Category Archives: Food & Beverage

สมาคมผู้ผลิตสาเกและโชชูแห่งญี่ปุ่นเตรียมจัดงานเทศกาลอาหารและเครื่องดื่มสุดพิเศษขึ้นที่เมืองฟุกุโอกะในเดือนกรกฎาคมนี้ เตรียมลิ้มรส ฮอนคาคุโชชู อาวาโมริ พร้อมอาหารรสเลิศมากมาย!!

Logo

ฟุกุโอกะ, ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–05 กรกฎาคม 2024

สมาคมผู้ผลิตสาเกและโชชูแห่งญี่ปุ่นเตรียมจัดงานใหญ่ “เทศกาลฮอนคาคุโชชู อาวาโมริ และอาหาร ประจำปี 2024” ขึ้นที่ มิซูโฮ เพย์เพย์ โดม ณ เมืองฟุกุโอกะ ซึ่งเป็นสนามกีฬารูปโดมที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ในวันที่ 13 และ 14 กรกฎาคม 2567

Scene from last year's Honkaku Shochu booth (Photo: Business Wire)

บรรยากาศจากบูธ Honkaku Shochu ปีที่แล้ว (ภาพ: Business Wire)

ฮอนคาคุโชชูและอาวาโมริเป็นเหล้ากลั่นแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ซึ่งได้รับความนิยมไม่แพ้สาเกเลยทีเดียว

งานนี้เป็นการรวมตัวของโรงกลั่นโชชูกว่า 80 แห่งจากทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นคิวชูและโอกินาวาซึ่งเป็นแหล่งผลิตหลักของฮอนคาคุโชชูและอาวาโมริ โดยผู้ร่วมงานจะได้พบปะพูดคุยเรื่องสินค้ากับผู้กลั่นด้วยตนเอง ทั้งยังได้ลิ้มลองผลิตภัณฑ์ยอดนิยมที่มีให้ชิมฟรีนับไม่ถ้วน และเลือกซื้อได้ตามใจชอบ พิเศษสุด! มีเครื่องดื่มรุ่นลิมิเต็ดที่หาซื้อได้เฉพาะในงานนี้เท่านั้น พร้อมด้วยเครื่องปั้นดินเผาอาริตะและอิมาริให้เลือกช้อปอีกด้วย

และทุกท่านยังสามารถชิมเครื่องดื่มที่มีรางวัลการันตี พร้อมลิ้มลองค็อกเทลสูตรเด็ดที่คว้าแชมป์การแข่งขันมาแล้วอีกด้วย

ภายในงานยังอัดแน่นด้วยอาหารญี่ปุ่นรสเลิศหลากหลายเมนู ทั้งยากิโทริ (ไก่ย่างเสียบไม้) และราเมน พร้อมกิจกรรมสนุกๆ อย่างการทายส่วนผสมของโชชู ใครทายถูกได้รางวัลด้วย รับรองว่าสนุกสนานได้ทั้งครอบครัวแน่นอน

งานนี้มีกำหนดจะจัดขึ้น ณ เมืองฟุกุโอกะ ซึ่งเป็นเมืองยอดนิยมแห่งหนึ่งของเอเชีย ในช่วงเวลาเดียวกันกับเทศกาลฮากาตะ กิออน ยามากาสะ อันโด่งดัง ซึ่งเป็นงานใหญ่ที่รวมเอาฮอนคาคุโชชู อาวาโมริ และอาหารเลิศรส ไว้ด้วยกัน โดยงานจะจัดขึ้น ณ สนามกีฬารูปโดมที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นแห่งนี้ ถือเป็นจุดหมายที่คุณไม่ควรพลาดเลยทีเดียว!

https://shochufes.jp/english/

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54089228/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อสอบถาม
สำนักงานเลขานุการเทศกาลฮอนคาคุโชชู อาวาโมริ และอาหาร
sbhgrp-shochu@g.softbank.co.jp
ที่มา: สมาคมผู้ผลิตสาเกและโชชูแห่งญี่ปุ่น


Kakaku.com: เปิดตัวบริการจองร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นเพื่อลูกค้าจากต่างประเทศ

Logo

จองร้านอาหารทางออนไลน์ได้กว่า 35,000*1 แห่ง ให้บริการในภาษาอังกฤษ, จีน (ตัวย่อและตัวเต็ม) และเกาหลี

กรุงโตเกียว–(BUSINESS WIRE)–26 มิถุนายน 2024

เว็บไซต์ค้นหาและจองร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอย่าง Tabelog*2 เปิดตัวบริการจองออนไลน์สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมประเทศญี่ปุ่น ซึ่งให้บริการในภาษาอังกฤษ, จีน (ตัวย่อและตัวเต็ม) และเกาหลี ลูกค้าสามารถจองร้านอาหารได้กว่า 35,000 แห่ง จึงถือเป็นบริการจองร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

Reservation Flow (Graphic: Business Wire)

ขั้นตอนการจอง (ภาพประกอบโดย: Business Wire)

*1ข้อมูล ณ วันที่ 26 มิถุนายน 2024 ตามการศึกษาวิจัยภายใน บริการจองร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุด (ประเภทจองทันที) สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมประเทศญี่ปุ่น
*2Tabelog ดำเนินการโดย Kakaku.com, Inc. หนึ่งในบริษัทอินเทอร์เน็ตชั้นนำของญี่ปุ่น

บริการจองออนไลน์ของ Tabelog สำหรับลูกค้าจากต่างประเทศ

เราได้เปิดตัวบริการการจองร้านอาหารออนไลน์เพื่ออำนวยความสะดวกในการจองร้านอาหารให้นักท่องเที่ยวที่หันมาเยี่ยมชมประเทศญี่ปุ่นกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งสามารถใช้บริการได้ในภาษาอังกฤษ, จีน (ตัวย่อและตัวเต็ม) และเกาหลี
*องค์กรการท่องเที่ยวแห่งชาติของประเทศญี่ปุ่นคาดว่าจำนวนผู้เยี่ยมชมประเทศญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้นแตะ 3 ล้านคนในเดือนพฤษภาคม 2024 (เพิ่มขึ้น 60% จากปีที่แล้ว)

คุณสมบัติของบริการจาก Tabelog มีดังนี้

  • ค้นหาร้านอาหารในญี่ปุ่นได้โดยระบุตำแหน่งที่ตั้ง ประเภทอาหาร งบประมาณ และวันที่และเวลาที่คุณต้องการจอง
  • เลือกร้านอาหารจากข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับร้านอาหาร รวมถึงเมนู รูปภาพ และรีวิวที่ผู้ใช้คนญี่ปุ่นโพสต์เอาไว้
  • ตรวจสอบความพร้อมในการให้บริการโดยใช้ฟังก์ชันปฏิทินและทำการจองออนไลน์ได้โดยตรงบน Tabelog
    *ในขณะนี้ การจองออนไลน์จะพร้อมให้บริการเฉพาะเมนูแบบเซ็ตและต้องลงทะเบียนบัตรเครดิตเท่านั้น และจะมีค่าธรรมเนียมการใช้งานระบบ 440 เยน (รวมภาษี) ต่อคนต่อการจอง

“ในปัจจุบัน ญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางในดวงใจของนักเดินทางทั่วโลก และหลาย ๆ คนก็อยากเข้ามาสัมผัสวัฒนธรรมอาหารของญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม จำนวนร้านอาหารที่จะพร้อมสื่อสารและรับจองจากนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้นยังมีอยู่น้อยมาก ทำให้มีร้านอาหารชื่อดังเพียงไม่กี่แห่งที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยชมประเทศญี่ปุ่นได้” Taku Kounoike หัวหน้าทีม Tabelog กล่าว “ในฐานะสื่อด้านอาหารสัญชาติญี่ปุ่น เราจึงต้องการให้ความช่วยเหลือนักเดินทางในการสัมผัสเสน่ห์แห่งประเทศญี่ปุ่นอย่างลึกซึ้งขึ้นไปอีก โดยนำเสนอร้านอาหารชั้นยอดหลากหลายแห่งทั่วประเทศและมอบบริการที่จะช่วยให้ผู้ใช้จองร้านอาหารได้แบบออนไลน์ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะสามารถดื่มด่ำกับการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นได้เต็มอรรถรสยิ่งกว่าที่เคยเป็น”

