Category Archives: General News

ยูนนานจากประเทศจีนได้เปิดตัวกลยุทธ์แบรนด์ Honghe Blueberry เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรม

Logo

ไมล์, ประเทศจีน–(BUSINESS WIRE)–27 กุมภาพันธ์ 2025

การประชุม Yunnan Blueberry Conference ประจำปี 2025 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ไมล์ซิตี้ เขตปกครองตนเองหงเหอ ฮานี และยี มณฑลยูนนาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน โดยในวันเดียวกันนั้น กลยุทธ์ของแบรนด์ Honghe Blueberry ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มมูลค่าของแบรนด์ Honghe Blueberries และส่งเสริมการพัฒนาของอุตสาหกรรม

The

เปิดตัวแบรนด์สาธารณะในระดับภูมิภาค “Honghe Blueberry” อย่างเป็นทางการ (ภาพ: Business Wire)

ตามที่ผู้จัดงานกล่าวไว้ การเปิดตัวแบรนด์สาธารณะในระดับภูมิภาคอย่าง “Honghe Blueberry” ถือเป็นก้าวสำคัญสู่การเติบโตโดยมุ่งเน้นแบรนด์ในอุตสาหกรรมบลูเบอร์รี่ของ Honghe

สโลแกนของแบรนด์ “Care for Your Eyes, Eat More Honghe Blueberries from Yunnan (บำรุงสายตาของคุณ ทานบลูเบอร์รี่หงเหอจากยูนนานให้มากขึ้น)” ได้ตอกย้ำทั้งคุณค่าทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์และคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ ซึ่งช่วยกระตุ้นให้เกิดการบริโภคบลูเบอร์รี่มากขึ้น โดยโลโก้ “H” ของ Honghe Blueberry นั้นได้ผสมผสานตัวอักษรตัวแรกของ “Honghe” ในภาษาพินอินเข้ากับรูปทรงของบลูเบอร์รี่อย่างสร้างสรรค์ ซึ่งถือเป็นการถ่ายทอดข้อความหลักของแบรนด์ในด้านการปกป้องดวงตาและสุขภาพที่ดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในฐานะหนึ่งในภูมิภาคที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเพาะปลูกบลูเบอร์รี่ หงเหอมีอาณาเขตอันกว้างใหญ่ มีภูมิอากาศย่อยที่หลากหลาย มีอุณหภูมิที่แตกต่างกันอย่างมากระหว่างกลางวันและกลางคืน และมีอากาศอบอุ่นในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ โดยข้อดีจากธรรมชาติเหล่านี้ทำให้บลูเบอร์รี่มีคุณภาพสูง มีรูปร่างผลที่สวยงาม รสชาติดีเยี่ยม และเข้าสู่ตลาดได้เร็วกว่าภูมิภาคอื่นๆ ในประเทศจีน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จังหวัดหงเหอได้ใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองจนกลายเป็นผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมบลูเบอร์รี่ และได้กลายเป็นพื้นที่การผลิตหลักของจีนสำหรับการปลูกบลูเบอร์รี่ในโรงเรือนกรีนเฮาส์ที่ใช้วัสดุปลูกแทนดิน โดยในปี 2024 พื้นที่เพาะปลูกบลูเบอร์รี่ในภูมิภาคมีจำนวนมากกว่า 100,000 แปลง (ประมาณ 6,667 เฮกตาร์) คิดเป็น 60% ของการผลิตบลูเบอร์รี่ทั้งหมดของยูนนาน ซึ่งถือเป็นอันดับหนึ่งในจังหวัด โดยหงเหอประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านจากการปลูกจากแปลงทดลองขนาดเล็กไปสู่การพัฒนาเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่

การประชุมครั้งนี้ได้นำผู้เชี่ยวชาญและผู้นำในอุตสาหกรรมมารวมตัวกันเพื่อสำรวจเส้นทางการพัฒนาในอนาคตของภาคส่วนบลูเบอร์รี่ของยูนนาน เสริมสร้างอิทธิพลของแบรนด์ และเติมพลังใหม่ให้กับอุตสาหกรรม ผู้จัดงานกล่าวเสริม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54216254/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Eason Zhou
อีเมล: evisionsinfo@gmail.com

ที่มา: Honghe Information Office

DAWN เรียกร้องให้ศาลอาญาระหว่างประเทศสอบสวนรัฐบาลไบเดนที่ช่วยเหลือและสนับสนุนอาชญากรรมของอิสราเอลในฉนวนกาซา

Logo

รัฐบาลทรัมป์คว่ำบาตรศาล แผนการบังคับย้ายชาวปาเลสไตน์ ที่ถือเป็นอาชญากรรมระหว่างประเทศ

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–24 กุมภาพันธ์ 2025

ศาลอาญาระหว่างประเทศ (“ICC”) ควรสอบสวนอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน, แอนโธนี บลินเกน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ และลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม สำหรับบทบาทเสริมในการช่วยเหลือและสนับสนุน รวมทั้งจงใจและมีส่วนในอาชญากรรมสงครามของอิสราเอลและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติในฉนวนกาซา DAWN เปิดเผยในเอกสารความยาว 172 หน้า ถึงอัยการของ ICC คาริม ข่าน เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2025 ซึ่งจัดทำขึ้นโดยได้รับการสนับสนุนจากทนายความที่ขึ้นทะเบียนกับ ICC และผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญากรรมสงครามต่างๆ โดยเนื้อหาที่ส่งระบุรายละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบของการตัดสินใจโดยเจตนาและมีจุดประสงค์โดยเจ้าหน้าที่เหล่านี้ในการให้การสนับสนุนทางทหาร การเมือง และสาธารณะเพื่ออำนวยความสะดวกในการก่ออาชญากรรมของอิสราเอลในฉนวนกาซา การสนับสนุนนี้รวมถึงการถ่ายโอนอาวุธมูลค่าอย่างน้อย 17.9 พันล้านดอลลาร์ การแบ่งปันข่าวกรอง ความช่วยเหลือแบบกำหนดเป้าหมาย การคุ้มครองทางการฑูต และการรับรองอย่างเป็นทางการต่ออาชญากรรมของอิสราเอล แม้จะรู้ว่ามีการสนับสนุนดังกล่าวและอาจจะทำให้เกิดการละเมิดร้ายแรง

