Tag Archives: amazon

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีและ AI71 ร่วมมือกับ Amazon Web Services เพื่อขยายขอบเขตนวัตกรรม AI ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และที่อื่นๆ

Logo

ความร่วมมือนี้จะขยายการเข้าถึงโมเดล Falcon ของ TII และผลิตภัณฑ์ AI ระดับองค์กรของ AI71 ทั่วโลก โดยเน้นที่การเข้าถึง ความเป็นส่วนตัว และระบบอัตโนมัติที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการของอุตสาหกรรมต่างๆ

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ –(BUSINESS WIRE)–21 พฤษภาคม 2025

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีแห่งอาบูดาบี (TII) ซึ่งเป็นผู้สร้างโมเดล AI และโซลูชันการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวซีรีส์ Falcon ที่ได้รับการจัดอันดับในระดับโลก ตลอดจน AI71 ซึ่งเป็นบริษัท AI ชั้นนำแห่งอาบูดาบีที่มอบผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรแบบปรับแต่งได้ กำลังร่วมมือกับ Amazon Web Services (AWS) เพื่อขยายการเข้าถึงโมเดลและโซลูชัน AI ที่ผลิตในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

Technology Innovation Institute and AI71 Collaborate with Amazon Web Services to Scale AI Innovations in the UAE and Beyond (photo: AETOSWire)

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีและ AI71 ร่วมมือกับ Amazon Web Services เพื่อขยายขอบเขตนวัตกรรม AI ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และที่อื่นๆ (รูปภาพ: AETOSWire)

ด้วยการผสมผสานความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคของ TII ในโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ความเชี่ยวชาญของ AI71 ในการสร้างตัวแทน AI ขั้นสูง และบริการ AI และการเรียนรู้ของเครื่องจักรบนคลาวด์ชั้นนำของโลกจาก AWS ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกจะสามารถเข้าถึง Falcon และโซลูชัน AI ที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการ ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนแปลงวิถีการใช้ชีวิตและการทำงานของผู้คน

TII เสนอ Falcon LLM หลายรุ่นผ่าน Amazon SageMaker แล้ว และรุ่นล่าสุดยังจะวางจำหน่ายผ่าน Amazon Bedrock Marketplace อีกด้วย ซีรีส์ Falcon มีโมเดลต่างๆ มากมายที่ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในระดับแนวหน้าอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยมอบโซลูชันที่ปรับขนาดได้สำหรับความต้องการ AI ที่หลากหลาย องค์กรธุรกิจและนักพัฒนาจะสามารถบูรณาการ Falcon เข้ากับแอปพลิเคชันของตนได้ผ่านทาง API แบบจ่ายตามการใช้งาน ที่จะช่วยลดความจำเป็นในการใช้พลังการประมวลผลจำนวนมาก

ผลิตภัณฑ์ของ AI71 ถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมผู้เชี่ยวชาญในทุกภาคส่วนผ่านระบบอัตโนมัติแบบเลือกสรรและเวิร์กโฟลว์ของตัวแทน ซึ่งพร้อมให้บริการใน AWS Marketplace แล้ว โดยให้การเข้าถึงแก่ลูกค้าหลายล้านคนทั่วโลก โดย AI71 จะทำงานร่วมกับ AWS เพื่อเร่งการพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์หลักผ่านการสร้างต้นแบบอย่างรวดเร็วและการเข้าถึงล่วงหน้า

นอกเหนือจากการนำโมเดลและผลิตภัณฑ์ AI มาใช้เพิ่มมากขึ้นแล้ว TII และ AI71 ยังตั้งเป้าที่จะส่งเสริมนวัตกรรมร่วมกันในหลายพื้นที่สำคัญโดยใช้เทคโนโลยีและโซลูชัน AWS:

