Deltatre ประกาศเข้าซื้อกิจการ Endeavor Streaming เพื่อสร้างความเป็นผู้นำด้านแพลตฟอร์มดิจิทัลและสตรีมมิ่ง

Logo

ลอนดอนและนิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–15 กรกฎาคม 2025

Deltatre ผู้ให้บริการโซลูชันสตรีมมิ่ง ดิจิทัล ข้อมูล และกราฟิกชั้นนำระดับนานาชาติสำหรับอุตสาหกรรมกีฬา สื่อ และความบันเทิง ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการซื้อ Endeavor Streaming จาก Endeavor Group Holdings, Inc.

Deltatre announces acquisition of Endeavor Streaming.

Deltatre ประกาศเข้าซื้อกิจการ Endeavor Streaming

ในการผสานรวมผู้ให้บริการดิจิทัลและ OTT ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วและเสริมประสิทธิภาพเหล่านี้เข้าด้วยกัน Deltatre ได้รวมชุดผลิตภัณฑ์ขั้นสูง ได้แก่ D3 VOLT, FORGE, AXIS และ DIVA ซึ่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลแบบมัลติฟังก์ชันพร้อมวิดีโอแบบบูรณาการ เข้ากับผลิตภัณฑ์ OTT เพียวเพลย์ของ Endeavor Streaming อย่าง VESPER นอกจากนี้ ทั้งสองบริษัทยังจะผสานรวมกลยุทธ์ดิจิทัล บริการให้คำปรึกษา และบริการการตลาดแบบตรงถึงผู้บริโภคเข้าด้วยกันอีกด้วย

ธุรกิจที่รวมกันจะมีความพร้อมที่ดีที่สุดที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าในกลุ่มกีฬา สื่อ และความบันเทิงผ่านประสบการณ์ดิจิทัลที่น่าสนใจและครอบคลุม ทั้งหมดนี้ภายใต้ความร่วมมือแบบรวมศูนย์กับ Deltatre โดยก้าวข้ามความซับซ้อนของการปรับใช้บริการจากผู้ให้บริการหลายผู้ขายในเชิงกลยุทธ์

กลุ่มลูกค้าร่วมประกอบด้วยทรัพย์สินด้านกีฬาและสื่อที่โดดเด่นที่สุดในโลกหลายแห่ง รวมถึง NFL, UFC, Sky, Rogers, NBA, WWE, MLB, BritBox, Bell Media, LIV Golf, ICC, World Rugby และ UEFA ซึ่งสะท้อนถึงประสบการณ์หลายสิบปีในการส่งมอบบริการดิจิทัลและ OTT ด้วยคุณภาพ ความน่าเชื่อถือ และประสิทธิภาพที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในระดับขนาดใหญ่

เมื่อรวมกันแล้ว เรามีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้นำในทุกระดับของอุตสาหกรรม และการลงทุนครั้งนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในการขยายคุณค่าที่เรามอบให้กับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าในอนาคต ทาง Endeavor Streaming เป็นผู้เล่นที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงในอุตสาหกรรมของเรา และข้อเสนอต่างๆ ของ Endeavor ถือเป็นส่วนเสริมที่ลงตัวกับผลิตภัณฑ์และบริการที่มีอยู่ของเรากล่าวโดย Andrea Marini ซีอีโอของ Deltatreผมเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้จะทำให้ Deltatre กลายเป็นผู้นำในการส่งมอบการปรับใช้ดิจิทัลและ OTT แบบบูรณาการเต็มรูปแบบและมีคุณภาพสูง

“Endeavor Streaming ได้สร้างตัวเองให้เป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้สำหรับบริษัทกีฬาและสื่อที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่พวกเขาเปลี่ยนผ่านธุรกิจจากประสบการณ์ที่ขับเคลื่อนแบบเส้นตรงไปสู่อนาคตที่ขับเคลื่อนโดยตรงถึงผู้บริโภค กล่าวโดย Fred Santarpia ประธาน Endeavor Streamingด้วย Deltatre เรามุ่งมั่นที่จะมอบโอกาสที่ยิ่งใหญ่กว่าในการสร้างมูลค่าให้กับพันธมิตรของเราในการเพิ่มจำนวนผู้ชมและรายได้

Deltatre และ Endeavor Streaming มุ่งเน้นการพัฒนาแพลตฟอร์มและบริการของตนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถปรับใช้ซ้ำได้ คุ้มค่า และรวดเร็ว ควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านวิศวกรรมขนาดใหญ่เพื่อรองรับการเปิดตัวที่ปรับแต่งตามความต้องการ ทั้งสองบริษัทจะร่วมกันให้บริการแพลตฟอร์มระดับโลกที่ใหญ่ที่สุด รวมถึงแพลตฟอร์มขนาดเล็กและผู้เล่นระดับภูมิภาคต่อไป

การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับฐานการดำเนินงานทั่วโลกของ Deltatre ด้วยการสนับสนุนการดำเนินงานที่ขยายไปทั่วสหรัฐอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย

คาดว่าธุรกรรมนี้จะเสร็จสิ้นในไตรมาสที่สามของปี 2025 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการปิดตามปกติ

Weil, Gotshal & Manges LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับ Deltatre และ New Deal Advisors SpA ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ส่วน Latham & Watkins LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับ Endeavor Group Holdings, Inc. และ The Raine Group ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

เกี่ยวกับ Deltatre

Deltatre เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังสื่อและช่วงเวลาสำคัญของวงการกีฬา ตลอดระยะเวลาเกือบสี่ทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทได้สร้างความไว้วางใจให้กับบริษัทโทรทัศน์ โทรคมนาคม ทีมกีฬา ลีก สหพันธ์ และหน่วยงานกำกับดูแลรายใหญ่ที่สุดของโลกมากมาย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์ดิจิทัลแห่งอนาคต บริษัทยังคงนิยามใหม่ถึงวิธีการเพิ่มคุณค่าของเนื้อหากีฬาทั้งแบบถ่ายทอดสดและแบบออนดีมานด์ มีความเชี่ยวชาญด้านวิดีโอสตรีมมิ่ง เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ข้อมูลกีฬา กราฟิก และระบบการตัดสิน ลูกค้าของบริษัทประกอบด้วย BBC, Rogers, Bell Media, Danish Broadcasting Corporation, Mediacorp, beIN, CPL, UEFA, ATP, NFL, DFL, NHL, MLS, MLB และ World Athletics
www.deltatre.com

เกี่ยวกับ Endeavor Streaming

Endeavor Streaming เป็นผู้นำระดับโลกด้านการจัดจำหน่ายวิดีโอระดับพรีเมียมและการสร้างรายได้สำหรับคอนเทนต์สดและคอนเทนต์แบบออนดีมานด์ ครอบคลุมทั้งกีฬา บันเทิง สื่อ และไลฟ์สไตล์ ด้วยแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งครบวงจรและบริการที่เป็นเอกลักษณ์ ครอบคลุมการให้คำปรึกษา การตลาดเพื่อการเติบโต การพัฒนาส่วนหน้าแบบกำหนดเอง และอื่นๆ Endeavor Streaming ช่วยให้ผู้สร้างคอนเทนต์ แบรนด์ และผู้ถือลิขสิทธิ์สามารถพลิกโฉม เติบโต และขยายธุรกิจแบบตรงสู่ผู้บริโภคได้ Endeavor Streaming เป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้สำหรับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก โดยส่งมอบอีเวนต์สำคัญๆ หลายหมื่นรายการต่อปี รวมถึงบัตรชมการแข่งขัน UFC และสนับสนุนบริการสตรีมมิ่งต่างๆ เช่น LHN ของมหาวิทยาลัยเท็กซัส, WNBA League Pass, UFC FIGHT PASS, NWSL และอื่นๆ อีกมากมาย
www.endeavorstreaming.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250715833650/en

Contacts

James McFarland
press@deltatre.com

ที่มา: Deltatre

Mary Kay เปิดเผยรายงานความยั่งยืนประจำปี 2025 ที่เน้นย้ำถึงเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ในด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–15 กรกฎาคม 2025

Mary Kay Inc. ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนความยั่งยืนและการเสริมสร้างพลังสตรีทั่วโลก ได้ประกาศเปิดตัวรายงานความยั่งยืนประจำปี 2025 ซึ่งเป็นภาพรวมที่ครอบคลุมเกี่ยวกับพันธสัญญาของบริษัทในปี 2030 และความสำเร็จสำคัญในปี 2024 ในการสร้างผลกระทบเชิงบวกทั่วโลก

The annual sustainability report highlights Mary Kay’s decades-long dedication to social, economic, and environmental sustainability – core pillars central to its business strategy and its purpose-driven legacy rooted in the company’s mission of “enriching women’s lives” around the world. (Photo Courtesy: Mary Kay Inc.)

รายงานความยั่งยืนประจำปีนี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Mary Kay ตลอดหลายทศวรรษในการสร้างความยั่งยืนทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเสาหลักสำคัญในกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัท และมรดกที่ขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายอันหยั่งรากลึกในพันธกิจของบริษัทในการ “ทำให้ชีวิตของสตรีดีขึ้น” ทั่วโลก (ภาพโดย: Mary Kay Inc.)

