Category Archives: Technology

CyberArk ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้นำในรายงาน Gartner® Magic Quadrant™ ประจำปี 2025 สำหรับการจัดการการเข้าถึงที่มีสิทธิพิเศษ

Logo

  • CyberArk ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำเป็นครั้งที่เจ็ดติดต่อกัน
  • CyberArk มองว่าการยอมรับดังกล่าวเป็นการตอกย้ำวิสัยทัศน์และนวัตกรรมของบริษัทในตลาด PAM
  • แพลตฟอร์ม CyberArk Identity Security จะช่วยรักษาความปลอดภัยข้อมูลประจำตัวทั้งหมดด้วยระบบควบคุมสิทธิ์ที่ทันสมัย

นิวตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ และเพทาช ติกวา ประเทศอิสราเอล–(BUSINESS WIRE)–16 ตุลาคม 2025

CyberArk (NASDAQ: CYBR) ผู้นำระดับโลกด้านการรักษาความปลอดภัยข้อมูลประจำตัวประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้รับเลือกให้เป็นผู้นำในรายงาน Gartner® Magic Quadrant™ ประจำปี 2025 สำหรับการจัดการการเข้าถึงที่มีสิทธิพิเศษ1 โดย CyberArk ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำเป็นครั้งที่เจ็ดติดต่อกัน และอยู่ในอันดับสูงสุดในด้านวิสัยทัศน์ที่ครอบคลุม ซึ่งจากมุมมองของบริษัท สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ CyberArk ในการกำหนดอนาคตของการจัดการสิทธิ์การเข้าถึงแบบมีสิทธิพิเศษ (PAM) ที่ทุกข้อมูลประจำตัวจะได้รับการปกป้องด้วยการเข้าถึงที่ยืดหยุ่นตามความต้องการ การควบคุมสิทธิ์อัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยแบบรวมศูนย์ทั้งบนคลาวด์และระบบภายในองค์กร

รายงานนี้จะประเมินเครื่องมือที่จัดการสิทธิ์การเข้าถึงแบบมีสิทธิพิเศษสำหรับทั้งมนุษย์และเครื่องจักร โดยแพลตฟอร์ม CyberArk Identity Securityจะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูลประจำตัวทั้งหมด ทั้งมนุษย์ เครื่องจักร และ AI ด้วยการควบคุมสิทธิ์ในระดับที่เหมาะสมจากแพลตฟอร์มเดียวที่รวมเป็นหนึ่งเดียว ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มนี้ โซลูชัน Privileged Access Managementของ CyberArk จะช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถรักษาความปลอดภัยของข้อมูลประจำตัว ความลับ และสิทธิ์การเข้าถึงที่มีเอกสิทธิ์ได้ในทุกสภาพแวดล้อม ตั้งแต่ภายในองค์กรไปจนถึงคลาวด์ ช่วยให้สามารถรักษาสิทธิ์การใช้งานแบบ Zero Standing Privileges ช่วยป้องกันการละเมิด และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานได้อีกด้วย

“เราเชื่อว่าการที่ CyberArk ได้รับการยอมรับจาก Gartner ในฐานะผู้นำด้านการจัดการสิทธิ์การเข้าถึงแบบมีเอกสิทธิ์ เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงวิสัยทัศน์ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอันดับแรกของเราในการปกป้องข้อมูลประจำตัวทั้งหมด ทั้งมนุษย์ เครื่องจักร และ AI” กล่าวโดย Matt Cohen ซีอีโอของ CyberArk “CyberArk ยังคงกำหนดอนาคตของการจัดการสิทธิ์การเข้าถึงแบบมีเอกสิทธิ์ ผ่านนวัตกรรมที่ไม่หยุดนิ่ง การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา และการเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์ เนื่องจากข้อมูลประจำตัวในองค์กรจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ได้รับสิทธิ์การเข้าถึงแบบมีเอกสิทธิ์ องค์กรต่างๆ จึงจำเป็นต้องรักษาความปลอดภัยข้อมูลประจำตัวทั้งหมดในระดับที่สูงขึ้นด้วยระบบควบคุมสิทธิ์อัจฉริยะ แพลตฟอร์มความปลอดภัยข้อมูลประจำตัวที่ครอบคลุมและขับเคลื่อนด้วย AI ของ CyberArk ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้ ช่วยให้สามารถรับมือกับความท้าทายด้านความปลอดภัยข้อมูลประจำตัวที่สำคัญที่สุด และก้าวล้ำนำหน้าภัยคุกคามใหม่ๆ”

ด้วยแพลตฟอร์ม Identity Security ที่ได้รับรางวัล CyberArk จึงมอบความสามารถและบริการชั้นนำของตลาด:

  • ความครอบคลุมของแพลตฟอร์ม – แพลตฟอร์มที่ครอบคลุมของ CyberArk สร้างขึ้นเพื่อองค์กรยุคใหม่ พร้อมให้บริการทั้งแบบติดตั้งภายในองค์กรและแบบ SaaS ที่จะช่วยรักษาความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลประจำตัวทุกรูปแบบจากทุกสภาพแวดล้อม โดย CyberArk ได้รับการจัดอันดับความเป็นเลิศในด้านการจัดการสิทธิ์และการมอบหมายสิทธิ์ (PEDM), การจัดการสิทธิ์การเข้าถึงระยะไกล (RPAM), PAM สำหรับเครื่องจักร รวมถึงการจัดการบัญชีและเซสชันที่มีสิทธิพิเศษ (PASM)
  • นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง – CyberArk พัฒนานวัตกรรมที่นำออกสู่ตลาดเป็นรายแรก เพื่อรับมือกับภัยคุกคามของเอเจนต์ AI การปกป้องเวิร์กโหลด ความสามารถในการค้นพบ และความท้าทายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นด้วยแพลตฟอร์ม CyberArk ถูกสร้างขึ้นมา โดย CyberArk CORA AIจะช่วยให้องค์กรสามารถตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูลอย่างรอบรู้ และเร่งการรักษาความปลอดภัยข้อมูลประจำตัวทั่วทั้งองค์กรด้วยการตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามต่อข้อมูลประจำตัวได้อย่างรวดเร็ว
  • แพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ทั่วโลก – องค์กรกว่า 10,000 แห่งทั่วโลก รวมถึงกว่า 55% ของบริษัทใน Fortune 500 ต่างไว้วางใจโซลูชันของ CyberArk ในการปกป้องทรัพย์สินอันทรงคุณค่าที่สุด และตอบสนองข้อกำหนดด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบและความปลอดภัยที่สำคัญ โดย CyberArk ได้นำเสนอการดำเนินงานที่หลากหลายทางภูมิศาสตร์ พร้อมบริการจัดส่งเฉพาะพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาค
  • ประสบการณ์ลูกค้าที่ยอดเยี่ยม – ด้วยคะแนนความพึงพอใจของลูกค้า (CSAT) มากกว่า 95% และคะแนนการสนับสนุนที่สูงอย่างต่อเนื่องใน Peer Insights ทำให้ CyberArk มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ลูกค้าในระดับสูงสุด
  • ผลตอบแทนจากการลงทุนที่พิสูจน์แล้ว – จากการศึกษาอิสระพบว่า ลูกค้าของ CyberArk ได้รับผลประโยชน์เฉลี่ยต่อปี 3.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อองค์กร และผลตอบแทนจากการลงทุนสามปีอยู่ที่ 309% ด้วยการใช้แนวทางการรักษาความปลอดภัยข้อมูลประจำตัวแบบคลาวด์เนทีฟที่ผสานรวม องค์กรต่างๆ สามารถปรับปรุงกระบวนการทำงานด้านไอทีและนักพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยได้ถึง 275,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อแอปพลิเคชันธุรกิจที่ได้รับการปกป้องทุกๆ 10 แอปพลิเคชันที่ CyberArk ช่วยปกป้อง

หากต้องการดาวน์โหลดสำเนาฟรีของ Gartner Magic Quadrant for Privileged Access Management ปี 2025 โปรดไปที่ https://lp.cyberark.com/gartner-mq-pam-2025.html

1 Gartner® Magic Quadrant™ สำหรับการจัดการการเข้าถึงที่มีสิทธิพิเศษ โดย Abhyuday Data, Paul Mezzera, Shubham Gera, Tarun Rohilla, Michael Kelley, 13 ตุลาคม 2025