“มีเหตุผลที่มั่นคงในการสอบสวนโจ ไบเดน, แอนโทนี บลิงเกน และลอยด์ ออสติน ฐานสมรู้ร่วมคิดในอาชญากรรมของอิสราเอล” รีด โบรดี สมาชิกคณะกรรมการ DAWN กล่าว “ระเบิดที่ทิ้งในโรงพยาบาล โรงเรียน และบ้านของชาวปาเลสไตน์นั้นเป็นระเบิดของอเมริกา การรณรงค์การสังหารและการประหารได้รับการสนับสนุนจากอเมริกา โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ตระหนักดีถึงสิ่งที่อิสราเอลกำลังทำอยู่ แต่ก็ยังคงให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง”

“ไบเดน บลินเกน และรัฐมนตรีออสตินไม่เพียงแต่เพิกเฉยและให้เหตุผลกับหลักฐานที่ท่วมท้นของอาชญากรรมที่แปลกประหลาดและจงใจของอิสราเอล โดยไม่ฟังคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ของพวกเขาเองในการหยุดการถ่ายโอนอาวุธไปยังอิสราเอล พวกเขายังเพิ่มการถ่ายโอนอาวุธเป็นสองเท่าด้วยการให้การสนับสนุนทางทหารและการเมืองอย่างไม่มีเงื่อนไขแก่อิสราเอล เพื่อให้แน่ใจว่าอิสราเอลจะสามารถก่อเหตุอันโหดร้ายได้” ซาราห์ เลียห์ วิทสัน กรรมการบริหารของ DAWN กล่าว “พวกเขาไม่เพียงให้การสนับสนุนทางทหารที่จำเป็นแก่อิสราเอลเท่านั้น แต่ยังให้การสนับสนุนทางการเมืองที่จำเป็นอย่างเท่าเทียมกัน โดยการยับยั้งมติหยุดยิงหลายครั้งที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อให้แน่ใจว่าอิสราเอลจะสามารถก่ออาชญากรรมต่อไปได้”

“ทรัมป์ไม่เพียงแต่ขัดขวางความยุติธรรมเท่านั้น เขายังพยายามเผาศาลเพื่อป้องกันไม่ให้ใครเอาผิดอาชญากรชาวอิสราเอล” เรด จาร์ราร์ ผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนของ DAWN กล่าว “แผนการของเขาที่จะบังคับให้ชาวปาเลสไตน์ทั้งหมดออกจากฉนวนกาซาควรได้รับการสอบสวนจาก ICC เช่นกัน ไม่เพียงแต่เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนอาชญากรรมของอิสราเอลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสั่งบังคับโยกย้าย ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติภายใต้ธรรมนูญกรุงโรมด้วย”

DAWN เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรของสหรัฐอเมริกาที่สนับสนุนประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ

แถลงข่าวฉบับเต็ม www.DAWNmena.org

งานแถลงข่าวเวลา 11:00 น. เวลา EST วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2025: https://us06web.zoom.us/webinar/register/WN_mNYN7s8cSD6MyR5k2tcW8g

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Omid Memarian
omemarian@dawnmena.org
+1 (510) 637-9590

ที่มา: DAWN

ผู้ปกครองเมืองราสอัลไคมาห์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กล่าวว่า “วิทยาศาสตร์เป็นรากฐานที่ช่วยให้เราสร้างอนาคตที่ยั่งยืน” ในระหว่างการปราศรัยเปิดงาน การประชุมเชิงปฏิบัติการนานาชาติเกี่ยวกับวัสดุขั้นสูงครั้งที่ 16

Logo

 ชีค ซาอุด บิน ซัคร์ อัล กาซิมี:

  • 'ราสอัลไคมาห์มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และมีส่วนสนับสนุนการสนทนาในระดับโลกเกี่ยวกับวัสดุขั้นสูง

ราสอัลไคมาห์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–17 กุมภาพันธ์ 2025

ชีค ซาอุด บิน ซัคร์ อัล กาซิมี สมาชิกสภาสูงสุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และผู้ปกครองเมืองราสอัลไคมาห์ กล่าวปาฐกถาพิเศษเปิดงานในวันแรกของการประชุมเชิงปฏิบัติการนานาชาติเรื่องวัสดุขั้นสูง (IWAM) ที่จัดขึ้นเป็นระยะเวลาสามวัน โดยพระองค์ได้กล่าวถึงวิทยาศาสตร์ที่เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างโลกที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น รวมถึงวิธีที่ราสอัลไคมาห์มุ่งมั่นต่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์

His Highness Sheikh Saud bin Saqr Al Qasimi, UAE Supreme Council Member and Ruler of Ras Al Khaimah, delivering the opening keynote address at the International Workshop on Advanced Materials today (Photo: AETOSWire)

ชีค ซาอุด บิน ซัคร์ อัล กาซิมี สมาชิกสภาสูงสุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และผู้ปกครองเมืองราสอัลไคมาห์ กล่าวปาฐกถาพิเศษเปิดงานการประชุมเชิงปฏิบัติการนานาชาติเกี่ยวกับวัสดุขั้นสูงวันนี้ (ภาพ: AETOSWire)

ชีค ซาอุด กล่าวว่า “การเป็นเจ้าภาพงาน IWAM ประจำปีนี้ แสดงให้เห็นว่า ราสอัลไคมาห์มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และมีส่วนร่วมในการสนทนาในระดับโลกเกี่ยวกับวัสดุขั้นสูง”

“ด้วยการพัฒนาวัฒนธรรมแห่งการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์และการลงทุนในวัสดุขั้นสูง เรากำลังวางรากฐานสำหรับวันพรุ่งนี้ที่สดใสยิ่งขึ้น ความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการวิจัยวัสดุขั้นสูงนั้นจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการปฏิวัติการผลิตพลังงาน การขนส่ง รวมถึงการผลิตต่างๆ”

วิทยาศาสตร์คือการแสวงหาความรู้อย่างเป็นระบบและมีเป้าหมาย เป็นเสมือนเลนส์ที่เราใช้ตรวจสอบจักรวาล กล่าวเสริมโดยชีค ซาอุด

“วิทยาศาสตร์จะต้องเป็นรากฐานที่เราใช้สร้างอนาคตที่ยั่งยืนและความเจริญรุ่งเรืองต่างๆ โดยคนรุ่นใหม่ของเรานั้นจะมีบทบาทอย่างแข็งขันในการแสวงหาความรู้ของเราต่อไป” ชีค ซาอุด กล่าวสรุป

