Category Archives: Technology

Medidata ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำในการประเมิน PEAK Matrix® ด้านการเก็บข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ครั้งแรกของ Everest Group

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–17 กันยายน 2024

Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Dassault Systèmes และเป็นผู้ให้บริการโซลูชันการทดลองทางการแพทย์ชั้นนำในอุตสาหกรรมชีวการแพทย์ ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำในการประเมิน PEAK Matrix® ของกลุ่ม Everest Group สำหรับการจับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) ในด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพเป็นครั้งแรก

รายงานซึ่งประเมินผู้ให้บริการ 20 รายได้เน้น Medidata Rave EDC สำหรับการบูรณาการที่ไร้รอยต่อกับอุปกรณ์สวมใส่ เซ็นเซอร์ และ EHRs รวมถึงความสามารถขั้นสูงในการตรวจสอบข้อมูลต้นทาง การจัดการข้อซักถามที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการจัดการเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ Rave EDC ได้รับการยกย่องสำหรับการออกแบบที่ใช้งานง่ายและลดการเขียนโค้ด ทำให้การปรับปรุงโปรโตคอลเป็นไปอย่างรวดเร็วและการสร้างแบบฟอร์มรายงานกรณีอิเล็กทรอนิกส์ (eCRFs) เป็นเรื่องง่าย พร้อมกับรักษาคุณภาพและความถูกต้องของข้อมูลสำหรับผู้สนับสนุนการทดลองทางการแพทย์ด้วย

“เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำในด้าน EDC โดยกลุ่ม Everest” Anthony Costello ซีอีโอของ Medidata กล่าว “Rave EDC ซึ่งเป็นมาตรฐานทองคำในอุตสาหกรรม ได้เป็นผู้นำในการจับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มาเป็นเวลาหลายทศวรรษ ด้วยภูมิทัศน์ด้านการดูแลสุขภาพที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เราจึงยังคงมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการทดลองแบบกระจายศูนย์ ทำให้ผู้สนับสนุนสามารถใช้ข้อมูลเรียลไทม์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและประสิทธิภาพในการพัฒนาการรักษาที่สามารถช่วยชีวิตได้”

รายงานของกลุ่ม Everest เน้นถึงการมีอยู่ของแบรนด์ Medidata ที่แข็งแกร่งในกลุ่มบริษัทเภสัชกรรมขนาดใหญ่และขนาดกลาง รวมถึงความร่วมมือที่กว้างขวางกับองค์กรที่ให้บริการวิจัยทางการแพทย์ (CROs) และผู้ให้บริการเทคโนโลยีการทดลองทางคลินิก การรับรองนี้ช่วยเสริมสร้างความเป็นผู้นำของ Medidata ในการขับเคลื่อนอนาคตของการทดลองทางการแพทย์ดิจิทัล

ไปที่ เว็บไซต์ ของเราเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Medidata

Medidata สนับสนุนการรักษาที่ชาญฉลาดและสุขภาพที่ดีขึ้นผ่านโซลูชันดิจิทัลที่สนับสนุนการทดลองทางคลินิก ฉลองครบรอบ 25 ปีของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำในการทดลองมากกว่า 34,000 รายการและผู้ป่วย 10 ล้านคน Medidata เสนอความเชี่ยวชาญชั้นนำในอุตสาหกรรม ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยการวิเคราะห์ และชุดข้อมูลทางคลินิกระดับผู้ป่วยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนมากกว่า 1 ล้านคนจากลูกค้าประมาณ 2,200 รายไว้วางใจแพลตฟอร์มที่ไร้รอยต่อและครบวงจรของ Medidata เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วย เร่งการค้นพบทางคลินิก และนำการบำบัดเข้าสู่ตลาดได้เร็วขึ้น Medidata เป็นแบรนด์ของ Dassault Systèmes brand (Euronext Paris: FR0014003TT8, DSY.PA) มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในนครนิวยอร์ก และได้รับการยกย่องเป็นผู้นำโดยกลุ่ม Everest และ IDC ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.medidata.com และติดตามเราได้ที่ @Medidata

เกี่ยวกับ Dassault Systèmes

Dassault Systèmes เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับความก้าวหน้าของมนุษย์ เราจัดเตรียมสภาพแวดล้อมเสมือนจริงที่ร่วมมือกันให้กับธุรกิจและผู้คนเพื่อจินตนาการถึงนวัตกรรมที่ยั่งยืน โดยการสร้างประสบการณ์เสมือนจริงของโลกจริงผ่านแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน 3DEXPERIENCE ของเรา ลูกค้าของเราสามารถนิยามกระบวนการสร้าง การผลิต และการจัดการวงจรชีวิตของข้อเสนอของพวกเขาใหม่ และมีผลกระทบที่มีความหมายในการทำให้โลกยั่งยืนมากขึ้น ความสวยงามของเศรษฐกิจประสบการณ์คือการที่มันเป็นเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นมนุษย์เพื่อประโยชน์ของทุกคน ทั้งผู้บริโภค ผู้ป่วย และพลเมืองทั่วไป Dassault Systèmes นำคุณค่าให้กับลูกค้ามากกว่า 350,000 รายจากทุกขนาดในทุกอุตสาหกรรม มากกว่า 150 ประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม www.3ds.com

© Dassault Systèmes สงวนลิขสิทธิ์ 3DEXPERIENCE, โลโก้ 3DS, ไอคอนเข็มทิศ, IFWE, 3DEXCITE, 3DVIA, BIOVIA, CATIA, CENTRIC PLM, DELMIA, ENOVIA, GEOVIA, MEDIDATA, NETVIBES, OUTSCALE, SIMULIA และ SOLIDWORKS เป็นเครื่องหมายการค้าเชิงพาณิชย์หรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Dassault Systèmes บริษัทจากยุโรป (Societas Europaea) ที่จดทะเบียนตามกฎหมายฝรั่งเศส และจดทะเบียนกับทะเบียนการค้าและบริษัทของ Versailles ภายใต้หมายเลข 322 306 440 หรือบริษัทในเครือของบริษัทในสหรัฐอเมริกาหรือประเทศอื่นๆ เครื่องหมายการค้าอื่นๆ ทั้งหมดเป็นของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง การใช้เครื่องหมายการค้าของ Dassault Systèmes หรือบริษัทในเครือต้องได้รับการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัทเท่านั้น

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ประชาสัมพันธ์ Medidata
Medidata.PR@3ds.com

นักวิเคราะห์สัมพันธ์
medidata.AR@3ds.com

ที่มา: Medidata

SMART Modular Technologies เปิดตัวแฟลชไดรฟ์หน่วยความจำพร้อมระบบการแก้ไขปัญหาเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (SEU) สำหรับแอปพลิเคชันใช้งานจากระยะไกล

Logo

เทคโนโลยีการลดปัญหาเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (SEU) จะช่วยให้สามารถลดต้นทุนการบริการได้เป็นอย่างมากในแอปพลิเคชันเครือข่าย โทรคมนาคม และเอดจ์เซิร์ฟเวอร์ที่มีความต้องการสูง

NEWARK, Calif.–(BUSINESS WIRE)–17 กันยายน 2024

SMART Modular Technologies, Inc. (“SMART”) ซึ่งเป็นภาคส่วนใน SGH (Nasdaq: SGH) และเป็นผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันหน่วยความจำ โซลิดสเตตไดรฟ์ และหน่วยความจำขั้นสูง ประกาศเปิดตัวเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์เพื่อการลดผลกระทบด้านลบสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (SEU) ในระบบที่ใช้หน่วยความจำแฟลชที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง ผลิตภัณฑ์ MP3000 NVMe SSD ของ SMART Modular พร้อมระบบการแก้ไขปัญหาเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (SEU) จะช่วยลดอัตราความล้มเหลวต่อปีที่สูงถึง 17.5k/Mu (ล้านหน่วย) ลงเหลือน้อยกว่า 10/Mu และสามารถประหยัดต้นทุนการบริการที่อาจเกิดขึ้นได้หลายแสนเหรียญสหรัฐ โดยการรับประกันเวลาใช้งานโดยไม่มีการหยุดชะงักได้หลายร้อยชั่วโมง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการปรับใช้งานแบบระยะไกลที่ยากในการซ่อมแซม

