Category Archives: General News

ผู้ประกอบการหญิง 35 รายจากอาเซียนและญี่ปุ่น หารือเกี่ยวกับความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ นวัตกรรม และความยั่งยืนในเวียงจันทน์

Logo

เวียงจันทน์ ลาว–(BUSINESS WIRE)–06 พฤศจิกายน 2024

ผู้ประกอบการหญิงสาว 35 รายจาก 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่นมารวมตัวกันที่สปป.ลาวเพื่อหารือเกี่ยวกับความท้าทายและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและความยั่งยืนในองค์กรของตน การอภิปรายโต๊ะกลมผู้ประกอบการหญิงสาวในอาเซียนและญี่ปุ่น ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 5-6 พฤศจิกายน ณ โรงแรมคราวน์พลาซ่า จัดขึ้นโดยศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่นร่วมกับองค์กรเยาวชนอาเซียน โดยได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการประสานงานอาเซียนด้าน วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย  ASEAN ACCESS, สภาที่ปรึกษาธุรกิจเอเชียตะวันออก และสมาคมนักธุรกิจสตรีลาว

Thirty five women entrepreneurs from ASEAN and Japan discuss economic resilience, innovation and sustainability in Vientiane on Nov. 5-6. (Photo: Business Wire)

ผู้ประกอบการสตรี 35 รายจากอาเซียนและญี่ปุ่นหารือเกี่ยวกับความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ นวัตกรรม และความยั่งยืนในเวียงจันทน์เมื่อวันที่ 5-6 พฤศจิกายน (ภาพ: Business Wire)

การอภิปรายที่โต๊ะกลมถือเป็นเวทีสําคัญในการจัดการกับอุปสรรคสําคัญที่ผู้ประกอบการหญิงสาวต้องเผชิญในภูมิทัศน์ทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการบรรลุทั้งนวัตกรรมและความยั่งยืนในธุรกิจของตน โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อระบุวิธีแก้ปัญหาในทางปฏิบัติเพื่อเพิ่มความสามารถในการฟื้นตัวและความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจที่นําโดยผู้หญิง เพื่อปูทางไปสู่การเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจและความร่วมมือระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่น

การอภิปรายมุ่งเน้นไปที่สองประเด็นสําคัญ ได้แก้ การเสริมสร้างความเชื่อมโยงและการเสริมสร้างความสามารถในการฟื้นตัว สําหรับการเชื่อมโยง ผู้เข้าร่วมได้สํารวจวิธีต่างๆ ในการปรับปรุงการเข้าถึงทางการเงิน ส่งเสริมการลงทุนซึ่งคำนึงถึงเพศสภาพ และสร้างทักษะดิจิทัลและความรู้ทางการเงินเพื่อให้แน่ใจว่ามีส่วนร่วมในเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างปลอดภัย ภายใต้หัวข้อการฟื้นตัว ผู้เข้าร่วมได้กล่าวถึงการลดความไม่เสมอภาคทางเพศในการเป็นเจ้าของ MSME และส่งเสริมแนวทางปฏิบัติด้านความยั่งยืนที่ช่วยให้ผู้หญิงเป็นผู้นําธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

ผู้เข้าร่วมงานยังได้เข้าร่วมเยี่ยมชมธุรกิจที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของ 2 แห่งในสปป.ลาว ได้แก่ Enterprise & Development Consultants Co., Ltd. (EDC) และ Leuxay Construction Co., Ltd.การเยี่ยมชมเหล่านี้ทำให้ได้รับข้อมูลเชิงลึกอันล้ำค่าเกี่ยวกับกลยุทธ์การดําเนินงานและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของธุรกิจที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของที่ประสบความสําเร็จใน สปป.ลาว ซึ่งช่วยอํานวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนความรู้ และเปิดช่องทางที่เป็นไปได้สําหรับความร่วมมือในอนาคต

งานนี้มีการหยิบยกประเด็นความท้าทายในการเข้าถึงเงินช่วยเหลือและเงินกู้สําหรับผู้ประกอบการสตรี เนื่องจากกฎระเบียบด้านการบริหาร การแข่งขันกับบริษัทขนาดใหญ่ และการขาดความยืดหยุ่นในการแก้ปัญหาด้านเงินทุน นอกจากนี้ ยังมีการหยิบยกประเด็นความท้าทายในการกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยทางไซเบอร์ขั้นพื้นฐาน การระบุโซลูชันดิจิทัลที่เหมาะสมกับความต้องการ และการทําให้มั่นใจว่าพนักงานมีทักษะที่จําเป็นในการตอบสนองต่อวิวัฒนาการที่รวดเร็วของเทคโนโลยี และความสามารถในการปกป้องลูกค้า ผู้เข้าร่วมยังเรียกร้องให้มีเครือข่ายผู้ประกอบการสตรีที่มีการฟื้นตัวมากขึ้นเพื่อสนับสนุนซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญในการลดความไม่เสมอภาคทางเพศต่อการเป็นเจ้าของธุรกิจของผู้หญิง

ผลการหารือทั้งหมดจะเผยแพร่ในรายงานการประชุมสุดยอดผู้ประกอบการหญิงสาวอาเซียน-ญี่ปุ่น ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2025

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่นเป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1981 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่น  

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54147820/en

ติดต่อ

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น

URL: https://www.asean.or.jp/
TEL: +81 (0)3-5402-8118

อีเมล: toiawase_ga@asean.or.jp

ที่มา: ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น

Cascale เปิดตัวโมเดลการมีส่วนร่วมของสมาชิกแบบใหม่ พร้อมยกระดับข้อมูลจากซัพพลายเออร์และผู้ผลิต

Logo

อัมสเตอร์ดัม ฮ่องกง และโอกแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–31 ตุลาคม 2024

Cascale (เดิมชื่อว่า Sustainable Apparel Coalition) จะเปิดตัวโมเดลการมีส่วนร่วมของสมาชิกและการกำกับดูแลรูปแบบใหม่ เพื่อพัฒนาการตัดสินใจให้เปิดรับความแตกต่างมากขึ้น พร้อมมุ่งยกระดับข้อมูลจากซัพพลายเออร์และผู้ผลิตอย่างแน่วแน่ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ (ซึ่งเกิดขึ้นกับโครงสร้างและผังทีมสมาชิกขององค์กร) จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการที่จะให้มีคนหลาย ๆ กลุ่มอยู่ในซัพพลายเชนอย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น รวมถึงตอกย้ำความมุ่งมั่นของ Cascale ในเรื่องความโปร่งใสและความรับผิดชอบในการพัฒนาเครื่องมือและมาตรฐานอุตสาหกรรม ทั้งนี้ Cascale มุ่งส่งเสริมการทำงานร่วมกันทั่วทั้งอุตสาหกรรม รวมถึงสร้างความร่วมมือที่เท่าเทียมและมั่นคงยิ่งขึ้นในวงการสินค้าอุปโภคบริโภคโดยการทำให้แบรนด์และซัพพลายเออร์มีอิทธิพลที่สมดุลกันมากขึ้น

ในฐานะองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรที่อาศัยแนวคิดแบบมีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลายฝ่าย (Multi-Stakeholder Initiative หรือ MSI) Cascale มีพันธกิจในการมอบห่วงโซ่คุณค่าแบบครบวงจรโดยปราศจากอคติ เพื่อให้มั่นใจได้ถึงความเท่าเทียมและการเข้าถึงบริการได้สำหรับทุกคน องค์กรคำนึงถึงเรื่องนี้อยู่เสมอ จึงมุ่งแสวงหาจุดกึ่งกลางระหว่างความต้องการกับความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลากหลายกลุ่ม (ตั้งแต่บริษัทขนาดใหญ่ไปจนถึงขนาดเล็ก) ผู้ผลิต แบรนด์ และ NGO ต่าง ๆ ซึ่งจะร่วมมือกันเพื่อพัฒนาอนาคตขององค์กรและบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ร่วมกันสำหรับวงการสินค้าอุปโภคบริโภค

ในการรับมือกับข้อเสนอแนะและบทสนทนาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง Cascale จึงได้ปรับโครงสร้างของทีมสมาชิก โดยเปลี่ยนจากการมุ่งเน้นที่ระดับภูมิภาคมาเป็นการมุ่งเน้นตามประเภทสมาชิกแทน รวมถึงจะนำกระบวนการกำกับดูแลรูปแบบใหม่เข้ามาปรับใช้ด้วย การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อให้บริการแก่สมาชิกที่เป็นผู้ผลิต รวมถึงแบรนด์/ผู้ค้าปลีกได้ดียิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน สมาชิกที่เป็นพันธมิตรก็ยังมีส่วนร่วมได้ผ่านทีมการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง สมาชิกทุกรายจะได้รับการสนับสนุนและโอกาสต่าง ๆ แบบเฉพาะตัวยิ่งขึ้นผ่านกระบวนการที่มีการวางโครงสร้างแบบใหม่เพื่อช่วยให้สามารถทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้นในช่วงระหว่างการเปลี่ยนผ่านนี้

คุณ Andrew Martin ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารฝ่ายบริหารของ Cascale กล่าวว่า “เมื่อใช้โครงสร้างการมีส่วนร่วมของสมาชิกรูปแบบใหม่นี้ เรามีเป้าหมายที่จะสร้างระบบการจัดหาตัวแทนที่ครอบคลุมหลากหลายกลุ่มมากขึ้นและสร้างผลลัพธ์ได้จริง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกความคิดเห็น (โดยเฉพาะผู้ผลิต) จะเป็นที่รับฟังและนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์กับงานของเราในทุก ๆ ด้านรวมถึงการยกระดับ Higg Index อย่างต่อเนื่องและการพัฒนาโปรแกรมการดำเนินการร่วมกัน” และกล่าวอีกด้วยว่า “การมุ่งเน้นเรื่องความร่วมมือที่เท่าเทียมและการยกระดับกระบวนการครั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นที่ Cascale มีต่อเรื่องความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และการบรรจบกันของอุตสาหกรรม ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะช่วยให้เรามอบบริการแก่สมาชิก ส่งเสริมการปฏิบัติตามกฎข้อบังคับ และขับเคลื่อนให้เกิดผลลัพธ์ด้านความยั่งยืนอย่างเห็นได้ชัดได้ดียิ่งขึ้นในทุก ๆ ส่วนของห่วงโซ่คุณค่า”

ทีมการมีส่วนร่วมของสมาชิกจาก Cascale เป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างครั้งนี้ ทีมนี้ทำงานอย่างไม่ลดละเพื่อเสาะหาและยกระดับข้อเสนอแนะจากสมาชิก (โดยเฉพาะผู้ผลิต) เพื่อให้มั่นใจว่าความต้องการของพวกเขาเหล่านี้ได้ถูกนำมาประกอบกระบวนการตัดสินใจมากยิ่งขึ้น ความพยายามดังกล่าวนี้ช่วยให้เกิดแนวทางที่เปิดรับความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งจะทำให้มีตัวแทนจากหลากหลายกลุ่มมากขึ้นสำหรับผู้ผลิต ทั้งยังช่วยยกระดับบทบาทต่อการพัฒนาเครื่องมือและแนวคิดต่าง ๆ ของ Cascale อีกด้วย

โครงสร้างที่ Cascale พัฒนาขึ้นมาใหม่นี้ส่งเสริมให้เกิดการทำงานร่วมกันมากยิ่งขึ้น โดยจะเห็นได้จากการสรรหาสมาชิกเข้าร่วมทีมสมาชิก รวมถึงตำแหน่งใหม่อย่างผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการกำกับดูแลการเป็นสมาชิก ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อข้อเสนอแนะจากซัพพลายเออร์ที่ต้องการให้มีการสนับสนุนและการมีส่วนร่วมในเชิงปฏิบัติมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยตอกย้ำความมุ่งมั่นที่ Cascale มีต่อการดำเนินงานร่วมกันและเน้นย้ำถึงการพินิจพิเคราะห์และความพร้อมปรับตัวอย่างต่อเนื่องขององค์กร นอกจากนี้ โครงสร้างแบบใหม่นี้ยังสอดรับกับคำแนะนำจากคุณ Ilishio Lovejoy ซึ่งเป็นนักวิจัยและปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้จัดการโปรแกรมอยู่ที่ Laudes Foundation อีกด้วย Cascale ช่วยสนับสนุนการศึกษาที่ใช้เวลา 2 ปีของคุณ Lovejoy ในเรื่องเกี่ยวกับ MSI โดยอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลภายในและเปิดให้สัมภาษณ์พูดคุยกับพนักงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เธอได้นำเสนอกรณีศึกษาของเธอที่งานประชุมประจำปีของ Cascale ที่จัดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ที่มิวนิก ซึ่งในงานดังกล่าว เธอยังได้ร่วมพูดคุยกับวิทยากรท่านต่าง ๆ รวมถึงตัวแทนสมาชิกในคณะกรรมการจากสามภาคส่วนขององค์กรอีกด้วย เพื่อพูดคุยถึงทฤษฎีว่าด้วยกระบวนการที่เป็นธรรม

