Boomi ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัล APAC Customer Innovation Award ประจำปี 2025

Logo

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2025

Boomi ผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัล Asia Pacific (APAC) Customer Innovation Award ประจำปี 2025ในวันนี้ที่งาน Boomi World Tour ประจำปี 2025 ที่ซิดนีย์

ผู้ชนะในปีนี้ได้รับการคัดเลือกจากโซลูชันนวัตกรรมล้ำสมัยที่ใช้แพลตฟอร์ม Boomi Enterprise https://cts.businesswire.com/ct/CT?id=smartlink&url=https%3A%2F%2Fboomi.com%2Fplatform%2F&esheet=54356640&newsitemid=54356640004&lan=en-US&anchor=and&index=5&md5=bcc36136f5df4a40acb75facb67fe7d1และมีประสิทธิภาพที่โดดเด่นตามเกณฑ์ต่อไปนี้: การแสดงให้เห็นถึงผลกระทบต่อธุรกิจผ่านผลลัพธ์ที่วัดผลได้และมีความโดดเด่น การเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ โครงการนวัตกรรม ผลกระทบต่อสังคม การปรับปรุงให้ทันสมัย ​​ความเป็นเลิศด้านการบูรณาการ และความเป็นเลิศด้านระบบอัตโนมัติ

ผู้ชนะรางวัล Boomi 2025 APAC Customer Innovation Award ได้แก่:

  • Australian Motoring Services Pty Ltd – รางวัลลูกค้าแห่งปีประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ANZ) — Australian Motoring Services ใช้ Boomi Integration และ Boomi API Management เพื่อพลิกโฉมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนระดับองค์กร ด้วยการเชื่อมต่อระบบมากกว่า 11 ระบบอย่างราบรื่น ภายในเวลาเพียงสามเดือน โครงการบูรณาการนี้สามารถขจัดขั้นตอนการทำงานด้วยตนเอง และลดเวลาในการรับสายและเวลาในจัดส่งคนออกไปได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ การดำเนินงานส่วนใหญ่ถูกย้ายไปยัง CRM ของลูกค้า เพื่อสร้างข้อมูลที่สะอาดและซิงค์กันสำหรับการตรวจสอบและการรายงานต่างๆ การเปลี่ยนแปลงนี้ยังสร้างรากฐานที่พร้อมสำหรับ AI ในการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์และการสนับสนุนลูกค้าที่ขับเคลื่อนด้วย AI เชิงสร้างสรรค์
  • Mizuho Bank, Ltd – รางวัลลูกค้าแห่งปีประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (เอเชีย) — Mizuho Bank ได้พลิกโฉมระบบการชำระเงินของลูกค้าทั่วเอเชียด้วยแพลตฟอร์มการชำระเงินที่พร้อมสำหรับอนาคตและเป็นไปตามมาตรฐาน ISO 20022 ที่สร้างขึ้นบน Boomi Integration, Flow และ Managed Cloud Services หลังจากการติดตั้งใช้งานอย่างรวดเร็ว ธนาคารได้เปิดตัวพอร์ทัลออนไลน์ที่ใช้งานง่าย ที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบและแปลงไฟล์การชำระเงินโดยอัตโนมัติ ปกป้องลูกค้าจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบที่ซับซ้อน พร้อมปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน โซลูชันนี้เข้ามาแทนที่ตัวแปลงไฟล์แบบเดิม ช่วยเร่งกระบวนการเริ่มต้นใช้งานของลูกค้าใหม่ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถานะของ Mizuho ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมธนาคารดิจิทัลทั่วภูมิภาค
  • Greencross Pet Wellness Company – รางวัลนวัตกรรม — Greencross Pet Wellness Company (GPWC) บริษัทดูแลสัตว์เลี้ยงรายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย เปิดตัวโปรไฟล์สัตว์เลี้ยงดิจิทัลที่ขับเคลื่อนโดย Boomi โซลูชันนี้จะรวบรวมข้อมูลสัตว์เลี้ยงแบบรวมศูนย์ผ่านแอปพลิเคชัน Petbarn ช่วยปลดล็อกประสบการณ์ลูกค้าที่ตรงใจ รวมถึงคำแนะนำด้านสุขภาพที่ตรงเป้าหมาย การผสานรวมกับแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ GPWC นั้นจะช่วยกระตุ้นการมีส่วนร่วมที่แข็งแกร่งขึ้น รวมถึงความภักดีในระยะเริ่มต้นผ่าน Puppy & Kitten Club และช่องทางรายได้ใหม่ๆ ในธุรกิจค้าปลีกและบริการสัตวแพทย์
  • Teachers Mutual Bank Limited – รางวัลความพร้อมด้าน AI ในอนาคต — Teachers Mutual Bank Limited ได้ปรับปรุงบริการสมาชิกที่สำคัญให้ทันสมัยด้วย Boomi Integration และ Boomi API Management โดยธนาคารได้เปลี่ยนกระบวนการรู้จักลูกค้า (KYC) ด้วยตนเองให้กลายเป็นประสบการณ์แบบ Omnichannel ที่ราบรื่น การอัปเดตที่ครั้งหนึ่งเคยใช้เวลาหลายวัน ตอนนี้เสร็จสิ้นภายในเวลาไม่ถึง 60 วินาที โครงการริเริ่มนี้จะช่วยเพิ่มความแม่นยำของข้อมูล ลดขั้นตอนการดำเนินการด้วยตนเอง ช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า และลดต้นทุนการดำเนินงานรายปี

“รางวัล APAC ประจำปี 2025 นั้นจะมอบให้แก่องค์กรที่มุ่งมั่นพัฒนาผลลัพธ์ทางธุรกิจที่หลากหลาย ตั้งแต่ข้อมูลเชิงลึกและการตัดสินใจที่เฉียบคมขึ้น การมีส่วนร่วมและการเชื่อมโยงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ลึกซึ้งขึ้น และผลผลิตที่วัดผลได้สูงขึ้น” David Irecki ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Boomi กล่าว “ความสำเร็จของพวกเขาเป็นแรงบันดาลใจให้เรา และเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมกับความสำเร็จของพวกเขา และได้ร่วมเฉลิมฉลองโครงการนวัตกรรมที่ได้รับการยอมรับในปีนี้”

“ด้วยแพลตฟอร์ม Boomi Enterprise ลูกค้าของจะเชื่อมต่อการลงทุนดิจิทัลและได้รับข้อมูลเชิงลึกที่คมชัดยิ่งขึ้นเกี่ยวกับข้อมูลของพวกเขา ผลลัพธ์ที่ได้คือ ผลกระทบเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมด้วยประสิทธิภาพที่วัดผลได้ ประสบการณ์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงผลประโยชน์ต่างๆ สำหรับตนเองและชุมชน” Irecki กล่าว

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้องค์กรทั่วโลกเชื่อมต่อทุกสิ่ง จัดการกระบวนการอัตโนมัติ และเร่งผลลัพธ์ โดยแพลตฟอร์ม Boomi Enterprise ซึ่งรวมถึง Boomi Agentstudio จะผสานการบูรณาการและระบบอัตโนมัติเข้ากับการจัดการข้อมูล API และ AI Agent ไว้ในโซลูชันเดียวที่ครอบคลุม โดยทาง Boomi ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 25,000 ราย และได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายพันธมิตรกว่า 800 ราย ซึ่งกำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงแบบ Agentic ที่จะช่วยให้องค์กรทุกขนาดมีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และมีนวัตกรรมในระดับที่กว้างกว่าเดิม ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© 2025 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ ‘Boomi’, โลโก้ ‘B’ และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Boomi, LP หรือบริษัทสาขาหรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251113020595/en

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายสัมพันธ์อินฟลูเอนเซอร์, APJ
jasmine.ee@boomi.com

ที่มา: Boomi

Greencross Pet Wellness Company ได้ยกระดับการปรับแต่งตามความต้องการส่วนบุคคลและประสิทธิภาพด้านไอทีด้วย Boomi

Logo

องค์กรด้านสุขภาพสัตว์เลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลียได้ปรับปรุงกระบวนการส่งมอบทางไอที เร่งการสร้างโปรไฟล์สัตว์เลี้ยงดิจิทัล และลดภาระงานในการบูรณาการระหว่างทีมต่างๆ

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2025

Boomi ผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ประกาศในวันนี้ว่า Greencross Pet Wellness Company (GPWC) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Petbarn กำลังใช้แพลตฟอร์ม Boomi Enterpriseเพื่อรองรับแพลตฟอร์มโปรไฟล์สัตว์เลี้ยงดิจิทัล ปรับปรุงการปรับแต่งตามความต้องการของลูกค้า และปรับปรุงประสิทธิภาพการปฏิบัติงานในธุรกิจค้าปลีก อีคอมเมิร์ซ สัตวแพทย์ และบริการไอที