SMART’s MP3000 PCIe/NVMe and ME2 SATA product portfolios include SEU mitigation technology to protect against system failures in the field. (Photo: Business Wire)

กลุ่มผลิตภัณฑ์ MP3000 PCIe/NVMe และ ME2 SATA ของ SMART รวมถึงเทคโนโลยีการแก้ไขปัญหาเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (SEU) เพื่อปกป้องระบบเกิดความล้มเหลวในการดำเนินการ (ภาพถ่าย: Business Wire)

“ไดรฟ์บูต SATA และ PCIe ซึ่งเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมของเราสามารถช่วยลดอัตราความล้มเหลวต่อไปได้สูงถึง 99.7% โดยการกู้คืนข้อมูลจากข้อผิดพลาดเล็กน้อยเนื่องจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นครั้งเดียว” Satya Iyer รองประธานฝ่ายหน่วยความจำพิเศษของ SMART กล่าว “ในแอปพลิเคชันเครือข่ายและโทรคมนาคมในสถานที่ห่างไกลและยากในการเข้าถึงบริการ การแก้ไขปัญหาสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (SEU) และความสามารถในการกู้คืนข้อมูลจากข้อผิดพลาดเล็กน้อยสามารถสร้างความแตกต่างสำหรับระบบที่มีความต้องการสูงและต้องพร้อมใช้งานตลอดเวลา 24/7 ทุกวัน”

SEU เป็นการเปลี่ยนแปลง “สถานะบิต” ที่เกิดขึ้นในระบบดิจิทัล เมื่อนิวตรอนพลังงานสูง หรืออนุภาคอัลฟ่า เข้าโจมตีแบบสุ่มและทำให้บิตในหน่วยความจำ ซึ่งเป็นส่วนประกอบทางตระกะ พลิกเปลี่ยนสถานะ โดยอนุภาคพลังงานสูงเหล่านี้สามารถก่อกำเนิดจากพื้นดินหรือนอกโลก เช่น รังสีคอสมิก SEU สามารถนำไปสู่การทำงานที่ผิดปกติของระบบดิจิทัลหรือทำให้ระบบทั้งหมดล้มเหลว ความสามารถในการจัดการกับข้อผิดพลาดหรือความขัดข้องเหล่านี้ภายใน SSD จะช่วยให้สามารถกู้คืนข้อมูลได้โดยไม่จำเป็นค้องรีบูตทั้งระบบ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการดำเนินงานที่จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการหยุดชะงัก

เทคโนโลยีการแก้ไขปัญหาเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (SEU) นั้นเหนือกว่าโซลูชันอื่นๆ ที่ ECC สำหรับ SRAM ภายใน ด้วยความสามารถในการรีบูตตัวเองโดยไม่ต้องรีบูตระบบโฮสต์ SSD ยังสามารถรับมือกับบิตที่เปลี่ยนแปลงในส่วนประกอบอื่นๆ ภายใน SSD ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหลักทำให้เกิดความล้มเหลวได้เพิ่มเติม 10% โดยระบบนี้ได้รับการออกแบบมาสำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องการเวลาพร้อมใช้งานสูงสุด ไดร์ฟบูตพร้อมการแก้ไขปัญหาเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นครั้งเดียวเหล่านี้มาพร้อมความจุในการจัดเก็บข้อมูลตั้งแต่ 60GB ถึง 1.92TB และมีพร้อมจำหน่ายในเกรดอุณหภูมิเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม

ไดร์ฟ ME2 SATA M.2 และ mSATA พร้อมการแก้ไขปัญหา SEU มาพร้อมความจุในการจัดเก็บข้อมูลขนาด 60GB ถึง 1.92TB และพร้อมจำหน่ายในเกรดเชิงพาณิชย์ (อุณหภูมิการทำงาน: 0 ถึง 70°C) และเกรดอุตสาหกรรม (อุณหภูมิการทำงาน: -40 ถึง 85°C) M.2 2280 ยังรองรับการป้องกันข้อมูลสูญเสียพลังงาน SafeDATA™

ไดรฟ์ MP3000 NVMe PCIe พร้อมการแก้ไขปัญหา SEU มาพร้อมความจุในการจัดเก็บข้อมูลขนาด 80GB ถึง 1.92TB ในรุ่นแฟคเตอร์ M.2 2280, M.2 22110 และ E1.S และพร้อมจำหน่ายในเกรดอุณหภูมิเชิงพาณิชย์ (อุณหภูมิการทำงาน: 0 ถึง 70°C) และเกรดอุณหภูมิอุตสาหกรรม (อุณหภูมิการทำงาน: -40 ถึง 85°C) รวมถึงการรองรับการป้องกันข้อมูลสูญเสียพลังงาน SafeDATA™ ด้วยเช่นกัน สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ของ SMART

รูปแบบตัวหนังสือ “S” และ “SMART” รวมถึง “SMART Modular Technologies” เป็นเครื่องหมายการค้าและ/หรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ SMART Modular Technologies, Inc. เครื่องหมายการค้าและเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนอื่นๆ ทั้งหมดเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับ SMART Modular Technologies, Inc.

เป็นเวลากว่า 30 ปีมาแล้วที่ SMART Modular Technologies ได้ช่วยเหลือลูกค้าทั่วโลกในการคงความสามารถการปฏิบัติงานด้านการประมวลผลที่สูงผ่านการออกแบบ การพัฒนา และบรรจุภัณฑ์ขั้นสูงสำหรับโซลูชันหน่วยความจำแบบพิเศษ ผลงานที่โดดเด่นของเราครอบคลุมทั้งเทคโนโลยีล้ำสมัยในปัจจุบันไปจนถึงผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูลแฟลชและ DRAM แบบมาตรฐานและรุ่นเก่า โดยเรามีการนำเสนอโซลูชันหน่วยความจำและการจัดเก็บข้อมูลมาตรฐาน ทนทาน และปรับตามความต้องการเฉพาะ เพื่อตอบสนองความต้องการของแอปพลิเคชันที่หลากหลายในตลาดที่มีการขยายตัวสูง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/54122695/en

ติดต่อ

ผู้ติดต่อฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์
Ed Cuellar
SMART Modular Technologies
Director, Flash Product Marketing
39870 Eureka Dr., Newark, CA 94583
ed.cuellar@smartm.com

ติดต่อฝ่ายสื่อ
John Crook
SMART Modular Technologies
Marketing Communications
+1 (510) 474 8326
john.crook@smartm.com

Maureen O’Leary
SGH/Penguin Solutions
Director, Communications
+1 (602) 330-6846
pr@sghcorp.com

แหล่งข้อมูล: SMART Modular Technologies, Inc.

MidOcean Energy ของ EIG จะซื้อกรรมสิทธิ์ Peru LNG เพิ่มเติม 15% จาก Hunt Oil Company

Logo

Aramco นักลงทุนเชิงกลยุทธ์ของ MidOcean จัดหาเงินทุนเพื่อการลงทุน

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–16 กันยายน 2024

MidOcean Energy (“MidOcean” หรือ “บริษัท”), บริษัทก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่ก่อตั้งและบริหารจัดการโดย EIG ซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก และ Hunt Oil Company (“Hunt”) ประกาศในวันนี้ว่าพวกเขาได้ทำข้อตกลงขั้นสุดท้ายโดย MidOcean จะกรรมสิทธิ์ Peru LNG (“PLNG”) เพิ่มเติม 15% จาก Hunt

หลังจากปิดธุรกรรม กรรมสิทธิ์ PLNG ของ MidOcean จะเพิ่มขึ้นจาก จะเพิ่มขึ้นจาก 20% เป็น 35% Aramco มีบทบาทสำคัญในการทำธุรกรรมครั้งนี้ ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบสถานะทางเทคนิคและเชิงพาณิชย์ที่สำคัญ ตลอดจนการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักในการอนุมัติธุรกรรม การทำธุรกรรมนี้จะได้รับเงินทุนทั้งหมดจาก Aramco ซึ่งจะเพิ่มกรรมสิทธิ์ MidOcean ของตนเป็น 49% การลงทุนเพิ่มเติมของ Aramco ใน MidOcean จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งของ MidOcean และ Aramco ในตลาด LNG ทั่วโลก และจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายได้มีโอกาสสัมผัสโครงการส่งออก LNG แห่งเดียวในอเมริกาใต้เพิ่มเติม สัดส่วนการถือหุ้นทางอ้อมของ Aramco ใน PLNG จะเท่ากับ 17.2% นอกจาก EIG และ Aramco แล้ว Mitsubishi Corporation ยังลงทุนใน MidOcean ท่ามกลางนักลงทุนระดับบลูชิปรายอื่นๆ