ข้อสงวนสิทธิ์ของ Gartner
GARTNER เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนและเครื่องหมายบริการ และ MAGIC QUADRANT เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Gartner, Inc. และ/หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ และได้นำมาใช้ในที่นี้โดยได้รับอนุญาต สงวนลิขสิทธิ์ทั้งหมด

Gartner ไม่รับรองผู้จำหน่าย ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใดๆ ที่ปรากฏในเอกสารเผยแพร่งานวิจัย และไม่แนะนำให้ผู้ใช้เทคโนโลยีเลือกเฉพาะผู้จำหน่ายที่ได้รับคะแนนสูงสุดหรือได้รับเครื่องหมายอื่นใด เอกสารเผยแพร่งานวิจัยของ Gartner ประกอบด้วยความคิดเห็นขององค์กรวิจัยของ Gartner และไม่ควรตีความว่าเป็นข้อเท็จจริง Gartner ขอปฏิเสธการรับประกันทั้งหมด ไม่ว่าโดยชัดแจ้งหรือโดยนัย เกี่ยวกับงานวิจัยนี้ รวมถึงการรับประกันใดๆ เกี่ยวกับความสามารถในการขายหรือความเหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะ

เกี่ยวกับ CyberArk
CyberArk (NASDAQ: CYBR) คือผู้นำระดับโลกด้านการรักษาความปลอดภัยข้อมูลประจำตัว ที่ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรต่างๆ ทั่วโลกให้รักษาความปลอดภัยข้อมูลประจำตัวทั้งของมนุษย์และเครื่องจักรในองค์กรยุคใหม่ แพลตฟอร์มด้านการรักษาความปลอดภัยข้อมูลประจำตัวที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ CyberArk จะนำระบบควบคุมสิทธิ์อัจฉริยะมาใช้กับสำหรับทุกข้อมูลประจำตัว พร้อมการป้องกัน การตรวจจับ และการตอบสนองภัยคุกคามอย่างต่อเนื่องตลอดวงจรชีวิตของการระบุตัวตน CyberArk จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถลดความเสี่ยงด้านปฏิบัติการและความปลอดภัย ด้วยการเปิดใช้งานระบบ Zero Trust และสิทธิ์การใช้งานน้อยที่สุด พร้อมความสามารถในการมองเห็นข้อมูลได้อย่างสมบูรณ์ ช่วยให้ผู้ใช้และข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงบุคลากร ฝ่ายไอที นักพัฒนา และเครื่องจักร สามารถเข้าถึงทรัพยากรต่างๆ ได้อย่างปลอดภัยจากทุกที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ cyberark.com

ลิขสิทธิ์ © 2025 CyberArk Software สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อแบรนด์ ชื่อผลิตภัณฑ์ หรือเครื่องหมายการค้าอื่นๆ ทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

นักลงทุนสัมพันธ์:
Kelsey Turcotte
CyberArk
617-558-2132
ir@cyberark.com

สื่อ:
Rachel Gardner
CyberArk
603-531-7229
press@cyberark.com

ที่มา: CyberArk

งาน Eco Expo Asia จะเปิดตัวที่งาน AsiaWorld-Expo ปลายเดือนตุลาคมนี้เพื่อส่งเสริมเทคโนโลยีสีเขียว

Logo

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–14 ตุลาคม 2025

งาน Eco Expo Asia ครั้งที่ 20 ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมสีเขียวเพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอน” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-31 ตุลาคมที่ AsiaWorld-Expo ที่ดึงดูดผู้แสดงสินค้ากว่า 300 รายจาก 12 ประเทศและภูมิภาค โดยงานนี้จะเน้นไปที่ 3 หัวข้อหลัก ได้แก่ เศรษฐกิจหมุนเวียนและการจัดการขยะ การเดินทางอัจฉริยะและสีเขียว และบริการที่เกี่ยวข้องกับ ESG โดยนำเสนอโซลูชันที่หลากหลายเพื่อการปกป้องสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจสีเขียว

2025 ECO Expo Asia

งาน ECO Expo Asia 2025

Jenny Koo รองผู้อำนวยการบริหาร HKTDC กล่าวว่า “ในฐานะที่เป็นแพลตฟอร์มทางธุรกิจสำหรับ ESG และโซลูชันที่ยั่งยืน งานเอ็กซ์โปจะจัดแสดงผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีล่าสุดในด้านพลังงานใหม่ การใช้ชีวิตสีเขียว และการปกป้องสิ่งแวดล้อม ในปีนี้ งาน Eco Expo Asia จะดึงดูดผู้แสดงสินค้ากว่า 300 รายจาก 12 ประเทศและภูมิภาค โดยมีซัพพลายเออร์ภาครัฐจากจีนแผ่นดินใหญ่ รวมถึงประเทศในกลุ่มอาเซียนและประเทศแถบเส้นทางสายไหม เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมทั่วโลกคว้าโอกาสอันมหาศาลที่เกิดจากเศรษฐกิจสีเขียว”

กิจกรรมไฮไลท์อย่างงานประชุม Eco Asia Conference จะรวบรวมเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกมาแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมเร่งด่วน พร้อมกิจกรรมอื่นๆ ได้แก่ รางวัล FHKI Q-Mark Low Carbon Restaurant Award 2025, การประชุม Hydrogen Economy Forum ครั้งที่ 6 และการประชุม Experience Sharing Forum โดยในวันสุดท้ายของงานเอ็กซ์โปในวันที่ 31 ตุลาคม จะเป็นวันที่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมฟรี ผู้เข้าชมงานสามารถเข้าร่วมสัมมนาและเวิร์กช็อปสีเขียวได้

ลงทะเบียนตอนนี้เพื่อรับสิทธิ์เข้าชมฟรี – https://tinyurl.com/4y5aymt7

เว็บไซต์: www.ecoexpoasia.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251012131616/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

การสอบถามข้อมูลจากสื่อ:
โปรดติดต่อฝ่ายนิทรรศการของ HKTDC:
Ken Tsang / Samson Kong
โทร.: (852) 2240 4136 / 2240 4865
อีเมล: ken.mc.tsang@hktdc.org / samson.ph.kong@hktdc.org

ที่มา: Hong Kong Trade Development Council (HKTDC)

 

KIOXIA ปรับปรุงอายุการใช้งานและประสิทธิภาพของหน่วยความจำแฟลชใน RocksDB ด้วยซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สใหม่

Logo

ปลั๊กอินฐานข้อมูลใหม่ที่จะช่วยลดการขยายการเขียนข้อมูลในการกำหนดค่า RAID แบบ Multi-SSD

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–10 ตุลาคม 2025

Kioxia Corporation ประกาศเปิดตัวปลั๊กอิน RocksDB รุ่นใหม่ที่ช่วยเพิ่มอายุการใช้งานและประสิทธิภาพของ SSD ในสภาพแวดล้อม RAID แบบหลายไดรฟ์ ในวันนี้ โดยต่อยอดมาจากการสาธิตก่อนหน้านี้ของ SSD ที่รองรับการวางตำแหน่งข้อมูลแบบยืดหยุ่น (FDP) และรันบน RocksDB บริษัทจะจัดแสดงความก้าวหน้านี้ในงาน Open Compute Project (OCP) Global Summitที่จะจัดขึ้นในเร็วๆ นี้

ในการตั้งค่า RAID 5 แบบ 4 ไดรฟ์ ปลั๊กอินใหม่ของ Kioxia จะลดปัจจัยการขยายการเขียน (WAF) ลงประมาณ 46% และเพิ่มปริมาณงานเป็น 8.22 เท่าของประสิทธิภาพของ MDRAID1 ในการกำหนดค่ามิเรอร์ไดรฟ์ 2 ตัว นั้น WAF จะลดลงเหลือประมาณ 1/3 และสามารถบรรลุปริมาณงาน 1.45 เท่าได้เมื่อเทียบกับ MDRAID1 เทคโนโลยีนี้บรรลุผลสำเร็จเหล่านี้ด้วยการรวบรวมการเขียนข้อมูลเพื่อให้เขียนตามลำดับ เพื่อป้องกันการกระจายตัวของข้อมูลและลดการรวบรวมข้อมูลขยะต่างๆ

โดย RocksDB ซึ่งถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในแอปพลิเคชัน AI เชิงสร้างสรรค์และคลาวด์ จะได้รับการปรับให้เหมาะสมสำหรับการค้นหาประสิทธิภาพสูงและการจัดการข้อมูลในอดีตอย่างมีประสิทธิภาพ

