Tag Archives: energy

NuScale Power ภูมิใจที่ได้สนับสนุนข้อตกลงมูลค่า 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐของ ENTRA1 Energy ในการติดตั้งสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานขนาดใหญ่ทั่วสหรัฐอเมริกา

Logo

นับเป็นก้าวสำคัญสำหรับพลังงานนิวเคลียร์ขั้นสูงในสหรัฐอเมริกา เสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน และเร่งการผลิตพลังงานสะอาดที่สามารถสั่งการได้

ครงการขับเคลื่อน AI และการเติบโตของอุตสาหกรรมด้วยฐานโหลดคาร์บอนต่ำที่เชื่อถือได้ ควบคู่ไปกับการสนับสนุนงานและชุมชนชาวอเมริกันต่างๆ

คอร์แวลลิส, ออริกอน–(BUSINESS WIRE)–30 ตุลาคม 2025

NuScale Power Corporation (NYSE: SMR) ผู้ให้บริการเทคโนโลยีนิวเคลียร์แบบโมดูลาร์ขนาดเล็กขั้นสูงที่เป็นกรรมสิทธิ์และเป็นนวัตกรรมชั้นนำในอุตสาหกรรม ขอแสดงความยินดีกับ ENTRA1 Energy ซึ่งเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระดับโลกแต่เพียงผู้เดียวของบริษัท ที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนสูงสุด 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายใต้ข้อตกลงกรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น มูลค่า 550,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่เพิ่งลงนามไป

ข้อตกลงกรอบความร่วมมือทวิภาคี ซึ่งประกาศโดยทำเนียบขาวภายหลังการประชุมระหว่างประธานาธิบดี Donald J. Trump และนายกรัฐมนตรี Sanae Takaichi ที่โตเกียวในสัปดาห์นี้ จะระดมเงินลงทุนจากภาครัฐและเอกชนสูงสุด 550,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่สำคัญ และเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มนี้ ENTRA1 Energy จะพัฒนาโรงไฟฟ้าหลายโรงโดยใช้แหล่งพลังงานพื้นฐาน โดยโครงการนี้จะรองรับความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากศูนย์ข้อมูล AI การผลิต และการป้องกันประเทศ ควบคู่ไปกับการสร้างงานคุณภาพสูงหลายพันตำแหน่งให้กับชาวอเมริกัน และเสริมสร้างความเป็นอิสระด้านพลังงานของสหรัฐอเมริกา

“เราภูมิใจที่ได้สนับสนุน ENTRA1 Energy ในการมีส่วนร่วมในข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น” John Hopkins ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ NuScale Power กล่าว “ความร่วมมือนี้ช่วยตอกย้ำให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของพลังงานนิวเคลียร์ขั้นสูงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เสริมสร้างพันธมิตร และจัดหาพลังงานที่เชื่อถือได้ซึ่งจำเป็นสำหรับ AI, การผลิต และโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ”

ประกาศดังกล่าวสืบเนื่องจากข้อตกลงสำคัญที่ ENTRA1 เพิ่งประกาศกับหน่วยงาน Tennessee Valley Authority (TVA) เพื่อพัฒนาพลังงานสะอาดพื้นฐานใหม่สูงสุด 6 กิกะวัตต์ โดยใช้เทคโนโลยี SMR ของ NuScale โดยความร่วมมือเหล่านี้ได้ตอกย้ำถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของพลังงานนิวเคลียร์ขั้นสูงในการสนับสนุนการฟื้นฟูอุตสาหกรรม ความมั่นคงทางพลังงาน และการลดคาร์บอนของสหรัฐอเมริกา

Hopkins กล่าวเสริมว่า “กรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นเป็นเครื่องยืนยันถึงแบบจำลองที่เราสร้างขึ้นด้วย ENTRA1 โดยผสานเทคโนโลยี SMR ที่ผ่านการพิสูจน์แล้วและได้รับการรับรองจาก NRC เข้ากับความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและการจัดการสินทรัพย์ระดับโลก เรากำลังเร่งการใช้งานพลังงานพื้นฐานที่สะอาดในวงกว้างและรวดเร็วตามที่โลกต้องการอย่างเร่งด่วน”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูประกาศของทำเนียบขาว: whitehouse.gov/fact-sheets/2025/10/28

เกี่ยวกับ NuScale Power

NuScale Power Corporation (NYSE: SMR) ก่อตั้งขึ้นในปี 2007 เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์แบบโมดูลาร์ขนาดเล็ก (SMR) ขั้นสูงที่เป็นกรรมสิทธิ์และเป็นนวัตกรรมใหม่ในอุตสาหกรรม โดยมีพันธกิจในการช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานทั่วโลกด้วยการส่งมอบพลังงานที่ปลอดภัย ปรับขนาดได้ และเชื่อถือได้ ปราศจากคาร์บอน โดย NuScale Power Module™ เป็นเทคโนโลยี SMR อันล้ำสมัยของบริษัท เป็นเครื่องปฏิกรณ์น้ำแรงดันขนาดเล็กที่ปลอดภัย สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 77 เมกะวัตต์ (MWe) หรือ 250 เมกะวัตต์ (ความร้อนรวม) และสามารถปรับขนาดให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายรูปแบบ โดยมีการกำหนดค่าที่ยืดหยุ่นได้สูงสุดถึง 924 เมกะวัตต์ (12 โมดูล)

เนื่องจากเป็น SMR รายแรกและรายเดียวที่ได้รับการรับรองการออกแบบจากคณะกรรมการกำกับดูแลนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกา NuScale จึงมีความพร้อมที่จะให้บริการลูกค้าที่หลากหลายทั่วโลก โดยจัดหาพลังงานนิวเคลียร์สำหรับการผลิตไฟฟ้า ศูนย์ข้อมูล ระบบทำความร้อนในเขตพื้นที่ การแยกเกลือออกจากน้ำ การผลิตไฮโดรเจนในเชิงพาณิชย์ และการใช้งานความร้อนในกระบวนการอื่นๆ

NuScale และ ENTRA1 Energy มีความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระดับโลก และ ENTRA1 Energy เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระดับโลกแต่เพียงผู้เดียวของ NuScale สำหรับการจำหน่ายและพัฒนาระบบ SMR ของ NuScale โดย ENTRA1 Energy คือศูนย์รวมและศูนย์กลางเดียวสำหรับการติดตั้ง การจัดหาเงินทุน การลงทุน การพัฒนา การดำเนินการ และ/หรือการจัดการ ENTRA1 Energy Plants™ ที่มีระบบ SMR ของ NuScale อยู่ภายใน

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ NuScale Power หรือติดตามเราได้ทาง LinkedIn, Facebook, Instagram, X และ YouTube

เกี่ยวกับ ENTRA1 Energy

ENTRA1 Energy เป็นแพลตฟอร์มการผลิตพลังงานระดับโลกอิสระของอเมริกา ซึ่งมุ่งมั่นเพิ่มความมั่นคงทางพลังงานด้วยการจัดหาพลังงานพื้นฐานที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ โดย ENTRA1 Energy บริหารงานโดยทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์สูงในภาคพลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน และการเงิน ซึ่งสั่งสมประสบการณ์อันยาวนานในการลงทุน พัฒนา และดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญทั่วโลก ซึ่งทาง ENTRA1 Energy นั้นมุ่งเน้นไปที่การผลิตและจำหน่ายพลังงานโดยการนำเทคโนโลยีนิวเคลียร์และก๊าซธรรมชาติของอเมริกามาใช้ในเชิงพาณิชย์และปรับใช้ในสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของบริษัท

ENTRA1 Energy เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระดับโลกแต่เพียงผู้เดียวของ NuScale และทั้งสองบริษัทมีบริษัทร่วมทุน 50/50 อยู่แล้ว คือ ENTRA1 NuScale LLC โดย ENTRA1 Energy ถือสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวทั่วโลกในการจำหน่าย จัดจำหน่าย และนำผลิตภัณฑ์และบริการของ NuScale ไปใช้ ENTRA1 Energy คือศูนย์รวมและศูนย์กลางเดียวสำหรับการนำ ENTRA1 Energy Plants™ ไปใช้ จัดหาเงินทุน ลงทุน พัฒนา ดำเนินการ และ/หรือบริหารจัดการภายใน ENTRA1 Energy Plants™ ที่มี NuScale SMR อยู่ภายใน

ข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้า

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้อาจมีข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้า (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงข้อความที่ประกอบด้วยคำต่างๆ เช่น “จะ” “เชื่อว่า” “คาดหวัง” “คาดการณ์ล่วงหน้า” “วางแผน” หรือสำนวนอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน) ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้รวมถึงข้อความที่เกี่ยวข้องกับการนำเทคโนโลยี SMR ของเราไปใช้ในเชิงพาณิชย์

ผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างกันอย่างมากอันเป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ สภาพคล่องและความสามารถของบริษัทในการระดมทุน ความสามารถของบริษัทในการได้รับสัญญาใหม่ ความเสี่ยงที่อาจเกิดค่าใช้จ่ายเกินงบประมาณ ความล่าช้าของโครงการ หรือปัญหาอื่นๆ ที่เกิดจากกิจกรรมการดำเนินโครงการ ความสามารถของเราในการได้รับการอนุมัติตามกฎระเบียบที่จำเป็น และความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอื่นๆ ที่อาจอยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา ต้องใช้ความระมัดระวังในการอ้างอิงข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้และข้อความอื่นๆ เนื่องจากความเสี่ยงที่ทราบและไม่ทราบ ผลประกอบการของบริษัทอาจแตกต่างอย่างมากจากที่คาดหวังและประมาณการไว้

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยเหล่านี้และปัจจัยอื่นๆ สามารถดูได้จากเอกสารที่บริษัทยื่นต่อสาธารณะเป็นระยะๆ ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งรวมถึงภาวะเศรษฐกิจโดยทั่วไป ความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และปัจจัยอื่นๆ ที่ระบุไว้ในหัวข้อ “ข้อควรระวังเกี่ยวกับข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้า” และ “สรุปปัจจัยเสี่ยง” ในรายงานประจำปีของบริษัทในแบบฟอร์ม 10-K สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2024 และในเอกสารที่ยื่นต่อ ก.ล.ต. ฉบับต่อๆ ไป เอกสารที่ยื่นต่อ ก.ล.ต. อ้างอิงนี้เผยแพร่ต่อสาธารณะหรือเมื่อได้รับการร้องขอจากฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ของ NuScale ที่ ir@nuscalepower.comบริษัทขอปฏิเสธเจตนาหรือภาระผูกพันใดๆ นอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนดในการอัปเดตข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้า

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
Chuck Goodnight รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ NuScale Power
media@nuscalepower.com

ผู้ติดต่อสำหรับนักลงทุน
Rodney McMahan ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ NuScale Power
ir@nuscalepower.com

ที่มา: NuScale Power

MidOcean Energy ของ EIG เตรียมเข้าซื้อหุ้นใน LNG Canada จาก PETRONAS

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–30 กันยายน 2025

MidOcean Energy (“MidOcean”) บริษัทก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่ก่อตั้งและบริหารจัดการโดย EIG ซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคส่วนพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ประกาศเมื่อวันนี้ว่าได้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการซื้อหุ้นร้อยละ 20 ในนิติบุคคลสำคัญของ PETRONAS ในประเทศแคนาดา

ธุรกรรมนี้รวมถึงการถือหุ้นร้อยละ 20 ใน North Montney Upstream Joint Venture (“NMJV”) ซึ่งถือการลงทุนด้านต้นน้ำของ PETRONAS ในแคนาดา และถือหุ้นร้อยละ 20 ใน North Montney LNG Limited Partnership (“NMLLP”) ซึ่งถือส่วนแบ่งร้อยละ 25 ของ PETRONAS ในโครงการ LNG Canada

LNG Canada เป็นโครงการส่งออก LNG แห่งแรกของแคนาดา และถือเป็นการพัฒนาเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญในการจัดหา LNG สู่เอเชียด้วยต้นทุนการจัดหาที่สามารถแข่งขันได้ โดย LNG Canada ได้ส่งสินค้า LNG ล็อตแรกไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

NMJV เป็นหุ้นส่วนที่ถือครองสิทธิแร่ธาตุรวมมากกว่า 800,000 เอเคอร์ โดยมีปริมาณสำรองและทรัพยากรสำรองฉุกเฉิน 53 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต

หลังจากเสร็จสิ้นธุรกรรมแล้ว MidOcean จะมีบทบาทในห่วงโซ่คุณค่าแบบบูรณาการ ที่ครอบคลุมการพัฒนาแหล่งทรัพยากรต้นน้ำใน North Montney รวมถึงกระบวนการแปลงสภาพเป็นของเหลวและส่งออกปลายน้ำผ่าน LNG Canada ผ่านการเข้าร่วมใน NMLLP ด้วยความร่วมมือกับ PETRONAS ครั้งนี้ MidOcean จะสามารถรักษาปริมาณ LNG ที่เกี่ยวข้องไว้ที่ 0.7 ล้านตันต่อปี และมีศักยภาพที่จะเติบโตต่อไปผ่านโครงการ LNG Canada ในเฟสที่ 2

R. Blair Thomas ประธาน MidOcean และซีอีโอ EIG กล่าวว่า “ธุรกรรมนี้ถือเป็นก้าวสำคัญบนเส้นทางการเติบโตของ MidOcean เรามีความภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับ PETRONAS ในความพยายามที่จะส่งมอบ LNG ที่เชื่อถือได้และมีต้นทุนต่ำสู่ตลาดโลก การมีส่วนร่วมของเราจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอของ MidOcean และสร้างความมั่นใจในการซื้อ LNG อย่างมีนัยสำคัญ และได้ช่วยตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างธุรกิจ LNG ที่หลากหลายและยืดหยุ่นสำหรับทศวรรษข้างหน้า”

De la Rey Venter ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ MidOcean กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรระยะยาวกับ PETRONAS ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และเป็นบริษัทที่เราให้ความเคารพเป็นอย่างสูง การลงทุนครั้งนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความเชื่อมั่นของเราในอนาคตของก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และบทบาทระยะยาวของก๊าซธรรมชาติเหลวในการช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานระดับโลก รวมถึงการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานที่สามารถทำได้จริงและมีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม”

ธุรกรรมดังกล่าวคาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาสที่ 4 ของปี 2025 ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการอนุมัติตามระเบียบข้อบังคับปกติ

RBC Capital Markets ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับ MidOcean และ Latham & Watkins ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารอยู่ที่ 23.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2025 โดย EIG มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลก ตลอดระยะเวลา 42 ปี EIG ได้ทุ่มเงินกว่า 51.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับภาคพลังงาน ผ่านโครงการหรือบริษัท 420 โครงการ ใน 44 ประเทศ ครอบคลุม 6 ทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยบริษัทชั้นนำมากมาย อาทิ กองทุนบำเหน็จบำนาญ บริษัทประกันภัย กองทุนรวมเพื่อการออม มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป โดย EIG มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานสาขาในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ ริโอเดอจาเนโร ฮ่องกง และโซล

เกี่ยวกับ MidOcean Energy

MidOcean Energy เป็นบริษัท LNG ที่ก่อตั้งและบริหารโดย EIG มุ่งมั่นที่จะสร้างพอร์ตโฟลิโอ LNG ระดับโลกที่หลากหลาย ยืดหยุ่น และสามารถแข่งขันด้านต้นทุนและคาร์บอนได้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของ EIG ที่มีต่อ LNG ในฐานะองค์ประกอบสำคัญของระบบพลังงานโลกที่มีคาร์บอนต่ำ มีความสามารถในการแข่งขัน และมีความมั่นคงมากขึ้น MidOcean Energy มีผลประโยชน์ด้าน LNG ที่หลากหลาย รวมถึง Gorgon LNG, Pluto LNG, QCLNG และ Peru LNG โดยบริษัทนั้นบริหารโดย De la Rey Venter ผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมนี้มากว่า 27 ปี และเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงหลายตำแหน่ง รวมถึงหัวหน้าฝ่าย LNG ระดับโลกของ Shell Plc. ด้วย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่เว็บไซต์ของ MidOcean Energy ที่ www.midoceanenergy.com หรือเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ข้อมูลติดต่อ EIG/MidOcean
FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@fgsglobal.com

ที่มา: EIG

Autel Energy เปิดตัวแพลตฟอร์มการชาร์จรุ่นใหม่: ตั้งแต่โมดูลระบายความร้อนด้วยของเหลวที่ออกแบบภายในองค์กรไปจนถึงระบบตู้ที่ปรับขนาดได้ เทอร์มินัลประสิทธิภาพสูง และเครื่องชาร์จแบบออลอินวันที่ได้รับการอัปเกรด

