Category Archives: Technology

มหาวิทยาลัย Hamad Bin Khalifa เป็นผู้นำการประชุมการสนทนาระดับโลกเกี่ยวกับอนาคตของจริยธรรม AI

Logo

โดยการประชุมจะเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการจัดทำแนวปฏิบัติทางจริยธรรมที่สอดคล้องใน 6 ประเด็นหลักที่ได้รับผลกระทบจากความก้าวหน้าของ AI ได้แก่ การดูแลสุขภาพ การออกแบบเมือง ความปลอดภัย การศึกษา การเงิน และอนาคตของสถานที่ทำงาน

โดฮา, กาตาร์–(BUSINESS WIRE)–29 กันยายน 2025

การประชุมของมหาวิทยาลัย Hamad Bin Khalifa (HBKU)จริยธรรม AI: การบรรจบกันของเทคโนโลยีและขนบธรรมเนียมทางศีลธรรมที่หลากหลายปิดท้ายด้วยการเรียกร้องให้มีกรอบการทำงานที่เป็นหนึ่งเดียวและครอบคลุมทางวัฒนธรรมสำหรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยการประชุมครั้งสำคัญนี้จัดขึ้นที่ประเทศกาตาร์ที่ถือเป็นก้าวสำคัญในการอภิปรายเกี่ยวกับ AI และผลกระทบทางจริยธรรมต่างๆ

The opening plenary session from HBKU's AI Ethics conference (Photo: AETOSWire)

การประชุมเปิดงานสัมมนาจริยธรรม AI ของ HBKU (ภาพ: AETOSWire)

การประชุมครั้งนี้ได้รวบรวมนักวิชาการชั้นนำต่างๆ ในระดับนานาชาติ ผู้กำหนดนโยบาย ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี นักจริยธรรม และบุคคลต่างๆ อีกมากมาย ผลงานของพวกเขาเหล่านี้ได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความสนใจในสหวิทยาการในการแก้ปัญหาเชิงร่วมมือที่เชื่อมโยงปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ากับขนบธรรมเนียมประเพณีทางศีลธรรมที่หลากหลาย การเจรจายังช่วยจุดประกายความร่วมมือข้ามภาคส่วนใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและกำหนดอนาคตของสาขาต่างๆ นี้ หัวข้อหลักทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ การดูแลสุขภาพ การออกแบบเมือง ความปลอดภัย การศึกษา การเงิน และอนาคตของสถานที่ทำงาน ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการบูรณาการประเด็นทางด้านจริยธรรมกับการนำปัญญาประดิษฐ์ที่จะนำไปใช้ในทุกภาคส่วน

แม้ว่าแต่ละประเด็นเหล่านี้จะก่อให้เกิดบทสนทนาที่กระตุ้นความคิดต่างๆ มากมาย แต่หนึ่งในการอภิปรายที่ทันท่วงทีที่สุดกลับเป็นการพิจารณาการใช้ AI ในความขัดแย้งทางอาวุธ โดยมีการเน้นย้ำถึงมิติทางกฎหมาย จริยธรรม และนโยบายของระบบสนับสนุนการตัดสินใจด้วยปัญญาประดิษฐ์ภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของ AI ที่มีต่อค่านิยมของมนุษย์และทางเลือกทางจริยธรรมในสถานการณ์ที่ซับซ้อนนั้นจะได้รับการเน้นย้ำมากขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์และผู้ป่วยในยุค AI โดยการอภิปรายเผยให้เห็นถึงความท้าทายทางจริยธรรมอันลึกซึ้งในการปกป้องความไว้วางใจ ความเป็นอิสระ รวมถึงศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

หลังจากการสนทนาเชิงสร้างสรรค์เป็นเวลาสองวัน การประชุมได้นำเสนอข้อเสนอแนะสำหรับอนาคตของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สอดคล้องกับภูมิทัศน์ทางศีลธรรมที่หลากหลายของสังคมโลกทั้งหมด การดำเนินการเช่นนี้จำเป็นต้องมีกรอบการทำงานที่ครอบคลุม ซึ่งก้าวข้ามบทสนทนาที่ส่วนใหญ่ถูกครอบงำโดยชาวตะวันตก ไปสู่การประเมินคุณลักษณะทางวัฒนธรรมและศีลธรรมทั้งหมดอย่างยุติธรรม สมดุล และครอบคลุมทั่วโลก

งานนี้ยังเรียกร้องให้มีการบูรณาการเทคโนโลยีและวิธีการปัญญาประดิษฐ์ (AI) มากขึ้นในสาขาต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับคนรุ่นต่อไป โดยควรดำเนินการควบคู่ไปกับการประสานกรอบนโยบายระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมผลกระทบเชิงบวกของเทคโนโลยีเกิดใหม่ต่างๆ ควบคู่ไปกับการจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

การประชุมจริยธรรม AI ได้ทำหน้าที่เป็นจุดนัดพบสำหรับการสนทนาที่หลากหลายและมองการณ์ไกลในวาทกรรม AI ระดับโลก ในฐานะผู้จัดและศูนย์กลางความรู้สำหรับการอภิปรายที่สร้างผลกระทบ ทาง HBKU ได้วางตัวเองในตำแหน่งสถาบันการศึกษาที่เป็นผู้ขับเคลื่อนสำคัญสำหรับโซลูชันที่ได้รับการสนับสนุนจากการวิจัยเพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ ในระดับโลก

 *ที่มา: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250929755596/en

Contacts

นส. Taiba Saoud Al-Rodaini
media@hbku.edu.qa
โทร.: +974 44540934

ที่มา: Hamad Bin Khalifa University

Serco Asia Pacific ปรับปรุงการบูรณาการอย่างมีนัยสำคัญโดยใช้ Boomi AI Agents

Logo

Serco ได้เร่งกระบวนการส่งมอบการผสานการทำงานด้วย Boomi Scribe และ DesignGen ที่สามารถช่วยลดเวลาในการจัดทำเอกสารแบบบูรณาการได้เป็นอย่างมาก

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–29 กันยายน 2025

Boomi™ ซึ่งเป็นผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ประกาศในวันนี้ว่า Serco ผู้ให้บริการสาธารณะระดับโลกกำลังใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์ม Boomi Enterprise เพื่อปลดล็อกนวัตกรรมที่รวดเร็วผ่าน AI เชิงสร้างสรรค์ เร่งการพัฒนาการบูรณาการ และส่งเสริมให้ผู้ใช้ทางธุรกิจที่มีความรับผิดชอบสามารถสร้างการบูรณาการพื้นฐานได้อย่างรวดเร็ว

ด้วยความมุ่งมั่นหลักในการให้บริการแก่รัฐบาลทั่วโลก การดำเนินงานของ Serco ในเอเชียแปซิฟิกนั้นครอบคลุมด้านการป้องกันประเทศ การดูแลสุขภาพ กระบวนการยุติธรรม รวมถึงบริการต่างๆ ในชุมชน โดย Serco ได้นำ Boomi มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้การดำเนินงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีความทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อช่วยปรับปรุงการไหลของข้อมูล ปรับปรุงการจัดการข้อมูลหลัก และลดความซับซ้อนของการเชื่อมต่อ API โดยแพลตฟอร์ม Boomi เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งเนื่องจากความง่ายในการเขียนโค้ด ใช้งานง่าย และความรวดเร็วในการสร้างและตรวจสอบการบูรณาการ

“เราใช้ Boomi สำหรับการบูรณาการระบบหลักมาโดยตลอด แต่สิ่งที่เราค้นพบในงาน Boomi World Tour Sydney ปีที่แล้วได้เปลี่ยนกรอบความคิดของสิ่งที่เป็นไปได้อย่างสิ้นเชิง” กล่าว โดย Kiran Narayan ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์และความสามารถด้านดิจิทัลของ Serco “เราตระหนักว่าเอเจนต์ AI ที่ทรงพลังของ Boomi อย่าง Boomi Scribe และ Boomi DesignGen อยู่ในลิขสิทธิ์ Boomi Enterprise Platform ของเราแล้ว ภายในเพียงไม่กี่นาที เราก็ได้ทดลองใช้งานจริง ช่วงเวลานั้นได้จุดประกายแนวคิดและการทำงานแบบใหม่ของเรา”

หลังจากงาน Serco ได้ระดมทีมงานบูรณาการอย่างรวดเร็วเพื่อทดสอบและนำ Boomi AI Agents มาใช้ ซึ่งใช้คำสั่งภาษาธรรมชาติเพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถออกแบบและนำไปใช้ในการบูรณาการได้เร็วขึ้น

Boomi Scribe ได้ถูกนำมาใช้เป็นฐานเอกสารประกอบสำหรับการบูรณาการ โดยสร้างเอกสารที่เข้าใจง่ายเพื่อดูสิ่งที่อยู่เบื้องหลังอินเทอร์เฟซเฉพาะ ในขณะที่ Boomi DesignGen จะอนุญาตให้มีการสื่อสารระหว่างทีมต่างๆ ได้อย่างง่ายดายผ่านภาพ ซึ่งช่วยสร้างความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้เสียต่างๆ

“ก่อนหน้านี้ นักพัฒนาระบบบูรณาการต้องใช้เวลาประมาณสองถึงสามชั่วโมงในการเขียนเอกสารที่จัดรูปแบบให้เข้าใจง่ายสำหรับลูกค้า แต่ด้วย Boomi Scribe จะใช้เวลาเพียงแค่ 10 ถึง 15 นาที เท่านั้น” Kiran กล่าว

เมื่อเร็วๆ นี้ Serco ได้เสร็จสิ้นโครงการบูรณาการขนาดใหญ่สองโครงการ ซึ่งช่วยลดเวลาการจัดทำเอกสารลงอย่างมาก ซึ่งรวมถึงการประชุม การสนทนา และการสร้างเอกสารต่างๆ ก่อนหน้านี้ กระบวนการนี้ใช้เวลา 40 ถึง 60 ชั่วโมง แต่ด้วย Boomi AI Agents ปัจจุบัน Serco สามารถลดเวลาเฉลี่ยในการดำเนินการให้เสร็จสิ้นลงภายในเวลาเพียงแค่ 6 ถึง 12 ชั่วโมง