ลิงก์เข้าใช้งาน Tabelog ในภาษาต่าง ๆ:
– อังกฤษ: https://tabelog.com/en/
– จีนตัวย่อ: https://tabelog.com/cn/
– จีนตัวเต็ม: https://tabelog.com/tw/
– เกาหลี: https://tabelog.com/kr/

*เว็บไซต์อยู่ระหว่างการแก้ไขและปรับปรุง อินเทอร์เฟซผู้ใช้และประสิทธิภาพการทำงานจึงอาจมีการเปลี่ยนแปลง

เกี่ยวกับ Tabelog

Tabelog ให้ข้อมูลเกี่ยวกับร้านอาหารเกือบทุกแห่งในประเทศญี่ปุ่น โดยผู้ใช้สามารถเลือกร้านอาหารที่เสิร์ฟเมนูที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคลได้ตามข้อมูลที่ให้ไว้ รวมถึงตามรีวิวและรูปภาพที่ผู้ใช้ต่าง ๆ โพสต์เข้ามาด้วย บริการนี้ได้รับคำชมอย่างล้นหลามจากผู้ใช้ว่าให้ข้อมูลเกี่ยวกับร้านอาหารได้อย่างครบครันและมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานสะดวกอย่างยิ่ง จากข้อมูลเดือนมีนาคม 2024 บริการนี้ก็ได้กลายมาเป็นบริการค้นหาและจองร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น โดยมีผู้ใช้รายเดือนประมาณ 93.5 ล้านคน

เกี่ยวกับ Kakaku.com, Inc. (https://corporate.kakaku.com/?lang=en)

Kakaku.com, Inc. (TOKYO:2371) ก่อตั้งขึ้นในปี 1997 โดยเป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตสัญชาติญี่ปุ่นที่บริหารจัดการเว็บเซอร์วิสมากมาย รวมถึงเว็บไซต์ที่ให้สนับสนุนด้านการซื้ออย่าง “Kakaku.com”, บริการค้นหาและจองร้านอาหารอย่าง “Tabelog” และบริการค้นหางานที่ครอบคลุมอย่าง “Kyujin Box”. ในเดือนเมษายน 2024 บริษัทได้เปิดตัว “Jobcube” ซึ่งเป็นเว็บไซต์ค้นหาที่ครอบคลุมสำหรับผู้ที่กำลังหางานในสหรัฐอเมริกา
ดูภาพรวมของบริการได้ที่ https://corporate.kakaku.com/company/service/?lang=en

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54086779/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Kakaku.com, Inc.
สำนักงานประชาสัมพันธ์และนักลงทุนสัมพันธ์
pr@kakaku.com

ที่มา: Kakaku.com, Inc.

Kirin Holdings เริ่มเตรียมข้อเสนอซื้อ FANCL A เข้าเป็นบริษัทย่อยในเครือ โดยมีการถือหุ้นทั้งหมด

Logo

  • ส่งเสริมสุขภาพของผู้บริโภคทั่วโลกผ่านธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • มุ่งมั่นที่จะเป็นหนึ่งในบริษัทด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก
  • เมื่อรวมเข้ากับการเข้าซื้อกิจการของ Blackmores จะช่วยเพิ่มมูลค่าของกลุ่มบริษัทและเสริมสร้างฐานการดำเนินงานทั่วโลกให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นต่อไป

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–14 มิถุนายน 2024

Kirin Holdings Company, Limited (Kirin Holdings) (TOKYO: 2503) ตัดสินใจซื้อหุ้นสามัญของ FANCL Corporation (FANCL) (TOKYO: 4921) เพิ่มเติมผ่านข้อเสนอซื้อหุ้นและใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหุ้น ภายใต้พระราชบัญญัติระบบทางการเงินและอัตราแลกเปลี่ยน (พระราชบัญญัติฉบับที่ 25 ปี 1948 และข้อแก้ไขเพิ่มเติม) โดยจัดให้ FANCL เป็นบริษัทในเครือ โดยถือหุ้นทั้งหมด

  • ภูมิหลัง

ภายใต้วิสัยทัศน์การบริหารระยะยาวของ Kirin Group Vision 2027 นั้น Kirin Holdings มุ่งมั่นที่จะ “กลายเป็นผู้นำระดับโลกในด้าน CSV โดยการสร้างมูลค่าในภาคส่วนต่างๆ ตั้งแต่อาหารและเครื่องดื่ม ตลอดจนถึงเภสัชกรรม” ด้วยการเปิดตัวธุรกิจในกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ เพิ่มเติมจากภาคส่วนอาหารและเภสัชกรรม และด้วยการเปลี่ยนปัญหาด้านสุขภาพของผู้บริโภคให้เป็นโอกาสในการเติบโต ด้วยความสามารถด้านการวิจัยและการพัฒนาในเทคโนโลยีการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพ รวมถึงภูมิคุ้มกันวิทยา ช่วยให้ Kirin Holdings สามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งสำหรับธุรกิจด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ เพื่อพัฒนาให้เป็นหน่วยธุรกิจที่จะรับผิดชอบการเติบโตในระยะยาวของ Kirin Group ในปี 2019 Kirin Holdings ได้เข้าซื้อหุ้นของ FANCL ประมาณ 33% (ตามสิทธิในการออกสิทธิและเสียง) และได้ทำข้อตกลงด้านการลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจ ในปี 2023 Kirin Holdings เข้าซื้อกิจการของ Blackmores Limited (Blackmores) ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติออสเตรเลียซึ่งดำเนินธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ   (สุขภาพเชิงธรรมชาติ) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จึงทำให้สามารถสร้างรากฐานธุรกิจที่มั่นคงในตลาดต่างประเทศ

ภายใต้วิสัยทัศน์ของ FANCL Group VISION2030 FANCL มุ่งมั่นที่จะทำให้โลกมีสุขภาพที่ดีขึ้นและสวยงามยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็กลายเป็นบริษัทที่ได้รับความนิยมชมชอบทั่วโลก ด้วยการตอบสนองต่อการเปลี่ยนเปลงในสภาพแวดล้อมทางสังคมผ่านมาตรการต่างๆ อาทิเช่น การรับมือกับปัญหาใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นเนื่องจาก COVID-19 FANCL ได้กระชับความสัมพันธ์กับผู้บริโภคและเสริมสร้างรากฐานสำหรับการเติบโตที่ยั่งยืน นับจากนี้ไป FANCL ตั้งเป้าที่จะเสร้มสร้างความมั่นคงให้กับรากฐานการดำเนินงานภายในประเทศ และลงทุนเพื่อกระแสเงินสดในญี่ปุ่นอย่างจริงจังในการดำเนินงานในต่างประเทศของ FANCL เพื่อพัฒนาให้เป็นตัวขับเคลื่อนในการเติบโต

ด้วยปรัชญาและทิศทางเดียวกันในการมุ่งสู่การเติบโตผ่านการแก้ไขปัญหาสังคมด้านสุขภาพ Kirin Holdings และ FANCL ได้กระชับความเข้าใจในแนวเดียวกันโดยการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ นับตั้งแต่มีการสรุปข้อตกลงด้านการลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจในปี 2019 นอกเหนือจากนี้ ในขณะที่เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมภายนอกร่วมกัน เช่น COVID-19 ทั้งสองบริษัทมีการร่วมมือกันในด้านวัสดุ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และแบรนด์ การวิจัยและพัฒนาธุรกิจร่วมกัน และการใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน

  • วัตถุประสงค์ในการจัดให้ FANCL เป็นบริษัทในเครือที่มีการถือหุ้นทั้งหมด

จุดแข็งของ Kirin Holding ได้แก่ การวิจัยด้านภูมิคุ้มกันวิทยาที่มีการดำเนินงานมาอย่างยาวนาน โดยมีความสามารถในการพัฒนาและผลิตส่วนผสมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงสำหรับเทคโนโลยีการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพ และฐานธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งมีการเข้าซื้อกิจการผ่านการเข้าซื้อกิจการของ Blackmores

จุดแข็งของ FANCL อยู่ที่ความสามารถในการเชื่อมต่อและเข้าใจผู้บริโภคผ่านช่องทาง D2C (การจำหน่ายผ่านร้านค้าออนไลน์และทางร้านค้าที่มีการบริหารโดยตรง) ซึ่งคิดเป็น 70% ของยอดขาย และในด้านเทคโนโลยีสำหรับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ โดยใช้ความคิดเห็นจากผู้บริโภคในการวิจัยและพัฒนา เพื่อลดข้อคิดเห็นใน “แง่ลบ” โดยมีความเป็นกลาง ซึ่งมีการดำเนินการมาตลอดอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท

ในการจัดให้ FANCL เป็นบริษัทในเครือที่มีการถือหุ้นทั้งหมด จะช่วยให้ Kirin Holdings สามารถเร่งสร้างโมเดลธุรกิจที่โดดเด่นด้วยการเสริมสร้างจุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละบริษัทเข้าด้วยกัน และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในการบริหารร่วมกัน และการส่งเสริมการจัดการเชิงบูรณาการ โดยการจำหน่ายส่วนผสมที่สร้างขึ้นผ่านเทคโนโลยีการหมักแบบธรรมชาติ และการใช้ประโยชน์จากความเข้าใจของลูกค้าที่มีความสัมพันธ์อันดีกับ Kirin Holdings และ FANCL และนำเสนอแก่ผู้บริโภคผ่านหลากหลายช่องทางในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Kirin Group ยังมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสุขภาพของผู้บริโภคทั้งในธุรกิจเครื่องสำอางค์และอาหารเพื่อสุขภาพ และยังเสริมสร้างความแข็งแกร่งในตลาดโลกนอกเหนือจากตลาดในญี่ปุ่นอีกด้วย

การเปลี่ยนให้ FANCL เป็นบริษัทในเครือที่มีการถือหุ้นทั้งหมดนี้ คาดว่า จะช่วยให้สามารถสร้างความสามารถที่หลากหลายซึ่งอยู่นอกขอบเขตปัจจุบันในการลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น การเสริมสร้างการใช้ประโยชน์จากฐานการดำเนินงานและข้อมูลการสั่งซื้อในญี่ปุ่นและต่างประเทศ การส่งเสริมการวิจัยร่วมกัน และการปรับใช้เทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมเชิงกว้าง ในฐานะบริษัทหลักที่ดำเนินงานในธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพของ Kirin Group FANCL จะมีการเสริมเพิ่ม “ความเป็น FANCL” ในแบรนด์ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงปรัชญาการก่อตั้ง ซึ่งเป็นที่มาของความแข็งแกร่ง นอกเหนือจากการเพิ่มมูลค่าองค์กรของ FANCL แล้ว ทั้งสองบริษัทจะทำงานร่วมกันนอย่างใกล้ชิดเพื่อส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจ เพื่อให้กลายเป็นหนึ่งในธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และบรรลุเป้าหมายในการเติบโตสำหรับ Kirin Group โดยรวมและเสริมสร้างมูลค่าองค์กรให้ดียิ่งขึ้น

  • โครงร่างการทำธุรกรรม

บริษัทที่จะเข้าซื้อกิจการ

FANCL Corporation (รหัสหลักทรัพย์: 4921)

วิธีการเข้าซื้อกิจการและกระบวนการ

การประมูลเข้าซื้อกิจการ (TOB รวมถึงใบสำคัญแสดงสิทธิในหุ้น)

*หาก TOB ประสบความสำเร็จ และไม่ส่งผลให้ได้มาซึ่งหุ้นทั้งหมด จะมีการดำเนินการ “ความต้องการซื้อหุ้น เช่น การจ่ายเงินสด” หรือ “การรวมบัญชีหุ้น”

ระยะเวลา TOB

ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 17 เดือนมิถุนายน ปี 2024

ถึงวันจันทร์ที่ 29 เดือนกรกฎาคม ปี 2024 (30 วันทำการ)

ราคา TOB

หุ้นสามัญ: 2,690 ต่อหุ้น

(ราคาปิดระดับพรีเมียมในวันที่ 13 เดือนมิถุนายน: 42.74% ค่าเฉลี่ย 3 เดือน: 37.17%, EV/EBITDA 17.8 เท่าของปีงบประมาณ สิ้นสุดเดือนมีนาคม ปี 2024)

สิทธิในการซื้อหุ้น: หนึ่งต่อหนึ่งเยน

จำนวนหุ้นที่จะซื้อ

จำนวนหุ้นที่จะซื้อ: 82,051,400 หุ้น

จำนวนหุ้นขั้นต่ำที่จะซื้อ: 41,117,700 หุ้น (จำนวนหุ้นจะต้องผ่านมติพิเศษในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของ FANCL สำหรับหุ้นจำนวนนี้ รวมกับจำนวนหุ้นที่ถือครองโดย Kirin Holdings)

จำนวนหุ้นสูงสุดที่จะซื้อ: N/A

ราคาซื้อรวม

ประมาณ 220.0 พันล้านเยน

วิธีการระดมทุน

กู้เงินผ่านระบบหนี้แบบมีดอกเบี้ย *จะไม่มีการจัดหาเงินทุนจากตราสารทุน

ผลลัพธ์สำหรับปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 31 เดือนมีนามคม ปี 2024

รายได้ 110.9 พันล้านเยน กำไรจากการดำเนินงาน 12.6 พันล้านเยน (Japan GAAP)

อื่นๆ

ตามรายงานจากคณะกรรมการพิเศษที่จัดตั้งขึ้นโดย FANCL คณะกรรมการฝ่ายบริหารของ FANCL ในวันที่ 14 เดือนมิถุนายน ปี 2024 ได้มีมติให้ (i) แสดงความเห็นยืนยันเกี่ยวกับข้อเสนอซื้อหุ้น (ii) แนะนำให้ผู้ถือหุ้นทำการประมูลหุ้นในข้อเสนอซื้อหุ้น และ (iii) ให้สิทธิในการตัดสินใจแก่ผู้ถือสิทธิในการเข้าซื้อหุ้นว่า จะเสนอซื้อสิทธิในการเข้าซื้อหุ้นในข้อเสนอซื้อหุ้นหรือไม่

สำหรับข้อสอบถามเกี่ยวกับข้อเสนอซื้อหุ้น

NOMURA SECURITIES CO., LTD (ตัวแทนสำหรับข้อเสนอซื้อหุ้น)

+81-(0)120-043-335

เวลาทำการ 8:40-17:10 JST ในวันธรรมดา, 9:00-17:00 JST ในวันเสาร์ (ยกเว้นวันหยุด)

สามารถดูรายละเอียดได้ที่ “ประกาศเกี่ยวกับการเตรียมข้อเสนอซื้อใบหุ้น เป็นต้น ของ FANCL CORPORATION (รหัสหลักทรัพย์ 4921)” ลงวันที่ 14 เดือนมิถุนายน ปี 2024

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทต่างชาติที่มีการดำเนินงานในภาคส่วนอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม) ภาคส่วนเภสัชกรรม (ธุรกิจยา) และภาคส่วนวิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings มีรากฐานจาก Japan Brewery ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1885 โดย Japan Brewery ได้เปลี่ยนเป็น Kirin Brewery ในปี 1907 จากนั้น บริษัทมีการขยายธุรกิจด้านเทคโนโลยีการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจยาในปี 1980 โดยยังคงเป็นศูนย์กลางการเติบโตระดับโลก ในปี 2007 มีการก่อตั้ง Kirin Holdings ขึ้นในฐานะบริษัทโฮลดิ้งเต็มรูปแบบ และในปัจจุบัน มุ่งเน้นในการขยายธุรกิจภาคส่วนวิทยาศาสตร์เพื่อสุขภาพ