ด้วยพนักงานมากกว่า 6,000 คน และระบบนิเวศที่ครอบคลุมร้าน Petbarn กว่า 250 สาขา คลินิก Greencross Vets กว่า 140 แห่ง ศูนย์เฉพาะทางและศูนย์ฉุกเฉิน 24 แห่ง ร้านกรูมมิ่ง 132 แห่ง โรงเรียนฝึกสุนัข 114 แห่ง สถานฌาปนสถาน 4 แห่ง ศูนย์อาบน้ำสุนัขแบบ DIY 166 แห่ง ศูนย์อาบน้ำสุนัขเคลื่อนที่ 20 แห่ง และศูนย์พยาธิวิทยาเฉพาะทาง Vepalabs ซึ่งให้บริการคลินิกสัตวแพทย์ทั่วประเทศ โดย GPWC เป็นบริษัทดูแลสัตว์เลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย องค์กรต้องการแพลตฟอร์มบูรณาการเชิงกลยุทธ์เพื่อแทนที่การเชื่อมต่อแบบจุดต่อจุดมากกว่า 150 จุด และให้การมองเห็นแบบเรียลไทม์ว่าระบบต่างๆ ทำงานร่วมกันอย่างไร

“การมีจุดมองเห็นเพียงจุดเดียวได้เปลี่ยนแปลงวิธีการจัดการในการบูรณาการระบบของเราไปอย่างสิ้นเชิง” Jamie Sparrow ผู้จัดการฝ่ายระบบธุรกิจของ GPWC กล่าว “สิ่งที่เคยเป็นกระบวนการที่ใช้เวลานานและกระจัดกระจาย ตอนนี้ได้รวมศูนย์และเชื่อถือได้ ทำให้ทีมของเรามีเวลามากขึ้นในการมุ่งเน้นไปที่งานที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม”

หนึ่งในโครงการที่โดดเด่นที่ Boomi ขับเคลื่อนคือแพลตฟอร์มโปรไฟล์สัตว์เลี้ยงดิจิทัลของ GPWC ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างโปรไฟล์ส่วนตัวสำหรับสัตว์เลี้ยงของตนได้บนแอปพลิเคชันและเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของ Petbarn โดยแพลตฟอร์มแบบบูรณาการนี้ช่วยให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงได้รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการรักษาอย่างทันท่วงที ดูคำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ปรับแต่งให้เหมาะกับสัตว์เลี้ยง และเข้าถึงบริการที่เกี่ยวข้องตามความต้องการของสัตว์เลี้ยงได้

“การปรับแต่งประสบการณ์ของลูกค้าให้ตรงกับความต้องการนั้นเริ่มต้นจากการวางรากฐานที่ถูกต้อง” Sparrow กล่าว “การมีโปรไฟล์สัตว์เลี้ยงแบบบูรณาการช่วยให้เราสามารถมอบบริการที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นในทุกจุดสัมผัส ตั้งแต่คำแนะนำที่ปรับแต่งให้เหมาะกับลูกค้าไปจนถึงการแจ้งเตือนด้านสุขภาพที่ทันท่วงที”

นอกจากนี้ Boomi ยังช่วยให้ GPWC สามารถสร้างมาตรฐานแนวทางการบูรณาการระหว่างทีมต่างๆ ได้ด้วยพิมพ์เขียวของนักพัฒนาที่ส่งเสริมการนำกลับมาใช้ใหม่ การตรวจสอบ และความสม่ำเสมอในการส่งมอบ

“การลงทุนของเราในรูปแบบการบูรณาการที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ช่วยเร่งการส่งมอบอย่างมาก เราจึงสามารถเปิดตัวความสามารถใหม่ๆ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซ้ำซ้อนน้อยลง และมั่นใจมากขึ้นว่าความสามารถเหล่านี้จะสามารถขยายขนาดได้” Sparrow กล่าว

ปัจจุบัน Boomi รองรับการบูรณาการข้อมูลและการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจในระบบคลังสินค้า, แพลตฟอร์ม HR, การจัดเก็บสินค้า และบริการดิจิทัลของ GPWC โดยมีแอปพลิเคชัน 15 ตัวที่บูรณาการผ่านแพลตฟอร์ม Boomi Enterprise

ในอนาคต GPWC วางแผนที่จะขยายการใช้งาน Boomi เพื่อสนับสนุนภารกิจเชิงกลยุทธ์ใหม่ๆ รวมถึงการซิงโครไนซ์ข้อมูลหลักข้ามแพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัว MDM ที่กว้างขึ้น การประสานไฟล์และการตรวจสอบแบบมีโครงสร้างเพื่อลดการกำกับดูแลด้วยตนเอง การวางแผนการกู้คืนหลังเกิดเหตุการณ์รุนแรงเพื่อให้มั่นใจถึงความยืดหยุ่นของแพลตฟอร์ม และการตรวจสอบทั่วทั้งระบบเพื่อตรวจสอบการเคลื่อนย้ายและความสมบูรณ์ของข้อมูล

“Greencross Pet Wellness Company ได้พิสูจน์แล้วว่าประสบการณ์ของลูกค้าจะแข็งแกร่งเพียงใดขึ้นอยู่กับระบบที่อยู่เบื้องหลัง” David Irecki ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Boomi กล่าว “ตั้งแต่การปรับแต่งสัตว์เลี้ยงให้ตรงกับความต้องการไปจนถึงความยืดหยุ่นของแพลตฟอร์ม Boomi ภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับ GPWC เพื่อมอบประสบการณ์ที่ชาญฉลาดและเชื่อมต่อกันมากขึ้นทั่วทั้งระบบนิเวศการดูแลสัตว์เลี้ยง”

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้องค์กรทั่วโลกเชื่อมต่อทุกสิ่ง จัดการกระบวนการอัตโนมัติ และเร่งผลลัพธ์ โดยแพลตฟอร์ม Boomi Enterprise ซึ่งรวมถึง Boomi Agentstudio จะผสานการบูรณาการและระบบอัตโนมัติเข้ากับการจัดการข้อมูล API และ AI Agent ไว้ในโซลูชันเดียวที่ครอบคลุม โดยทาง Boomi ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 25,000 ราย และได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายพันธมิตรกว่า 800 ราย ซึ่งกำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงแบบ Agentic ที่จะช่วยให้องค์กรทุกขนาดมีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และมีนวัตกรรมในระดับที่กว้างกว่าเดิม ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© 2025 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ ‘Boomi’, โลโก้ ‘B’ และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Boomi, LP หรือบริษัทสาขาหรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251113869004/en 

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายสัมพันธ์อินฟลูเอนเซอร์, APJ
jasmine.ee@boomi.com

ที่มา: Boomi

Australian Motoring Services ลดเวลาในการรับสายและเวลาการตอบสนองในการส่งคนออกไปถึง 50% ด้วย Boomi

Logo

ผู้ให้บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนรายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียวางรากฐานสำหรับการสนับสนุนลูกค้าที่ขับเคลื่อนด้วย AI และการบูรณาการระบบที่ราบรื่น

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2025

Boomiผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ประกาศเมื่อวันนี้ว่า Australian Motoring Services (AMS) ได้ปรับปรุงระบบอัตโนมัติและการบูรณาการโดยใช้แพลตฟอร์ม Boomi Enterpriseให้ดีขึ้นอย่างมาก โดยเน้นย้ำด้วยการลดเวลาในการรับสายและเวลาการตอบสนองในการส่งคนออกไปลง 50 เปอร์เซ็นต์

AMS เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการความช่วยเหลือฉุกเฉินข้างทางชั้นนำของประเทศ ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมกันโดยสโมสรยานยนต์หลักของออสเตรเลีย ได้แก่ RACV, NRMA, RACQ, RAC, RAA และ RACT

ในปี 2025 AMS ได้ลงนามข้อตกลงในการบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนครั้งใหญ่กับผู้ผลิตรถยนต์หรูระดับโลก โดยกำหนดให้ AMS ต้องทำงานภายในระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ของลูกค้าอย่างสมบูรณ์ แต่ยังคงใช้ระบบของตนเองสำหรับการตรวจสอบบัญชี การรายงาน การออกใบแจ้งหนี้ และการจัดการซัพพลายเออร์ ปัญหานี้ทำให้เกิดความท้าทายในการบูรณาการอย่างมาก ทำให้การอัปเดตเหตุการณ์แบบเรียลไทม์ทำได้ยาก และบังคับให้ต้องดำเนินการตามคำขอด้านการจัดส่งคนออกไปด้วยตนเอง ซึ่งทำให้เกิดความล่าช้าและข้อผิดพลาด

AMS ประสบความสำเร็จในการผสานรวมระบบ CRM เข้ากับแพลตฟอร์มของลูกค้าและซัพพลายเออร์ ทำให้ไม่จำเป็นต้องป้อนข้อมูลระหว่างระบบด้วยตนเอง แนวทางที่คล่องตัวนี้ช่วยลดเวลาในการรับสายและการตอบสนองของฝ่ายจัดส่งคนได้มากถึง 50 เปอร์เซ็นต์เมื่อดำเนินการผ่านระบบดิจิทัล โดยประหยัดเวลาได้ประมาณ 4-6 นาทีต่อการโทรแต่ละครั้ง และเพิ่มความพึงพอใจให้กับทั้งลูกค้าและพนักงานได้เป็นอย่างมาก