ปลั๊กอินใหม่นี้จะนำเสนอ SSD ซีรีส์ KIOXIA XD8 ในการสาธิตสดที่บูท Kioxia (A51) ในงาน 2025 OCP Global Summit โดยการสาธิตนี้จะแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นและ WAF ที่ลดลงในการกำหนดค่า RAID 1 แบบสองไดรฟ์ด้วยปลั๊กอิน RocksDB เมื่อเปรียบเทียบกับการทำมิเรอร์ RAID แบบ Linuxมาตรฐาน

Kioxia จะเปิดตัวปลั๊กอินนี้ในรูปแบบโอเพนซอร์ส ซึ่งช่วยตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี SSD และหน่วยความจำแฟลชทั่วทั้งอุตสาหกรรม ด้วยการแบ่งปันนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ทาง Kioxia ยังคงสนับสนุนความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของโครงสร้างพื้นฐานการประมวลผลขั้นสูงและศูนย์ข้อมูลต่างๆ ปลั๊กอินใหม่นี้คาดว่าจะเปิดตัวในไตรมาสแรกของปี 2026

หมายเหตุ:

(1) ประสิทธิภาพอ้างอิงจากการทดสอบโดยใช้ KIOXIA XD8 ซีรีส์ในสภาพแวดล้อมห้องปฏิบัติการของ KIOXIA การวัดอายุการใช้งานอ้างอิงจากการลดปัจจัยการขยายการเขียน (WAF) การปรับปรุงประสิทธิภาพของ RocksDB อ้างอิงจากการเพิ่มขึ้นของการสืบค้นข้อมูลต่อวินาที

 * ความเร็วในการอ่านและเขียนอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น อุปกรณ์โฮสต์ ซอฟต์แวร์ (ไดรเวอร์ ระบบปฏิบัติการ ฯลฯ) และสภาวะการอ่าน/เขียน
 * เครื่องหมาย Open Compute Project และ OCP เป็นกรรมสิทธิ์และใช้งานโดยได้รับอนุญาตจาก Open Compute Project Foundation
 * Linus เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Linus Torvalds ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ
 * ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทบุคคลที่สาม

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ที่มุ่งมั่นพัฒนา ผลิต และจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) โดยในเดือนเมษายน 2017 Toshiba Memory ซึ่งเป็นชื่อเดิมของบริษัทได้แยกตัวออกมาจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจำ” ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและสร้างคุณค่าจากหน่วยความจำให้กับสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3 มิติอันล้ำสมัยของ Kioxia ที่ชื่อว่า BiCS FLASH™ กำลังกำหนดอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันความหนาแน่นสูง ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี ระบบยานยนต์ ศูนย์ข้อมูล และระบบ AI เชิงสร้างสรรค์

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลติดต่อ เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

การสอบถามจากสื่อ:
Kioxia Corporation
ฝ่ายบริหารการส่งเสริมการขาย
Satoshi Shindo
โทร.: +81-3-6478-2404

ที่มา: Kioxia Corporation

Xenco Medical ได้รับการยกย่องให้เป็นบริษัทอุปกรณ์การแพทย์/การวินิจฉัยแห่งปีในงานประกาศรางวัล Trailblazer Awards อันทรงเกียรติประจำปี 2025 ในนิวยอร์กซิตี้

Logo

ซานดิเอโก–(BUSINESS WIRE)–08 ตุลาคม 2025

Xenco Medical บริษัทเทคโนโลยีทางการแพทย์รุ่นบุกเบิก ได้รับการยกย่องให้เป็นบริษัทอุปกรณ์การแพทย์/การวินิจฉัยแห่งปี ในงานประกาศรางวัล PM360 Trailblazer Awards ประจำปี 2025 ซึ่งจัดขึ้นที่ Gotham Hall ในนิวยอร์กซิตี้ เมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา โดยรางวัล Trailblazer Awards จัดขึ้นโดยองค์กรวิทยาศาสตร์ชีวภาพชั้นนำของโลกในแต่ละปี เพื่อยกย่ององค์กร ผู้นำ และโครงการริเริ่มต่างๆ ที่มีนวัตกรรมและทรงอิทธิพลที่สุดในการกำหนดอนาคตของการดูแลสุขภาพ โดย Xenco Medical ได้รับรางวัลสูงสุดในฐานะบริษัทแห่งปีในสาขาอุปกรณ์การแพทย์/การวินิจฉัย จากการพัฒนาอุปกรณ์ปลูกถ่ายแบบเลียนแบบชีวภาพ วัสดุชีวภาพแบบฟื้นฟูสภาพ และเครื่องมือผ่าตัดโพลิเมอร์คอมโพสิต ด้วยเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งกำหนดนิยามใหม่ของการดูแลผู้ป่วยผ่าตัด “ผู้ชนะในปีนี้แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ทำให้อุตสาหกรรมของเราแตกต่างอย่างชัดเจน นั่นคือ แนวคิดที่โดดเด่น นวัตกรรมที่ก้าวล้ำ และผลกระทบต่อโลก” กล่าวโดย Anna Stashower ซีอีโอและสำนักพิมพ์ PM360 “ผลงานของพวกเขาช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต ยกระดับการดูแล และขับเคลื่อนความก้าวหน้าที่สำคัญได้อย่างแท้จริง” ผู้ชนะรายอื่นๆ ในพิธีมอบรางวัลนี้ ประกอบด้วย Merck & Company ที่ได้รับรางวัลบริษัทเภสัชกรรม/เทคโนโลยีชีวภาพแห่งปี และ Vertex Pharmaceuticals ที่ได้รับรางวัลบริษัทเภสัชกรรม/เทคโนโลยีชีวภาพเฉพาะทางแห่งปี

On September 30th, 2025, Xenco Medical took home the top crown as Company of the Year in the Medical Device/Diagnostics category at the lauded Trailblazer Awards Ceremony in New York City’s Gotham Hall.

เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2025 Xenco Medical ได้คว้ารางวัลบริษัทแห่งปีในประเภทอุปกรณ์การแพทย์/การวินิจฉัย ในงานประกาศรางวัล Trailblazer Awards ที่ Gotham Hall ในนิวยอร์กซิตี้

“เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการยกย่องให้เป็นบริษัทแห่งปีในประเภทอุปกรณ์การแพทย์/การวินิจฉัย ในงาน Trailblazer Awards ประจำปี 2025 และเราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้นำศักยภาพอันล้นเหลือของวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างผลกระทบที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้ป่วยจำนวนนับไม่ถ้วนต่อไป” Jason Haider ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Xenco Medical กล่าว

ด้วยแรงบันดาลใจจากวิถีการถ่ายโอนเชิงกลภายในเซลล์ เทคโนโลยี TrabeculeX Continuum อันล้ำสมัยของ Xenco Medical นั้นได้ผสานศักยภาพในการสร้างกระดูกของวัสดุชีวภาพที่ฟื้นฟูตัวเองได้อย่างลงตัวกับการฟื้นฟูหลังการผ่าตัดที่ขับเคลื่อนด้วย AI ด้วยการช่วยให้ศัลยแพทย์สามารถติดตามคะแนนความเจ็บปวด การปฏิบัติตามการฟื้นฟู และการฟื้นตัวของการเคลื่อนไหวจากระยะไกลผ่านการประเมินท่าทางที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้ โดย Xenco Medical ยังคงเดินหน้าในภารกิจต่างๆ เพื่อกำจัดอุปสรรคต่างๆ ที่พบเห็นได้โดยทั่วไปในการผ่าตัด

รางวัล Trailblazer Awards เป็นหนึ่งในรางวัลเกียรติยศสูงสุดในสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพที่ยกย่องความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมที่ก้าวล้ำ ธรรมาภิบาลองค์กร และความรับผิดชอบต่อสังคม โดยยกย่องบริษัทที่เป็นตัวอย่างความเป็นผู้นำและความคิดสร้างสรรค์ในระบบนิเวศการดูแลสุขภาพ โดย Xenco Medical ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอุปกรณ์การแพทย์ได้นำเสนอเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ ที่ช่วยตอกย้ำถึงแนวทางการดูแลสุขภาพที่เน้นคุณค่า ทาง Xenco Medical ได้ยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานของสถานพยาบาลอย่างก้าวกระโดดด้วยระบบปลูกถ่ายอุปกรณ์ผ่าตัดแบบใช้ครั้งเดียวที่มีการปรับปรุงใหม่ อุปกรณ์ผ่าตัดที่ปรับปรุงใหม่ด้านโลจิสติกส์ของ Xenco Medical จะช่วยลดระยะเวลาการหมุนเวียนของการผ่าตัดลงอย่างมาก โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการฆ่าเชื้อและสามารถนำอุปกรณ์ปลูกถ่ายและอุปกรณ์กลับมาใช้ได้ใหม่ระหว่างการผ่าตัด โดยในเดือนมีนาคมของปีนี้ Xenco Medical ยังได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดในโลกโดยนิตยสาร Fast Company เป็นครั้งที่สองอีกด้วย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251008490627/en

