Category Archives: Food & Beverage

Prefer เปิดตัวกาแฟละลายน้ำและผงโกโก้สำหรับอุตสาหกรรมอาหาร โดยระดมทุนในรอบ Pre-A ได้เกินเป้าหมายถึง 4.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อกระตุ้นการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ

Logo

รอบการระดมทุนที่ร่วมกันโดย At One Ventures และ Chancery Hill Capital พร้อมกับการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องจาก Forge Ventures

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–13 สิงหาคม 2025

Prefer เป็นสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอาหารจากสิงคโปร์ที่นำกระบวนการหมักมาสร้างสรรค์รสชาติและส่วนผสมที่เข้าถึงได้และยั่งยืน ประกาศในวันนี้ว่าระดมทุนได้เกินเป้าหมายถึง 4.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ กาแฟผงสำเร็จรูปและผงโกโก้ นอกจากนี้ บริษัทยังประกาศความร่วมมือทางการค้าเป็นครั้งแรกเพื่อขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศกับบริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด และ The Coffee Ferm ในประเทศไทยและออสเตรเลียตามลำดับ

รสชาติของ Prefer ผลิตจากผลพลอยได้จากการผลิตอาหาร เช่น ข้าวและถั่วเหลือง ได้รับการพัฒนาโดยใช้กระบวนการหมักและคั่วที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท บริษัทได้จัดหารสชาติและส่วนผสมให้กับแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) ผู้ผลิตอาหาร ผู้ค้าปลีกภายใต้แบรนด์ของตนเอง และบริษัทผลิตรสชาติต่างๆ ด้วยการนำเสนอส่วนผสมในราคาที่เข้าถึงได้ ที่ให้รสชาติและคุณประโยชน์เทียบเท่ากาแฟและโกโก้ และลดการปล่อยคาร์บอนได้ด้วย

จากการวิเคราะห์วงจรชีวิตของกาแฟ พบว่ากาแฟของ Prefer มีการปล่อยมลพิษต่ำกว่าถึง 85% และมีราคาถูกกว่ากาแฟอาราบิก้าแบบดั้งเดิมในตลาดปัจจุบันถึง 50%

Prefer ขอเชิญชวนบริษัทกาแฟและโกโก้มาเชื่อมต่อและทดลองชิมส่วนผสมต่างๆ ผ่านทางเว็บไซต์โดยจะนำเสนอส่วนผสมที่ผ่านการพิสูจน์แล้วในเชิงพาณิชย์แก่พันธมิตร ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน เสริมสร้างความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน และช่วยรักษาโลกอีกด้วย

“ด้วยการสนับสนุนจากพันธมิตรใหม่ของเรา คุณภาพของผลิตภัณฑ์ใหม่ของเรา รวมถึงความมุ่งมั่นของทีมงานนี้ เราจึงอยู่ในตำแหน่งที่เป็นเอกลักษณ์ที่จะทำให้แน่ใจว่ากาแฟและโกโก้ของเราสามารถเข้าถึงได้โดยคนทั่วไป ขณะเดียวกันก็เคารพโลกของเราด้วย” Jake Berber ผู้ก่อตั้งร่วมและซีอีโอ กล่าว

การระดมทุนรอบนี้ทำให้ Prefer มีส่วนของผู้ถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 6.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีนักลงทุนหลักคือ At One Ventures และ Chancery Hill Capital ร่วมกับ Forge Ventures ซึ่งเป็นนักลงทุนเดิม

“เราอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงระบบอาหาร ซึ่งเป็นการแยกผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคอันเป็นที่รักออกจากห่วงโซ่อุปทานที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม” Helen Lin หุ้นส่วนของ At One Ventures และสมาชิกคณะกรรมการของ Prefer กล่าว

โดยล่าสุดทางสตาร์ทอัพได้นำผลิตภัณฑ์กาแฟของตนเข้าสู่เชิงพาณิชย์ผ่านช่องทางบริการอาหาร โดยร่วมมือกับ Melvados ซึ่งเป็นธุรกิจอาหารของสิงคโปร์

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ประกาศความร่วมมือทางการค้าระหว่างประเทศเป็นครั้งแรกอีกด้วย ในประเทศไทย Prefer กำลังทำงานร่วมกับบริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่ยั่งยืนภายใต้เครื่องดื่มกาแฟที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ “กินดี อยู่ดี (Eat Well, Live Well)” ส่วนในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ บริษัทได้ร่วมมือกับ The Coffee Ferm ซึ่งจะให้สิทธิ์ใช้ทรัพย์สินทางปัญญาด้านรสชาติของ Prefer เพื่อขยายการผลิตและจัดจำหน่ายภายในประเทศ

โดย Prefer มีแผนที่จะขยายโรงงานผลิตนำร่องผ่านผู้ผลิตในตลาดหลัก ขยายการวิจัยและพัฒนาในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์รสโกโก้ และขยายความร่วมมือระดับโลก โดยมุ่งเน้นไปที่ตลาดเอเชีย

เกี่ยวกับ Prefer

Prefer ก่อตั้งขึ้นในปี 2022 โดย Jake Berber และ Ding Jie Tan เป็นบริษัทเทคโนโลยีอาหารในสิงคโปร์ที่ใช้กระบวนการหมักเพื่อสร้างสรรค์รสชาติและส่วนผสมที่ราคาไม่แพงและยั่งยืน โดย Prefer เริ่มต้นด้วยกาแฟและโกโก้ เพื่อเปลี่ยนวัตถุดิบที่ผ่านการอัพไซเคิลให้กลายเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร

ชุดสำหรับสื่อ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ติดต่อสื่อมวลชน:
Prefer
Jake Berber, jake@prefer.bio

ที่มา: Prefer

Lofted Custom Spirits เปิดตัวโปรแกรม “การเป็นเจ้าของร่วมแบบสลับกัน”

Logo

 โรงงานแปรรูปแห่งใหม่สามารถช่วยให้แบรนด์พาร์ทเนอร์ปลดล็อกการลดหย่อนภาษีที่สำคัญได้

หลุยส์วิลล์, รัฐเคนตักกี้–(BUSINESS WIRE)–04 สิงหาคม 2025

Lofted Custom Spirits ที่เป็นโรงกลั่นวิสกี้แบบสั่งทำพิเศษแห่งแรกและชั้นนำของประเทศ ได้ประกาศเปิดตัวโปรแกรม “การเป็นเจ้าของร่วมแบบสลับกัน” ใหม่ในวันนี้ ซึ่งช่วยให้พาร์ทเนอร์ได้รับประโยชน์จากอัตราภาษีสรรพสามิตที่ลดลงเป็นอย่างมาก ด้วยใบอนุญาต DSP ของตนเองและโรงงานแปรรูปเฉพาะของ Lofted ที่คราฟต์แบรนด์จะได้รับสิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่จากการลดหย่อนภาษีภายใต้พระราชบัญญัติปรับปรุงเครื่องดื่มคราฟต์ (CBMA) และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 6 ดอลลาร์ต่อพรูฟแกลลอน

ภายใต้กฎ CBMA ในปัจจุบัน เฉพาะ DSP ที่ดำเนินกิจกรรมการแปรรูปนอกเหนือจากการบรรจุขวด เช่น การผลิต การผสม การกรอง หรือการเติมแต่งรสชาติเท่านั้นที่สามารถขออัตราภาษีสรรพสามิตของรัฐบาลกลางที่ลดลงได้สูงถึง 100.000 พรูฟแกลลอนต่อปี การเป็นเจ้าของร่วมแบบสลับกันของ Lofted Custom Spirits จะช่วยเปิดโอกาสให้สามารถประหยัดภาษีที่สอดคล้องกับมาตรฐาน TTB ซึ่งไม่สามารถทำได้โดยโรงกลั่นตามสัญญาอื่นๆ ในรัฐเคนตักกี้

“Lofted Custom Spirits สร้างโปรแกรมนี้ขึ้นมาเช่นเดียวกับที่เราสร้างธุรกิจของเรา นั่นคือ บนพื้นฐานของความร่วมมือที่แท้จริง ความซื่อสัตย์ในการดำเนินงาน คุณภาพสูงสุด และการปฏิบัติตามกฏระเบียบอย่างเคร่งครัด รากฐานแห่งความไว้วางใจนี้หมายความว่าลูกค้าของเราสามารถทุ่มเทพลังให้กับการสร้างแบรนด์ได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับกระบวนการและกฎระเบียบ” กล่าวโดย Mark Erwin ซีอีโอของ Lofted Spirits บริษัทแม่ของ Lofted Custom Spirits, Bardstown Bourbon Company และ Green River Distilling Co.