แพลตฟอร์ม Boomi Enterprise ได้สร้างกระแสข้อมูลที่รวดเร็วเป็นพิเศษระหว่างระบบที่แยกจากกัน 11 ระบบ และได้สร้างการบูรณาการแบบสองทางแบบเรียลไทม์ระหว่าง AMS และ CRM ของผู้ผลิตรถยนต์หรู การบูรณาการครอบคลุมตั้งแต่ Salesforce ไปจนถึงระบบจัดส่ง การจัดการเหตุการณ์ และระบบชำระเงินดิจิทัล นอกจากนี้ Boomi ยังช่วยให้บริษัทสร้างส่วนประกอบที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งสามารถปรับขนาดให้เหมาะสมกับประเภทเหตุการณ์และเวิร์กโฟลว์นโยบายที่หลากหลายได้

“การปรับใช้นี้ไม่ได้มุ่งเน้นแค่ประสิทธิภาพ ความเร็ว และฟีดที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้เราได้เปรียบในการแข่งขันเป็นอย่างมากในการทำงานร่วมกับระบบที่ครั้งหนึ่งเคยแตกต่างกันระหว่างเราและลูกค้า” Sid Shekar ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศของ Australian Motoring Services กล่าว “ตอนนี้เราสามารถขยายสถาปัตยกรรมที่ Boomi สร้างขึ้นสำหรับโครงการนี้ไปยังบริการสำคัญอื่นๆ ได้แล้ว”

นอกเหนือจากความต้องการเร่งด่วนตามสัญญาผู้ผลิตรถยนต์หรูแล้ว แพลตฟอร์ม Boomi Enterprise ยังได้สร้างระบบข้อมูลที่มีประสิทธิภาพที่สามารถซิงโครไนซ์ข้อมูลเหตุการณ์และนโยบายระหว่างระบบแบบเรียลไทม์ได้ แพลตฟอร์มนี้จะส่งมอบข้อมูลที่สอดคล้องและเชื่อถือได้ให้กับ AMS สำหรับการวิเคราะห์และกรณีการใช้งาน AI ในอนาคต เช่น การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์, AI เชิงสนทนา และการสนับสนุนลูกค้าที่ขับเคลื่อนด้วย GenAI

“การทำงานร่วมกับ Boomi ทำให้เรามีข้อมูลที่สะอาดและเชื่อมต่อกันทั่วทั้งองค์กร โดยนับเป็นก้าวสำคัญสู่ประสบการณ์การขับขี่ริมถนนที่ชาญฉลาดและเป็นส่วนตัวมากขึ้นสำหรับผู้ขับขี่ทั่วประเทศ” Sid Shekar กล่าวเสริม

David Irecki ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Boomi กล่าวว่า ความร่วมมือกับ AMS แสดงให้เห็นว่าโครงการบูรณาการและการทำงานอัตโนมัติสามารถขยายขนาดและสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว

“เมื่อดำเนินการอย่างถูกต้องและด้วยแนวคิดทางวิศวกรรม บริษัทต่างๆ จะสามารถมองเห็นคุณค่าที่ได้จากการบูรณาการและการนำระบบอัตโนมัติมาใช้ได้แทบจะในทันที และขยายคุณค่านั้นไปทั่วทั้งธุรกิจ” Irecki กล่าว “ปัจจุบัน AMS มีรากฐานที่มั่นคงเพื่อปลดล็อกคุณค่ามหาศาลจากการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์และ AI เชิงสร้างสรรค์”

 แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้องค์กรทั่วโลกเชื่อมต่อทุกสิ่ง จัดการกระบวนการอัตโนมัติ และเร่งผลลัพธ์ โดยแพลตฟอร์ม Boomi Enterprise ซึ่งรวมถึง Boomi Agentstudio จะผสานการบูรณาการและระบบอัตโนมัติเข้ากับการจัดการข้อมูล API และ AI Agent ไว้ในโซลูชันเดียวที่ครอบคลุม โดยทาง Boomi ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 25,000 ราย และได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายพันธมิตรกว่า 800 ราย ซึ่งกำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงแบบ Agentic ที่จะช่วยให้องค์กรทุกขนาดมีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และมีนวัตกรรมในระดับที่กว้างกว่าเดิม ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© 2025 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ ‘Boomi’, โลโก้ ‘B’ และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Boomi, LP หรือบริษัทสาขาหรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251113184609/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายสัมพันธ์อินฟลูเอนเซอร์, APJ
jasmine.ee@boomi.com

ที่มา: Boomi

ธนาคาร Mizuho เร่งปฏิบัติตามมาตรฐาน ISO 20022 และปรับปรุงระบบการชำระเงินให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย Boomi

Logo

สถาบันการเงินจะลดเวลาในการเริ่มต้นใช้งานลง เพิ่มความสามารถในการปรับขนาดตามภูมิภาค และปกป้องลูกค้าจากการหยุดชะงักของกฎระเบียบ

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2025

Boomi ผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ประกาศในวันนี้ว่า ธนาคาร Mizuho ได้นำแพลตฟอร์ม Boomi Enterpriseมาใช้งานเพื่อเร่งการปฏิบัติตามมาตรฐาน ISO 20022 และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

โครงการนี้ช่วยให้การเริ่มต้นใช้งานของลูกค้าราบรื่นขึ้น ด้วยคำสั่งชำระเงินที่ง่ายขึ้น และความสามารถในการปรับขนาดเพื่อรองรับอนาคต ทั้งหมดนี้เพื่อปกป้องลูกค้าจากความซับซ้อนของการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบต่างๆ

ธนาคาร Mizuho เป็นส่วนหนึ่งของ Mizuho Financial Group หนึ่งในสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ดำเนินธุรกิจครอบคลุมทั้งธนาคารเพื่อลูกค้าองค์กร ธนาคารเพื่อลูกค้ารายย่อย และธนาคารเพื่อการลงทุน ขณะที่อุตสาหกรรมบริการทางการเงินกำลังเปลี่ยนผ่านจากระบบการส่งข้อความ SWIFT MT แบบเดิมไปสู่มาตรฐาน ISO 20022 ธนาคารจึงได้เล็งเห็นโอกาสที่จะก้าวไปไกลกว่าการปฏิบัติตามข้อกำหนด และใช้การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นจุดเริ่มต้นเพื่อยกระดับผลลัพธ์ให้กับลูกค้า

“เราทราบดีว่าการเปลี่ยนผ่านสู่มาตรฐาน ISO 20022 อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานประจำวันของลูกค้า แทนที่จะผลักภาระความซับซ้อนนั้นให้พวกเขา เรากลับตัดสินใจรับผิดชอบแทน” Andy Nam ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศประจำภูมิภาคของธนาคาร Mizuho กล่าว “โครงการนี้จะช่วยให้ลูกค้าของเรายังคงใช้รูปแบบไฟล์ที่คุ้นเคยได้ต่อไป ในขณะที่เราจะจัดการการแปลงไฟล์อย่างแนบเนียนเบื้องหลัง ความเรียบง่ายแบบนี้ต้องอาศัยความซับซ้อนของระบบแบ็กเอนด์ขั้นสูง”

แทนที่จะต้องให้ลูกค้าปรับปรุงระบบของตนเองให้ทันสมัยเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ Mizuho เลือกที่จะละทิ้งภาระทางเทคนิคทั้งหมด โดยลงทุนในพอร์ทัลบริการตนเองที่สามารถรองรับรูปแบบใดๆ ก็ได้ ไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ และจัดการการแปลและการตรวจสอบโดยอัตโนมัติ

ด้วย Boomi ทำให้ Mizuho ได้แทนที่เครื่องมือแปลงไฟล์ที่หลากหลายและซับซ้อนในสาขาต่างๆ ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยอินเทอร์เฟซเดียวที่ผสานรวมเป็นหนึ่งเดียว พอร์ทัลบนเว็บนี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถอัปโหลดหรือป้อนคำสั่งชำระเงินด้วยตนเองได้ทั้งในรูปแบบเดิมและรูปแบบ ISO 20022 โดยแพลตฟอร์มแบบใช้โค้ดน้อยของ Boomi นั้นจะช่วยจัดการการแปลง การตรวจสอบความถูกต้อง และการส่งมอบคำสั่งแต่ละคำสั่งอย่างปลอดภัย ช่วยลดความซับซ้อนของขั้นตอนการใช้งานและลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลงอย่างมาก

แพลตฟอร์มใหม่นี้ช่วยให้ Mizuho สามารถลดระยะเวลาในการเริ่มต้นใช้งานของลูกค้าลงได้เป็นอย่างมากจากหลายเดือนเหลือเพียงไม่กี่สัปดาห์ ขณะเดียวกันก็สนับสนุนการหาลูกค้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดต้นทุนในการให้บริการลง โซลูชันนี้เปิดให้บริการในตลาดสำคัญๆ ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกแล้ว และกำลังขยายการให้บริการไปยังพื้นที่อื่นๆ ของธนาคารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

“การดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาอันรวดเร็วถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ แต่ความสำเร็จที่แท้จริงคือสิ่งที่โครงการนี้ทำให้เกิดขึ้น” Andy กล่าวเสริม “เราได้สร้างรากฐานที่ปรับขนาดได้ ซึ่งไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังสามารถปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งถัดไปของวงการธนาคารดิจิทัลได้อีกด้วย”