โดยรายงานประจำปีได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Mary Kay ตลอดหลายทศวรรษในด้านความยั่งยืนทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเสาหลักที่สำคัญต่อกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัท และมรดกที่ขับเคลื่อนด้วยจุดมุ่งหมายซึ่งมีรากฐานมาจากภารกิจของบริษัทในการ “ทำให้ชีวิตของสตรีดีขึ้น” ทั่วโลก

 “เป็นเวลากว่า 60 ปีแล้วที่บริษัทของเราได้สนับสนุนรูปแบบธุรกิจและโครงการริเริ่มสำคัญๆ เพื่อส่งเสริมศักยภาพของสตรี ช่วยปกป้องโลก และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับชุมชนที่มีความยืดหยุ่น” กล่าวโดย Ryan Rogers ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Mary Kay“รายงานของปีนี้ได้ตอกย้ำถึงเป้าหมายและความมุ่งมั่นของเรา ขณะเดียวกันก็เฉลิมฉลองผลกระทบต่างๆ ที่สามารถวัดผลได้และมีความหมายที่เราได้สร้างไปทั่วโลก”

ตั้งแต่การดูแลผลิตภัณฑ์และการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพไปจนถึงการส่งเสริมความเท่าเทียมของสตรีและการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ รวมถึงการเร่งความพยายามด้านดิจิทัลเพื่อปลดปล่อยผู้ประกอบการ Mary Kay ยังคงผสานความยั่งยืนเข้ากับทุกแง่มุมของธุรกิจ โดยไฮไลท์สำคัญประจำปี 2024 มีดังนี้

 สิ่งแวดล้อม:

  •  บรรจุภัณฑ์ที่รับผิดชอบ: ยืนยันพันธสัญญาของเราในการลดความเข้มข้นของพลาสติก เพิ่มปริมาณวัสดุรีไซเคิลหลังการบริโภค (PCR) และเพิ่มบรรจุภัณฑ์ที่พร้อมรีไซเคิล/รีไซเคิลได้1 ตัวอย่างเช่น ขวดโทนนิ่งโลชั่นของ Mary Kay TimeWise® Targeted-Action® ที่มีส่วนประกอบของ PCR 94%
  •  การจัดหาอย่างยั่งยืน: ในปี 2024 ซัพพลายเออร์ของเราใช้น้ำมันปาล์มที่ได้รับการรับรองมาตรฐานองค์กรเจรจาระหว่างประเทศว่าด้วยปาล์มน้ำมันยั่งยืน (Roundtable on Sustainable Palm Oil (RSPO)) ถึง 93% และ 80% ของเชียที่เราใช้มาจากซัพพลายเออร์ที่เป็นสมาชิก Global Shea Alliance (GSA)
  •  การจัดการด้านน้ำ: น้ำ 100% ที่ใช้ในโรงงานผลิตและ R&D ระดับโลก Richard R. Rogers (R3) ของเราในเท็กซัส ได้รับการบำบัดและนำกลับมาใช้ใหม่สู่แหล่งน้ำในท้องถิ่น
  •  ความร่วมมือเพื่อผลกระทบ: ร่วมฉลองความร่วมมือ 37 ปีกับองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมระดับโลก (The Nature Conservancy (TNC)) ซึ่งเป็นตัวแทนของโครงการอนุรักษ์ที่ได้รับการสนับสนุน 100 โครงการ และความร่วมมือ 16 ปีกับ องค์กรไม่แสวงหากำไรระดับโลกที่มุ่งเน้นการปลูก การดูแล และการเฉลิมฉลองต้นไม้ (Arbor Day Foundation (ADF)) เพื่ออนุรักษ์ระบบนิเวศในเท็กซัสและทั่วโลกผ่านโครงการ 34 โครงการ

 สังคม:

  •  Pink Changing Lives® : บริจาคเงินและสิ่งของมูลค่า 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย Mary Kay Inc. และมูลนิธิที่บริษัทสนับสนุนทั้งสี่แห่งทั่วโลกตั้งแต่ปี 19962 .
  •  การเสริมพลังของสตรี: ในปี 2024 มีสตรีมากกว่า 600,000 คนทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบเชิงบวกผ่านโครงการที่มีความหมายทั้งในระดับโลก ระดับภูมิภาค และระดับท้องถิ่น
  •  อนาคตของ STEM: มอบทุน 37 ทุนให้แก่สตรีรุ่นเยาว์จาก 16 ประเทศที่กำลังศึกษาต่อด้าน STEM และมอบทุน 8 ทุนให้แก่นักศึกษาหญิงผ่านโครงการ “ทุนการศึกษา Madam C.J. Walker” ร่วมกับสมาคมที่อุทิศตนเพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง (The Society of Cosmetic Chemists (SCC)) ซึ่งสนับสนุนโดย Mary Kay ณ ปี 2024
  •  ความร่วมมือเพื่อผลกระทบ: Mary Kay ทำหน้าที่เป็นองค์กรรางวัลพิเศษในงานการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์นานาชาติ (International Science and Engineering Fair (ISEF)) ในปี 2024

 เศรษฐกิจ:

  •  ขับเคลื่อนโดยสตรี: 63% ของพนักงาน Mary Kay ทั่วโลกเป็นสตรี และ 57% ของตำแหน่งผู้นำเป็นสตรีใน 10 ตลาดหลักของเรา 60% ของทีมผู้บริหารของเราเป็นสตรี 3 .
  •  ฐานการดำเนินงานทั่วโลก: Mary Kay ได้ขยายกิจการไปยังคีร์กีซสถาน
  •  การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล: พลิกโฉมประสบการณ์การขายแบบดิจิทัลด้วยการเปิดรับโอกาสทางดิจิทัล ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของบริการส่วนบุคคลและความเอาใจใส่ที่เหล่าที่ปรึกษาความงามอิสระ (Independent Beauty Consultants (IBC)) ของเราให้เป็นที่รู้จัก ในปี 2024 Mary Kay ได้เปิดตัวแคมเปญ “Phygital” ในเม็กซิโกและบราซิล และจะตามมาด้วยโคลอมเบียในปี 2025
  •  การสนับสนุน: มีส่วนร่วมในสมาคมการค้ามากกว่า 100 แห่งทั่วโลกในประเด็นนโยบายที่หลากหลาย ตั้งแต่การขายตรงและการเป็นผู้ประกอบการ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล ห่วงโซ่อุปทาน และโลจิสติกส์ โดย Mary Kay ได้มีส่วนร่วมในเอกสารนโยบายของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการจ้างงานและการศึกษา G20 (B20) ในบราซิล

 ในปี 2024 และ 2025 MARY KAY ได้รับการยอมรับอย่างสูง:

รายงานความยั่งยืนปี 2025 ของ Mary Kay สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) และทำหน้าที่เป็นมาตรฐานอ้างอิงสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและพันธมิตรที่ต้องการสร้างผลกระทบร่วมกัน

 หากต้องการดูรายงานฉบับเต็ม ให้ไปที่นี่

 เกี่ยวกับ Mary Kay

 Mary Kay Ash หนึ่งในผู้บุกเบิกและทำลายกำแพงกระจก ก่อตั้งแบรนด์ความงามในฝันของเธอในรัฐเท็กซัสในปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียวคือ เพื่อทำให้ชีวิตของสตรีดีขึ้น ความฝันนั้นได้เบ่งบานเป็นบริษัทระดับโลกที่มีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในกว่า 40 ตลาด กว่า 60 ปีที่โอกาสของ Mary Kay ได้เพิ่มขีดความสามารถให้กับให้สตรีในการกำหนดอนาคตของตนเองผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงาม และการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ล้ำสมัย เครื่องสำอางตกแต่งสี ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และน้ำหอม Mary Kay เชื่อในการรักษาโลกของเราไว้ให้กับคนรุ่นใหม่ในอนาคต ปกป้องสตรีที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งและการถูกทำร้ายในครอบครัว และส่งเสริมให้เยาวชนทำตามความฝันของพวกเขา เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com พบกับเราได้ที่ Facebook, Instagram และ LinkedIn หรือติดตามเราที่ X

1

รีไซเคิลได้เฉพาะในกรณีที่มีโรงงานอยู่เท่านั้น

2

แม้ว่าบริษัทจะให้การสนับสนุนด้านการกุศลมาหลายทศวรรษ แต่เอกสารอย่างเป็นทางการเริ่มต้นในปี 1996 ด้วยการก่อตั้งมูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation® (สหรัฐอเมริกา)

3

การเป็นตัวแทนและภาวะผู้นำของสตรีที่ Mary Kay (พฤษภาคม 2025)

4

“ที่มา: Euromonitor International Limited; Beauty and Personal Care ฉบับปี 2025, ยอดขายที่ RSP, ข้อมูลปี 2024”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250715989652/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ฝ่ายสื่อสารองค์กร Mary Kay Inc.
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

ที่มา: Mary Kay Inc.