การบูรณาการเครื่องมือเหล่านี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ Serco APAC ได้เปลี่ยนเวิร์กโหลดการบูรณาการจากคลัสเตอร์รันไทม์ Boomi ที่โฮสต์ด้วยตนเองไปเป็น Boomi Managed Cloud Service (MCS) โดยมีแผนที่จะเปิดใช้งาน Boomi Event Streams สำหรับการรับส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์และการแจ้งเตือน โดยปัจจุบันผู้ให้บริการสาธารณะรายนี้กำลังมุ่งเน้นไปที่การใช้ประโยชน์จาก Boomi AI Agents ผ่าน Boomi Agentstudio

วิสัยทัศน์ของ Kiran ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์และความสามารถด้านดิจิทัลของ Serco คือการช่วยให้ผู้นำธุรกิจสามารถใช้ Boomi สำหรับการบูรณาการร่างเบื้องต้น เร่งกระบวนการส่งมอบ และปลดปล่อยทีมเทคนิคให้มุ่งเน้นไปที่งานที่ซับซ้อน “ด้วย Boomi เราสามารถขจัดปัญหาคอขวดได้โดยไม่สูญเสียการควบคุม” Kiran กล่าว “การเสริมศักยภาพให้ผู้ใช้ทางธุรกิจสามารถสร้างโมเดลในกรอบการทำงานที่มีการควบคุม จะช่วยเร่งความเร็วในการส่งมอบคุณค่าได้เป็นอย่างมาก”

แพลตฟอร์มนี้ยังรองรับเป้าหมายด้านคุณภาพของข้อมูลของ Serco ผ่านการใช้ Boomi DataHub และ Boomi API Management เพื่อความสมบูรณ์ของข้อมูลที่สม่ำเสมอและเรียบง่าย

“ความสำเร็จที่เราได้รับมาจนถึงตอนนี้ได้จุดประกายความตื่นเต้นให้กับผู้นำระดับสูงของเรา ไม่ว่าจะเป็น CIO ไปจนถึงหัวหน้าหน่วยธุรกิจต่างๆ” Kiran กล่าว

“เส้นทางของ Serco สะท้อนให้เห็นถึงอนาคตของการบูรณาการ: การเขียนโค้ดน้อย ขับเคลื่อนด้วย AI และเสริมพลังธุรกิจ” David Irecki ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Boomi กล่าว “นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับทีมที่ขับเคลื่อนอย่างรวดเร็ว คิดอย่างมีกลยุทธ์ และมุ่งมั่นที่จะทำให้นวัตกรรมเป็นประชาธิปไตยทั่วทั้งองค์กร”

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

  • รับฟังจากลูกค้าทั่วโลกของ Boomi
  • ติดตาม Boomi ได้ทาง X, LinkedIn, Facebook และ YouTube

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้องค์กรทั่วโลกสามารถเชื่อมต่อทุกสิ่ง จัดการกระบวนการอัตโนมัติ และเร่งผลลัพธ์ได้ โดยแพลตฟอร์ม Boomi Enterprise ซึ่งรวมถึง Boomi Agentstudio จะผสานรวมการบูรณาการและระบบอัตโนมัติเข้ากับการจัดการข้อมูล API และเอเจนต์ AI ไว้ในโซลูชันเดียวที่ครอบคลุม ด้วยความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 25,000 ราย และได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายพันธมิตรกว่า 800 ราย ทำให้ Boomi ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงแบบเอเจนต์ ช่วยให้องค์กรทุกขนาดสามารถบรรลุความคล่องตัว ประสิทธิภาพ และนวัตกรรมในระดับที่ดีขึ้นได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© 2025 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ตัว 'B' และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทย่อยหรือบริษัทในเครือ สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250928836452/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

รายชื่อผู้ติดต่อ
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายสัมพันธ์อินฟลูเอนเซอร์, APJ
jasmine.ee@boomi.com

ที่มา: Boomi

AWS และ SAP ขยายความร่วมมือเพื่อยกระดับอธิปไตยทางดิจิทัลทั่วทั้งยุโรป

Logo

ความร่วมมือครั้งใหม่กับ SAP Cloud ได้ผสานความเชี่ยวชาญด้านแอปพลิเคชันระดับองค์กรของ SAP เข้ากับโครงสร้างพื้นฐานบนคลาวด์ของ AWS ที่ช่วยให้ลูกค้าในอุตสาหกรรมที่มีกฎระเบียบสูงสามารถพัฒนานวัตกรรม AI ได้

ซีแอตเทิลและวอลล์ดอร์ฟ–(BUSINESS WIRE)–24 กันยายน 2025

Amazon Web Services (AWS) บริษัทในเครือ Amazon.com (NASDAQ: AMZN) และ SAP SE (NYSE: SAP) ประกาศวันนี้ว่า มีแผนการนำความสามารถ SAP Sovereign Cloud มาใช้งานบน AWS European Sovereign Cloud ซึ่งเป็นระบบคลาวด์อิสระใหม่สำหรับยุโรปโดยได้รับการสนับสนุนจากแผนการลงทุนมูลค่า 7.8 พันล้านยูโรจาก Amazon

ความร่วมมือนี้ต่อยอดจากความร่วมมืออันยาวนานของทั้งสองบริษัท และแนวทางใหม่ที่ครอบคลุมของ SAP ในด้านอธิปไตยทางดิจิทัลและนวัตกรรม AI โดยความสามารถของ SAP Sovereign Cloud คือโซลูชันคลาวด์ที่เสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยจาก SAP ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับอุตสาหกรรมและหน่วยงานภาครัฐที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล ความร่วมมือนี้จะมุ่งเน้นไปที่การผสานความสามารถเหล่านี้และความเชี่ยวชาญเชิงลึกด้านองค์กรของ SAP เข้ากับโครงสร้างพื้นฐาน AWS และความเชี่ยวชาญด้านการดำเนินงาน เพื่อตอบสนองความต้องการด้านอธิปไตยทางดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าทั่วทั้งยุโรป

“เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ความสามารถของ SAP Sovereign Cloud จะพร้อมใช้งานบน AWS European Sovereign Cloud ซึ่งจะทำให้องค์กรต่างๆ มีทางเลือกมากขึ้นในการตอบสนองต่อความต้องการด้านอธิปไตย พร้อมกับใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีคลาวด์ที่ดีที่สุด” กล่าวโดย David Brown รองประธานฝ่ายประมวลผลและแมชชีนเลิร์นนิ่งของ AWS กล่าว “SAP และ AWS มีวิสัยทัศน์ร่วมกัน เราต้องการสร้างความมั่นใจว่าลูกค้าของเราจะสามารถเข้าถึงโซลูชันด้านอธิปไตยที่ล้ำหน้าที่สุด เพื่อให้องค์กรต่างๆ สามารถมุ่งเน้นไปที่นวัตกรรมและผลักดันผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมได้ เราตั้งตารอที่จะร่วมมือกับ SAP อย่างต่อเนื่อง และเห็นแนวทางที่องค์กรต่างๆ ทั่วยุโรปจะสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วย AWS European Sovereign Cloud”

AWS European Sovereign Cloud ซึ่งเตรียมเปิดตัว AWS Region แห่งแรกที่เมืองบรันเดินบวร์ก เยอรมนี ภายในสิ้นปี 2025 ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบทางเลือกเพิ่มเติมให้กับองค์กรภาครัฐและลูกค้าในอุตสาหกรรมที่มีกฎระเบียบควบคุมอย่างเข้มงวด บริการนี้จะช่วยให้องค์กรเหล่านี้สามารถตอบสนองต่อความต้องการด้านอธิปไตยทางดิจิทัลที่เฉพาะเจาะจงได้ ซึ่งรวมถึงข้อกำหนดด้านการเก็บรักษาข้อมูล ความเป็นอิสระในการดำเนินงาน และความยืดหยุ่น โดยความสามารถของ SAP Sovereign Cloud มีให้บริการบน AWS แล้วในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ (ตั้งแต่ปี 2023) สหราชอาณาจักร (ตั้งแต่ปี 2024) แคนาดา และอินเดีย (ตั้งแต่ปี 2025) และการเพิ่มความสามารถของ SAP ให้กับ AWS European Sovereign Cloud ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับลูกค้าทั่วยุโรป

SAP Sovereign Cloud ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น ปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่น และปรับขนาดได้ตามความต้องการ โซลูชัน SAP Sovereign Cloud บน AWS ของยุโรปจะประกอบด้วย SAP Business Technology Platform และ SAP Cloud ERP ในเบื้องต้น โซลูชันเหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้าบริหารจัดการได้อย่างปลอดภัยสำหรับกระบวนการทางธุรกิจที่สำคัญและข้อมูลที่ละเอียดอ่อน พร้อมทั้งสนับสนุนการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง

“ด้วยบริการ SAP Sovereign Cloud ที่ขยายเพิ่มขึ้น เราจึงช่วยให้ลูกค้าในทุกอุตสาหกรรมสามารถใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมคลาวด์และ AI ได้อย่างเต็มที่” กล่าวโดย Thomas Saueressig สมาชิกคณะกรรมการบริหารของ SAP SE ฝ่ายบริการลูกค้าและการจัดส่ง “การนำพอร์ตโฟลิโอ SAP Sovereign Cloud มาใช้งานบน AWS European Sovereign Cloud จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงชุดโซลูชัน Sovereign Cloud ที่ครอบคลุมของเรา ซึ่งยิ่งเสริมความแข็งแกร่งด้วยความร่วมมืออันยาวนานและเชื่อถือได้ของเรากับ Amazon Web Services”

 AWS European Sovereign Cloud จะแยกและเป็นอิสระจากภูมิภาคที่มีอยู่ของ AWS และจะไม่มีการพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานนอกสหภาพยุโรปที่สำคัญ ด้วยการควบคุมทางเทคนิคที่เข้มงวด การรับรองอธิปไตยและการคุ้มครองทางกฎหมาย ลูกค้าจะได้รับประโยชน์จาก AWS อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมด้วยความปลอดภัย ความยืดหยุ่น และพอร์ตโฟลิโอบริการที่ครอบคลุมระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม เช่นเดียวกับที่มีอยู่ในภูมิภาคที่มีอยู่เดิม