Contacts

Melissa Russell
858-202-1505
info@xencomedical.com

ที่มา: Xenco Medical

InTReaX™ ของ IBSFINtech ได้รับสถานะ ‘Built for NetSuite’

Logo

SuiteApp ใหม่สำหรับการจัดการด้านการเงินขององค์กรตามมาตรฐานการพัฒนาและแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดของแพลตฟอร์ม Oracle NetSuite SuiteCloud

มุมไบ อินเดีย–(BUSINESS WIRE)–09 ตุลาคม 2025

IBSFINtech ผู้ให้บริการเทคโนโลยีด้านการเงินที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ประกาศในวันนี้ว่า InTReaX™ SuiteApp ของบริษัทได้รับสถานะ ‘Built for NetSuite’ โดย SuiteApp ใหม่นี้สร้างขึ้นโดยใช้แพลตฟอร์ม Oracle NetSuite SuiteCloud ที่จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการด้านการเงินได้ดียิ่งขึ้น ทั้งในด้านการเงินการค้า การชำระเงิน เงินทุน ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ การลงทุน ความเสี่ยงด้านสินค้าโภคภัณฑ์ กระแสเงินสดและสภาพคล่อง รวมถึงการดำเนินงานด้านการเงินในห่วงโซ่อุปทานต่างๆ

อนาคตของการเงินขององค์กรจะเป็นแบบดิจิทัล บูรณาการ และอัจฉริยะ เมื่อธุรกิจขยายขนาดและขยายตัวไปทั่วโลก การจัดการความเสี่ยงทางการเงิน สภาพคล่อง และการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างแม่นยำไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อภารกิจ” กล่าวโดย CM Grover, MD และ CEO ของ IBSFINtech “ด้วยการผสานรวมพลังของระบบธุรกิจแบบบูรณาการของ NetSuite และโซลูชันการจัดการด้านการเงินของเรา SuiteApp ใหม่ของเราจะช่วยเสริมศักยภาพให้กับทีมการเงินด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูงและการบริหารความเสี่ยงที่ขับเคลื่อนด้วยระบบอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มประสิทธิภาพของกลยุทธ์ในการป้องกันความเสี่ยง และเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงิน ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ภายในระบบนิเวศดิจิทัลแบบครบวงจร

InTReaX™ SuiteApp จะช่วยให้ผู้บริหารระดับสูง (CXO) และเหรัญญิกปรับปรุงการควบคุมการดำเนินงานด้านการเงินและการเงินการค้าให้ดียิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ปรับปรุงการกำกับดูแลข้อมูล และเพิ่มผลกำไร ด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูง การวางแผนสถานการณ์ และการมองเห็นแบบรวมศูนย์ทั่วทั้งองค์กรและภูมิศาสตร์ องค์กรต่างๆ สามารถปรับปรุงการตรวจสอบความเสี่ยงได้แบบเรียลไทม์และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตัดสินใจ นอกจากนี้ การผสานรวมที่ราบรื่นระหว่าง NetSuite แพลตฟอร์มการซื้อขาย และธนาคารต่างๆ ยังช่วยลดภาระงานที่ต้องทำด้วยมือและสนับสนุนการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบอีกด้วย

การจัดการด้านการเงินและความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรมีความคล่องตัว ปลดล็อกกระแสเงินสด และใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ในการเติบโต” กล่าวโดย Scott Derksen รองประธานฝ่ายพันธมิตรและพัฒนาธุรกิจของ Oracle NetSuite “SuiteApp ใหม่นี้ขยายโซลูชันที่แข็งแกร่งของเราสำหรับการจัดการเงินสด และช่วยให้ลูกค้าของ NetSuite ปรับปรุงการมองเห็นกระแสเงินสดให้ดียิ่งขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงและการขยายธุรกิจ

Built for NetSuite คือโปรแกรมสำหรับพันธมิตร NetSuite SuiteCloud Developer Network (SDN) ที่ให้ข้อมูล ทรัพยากร และวิธีการที่จำเป็นเพื่อช่วยให้พันธมิตรตรวจสอบว่าแอปพลิเคชันและการผสานรวมของพวกเขาเป็นไปตามมาตรฐานและแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดของ NetSuite หรือไม่ โปรแกรม Built for NetSuite ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าของ NetSuite ว่า SuiteApps เช่นเดียวกับ InTReaX™ SuiteApp ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ตรงตามมาตรฐานเหล่านี้

สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับ Built for NetSuite SuiteApps โปรดไปที่ www.netsuite.com/BuiltforNetSuite สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ InTReaX™: ระบบการจัดการด้านการเงิน IBSFINtech SuiteApp โปรดไปที่ https://www.suiteapp.com/IBS-Fintech-Treasury-Management-System

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Sanghmitra Shukla
sanghmitra.s@ibsfintech.com

ที่มา: IBSFINtech

แอปมือถือของ eM Client พร้อมใช้งานโดยทั่วไปแล้ว พร้อมชุดเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วย AI สำหรับ iOS และ Android

Logo

แอปครบวงจรที่รวมการสื่อสารและการจัดระเบียบเพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็วและง่ายดายยิ่งขึ้น

ปราก–(BUSINESS WIRE)–08 ตุลาคม 2025

eM Client แอปอีเมลไคลเอ็นต์ยุคใหม่ที่สร้างขึ้นเพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น ได้ประกาศว่าฟีเจอร์ต่างๆ ของแอปมือถือสำหรับ iOS และ Android พร้อมใช้งานแล้ว การเปิดตัวครั้งนี้ได้นำชุดโปรแกรมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแบบครบวงจรของบริษัทมาสู่อุปกรณ์มือถือ โดยมีการผสานรวมอีเมล ปฏิทิน รายชื่อติดต่อ งาน และบันทึกต่างๆ ไว้ในประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่น แอปนี้ยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือ AI ในตัวที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเขียนอีเมลและตอบกลับได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้การสื่อสารในชีวิตประจำวันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

“ด้วย eM Client สำหรับอุปกรณ์มือถือ ผู้คนไม่จำเป็นต้องจัดการหลายๆ แอปพร้อมกันเพียงเพื่อให้เป็นระเบียบอีกต่อไป” กล่าวโดย Michal Bürger ซีอีโอของ eM Client “ทุกอย่างรวมอยู่ในที่เดียว และ AI จะช่วยให้การสื่อสารและการทำงานระหว่างเดินทางรวดเร็วกว่าที่เคย เราได้ออกแบบแอปนี้เพื่อมอบประสบการณ์อันทรงพลังที่ผู้ใช้สามารถไว้วางใจได้บนเดสก์ท็อป ซึ่งตอนนี้ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับอุปกรณ์มือถือแล้ว”

ทุกสิ่งที่คุณต้องการ ทั้งหมดในแอปเดียว

ด้วยการเปิดตัวครั้งนี้ eM Client ได้รวบรวมเครื่องมือและส่วนเสริมต่างๆ ที่ผู้ใช้เรียกร้องมากที่สุดไว้ในประสบการณ์บนอุปกรณ์มือถือเพียงเครื่องเดียว โดยผู้ใช้จะได้รับประโยชน์จาก