IWAM จัดขึ้นเป็นปีที่ 16 แล้ว โดยรวมผู้เข้าร่วมกว่า 200 รายจาก 20 ประเทศ รวมถึงนักวิทยาศาสตร์ นักศึกษา และวิทยากรต่างๆ เพื่อการบรรยาย การอภิปราย และจัดแสดงโปสเตอร์เกี่ยวกับวิธีที่วัสดุขั้นสูงมีส่วนช่วยกำหนดทิศทางของอนาคต

ฟอรั่มดังกล่าวมีนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงเข้าร่วม อาทิเช่น มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์และออกซ์ฟอร์ด (สหราชอาณาจักร) และมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียและสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) (สหรัฐอเมริกา)

ในงาน IWAM ยังให้เหล่านักวิทยาศาสตร์มอบรางวัลให้แก่นักศึกษาผู้ชนะการแข่งขัน Ras Al Khaimah Innovation and Sustainability Challenge ซึ่งประกอบด้วยการแข่งขัน 7 รายการเพื่อพัฒนาโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมเพื่อรับมือกับความท้าทายในชีวิตจริง

นอกจากนี้ ยังมีเซสชั่นทางวิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนระดับมัธยมปลายในระหว่างการประชุม IWAM อีกด้วย ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์จะไปเยี่ยมชมบริษัทต่างๆ ในราสอัลไคมาห์ เพื่อเน้นย้ำถึงวิธีการใช้วัสดุขั้นสูงในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต

โดยงาน IWAM นี้ได้รับการสนับสนุนจาก Stevin Rock จากราสอัลไคมาห์ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทเหมืองหินที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีกำลังการผลิตมากกว่า 80 ล้านตันต่อปี

*ที่มา: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54208079/en

Contacts

Steven McCombe
media@rakmediaoffice.ae

ที่มา: Ras Al Khaimah Government Media Office

Kao Corporation เปิดเผย “ความคิดเห็นของคณะกรรมการต่อข้อเสนอของผู้ถือหุ้น และกลยุทธ์ของ Kao ในการเพิ่มมูลค่าองค์กร”

Logo

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–14 กุมภาพันธ์ 2025

Kao Corporation (TOKYO:4452) เปิดเผยความคิดเห็นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปี 2025 เกี่ยวกับข้อเสนอของผู้ถือหุ้นที่ส่งโดย Oasis Japan Strategic Fund Ltd. (“Oasis”) สำหรับการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีครั้งที่ 119
ประกาศเรื่องความคิดเห็นของคณะกรรมการต่อข้อเสนอของผู้ถือหุ้น

นอกจากนี้ บริษัทมีการเผยแพร่การตอบรับต่อแถลงการณ์ที่ Oasis นำเสนอเมื่อเดือนเมษายน ปี 2024 ในเอกสารที่มีหัวข้อ “ความคิดเห็นของคณะกรรมการต่อข้อเสนอของผู้ถือหุ้น และกลยุทธ์ของ Kao ในการเพิ่มมูลค่าองค์กร”
ความคิดเห็นของคณะกรรมการต่อข้อเสนอของผู้ถือหุ้นและกลยุทธ์ของ Kao ในการเพิ่มมูลค่าองค์กร

Kao จะยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินการตามแนวทางการกำกับดูแลที่มีความโปร่งใสและมีประสิทธิผลสูง พร้อมกันนี้ ยังมีการดำเนินการตามกลยุทธ์ K27 และพยายามทุกวิถีทางในการเพิ่มมูลค่าองค์กร

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

หากมีข้อสอบถามเกี่ยวกับมีเดีย โปรดติดต่อ:
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
Kao Corporation
corporate_pr@kao.com

ที่มา: Kao Corporation

ผู้ประกอบการสตรีจากอาเซียนและญี่ปุ่นร่วมขับเคลื่อนนวัตกรรม ความยั่งยืน และการมีส่วนร่วมในการประชุมสุดยอดผู้ประกอบการสตรีอาเซียน-ญี่ปุ่นในกรุงกัวลาลัมเปอร์

Logo

กัวลาลัมเปอร์, มาเลเซีย–(BUSINESS WIRE)–13 กุมภาพันธ์ 2025

ASEAN-Japan Centre (AJC) ร่วมมือกับองค์การเยาวชนอาเซียน และได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการด้านวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อยอาเซียน (ACCMSME) รวมถึงมูลนิธิผู้นำสตรีแห่งมาเลเซีย ประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้ประกอบการสตรีอาเซียน-ญี่ปุ่นในกรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยการประชุมสุดยอดนี้ได้เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของผู้ประกอบการสตรีในการขับเคลื่อนนวัตกรรมทางเศรษฐกิจ ความยั่งยืน และการมีส่วนร่วมทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน-ญี่ปุ่น งานสำคัญนี้จัดขึ้นสอดคล้องกับวาระที่มาเลเซียจะดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปี 2025 ซึ่งช่วยเน้นย้ำถึงบทบาทที่สำคัญของผู้ประกอบการสตรีในการพัฒนานวัตกรรมทางเศรษฐกิจ ความยั่งยืน และการมีส่วนร่วมทั้งภูมิภาค เลขาธิการอาเซียน Kao Kim Hourn ผู้อำนวยการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนของญี่ปุ่น (METI) Yumiko Hata และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาผู้ประกอบการและสหกรณ์มาเลเซีย Ewon Benedick ได้กล่าวคำกล่าวต้อนรับ คำกล่าวเปิดงาน และข้อความสนับสนุนผู้ประกอบการสตรีตามลำดับผ่านข้อความวิดีโอ

Speakers and organizers during the ASEAN-Japan Women Entrepreneurs Summit (Photo: Business Wire)

วิทยากรและผู้จัดงานในการประชุมสุดยอดผู้ประกอบการสตรีอาเซียน-ญี่ปุ่น (ภาพ: Business Wire)

การประชุมสุดยอดครั้งนี้เป็นการรวมตัวกันของผู้ประกอบการสตรี นักลงทุน ผู้เร่งรัดธุรกิจ และผู้สนับสนุนระบบนิเวศมากกว่า 100 รายจากสิบประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมให้เกิดการหารืออย่างเข้มข้นเกี่ยวกับความท้าทายและโอกาสในภูมิทัศน์ทางธุรกิจที่กำลังพัฒนา การประชุมสุดยอดครั้งนี้จะประเมินสถานการณ์ปัจจุบันของเราในการช่วยให้ผู้ประกอบการสตรี 60 ล้านคนในภูมิภาคอาเซียนให้สามารถขยายขอบเขตการมีส่วนร่วมในการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม

ดาโต๊ะ Munirah Looi สมาชิกคณะกรรมการของ MyDigital Corp และที่ปรึกษาและซีอีโอ ระดับภูมิภาคของ BlueOnion กล่าวปาฐกถาพิเศษที่สร้างแรงบันดาลใจ โดยเน้นย้ำถึงความคล่องตัว ความยืดหยุ่น ประสบการณ์ของลูกค้า และการมีส่วนร่วมของพนักงาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความสามารถในการปรับตัวทางธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่หยุดชะงัก เช่น การระบาดของโควิด-19

เซสชั่นสำคัญ “การควบคุม AI และทักษะดิจิทัล” จะช่วยสำรวจว่าเทคโนโลยีสามารถขับเคลื่อนการเติบโตสำหรับองค์กรที่นำโดยผู้หญิงได้อย่างไร โดย Lennise Ng ซีอีโอของ Borong ประเทศมาเลเซีย ได้เน้นย้ำว่าการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลจะต้องเกิดขึ้นก่อนการนำ AI มาใช้ โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยวิทยากรได้กล่าวถึงบทบาทของรัฐบาลในการกำหนดนโยบายเพื่อให้นวัตกรรมสามารถเข้าถึงได้และพร้อมใช้งานสำหรับผู้ประกอบการสตรีทั่วขอบเขตทางภูมิศาสตร์และเศรษฐกิจสังคม

เซสชั่นในหัวข้อ “การเข้าถึงแหล่งเงินทุนและการลงทุนตามเพศภาวะเชิงกลยุทธ์” ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ยังเหลืออยู่ของความรู้ด้านการลงทุนสำหรับผู้ประกอบการสตรี ตั้งแต่การทำความเข้าใจทุนสนับสนุนและกองทุนในรูปแบบต่างๆ ไปจนถึงการเข้าถึงเครือข่ายนักลงทุนและผู้เร่งรัดธุรกิจที่เหมาะสมซึ่งสามารถขยายการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ สิ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กันก็คือ การเป็นตัวแทนของผู้หญิงภายในบริษัทการลงทุน ซึ่งช่วยให้เข้าใจอย่างแท้จริงถึงความท้าทายทางการเงินที่เป็นเอกลักษณ์ของธุรกิจที่นำโดยผู้หญิง

เซสชั่นในหัวข้อ “การบรรเทาภาระของผู้หญิง: นวัตกรรมในเศรษฐกิจการดูแล” นำเสนอโซลูชั่นที่เปลี่ยนแปลงซึ่งกำลังพลิกโฉมบริการดูแล ตัวอย่างเช่น Kiddocare ในมาเลเซียที่ใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อจับคู่ผู้ให้บริการดูแลกับครอบครัวที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพ ที่ช่วยลดเวลาในการค้นหาลงอย่างมาก และรับประกันคุณภาพในส่วนของการดูแลเด็ก โดยสิ่งที่มีความสำคัญพอๆ กันคือการยอมรับบทบาทของพ่อในการแบ่งปันความรับผิดชอบในการดูแลเด็กของพ่อแม่ในครอบครัว ดังที่ได้เน้นย้ำในงานของ Better Dads Malaysia ซึ่งเป็นชุมชนของพ่อที่ส่งเสริมให้พ่อมีส่วนร่วมในภาระการดูแลเด็กอย่างแข็งขัน และเปลี่ยนเรื่องเล่าไปสู่การเลี้ยงดูและการดูแลที่ครอบคลุม

เซสชั่น “การใช้ประโยชน์จากความยั่งยืนเพื่อการเติบโตและผลกระทบ” เผยให้เห็นถึงคุณค่าของที่ปรึกษาทางธุรกิจและเครือข่ายสำหรับผู้หญิงในการสร้างธุรกิจให้เติบโต และการให้คำปรึกษาเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการสตรีได้อย่างไร ปิดท้ายด้วยการประชุมสุดยอด เซสชั่น “การปิดช่องว่างทางเพศและส่งเสริมให้ธุรกิจที่เป็นเจ้าของโดยผู้หญิงสามารถขยายขนาดได้” ได้สรุปขั้นตอนที่เหลือในการขยายขนาดวิสาหกิจที่สตรีเป็นเจ้าของในภูมิภาค การเงิน การเข้าถึงตลาด และการให้คำปรึกษาเป็นทรัพยากรสำคัญสำหรับผู้หญิงในการขยายธุรกิจ โดยวิทยากรได้เสนอว่ากรอบความคิดของผู้ประกอบการและนวัตกรรมควรเริ่มต้นตั้งแต่อายุยังน้อย โดยเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรการศึกษาเพื่อเปลี่ยนแปลงการเล่าเรื่องทางสังคมวัฒนธรรม และสร้างวัฒนธรรมของการเสริมพลังสตรี

การประชุมสุดยอดผู้ประกอบการสตรีอาเซียน-ญี่ปุ่น ได้เน้นย้ำถึงพลังของความร่วมมือระหว่างธุรกิจ นักลงทุน รัฐบาล และชุมชนในการเพิ่มศักยภาพให้กับ MSME ที่นำโดยผู้หญิง ด้วยการส่งเสริมการมีส่วนร่วม นวัตกรรม และแนวปฏิบัติที่ยั่งยืน การประชุมสุดยอดครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุการบูรณาการทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นและการเติบโตในระยะยาวในภูมิภาค

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประชุมสุดยอดและโครงการริเริ่มอย่างต่อเนื่องของ ASEAN-Japan Centre เกี่ยวกับผู้ประกอบการสตรี โปรดติดต่อ: info_rpa@asean.or.jp

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54205996/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ทีมวิจัยและสนับสนุนนโยบาย
ASEAN-Japan Centre
โทร.: +81-(0)3-5402-8001
อีเมล: info_rpa@asean.or.jp

ที่มา: ASEAN-Japan Centre

Mary Kay สร้างแรงบันดาลใจให้กับนวัตกรในอนาคต: เยาวชนหญิงใน STEM ‘ผสมผสาน’ ความงามและวิทยาศาสตร์

Logo

นักเรียน Lewisville High School เข้าร่วมกิจกรรม STEM Day เพื่อการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติจริง

ดัลลัส


Mary Kay Inc. ได้แต่งตั้ง Dr. Lucy Gildea ให้เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายแบรนด์และวิทยาศาสตร์

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–07 กุมภาพันธ์ 2025

เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต บริษัทด้านความงามและผู้ประกอบการอันเป็นเอกลักษณ์ Mary Kay Inc. ได้ประกาศแต่งตั้ง Dr. Lucy Gildea ให้เป็น หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายแบรนด์และวิทยาศาสตร์

Mary Kay Inc. Names Dr. Lucy Gildea Chief Brand and Scientific Officer. Gildea and her freshly designed cross-functional team will pioneer a new operating model to power up Mary Kay’s global brand and science aiming for growth and customer loyalty in over 40 markets. (Photo: Mary Kay Inc.)

