MidOcean Energy ของ EIG เตรียมเข้าซื้อหุ้นใน LNG Canada จาก PETRONAS

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–30 กันยายน 2025

MidOcean Energy (“MidOcean”) บริษัทก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่ก่อตั้งและบริหารจัดการโดย EIG ซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคส่วนพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ประกาศเมื่อวันนี้ว่าได้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการซื้อหุ้นร้อยละ 20 ในนิติบุคคลสำคัญของ PETRONAS ในประเทศแคนาดา

ธุรกรรมนี้รวมถึงการถือหุ้นร้อยละ 20 ใน North Montney Upstream Joint Venture (“NMJV”) ซึ่งถือการลงทุนด้านต้นน้ำของ PETRONAS ในแคนาดา และถือหุ้นร้อยละ 20 ใน North Montney LNG Limited Partnership (“NMLLP”) ซึ่งถือส่วนแบ่งร้อยละ 25 ของ PETRONAS ในโครงการ LNG Canada

LNG Canada เป็นโครงการส่งออก LNG แห่งแรกของแคนาดา และถือเป็นการพัฒนาเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญในการจัดหา LNG สู่เอเชียด้วยต้นทุนการจัดหาที่สามารถแข่งขันได้ โดย LNG Canada ได้ส่งสินค้า LNG ล็อตแรกไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

NMJV เป็นหุ้นส่วนที่ถือครองสิทธิแร่ธาตุรวมมากกว่า 800,000 เอเคอร์ โดยมีปริมาณสำรองและทรัพยากรสำรองฉุกเฉิน 53 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต

หลังจากเสร็จสิ้นธุรกรรมแล้ว MidOcean จะมีบทบาทในห่วงโซ่คุณค่าแบบบูรณาการ ที่ครอบคลุมการพัฒนาแหล่งทรัพยากรต้นน้ำใน North Montney รวมถึงกระบวนการแปลงสภาพเป็นของเหลวและส่งออกปลายน้ำผ่าน LNG Canada ผ่านการเข้าร่วมใน NMLLP ด้วยความร่วมมือกับ PETRONAS ครั้งนี้ MidOcean จะสามารถรักษาปริมาณ LNG ที่เกี่ยวข้องไว้ที่ 0.7 ล้านตันต่อปี และมีศักยภาพที่จะเติบโตต่อไปผ่านโครงการ LNG Canada ในเฟสที่ 2

R. Blair Thomas ประธาน MidOcean และซีอีโอ EIG กล่าวว่า “ธุรกรรมนี้ถือเป็นก้าวสำคัญบนเส้นทางการเติบโตของ MidOcean เรามีความภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับ PETRONAS ในความพยายามที่จะส่งมอบ LNG ที่เชื่อถือได้และมีต้นทุนต่ำสู่ตลาดโลก การมีส่วนร่วมของเราจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอของ MidOcean และสร้างความมั่นใจในการซื้อ LNG อย่างมีนัยสำคัญ และได้ช่วยตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างธุรกิจ LNG ที่หลากหลายและยืดหยุ่นสำหรับทศวรรษข้างหน้า”

De la Rey Venter ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ MidOcean กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรระยะยาวกับ PETRONAS ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และเป็นบริษัทที่เราให้ความเคารพเป็นอย่างสูง การลงทุนครั้งนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความเชื่อมั่นของเราในอนาคตของก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และบทบาทระยะยาวของก๊าซธรรมชาติเหลวในการช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานระดับโลก รวมถึงการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานที่สามารถทำได้จริงและมีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม”

ธุรกรรมดังกล่าวคาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาสที่ 4 ของปี 2025 ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการอนุมัติตามระเบียบข้อบังคับปกติ

RBC Capital Markets ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับ MidOcean และ Latham & Watkins ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารอยู่ที่ 23.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2025 โดย EIG มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลก ตลอดระยะเวลา 42 ปี EIG ได้ทุ่มเงินกว่า 51.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับภาคพลังงาน ผ่านโครงการหรือบริษัท 420 โครงการ ใน 44 ประเทศ ครอบคลุม 6 ทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยบริษัทชั้นนำมากมาย อาทิ กองทุนบำเหน็จบำนาญ บริษัทประกันภัย กองทุนรวมเพื่อการออม มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป โดย EIG มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานสาขาในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ ริโอเดอจาเนโร ฮ่องกง และโซล

เกี่ยวกับ MidOcean Energy

MidOcean Energy เป็นบริษัท LNG ที่ก่อตั้งและบริหารโดย EIG มุ่งมั่นที่จะสร้างพอร์ตโฟลิโอ LNG ระดับโลกที่หลากหลาย ยืดหยุ่น และสามารถแข่งขันด้านต้นทุนและคาร์บอนได้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของ EIG ที่มีต่อ LNG ในฐานะองค์ประกอบสำคัญของระบบพลังงานโลกที่มีคาร์บอนต่ำ มีความสามารถในการแข่งขัน และมีความมั่นคงมากขึ้น MidOcean Energy มีผลประโยชน์ด้าน LNG ที่หลากหลาย รวมถึง Gorgon LNG, Pluto LNG, QCLNG และ Peru LNG โดยบริษัทนั้นบริหารโดย De la Rey Venter ผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมนี้มากว่า 27 ปี และเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงหลายตำแหน่ง รวมถึงหัวหน้าฝ่าย LNG ระดับโลกของ Shell Plc. ด้วย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่เว็บไซต์ของ MidOcean Energy ที่ www.midoceanenergy.com หรือเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ข้อมูลติดต่อ EIG/MidOcean
FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@fgsglobal.com