  •  สิ่งจำเป็นในการเพิ่มประสิทธิภาพ : จัดการปฏิทิน รายชื่อติดต่อ งาน และบันทึกต่างๆ ควบคู่ไปกับอีเมลในแอปเดียว ฟีเจอร์ปฏิทินจะประกอบด้วยมุมมองหลายมุมมอง พร้อมการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์เพื่อติดตามการประชุมต่างๆ โดยรายชื่อติดต่อจะช่วยมอบการจัดการบัญชีที่ซิงโครไนซ์ การดำเนินการทันทีสำหรับการโทรหรืออีเมล รวมถึงประวัติการสื่อสารและไฟล์แนบต่างๆ นอกจากนี้ งานและบันทึกต่างๆ จะซิงค์กันเพื่อรวบรวมกำหนดเวลาและไอเดียต่างๆ ไว้ในที่เดียว
  •  ความช่วยเหลือที่ขับเคลื่อนด้วย AI : เขียนร่างหรือตอบกลับอย่างรวดเร็วด้วยเครื่องมือ AI แบบบูรณาการ จากการนำฟีเจอร์อัจฉริยะเดียวกันจากเดสก์ท็อปมาสู่อุปกรณ์มือถือ ผู้ใช้สามารถแปลหรือตรวจสอบอีเมลได้อย่างทันที สร้างข้อความปฏิเสธหรือขอข้อมูลเพิ่มเติมอย่างสุภาพได้ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว หรือสร้างข้อความตอบกลับแบบกำหนดเองได้ด้วยการป้อนข้อความแจ้งเตือนของตนเอง โดย AI จะช่วยปรับปรุงข้อความทั่วไปให้มีประสิทธิภาพและรับรองการตอบกลับที่เข้าใจบริบท เพื่อให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในทุกที่ทุกเวลา
  •  ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ได้รับการปรับปรุง : อินเตอร์เฟซผู้ใช้ (UI) ที่ปรับให้เหมาะกับแท็บเล็ตสำหรับ Android และ iPad จะมอบรูปแบบที่ใกล้เคียงกับเดสก์ท็อปมากขึ้น พร้อมตัวเลือกในการปักหมุดหรือการยุบแผงเพื่อการอ่านที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ขนาดตัวอักษรที่สามารถปรับได้ การจัดเรียงรายการที่ยืดหยุ่น รวมถึงการอัปเกรดประสิทธิภาพของ iOS ที่จะช่วยให้มั่นใจได้ถึงประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นและตอบสนองได้ดีในทุกอุปกรณ์

ตลาดเครื่องมือเพิ่มผลผลิต AI กำลังเติบโตอย่างมาก โดยมีสัญญาณการขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญอย่างน้อยที่สุดในช่วงปี 2030-2034 องค์กรในอุตสาหกรรมต่างๆ กำลังลงทุนในโซลูชันเหล่านี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กโฟลว์และการสื่อสาร ด้วยการฝัง AI ลงในแอปมือถือโดยตรง ทาง eM Client จึงนำความก้าวหน้าเหล่านี้มาสู่อีเมลและการทำงานร่วมกันในชีวิตประจำวัน

ความพร้อมใช้งาน

ในตอนนี้แอปมือถือของ eM Client พร้อมให้บริการทั่วโลกแล้วสำหรับ iOS และ Android โดยผู้ใช้เดิมจะได้รับการอัปเดตโดยอัตโนมัติ ขณะที่ผู้ใช้ใหม่สามารถตั้งค่าแอปได้ภายในไม่กี่คลิก โดยระบบตรวจจับบัญชีอัตโนมัติและฟีเจอร์นำเข้าข้อมูลผ่าน QR จะช่วยให้การตั้งค่าการถ่ายโอนจากเวอร์ชันเดสก์ท็อปสามารถทำได้อย่างง่ายดาย

ต้นปีนี้ eM Client ได้เปิดตัว eM Client 10.3 พร้อมการปรับปรุง UI ในหลายๆ ด้าน รวมไปถึงการรวมฟีเจอร์ต่างๆ ที่เป็นที่ต้องการอย่างมากจากผู้ใช้ Postbox ในอดีต เช่น โปรไฟล์ กลุ่มบัญชี และปุ่มลัดบนแป้นพิมพ์อื่นๆ โดยปลายปีที่แล้ว eM Client ได้เข้าซื้อกิจการ Postbox Inc.ที่เป็นบริษัทแอปพลิเคชันอีเมลในสหรัฐอเมริกา การเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ได้ช่วยยกระดับบริการของ eM Client ไปสู่ฐานผู้ใช้ที่กว้างขึ้น และยังช่วยยกระดับประสิทธิภาพและประสิทธิผลของผู้ใช้ในการจัดการอีเมลอีกด้วย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม www.emclient.com/mobile-features

เกี่ยวกับ eM Client

eM Client (www.emclient.com) ก่อตั้งขึ้นในปี 2006 โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจน นั่นคือการพัฒนาโปรแกรมอีเมลไคลเอ็นต์ที่ทันสมัย ​​เข้ากันได้กับเทคโนโลยีล่าสุด และสามารถรองรับผู้ให้บริการอีเมลรายใหญ่ทุกราย โดย eM Client ได้รับความไว้วางใจจากธุรกิจกว่า 100,000 แห่ง และผู้ใช้กว่า 2,500,000 คนทั่วโลก eM Client คือโซลูชันอีเมลสำหรับองค์กรธุรกิจอันทรงพลังและยังเป็นเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำหรับบริษัททุกๆ ขนาด

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
10Fold สำหรับ eM Client
emclient@10fold.com

ที่มา: eM Client

SG Entertech ขยาย Snack VR สู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการมองหาพันธมิตรในพื้นที่

Logo

  •  บริษัทนวัตกรรม VR ของเกาหลีกำลังมองหาตัวแทนและพันธมิตรทางธุรกิจในพื้นที่เพื่อเร่งการเจาะตลาดในระดับภูมิภาค

โซล เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–07 ตุลาคม 2025

SG Entertech Co., Ltd. ผู้ให้บริการโซลูชัน VR เชิงนวัตกรรมของแพลตฟอร์ม Snack VR ประกาศแผนการขยายธุรกิจไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกำลังมองหาตัวแทน ผู้จัดจำหน่าย และพันธมิตรในพื้นที่เพื่อสร้างเครือข่ายในระดับภูมิภาค

Snack VR is a compact, unmanned VR Kiosk device ideal for tourism operators, museums, schools, shopping malls, retail chains, and public institutions. (Photo: SG Entertech Co., Ltd.)

Snack VR คืออุปกรณ์ VR Kiosk ขนาดกะทัดรัดไม่ใช้คน เหมาะสำหรับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว พิพิธภัณฑ์ โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก และหน่วยงานภาครัฐ (ภาพ: SG Entertech Co., Ltd.)

SG Entertech แสวงหาความร่วมมือกับผู้ประกอบการการท่องเที่ยว พิพิธภัณฑ์ โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก และสถาบันสาธารณะต่างๆ ในท้องถิ่น เพื่อเปิดตัว Kiosk Snack VR ขนาดกะทัดรัดที่ไม่ใช้คนให้กับผู้คนในวงกว้างมากขึ้น

โอกาสในการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์

พันธมิตรการจัดจำหน่ายในระดับภูมิภาค : ผู้จัดจำหน่ายเทคโนโลยีและซัพพลายเออร์อุปกรณ์ความบันเทิงที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม

ผู้ร่วมมือในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว : เครือโรงแรม ผู้ประกอบการรีสอร์ต แหล่งท่องเที่ยว และบริษัทจัดการจุดหมายปลายทางที่ต้องการยกระดับประสบการณ์ของนักท่องเที่ยว

พันธมิตรในภาคการศึกษา : มหาวิทยาลัย โรงเรียนนานาชาติ ผู้ให้บริการเทคโนโลยีทางการศึกษา และศูนย์วัฒนธรรมที่สนใจโซลูชันการเรียนรู้เชิงลึก

ตัวแทนค้าปลีกและความบันเทิง : ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า สถานที่บันเทิง และศูนย์รวมความบันเทิงสำหรับครอบครัวที่กำลังมองหาช่องทางรายได้ใหม่ๆ

พันธมิตรภาครัฐ : คณะกรรมการการท่องเที่ยว กระทรวงวัฒนธรรม และสถาบันสาธารณะที่กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่โซลูชันดิจิทัล

เพื่อสนับสนุนความร่วมมือทางกลยุทธ์เหล่านี้ SG Entertech จึงนำชุดประสบการณ์ VR ที่น่าตื่นเต้นมาสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เนื้อหา VR ที่โดดเด่น

กล่องจดหมายโปสต์การ์ด VR : โซลูชัน VR นี้สร้างขึ้นเพื่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถบันทึกความทรงจำการเดินทางและแชร์เป็นโปสต์การ์ดดิจิทัลได้ทันที ด้วยการผสมผสานการโปรโมตสถานที่ท่องเที่ยวเข้ากับของที่ระลึกที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคลที่จะช่วยให้รัฐบาลและคณะกรรมการการท่องเที่ยวสามารถสร้างความประทับใจไม่รู้ลืมให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้