ภายใต้วิสัยทัศน์ของ Kirin Group Vision 2027 (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนการจัดการระยะยาวที่มีการเปิดตัวในปี 2019 โดย Kirin Group มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำระดับโลกใน CSV* โดยสร้างมูลค่าทั่วโลกทั้งธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ไปจนถึงธุรกิจยา นับจากนี้ไป Kirin Group จะยังคงใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของบริษัทเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านทางธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรลุการเติบโตอย่างยั่งยืนในมูลค่าองค์กร

* การสร้างมูลค่าร่วม: เป็นการผสานรวมมูลค่าเพิ่มสำหรับผู้บริโภคและสังคมร่วมกันโดยรวม

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
Corporate Communication Department Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

แหล่งข้อมูล: Kirin Holdings Company, Limited

สมาคมผู้ผลิตสาเกและโซจูของญี่ปุ่นจะมีการจัดงาน “Japanese Sake Fair 2024” ที่ประเทศญี่ปุ่นในเดือนกรกฎานี้!!

Logo

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–31 พฤษภาคม 2024

ในทุกปี สมาคมผู้ผลิตสาเกและโซจูของญี่ปุ่นจะมีการจัดงานสาเกแฟร์ โดยมีผู้ผลิตสาเกมากกว่า 400 รายจากเมืองต่างๆ ของญี่ปุ่นเข้าร่วมงาน งาน All Japan Sake Fair ครั้งที่ 16 นี้จะมีการจัดขึ้นที่ Ikebukuro Sunshine City กรุงโตเกียว ในวันที่ 5 และ 6 เดือนกรกฏาคม ปี 2024 ซึ่งเป็นงานแสดงสาเกที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยคุณสามารถลิ้มลองสาเกได้มากกว่า 1,000 แบรนด์และสามารถพูดคุยกับผู้ผลิตสาเกได้โดยตรง จะมีการจัดบูธแยกเป็น 45 ภูมิภาค และคุณจะสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับภูมิภาคการผลิตในเมืองต่างๆ ของญี่ปุ่น ลักษณะเฉพาะ และแนวโน้มของผู้ผลิตสาเก นอกจากนี้ ยังมีบริการเปิดให้ชิมสาเกที่ระดับอุณหภูมิต่างๆ และการอภิปรายเกี่ยวกับเทคนิคการผลิตสาเกโดยผู้ผลิตสาเกอีกด้วย

All Japan Sake Fair (The photo shows the event in 2023) (Photo: Business Wire)

All Japan Sake Fair (ภาพแสดงงานเมื่อปี 2023) (ภาพถ่ายo: Business Wire)

ในเวลาเดียวกัน จะมีการเปิดให้ชิมสาเก Daiginjo  ซึ่งเป็นสาเกที่คว้ารางวัลกว่า 390 รายการจากงาน Annual Japan Sake Awards 2024 ซึ่งจัดขึ้นโดยสถาบันวิจัยการกลั่นสุราแห่งชาติและสมาคมผู้ผลิตสาเกและโซจูของญี่ปุ่น ปีนี้เป็นการแข่งขันครั้งที่ 112 โดยมีประวัติศาสตร์และมีประสบการณ์มายาวนานกว่า 100 ปี ที่งาน Annual Japan Sake Awards 2024 จะมีการตัดสินรางวัลผู้ชนะเลิศสำหรับสาเก Ginjo ที่ผลิตตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2023 จนถึงเดือนมีนาคม ปี 2024 โดยผู้เชี่ยวชาญในการชิมสาเกแบบไม่มีการระบุชื่อ โดยการตัดสินจากกลิ่นหอม รสชาติ และคุณภาพโดยรวม

ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป จะมีการเปิดจำหน่ายบัตรเข้าร่วมงานแต่ละประเภทให้กับผู้ชื่นชอบสาเกญี่ปุ่นและผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในโอกาสพิเศษนี้ เพื่อสัมผัสประสบการณ์ของสาเกญี่ปุ่นในปัจจุบัน อย่าลืมวางแผนที่จะเข้าร่วมงาน 2025 Japan Sake Fair ที่จะมีการจัดขึ้นในเดือนมิถุนายนปีหน้าด้วยเช่นกัน

เว็บไซต์จำหน่ายบัตรเข้าร่วมงาน: https://ars-sunshine.triplabo.jp/home?lang=en

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54020058/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

LINKTIVITY, Inc.
helpcenter@linktivity.co.jp

แหล่งข้อมูล: The Japan Sake and Shochu Makers Association


‘World of Coffee & World Barista Championship Busan 2024’ เตรียมเปิดตัวในวันที่ 1 เดือนพฤษภาคม

Logo

อีเว้นท์ Global Specialty Coffee จัดขึ้นที่ BEXCO, Busan เป็นครั้งแรกในเอเชีย

World of Coffee & World Barista Championship Busan จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 4 เดือนพฤษภาคม ที่ BEXCO

BUSAN, South Korea–(BUSINESS WIRE)–24 เมษายน 2024

บุคคลสำคัญในวงการกาแฟและบาริสต้าระดับโลกจะมารวมตัวกันที่ BEXCO, Busan ในเดือนพฤษภาคม

World of Coffee & World Barista Championship Busan is held from May 1st to 4th at BEXCO, Busan. (Graphic: EXPORUM)

World of Coffee & World Barista Championship Busan จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 4 เดือนพฤษภาคม ที่ BEXCO, Busan (กราฟิก: EXPORUM)

ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมกาแฟเฉพาะทางจากทั่วโลกจะมารวมตัวกันที่ BEXCO, Busan ตั้งแต่วันที่ 1-4 เดือนพฤษภาคม ปี 2024 เพื่อร่วมงาน World of Coffee ที่จัดขึ้นครั้งแรกในเอเชีย โดยอีเว้นท์นี้ยังมีการจัดการแข่งขัน 2024 World Barista Championship อีกด้วย โดยจะมีบาริสต้าระดับท็อปจากทั่วโลกมารวมตัวกัน Specialty Coffee Association (SCA) มีการดำเนินงานร่วมกันกับเมือง Busan ผู้เป็นเจ้าภาพ และผู้จัดงาน EXPORUM โดยได้รับการสนับสนุนจาก 2024 Portrait Country จากอินโดนีเซีย เพื่อเปิดตัว World of Coffee ใน Busan ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมกาแฟในเอเชีย โดยคาดว่า จะมีผู้ร่วมงานจากทั่วโลกกว่า 20,000 คน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม 12,000 รายจากกว่า 70 ประเทศ มาร่วมอีเว้นท์นี้ที่ BEXCO โดยจะมีส่วนร่วมไม่เฉพาะสำหรับอีเว้นท์นี้เท่านั้น แต่ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นอีกด้วย

จะมีบริษัทกาแฟทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 280 แห่งจะมาเข้าร่วมงาน 'World of Coffee 2024' โดยจะมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และบริการที่เกี่ยวข้องกับกาแฟ รวมถึงนิทรรศการ Roaster Village เพื่อแนะนำร้านกาแฟและแบรนด์โรงคั่วเมล็ดกาแฟทั้งในและต่างประเทศ นอกเหนือจากนี้ กิจกรรมต่างๆ เช่น การสร้างเครือข่ายกับผู้ที่ชื่นชอบกาแฟทั่วโลกที่ 'SCA Community Lounge' สัมผัสประสบการณ์และประเมินกาแฟจากที่ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศใน 'Cupping Room' และจะมีการจัดสัมมนาเพื่อให้สามารถสัมผัสประสบการณ์และส่งเสริมวัฒนธรรมกาแฟใหม่ๆ เพื่อสร้างแพลตฟอร์มสำหรับประสบการณ์ที่หลากหลายและแสดงเทรนด์ที่เป็นตัวแทนของกาแฟระดับโลก