ในโรงงานแปรรูปที่เพิ่งติดตั้งใหม่ ทาง Lofted Custom Spirits จะยังคงให้การสนับสนุนเชิงปฏิบัติงาน รวมถึงแรงงานภายใต้ใบอนุญาต DSP ของลูกค้า เพื่อให้มั่นใจถึงการดำเนินงานที่ราบรื่นและต่อเนื่อง

“เราทำงานอย่างใกล้ชิดกับ TTB เพื่อนำเสนอบริการนี้ที่รับประกันในประสิทธิภาพการดำเนินงาน รวมถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบของอุตสาหกรรมอย่างครบถ้วน เช่นเดียวกับการขยายธุรกิจในทุกครั้งที่ผ่านมา เราได้สร้างสรรค์โปรแกรมนี้ขึ้นมาด้วยจิตวิญญาณแห่งความร่วมมืออย่างแท้จริงกับแบรนด์ต่างๆ ที่ไว้วางใจให้เราดูแลแบรนด์วิสกี้ของพวกเขาให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง” กล่าวโดย Erwin

“การเป็นเจ้าของร่วมแบบสลับกัน” พร้อมให้บริการแล้วทั้งลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ไปที่ LoftedSpirits.com

เกี่ยวกับ LOFTED SPIRITS

จากการผลิตเบอร์เบินตามสั่งไปจนถึงแบรนด์ที่ก้าวล้ำนำสมัย Lofted Spirits คือจุดบรรจบของประเพณีและการเปลี่ยนแปลงที่ได้ต่อยอดจากผลงานที่ Peter Loftin เริ่มต้นไว้ในปี 2016 และปัจจุบันเป็นผู้ผลิตวิสกี้ตามสัญญาอันดับหนึ่งของรัฐเคนตักกี้ ทาง Lofted Spirits ได้บุกเบิกแนวทางระดับโลกที่พลิกโฉมอุตสาหกรรมสำหรับการกลั่นตามสัญญาแบบกำหนดเอง พร้อมกับพัฒนาแบรนด์ที่เติบโตเร็วที่สุดอย่าง American Whiskey, Bardstown Bourbon และ Green River โดย Lofted Spirits เป็นองค์กรที่รวมเป็นหนึ่งเดียว ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมวิสกี้ระดับโลก มอบประสบการณ์อันเหนือชั้นผ่านนวัตกรรม ความไว้วางใจ และผลกระทบเชิงบวกต่ออุตสาหกรรม พร้อมกับรังสรรค์วิสกี้ที่เป็นที่ต้องการและได้รับรางวัลมากที่สุดในโลก นอกจากนี้ Lofted Spirits ยังได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัท Pritzker Private Capital ในปี 2022 อีกด้วย เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ LoftedSpirits.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250804995682/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Holly Weyler
hweyler@loftedspirits.com
502,836,8715

ที่มา: Lofted Custom Spirits

Kaneka ได้รับใบรับรองฮาลาลสำหรับ KANEKA UBIQUINOL TM

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–09 กรกฎาคม 2025

Kaneka Corporation (สำนักงานใหญ่: เขตมินาโตะ โตเกียว; ประธานบริษัท: Kazuhiko Fujii) (TOKYO:4118) ได้รับ “ใบรับรองฮาลาล (หมายเลขรับรอง: 355-TSRI/24)” สำหรับส่วนผสมอาหารเพื่อสุขภาพ โดย KANEKA UBIQUINOLTM (รูปแบบที่พร้อมใช้งานของโคเอนไซม์ Q10) ชนิดผงได้รับการประเมินจากสถาบันวิจัยชะรีอะฮ์แห่งมหาวิทยาลัย Takushoku และออกโดยสมาคมมุสลิมญี่ปุ่น ซึ่งเป็นองค์กรทางศาสนา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม

Halal certificate

ใบรับรองฮาลาล

การรับรองฮาลาลเป็นระบบที่องค์กรที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการไม่มีส่วนผสมที่ห้ามใช้ตามหลักชะรีอะฮ์ (กฎหมายอิสลาม) และรับรองว่าเป็นไปตามหลักชะรีอะฮ์ เรามุ่งมั่นในการขอรับการรับรองต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าวัตถุดิบของเรามีความปลอดภัย และเรายินดีที่จะประกาศว่าเราได้รับใบรับรองฮาลาลแล้วสำหรับ KANEKA UBIQUINOLTM

ปัจจุบันประชากรมุสลิมทั่วโลกมีประมาณ 1,900 ล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,200 ล้านคนภายในปี 2030 ในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น มาเลเซียและอินโดนีเซีย ซึ่งชาวมุสลิมอาศัยอยู่ร่วมกับผู้ที่นับถือศาสนาอื่น ได้มีการนำมาตรฐานและข้อบังคับที่เข้มงวดมาใช้เพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัยและความโปร่งใสของวัตถุดิบที่ใช้ และความสำคัญของการรับรองฮาลาลก็เพิ่มมากขึ้น ด้วยการได้รับใบรับรองฮาลาลนี้ เราคาดว่าจะสามารถขยายยอดขายได้ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ตามพันธกิจของ KANEKA ที่ยึดหลัก “สุขภาพที่ดีต้องมาก่อน” เราจะยังคงตอบสนองต่อความต้องการต่างๆ ด้วยการจัดหาผลิตภัณฑ์ บริการ และคุณค่าที่มีคุณภาพสูงเพื่อให้สังคมมีสุขภาพดีขึ้น เป้าหมายของเราคือการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของผู้คนและทำให้สังคมมีความสะดวกสบายมากขึ้นในหลากหลายสาขา   

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250708279133/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย    

Contacts

KANEKA CORPORATION
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
Wakana Sawada Info_Pro@kaneka.co.jp

ที่มา: Kaneka Corporation



Papa Johns เปิดตัว Croissant Pizza เป็นครั้งแรก มอบความกรอบอร่อยที่ไม่เคยมีมาก่อนให้กับเหล่าผู้ชื่นชอบพิซซ่าทั้งหลาย

Logo

พิซซ่าจะถูกส่งมาในกระเป๋าใส่ของร้อนที่ออกแบบร่วมกับ Colm Dillane ผู้บุกเบิกวงการแฟชั่น ศิลปิน และผู้ก่อตั้ง KidSuper ให้กับแฟนๆ ผู้โชคดีจำนวนหนึ่ง

ดูไบ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–10 มิถุนายน 2025

Papa Johns กำลังยกระดับประสบการณ์พิซซ่าด้วยการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ล่าสุดทั่วโลก: Croissant Pizza โฉมใหม่ โดย Croissant Pizza เป็นการผสมผสานระหว่างเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุนของครัวซองต์เนยกับรสชาติที่เข้มข้นของพิซซ่า Papa Johns อย่างลงตัว นำเสนอส่วนผสมที่ดีกว่าของแบรนด์ ซึ่ง Better Pizza.® นี้ให้สัญญาว่าจะคงอยู่ต่อไปด้วยฝีมือ คุณภาพ และนวัตกรรม

Papa Johns Croissant Pizza takes the brand’s signature promise of Better Ingredients. Better Pizza. even further – delivering innovation, craftsmanship and quality through every crisp, buttery layer.

Papa Johns Croissant Pizza นำเสนอคำมั่นสัญญาอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Better Ingredients. Better Pizza. ไปไกลกว่านั้นด้วยการนำเสนอนวัตกรรม งานฝีมือ และคุณภาพผ่านทุกชั้นของขนมปังที่กรอบและเนย

พิซซ่าที่รังสรรค์อย่างพิถีพิถันนี้สมควรได้รับการนำเสนอในสไตล์ศิลปะที่ล้ำสมัย นั่นเป็นเหตุผลที่ Papa Johns ร่วมมือกับ KidSuper เพื่อออกแบบกระเป๋าใส่ของร้อนรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น Papa Johns x Kid Super Hot Bag ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากฝีมือการรังสรรค์ของ Croissant Pizza

Croissant Pizza เปิดตัวในเก้าตลาด โดยจะปรากฏตัวครั้งแรกในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ Croissant Pizza ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากแป้งพิซซ่าแบบคลาสสิก มอบความกรอบ เบา และชั้นแป้งที่นุ่มละมุนราวกับถักเป็นชั้นๆ ด้วยความอร่อยที่ลงตัว ลูกค้าสามารถเลือกหน้าพิซซ่าได้ตามต้องการเพื่อรสชาติที่เข้มข้น

Chris Lyn-Sue รองประธานอาวุโส กรรมการผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศของ Papa Johns กล่าวว่า “ในฐานะแบรนด์ที่สร้างสรรค์นวัตกรรม ความโดดเด่น และคุณภาพ เราแสวงหาแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมอาหารทั่วโลกอยู่เสมอ และเปลี่ยนวัฒนธรรมเหล่านี้ให้กลายเป็นประสบการณ์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นและโดดเด่น เราได้ทำการวิจัยอย่างละเอียดเพื่อทำความเข้าใจว่าผู้บริโภคต้องการอะไรจากนวัตกรรมระดับโลกครั้งต่อไปของเรา ซึ่ง Croissant Pizza ได้รับคะแนนอย่างสูงในทุกตลาด”

