UTAC เตรียมพลิกโฉมการวางแผนห่วงโซ่อุปทานแบบดิจิทัลด้วย Blue Yonder

Logo

บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลกเลือก Luminate Planning ของ Blue Yonder เพื่อปรับการวางแผนภาพด้วยสถานการณ์และความสามารถในการวางแผนอุปทานให้เหมาะสม

สิงคโปร์ & สก็อตส์เดล แอริโซนา–(BUSINESS WIRE)–12 เมษายน 2565

UTAC Holdings Ltd. (UTAC) ผู้ให้บริการการทดสอบและการประกอบเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก ได้เลือกที่จะเปลี่ยนโฉมความสามารถในการวางแผนห่วงโซ่อุปทานแบบดิจิทัลด้วย Blue Yonder บริษัทจะใช้แผน Luminate™ Planning ที่ใช้ SaaS ของ Blue Yonder เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการวางแผนเกี่ยวกับการจัดหาการผลิตที่ซับซ้อนและปรับปรุงความสามารถในการวางแผนภาพด้วยสถานการณ์

UTAC นำเสนอบริการการทดสอบและประกอบเซมิคอนดักเตอร์อย่างเต็มรูปแบบแก่ลูกค้าในหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์หลักดังต่อไปนี้: สัญญาณแอนะล็อก สัญญาณแบบ mixed-signal และแบบลอจิก เซนเซอร์รับภาพ ระบบ MEMS และอุปกรณ์ไม่รวมหน่วย ลูกค้าของ UTAC ประกอบด้วยบริษัทที่ไม่มีสายการผลิตเป็นของตนเอง ผู้ผลิตอุปกรณ์แบบบูรณาการ และบริษัทที่รับการผลิตแผ่นเวเฟอร์ โดย UTAC วางแผนที่จะทำงานร่วมกับ Blue Yonder เพื่อปรับปรุงกระบวนการวางแผนอย่างมีนัยสำคัญ การลดรอบเวลาในการวางแผน และปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของผู้วางแผน

ด้วย Blue Yonder นั้น UTAC จะสามารถ:

  • คาดการณ์การเพิ่มความสามารถในระยะยาวและการตัดสินใจในการลงทุนตามการวางแผนภาพด้วยสถานการณ์ที่เป็นจริง
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้กำลังการผลิตเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตสูงสุด
  • จัดเตรียมกำลังการผลิตและการวางแผนวัสดุที่ถูกต้องและรวดเร็ว
  • ตอบคำถามของลูกค้าด้วยความถูกต้องและรวดเร็ว

“ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน สถานการณ์ทางธุรกิจของเรากำลังเปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากลูกค้าของเราทำการเปลี่ยนแปลงคำสั่งซื้อจำนวนมากและบ่อยครั้งซึ่งส่งผลต่อการคาดการณ์ความต้องการของเรา Luminate Planning ของ Blue Yonder มีการวางแผนภาพด้วยสถานการณ์และความสามารถในการวางแผนอุปทานที่จะช่วยให้เราสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาด” Regina Liew ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อและรองประธานอาวุโส SCM ของ UTAC กล่าว

Luminate Planning ของ Blue Yonder ซึ่งขับเคลื่อนโดย Microsoft Azure จะช่วยให้ UTAC ประมวลผล วางแผน และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงแบบเรียลไทม์ เพิ่มความคล่องตัวในห่วงโซ่อุปทานเพื่อตอบสนองความต้องการที่ผันผวน ด้วยความสามารถในการวางแผนอุปทาน UTAC จะสามารถสร้างกำลังการผลิตและแผนการผลิตที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมที่สุดโดยให้บริการลูกค้าในขั้นสูง

“ห่วงโซ่อุปทานที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพเป็นตัวสร้างความแตกต่างในการแข่งขันในพื้นที่ประกอบและทดสอบเซมิคอนดักเตอร์ (OSAT) ภายนอกที่มีการแข่งขันสูง ด้วยโซลูชั่นของเรา UTAC จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการวางแผนการจัดหาและการผลิตของพวกเขา ซึ่งจะทำให้พวกเขามีความได้เปรียบด้านต้นทุนในการดำเนินงาน และรับรองว่าพวกเขาจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้” Antonio Boccalandro ประธาน APAC ของ Blue Yonder กล่าว

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม:

เกี่ยวกับ UTAC Holdings Ltd.