World Barista Championship จะมีการจัดขึ้นอีกครั้งที่เกาหลีหลังจากที่มีการจัดขึ้นครั้งสุดท้ายที่ Cafe Show Seoul เจ็ดปี ผู้เข้าแข่งขันต่างแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์เอสเพรสโซที่เป็นนวัตกรรมใหม่ทั้งหลักสูตรเอสเพรสโซ นม และเครื่องดื่มที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ด้วยแนวทางและเครื่องมือที่ล้ำสมัย ซึ่งมีผลสะท้อนที่ดีและยั่งยืนต่ออุตสาหกรรม

Yannis Apostolopoulos ประธาน Specialty Coffee Association ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดงาน 'World of Coffee & World Barista Championship Busan 2024' แสดงความคาดหวังในงานนี้ว่า จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟของเกาหลี และเป็นก้าวใหม่สำหรับ 'World of Coffee Asia' เพื่อกำหนดภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมและอนาคตของตลาดกาแฟในเอเชีย

จะมีการจำหน่ายบัตรเข้าร่วมงานล่วงหน้าบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ World of Coffee Asia จนถึงวันที่ 28 เดือนเมษายน และจากนั้น จะมีการจำหน่ายเฉพาะในงานเท่านั้น สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมนิทรรศการและซื้อบัตรได้ที่ https://asia.worldofcoffee.org/

[ข้อมูลอ้างอิง] ภาพรวม ‘World of Coffee & World Barista Championship Busan 2024’

  • หัวข้อ: World of Coffee & World Barista Championship Busan 2024
  • หมายกำหนดการ: วันที่ 1 (พุธ) ~ 4 (เสาร์) เดือนพฤษภาคม ปี 2024 เป็นเวลา 4 วัน เวลา 10:00~17:00
  • สถานที่: Exhibition Center 1, BEXCO, Busan, Republic of Korea
  • จัดงานโดย: Specialty Coffee Association (SCA)
  • เจ้าภาพในการจัดงานโดย: Busan Metropolitan City
  • ดำเนินงานโดย: Busan Technopark, EXPORUM

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53951815/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

EXPORUM
Togo Communication
Park Min
mint@togocomm.kr

แหล่งข้อมูล: EXPORUM

foodpanda และ The Trade Desk ร่วมมือกัน เพื่อมอบโซลูชันสื่อค้าปลีกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลให้กับแบรนด์

Logo

คอนเวอร์ชัน สําหรับ Knorr ในไต้หวันเพิ่มขึ้นกว่า 80% ด้วยความร่วมมือนี้

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–23 เมษายน 2024

foodpanda เครือข่ายจัดส่งอาหารและของชําชั้นนําในเอเชีย ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ The Trade Desk ผู้นําเทคโนโลยีการโฆษณาระดับโลก ซึ่งจะช่วยให้แบรนด์ต่างๆ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น และวัดความสําเร็จของแคมเปญโฆษณาดิจิทัลบนอินเทอร์เน็ตแบบเปิด ความร่วมมือดังกล่าวจะครอบคลุม 7 ตลาด ได้แก่ ฮ่องกง มาเลเซีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทย

From left: Chris Mooney, GM, Data Partnerships APAC, The Trade Desk; Wen Zhe Lim, Director, Solutions, Advertising & Partnerships, foodpanda (Photo: Business Wire)

Chris Mooney ผู้จัดการทั่วไป Data Partnerships APAC, The Trade Desk; Wen Zhe Lim ผู้อำนวยการ โซลูชัน, Advertising &Partnerships, foodpanda (ภาพ: Business Wire)

ความร่วมมือครั้งนี้นําเสนอโซลูชันสื่อค้าปลีกที่หลากหลาย ซึ่งขับเคลื่อนโดยแพลตฟอร์มโฆษณาแบบเป็นโปรแกรมของ The Trade Desk และข้อมูลการค้าปลีกของบุคคลที่หนึ่งของ foodpanda สิ่งนี้ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถมีส่วนร่วมกับลูกค้าของ foodpanda บนอินเทอร์เน็ตแบบเปิดผ่านแพลตฟอร์มของ The Trade Desk ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น OTT  การสตรีมเพลง แอพมือถือ เกม และเว็บไซต์ ซึ่งขยายขอบเขตการเข้าถึงนอกเหนือจากโซลูชันการโฆษณาแบบบูรณาการของ foodpanda หรือ โฆษณาแพนด้า ข้อมูลทั้งหมดจะถูกใช้เป็นนามแฝง เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลประจําตัวของลูกค้าจะไม่เปิดเผยตัวตน

นอกจากนี้ยังช่วยให้แบรนด์สามารถวัดผลกระทบของแคมเปญโฆษณาต่อคอนเวอร์ชันได้อีกด้วย ด้วยข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ แบรนด์ต่างๆ สามารถตั้งเป้าที่จะเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาของตนแบบเรียลไทม์ ผ่านวิธีที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถทําได้ ซึ่งช่วยให้พวกเขาตัดสินใจอย่างชาญฉลาดซึ่งจะช่วยเพิ่มวัตถุประสงค์ด้านประสิทธิภาพได้

กรณีศึกษา: การเปิดตัวเบต้าสําหรับ Knorr ในไต้หวัน

ในช่วงเบต้าในปี 2023 โซลูชันดังกล่าวช่วยให้ Knorr ของ Unilever เข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ และกระตุ้นให้เกิดคอนเวอร์ชันสำหรับสายผลิตภัณฑ์ใหม่บน foodpanda ในไต้หวัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ Knorr ได้ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มของ TTD และใช้ข้อมูลการค้าปลีกของ foodpanda เพื่อกําหนดเป้าหมายสมาชิก foodpanda ส่งผลให้อัตราการเพิ่มสินค้าลงรถเข็นเพิ่มขึ้น 229% และ Conversion เพิ่มขึ้น 81% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 87% ของผู้ซื้อเป็นลูกค้าใหม่ เน้นความสําเร็จของแคมเปญในการดึงดูดผู้ชมในวงกว้าง  ส่งเสริมการมีส่วนร่วม และขยายการเข้าถึงตลาด

“เรามีภารกิจที่จะขยาย foodpanda ให้กลายเป็นเครือข่ายสื่อค้าปลีกที่เป็นตัวเลือก ความร่วมมือของเรากับ The Trade Desk เหมาะอย่างยิ่งสําหรับยุคของการโฆษณาตามความยินยอม ซึ่งข้อมูลบุคคลที่หนึ่งเป็นกุญแจสําคัญสําหรับการตลาดที่ตรงเป้าหมายและเฉพาะบุคคล ด้วยการใช้ประโยชน์จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของการค้าขายที่รวดเร็ว เราช่วยให้แบรนด์ต่างๆ เข้าถึงลูกค้าที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีหลายล้านคน และเชื่อมโยงพวกเขาด้วยวิธีที่ไม่เคยทําได้มาก่อน” Wen Zhe Lim ผู้อํานวยการฝ่ายโซลูชัน การโฆษณา และพันธมิตรของ foodpanda กล่าว

“ข้อมูลการค้าปลีกกําลังพลิกโฉมภูมิทัศน์ของการตลาด และการร่วมมือของเรากับ foodpanda แสดงถึงโอกาสอันเหลือเชื่อที่แบรนด์ต่างๆ ต้องปรับปรุงประสิทธิภาพของการใช้จ่ายในการโฆษณาผ่านการใช้กลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตแบบเปิด” Chris Mooney ผู้จัดการทั่วไป Data Partnerships APAC จาก The Trade Desk กล่าว “ข้อมูลการค้าปลีกช่วยให้แบรนด์กําหนดเป้าหมายและวัดประสิทธิภาพได้ดีขึ้น ช่วยให้พวกเขาเข้าใจว่าเงินค่าโฆษณาของพวกเขาส่งผลต่อยอดขายจริงอย่างไร เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับบริษัทที่บุกเบิกแนวทางใหม่ๆ ในการโฆษณาดิจิทัล”