“นอกจากนี้ เรายังสำรวจถึงการเพิ่มขึ้นของการผสมผสานครัวซองต์ในวัฒนธรรมอาหาร ตั้งแต่ 'โครนัท (Cronut)' ไปจนถึง 'ครู๊คกี้ (Crookie)' และมองเห็นโอกาสในการนำนวัตกรรมเดียวกันนี้มาใช้กับพิซซ่า หลังจากใช้เวลาพัฒนามาหนึ่งปี เราภูมิใจที่ได้รวมเอาไอคอนสุดโปรดสองอันเข้าไว้เป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งเดียวที่น่าลิ้มลองและอร่อย ซึ่งนำเสนอความสดใหม่และน่าตื่นเต้นให้กับหมวดหมู่ QSR”

KidSuper เป็นที่รู้จักในด้านการออกแบบที่เน้นแนวคิดและภาษาภาพที่โดดเด่นซึ่งฝังรากอยู่ในเรื่องราว โดยนำเสนอแนวทางที่สนุกสนานแต่ยังยกระดับให้กับกระเป๋าใส่ของร้อน Papa Johns ที่ออกแบบเองโดยเฉพาะสำหรับ Croissant Pizza โดยกระเป๋าใบนี้ได้เฉลิมฉลองความคิดสร้างสรรค์และงานฝีมือที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของงานฝีมือจาก Croissant Pizza รวมถึงความมุ่งมั่นในคุณภาพของ Papa Johns ซึ่งสายกระเป๋าที่ทอขึ้นนั้นสะท้อนถึงเปลือกพิซซ่าที่ถักอย่างแน่นหนาและทำด้วยมือ ซิปโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวอย่างประณีต และขอบที่นุ่มที่เลียนแบบรอยพับฟูของแป้งพิซซ่าอันโด่งดัง โดย Papa Johns x KidSuper Hot Bag จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือนนี้ในงาน Paris Fashion Week Men's Spring/Summer 2026 (SS26) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง KidSuper

ในขณะที่ Croissant Pizza เปิดตัวทั่วโลก Papa Johns x KidSuper Hot Bag จะวางจำหน่ายบนรันเวย์ ชายหาด และนิทรรศการในตลาดที่เลือกไว้ ลูกค้าที่เลือกจุดหมายปลายทางเหล่านี้ที่สั่ง Croissant Pizza จะได้รับการจัดส่งด้วย Papa Johns x KidSuper Hot Bag สุดพิเศษ และหากกระเป๋าใส่ของร้อนมาถึงหน้าประตูบ้านแล้ว ลูกค้าจะได้รับกระเป๋าดังกล่าวไปครอบครอง

สำหรับ Colm Dillane นักออกแบบและผู้ก่อตั้ง KidSuper ความร่วมมือนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของแฟชั่นเท่านั้น “KidSuper เป็นแบรนด์ที่ท้าทาย ซึ่งสร้างขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์ ความเสี่ยง และการยึดมั่นในจิตวิญญาณของสิ่งที่เราทำ” เขากล่าว “Papa Johns ก็เหมือนกัน นี่ไม่ใช่การเปิดตัวพิซซ่าธรรมดาทั่วไป แต่พวกเขากำลังขยายขอบเขตด้วยความคิดสร้างสรรค์และงานฝีมือ ไม่ว่าคุณจะอบแป้งพิซซ่าหรือตัดแป้งเป็นชิ้นๆ กระบวนการต่างๆ เหล่านี้ก็มีความสำคัญ”

Croissant Pizza วางจำหน่ายแล้วทั่วสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน และจะวางจำหน่ายเป็นเวลาจำกัดในตลาดที่ร่วมรายการ ตั้งแต่เกาหลี จีน ไปจนถึงชิลีและเปรู หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือค้นหา Papa Johns ที่ใกล้ที่สุด ให้ไปที่ www.papajohns.comหรือดาวน์โหลดแอป Papa Johns

เกี่ยวกับ Papa Johns

Papa John’s International, Inc. (Nasdaq: PZZA) เปิดให้บริการในปี 1984 โดยมีเป้าหมายเดียวในใจ: BETTER INGREDIENTS. BETTER PIZZA.® (“ส่วนผสมที่ดีกว่า พิซซ่าที่ดีกว่า”) Papa Johns เชื่อว่าการใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงจะทำให้ได้พิซซ่าคุณภาพเยี่ยม แป้งพิซซ่าดั้งเดิมของ Papa Johns ทำจากส่วนผสมเพียง 6 อย่างและสดใหม่ ไม่เคยแช่แข็ง Papa Johns โรยหน้าพิซซ่าด้วยชีสแท้ที่ทำจากมอสซาเรลลา ซอสมะเขือเทศที่สุกจากต้นซึ่งส่งจากต้นไปยังกระป๋องในวันเดียวกัน และเนื้อสัตว์ที่ปราศจากสารเติมแต่ง Papa Johns เป็นเครือร้านพิซซ่าส่งถึงบ้านแห่งแรกของประเทศที่ประกาศเลิกใช้สารปรุงแต่งรสและสีสังเคราะห์จากเมนูอาหารทั้งหมด Papa Johns มีสำนักงานใหญ่ร่วมอยู่ในเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย และเมืองหลุยส์วิลล์ รัฐเคนตักกี้ และเป็นบริษัทส่งพิซซ่าที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก โดยมีร้านอาหารมากกว่า 6,000 แห่งในกว่า 50 ประเทศและเขตการปกครอง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทหรือสั่งพิซซ่าออนไลน์ ให้ไปที่ www.PapaJohns.com หรือดาวน์โหลดแอปมือถือ Papa Johns สำหรับ iOS หรือ Android

เกี่ยวกับ KidSuper Studios

KidSuper ก่อตั้งโดย Colm Dillane แม้ว่า KidSuper จะเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะศิลปินและนักออกแบบ แต่ Colm Dillane ก็ยังคงใช้ชื่อนี้ในแบรนด์เสื้อผ้าของเขาอยู่ดี KidSuper เป็นกลุ่มคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ที่ออกแบบและผลิตเสื้อผ้า วาดภาพและจัดแสดงงานศิลปะ บันทึกเสียงเพลง และสร้างภาพยนตร์และมิวสิควิดีโอ ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ของ KidSuper ในบรู๊คลิน

KidSuper เป็นแพลตฟอร์มสำหรับความคิดสร้างสรรค์อันล้นเหลือของ Colm และความสำเร็จดังกล่าวทำให้ศิลปินและนักออกแบบคนนี้กลายเป็นบุคคลอ้างอิงที่ไม่คาดคิดในวงการแฟชั่นอเมริกัน Dillane เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าความกระตือรือร้นสามารถแพร่กระจายได้ และไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม การทุ่มเทความกระตือรือร้นอย่างเต็มที่จะดึงดูดใจผู้คนได้ “เมื่อคุณยังเด็ก คุณเชื่อว่าคุณทำได้ทุกอย่างและทุกอย่างเป็นไปได้ คุณยังเด็กและคุณเป็นอิสระ KidSuper ได้ดำเนินชีวิตตามปรัชญานั้น”

Colm Dillane/KidSuper ได้รับรางวัลพิเศษ Karl Lagerfeld Prize ประจำปี 2021 จากรางวัล LVMH Prize อันทรงเกียรติ และรางวัล CDFA/Vogue Fashion Fund ประจำปี 2022 ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล CFDA American Emerging Designer of the Year Award ประจำปี 2022 จากนั้นในปีถัดมาก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล CFDA Menswear Designer of the Year Award ประจำปี 2023 เขาได้รับเชิญให้ไปเป็นแขกรับเชิญออกแบบคอลเลกชั่น Louis Vuitton Homme Fall/Winter 2023 และเข้าร่วมรายชื่อ BoF500 ในปี 2023

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250610316641/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Georgia Wilkins
ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารอาวุโส
Papa Johns International
Georgia_wilkins@papajohns.co.uk
+44 7552 192541

ที่มา: Papa John’s International, Inc.


โมเดลร้านอาหารเจเนอเรชั่นใหม่ “Kura Sushi Osaka Kansai Expo Store” เสร็จสมบูรณ์พร้อมเปิดให้บริการใน “Future Life Zone” วันที่ 13 เมษายน (อาทิตย์) นี้!

Logo

 “ร้านอาหารยั่งยืน” แห่งแรกของ Kura Sushi ที่นำผลิตภัณฑ์จากทะเล เศษอุปกรณ์ตกปลา และพลาสติกกลับมาใช้ใหม่!