Logo

เบอร์ลิน-(BUSINESS WIRE)–05 กันยายน 2025

ด้วยแนวคิด “พลังไร้ขีดจำกัด – เริ่มต้นจากศูนย์” ในงานเปิดตัวระดับโลก Autel Energy Europe ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำหน้าที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งเป็นโซลูชันรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จที่รวดเร็ว เชื่อถือได้ และปรับขนาดได้ที่เพิ่มขึ้นในยุโรปและทั่วโลก แพลตฟอร์มนี้สร้างขึ้นจากโมดูลพลังงานระบายความร้อนด้วยของเหลวที่ออกแบบภายในองค์กร ผสานประสิทธิภาพสูงเข้ากับความสามารถในการปรับเปลี่ยนที่เหนือชั้น มอบโซลูชันการชาร์จที่ยืดหยุ่นและปรับขนาดได้ให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งครอบคลุมการใช้งานที่หลากหลาย

Andreas Lastei, Vice President of Sales and Marketing at Autel Energy Europe, presents the MaxiCharger DS600L

Andreas Lastei รองประธานฝ่ายขายและการตลาดของ Autel Energy Europe นำเสนอ MaxiCharger DS600L

MaxiModule LCM60/120: โมดูลระบายความร้อนด้วยของเหลวประสิทธิภาพสูงที่พัฒนาภายในองค์กร

แกนหลักของแพลตฟอร์มคือโมดูลพลังงานระบายความร้อนด้วยของเหลว MaxiModule LCM60/120 ที่ Autel พัฒนาขึ้นเอง มีให้เลือกทั้งขนาด 60 กิโลวัตต์และ 120 กิโลวัตต์ โมดูลเหล่านี้ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อประสิทธิภาพการแปลงพลังงานสูง ความเสถียรในระยะยาว และการทำงานที่ยั่งยืนภายใต้สภาวะการทำงานที่หนักหน่วง โมดูลเหล่านี้มอบประสิทธิภาพทางความร้อนที่สม่ำเสมอแม้ในขณะที่ใช้พลังงานสูงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานได้รับประโยชน์จากต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของที่ต่ำลง เวลาทำงานที่สูงขึ้น และความสามารถในการปรับขนาดที่พร้อมรองรับอนาคต

MaxiCharger DS600L: ระบบตู้ที่ปรับขนาดได้พร้อมสถาปัตยกรรมแบบซ้ำซ้อน

โมดูลพลังงานใหม่นี้ถูกรวมเข้ากับระบบตู้ชาร์จ MaxiCharger DS600L ของ Autel ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จขนาดใหญ่ที่มีกำลังไฟฟ้ารวมสูงสุด 3 เมกะวัตต์ต่อคลัสเตอร์ตู้ชาร์จ

เพื่อรักษาความต่อเนื่องในการทำงาน MaxiCharger DS600L จึงมีสถาปัตยกรรมสำรองสำหรับส่วนประกอบสำคัญต่างๆ เช่น โมดูลจ่ายไฟ ชุดควบคุม และเมทริกซ์สวิตชิ่ง ซึ่งออกแบบขึ้นด้วยวิสัยทัศน์ที่จะลดเวลาหยุดทำงานให้เหลือศูนย์ เมื่อใช้ร่วมกับชุดอุปกรณ์ปลายทางของ Autel ระบบจะรองรับการกำหนดค่าไซต์งานที่ยืดหยุ่น รองรับ CCS และ MCS แอปพลิเคชันสำหรับยานพาหนะและคลังสินค้า และการผสานรวม BESS และ PV ได้อย่างราบรื่น ทั้งหมดนี้ควบคุมผ่านระบบ EMS ของ Autel เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของพลังงานและประสิทธิภาพการทำงาน DS600L ยังสามารถจับคู่กับชุดจ่ายและชุดอุปกรณ์ปลายทางที่หลากหลายได้อย่างยืดหยุ่น ตั้งแต่เสารถยนต์โดยสารไปจนถึงตู้จ่ายรถบรรทุกสำหรับงานหนัก ทำให้สามารถออกแบบโซลูชันที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการที่หลากหลายของไซต์งาน เทอร์มินัล MaxiCharger DT1500 รองรับเอาต์พุตสูงสุด 1,500 แอมป์ และ 1.44 เมกะวัตต์ จึงมั่นใจได้ถึงความพร้อมสำหรับความต้องการการชาร์จแบบเร็วพิเศษแห่งอนาคต

อัปเกรดเครื่องชาร์จแบบออลอินวันเป็น MaxiCharger DH600

Autel ได้ยกระดับเครื่องชาร์จแบบออลอินวันด้วย MaxiCharger DH600 ซึ่งเป็นรุ่นอัปเกรดจาก MaxiCharger DH480 ที่ยังคงขนาดกะทัดรัดและดีไซน์ที่เพรียวบางของรุ่นเดิมไว้ พร้อมมอบประสิทธิภาพที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด MaxiCharger DH600 มาพร้อมกับสายชาร์จระบายความร้อนด้วยของเหลว รองรับกระแสไฟสูงสุด 650 แอมป์ ให้กำลังส่งสูงต่อเนื่อง 600 กิโลวัตต์ พร้อมประสิทธิภาพการระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยม ด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่ต่อเนื่องสูงขึ้น ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และความสามารถในการปรับตัวที่ดีขึ้นสำหรับสถานการณ์การชาร์จที่หลากหลาย MaxiCharger DH600 จึงรับประกันการทำงานที่เชื่อถือได้แม้ในสภาวะที่ยากลำบากที่สุด

บริการ MaxiCare และการผสานรวม AI

นอกเหนือจากความก้าวหน้าด้านฮาร์ดแวร์แล้ว Autel ยังเน้นย้ำถึงความสามารถในการให้บริการ MaxiCare และฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เครื่องมือเหล่านี้รองรับการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ การเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายแบบเรียลไทม์ และประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีขึ้น ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถจัดการโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดเวลาหยุดทำงาน และมอบกระบวนการชาร์จที่ราบรื่นยิ่งขึ้นสำหรับผู้ขับขี่ จากจุดนี้ Autel ยังสำรวจการประยุกต์ใช้ AI ในการชาร์จและการตรวจสอบในวงกว้าง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวางรากฐานสำหรับนวัตกรรมในอนาคต

“ด้วยการพัฒนาโมดูลพลังงานหลักภายในองค์กรและการผสานรวมเข้ากับระบบตู้ที่ปรับขนาดได้ เทอร์มินัลประสิทธิภาพสูง และเครื่องชาร์จแบบออลอินวันรุ่นใหม่ เราจึงมอบความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือให้กับตลาดการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังพัฒนา” กล่าวโดย Andreas Lastei รองประธานฝ่ายขายและการตลาดของ Autel Energy ยุโรป “ด้วยแพลตฟอร์มบริการอัจฉริยะและความสามารถของ AI ของเรา รวมถึงความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับ CCS, MCS, BESS และ PV การเปิดตัวครั้งนี้จึงเป็นรากฐานที่ครอบคลุมสำหรับการสร้างเครือข่ายการชาร์จแห่งอนาคต ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของยุโรปไปสู่การขนส่งที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์”

*วันวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาจแตกต่างกันไปตามภูมิภาค โปรดติดต่อตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ของคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250905801873/en

Contacts

ฝ่ายขายและการตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก:

FiFi Huang

marketing.jp@autel.com

ที่มา: Autel Energy

Tigo Energy และ BayWa r.e. ขับเคลื่อนระบบโซลาร์ C&I กำลังวัตต์สูงในประเทศไทย

Logo

ในงาน ASEAN Sustainable Energy Week ประจำปี 2025 Tigo และ BayWa r.e. ร่วมมือกันในการเพิ่มประสิทธิภาพ การติดตาม และโซลูชันการปิดระบบอย่างรวดเร็วสำหรับระบบโซลาร์ C&I ในประเทศไทย

CAMPBELL, Calif.–(BUSINESS WIRE)–23 มิถุนายน 2025

Tigo Energy, Inc. (NASDAQ: TYGO) (“Tigo” หรือ “Company”) ผู้ให้บริการโซลูชันซอฟต์แวร์พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานอัจฉริยะชั้นนำ ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทจะแชร์บูธแสดงสินค้าร่วมกับBayWa r.e. ในงาน ASEAN Sustainable Energy Week ประจำปี 2025 ระหว่างวันที่ 2-4 กรกฎาคม ที่ QSNCC ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย ในงานแสดงนี้ Tigo จะมุ่งเน้นการสนับสนุนผู้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม (C&I) และผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม จัดซื้อ และผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้าง (EPC) เนื่องจากการบังคับใช้ข้อกำหนดการปิดระบบอย่างรวดเร็วฉบับใหม่เริ่มขึ้น การติดตั้งโมดูลกำลังไฟฟ้าสูงในพื้นที่ที่มีความเข้มของแสงสูง และการรับประกันคุณภาพพลังงานแสงอาทิตย์โดยรวม (TQS) ผ่านโปรแกรมบริการของ Tigo

สำหรับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในภูมิภาคที่มีอากาศร้อน ชื้น และมีความเข้มแสงสูง (>1000W/m2 ) เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Tigo TS4-X ตระกูลของอุปกรณ์ MLPE มาพร้อมบริการปรับแต่ง การตรวจสอบ และความปลอดภัยล่าสุดสำหรับผู้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งโมดูลกำลังไฟฟ้าสูง รวมถึงรองรับการเพิ่มกำลังไฟฟ้าด้านหลังของโมดูลแบบสองหน้าสมัยใหม่ สายผลิตภัณฑ์ TS4-X ช่วยให้ผู้ติดตั้งมีอิสระมากขึ้นในการติดตั้งโมดูลที่ให้พลังงานและประสิทธิภาพสำหรับการใช้งานของลูกค้า ลดต้นทุนแรงงานด้วยการออกแบบที่ไม่ใช้สลักเกลียวและไม่ต้องเดินสายดินเพิ่มเติม และมีส่วนช่วยในการปรับปรุงต้นทุนพลังงานเฉลี่ย (LCOE) ในภาคส่วนโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ อุปกรณ์ Tigo MLPE จับคู่กับรายการอินเวอร์เตอร์โซลาร์ของบริษัทอื่นที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเพื่อมอบความยืดหยุ่นในการออกแบบและการติดตั้งสำหรับผู้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์และ EPC

“ตลาดโซลาร์ที่ติดตั้งบนหลังคาในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และความต้องการระบบที่ปลอดภัยและชาญฉลาดยิ่งขึ้นก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน” Junrhey Castro กรรมการผู้จัดการของ BayWa r.e. Solar Systems กล่าว “ในฐานะผู้จัดจำหน่ายในภูมิภาค เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการเติบโตนี้ด้วยโซลูชันที่เชื่อถือได้ซึ่งปกป้องทั้งประสิทธิภาพและการลงทุนสำหรับลูกค้าของเรา การมี Tigo อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเราสะท้อนให้เห็นถึงการมุ่งเน้นที่คุณภาพและนวัตกรรมสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านโซลาร์ทั่วประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

ในประเทศไทย Tigo จะเชิญชวนผู้ติดตั้งให้ลงทะเบียนเข้าใช้งานโดยตรงในโปรแกรมบริการของ Tigo Green Glove ที่บูธ BayWa r.e. โปรแกรมบริการ Green Glove เป็นประสบการณ์การสนับสนุนระดับพรีเมียมสำหรับผู้ติดตั้งระบบเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม (C&I) ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์ของผู้ติดตั้งและขับเคลื่อนคุณภาพตลอดห่วงโซ่คุณค่าของพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยกระบวนการที่รวมถึงการมีส่วนร่วมสนับสนุนอย่างเป็นทางการสำหรับผู้ติดตั้ง Tigo C&I ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการติดตั้ง

“ความร่วมมืออันแข็งแกร่งระหว่างบริษัทระดับโลกอย่าง BayWa r.e. และ Tigo ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ระบบนิเวศพลังงานแสงอาทิตย์เป็นตัวเลือกสำหรับผู้ติดตั้งและ EPC ทั่วโลกได้มากขึ้น” Jing Tian หัวหน้าฝ่ายการเติบโตและรายได้ของ Tigo Energy กล่าว “เช่นเดียวกับประเทศที่สนับสนุนพลังงานแสงอาทิตย์จำนวนมากในเอเชีย เราเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ เช่น TS4-X และโปรแกรม เช่น Green Glove จะช่วยผลักดันให้ค่า LCOE ลดลงและ Total Quality Solar เพิ่มขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคที่มีค่าความเข้มของแสงสูงกว่าปกติ พลวัตเหล่านี้ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมทั้งหมด ตั้งแต่ผู้ผลิตอุปกรณ์ไปจนถึงผู้ติดตั้ง และตลอดจนถึงผู้ปฏิบัติการและเจ้าของสินทรัพย์”

ผู้เข้าร่วมงาน ASEAN Sustainable Energy Week ประจำปี 2025 ได้รับเชิญให้เข้าเยี่ยมชมบูธของ BayWa r.e. และ Tigo ที่บูธหมายเลข F11 ตั้งแต่วันที่ 2-4 กรกฎาคม ในงาน QSNCC ที่จัดขึ้นที่กรุงเทพ ประเทศไทย หากต้องการนัดหมายการจองเพื่อพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญของ Tigo ในงานแสดงนี้ สามารถลงทะเบียนแสดงความจำนงของคุณได้ ที่นี่

เกี่ยวกับ Tigo Energy

Tigo Energy, Inc. (NASDAQ: TYGO) ก่อตั้งในปี 2007 เป็นผู้นำระดับโลกในการพัฒนาและจัดหาโซลูชันฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย เพิ่มผลผลิตพลังงาน และลดต้นทุนการดำเนินงานของระบบโซลาร์เซลล์สำหรับที่อยู่อาศัย เชิงพาณิชย์ และระดับสาธารณูปโภค Tigo ผสมผสานเทคโนโลยี Flex MLPE (Module Level Power Electronics) และตัวเพิ่มประสิทธิภาพโซลาร์เซลล์เข้ากับความสามารถของซอฟต์แวร์บนคลาวด์อัจฉริยะสำหรับการตรวจสอบและควบคุมพลังงานขั้นสูง ผลิตภัณฑ์ Tigo MLPE ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด เปิดใช้งานการตรวจสอบพลังงานแบบเรียลไทม์ พร้อมการปิดระบบอย่างรวดเร็วตามข้อกำหนดของรหัสที่ระดับโมดูล นอกจากนี้ บริษัทยังพัฒนาและจัดหาผลิตภัณฑ์ เช่น อินเวอร์เตอร์และระบบกักเก็บแบตเตอรี่สำหรับตลาดโซลาร์เซลล์และระบบกักเก็บสำหรับที่อยู่อาศัย สามารถเข้าดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tigoenergy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Technica Communications for Tigo Energy
Luis de Leon
อีเมล: tigoenergy@technica.inc

ที่มา: Tigo

Black & Veatch เข้าร่วมการเสวนาในอุตสาหกรรม พิจารณาแนวทางที่เป็นไปได้เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานของเอเชียในงาน Energy Asia 2025

Logo

กัวลาลัมเปอร์, ประเทศมาเลเซีย–(BUSINESS WIRE)–10 มิถุนายน 2025

Black & Veatch ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่อมนุษย์ เตรียมนำเสนอแนวการประยุต์ใช้แนวปฏิบัติระดับสากลเพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านพลังงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทภายในการประชุมงาน Energy Asia 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 16-18 มิถุนายนท ณ.ศูนย์การประชุมกัวลาลัมเปอร์

“ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นและคลื่นความร้อนที่รุนแรงและยาวนานขึ้น ประเทศมาเลเซียและประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำเป็นต้องมีแนวทางการเปลี่ยนผ่านที่สามารถตอบโจทย์ทั้งเป้าหมายทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุล“

“Black & Veatch มุ่งมั่นที่จะนำประสบการณ์ด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างยั่งยืนที่สั่งสมมายาวนาน มาช่วยสนับสนุนภูมิภาคนี้ในการตอบสนองความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น ด้วยแหล่งพลังงานที่ปล่อยคาร์บอนต่ำหรือไม่มีคาร์บอนเลย” กล่าวโดย Jerin Raj กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Black & Veatch

ความร่วมมืออย่างลึกซึ้งกับผู้นำในอุตสาหกรรมจากภาคส่วนพลังงานและภาคส่วนอื่นๆ รวมถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้ถือเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจดังกล่าว โดยในงานประชุมที่ประเทศมาเลเซีย Anand Pattani รองประธานและกรรมการผู้จัดการฝ่ายพลังงานระหว่างประเทศของ Black & Veatch จะร่วมอภิปรายเกี่ยวกับแนวทางที่โรงกลั่นแบบดั้งเดิมสามารถปรับตัวเพื่อแข่งขันได้ในโลกที่มีคาร์บอนต่ำ พร้อมนำเสนอแนวทางระดับโลกที่สามารถปรับใช้เพื่อฝ่าฟันอุปสรรคด้านเทคนิค กฎระเบียบและการเงิน

สอดคล้องกับนโยบายของมาเลเซียในการลดการปล่อยคาร์บอน เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร และส่ง้สริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน Black & Veatch ได้ให้การสนับสนุนโครงการพลังงานในมาเลเซียมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ  1990 ครอบคลุมตั้งแต่วางแผนกลยุทธ์ การจัดสรรทรัพยากรและการลงทุน ไปจนถึงการดำเนินงานและการส่งมอบโครงการ