AWS and SAP ได้ร่วมกันสร้างสรรค์นวัตกรรมบนคลาวด์มานานกว่า 16 ปี ความร่วมมือครั้งใหม่นี้ต่อยอดจากประวัติศาสตร์ดังกล่าว เพื่อสนับสนุนข้อกำหนดด้านอธิปไตยทางดิจิทัลของลูกค้า และเร่งกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในยุโรป

เกี่ยวกับ Amazon Web Services

ตั้งแต่ปี 2006 Amazon Web Services ได้ก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ที่ครอบคลุมและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางที่สุดในโลก AWS ได้ขยายบริการอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับทุกเวิร์กโหลด และปัจจุบันมีบริการที่ครบครันเสมือนจริงกว่า 240 บริการสำหรับการประมวลผล การจัดเก็บข้อมูล ฐานข้อมูล ระบบเครือข่าย การวิเคราะห์ การเรียนรู้ของเครื่องและปัญญาประดิษฐ์ (AI) อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (IoT) อุปกรณ์เคลื่อนที่ ระบบรักษาความปลอดภัย ไฮบริด สื่อ และการพัฒนา การปรับใช้ และการจัดการแอปพลิเคชัน จาก 120 Availability Zone ใน 38 ภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ พร้อมประกาศแผนการขยาย Availability Zone เพิ่มอีก 10 แห่ง และ AWS Region อีก 3 แห่งในชิลี ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และ AWS European Sovereign Cloud ลูกค้าหลายล้านคน ซึ่งรวมถึงสตาร์ทอัพที่เติบโตเร็วที่สุด องค์กรขนาดใหญ่ และหน่วยงานภาครัฐชั้นนำ ต่างไว้วางใจให้ AWS ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มความคล่องตัว และลดต้นทุน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AWS ได้ที่ aws.amazon.com

เกี่ยวกับ Amazon

Amazon ยึดถือหลักการ 4 ประการ ได้แก่ การให้ความสำคัญกับลูกค้ามากกว่าการมุ่งเน้นคู่แข่ง ความหลงใหลในการสร้างสรรค์ ความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศในการดำเนินงาน และการคิดระยะยาว Amazon มุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับลูกค้ามากที่สุดของโลก นายจ้างที่ดีที่สุดของโลก และที่ทำงานที่ปลอดภัยที่สุดของโลก บทวิจารณ์ลูกค้า การช้อปปิ้งแบบคลิกเดียว คำแนะนำเฉพาะบุคคล Prime บริการ Fulfillment by Amazon, AWS, Kindle Direct Publishing, Kindle, Career Choice, แท็บเล็ต Fire, Fire TV, Amazon Echo, Alexa, เทคโนโลยี Just Walk Out, Amazon Studios และ The Climate Pledge ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ Amazon ริเริ่มขึ้น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ amazon.com/about และติดตาม @AmazonNews

เกี่ยวกับ SAP

ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านแอปพลิเคชันสำหรับองค์กรและ AI ทางธุรกิจ SAP (NYSE: SAP) ยืนอยู่บนจุดเชื่อมต่อระหว่างธุรกิจและเทคโนโลยี กว่า 50 ปีที่องค์กรต่างๆ ไว้วางใจให้ SAP ดึงศักยภาพสูงสุดออกมา ด้วยการผสานรวมการดำเนินงานที่สำคัญทางธุรกิจ ครอบคลุมทั้งการเงิน การจัดซื้อ ทรัพยากรบุคคล ซัพพลายเชน และประสบการณ์ลูกค้า ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.sap.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Amazon.com, Inc.
สายด่วนสื่อมวลชน
Amazon-pr@amazon.com
www.amazon.com/pr

ที่มา: Amazon.com, Inc.

Asana ประกาศเปิดตัว AI Teammates ใหม่: เอเจนต์ที่ร่วมมือกันเพื่อส่งมอบผลลัพธ์ต่างๆ

Logo

Asana เชื่อว่าความสามารถของเอเจนต์ในการทำงานร่วมกันและการดำเนินงานอันละเอียดอ่อนควบคู่ไปกับมนุษย์ คือความลับของการทำงานเป็นทีมที่ขับเคลื่อนด้วย AI ไม่ใช่เพียงแค่การดำเนินการอย่างอิสระเท่านั้น

AI Teammates ของ Asana ได้ขยายการทำงานอัตโนมัติจากงานง่ายๆ ไปสู่เวิร์กโฟลว์ที่ซับซ้อนที่จะช่วยเพิ่มความเร็วและคุณภาพงานของทีม

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–25 กันยายน 2025

Asana, Inc. (NYSE: ASAN) ที่เป็นแพลตฟอร์มการจัดการงานชั้นนำสำหรับความร่วมมือระหว่างมนุษย์และ AI ในวันนี้ได้ประกาศเปิดตัว AI Teammates: เอเจนต์ที่ร่วมมือกันที่เข้าใจบริบทของงานทั้งหมดภายในองค์กร รวมถึงวิธีการทำงานนั้น โดยเอเจนต์เดียวสามารถสนับสนุนหลายทีมได้พร้อมๆ กัน ผ่านการปรับปรุงและปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องตามความคิดเห็นของมนุษย์ เพื่อเพิ่มความเร็วและคุณภาพของการทำงานร่วมกันทั่วทั้งองค์กร

 Asana กำลังแก้ไขข้อกังวลที่แพร่หลายเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเอเจนต์ในสถานที่ทำงาน: การวิจัยแสดงให้เห็นว่าเอเจนต์อิสระนั้นล้มเหลวในงานพื้นฐานกว่า 70%1 ปัญหาไม่ได้อยู่ที่พลังหรือความสามารถของ AI แต่เป็นเพราะว่าเอเจนต์นั้นมักจะสนับสนุนผู้ใช้แต่ละราย โดยไม่มีบริบท จุดตรวจสอบ และการควบคุมที่จำเป็นในการเป็นเพื่อนร่วมทีมที่มีประสิทธิภาพที่สามารถปรับตัวและเรียนรู้จากการโต้ตอบของมนุษย์ รวมถึงการดำเนินงานข้ามเวิร์กโฟลว์ที่ซับซ้อนได้

“ทุกคนกำลังสร้างเอเจนต์ที่เป็นอิสระ แต่เป้าหมายที่ผิดพลาดคือความเป็นอิสระ” Dan Rogers ซีอีโอของ Asana กล่าว “การทำงานมีความแตกต่างกันอย่างมาก เวิร์กโฟลว์ขององค์กรนั้นครอบคลุมถึงหลายๆ ทีม หลายๆ จุดข้อมูล และส่งผลกระทบต่อทุกระดับขององค์กร เอเจนต์จะสามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อพวกเขาสามารถเข้าถึงกรอบการทำงานหรือ ‘พิมพ์เขียว’ ของบริษัทที่ระบุว่าใครทำอะไร เมื่อไหร่ อย่างไร และทำไม โดยโมเดลข้อมูล Work Graph® ของเรามอบสิ่งนั้นให้ ซึ่งทำให้ AI Teammates มีประวัติความเป็นมาของบริบท กระบวนการ และข้อมูลอย่างละเอียด”

“ที่สำคัญ แนวทางของเรายังช่วยให้มนุษย์สามารถควบคุมวิธีที่เอเจนต์เข้าถึงข้อมูลและใช้ทรัพยากรได้ โดยผู้ดูแลระบบสามารถมองเห็นและจำกัดการใช้งานได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ซึ่งช่วยให้คาดการณ์ต้นทุนของ AI ได้ แม้ว่าการนำ AI Teammate มาใช้จะรวดเร็วและแพร่หลายก็ตาม”

AI Teammates ได้ขยายความสามารถของ AI ที่มีอยู่ของ Asana ออกไป ซึ่งรวมถึง AI Studio โปรแกรมสร้างเวิร์กโฟลว์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI แบบไม่ต้องเขียนโค้ดที่สามารถช่วยจัดการงานประจำที่ทำซ้ำได้ในปริมาณมาก

 อะไรที่ทำให้ AI Teammates มีความแตกต่าง

AI Teammates ถูกสร้างขึ้นเพื่อการทำงานร่วมกันอย่างแท้จริงระหว่างมนุษย์และ AI ผ่านความสามารถที่สำคัญ 3 ประการต่อไปนี้

  •  บริบท: รู้จักธุรกิจของคุณ ไม่ใช่เพียงแค่คำสั่ง
     AI Teammates สามารถให้บริบทที่ครอบคลุมเกี่ยวกับเป้าหมายของทีม เวิร์กโฟลว์ และโครงสร้างองค์กรผ่าน Work Graph® ของ Asana ความจำที่ครอบคลุมทั้งทีมจะช่วยให้สามารถสร้างความรู้เชิงสถาบันและปรับตัวเข้ากับวิธีการทำงานของทีมได้อย่างต่อเนื่อง โดยรักษาบริบทของโครงการและการมีปฏิสัมพันธ์ต่างๆ ไว้ ขณะเดียวกันก็สามารถตัดสินใจอย่างชาญฉลาดที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ทางธุรกิจได้
  •  จุดตรวจสอบ: ความโปร่งใสและความรับผิดชอบในตัว
     ต่างจากเอเจนต์อื่นๆ ที่ทำงานแยกจากเวิร์กโฟลว์ของทีม AI Teammates จะทำงานภายในแพลตฟอร์มการจัดการงานของ Asana ซึ่งรับประกันถึงความโปร่งใสและความรับผิดชอบ เอเจนต์จะแสดงวิธีการทำงานแบบทีละขั้นตอน รับคำติชมจากทีม และทำซ้ำตามข้อมูลที่ได้รับ ผู้ใช้และผู้ดูแลระบบสามารถดูว่า AI Teammates ทำงานอย่างไร มีส่วนร่วมอย่างไร รวมถึงผลลัพธ์ที่ทำได้ เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมทีมที่เป็นมนุษย์ กุญแจสำคัญคือการให้ AI ทำงานในโครงสร้างเดียวกันกับที่คนอื่นๆ ใช้
  •  การควบคุม: การกำกับดูแลทีมเหนือระบบอัตโนมัติที่ไม่ดีพอ
     AI Teammates มีการกำกับดูแลระดับองค์กร ทีมงานสามารถควบคุมการเข้าถึงข้อมูล สิทธิ์การใช้งาน พารามิเตอร์การดำเนินงาน และการใช้เครดิตได้ ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่า AI จะทำงานภายใต้กรอบการทำงานขององค์กร โดยไม่สูญเสียความน่าเชื่อถือหรือสร้างต้นทุนที่คาดเดาไม่ได้