โครงการริเริ่มนี้ได้กลายเป็นต้นแบบสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้สามารถส่งเสริมความคล่องตัว นวัตกรรม และผลลัพธ์ที่ดีขึ้นสำหรับลูกค้าในสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน Mizuho กำลังมองหาการต่อยอดความสำเร็จนี้ โดยสำรวจการพัฒนาขีดความสามารถด้านดิจิทัลเพิ่มเติมเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าองค์กรที่หลากหลายยิ่งขึ้นทั่วภูมิภาค

“การปรับปรุงระบบชำระเงินให้ทันสมัยไม่ได้เกิดขึ้นในสภาวะสุญญากาศ แต่จำเป็นต้องประสานระบบเก่าและระบบใหม่เข้าด้วยกันในลักษณะที่ไม่ส่งผลกระทบต่อบริการที่สำคัญยิ่งต่อภารกิจ” David Irecki ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Boomi กล่าว “แนวทางของธนาคาร Mizuho ผสมผสานการปฏิบัติตามกฎระเบียบเข้ากับการให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นศูนย์กลาง การผนวกมาตรฐาน ISO 20022 เข้ากับกลยุทธ์การบูรณาการที่ยืดหยุ่น ช่วยให้ธนาคารสามารถเตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินงานในอนาคตและปลดล็อกวิธีการใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมในระดับขนาดใหญ่”

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้องค์กรทั่วโลกเชื่อมต่อทุกสิ่ง จัดการกระบวนการอัตโนมัติ และเร่งผลลัพธ์ โดยแพลตฟอร์ม Boomi Enterprise ซึ่งรวมถึง Boomi Agentstudio จะผสานการบูรณาการและระบบอัตโนมัติเข้ากับการจัดการข้อมูล API และ AI Agent ไว้ในโซลูชันเดียวที่ครอบคลุม โดยทาง Boomi ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 25,000 ราย และได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายพันธมิตรกว่า 800 ราย ซึ่งกำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงแบบ Agentic ที่จะช่วยให้องค์กรทุกขนาดมีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และมีนวัตกรรมในระดับที่กว้างกว่าเดิม ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© 2025 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ ‘Boomi’, โลโก้ ‘B’ และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Boomi, LP หรือบริษัทสาขาหรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251113295012/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายสัมพันธ์อินฟลูเอนเซอร์, APJ
jasmine.ee@boomi.com

ที่มา: Boomi

InterSystems เปิดตัว HealthShare AI Assistant เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดึงข้อมูลและการมีส่วนร่วมทางคลินิกด้วย Conversational Intelligence

Logo

ความสามารถใหม่ที่จะช่วยให้แพทย์สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วยทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น

บอสตัน–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2025

InterSystemsผู้ให้บริการเทคโนโลยีข้อมูลเชิงสร้างสรรค์ที่ขับเคลื่อนข้อมูลสุขภาพมากกว่า 1 พันล้านรายการทั่วโลก ประกาศเปิดตัว InterSystems HealthShare AI Assistant ซึ่งใช้ความสามารถของ AI เชิงสร้างสรรค์ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือแพทย์ ผู้จัดการเคส และผู้ดูแลระบบในการเข้าถึงและทำความเข้าใจข้อมูลของผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วและใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น

โดยสร้างขึ้นมาจากรากฐานที่เชื่อถือได้ของ InterSystems HealthShare Unified Care Record (UCR) ทำให้ HealthShare AI Assistant สามารถนำเสนออินเทอร์เฟซแบบสนทนาที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสืบค้น สรุป และนำทางบันทึกสุขภาพระยะยาวที่ซับซ้อนได้อย่างปลอดภัยโดยใช้คำสั่งภาษาธรรมชาติ โดย AI Assistant สามารถสืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูลทางคลินิกที่หลากหลายหลายนับพันแหล่ง และใช้ประโยชน์จาก AI เชิงสร้างสรรค์เพื่อนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวข้องและนำเสนอข้อมูลผ่านจอแสดงผลมาตรฐานอุตสาหกรรม ที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วยที่ครอบคลุม รวมถึงข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายยิ่งขึ้น

ความสามารถหลักบางประการของ HealthShare AI Assistant ประกอบด้วย

  • อินเทอร์เฟซการสนทนา ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถามคำถามทางคลินิกหรือขอสรุปข้อมูลของผู้ป่วยด้วยภาษาง่ายๆ โดยสามารถมอบข้อมูลเชิงลึกที่กระชับและเข้าใจในบริบทได้ทันที
  • คำเตือนที่สร้างไว้ล่วงหน้าและกำหนดเอง ให้คำแนะนำเริ่มต้นที่ผ่านการคัดสรรทางคลินิก และช่วยให้องค์กรสามารถสร้างการกำหนดค่าตามบทบาทที่ปรับแต่งได้
  • การตรวจสอบแหล่งที่มา เชื่อมโยงคำตอบที่สร้างโดย AI ทุกครั้งกับแหล่งข้อมูลที่ได้รับการยืนยัน ส่งเสริมความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือทางคลินิก
  • การบูรณาการแบบไร้รอยต่อ ดำเนินการภายใน HealthShare Clinical Viewer และแอปพลิเคชั่นนำทางโดยทำให้ผู้ช่วยฝังอยู่ในเวิร์กโฟลว์ตามธรรมชาติของผู้ใช้
  • ธรรมาภิบาลที่ครอบคลุม ใช้โปรไฟล์ข้อมูลที่กำหนดค่าได้ การควบคุมการเข้าถึงตามบทบาท และการติดตามการตรวจสอบแบบเต็มรูปแบบเพื่อรองรับการใช้งาน AI ที่ปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ

“AI ในระบบการดูแลสุขภาพต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานความน่าเชื่อถือ ความสามารถในการทำงานร่วมกัน และข้อมูลที่เชื่อถือได้” Don Woodlock หัวหน้าฝ่ายโซลูชันการดูแลสุขภาพระดับโลกของ InterSystems กล่าว “HealthShare AI Assistant จะช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์เข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้นจากภายในเวิร์กโฟลว์ที่มีอยู่ ช่วยลดภาระทางความคิด เพิ่มประสิทธิภาพ และให้แพทย์สามารถมุ่งเน้นไปที่การดูแลผู้ป่วยได้อย่างเต็มที่”

โครงการนำร่องของ HealthShare AI Assistant แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพและความพึงพอใจของผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การศึกษาการใช้งานที่ดำเนินการร่วมกับ Healthix ที่เป็นศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านสาธารณสุขที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา แสดงให้เห็นว่า AI Assistant สามารถช่วยปรับปรุงขั้นตอนการทำงานของแพทย์ได้ดีขึ้น ลดเวลาในการตรวจสอบบันทึก และแสดงข้อมูลเชิงลึกที่มีประโยชน์และสามารถดำเนินการได้ทันที

“การรวบรวมข้อมูลจากสถานพยาบาลกว่า 9,000 แห่ง สำหรับผู้ป่วยกว่า 21 ล้านคน มาพร้อมกับข้อมูลจำนวนมหาศาล” Todd Rogow ซีอีโอของ Healthix กล่าว “ด้วย HealthShare AI Assistant ผู้ใช้บริการทางการแพทย์ของเราจะมีเครื่องมือที่สามารถดึงข้อมูลสรุปทางคลินิกที่ผ่านการตรวจสอบแล้วได้ทันที โดยดึงมาจากข้อมูลย้อนหลังหลายปี มอบมุมมองแบบองค์รวมเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ณ เวลาที่เข้ารับการรักษา”

HealthShare AI Assistant เป็นส่วนหนึ่งของชุดผลิตภัณฑ์ InterSystems HealthShare ที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันของข้อมูลและการเชื่อมต่อการดูแลสุขภาพในกว่า 80 ประเทศ โดยความสามารถ AI ใหม่นี้พร้อมใช้งานทันทีสำหรับผู้ใช้ HealthShare ในภูมิภาคที่รองรับ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม www.InterSystems.com/HealthShare

เกี่ยวกับ InterSystems
InterSystems เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีข้อมูลเชิงสร้างสรรค์ มอบรากฐานที่เป็นหนึ่งเดียวสำหรับแอปพลิเคชันยุคใหม่สำหรับลูกค้าด้านการดูแลสุขภาพ การเงิน การผลิต และซัพพลายเชนในกว่า 80 ประเทศ แพลตฟอร์มข้อมูลของเราจะช่วยแก้ปัญหาด้านความสามารถในการทำงานร่วมกัน ความเร็ว และความสามารถในการปรับขนาดสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก เพื่อปลดล็อกพลังของข้อมูลและเปิดโอกาสให้ผู้คนได้รับข้อมูลในรูปแบบที่สร้างสรรค์ InterSystems ก่อตั้งขึ้นในปี 1978 โดยมีความมุ่งมั่นในการมุ่งสู่ความเป็นเลิศด้วยการสนับสนุนลูกค้าและพันธมิตรทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน InterSystems เป็นบริษัทเอกชนและมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ มีสำนักงาน 38 แห่งใน 28 ประเทศทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม InterSystems.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ InterSystems:
Zach Keating
pr@intersystems.com
617.551.5158

ที่มา: InterSystems

TOURISE ประกาศการลงทุนในพอร์ตโฟลิโอมูลค่า 113 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเร่งอนาคตการท่องเที่ยว

Logo

การทำข้อตกลงที่มีผลกระทบอย่างสูงในการประชุมสุดยอด TOURISE ครั้งแรกนี้ จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้เงินทุนข้ามภาคส่วนเพื่อการเติบโตในระบบนิเวศการท่องเที่ยวระดับโลก

ริยาด, ซาอุดีอาระเบีย–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2025

TOURISE แพลตฟอร์มระดับโลกที่มุ่งมั่นสร้างอนาคตใหม่ให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ประกาศในวันนี้ว่า ได้กระตุ้นพอร์ตการลงทุนมูลค่ารวม 113 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการประชุมสุดยอด TOURISE ครั้งแรก ณ กรุงริยาด ความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงพันธกิจของ TOURISE ในการปลดล็อกข้อตกลงมูลค่าสูง ด้วยการรวมตัวของผู้นำภาครัฐและเอกชนด้านการท่องเที่ยว เทคโนโลยี การลงทุน และความยั่งยืน เพื่อกำหนดแผนงานร่วมกันสำหรับ 50 ปีข้างหน้าของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก

His Excellency Ahmed Al Khateeb, Saudi Arabia's Minister of Tourism and Chairman of TOURISE announces USD 113 BN of investment portfolios catalyzed at the inaugural TOURISE Summit.