 ‘ความยั่งยืน’ และ “เทคโนโลยีล่าสุด” ผสมผสานกัน

โอซาก้า ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–26 มีนาคม 2025

Kura Sushi Inc. (สำนักงานใหญ่: เมืองซาไก จังหวัดโอซาก้า) หนึ่งในเครือร้านซูชิสายพานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ประกาศว่าจะเปิดร้าน Kura Sushi ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมุ่งเน้นที่ความยั่งยืนที่ Future Life Zone ของงาน Osaka-Kansai Expo ในวันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน 2025

Appearance: Sustainable store that uses “plaster with no artificial materials” for exterior wall material that reuses “seashells” that would otherwise be discarded.

ลักษณะภายนอก: ร้านค้าที่ยั่งยืนที่ใช้ “ปูนปลาสเตอร์ที่ปราศจากวัสดุสังเคราะห์” เป็นวัสดุผนังภายนอก โดยนำ “เปลือกหอย” ที่ปกติแล้วจะถูกทิ้งมาใช้ซ้ำ

Kura Sushi Osaka Kansai Expo Store เป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดที่เคยสร้างมา โดยที่นั่ง 338 ที่นั่ง ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Kura Sushi และมีสายพานหมุนที่ยาวที่สุดที่ประมาณ 135 เมตร การออกแบบภายนอกเรียบง่าย โดยมีผนังนามาโกะชวนให้นึกถึงโกดังสัญลักษณ์ของบริษัท และรูปทูน่านิกิริขนาดใหญ่ใน “Antibacteria Sushi Cover Mr. Freshness” ที่ช่วยปกป้องซูชิจากฝุ่นและไวรัสในอากาศ ภายในมีการออกแบบที่หรูหราและทันสมัยสไตล์ญี่ปุ่นด้วยโต๊ะและพนักพิงลายไม้ รวมถึงพื้นผิวที่นั่งแบบเสื่อทาทามิ และภาพกราฟิกที่โดดเด่นของจานขนาดยักษ์บนเพดาน

ผนังด้านนอกทำด้วย “ปูนปลาสเตอร์ไร้สารสังเคราะห์” ซึ่งทำจากการนำเปลือกหอย 336,000 ชิ้นที่ปกติแล้วจะถูกทิ้งมาใช้ใหม่ และใช้กาวและส่วนผสมอื่นๆ ที่ทำจากสาหร่ายทะเล สำหรับภาพสัญลักษณ์ที่เคาน์เตอร์เก็บเงินและห้องน้ำนั้น ได้ใช้ฝาขวดพลาสติกที่ถูกทิ้งแล้วและถังโพลีเอทิลีนสีขาวขุ่นรวมประมาณ 100 กิโลกรัม ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์2ลงเหลือประมาณหนึ่งในสามของปริมาณที่ปล่อยออกมาจากการเผา นอกจากนี้ หมายเลขที่นั่งและป้ายโลโก้ในที่กำบังลมบางส่วนยังทำจากวัสดุตกปลารีไซเคิล เช่น เชือก ทุ่น และตะกร้า ซึ่งมีน้ำหนักรวมประมาณ 15 กิโลกรัม ม้านั่งในบริเวณนั่งรอทำจากต้นซีดาร์ที่ตัดแต่งในญี่ปุ่น แคปซูล “Bikkura Pon®” และสิ่งของอื่นๆ ที่ผู้เยี่ยมชมสามารถนำกลับบ้านได้ก็ได้รับการรีไซเคิลเช่นกัน และภาชนะใส่อาหารกลับบ้านทำจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายเพื่อมีส่วนสนับสนุนในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs)

นอกจากนี้ ร้านอาหารแห่งนี้ยังมีระบบที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า โดยใช้เทคโนโลยี AI และ ICT ที่พัฒนามายาวนานเพื่อปรับปรุงสุขอนามัยและการควบคุมคุณภาพ และเป็นร้านซูชิสายพานรายใหญ่เพียงแห่งเดียวที่ประสบความสำเร็จในด้านนี้ ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านอาหารล้ำสมัยที่ผสมผสานเทคโนโลยีล่าสุดเข้ากับ “การเสิร์ฟด้วยสายพาน” ซึ่งสามารถทำได้โดยร้านซูชิสายพานรายใหญ่เท่านั้น

นอกจากเมนูซูชิปกติแล้ว ร้านอาหารแห่งนี้ยังเสนอเมนูเพื่อความยั่งยืนที่ใช้ปลาไร้ประโยชน์ เช่น ปลานิซาได ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการส่งเสริมการทำประมงอย่างยั่งยืน รวมไปถึงเมนู 70 คอร์สที่สร้างสรรค์อาหารที่เป็นตัวแทนของ 70 ประเทศและภูมิภาค 

ในงานแถลงข่าว Hiroyuki Okamoto กรรมการและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายประชาสัมพันธ์ ฝ่ายโฆษณา และนักลงทุนสัมพันธ์ กล่าวว่า “เราเป็นเครือร้านซูชิสายพานรายใหญ่เพียงรายเดียวที่เสิร์ฟซูชิจากสายพานของเราในร้านอาหารทุกแห่งของเรา แนวคิดของเราคือการสร้างสถานที่ที่ผู้มาเยือนจากทั่วทุกมุมโลกสามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์การรับประทานอาหารที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม นอกจากนี้ เรายังจะแนะนำ “โมเดลร้านอาหารเจเนอเรชันใหม่” ให้กับโลกด้วยการผสมผสานองค์ประกอบที่ยั่งยืนเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัย และนำวัฒนธรรมซูชิแบบหมุนเวียนซึ่งมีต้นกำเนิดในญี่ปุ่นมาสู่ผู้คนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ Kura Sushi Inc. มีร้านอาหาร 546 แห่งในญี่ปุ่น 73 แห่งในสหรัฐอเมริกา 59 แห่งในไต้หวัน และ 3 แห่งในเซี่ยงไฮ้

[ จุดเด่นของร้าน Kura Sushi Osaka Kansai Expo ]

  •  ร้านค้าที่ยั่งยืนที่ใช้ “ปูนปลาสเตอร์ที่ปราศจากวัสดุสังเคราะห์” เป็นวัสดุผนังภายนอก โดยนำ “เปลือกหอย” ที่ปกติแล้วจะถูกทิ้งมาใช้ซ้ำ
  •  ด้วยจำนวนที่นั่งมากที่สุดและสายพานหมุนที่ยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Kura Sushi มอบประสบการณ์การรับประทานอาหารที่สนุกสนานกับซูชิแบบหมุนเฉพาะของ Kura Sushi เท่านั้น
  •  โครงการริเริ่มที่มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการใช้วัสดุที่ถูกทิ้ง
     Kura Sushi Osaka-Kansai Expo Store ให้ความสำคัญกับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างยิ่ง โดยได้นำวัสดุรีไซเคิลมาใช้ในหลาย ๆ จุดของร้านอาหาร โดยฝาขวดพลาสติกและถังพลาสติกโพลีเอทิลีนสีขาวขุ่นถูกใช้เป็นภาพสัญลักษณ์บนเคาน์เตอร์เก็บเงินและห้องน้ำ นอกจากนี้ ป้ายโลโก้และตัวระบุหมายเลขที่นั่งในที่กำบังลมบางส่วนยังใช้เชือกตกปลา ทุ่น และตะกร้าแทน
  •  เปิดตัวแคปซูลและภาชนะแบบนำกลับบ้าน “Bikkura Pon!®” ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
     แคปซูล “Bikkura Pon!®” เป็นแคปซูลกระดาษที่ใช้เทคโนโลยี PIM (Pulp Injection Molding) ซึ่งทำจากแป้งและเยื่อกระดาษ แคปซูลไม่ปล่อยสารพิษเมื่อถูกเผา สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และสลายตัวในดินได้ภายในเวลาประมาณ 6 เดือน
     ภาชนะใส่อาหารกลับบ้านใช้เศษเหลือทางมะพร้าว ทางใบปาล์ม(*1) ซึ่งเหลือจากการผลิตน้ำมันปาล์มซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัตถุดิบ ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์2 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาไหม้และก๊าซมีเทนจากการสลายตัว ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ถุงกระดาษสำหรับซื้อกลับบ้านทำจากกระดาษรีไซเคิล 100%(*2) นอกจากนี้ ยังมีการพิมพ์คำว่า “โชคลาภ” ไว้ด้านในภาชนะ เพื่อเพิ่มความสนุกสนานให้กับลูกค้าที่มารับอาหารกลับบ้าน
     *1 เศษเหลือของทางใบปาล์ม: ทะลายปาล์มเปล่าที่เกิดขึ้นหลังจากใบปาล์มถูกบีบเพื่อผลิตน้ำมันปาล์ม
     *2 ไม่รวมหูหิ้วถุงกระดาษ
  • การนำเสนอเมนูที่ยั่งยืนซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากการพยายามสร้างการประมงที่มีมายาวนาน
     บริษัทของเขากำลังทำงานร่วมกับชาวประมงในญี่ปุ่นในโครงการริเริ่มต่างๆ เพื่อปกป้องทรัพยากรทางทะเลและฟื้นฟูอุตสาหกรรมประมงเพื่อปกป้องมหาสมุทรที่อุดมสมบูรณ์ในอนาคต ด้วยความพยายามอย่างต่อเนื่องเหล่านี้ บริษัทจึงสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน เช่น ปลาที่ใช้น้อย “การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอัจฉริยะ” ที่ใช้ AI และปลาออร์แกนิก
     Kura Sushi สาขา Osaka Kansai Expo ยังนำเสนอเมนูที่ยั่งยืนซึ่ง Kura Sushi เท่านั้นที่ทำได้ เช่น “กะหล่ำปลีนิซาได” “ฮามาจิออร์แกนิก” และ “โรลเพื่อสุขภาพ (มาโยกุ้ง)” โดยใช้ 'เวจิโต' (แครอทแผ่น) แผ่นผักที่ทำจากผักที่ไม่ได้มาตรฐาน เพื่อส่งเสริม “การพัฒนาที่ยั่งยืน” ผ่านทางอาหาร บริษัทมีเป้าหมายที่จะ “มีส่วนสนับสนุนให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)” ผ่านทางอาหาร
  •  เมนูพิเศษเมนูแรกของ Kura Sushi ซึ่งประกอบด้วยอาหารจาก 70 ประเทศและภูมิภาค!
     Kura Sushi ได้พัฒนาเมนูพิเศษที่รังสรรค์อาหารจาก 70 ประเทศและภูมิภาค สำหรับ 25 เมนูนั้น เราได้ขอให้ตัวแทนจากประเทศญี่ปุ่นและผู้ที่คุ้นเคยกับรสชาติดั้งเดิมของแต่ละประเทศมาลองชิม และเราได้ทำการปรับปรุงตามความคิดเห็นและคำแนะนำของพวกเขา เราพิถีพิถันในการสร้างสรรค์รสชาติดั้งเดิมที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมการทำอาหารของแต่ละประเทศและตัวแทนจากแต่ละภูมิภาค คุณสามารถเพลิดเพลินกับอาหารกว่า 70รายการจากทั่วโลกได้ที่ Expo Store
     นอกจากนี้ ยังมีการออกแบบ “ปกซูชิป้องกันแบคทีเรีย Mr. Freshness” ในรูปแบบพิเศษเพื่อสะท้อนถึงแนวคิดของร้าน Osaka/Kansai Expo อีกด้วย โดยปกทั้งสองเล่มเชื่อมต่อกันด้วยลวดลายจับมือสีแดงและสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสีสันของงาน Expo ปกหน้ามีภาพอาหารจากประเทศและภูมิภาคต่างๆ ส่วนปกหลังประกอบด้วยอาหารซูชิซึ่งไหลมารวมกันบนสายพานหมุน 