หลังจบงาน คุณ Lovejoy กล่าวว่า “ดิฉันยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำเสนองานวิจัยเกี่ยวกับความตึงเครียดในการดำเนินงานร่วมกันที่ Cascale รวมถึงเจาะลึกว่ากระบวนการที่เป็นธรรมจะเป็นกลไกอันล้ำค่าในการตรวจสอบและลดความตึงเครียดเชิงโครงสร้าง การทำงาน และอารมณ์ในแนวคิดแบบมีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลายฝ่ายเช่นนี้ได้อย่างไรบ้าง” รวมถึง “ดิฉันอยากจะขอบคุณคุณ Colin Browne และคณะกรรมการของ Cascale ที่ได้เชิญดิฉันมานำเสนอผลงานและให้ดิฉันได้มาร่วมพูดคุยแบบเปิดอกในเรื่องยาก ๆ เช่นนี้เพื่อมุ่งให้เกิดการดำเนินงานร่วมกันที่ดียิ่งขึ้นค่ะ”

Cascale ยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนภาคส่วนการผลิต ซึ่งมีความสำคัญมากในการบรรลุเป้าหมายด้านการดำเนินการร่วมกัน เมื่อไม่นานมานี้ องค์กรยังได้ประกาศถึงผลเชิงบวกจากโปรแกรมการดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศของผู้ผลิต (Manufacturer Climate Action Program หรือ MCAP) ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญที่ช่วยให้บรรดาผู้ผลิตจากทั่วโลกมาร่วมมือกันเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และเปิดรับทั้งสมาชิกของ Cascale และผู้ที่ไม่ใช่สมาชิก ทั้งนี้ ในเดือนกันยายน Cascale ยังได้ประกาศการทำงานร่วมกับสมาคมผู้ผลิตและผู้ส่งออกเครื่องแต่งกายของบังกลาเทศ (BGMEA) โดยมุ่งส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในภาคส่วนเครื่องแต่งกายในภูมิภาคที่กำลังประสบภาวะวิกฤตนี้

ข้อมูลจากซัพพลายเออร์ยังคงมีความสำคัญสูงสุดในขณะที่ Cascale กำลังพัฒนาเครื่องมือ Higg Index ซึ่งมีบริษัทใช้งานกว่า 40,000 แห่งและมีให้บริการบน Worldly เท่านั้น ในแต่ละปี เครื่องมือจะได้รับการอัปเดตให้สอดรับกับความต้องการและเรื่องสำคัญ ๆ ของสมาชิก การอัปเดตเหล่านี้ทำให้เครื่องมือสามารถมอบข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด เพื่อช่วยให้มีการตัดสินใจทางธุรกิจที่ยั่งยืน ทั้งยังสนับสนุนการปฏิบัติตามภาระหน้าที่การรายงานในปัจจุบันและที่เกิดขึ้นใหม่อีกด้วย ในไตรมาสที่ 4 ปี 2024 การอัปเดต Higg Materials Sustainability Index (Higg MSI) และ Higg Facility Environmental Module (Higg FEM) จะมีข้อเสนอแนะจากสมาชิกและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรวมอยู่ด้วย

Higg MSI (ซึ่งเป็นเครื่องมือการประเมินด้านสิ่งแวดล้อมแบบ Cradle-to-gate สำหรับวัสดุต่าง ๆ ที่ได้รับการอัปเดตเมื่อเดือนตุลาคม) แสดงให้เห็นถึงการทำงานร่วมกันทั่วทั้งอุตสาหกรรมเป็นเวลาสามปีเกี่ยวกับแนวทางและโมเดลด้านผ้าคอตตอนโดยเฉพาะ นับเป็นการตั้งมาตรฐานใหม่ให้กับความสอดคล้องกันและความน่าเชื่อถือของข้อมูลเกี่ยวกับเส้นใยโดยเฉพาะ โดยในเดือนพฤศจิกายน การอัปเดต Higg FEM จะเป็นการต่อยอดมาจากการทำงานร่วมกันแบบเชิงลึกในปี 2023 อีกด้วย ทั้งนี้ การอัปเดต Higg FEM ครั้งใหญ่ล่าสุดได้นำข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญกว่า 140 รายมาใช้ โดยมีผู้ผลิตเป็นกลุ่มที่มีประชากรมากที่สุด

ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของ Cascale ต่างมาร่วมมือกันเพื่อดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศให้รวดเร็วยิ่งขึ้นและขยายผลลัพธ์ในวงกว้างผ่านแนวทางด้านความยั่งยืนที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวซึ่งช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สังเกตเห็นได้

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

บุคคลติดต่อ

คุณ Beatrice Thumi เจ้าหน้าที่ฝ่ายการสื่อสารของ Cascale
beatrice.thumi@cascale.org

แหล่งที่มา: Cascale

Mary Kay ได้รับการยกย่องในด้านความเป็นผู้นำด้านการอนุรักษ์ต่อเนื่องเป็นปีที่สองในงาน Texan by Nature 20 ประจำปี 2024

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–31 ตุลาคม 2024

Mary Kay Inc. ผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมสกินแคร์และความยั่งยืน ได้รับรางวัล Texan by Nature 20 (TxN 20) ประจำปี 2024 ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติจากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรด้านการอนุรักษ์ Texan by Nature ที่ก่อตั้งโดยอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง Laura Bush โดย Texan by Nature จัดงานประจำปีเพื่อเชิดชู 20 ธุรกิจที่ตั้งอยู่หรือดำเนินงานในรัฐเท็กซัสที่แสดงความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์และความยั่งยืนซึ่งอิงจากข้อมูลผ่านโครงการ TxN 20

Founded by former First Lady Laura Bush, Texan by Nature annually celebrates 20 businesses based or operating in Texas that demonstrate data-backed commitments to conservation and sustainability through the TxN 20 initiative. Photo Credit: Grant Miller Photography

องค์กร Texan by Nature ซึ่งก่อตั้งโดยอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง Laura Bush จัดงานประจำปีเพื่อเชิดชู 20 ธุรกิจที่ดำเนินงานในเท็กซัสซึ่งแสดงความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์และความยั่งยืนที่อิงจากข้อมูลผ่านโครงการ TxN 20 เครดิตภาพ: Grant Miller Photography