ฯพณฯ Ahmed Al Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียและประธานบริษัท TOURISE ได้ประกาศเปิดตัวพอร์ตการลงทุนมูลค่า 113 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในงาน TOURISE Summit ครั้งแรก

การลงทุนในพอร์ตโฟลิโอที่ประกาศออกมานี้ครอบคลุมทุกแง่มุมของเศรษฐกิจนักท่องเที่ยว ได้แก่ ร้านค้าปลีกหรู ที่พักโรงแรมยุคใหม่ การพัฒนาแบบบูรณาการขนาดใหญ่ที่นำโดยประสบการณ์ การดูแลสุขภาพ ข้อเสนอด้านจุดหมายปลายทางและไลฟ์สไตล์ การพัฒนาบุคลากร และแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย AI ต่างๆ ด้วยความมุ่งมั่นเหล่านี้จะช่วยกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับสิ่งที่เป็นไปได้และสิ่งที่จำเป็น เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการท่องเที่ยวในอนาคตและออกแบบการเดินทางของนักเดินทางในรูปแบบใหม่

บริษัทในระดับนานาชาติและในระดับท้องถิ่นบางแห่งได้ประกาศพอร์ตโฟลิโอของตนที่เป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนมูลค่า 113 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ นี้ ประกอบด้วย Melia Hotels, BWH Hotels, GOCO Hospitality, Cenomi, Radisson, Earth Hotels, Delonix & Ocean Link, AlFozan Holding, Al Kathiri Holding, Alothaim และ Knowledge Economic City

การผสมผสานโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งเข้ากับทุนมนุษย์ การผสมผสานข้อมูล การออกแบบ และการบริการ จะช่วยปลดล็อกคุณค่าใหม่ๆ ทั่วทั้งระบบนิเวศการท่องเที่ยว สร้างโอกาสงานใหม่ๆ และมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจและมีเป้าหมายชัดเจนในวงกว้าง โดยเหนือสิ่งอื่นใด หลายๆ โครงการนั้นมุ่งเน้นไปที่ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งตอกย้ำถึงความสามารถในการแข่งขันในระดับนานาชาติและความเป็นที่ต้องการของซาอุดีอาระเบียในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก ที่ซึ่งวัฒนธรรม นวัตกรรม และบริการระดับโลกมาบรรจบกัน และส่งสัญญาณไปยังพันธมิตรและนักลงทุนว่านี่คือยุคใหม่ของการเติบโตด้านการท่องเที่ยว

การลงทุนเป็นจุดเริ่มต้นบทต่อไปของเศรษฐกิจการท่องเที่ยวระดับโลก

ฯพณฯ Ahmed Al-Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและประธานคณะกรรมการ TOURISE กล่าวว่า “TOURISE จะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่นำนักลงทุน ผู้กำหนดนโยบาย และนักนวัตกรรมมารวมกันเป็นหนึ่งเดียว โดยเปลี่ยนวิสัยทัศน์ให้กลายเป็นความร่วมมือที่คุ้มค่าทางการเงินและข้อตกลงที่สร้างผลกระทบสูง เรากำลังนิยามเศรษฐกิจของนักเดินทางทั้งหมดใหม่ ขับเคลื่อนด้วย AI โดยสร้างขึ้นมาจากความเป็นเลิศด้านจุดหมายปลายทางและประสบการณ์ต่างๆ ร่วมกัน และออกแบบมาเพื่อให้เกิดการเติบโตและขยายโอกาสไปทั่วทั้งระบบนิเวศ”

การประกาศในวันนี้ถือเป็นการตอกย้ำถึงวัตถุประสงค์ในการก่อตั้ง TOURISE นั่นคือการรวมตัวผู้มีอำนาจตัดสินใจและผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อเร่งสร้างความร่วมมือในเชิงปฏิรูป และเปลี่ยนความทะเยอทะยานให้เป็นการกระทำผ่านการทำข้อตกลงที่มีผลกระทบสูง การประกาศในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นนี้ในระบบนิเวศการท่องเที่ยว ช่วยตอกย้ำว่า TOURISE ได้รวบรวมผู้คนที่ใช่ในเวลาที่เหมาะสม เพื่อขับเคลื่อนผลลัพธ์ที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเดินทาง การเชื่อมต่อ และการเติบโตของโลก

เกี่ยวกับ TOURISE

TOURISE เป็นแพลตฟอร์มชั้นนำของโลกที่สร้างขอบเขตใหม่ให้กับการท่องเที่ยวทั่วโลก

การประชุมสุดยอด TOURISE ครั้งแรก ซึ่งขับเคลื่อนโดยกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 พฤศจิกายน 2025 ณ กรุงริยาด โดย TOURISE ได้รวบรวมผู้มีวิสัยทัศน์จากภาครัฐ ภาคธุรกิจ การลงทุน และภาคการศึกษา เพื่อมาร่วมกันพัฒนานวัตกรรมที่จะขับเคลื่อนโครงการริเริ่มที่สร้างผลกระทบแบบองค์รวม รวมถึงข้อตกลงเชิงปฏิรูปที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมและสร้างภาคการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน เป็นธรรม และมุ่งเน้นอนาคต

TOURISE มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมในเชิงกายภาพและครอบคลุมทุกช่องทางดิจิทัล โดยจะรับประกันการมีส่วนร่วมในวงกว้างจากทั่วโลก ควบคู่ไปกับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุดสำหรับผู้ที่มีวิสัยทัศน์ในการกำหนดอนาคตของการท่องเที่ยวโลก หลังจากการประชุมสุดยอด TOURISE จะขยายขอบเขตเป็นแพลตฟอร์มที่ดำเนินกิจกรรมตลอดทั้งปีที่ซึ่งแนวคิดที่โดดเด่นจะกลายเป็นทางออกในโลกแห่งความเป็นจริง

นี่คือจุดกำเนิดของการท่องเที่ยวในอีก 50 ปีข้างหน้า เมื่อร่วมมือกัน จะไม่มีอะไรหยุดยั้งเราได้

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ TOURIST โปรดไปที่ www.TOURISE.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251111666032/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

media@tourise.com

ที่มา: TOURISE

อนาคตถูกกำหนดไว้สำหรับยุคใหม่ของการท่องเที่ยวด้วยการเปิดตัว TOURISE Summit ครั้งแรก

Logo

  •  ผู้แทนเกือบ 8,000 คนได้ลงทะเบียนเข้าร่วมการประชุม TOURISE Summit ครั้งแรก ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 พฤศจิกายน
  •  วิทยากรระดับโลก 140 ท่าน ตอบรับเข้าร่วม

ริยาด, ซาอุดีอาระเบีย –(BUSINESS WIRE)–11 พฤศจิกายน 2025

ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะแก้ไขกฎเกณฑ์การเดินทางใหม่ การประชุม TOURISE Summit ครั้งแรก ภายใต้การอุปถัมภ์ของเจ้าชาย Mohammed bin Salman bin Abdulaziz Al Saud มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรี ได้เปิดอย่างเป็นทางการในวันนี้ โดย H.E. Ahmed Al Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียและประธาน TOURISE

His Excellency Ahmed Al Khateeb, Saudi Arabia's Minister of Tourism and Chairman of TOURISE, opens the inaugural TOURISE Summit in Riyadh.