Mary Kay Inc. แต่งตั้ง Dr. Lucy Gildea ให้เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายแบรนด์และวิทยาศาสตร์ โดย Gildea และทีมงานข้ามสายงานที่ได้รับการออกแบบใหม่ของเธอจะเป็นผู้บุกเบิกรูปแบบการดำเนินงานใหม่เพื่อขับเคลื่อนแบรนด์และวิทยาศาสตร์ระดับโลกของ Mary Kay โดยมีเป้าหมายเพื่อการเติบโตและการสร้างความภักดีของลูกค้าในตลาดกว่า 40 แห่ง (ภาพ: Mary Kay Inc.)

Gildea และทีมงานข้ามสายงานที่ได้รับการออกแบบใหม่ล่าสุดของเธอ จะบุกเบิกรูปแบบการดำเนินงานใหม่เพื่อขับเคลื่อนแบรนด์ระดับโลกและวิทยาศาสตร์ของ Mary Kay โดยมีเป้าหมายในการเติบโตและสร้างความภักดีของลูกค้าในตลาดกว่า 40 แห่ง ในบทบาทที่เพิ่มขึ้นของเธอ Gildea จะกำหนดเอกลักษณ์ของแบรนด์ ภาพลักษณ์ และกลยุทธ์ที่ทรงพลังให้สอดคล้องกันในทุกแพลตฟอร์มและทุกๆ ภูมิศาสตร์ โดยได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีผลกระทบซึ่งครอบคลุมความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของผู้บริโภค เธอและทีมงานของเธอจะกระตุ้นแบรนด์ผ่านกลยุทธ์การมีส่วนร่วมที่ควบคุมพลังของผู้ประกอบการยุคใหม่ รวมถึงการเล่าเรื่องเกี่ยวกับแบรนด์ที่สะท้อนออกมาเพื่อพิชิตใจและความคิดของผู้บริโภค

“ด้วยความเชี่ยวชาญของเธอในด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมความงาม ตลอดจนแนวทางที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง Lucy จะเป็นผู้นำบทบาทเชิงกลยุทธ์ในการเปลี่ยนแปลงของเราไปสู่อนาคต องค์กร Global Brand and Science แห่งใหม่จะมีส่วนร่วมในความสำเร็จทางธุรกิจร่วมกันของเรา โดยช่วยให้ที่ปรึกษาด้านความงามอิสระของเราได้แบ่งปันประสบการณ์ด้านแบรนด์ที่เปลี่ยนแปลงกับลูกค้าของพวกเขา และเติบโตในฐานะที่ปรึกษาด้านความงามส่วนบุคคล ซึ่งจะช่วยตอกย้ำคุณค่าที่นำเสนออันเป็นเอกลักษณ์ของการขายตรง” กล่าวโดย Ryan Rogers ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Mary Kay และหลานชายของ Mary Kay Ash

นับตั้งแต่ร่วมงานกับ Mary Kay ในปี 2017 Gildea ได้มุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงให้ทันสมัยและยกระดับความสามารถในการแข่งขันของบริษัทผ่านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพขององค์กร Gildea ทำงานที่บริษัท Procter & Gamble เป็นเวลานานถึง 15 ปี โดยทำงานในด้านเทคโนโลยีความงามและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ความงาม/ผิวพรรณเป็นหลัก นอกจากนี้ เธอยังดำรงตำแหน่งอาวุโสในหลากหลายตำแหน่ง รวมถึงเป็นผู้นำทีมพัฒนาสำหรับเทคโนโลยีขั้นต้นและวิทยาศาสตร์การวัดผลในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ ความงาม และการดูแลส่วนบุคคล ในระหว่างดำรงตำแหน่งที่ P&G Gildea อาศัยอยู่ในสิงคโปร์ เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของเธอในตลาดต่างประเทศ

“Mary Kay ก่อตั้งขึ้นด้วยความฝันที่จะยกระดับชีวิตของผู้หญิงด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีรากฐานมาจากวิทยาศาสตร์ ฉันมั่นใจว่าการบูรณาการแบรนด์และวิทยาศาสตร์เป็นสูตรสำเร็จในการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกและทำงานเพื่อความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของเรา ฉันตั้งหน้าตั้งตารอที่จะเพิ่มมิติการทำงานร่วมกันในทีมของเราให้สูงสุดเพื่อดึงดูดที่ปรึกษาด้านความงามอิสระของเรา และเชิญชวนผู้บริโภครุ่นใหม่ให้ตกหลุมรักในแบรนด์ของเรา” กล่าวโดย Dr. Lucy Gildea หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายแบรนด์และวิทยาศาสตร์ของ Mary Kay

Gildea ได้รับปริญญาเอก ในสาขาชีววิทยาเซลล์และโมเลกุล ภูมิคุ้มกันวิทยา และโรคติดเชื้อที่วิทยาลัยแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยซินซินนาติ และได้รับทุนวิจัยหลังปริญญาเอกสาขาภูมิคุ้มกันวิทยา ร่วมกับโรงพยาบาลเด็กซินซินนาติและภาควิชาภูมิคุ้มกันวิทยาของมหาวิทยาลัยซินซินนาติ โดยเธอยังสำเร็จการศึกษาวิทยาศาสตรบัณฑิตสาขาชีววิทยาจากวิทยาลัยจอร์จทาวน์ในจอร์จทาวน์ รัฐเคนตักกี้ อีกด้วย

Gildea เป็นผู้ให้การสนับสนุน STEM อย่างกระตือรือร้นสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง เธอดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการที่ Baylor Scott & White Dallas Foundation และที่ปรึกษาคณะกรรมการที่ Baylor Scott & White Charles A. Sammons Cancer Center

การแต่งตั้งผู้นำครั้งนี้โดย Ryan Rogers เป็นการยกย่องมรดกของ Mary Kay Ash ในด้านการเพิ่มขีดความสามารถของผู้หญิง โดยที่ Mary Kay มีสัดส่วนของผู้หญิงคิดเป็น 63% ของทีม R&D, 54% ของทีมผู้บริหาร และ 63% ของพนักงานทั่วโลก1

