประเมิน (การประเมินความเสี่ยงและโอกาส) และทิศทางในอนาคต (เตรียมความพร้อมสำหรับการรายงาน) มีการดำเนินการวิเคราะห์และประเมินผลอย่างละเอียดและเผยแพร่ ซึ่งเผยให้เห็นว่าการฝึกอบรมสำหรับการรับรองของ Rainforest Alliance และการเปลี่ยนผ่านไปสู่เกษตรกรรมแบบฟื้นฟู เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่พื้นที่เพาะปลูกขนาดเล็กทั้งหมดที่จะผ่านการรับรอง และเพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ Kirin Group ได้ทำงานร่วมกับ Rainforest Alliance เพื่อพัฒนา Scorecard ในการปรับปรุงความยั่งยืนของเกษตรกรเป็นหลัก ด้วยกิจกรรมนี้ Kirin Group มีเป้าหมายที่จะสนับสนุนการดำเนินการเกษตรกรรมแบบฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมในไร่ชา และปรับปรุงความยั่งยืนของพื้นที่ในการผลิตวัตถุดิบ
*7 ต้นทุนทางธรรมชาติ คือ สต๊อกของสินทรัพย์ธรรมชาติที่ช่วยให้สังคมได้รับทรัพยากรหมุนเวียนและไม่หมุนเวียน รวมถึงบริการระบบนิเวศ
*8 คณะทำงานด้านการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ ซึ่งเป็นกรอบการเปิดเผยข้อมูลที่เน้นการบริหารความเสี่ยงสำหรับบริษัทต่างๆ เพื่อรายงานและดำเนินการกับความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับทุนธรรมชาติ

Kirin Group จะยังคงจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อนและเกี่ยวข้องกันต่อไป (ทรัพยากรชีวภาพ ทรัพยากรน้ำ ภาชนะบรรจุและบรรจุภัณฑ์ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) ในแนวทางแบบองค์รวม และจะทำงานร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่คุณค่า เพื่อเชื่อมโยงความปรารถนาของเราที่จะเพลิดเพลิน และส่งต่อความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินให้คนรุ่นหลัง เราจะส่งเสริมความคิดริเริ่มต่างๆ อย่างจริงจังที่จะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อธรรมชาติและผู้คน

สำหรับการอ้างอิง
วิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อมของ Kirin Group ปี 2050 https://www.kirinholdings.com/en/impact/env/mission/

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทข้ามชาติที่ประกอบธุรกิจในภาคอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม), ภาคเภสัชกรรม (ธุรกิจเภสัชกรรม) และภาควิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings มีต้นกำเนิดมาจาก Japan Brewery ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1885 Japan Brewery กลายมาเป็น Kirin Brewery ในปี 1907 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บริษัทได้ขยายธุรกิจโดยใช้การหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจเภสัชกรรมในช่วงทศวรรษ 1980 โดยที่ธุรกิจทั้งหมดนี้ยังคงเป็นศูนย์กลางการเติบโตระดับโลก ในปี 2007 Kirin Holdings ก่อตั้งขึ้นเป็นบริษัทโฮลดิ้งโดยเฉพาะ และปัจจุบันกำลังมุ่งเน้นไปที่การขยายขอบเขตสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ

ภายใต้วิสัยทัศน์ Kirin Group ปี 2027 (KV 2027) Kirin Group มีแผนการจัดการระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2019 โดยมีเป้าหมายที่จะเป็น “ผู้นำระดับโลกในด้าน CSV* ที่สร้างมูลค่าให้กับโลกทั้งด้านอาหารและเครื่องดื่มไปจนถึงเภสัชกรรม” นับจากนี้ไป Kirin Group จะยังคงใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของตนเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านทางธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บรรลุการเติบโตที่ยั่งยืนในมูลค่าองค์กร