AI เชิงร่วมมือในการดำเนินการ: ผลลัพธ์ที่แท้จริงในทุกฟังก์ชัน

AI Teammates มีความรวดเร็วในการส่งมอบผลลัพธ์และผลกระทบต่อฟังก์ชันที่สำคัญต่อภารกิจสำหรับลูกค้าของ Asana:

  •  การตลาด – AI Teammate สามารถทำหน้าที่เป็นนักวางกลยุทธ์แคมเปญที่ร่างสรุปแคมเปญ ติดตามผลงานที่ส่งมอบ รวมถึงรายงานผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ได้ นอกจากนี้ยังสามารถทำหน้าที่เป็นพันธมิตรด้านความคิดสร้างสรรค์ที่สามารถช่วยเร่งการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ด้วยการร่างเนื้อหา ระดมความคิด และปรับปรุงเนื้อหาให้สอดคล้องกับแนวทางของแบรนด์
  •  IT – AI Teammate สามารถทำหน้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกตั๋วแก้ไขปัญหาด้าน IT ที่สามารถจัดการคำขอรับบริการโดยการจัดหมวดหมู่และกำหนดเส้นทางของตั๋วโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังสามารถแก้ไขปัญหา ระบุรูปแบบและแนวโน้มของปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำ รวมถึงบันทึกวิธีแก้ไขปัญหาไว้ในหน่วยความจำเพื่อให้ฐานข้อมูลองค์ความรู้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
  •  ผลิตภัณฑ์และวิศวกรรม – AI Teammates สามารถทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบข้อผิดพลาดซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวป้องกันด่านแรกในการตีความรายงานข้อผิดพลาด รวบรวมรายงานข้อผิดพลาดที่ซ้ำซ้อน และประเมินถึงระดับความรุนแรง นอกจากนี้ยังสามารถทำหน้าที่เป็นตัวเร่งสปรินต์ของงาน เพื่อติดตามความคืบหน้าของเรื่องราว แจ้งเตือนรายการที่มีความเสี่ยง และสรุปผลลัพธ์ของสปรินต์ของงานได้อีกด้วย
  •  ฝ่ายปฏิบัติการและ PMO – AI Teammate สามารถทำหน้าที่เป็นตัวนำทางการเปิดตัวที่สามารถติดตามการเปิดตัวข้ามฟังก์ชัน ตรวจสอบความสัมพันธ์ และแจ้งเตือนความเสี่ยงต่างๆ ได้ นอกจากนี้ เอเจนต์ยังสามารถทำหน้าที่เป็นนักวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่สามารถรวบรวมข้อมูลโครงการโดยละเอียดลงในรายงานที่กระชับและเหมาะสำหรับผู้นำองค์กร

“สิ่งที่ผมตื่นเต้นที่สุดคือการที่ลูกค้าของเรามองเห็นคุณค่าของ AI Teammates ได้อย่างรวดเร็ว” Rogers กล่าว “ทีมงานจากทุกอุตสาหกรรมกำลังค้นพบวิธีใหม่ๆ ในการมอบหมายงานที่มีความหมาย รวมถึงกรณีการใช้งานต่างๆ ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพวกเขาเห็นถึงศักยภาพที่แท้จริง องค์กรที่เชี่ยวชาญด้านการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI แทนที่จะมุ่งเน้นที่ความเป็นอิสระ องค์กรนี้จะเป็นองค์กรที่ก้าวไปข้างหน้า พวกเขาจะก้าวไปได้เร็วขึ้น บรรลุเป้าหมายที่ท้าทายยิ่งขึ้น และสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่ยากจะเลียนแบบ เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นแพลตฟอร์มที่ทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นไปได้”

บริษัทระดับโลกเลือกความร่วมมือมากกว่าความเป็นอิสระ

“AI Teammates ของ Asana ช่วยให้เราได้ปลดล็อกองค์ความรู้เชิงสถาบันภายในข้อมูลการทำงานของเราได้อย่างปลอดภัย ช่วยสร้างข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ซึ่งช่วยประกอบการตัดสินใจที่สำคัญทางธุรกิจ ในกรณีการใช้งานหนึ่ง สามารถช่วยทำการวิจัยที่ซับซ้อนที่ใช้เวลานานหลายสัปดาห์ได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งช่วยพัฒนาวิธีการทำงานของทีมเรา และสนับสนุนความสามารถของเราในการส่งมอบผลลัพธ์ในวงกว้างได้”

– Laura Kohl, CIO, Morningstar

ความพร้อมใช้งาน

AI Teammates มีให้ใช้งานในเวอร์ชันเบต้าแล้ว และคาดว่าจะพร้อมใช้งานทั่วไปในไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ 2027

เกี่ยวกับ Asana

Asana คือ แพลตฟอร์มการจัดการงานชั้นนำสำหรับการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI ลูกค้ากว่า 170,000 ราย เช่น Accenture, Amazon, Anthropic และ Suzuki ต่างไว้วางใจ Asana ในการจัดวางทีมงานและเร่งสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการจัดการโครงการเชิงกลยุทธ์ โครงการข้ามสายงาน หรือเป้าหมายระดับองค์กรต่างๆ Asana ได้ช่วยให้องค์กรต่างๆ สร้างความชัดเจนให้กับความซับซ้อน เปลี่ยนแผนงานให้เป็นการปฏิบัติจริงด้วย AI ที่ทำงานเคียงข้างทีมในทุกๆ ขั้นตอน หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ www.asana.com

1 TheAgentCompany: การเปรียบเทียบเอเจนต์ LLM ในงานโลกแห่งความเป็นจริงที่สำคัญ, มหาวิทยาลัย Carnegie Mellon, 10 กันยายน 2025

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

การสอบถามข้อมูลสำหรับสื่อ:
Kaylee Hill
press@asana.com

ที่มา: Asana, Inc.

COOCON ยกระดับธุรกิจแพลตฟอร์มการชำระเงินระดับโลก มุ่งสู่โครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงกับ Stablecoin

Logo

พร้อมด้วยโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินภายในประเทศที่เหนือชั้น ซึ่งประกอบด้วยร้านค้าที่รับชำระเงินด้วยรหัส QR ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ 2 ล้านแห่ง, ร้านค้าแฟรนไชส์ขนาดใหญ่ 100,000 แห่ง และเครือข่ายตู้เอทีเอ็ม 40,000 เครื่องทั่วประเทศ

ก้าวสู่แพลตฟอร์มเครือข่ายระดับโลก ด้วยความเชี่ยวชาญกว่า 20 ปีด้านการรวบรวมข้อมูล เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ และโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน

โซล เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–26 กันยายน 2025

COOCON (KOSDAQ 294570) บริษัทแพลตฟอร์มข้อมูลธุรกิจชั้นนำของเกาหลีใต้ ประกาศว่ากำลังเร่งผลักดันธุรกิจแพลตฟอร์มการชำระเงินระดับโลก ด้วยโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินภายในประเทศที่แข็งแกร่ง บริษัทมีเป้าหมายที่จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือผู้ให้บริการชำระเงินข้ามชาติให้สามารถเข้าสู่ตลาดเกาหลีได้

COOCON ขับเคลื่อนธุรกิจโดยยึดกลยุทธ์การสร้างเครือข่ายการชำระเงินระดับโลกยุคใหม่ ครอบคลุมการชำระเงินทั่วโลก การชำระเงินภายในประเทศ และแพลตฟอร์ม Stablecoin ด้วยโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินภายในประเทศที่แข็งแกร่ง ซึ่งประกอบด้วยร้านค้าที่รับชำระเงินด้วยรหัส QR ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ 2 ล้านแห่ง, ร้านค้าแฟรนไชส์ขนาดใหญ่ 100,000 แห่ง และเครือข่ายตู้เอทีเอ็ม 40,000 เครื่องทั่วประเทศ บริษัทช่วยให้ผู้ใช้ในเกาหลีสามารถส่งและรับการชำระเงินข้ามพรมแดนแบบเรียลไทม์ โดยไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนสกุลเงินหรือออกบัตร

COOCON จะขยายการโอนเงินและการสนับสนุนการชำระเงินในเกาหลีให้กับผู้ให้บริการชำระเงินทั่วโลกในช่วงครึ่งหลังของปี โดยเริ่มตั้งแต่การเปิดตัวบริการ UnionPay ในช่วงปลายเดือนกันยายน และบริการ WeChat Pay ในเดือนตุลาคม ผ่านการร่วมมือกับธนาคารกลางอินโดนีเซีย โดยคาดว่าจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติและผู้อยู่อาศัยในเกาหลี ควบคู่ไปกับการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้กับร้านค้าในเกาหลี

เพื่อให้สอดคล้องกับความพยายามนี้ COOCON จึงได้ดำเนินการเชิงรุกเพื่อตอบสนองต่อตลาด Stablecoin ซึ่งสถาบันการเงินทั่วโลกกำลังขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ Stablecoin เชื่อมโยงกับสินทรัพย์อ้างอิงอย่างดอลลาร์สหรัฐ มีความผันผวนน้อยกว่าและอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมข้ามพรมแดน จึงได้รับความนิยมมากขึ้นในฐานะสินทรัพย์ดิจิทัล โดยข้อมูลจาก World Economic Forum (WEF) ระบุว่า ปริมาณธุรกรรม Stablecoin แซงหน้าปริมาณธุรกรรมของ Visa และ Mastercard รวมกัน และอัตราการหมุนเวียนของ Stablecoin ก็เพิ่มขึ้นในอัตรา 28% ต่อปีเช่นกัน

ด้วยโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินที่แข็งแกร่ง COOCON มุ่งมั่นที่จะวางตำแหน่งตัวเองให้เป็นศูนย์กลางระดับโลกด้านนวัตกรรมการชำระเงิน เชื่อมช่องว่างระหว่างสินทรัพย์ดิจิทัลและระบบการชำระเงินแบบเดิม