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทวิศวกรรม จัดหา จัดการที่ปรึกษา และก่อสร้างระดับโลกที่พนักงานเป็นเจ้าของทั้งหมด มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีในการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างยั่งยืน นับตั้งแต่ปี 1915 บริษัทได้ช่วยลูกค้าทั่วโลกยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ด้วยการเสริมความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือให้กับโครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากรด้านพลังงานที่สำคัญที่สุดของโลก

ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และ LinkedIn, Facebook, X (Twitter) และ Instagram

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ข้อมูลผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
EMILY CHIA | +65 6335 6623 | Media@bv.com

ที่มา: Black & Veatch

Autel Energy เปิดตัวเครื่องชาร์จ MaxiCharger DH480 ความเร็วสูงพิเศษที่งาน EVCharge Live Thailand 2025

Logo

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–26 กุมภาพันธ์ 2025

Autel Energy ผู้ให้บริการโซลูชันการชาร์จ EV ชั้นนำ จะทำให้งาน EVCharge Live Thailand 2025 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 26-27 กุมภาพันธ์นี้ต้องสั่นสะเทือน ด้วยการเปิดตัวซีรีส์ MaxiCharger DC ใหม่ นำโดยเครื่องชาร์จแบบ All-in-One MaxiCharger DH480 ล้ำสมัย พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์และโซลูชันการชาร์จที่ครอบคลุมทั้ง AC และ DC

Autel Energy at Booth F10, EVCharge Live Thailand 2025 held at BITEC (Photo: Business Wire)

Autel Energy ที่บูธ F10 ในงาน EVCharge Live Thailand 2025 ที่ไบเทค (ภาพ: Business Wire)

 ขอแนะนำคุณสมบัติอันล้ำสมัยของ DH480

DH480 สร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการชาร์จ EV ที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และเชื่อถือได้ โดยให้กำลังสูงถึง 480kW และรองรับการชาร์จพร้อมกันสูงสุดถึงสี่คัน ซึ่งเหมาะสำหรับสถานที่ที่มีความต้องการการชาร์จสูง(High demand charge) โดยเพิ่มระยะทางได้สูงสุดถึง 1 กม. ต่อวินาที โดยมีอัตราการชาร์จความสำเร็จเกินกว่า 99% ความคล่องตัวของ DH480 ยังขยายไปถึงตัวเลือกการชำระเงินอีกด้วย ด้วยการรองรับบัตรเครดิต, RFID, QR codes และเทคโนโลยี Plug & Charge ช่วยให้ผู้ขับขี่ได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่น นอกจากนี้ ซีรีส์ MaxiCharger DC ยังทำงานร่วมกับระบบพลังงานสะอาด เช่น เซลล์แสงอาทิตย์ (PV) และการจัดเก็บพลังงานแบตเตอรี่ (BESS) ทำให้กลายเป็นโซลูชันที่รองรับอนาคตสำหรับการชาร์จ EV ที่ยั่งยืน ด้วยการตรวจสอบที่ขับเคลื่อนด้วย AI และการบำรุงรักษา    เพื่อให้มั่นใจว่ามีเวลาทำงานมากกว่า 98%

DH480 จึงปรับประสิทธิภาพการปฏิบัติงานให้เหมาะสมสำหรับการใช้งานมากที่สุด

 ขยายตลาดสู่ประเทศไทย

ประเทศไทยซึ่งมีตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างรวดเร็ว กำลังกลายเป็นผู้เล่นหลักในระบบนิเวศการขนส่ง พลังงานสะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยตระหนักถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของประเทศไทยและที่อื่นๆ Autel Energy จึงได้จัดลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของตลาดนี้ในแผนการขยาย โดยเปิดตัวโซลูชั่นการชาร์จที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย เพื่อตอบสนองความต้องการการชาร์จขณะเดินทาง ยานพาหนะ จุดหมายปลายทาง และที่อยู่อาศัย ตั้งแต่ปี 2022 Autel Energy ได้ขยายการดำเนินงานในประเทศไทยผ่านความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ ร่วมกับ RêVERSHARGER ผู้ให้บริการโซลูชันการชาร์จ EV ชั้นนำ ได้ติดตั้งสถานีชาร์จเร็วขนาด 120kW และ 360kW ที่ปั๊มน้ำมันบางจากและโชว์รูม BYD ทั่วประเทศ นอกจาก DC Series แล้ว AC Wallbox 7.4kW ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางของ Autel ก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในประเทศไทย โดยได้รับความนิยมจากครัวเรือนและบุคคลทั่วไป เนื่องจากมีความน่าเชื่อถือ ประสิทธิภาพ และใช้งานง่าย

 การนำ AI มาใช้เพื่อสร้างนวัตกรรม

Autel Energy มุ่งมั่นที่จะรวม AI เข้ากับโซลูชันที่ล้ำสมัยเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในตลาดการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเฉพาะของตนเองในระบบการชาร์จอัจฉริยะเต็มรูปแบบ Autel กำลังใช้ AI สำหรับการจัดการโหลดแบบไดนามิก (การปรับสมดุลโหลดไฟฟ้า ในบริบทของการชาร์จ EV หมายถึงกระบวนการกระจายพลังงานไฟฟ้าที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพระหว่างสถานีชาร์จหรือจุดชาร์จต่างๆ เป้าหมายคือเพื่อให้แน่ใจว่ามีการจัดสรรพลังงานในลักษณะที่จะเพิ่มจำนวนยานพาหนะที่ชาร์จได้สูงสุดโดยไม่ทำให้กริดโอเวอร์โหลดหรือเกินความจุของระบบ)

การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ ( การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ หรือ Predictive Maintenance คือ แนวทางปฏิบัติในการตรวจสอบอุปกรณ์ผ่านเซนเซอร์ ซอฟต์แวร์ และการตอบกลับข้อมูลในระบบเพื่อจัดลำดับความสำคัญของอุปกรณ์สำหรับบำรุงรักษาเชิงรุก (Proactive Maintenance) พร้อมกับมีการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) อีกขั้นหนึ่งและให้ประสบการณ์การขับขี่ที่ราบรื่น กลยุทธ์ที่มองไปข้างหน้านี้ทำให้ Autel อยู่ในแถวหน้าของนวัตกรรม เพื่อให้มั่นใจว่าโซลูชันการชาร์จ EV ยังคงมีประสิทธิภาพ ปรับขนาดตามการความต้องการได้ และพร้อมสำหรับอนาคตในตลาดที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/54211412/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ฝ่ายขาย: jinyel@autel.com, +66 0909245399
ฝ่ายการตลาด: marketing.jp@autel.com

ที่มา: Autel Energy

 


Cargill และ Hafnia ได้เปิดตัว Seascale Energy เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงบริการจัดซื้อเชื้อเพลิงทางทะเล

Logo

บริษัทร่วมทุนแห่งใหม่นี้จะสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพในการรับประกันการเข้าถึงเชื้อเพลิงทางทะเลคุณภาพสูงที่น่าเชื่อถือในราคาที่แข่งขันได้

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–20 กุมภาพันธ์ 2025

ธุรกิจการขนส่งทางทะเลของ Cargill และบริษัท Hafnia ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งทางเรือชั้นนำได้ร่วมมือกันเปิดตัว Seascale Energy ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่ผสมผสานธุรกิจบังเกอร์ที่มีอยู่ของ Cargill Pure Marine Fuels และ Bunker Alliance ของ Hafnia ด้วยการรวมจุดแข็งของบริษัทระดับโลกทั้งสอง โดย Seascale Energy นั้นตั้งเป้าที่จะสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการจัดหาเชื้อเพลิงทางทะเลโดยการส่งมอบความคุ้มค่า ความโปร่งใส และการเข้าถึงนวัตกรรมเชื้อเพลิงที่ยั่งยืน

ด้วยการรวมปริมาณการจัดซื้อบังเกอร์เข้าด้วยกัน การร่วมทุนครั้งนี้จะสามารถรักษาราคาและเงื่อนไขที่แข่งขันได้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็สามารถนำเสนอโซลูชั่นการจัดซื้อจัดจ้างที่ปรับให้เหมาะสมเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า นอกจากนี้ยังนำเสนอเครือข่ายท่าเรือทั่วโลกที่มีอยู่มากมาย ทำให้ลูกค้าสามารถจัดหาเชื้อเพลิงคุณภาพสูงได้ทั่วทั้งโลก