UTAC Holdings Ltd (UTAC) เป็นผู้ให้บริการอิสระชั้นนำในด้านบริการการทดสอบและการประกอบสำหรับชิปเซมิคอนดักเตอร์ที่หลากหลาย และเราขอเสนอการประกอบเซมิคอนดักเตอร์และการบริการทดสอบอย่างเต็มรูปแบบในหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์หลักดังต่อไปนี้: สัญญาณแอนะล็อก สัญญาณแบบ mixed-signal และแบบลอจิก และหน่วยความจำ ลูกค้าของเราส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่ไม่มีสายการผลิตเป็นของตนเอง ผู้ผลิตอุปกรณ์แบบบูรณาการ และบริษัทที่รับการผลิตแผ่นเวเฟอร์ ซึ่ง UTAC มีสำนักงานใหญ่อยู่ในสิงคโปร์ โดยมีโรงงานผลิตตั้งอยู่ในสิงคโปร์ ไทย จีน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย นอกเหนือจากเครือข่ายการขายทั่วโลกที่เน้นไปที่ห้าภูมิภาค ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน ส่วนที่เหลือในเอเชียและยุโรป โดยมีสำนักงานขายตั้งอยู่ในแต่ละภูมิภาคเหล่านี้

เกี่ยวกับ Blue Yonder

Blue Yonder เป็นผู้นำระดับโลกในห่วงโซ่อุปทานแบบดิจิทัลและการเติมเต็มการค้าผ่านทุกช่องทาง แพลตฟอร์มอัจฉริยะแบบครบวงจรของเราช่วยให้ผู้ค้าปลีก ผู้ผลิต และผู้ให้บริการด้านลอจิสติกส์สามารถคาดการณ์ เปลี่ยนแปลง และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างราบรื่น ด้วย Blue Yonder คุณสามารถทำการตัดสินใจทางธุรกิจที่ทำกำไรได้โดยอัตโนมัติ ที่มอบการเติบโตที่มากยิ่งขึ้นและมอบประสบการณ์ของลูกค้าในจินตนาการใหม่ Blue Yonder – Fulfill your PotentialTM blueyonder.com

“Blue Yonder” เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Blue Yonder Group, Inc. ชื่อการค้า ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใด ๆ ที่อ้างอิงในเอกสารนี้โดยใช้ชื่อ “Blue Yonder” เป็นเครื่องหมายการค้าและ/หรือทรัพย์สินของ Blue Yonder Group, Inc. ชื่อบริษัทและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ทั้งหมดอาจเป็นเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายการค้าจดทะเบียน หรือเครื่องหมายบริการของบริษัทที่เกี่ยวข้อง

ดูเวอร์ชันตนฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220411005230/en/

ติดต่อประชาสัมพันธ์ของ Blue Yonder:
Marina Renneke, APR, Corporate Communications Director
Tel: +1 480-308-3037, marina.renneke@blueyonder.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Wipro แต่งตั้ง Anis Chenchah เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารในภูมิภาค APMEA

Logo

Anis จะเข้าร่วมคณะกรรมการบริหารของ Wipro ด้วย

ดูไบ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ บังกาลอร์, อินเดีย–(BUSINESS WIRE)–11 เมษายน 2565

Wipro Limited (NYSE: WIT, BSE: 507685, NSE: WIPRO) บริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศชั้นนำระดับโลก ที่ให้บริการด้านคำปรึกษาและกระบวนการทางธุรกิจ ได้ประกาศแต่งตั้ง Anis Chenchah ให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการบริหารของ Wipro และประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาค APMEA (เอเชียแปซิฟิก อินเดีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา)