Wemade Max ประกาศ Grand Launch ‘Lost Sword’ เกม RPG แบบย่อยวัฒนธรรมทั่วโลก

Logo

  •  Lost Sword จะเปิดตัวทั่วโลกในวันที่ 10 กรกฎาคม รวมถึงในอเมริกาเหนือและยุโรป หลังจากที่เกมได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในตลาดเกาหลี
  •  เพื่อเฉลิมฉลองยอดลงทะเบียนล่วงหน้าเกิน 1 ล้านคน ผู้เข้าร่วมทุกคนจะได้รับตัวละคร 5 ดาว ‘Guinevere’ และสัตว์เลี้ยง 5 ดาว ‘Elizabeth’ เป็นรางวัลพิเศษ
  •  Grand Launch ทั่วโลกนี้มาพร้อมกับการเปิดตัวตัวละครใหม่ 'NEO Bedivere' พร้อมกับวิดีโอโปรโมตแบบเคลื่อนไหว

ซองนัม, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–10 กรกฎาคม 2025

Wemade Max (KRX: 101730, ผู้กำกับตัวแทนอิสระ Sohn Myun-seok และ Lee Gil-hyung ได้ประกาศ Grand Launch ทั่วโลกสำหรับเกม RPG บนมือถือที่เป็นเกมแบบย่อยวัฒนธรรมอย่าง ‘Lost Sword’ ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในวันที่ 10 กรกฎาคม โดยเกมนี้เผยแพร่โดยบริษัทในเครือของ Wemade Max Wemade Connect (ซีอีโอ Lee Ho-dae) และพัฒนาโดย Codecat (ซีอีโอ Kim Je-hun)

‘Lost Sword’ global grand launch key visual (Image: Wemade Max)

ภาพสำคัญของ Grand Launch ‘Lost Sword’ ทั่วโลก (ภาพ: Wemade Max)

จากการเปิดตัวในเกาหลีเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ‘Lost Sword’ คือเกม RPG บนมือถือแบบย่อยวัฒนธรรมที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวางสำหรับเกมเพลย์ที่มีคุณภาพสูง ตัวละครที่น่าดึงดูด และภาพแบบไดนามิก จากความสำเร็จในประเทศ ทาง Wemade Max จึงได้ประกาศเปิดตัวเวอร์ชันทั่วโลกอย่างยิ่งใหญ่ในเดือนพฤษภาคม โดยมุ่งเป้าไปที่ภูมิภาคสำคัญๆ เช่น อเมริกาเหนือและยุโรป

แคมเปญลงทะเบียนล่วงหน้าซึ่งจัดขึ้นควบคู่ไปกับการประกาศเปิดตัวทั่วโลก ดึงดูดผู้เข้าร่วมได้กว่า 1 ล้านคน เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ ผู้ที่ลงทะเบียนล่วงหน้าทุกคนจะได้รับรางวัลใหญ่ในเกมในวันที่ 10 กรกฎาคม รางวัลดังกล่าวได้แก่ เพชรและทองคำ ตัวละครฮีลเลอร์ระดับ 5 ดาว 'Guinevere' และสัตว์เลี้ยงระดับ 5 ดาว 'Elizabeth' ซึ่งจะปลดล็อกเป็นโบนัสสำหรับผู้เข้าร่วมที่ทะลุหลัก 1 ล้านคน

Wemade Connect ได้เปิดตัวตัวละคร 5 ดาวตัวใหม่ 'NEO Bedivere' และเผยแพร่วิดีโอโปรโมตแบบเคลื่อนไหวที่นำเสนอเรื่องราวเบื้องหลังของตัวละคร โดยวิดีโอจะเล่าเรื่องของ 'Bedivere' ผู้พิทักษ์ของ 'Elizabeth' ซึ่งแปลงร่างเป็น 'NEO Bedivere' ในระหว่างการเดินทางเพื่อเอาชนะภัยคุกคามที่ตัวละครหลักต้องเผชิญ

Song Moon-ha ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจของ Wemade Connect กล่าวว่า “เราได้เตรียมรางวัลและการอัปเดตมากมายเพื่อตอบสนองต่อความสนใจอย่างล้นหลามที่เกิดขึ้นในช่วงการลงทะเบียนล่วงหน้า ด้วยภาพประกอบคุณภาพสูงและเกมเพลย์ที่ปรับให้เหมาะสม Lost Sword คาดว่าจะดึงดูดแฟนๆ วัฒนธรรมย่อยทั่วโลกได้อย่างมาก”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 'Lost Sword' มีอยู่ในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ และผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น X, YouTube, Discord, Facebook, TikTok และ Reddit

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250710582893/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Wemade Max
Sylvia Byun
sooki@wemade.com
 
Jaemin Choi
cdm495220@madngine.com
 
Hyunsu Kim
zeitgeist2599@wemadeconnect.com

ที่มา: Wemade Max

Kioxia สุ่มตัวอย่างอุปกรณ์หน่วยความจำแฟลชแบบฝัง UFS Ver. 4.1

Logo

อุปกรณ์ UFS ใหม่พร้อม BiCS FLASH(1) รุ่นที่ 8 ของ Kioxia เพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพการใช้พลังงาน

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–09 กรกฎาคม 2025

Kioxia Corporation ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ประกาศในวันนี้ว่าได้เริ่มสุ่มตัวอย่างอุปกรณ์หน่วยความจำแบบฝัง Universal Flash Storage (2) (UFS) Ver. 4.1 ใหม่ ซึ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านระบบจัดเก็บข้อมูลประสิทธิภาพสูง อุปกรณ์ใหม่นี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของแอปพลิเคชันมือถือรุ่นถัดไป รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูงที่มี AI บนอุปกรณ์ โดยมอบประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้นพร้อมประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่มากขึ้น (3) ในแพ็กเกจ BGA ขนาดเล็ก

Kioxia: UFS Ver. 4.1 Embedded Flash Memory Devices for Next-generation Mobile Applications

Kioxia: อุปกรณ์หน่วยความจำแฟลชแบบฝัง UFS Ver. 4.1 สำหรับแอปพลิเคชันมือถือรุ่นถัดไป

อุปกรณ์ UFS Ver. 4.1 จาก Kioxia ผสานหน่วยความจำแฟลช 3D BiCS FLASH™ ที่เป็นนวัตกรรมของบริษัทและตัวควบคุมในแพ็กเกจมาตรฐาน JEDEC อุปกรณ์ UFS ใหม่เหล่านี้สร้างขึ้นด้วยหน่วยความจำแฟลช 3D BiCS FLASH™ รุ่นที่ 8 ของ Kioxia (1) รุ่นนี้เปิดตัวเทคโนโลยี CBA (CMOS directly Bonded to Array) ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางสถาปัตยกรรมที่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการออกแบบหน่วยความจำแฟลช โดยการเชื่อมต่อวงจร CMOS เข้ากับอาร์เรย์หน่วยความจำโดยตรง เทคโนโลยี CBA ช่วยให้ประหยัดพลังงาน ประสิทธิภาพการทำงาน และความหนาแน่นได้อย่างมาก

ด้วยการผสมผสานระหว่างความเร็วและการใช้พลังงานต่ำ อุปกรณ์ UFS Ver. 4.1 ของ Kioxia ถูกสร้างขึ้นเพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้ ช่วยให้ดาวน์โหลดได้เร็วขึ้นและแอปมีประสิทธิภาพการทำงานราบรื่นยิ่งขึ้น

คุณสมบัติหลัก ได้แก่:

  •  มีความจุให้เลือก 256 กิกะไบต์ (GB), 512 GB และ 1 เทราไบต์ (TB)
  •  ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า(3) :
    • การเขียนแบบสุ่ม: 512 GB / 1 TB โดยประมาณ +30%
    • การเขียนแบบสุ่ม: 512 GB / 1 TB โดยประมาณ +35%
  •  ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานมากกว่ารุ่นก่อนหน้า(3) :
    • การอ่าน: 512 GB / 1 TB โดยประมาณ ปรับปรุงดีขึ้น 15%
    • การเขียน: 512 GB / 1 TB โดยประมาณ ปรับปรุงดีขึ้น 20%
  • การจัดเรียงข้อมูลแบบเริ่มต้นโดยโฮสต์ช่วยให้สามารถรวบรวมขยะได้ล่าช้าเพื่อประสิทธิภาพที่รวดเร็วไม่หยุดชะงักในช่วงเวลาที่สำคัญ
  • การปรับขนาดบัฟเฟอร์ WriteBooster ช่วยให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อประสิทธิภาพที่เหมาะสมที่สุด
  • รองรับมาตรฐาน UFS Ver. 4.1
  •  ความสูงของแพ็กเกจที่ลดลงสำหรับรุ่น 1 TB เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า(4)
  •  ใช้หน่วยความจำแฟลช 3D BiCS FLASH™ รุ่นที่ 8 ของ Kioxia(1)