  •  เพิ่มการเข้าถึงเครื่องมือด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยทางไซเบอร์: การเพิ่มการเข้าถึงเครื่องมือด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยทางไซเบอร์: PetalGuard ของ TII ที่เป็นโซลูชันการรักษาความเป็นส่วนตัวที่ออกแบบมาเพื่อปรับปรุงความเป็นส่วนตัวและการปกป้องข้อมูล จะพร้อมให้บริการใน AWS Marketplace แล้ว โดยช่วยให้องค์กรต่างๆ ทั่วโลกนำเทคโนโลยีที่เน้นความเป็นส่วนตัวขั้นสูงมาใช้ได้ง่ายขึ้น
  •  เพิ่มความเป็นส่วนตัวของ AI : TII และ AWS จะทำงานร่วมกันในการวิจัยด้านการเข้ารหัส รวมถึงการเข้ารหัสแบบโฮโมมอร์ฟิกเต็มรูปแบบและการคำนวณหลายฝ่าย เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่อง AI ที่ปลอดภัยและรักษาความเป็นส่วนตัว
  •  นวัตกรรมผลิตภัณฑ์และการขยายตัวทั่วโลก: AI71 และ AWS จะทำงานร่วมกันเพื่อสร้างต้นแบบและเปิดตัวโซลูชัน AI ตัวแทนใหม่ๆ ที่เหมาะกับความต้องการขององค์กรและรัฐบาลอย่างรวดเร็ว
  •  การพัฒนาทักษะด้าน AI : AWS ยังจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับโปรแกรมการฝึกอบรมของ AI71 โดยใช้การรับรองระดับผู้บริหารที่ได้รับการสนับสนุนจาก AWS เพื่อสร้างข้อมูลประจำตัวด้าน AI ที่เป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรม

ทั้งสามองค์กรมีเป้าหมายร่วมกันที่จะเป็นพันธมิตรที่รัฐบาล สถาบัน และประเทศต่างๆ ไว้วางใจในการแสวงหาโซลูชัน AI แบบครบวงจรระดับโลก

“ที่ TII เรามุ่งมั่นที่จะขยายขอบเขตของการวิจัยประยุกต์เพื่อสร้างผลกระทบในโลกแห่งความเป็นจริง ด้วยการนำ Falcon และผลิตภัณฑ์ AI อื่นๆ มาสู่ AWS เรากำลังเชื่อมช่องว่างระหว่างนวัตกรรมล้ำสมัยและการประยุกต์ใช้ในโลกแห่งความเป็นจริง ส่วนสำคัญของภารกิจนี้คือการพัฒนาการเรียนรู้ของเครื่องจักรที่รักษาความเป็นส่วนตัวด้วยกรอบงานใหม่ๆ ที่ปกป้องข้อมูลตลอดวงจรชีวิตของ AI นอกจากนี้ เรายังทำให้ AI ที่ขับเคลื่อนด้วยการวิจัยที่ล้ำสมัยเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และทำให้เทคโนโลยี UAE ดั้งเดิมเป็นที่รู้จักในตลาดที่มีผู้เล่นเพียงไม่กี่ราย” ดร. Najwa Aaraj ซีอีโอของ TII กล่าว

“ที่ AI71 เรากำลังสร้าง AI รุ่นต่อไปที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อกำหนดนิยามใหม่ให้กับการดำเนินงานของอุตสาหกรรม การเป็นพันธมิตรกับ AWS ช่วยให้เราปรับขนาดได้เร็วขึ้น ขยายข้อเสนอของเรา และพัฒนาในตลาดต่างประเทศด้วยความเร็วและผลกระทบที่มากขึ้น ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการทดสอบ ปรับแต่ง และเสริมความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์ของเราให้เกินขอบเขตของภูมิภาค เร่งนวัตกรรม ปลดล็อกโมเดลธุรกิจใหม่ และร่วมมือกับบริษัท รัฐบาล และสถาบันต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนการนำ AI มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ” Chiara Marcati หัวหน้าที่ปรึกษาด้าน AI และฝ่ายธุรกิจของ AI71 กล่าว

“AWS รู้สึกภูมิใจที่ได้ก้าวไปอีกขั้นในความร่วมมือกับ TII และ AI71 เพื่อนำพลังของโมเดล Falcon ไปสู่ผู้คนในวงกว้างมากขึ้น” กล่าวโดย Tanuja Randery รองประธานฝ่ายยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกาของ AWS “เราร่วมกันส่งเสริมให้ลูกค้าสร้างแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่เป็นนวัตกรรมในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ตั้งแต่บริการทางการเงินไปจนถึงการดูแลสุขภาพ ทั้งหมดนี้ขณะเดียวกันยังคงควบคุมข้อมูลของตนเองได้”