กรรมสิทธิ์ PLNG ของ Hunt จะลดลงจาก 50% เป็น 35% และ Hunt จะยังคงเป็นผู้ดำเนินการของ PLNG หลังการทำธุรกรรม Hunt ยังคงถือกรรมสิทธิ์ 25.2% ในโครงการต้นน้ำ Camisea ในเปรู Hunt ลงทุนในเปรูมาตั้งแต่ปี 2000 และมุ่งมั่นที่จะสานต่อประวัติศาสตร์อันยาวนานของการลงทุนในเปรู และความเป็นเลิศในการดำเนินงานในโครงการ PLNG

PLNG เป็นเจ้าของและดำเนินการโรงงานส่งออก LNG แห่งเดียวในอเมริกาใต้ ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Pampa Melchorita ห่างจากกรุงลิมา ประเทศเปรู ไปทางใต้ 170 กิโลเมตร สินทรัพย์ของ PLNG ประกอบด้วยโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวที่มีกำลังการผลิต 4.45 ล้านตันต่อปี ท่อส่งก๊าซความยาว 408 กิโลเมตรที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ PLNG โดยสมบูรณ์ซึ่งมีกำลังการผลิต 1,290 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ถังเก็บขนาด 130,000 ลูกบาศก์เมตรจำนวน 2 ถัง ท่าเรือทางทะเลความยาว 1.4 กิโลเมตรที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ PLNG โดยสมบูรณ์ และสถานที่บรรทุกสินค้าด้วยรถบรรทุกที่มีความจุสูงถึง 19.2 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดย PLNG จะได้รับการดำเนินการโดย Hunt และเป็นหนึ่งในโรงงานผลิต LNG เพียงสองแห่งในละตินอเมริกา

De la Rey Venter ผู้เป็น CEO ของ MidOcean กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน PLNG ซึ่งเป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ MidOcean ในการสร้างพอร์ตโฟลิโอ LNG ระดับโลก ที่หลากหลาย และมีความยืดหยุ่น ความเชื่อของเราต่อพื้นฐานระยะยาวของตลาด LNG และในจุดแข็งของจุดยืนอันเป็นเอกลักษณ์ของ PLNG ในฐานะโรงงานส่งออก LNG เพียงแห่งเดียวในอเมริกาใต้ที่ยังคงแน่วแน่ เราตั้งตารอที่จะกระชับความร่วมมือของเรากับ Hunt Oil และผู้ร่วมทุน PLNG รายอื่นๆ และยังคงสนับสนุนผลกระทบเชิงบวกของโครงการต่อตลาดพลังงานของเปรูต่อไป”

Mark Gunnin ผู้เป็น CEO ของ Hunt กล่าวว่า “เรามุ่งเน้นไปที่การเตรียมโครงการ PLNG สำหรับอนาคต และโอกาสในการนำ MidOcean เข้ามาเป็นพันธมิตรถือเป็นกลยุทธ์ที่ดีในการทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น”

Morgan Stanley ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินแต่เพียงผู้เดียวของ MidOcean ในการทำธุรกรรมครั้งนี้ และ Latham & Watkins ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย Bracewell LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายของ Hunt

เกี่ยวกับ EIG
EIG คือนักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ซึ่งกำลังบริหารเงินลงทุนจำนวน 24.9 พันล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2024 โดย EIG เชี่ยวชาญในการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานในระดับโลก ในตลอดช่วงระยะเวลา 42 ปี EIG ได้ทุ่มเงินกว่า 48.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับภาคพลังงานผ่านโครงการ 413 โครงการหรือบริษัทใน 42 ประเทศในหกทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยกองทุนเงินบำนาญ บริษัทประกันภัย กองทุนการกุศล มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งชั้นนำหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ รีโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล

เกี่ยวกับ MidOcean Energy
MidOcean Energy ซึ่งป็นบริษัท LNG ที่ก่อตั้งและบริหารจัดการโดย EIG มุ่งมั่นที่จะสร้างพอร์ตโฟลิโอ LNG ระดับโลกที่มีความหลากหลาย ยืดหยุ่น คุ้มทุน และเป็นคู่แข่งกับคาร์บอนได้ เป้าหมายของ MidOcean Energy สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของ EIG ที่มีต่อ LNG ในฐานะตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงพลังงาน และความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของ LNG ในฐานะทรัพยากรพลังงานเชิงกลยุทธ์เชิงภูมิรัฐศาสตร์ MidOcean Energy นำโดย De la Rey Venter ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมานานเป็นเวลา 26 ปี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารอาวุโสหลายตำแหน่ง ซึ่งรวมถึงหัวหน้าฝ่าย LNG ระดับโลกของ Shell Plc

เกี่ยวกับ Hunt Oil Company
Hunt ก่อตั้งขึ้นในปี 1934 โดยเป็นหนึ่งในบริษัทน้ำมันและก๊าซอิสระที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา พื้นที่ปฏิบัติการหลักของบริษัทตั้งอยู่ในเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ในเปรู สหรัฐอเมริกา และภูมิภาคเคอร์ดิสถานของอิรัก รวมถึงโครงการสำรวจในตูนิเซียและโมร็อกโก Hunt เป็นบริษัทสำรวจระดับนานาชาติที่กระตือรือร้น และได้ขุดเจาะในทุกทวีปนอกเหนือจากทวีปแอนตาร์กติกา

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่เว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com หรือเว็บไซต์ของ MidOcean Energy ที่ www.midoceanenergy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ข้อมูลติดต่อ EIG
FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@fgsglobal.com

ข้อมูลติดต่อ Hunt
Paul Schulze
+1 214-978-8534
publicaffairs@huntconsolidated.com

แหล่งที่มา: EIG

Hgen ระดมทุน 5 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อเสนอขายอิเล็กโทรไลเซอร์ประสิทธิภาพสูง

Logo

บริษัทสตาร์ทอัพที่ทำงานโดยมุ่งเน้นไปที่ไฮโดรเจนจะใช้เงินทุนเพื่อเร่งดำเนินการเสนอขายอิเล็กโทรไลเซอร์แบบแอลคาไลน์ที่มีความหนาแน่นพลังงานเชิงปริมาตรที่สูงขึ้น 20 เท่า

ฮอว์ธอร์น แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–17 กันยายน 2024

Hgen ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตไฮโดรเจนสะอาดเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรมหนัก ได้ประกาศปิดการระดมทุนรอบแรกซึ่งมีมูลค่า 5 ล้านเหรียญสหรัฐในวันนี้ การระดมทุนดังกล่าวนำโดย Seven Seven Six โดยมีส่วนร่วมจาก Founders Fund และ Fontinalis Partners โดย Hgen จะใช้เงินทุนนี้เพื่อเร่งการนำเทคโนโลยีไปเสนอขายที่ไซต์งานของลูกค้า

ไฮโดรเจนที่ได้จากเชื้อเพลิงฟอสซิลเกือบ 100 ล้านเมตริกตันถูกผลิตขึ้นทุกปีเพื่อใช้ในกระบวนการอุตสาหกรรมและเคมี Hgen ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2021 มีเป้าหมายที่จะลดคาร์บอนของตลาดที่มีมูลค่ากว่า 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ นี้ด้วยการผลิตไฮโดรเจนที่สะอาดจากน้ำและไฟฟ้าผ่านอิเล็กโทรไลเซอร์แบบแอลคาไลน์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเล็กโทรไลเซอร์ประเภทหนึ่งที่มีต้นทุนขั้นต่ำที่สุด ดังนั้นจึงอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดในการบรรลุเป้าหมายต้นทุนของไฮโดรเจนที่สะอาด