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง:
หน้าผลิตภัณฑ์ UFS 4.1 ของ Kioxia
https://www.kioxia.com/en-jp/business/memory/mlc-nand/ufs4.html

หมายเหตุ:
(1) เฉพาะรุ่น 512 GB / 1 TB เท่านั้น
(2) Universal Flash Storage (UFS) เป็นหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์สำหรับผลิตภัณฑ์หน่วยความจำฝังตัวประเภทหนึ่งที่สร้างขึ้นตามมาตรฐาน JEDEC UFS เนื่องจากมีอินเทอร์เฟซแบบอนุกรม UFS จึงรองรับการทำงานแบบดูเพล็กซ์เต็มรูปแบบ ซึ่งช่วยให้สามารถอ่านและเขียนข้อมูลพร้อมกันระหว่างโพรเซสเซอร์โฮสต์และอุปกรณ์ UFS ได้
(3) เมื่อเปรียบเทียบกับอุปกรณ์ 512 GB รุ่นก่อนหน้า “THGJFMT2E46BATV” และอุปกรณ์ 1 TB “THGJFMT3E86BATZ” ตามลำดับ (เฉพาะรุ่น 512 GB / 1 TB เท่านั้น)
(4) อุปกรณ์ 1 TB รุ่นก่อนหน้า “THGJFMT3E86BATZ”

*ทุกครั้งที่กล่าวถึงผลิตภัณฑ์ Kioxia ความหนาแน่นของผลิตภัณฑ์จะระบุตามความหนาแน่นของชิปหน่วยความจำภายในผลิตภัณฑ์ ไม่ใช่ปริมาณความจุหน่วยความจำที่มีให้สำหรับจัดเก็บข้อมูลโดยผู้ใช้ปลายทาง ความจุที่ผู้บริโภคใช้ได้จะลดลงเนื่องจากพื้นที่ข้อมูลโอเวอร์เฮด การจัดรูปแบบ บล็อกเสีย และข้อจำกัดอื่นๆ และอาจแตกต่างกันไปตามอุปกรณ์โฮสต์และแอปพลิเคชัน สำหรับรายละเอียด โปรดดูข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง คำจำกัดความของ 1 KB = 2^10 ไบต์ = 1,024 ไบต์ คำจำกัดความของ 1 Gb = 2^30 บิต = 1,073,741,824 บิต คำจำกัดความของ 1 GB = 2^30 ไบต์ = 1,073,741,824 ไบต์ 1 Tb = 2^40 บิต = 1,099,511,627,776 บิต 1 TB = 2^40 ไบต์ = 1,099,511,627,776 ไบต์

*ความเร็วในการอ่านและเขียนเป็นค่าที่ดีที่สุดที่ได้จากการทดสอบในสภาพแวดล้อมเฉพาะที่ Kioxia Corporation และ Kioxia Corporation ไม่รับประกันความเร็วในการอ่านและเขียนในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง ความเร็วในการอ่านและเขียนอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ใช้และขนาดไฟล์ที่อ่านหรือเขียน

*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทบุคคลที่สาม

เกี่ยวกับ Kioxia
Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ที่ทุ่มเทให้กับการพัฒนา การผลิต และการจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2017 Toshiba Memory ซึ่งเป็นชื่อเดิมของบริษัทได้แยกตัวออกมาจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจำ” โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและคุณค่าจากหน่วยความจำสำหรับสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D ที่เป็นนวัตกรรมของ Kioxia ที่เรียกว่า BiCS FLASH™ กำลังกำหนดอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี SSD ระบบยานยนต์ ศูนย์ข้อมูล และระบบ AI เชิงสร้างสรรค์

การสอบถามจากลูกค้า:
Kioxia Corporation
สำนักงานขายทั่วโลก
https://www.kioxia.com/en-jp/business/buy/global-sales.html

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ มีความถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า 

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250707306499/en  

Contacts

การสอบถามจากสื่อ:
Kioxia Corporation
ฝ่ายบริหารการส่งเสริมการขาย
Koji Takahata
โทร.: +81-3-6478-2404

ที่มา: Kioxia Corporation

Kaneka ได้รับใบรับรองฮาลาลสำหรับ KANEKA UBIQUINOL TM

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–09 กรกฎาคม 2025

Kaneka Corporation (สำนักงานใหญ่: เขตมินาโตะ โตเกียว; ประธานบริษัท: Kazuhiko Fujii) (TOKYO:4118) ได้รับ “ใบรับรองฮาลาล (หมายเลขรับรอง: 355-TSRI/24)” สำหรับส่วนผสมอาหารเพื่อสุขภาพ โดย KANEKA UBIQUINOLTM (รูปแบบที่พร้อมใช้งานของโคเอนไซม์ Q10) ชนิดผงได้รับการประเมินจากสถาบันวิจัยชะรีอะฮ์แห่งมหาวิทยาลัย Takushoku และออกโดยสมาคมมุสลิมญี่ปุ่น ซึ่งเป็นองค์กรทางศาสนา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม

Halal certificate

ใบรับรองฮาลาล

การรับรองฮาลาลเป็นระบบที่องค์กรที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการไม่มีส่วนผสมที่ห้ามใช้ตามหลักชะรีอะฮ์ (กฎหมายอิสลาม) และรับรองว่าเป็นไปตามหลักชะรีอะฮ์ เรามุ่งมั่นในการขอรับการรับรองต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าวัตถุดิบของเรามีความปลอดภัย และเรายินดีที่จะประกาศว่าเราได้รับใบรับรองฮาลาลแล้วสำหรับ KANEKA UBIQUINOLTM

ปัจจุบันประชากรมุสลิมทั่วโลกมีประมาณ 1,900 ล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,200 ล้านคนภายในปี 2030 ในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น มาเลเซียและอินโดนีเซีย ซึ่งชาวมุสลิมอาศัยอยู่ร่วมกับผู้ที่นับถือศาสนาอื่น ได้มีการนำมาตรฐานและข้อบังคับที่เข้มงวดมาใช้เพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัยและความโปร่งใสของวัตถุดิบที่ใช้ และความสำคัญของการรับรองฮาลาลก็เพิ่มมากขึ้น ด้วยการได้รับใบรับรองฮาลาลนี้ เราคาดว่าจะสามารถขยายยอดขายได้ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ตามพันธกิจของ KANEKA ที่ยึดหลัก “สุขภาพที่ดีต้องมาก่อน” เราจะยังคงตอบสนองต่อความต้องการต่างๆ ด้วยการจัดหาผลิตภัณฑ์ บริการ และคุณค่าที่มีคุณภาพสูงเพื่อให้สังคมมีสุขภาพดีขึ้น เป้าหมายของเราคือการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของผู้คนและทำให้สังคมมีความสะดวกสบายมากขึ้นในหลากหลายสาขา   

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250708279133/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย    

Contacts

KANEKA CORPORATION
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
Wakana Sawada Info_Pro@kaneka.co.jp

ที่มา: Kaneka Corporation



RAEOA และ CMC จุดประกายบทใหม่: Oecusse เป็นผู้นำในการสร้างความทันสมัยให้กับติมอร์-เลสเต

Logo

OECUSSE (โอเอกูซี), ประเทศติมอร์-เลสเต –(BUSINESS WIRE)–07 กรกฎาคม 2025

สำนักงานปกครองพิเศษภูมิภาค Oecusse-Ambeno (RAEOA) และ Core Management Corporation (CMC) ได้เปิดตัวกลยุทธ์การพัฒนาหลายภาคส่วนอันโดดเด่นเพื่อวางตำแหน่ง Oecusse ให้เป็นศูนย์กลางชั้นนำของติมอร์-เลสเตด้านนวัตกรรมดิจิทัล การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และพลังงานสีเขียว

CMC's Support Centre in Oecusse, Timor-Leste.