ประสบการณ์ศิลปะ VR กับการวาดภาพ : โปรแกรมการเรียนรู้และวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงผู้ใช้กับศิลปินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้เข้าร่วมสร้างสรรค์ภาพวาดดิจิทัลผ่าน VR โดยมีศิลปินท้องถิ่นเป็นวิทยากร ผสมผสานศิลปะดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีเสมือนจริง โรงเรียนและสถาบันทางวัฒนธรรมสามารถใช้ VR เพื่อนำเสนอมรดกทางวัฒนธรรมของภูมิภาคผ่านเวิร์กช็อปที่น่าสนใจได้

การยิงปืน VR : เกมยิงปืนสไตล์ Wild West สุดสมจริงที่ทดสอบปฏิกิริยาตอบสนองและความแม่นยำ เหมาะสำหรับเครื่องเล่นและเกมอาร์เคดที่จะมอบประสบการณ์การเล่นที่สั้นแต่ทรงพลังสำหรับทั้งผู้เล่นทั่วไปและผู้เล่นที่เน้นผลการแข่งขัน

ศึกแห่งโชคชะตา : เกม PvP VR ธีมแฟนตาซีที่ผู้เล่นจะได้ฝึกฝนอาวุธและทักษะเพื่อการแข่งขันแบบดวลกันหรือแบบทีม เหมาะสำหรับการแข่งขันอีสปอร์ตและเทศกาลต่างๆ ที่จะมอบแพลตฟอร์มที่น่าตื่นเต้นสำหรับการแข่งขันแบบอินเทอร์แอคทีฟ

เคาน์เตอร์แอทแท็ค : เกม FPS แนวทหาร VR ยุคใหม่ที่เน้นการเล่นเป็นทีม กลยุทธ์ และการใช้อาวุธที่สมจริง ด้วยการเล่นที่น่าตื่นเต้น จึงเหมาะสำหรับสถานบันเทิง ศูนย์ VR และแม้แต่การจำลองการฝึกซ้อม

Kook Sun Pyo ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ SG Entertech กล่าวว่า “แม้ว่าเกมอาร์เคด VR แบบดั้งเดิมจะประสบปัญหาเรื่องความสามารถในการปรับขนาดเนื่องจากค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ที่สูง แต่ Snack VR ได้นำเสนอสถาปัตยกรรมแบบลีนที่ช่วยลดทั้งค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนและค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงานได้เป็นอย่างมาก รูปแบบที่ก้าวล้ำนี้ช่วยปลดล็อกระดับผลกำไรใหม่ และช่วยให้สามารถนำไปใช้งานด้านความบันเทิงตามสถานที่ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและแพร่หลาย การเติบโตในระยะต่อไปของเราขึ้นอยู่กับการร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งในท้องถิ่น และขณะนี้ SG Entertech กำลังเปิดรับคำขอเป็นพันธมิตรเพื่อขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

บริษัทที่กำลังมองหาโซลูชันล้ำสมัย ขอเชิญพบกับ SG Entertech ได้ในงาน Hong Kong Electronics Fair (ฤดูใบไม้ร่วง) ในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งจะมีการจัดแสดงนวัตกรรมที่ล้ำสมัยต่างๆ  

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย  

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251006584331/en

Contacts

SG Entertech Co., Ltd.
ซีอีโอ
Dong Kyun Ko
contact@sgentertec.co.kr

ที่มา: SG Entertech Co., Ltd.

ForeverGone ของ Gradiant ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในการกำจัด PFAS ด้วยต้นทุนและประสิทธิภาพที่ก้าวล้ำ

Logo

การปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ที่สนามบินนานาชาติมิวนิค ได้ช่วยเน้นย้ำถึงความสามารถของเทคโนโลยีในการกำจัด PFAS ที่แหล่งกำเนิด และในขณะเดียวกันก็สามารถตอบสนองต่อแรงกดดันด้านต้นทุนและกฎระเบียบระดับโลกได้

บอสตัน, แมสซาชูเซตส์–(BUSINESS WIRE)–29 กันยายน 2025

Gradiant ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันน้ำและน้ำเสียขั้นสูง ประกาศถึงความก้าวหน้าของแพลตฟอร์มกำจัด PFAS ของ ForeverGone ในวันนี้ และตอกย้ำถึงความเป็นหนึ่งในโซลูชันที่คุ้มค่าและยั่งยืนที่สุดสำหรับการกำจัด “สารเคมีอันตราย” ในน้ำเสียอุตสาหกรรม

Gradiant has announced advancements in its ForeverGone PFAS destruction platform and the commissioning of a ForeverGone system at Munich International Airport to address complex, legacy PFAS challenges.

Gradiant ได้ประกาศความก้าวหน้าของแพลตฟอร์มทำลาย PFAS ForeverGone และเปิดตัวระบบ ForeverGone ที่สนามบินนานาชาติมิวนิค เพื่อจัดการกับความท้าทายเกี่ยวกับ PFAS ที่ซับซ้อนและล้าสมัย

การกำจัด PFAS ที่แหล่งกำเนิด

ForeverGone เป็นแพลตฟอร์มครบวงจรแรกที่สามารถทำลายสารประกอบ PFAS ในพื้นที่ได้ ระบบนี้จะผสานการแยกส่วนด้วยไมโครโฟมกับอิเล็กโทรออกซิเดชันขั้นสูง เพื่อให้สามารถกำจัดสารประกอบ PFAS ได้ถึง 99–99.9% รวมถึง PFAS สายสั้นที่เทคโนโลยีรุ่นเก่ามักจะมองข้าม ซึ่งแตกต่างจากคาร์บอนกัมมันต์แบบเม็ด (GAC), เรซินแลกเปลี่ยนไอออน (IX หรือ IER) และวิธีการ “ดักจับและกำจัด” อื่นๆ โดย ForeverGone สามารถกำจัด PFAS ได้อย่างสมบูรณ์ และสามารถลบความจำเป็นในการกำจัดที่มีค่าใช้จ่ายสูงออกไปได้ รวมถึงกำจัดความเสี่ยงในการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย

เกณฑ์มาตรฐานต้นทุนใหม่

ด้วยราคาเพียง 0.10–0.20 ดอลลาร์สหรัฐต่อลูกบาศก์เมตร ForeverGone ได้มอบความก้าวหน้าด้านราคาที่สามารถเข้าถึงได้ โดยมีต้นทุนรวมต่ำกว่า 0.50–2.00 ดอลลาร์สหรัฐต่อลูกบาศก์เมตรสำหรับการบำบัดด้วย GAC หรือ IX ทั่วไปอย่างมาก ด้วยการใช้พลังงานเพียง ~0.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง/ลูกบาศก์เมตรที่เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานหลัก ระบบนี้จึงสามารถช่วยลดต้นทุนได้ ในขณะที่การบำบัดในสถานที่จริงนั้นจะช่วยลดต้นทุนและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการขนส่งและการกำจัดได้อีกด้วย

“ForeverGone คือโมเดลใหม่ในการจัดการกับ PFAS ของภาคอุตสาหกรรม” กล่าวโดย Anurag Bajpayee ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Gradiant “ด้วยการกำจัด PFAS ที่แหล่งกำเนิด เราสามารถลดภาระในการกำจัดและปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ทั้งคุ้มค่าและยั่งยืน โดยกฎระเบียบต่างๆ ในยุโรปและเอเชียต่างกำลังเร่งให้มีการใช้งาน ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมในสหรัฐอเมริกากำลังเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่ง ForeverGone ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจในการปฏิบัติตามมาตรฐานต่างๆ ทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้ และเมื่อความสนใจหันไปที่สารประกอบอย่างกรดไตรฟลูออโรอะซิติก (TFA) แพลตฟอร์มนี้จะสร้างรากฐานสำหรับการเป็นผู้นำในระยะยาวด้านสารปนเปื้อนเกิดใหม่ได้อีกด้วย”

การปรับใช้ใหม่ที่สนามบินนานาชาติมิวนิค

Gradiant ได้ติดตั้งระบบ ForeverGone ที่สนามบินนานาชาติมิวนิค เพื่อจัดการกับการปนเปื้อนจากโฟมดับเพลิงที่สร้างขึ้นจากฟิล์มน้ำ (AFFF) การติดตั้งครั้งนี้ได้ช่วยเน้นย้ำให้เห็นถึงความคล่องตัวของแพลตฟอร์มในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ PFAS ที่ซับซ้อนและล้าสมัย ปัจจุบัน ForeverGone รุ่นล่าสุดได้ปฏิบัติงานในพื้นที่จริงแล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมที่มีโปรไฟล์สูงและมีความต้องการสูง