“การเป็นพันธมิตรกับ The Trade Desk และ foodpanda มีบทบาทสําคัญในความสําเร็จของแคมเปญล่าสุดของเราสําหรับ Knorr ทําให้เราสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ชมใหม่ๆ บนอินเทอร์เน็ตแบบเปิดได้ เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับอัตราการเพิ่มสินค้าลงรถเข็น คอนเวอร์ชัน และผู้ซื้อรายใหม่ที่ดั้รับจากแคมเปญ” Sharon Liu ผู้จัดการฝ่ายการตลาดด้านโภชนาการ ยูนิลีเวอร์ไต้หวันกล่าว

เกี่ยวกับ foodpanda

foodpanda เป็นแพลตฟอร์มการจัดส่งชั้นนําในเอเชียที่อุทิศตนเพื่อนําเสนออาหาร ของชํา และอื่นๆ ที่หลากหลายแก่ผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีและความเป็นเลิศในการดําเนินงาน foodpanda เป็นหัวหอกในการเติบโตของการค้าด่วน (q-commerce) ทั่วทั้งภูมิภาคด้วยเครือข่ายพันธมิตรค้าปลีก รวมถึงร้านค้าบนคลาวด์ของ pandamart เพื่อมอบตัวเลือกตามความต้องการที่มากขึ้นนอกเหนือจากตัวเลือกการจัดส่งอาหารนับล้าน foodpanda ดําเนินงานในกว่า 400 เมืองใน 11 ตลาดในเอเชีย ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง ไทย มาเลเซีย ปากีสถาน ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ บังคลาเทศ ลาว กัมพูชา และเมียนมาร์ foodpanda เป็นบริษัทในเครือของ Delivery Hero ซึ่งเป็นผู้นําระดับโลกด้านอุตสาหกรรมบริการส่งอาหาร สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.foodpanda.com

เกี่ยวกับ The Trade Desk

Trade Desk™ เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ให้อำนาจแก่ผู้ซื้อโฆษณา ผู้ซื้อโฆษณาสามารถสร้าง จัดการ และเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญโฆษณาดิจิทัลในรูปแบบโฆษณาและอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านแพลตฟอร์มแบบบริการตนเองบนคลาวด์ การผสานรวมกับข้อมูลหลัก พื้นที่โฆษณา และพันธมิตรผู้เผยแพร่โฆษณาช่วยให้มั่นใจได้ถึงความสามารถในการเข้าถึงและการตัดสินใจสูงสุด และ API ระดับองค์กรช่วยให้สามารถพัฒนาแบบกําหนดเองได้ที่ด้านบนของแพลตฟอร์ม The Trade Desk มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเวนทูรา รัฐแคลิฟอร์เนีย และมีสำนักงานทั่วอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชียแปซิฟิก หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ thetradedesk.com หรือติดตามเราบน Facebook, Twitter, LinkedIn และ YouTube

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53939615/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Cheryl Tee, cheryl.tee@foodpanda.com

Jason Wang, yan.wang@thetradedesk.com

ที่มา: The Trade Desk

Hemohim ผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน จุดประกายความนิยมระดับโลก

Logo

SEOUL, South Korea–(BUSINESS WIRE)–22 เมษายน 2024

Hemohim กำลังได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในตลาดโลก โดยเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพชั้นนำจากเกาหลี

Kolmar BNH Sejong Factory (Photo: Kolmar BNH)

โรงงาน Kolmar BNH Sejong (ภาพถ่าย: Kolmar BNH)

Hemohim ได้รับการพัฒนาขึ้นจากความร่วมมือของ Kolmar BNH (KOSDAQ: 200130) และสถาบันวิจัยพลังงานปรมาณูของเกาหลีเป็นระยะเวลาถึงแปดปี พร้อมเงินลงทุน 5 พันล้านวอน โดยมีสารสกัดจาก angelica gigas, cnidium officinale และ paeonia japonica ซึ่งมักใช้เป็นส่วนผสมในยาสมุนไพรโบราณ Kolmar BNH มีการดำเนินการทดสอบในมนุษย์ เพื่อยืนยันความปลอดภัยและประสิทธิภาพของส่วนผสมหลัก ‘สารสกัดใน HemoHIM จากส่วนผสมของ Angelica gigas เป็นต้น’ และได้รับการยอมรับจากกระทรวงฝ่ายรักษาความปลอดภัยอาหารและยาของเกาหลี ในปี 2006 ในคุณสมบัติด้านการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน

Hemohim ได้รับการจัดจำหน่ายโดย Atomy ซึ่งเป็นลูกค้าของ Kolmar BNH โดยมียอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เป็นมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านวอนภายในเพียง 17 ปี นับตั้งแต่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ ทำให้ Hemohim กลายเป็นผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพที่ขายดีที่สุดระดับประเทศ และผ่านการรับรอง ด้วยความต้องการที่สูงขึ้นจากหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และไทย จึงมีการขยายการดำเนินงานและการจำหน่าย Hemohim ไปทั่วโลกกว่า 20 ประเทศ

หลังจากผ่านกระบวนการตรวจสอบที่เข้มงวด Hemohim ได้รับการรับรองจากกระทรวงฝ่ายรักษาความปลอดภัยอาหารและยาของเกาหลี ให้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมเพื่อสุขภาพรายการแรกที่ผ่านการรับรอง ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

Hemohim เป็นผลิตภัณฑ์ที่มียอดการส่งออกสูงในเกาหลีเป็นอันดับสองรองจากโสมแดง ซึ่งเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพชั้นนำที่ผ่านการรับรอง Kolmar BNH ซึ่งเป็นผู้ขับเคลื่อนความสำเร็จของ Hemohim ได้รับรางวัล '200 Million Dollar Export Tower' ในงาน 'Trade Day' เมื่อปี 2021 ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมหอการค้าระหว่างประเทศของเกาหลี

Kolmar BNH ทุ่มเทในการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการสกัดสารที่คุณภาพดีจากวัตถุดิบ โดยจะเห็นได้จาก 'โครงการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างยั่งยืนของ Hemohim' หลังจากความพยายามมาเป็นเวลาหกปี ในที่สุด เมื่อปีที่ผ่านมา ก็ได้ค้นพบคุณสมบัติที่สามารถช่วยฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้า จึงทำให้ Hemohim กลายเป็นผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพที่มีผลควบคู่ทั้งการกระตุ้นเพื่อเสริมระบบภูมิคุ้มกันและการฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้า

เพื่อตอบสนองความต้องการในตลาดยุโรปที่สูงมากขึ้น Kolmar BNH ได้มีการพัฒนา HemohimG ขึ้น โดยมีการปรับแต่งให้เหมาะกับรสชาติและกลิ่นตามความชอบของชาวยุโรป HemohimG เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นเพื่อการส่งออก โดยสอดคล้องตามกฎระเบียบด้านอาหารของแต่ละประเทศ และในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์นี้พร้อมสำหรับการส่งออกไปยังสหราชอาณาจักรและตุรกีแล้ว

Kolmar BNH มีการระบุอย่างเป็นทางการว่า “Hemohim เป็นตัวแทนผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพชั้นนำของเกาหลี โดยได้รับการสนับสนุนจากการวิจัยที่เข้มงวดและการผลิตที่มีความละเอียดในทุกขั้นตอน หลังจากที่ประสบความสำเร็จในเกาหลีตลอด 16 ปีที่ผ่านมา Hemohim พร้อมที่จะก้าวสู่ตลาดโลกแล้วตอนนี้”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/53938951/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Kolmar BNH
Jang Woo Lee
jay.lee@kolmar.co.kr