Anis มีประสบการณ์ด้านการบริการให้คำปรึกษา ไอที และกระบวนการทางธุรกิจมามากกว่าสองทศวรรษ เขาร่วมงานกับ Capgemini ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารระดับโลกของ Capgemini Business Services และเป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหารของกลุ่มบริษัท ก่อนหน้านั้น Anis ยังดำรงตำแหน่งผู้นำหลายตำแหน่งใน Capgemini Financial Services ทั่วยุโรปและตะวันออกกลาง

Thierry Delaporte ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการของ Wipro กล่าวว่า “ผมยินดีต้อนรับ Anis สู่ Wipro อย่างอบอุ่น การแต่งตั้งเขาในตำแหน่งนี้เป็นเครื่องบ่งชี้ที่ชัดเจนถึงความทะเยอทะยานของเราในการเติบโตแบบก้าวกระโดดและความเป็นผู้นำในภูมิภาค APMEA เพื่อมุ่งสู่อนาคตที่สดใส จากผลงานความสำเร็จในการขับเคลื่อนการเติบโตในบริบทที่หลากหลาย การจัดการการเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อน และการสร้างทีมที่มีประสิทธิภาพสูง Anis มีความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งนี้เพื่อเร่งความสำเร็จของเราในตลาดที่เป็นเป้าหมายทางธุรกิจ”

Anis Chenchah กล่าวว่า “ผมชื่นชมเป้าหมายของ Wipro และความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าเพื่อสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ต่อสังคม และผมยังรู้สึกประทับใจในประสิทธิภาพของการเปลี่ยนแปลงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้นำธุรกิจของ Wipro ในภูมิภาคที่ผมสนใจเป็นอย่างมาก และเป็นพันธมิตรกับลูกค้าของเราในช่วงเวลาที่พวกเขาเร่งสร้างการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจและดิจิทัล”

Anis สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านวิศวกรรมจาก ENSISA ในประเทศฝรั่งเศส

NS Bala ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของหน่วยการตลาดเชิงกลยุทธ์ใน APMEA ในปีที่ผ่านมา ได้ตัดสินใจย้ายกลับไปยังสหรัฐอเมริกาด้วยเหตุผลส่วนตัว เราเคารพการตัดสินใจของเขาที่ย้ายออกจาก Wipro และต้องขอขอบคุณเขาอย่างจริงใจ ไม่เพียงแต่สำหรับการวางรากฐานที่แข็งแกร่งใน APMEA เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความมุ่มเทอย่างไม่ลดละให้กับ Wipro ในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา เราขอให้เขาประสบความสำเร็จในก้าวต่อไปของชีวิต

เกี่ยวกับหน่วยการตลาดเชิงกลยุทธ์ของ APMEA

Wipro มีภาพลักษณ์และประสบการณ์ที่แข็งแกร่งในภูมิภาคต่าง ๆ ซึ่งประกอบด้วย เอเชียแปซิฟิก อินเดีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา หน่วยตลาดนี้มีบทบาทเชิงกลยุทธ์ในฐานะ 'กลไกขับเคลื่อนการเติบโต' ขององค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในด้านโซลูชันการสร้างความทันสมัยและการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลแบบครอบคลุม ความเชี่ยวชาญในเชิงลึก และนวัตกรรมในวงกว้าง เพื่อให้สอดคล้องกับความทะเยอทะยานในการเติบโตของเรา เรายังคงลงทุนในการปรับให้เข้ากับท้องถิ่นและสร้างความสามารถที่หลากหลาย ในขณะเดียวกันก็เสริมสร้างความร่วมมือด้านระบบนิเวศและความรู้รู้เกี่ยวกับความต้องการในภูมิภาคเพื่อตอบสนองความคาดหวังของลูกค้า