COOCON จะเข้าร่วมงาน Singapore Fintech Festival ในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อสำรวจความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัทด้านการชำระเงินและ Stablecoin ระดับโลก ซึ่งคาดว่าจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งในตลาดฟินเทคของเอเชีย และตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินและ Stablecoin ระดับโลก

นอกเหนือจากธุรกิจการชำระเงินแล้ว COOCON ยังดำเนินธุรกิจแพลตฟอร์มข้อมูลธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลี ‘COOCON.net’ ซึ่งรวบรวมและเชื่อมโยงข้อมูลจากสถาบันการเงิน ภาครัฐ และภาคค้าปลีกในประเทศประมาณ 500 แห่ง รวมถึงสถาบันการเงิน 2,000 แห่งในกว่า 40 ประเทศ และให้บริการ API มากกว่า 300 รายการ โดยผ่านแพลตฟอร์มนี้ COOCON จะจัดหา API ข้อมูลและการชำระเงินที่จำเป็นให้กับหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งสถาบันการเงิน บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ และบริษัทฟินเทค ซึ่งตอกย้ำสถานะการเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ

Kim Jong-hyun ซีอีโอของ COOCON กล่าวว่า “ความสามารถในการรวบรวมและเชื่อมต่อข้อมูลของ COOCON ซึ่งสั่งสมมาตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงิน ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบริษัทชำระเงินระดับโลกที่ต้องการเข้าสู่ตลาดเกาหลี เรากำลังพัฒนาจากผู้ให้บริการชำระเงินไปสู่การเป็นแพลตฟอร์มเครือข่ายที่เชื่อมโยงระบบนิเวศฟินเทคระดับโลก ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่แตกต่างของเรา เราจะยังคงขับเคลื่อนนวัตกรรมการชำระเงินระดับโลกต่อไป และยังคงมุ่งมั่นที่จะมอบบริการที่ดียิ่งขึ้น”

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Webcash สำหรับ COOCON
Do-Yeol Kim
+82-2-3774-4743
dykim@webcash.co.kr
 
Ha-Young Gong
+82-2-3774-4756
hazero@webcash.co.kr
 
Min-Ji Kang
+82-2-3774-4755
kmj9845@webcash.co.kr
 
Min-Ju Lee
+82-2-3779-9103
lmj0326@webcash.co.kr

ที่มา: COOCON

Toshiba เปิดตัว MOSFET กำลังไฟฟ้า N-Channel 100V พร้อมเทคโนโลยีกระบวนการผลิตรุ่นล่าสุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในแหล่งจ่ายไฟแบบสวิตชิ่งโหมดสำหรับอุปกรณ์อุตสาหกรรม

Logo

คาวาซากิ, ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–25 กันยายน 2025

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“Toshiba”) ได้เปิดตัว “TPH2R70AR5” ซึ่งเป็น MOSFET กำลังไฟ 100V N-channel ที่ผลิตด้วย U-MOS11-H ซึ่งเป็นกระบวนการผลิตรุ่นล่าสุดของ Toshiba[1] โดย MOSFET ได้รับการออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย เช่น แหล่งจ่ายไฟแบบสวิตชิ่งโหมดสำหรับอุปกรณ์อุตสาหกรรมที่ใช้ในศูนย์ข้อมูลและสถานีฐานการสื่อสาร ซึ่งเริ่มจัดส่งได้แล้ววันนี้

Toshiba: TPH2R70AR5, a 100V N-channel power MOSFET with the latest generation process technology.

Toshiba: TPH2R70AR5, MOSFET กำลังไฟฟ้า N-channel 100V พร้อมเทคโนโลยีกระบวนการผลิตรุ่นล่าสุด

ซีรีส์ 100V U-MOS11-H ได้ปรับปรุงความต้านทานในการเปิดเดรน-ซอร์ส (RDS(ON)) ประจุเกตรวม (Qg) และการแลกเปลี่ยนระหว่างประจุทั้งสอง (RDS(ON) × Qg) ที่ได้รับจากกระบวนการผลิตที่มีอยู่ของ Toshiba โดยซีรีส์ U-MOSX-H จะช่วยลดการสูญเสียพลังงานทั้งจากการนำไฟฟ้าและการสวิตชิ่งไฟฟ้า

TPH2R70AR5 ให้ค่า RDS(ON) ต่ำกว่าประมาณ 8% และ Qg ต่ำกว่า 37% เมื่อเทียบกับ TPH3R10AQM ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ซีรีส์ U-MOSX-H รวมถึงการปรับปรุงค่า RDS(ON) × Qg ขึ้น 42% นอกจากนี้ยังมีประสิทธิภาพไดโอดแบบบอดี้ความเร็วสูงผ่านการใช้เทคโนโลยีการควบคุมตลอดอายุการใช้งาน[2] ซึ่งช่วยลดประจุไฟฟ้ากู้คืนแบบย้อนกลับ (Qrr) และลดแรงดันไฟฟ้าสไปค์ ค่า Qrr ได้รับการปรับปรุงประมาณ 38% และค่า RDS(ON) × Qrr ก็ได้รับการปรับปรุงประมาณ 43% เช่นกัน[3] คุณสมบัติการแลกเปลี่ยนที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม[4] ทั้ง RDS(ON) × Qg และ RDS(ON) × Qrr จะช่วยลดการสูญเสียพลังงาน และทำให้มีประสิทธิภาพและความหนาแน่นของพลังงานที่สูงขึ้นในระบบจ่ายไฟ นอกจากนี้ยังใช้แพ็กเกจ SOP Advance (N) และให้ความเข้ากันได้ดีเยี่ยมกับการติดตั้งตามมาตรฐานอุตสาหกรรม

Toshiba ยังมีเครื่องมือสนับสนุนการออกแบบวงจร ได้แก่ รุ่น G0 SPICE ซึ่งตรวจสอบการทำงานของวงจรได้ภายในระยะเวลาอันสั้น และรุ่น G2 SPICE ที่มีความแม่นยำสูงซึ่งจำลองลักษณะชั่วคราวได้อย่างแม่นยำ ขณะนี้มีวางจำหน่ายแล้วทั้งหมด

Toshiba จะยังคงขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ MOSFET ที่มีการสูญเสียต่ำ ซึ่งช่วยให้แหล่งจ่ายไฟมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยลดการใช้พลังงานของอุปกรณ์

 หมายเหตุ:
 [1] ณ เดือนกันยายน 2025 ในบรรดาเทคโนโลยีกระบวนการผลิตของ Toshiba สำหรับ MOSFET กำลังไฟฟ้าแรงดันต่ำ จากข้อมูลผลสำรวจของ Toshiba
 [2] เทคโนโลยีการควบคุมตลอดอายุการใช้งาน: การลดอายุการใช้งานของพาหะโดยเจตนาโดยใช้ลำแสงไอออนเพื่อนำข้อบกพร่องเข้าสู่สารกึ่งตัวนำ ช่วยเพิ่มความเร็วในการสลับ ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการกู้คืนของไดโอดและลดสัญญาณรบกวน
 [3] ณ เดือนกันยายน 2025 การเปรียบเทียบกับมอสเฟตกำลังไฟฟ้า 100V N-channel อื่นๆ สำหรับอุปกรณ์อุตสาหกรรม จากข้อมูลผลสำรวจของ Toshiba
 [4] RDS(ON) ×Qg : 120mΩ・nC (ทั่วไป), RDS(ON) ・Qrr : 127mΩ×nC (ทั่วไป)

 การใช้งาน

  • แหล่งจ่ายไฟสำหรับอุปกรณ์อุตสาหกรรมที่ใช้ในศูนย์ข้อมูลและสถานีฐานการสื่อสาร
  • แหล่งจ่ายไฟแบบสวิตช์โหมด (ตัวแปลง DC-DC ประสิทธิภาพสูง ฯลฯ)

 คุณสมบัติ

  •  ความต้านทานต่อกระแสไฟเข้าที่ต่ำ: RDS(ON) =2.7mΩ (สูงสุด) (VGS =10V, ID =50A, Ta =25°C)
  •  ประจุเกตรวมต่ำ:: Qg =52nC (ทั่วไป) (VDD =50V, VGS =10V, ID =50A, Ta =25°C)
  •  ประจุกู้คืนย้อนกลับต่ำ: Qrr =55nC (ทั่วไป) (IDR =50A, VGS =0V, -dIDR /dt=100A/μs, Ta =25°C)

 ข้อมูลจำเพาะหลัก

 เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น, Ta =25°C)

หมายเลขชิ้นส่วน

 TPH2R70AR5

พิกัด
สูงสุด
จริง

แรงดันไฟฟ้าเดรน-ซอร์ส VDSS (V)

100

กระแสไฟฟ้าเดรน (DC) ID (A)

 Tc =25°C

190

 อุณหภูมิช่องสัญญาณ Tch (°C)

175

ลักษณะ
ทางไฟฟ้า

 ความต้านทาน
 ต่อกระแสไหลย้อน
 RDS(ON) (mΩ)

 VGS =10V, ID =50A

สูงสุด

2.7

 VGS =8V, ID =50A

สูงสุด

3.6

ประจุเกตรวม
 Qg (nC)

 VDD =50V, VGS =10V,
 ID =50A

ทั่วไป

52

 ประจุ
 สวิตช์เกต Qsw (nC)

ทั่วไป

17

 ประจุไฟฟ้าเอาต์พุต Q oss
 (nC)

 VDD =50V, VGS =0V,
 f=1MHz

ทั่วไป

106

 ความจุอินพุต
 Ciss (pF)

 VDS =50V, VGS =0V,
 f=1MHz

ทั่วไป

4105

 ประจุไฟฟ้า
 แบบกู้คืนย้อนกลับ Qrr (nC)

 IDR =50A, VGS =0V,

 -dIDR /dt=100A/μs

ทั่วไป

55

แพ็กเกจ

ชื่อ

SOP Advance(N)

ขนาด (มม.)