กะทัดรัดและเคลื่อนย้ายได้

หลังจากโครงการพัฒนาสี่ปี Gradiant ได้ลดขนาดพื้นที่การทำงานของเครื่อง Destruction Engine electrooxidation ลงมากกว่า 100 เท่า เหลือเพียง 2% ของปริมาตรระบบเดิม เมื่อผสานรวมกับเทคโนโลยี Micro-Foam Fractionation ผลลัพธ์ที่ได้คือเทคโนโลยีที่มีขนาดกะทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวก และปรับใช้งานได้ทั้งการติดตั้งแบบถาวรและการแก้ไขปัญหาแบบชั่วคราว

ปัจจัยขับเคลื่อนด้านกฎระเบียบ

ความต้องการกำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลกเนื่องจากกฎระเบียบที่เข้มงวดยิ่งขึ้น

  •  ไต้หวัน : ขีดจำกัดการปล่อยสารกึ่งตัวนำอยู่ที่ 1.2 ppb โดยปฏิบัติตามระเบียบการด้วยสุ่มตัวอย่างสองครั้ง
  •  เกาหลีใต้ : การปล่อยสาร PFAS ในภาคอุตสาหกรรมอยู่ภายใต้การตรวจสอบที่เข้มงวดยิ่งขึ้น
  •  จีน : จำกัดปริมาณ PFAS ในน้ำดื่มที่เข้มงวดยิ่งขึ้น

ในยุโรปมีข้อจำกัดที่เข้มงวดเกี่ยวกับสาร PFAS อยู่แล้ว ขณะที่ในสหรัฐอเมริกา การพัฒนามาตรฐานต่างๆ มีความก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ กฎระเบียบที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับพื้นที่น้ำชะขยะมูลฝอยกำลังผลักดันโครงการต่างๆ ให้ก้าวหน้า และคาดว่าแนวทางของ EPA ที่จะออกมาเร็วๆ นี้จะช่วยเร่งการนำไปสู่การปฏิบัติทั่วประเทศ และก่อให้เกิดตลาดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอนาคตสำหรับการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ PFAS

นอกเหนือจาก PFAS

ลูกค้าในอุตสาหกรรมยายังร่วมมือกับ Gradiant ในการผลิตกรดไตรฟลูออโรอะซิติก (TFA) ซึ่งเป็นสารประกอบที่เชื่อมโยงกับผลพลอยได้จากการผลิตยา คาดว่าสหภาพยุโรปจะตัดสินใจเกี่ยวกับกฎระเบียบ TFA ในปี 2026 ซึ่งอาจเปิดตลาดใหม่ที่สำคัญสำหรับ ForeverGone และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง

เชื่อมต่อกับ Gradiant ที่งาน WEFTEC

Gradiant จะเข้าร่วมงาน WEFTEC Chicago ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน ถึง 2 ตุลาคม โดยผู้เข้าชมสามารถเข้าร่วมทัวร์เพื่อชมระบบของแพลตฟอร์ม ForeverGone และรับชมการนำเสนอภายในบูทได้ พบกับเราได้ที่บูท 3867

เกี่ยวกับ Gradiant

Gradiant เป็นบริษัทน้ำที่แตกต่าง ด้วยชุดโซลูชันครบวงจรที่แตกต่างและเป็นกรรมสิทธิ์สำหรับการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูงที่ขับเคลื่อนโดยผู้เชี่ยวชาญระดับสูงด้านน้ำ บริษัทให้บริการการดำเนินงานที่สำคัญยิ่งต่อภารกิจของลูกค้าในอุตสาหกรรมที่จำเป็นของโลก อาทิ เซมิคอนดักเตอร์ เภสัชกรรม อาหารและเครื่องดื่ม ลิเธียมและแร่ธาตุที่สำคัญ และพลังงานทดแทน โซลูชันที่เป็นนวัตกรรมของ Gradiant จะช่วยลดปริมาณการใช้น้ำและน้ำเสียที่ถูกปล่อยออกมา รวมถึงการนำทรัพยากรที่มีค่ากลับคืนมาและเปลี่ยนน้ำเสียให้เป็นน้ำจืด บริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในบอสตันแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นที่ MIT และมีพนักงานมากกว่า 1,300 คนทั่วโลก ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ gradiant.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250929038872/en

Contacts

รายชื่อผู้ติดต่อองค์กร
Felix Wang
Gradiant, หัวหน้าฝ่ายการตลาดระดับโลก
fwang@gradiant.com 

ที่มา: Gradiant

Mohammed Ben Sulayem ประธานสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) จะเป็นผู้นำด้านความปลอดภัย ความยั่งยืน และนวัตกรรมในการประชุม Asia Pacific Congress ที่จะจัดขึ้นในประเทศไทย

Logo

ปารีส–(BUSINESS WIRE)–02 ตุลาคม 2025

สหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลกีฬามอเตอร์สปอร์ตระดับโลกและสหพันธ์องค์กรโมบิลิตี้ทั่วโลก จะเดินทางมายังเชียงใหม่ ประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุม FIA Asia Pacific Congress ประจำปี

FIA Asia Pacific Congress Logo

โลโก้การประชุม FIA Asia Pacific Congress

การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นโดยราชสมาคมยานยนต์แห่งประเทศไทย ที่ได้รวบรวมผู้นำด้านโมบิลิตี้ของยานยนต์และมอเตอร์สปอร์ตจากทั่วภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก มาร่วมหารือเกี่ยวกับโครงการริเริ่มสำคัญๆ ด้านความปลอดภัยบนท้องถนน โมบิลิตี้อย่างยั่งยืน การเติบโตของกีฬาในระดับภูมิภาค รวมถึงนวัตกรรมด้านการขนส่ง โดยมี Mohammed Ben Sulayem ประธาน FIA เข้าร่วมด้วย

Mohammed Ben Sulayem ประธาน FIA กล่าวก่อนการเยือนประเทศไทยว่า: ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เข้าร่วมการประชุม FIA Asia Pacific Congress กับสมาชิกและพันธมิตรของเราที่เชียงใหม่ และผมตั้งหน้าตั้งตารอที่จะสานต่อความก้าวหน้าอันน่าประทับใจของภูมิภาคนี้ ทั้งในด้านโมบิลิตี้และกีฬา

เอเชียและแปซิฟิกเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดของสหพันธ์ฯ และความมุ่งมั่นของสมาชิกของเราที่นี่กำลังสร้างผลกระทบอย่างแท้จริง ตั้งแต่ถนนที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นและการขนส่งที่ยั่งยืน ไปจนถึงโอกาสใหม่ๆ สำหรับการแข่งขันในระดับรากหญ้าและในระดับอีลิท

การรวมตัวกันครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือทั่วภูมิภาค แบ่งปันความเชี่ยวชาญด้านโมบิลิตี้และมอเตอร์สปอร์ต และช่วยผลักดันลำดับความสำคัญร่วมกันของเราในด้านความปลอดภัย ความยั่งยืน และนวัตกรรม

ธีมของการประชุม FIA Asia Pacific Congress ปีนี้คือ สร้างสรรค์ บูรณาการ เร่งรัด: ขับเคลื่อนอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับโมบิลิตี้และกีฬา โดยโปรแกรมดังกล่าวออกแบบมาเพื่อให้สโมสรสมาชิกมีกลยุทธ์ใหม่ๆ และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มโมบิลิตี้และกีฬาที่กำลังพัฒนา รวมถึงการมุ่งเน้นไปที่แนวปฏิบัติที่ยั่งยืน เส้นทางสู่ระดับรากหญ้าที่เข้าถึงได้ รวมถึงวิวัฒนาการของ AI และบทบาทของ AI ในภาคส่วนต่างๆ ของ FIA

งานนี้จัดขึ้นในขณะที่นวัตกรรมมอเตอร์สปอร์ตและโมบิลิตี้กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นทั่วภูมิภาค