* การสร้างมูลค่าร่วมกัน: มูลค่าเพิ่มร่วมกันสำหรับผู้บริโภคและสังคมโดยรวม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/54196949/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
Corporate Communication Department Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

ที่มา: Kirin Holdings Company, Limited


Kirin Holdings: ดำเนินการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านเพื่อการจัดหาใบชาศรีลังกาอย่างยั่งยืน

Logo

  • การลดความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในศรีลังกาซึ่งเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบ โดยร่วมมือกับ Mitsui Norin
  • ปัจจุบันญี่ปุ่นนำเข้าใบชาดำจากศรีลังกาประมาณ 40%
  • ในอนาคตจะเพิ่มจำนวนไร่เป้าหมาย โดยตั้งเป้าจัดซื้อใบชาที่บริษัท Kirin Holdings ซื้อจากพื้นที่ผลิตที่ยั่งยืนให้ได้ 80% ภายในปี 2030

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–31 มกราคม 2025

Kirin Holdings Company, Limited (Kirin Holdings) (TOKYO:2503) และ Mitsui Norin Co., Ltd. (Mitsui Norin) กำลังพัฒนาโครงการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนโดยมุ่งเป้าไปที่ไร่ชาในศรีลังกา โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรลุการจัดหาใบชาดำอย่างยั่งยืนซึ่งใช้สำหรับ Kirin Gogo-no-Kocha

(Graphic: Business Wire)

(กราฟิก Business Wire)

Kirin Holdings และ Mitsui Norin ได้นำระบบ Designated Tea Estates System มาใช้ ซึ่งเป็นระบบที่จะจัดหาใบชาจากไร่ชาที่กำหนด เพื่อเพาะปลูกไร่ชาที่จัดหาใบชาที่มีคุณภาพคงที่ ระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดและป้องกันการเกิดความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนโดยการระบุผลกระทบเชิงลบต่อสิทธิมนุษยชนผ่านการใช้แบบสอบถามใหม่และการตรวจสอบในสถานที่ที่ “ไร่ชาที่กำหนด” ในปีแรก โครงการนี้จะนำไปดำเนินการในไร่ชา 4 แห่ง ในอนาคต จำนวนไร่ชาเป้าหมายจะเพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายในการจัดหาใบชา 80% ที่ Kirin Holdings ซื้อจากพื้นที่การผลิตที่ยั่งยืน    *1ภายในปี 2030 ด้วยการจัดหาใบชาที่ยั่งยืน Kirin Holdings ตระหนักถึงปัญหาสังคมที่นิคมอุตสาหกรรมต้องเผชิญและทำงานเพื่อปรับปรุงความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรม
*1: หมายถึงนิคมอุตสาหกรรมที่ได้ดำเนินการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน โดย Mitsui Norin หรือนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับการรับรองจาก Rainforest Alliance

Kirin Group ดำเนินการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน*2ในห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำตั้งแต่ปี 2018 ตามมาตรฐานสากล UN Guiding Principles on Business and Human Rights และนโยบายสิทธิมนุษยชนของ Kirin Group จนถึงขณะนี้ Kirin Group ได้ดำเนินการดังกล่าวในห่วงโซ่อุปทานของเมล็ดกาแฟในลาว ถั่วเหลืองในจีน ใบชาในศรีลังกา องุ่นในอาร์เจนตินา และอ้อยในบราซิล ประสบการณ์และความรู้ที่ได้รับจากโครงการริเริ่มเหล่านั้น จะถูกนำไปใช้ในความพยายามตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน ร่วมกับ Mitsui Norin และปัญหาใดๆ ที่เกิดขึ้นจะได้รับการพิจารณาเพื่อแก้ไขโดยร่วมมือกับ Kirin Holdings และ Mitsui Norin
*2: การตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านของ Kirin Group: https://www.kirinholdings.com/en/impact/community/2_1/duediligence