การเข้าถึงทั่วโลกและความแข็งแกร่งทางการค้าของ Cargill และ Hafnia ควบคู่ไปกับความเป็นเลิศในการดำเนินงานทางทะเล สร้างโซลูชันชั้นนำสำหรับการจัดการบังเกอร์ Jan Dieleman ประธานธุรกิจการขนส่งทางทะเลของ Cargill กล่าว“วิสัยทัศน์ของเราคือการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานในการขนส่ง ปลดล็อกคุณค่าสำหรับผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียของเรา ในขณะเดียวกันก็สามารถจัดการกับความท้าทายในอุตสาหกรรมในด้านความโปร่งใส คุณภาพ และการลดการปล่อยคาร์บอน โดยเรากำลังร่วมกันกำหนดอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้นสำหรับการจัดหาเชื้อเพลิงทางทะเล”

การร่วมทุนนี้ช่วยให้เจ้าของเรือและผู้เช่าเหมาลำได้รับการปรับปรุงความโปร่งใสและขนาด ทำให้พวกเขาได้รับข้อตกลงที่แข่งขันได้และประสิทธิภาพที่เป็นมาตรฐาน บริการจัดซื้อจัดจ้างที่ปรับให้เหมาะสมจะช่วยลดต้นทุนภายใน ทำให้ลูกค้ามีทรัพยากรมากขึ้นเพื่อมุ่งเน้นไปที่การดำเนินงานหลักของตน

Seascale Energy แสดงถึงวิสัยทัศน์ที่มีร่วมกันของเราในการลดความซับซ้อนและสร้างสรรค์ความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นในส่วนบังเกอร์” Mikael Skov ซีอีโอของ Hafnia กล่าว “ในฐานะที่เป็นหนึ่งในบริการที่ใหญ่ที่สุดในประเภทนี้ ที่นำโดยผู้ใช้เชื้อเพลิงรายใหญ่สองราย เรามุ่งมั่นที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพและจัดการกับความท้าทายในอุตสาหกรรมเพื่อประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราในภาคส่วนการเดินเรือ”

บริษัทร่วมทุนจะใช้ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อการตัดสินใจที่เหมาะสมที่สุด และทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของความเชี่ยวชาญในการพัฒนากฎระเบียบและเทคโนโลยีเชื้อเพลิงต่างๆ ในขั้นต้น Seascale Energy จะมีปริมาตรบังเกอร์เกือบแปดล้านเมตริกตัน และจะสานต่อความปรารถนาอันแรงกล้าในการเติบโตเพื่อเพิ่มขนาด

Seascale Energy จะเป็นเจ้าของร่วมกันและเท่าเทียมกันโดย Cargill และ Hafnia โดยหน่วยงานใหม่นี้จะถูกควบคุมร่วมกันและจะดำเนินงานภายใต้โครงสร้างซีอีโอคู่ (Olivier Josse, Cargill และ Peter Grünwaldt, Hafnia) ซึ่งการดำเนินธุรกิจนี้จะเริ่มในไตรมาสที่สองของปี 2025 ขึ้นอยู่กับการอนุมัติตามกฎระเบียบ

สมาชิกในทีมกว่า 25 คนจาก Cargill และ Hafnia จะดำเนินงานภายใต้ Seascale Energy จากสิงคโปร์ เจนีวา โคเปนเฮเกน และฮูสตัน

เกี่ยวกับ Cargill: Cargill มุ่งมั่นที่จะจัดหาอาหาร ส่วนผสม โซลูชั่นทางการเกษตร และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพื่อหล่อเลี้ยงโลกด้วยวิธีที่ปลอดภัย รับผิดชอบ และยั่งยืน โดยเราเป็นหัวใจสำคัญของห่วงโซ่อุปทานที่ร่วมมือกับเกษตรกรและลูกค้าในการจัดหา ผลิต และส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต

พนักงานประมาณ 160,000 คนของเราได้ร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อย่างมีเป้าหมาย โดยมอบสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตแก่ลูกค้า เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโต ชุมชนเจริญรุ่งเรือง และผู้บริโภคมีชีวิตที่ดี ด้วยประสบการณ์กว่า 160 ปีในฐานะบริษัทครอบครัว เรามองไปข้างหน้าในขณะที่ยังคงยึดมั่นในค่านิยมของเรา เราให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นอันดับแรก เราเข้าถึงได้สูงขึ้น เราทำสิ่งที่ถูกต้อง ในวันนี้และสำหรับคนรุ่นต่อๆ ไป สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ Cargill.com และศูนย์ข่าวของเรา

เกี่ยวกับ Hafnia: Hafnia เป็นบริษัทเรือบรรทุกน้ำมันชั้นนำระดับโลกที่เชี่ยวชาญด้านการขนส่งผลิตภัณฑ์น้ำมันและเคมีภัณฑ์ ในฐานะหนึ่งในเจ้าของและผู้ดำเนินการเรือบรรทุกน้ำมันรายใหญ่ที่สุด Hafnia เป็นเจ้าของและบริหารจัดการกองเรือที่ทันสมัยกว่า 200 ลำในเชิงพาณิชย์ เพื่อให้มั่นใจถึงโซลูชั่นการขนส่งที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และมีความรับผิดชอบ Hafnia ได้นำเสนอแพลตฟอร์มการขนส่งแบบครบวงจร รวมถึงการจัดการด้านเทคนิค บริการเชิงพาณิชย์และการเช่าเหมาลำ การจัดการสระว่ายน้ำ และโต๊ะบังเกอร์ขนาดใหญ่

ด้วยความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศในการดำเนินงาน ความยั่งยืน และนวัตกรรม Hafnia ได้ให้บริการลูกค้าที่หลากหลาย รวมถึงบริษัทน้ำมันรายใหญ่ระดับชาติและระดับนานาชาติ บริษัทเคมีภัณฑ์ ตลอดจนบริษัทการค้าและสาธารณูปโภค โดย Hafnia มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ ดำเนินงานโดยมีวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้าเพื่อกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมใหม่ โดยได้รับแรงหนุนจากค่านิยมหลักของความร่วมมือ ความทะเยอทะยาน ความน่าเชื่อถือ และความยั่งยืน

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/54203833/en

Contacts

การสอบถามสำหรับสื่อ :

Cargill: Nicole Marlor (ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสัมพันธ์และการสื่อสารในภาวะวิกฤตในภูมิภาค APAC, EMEA และ LATAM), nicole_marlor@cargill.com

Hafnia: Sheena Williamson-Holt (หัวหน้าฝ่ายสื่อสารและการสร้างแบรนด์), swh@hafnia.co

ที่มา: Cargill

MidOcean Energy ของ EIG ดำเนินการซื้อหุ้นเพิ่ม 15% ใน Peru LNG จาก Hunt Oil Company เสร็จสิ้นแล้ว

Logo

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–24 ตุลาคม 2024

MidOcean Energy (ต่อจากนี้เรียกว่า “MidOcean” หรือ “บริษัท”) บริษัทแก๊สธรรมชาติเหลว (LNG) ที่จัดตั้งและบริหารจัดการโดย EIG สถาบันลงทุนชั้นนำในภาคส่วนพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก ประกาศในวันนี้ว่าได้ดำเนินการตามข้อตกลงที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ในการซื้อหุ้นเพิ่มอีก 15% ใน Peru LNG (“PLNG”) จาก  Hunt Oil Company (ต่อจากนี้เรียกว่า “Hunt”) จนเสร็จสมบูรณ์แล้ว

ขณะนี้ หุ้นของ MidOcean ใน PLNG จึงคิดเป็น 35% โดยที่ Hunt จะยังคงเป็นผู้ดำเนินงานของ PLNG

PLNG เป็นเจ้าของและดำเนินงานเฉพาะโรงงานส่งออก LNG ในอเมริกาใต้ ซึ่งตั้งอยู่ใน Pampa Melchorita ห่างจากทางใต้ของกรุงลิมา ประเทศเปรู 170 กิโลเมตร สินทรัพย์ของ PLNG ประกอบด้วยโรงงานแปรสภาพแก๊สธรรมชาติให้เหลวที่มีขีดความสามารถในการแปรสภาพที่ 4.45 ล้านตันต่อปี (mmtpa), ระบบสายท่อ 408 กิโลเมตรภายใต้สิทธิ์ความเป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์ที่มีความสามารถอยู่ที่ 1,290 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (mmcf/d), ถังจัดเก็บขนาด 130,000 ลูกบาศก์เมตร (m3) จำนวน 2 ถัง, สถานีขนส่งทางทะเลภายใต้สิทธิ์ความเป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์ 1.4 กิโลเมตร และสถานที่บรรจุลงรถที่มีขีดความสามารถสูงสุดที่ 19.2 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (mmcf/d) PLNG อยู่ภายใต้การดำเนินงานของ Hunt และเป็นหนึ่งในโรงงานผลิต LNG จำนวนเพียง 2 แห่งในลาตินอเมริกา