“การนำเสนอ Falcon ผ่าน Amazon Bedrock ช่วยให้เราให้ลูกค้ามีทางเลือกและความยืดหยุ่นในการใช้ประโยชน์จากโมเดลล้ำสมัยเหล่านี้ภายในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง โมเดล Falcon ที่ผ่านการฝึกอบรมบนโครงสร้างพื้นฐาน AWS ยังคงสร้างความประทับใจให้กับนักเทคโนโลยีทั่วโลก ทำให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อยู่แถวหน้าของการแข่งขันนวัตกรรม AI ระดับโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ธุรกิจ วัฒนธรรม และสังคม”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250521645833/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ที่มา: AETOSWire

Contacts

Victoria Meven
Victoria.meven@edelman.com

ที่มา: Technology Innovation Institute

Veea, O.N.E. Amazon และ AECOM ร่วมกันสร้างเครือข่าย Internet of Forests (IoF) โซลูชันคอมพิวเตอร์แบบไฮบริด Edge-Cloud เพื่อปกป้องชีวนิเวศป่าฝนและสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น

Logo

โครงการ IoF แรกจะมีการสาธิตสดที่งานประชุมว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของสหประชาชาติ (COP 16) ในเมืองกาลิ โคลอมเบีย ในเดือนตุลาคม 2024

นิวยอร์ก และกาลิ, โคลอมเบีย–(BUSINESS WIRE)–29 ตุลาคม 2024

Veea (NASDAQ : VEEA) ผู้นำรายแรกในตลาดด้านเครือข่ายมัลติแอ็กเซสแบบไฮเปอร์คอนเวอร์จ (hyperconverged multiaccess) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ได้จับมือกับรัฐบาลโคลอมเบีย, O.N.E. Amazon และ AECOM ร่วมกันติดตั้งโซลูชันแบบไฮบริดที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้าและหลากหลาย ซึ่งประกอบด้วยผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์และการสื่อสารแบบ Edge-Cloud ในพื้นที่อนุรักษ์ที่ได้รับการคุ้มครองจากรัฐบาลโคลอมเบีย วัตถุประสงค์ของการติดตั้งครั้งนี้คือเพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์สุขภาพของป่าฝนและเชื่อมโยงทุกเฮกตาร์ของป่าเข้าสู่ระบบดิจิทัล เพื่อมอบประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนแก่ชุมชนในชนบท โครงการริเริ่ม Internet of Forests นี้เป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของแต่ละหน่วยงานต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ซึ่งมุ่งส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองขณะเดียวกันก็ปกป้องโลกใบนี้ด้วย

ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งทวีปอเมริกากล่าวว่า “ความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศทั่วโลกกำลังลดลง และแรงกดดันที่นำไปสู่การลดลงดังกล่าวยิ่งเพิ่มมากขึ้น ทำให้ต้องการการดำเนินการเร่งด่วนเพื่อผันกลับความสูญเสียทางธรรมชาติและหลีกเลี่ยงการสูญพันธุ์ขนานใหญ่ครั้งที่ 6 (IPBES, 2019) ตั้งแต่ปี 1970 ทั่วโลกมีการลดลงโดยเฉลี่ยของประชากรสัตว์ถึง 69% ในขณะที่ภูมิภาคละตินอเมริกาและแคริบเบียนอยู่ในอันดับสูงสุดของรายชื่อนี้ โดยมีการลดลงที่น่าตกใจถึง 94% (WWF, 2022)” โครงสร้างเทคโนโลยีขั้นสูงของ IoF ได้รับการออกแบบมาไม่เพียงเพื่อช่วยรักษาระบบนิเวศของอุทยาน Chiribiquete อุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดของโคลอมเบียและเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกเท่านั้น แต่ยังเพื่อเผยคุณค่าที่แท้จริงของทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญที่สุดของโลก ซึ่งมุ่งสู่การบริหารจัดการและปกป้องป่าฝนอะเมซอนอย่างยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไปในอนาคต

“เมื่อเราให้การมองเห็นทางโลกดิจิทัลกับสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลก เราเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการอนุรักษ์ สร้างการมีส่วนร่วม และพัฒนาการเติบโตทางเศรษฐกิจ” Allen Salmasi ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Veea กล่าว “ด้วยโซลูชันขั้นสูงอย่าง digital twins นั้น IoF มีศักยภาพในการแปลง (transformative capabilities) ที่สามารถคำนวณและมองเห็นสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติได้ในวิธีใหม่หมดจด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอนุรักษ์และสร้างอนาคตที่ยั่งยืน”