 คุณทราบไหม:

  •  ในปี 2023 และอีกครั้งในปี 2024 Mary Kay ได้รับเลือกให้เป็นแบรนด์ขายตรงอันดับ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางหลากสีสันในโลกโดย Euromonitor International2
  •  Mary Kay ถือสิทธิบัตรมากกว่า 1,600 ฉบับสำหรับผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ในกลุ่มผลงานทั่วโลก3

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash เป็นหนึ่งในผู้ทำลายเพดานกระจกแบบดั้งเดิม โดยก่อตั้งแบรนด์ความงามในฝันของเธอในเท็กซัสเมื่อปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียวคือการทำให้ชีวิตของผู้หญิงดีขึ้น ความฝันนั้นได้เบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทระดับโลกที่มีที่ปรึกษาด้านความงามอิสระหลายล้านคนในตลาดมากกว่า 40 แห่ง เป็นเวลากว่า 60 ปีแล้วที่ Mary Kay ได้เพิ่มขีดความสามารถของผู้หญิงในการกำหนดอนาคตของตนเองผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องสำอางที่มีสี อาหารเสริม และน้ำหอมที่ทันสมัย โดย Mary Kay มีความเชื่อในการอนุรักษ์โลกของเราเพื่อคนรุ่นต่อไป ปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งและการทารุณกรรมในครอบครัว รวมถึงสนับสนุนให้เยาวชนทำตามความฝันของตนเอง เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com พบเราได้ที่ Facebook Instagram และ LinkedIn หรือติดตามเราได้ที่ X

 _______________________
1 ที่มา: Women Representation and Leadership ที่ Mary Kay (พฤษภาคม 2024)
2 “ที่มา Euromonitor International Limited; ความงามและการดูแลส่วนบุคคล ฉบับปี 2024 ยอดขายมูลค่าที่ RSP ข้อมูลปี 2023”
3 ณ ปี 2023

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54201083/en

Contacts

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

ที่มา: Mary Kay Inc.

กำไรสุทธิไตรมาสที่ 3 ของ Hindustan Zinc พุ่งขึ้น 32% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 317 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณโลหะและการลดต้นทุน

Logo

อุทัยปุระ, อินเดีย–(BUSINESS WIRE)–29 มกราคม 2025

Hindustan Zinc Limited (“HZL”) ซึ่งมีฐานอยู่ที่ประเทศอินเดีย เป็นผู้ผลิตสังกะสีแบบครบวงจรรายใหญ่อันดับสองของโลก และเป็นผู้ผลิตเงินรายใหญ่อันดับสามของโลก รายงานผลประกอบการสำหรับไตรมาสที่สามและเก้าเดือนที่สิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2024 ณ วันที่ 28 มกราคม 2025 โดยบริษัทบันทึกปริมาณการผลิตโลหะที่ขุดและกลั่นได้ในช่วงเก้าเดือนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 784 kt และ 783 kt ตามลำดับ บริษัทฯ ทำรายได้ในไตรมาสที่ 3 ได้ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาที่ 1,020 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ Hindustan Zinc ยังบันทึก EBITDA ในไตรมาสที่ 3 ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ 537 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 28%โดยมีอัตรากำไร EBITDA ชั้นนำของอุตสาหกรรมที่ 53% เพิ่มขึ้น 400 bps เมื่อเทียบกับปีก่อน บริษัทยังได้บันทึกกำไรสุทธิหลังหักภาษี (PAT) สูงสุดในรอบ 9 ไตรมาสที่ผ่านมา* ที่ 317 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับปีก่อน บริษัทได้บันทึกต้นทุนการผลิต (COP)ที่ต่ำที่สุดในช่วง 15 ไตรมาสที่ผ่านมาที่ 1,041 ดอลลาร์/เมตริกตันในไตรมาสที่ 3 ปัจจุบัน Hindustan Zinc เป็นหนึ่งในบริษัทโลหะที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย โดยมีมูลค่าตามราคาตลาด 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และผลตอบแทนรวมสำหรับผู้ถือหุ้นประมาณ 2.1 เหรียญสหรัฐฯ ต่อหุ้น (ประมาณ 62%)

Hindustan Zinc's Q3FY25 financial results - Profit surges (Photo: Business Wire)

ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 ของ Hindustan Zinc – กำไรพุ่งสูงขึ้น (ภาพ: Business Wire)

Arun Misra ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าว: “Hindustan Zinc ยังคงดำเนินการตามลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็ขับเคลื่อนความเป็นเลิศในการดำเนินงาน โดยเน้นที่ ESG ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่แฝงอยู่ในสินทรัพย์ของเราและผลการดำเนินงานที่สม่ำเสมอ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมด้วยแนวโน้มตลาดเชิงบวก

เพื่อตอกย้ำตำแหน่งของเราในฐานะผู้นำในภาคส่วนโลหะทรานสิชั่นด้านพลังงาน ผมรู้สึกภูมิใจที่จะแชร์ว่า Hindustan Zinc ได้รับการยอมรับว่าเป็นบริษัทโลหะและเหมืองแร่ที่มีความยั่งยืนมากที่สุดในโลกเป็นปีที่สองติดต่อกันโดย S&P Global Corporate Sustainability Assessment 2024

*สูงสุดในเงื่อนไข INR
หมายเหตุ: อัตราแลกเปลี่ยน USD-INR อยู่ที่ 84.46 ซึ่งจะใช้ตลอดการเผยแพร่ข้อมูล

เกี่ยวกับ Hindustan Zinc Limited

Hindustan Zinc Limited เป็นบริษัทในกลุ่ม Vedanta เป็นผู้ผลิตสังกะสีแบบครบวงจรรายใหญ่อันดับสองของโลก และเป็นผู้ผลิตเงินรายใหญ่อันดับสามของโลก บริษัทจำหน่ายสินค้าไปยังกว่า 40 ประเทศทั่วโลก โดย Hindustan Zinc ได้รับการยอมรับว่าเป็นบริษัทที่มีความยั่งยืนมากที่สุดในโลกในหมวดโลหะและเหมืองแร่โดย S&P Global CSA 2024

ข้อสงวนสิทธิ์

ข่าวเผยแพร่ฉบับนี้ได้รวมข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเกี่ยวกับธุรกิจและผลการดำเนินงานทางการเงินในอนาคตของเรา โดยใช้คำเช่น “คาดหวัง” และ “คาดการณ์” ข้อความดังกล่าวมีความไม่แน่นอนและอาจแตกต่างจากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง เราไม่ผูกมัดที่จะปรับปรุงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54195082/en