Morgan Stanley ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ให้คำปรึกษาทางการเงินแก่ MidOcean โดยเฉพาะเกี่ยวกับการทำธุรกรรมครั้งนี้ และ Latham & Watkins ก็เป็นผู้ให้คำปรึกษาทางกฎหมาย โดยที่ Bracewell LLP ทำหน้าที่เป็นผู้ให้คำปรึกษาทางกฎหมายแก่ Hunt

เกี่ยวกับ MidOcean Energy

MidOcean Energy บริษัท LNG ที่จัดตั้งและบริหารจัดการโดย EIG มุ่งเป้าสร้างกลุ่มหลักทรัพย์ LNG ในระดับสากลที่มีความหลากหลาย ยืดหยุ่น และสามารถแข่งขันด้านต้นทุนและการปล่อยคาร์บอน ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อของ EIG ที่เชื่อว่า LNG เป็นปัจจัยสำคัญที่จะเอื้อในการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานและเชื่อว่าความสำคัญของ LNG ในฐานะแหล่งพลังงานเชิงกลยุทธ์ภูมิรัฐศาสตร์จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ MidOcean Energy อยู่ภายใต้การบริหารของ De la Rey Venter ผู้ชำนาญการในอุตสาหกรรมเป็นระยะเวลา 26 ปีที่เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงมาอย่างหลากหลาย รวมถึง Global Head of LNG ที่ Shell Plc.

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นสถาบันลงทุนชั้นนำในภาคส่วนพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกที่มีมูลค่า 24.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายใต้การบริหารจัดการ ณ วันที่ 30 มิถุนายน โดย EIG มีความเชี่ยวชาญพิเศษด้านการลงทุนเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลก ตลอดระยะเวลา 42 ปีที่ดำเนินการมา EIG ลงทุนไปกว่า 48.6 พันล้านดอลลาร์ในภาคส่วนพลังงานผ่าน 413 โครงการหรือบริษัทใน 42 ประเทศ 6 ทวีป ลูกค้าของ EIG รวมถึงบริษัทประกันบำนาญ ประกันชีวิต ประกันสะสมทรัพย์ มูลนิธิ กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป สำนักงานใหญ่ของ EIG อยู่ในวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานอยู่ในฮิวสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ รีโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล

เกี่ยวกับ Hunt Oil Company

Hunt ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1934 และเป็นหนึ่งในบริษัทเอกเทศที่เป็นเจ้าของโดยเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา บริษัทจัดตั้งอยู่ในแดลลัส รัฐเท็กซัส ซึ่งมีสถานที่ปฏิบัติการหลักอยู่ในเปรู สหรัฐอเมริกา และภูมิภาคเคอร์ดิสถานในอิรัก รวมถึงมีโครงการสำรวจในตูนิเซียและโมร็อกโก โดย Hunt นั้นเป็นบริษัทสำรวจที่ดำเนินการในระดับนานาชาติและได้ทำการขุดเจาะมาแล้วในทุกทวีป ยกเว้นแอนตาร์กติกา

หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่เว็บไซต์ของ MidOcean Energy ที่ www.midoceanenergy.com หรือเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

ข้อมูลติดต่อ EIG/MidOcean
FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@fgsglobal.com

ข้อมูลติดต่อ Hunt
Paul Schulze
+1 214-978-8534
publicaffairs@huntconsolidated.com

แหล่งที่มา: EIG

MidOcean Energy ของ EIG จะซื้อกรรมสิทธิ์ Peru LNG เพิ่มเติม 15% จาก Hunt Oil Company

Logo

Aramco นักลงทุนเชิงกลยุทธ์ของ MidOcean จัดหาเงินทุนเพื่อการลงทุน

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–16 กันยายน 2024

MidOcean Energy (“MidOcean” หรือ “บริษัท”), บริษัทก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่ก่อตั้งและบริหารจัดการโดย EIG ซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก และ Hunt Oil Company (“Hunt”) ประกาศในวันนี้ว่าพวกเขาได้ทำข้อตกลงขั้นสุดท้ายโดย MidOcean จะกรรมสิทธิ์ Peru LNG (“PLNG”) เพิ่มเติม 15% จาก Hunt

หลังจากปิดธุรกรรม กรรมสิทธิ์ PLNG ของ MidOcean จะเพิ่มขึ้นจาก จะเพิ่มขึ้นจาก 20% เป็น 35% Aramco มีบทบาทสำคัญในการทำธุรกรรมครั้งนี้ ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบสถานะทางเทคนิคและเชิงพาณิชย์ที่สำคัญ ตลอดจนการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักในการอนุมัติธุรกรรม การทำธุรกรรมนี้จะได้รับเงินทุนทั้งหมดจาก Aramco ซึ่งจะเพิ่มกรรมสิทธิ์ MidOcean ของตนเป็น 49% การลงทุนเพิ่มเติมของ Aramco ใน MidOcean จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งของ MidOcean และ Aramco ในตลาด LNG ทั่วโลก และจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายได้มีโอกาสสัมผัสโครงการส่งออก LNG แห่งเดียวในอเมริกาใต้เพิ่มเติม สัดส่วนการถือหุ้นทางอ้อมของ Aramco ใน PLNG จะเท่ากับ 17.2% นอกจาก EIG และ Aramco แล้ว Mitsubishi Corporation ยังลงทุนใน MidOcean ท่ามกลางนักลงทุนระดับบลูชิปรายอื่นๆ

กรรมสิทธิ์ PLNG ของ Hunt จะลดลงจาก 50% เป็น 35% และ Hunt จะยังคงเป็นผู้ดำเนินการของ PLNG หลังการทำธุรกรรม Hunt ยังคงถือกรรมสิทธิ์ 25.2% ในโครงการต้นน้ำ Camisea ในเปรู Hunt ลงทุนในเปรูมาตั้งแต่ปี 2000 และมุ่งมั่นที่จะสานต่อประวัติศาสตร์อันยาวนานของการลงทุนในเปรู และความเป็นเลิศในการดำเนินงานในโครงการ PLNG

PLNG เป็นเจ้าของและดำเนินการโรงงานส่งออก LNG แห่งเดียวในอเมริกาใต้ ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Pampa Melchorita ห่างจากกรุงลิมา ประเทศเปรู ไปทางใต้ 170 กิโลเมตร สินทรัพย์ของ PLNG ประกอบด้วยโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวที่มีกำลังการผลิต 4.45 ล้านตันต่อปี ท่อส่งก๊าซความยาว 408 กิโลเมตรที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ PLNG โดยสมบูรณ์ซึ่งมีกำลังการผลิต 1,290 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ถังเก็บขนาด 130,000 ลูกบาศก์เมตรจำนวน 2 ถัง ท่าเรือทางทะเลความยาว 1.4 กิโลเมตรที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ PLNG โดยสมบูรณ์ และสถานที่บรรทุกสินค้าด้วยรถบรรทุกที่มีความจุสูงถึง 19.2 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดย PLNG จะได้รับการดำเนินการโดย Hunt และเป็นหนึ่งในโรงงานผลิต LNG เพียงสองแห่งในละตินอเมริกา

De la Rey Venter ผู้เป็น CEO ของ MidOcean กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน PLNG ซึ่งเป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ MidOcean ในการสร้างพอร์ตโฟลิโอ LNG ระดับโลก ที่หลากหลาย และมีความยืดหยุ่น ความเชื่อของเราต่อพื้นฐานระยะยาวของตลาด LNG และในจุดแข็งของจุดยืนอันเป็นเอกลักษณ์ของ PLNG ในฐานะโรงงานส่งออก LNG เพียงแห่งเดียวในอเมริกาใต้ที่ยังคงแน่วแน่ เราตั้งตารอที่จะกระชับความร่วมมือของเรากับ Hunt Oil และผู้ร่วมทุน PLNG รายอื่นๆ และยังคงสนับสนุนผลกระทบเชิงบวกของโครงการต่อตลาดพลังงานของเปรูต่อไป”

Mark Gunnin ผู้เป็น CEO ของ Hunt กล่าวว่า “เรามุ่งเน้นไปที่การเตรียมโครงการ PLNG สำหรับอนาคต และโอกาสในการนำ MidOcean เข้ามาเป็นพันธมิตรถือเป็นกลยุทธ์ที่ดีในการทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น”