เกี่ยวกับ Wipro Limited

Wipro Limited (NYSE: WIT, BSE: 507685, NSE: WIPRO) บริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศชั้นนำระดับโลก ที่ให้บริการด้านคำปรึกษาและกระบวนการทางธุรกิจ เราควบคุมและใช้ประโยชน์จากพลังของการประมวลผลทาปัญญา ระบบไฮเปอร์ออโตเมชัน หุ่นยนต์ คลาวด์ การวิเคราะห์ และเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราปรับตัวเข้ากับโลกดิจิทัลและทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ ราเป็นบริษัท ๆ หนึ่งที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในด้านบริการที่ครอบคลุม ความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าต่อความยั่งยืน และการเป็นพลเมืองบรรษัทที่ดี โดยมีพนักงานที่ทำงานอย่างทุ่มเทมากกว่า 220,000 คนให้บริการลูกค้าใน 6 ทวีป พร้อมกันนั้น เราค้นพบแนวคิดและเชื่อมโยงจุดต่าง ๆ ร่วมกันเพื่อสร้างอนาคตใหม่ที่ดีและโดดเด่นกว่าเดิม

แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า

ข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าในที่นี้แสดงถึงความเชื่อของ Wipro เกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคต ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วส่วนมากมีความไม่แน่นอนโดยเนื้อแท้และอยู่นอกเหนือการควบคุมของ Wipro ข้อความดังกล่าวนี้รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียงข้อความเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของ Wipro ผลการดำเนินงานทางการเงินในอนาคต และแผนงาน ความคาดหวังและความตั้งใจของ Wipro ได้แก่การ เตือนผู้อ่านว่า ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าในที่นี้มีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างอย่างมากจากผลลัพธ์ที่คาดการณ์ไว้ในข้อความดังกล่าว ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนดังกล่าวรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความผันผวนของรายได้ รายได้สุทธิ และผลกำไรของเรา ความสามารถของเราในการสร้างและจัดการการเติบโต การดำเนินการขององค์กรตามที่เสนออย่างสมบูรณ์ การแข่งขันที่รุนแรงในบริการด้านไอที ความสามารถของเราในการรักษาต้นทุนของเรา ความได้เปรียบ การเพิ่มขึ้นของค่าจ้างในอินเดีย ความสามารถของเราในการดึงดูดและรักษาผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะสูง เวลาและค่าใช้จ่ายเกินในสัญญาที่มีราคาคงที่และกรอบเวลาตายตัว การกระจุกตัวของลูกค้า ข้อจำกัดในการย้ายถิ่นฐาน ความสามารถของเราในการจัดการการดำเนินงานระหว่างประเทศของเรา ความต้องการเทคโนโลยีที่ลดลงในพื้นที่โฟกัสหลักของเรา การหยุดชะงักในเครือข่ายโทรคมนาคม ความสามารถของเราในการดำเนินการให้เสร็จสมบูรณ์และการรวมการเข้าซื้อกิจการที่อาจเกิดขึ้นได้โดยสำเร็จ ความรับผิดต่อความเสียหายในสัญญาบริการของเรา ความสำเร็จของบริษัทที่เราลงทุนเชิงกลยุทธ์ การเพิกถอนแรงจูงใจทางการคลัง ความไม่มั่นคงทางการเมือง สงคราม ข้อจำกัดทางกฎหมายใน การเพิ่มทุนหรือบริษัทที่เข้าซื้อกิจการนอกอินเดีย การใช้ทรัพย์สินทางปัญญาของเราโดยไม่ได้รับอนุญาตและสภาพเศรษฐกิจทั่วไปที่มีผลกระทบต่อธุรกิจและอุตสาหกรรมของเรา เงื่อนไขที่เกิดจากการระบาดใหญ่ของ COVID-19 อาจทำให้การใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีลดลง ส่งผลเสียต่อความต้องการผลิตภัณฑ์ของเรา ส่งผลกระทบต่ออัตราการใช้จ่ายของลูกค้า และอาจส่งผลเสียต่อความสามารถหรือความเต็มใจของลูกค้าในการซื้อข้อเสนอของเรา ชะลอการตัดสินใจซื้อของลูกค้าในอนาคต ในทางลบ ส่งผลกระทบต่อความสามารถของเราในการให้บริการให้คำปรึกษาในสถานที่และการไม่สามารถให้บริการลูกค้าหรือล่าช้าในการจัดหาข้อเสนอของเรา ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อยอดขายในอนาคต ผลการดำเนินงาน และประสิทธิภาพทางการเงินโดยรวมของเรา การดำเนินงานของเราอาจได้รับผลกระทบทางลบจากปัจจัยภายนอกหลายประการที่เกี่ยวข้องกับการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ซึ่งอยู่เหนือการควบคุมของเรา ความเสี่ยงเพิ่มเติมที่อาจส่งผลต่อผลการดำเนินงานในอนาคตของเรานั้นได้อธิบายไว้อย่างละเอียดมากขึ้นในเอกสารที่เรายื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงรายงานประจำปีในแบบฟอร์ม 20-F เอกสารที่ยื่นเหล่านี้หาได้ที่ www.sec.gov ในบางครั้งเราอาจทำแถลงการณ์ที่เป็นลายลักษณ์อักษรและโดยวาจาเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งรวมถึงข้อความที่อยู่ในเอกสารของบริษัทที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และรายงานของเราต่อผู้ถือหุ้น เราไม่ดำเนินการปรับปรุงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าใด ๆ ที่อาจทำขึ้นเป็นครั้งคราวโดยเราหรือในนามของเรา