Contacts

Sonal Choithani (ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสาร)
Sonal.Choithani@vedanta.co.in

ที่มา: Hindustan Zinc Limited

ศาลฏีกาตัดสินให้ผู้ชำระบัญชีร่วมอย่างเป็นทางการของ FTX DM ลดลำดับความสำคัญของการเรียกร้องค่าปรับทางกฏระเบียบมูลค่า 221.55 ล้านดอลลาร์ของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แห่งบาฮามาส

Logo

กรุงแนสซอ, บาฮามาส–(BUSINESS WIRE)–30 มกราคม 2025

ศาลฏีกาแห่งบาฮามาสได้อนุมัติข้อตกลงให้ผู้ชำระบัญชีทางการร่วม (JOLs) ของบริษัท FTX Digital Markets Ltd. (FTX DM) ลดลำดับความสำคัญของการเรียกร้องค่าปรับทางกฏระเบียบมูลค่า 221.55 ล้านดอลลาร์ของคณะกรรมการหลักทรัพย์แห่งบาฮามาส (ในที่นี้คือ คณะกรรมการฯ) $221.55 ต่อ FTX DM

“ข้อตกลงการลดลำดับความสำคัญของการเรียกร้อง” ซึ่งศาลได้อนุมัติระหว่าง JOLs คณะกรรมการฯ นั้นอนุญาตให้มีการจัดลำดับความสำคัญใหม่ในการชำระเงินแก่ลูกค้าและเจ้าหนี้รายอื่นของ FTX DM ทั้งหมด รวมถึงดอกเบี้ยที่ค้างชำระแก่ลูกค้าของ FTX DM ก่อนการชำระ “การเรียกร้องค่าปรับทางกฎระเบียบที่ได้รับอนุญาต” ของคณะกรรมการฯ

คำร้องของผู้ชำระบัญชีทางการร่วม (JOLs) อ้างอิงจากอำนาจในการทำข้อตกลงและปฏิบัติตามพันธกรณีตามข้อตกลงการระงับข้อพิพาททั่วโลกฉบับแก้ไข (GSA) ลงวันที่ 12 สิงหาคม 2024 โดยผู้พิพากษา L Klein ได้ให้การรับรองข้อตกลงระหว่าง JOLs และคณะกรรมการฯ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2025

การเรียกร้องค่าปรับทางกฎระเบียบของคณะกรรมการฯ ต่อ FTX DM เกิดจากการละเมิดพระราชบัญญัติสินทรัพย์ดิจิทัลและตลาดแลกเปลี่ยนที่จดทะเบียน และพระราชบัญญัติรายงานธุรกรรมทางการเงินตามผลการสืบสวนของหน่วยงานกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล

 ข้อมูลบรรณาธิการ:

  1. คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แห่งบาฮามาสเป็นองค์กรตามกฎหมายที่จัดตั้งขึ้นในปี 1995 มีหน้าที่รับผิดชอบในการกำกับดูแลหลักทรัพย์ กองทุนการลงทุนและตลาดทุน ผู้ให้บริการทางการเงินและองค์กร สินทรัพย์ดิจิทัลและการแลกเปลี่ยน และการซื้อขายเครดิตคาร์บอน
  2. พระราชบัญญัติสินทรัพย์ดิจิทัลและการแลกเปลี่ยนที่จดทะเบียน 2024 มีผลบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคม 2024 โดยปรับปรุงและขยายกรอบกฎหมายรวมถึงระเบียบข้อบังคับด้านสินทรัพย์ดิจิทัล สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: ข้อมูลพระราชบัญญัติ DARE ปี 2024 – คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์บาฮามาส
  3. ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของบาฮามาสสามารถดูได้ที่: https://www.scb.gov.bs/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้อำนวยการบริหาร
Christina Rolle
242-397-4100

ที่มา: Securities Commission of The Bahamas

Merz Aesthetics เผยข้อมูลระดับโลกเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างความมั่นใจ ความเชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเอง และหัตถการความงาม

Logo

งานวิจัยใหม่ชี้ให้เห็นว่าผู้คนต่างแสวงหาหัตถการความงามเพื่อปรับตัวตนภายในให้สอดคล้องกับรูปลักษณ์ภายนอก

ราลี, นอร์ทแคโรไลนา –(BUSINESS WIRE)–29 มกราคม 2025

Merz Aesthetics ธุรกิจเวชศาสตร์ทางทางการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ประกาศผลการวิจัยระดับโลกครั้งแรกในวันนี้ เสาหลักแห่งความมั่นใจ (Pillars of Confidence): ข้อมูลเชิงลึกระดับโลกเกี่ยวกับความงามและความเชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเอง การศึกษานี้ได้สำรวจบทบาทเกี่ยวกับความมั่นใจในชีวิตประจำวันและความเป็นอยู่โดยรวม รวมถึงความเชื่อมโยงระหว่างตัวตนภายในและการแสดงออกภายนอก

Graphic: Merz Aesthetics

กราฟิก: Merz Aesthetics

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์ม Confidence to Be Merz Aesthetics ได้ทำการสำรวจผู้ใหญ่จำนวน 15,000 คนจากทั่วทุกมุมโลกที่เคยเข้ารับหัตถการความงามมาก่อนหรือพร้อมที่จะเข้ารับหัตถการความงามในอนาคตอันใกล้นี้ ผลการศึกษาวิจัยในเรื่องเสาหลักแห่งความมั่นใจ (Pillars of Confidence) เผยให้เห็นว่าผู้เข้าร่วมการศึกษาทั่วโลกส่วนใหญ่มีความมั่นใจในตัวเองสูง โดยร้อยละ 72 เห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า “ฉันมั่นใจในตัวเอง”

ผลการศึกษาวิจัยในเรื่องเสาหลักแห่งความมั่นใจยังเชื่อมโยงกับรูปลักษณ์ภายนอกกับแนวคิดภายในเกี่ยวกับตนเองด้วย เมื่อพูดถึงหัตถการความงามโดยเฉพาะ ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 73 กล่าวว่า พวกเขารู้สึก “มีพลัง” หลังจากเข้ารับหัตถการความงาม โดยร้อยละ 69 เข้ารับหัตถการความงามเพื่อสะท้อนถึงความรู้สึกภายใน และร้อยละ 72 กล่าวว่า หัตถการความงามได้ส่งผลต่อมุมมองที่พวกเขามีต่อตัวเอง