แหล่งข้อมูล: Kolmar BNH

Cargill กลายเป็นซัพพลายเออร์น้ำมันบริโภคระดับโลกรายแรก ที่ปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดขององค์การอนามัยโลก ในการกําจัดกรดไขมันทรานส์ที่ผลิตในอุตสาหกรรม

Logo

ตรงตามคํามั่นสัญญาปี 2021; กําจัด iTFA ออกจากไขมันและน้ำมัน แม้ในประเทศที่ไม่มีข้อบังคับทางกฎหมาย

มินนีแอโพลิส–(BUSINESS WIRE)–01 กุมภาพันธ์ 2024

ณ วันที่ 1 มกราคม 2024 ลูกค้าผลิตภัณฑ์อาหารของ Cargill ทุกรายไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก สามารถมั่นใจได้ว่าไขมันและน้ำมันของบริษัท เป็นไปตามระดับความทนทานสูงสุดที่แนะนําขององค์การอนามัยโลก (WHO) สําหรับกรดไขมันทรานส์ (iTFA) ที่ผลิตในอุตสาหกรรมในไขมันและน้ำมัน Cargill บรรลุเป้าหมายนี้ด้วยการเป็นซัพพลายเออร์ระดับโลกรายแรก ที่มีกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันบริโภคทั่วโลก ตรงตามมาตรฐานแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของ WHO เกี่ยวกับ iTFA โดยจํากัดปริมาณ iTFA ไว้ไม่เกิน 2กรัมต่อไขมัน/น้ำมัน 100 กรัม รวมถึงในประเทศที่ปัจจุบันไม่มีข้อบังคับทางกฎหมาย

Cargill has helped hundreds of customers reformulate and innovate nutritious and tasty products that meet WHO standards on iTFA (Photo: Business Wire)

Cargill ได้ช่วยลูกค้าหลายร้อยราย ในการปรับสูตรและคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการและอร่อย ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานของ WHO ใน iTFA (ภาพ: Business Wire)

ในขณะที่ Cargill ประกาศความมุ่งมั่นในการกําจัด iTFA ออกจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ไขมันและน้ำมันในเดือนธันวาคม 2021 ความสําเร็จดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการทํางานที่ยาวนานหลายทศวรรษ การเดินทางของ iTFA ของบริษัทครอบคลุมมานานกว่าหนึ่งในสี่ศตวรรษ รวมถึงนวัตกรรมในช่วงต้น การลงทุนหลายล้านดอลลาร์ในค่าใช้จ่ายด้านทุนและทรัพยากร และชั่วโมงการวิจัยและพัฒนาหลายพันชั่วโมง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Cargill ได้ช่วยเหลือลูกค้ามากกว่า 400 ราย ในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการและอร่อย ซึ่งช่วยให้ชีวิตมีความสุขและมีสุขภาพดีขึ้น โดยกําจัดผลิตภัณฑ์ที่มี iTFA มากกว่า 1.5 พันล้านปอนด์ออกจากแหล่งอาหารทั่วโลก

“เรายินดีที่ได้เห็นความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของ Cargill ในการลดไขมันทรานส์ ที่ผลิตในอุตสาหกรรมในน้ำมันทั้งหมดของพวกเขา และไม่นานนี้ก็ได้บรรลุเป้าหมาย เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่แนะนําขององค์การอนามัยโลก” René Lammers หัวหน้าเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ของ PepsiCo กล่าว “ความเคลื่อนไหวครั้งนี้สอดคล้องกับความสําเร็จของ PepsiCo ในการลด iTFA ในอาหารของเรา เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันนี้ และเราสนับสนุนให้พันธมิตรในอุตสาหกรรมของเรา เข้าร่วมในโครงการริเริ่มที่สําคัญนี้ เพื่อพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มของเราให้ดียิ่งขึ้นสําหรับโลกและผู้คน”

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา Cargill ได้ลงทุนเพิ่มอีก 8.5 ล้านดอลลาร์ เพื่ออัพเกรดสิ่งอํานวยความสะดวก เพื่อลดปริมาณไขมันทรานส์ที่ผลิตในระหว่างการแปรรูปน้ำมัน ขณะเดียวกันก็ทํางานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าเพิ่มมากกว่า 100 รายใน 24 ประเทศ เพื่อปรับรูปแบบโซลูชันผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตรงกับความต้องการของพวกเขา

iTFA ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นจากการเติมไฮโดรเจนบางส่วนของน้ำมันพืช (PHOs) แต่ก็สามารถสร้างขึ้นได้โดยการบำบัดด้วยความร้อนสูง ในระหว่างการกลั่นน้ำมันบริโภค ในปี 2018 WHO เรียกร้องให้กําจัด iTFA ทั่วโลกภายในปี 2023 โดยสังเกตว่าการบริโภคไขมันทรานส์มากกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ของการบริโภคพลังงานทั้งหมด สัมพันธ์กับเหตุการณ์โรคหลอดเลือดหัวใจและการเสียชีวิต

“เราภูมิใจอย่างยิ่งที่เราได้ปฏิบัติตามคํามั่นสัญญาของเรา และช่วยบรรลุวัตถุประสงค์ของเรา – ในการหล่อเลี้ยงโลกด้วยวิธีที่ปลอดภัย มีความรับผิดชอบ และยั่งยืน” Natasha Orlova รองประธานฝ่ายน้ำมันบริโภคของ Cargill และกรรมการผู้จัดการประจําอเมริกาเหนือกล่าว “การก้าวเป็นผู้นำอุตสาหกรรมนี้ แม้ในประเทศที่ไม่มีกฎหมาย iTFA ในปัจจุบัน ช่วยให้มั่นใจถึงความสม่ำเสมอในห่วงโซ่อุปทาน สําหรับผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ ในขณะเดียวกันก็นําเสนอนวัตกรรมและประสบการณ์ที่หลากหลายของ Cargill ให้กับผู้ผลิตรายย่อย”

เพื่อให้มั่นใจถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบ Cargill ได้เพิ่ม iTFA เข้าไปในโปรแกรมความปลอดภัย และการประกันคุณภาพอาหารที่ใหญ่ขึ้น แนวทางที่ใช้ระบบนี้ประกอบด้วยการตรวจสอบ การปฏิบัติตามข้อกําหนด และการตรวจสอบหลายชั้น

ในรายงานความคืบหน้าล่าสุด WHO ตั้งข้อสังเกตว่านโยบายจํากัดการใช้ iTFA ได้ถูกนํามาใช้ใน 60 ประเทศทั่วโลกเท่านั้น ซึ่งครอบคลุมประมาณ 43% ของประชากรโลก ส่งผลให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ของโลกมีความเสี่ยงต่อการบริโภค iTFA อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวเรียกร้องให้ซัพพลายเออร์รายใหญ่ของน้ำมันและไขมัน “ปฏิบัติตามความพยายามบุกเบิกของ Cargill ในการนำ TFA ที่ผลิตในอุตสาหกรรมออกจากผลิตภัณฑ์ที่ขายให้กับผู้ผลิตอาหารทั่วโลก”1

“เราเป็นซัพพลายเออร์น้ำมันบริโภคระดับโลกรายแรกและรายเดียว ที่มุ่งมั่นและปฏิบัติตามมาตรฐานของ WHO อย่างต่อเนื่องและทั่วถึงสำหรับผลงานทั่วโลกทั้งหมดของเรา และแม้ว่าเราจะภูมิใจกับความสำเร็จครั้งสําคัญนี้ แต่รายงานของ WHO ก็เน้นย้ำว่ายังมีงานอีกมากที่ต้องทำ” Orlova กล่าว “เราได้พิสูจน์แล้วว่าไม่เพียงแต่เป็นไปได้ที่จะปฏิบัติตามคําแนะนําของ iTFA โดยคํานึงถึงระดับไขมันอิ่มตัวเท่านั้น แต่ยังสามารถทําได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนรสชาติ หรือเนื้อสัมผัสของอาหารโปรดของผู้บริโภคอีกด้วย เราเรียกร้องให้ผู้เล่นในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ปฏิบัติตามผู้นําของเรา และกำจัด iTFA ออกจากผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของพวกเขาด้วย”