ศูนย์สนับสนุนของ CMC ใน Oecusse, ประเทศติมอร์-เลสเต

หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือ Oecusse Digital Centre (ODC) Smart Hub ที่เป็นโครงการพัฒนาแบบบูรณาการอันล้ำสมัยขนาด 140 เอเคอร์ที่ผสานรวมโรงแรม Oe-Upu อันเป็นสัญลักษณ์เข้ากับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ล้ำสมัย ก่อให้เกิดเมืองอัจฉริยะแห่งแรกของประเทศที่พร้อมสำหรับอนาคต จุดหมายปลายทางที่มีชีวิตชีวาแห่งนี้จะมีที่พักระดับห้าดาว ร้านค้าปลีกและร้านอาหารที่คัดสรรมาอย่างดี โซนเพื่อสุขภาพ สิ่งอำนวยความสะดวกที่พรั่งพร้อมสำหรับ MICE และเขตความบันเทิงที่ได้รับการควบคุม ซึ่งทั้งหมดนี้เชื่อมต่อกันอย่างราบรื่นในระบบนิเวศที่ทันสมัยและยั่งยืนด้วยตัวเอง

ODC จะขับเคลื่อนการก้าวกระโดดของติมอร์-เลสเตสู่เศรษฐกิจดิจิทัล โดยเป็นที่ตั้งของการสนับสนุนทางออนไลน์ที่ได้รับอนุญาตแห่งแรกของประเทศและศูนย์ปฏิบัติการคอลเซนเตอร์ระหว่างประเทศ ศูนย์ข้อมูลขั้นสูง สวนเทคโนโลยี วิทยาเขตการศึกษาและการแพทย์ระดับโลก รวมถึงชุมชนที่พักอาศัยอัจฉริยะ Smart Hub ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับคนงานและผู้อยู่อาศัยมากถึง 150,000 คน โดยถือเป็นโมเดลระดับชาติสำหรับการเติบโตที่ครอบคลุม นวัตกรรมดิจิทัล และการลงทุนจากต่างประเทศเชิงกลยุทธ์

เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้ RAEOA และ CMC ได้ร่วมมือกับ Weidun Energy เพื่อพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดของติมอร์-เลสเต ซึ่งเป็นฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 50 เมกะวัตต์ที่ออกแบบมาเพื่อส่งมอบพลังงานที่สะอาด เสถียร และสามารถปรับขนาดได้ให้กับ ODC และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ โดยรอบ ภายใต้ข้อตกลงแรกที่ลงนามกับรัฐบาล RAEOA เฟส 1 (4 เมกะวัตต์) ที่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และจะตอบสนองความต้องการพลังงานสำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ขณะเดียวกันก็เสริมสร้างความมุ่งมั่นของติมอร์-เลสเตในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

เสียงของผู้นำ

H.E. Rogério Lobato ประธาน RAEOA กล่าวว่า
“นี่ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับ Oecusse และติมอร์-เลสเต เราเลือกที่จะทำงานร่วมกับ CMC ไม่เพียงเพราะวิสัยทัศน์อันชัดเจนและความเป็นมืออาชีพของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะความมุ่งมั่นในระยะยาวอย่างแท้จริงในการพัฒนาที่สร้างการเปลี่ยนแปลงอีกด้วย ความร่วมมือนี้จะสร้างงานในท้องถิ่นหลายพันตำแหน่ง ยกระดับชุมชนของเรา และยกระดับมาตรฐานการครองชีพของประชาชนของเราอย่างมีนัยสำคัญ เรากำลังสร้างเรื่องเล่าแห่งชาติใหม่ ซึ่งหยั่งรากลึกลงในนวัตกรรม ความยั่งยืน และความร่วมมือระหว่างประเทศ”

ดร. Ken Lim ประธาน CMC กล่าวเสริมว่า
“โครงการนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการจ่ายไฟให้กับโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยในอนาคตของ Oecusse อีกด้วย ฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์จะจัดหาพลังงานที่สะอาดและเชื่อถือได้ให้กับ ODC รวมถึงการพัฒนาในอนาคตต่างๆ เช่น ศูนย์ข้อมูล เป็นต้น ขณะเดียวกันก็สร้างงานและดึงดูดเงินทุนจากทั่วโลก และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ยังมีโครงการที่มีผลกระทบสูงและความร่วมมือระหว่างประเทศอีกหลายโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ และจะเปิดตัวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า”

Guo Chen ซีอีโอของ Weidun Energy แสดงความคิดเห็นว่า
“เรารู้สึกภูมิใจที่ได้ทำงานร่วมกับ RAEOA และ CMC เพื่อดำเนินโครงการพลังงานสีเขียวที่สำคัญที่สุดของประเทศ โดยในระยะที่ 1 ได้เริ่มดำเนินการแล้ว เรากำลังปรับใช้โซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์ที่ปรับขนาดได้เพื่อขับเคลื่อนความก้าวหน้าที่ยั่งยืน ไม่ใช่แค่สำหรับโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอนาคตของติมอร์-เลสเตด้วย”

ความร่วมมือระดับโลกที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

วิสัยทัศน์ที่กล้าหาญและบูรณาการของ CMC ได้จุดประกายความสนใจของนักลงทุนทั่วโลก ขณะนี้การร่วมทุนครั้งสำคัญกำลังใกล้จะแล้วเสร็จกับกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่มีชื่อเสียงระดับโลก ความร่วมมือนี้จะร่วมกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะรุ่นต่อไปและศูนย์ข้อมูลความจุสูงภายใน ODC ซึ่งจะทำให้ Oecusse ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านพรมแดนดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

พิธีลงนามที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล บุคคลสำคัญ และผู้นำอุตสาหกรรมระดับโลกเข้าร่วม จะถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เปิดโอกาสให้เข้าถึงเงินทุนระหว่างประเทศ เทคโนโลยีขั้นสูง และเครือข่ายระดับโลก โดยข้อความมีความชัดเจนคือ Oecusse พร้อมแล้วสำหรับการดำเนินธุรกิจ และ CMC จะเป็นผู้นำทาง

Vincent Yeoh กรรมการผู้จัดการของ CMC กล่าวว่า:
“ODC และโรงแรม Oe-Upu เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เรากำลังดำเนินการตามแผนงานที่ชัดเจนซึ่งครอบคลุมถึงเศรษฐกิจดิจิทัล การท่องเที่ยว การศึกษา และบริการทางการเงิน ด้วยการเปิดตัวโครงการเรือธงถัดไปของเราในเมือง Dili เรากำลังขยายวิสัยทัศน์ให้กว้างไกลออกไปนอก Oecusse เราได้รับการติดต่อจากผู้เล่นระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติจำนวนมากที่ต้องการร่วมมือกันในภาคส่วนต่างๆ และเรากำลังเข้าร่วมการหารืออย่างแข็งขัน”

Jonathan Chan ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย กล่าวสรุปว่า
“CMC โดดเด่นในด้านความมุ่งมั่นของเราที่มีต่อธรรมาภิบาล ความโปร่งใส และผลกระทบในระยะยาว โดย ODC Smart Hub จะสร้างขึ้นตามมาตรฐาน G.O.L.D. ของเรา ซึ่งได้แก่ ธรรมาภิบาล การเปิดกว้าง ความชอบธรรม และความขยันหมั่นเพียร ซึ่งเป็นค่านิยมที่กำหนดความร่วมมือของเรา ในขณะที่เราขยายไปสู่โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีและการขนส่งอัจฉริยะ การประกาศการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่กว่าก็จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้”

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/ 20250706927600/en

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Jonathan Chan
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย
Core Management Corporation
press@core.tl

ที่มา: Core Management Corporation

Bok Dok, Kaniva, Kasty, Kelly & Co’s และ Pramy ติดอันดับผู้ชนะรางวัล World Branding Awards Animalis Edition ประจำปี 2025-2026 ที่กรุงเวียนนา

Logo

LONDON–(BUSINESS WIRE)–04 กรกฎาคม 2025

รางวัล World Branding Awards Animalis Edition ประจำปี 2025-2026 จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 โดยรวบรวมแบรนด์สัตว์เลี้ยงและแบรนด์สัตว์ชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลก แบรนด์เหล่านี้ได้รับการยกย่องถึงความสำเร็จที่โดดเด่น โดยได้รับการยอมรับในฐานะผู้ชนะระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลก

จะมีการจัดงานพิธีมอบรางวัลขึ้นที่ Hofburg Palace อันทรงเกียรติในกรุงเวียนนา โดยมีผู้ชนะรางวัลจากหลากหลายประเภท เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง ร้านค้าปลีก ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ นิทรรศการสัตว์เลี้ยง และผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ Mounia Berrada-Gouzi เป็นเจ้าภาพจัดงานที่มีความเชี่ยวชาญสูง โดยงานนี้จะปิดท้ายด้วยการเฉลิมฉลองความเป็นเลิศของแบรนด์อย่างยิ่งใหญ่

“รางวัล World Branding Awards Animalis Edition เป็นการยกย่องแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุด ซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างแท้จริงในใจและความคิดของผู้บริโภค ในคืนนี้ เราร่วมเฉลิมฉลองแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก มีค่านิยมที่สร้างแรงบันดาลใจและความภักดี และแสดงถึงความเป็นเลิศในอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงกัน” Richard Rowles ประธาน World Branding Forum กล่าว

จากแบรนด์กว่า 950 แบรนด์ที่ได้รับการเสนอชื่อจากผู้บริโภคกว่า 80,000 คนในแบบสำรวจออนไลน์ทั่วโลก มีเพียง 105 แบรนด์ชั้นนำจาก 25 ประเทศเท่านั้นที่ได้รับตำแหน่งผู้ชนะ การได้รับรางวัล World Branding Award ถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญที่ช่วยเสริมสร้างสถานะผู้นำในอุตสาหกรรม

ผู้ชนะระดับทั่วโลก ได้แก่ Frontline (เยอรมนี), Kit Cat (สิงคโปร์), KONG (สหราชอาณาจักร), Sheba (สหรัฐอเมริกา), และ Whiskas (สหรัฐอเมริกา) ได้พิสูจน์ถึงความเป็นเลิศและการสร้างแบรนด์อย่างไร้ที่ติ