ทั่วไป

5.15×6.1

การตรวจสอบตัวอย่างและความพร้อมใช้งาน

 ซื้อออนไลน์

ติดตามลิงก์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่
TPH2R70AR5

ติดตามลิงก์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MOSFET ของ Toshiba
MOSFET

ติดตามลิงก์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโมเดล SPICE ที่มีความแม่นยำสูง (โมเดล G2)
โมเดล G2

ตรวจสอบความพร้อมจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตัวแทนจำหน่ายออนไลน์ได้ที่:
TPH2R70AR5
ซื้อออนไลน์

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น
* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลติดต่อ เป็นข้อมูลปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และการจัดเก็บข้อมูลขั้นสูง ใช้ประสบการณ์และนวัตกรรมมากกว่าครึ่งศตวรรษเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์แบบแยกส่วน ระบบ LSI และผลิตภัณฑ์ HDD ที่โดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ

โดยมีพนักงานกว่า 19,400 คนทั่วโลกที่มีความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงสุด และส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในการสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ๆ ร่วมกัน บริษัทมุ่งหวังที่จะสร้างและมีส่วนสนับสนุนเพื่ออนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้คนโดยทั่วไป

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html  

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย 

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250924029500/en 

Contacts

การสอบถามจากลูกค้า:
ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์กำลังและสัญญาณขนาดเล็ก
โทร.: +81-44-548-2216
ติดต่อเรา

การสอบถามจากสื่อ:
C. Nagasawa
ฝ่ายสื่อสารและข่าวกรองการตลาด
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

ที่มา: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

HARMAN เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการ Sound United เพื่อขยายความเป็นผู้นำด้านเสียงระดับพรีเมียม

Logo

การผสานกลยุทธ์ของแบรนด์เครื่องเสียงที่ได้รับรางวัลของ Sound United ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ HARMAN และขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจ

สแตมฟอร์ด คอนเนตทิคัต–(BUSINESS WIRE)–23 กันยายน 2025

HARMAN International (“HARMAN”) บริษัทในเครือของ Samsung Electronics Co., Ltd. ซึ่งมุ่งเน้นเทคโนโลยีเชื่อมต่อสำหรับตลาดยานยนต์ ผู้บริโภค และองค์กร ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการ Sound United ซึ่งเดิมเป็นธุรกิจเครื่องเสียงสำหรับผู้บริโภคของ Masimo Corporation (NASDAQ: MASI) โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงอันโดดเด่นของ Sound United ประกอบด้วย Bowers & Wilkins, Denon, Marantz, Definitive Technology, Polk Audio, HEOS, Classé และ Boston Acoustics

This acquisition brings together Sound United’s respected roster of premium audio brands and Harman’s iconic audio portfolio.

การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้เป็นการรวบรวมแบรนด์เครื่องเสียงระดับพรีเมียมที่ได้รับการยอมรับของ Sound United และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของ Harman ไว้ด้วยกัน

ความสำเร็จเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้ถือเป็นการขยายธุรกิจหลักด้านเครื่องเสียงของ HARMAN อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งครอบคลุมผลิตภัณฑ์หลักๆ มากมาย อาทิ เครื่องเสียงภายในบ้าน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (เครื่องขยายเสียง อุปกรณ์ไฮไฟ และ AVR) หูฟัง และเครื่องเสียงรถยนต์ การผสมผสานพอร์ตโฟลิโออันโดดเด่นของ Sound United เข้ากับธุรกิจเครื่องเสียงที่มีชื่อเสียงระดับโลก ช่วยให้ HARMAN สามารถนำเสนอพอร์ตโฟลิโอเครื่องเสียงที่ครอบคลุมที่สุดแห่งหนึ่งในอุตสาหกรรม ส่งผลให้ HARMAN สามารถเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค พัฒนานวัตกรรมที่ล้ำสมัยยิ่งขึ้น และมอบประสบการณ์การฟังที่ยอดเยี่ยมในทุกสภาพแวดล้อม

“วิสัยทัศน์ของ HARMAN คือการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ยกระดับชีวิตของผู้คนด้วยประสบการณ์เสียงที่ยอดเยี่ยม” กล่าวโดย Dave Rogers ประธานแผนกไลฟ์สไตล์ของ HARMAN “แบรนด์ที่น่าประทับใจของ Sound United ฝังรากลึกอยู่ในความหลงใหลในเสียง นวัตกรรม และความมุ่งมั่นในคุณภาพที่สอดคล้องกับค่านิยมของ HARMAN การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยปลดล็อกโอกาสการเติบโตที่สำคัญสำหรับทุกคน อีกทั้งยังเป็นการตอกย้ำกลยุทธ์ของ HARMAN ในการสร้างความสำเร็จอันเหนือชั้นและขยายธุรกิจสู่ระดับสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในฐานะผู้นำทางด้านเสียง”

Sound United จะดำเนินงานในฐานะหน่วยธุรกิจเชิงกลยุทธ์ (SBU) แบบสแตนด์อโลนภายใต้แผนกไลฟ์สไตล์ของ HARMAN โครงสร้างนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่ามรดก ความเชี่ยวชาญ และฐานลูกค้าประจำของแต่ละแบรนด์จะยังคงเป็นหัวใจสำคัญของเอกลักษณ์ของแบรนด์ ด้วยการสนับสนุนจากทรัพยากรและขนาดธุรกิจทั่วโลกของ HARMAN แบรนด์ต่างๆ ของ Sound United จะเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้นด้วยศักยภาพที่เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังคงบรรลุเป้าหมายเฉพาะและประสบความสำเร็จในตลาดได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

ทั้งแบรนด์ ความเชี่ยวชาญ และผู้มีความสามารถที่เพิ่มเข้ามาใหม่จาก Sound United จะช่วยเร่งความก้าวหน้าของ HARMAN ในด้านเทคโนโลยีเสียง ขยายการมีอยู่ของตลาด และเสริมสร้างตำแหน่งของบริษัทในฐานะผู้นำระดับโลกที่ได้รับความไว้วางใจในจุดที่บรรจบกันระหว่างเสียง วัฒนธรรม และเทคโนโลยี

รับชมวิดีโอสัมภาษณ์ Dave Rogers ได้ที่นี่: https://youtu.be/2UDhf-9qYSI

รับชม B-roll ได้ที่นี่: https://youtu.be/2UuKM0Nrjtk

เกี่ยวกับ HARMAN
HARMAN (harman.com) ออกแบบและวิศวกรรมผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่เชื่อมต่อสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ ผู้บริโภค และองค์กรธุรกิจทั่วโลก ครอบคลุมระบบรถยนต์เชื่อมต่อ ผลิตภัณฑ์ภาพและเสียง โซลูชันระบบอัตโนมัติสำหรับองค์กร และบริการที่รองรับอินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (IoT) ด้วยแบรนด์ชั้นนำมากมาย อาทิ AKG®, Harman Kardon®, Infinity®, JBL®, Lexicon®, Mark Levinson® และ Revel® HARMAN เป็นที่ชื่นชมของนักเล่นเครื่องเสียง นักดนตรี และสถานที่บันเทิงที่พวกเขาแสดงดนตรีทั่วโลก ปัจจุบันรถยนต์กว่า 50 ล้านคันบนท้องถนนติดตั้งระบบเสียงและระบบเชื่อมต่อในรถยนต์ของ HARMAN บริการซอฟต์แวร์ของเราขับเคลื่อนอุปกรณ์และระบบมือถือหลายพันล้านเครื่องที่เชื่อมต่อ ผสานรวม และปลอดภัยครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม ตั้งแต่ที่ทำงานและที่บ้าน ไปจนถึงรถยนต์และโทรศัพท์มือถือ HARMAN มีพนักงานประมาณ 30,000 คนทั่วอเมริกา ยุโรป และเอเชีย ในเดือนมีนาคม 2017 HARMAN ได้กลายมาเป็นบริษัทในเครือของ Samsung Electronics Co., Ltd.

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250923135384/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
Carole Campbell
ผู้อำนวยการบริหารด้านสื่อสารองค์กรระดับโลก แผนกไลฟ์สไตล์
HARMAN
lifestyle.communications@harman.com

ที่มา: HARMAN International

TII ของอาบูดาบีและ NVIDIA เปิดตัวห้องปฏิบัติการวิจัย NVAITC ‘AI & หุ่นยนต์’ ร่วมกันแห่งแรกในตะวันออกกลาง

Logo

การวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์และหุ่นยนต์มนุษย์ล้ำสมัยด้วยการผสานรวมกับ AI รุ่นถัดไป

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–22 กันยายน 2025

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยี (TII) ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยประยุกต์ของสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (ATRC) ของอาบูดาบี ได้ร่วมมือกับ NVIDIA ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านการประมวลผลแบบเร่งความเร็วและ AI ในการเปิดตัวห้องปฏิบัติการร่วมแห่งแรกของตะวันออกกลางที่มุ่งเน้นในด้านปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ โดยความร่วมมืออันเป็นสัญลักษณ์นี้เป็นศูนย์กลางแห่งแรกของภูมิภาคสำหรับการพัฒนาโมเดล AI ในรุ่นถัดไป แพลตฟอร์มหุ่นยนต์ รวมถึงเทคโนโลยีหุ่นยนต์มนุษย์ที่จะเป็นตัวเร่งในการสร้างนวัตกรรมในทุกๆ อุตสาหกรรม

Abu Dhabi’s TII and NVIDIA Launch Middle East’s First Joint ‘AI & Robotics’ NVAITC Research Lab (Photo: AETOSWire)

TII ของอาบูดาบีและ NVIDIA เปิดตัวห้องปฏิบัติการวิจัย NVAITC 'AI & Robotics' แห่งแรกในตะวันออกกลาง (ภาพ: AETOSWire)