Morgan Stanley ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินแต่เพียงผู้เดียวของ MidOcean ในการทำธุรกรรมครั้งนี้ และ Latham & Watkins ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย Bracewell LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายของ Hunt

เกี่ยวกับ EIG
EIG คือนักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ซึ่งกำลังบริหารเงินลงทุนจำนวน 24.9 พันล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2024 โดย EIG เชี่ยวชาญในการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานในระดับโลก ในตลอดช่วงระยะเวลา 42 ปี EIG ได้ทุ่มเงินกว่า 48.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับภาคพลังงานผ่านโครงการ 413 โครงการหรือบริษัทใน 42 ประเทศในหกทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยกองทุนเงินบำนาญ บริษัทประกันภัย กองทุนการกุศล มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งชั้นนำหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ รีโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล

เกี่ยวกับ MidOcean Energy
MidOcean Energy ซึ่งป็นบริษัท LNG ที่ก่อตั้งและบริหารจัดการโดย EIG มุ่งมั่นที่จะสร้างพอร์ตโฟลิโอ LNG ระดับโลกที่มีความหลากหลาย ยืดหยุ่น คุ้มทุน และเป็นคู่แข่งกับคาร์บอนได้ เป้าหมายของ MidOcean Energy สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของ EIG ที่มีต่อ LNG ในฐานะตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงพลังงาน และความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของ LNG ในฐานะทรัพยากรพลังงานเชิงกลยุทธ์เชิงภูมิรัฐศาสตร์ MidOcean Energy นำโดย De la Rey Venter ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมานานเป็นเวลา 26 ปี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารอาวุโสหลายตำแหน่ง ซึ่งรวมถึงหัวหน้าฝ่าย LNG ระดับโลกของ Shell Plc

เกี่ยวกับ Hunt Oil Company
Hunt ก่อตั้งขึ้นในปี 1934 โดยเป็นหนึ่งในบริษัทน้ำมันและก๊าซอิสระที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา พื้นที่ปฏิบัติการหลักของบริษัทตั้งอยู่ในเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ในเปรู สหรัฐอเมริกา และภูมิภาคเคอร์ดิสถานของอิรัก รวมถึงโครงการสำรวจในตูนิเซียและโมร็อกโก Hunt เป็นบริษัทสำรวจระดับนานาชาติที่กระตือรือร้น และได้ขุดเจาะในทุกทวีปนอกเหนือจากทวีปแอนตาร์กติกา

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่เว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com หรือเว็บไซต์ของ MidOcean Energy ที่ www.midoceanenergy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ข้อมูลติดต่อ EIG
FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@fgsglobal.com

ข้อมูลติดต่อ Hunt
Paul Schulze
+1 214-978-8534
publicaffairs@huntconsolidated.com

แหล่งที่มา: EIG

Tabreed Eyes ขยายสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยการสนับสนุนการประชุม Asia Urban Energy Assembly ครั้งที่ 3

Logo

  • บริษัทพร้อมนำเสนอประสบการณ์ชั้นนำระดับโลกสู่สมาชิกสภานิติบัญญัติและนักพัฒนาในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานและการปรับขนาดให้มีการประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้น

ABU DHABI, United Arab Emirates–(BUSINESS WIRE)–09 กรกฎาคม 2024

Tabreed บริษัทชั้นนำด้านระบบทำความเย็นของโลก ให้การสนับสนุนและมีส่วนร่วมในงาน Asia Urban Energy Assembly ครั้งที่ 3 ซึ่งมีการจัดขึ้นในกรุงเทพ ประเทศไทย ด้วยแนวโน้มเชิงกลยุทธ์การตลาดที่มีความเป็นไปได้สูงสำหรับระบบทำความเย็นในภูมิภาคอย่างยั่งยืน Tabreed มองหาโอกาสใหม่ๆ ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีผลกระทบทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสังคมเพิ่มขึ้นจากบรรยากาศอุณหภูมิที่เปลี่ยนไปของโลก

Chief Executive Officer, Khalid Al Marzooqi (Photo: AETOSWire)

ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร, Khalid Al Marzooqi (ภาพถ่าย: AETOSWire)

สมาชิกในกลุ่มผู้บริหารระดับสูงของ Tabreed แสดงความมุ่งมั่นที่ชัดเจนในการร่วมมือกับนักพัฒนา สถาปนิก นักวางแผน วิศวกร ที่ปรึกษา และเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยตรง โดยมีการแสดงกรณีศึกษาที่น่าสนใจและเป็นส่วนสำคัญสำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนสำหรับระบบทำความเย็นในภูมิภาค เมื่อมีการวางแผนสร้างเมืองอัจฉริยะใหม่ๆ ขึ้น รัฐบาลและนักพัฒนาที่รับผิดชอบโครงการจะคำนึงถึงเทคโนโลยีที่รองรับอนาคต โดยสามารถลดการใช้พลังงานด้วยบริการที่เชื่อถือได้และมีความยั่งยืน ซึ่งมีส่วนเสริมให้ชุมชนและอุตสาหกรรมเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น

“ระบบการทำความเย็นไม่ถือเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยอีกต่อไป” Khalid Al Marzooqi ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Tabreed กล่าว “ปัจจุบันนี้ ระบบการทำความเย็นถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตและมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่มีต่อประเทศและเขตแดนต่างๆ มากขึ้น จึงมีความจำเป็นสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อสุขภาพ ความสะดวกสบาย และความปรองดองในสังคม และ Tabreed เป็นผู้ส่งเสริมสิ่งที่สำคัญเหล่านี้มานานแล้วกว่ากึ่งศตวรรษ”

ระบบการทำความเย็นในภูมิภาคจะมีการจ่ายน้ำเย็นให้กับภาคส่วนพัฒนาอุตสาหกรรม ธุรกิจ และที่อยู่อาศัยจากโรงงานส่วนกลางผ่านเครือข่ายท่อหุ้มฉนวนใต้ดิน ซึ่งจากนั้น จะมีการนำไปใช้ในระบบปรับอากาศของอาคาร ก่อนที่จะมีการส่งกลับไปยังโรงงานเพื่อใช้ในระบบการทำความเย็นในวงจรอย่างต่อเนื่อง โดยมีการบันทึกประโยชน์ต่างๆ ในเอกสารเป็นอย่างดี รวมถึงการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ลดลง 50% เมื่อเทียบกับระบบการทำความเย็นแบบดั้งเดิม รวมถึงการลดมลภาวะทางเสียงและทัศนียภาพ นักพัฒนาก็สามารถใช้ประโยชน์จากการลงทุนเป็นศูนย์และเพิ่มมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ได้ด้วยเช่นกัน

“ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น” Al Marzooqi กล่าวสรุป “ในแต่ปี ด้วยประสิทธิภาพที่สูงขึ้นและการใช้พลังงานที่ลดลง การดำเนินงานของ Tabreed จึงสามารถป้องกันการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้หลายล้านตัน นั่นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกคน ทุกที่ และเรากำลังมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้หลายประเทศสามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เป็นศูนย์ได้”

เกี่ยวกับ Tabreed

Tabreed ให้บริการระบบทำความเย็นที่จำเป็นและยั่งยืนแก่ภูมิภาคเพื่อการพัฒนาอย่างมีเอกลักษณ์สำหรับภูมิภาคตะวันออกกลางและเอเชีย โดยเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าของผู้คน ชุมชน และสิ่งแวดล้อมทั่วโลกเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 1998 มีการจดทะเบียนในตลาดการเงินดูไบ และเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่สุดในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ด้วยการดำเนินงานที่กว้างขวางระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ โดยมีความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพระดับชั้นนำในอุตสาหกรรม มีโปรแกรมการวิจัยและการพัฒนา และมีการลงทุนในเทคโนโลยี AI ทำให้ Tabreed เป็นผู้นำระดับโลกของอุตสาหกรรมระบบทำความเย็นในภูมิภาค นอกเหนือจากระบบทำความเย็นในภูมิภาคแล้ว บริการด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพของ Tabreed ยังขยายผลต่อความยั่งยืนของบริษัท ช่วยให้ธุรกิจและองค์กรสามารถปรับปรุงการใช้พลังงานโดยองค์รวม ในทางกลับกัน ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และช่วยให้บรรลุวัตถุประสงค์การปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นกลางอีกด้วย

แหล่งข้อมูลAETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54091062/en

ติดต่อ

Samer Al Tawil
ผู้จัดการอาวุโส, Marketing and Engagement
saltawil@tabreed.ae

Kevin Hackett
รองผู้จัดการ, External Communications
khackett@tabreed.ae

แหล่งข้อมูล: Tabreed