ผู้ชนะจากประเทศไทย ได้แก่ Bok Dok, Jinny, Kaniva, Kasty, Kelly & Co’s และ Pramy ผู้ชนะระดับประเทศอื่นๆ ได้แก่ Bamboodles (สหราชอาณาจักร), CIAO (ญี่ปุ่น), Cooper and Gracie (สหราชอาณาจักร), Delibest (สวิตเซอร์แลนด์), Heads Up For Tails (อินเดีย), Nutriment Natural Treats (สหราชอาณาจักร), OhMyPet! Expo (มาเลเซีย), Pampered Pets (สิงคโปร์), Petio (ญี่ปุ่น), Powercat (มาเลเซีย), Topbreed (ฟิลิปปินส์), และ Vancat (ตุรกี) เป็นต้น

แบรนด์ที่ชนะเลิศระดับภูมิภาค ได้แก่ Alps Natural (มาเลเซีย), EHEIM (เยอรมนี) และ Hikari (ญี่ปุ่น) แบรนด์เหล่านี้ได้รับการโหวตในฐานะที่เป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคชื่นชอบใน 4 ประเทศขึ้นไปภายในพื้นที่ 3 แห่งขึ้นไปในภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ที่เฉพาะเจาะจง

เมื่องานประกาศรางวัล World Branding Awards Animalis Edition ประจำปี 2025-2026 สิ้นสุดลง งานประกาศรางวัล World Branding Awards Global Edition ที่ทุกคนรอคอยก็จะกลับมาบนเวทีอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ awards.brandingforum.org

เกี่ยวกับ WORLD BRANDING AWARDS

World Branding Awards เป็นรางวัลระดับแนวหน้าของ World Branding Forum ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่มีการจดทะเบียน รางวัลดังกล่าวมอบให้เป็นเกียรติแก่ความสำเร็จของแบรนด์ที่ดีที่สุดในโลก

โซเชียลมีเดีย

Facebook: https://www.facebook.com/worldbrandingforum/

Twitter: https://twitter.com/WorldBranding

Instagram: https://www.instagram.com/worldbranding/

LinkedIn: https://linkedin.com/company/world-branding-forum

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

EDITORIAL CONTACT
อีเมล: editorial@brandingforum.org

ที่มา: World Branding Awards

ซอฟต์แวร์ KIOXIA AiSAQ™ พัฒนา AI RAG ด้วย Vector Search Library เวอร์ชันใหม่

Logo

ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สใหม่ที่ช่วยให้สามารถปรับสมดุลความจุและประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างยืดหยุ่นตามความต้องการของผู้ใช้และสภาพแวดล้อม

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–03 กรกฎาคม 2025

ความพยายามอย่างต่อเนื่องในการปรับปรุงการใช้งานการค้นหาฐานข้อมูลเวกเตอร์ AI ภายในระบบการสร้างเสริมการเรียกค้น (RAG) โดยการปรับให้เหมาะสมกับการใช้ไดรฟ์โซลิดสเตต (SSD)Kioxia Corporation ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ประกาศเปิดตัวซอฟต์แวร์ KIOXIA AiSAQ™ (All-in-Storage ANNS with Product Quantization) ในวันนี้ ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สรุ่นใหม่นี้มาพร้อมการควบคุมที่ยืดหยุ่นสามารถช่วยให้สถาปนิกระบบกำหนดจุดสมดุลระหว่างประสิทธิภาพในการค้นหาและจำนวนเวกเตอร์ได้ ซึ่งเป็นปัจจัยตรงข้ามกันในความจุคงที่ของที่เก็บข้อมูล SSD ในระบบ โดยประโยชน์ที่ได้รับทำให้สถาปนิกระบบ RAG สามารถปรับแต่งสมดุลที่เหมาะสมที่สุดของเวิร์กโหลดเฉพาะและข้อกำหนดของเวิร์กโหลดเหล่านั้นได้โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ใดๆ

ซอฟต์แวร์ KIOXIA AiSAQ เปิดตัวครั้งแรกในเดือนมกราคม 2025 โดยใช้ขั้นตอนวิธีค้นหาใกล้เคียงที่ใกล้ที่สุดโดยประมาณ (ANNS) แบบใหม่ที่ได้รับการปรับให้เหมาะสมสำหรับ SSD และขจัดความจำเป็นในการจัดเก็บข้อมูลดัชนีใน DRAM โดยเทคโนโลยี KIOXIA AiSAQ สามารถช่วยให้ฐานข้อมูลเวกเตอร์สามารถปรับขนาดได้ โดยแทบไม่มีข้อจำกัดที่เกิดจากความจุ DRAM ที่จำกัด ด้วยการเปิดใช้การค้นหาเวกเตอร์โดยตรงบน SSD และลดความต้องการหน่วยความจำของโฮสต์

เมื่อความจุที่ติดตั้งของ SSD ในระบบได้รับการแก้ไข การเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหา (การค้นหาต่อวินาที) ต้องใช้ความจุ SSD มากขึ้นต่อเวกเตอร์ ส่งผลให้มีเวกเตอร์จำนวนน้อยลง ในทางกลับกัน หากต้องการเพิ่มจำนวนเวกเตอร์ให้สูงสุด ก็จำเป็นต้องลดการใช้ความจุ SSD ต่อเวกเตอร์ลง ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลง สมดุลที่เหมาะสมระหว่างเงื่อนไขที่ตรงกันข้ามทั้งสองนี้จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปริมาณงานที่เฉพาะเจาะจง เพื่อค้นหาสมดุลที่เหมาะสม ซอฟต์แวร์ KIOXIA AiSAQ จึงแนะนำตัวเลือกการกำหนดค่าที่ยืดหยุ่น การอัปเดตล่าสุดนี้จะช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถเลือกสมดุลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับปริมาณงานที่แตกต่างกันหลากหลายในระบบ RAG การอัปเดตนี้ทำให้เทคโนโลยี KIOXIA AiSAQ เป็น ANNS ที่ใช้ SSD ที่เหมาะสมไม่เพียงแต่สำหรับแอปพลิเคชัน RAG เท่านั้น แต่ยังรวมถึงแอปพลิเคชันอื่นๆ ที่ต้องการเวกเตอร์ เช่น การค้นหาความหมายแบบออฟไลน์

ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับบริการ AI ที่ปรับขนาดได้ SSD จึงเป็นทางเลือกที่ใช้งานได้จริงสำหรับ DRAM ในการจัดการปริมาณงานสูงและเวลาแฝงต่ำที่ระบบ RAG ต้องการ ซอฟต์แวร์ KIOXIA AiSAQ ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้สามารถสร้าง AI เชิงสร้างสรรค์ขนาดใหญ่ได้โดยไม่ต้องถูกจำกัดด้วยทรัพยากรหน่วยความจำที่มีจำกัด

ด้วยการเปิดตัวซอฟต์แวร์ KIOXIA AiSAQ ในรูปแบบโอเพ่นซอร์ส Kioxia จึงตอกย้ำความมุ่งมั่นที่มีต่อชุมชน AI ด้วยการส่งเสริมสถาปัตยกรรมที่เน้น SSD สำหรับ AI ที่ปรับขนาดได้

โปรดใช้ลิงก์เพื่อดาวน์โหลดซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส KIOXIA AiSAQ
https://github.com/kioxia-jp/aisaq-diskann

* KIOXIA AiSAQ: ANNS แบบ All-in-Storage พร้อมการวัดปริมาณผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นวิธีการใหม่ในการจัดวางข้อมูลดัชนี เป็นเครื่องหมายการค้าของ Kioxia
* ชื่อบริษัทอื่นๆ ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทบุคคลที่สาม

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ที่ทุ่มเทให้กับการพัฒนา การผลิต และการจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2017 บริษัท Toshiba Memory ซึ่งเป็นชื่อเดิมของบริษัทได้แยกตัวออกมาจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจำ” โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและสร้างคุณค่าจากหน่วยความจำให้กับสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D นวัตกรรมของ Kioxia ที่เรียกว่า BiCS FLASH™ กำลังกำหนดอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี ระบบยานยนต์ ศูนย์ข้อมูล และระบบ AI เชิงสร้างสรรค์

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

การสอบถามจากสื่อ:
Kioxia Corporation
ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย
Satoshi Shindo
โทร.: +81-3-6478-2404

ที่มา: Kioxia Corporation

Altimetrik และ SLK Software ร่วมมือกันเพื่อสร้างศูนย์รวมบริการด้านวิศวกรรมที่เน้น AI เป็นอันดับแรก