นอกเหนือจากโครงการริเริ่มด้านสิทธิมนุษยชนแล้ว Kirin Group ยังมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและกิจกรรมอื่นๆ ที่มุ่งปกป้องพื้นที่ที่ผลิตวัตถุดิบ ปัจจุบันประมาณ 40%*3ของใบชาดำ*4ที่นำเข้ามาญี่ปุ่นมาจากศรีลังกา ซึ่งประมาณ 20%*5ใช้ใน Kirin Gogo-no-Kochaตั้งแต่เดือนธันวาคม 2024 Kirin Group ได้เริ่มใช้ Regenerative Tea Scorecard ร่วมกับ Rainforest Alliance เพื่อเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการเกษตรแบบฟื้นฟูตามดุลยพินิจของเกษตรกร นอกจากนี้ เพื่อตอบสนองต่อผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับการขยายตัวของเมืองที่ไร่ชาในศรีลังกาต้องเผชิญ กลุ่ม Kirin Group ได้เผยแพร่รายงานด้านสิ่งแวดล้อมประจำปี 2022 ในเดือนกรกฎาคม 2022 ซึ่งถือเป็นรายงานฉบับแรกของโลกที่ทดลองใช้การเปิดเผยการคำนวณทุนธรรมชาติ ซึ่งรวมถึงไร่ชาศรีลังกา โดยยึดแนวทาง LEAP ที่สนับสนุนโดย TNFD
*3 ผลลัพธ์จากใบชาเท่านั้น (ไม่รวมชาดำสำเร็จรูป)
*4 สถิติการดำเนินพิธีการศุลกากรจากกระทรวงการคลังของญี่ปุ่น
*5 งานวิจัยเครื่องดื่ม Kirin

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทข้ามชาติที่ประกอบธุรกิจในภาคอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม), ภาคเภสัชกรรม (ธุรกิจเภสัชกรรม) และภาควิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings สามารถสืบย้อนต้นกำเนิดไปจนถึงJapan Breweryซึ่งปี 1885 Japan Brewery เปลี่ยนชื่อเป็นKirin Breweryนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Kirin Holdings ได้ขยายธุรกิจโดยใช้เทคโนโลยีการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจเภสัชกรรมในช่วงทศวรรษ 1980 ซึ่งทั้งหมดยังคงเป็นศูนย์การเติบโตระดับโลก ในปี 2007 Kirin Holdings ได้ก่อตั้งขึ้นเป็นบริษัทโฮลดิ้งโดยเฉพาะ และปัจจุบันกำลังมุ่งเน้นที่การส่งเสริมด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ

ภายใต้วิสัยทัศน์ Kirin Group 2027 (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนการจัดการระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2019 Kirin Group มีเป้าหมายที่จะเป็น “ผู้นำระดับโลกด้าน CSV *ที่สร้างมูลค่าในโลกของอาหารและเครื่องดื่มไปจนถึงเภสัชกรรม” นับจากนี้ไป Kirin Group จะยังคงใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของตนเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านทางธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บรรลุการเติบโตอย่างยั่งยืนในมูลค่าองค์กร
* การสร้างคุณค่าร่วม: สร้างมูลค่าเพิ่มร่วมกันให้กับผู้บริโภคและสังคมโดยรวม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/54196945/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ติดต่อ
ฝ่ายสื่อสารองค์กร
Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
+81-3-6837-7028
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp 

ที่มา: Kirin Holdings Company, Limited

CarbonAi และ Greenplinth Africa ร่วมมือกันในโครงการเตาทำอาหารแบบคลีนระดับสูงในไนจีเรีย

Logo

นักพัฒนาซอฟต์แวร์ GHG ซึ่งมีฐานอยู่ในเมือง Calgary สนับสนุนการวัดปริมาณและการตรวจยืนยันคาร์บอนเครดิตแบบดิจิทัลที่เกิดจากการแจกจ่ายเตาทำอาหารสะอาดแบบคลีนหลายล้านเตาในไนจีเรียและแอฟริกาในอีกห้าปีข้างหน้า