“การได้รับเกียรตินี้เป็นปีที่สองติดต่อกันแสดงถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของ Mary Kay ในการผสานรวมแนวทางที่ยั่งยืนเข้ากับธุรกิจของเราผ่านนวัตกรรม การสนับสนุน และความรับผิดชอบ” Virginie Naigeon-Malekหัวหน้าฝ่ายความรับผิดชอบองค์กรและความยั่งยืนของ Mary Kay กล่าว “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้อยู่ในรายชื่อขององค์กรอนุรักษ์ทรงพลังอื่น ๆ ทั่วรัฐเท็กซัส สำหรับ Mary Kay ความยั่งยืนเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจของเรา—เรามุ่งมั่นที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกสำหรับคนรุ่นต่อไป”

เราเชื่อในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่านการลงมือทำ ความร่วมมือ และรูปแบบนวัตกรรม” Joni Carswell ซีอีโอและประธานของ Texan by Nature กล่าว “ถือเป็นเกียรติที่ได้ยกย่อง Mary Kay บริษัทที่แสดงให้เห็นว่าการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนผ่านการอนุรักษ์นั้นสร้างผลกระทบเชิงบวกในระยะยาวทั้งต่อผลกำไร ผู้คน และโลกใบนี้

Cristi Gomez, PhD, DABT, ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกฎระเบียบ ความปลอดภัย และการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านวิจัยและพัฒนาของ Mary Kay ได้เข้าร่วมการประชุม Texan by Nature Conservation Summit ครั้งที่ 6 ซึ่งนำเสนอความมุ่งมั่น นวัตกรรม และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดจากหลากหลายอุตสาหกรรมเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือกับ Texan by Nature  โดย Gomez ได้ร่วมอภิปรายในหัวข้อ “การสร้างคุณค่าในระบบโดยรวม” ซึ่งกล่าวถึงการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาและการอนุรักษ์ ผลกำไรและความยั่งยืน รวมถึงการประเมินผลลัพธ์จากทุกส่วนในระบบ งานนี้จัดขึ้นเมื่อวันพุธที่ 23 ตุลาคม ณ ศูนย์ประธานาธิบดี George W. Bush

รางวัล TxN 20 ยกย่องผู้นำในอุตสาหกรรม 12 ภาคส่วนในรัฐเท็กซัสที่อยู่แนวหน้าของความพยายามในการอนุรักษ์และการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ผู้ชนะรางวัลรายอื่น ๆ สามารถดูได้ที่เว็บไซต์ของ Texan by Nature

เกี่ยวกับ Mary Kay

อดีต ปัจจุบัน และตลอดไป หนึ่งในผู้บุกเบิกที่ทำลายกำแพงเพดานแก้ว Mary Kay Ash ก่อตั้งแบรนด์ความงามในฝันของเธอในรัฐเท็กซัสเมื่อปี 1963 ด้วยเป้าหมายเดียวคือการยกระดับชีวิตผู้หญิง ความฝันนั้นได้เติบโตเป็นบริษัทระดับโลกที่มีสมาชิกฝ่ายขายอิสระนับล้านคนในกว่า 35 ประเทศ ตลอด 60 ปีที่ผ่านมา โอกาสจาก Mary Kay ได้เสริมพลังให้ผู้หญิงสามารถกำหนดอนาคตของตนเองได้ผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay มุ่งมั่นในการลงทุนในวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและผลิตสกินแคร์ที่ล้ำสมัย เครื่องสำอางสี อาหารเสริม และน้ำหอม Mary Kay เชื่อในการอนุรักษ์โลกของเราให้คนรุ่นต่อไป ปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากมะเร็งและความรุนแรงในครอบครัว และสนับสนุนเยาวชนให้ทำตามความฝันของพวกเขา เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com พบกับเราได้ทาง Facebook, Instagram และ LinkedIn หรือ ติดตามเราได้ที่ X (ชื่อเดิม Twitter)

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54144848/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

ที่มา: Mary Kay Inc.




Barracuda Technologies เปิดตัวโครงการโรงงานไบโอรีไฟเนอรีแบบมอดุลาร์ครั้งแรกในอินเดีย

Logo

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–29 ตุลาคม 2024

Barracuda Technologies Pvt. Ltd. บริษัทย่อยทางอ้อมของ Barracuda Technologies Inc. บริษัทสตาร์ตอัปที่ตั้งอยู่ในซานฟรานซิสโก (สหรัฐอเมริกา) เพิ่งได้ดำเนินการสร้างโครงการโรงงานไบโอรีไฟเนอรีแบบมอดุลาร์ (modular Bio-Refinery) ครั้งแรกในอินเดียสำเร็จไป โดยถือเป็นก้าวสำคัญในด้านการผลิตวัสดุแบบยั่งยืนและหมุนเวียน (sustainable and circular materials) โรงงานไบโอรีไฟเนอรีระดับกึ่งเชิงพาณิชย์นี้ใช้กระบวนการแยกองค์ประกอบชีวมวล (biomass fractionation) เฉพาะของบริษัท เพื่อแปรรูปเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว, ฟางข้าวสาลี, ลำต้นกล้วย, กากอ้อย, ปาล์ม EFB, หญ้า Brachiaria (บราซิล), กัญชง และวัตถุดิบอื่น ๆ ให้กลายเป็นวัสดุที่มีค่า เช่น ลิกนินบริสุทธิ์ (clean Lignin), เซลลูโลส, ไบโอซิลิกา (bio-silica) และเฮมิเซลลูโลส (hemi-cellulose) โรงงานนี้สามารถใช้ชีวมวลได้หลากหลายประเภทและมีของเหลวเหลือทิ้งใกล้ศูนย์ (near-zero liquid discharge) จึงเป็นการดำเนินการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปราศจากของเสีย

เซลลูโลสของ Barracuda มีศักยภาพในการนำไปใช้งานหลากหลาย เช่น การใช้ในวัสดุที่ไม่ถักทอ (non-woven materials) อย่างกระดาษและภาชนะบนโต๊ะอาหาร รวมถึงการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ (biofuels), ไมโครไฟบริลเลต เซลลูโลส (micro fibrillated cellulose : MFC) และนาโนเซลลูโลส (nano cellulose : CNC) รวมถึงการใช้งานอื่น ๆ อีกจำนวนมาก ลิกนินบริสุทธิ์ของ Barracuda ซึ่งมีคุณสมบัติ เช่น การป้องกันการไหม้ (anti-charring), การต้านรังสียูวี (UV resistance) และความทนต่อความชื้น และยังมีศักยภาพในการนำไปใช้กับสารเคลือบ กาว เครื่องสำอาง วัสดุก่อสร้าง อาหารเสริมสัตว์ เทอร์มอพลาสติก พอลิยูรีเทน และอื่น ๆ อีกด้วย Barracuda กำลังดำเนินการผลิตไบโอบิทูเมน (Bio-Bitumen) จากลิกนินที่มี โรงงานไบโอรีไฟเนอรียังผลิตไบโอซิลิกาที่มีประโยชน์ในหลากหลายการใช้งาน เช่น ยางรถยนต์และผลิตภัณฑ์อาหาร วัสดุทั้งหมดของ Barracuda เป็นวัสดุที่ยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ

โครงสร้างแบบมอดุลาร์ของโรงงานไบโอรีไฟเนอรีนี้ช่วยแก้ปัญหาด้านการขนส่งและการจัดการวัตถุดิบที่มีความหนาแน่นต่ำ โดยเอื้อต่อโมเดลแบบระบบศูนย์กลางและเครือข่าย (hub-and-spoke model) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทาน โครงการนี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงความสามารถในการทำกำไรของกระบวนการของ Barracuda แต่ยังเป็นทางออกให้กับปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น การเผาซังข้าว และยกระดับเศษวัสดุให้มีมูลค่าสูงขึ้นอย่างมหาศาล

Navin Singhania (ผู้ได้ชื่อว่า “มนุษย์เส้นใย”) ผู้ก่อตั้ง Barracuda Technologies และผู้เชี่ยวชาญด้านกระบวนการแยกองค์ประกอบชีวมวลกล่าวว่า “นี่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของวงการวัสดุที่ยั่งยืน โรงงานไบโอรีไฟเนอรีแบบมอดุลาร์เปลี่ยนแปลงทุกด้านของปัญหาที่มีมายาวนานเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานและปัญหาด้านการขนส่งวัตถุดิบที่มีความหนาแน่นต่ำและ CAPEX กระบวนการของ Barracuda นั้นมีต้นทุนที่ต่ำมาก สะอาด และเป็นระบบหมุนเวียน เราจะผลิตไฟเบอร์และลิกนินที่ถูกที่สุดในตลาดโลกปัจจุบัน” “เรากำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจำนวนมาก และจะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้นี้”

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ
info@barra-labs.com

แหล่งที่มา : Barracuda Technologies

APO Productivity Databook 2024 : แนวโน้มเศรษฐกิจและการคาดการณ์ถึงปี 2035

Logo

โตเกียว–(Business Wire)–23 ตุลาคม 2024

องค์การเพิ่มผลผลิตแห่งเอเชีย (APO) เปิดตัว APO Productivity Databook 2024 ฉบับที่ 17 นำเสนอการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจและผลิตภาพตั้งแต่ปี 1970 ถึง 2022 พร้อมการคาดการณ์ถึงปี 2035 ครอบคลุมเศรษฐกิจเอเชีย 31 ประเทศ รวมถึงสมาชิก APO 21 ประเทศ และเศรษฐกิจอ้างอิงระดับโลกที่สำคัญ เช่น ออสเตรเลีย สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา

(Graphic: Business Wire)

(กราฟิก : Business Wire)

หนังสือข้อมูลนี้อ้างอิงจาก ฐานข้อมูลผลิตภาพของ APO ซึ่งบูรณาการ ฐานข้อมูล Asia QALI สำหรับปัจจัยแรงงานที่ปรับคุณภาพ และรวมข้อมูลทรัพยากรแร่และพลังงาน นับเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับผู้กำหนดนโยบาย ผู้นำธุรกิจ และนักวิจัยในการทำความเข้าใจภูมิทัศน์เศรษฐกิจของภูมิภาคและสนับสนุนการตัดสินใจที่อิงข้อมูล ด้วยวิธีการที่เข้มงวด หนังสือเล่มนี้ช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียระบุโอกาสและความท้าทายสำหรับการวางแผนเศรษฐกิจเชิงกลยุทธ์ได้อย่างน่าเชื่อถือ

จุดเด่นของ APO Productivity Databook 2024

  • บัญชีผลิตภาพโดยละเอียด : เปรียบเทียบสมาชิก APO กับเกณฑ์อ้างอิงระดับภูมิภาค แสดงบทบาทของทุน ปัจจัยแรงงาน และผลิตภาพปัจจัยรวม (TFP) ในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ
  • การฟื้นตัวในภาคส่วนสำคัญ : เศรษฐกิจสมาชิกอย่างไต้หวัน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และเวียดนาม แสดงความยืดหยุ่นท่ามกลางการหยุดชะงักจากโควิด-19
  • แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจและผลิตภาพ : ระหว่างปี 1970 ถึง 2022 เอเชียประสบการเติบโตของผลิตภาพที่เปลี่ยนแปลงอย่างมาก นำโดยเศรษฐกิจอย่างสาธารณรัฐจีน (ROC) อินเดีย และญี่ปุ่น ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตของ TFP ในช่วงเวลานี้
  • ผลการดำเนินงานรายภาคส่วน : สมาชิก APO บางประเทศแสดงการเติบโตที่แข็งแกร่งในภาคการผลิต ขณะที่ภาคเกษตรยังคงมีความสำคัญ โดยการเพิ่มผลิตภาพได้รับแรงหนุนจากการลงทุนในทุนและเทคโนโลยีมากขึ้น

APO Productivity Databook 2024 มีให้บริการทั้งในรูปแบบดิจิทัลและสิ่งพิมพ์ สามารถเข้าถึงและดาวน์โหลดได้ฟรีจากลิงก์ด้านล่างนี้

https://doi.org/10.61145/SQVZ2821

APO Productivity Database 2024 เครื่องมือออนไลน์ที่ให้ข้อมูลผลิตภาพของ 31 ประเทศในเอเชียและเกณฑ์มาตรฐานจากกลุ่มเศรษฐกิจทั่วโลก ได้มีการอัปเดตและเข้าถึงได้จากลิงก์ด้านล่างนี้

https://www.apo-tokyo.org/productivitydatabook/

เกี่ยวกับ APO

องค์การเพิ่มผลผลิตแห่งเอเชีย (APO) เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลระดับภูมิภาคที่มุ่งมั่นปรับปรุงผลิตภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกผ่านความร่วมมือระหว่างกัน เป็นองค์กรที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ไม่แสวงหากำไร และไม่เลือกปฏิบัติ ก่อตั้งขึ้นในปี 1961 โดยมีสมาชิกผู้ก่อตั้ง 8 ประเทศ ปัจจุบัน APO ประกอบด้วยเศรษฐกิจสมาชิก 21 ประเทศ ได้แก่ บังกลาเทศ กัมพูชา สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ฟิจิ ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี ลาว มาเลเซีย มองโกเลีย เนปาล ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ศรีลังกา ไทย ทูร์เคีย และเวียดนาม