Logo

DETROIT–(BUSINESS WIRE)–28 มิถุนายน 2025

Altimetrik บริษัทผู้ให้บริการโซลูชัน AI ด้านข้อมูลและดิจิทัลแบบครบวงจร ประกาศในวันนี้เกี่ยวกับการลงนามในข้อตกลงขั้นสุดท้ายเพื่อเข้าซื้อกิจการ SLK Software (“SLK”) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการเทคโนโลยีระดับโลกที่มุ่งเน้นในการจัดหาโซลูชันด้าน AI ระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ และการวิเคราะห์ การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริการเปิดใช้งานแบบครบวงจรของ Altimetrik และขยายการเข้าถึงลูกค้า โดยมีเส้นทางที่ชัดเจนในการเร่งไปสู่เป้าหมายของ Altimetrik ที่จะสร้างรายได้ต่อปีถึง 1 พันล้านดอลลาร์ การทำธุรกรรมดังกล่าวยังคงอยู่ภายใต้เงื่อนไขข้อตกลง และคาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 โดยรายละเอียดทางการเงินยังไม่ได้รับการเปิดเผย

SLK ก่อตั้งขึ้นในปี 2000 และได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และจากความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์โซลูชันดิจิทัลที่สร้างสรรค์ การเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของ Altimetrik อย่างมีนัยสำคัญ โดยนำโมเดลวิศวกรรมที่เน้น AI เป็นอันดับแรกและเน้นแพลตฟอร์มของ Altimetrik เข้ากับกลุ่มบริการเทคโนโลยีเต็มรูปแบบของ SLK เข้าด้วยกัน ซึ่งจะช่วยเร่งกระบวนการปรับปรุงแพลตฟอร์มระดับองค์กรให้ทันสมัยสำหรับลูกค้าของบริษัท

Altimetrik เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการดิจิทัลที่มีการพัฒนาและก้าวหน้าที่สุดด้วยข้อมูลขั้นสูงและความสามารถด้านวิศวกรรมดิจิทัล แนวทางการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนสูงให้กับลูกค้าและประวัติการใช้งานข้อมูลและ AI ที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ Altimetrik ยังจะใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับลูกค้า การดำเนินงานทั่วโลก และบุคลากรผู้นำที่มีความสามารถเสริมของ SLK เพื่อส่งมอบคุณค่าที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมสำหรับลูกค้าต่อไป

“ในโลกปัจจุบัน ระบบ AI โดยเฉพาะ Generative AI และ Machine Learning คือกลไกที่ขับเคลื่อนมูลค่าทางธุรกิจที่แท้จริง” Raj Sundaresan ซีอีโอของ Altimetrik กล่าว “เพื่อเอื้อธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับ AI เป็นหลัก โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ข้อมูลที่แข็งแกร่งซึ่งยึดตามความเข้มงวดด้านวิศวกรรมผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์มจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง การลงทุนของเราใน SLK สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของเราที่จะเสริมสร้างความมุ่งมั่นของเราที่มีต่อลูกค้าที่กำลังมองหาโซลูชันดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งช่วยให้สร้างมูลค่าทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและในระดับที่ไม่มีใครเทียบได้ เรารู้สึกตื่นเต้นมากและรอคอยที่จะต้อนรับ SLK Software สู่ครอบครัว Altimetrik”

“นี่ไม่ใช่การบูรณาการแบบเดิมๆ แต่เป็นการเร่งความเร็วเชิงกลยุทธ์” Parth Amin ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท SLK Software กล่าว “เรามีความยินดีที่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ Altimetrik ซึ่งยึดมั่นในคุณค่าในความสัมพันธ์กับลูกค้าเช่นเดียวกับเรา ให้ความสำคัญกับผู้คน และมีความหลงใหลในนวัตกรรมและความคล่องตัว เราจะร่วมกันปลดล็อกศักยภาพที่ยิ่งใหญ่กว่าให้กับลูกค้าของเราในขณะที่รักษาความเร็วและการตอบสนองที่พวกเขาไว้วางใจไว้”

เมื่อการทำธุรกรรมเสร็จสิ้น บริษัทที่รวมกันนี้จะให้บริการธุรกิจที่มีฐานลูกค้าทั่วโลกที่มีมากกว่า 150 ราย ซึ่งรวมถึงบริษัทในกลุ่ม Fortune 500 และบริษัทเทคโนโลยีที่มีความสร้างสรรค์อย่างยิ่งบางแห่ง นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเครือข่ายพันธมิตรที่รวมถึงผู้บุกเบิกที่กำหนดยุคสมัย เช่น OpenAI, Amazon Web Services, Snowflake และ Databricks เมื่อรวมกันแล้ว ธุรกิจจะจ้างมืออาชีพมากกว่า 10,000 คนทั่วโลกเพื่อสนับสนุนลูกค้าที่อยู่ในเส้นทางการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและกำลังมองหาโซลูชันที่สร้างสรรค์เพื่อปรับปรุงระบบเก่าให้ทันสมัยโดยใช้ประโยชน์จากข้อมูลและ AI ขณะเดียวกันก็รับรองการกำกับดูแล การปฏิบัติตามข้อกำหนด และความปลอดภัยของแพลตฟอร์มระดับโลก ซึ่งรวมถึงองค์กรต่างๆ ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ตั้งแต่บริการทางการเงินและการชำระเงิน ไปจนถึงเภสัชกรรมและชีววิทยาศาสตร์ รวมถึงเทคโนโลยีและการผลิต

“การที่ Altimetrik และ SLK ร่วมมือกันถือเป็นก้าวกระโดดเชิงกลยุทธ์สำหรับอุตสาหกรรมนี้” Puneet Bhatia หุ้นส่วนผู้จัดการร่วมและหัวหน้าฝ่ายประเทศอินเดียของ TPG Capital Asia และสมาชิกคณะกรรมการของ Altimetrik กล่าว “การรวมตัวกันนี้จะสร้างแพลตฟอร์มวิศวกรรมดิจิทัลที่เน้น AI เป็นหลัก โดยมีสเกล ความเป็นผู้นำ และความสามารถในการดำเนินการเพื่อส่งมอบผลลัพธ์ที่มีความหมายในทุกอุตสาหกรรม ด้วยผลงานและประสบการณ์ของ TPG ในการสนับสนุนธุรกิจเทคโนโลยีระดับองค์กร เราภูมิใจที่มีส่วนสนับสนุนการเติบโตและการสร้างมูลค่าในขั้นต่อไปนี้”

“การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ตอกย้ำแนวคิดการลงทุนของ TPG ในด้านบริการด้านเทคโนโลยี ซึ่งให้ความสำคัญกับการสนับสนุนผู้ให้บริการเทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ที่เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงข้อมูลและ AI สำหรับลูกค้า โดยมีรูปแบบธุรกิจ ราคา และการจัดส่งที่แตกต่างกัน” Vivek Mohan หุ้นส่วนหน่วยธุรกิจที่ TPG Capital Asia และสมาชิกคณะกรรมการของ Altimetrik กล่าว

Raj Vattikuti สมาชิกคณะกรรมการและผู้ก่อตั้ง Altimetrik เน้นย้ำถึงขอบเขตและเชิงลึกของธุรกิจที่รวมกัน โดยกล่าวว่า “นอกเหนือจากการรวมความสามารถเข้าด้วยกันแล้ว การนำทั้งสองธุรกิจมารวมกันยังหมายถึงการขยายขอบเขตสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด นั่นคือ การแก้ไขปัญหาทางธุรกิจจริงด้วยความแม่นยำและรวดเร็ว ด้วย SLK เรากำลังขยายความสามารถในการนำบริบทของอุตสาหกรรมมาใช้ ลดความซับซ้อน และส่งมอบการเปลี่ยนแปลงที่เป็น AI”

Ajay Kumar ซีอีโอของ SLK Software กล่าวเสริมว่า “แนวทางที่เน้นลูกค้าเป็นอันดับแรกของ SLK นำไปสู่การสร้างผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อมอบผลลัพธ์ที่โดดเด่นให้กับลูกค้าของเรา ในฐานะบริษัทที่ควบรวมกัน SLK และ Altimetrik พร้อมที่จะปลดล็อกมูลค่าที่โดดเด่นและสร้างผลกระทบที่วัดผลได้ในระดับขนาดใหญ่สำหรับลูกค้าของเรา”

Avendus Capital ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินเฉพาะของ SLK Software ส่วน EY ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินเฉพาะของ Altimetrik และ TPG

เกี่ยวกับ Altimetrik

Altimetrik เป็นบริษัทที่ให้บริการ AI ด้านข้อมูล และดิจิทัล เรามุ่งเน้นที่การส่งมอบผลลัพธ์ทางธุรกิจด้วยแนวทางที่เน้นผลิตภัณฑ์เป็นลำดับขั้นตอน วิธีการทางธุรกิจดิจิทัลที่พิสูจน์แล้วของเราเป็นแห่งแรกในอุตสาหกรรมนี้มอบแนวทางในการพัฒนา ปรับขนาด และเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาดได้เร็วขึ้น ทีมงานของเรามีพนักงานมากกว่า 6,000 คนซึ่งมีทักษะด้านซอฟต์แวร์ ข้อมูล และคลาวด์ และสร้างวัฒนธรรมทางวิศวกรรมที่คล่องตัวของการทำงานร่วมกันและนวัตกรรมที่ทำให้เทคโนโลยีทันสมัยและสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ ทีละเล็กทีละน้อย ในฐานะพันธมิตรเชิงกลยุทธ์และตัวเร่งปฏิกิริยา Altimetrik ส่งมอบผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่หยุดชะงัก Altimetrik ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้แข่งขันหลักในการประเมิน PEAK Matrix® ของ Everest Group สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านบริการไอที BFSI ประจำปี 2025 และเป็นผู้ท้าชิงผลิตภัณฑ์ใน ISG Provider Lens™ ประจำปี 2024 สำหรับการวิเคราะห์ขั้นสูงและบริการ AI และยังคงเป็นผู้นำในการส่งมอบการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่ล้ำสมัย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ altimetrik.com