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220411005337/en/

ติดต่อ:

Sandeep Deb Varman 
Wipro Limited 
sandeep.varman@wipro.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

การประกวดออกแบบโลโก้และคำวลีสำหรับครบรอบ 50 ปี แห่งมิตรภาพและความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่น

Logo

ปิดการรับสมัคร: 15 มิถุนายน 2565

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–11 เมษายน 2565

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC) ได้เปิดตัวแบบฟอร์มใบสมัครออนไลน์บนเว็บไซต์เพื่อรับใบสมัครสำหรับการประกวดการออกแบบโลโก้และคำวลีสำหรับฉลองครบรอบ 50 ปีแห่งความสัมพันธ์อาเซียน – ญี่ปุ่น ซึ่งจัดโดยรัฐบาลของประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่น (Governments of ASEAN Member States and Japan) โดยความร่วมมือกับสำนักเลขาธิการอาเซียน (ASEAN Secretariat) และ AJC การประกวดนี้เปิดให้ทุกชาติของประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่น ทั้งนี้ปิดการรับสมัครในวันพุธที่ 15 มิถุนายน 2565

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220401005161/en/

The 50th Year of ASEAN-Japan Logo design and catchphrase contest flyer (Graphic: Business Wire)

ใบปลิวการประกวดการออกแบบโลโก้และคำวลีอาเซียน-ญี่ปุ่น ครบรอบ 50 ปี (กราฟิก: Business Wire)

ในปี 2566 นับเป็นการฉลองเพื่อเป็นการระลึกถึงครบรอบ 50 ปี ของความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น รัฐบาลของประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่นจะเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ของมิตรภาพและความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่นกับกิจกรรมฉลองและโครงการแลกเปลี่ยนที่หลากหลายในปี 2566 และยังสนับสนุนให้พลเมืองของตนเข้าร่วมในการเฉลิมฉลองความสำเร็จครั้งนี้ด้วย

ด้วยเหตุนี้การประกวดจึงจัดขึ้นเพื่อเชิญชวนให้ประชาชนเสนอแนวคิดในการออกแบบโลโก้และคำวลีที่สะท้อนถึงมิตรภาพและความร่วมมือครบรอบ 50 ปี

1. ภาพรวม – การประกวดการออกแบบโลโก้และคำวลี

(1)

คุณสมบัติ: การประกวดนี้เปิดให้ทุกชาติในประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่น

(2)

วิธีสมัคร: ส่งแบบฟอร์มใบสมัครออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ AJC ตามลิงก์ด้านล่าง

https://www.asean.or.jp/en/ajc/50th-logo-catchphrase/

(3)

ปิดการรับสมัคร: วันพุธที่ 15 มิถุนายน 2565

(4)

การคัดเลือก: ผลงานจะได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบจากผู้จัดการประกวด ผู้ชนะเลิศจำนวนหนึ่งท่านและรองชนะเลิศจำนวนสองท่านสำหรับโลโก้และคำวลีจะถูกคัดเลือก

(5)