H.E. Ahmed Al Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียและประธาน TOURISE เป็นประธานเปิดการประชุม TOURISE Summit ครั้งแรกในริยาด

TOURISE จะเป็นผู้นำยุคใหม่ของการท่องเที่ยวโลก โดยรวบรวมรัฐมนตรี ผู้แทน และผู้มีวิสัยทัศน์จากทั่วโลกในฐานะแพลตฟอร์มชั้นนำที่มุ่งสร้างอนาคตของการท่องเที่ยวทั่วโลก

งาน TOURISE จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 พฤศจิกายน 2025 ทันทีหลังจากการประชุมสมัชชาใหญ่ด้านการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 50 โดยมุ่งปรับโฉมรูปแบบการปฏิสัมพันธ์ของภาคส่วนต่างๆ เพื่อค้นหาโอกาสที่คู่แข่งจะกลายเป็นพันธมิตร การลงทุนจะได้รับการปรับให้เหมาะสมที่สุด และการรวมกลุ่มที่กระจัดกระจายจะมาบรรจบกัน งานนี้มีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนแนวคิดที่กล้าหาญให้กลายเป็นวิธีแก้ปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริง และกระตุ้นความคิดริเริ่มที่จะกำหนดทิศทางของภาคการท่องเที่ยวโลกในอีก 50 ปีข้างหน้า

ในสุนทรพจน์เปิดงานวันนี้ H.E. Ahmed Al Khateeb ได้กล่าวว่า ไม่เคยมีช่วงเวลาใดที่เร่งด่วนหรือเหมาะสมยิ่งไปกว่าการผสานรวมภาคส่วนต่างๆ เพื่อกำหนดทิศทางการท่องเที่ยวโลก โดยภาคการท่องเที่ยวได้ฟื้นตัวขึ้นสู่จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างประเทศสูงกว่าระดับก่อนเกิดการระบาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ฯพณฯ ได้เตือนว่าในขณะเดียวกัน ภาคส่วนนี้กำลังเผชิญกับความท้าทายและโอกาสที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ประกอบด้วย การพลิกผันทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงจากรุ่นสู่รุ่นด้วยการเดินทางที่ยั่งยืนและเน้นประสบการณ์ และความจำเป็นในการสร้างความยืดหยุ่นในการรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม รวมถึงความแตกแยกที่เพิ่มมากขึ้นทั่วโลก

ฯพณฯ ตระหนักดีว่า TOURISE ได้มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญนี้ เมื่อโลกกำลังแสวงหารูปแบบใหม่ๆ ความร่วมมือใหม่ๆ และแนวทางแก้ไขปัญหาใหม่ๆ

“TOURISE เป็นมากกว่าแค่งานอีเวนต์ โดยเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการดำเนินการที่เราจะร่วมกันแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่จำกัดศักยภาพของการท่องเที่ยวมาอย่างยาวนาน หนึ่งในนั้นคือความท้าทายด้านทักษะ การลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน ความยั่งยืน และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล นี่คือพื้นที่ที่เราจะร่วมมือกันเพื่อมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผลตอบแทนสำหรับนักลงทุน จุดหมายปลายทางที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และประสบการณ์ที่คุ้มค่าสำหรับนักเดินทาง รวมถึงอาชีพและความเจริญรุ่งเรืองสำหรับชุมชนเมื่อมีความต้องการเดินทางเพิ่มมากขึ้น เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่เรามาที่นี่เพื่อลงมือทำ นั่นคือเหตุผลที่ TOURISE ยังคงอยู่”

ตลอดระยะเวลาสามวัน TOURISE จะเป็นเจ้าภาพจัดเสวนาและเสวนาสำคัญๆ มากมาย โดยมีผู้นำระดับโลกจากหลากหลายภาคส่วนเข้าร่วม วิทยากรระดับโลกที่มีชื่อเสียง ประกอบด้วย:

  • Ariane Gorin ซีอีโอ Expedia
  • เอกอัครราชทูต Patricia Espinosa ผู้ก่อตั้ง onepoint5
  • Gloria Guevara รักษาการซีอีโอ สภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก
  • Shaikha Nasser Al Nowais เลขาธิการใหญ่ฝ่ายการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติคนใหม่
  • Luis Maroto ซีอีโอ Amadeus
  • Francis Suarez นายกเทศมนตรีเมืองไมอามี
  • Paul Griffiths ซีอีโอ ท่าอากาศยานดูไบ
  • Lucia Penrod ผู้ร่วมก่อตั้งและเจ้าของ Nikki Beach
  • Sébastien Bazin ซีอีโอ Accor
  • Eduardo Santander ซีอีโอ คณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งยุโรป (ETC)
  • Harvey Goldsmith CBE ผู้ก่อตั้ง Nvisible Productions
  • Thomas Woldbye ซีอีโอ สนามบินฮีทโธรว์
  • Steve Hafner ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Kayak.com

รายชื่อวิทยากรดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า TOURISE ได้รวบรวมผู้นำจากภาคส่วนต่างๆ ที่ไม่ค่อยได้เห็นมารวมกันอย่างไร ทำให้เกิดความร่วมมือที่แหวกแนวและไร้ขอบเขต การบรรจบกันเหล่านี้ไม่เพียงแต่แปลกใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องยนต์สำหรับรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ประสบการณ์การเดินทางที่ดีขึ้น การพัฒนาจุดหมายปลายทางอย่างยั่งยืนและกลยุทธ์การลงทุนต่างๆ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้จากแพลตฟอร์มที่หลากหลายและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเช่นนี้เท่านั้น

การประชุม Summit นี้จะครอบคลุมถึงคำถามสำคัญๆ ที่กำหนดอนาคตของการเดินทางใหม่ ตั้งแต่ประสบการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และขอบเขตที่ไร้แรงเสียดทาน ไปจนถึงการออกแบบจุดหมายปลายทาง การลงทุน และการแข่งขันเพื่อผู้เดินทางในอนาคต และเปลี่ยนคำถามเหล่านั้นให้เป็นการกระทำผ่านบทสนทนาของรัฐมนตรีที่ทรงพลัง บทสนทนาในห้องประชุม ปาฐกถาหลักบนเวทีหลัก รวมถึงการจัดแสดงนวัตกรรม

ผู้ชนะรางวัล TOURISE Awards ครั้งแรกจะได้รับการประกาศในเย็นวันนี้เช่นกัน โดยจะมอบรางวัลให้แก่สถานที่ที่เป็นตัวอย่างของจุดหมายปลายทางที่ยอดเยี่ยมและตอบสนองความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงไปของนักเดินทางยุคใหม่

ภายใต้การสนับสนุนจากกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย TOURISE จะเป็นมากกว่าการประชุมสุดยอดสามวัน แต่เป็นแพลตฟอร์มระดับโลกที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งสำคัญคือ การสนทนาที่เกิดขึ้นในริยาดจะดำเนินต่อไปตลอดทั้งปี ผ่านความร่วมมือและความร่วมมือข้ามภาคส่วน เพื่อเปลี่ยนแนวคิดที่กล้าหาญให้กลายเป็นโซลูชันที่ใช้งานได้จริง

เกี่ยวกับ TOURISE

TOURISE เป็นแพลตฟอร์มชั้นนำของโลกที่สร้างขอบเขตใหม่ให้กับการท่องเที่ยวทั่วโลก

การประชุม TOURISE Summit ครั้งแรก ที่ขับเคลื่อนโดยกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 พฤศจิกายน 2025 ที่ริยาด โดย TOURISE จะรวบรวมผู้มีวิสัยทัศน์จากภาครัฐ ภาคธุรกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว และเทคโนโลยี เพื่อนำเสนอโครงการริเริ่มที่มีผลกระทบสูงและข้อตกลงต่างๆ ที่จะช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะช่วยพลิกโฉมอุตสาหกรรมและสร้างภาคการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน เป็นธรรม และมุ่งเน้นอนาคต

TOURISE มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมในเชิงกายภาพและครอบคลุมทุกช่องทางดิจิทัล โดยจะรับประกันการมีส่วนร่วมในวงกว้างจากทั่วโลก ควบคู่ไปกับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุดสำหรับผู้ที่มีวิสัยทัศน์ในการกำหนดอนาคตของการท่องเที่ยวโลก หลังจากการประชุมสุดยอด TOURISE จะขยายขอบเขตเป็นแพลตฟอร์มตลอดทั้งปีที่ซึ่งแนวคิดที่โดดเด่นจะกลายเป็นทางออกในโลกแห่งความเป็นจริง

นี่คือจุดกำเนิดของการท่องเที่ยวในอีก 50 ปีข้างหน้า เมื่อร่วมมือกัน เราจะไม่มีวันหยุดยั้ง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ TOURISE ได้ที่ www.TOURISE.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251111716065/en

Contacts

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อ: media@TOURISE.com

ที่มา: TOURISE


ปฏิญญาริยาดว่าด้วยอนาคตของการท่องเที่ยวกับการกำหนดแผนงาน 50 ปี ในการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 26 ด้านการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติที่ได้ปิดฉากลงแล้วที่ซาอุดีอาระเบีย

Logo

ริยาด, ซาอุดีอาระเบีย–(BUSINESS WIRE)–11 พฤศจิกายน 2025

การประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติครั้งที่ 26 สิ้นสุดลงในวันนี้ด้วยการรับรองปฏิญญาริยาดว่าด้วยอนาคตของการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศสมาชิกในการส่งเสริมความร่วมมือกันในอีก 50 ปีข้างหน้า

26th UN Tourism General Assembly

สมัชชาใหญ่ด้านการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 26

ปฏิญญาฉบับนี้ได้ตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำของราชอาณาจักรในด้านการท่องเที่ยวระดับโลกและเป็นศูนย์กลางการตัดสินใจครั้งสำคัญที่เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม เนื่องจากปฏิญญาอันเป็นก้าวสำคัญนี้พร้อมที่จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนในปี 2030 โดยมุ่งเน้นไปที่ความยั่งยืน นวัตกรรมดิจิทัล การบูรณาการ AI และเศรษฐกิจการท่องเที่ยวแบบครอบคลุม