เกี่ยวกับ SLK Software

SLK Software เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีระดับโลกที่มุ่งเน้นในการนำ AI ระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ และการวิเคราะห์มารวมกันเพื่อสร้างโซลูชันเทคโนโลยีล้ำสมัยให้กับลูกค้าของเราผ่านวัฒนธรรมแห่งความเป็นหุ้นส่วนกับพวกเขา โดยมุงเน้นแนวคิดเชิงวิวัฒนาการ เป็นเวลา 25 ปีแล้วที่เราได้ช่วยเหลือองค์กรต่างๆ ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการประกันภัย องค์กรบริการทางการเงิน บริษัทจัดการการลงทุน และผู้ผลิต ในการสร้างแนวคิดใหม่ให้กับธุรกิจและแก้ปัญหาความต้องการในปัจจุบันและอนาคตของพวกเขา ได้รับการรับรองให้เป็น Great Place To Work® เราสนับสนุนแนวทางในการรับมือกับความท้าทายอย่างสร้างสรรค์ในทุกสิ่งที่เราทำเพื่อให้ลูกค้าและตัวเราเองสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ผ่านเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ นวัตกรรมประยุกต์ และระบบอัตโนมัติที่มีจุดประสงค์เฉพาะ สามารถข้อมูลวิธีการที่เราสามารถช่วยให้องค์กรชั้นนำสร้างแนวคิดใหม่ให้กับธุรกิจของพวกเขาได้ที่ www.slksoftware.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
 
Altimetrik
Gurvinder Singh Sahni
GSahni@altimetrik.com
 
Matt McLoughlin
Gregory FCA ในนามของ Altimetrik
altimetrik@GregoryFCA.com
+1 610-228-2123
 
SLK Software
Mohsina Faiz
mohsina.faiz@slksoftware.com
+91 8805008702

ที่มา: Altimetrik

Expensify ขยายการสนับสนุนทั่วโลกสำหรับบัตรองค์กร ภาษา การเรียกเก็บเงิน และการจ่ายเงินคืน

Logo

ปัจจุบัน SuperApp ทางการเงินรองรับบัตรองค์กรจากธนาคารหลายพันแห่งทั่วโลก รวมถึงการอัปเกรดระหว่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ จำนวนมาก

พอร์ตแลนด์, รัฐออริกอน –(BUSINESS WIRE)–25 มิถุนายน 2025

Expensify, Inc (Nasdaq: EXFY), ซึ่งเป็น SuperApp จัดการทางการเงินสำหรับการใช้จ่าย การเดินทาง และบัตรองค์กร ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้ขยายการสนับสนุนระหว่างประเทศอย่างครอบคลุมทั่วทั้งแพลตฟอร์ม การเปิดตัวครั้งนี้รวมถึงการรองรับการนำเข้าบัตรองค์กรจากธนาคารมากกว่า 10,000 แห่งทั่วโลก มีความสามารถในหลากหลายภาษา การเรียกเก็บเงินตามสกุลเงินยูโร การจ่ายเงินคืนระหว่างประเทศใน Expensify ใหม่ รวมถึงการเข้าถึงเวอร์ชันเบต้าสำหรับบัตร Expensify ทั่วสหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป และเร็วๆ นี้ในแคนาดา

การอัปเดตเหล่านี้ถือเป็นก้าวสำคัญในกลยุทธ์ระดับโลกของ Expensify ที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ทั่วโลกสามารถจัดการค่าใช้จ่ายและบัตรได้รวดเร็วและราบรื่นมากกว่าที่เคยเป็นโดยอยู่ภายในแพลตฟอร์มเดียว

“ขณะนี้ บริษัทต่างๆ ทั่วโลกสามารถจัดการค่าใช้จ่าย บัตร การจ่ายเงินคืน และอื่นๆ ได้ทั้งหมดภายใน Expensify” กล่าวโดย David Barrett ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Expensify

ไฮไลท์ของการขยายตัวระหว่างประเทศในปัจจุบัน:

  •  ขยายการรองรับบัตรองค์กรด้วยธนาคารใหม่มากกว่า 10,000 แห่งทั่วโลกที่บูรณาการเพื่อการนำเข้าและการกระทบยอดที่ราบรื่น
  •  การแปลภาษาที่นอกเหนือจากภาษาอังกฤษและภาษาสเปนใน Expensify ใหม่ ยังมีการรองรับภาษาเพิ่มอีก 10 ภาษา รวมถึงภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี และญี่ปุ่น
  •  การเรียกเก็บเงินตามสกุลเงินยูโร สมาชิกสามารถชำระค่าสมัครสมาชิก Expensify เป็นสกุลเงินยูโรได้ (นอกเหนือจาก USD, GBP, AUD และ NZD)
  •  การสนับสนุนการจ่ายเงินคืนทั่วโลก เพื่อถอนเงินจากบัญชีธนาคารธุรกิจในสกุลเงิน USD, CAD, GBP, EUR และ AUD และฝากเงินเข้าบัญชีธนาคารใน (เกือบทุกประเทศ) ประเทศใดก็ได้ที่ Expensify ใหม่
  •  Expensify Card เวอร์ชันเบต้า เปิดให้บริการแล้วในสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป และกำลังจะมีการสนับสนุนในแคนาดาเร็วๆ นี้

“วันนี้เป็นวันสำคัญ ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะบอกว่าทุกอย่างที่เราทำมาหลายปีล้วนเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งนี้ โดยนำเสนอวิธีที่เร็วที่สุดในการจัดการค่าใช้จ่ายของคุณ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกก็ตาม” Barrett กล่าวเสริม

สมาชิกสามารถเลือกใช้เวอร์ชันเบต้าที่เกี่ยวข้องได้โดยติดต่อผู้จัดการบัญชีของตนหรือติดต่อได้ที่ concierge@expensify.com

เกี่ยวกับ Expensify

Expensify ช่วยให้ผู้คนกว่า 15 ล้านคนทั่วโลกติดตามค่าใช้จ่าย จองการเดินทาง คืนเงินให้กับพนักงาน จัดการบัตรองค์กร ส่งใบแจ้งหนี้ และชำระค่าใช้จ่ายได้ทั้งหมดในที่เดียว ไม่ว่าคุณจะประกอบอาชีพอิสระ ดำเนินธุรกิจขนาดเล็ก กำลังจัดการทีม หรือดูแลการเงินระดับโลก ให้ Expensify จัดการการเดินทางและค่าใช้จ่ายของคุณอย่างรวดเร็วในการแชท

คำชี้แจงเชิงคาดการณ์

คำชี้แจงบางข้อในข่าวเผยแพร่ฉบับนี้ถือเป็นคำชี้แจงเชิงคาดการณ์ตามความหมายของบทบัญญัติ “safe harbor” ของ Private Securities Litigation Reform Act of 1995 คำชี้แจงทั้งหมดที่อยู่ในข่าวเผยแพร่ฉบับนี้ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงในอดีตควรได้รับการพิจารณาว่าเป็นคำชี้แจงเชิงคาดการณ์ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง คำชี้แจงเกี่ยวกับการเปิดตัว ความสำเร็จ และผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากความพยายามขยายกิจการทั่วโลกของ Expensify คำชี้แจงเชิงคาดการณ์เหล่านี้มีพื้นฐานมาจากความคาดหวังในปัจจุบันของฝ่ายบริหาร คำชี้แจงเหล่านี้ไม่ใช่คำมั่นสัญญาหรือการรับประกัน แต่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่ทราบและไม่ทราบ ความไม่แน่นอน และปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่อาจทำให้ผลลัพธ์ ประสิทธิภาพ หรือความสำเร็จที่แท้จริงของ Expensify แตกต่างไปจากผลลัพธ์ ประสิทธิภาพ หรือความสำเร็จในอนาคตใดๆ ที่ระบุหรือเป็นนัยในคำชี้แจงเชิงคาดการณ์ รวมถึงความเสี่ยงที่กล่าวถึงในเอกสารที่ Expensify ยื่นต่อ SEC รวมถึงรายงานประจำปีของ Expensify ในแบบฟอร์ม 10-K และรายงานไตรมาสที่ตามมาในแบบฟอร์ม 10-Q Expensify ไม่ผูกพันที่จะอัปเดตคำแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากเหตุการณ์ในอนาคต ข้อมูลใหม่ หรืออื่นใด ยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนด

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Daniel Vidal, press@expensify.com

ที่มา: Expensify, Inc.

Thai Herald

Thai Herald