Hgen ได้พัฒนาอิเล็กโทรไลเซอร์แบบแอลคาไลน์ที่มีความหนาแน่นพลังงานเชิงปริมาตรสูงกว่า 20 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับอิเล็กโทรไลเซอร์แอลคาไลน์ทั่วไป ซึ่งส่งผลให้ระบบที่มีขนาดเล็กลง 20 เท่าที่สามารถผลิตไฮโดรเจนในปริมาณเท่ากันได้ ความหนาแน่นของพลังงานสูงนี้ถูกปลดล็อกโดยเซลล์สร้างไฮโดรเจนของ Hgen ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่า 9% และบางกว่าเซลล์แอลคาไลน์มาตรฐานถึง 6 เท่า ซึ่งส่งผลให้ได้อิเล็กโทรไลเซอร์ที่มีขนาดกะทัดรัดและราคาถูกกว่า

Molly Yang ผู้เป็น CEO ของ Hgen กล่าวว่า “การติดตั้งอิเล็กโทรไลเซอร์ในปัจจุบันดูเหมือนโครงการก่อสร้างปิโตรเคมีแบบที่กำหนดเอง นั่นก็คือสร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์เฉพาะและมีค่าใช้จ่ายสูง โมดูลที่ประกอบไว้ล่วงหน้าของเราประกอบด้วยอุปกรณ์และโครงสร้างอื่นๆ ภายในโรงงาน ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงการออกแบบที่กำหนดเองและการก่อสร้างในสถานที่ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนของโครงการไฮโดรเจนในปัจจุบัน”

ด้วยการสนับสนุนจาก Breakthrough Energy Fellows ในช่วงแรก Hgen ได้ขยายเทคโนโลยีจากต้นแบบแบบตั้งโต๊ะไปสู่การสาธิตระดับอุตสาหกรรมที่ทำงานอยู่ในโรงงานของตนในฮอว์ธอร์น ขณะนี้บริษัทมุ่งเน้นไปที่การนำเทคโนโลยีไปใช้ที่ไซต์งานของลูกค้า

Alexis Ohanian ผู้เป็นผู้ก่อตั้งและหุ้นส่วนที่ไม่จำกัดความรับผิดชอบของ Seven Seven Six กล่าวว่า “Hgen ได้รวบรวมทีมผู้เชี่ยวชาญที่น่าทึ่งจาก SpaceX และ Tesla ซึ่งก่อนหน้านี้ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่ซับซ้อนได้ดีกว่าบริษัทเจ้าตลาดในช่วงเวลาที่รวดเร็ว และตอนนี้กำลังสร้างความก้าวหน้าในด้านอิเล็กโทรลิซิสแบบแอลคาไลน์”

Katelin Holloway ผู้เป็นหุ้นส่วนผู้ก่อตั้งของ Seven Seven Six กล่าวว่า “ผลตอบรับเชิงพาณิชย์ของ Hgen เป็นเครื่องยืนยันประสิทธิภาพที่เหนือกว่าของเทคโนโลยีของ Hgen และเรารู้สึกตื่นเต้นที่จะสนับสนุนพวกเขาในการเดินทางครั้งนี้”

Hgen กำลังรับสมัครงานในลอสแองเจลิส

เกี่ยวกับ Hgen:

Hgen สร้างไฮโดรเจนที่สะอาดเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในอุตสาหกรรมหนัก อิเล็กโทรไลเซอร์แบบแอลคาไลน์ประสิทธิภาพสูงกว่าของ Hgen จะแปลงน้ำและไฟฟ้าให้เป็นไฮโดรเจนที่สะอาด ซึ่งถูกใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นในกระบวนการทางอุตสาหกรรม เช่น การผลิตสารเคมีและเหล็ก เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ www.hgen.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

contact@hgen.com

แหล่งที่มา: Hgen

BKV Corporation ประกาศเปิดตัวการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรก

Logo

DENVER–(BUSINESS WIRE)–16 กันยายน 2024

BKV Corporation (“BKV”) ประกาศเปิดตัวการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรกเป็นจำนวน 15,000,000 หุ้นในวันนี้ โดยผู้รับประกันการจำหน่ายจะสามารถเข้าซื้อหุ้นเพิ่มอีก 2,250,000 หุ้นจาก BKV ในราคานำเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรกภายในเวลา 30 วัน เมื่อหักส่วนลดและค่าคอมมิชชันจากการจัดจำหน่ายแล้ว ราคาเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรกคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 19.00 เหรียญสหรัฐถึง 21.00 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น โดยหุ้นดังกล่าวได้รับการอนุมัติให้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กภายใต้ชื่อ “BKV”

Citigroup และ Barclays จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการจองซื้อหุ้นหลักสำหรับการเสนอขายในครั้งนี้ Evercore ISI, Jefferies และ Mizuho จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการจองซื้อหุ้นร่วม KeyBanc Capital Markets, Susquehanna Financial Group, LLP, TPH&Co., ส่วนธูรกิจพลังงานของ Perella Weinberg Partners, และ Truist Securities จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร่วมอาวุโส Citizens JMP และ SMBC Nikko จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร่วมในการเสนอขาย

การเสนอขายจะทำผ่านหนังสื้อชี้ชวนเท่านั้น สามารถขอรับสำเนาหนังสือชี้ชวนเบื้องต้นที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายได้ที่: Citigroup, c/o Broadridge Financial Solutions, 1155 Long Island Avenue, Edgewood, New York 11717, or by telephone at (800) 831-9146; หรือที่ Barclays Capital Inc., c/o Broadridge Financial Solutions, 1155 Long Island Avenue, Edgewood, New York 11717, ทางอีเมลที่ barclaysprospectus@broadridge.com หรือทางโทรศัพท์ที่หมายเลข (888) 603-5847

สามารถขอรับสำเนาหนังสือชี้ชวนได้ฟรีที่เว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“SEC”) www.sec.gov และค้นนหาภายใต้ชื้อผู้จดทะเบียน “BKV Corporation”

มีการยื่นหนังสือชี้แจงการจดทะเบียนที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายหุ้นต่อ SEC แล้ว แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้ หลักทรัพย์เหล่านี้จะยังไม่สามารถขาย หรือไม่สามารถยอมรับข้อเสนอซื้อได้ ก่อนที่หนังสือชี้แจงการจดทะเบียนจะมีผลบังคับใช้ เอกสารเผยแพร่ฉบับนี้ไม่ถือเป็นข้อเสนอขายหรือการชักชวนให้ซื้อ และจะไม่มีการขายหลักทรัพย์เหล่านี้ในรัฐหรือเขตอำนาจศาลใดๆ ที่ข้อเสนอ การชักชวน หรือการขายดังกล่าวถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายก่อนการจดทะเบียนหรือการได้รับการรับรองคุณสมบัติภายใต้กฏหมายหลักทรัพย์ของรัฐหรือเขตอำนาจศาลดังกล่าว

เกี่ยวกับ BKV Corporation

BKV Corporation (BKV) มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด เป็นบริษัทพลังงานที่มีวิสัยทัศน์ก้าวไกลและขับเคลื่อนการเติบโตโดยมุ่งเน้นที่การสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น ธุรกิจหลักของ BKV คือการผลิตก๊าซธรรมชาติจากธุรกิจต้นน้ำที่บริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินการเอง BKV (และบริษัทก่อนหน้า) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2015 และ BKV และพนักงานของบริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างบริษัทพลังงานรูปแบบใหม่ BKV เป็นหนึ่งในผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติ 20 อันดับแรกในสหรัฐอเมริกาและเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดตามปริมาณการดำเนินการรวมใน Barnett Shale BKV Corporation เป็นบริษัทแม่ของกลุ่มบริษัท BKV