โครงการริเริ่ม IoF จะช่วยให้สามารถตรวจสอบและเก็บข้อมูลได้โดยละเอียด โดยเริ่มจากเซ็นเซอร์ภาคพื้นดินและกล้องที่ติดตั้งในป่าฝน ซึ่งข้อมูลที่เก็บได้จะถูกประมวลผลในพื้นที่ด้วยอุปกรณ์ VeeaHub ที่ทำงานในระบบคลัสเตอร์แบบ mesh ที่ติดตั้งในโซนต่าง ๆ ที่ได้รับการคัดเลือกอย่างรอบคอบทั่วป่าฝน โดยใช้การเชื่อมต่อดาวเทียมเป็นตัวสนับสนุน การผสานข้อมูล (data fusion) ผ่านการรวมข้อมูลภาคพื้นดินที่ได้รับการประมวลผลจากแหล่งที่มาต่าง ๆ เข้ากับข้อมูลจาก LIDAR ที่ใช้ดาวเทียม และ/หรือภาพความละเอียดสูง พร้อมการแมชชีนเลิร์นนิงและ AI ช่วยให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญและความรู้ขั้นสูงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์ สภาพแวดล้อม กิจกรรมของมนุษย์ ตัวแปรชีวฟิสิกส์ และทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ ความสามารถหลากหลายที่ติดตั้งใน IoF นี้ทำให้สามารถสร้างกลไกการตรวจสอบ การรายงาน และการยืนยัน (monitoring, reporting and verification : MRV) ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถให้ข้อมูลสภาพของพื้นดินแบบเรียลไทม์ เช่น การเริ่มต้นของไฟป่า การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน เช่น การตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ขณะเดียวกันยังช่วยในการปกป้องและส่งเสริมสิทธิและความเป็นอยู่ของชุมชนท้องถิ่น

Rodrigo Veloso ซึ่งเป็น CEO ของ O.N.E. Amazon กล่าวว่า “ภารกิจของเราคือการขับเคลื่อนโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมที่ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยเกือบ 50 ล้านคนในภูมิภาคอะเมซอน ในขณะเดียวกันก็ช่วยรักษาชีวนิเวศ (biome) ไว้สำหรับคนรุ่นหลัง”

Robert Spencer หัวหน้าฝ่ายธรรมชาติและความยั่งยืนระดับโลกของ AECOM กล่าวว่า “เทคโนโลยีด้านธรรมชาติกำลังปฏิวัติวิธีการตัดสินใจเกี่ยวกับป่าฝนเขตร้อนอะเมซอนที่เป็นเอกลักษณ์และชุมชนที่พึ่งพาอยู่ การใช้ข้อมูลสดช่วยให้เรามั่นใจได้ว่า การดำเนินการของเรามีประสิทธิภาพและยั่งยืน AECOM มุ่งมั่นที่จะผลักดันการตัดสินใจที่ดีขึ้นและผลลัพธ์ของชุมชนผ่านความร่วมมือที่มีธรรมชาติเป็นโฟกัสนี้”

แพลตฟอร์ม IoF ที่สร้างโดยพันธมิตรในระบบนิเวศนี้ไม่เพียงแต่มีศักยภาพในการปกป้องระบบนิเวศป่าฝนและการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมสำหรับชุมชนท้องถิ่นด้วย ซึ่งจะช่วยให้แอปพลิเคชันที่ใช้ Edge AI สามารถสนับสนุนธุรกิจที่ยั่งยืน เช่น เกษตรอัจฉริยะด้วยการเกษตรที่มีความแม่นยำ การจัดการน้ำ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การผลิตพลังงานหมุนเวียนที่หลากหลาย และการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

แพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์แบบไฮบริด Edge-Cloud ของ Veea ช่วยให้เกิดเครือข่ายขั้นสูงและแอปพลิเคชัน Edge ที่รองรับโดยการเชื่อมต่อและการจัดการแอปพลิเคชันที่ครอบคลุม รวมถึงบล็อกเชน IoT/IIoT/AIoT และเทคโนโลยีการจัดการข้อมูล ซึ่งทั้งหมดนี้ผสานรวมกันให้โซลูชัน “last-hectare” ที่ครบวงจรในป่าฝน เช่น :