APO กำลังกำหนดอนาคตของภูมิภาคโดยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของสมาชิกผ่านบริการให้คำปรึกษานโยบายระดับชาติ ทำหน้าที่เป็นคลังสมอง ริเริ่มการเสริมสร้างศักยภาพองค์กร และการแลกเปลี่ยนความรู้เพื่อเพิ่มผลิตภาพ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: 

https://www.businesswire.com/news/home/54137427/en

ข้อมูลติดต่อ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ :

หน่วยข้อมูลดิจิทัลของ APO : pr@apo-tokyo.org เว็บไซต์ : https://www.apo-tokyo.org

แหล่งที่มา : องค์การเพิ่มผลผลิตแห่งเอเชีย (APO)

เมืองต้าหลี่ มณฑลยูนนาน นำเสนอความสำเร็จด้านนิเวศวิทยาในงานประชุมเอ๋อไห่ และได้รับการยอมรับระดับนานาชาติ

Logo

ต้าหลี่, จีน–(BUSINESS WIRE)–22 ตุลาคม 2024

งานประชุมเอ๋อไห่ ว่าด้วยการสร้างอารยธรรมเชิงนิเวศระดับโลก ประจำปี 2024 (2024 Erhai Forum on Global Ecological Civilization Construction) ภายใต้หัวข้อ “ร่วมมือกันเพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” (Working Together to Promote Eco-Friendly Modernization) จัดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ณ เมืองต้าหลี่ มณฑลยูนนาน (Dali, Yunnan) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ในฐานะเจ้าภาพ เมืองต้าหลี่ได้นำเสนอความคิดริเริ่มด้านอารยธรรมเชิงนิเวศ ดึงดูดผู้ร่วมงานเกือบ 300 ราย จากทั้งในและต่างประเทศ และได้รับความสนใจจากนานาชาติ

The beautiful autumn scenery in Shangguan town, Dali, Yunnan, China. (Photo: Business Wire)

ทัศนียภาพฤดูใบไม้ร่วงอันงดงามใน Shangguan เมืองต้าหลี่ มณฑลยูนนาน จีน (ภาพ : Business Wire)

งานประชุมปีนี้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับความร่วมมือข้ามพรมแดนและการดำเนินโครงการ โดยมุ่งที่จะขยายผลกระทบให้ครอบคลุมพื้นที่นอกเหนือจากเมืองต้าหลี่และภูมิภาคเอ๋อไห่

ที่สำคัญ เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2024 งานประชุมได้จัดกิจกรรมคู่ขนานในยุโรปเป็นครั้งแรก โดยจัดขึ้นที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีการแบ่งปัน “ประสบการณ์เอ๋อไห่” ของจีนในระดับนานาชาติ ส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกับแนวปฏิบัติการจัดการน้ำในทะเลสาบเจนีวา ของสวิตเซอร์แลนด์ การแลกเปลี่ยนนี้ได้ช่วยเพิ่มพูนอิทธิพล ชื่อเสียง และการยอมรับในระดับโลกของงานประชุม

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองต้าหลี่ได้ดำเนินแนวคิดริเริ่ม “จีนงดงาม” (Beautiful China) อย่างแข็งขัน โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการที่แม่นยำในการปกป้องทะเลสาบเอ๋อไห่ ความพยายามเหล่านี้ได้สร้างรูปแบบการพัฒนาใหม่ที่การปกป้องสิ่งแวดล้อมและการเติบโตทางเศรษฐกิจดำเนินควบคู่กันไป บรรลุเป้าหมายคู่ขนานของทั้งความงดงามเชิงนิเวศและการพัฒนาที่ยั่งยืน

ภายในปี 2023 ปริมาณมลพิษที่ไหลลงทะเลสาบเอ๋อไห่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยแม่น้ำสายหลักทั้ง 27 สายที่ไหลสู่ทะเลสาบมีคุณภาพน้ำในเกณฑ์ดีเยี่ยมทั้งหมด

ในปีนี้ แนวคิดริเริ่ม “เอ๋อไห่ดิจิทัล” (Digital Erhai) ได้รับการคัดเลือกให้เป็นกรณีศึกษาต้นแบบสำหรับการพัฒนาดิจิทัลของจีน และ “โมเดลเอ๋อไห่ SF Express” (SF Express Erhai Model) กลายเป็นโครงการเดียวจากมณฑลยูนนานที่ได้รับการยอมรับเป็นหนึ่งในกรณีศึกษาด้านการลดมลพิษและคาร์บอนแห่งแรก ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ภายใต้แนวคิดริเริ่ม “เมืองปลอดขยะ” (Zero-Waste Cities) ของอนุสัญญาบาเซิล (Basel Convention)

ในเขต Jianchuan ทะเลสาบ Jianhu เป็นถิ่นอาศัยสำคัญของนกอพยพที่เดินทางตามแนวเทือกเขา Hengduan ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลยูนนาน ในขณะเดียวกัน ช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง ดอก Cibi ที่ใกล้สูญพันธุ์ก็กลับมาผลิบานอีกครั้ง ใกล้ทะเลสาบ Cibi ในเขต Eryuan

ในเมือง Yousuo ในเขต Eryuan ลูกกระจับสดที่เก็บเกี่ยวใหม่ ๆ กำลังถูกส่งไปยังเมืองใหญ่ เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และกว่างโจว

ตามแนวระเบียงนิเวศเอ๋อไห่ ภูมิทัศน์ที่ได้รับการฟื้นฟูอย่างสวยงามได้ขับเคลื่อนการเติบโตของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศรอบทะเลสาบ นอกจากนี้ โครงการเกษตรเชิงนิเวศหลายโครงการกำลังก่อร่างสร้างตัว ขยายโอกาสการจ้างงานแก่คนในท้องถิ่นและส่งเสริมการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน

เมืองต้าหลี่มุ่งนำเสนอภูมิปัญญาและแนวทางแก้ปัญหาแบบจีนสู่ความพยายามระดับโลกในการสร้างอารยธรรมเชิงนิเวศ ผ่านการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศและการแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ประสบความสำเร็จในการปกป้องทะเลสาบเอ๋อไห่

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54140376/en

ข้อมูลติดต่อ

Eason Zhou, evisionsinfo@gmail.com

แหล่งที่มา : สำนักงานสารสนเทศเมืองต้าหลี่

บริษัท Kolmar BNH บริษัทผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร HemoHim ได้รับการจัดประเภทเป็น NAI จากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา

Logo

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–21 ตุลาคม 2024

‘HemoHim’ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันจากบริษัท Kolmar BNH (KRX : 200130) ได้รับการรับรองระดับสากลในด้านคุณภาพ จากทั้งองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (US FDA) และคณะกรรมาธิการควบคุมดูแลผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพของออสเตรเลีย (Therapeutic Goods Administration : TGA) ซึ่งช่วยเสริมความน่าเชื่อถือในตลาดโลก

HemoHIM G, manufactured by Kolmar BNH and distributed by Atomy (Image: Kolmar BNH)

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร HemoHIM G ผลิตโดย Kolmar BNH และจัดจำหน่ายโดย Atomy (ภาพ : Kolmar BNH)

Kolmar BNH ประกาศว่า โรงงานเซจง (Sejong plant) ของตนได้รับการจัดประเภทเป็น NAI หรือ ‘ไม่มีข้อบ่งชี้ให้ดำเนินการใด ๆ’ (No Action Indicated) หลังการตรวจสอบโดยองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกาในเดือนกันยายน การจัดประเภทดังกล่าว ซึ่งเป็นการยืนยันว่า โรงงานตนเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิตที่เป็นปัจจุบัน (Current Good Manufacturing Practice : cGMP) ในแง่การควบคุมคุณภาพ อย่างสมบูรณ์ ได้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ Kolmar BNH ในฐานะผู้ผลิตและผู้พัฒนาต้นทาง (Original Development Manufacturer : ODM) ชั้นนำระดับสากล ในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ

การตรวจสอบโดย US FDA ดำเนินการเพื่อประเมินความสามารถในการจัดการคุณภาพของ Kolmar BNH โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อตอบสนองต่อการขยายการส่งออกผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร HemoHim ไปยังสหรัฐอเมริกา การจัดประเภทเป็น NAI สะท้อนการประเมินที่ครอบคลุมปัจจัยสำคัญต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงกระบวนการผลิต มาตรฐานด้านอนามัย ขั้นตอนการควบคุมคุณภาพ และการฝึกอบรมพนักงาน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรูปของเหลวที่มีความเป็นกรดต่ำ (low-acid liquid dietary supplement) HemoHim ได้ผ่านการทดสอบที่ครอบคลุมแง่มุมต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการประเมินการจัดการคุณภาพวัตถุดิบ ระดับ pH และความเสถียร และได้คะแนนเต็มในเกณฑ์ต่าง ๆ เหล่านี้

คุณภาพของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร HemoHim ได้รับการรับรองในออสเตรเลียแล้วก่อนหน้านี้ โดยในปี 2021 TGA รับรองว่า โรงงานเซจงเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิต (Good Manufacturing Practice : GMP) TGA ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการกำกับดูแลเภสัชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร) ในออสเตรเลีย ได้ออกใบรับรอง GMP โดยอิงจากการประเมินที่ครอบคลุมด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ และความเหมาะสมของกระบวนการผลิต นอกจากนี้ ภายใต้ข้อตกลงยอมรับร่วม (Mutual Recognition Arrangement : MRA) ระหว่างออสเตรเลียและยุโรป ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก TGA จะได้รับประโยชน์จากขั้นตอนการส่งออกที่คล่องตัวกว่า ภายในยุโรป

Kolmar BNH ได้ดำเนินการตามระเบียบวิธีการปฏิบัติงานมาตรฐาน (Standard Operating Procedure : SOP) ที่โรงงานเซจง ซึ่งสอดคล้องกับแนวทาง GMP สากลสำหรับการผลิตและการควบคุมคุณภาพเภสัชภัณฑ์ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน GMP ของ TGA ออสเตรเลีย บริษัทได้นำระบบตรวจสอบการผลิตแบบเรียลไทม์ (real-time production monitoring system) มาใช้ และดำเนินการทดสอบคุณภาพที่เข้มข้นกว่ามาตรฐานที่ใช้ในการควบคุมของเกาหลีเป็นอย่างมาก เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ผลิตภัณฑ์ปราศจากข้อบกพร่อง ด้วยความพยายามต่าง ๆ เหล่านี้ประกอบกัน บริษัทจึงได้รับการรับรองว่ามีคุณภาพของเภสัชภัณฑ์ที่เชื่อถือได้

จากความสำเร็จจากการได้รับการรับรองจาก FDA และ TGA นั้น Kolmar BNH วางแผนที่จะเร่งการขยายตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร HemoHim ในตลาดโลก ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร HemoHim ซึ่งเปิดตัวในปี 2006 เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันรายแรกของเกาหลีที่ได้รับการอนุมัติเป็นการเฉพาะผลิตภัณฑ์ ทำจากส่วนผสมธรรมชาติต่าง ๆ ของเกาหลี เช่น Angelica gigas, Cnidium officinale และ Paeonia japonica และจัดจำหน่ายโดย Atomy ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรหลักของ Kolmar BNH ปัจจุบันผลิตภัณฑ์นี้ส่งออกไปยังประมาณ 20 ประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกาและจีน นับตั้งแต่เปิดตัว ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร HemoHim มียอดขายสะสมกว่า 2 ล้านล้านวอน จากทั้งในและต่างประเทศ และมียอดการส่งออกสูงอย่างไม่เคยมีมาก่อน ที่กว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงรักษาตำแหน่งผลิตภัณฑ์ขายดีอันดับหนึ่งในหมวดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันในเกาหลีนานกว่าสิบปี

เจ้าหน้าที่จาก Kolmar BNH กล่าวว่า “การตรวจสอบขององค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกาเป็นมาตรฐานสำคัญในการรับรองความปลอดภัยและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ ด้วยกระบวนการตรวจสอบที่เข้มงวดและเป็นระบบ การที่เราได้รับจัดประเภทเป็น ‘ไม่มีข้อบ่งชี้ให้ดำเนินการใด ๆ’ (NAI) นั้น นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญสำหรับ Kolmar BNH เนื่องจากเป็นการยืนยันคุณภาพผลิตภัณฑ์ของเราในเวทีโลก เรามุ่งมั่นที่จะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกผ่านการพัฒนานวัตกรรมด้านคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับขอรับการรับรองมาตรฐานระดับสากลเพิ่มเติม โดยมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร HemoHim เป็นกำลังสำคัญของความพยายามในครั้งนี้”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54138541/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Kolmar Holdings
Jang Woo Lee
jay.lee@kolmar.co.kr

แหล่งที่มา : Kolmar BNH Co., Ltd.