CALGARY, Alberta & LAGOS, Nigeria–(BUSINESS WIRE)–31 มกราคม 2025

CarbonAi Inc. และ Greenplinth Africa Limited มีความยินดีที่จะประกาศว่า ทั้งสองบริษัทได้บรรลุข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว CarbonAi จะจัดหาเครื่องมือซอฟต์แวร์เพื่อสนับสนุนการวัดผล การรายงาน และการตรวจยืนยันแบบดิจิทัล (DMRV) สำหรับการลดก๊าซเรือนกระจก (GHG) จากโปรแกรมเตาทำอาหารแบบคลีนระดับสูงที่ได้รับการพัฒนาโดย Greenplinth Africa ในประเทศไนจีเรีย

โครงการนี้จะมีการแจกจ่ายเตาทำอาหารแบบคลีนหลายล้านเตาให้แก่ครัวเรือนทั่วไนจีเรียและแอฟริกาในอีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อช่วยลดการตัดไม้ทำลายป่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจก โรคทางเดินหายใจ ความไม่เท่าเทียมทางเพศ และปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องจากการทำอาหารบนเตาถ่านแบบดั้งเดิมได้เป็นอย่างมาก

เตาทำอาหารแบบคลีนเป็นประเภทโครงการที่สำคัญเพื่อการบรรลุผลประโยชน์ด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภูมิภาคที่ด้อยโอกาสทางเศรษฐกิจ เตาทำอาหารเหล่านี้มักได้รับเงินทุนจากการขายคาร์บอนเครดิตที่เกิดจากการเปลี่ยนจากการทำอาหารบนเตาถ่านเป็นเตาที่มีประสิทธิภาพสูงและมีการเผาไหม้ที่มีความสะอาดยิ่งขึ้น โครงการเตาทำอาหารที่ใช้เงินทุนคาร์บอนนั้นจะมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดด้านความแม่นยำและความน่าเชื่อถือของวิธีการวัดปริมาณแบบเดิม ทำให้การจัดหาเงินทุนอย่างต่อเนื่องสำหรับโครงการดังกล่าวและผลประโยชน์มากมายที่เกิดขึ้นนั้นมีความเสี่ยงสูง

CarbonAi มีการพัฒนา Spark ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือที่อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตรสำหรับการวัดปริมาณ การตรวจสอบ การแสดงผล และการจัดการผลลัพธ์การลดก๊าซเรือนกระจกที่มีความสมบูรณ์สูงจากโครงการเตาทำอาหาร ซึ่งรวมถึงเครื่องวัดการใช้งานเตาทำอาหารที่เป็นกรรมสิทธิ์เพื่อตรวจสอบและวัดการใช้งานเตาทำอาหารอย่างแม่นยำ Spark ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อเชื่อมช่องว่างระหว่างโครงสร้างพื้นฐานตลาดคาร์บอนที่มีอยู่และระบบนิเวศตลาดคาร์บอนดิจิทัลที่กำลังเกิดขึ้น เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการลดก๊าซเรือนกระจกที่อ้างสิทธิ์ ช่วยให้ผู้พัฒนาโครงการสามารถส่งมอบคาร์บอนเครดิตที่มีความสมบูรณ์สูงและมีมูลค่าสูงได้

“โครงการเตาทำอาหารแบบคลีนตามมาตรา 6.4 นี้เป็นความคิดริเริ่มเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง และเป็นก้าวสำคัญในการต่อสู้กับผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่ไม่พึงประสงค์ซึ่งเกี่ยวเนื่องจากวิธีการทำอาหารแบบดั้งเดิม เช่น มลพิษทางอากาศภายในอาคารและการตัดไม้ทำลายป่า นอกจากนี้ โครงการนี้ยังสามารถสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจของไนจีเรียอีกด้วย” Dr. Olawale Akinwumi ประธานและ CEO ของ Greenplinth Africa กล่าว “การจัดหาเตาทำอาหารแบบคลีนฟรีจะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตของชาวไนจีเรียหลายล้านคน โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก ซึ่งได้รับผลจากผลกระทบที่เป็นอันตรายจากวิธีการทำอาหารแบบดั้งเดิมอย่างไม่สมส่วน””