  • การเข้าถึงเนื้อหาที่แคชไว้ในพื้นที่และอัปเดตเป็นประจำสำหรับการศึกษา การดูแลสุขภาพ การฝึกอบรม ข่าว และความบันเทิง
  • การวางแผนและการจัดการโซลูชันพลังงานหมุนเวียนในราคาย่อมเยา
  • การติดตามมลพิษทางน้ำ คุณภาพอากาศ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

เกี่ยวกับ Veea

Veea® ทำให้การใช้ชีวิตและการทำงานที่ขอบเครือข่ายง่ายขึ้นและปลอดภัยยิ่งขึ้น Veea ได้รวมการประมวลผลแบบหลายผู้เช่า การสื่อสารแบบมัลติแอคเซสหลายโปรโตคอล การจัดเก็บข้อมูลที่ขอบเครือข่าย และโซลูชันด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ไว้ในผลิตภัณฑ์ที่บริหารจัดการทั้งบนคลาวด์และที่ขอบเครือข่ายแบบครบวงจร ผลิตภัณฑ์ Multiaccess Edge Computing (MEC) ของ Veea ซึ่งพัฒนาขึ้นตั้งแต่ต้นในรูปแบบขนาดกะทัดรัด ได้นำฟังก์ชันการทำงานที่โดยปกติจะได้รับจากการรวมกันของเซิร์ฟเวอร์, อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลบนเครือข่าย (Network Attached Storage หรือ NAS), เราท์เตอร์, ไฟร์วอลล์, จุดเชื่อมต่อ Wi-Fi (Access Points หรือ AP), เกตเวย์ IoT, การเข้าถึงไร้สาย 4G หรือ 5G และการประมวลผลบนคลาวด์ (Cloud Computing หรือ CC) มารวมไว้ในผลิตภัณฑ์เดียวกัน ที่มีการบูรณาการระบบฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และระบบต่าง ๆ ซึ่งผู้ปฏิบัติงานด้าน IT/OT จะต้องดูแลรักษา เมื่อเปรียบเทียบกับโซลูชันแบบเดิมแล้ว Veea Edge Platform ให้ประสิทธิภาพในการตอบสนองแอปพลิเคชันที่สูงขึ้น เพิ่มความปลอดภัยด้านไซเบอร์ ปกป้องข้อมูล และมีการรับรู้ตามบริบท รวมถึงลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งข้อมูลและค่าใช้จ่ายรวมของการเป็นเจ้าของ ทั้งยังติดตั้ง ใช้งาน ตรวจสอบ และบำรุงรักษาเครือข่ายขอบได้อย่างง่ายดาย ผลิตภัณฑ์ VeeaHub ใช้เซิร์ฟเวอร์ที่รันด้วยระบบ Linux ซึ่งมีสภาพแวดล้อมซอฟต์แวร์ที่จำลองแบบเสมือนอย่างครบถ้วนสำหรับแอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นในรูปแบบคลาวด์โดยใช้คอนเทนเนอร์ Docker™ ที่มีการรักษาความปลอดภัยสูง โดยมีการแยกข้อมูลผู้ใช้และแอปพลิเคชันออกจากกันอย่างเข้มงวด รวมถึงมีการสร้างเครือข่ายที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ (Software Defined Networking หรือ SDN) และการจำลองฟังก์ชันของเครือข่าย (Network Function Virtualization หรือ NFV) ที่ครอบคลุมความปลอดภัยทางไซเบอร์เพื่อส่งมอบเครือข่ายแบบมัลติฟังก์ชันผ่านเครือข่ายเชื่อมต่อและประมวลผล โซลูชันครบวงจรที่ติดตั้งได้ง่ายนี้มีการจัดการอุปกรณ์ แอปพลิเคชัน และบริการเสริมต่าง ๆ จากคลาวด์อย่างครบวงจร พร้อมการเข้าถึงเครือข่ายแบบ Zero Trust Network Access (ZTNA) และบริการ Secure Access Service Edge (SASE) ที่ใช้ 5G ซึ่งติดตั้งได้อย่างง่ายดายที่เลือกติดตั้งได้ Veea Edge Platform รองรับการเชื่อมต่อโดยตรงจากเครือข่ายไฟเบอร์ออปติก เครือข่ายเซลลูลาร์ และดาวเทียม สู่เครือข่ายท้องถิ่นที่สร้างขึ้นโดยกลุ่มเครือข่าย VeeaHub ที่เชื่อมต่อกับ Wi-Fi และอุปกรณ์ IoT ในลักษณะเดียวกับการจัดการเครือข่ายเซลลูลาร์ ซึ่งเป็นความสามารถที่ได้รับการจดสิทธิบัตรภายใต้ชื่อการแบ่งเครือข่าย (Network Slicing) นอกจากนี้ Veea Developer Portal และเครื่องมือพัฒนายังช่วยให้การพัฒนาแอปพลิเคชันที่ขอบเครือข่ายเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว พร้อมความสามารถในการรองรับ Edge AI เป็นทางเลือกเสริม Veea ได้พัฒนาโซลูชันที่คุ้มค่าหลากหลายสำหรับข้อเสนอ B2B และ B2B2C ผ่านผู้ให้บริการ ผู้จัดจำหน่ายพันธมิตร ระบบอินทิเกรเตอร์ พันธมิตรด้านองค์กร และหน่วยงานรัฐบาล สำหรับการใช้งานด้านการค้าปลีกอัจฉริยะ การก่อสร้างอัจฉริยะ โลจิสติกส์และคลังสินค้าอัจฉริยะ การเกษตรอัจฉริยะ อาคารอัจฉริยะ โรงเรียนอัจฉริยะ โรงพยาบาลอัจฉริยะ พิพิธภัณฑ์อัจฉริยะ ไปจนถึงเมืองอัจฉริยะ Veea ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในนครนิวยอร์ก โดยมีประวัติอันยาวนานในด้านนวัตกรรมเครือข่ายขั้นสูง เทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบไร้สายและการประมวลผล รวมถึงมีสิทธิบัตรที่ได้รับการอนุมัติกว่า 103 รายการ และกำลังรอการอนุมัติอีก 33 รายการในเทคโนโลยีหลักด้านการประมวลผลที่ขอบเครือข่ายแบบมัลติฟังก์ชัน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม veea.com และติดตามเราทาง X และ LinkedIn