คำชี้แจงเชิงคาดการณ์

ข้อมูลในเอกสารเผยแพร่ฉบับนี้ประกอบด้วยคำชี้แจงเชิงคาดการณ์ตามความหมายของกฏหมายหลักทรัพย์ของรัฐบาลกลาง โดยทั่วไปแล้ว คำชี้แจงเหล่านี้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในอนาคตหรือผลการดำเนินงานทางการเงินหรือการดำเนินงานในอนาคตของเรา และรวมถึงคำชี้แจงเกี่ยวกับขนาด เวลา และผลลัพธ์ที่คาดหวังของการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรก เมื่อใช้ในเอกสารเผยแพร่ฉบับนี้ คำต่างๆ “คาดหวัง” “คาดการณ์” “ประมาณการ” “เชื่อว่า” “คาดการณ์ล่วงหน้า” “ตั้งใจ” “งบประมาณ” “วางแผน” “แสวงหา” “จินตนาการ” “ประเมินการ” “เป้าหมาย” “ทำนาย” “อาจจะ” “ควรจะ” “น่าจะ” “เป็นไปได้ที่จะ” “จะ” คำตรงข้ามของคำแหล่านี้และสำนวนที่คล้ายคลึงกันมีจุดมุ่งหมายเพื่อระบุคำกล่าวที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้า แม้ว่าคำกล่าวที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าทั้งหมดจะไม่มีคำที่ระบุดังกล่าวก็ตาม คำกล่าวที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้ามีพื้นนฐานมาจากความคาดหวังและสมมติฐานปัจจุบันของฝ่ายบริหาร และอาจขึ้นอยู่กับความไม่แน่นอน ความเสี่ยง และการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ที่คาดเดาได้ยาก ดังนั้น ผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างเป็นอย่างมากจากที่ระบุไว้ในคำกล่าวที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้ เมื่อพิจารณาคำกล่าวที่เป็นการคาดการณ์เหล่านี้ คุณควรคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงและคำเตือนอื่นๆ ในหนังสือชี้ชวนของ BKV BKV จะไม่มีภาระผูกพันและจะไม่มีการปรับปรุงคำกล่าวที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้เพื่อสะท้อนถึงเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่มีการนำเสนอเอกสารเผยแพร่ฉบับนี้ คุณจึงควรใช้วิจารณญาณที่จะไม่อ้างอิงคำกล่าวอ้างเชิงคาดการณ์เหล่านี้มากเกินไป เนื่องจากคำกล่างอ้างนี้มีผลใช้ได้เฉพาะในวันที่นำเสนอเอกสารเผยแพร่ฉบับนี้เท่านั้น

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Becky Escott
BKV Corporation
media@bkvcorp.com

แหล่งข้อมูล: BKV Corporation

Black & Veatch พิสูจน์โอกาสในการดักจับคาร์บอนในเวียดนาม

Logo

ผู้นำด้านวิศวกรรม การก่อสร้าง และการให้คำปรึกษาในระดับโลกที่ศึกษาการนำเทคโนโลยีดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (CCUS) มาใช้ในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โฮจิมินห์ เวียดนาม–(BUSINESS WIRE)–13 กันยายน 2024

Black & Veatch ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ กำลังประเมินความเป็นไปได้และความพร้อมในการปรับใช้เทคโนโลยีดักจับ ใช้ประโยชน์ และกักเก็บคาร์บอน (CCUS) ในโรงไฟฟ้าถ่านหินของเวียดนามเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเ

สถาบันปิโตรเลียมเวียดนาม (VPI) ได้มอบหมายให้ Black & Veatch ศึกษาเทคโนโลยีการลดการปล่อยคาร์บอนในโรงไฟฟ้าถ่านหิน 3 แห่งซึ่งเป็นของ Vietnam Oil and Gas Group (Petrovietnam หรือ PVN) โรงไฟฟ้าเหล่านี้ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังความร้อน Vung Ang 1 ในจังหวัด Ha Tinh โรงไฟฟ้าพลังความร้อน Song Hau 1 ในจังหวัด Hau Giang และโรงไฟฟ้าพลังความร้อน Thai Binh 2 ในจังหวัด Thai Binh โดยแต่ละโรงไฟฟ้ามีกำลังการผลิต 2 x 600 เมกะวัตต์ (MW)

“นี่เป็นการศึกษาการดักจับคาร์บอนครั้งแรกที่ดำเนินการกับโรงไฟฟ้าถ่านหินในเวียดนาม และผลการศึกษานี้สามารถช่วยกำหนดแผนงานและกรอบทางกฎหมาย สำหรับการพัฒนา CCUS ของประเทศเราได้” ดร. Nguyen Huu Luong ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสของ VPI กล่าว

วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้คือการแนวโน้มเทคโนโลยีการดักจับคาร์บอนในปัจจุบัน และประเมินความเป็นไปได้และประสิทธิภาพของการนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้กับก๊าซไอเสียจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน

“การปรับใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น CCUS ไปใช้จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภูมิภาคสำหรับผู้ผลิตพลังงานและอุตสาหกรรมหนัก” Narsingh Chaudhary ประธานธุรกิจเอเชียแปซิฟิกและอินเดียของ Black & Veatch กล่าว

“Black & Veatch มุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชันที่หลากหลายและล้ำหน้าเพื่อช่วยให้ธุรกิจพลังงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตอบสนองความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นด้วยแหล่งพลังงานที่มีคาร์บอนต่ำหรือไม่มีคาร์บอน”

ในฐานะส่วนหนึ่งของการศึกษาการโหลดล่วงหน้า (FEL) Black & Veatch จะเตรียมการประเมินเทคโนโลยีการดักจับคาร์บอน และเสนอเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับโรงไฟฟ้าแต่ละแห่ง และพัฒนาการออกแบบโดนสรุปแนวความคิดสำหรับหน่วยดักจับคาร์บอน นอกจากนี้ Black & Veatch จะสรุปกลยุทธ์ในการเชื่อมต่อหน่วยดักจับคาร์บอนกับโรงไฟฟ้าที่มีอยู่

แผนแม่บทพลังงานแห่งชาติของเวียดนามสำหรับปี 2021-2030 ซึ่งมีวิสัยทัศน์ถึงปี 2050 ส่งเสริมการนำโซลูชัน CCUS มาใช้ในโรงงานผลิตอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้า เพื่อให้บรรลุศักยภาพในการดักจับประมาณ 1 ล้านเมตริกตัน (mt)ต่อปี ภายในปี 2040 และ 3 ล้านถึง 6 ล้านเมตริกตันต่อปี ภายในปี 2050

Black & Veatch เป็นผู้นำตลาดในการศึกษาวิจัยและนำเทคโนโลยีดักจับคาร์บอนมานานกว่า 30 ปี บริษัทมีประสบการณ์มากมายในการวิเคราะห์และออกแบบรายละเอียดการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) รวมถึงระบบบีบอัดและจัดการ CO2 บริษัทได้ประเมินเทคโนโลยีหลาบแบบที่สามารถนำ CO2 มาใช้ เช่น การผลิตเมทานอลและก๊าซธรรมชาติสังเคราะห์ รวมถึงกระบวนการทางชีวภาพที่ใช้ CO2 อีกทั้ง Black & Veatch ยังมีประสบการณ์ในการประเมินและสนับสนุนการเติบโตและการวางแผนโครงการดักจับและใช้หรือกักเก็บคาร์บอน

ติดต่อ Contact Black & Veatch เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทวิศวกรรม จัดซื้อ ที่ปรึกษา และก่อสร้างระดับโลกที่พนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีประสบการณ์ด้านนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมานานกว่า 100 ปี ตั้งแต่ปี 1915 เราได้ช่วยให้ลูกค้าของเราปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยเน้นที่ความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และใน LinkedIn Facebook X (Twitter) และ Instagram

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ข้อมูลการติดต่อสำหรับสื่อมวลชน:
EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | | Chialp@bv.com
อีเมลสำหรับสื่อตลอด 24 ชั่วโมง| Media@bv.com

แหล่งที่มา: Black & Veatch

สตาร์ตอัปของอดีตผู้บริหาร Google อย่าง Crackle Technologies ในสิงคโปร์ ซึ่งมุ่งเน้นบริษัทผู้เผยแพร่ ระดมทุนได้ 1.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพลิกโฉมเทคโนโลยีการโฆษณาด้วยโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–11 กันยายน 2024