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้สนับสนุน Greenplinth Africa เนื่องจากพวกเขาใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรมนุษย์จำนวนมหาศาลของไนจีเรียเพื่อส่งมอบโครงการผลกระทบต่อสภาพอากาศระดับใหญ่ที่ครอบคลุมทั่วไนจีเรีย” Yvan Champagne หัวหน้าฝ่ายคาร์บอนของ CarbonAi กล่าว “การทำอาหารแบบคลีนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในเส้นทางการลดก๊าซเรือนกระจก แต่จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อนักลงทุนโครงการและผู้ซื้อคาร์บอนเครดิตมีความมั่นใจในความสมบูรณ์ของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เรามุ่งหวังที่จะช่วยให้ Greenplinth Africa สามารถสร้างการลดการปล่อยก๊าซที่มีคุณภาพสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้แน่ใจว่าโครงการสามารถบรรลุศักยภาพได้อย่างสมบูรณ์”

เกี่ยวกับ Greenplinth Africa

Greenplinth Africa เป็นบริษัทโซลูชันสีเขียวระดับแพนแอฟริกัน เป็นแพลตฟอร์มสีเขียวระดับเยี่ยมของแอฟริกาและดำเนินการโครงการเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับทวีปแอฟริกา โดยมีสำนักงานในไนจีเรียและสหรัฐอเมริกา

สามารถเข้าไปเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่: www.greenplinthafrica.com

เกี่ยวกับ CarbonAi

CarbonAi มีการพัฒนาเครื่องมือซอฟต์แวร์ชั้นนำระดับโลกที่เพิ่มความสมบูรณ์และความสามารถในการตรวจสอบข้อมูลและโครงการ GHG มีการใช้เครื่องมือของบริษัทสำหรับการรวบรวมข้อมูลที่ตรวจสอบได้ในระยะแรก ( ในพื้นที่ ), DMRV และการวัดปริมาณ ( ตรวจยืนยัน ), ความสมบูรณ์ของข้อมูลเตาทำอาหารแบบคลีน ( Spark ) และการจัดการพอร์ตโฟลิโอ ( ตรวจสอบ ) โดยผู้นำอุตสาหกรรมทั่วโลกเพื่อส่งมอบผลลัพธ์ GHG ที่มีความสมบูรณ์สูง

สามารถเข้าไปเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่: http://www.carbonai.ca/spark

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Media Contact

Greenplinth Africa
Dr. Olawale Akinwumi
President and CEO
โทร: +234 (0) 803 316 4567
poa@greenplinthafrica.com

CarbonAi
Stephen Entwisle
Director, Cookstoves DMRV
โทร: +1 403-560-1944
stephene@carbonai.ca

ที่มา: CarbonAi Inc.

กำไรสุทธิไตรมาสที่ 3 ของ Hindustan Zinc พุ่งขึ้น 32% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 317 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณโลหะและการลดต้นทุน