การศึกษาวิจัยในเรื่องเสาหลักแห่งความมั่นใจได้ดำเนินการร่วมกับ Ipsos* ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยและสำรวจตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยได้ทำการสำรวจผู้ใหญ่จำนวนกว่า 15,000 คนที่มีอายุระหว่าง 21 ถึง 75 ปี** จาก 15 ประเทศ โดยภูมิภาคและประเทศที่เข้าร่วมการศึกษาวิจัยประกอบด้วย:

  • เอเชียแปซิฟิก: จีน เกาหลีใต้ ไทย
  • ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา: ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน สหราชอาณาจักร และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
  • ละตินอเมริกา: บราซิล, โคลอมเบีย, คอสตาริกา, เม็กซิโก
  • อเมริกาเหนือ: สหรัฐอเมริกา, แคนาดา

“นับตั้งแต่ที่ Merz Aesthetics ได้กลายมาเป็นธุรกิจระดับโลกแบบสแตนด์อโลนเมื่อเกือบห้าปีที่แล้ว เรามีความมุ่งมั่นในจุดประสงค์ของเราในการเสริมสร้างความมั่นใจด้วยการช่วยให้ผู้คนดูดีขึ้น รู้สึกดีขึ้น และใช้ชีวิตที่ดีขึ้น” เราเชื่อว่าการมีความมั่นใจเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ และสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีที่สุด ไม่ว่าคุณจะนิยามมันว่าอย่างไร” Bob Rhatigan ซีอีโอของ Merz Aesthetics กล่าว “งานวิจัยเรื่องเสาหลักแห่งความมั่นใจ (Pillars of Confidence) ของเราได้แสดงให้เห็นสิ่งที่เราเคยรู้มาโดยตลอดว่าเป็นความจริง นั่นคือ หัตถการความงามดูเหมือนจะทำได้มากกว่าแค่การปรับปรุงรูปลักษณ์ของเราเท่านั้น พวกเขาสามารถช่วยให้ผู้คนรู้สึกมีพลังและสนับสนุนเส้นทางแห่งความมั่นใจในตนเองของพวกเขา”

“ข้อมูลในเรื่องเสาหลักแห่งความมั่นใจแสดงให้เห็นว่าหัตถการความงามสามารถช่วยให้ผู้ป่วยมีบทบาทในการปรับการรับรู้เกี่ยวกับตนเองให้สอดคล้องกับรูปลักษณ์ภายนอกได้อย่างไร” Dr. Shannon Humphrey แพทย์ผิวหนังด้านความงาม ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ของ Humphrey & Beleznay Cosmetic Dermatology และรองศาสตราจารย์ทางคลินิก กล่าวที่มหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบียว่า “ในฐานะแพทย์ ฉันเห็นผลกระทบนี้ทุกวัน ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ช่วยให้เราเข้าใจและสนับสนุนผู้ป่วยได้ดีขึ้นในขณะที่พวกเขาพยายามสร้างพลังอำนาจให้กับตนเอง ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะช่วยปรับปรุงการดูแลที่เราได้มอบให้”

ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เราพูด ผู้คนที่อยู่รอบตัวเรา หรือทางเลือกของเราเกี่ยวกับหัตถการความงาม Merz Aesthetics เชื่อว่าการเดินทางของทุกคนในการมอง รู้สึก และใช้ชีวิตอย่างดีที่สุดนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะเติมพลังความมั่นใจทั่วโลก Merz Aesthetics หวังว่าข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับการสนับสนุนจากการศึกษาเรื่องเสาหลักแห่งความมั่นใจ (Pillars of Confidence) นี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการสนทนาที่มีความหมาย ซึ่งจะทำให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นสามารถเฉลิมฉลองการเป็นตัวของตัวเองได้อย่างแท้จริงทั้งจากภายในและภายนอก

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการศึกษาเรื่องเสาหลักแห่งความมั่นใจ (Pillars of Confidence) และดาวน์โหลดรายงานผลการวิจัยฉบับเต็ม โปรดไปที่ www.merzaesthetics.com/confidence

*Merz Aesthetics. (2025) เสาหลักแห่งความมั่นใจ (Pillars of Confidence): ข้อมูลเชิงลึกระดับโลกเกี่ยวกับความงามและความเชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเอง ได้รับการสนับสนุนจาก Ipsos ที่เป็นพันธมิตรในการวิจัย

**ช่วงอายุในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกคือ 21 ถึง 65 ปี

 เกี่ยวกับ Merz Aesthetics

Merz Aesthetics เป็นธุรกิจเวชศาสตร์ทางการแพทย์ที่มีประวัติยาวนานในการส่งเสริมศักยภาพให้กับผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ คนไข้ และพนักงานในการใช้ชีวิตทุกวันด้วยความมั่นใจ เรามุ่งหวังที่จะช่วยให้ผู้คนทั่วโลกดู รู้สึก และใช้ชีวิตเหมือนเป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตัวเอง ไม่ว่าพวกเขาจะนิยามตัวเองว่าอย่างไร ผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้ว โดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งยาฉีด อุปกรณ์ และทรีทเมนต์ดูแลผิวที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของคนไข้แต่ละคนโดยมีมาตรฐานความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูง Merz Aesthetics เป็นบริษัทที่ดำเนินกิจการโดยครอบครัวมานานกว่า 115 ปี และเป็นที่รู้จักในการสร้างความสัมพันธ์อันเป็นเอกลักษณ์กับลูกค้าที่รู้สึกเหมือนเป็นครอบครัว สำนักงานใหญ่ระดับโลกของ Merz Aesthetics ตั้งอยู่ในเมืองราลี รัฐนอร์ทแคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา และมีสาขาเชิงพาณิชย์ใน 90 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของ Merz Group ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1908 และตั้งอยู่ในเมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี เรียนรู้เพิ่มเติมที่ merzaesthetics.com

© 2025 Merz North America, Inc. สงวนลิขสิทธิ์ Merz, Merz Aesthetics และโลโก้ Merz Aesthetics Confidence To Be เป็นเครื่องหมายการค้าและ/หรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Merz Pharma GmbH & Co. KGaA ในประเทศสหรัฐอเมริกาและ/หรือประเทศอื่นๆ บางประเทศ

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54194542/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

รายชื่อผู้ติดต่อสื่อ
Merz Aesthetics
การสื่อสารองค์กรระดับโลก
6501 ถนนซิกซ์ฟอร์คส์ ราลี นอร์ธแคโรไลนา 27615
919-302-3296
media@merz.com
ที่มา: Merz Aesthetics