Crackle Technologies ระดมทุนช่วงทดสอบไอเดียได้ 1.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่ใช้ AI ในการช่วยให้ผู้เผยแพร่เพิ่มรายได้จากเทคโนโลยีการโฆษณาของตนให้ได้มากที่สุด รอบการระดมทุนนี้นำดำเนินการโดย We Founder Circle และ AC Ventures ผู้ลงทุนรายอื่นที่เข้าร่วม ได้แก่ ผู้ก่อตั้ง Impetus Technologies, Sunicon Ventures, Global DeVC และ Misfits Capital ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ก่อตั้งบริษัทเผยแพร่ชั้นนำอย่าง Ludo King, Dainik Jagran, Amar Ujala และรายอื่น ๆ ก็ยังได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อทีมงาน Crackle ผ่านการร่วมเป็นผู้ลงทุนด้วยเช่นกัน ซึ่ง Crackle จะขยายขอบเขตการดำเนินงานไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยมุ่งเน้นที่เวียดนามและอินโดนีเซีย

Crackle Co-Founders (L-R) Harsh Mittal, Shashank Dudeja and Jaivir Singh Nagi (Photo: Business Wire)

ผู้ร่วมก่อตั้ง Crackle (จากซ้ายไปขวา) Harsh Mittal, Shashank Dudeja และ Jaivir Singh Nagi (รูปภาพ: Business Wire)

เงินทุนจะถูกนำไปใช้ในด้านผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีเป็นหลัก รวมถึงขยายการดำเนินงานทั่วโลกเพื่อสนับสนุนผู้เผยแพร่รายต่าง ๆ ในด้านเกม แอป ข่าว และ OTT (ผ่านการจัดการปัญหาสำคัญ ซึ่งรวมถึง Fill Rate ที่ต่ำ และ eCPM) เทคโนโลยีอันเป็นกรรมสิทธิ์ของ Crackle ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลและการจำลองโมเดลเชิงคาดการณ์ขั้นสูงเพื่อยกระดับรายได้จากโฆษณาของผู้เผยแพร่ รวมถึงจัดการขั้นตอนการทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ และส่งมอบประสบการณ์ที่ชั้นเลิศให้แก่ผู้ใช้

Crackle มีการก่อตั้งขึ้นโดยอดีตผู้บริหาร Google สามราย ได้แก่ Harsh Mittal, Shashank Dudeja และ Jaivir Singh Nagi โดยทั้งสามมีประสบการณ์รวมกันถึง 18 ปีในอุตสาหกรรมการสร้างรายได้สำหรับผู้เผยแพร่ ซึ่งจากประสบการณ์ระดับมืออาชีพนี้ เหล่าผู้ก่อตั้งได้บริหารจัดการเงินหลายพันล้านในด้านรายได้จากโฆษณาและช่วยให้ผู้เผยแพร่หลายรายขยับขยายการสร้างรายได้จากโฆษณาของตนได้ถึง 10 เท่าด้วยการใช้นวัตกรรมที่คิดค้นขึ้นเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมหลายรายการ โดย Crackle มุ่งมั่นที่จะช่วยให้ผู้เผยแพร่เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ของตนให้ได้มากที่สุดและสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน

Vikash Jaiswal ผู้สร้าง Ludo King ยอดนิยมที่มียอดการดาวน์โหลดกว่า 1 พันล้านครั้งแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการลงทุนว่า “ประสบการณ์และความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการสร้างรายได้จากโฆษณาในเกมของทีมผู้ก่อตั้งส่งผลให้ Crackle อยู่ในระดับแนวหน้าด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีการโฆษณา ผมเองก็ตื่นเต้นมากที่จะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในเส้นทางของพวกเขา”

Jaivir ผู้ร่วมก่อตั้ง Crackle แสดงความขอบคุณต่อความเชื่อมั่นและการสนับสนุนจากผู้ลงทุน โดยกล่าวเสริมว่า “เงินทุนนี้เป็นส่วนสำคัญในการผลักดันพันธกิจของเรา เพื่อเพิ่มรายได้ของผู้เผยแพร่ให้ได้มากที่สุดและส่งเสริมระบบนิเวศอันประกอบไปด้วยเนื้อหาที่หลากหลายซึ่งกำลังเติบโตก้าวหน้า ทั้งนี้ก็เพื่อให้โลกอินเทอร์เน็ตน่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อทุกคนต่อไป”

Harsh ผู้ร่วมก่อตั้ง Crackle ระบุเพิ่มเกี่ยวกับการขยายการดำเนินงานไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่า “แวดวงเทคโนโลยีของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังพร้อมสำหรับนวัตกรรม เราตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับผู้พัฒนาเกมและแอปเพื่อช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของผู้พัฒนาด้วยโซลูชันเทคโนโลยีการโฆษณาของเรา”

นับตั้งแต่การเปิดตัวในปี 2023 ทาง Crackle ได้รับความสนใจอย่างมากผ่านการสร้างผลตอบแทนจำนวนมากให้กับผู้เผยแพร่ที่ได้รับผลกระทบจากอัตราการสร้างรายได้ต่ำและการครอบครองตลาดของแพลตฟอร์มเทคโนโลยีรายใหญ่

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54119780/en

ข้อมูลติดต่อ

หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ Shashank Sethi ที่ shashank.sethi@ihorizoncommunications.com

แหล่งที่มา: Crackle Technologies

Toshiba เริ่มจัดส่งตัวอย่างวงจรรวมตัวขับเกตสําหรับมอเตอร์กระแสตรงแบบแปรงถ่านในยานยนต์ที่จะช่วยลดขนาดอุปกรณ์

Logo

คาวาซากิ ประเทศญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–10 กันยายน 2024

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“Toshiba”) ได้เริ่มจัดหาตัวอย่างทางวิศวกรรมของ “TB9103FTG” ซึ่งเป็นตัวขับเกต[1] สําหรับมอเตอร์กระแสตรงแบบแปรงถ่านในยานยนต์ รวมถึงมอเตอร์สลัก[2] และมอเตอร์ล็อค[3] ในประตูหลังไฟฟ้าและประตูสไลด์ไฟฟ้า และมอเตอร์ขับเคลื่อนกระจกไฟฟ้าและเบาะนั่งไฟฟ้า

Toshiba: TB9103FTG, a gate driver IC for automotive brushed DC motors. (Graphic: Business Wire)

โตชิบา: TB9103FTG วงจรรวมตัวขับเกตสําหรับมอเตอร์กระแสตรงแบบแปรงถ่านในยานยนต์ (กราฟิก: Business Wire)

ชิ้นส่วนรถยนต์ที่ก่อนหน้านี้ปรับด้วยมือปัจจุบันส่วนใหญ่ใช้ไฟฟ้า ซึ่งทำให้ความต้องการทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและจำนวนที่รวมเข้าในยานยนต์เพิ่มมากขึ้น จํานวนไดรเวอร์ที่ใช้ในมอเตอร์ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ส่งผลให้ต้องลดขนาดและรวมระบบโดยรวมเข้าด้วยกันนอกจากนี้ยังมีการใช้งานมอเตอร์บางตัวที่ไม่ต้องการการควบคุมความเร็วรอบ และจําเป็นต้องมีไดรเวอร์ที่มีฟังก์ชันและประสิทธิภาพที่เรียบง่ายสําหรับการใช้งานเหล่านี้

TB9103FTG นําเสนอฟังก์ชันและประสิทธิภาพการทำงานของตัวขับเกตที่ปรับปรุงใหม่ สําหรับมอเตอร์กระแสตรงแบบแปรงถ่านที่ไม่ต้องการการควบคุมความเร็ว ซึ่งเปิดทางสู่การออกแบบที่กะทัดรัดยิ่งขึ้น มีวงจรปั๊มชาร์จในตัว[4] ที่รองรับแรงดันไฟฟ้าที่จําเป็นในการจ่ายไฟให้กับ MOSFETs ภายนอกเพื่อขับเคลื่อนมอเตอร์ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันการตรวจสอบเกตที่ป้องกันการสร้างกระแสไหลผ่าน โดยการควบคุมเวลาเอาต์พุตของสัญญาณเกตไปยัง MOSFETs ภายนอกด้านสูงและด้านต่ำโดยอัตโนมัติ

วงจรรวมใหม่ยังสามารถใช้เป็น H-bridge หนึ่งช่องสัญญาณหรือฮาล์ฟบริดจ์สองช่องสัญญาณ นอกจากจะใช้งานเป็นไดรเวอร์มอเตอร์แล้ว ยังสามารถใช้ร่วมกับ MOSFET ภายนอกเพื่อแทนที่รีเลย์เชิงกลและสวิตช์เชิงกลอื่นๆ  ได้ ซึ่งช่วยให้การทํางานเงียบขึ้นและความน่าเชื่อถือของอุปกรณ์สูงขึ้น