Logo

อุทัยปุระ, อินเดีย–(BUSINESS WIRE)–29 มกราคม 2025

Hindustan Zinc Limited (“HZL”) ซึ่งมีฐานอยู่ที่ประเทศอินเดีย เป็นผู้ผลิตสังกะสีแบบครบวงจรรายใหญ่อันดับสองของโลก และเป็นผู้ผลิตเงินรายใหญ่อันดับสามของโลก รายงานผลประกอบการสำหรับไตรมาสที่สามและเก้าเดือนที่สิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2024 ณ วันที่ 28 มกราคม 2025 โดยบริษัทบันทึกปริมาณการผลิตโลหะที่ขุดและกลั่นได้ในช่วงเก้าเดือนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 784 kt และ 783 kt ตามลำดับ บริษัทฯ ทำรายได้ในไตรมาสที่ 3 ได้ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาที่ 1,020 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ Hindustan Zinc ยังบันทึก EBITDA ในไตรมาสที่ 3 ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ 537 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 28%โดยมีอัตรากำไร EBITDA ชั้นนำของอุตสาหกรรมที่ 53% เพิ่มขึ้น 400 bps เมื่อเทียบกับปีก่อน บริษัทยังได้บันทึกกำไรสุทธิหลังหักภาษี (PAT) สูงสุดในรอบ 9 ไตรมาสที่ผ่านมา* ที่ 317 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับปีก่อน บริษัทได้บันทึกต้นทุนการผลิต (COP)ที่ต่ำที่สุดในช่วง 15 ไตรมาสที่ผ่านมาที่ 1,041 ดอลลาร์/เมตริกตันในไตรมาสที่ 3 ปัจจุบัน Hindustan Zinc เป็นหนึ่งในบริษัทโลหะที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย โดยมีมูลค่าตามราคาตลาด 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และผลตอบแทนรวมสำหรับผู้ถือหุ้นประมาณ 2.1 เหรียญสหรัฐฯ ต่อหุ้น (ประมาณ 62%)

Hindustan Zinc's Q3FY25 financial results - Profit surges (Photo: Business Wire)

ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 ของ Hindustan Zinc – กำไรพุ่งสูงขึ้น (ภาพ: Business Wire)

Arun Misra ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าว: “Hindustan Zinc ยังคงดำเนินการตามลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็ขับเคลื่อนความเป็นเลิศในการดำเนินงาน โดยเน้นที่ ESG ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่แฝงอยู่ในสินทรัพย์ของเราและผลการดำเนินงานที่สม่ำเสมอ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมด้วยแนวโน้มตลาดเชิงบวก

เพื่อตอกย้ำตำแหน่งของเราในฐานะผู้นำในภาคส่วนโลหะทรานสิชั่นด้านพลังงาน ผมรู้สึกภูมิใจที่จะแชร์ว่า Hindustan Zinc ได้รับการยอมรับว่าเป็นบริษัทโลหะและเหมืองแร่ที่มีความยั่งยืนมากที่สุดในโลกเป็นปีที่สองติดต่อกันโดย S&P Global Corporate Sustainability Assessment 2024

*สูงสุดในเงื่อนไข INR
หมายเหตุ: อัตราแลกเปลี่ยน USD-INR อยู่ที่ 84.46 ซึ่งจะใช้ตลอดการเผยแพร่ข้อมูล

เกี่ยวกับ Hindustan Zinc Limited

Hindustan Zinc Limited เป็นบริษัทในกลุ่ม Vedanta เป็นผู้ผลิตสังกะสีแบบครบวงจรรายใหญ่อันดับสองของโลก และเป็นผู้ผลิตเงินรายใหญ่อันดับสามของโลก บริษัทจำหน่ายสินค้าไปยังกว่า 40 ประเทศทั่วโลก โดย Hindustan Zinc ได้รับการยอมรับว่าเป็นบริษัทที่มีความยั่งยืนมากที่สุดในโลกในหมวดโลหะและเหมืองแร่โดย S&P Global CSA 2024

ข้อสงวนสิทธิ์

ข่าวเผยแพร่ฉบับนี้ได้รวมข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเกี่ยวกับธุรกิจและผลการดำเนินงานทางการเงินในอนาคตของเรา โดยใช้คำเช่น “คาดหวัง” และ “คาดการณ์” ข้อความดังกล่าวมีความไม่แน่นอนและอาจแตกต่างจากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง เราไม่ผูกมัดที่จะปรับปรุงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54195082/en