ปฏิญญาริยาดว่าด้วยอนาคตของการท่องเที่ยว คือแผนงานร่วมกันเพื่อกำหนดทิศทางของภาคส่วนนี้ในอีกครึ่งศตวรรษข้างหน้า ในด้านความยั่งยืน การมีส่วนร่วม และนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ ปฏิญญานี้เน้นย้ำถึงการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ ความยืดหยุ่น และการเสริมสร้างศักยภาพของชุมชนท้องถิ่น กำหนดวิสัยทัศน์เพื่อให้มั่นใจว่าการท่องเที่ยวยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความเข้าใจทางวัฒนธรรม และการดูแลสิ่งแวดล้อมทั่วโลก

็H.E. Ahmed Al Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว กล่าวว่า “จากริยาด เราจะก้าวจากการประกาศสู่การปฏิบัติ ด้วยข้อตกลงที่ลงนาม ณ ที่นี้และแพลตฟอร์มที่เรากำลังเปิดตัว เราจะช่วยระดมการลงทุน ยกระดับทักษะบุคลากร ยกระดับธุรกิจ SME ของเราสู่ดิจิทัล รวมถึงการปกป้องวัฒนธรรมและธรรมชาติ ในฐานะที่เป็นที่ตั้งของสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติประจำภูมิภาคตะวันออกกลาง ราชอาณาจักรแห่งนี้จึงจะยังคงจัดการประชุมพันธมิตรและส่งมอบผลลัพธ์ที่วัดผลได้ ดังนั้น การท่องเที่ยวจึงยังคงเป็นสะพานเชื่อมระหว่างประเทศต่างๆ และเป็นแรงขับเคลื่อนความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน”

การรับรองปฏิญญาฉบับนี้เป็นสัญญาณถึงความมุ่งมั่นอีกครั้งของประชาคมนานาชาติในการผลักดันให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างเต็มที่จากการท่องเที่ยวโดยที่เรายังคงมุ่งสู่เป้าหมายด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) นอกจากนี้ยังเป็นการแสดงถึงความเชื่อมั่นต่อบทบาทของซาอุดีอาระเบียในฐานะผู้อำนวยความสะดวกในการเจรจาและเป็นศูนย์กลางแห่งใหม่สำหรับความร่วมมือ

ในการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 26 ด้านการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติ ผู้แทนยังได้ให้สัตยาบันการแต่งตั้ง Shaikha Nasser Al Nowais ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการองค์การการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติคนต่อไป ซึ่งเป็นสตรีคนแรกและมีสัญชาติ GCC ที่จะเป็นผู้นำองค์กร โดยวาระการดำรงตำแหน่งของเธอจะเริ่มต้นในต้นปี 2026

สมัชชาใหญ่ยังตรงกับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ TOURISE ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มระดับโลกใหม่ที่ริเริ่มโดยซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมุ่งเน้นการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน และขับเคลื่อนนวัตกรรมในภาคการท่องเที่ยวทั่วโลก โดย TOURISE จะเป็นเวทีสำหรับผู้นำภาครัฐและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภาคเอกชนในการทำงานร่วมกันเพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล การลงทุนที่สร้างผลกระทบ ความยั่งยืน และการพัฒนากำลังคน เพื่อให้มั่นใจว่าภาคส่วนนี้มีความพร้อมรับมือกับความท้าทายและโอกาสในอนาคต

เกี่ยวกับกระทรวงการท่องเที่ยว

กระทรวงการท่องเที่ยวเป็นผู้นำในการพัฒนาภาคการท่องเที่ยวของซาอุดีอาระเบีย ตามวิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบีย 2030 พันธกิจของกระทรวงคือ การส่งเสริมการเติบโตทั่วทั้งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่กำลังเฟื่องฟูของซาอุดีอาระเบีย สนับสนุนการกระจายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ และผลักดันให้ซาอุดีอาระเบียเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวระดับโลก กระทรวงได้ปลดล็อกศักยภาพของภาคการท่องเที่ยวด้วยการร่างนโยบายและกฎระเบียบที่เป็นนวัตกรรม ส่งเสริมสภาพแวดล้อมการลงทุนที่น่าดึงดูดใจ เสริมศักยภาพภาคเอกชน และฝึกอบรมบุคลากรที่มีความสามารถในประเทศเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม เป็นผู้นำ และปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของซาอุดีอาระเบีย

เกี่ยวกับการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติ

องค์การการท่องเที่ยวโลก (การท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติ) เป็นหน่วยงานเฉพาะทางของสหประชาชาติที่ดูแลการท่องเที่ยว โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบ ความยั่งยืน และการเข้าถึงได้อย่างทั่วถึง ด้วยความร่วมมือกับ 160 ประเทศสมาชิก สมาชิกสมทบ 6 ประเทศ และสมาชิกภาคีกว่า 500 ประเทศ การท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติมุ่งมั่นที่จะวางตำแหน่งการท่องเที่ยวให้เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของการเติบโตทางเศรษฐกิจ การพัฒนาแบบมีส่วนร่วม และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

เกี่ยวกับ UNTGA

สมัชชาใหญ่เป็นการประชุมหลักขององค์การการท่องเที่ยวโลก (การท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติ)

โดยจะมีการจัดประชุมทุกสองปีเพื่ออนุมัติงบประมาณและแผนงาน และอภิปรายประเด็นสำคัญเกี่ยวกับภาคส่วนการท่องเที่ยว ทุกสี่ปีจะมีการเลือกตั้งเลขาธิการ สมัชชาใหญ่ประกอบด้วยประเทศสมาชิกและสมาชิกสมทบ สมาชิกสมทบและตัวแทนจากองค์กรระหว่างประเทศอื่นๆ เข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251111034542/en

Contacts

สำหรับการสอบถามจากสื่อ: Media-Center@mt.gov.sa

ที่มา: Ministry of Tourism Saudi Arabia
 

Kirin: การพัฒนาส่วนผสมหมักจากเชอร์รี่กาแฟเพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัสและกลิ่นหอมที่จะช่วยส่งเสริมความยั่งยืนของฟาร์มกาแฟ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และแก้ไขปัญหาทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–10 พฤศจิกายน 2025

สถาบันเครื่องดื่มแห่งอนาคตของ Kirin Holdings Co., Ltd. ประสบความสำเร็จในการพัฒนาส่วนผสมที่ผ่านการหมักจากเชอร์รี่กาแฟ*1 ด้วยการนำเชอร์รี่กาแฟ*1 ซึ่งมักถูกทิ้งทั้งเนื้อและเปลือกกาแฟมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนความยั่งยืนของฟาร์มกาแฟและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ด้วยคุณสมบัติในการเสริมรสชาติและกลิ่นหอม ส่วนผสมนี้จึงแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการช่วยเพิ่มความพึงพอใจในการดื่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ต่ำได้ โดนเราจะยังคงแสวงหาแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาสังคมที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ต่อไป
 *1 เชอร์รี่กาแฟเป็นผลสีแดงของต้นกาแฟ โดยเมล็ดของเชอร์รี่กาแฟนี้สามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการทำกาแฟได้

Coffee cherries

เชอร์รี่กาแฟ

1. วัตถุประสงค์และความเป็นมาของการพัฒนา

หลังจากสกัดเมล็ดกาแฟ ซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับเมล็ดกาแฟแล้ว จะมีเยื่อและเปลือกกาแฟเชอร์รีจำนวนมากจากแหล่งผลิตทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกทิ้งไป ส่วนต่างๆ เหล่านี้มีสารประกอบต่างๆ ในปริมาณสูง เช่น คาเฟอีนและโพลีฟีนอล ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อระบบนิเวศและภาระทางสิ่งแวดล้อม เช่น มลพิษทางน้ำและดิน ในขณะที่บางภูมิภาคได้เริ่มดำเนินการต่างๆ เช่น การทำปุ๋ยหมักหรือการนำเปลือกกาแฟแห้งมาใช้เป็นส่วนผสมอาหาร*2 แต่หลายภูมิภาคยังคงดำเนินการกำจัดเปลือกเชอร์รี่กาแฟต่อไปเนื่องจากความท้าทายทางด้านเทคนิค เศรษฐกิจ และกฎระเบียบต่างๆ นอกจากนี้ ปัญหาระดับโลกยังคงมีอยู่เกี่ยวกับรายได้ที่ไม่แน่นอนของไร่กาแฟ ซึ่งเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น ราคากาแฟที่ผันผวนและผลผลิตที่ต่ำเนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศโคลอมเบียที่มีการจัดเก็บภาษีสิ่งแวดล้อมสำหรับการกำจัดเมล็ดเชอร์รี่กาแฟ ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระทางเศรษฐกิจให้กับไร่กาแฟ ด้วยเหตุนี้ ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีเครื่องดื่ม Kirin (ปัจจุบันคือศูนย์วิจัยอนาคตของเครื่องดื่ม) จึงได้ศึกษาการใช้เชอร์รี่กาแฟอย่างมีประสิทธิภาพมาตั้งแต่ปี 2018
 *2 ตัวอย่างได้แก่ ชา “Cascara” ที่ทำจากเปลือกเชอร์รี่กาแฟแห้ง