การประกาศเปิดตัวของห้องปฏิบัติการร่วม TII-NVAITC (ศูนย์เทคโนโลยี AI ของ NVIDIA) ด้าน AI และหุ่นยนต์ ได้จัดขึ้นในพิธีลงนาม ณ สำนักงานใหญ่ของ TII ในกรุงอาบูดาบี โดยมีผู้นำระดับสูงจากทั้งสององค์กรเข้าร่วม ข้อตกลงนี้ลงนามโดย ดร. Najwa Aaraj ซีอีโอของ TII และ Marc Domenech ผู้อำนวยการประจำภูมิภาค Enterprise – META ของ NVIDIA โดยมี ฯพณฯ Shahab Abu Shahab ผู้อำนวยการใหญ่ของ ATRC, ฯพณฯ Abdulaziz Al Dosari, ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายบริการสนับสนุนของ ATRC, John Josephakis รองประธานฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจระดับโลกสำหรับ HPC/ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ NVIDIA และ Simon See หัวหน้าศูนย์เทคโนโลยี AI ของ NVIDIA ทั่วโลก มาร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการเดินทางสู่ยุค AI และหุ่นยนต์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ความร่วมมือในครั้งนี้ทำให้อาบูดาบีกลายเป็นผู้นำด้านการประยุกต์ใช้ AI ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ระยะยาวของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในการพัฒนาอธิปไตยทางเทคโนโลยีและกำหนดอนาคตของระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ นอกจากนี้ยังช่วยเน้นย้ำถึงบทบาทที่กำลังเติบโตของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในฐานะผู้นำด้าน AI และหุ่นยนต์ระดับโลก ซึ่งสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนในเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยความร่วมมือเร่งรัดด้าน AI ระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นั้นได้รวมถึงการวางตำแหน่งประเทศให้เป็นผู้มีส่วนในการสนับสนุนหลักต่อระบบนิเวศหุ่นยนต์ระดับโลกในช่วงเวลาที่ความสามารถของ AI กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว

“ความร่วมมือกับ NVIDIA ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างระบบหุ่นยนต์ที่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาด้วย AI ซึ่งสามารถคิดเหตุผล ปรับตัว และดำเนินการในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนได้” กล่าวโดย ดร. Najwa Aaraj, CEO ของ TII “การผสมผสานแพลตฟอร์มหุ่นยนต์ขั้นสูงของเรากับโมเดล AI และการประมวลผลอันทรงพลังนั้น ช่วยให้เราเร่งการบรรจบกันของการรับรู้ การควบคุม และภาษาได้ ซึ่งจะเป็นการวางรากฐานสำหรับยุคใหม่ของเครื่องจักรอัจฉริยะ”

ห้องปฏิบัติการร่วม TII-NVAITC จะบูรณาการแพลตฟอร์มและความเชี่ยวชาญด้านการประมวลผลแบบเร่งความเร็วของ NVIDIA เข้ากับการวิจัยสหสาขาวิชาของ TII ในด้าน AI หุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติ และการประมวลผลประสิทธิภาพสูง โดยถือเป็นห้องปฏิบัติการ NVAITC แห่งแรกที่ก่อตั้งขึ้นในตะวันออกกลาง ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของภูมิภาคนี้ ทั้งสององค์กรจะร่วมกันเร่งพัฒนาระบบอัจฉริยะที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้จริง โดยจะพัฒนาสาขาปัญญาประดิษฐ์ทางกายภาพผ่านโมเดล AI, หุ่นยนต์และสแต็กหุ่นยนต์มนุษย์ที่ทันสมัย และฮาร์ดแวร์ที่ออกแบบมาสำหรับระบบหุ่นยนต์แบบเรียลไทม์ โดยการวิจัยจะครอบคลุมการเรียนรู้และการควบคุมหุ่นยนต์ในระดับขนาดใหญ่ รวมถึงการพัฒนาและบูรณาการโมเดลภาษาขนาดใหญ่ ซึ่งรวมถึงโมเดล AI ในตระกูล Falcon ของ TII ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือโมเดล AI รุ่นแรกและใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง

“การเปิดตัว TII-NVAITC สำหรับ AI และหุ่นยนต์ถือเป็นบทใหม่ในเครือข่าย NVAITC ทั่วโลกของเรา การทำงานร่วมกับ TII ในอาบูดาบี ช่วยให้เราสามารถขยายขอบเขตของศูนย์เหล่านี้ไปสู่ด้านหุ่นยนต์เป็นครั้งแรกในตะวันออกกลาง ซึ่งจะช่วยให้นักวิจัยและนักประดิษฐ์เร่งการพัฒนานวัตกรรมที่จะกำหนดอนาคตของระบบอัจฉริยะได้” กล่าวโดย Carlo Ruiz รองประธานฝ่ายโซลูชันองค์กรและการดำเนินงาน EMEA ที่ NVIDIA

ห้องปฏิบัติการใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่ครอบคลุมยิ่งขึ้นของ TII ในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ประยุกต์ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อโลกแห่งความเป็นจริง หัวใจสำคัญของห้องปฏิบัติการนี้คือความมุ่งมั่นในการสร้างนวัตกรรมแบบเปิด รวมถึงการแลกเปลี่ยนความรู้ระดับโลก โดย TII และ NVIDIA ร่วมมือกันในด้านการวิจัย โครงการโอเพนซอร์ส และการเรียนรู้ข้ามเครือข่ายผ่านชุมชน NVAITC ทั่วโลก ห้องปฏิบัติการนี้ยังช่วยต่อยอดจากแพลตฟอร์มหุ่นยนต์แบบแยกส่วนที่มีอยู่เดิมของ TII รวมถึงส่วนประกอบต่างๆ ที่ผ่านการทดสอบภาคสนามแล้ว ซึ่งรวมถึงแขนหุ่นยนต์และสุนัขส่งของ เป็นต้น โดยจะให้ความสำคัญกับการวิจัยที่มุ่งเน้นทั้งในด้านของความเป็นเลิศทางเทคนิคและความพร้อมในการใช้งานจริง

ที่มา: AETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/20250922672333/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Jinan Warrayat,
+971504713552, jinan.warrayat@tii.ae
tii@edelman.com

ที่มา: Technology Innovation Institute

SG Entertech เปิดตัว ‘Snack VR’ แพลตฟอร์ม VR ขนาดเล็กสุดล้ำสำหรับ Android พร้อมขยายธุรกิจสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Logo

การผสมผสานระหว่างเนื้อหาเกม VR การท่องเที่ยว และการศึกษา ช่วยเปิดโอกาสในการเป็นพันธมิตรระหว่างธุรกิจแบบ B2G และแบบ B2B

โซล ประเทศเกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–16 กันยายน 2025

SG Entertech Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้าน VR ของเกาหลีใต้ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2019 ได้ประกาศเปิดตัว Snack VR อย่างเป็นทางการทั่วโลก ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม VR ขนาดเล็กสุดล้ำสำหรับตลาดต่างประเทศ

Snack VR is an innovative VR mini-platform that operates in just 5㎡ of space, presenting a new business model expandable across tourism, education, and cultural sectors (Photo: SG Entertech Co., Ltd.)

Snack VR คือแพลตฟอร์ม VR ขนาดเล็กสุดล้ำที่สามารถทำงานในพื้นที่เพียง 5 ตร.ม. โดยมีการนำเสนอรูปแบบธุรกิจใหม่ที่สามารถขยายได้ที่ครอบคลุมทั้งภาคการท่องเที่ยว การศึกษา และวัฒนธรรม (ภาพ: SG Entertech Co., Ltd.)

การเปิดตัวครั้งล่าสุดนี้ได้ก้าวข้ามผ่านข้อจำกัดของอุตสาหกรรมอาร์เคด VR แบบดั้งเดิมด้วยแพลตฟอร์ม VR ที่ไม่ต้องใช้คนที่ต้องการพื้นที่เพียง 5 ตร.ม. โดยมีการนำเสนอรูปแบบธุรกิจใหม่สำหรับภาคการท่องเที่ยว การศึกษา และวัฒนธรรม

ฟีเจอร์หลักและข้อดีต่างๆ

  •  ประสิทธิภาพในด้านพื้นที่ด้วยขนาดกะทัดรัดพิเศษ : สามารถติดตั้งและใช้งานได้ภายในพื้นที่เพียง 5 ตร.ม.
  •  ลดต้นทุนในการดำเนินงาน : ประหยัดต้นทุน 70% ด้วยระบบอัตโนมัติ
  •  ระบบการชำระเงินแบบไร้คน : การดำเนินการกึ่งอัตโนมัติผ่านบัตรเครดิตหรือการชำระเงินผ่านมือถือ
  •  รองรับผู้เล่นหลายคน : ประสบการณ์ VR พร้อมกันสำหรับผู้ใช้สูงสุด 2 คน
  •  ใช้งานได้หลากหลายวัตถุประสงค์ : เหมาะสำหรับสถานที่ท่องเที่ยว พิพิธภัณฑ์ ห้างสรรพสินค้า สถาบันการศึกษา และร้านค้าปลีก
  •  การอัปเดตเนื้อหา : การให้บริการเนื้อหาเกมและประสบการณ์อย่างต่อเนื่องผ่านพันธมิตรต่างๆ

รายชื่อเนื้อหา VR ที่โดดเด่น

  •  การต่อสู้ด้วยปืน : เกมยิงปืนแบบ 1 ต่อ 1
  •  เคาน์เตอร์แอ็ทแท็ค : เกมยิงป้องกันแห่งอนาคต
  •  โชคชะตาที่ไร้ขอบเขต : เกม RPG แนวแฟนตาซีแอ็คชันที่เน้นกลยุทธ์
  •  กล่องจดหมายโปสการ์ด VR : ประสบการณ์ที่เน้นการท่องเที่ยวเพื่อการส่งเสริมจุดหมายปลายทาง
  •  ประสบการณ์ศิลปะ VR เกี่ยวกับการวาดภาพ : โครงการการศึกษาที่เชื่อมโยงกับศิลปินเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

PyoKook Sun ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ SG Entertech กล่าวว่า “Snack VR ไม่ใช่แค่อุปกรณ์เล่นเกม VR ธรรมดาๆ แต่เป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การศึกษา และวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน เรามุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดความบันเทิงดิจิทัลระดับภูมิภาค ด้วยการนำเสนอโซลูชัน VR ที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูง ร่วมกับผู้เล่นในท้องถิ่นทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

กลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ปัจจุบัน SG Entertech กำลังอยู่ระหว่างการปรึกษาหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกับคณะกรรมการการท่องเที่ยว สำนักงานการศึกษา ห้างสรรพสินค้า เครือโรงแรม และพิพิธภัณฑ์ในประเทศต่างๆ ในเอเชียใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผ่านรูปแบบการออกใบอนุญาตและเอเจนซี่ โดยบริษัทจะช่วยให้ธุรกิจและสถาบันในท้องถิ่นสามารถมีส่วนร่วมในโครงการ VR ได้อย่างง่ายดาย

บริษัทเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนรายย่อยได้เข้าสู่อุตสาหกรรม VR ด้วยค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ต่ำ ขณะเดียวกันก็มอบโอกาสในการร่วมมือแบบ B2G แก่สถาบันภาครัฐในภาคการท่องเที่ยวและการศึกษาเพื่อคว้าโอกาสจากโครงการที่นำโดยรัฐบาล นอกจากนี้ บริษัทยังช่วยเหลือแบรนด์และผู้ค้าปลีกระดับโลกต่างๆ ในการพัฒนากลยุทธ์ด้านการตลาดเชิงประสบการณ์ผ่านการขยายธุรกิจแบบ B2B อีกด้วย

เกี่ยวกับ SG Entertech

SG Entertech มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ศูนย์สนับสนุนการเติบโตขององค์กร XR ในเขตมาโป กรุงโซล โดยมีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโซลูชัน VR แบบผสานรวมสำหรับการท่องเที่ยว การศึกษา วัฒนธรรม และความบันเทิง โดยมีการคาดการณ์ว่า SG Entertech จะเป็นผู้เล่นหลักในการขับเคลื่อนการนำ VR มาใช้ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250915132571/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

SG Entertech Co., Ltd.
Josh Pyo, CEO
kodk@sgentertec.co.kr

ที่มา: SG Entertech Co., Ltd.