Contacts

Sonal Choithani (ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสาร)
Sonal.Choithani@vedanta.co.in

ที่มา: Hindustan Zinc Limited

ศาลฏีกาตัดสินให้ผู้ชำระบัญชีร่วมอย่างเป็นทางการของ FTX DM ลดลำดับความสำคัญของการเรียกร้องค่าปรับทางกฏระเบียบมูลค่า 221.55 ล้านดอลลาร์ของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แห่งบาฮามาส

Logo

กรุงแนสซอ, บาฮามาส–(BUSINESS WIRE)–30 มกราคม 2025

ศาลฏีกาแห่งบาฮามาสได้อนุมัติข้อตกลงให้ผู้ชำระบัญชีทางการร่วม (JOLs) ของบริษัท FTX Digital Markets Ltd. (FTX DM) ลดลำดับความสำคัญของการเรียกร้องค่าปรับทางกฏระเบียบมูลค่า 221.55 ล้านดอลลาร์ของคณะกรรมการหลักทรัพย์แห่งบาฮามาส (ในที่นี้คือ คณะกรรมการฯ) $221.55 ต่อ FTX DM

“ข้อตกลงการลดลำดับความสำคัญของการเรียกร้อง” ซึ่งศาลได้อนุมัติระหว่าง JOLs คณะกรรมการฯ นั้นอนุญาตให้มีการจัดลำดับความสำคัญใหม่ในการชำระเงินแก่ลูกค้าและเจ้าหนี้รายอื่นของ FTX DM ทั้งหมด รวมถึงดอกเบี้ยที่ค้างชำระแก่ลูกค้าของ FTX DM ก่อนการชำระ “การเรียกร้องค่าปรับทางกฎระเบียบที่ได้รับอนุญาต” ของคณะกรรมการฯ

คำร้องของผู้ชำระบัญชีทางการร่วม (JOLs) อ้างอิงจากอำนาจในการทำข้อตกลงและปฏิบัติตามพันธกรณีตามข้อตกลงการระงับข้อพิพาททั่วโลกฉบับแก้ไข (GSA) ลงวันที่ 12 สิงหาคม 2024 โดยผู้พิพากษา L Klein ได้ให้การรับรองข้อตกลงระหว่าง JOLs และคณะกรรมการฯ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2025

การเรียกร้องค่าปรับทางกฎระเบียบของคณะกรรมการฯ ต่อ FTX DM เกิดจากการละเมิดพระราชบัญญัติสินทรัพย์ดิจิทัลและตลาดแลกเปลี่ยนที่จดทะเบียน และพระราชบัญญัติรายงานธุรกรรมทางการเงินตามผลการสืบสวนของหน่วยงานกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล

 ข้อมูลบรรณาธิการ:

  1. คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แห่งบาฮามาสเป็นองค์กรตามกฎหมายที่จัดตั้งขึ้นในปี 1995 มีหน้าที่รับผิดชอบในการกำกับดูแลหลักทรัพย์ กองทุนการลงทุนและตลาดทุน ผู้ให้บริการทางการเงินและองค์กร สินทรัพย์ดิจิทัลและการแลกเปลี่ยน และการซื้อขายเครดิตคาร์บอน
  2. พระราชบัญญัติสินทรัพย์ดิจิทัลและการแลกเปลี่ยนที่จดทะเบียน 2024 มีผลบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคม 2024 โดยปรับปรุงและขยายกรอบกฎหมายรวมถึงระเบียบข้อบังคับด้านสินทรัพย์ดิจิทัล สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: ข้อมูลพระราชบัญญัติ DARE ปี 2024 – คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์บาฮามาส
  3. ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของบาฮามาสสามารถดูได้ที่: https://www.scb.gov.bs/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้อำนวยการบริหาร
Christina Rolle
242-397-4100

ที่มา: Securities Commission of The Bahamas

Thai Herald

Thai Herald