TB9103FTG บรรจุอยู่ในแพ็คเกจ P-VQFN4.0-0404-0404-0.50-003 ขนาด 4.0 มม. ×4.0 มม. (ทั่วไป) และมีส่วนช่วยในการลดขนาดอุปกรณ์

หมายเหตุ:

[1] ไดรเวอร์สำหรับขับเคลื่อน MOSFETs

[2] มอเตอร์ที่ใช้ในระบบปิดประตู

[3] มอเตอร์ที่ใช้ในระบบล็อคและปลดล็อกประตูร่วมกับการทํางานหลักเพื่อป้องกันอาชญากรรม

[4] วงจรที่ใช้ตัวเก็บประจุและสวิตช์เพื่อเพิ่มแรงดันไฟฟ้า

การใช้งาน

อุปกรณ์ยานยนต์

  • มอเตอร์สลักขับเคลื่อนและมอเตอร์ล็อคสําหรับประตูหลังไฟฟ้าและประตูสไลด์ไฟฟ้า และมอเตอร์ขับเคลื่อนสําหรับหน้าต่าง เบาะไฟฟ้า ฯลฯ

คุณสมบัติ

  • ลดฟังก์ชันและประสิทธิภาพเพื่อรองรับการลดขนาด
  • แพ็คเกจขนาดเล็ก
  • สแตนด์บายพลังงานต่ำพร้อมฟังก์ชันพักเครื่องในตัว
  • สามารถทํางานเป็นไดรเวอร์เกตสําหรับ H-bridge หนึ่งช่องสัญญาณหรือฮาล์ฟบริดจ์สองช่องสัญญาณ

ข้อมูลจําเพาะหลัก

หมายเลขชิ้นส่วน

TB9103FTG

มอเตอร์ที่รองรับ

มอเตอร์กระแสตรงแปรงถ่าน

จํานวนช่องเอาต์พุต

หนึ่งช่องสัญญาณ (เมื่อใช้เป็น H-bridge / สองช่องสัญญาณ (เมื่อใช้เป็นฮาล์ฟบริดจ์)

ฟังก์ชันหลัก

ฟังก์ชันหลับ ปั๊มชาร์จในตัว การทํางานของ H-bridge การทํางานของฮาล์ฟบริดจ์ การควบคุมเวลาวิกฤต

การตรวจจับความผิดพลาดหลัก

การตรวจจับแรงดันไฟต่ำของแหล่งจ่ายไฟ การตรวจจับแรงดันไฟสูงของปั๊มชาร์จ การตรวจจับความร้อนสูงเกินไป การตรวจจับ VGS และ VDS ของ MOSFET ภายนอก

พิกัดสูงสุดสัมบูรณ์ (Ta=-40 ถึง 125°C)

แรงดันไฟฟ้าของแหล่งจ่ายไฟ 1 VB
Vb (V)

-0.3 ถึง 18

18 ถึง 40 (ภายในหนึ่งวินาที)

แรงดันไฟฟ้าของแหล่งจ่ายไฟ 2 VCC
Vcc (V)

-0.3 ถึง 6

อุณหภูมิแวดล้อม Ta (°C)

-40 ถึง 125

ช่วงการทํางาน (Ta=-40 ถึง 125°C)

ช่วงการทํางานของแรงดันไฟฟ้าของแหล่งจ่ายไฟ 1 VB
VBrng (V)

7 ถึง 18

ช่วงการทํางานของแรงดันไฟฟ้าของแหล่งจ่ายไฟ 2  VCC
VCCrng (V)

4.5 ถึง 5.5

ช่วงการทํางานของอุณหภูมิย่านการทำงาน
Tjrng (°C)

-40 ถึง 150

แพ็คเกจ

ประเภท

P-VQFN24-0404-0.50-003

ขนาด (มิลลิเมตร)

ประเภท

4.0×4.0

ความน่าเชื่อถือ

ได้รับการรับรอง AEC-Q100 (เกรด 1)

ไปที่ลิงค์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่
TB9103FTG

ไปที่ลิงค์ด้านล่างสําหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของ Toshiba สําหรับไดรเวอร์มอเตอร์กระแสตรงแบบแปรงถ่านสําหรับยานยนต์
Automotive Brushed DC Motor Driver ICs

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง

* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจําเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูล ณ วันที่ประกาศ แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ซัพพลายเออร์ชั้นนําด้านเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงและโซลูชั่นการจัดเก็บข้อมูล โดยใช้ประสบการณ์และนวัตกรรมกว่าครึ่งศตวรรษเพื่อนําเสนอผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์แบบแยกส่วน ระบบ LSI และผลิตภัณฑ์ HDD ที่โดดเด่นแก่ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ

พนักงาน 19,400 คนทั่วโลกมีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงสุด และส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในการร่วมสร้างคุณค่าและตลาดใหม่ บริษัทมมุ่งหวังที่จะสร้างและมีส่วนร่วมในอนาคตที่ดีกว่าสําหรับผู้คนทั่วโลก

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ TDSC ได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54117192/en

ติดต่อ

สอบถามข้อมูลลูกค้า:
ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์อนาล็อกและยานยนต์

โทรศัพท์: +81-44-548-2219
ติดต่อเรา

สอบถามสื่อ:
Chiaki Nagasawa

ฝ่ายการตลาดดิจิทัล
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp
 

ที่มา: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

DishHome ของเนปาลยกระดับข้อเสนอและประสบการณ์ของลูกค้าด้วย Hansen

Logo

เมลเบิร์น ออสเตรเลีย–(BUSINESS WIRE)–10 กันยายน 2024

Hansen Technologies (ASX:HSN) ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์และบริการชั้นนำระดับโลกในอุตสาหกรรมการสื่อสาร พลังงาน และน้ำ มีความยินดีที่จะประกาศว่า DishHome ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร (CSP) ชั้นนำของเนปาลได้อัปเกรด Hansen CCB เวอร์ชันของตน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดเครื่องมือการสื่อสาร เทคโนโลยี และสื่อของ Hansen (Hansen Suite for Communications, Technology & Media) นอกจากนี้ บริษัทจะใช้ประโยชน์จากระบบการดูแลลูกค้าและการเรียกเก็บเงินแบบครบวงจรของ Hansen สำหรับบรอดแบนด์และเคเบิลด้วย เนื่องจากบริษัทมุ่งมั่นที่จะมอบบริการในระดับที่ดีขึ้นแก่ฐานลูกค้าที่กำลังเติบโตทั่วประเทศ

ก่อนการอัปเกรดครั้งนี้ ลูกค้าที่รับสัญญาณโทรทัศน์ตรงจากดาวเทียมและลูกค้าไฟเบอร์เน็ตของ DishHome จะถูกเรียกเก็บเงินแยกกันสำหรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ตนสมัครใช้บริการ แต่ในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ Hansen รุ่นล่าสุดทำให้ลูกค้าของ DishHome สามารถชำระค่าบริการสำหรับการเชื่อมต่อและความบันเทิงเพียงครั้งเดียวได้ ลูกค้าจึงไม่ต้องชำระบิลหลายใบหรือชำระเงินให้ผู้ให้บริการหลายราย

สำหรับ DishHome ประสิทธิภาพและการประหยัดต้นทุนเป็นเพียงเหตุผลส่วนเล็กๆ ที่ทำให้บริษัทตัดสินใจอัปเกรดในครั้งนี้ เนื่องจากประโยชน์ที่จะได้รับคือการที่บริษัทสามารถเปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์และข้อเสนอที่น่าสนใจมากขึ้นในตลาดได้ง่ายกว่าเดิม โดยลูกค้ายังสามารถใช้ส่วนลดและคูปองต่างๆ รวมถึงใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์เพิ่มเติมภายในข้อเสนอวอลเล็ตได้อีกด้วย