[ รายละเอียดร้านค้า ]

  • ชื่อร้าน: “Kura Sushi Osaka Kansai Expo Store”
  • เวลาเปิดให้บริการ: 10.00–21.00 น.
  • จำนวนที่นั่ง: 338
  • พื้นที่นั่ง : 799.55 ตารางเมตร

HP: https://www.kurasushi.co.jp/2025expo/

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/20250325146381/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

สำหรับการสอบถามข้อมูลสื่อเกี่ยวกับข่าวเผยแพร่นี้:
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ Kura Sushi, Inc.
อีเมล: prhq_kurasushi@kura-corpo.co.jp

ที่มา: Kura Sushi Inc.











สมาคมผู้ผลิตสาเกและโชจูของญี่ปุ่น: ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องดื่มระดับโลกมาร่วมดื่มด่ำกับสาเกญี่ปุ่น Honkaku Shochu และวัฒนธรรมอะวาโมริของญี่ปุ่น

Logo

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–18 มีนาคม 2025

สมาคมผู้ผลิตสาเกและโชจูแห่งประเทศญี่ปุ่น (JSS) จัดทัวร์พิเศษเชิญชวนผู้เชี่ยวชาญระดับสูงจากอุตสาหกรรมไวน์และบาร์ทั่วโลกมาดื่มด่ำกับสาเกญี่ปุ่น Honkaku Shochu และวัฒนธรรมอะวาโมริที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น โปรแกรมพิเศษนี้นำเสนอประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับเทคนิคการผลิตและการกลั่นแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการยอมรับให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ไม่มีใครเทียบของ UNESCO เมื่อไม่นานนี้

Leading Sommeliers Visiting a Rice Polishing Facility

ซอมเมลิเยร์ระดับท็อปเข้าเยี่ยมชมโรงงานขัดสีข้าว

ทัวร์ชิมสาเกนี้เป็นการรวบรวมซอมเมลิเยร์และผู้อำนวยการฝ่ายเครื่องดื่มของร้านอาหารชั้นนำจากทั่วโลกมาเยี่ยมชมโรงกลั่นสาเกที่คัดเลือกไว้ทั่วญี่ปุ่น ผู้เข้าร่วมจะได้รับข้อมูลแบบเจาะลึกในกระบวนการผลิต เรียนรู้เกี่ยวกับการขัดข้าว การหมัก และเทคนิคในการบ่มที่เป็นเอกลักษณ์ของสาเก นอกเหนือจากการเข้าเยี่ยมชมโรงกลั่นแล้ว ยังมีการเข้าเยี่ยมชมสถาบันการศึกษาที่มีการนำเสนอเซสชั่นพิเศษเฉพาะด้านเกี่ยวกับการคัดเลือกยีสต์ การวิเคราะห์กลิ่น และแนวทางทางวิทยาศาสตร์ในการกลั่นสาเก พร้อมกันนี้ ยังพาเข้าเยี่ยมชม koji mold รวมถึงทุ่งนาที่ใช้ปลูกข้าว เพื่อเสริมความเข้าใจในการผลิตสาเกอย่างครอบคลุมตั้งแต่เมล็ดข้าวจนถึงสาเกที่เสริฟให้แก่ลูกค้า

สำหรับทัวร์ชิมโชจูนั้น เป็นการรวมตัวของบาร์เทนเดอร์และผู้จัดการบาร์ชั้นนำ เพื่อสัมผัสกับโชจูที่ผ่านการกลั่นอย่างมีเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น นั่นก็คือ Honkaku Shochu ซึ่งมีความแตกต่างจากเหล้ากลั่นอื่นๆ ทั่วโลก ตรงที่มีส่วนผสมพื้นฐานที่หลากหลายและวิธีการกลั่นที่เป็นเอกลักษณ์ ผู้เข้าร่วมจะได้เข้าเยี่ยมชมโรงกลั่น พูดคุยกับผู้ผลิต และรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคุณลักษณะเฉพาะที่ซับซ้อนของโชจูผ่านการชิม นอกจากนี้ ยังพาเข้าเยี่ยมชมฟาร์มมันเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนผสมหลักของโชจู พบปะกับเกษตรกรในท้องถิ่นและสัมผัสประสบการณ์การดื่มตามประเพณีของภูมิภาคโดยใช้ภาชนะแบบดั้งเดิม กิจกรรมเหล่านี้ช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้ดื่มด่ำกับโชจูอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นจากมุมมองที่หลากหลาย

นอกเหนือจากความรู้ทางเทคนิคแล้ว ยังเอื้ออำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้เข้าร่วมและผู้ผลิตชาวญี่ปุ่น ซอมเมลิเยร์ยกย่องสาเกว่า “มีรสชาติอูมามิที่สมดุล” และ “มีกรดต่ำ เหมาะกับการจับคู่กับอาหาร” ในทำนองเดียวกัน บาร์เทนเดอร์ก็ชื่นชมโชจูว่า “สามารถนำไปผสมเป็นค็อกเทลได้หลากหลาย” และ “มีกระบวนการผลิตตามธรรมชาติที่ปราศจากสารเติมแต่ง” ทำให้เป็นคู่แข่งที่ไม่น้อยหน้ากันในวงการผสมเครื่องดื่มสมัยใหม่

หลังจากทัวร์เสร็จสิ้น ผู้เข้าร่วมสามารถนำความเชี่ยวชาญที่เรียนรู้ใหม่นี้ไปปรับใช้กับอุตสาหกรรมของตนเอง รวมถึงการแนะนำสาเกและโชจูไว้ในเมนูของร้านอาหารและบาร์ การอบรมพนักงาน และการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของญี่ปุ่นเหล่านี้มาผสมผสานกับโปรแกรมการศึกษาของสมาคมซอมเมอลิเยร์ในท้องถิ่นและเวิร์กช็อปค็อกเทลทั่วโลก

โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งในความพยายามอย่างต่อเนื่องของ JSS เพื่อยกระดับความตระหนักรู้เกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นขึ้นสู่ระดับโลก โดยส่งเสริมการมีส่วนร่วมโดยตรงกับผู้นำในอุตสาหกรรมระดับนานาชาติ สมาคมมีเป้าหมายที่จะขยายตลาด เพื่อส่งเสริมความนิยมอย่างต่อเนื่องบนเวทีระดับโลก