BlueScope เปิดตัวโครงการรางวัลสำหรับภูมิภาคอาเซียนเพื่อเฉลิมฉลองความเป็นเลิศด้านสถาปัตยกรรมเหล็กระดับภูมิภาค

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–14 ตุลาคม 2024

ขณะนี้ BlueScope Steel Architectural Awards 2024 ประจำภูมิภาคอาเซียนเปิดรับโปรเจ็กต์ที่ใช้เหล็ก BlueScope ในอินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และเวียดนามแล้ว โดยรับสมัครโปรเจ็กต์เข้าชิงจากภาคส่วนอาคารที่อยู่อาศัย เชิงพาณิชย์ อุตสาหกรรม และสถาบัน หมวดหมู่ที่เพิ่มเข้ามาคือ “Long Lasting Beauty of COLORBOND®” ซึ่งเป็นรางวัลให้แก่โปรเจ็กต์ที่แม้ผ่านสภาพอากาศมาทุกรูปแบบแล้วก็ยังคงความสวยงามและความแข็งแกร่งไว้ได้ด้วยเหล็ก COLORBOND® ของ BlueScope

คุณ Connell Zhang (Chief Executive of NS BlueScope) ได้กล่าวว่า “ที่ BlueScope เรามุ่งมั่นสร้างสรรค์และสร้างแรงบันดาลใจให้กับโซลูชันเหล็กอัจฉริยะ และโครงการรางวัลใหม่ของเราก็เป็นโอกาสอันยอดเยี่ยมในการนำเสนอตัวอย่างโปรเจ็กต์สถาปัตยกรรมที่ดีที่สุดของภูมิภาคนี้ อีกทั้งยังเป็นการกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมและส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดอีกด้วย รางวัลเหล่านี้จะเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการส่งเสริมการแบ่งปันความรู้และสนับสนุนชุมชนสถาปนิกอาเซียนอันสดใสของเรา”

รางวัล BlueScope Steel Architectural Awards 2024 ประจำภูมิภาคอาเซียนได้รับการสนับสนุนจากหลากหลายองค์กรที่น่าเชื่อถือ รวมถึงสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์, Ikatan Arsitek Indonesia, University of Architecture Ho Chi Minh City, Australian Chamber of Commerce Singapore และ ACG Media Group ของมาเลเซีย คณะกรรมการตัดสินรางวัลประจำภูมิภาคอาเซียนประกอบไปด้วยผู้นำด้านแนวคิดสถาปัตยกรรมที่ได้รับการยกย่องมากมาย ได้แก่ คุณอเส สุขยางค์ นายกสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์, Dr. Ar. Tan Loke Mun ผู้อำนวยการ Archicentre Sdn Bhd ในมาเลเซีย, Ar. Achmad D. Tardiyana ผู้อำนวยการ MUUD, IAI ที่ PT. Urbane ในอินโดนีเซีย, Dr. Ar. Truong Thanh Hai รองอธิการบดี University of Architecture Ho Chi Minh City และ Ar. Richard Coulson ผู้อำนวยการ COX Architecture เกณฑ์การตัดสินจะพิจารณาจากความเป็นเลิศด้านการออกแบบ นวัตกรรม และความยั่งยืน คณะกรรมการจะประเมินด้านต่างๆ ของการออกแบบอาคาร ตั้งแต่คุณค่าทางสุนทรียภาพไปจนถึงการใช้งาน ประสิทธิภาพ และด้านอื่นๆ

คุณ Connell Zhang ได้กล่าวปิดท้ายว่า “ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมเหล็กเคลือบและทาสีระดับพรีเมียม BlueScope อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมในการสนับสนุนให้ชุมชนสถาปัตยกรรมเดินหน้าทำตามความฝันด้านการออกแบบให้กลายเป็นจริง เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้นำเสนอนวัตกรรม ความแข็งแกร่ง และความงดงามของโปรเจ็กต์ที่เรามีส่วนช่วยส่งเสริมสถาปนิก งานประกาศรางวัลจะต้องยอดเยี่ยมแน่นอนและเรารอคอยที่จะเฉลิมฉลองความสำเร็จของผู้ชนะและผู้เข้าชิงทุกคน”

การตัดสินผู้ชนะรางวัลประจำภูมิภาคอาเซียนจะจัดขึ้นในเดือนตุลาคมและประกาศรายชื่อผู้ชนะในเดือนพฤศจิกายน หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรางวัล โปรดคลิกที่นี่ https://www.nsbluescope.com/asean/bluescope-steel-architectural-asean-awards-2024-colorbond/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ผู้ติดต่อ

James Li | Vice President, Business Transformation, NS BlueScope Pte.
E: james.li@bluescope.com

ที่มา: NS BLUESCOPE

Merz Aesthetics ประกาศเปิดตัวแพลตฟอร์ม Ultherapy PRIME นวัตกรรมใหม่แห่งการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด

Logo

Ultherapy PRIME เป็นเทคโนโลยีอัลตราซาวนด์ล่าสุดที่ได้รับการรับรองจาก FDA พร้อมการถ่ายภาพแบบเรียลไทม์ ที่ให้การยกกระชับเฉพาะบุคคลและยาวนานอย่างแท้จริงซึ่งเป็นประโยชน์สูงสุดสําหรับคนไข้แต่ละราย

ราลี นอร์ทแคโรไลนา


NIPPON KINZOKU: ท่อดึงแบบเชื่อมตะเข็บที่เหนือกว่าท่อไร้ตะเข็บ การแนะนําซีรีส์ “FINE PIPE”

Logo

“พื้นผิวด้านในที่มีความแม่นยําสูง” ท่อเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดเล็ก “FINE PEEK-ST”

โตเกียว