Sudeep Acharya ผู้อำนวยการบริษัท Dish Media Network Limited ให้ความเห็นว่า: “Hansen เป็นพันธมิตรหลักด้านเทคโนโลยีของ DishHome มาตั้งแต่ปี 2016 การอัปเกรดเทคโนโลยีล่าสุดนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ความเป็นผู้นำในผลิตภัณฑ์ของ Hansen เท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือและความเป็นพันธมิตรที่แท้จริงระหว่างทีมของเราด้วย ความสามารถของพวกเขาในการรับรู้ถึงความต้องการของลูกค้าและโอกาสทางการตลาดทำให้เราสามารถมอบประสบการณ์ที่ทันสมัยและยืดหยุ่นให้กับลูกค้าได้ ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงคุณค่าสำคัญของพวกเขาในฐานะพันธมิตร เรารอคอยที่จะได้สำรวจโอกาสเพิ่มเติมร่วมกันเพื่อขยายบริการที่ DishHome สามารถมอบให้กับลูกค้าได้ในอนาคต”

Scott Weir ประธานฝ่ายสื่อสารของ Hansen ให้ความเห็นว่า: “การเปลี่ยนเนปาลให้ทันสมัยอย่างรวดเร็วไม่เพียงแต่จะส่งผลให้ความต้องการการเชื่อมต่อที่เร็วขึ้นและข้อเสนอความบันเทิงที่ราบรื่นเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้ความคาดหวังของลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอีกด้วย เรามีความยินดีที่จะสานต่อความร่วมมือที่มีมาอย่างยาวนานกับ DishHome และยินดีที่จะเสนอความยืดหยุ่นที่มากขึ้นในชุดผลิตภัณฑ์และข้อเสนอ ความสามารถในการลดจำนวนบิลที่ต้องชำระ รวมทั้งส่วนลดและคูปองใหม่ๆ การปรับปรุงเหล่านี้จะส่งผลให้ลูกค้าของเราประหยัดค่าใช้จ่ายและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการบำรุงรักษาฐานข้อมูล การรักษาความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว”

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hansen Technologies ได้ที่ www.hansencx.com

เกี่ยวกับ Hansen

Hansen Technologies (ASX: HSN) เป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์และบริการชั้นนำระดับโลกในอุตสาหกรรมพลังงาน น้ำ และการสื่อสาร Hansen ให้บริการลูกค้าในกว่า 80 ประเทศ โดยช่วยให้ลูกค้าสร้าง ขาย และมอบผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ตลอดจนจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า รวมถึงควบคุมการจัดการรายได้ที่สำคัญและกระบวนการสนับสนุนลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ที่ได้รับรางวัลของตน

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.hansencx.com

DishHome

Dish Media Network Limited หรือ ‘DishHome’ เป็นหนึ่งในบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดในอุตสาหกรรมการออกอากาศและบริการอินเทอร์เน็ตของเนปาล DMN ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 โดยเป็นผู้ให้บริการโทรทัศน์แบบรับสัญญาณตรงจากดาวเทียม (DTH) รายแรกและรายเดียวของเนปาล บริษัทดังกล่าวให้บริการครัวเรือนโดยตรงกว่า 2 ล้านครัวเรือนผ่านหลากหลายแพลตฟอร์ม เช่น ทีวีผ่านดาวเทียมและไฟเบอร์เน็ต (Dish Media Network), ทีวีเคเบิล (SIM TV), T2 TV และ IPTV (Prabhu Digital) จุดแข็งที่สำคัญข้อหนึ่งของ DMN อยู่ที่เครือข่ายตัวแทนจำหน่าย ตัวแทนจำหน่ายรายย่อย และแฟรนไชส์บริการมากกว่า 5,000 ราย ซึ่งสามารถให้บริการลูกค้าของเราได้ในทันที

หลังจากสั่งสมประสบการณ์และประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนานกว่า 13 ปีในการให้บริการโทรทัศน์แบบชำระเงิน DishHome ก็ได้เปิดตัวบริการอินเทอร์เน็ต FTTH ภายใต้ชื่อแบรนด์ 'DishHome Fibernet' ในปี 2020 จนถึงตอนนี้ DishHome Fibernet ได้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่ลูกค้ารายย่อยที่มีความพึงพอใจในบริการมากกว่า 300,000 รายผ่านวิศวกรและช่างเทคนิคที่ผ่านการรับรองและมากประสบการณ์

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.dishhome.com.np/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Adnan Bashir
Global Lead, External Communications
Hansen Technologies
+1 647-204-0999

แหล่งที่มา: Hansen Technologies

AGC Group ได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ Cradle to Cradle Certified® สำหรับผลิตภัณฑ์กระจกโฟลตและกระจกเคลือบในเอเชีย

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–05 กันยายน 2024

ผลิตภัณฑ์กระจกโฟลตและกระจกเคลือบของ AGC Glass Asia Pacific ได้รับรางวัล Cradle to Cradle Certificated® Bronze*1 โดยการรับรองนี้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์กระจกโฟลตและกระจกเคลือบที่ผลิตโดยบริษัทในกลุ่ม AGC สองแห่งในเอเชีย ได้แก่ PT Asahimas Flat Glass Tbk และ AGC Float Glass (Thailand) Plc และเป็นไปตามการรับรองปัจจุบันของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Mirox MNGE

The AGC Group has successfully obtained Cradle to Cradle Certified® Certification for all of its flat and coated glass products in Asia. (Graphic: Business Wire)

AGC Group ได้รับการรับรอง Cradle to Cradle Certified® สำหรับผลิตภัณฑ์กระจกแบนและกระจกเคลือบทั้งหมดในเอเชีย (รูปภาพ: Business Wire)

ผลิตภัณฑ์กระจกเคลือบและกระจกโฟลตได้รับการประเมินอย่างละเอียดตามเกณฑ์การประเมินหลัก 5 หมวดหมู่ ได้แก่ ความสมบูรณ์ของวัสดุ การนำวัสดุมาใช้ซ้ำ พลังงานหมุนเวียน การจัดการน้ำ และความเสมอภาคทางสังคม โดยการรับรองนี้ไม่เพียงแต่รับรองในด้านความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังช่วยให้ได้รับการรับรองอาคารสีเขียว เช่น LEED, WELL และ Green Star (ออสเตรเลีย) อีกด้วย

กลุ่มบริษัท AGC ได้กำหนด “คุณค่าทางสังคมสามประการ” ที่จะสร้างขึ้นผ่านผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีต่างๆ ในแผนการบริหารจัดการระยะกลาง AGC plus-2026 ในจำนวนนี้ “Blue Planet” มีเป้าหมายที่จะมีส่วนสนับสนุนความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมโลกผ่านการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม เรามีความยินดีที่จะประกาศว่าผลิตภัณฑ์กระจกโฟลตและกระจกเคลือบของเราได้รับการรับรอง Cradle to Cradle Certified®*2 แล้ว หลังจากการตรวจสอบ EPD*3 verification in 2022 โดยกลุ่มบริษัทของเรากำลังเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนในอุตสาหกรรมก่อสร้าง

[หมายเหตุ]
*1 การรับรองนี้มีพื้นฐานมาจากเวอร์ชัน 3.1
*2 AGC Glass Asia Pacific Sustainable Product Certifications
*3 AGC Glass Asia Pacific Embodied Carbon in Glass & EPD

เกี่ยวกับ AGC

AGC Inc. (สำนักงานใหญ่: โตเกียว, ประธานและ CEO: Yoshinori Hirai) (TOKYO:5201) เป็นบริษัทแม่ของ AGC Group ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชั้นนำของโลกในด้านผลิตภัณฑ์กระจกและซัพพลายเออร์กระจกแบน กระจกรถยนต์และกระจกหน้าจอ สารเคมี เซรามิก และวัสดุและส่วนประกอบไฮเทคอื่นๆ AGC Group ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ล้ำสมัยมากมายโดยอาศัยนวัตกรรมทางเทคนิคนานกว่าศตวรรษ กลุ่มบริษัทมีพนักงานทั่วโลกประมาณ 57,000 คนและสร้างยอดขายประจำปีประมาณ 2.0 ล้านล้านเยนญี่ปุ่น (ประมาณ 13,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) จากการดำเนินงานในกว่า 30 ประเทศและภูมิภาค ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ AGC และบน LinkedIn

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54116541/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Irene Cheng, Tel: +65 6273 5656, Email: aap.glass@agc.com

แหล่งข้อมูล: AGC Inc.