2. รายละเอียดการพัฒนาและความสำเร็จ

ด้วยการนำเทคโนโลยีการเพิ่มกลิ่นไวน์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Kirin ซึ่งเดิมทีพัฒนาขึ้นมาสำหรับไวน์ ทำให้เกิดส่วนผสมใหม่ขึ้นจากการหมักน้ำผลไม้สกัดและทำให้เข้มข้นขึ้นจากเชอร์รี่กาแฟโดยใช้แบคทีเรียกรดแลคติกและยีสต์ โดยพบว่าวัตถุดิบที่ผ่านการหมักนี้จะช่วยเพิ่มคุณสมบัติทางประสาทสัมผัสต่างๆ เช่น ความอบอุ่น ลักษณะการหมัก สัมผัสของแอลกอฮอล์ กลิ่นผลไม้ และความเข้มข้น ในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์หลากหลายชนิด

การยอมรับของแบรนด์ “Kirin Tokusei”

จากผลสำรวจความพึงพอใจ*3 จากการใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มพร้อมดื่ม (RTD)*4 พบว่ามีการพัฒนาที่ดีขึ้นในด้านความพึงพอใจโดยรวม เช่น “ความพึงพอใจ” และ “คุณภาพระดับพรีเมียม” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเพิ่มความพึงพอใจในการดื่ม ด้วยเหตุนี้ เราจึงเริ่มนำส่วนผสมนี้มาใช้ในเครื่องดื่มแบบพร้อมดื่มแบรนด์ “Kirin Tokusei” โดยนำไปใช้ในเครื่องดื่ม “Kirin Tokusei Melon Soda Sour (ข้อเสนอแบบจำกัดเวลา)” ที่วางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม 2025 และ “Kirin Tokusei Mikan Cider Sour (ข้อเสนอแบบจำกัดเวลา)*5” ที่มีกำหนดวางจำหน่ายในวันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน
 *3 การสำรวจของบริษัทที่ดำเนินการในเดือนมิถุนายน 2024 ในกลุ่มผู้ชายและผู้หญิงอายุ 35-59 ปี (จำนวน 90 คน)
 *4 ย่อมาจาก Ready to Drink เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่สามารถดื่มได้ทันทีหลังจากเปิด
 *5 ผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวใหม่จาก “Kirin Tokusei” ที่มอบ “รสชาติระดับพรีเมียมที่รังสรรค์มาอย่างพิถีพิถัน” — “Kirin Tokusei Mikan Cider Sour (เวลาจำกัด)”! (ในญี่ปุ่นเท่านั้น)

ผลกระทบจากการสำรวจความพึงพอใจในการใช้เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์*6

การสำรวจโดยใช้เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ที่มีส่วนผสมนี้ยืนยันว่า “มีสัมผัสในปากที่ดีขึ้น” และ “รสชาติที่ดีขึ้น” ซึ่งชี้ให้เห็นถึงศักยภาพในการเพิ่มความพึงพอใจในการดื่มสำหรับเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ต่ำ
 *6 ผลสำรวจที่ดำเนินการในเดือนพฤษภาคม 2023 ในกลุ่มผู้ชายและผู้หญิงอายุ 30-59 ปี ที่ต้องการรสชาติที่แท้จริงในเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (จำนวน 51 คน)

3. การพัฒนาในอนาคต

  • เรามุ่งหวังที่จะมีส่วนในการสนับสนุนความยั่งยืนของฟาร์มกาแฟผ่านรายได้ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการลดขยะ โดยนำเชอร์รี่กาแฟซึ่งปัจจุบันถูกทิ้งไปแล้วมาใช้เป็นส่วนผสมที่มีคุณค่า และขยายการใช้งานให้มากขึ้น
  • เนื่องจากคุณลักษณะเฉพาะของส่วนผสมนี้ เช่น “สัมผัสในปากที่ดีขึ้น” และ “รสชาติที่ดีขึ้น” ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถเพิ่มความพึงพอใจในการดื่มเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ต่ำได้ เราจึงสำรวจการนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์และผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ต่ำในฐานะแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์

4. มุมมองของนักพัฒนา

  • Sayaka Tsuji สถาบันเครื่องดื่มแห่งอนาคต ฝ่ายวิจัยและพัฒนา
  •  ความคิดของเธอเกี่ยวกับการพัฒนานี้ได้รับการตีพิมพ์ในหมายเหตุ:
     https://note-kirinbrewery.kirin.co.jp/n/n038ee61f11eb (ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)

 เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company Limited (TOKYO:2503) เป็นบริษัทระดับนานาชาติที่ดำเนินกิจการในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม), กลุ่มยา (ธุรกิจยา) และกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก
Kirin Holdings มีรากฐานมาจาก Japan Brewery ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1885 ต่อมาในปี 1907 บริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็น Kirin Brewery นับแต่นั้นมา บริษัทได้ขยายธุรกิจโดยใช้เทคโนโลยีหลักในการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพ และเข้าสู่ธุรกิจยาในช่วงทศวรรษ 1980 ซึ่งธุรกิจเหล่านี้ยังคงเป็นศูนย์กลางการเติบโตระดับโลก ในปี 2007 Kirin Holdings ได้ก่อตั้งขึ้นในฐานะบริษัทโฮลดิ้ง และปัจจุบันกำลังมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ
ภายใต้วิสัยทัศน์ 2027 ของ Kirin Group (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนบริหารระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2019 Kirin Group มุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นเป็น “ผู้นำระดับโลกด้าน CSV* เพื่อสร้างมูลค่าครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไปจนถึงอุตสาหกรรมยา” ในอนาคต Kirin Group จะยังคงใช้จุดแข็งเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านการดำเนินธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในด้านมูลค่าองค์กร
*การสร้างมูลค่าร่วม: มูลค่าเพิ่มร่วมกันสำหรับผู้บริโภคและสังคมโดยรวม

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/20251109805401/en

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อมวลชน
ฝ่ายสื่อสารองค์กร
Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
+81-3-6837-7028
การสอบถามสำหรับสื่อ | KIRIN – Kirin Holdings Company, Limited
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

ที่มา: Kirin Holdings Company, Limited


AUTEL ได้ขับเคลื่อนสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าความเร็วสูงที่เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ

Logo

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–10 พฤศจิกายน 2025

AUTEL ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้ร่วมมือกับ ZEEKR แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมภายใต้ Geely และ Evolt ที่เป็นบริษัทชั้นนำด้านการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย เพื่อส่งมอบสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าความเร็วสูง “ZEEKR Power @centralwOrld” ในใจกลางย่านธุรกิจและไลฟ์สไตล์ของกรุงเทพฯ

AUTEL's state-of-the-art MaxiCharger DS480 (Air-cooled)

MaxiCharger DS480 อันล้ำสมัยของ AUTEL (ระบายความร้อนด้วยอากาศ)

สถานีชาร์จใหม่นี้มาพร้อมกับเทคโนโลยี MaxiCharger DS480 (ระบายความร้อนด้วยอากาศ) สุดล้ำสมัยของ AUTEL โดย MaxiCharger DS480 ได้รับการออกแบบมาให้จ่ายไฟได้สูงสุด 400 กิโลวัตต์ ที่ช่วยให้ ZEEKR 7X รถยนต์รุ่นล่าสุดของ ZEEKR สามารถชาร์จเต็มได้ภายในเวลาเพียง 15 นาที

สถานีแห่งนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อความสะดวก การมองเห็น และความปลอดภัย โดยผสานระบบการจัดการการชาร์จอัจฉริยะของ AUTEL ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบสถานะการชาร์จ วางแผนเส้นทาง และชำระเงินได้อย่างราบรื่นผ่านแอป Evolt

“ความร่วมมือครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ AUTEL ในการนำเสนอโซลูชันการชาร์จที่ทันสมัย ​​เชื่อถือได้ และใช้งานง่ายสู่เขตเมือง” Henry He ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกล่าว “เราภูมิใจที่ได้ขับเคลื่อนสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าความเร็วสูงแห่งนี้ และสนับสนุนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นในประเทศไทย”

ในช่วงเปิดตัวตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน ถึง 31 ธันวาคม 2025 เจ้าของรถ ZEEKR สามารถเพลิดเพลินไปกับการชาร์จไฟฟรี ที่จะช่วยเน้นย้ำถึงประสบการณ์การใช้งานระดับพรีเมียมของสถานี และเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ AUTEL ที่จะมอบโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จไฟที่มีประสิทธิภาพสูงและยั่งยืน

AUTEL ยังคงขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยการมอบโซลูชันที่รองรับการนำพลังงานสะอาดมาใช้ การเดินทางในเมืองที่มีประสิทธิภาพ และประสบการณ์เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าที่ราบรื่นในทุกตลาดทั่วโลก

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/20251109589109/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ฝ่ายขายและการตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก:
FiFi Huang
marketing.jp@autel.com

ที่มา: AUTEL

Thai Herald

Thai Herald