ที่มา: EIG

มหาวิทยาลัย Hamad Bin Khalifa เป็นผู้นำการประชุมการสนทนาระดับโลกเกี่ยวกับอนาคตของจริยธรรม AI

Logo

โดยการประชุมจะเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการจัดทำแนวปฏิบัติทางจริยธรรมที่สอดคล้องใน 6 ประเด็นหลักที่ได้รับผลกระทบจากความก้าวหน้าของ AI ได้แก่ การดูแลสุขภาพ การออกแบบเมือง ความปลอดภัย การศึกษา การเงิน และอนาคตของสถานที่ทำงาน

โดฮา, กาตาร์–(BUSINESS WIRE)–29 กันยายน 2025

การประชุมของมหาวิทยาลัย Hamad Bin Khalifa (HBKU)จริยธรรม AI: การบรรจบกันของเทคโนโลยีและขนบธรรมเนียมทางศีลธรรมที่หลากหลายปิดท้ายด้วยการเรียกร้องให้มีกรอบการทำงานที่เป็นหนึ่งเดียวและครอบคลุมทางวัฒนธรรมสำหรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยการประชุมครั้งสำคัญนี้จัดขึ้นที่ประเทศกาตาร์ที่ถือเป็นก้าวสำคัญในการอภิปรายเกี่ยวกับ AI และผลกระทบทางจริยธรรมต่างๆ

The opening plenary session from HBKU's AI Ethics conference (Photo: AETOSWire)

การประชุมเปิดงานสัมมนาจริยธรรม AI ของ HBKU (ภาพ: AETOSWire)

การประชุมครั้งนี้ได้รวบรวมนักวิชาการชั้นนำต่างๆ ในระดับนานาชาติ ผู้กำหนดนโยบาย ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี นักจริยธรรม และบุคคลต่างๆ อีกมากมาย ผลงานของพวกเขาเหล่านี้ได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความสนใจในสหวิทยาการในการแก้ปัญหาเชิงร่วมมือที่เชื่อมโยงปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ากับขนบธรรมเนียมประเพณีทางศีลธรรมที่หลากหลาย การเจรจายังช่วยจุดประกายความร่วมมือข้ามภาคส่วนใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและกำหนดอนาคตของสาขาต่างๆ นี้ หัวข้อหลักทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ การดูแลสุขภาพ การออกแบบเมือง ความปลอดภัย การศึกษา การเงิน และอนาคตของสถานที่ทำงาน ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการบูรณาการประเด็นทางด้านจริยธรรมกับการนำปัญญาประดิษฐ์ที่จะนำไปใช้ในทุกภาคส่วน

แม้ว่าแต่ละประเด็นเหล่านี้จะก่อให้เกิดบทสนทนาที่กระตุ้นความคิดต่างๆ มากมาย แต่หนึ่งในการอภิปรายที่ทันท่วงทีที่สุดกลับเป็นการพิจารณาการใช้ AI ในความขัดแย้งทางอาวุธ โดยมีการเน้นย้ำถึงมิติทางกฎหมาย จริยธรรม และนโยบายของระบบสนับสนุนการตัดสินใจด้วยปัญญาประดิษฐ์ภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของ AI ที่มีต่อค่านิยมของมนุษย์และทางเลือกทางจริยธรรมในสถานการณ์ที่ซับซ้อนนั้นจะได้รับการเน้นย้ำมากขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์และผู้ป่วยในยุค AI โดยการอภิปรายเผยให้เห็นถึงความท้าทายทางจริยธรรมอันลึกซึ้งในการปกป้องความไว้วางใจ ความเป็นอิสระ รวมถึงศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

หลังจากการสนทนาเชิงสร้างสรรค์เป็นเวลาสองวัน การประชุมได้นำเสนอข้อเสนอแนะสำหรับอนาคตของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สอดคล้องกับภูมิทัศน์ทางศีลธรรมที่หลากหลายของสังคมโลกทั้งหมด การดำเนินการเช่นนี้จำเป็นต้องมีกรอบการทำงานที่ครอบคลุม ซึ่งก้าวข้ามบทสนทนาที่ส่วนใหญ่ถูกครอบงำโดยชาวตะวันตก ไปสู่การประเมินคุณลักษณะทางวัฒนธรรมและศีลธรรมทั้งหมดอย่างยุติธรรม สมดุล และครอบคลุมทั่วโลก

งานนี้ยังเรียกร้องให้มีการบูรณาการเทคโนโลยีและวิธีการปัญญาประดิษฐ์ (AI) มากขึ้นในสาขาต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับคนรุ่นต่อไป โดยควรดำเนินการควบคู่ไปกับการประสานกรอบนโยบายระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมผลกระทบเชิงบวกของเทคโนโลยีเกิดใหม่ต่างๆ ควบคู่ไปกับการจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

การประชุมจริยธรรม AI ได้ทำหน้าที่เป็นจุดนัดพบสำหรับการสนทนาที่หลากหลายและมองการณ์ไกลในวาทกรรม AI ระดับโลก ในฐานะผู้จัดและศูนย์กลางความรู้สำหรับการอภิปรายที่สร้างผลกระทบ ทาง HBKU ได้วางตัวเองในตำแหน่งสถาบันการศึกษาที่เป็นผู้ขับเคลื่อนสำคัญสำหรับโซลูชันที่ได้รับการสนับสนุนจากการวิจัยเพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ ในระดับโลก

 *ที่มา: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250929755596/en

Contacts

นส. Taiba Saoud Al-Rodaini
media@hbku.edu.qa
โทร.: +974 44540934

ที่มา: Hamad Bin Khalifa University