Cargill ยังได้ดําเนินการตามขั้นตอน เพื่อช่วยให้การปฏิรูปทั่วทั้งอุตสาหกรรม ก้าวหน้าในช่วงสองปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่ไม่มีกฎระเบียบ iTFA ณ เวลาที่บริษัทให้คำมั่นสัญญา ในบรรดาการดําเนินการต่างๆ ในปากีสถาน Cargill ร่วมมือกับสถาบันนโยบายการพัฒนาที่ยั่งยืน ในการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้แก่สาธารณะ ในมาเลเซียและเม็กซิโก บริษัท มีปฏิสัมพันธ์กับภาคอุตสาหกรรม นักวิชาการ และหน่วยงานภาครัฐ เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของ WHO ขณะเดียวกันก็แบ่งปันประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการปฏิรูป iTFA

1 “นับถอยหลังสู่ปี 2023: รายงานของ WHO เกี่ยวกับการกําจัดไขมันทรานส์ทั่วโลก” องค์การอนามัยโลก, 2022 ดาวน์โหลดได้ที่: https://www.who.int/publications/i/item/9789240067233

เกี่ยวกับ Cargill

Cargill มุ่งมั่นที่จะจัดหาอาหาร ส่วนผสม โซลูชั่นทางการเกษตร และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพื่อหล่อเลี้ยงโลกด้วยวิธีที่ปลอดภัย มีความรับผิดชอบ และยั่งยืน ในฐานะหัวใจสำคัญของห่วงโซ่อุปทาน เราร่วมมือกับเกษตรกรและลูกค้าในการจัดหา ผลิต และส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีความสําคัญต่อการดํารงชีวิต

สมาชิกทีมงาน 160,000 คนของเราสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อย่างมีเป้าหมาย โดยมอบสิ่งจําเป็นในชีวิตให้กับลูกค้า เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโต ชุมชนเจริญรุ่งเรือง และผู้บริโภคมีชีวิตที่ดี ด้วยประสบการณ์ 159 ปีในฐานะบริษัทครอบครัว เรามองไปข้างหน้าโดยยังคงยึดมั่นในค่านิยมของเรา เราให้ความสําคัญกับผู้คนเป็นอันดับแรก เราตั้งเป้าหมายให้สูงขึ้น เราทําในสิ่งที่ถูกต้อง—วันนี้และสําหรับคนรุ่นต่อๆ ไป สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ Cargill.com และ News Center ของเรา

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53887225/en

ติดต่อ

Kelly Sheehan, media@cargill.com           

ที่มา: Cargill

มัลติมีเดีย

HYPERLINK “https://connect.businesswire.com/bwapps/mediaserver/PublicViewMedia?mgid=2007912&vid=4”

แบรนด์แซนด์วิชไข่ระดับพรีเมียม EGGDROP เตรียมเปิดร้านค้าทั่วโลกในฟิลิปปินส์

Logo

  • ร้าน EGGDROP 5 แห่งจะเปิดในสถานที่สำคัญๆ ในฟิลิปปินส์เริ่มตั้งแต่ปี 2024
  • Golden Hind แสวงหาพันธมิตรแฟรนไชส์หลักระดับโลกในฟิลิปปินส์และประเทศไทย

กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–21 ธันวาคม 2023

EGGDROP แบรนด์แซนด์วิชไข่เกาหลีระดับพรีเมียมของเกาหลี โดย Golden Hind Co., Ltd (ซีอีโอ Young-woo Noh) ประกาศเปิดร้านค้าระดับโลกแห่งที่สองในฟิลิปปินส์ รองจากกรุงเทพฯ ประเทศไทย

การเข้าสู่ฟิลิปปินส์ของ EGGDROP เกิดขึ้นหลังจากข้อตกลงร้านค้า 10 สาขาในประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศแรกของแบรนด์ในการขยายธุรกิจไปทั่วโลก บรรลุข้อตกลงสิทธิ์ในการดำเนินธุรกิจได้หลายแห่งเพื่อเปิดร้านค้า 5 แห่งในฟิลิปปินส์ EGGDROP จะเปิดตัวร้านค้า 2 แห่งในฟิลิปปินส์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 ตามด้วยร้านค้าเพิ่มเติมอีก 3 แห่งในช่วงครึ่งหลังของปีในสถานที่สำคัญต่างๆ

Official Poster, EGGDROP Philippines (Photo: EGGDROP)

โปสเตอร์อย่างเป็นทางการจาก EGGDROP ฟิลิปปินส์ (รูปภาพ: EGGDROP)

การเข้าสู่ตลาดฟิลิปปินส์ของ EGGDROP เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์เชิงรุกในการขยายธุรกิจในต่างประเทศของ Golden Hind ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้บริโภคชาวฟิลิปปินส์ได้รับประสบการณ์การกินแบบใหม่ที่ทั้งอร่อยและดีต่อสุขภาพ

เริ่มต้นด้วยร้านแรกในปี 2017 และเสร็จสิ้นการเปิดสาขาที่ 298 ในเกาหลีใต้ (ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2023) EGGDROP มียอดขายที่เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะเวลาอันสั้น ด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์อันน่าทึ่ง แนวคิด “อาหารจากไข่” ที่ดีต่อสุขภาพและอร่อย และการออกแบบอาหารและบรรจุภัณฑ์ที่สามารถลงอินสตาแกรมได้

จากการเติบโตนี้ในเกาหลี EGGDROP จึงได้รับการสอบถามเกี่ยวกับแฟรนไชส์จากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก รวมถึงสหรัฐอเมริกา ฮ่องกง ญี่ปุ่น ไต้หวัน และอินเดีย

“เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ประกาศการขยายธุรกิจในต่างประเทศครั้งที่สองของ EGGDROP” Youngwoo Noh ซีอีโอของ Golden Hind กล่าว “เราตั้งตารอที่จะมอบประสบการณ์ที่สนุกสนานให้กับผู้บริโภคในฟิลิปปินส์” Mr. Noh. กล่าว “นอกเหนือจากประเทศไทยและฟิลิปปินส์แล้ว EGGDROP ยังกระตือรือร้นการแสวงหาพันธมิตรแฟรนไชส์หลัก ในประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ในระดับโลก”

EGGDROP
ไข่ทำให้ดีขึ้น EGGDROP
EGGDROP เป็นแบรนด์แซนด์วิชไข่ระดับพรีเมี่ยมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากไข่ “อาหารสมบูรณ์” ซึ่งปรุงอาหารเพื่อสุขภาพโดยใช้ไข่คนที่ทำจากไข่เกรด 1 และวัตถุดิบสดใหม่

Golden Hind
Golden Hind เป็นบริษัทน้องใหม่และมีนวัตกรรมที่สนับสนุน “Food Venture” ในฐานะบริษัทแฟรนไชส์ร้านอาหารที่ก่อตั้งในปี 2017 ในกรุงโซล ปัจจุบัน EGGDROP ถือเป็นธุรกิจชั้นนำและบ่มเพาะแบรนด์อื่นๆ มากมาย

EGGDROP อินสตาแกรม: http://instagram.com/eggdrop.official
EGGDROP ยูทูป: https://www.youtube.com/@eggdrop.official
EGGDROP แฟรนไชส์ทั่วโลก: https://eggdrop.co.kr/en/franchise/process.php
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: https://eggdrop.co.kr/en/

[EGGDROPTHAILAND Bangkok Flagship Store OPEN TH] บน EGGDROP YouTube

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53872930/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

การติดต่อ

Golden Hind
ทีมสื่อสาร
Hundo Lee
+82 1670-4809
anchor@goldenhind.co.kr

แหล่งที่มา: Golden Hind