ศรีลังกาเพิ่งเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตชิงแชมป์เอเชียแปซิฟิก โดยมี 18 ชาติ และนักแข่ง 204 คนเข้าร่วม ขณะที่มาเลเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน FIA ‘Arrive and Drive’ Karting World Cup ครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยในปี 2026 Formula 1 จะกลับมาจัดที่ออสเตรเลีย จีน และญี่ปุ่น ร่วมกับ WRC และ WEC ในญี่ปุ่น และ Formula E ในเซี่ยงไฮ้และโตเกียว ในส่วนของโมบิลิตี้ Safe Helmets for Asia Pacific Initiative (SHAP) ได้จัดเวิร์กช็อปครั้งแรกที่มะนิลาเมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีตัวแทนจากกัมพูชา จีน เนปาล ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม มาร่วมกันวางแผนเส้นทางใหม่สำหรับหมวกนิรภัยที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

โครงสร้างสโมสรสมาชิก FIA ถือเป็นแกนหลักของการกำกับดูแลและการดำเนินงานของสหพันธ์ โดยสโมสรสมาชิกแต่ละแห่งจะมีสิทธิ์ออกเสียงในการเลือกตั้งและการตัดสินใจด้านกฎระเบียบของ FIA สโมสรจะแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก โดยบางสโมสรทำหน้าที่ทั้งสองบทบาท:

  • สโมสรโมบิลิตี้ – ให้บริการด้านการเดินทางและเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของผู้ใช้ถนน โดยมุ่งเน้นด้านความปลอดภัยทางถนน การเดินทางและการท่องเที่ยว สิทธิผู้บริโภค และการเดินทางอย่างยั่งยืน
  • หน่วยงานกีฬาระดับชาติ (ASN) – กำกับดูแลและพัฒนากีฬามอเตอร์สปอร์ตในระดับชาติ รับผิดชอบกิจกรรมกีฬา ออกใบอนุญาต และมีส่วนร่วมในกฎระเบียบต่างๆ

ภายใน FIA มี 4 ภูมิภาคด้านโมบิลิตี้ และ 6 โซนกีฬา โดยการประชุม Asia Pacific Congress จะต้อนรับสโมสรสมาชิกจาก FIA ภูมิภาค II สมาชิก FIA ทั่วโลกประกอบด้วย 245 สโมสร ใน 149 ประเทศ เชื่อมโยงสมาชิกกว่า 80 ล้านคน

จบ

สหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) เป็นองค์กรกำกับดูแลกีฬามอเตอร์สปอร์ตระดับโลก และเป็นสหพันธ์องค์กรด้านโมบิลิตี้ทั่วโลก โดนเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนนวัตกรรมและส่งเสริมความปลอดภัย ความยั่งยืน และความเท่าเทียมกันในกีฬามอเตอร์สปอร์ตและโมบิลิตี้

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251002874909/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

หากต้องการสอบถามข้อมูลสื่อ โปรดติดต่อ:
Geri Sherwin ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารของประธานและโมบิลิตี้: gsherwin@fia.com
Joseph Kidd เจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารของประธาน: jkidd@fia.com

ที่มา: FIA

MidOcean Energy ของ EIG เตรียมเข้าซื้อหุ้นใน LNG Canada จาก PETRONAS

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–30 กันยายน 2025

MidOcean Energy (“MidOcean”) บริษัทก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่ก่อตั้งและบริหารจัดการโดย EIG ซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคส่วนพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ประกาศเมื่อวันนี้ว่าได้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการซื้อหุ้นร้อยละ 20 ในนิติบุคคลสำคัญของ PETRONAS ในประเทศแคนาดา

ธุรกรรมนี้รวมถึงการถือหุ้นร้อยละ 20 ใน North Montney Upstream Joint Venture (“NMJV”) ซึ่งถือการลงทุนด้านต้นน้ำของ PETRONAS ในแคนาดา และถือหุ้นร้อยละ 20 ใน North Montney LNG Limited Partnership (“NMLLP”) ซึ่งถือส่วนแบ่งร้อยละ 25 ของ PETRONAS ในโครงการ LNG Canada

LNG Canada เป็นโครงการส่งออก LNG แห่งแรกของแคนาดา และถือเป็นการพัฒนาเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญในการจัดหา LNG สู่เอเชียด้วยต้นทุนการจัดหาที่สามารถแข่งขันได้ โดย LNG Canada ได้ส่งสินค้า LNG ล็อตแรกไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

NMJV เป็นหุ้นส่วนที่ถือครองสิทธิแร่ธาตุรวมมากกว่า 800,000 เอเคอร์ โดยมีปริมาณสำรองและทรัพยากรสำรองฉุกเฉิน 53 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต

หลังจากเสร็จสิ้นธุรกรรมแล้ว MidOcean จะมีบทบาทในห่วงโซ่คุณค่าแบบบูรณาการ ที่ครอบคลุมการพัฒนาแหล่งทรัพยากรต้นน้ำใน North Montney รวมถึงกระบวนการแปลงสภาพเป็นของเหลวและส่งออกปลายน้ำผ่าน LNG Canada ผ่านการเข้าร่วมใน NMLLP ด้วยความร่วมมือกับ PETRONAS ครั้งนี้ MidOcean จะสามารถรักษาปริมาณ LNG ที่เกี่ยวข้องไว้ที่ 0.7 ล้านตันต่อปี และมีศักยภาพที่จะเติบโตต่อไปผ่านโครงการ LNG Canada ในเฟสที่ 2

R. Blair Thomas ประธาน MidOcean และซีอีโอ EIG กล่าวว่า “ธุรกรรมนี้ถือเป็นก้าวสำคัญบนเส้นทางการเติบโตของ MidOcean เรามีความภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับ PETRONAS ในความพยายามที่จะส่งมอบ LNG ที่เชื่อถือได้และมีต้นทุนต่ำสู่ตลาดโลก การมีส่วนร่วมของเราจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอของ MidOcean และสร้างความมั่นใจในการซื้อ LNG อย่างมีนัยสำคัญ และได้ช่วยตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างธุรกิจ LNG ที่หลากหลายและยืดหยุ่นสำหรับทศวรรษข้างหน้า”

De la Rey Venter ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ MidOcean กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรระยะยาวกับ PETRONAS ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และเป็นบริษัทที่เราให้ความเคารพเป็นอย่างสูง การลงทุนครั้งนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความเชื่อมั่นของเราในอนาคตของก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และบทบาทระยะยาวของก๊าซธรรมชาติเหลวในการช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานระดับโลก รวมถึงการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานที่สามารถทำได้จริงและมีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม”

ธุรกรรมดังกล่าวคาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาสที่ 4 ของปี 2025 ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการอนุมัติตามระเบียบข้อบังคับปกติ

RBC Capital Markets ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับ MidOcean และ Latham & Watkins ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารอยู่ที่ 23.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2025 โดย EIG มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลก ตลอดระยะเวลา 42 ปี EIG ได้ทุ่มเงินกว่า 51.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับภาคพลังงาน ผ่านโครงการหรือบริษัท 420 โครงการ ใน 44 ประเทศ ครอบคลุม 6 ทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยบริษัทชั้นนำมากมาย อาทิ กองทุนบำเหน็จบำนาญ บริษัทประกันภัย กองทุนรวมเพื่อการออม มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป โดย EIG มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานสาขาในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ ริโอเดอจาเนโร ฮ่องกง และโซล

เกี่ยวกับ MidOcean Energy

MidOcean Energy เป็นบริษัท LNG ที่ก่อตั้งและบริหารโดย EIG มุ่งมั่นที่จะสร้างพอร์ตโฟลิโอ LNG ระดับโลกที่หลากหลาย ยืดหยุ่น และสามารถแข่งขันด้านต้นทุนและคาร์บอนได้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของ EIG ที่มีต่อ LNG ในฐานะองค์ประกอบสำคัญของระบบพลังงานโลกที่มีคาร์บอนต่ำ มีความสามารถในการแข่งขัน และมีความมั่นคงมากขึ้น MidOcean Energy มีผลประโยชน์ด้าน LNG ที่หลากหลาย รวมถึง Gorgon LNG, Pluto LNG, QCLNG และ Peru LNG โดยบริษัทนั้นบริหารโดย De la Rey Venter ผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมนี้มากว่า 27 ปี และเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงหลายตำแหน่ง รวมถึงหัวหน้าฝ่าย LNG ระดับโลกของ Shell Plc. ด้วย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่เว็บไซต์ของ MidOcean Energy ที่ www.midoceanenergy.com หรือเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ข้อมูลติดต่อ EIG/MidOcean
FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@fgsglobal.com

ที่มา: EIG