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250316698311/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Takeshi Itani
takeshi.itani@sakeexperiencejapan.com

ที่มา: Japan Sake and Shochu Makers Association


Japan Sake and Shochu Makers Association ประกาศข้อมูลการส่งออกสาเกในปี 2024: มีการส่งออกสูงเป็นประวัติการณ์ไปยังกว่า 80 ประเทศ เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–07 กุมภาพันธ์ 2025

ผลการดำเนินงานการส่งออกสาเกปี 2024

More people around the world are enjoying Japanese sake (Photo: Business Wire)

ผู้คนทั่วโลกเพลิดเพลินกับสาเกญี่ปุ่นมากขึ้น (ภาพ: Business Wire)

Japan Sake and Shochu Makers Association (JSS) ได้เปิดเผยข้อมูลการส่งออกสาเกในปี 2024 โดยมีมูลค่าการส่งออกรวมอยู่ที่ 43.5 พันล้านเยน เพิ่มขึ้น +6% จากปีก่อน มีการจัดส่ง 3.45 ล้านกล่อง (เทียบเท่า 9 ลิตร) ไปยังกว่า 80 ประเทศเป็นประวัติการณ์ ตั้งแต่ปี 2020 มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 1.8 เท่า ราคาต่อหน่วยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1.3 เท่า และจำนวนจุดหมายปลายทางการส่งออกเพิ่มขึ้น 19 แห่ง โดยตลาดสาเกพรีเมียมมีการเติบโตอย่างมากในช่วงห้าปีที่ผ่านมา

ในระดับภูมิภาค ทวีปเอเชียคิดเป็น 61% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด แต่ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม เกาหลีใต้มีการเติบโตที่โดดเด่นสูงถึง 29% ในขณะที่ประเทศไทยและมาเลเซียก็ทำผลงานได้ดีเช่นกัน ทวีปอเมริกาเหนือมีการเพิ่มขึ้น 27% โดยได้รับแรงหนุนจากการที่ร้านอาหารชั้นเลิศนำมาใช้บริการ ทวีปยุโรปตะวันตกเติบโต 18% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยขยายตัว 2.5 เท่าในช่วงห้าปี เนื่องมาจากความร่วมมือในอุตสาหกรรมไวน์ โดยเฉพาะสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสที่ขยายตัวประมาณ 3 เท่าและ 2.6 เท่าตามลำดับ

 ความคิดริเริ่มที่สำคัญในปี 2024 ของ JSS และแนวโน้มในอนาคต

เพื่อเพิ่มความตระหนักรู้ทั่วโลกเกี่ยวกับสาเก ทาง JSS ได้กระชับความร่วมมือกับ Association de la Sommelerie Internationale (ASI) และ Union de la Sommelerie Française (UDSF) ในปี 2024 โดย JSS ได้จัดมาสเตอร์คลาสที่ ASI Boot Camp ในสเปน เพื่อให้ความรู้แก่ซอมเมอลิเยร์รุ่นเยาว์เกี่ยวกับสาเก นอกจากนี้ JSS ยังเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติ รวมถึง ProWein, ProWine São Paulo และ Warsaw Wine Experience เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่าย

 โดยมีเหตุการณ์สำคัญในปี 2024 นั่นคือ การที่สาเกได้รวมอยู่ในงานบริการในรอบชิงชนะเลิศของการประกวด ASI สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านซอมเมอลิเยร์ที่ดีที่สุดของยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลาง ประจำปี 2024 ซึ่งได้ช่วยเพิ่มการยอมรับในหมู่ซอมเมอลิเยร์ นอกจากนี้ การลงทะเบียน “ความรู้และทักษะดั้งเดิมในการบ่มสาเกด้วยแม่พิมพ์โคจิในญี่ปุ่น” ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของ UNESCO ในเดือนธันวาคม 2024 ได้ส่งเสริมการปรากฏตัวทั่วโลกของสาเก โดยในปี 2025 JSS ตั้งเป้าที่จะเร่งการขยายธุรกิจไปยังทวีปลาตินอเมริกา ยุโรปตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตในการส่งออกต่อไป

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54200720/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

รายชื่อผู้ติดต่อ:
Takeshi Itani
takeshi.itani@sakeexperiencejapan.com

ที่มา: Japan Sake and Shochu Makers Association

 

 

Kirin Holdings: ปรับปรุงความยั่งยืนของไร่ชาดำในศรีลังกาผ่าน Regenerative Tea Scorecard ที่ร่วมกับ Rainforest Alliance

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–31 มกราคม 2025

Kirin Holdings Company, Ltd. (Kirin Holdings) (TOKYO: 2503) และ Kirin Beverage Company, Ltd. (Kirin Beverage) ได้ทำงานร่วมกับ Rainforest Alliance ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 เพื่อพัฒนาเครื่องมือในการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเกษตรแบบฟื้นฟู*1 Regenerative Tea Scorecard เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเกษตรแบบฟื้นฟู ซึ่งได้รับการพัฒนาจากความร่วมมือกับ Rainforest Alliance ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 โดยได้เริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคม 2024 โดยการดำเนินการนี้มีเป้าหมายที่ไร่ชาบางแห่งในศรีลังกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตใบชารายใหญ่ที่ใช้ใน Kirin Gogo-no-Kocha และมีแผนจะดำเนินการในไร่ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งและไร่ขนาดเล็กอีก 30 แห่งในศรีลังกาภายในสิ้นปี 2025
*1 แนวทางการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรมทางการเกษตร

250ml LL Slim Kirin Gogo-no-Kocha Straight Tea (Photo: Business Wire)

ชาต้นตำรับ LL Slim Kirin Gogo-no-Kocha 250 มล. (ภาพ: Business Wire)

Regenerative Tea Scorecard มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเครื่องมือแบบสมัครใจที่สามารถเข้าถึงได้สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการปลูกใบชาในไร่ชา เป็นเครื่องมือสนับสนุนไร่ชาในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเกษตรแบบฟื้นฟู ซึ่งจะเป็นโครงการนำร่องในห่วงโซ่อุปทานของ Kirin Beverage โดยเกษตรกรผู้ปลูกชาสามารถใช้ “The Regenerative Tea Scorecard” เพื่อประเมินแนวทางการทำไร่ชาในปัจจุบันของตน และระบุพื้นที่ในการปรับปรุงเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่การเกษตรแบบฟื้นฟู โดย Regenerative Tea Scorecard มีพื้นฐานมาจากคำจำกัดความของ Rainforest Alliance เกี่ยวกับเกษตรกรรมแบบฟื้นฟู ซึ่งใช้แนวทางการอนุรักษ์และฟื้นฟูในการทำไร่ โดยรวมแนวทางปฏิบัติด้านการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้ากับกลยุทธ์การจัดการระบบแบบบูรณาการ เพื่อให้มั่นใจถึงสุขภาพของดิน การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพภายในไร่ การฟื้นฟูระบบนิเวศ และการดำรงชีวิตของเกษตรกร

ปัจจุบันประมาณ 40%*2 ของใบชาดำ*3 ที่นำเข้ามาในญี่ปุ่นมาจากศรีลังกา ซึ่งประมาณ 20%*4 ได้ถูกนำไปใช้ใน Kirin Gogo-no-Kocha โดย Kirin Group ได้ให้การสนับสนุนการเข้าซื้อ Rainforest Alliance Certification*5 ตั้งแต่ปี 2013 เพื่อสร้างความร่วมมือที่ดีขึ้นกับภูมิภาคที่ผลิตชาของศรีลังกาและผู้คนที่ทำงานที่นั่น และเพื่อผลิตเครื่องดื่มชาที่ปลอดภัยและมีรสชาติที่ดีต่อไป ภายในสิ้นปี 2023 ไร่ขนาดใหญ่จำนวน 94*6 แห่ง หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 30 ของไร่ขนาดใหญ่ทั้งหมดในศรีลังกา ได้รับการรับรองแล้ว ตั้งแต่ปี 2021 โดย Kirin Beverage ได้จำหน่ายชาต้นตำรับ LL Slim Kirin Gogo-no-Kocha 250 มล. ซึ่งผลิตจากใบชาศรีลังกา 100% ซึ่งมากกว่า 90% ได้รับการรับรองจาก Rainforest Alliance
*2 สำหรับผลเฉพาะใบชา (ไม่รวมชาสำเร็จรูป)
*3 สถิติพิธีการศุลกากร กระทรวงการคลัง
*4 ผลงานวิจัย Kirin Beverage
*5 ใบรับรองที่มอบให้กับไร่ที่ได้รับการยอมรับในด้านความมุ่งมั่นในวิธีการเกษตรที่ยั่งยืนมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ปกป้องธรรมชาติและผู้ผลิต
*6 ไร่ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งปฏิเสธที่จะรับการรับรองต่อในปี 2023