Parking Guidance Systems ประกาศควบรวมกิจการระดับโลกกับ INDECT และ ParkZen

Logo

ฮูสตัน–(BUSINESS WIRE)–11 กันยายน 2025

Parking Guidance Systems, LLC (PGS) ผู้นำด้านเทคโนโลยีระบบจอดรถเฉพาะทางในสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศควบรวมกิจการเชิงกลยุทธ์กับ INDECT Electronics & Distribution GmbH (INDECT) และ ParkZen โดยในฐานะบริษัทผู้นำในการควบรวมกิจการ ทาง PGS กำลังขยายธุรกิจออกไปนอกสหรัฐอเมริกาเพื่อนำเสนอโซลูชันระบบจอดรถที่ครอบคลุมในระดับสากล ซึ่งธุรกิจที่ควบรวมกิจการนี้จะผสานรวมฮาร์ดแวร์ระดับโลกของ INDECT กับซอฟต์แวร์ที่มีความคล่องตัวสูงของ ParkZen รวมถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่พิสูจน์แล้วของ PGS ในการดำเนินงานขนาดใหญ่ ทำให้เกิดบริษัทเทคโนโลยีระบบจอดรถที่ครบวงจรที่สุดในอุตสาหกรรม

นับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อ 12 ปีที่แล้ว PGS ได้สร้างชื่อเสียงในด้านบริการที่เป็นเลิศ นวัตกรรมที่ล้ำสมัย และการมุ่งเน้นถึงความพึงพอใจของลูกค้า โดย PGS ได้ติดตั้งระบบนำทางการจอดรถที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา และมีชื่อเสียงในด้านการออกแบบ การติดตั้ง และการบริการสนับสนุนที่มีประสิทธิภาพ โดยหัวใจสำคัญในการบริการของ PGS คือโซลูชันนำทางการจอดรถของ INDECT โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเซนเซอร์เสียงและเซนเซอร์ออปติคัล เทคโนโลยีเซนเซอร์จอดรถของ INDECT ถือเป็นมาตรฐานปัจจุบันในด้านนวัตกรรมและด้านความแม่นยำของอุตสาหกรรม โดยเซนเซอร์ขนาดเล็กอัลตราโซนิกของ INDECT นั้นเป็นเซนเซอร์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในการส่งมอบความแม่นยำสำหรับการตรวจจับพื้นที่เพียงพื้นที่เดียว ขณะที่เซนเซอร์กล้อง Upsolut นั้นจะผสานรวมกับการตรวจสอบพื้นที่ในหลายๆ พื้นที่ที่สามารถเชื่อถือได้ รวมถึงการจับภาพวิดีโอสตรีม และการจดจำป้ายทะเบียน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และการวิเคราะห์อัตราการครอบครองที่จอดรถ โดย PGS เป็นพันธมิตรช่องทางการจัดจำหน่ายรายใหญ่ที่สุดของ INDECT ในสหรัฐอเมริกานับตั้งแต่ PGS เริ่มก่อตั้ง การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้บริษัทที่ควบรวมกันสามารถปรับปรุงห่วงโซ่อุปทาน เร่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และสร้างความร่วมมือทั่วโลก ซึ่งสะท้อนถึงความร่วมมือระหว่าง PGS และ INDECT ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในสหรัฐอเมริกา

โซลูชัน PGS ยังได้รับการยกระดับจากการเข้าซื้อกิจการ ParkZen ที่เป็นบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบอัจฉริยะสำหรับที่จอดรถ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองแบตันรูช รัฐลุยเซียนา โดยแอปพลิเคชันสมาร์ทโฟนอันล้ำสมัยของ ParkZen นั้นใช้ประโยชน์จากการระดมทุนจากมวลชนและอัลกอริทึมที่เป็นกรรมสิทธิ์ เพื่อส่งมอบข้อมูลแบบเรียลไทม์และซอฟต์แวร์ระบบอัจฉริยะสำหรับที่จอดรถที่ช่วยให้ผู้ประกอบการที่จอดรถสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นสำหรับการดำเนินงาน และมอบความพร้อมใช้งานแบบเรียลไทม์ให้กับผู้จอดรถไม่ว่าจะมีหรือไม่มีฮาร์ดแวร์ก็ตาม แพลตฟอร์มนี้ยังปรับปรุงกระบวนการชำระเงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีเครื่องมือจัดการการอนุญาตขั้นสูงสำหรับเจ้าของและผู้ถือใบอนุญาต ทำให้เกิดข้อเสนอที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ก่อนการเข้าซื้อกิจการ PGS ได้ร่วมมือกับ ParkZen ในหลายๆ โครงการในสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมถึงแอปพลิเคชันนำทางสำหรับผู้ใช้และซอฟต์แวร์การจัดการลานจอดรถด้วย

การเข้าซื้อกิจการเหล่านี้ถือเป็นการบูรณาการในแนวตั้งอันทรงคุณค่าของ PGS และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของบริษัทในการนำเสนอโซลูชันที่จอดรถที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมในหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึงสนามบิน โครงการพัฒนาแบบผสมผสาน มหาวิทยาลัย วิทยาเขตขององค์กร สถานพยาบาล และจุดหมายปลายทางอื่นๆ ที่มีการจราจรหนาแน่นที่ต้องอาศัยป้ายบอกทางและการค้นหาเส้นทาง

“ด้วยการควบรวมกิจการครั้งนี้ เราขอให้ผู้ประกอบการทั่วโลกพิจารณาทบทวนสิ่งที่ระบบจอดรถของพวกเขาสามารถทำได้” กล่าวโดย Derek Frantz ซีอีโอของ PGS “PGS กำลังเป็นผู้นำในการกำหนดนิยามใหม่ของที่จอดรถในฐานะแหล่งสร้างรายได้ แทนที่จะเป็นศูนย์ต้นทุน ด้วยการนำฮาร์ดแวร์ที่แม่นยำของ INDECT, ซอฟต์แวร์อัจฉริยะของ ParkZen และผลงานที่ผ่านการพิสูจน์แล้วของ PGS ในการนำเสนอโซลูชันที่จอดรถที่ซับซ้อน เราจึงสามารถนำเสนอระบบที่ผสานรวมและแข็งแกร่ง ซึ่งปรับให้เหมาะกับความต้องการของผู้ประกอบการทั่วโลกได้ โดยช่วยให้พวกเขาสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้สูงสุด ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน และปลดล็อกมูลค่าทางการเงินใหม่ๆ จากสินทรัพย์ที่จอดรถของพวกเขาเอง”

ปัจจุบัน PGS มีศักยภาพในการเพิ่มรายได้ ความปลอดภัย และความสะดวกสบายในอุตสาหกรรมที่จอดรถได้มากกว่าที่เคย โดยมี INDECT และ ParkZen เป็นส่วนสำคัญในการดำเนินงาน

เกี่ยวกับ Parking Guidance Systems, Inc.

Parking Guidance Systems (PGS) นำเสนอโซลูชันเทคโนโลยีโรงจอดรถขั้นสูง ที่สร้างขึ้นจากผลงานที่พิสูจน์แล้วจากการใช้งานจริงในวงกว้างที่ประสบความสำเร็จ ตั้งแต่ปี 2013 ทาง PGS ได้ร่วมมือกับสนามบิน ระบบการดูแลสุขภาพ มหาวิทยาลัย วิทยาเขตของบริษัทต่างๆ และโครงการพัฒนาแบบผสมผสาน เพื่อเปลี่ยนโฉมที่จอดรถจากศูนย์ต้นทุนให้กลายเป็นแหล่งรายได้และความพึงพอใจของลูกค้า ผลงานของบริษัทประกอบด้วยระบบนำทางที่จอดรถชั้นนำของอุตสาหกรรม ซอฟต์แวร์จดจำป้ายทะเบียนรถ https://cts.businesswire.com/ct/CT?id=smartlink&url=https%3A%2F%2Fparkingguidancesystems.com%2Fparking-solutions%2F%3Futm_campaig%2520n%3D22056732-PGS%2520M%2526A%2520Communications%26utm_source%3DBusinessWire%26u%2520tm_medium%3Dpress-release&esheet=54321018&newsitemid=54321018015&lan=en-US&anchor=software&index=6&md5=01a30e39f80328045cd9d64789b1729dการวิเคราะห์ที่จอดรถ รวมถึงป้ายบอกทาง และการค้นหาเส้นทางแบบดิจิทัล ด้วยการติดตั้งระบบมากกว่า 347 ระบบ การตรวจสอบพื้นที่จอดรถเกือบ 600,000 แห่งในสหรัฐอเมริกา รวมถึงโอกาสใหม่ๆ ที่ขยายไปทั่วโลก PGS ยังคงสร้างมาตรฐานสำหรับโซลูชันที่จอดรถที่เป็นนวัตกรรม เชื่อถือได้ และมุ่งเน้นไปที่ลูกค้า เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ parkingguidancesystems.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Felicia Perez
felicia@farpublicrelations.com
(832) 222-2101
1811 First Oaks St, Suite 100 Richmond, TX 77406

ที่มา: Parking Guidance Systems, LLC