เกี่ยวกับ O.N.E. Amazon

ในฐานะผู้บุกเบิกการผสานรวมด้านความยั่งยืน การทำโทเคไนเซชัน (tokenization) เทคโนโลยี และตลาดการเงิน O.N.E. Amazon พัฒนาโซลูชันนวัตกรรมเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ภารกิจของบริษัทคือการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในภูมิภาคอะเมซอนผ่านกองทุนเพื่อผลกระทบเชิงบวก O.N.E. Amazon ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาล เจ้าของที่ดินภาคเอกชน ชนเผ่าพื้นเมือง องค์กรไม่แสวงหากำไร และภาคธุรกิจในดินแดนป่าฝนอะเมซอนครอบคลุมพื้นที่โบลิเวีย บราซิล โคลอมเบีย เอกวาดอร์ กายอานา เปรู ซูรินาเม เวเนซุเอลา และเฟรนช์เกียนา เยี่ยมชมได้ที่ www.oneamazon.com

เกี่ยวกับ AECOM

AECOM คือบริษัทที่ปรึกษาด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเชื่อถือระดับโลก บริการระดับมืออาชีพตลอดวงจรชีวิตของโครงการ ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การวางแผน การออกแบบและวิศวกรรม ไปจนถึงการบริหารจัดการโครงการและการก่อสร้าง ลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนไว้วางใจให้เราแก้ไขความท้าทายที่ซับซ้อนที่สุดในโครงการต่าง ๆ ครอบคลุมด้านการขนส่ง อาคาร น้ำ พลังงานใหม่ และสิ่งแวดล้อม ทีมงานของเราขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายร่วมกันในการสร้างโลกที่ดีกว่าผ่านความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคและดิจิทัลที่ไม่มีใครเทียบ ผ่านวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียม ความหลากหลาย และการอยู่ร่วมกัน รวมถึงความมุ่งมั่นต่อเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล AECOM เป็นบริษัทในกลุ่ม Fortune 500 โดยธุรกิจบริการระดับมืออาชีพมีรายได้ 14.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณ 2023 ติดตามวิธีการที่เรากำลังสร้างมรดกแห่งความยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไปได้ที่ aecom.com และ @AECOM

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ
สื่อมวลชนติดต่อ :
James Christopherson
Sterling Communications สำหรับ Veea Inc.
veea@sterlingpr.com

แหล่งที่มา : Veea

.

.