ไร่ชาในศรีลังกาเผชิญกับความท้าทายหลายประการ รวมทั้งผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น ภัยแล้งและฝนตกหนัก และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงจากการใช้ที่ดินอันเนื่องมาจากการขยายตัวของเมือง ในรายงานด้านสิ่งแวดล้อมประจำปี 2022 ที่เผยแพร่ในเดือนกรกฎาคม 2022 ระบุว่า Kirin Group เป็นรายแรกของโลกที่ทดลองเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับต้นทุนทางธรรมชาติ*7 รวมถึงไร่ชาในศรีลังกา โดยยึดตามแนวทาง LEAP ที่ได้รับการสนับสนุนจาก TNFD*8 ในรายงานด้านสิ่งแวดล้อมประจำปี 2023 ที่เผยแพร่ในเดือนกรกฎาคม 2023 เรื่องการค้นหา (การค้นพบจุดสัมผัสกับธรรมชาติ) และการประเมิน (การวิเคราะห์ความสัมพันธ์และผลกระทบ) สำหรับไร่ชาในศรีลังกา และในรายงานด้านสิ่งแวดล้อมประจำปี 2024 ที่เผยแพร่ในเดือนมิถุนายน 2024 เรื่องการประเมิน (การประเมินความเสี่ยงและโอกาส) และทิศทางในอนาคต (เตรียมความพร้อมสำหรับการรายงาน) มีการดำเนินการวิเคราะห์และประเมินผลอย่างละเอียดและเผยแพร่ ซึ่งเผยให้เห็นว่าการฝึกอบรมสำหรับการรับรองของ Rainforest Alliance และการเปลี่ยนผ่านไปสู่เกษตรกรรมแบบฟื้นฟู เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่พื้นที่เพาะปลูกขนาดเล็กทั้งหมดที่จะผ่านการรับรอง และเพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ Kirin Group ได้ทำงานร่วมกับ Rainforest Alliance เพื่อพัฒนา Scorecard ในการปรับปรุงความยั่งยืนของเกษตรกรเป็นหลัก ด้วยกิจกรรมนี้ Kirin Group มีเป้าหมายที่จะสนับสนุนการดำเนินการเกษตรกรรมแบบฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมในไร่ชา และปรับปรุงความยั่งยืนของพื้นที่ในการผลิตวัตถุดิบ
*7 ต้นทุนทางธรรมชาติ คือ สต๊อกของสินทรัพย์ธรรมชาติที่ช่วยให้สังคมได้รับทรัพยากรหมุนเวียนและไม่หมุนเวียน รวมถึงบริการระบบนิเวศ
*8 คณะทำงานด้านการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ ซึ่งเป็นกรอบการเปิดเผยข้อมูลที่เน้นการบริหารความเสี่ยงสำหรับบริษัทต่างๆ เพื่อรายงานและดำเนินการกับความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับทุนธรรมชาติ

Kirin Group จะยังคงจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อนและเกี่ยวข้องกันต่อไป (ทรัพยากรชีวภาพ ทรัพยากรน้ำ ภาชนะบรรจุและบรรจุภัณฑ์ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) ในแนวทางแบบองค์รวม และจะทำงานร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่คุณค่า เพื่อเชื่อมโยงความปรารถนาของเราที่จะเพลิดเพลิน และส่งต่อความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินให้คนรุ่นหลัง เราจะส่งเสริมความคิดริเริ่มต่างๆ อย่างจริงจังที่จะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อธรรมชาติและผู้คน

สำหรับการอ้างอิง
วิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อมของ Kirin Group ปี 2050 https://www.kirinholdings.com/en/impact/env/mission/

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทข้ามชาติที่ประกอบธุรกิจในภาคอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม), ภาคเภสัชกรรม (ธุรกิจเภสัชกรรม) และภาควิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings มีต้นกำเนิดมาจาก Japan Brewery ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1885 Japan Brewery กลายมาเป็น Kirin Brewery ในปี 1907 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บริษัทได้ขยายธุรกิจโดยใช้การหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจเภสัชกรรมในช่วงทศวรรษ 1980 โดยที่ธุรกิจทั้งหมดนี้ยังคงเป็นศูนย์กลางการเติบโตระดับโลก ในปี 2007 Kirin Holdings ก่อตั้งขึ้นเป็นบริษัทโฮลดิ้งโดยเฉพาะ และปัจจุบันกำลังมุ่งเน้นไปที่การขยายขอบเขตสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ

ภายใต้วิสัยทัศน์ Kirin Group ปี 2027 (KV 2027) Kirin Group มีแผนการจัดการระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2019 โดยมีเป้าหมายที่จะเป็น “ผู้นำระดับโลกในด้าน CSV* ที่สร้างมูลค่าให้กับโลกทั้งด้านอาหารและเครื่องดื่มไปจนถึงเภสัชกรรม” นับจากนี้ไป Kirin Group จะยังคงใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของตนเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านทางธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บรรลุการเติบโตที่ยั่งยืนในมูลค่าองค์กร

* การสร้างมูลค่าร่วมกัน: มูลค่าเพิ่มร่วมกันสำหรับผู้บริโภคและสังคมโดยรวม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/54196949/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
Corporate Communication Department Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

ที่มา: Kirin Holdings Company, Limited


Kirin Holdings: ดำเนินการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านเพื่อการจัดหาใบชาศรีลังกาอย่างยั่งยืน

Logo

  • การลดความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในศรีลังกาซึ่งเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบ โดยร่วมมือกับ Mitsui Norin
  • ปัจจุบันญี่ปุ่นนำเข้าใบชาดำจากศรีลังกาประมาณ 40%
  • ในอนาคตจะเพิ่มจำนวนไร่เป้าหมาย โดยตั้งเป้าจัดซื้อใบชาที่บริษัท Kirin Holdings ซื้อจากพื้นที่ผลิตที่ยั่งยืนให้ได้ 80% ภายในปี 2030

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–31 มกราคม 2025

Kirin Holdings Company, Limited (Kirin Holdings) (TOKYO:2503) และ Mitsui Norin Co., Ltd. (Mitsui Norin) กำลังพัฒนาโครงการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนโดยมุ่งเป้าไปที่ไร่ชาในศรีลังกา โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรลุการจัดหาใบชาดำอย่างยั่งยืนซึ่งใช้สำหรับ Kirin Gogo-no-Kocha

(Graphic: Business Wire)

(กราฟิก Business Wire)

Kirin Holdings และ Mitsui Norin ได้นำระบบ Designated Tea Estates System มาใช้ ซึ่งเป็นระบบที่จะจัดหาใบชาจากไร่ชาที่กำหนด เพื่อเพาะปลูกไร่ชาที่จัดหาใบชาที่มีคุณภาพคงที่ ระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดและป้องกันการเกิดความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนโดยการระบุผลกระทบเชิงลบต่อสิทธิมนุษยชนผ่านการใช้แบบสอบถามใหม่และการตรวจสอบในสถานที่ที่ “ไร่ชาที่กำหนด” ในปีแรก โครงการนี้จะนำไปดำเนินการในไร่ชา 4 แห่ง ในอนาคต จำนวนไร่ชาเป้าหมายจะเพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายในการจัดหาใบชา 80% ที่ Kirin Holdings ซื้อจากพื้นที่การผลิตที่ยั่งยืน    *1ภายในปี 2030 ด้วยการจัดหาใบชาที่ยั่งยืน Kirin Holdings ตระหนักถึงปัญหาสังคมที่นิคมอุตสาหกรรมต้องเผชิญและทำงานเพื่อปรับปรุงความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรม
*1: หมายถึงนิคมอุตสาหกรรมที่ได้ดำเนินการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน โดย Mitsui Norin หรือนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับการรับรองจาก Rainforest Alliance

Kirin Group ดำเนินการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน*2ในห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำตั้งแต่ปี 2018 ตามมาตรฐานสากล UN Guiding Principles on Business and Human Rights และนโยบายสิทธิมนุษยชนของ Kirin Group จนถึงขณะนี้ Kirin Group ได้ดำเนินการดังกล่าวในห่วงโซ่อุปทานของเมล็ดกาแฟในลาว ถั่วเหลืองในจีน ใบชาในศรีลังกา องุ่นในอาร์เจนตินา และอ้อยในบราซิล ประสบการณ์และความรู้ที่ได้รับจากโครงการริเริ่มเหล่านั้น จะถูกนำไปใช้ในความพยายามตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน ร่วมกับ Mitsui Norin และปัญหาใดๆ ที่เกิดขึ้นจะได้รับการพิจารณาเพื่อแก้ไขโดยร่วมมือกับ Kirin Holdings และ Mitsui Norin
*2: การตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านของ Kirin Group: https://www.kirinholdings.com/en/impact/community/2_1/duediligence

นอกเหนือจากโครงการริเริ่มด้านสิทธิมนุษยชนแล้ว Kirin Group ยังมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและกิจกรรมอื่นๆ ที่มุ่งปกป้องพื้นที่ที่ผลิตวัตถุดิบ ปัจจุบันประมาณ 40%*3ของใบชาดำ*4ที่นำเข้ามาญี่ปุ่นมาจากศรีลังกา ซึ่งประมาณ 20%*5ใช้ใน Kirin Gogo-no-Kochaตั้งแต่เดือนธันวาคม 2024 Kirin Group ได้เริ่มใช้ Regenerative Tea Scorecard ร่วมกับ Rainforest Alliance เพื่อเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการเกษตรแบบฟื้นฟูตามดุลยพินิจของเกษตรกร นอกจากนี้ เพื่อตอบสนองต่อผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับการขยายตัวของเมืองที่ไร่ชาในศรีลังกาต้องเผชิญ กลุ่ม Kirin Group ได้เผยแพร่รายงานด้านสิ่งแวดล้อมประจำปี 2022 ในเดือนกรกฎาคม 2022 ซึ่งถือเป็นรายงานฉบับแรกของโลกที่ทดลองใช้การเปิดเผยการคำนวณทุนธรรมชาติ ซึ่งรวมถึงไร่ชาศรีลังกา โดยยึดแนวทาง LEAP ที่สนับสนุนโดย TNFD
*3 ผลลัพธ์จากใบชาเท่านั้น (ไม่รวมชาดำสำเร็จรูป)
*4 สถิติการดำเนินพิธีการศุลกากรจากกระทรวงการคลังของญี่ปุ่น
*5 งานวิจัยเครื่องดื่ม Kirin

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทข้ามชาติที่ประกอบธุรกิจในภาคอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม), ภาคเภสัชกรรม (ธุรกิจเภสัชกรรม) และภาควิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings สามารถสืบย้อนต้นกำเนิดไปจนถึงJapan Breweryซึ่งปี 1885 Japan Brewery เปลี่ยนชื่อเป็นKirin Breweryนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Kirin Holdings ได้ขยายธุรกิจโดยใช้เทคโนโลยีการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจเภสัชกรรมในช่วงทศวรรษ 1980 ซึ่งทั้งหมดยังคงเป็นศูนย์การเติบโตระดับโลก ในปี 2007 Kirin Holdings ได้ก่อตั้งขึ้นเป็นบริษัทโฮลดิ้งโดยเฉพาะ และปัจจุบันกำลังมุ่งเน้นที่การส่งเสริมด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ

ภายใต้วิสัยทัศน์ Kirin Group 2027 (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนการจัดการระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2019 Kirin Group มีเป้าหมายที่จะเป็น “ผู้นำระดับโลกด้าน CSV *ที่สร้างมูลค่าในโลกของอาหารและเครื่องดื่มไปจนถึงเภสัชกรรม” นับจากนี้ไป Kirin Group จะยังคงใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของตนเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านทางธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บรรลุการเติบโตอย่างยั่งยืนในมูลค่าองค์กร
* การสร้างคุณค่าร่วม: สร้างมูลค่าเพิ่มร่วมกันให้กับผู้บริโภคและสังคมโดยรวม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/54196945/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ติดต่อ
ฝ่ายสื่อสารองค์กร
Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
+81-3-6837-7028
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp 

ที่มา: Kirin Holdings Company, Limited

จากซีรีส์เกาหลีสู่มะนิลา: EGGDROP บุกฟิลิปปินส์ด้วยกระแสร้อนแรง

Logo

แซนด์วิชเกาหลีสุดฮิตมาเสิร์ฟที่มะนิลาแล้ว! ด้วยวัตถุดิบสดใหม่และสูตรอาหารเกาหลีที่จุดประกายการปฏิวัติวงการอาหาร

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–22 มกราคม 2025

EGGDROP (ซีอีโอ Young-woo Noh)แบรนด์แซนด์วิชไข่พรีเมี่ยมจากเกาหลี ได้เปิดร้านสาขาแรกในฟิลิปปินส์ที่ SM Mall of Asiaศูนย์กลางการช้อปปิ้งอันเป็นสัญลักษณ์ของมะนิลา การเปิดตัวครั้งนี้ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม

Opening Day of EGGDROP’s First Philippine Store, December 2024 (Photo: © EGGDROP Corp.)

วันเปิดร้าน EGGDROP สาขาแรกในฟิลิปปินส์ เดือนธันวาคม 2024 (ภาพถ่าย: © EGGDROP Corp.)

ความตื่นเต้นเกี่ยวกับไข่ที่ SM Mall of Asia

ร้าน EGGDROPสาขาแรกในฟิลิปปินส์มีทำเลที่ดึงดูดลูกค้าได้หลากหลายกลุ่ม แฟนๆ ต่างพากันชิมอาหารขึ้นชื่อ อย่างเช่น Garlic Bacon Cheese, Avo Holic และ Mr. Egg ที่ตามมาด้วยรีวิวเชิงบวกอย่างล้นหลามจากลูกค้าที่เข้ามาทานเป็นจำนวนมาก

จากซีรีส์เกาหลีไปจนถึงจานอาหารฟิลิปปินส์

Stuart Wong หัวหน้าแผนก EGGDROP ฟิลิปปินส์ กล่าวว่า “การได้ชม EGGDROP ในซีรีส์เกาหลีเรื่อง Hospital Playlist ทำให้ผมอยากแบ่งปันประสบการณ์นี้กับชาวฟิลิปปินส์” Han Kyu-won หัวหน้าฝ่ายออกแบบและปฏิบัติการของ EGGDROP กล่าวเสริมว่า “ด้วยประชากรวัยหนุ่มสาวและชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้น ฟิลิปปินส์จึงเป็นตลาดที่สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวัฒนธรรมกระแสเกาหลี (ฮัลรยู) ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง”

Instagram-แซนด์วิชที่คุ้มค่าครองโซเชียลมีเดียแล้ว

สุนทรียศาสตร์ของ EGGDROP ครองโซเชียลมีเดีย ความคิดเห็นเช่น “ขนมปังปิ้งที่ดีที่สุดที่ฉันเคยทานมา!” และ “แค่คำเดียวก็ฟินสุดๆ แล้ว!” ท่วมท้นบน Instagram ส่งผลให้กลายเป็นไวรัลและมีคนเข้ามาดูมากขึ้น

รสชาติท้องถิ่นด้วยคุณภาพระดับโลก

ความมุ่งมั่นของ EGGDROP ในด้านคุณภาพและความร่วมมือในท้องถิ่นทำให้สิ่งนี้แตกต่าง “เรารับประกันว่ารสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของ EGGDROP จะถูกรักษาไว้โดยการรักษามาตรฐานสูงสุด โดยใช้ห่วงโซ่อุปทานในท้องถิ่นเพื่อรับประกันความสดใหม่ ขณะเดียวกันก็สนับสนุนเกษตรกรชาวฟิลิปปินส์” Han กล่าว ขนมปังบริยอชทำขึ้นตามสูตรเกาหลีของ EGGDROP ในขณะที่ไข่ออร์แกนิกและส่วนผสมสำคัญอื่นๆ มาจากท้องถิ่นเพื่อสร้างสรรค์การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างอิทธิพลของเกาหลีและฟิลิปปินส์

การปฏิวัติอาหารโลก

ด้วยวัตถุดิบสดใหม่และการออกแบบที่สร้างสรรค์ EGGDROP ยังคงเป็นแบรนด์อาหารเกาหลีชั้นนำ Han เปิดเผยแผนสำหรับร้านที่สองใน Bonifacio Global City ภายในต้นปี 2025 ขณะที่แบรนด์เร่งขยายกิจการไปทั่วเอเชีย

Stuart Wong สรุปการเปิดร้านว่า “ความสุขที่ได้กัดแซนด์วิช EGGDROP คำแรกนั้นเป็นสิ่งที่ยากจะลืมเลือน เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้นำแซนด์วิชที่สมบูรณ์แบบนี้มาสู่ชาวฟิลิปปินส์ในที่สุด”

ภาพรวม EGGDROP

Egg Makes Better (ทำง่ายแต่หาทานที่ไหนก็ไม่ได้), EGGDROP
EGGDROP คือแบรนด์แซนด์วิชไข่ระดับพรีเมียมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากไข่ “อาหารครบเครื่อง” ที่ปรุงอาหารเพื่อสุขภาพโดยใช้ไข่คนที่ทำจากไข่เกรด A+ และวัตถุดิบสดใหม่ ปัจจุบัน EGGDROP เป็นผู้นำธุรกิจและกำลังเตรียมออกแบรนด์อื่นๆ อีกมากมาย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54186167/en

Contacts

EGGDROP Corp.
ทีมปฏิบัติการ
Woojin Jeon
contact@eggdrop.com

ที่มา: EGGDROP Corp.