การประกาศผล: ผลการประกวดจะประกาศในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน (ASEAN Post-Ministerial Conference) กับญี่ปุ่น และหลังจากนั้นจะเผยแพร่บนเว็บไซต์ของสำนักเลขาธิการอาเซียนและ AJC ตามลำดับ

2. เงื่อนไขที่จำเป็น

  • ผู้สมัครแต่ละท่านอาจสมัครทั้งโลโก้และวลีหรืออย่างใดอย่างหนึ่ง
  • ผู้สมัครแต่ละท่านสามารถส่งได้เพียงหนึ่งผลงานและถ้าปรากฎมีหลายผลงานจากผู้เข้าประกวดคนเดียวกันจะไม่ได้รับการพิจารณา
  • ผลงานจะไม่ถูกส่งกลับไปยังผู้สมัคร

3. สิ่งสำคัญที่ควรทราบ

ผลงานควรเป็นผลงานที่ใหม่และยังไม่มีการเผยแพร่มาก่อน และเป็นต้นฉบับสำหรับการประกวดครบรอบ 50 ปีแห่งมิตรภาพและความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่นเท่านั้น สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาตรวจสอบแนวทางการสมัครที่มีอยู่ในหน้าเพจแบบฟอร์มใบสมัครออนไลน์ได้ที่: https://www.asean.or.jp/en/ajc/50th-logo-catchphrase/

4. การติดต่อสอบถาม

ศูนย์อาเซียน – ญี่ปุ่น (ASEAN-Japan Centre)
inquiries50th@asean.or.jp

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220401005161/en/

ติดต่อ:

ASEAN-Japan Centre (AJC) PR Unit
Tomoko Miyauchi (MS)
URL: https://www.asean.or.jp/en/
TEL: +81-3-5402-8118
E-mail: toiawase_ga@asean.or.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

SōRSE Technology เข้าสู่ตลาด CBD ของประเทศไทยด้วยการเป็นพันธมิตรพิเศษกับ Hempagoda

Logo

  • อิมัลชันที่ละลายน้ำได้ของ SōRSE Technology ที่ผลิตขึ้นสินค้าบรรจุภัณฑ์ของผู้บริโภคมีวางจำหน่ายในประเทศไทยผ่าน Hempagoda
  • SōRSE จะเป็นเทคโนโลยีอิมัลชัน cannabinoid และกัญชงที่ละลายน้ำได้จากสหรัฐฯตัวแรกของประเทศไทย
  • ความร่วมมือของ SōRSE/Hempogoda เป็นโอกาสที่น่าตื่นเต้นสำหรับผู้ผลิตชาวไทยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ มีคุณภาพสูง และรสชาติที่ยอดเยี่ยมที่ขับเคลื่อนโดย SōRSE
  • แบรนด์ในปัจจุบันที่ขับเคลื่อนโดย SōRSE สามารถจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของตนในประเทศไทยโดยร่วมมือกับ Hempagoda

ซีแอตเทิล–(บิสิเนสไวร์)–05 เม.ย. 2565

SōRSE Technology Corporation บริษัทเทคโนโลยีอิมัลชันชั้นนำที่ละลายน้ำได้สำหรับสินค้าบรรจุภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค ประกาศว่าบริษัทได้เข้าสู่ตลาดกัญชงและกัญชาในประเทศไทย  ปัจจุบัน SōRSE ขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ในตลาดกว่า 100 รายการ  SōRSE ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ Hempagoda เพื่อให้แพลตฟอร์ม SōRSE Technology พร้อมใช้งานในตลาดไทย  ในปี 2562 ประเทศไทยกลายเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ออกกฎหมายกัญชาสำหรับใช้ทางการแพทย์และการวิจัย เช่นเดียวกับกัญชงเพื่อการผลิตสิ่งทอ เสื้อผ้า และผลิตภัณฑ์อื่นๆ  ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ประเทศไทยออกกฎหมายให้ใช้กัญชงและ CBD ในอาหารและเครื่องสำอาง และเมื่อต้นปีนี้ รัฐบาลได้นำกัญชงและกัญชาออกจากรายการสารควบคุม  ขั้นตอนเหล่านี้ได้สร้างโอกาสสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์ผสมกัญชงและกัญชาในปี 2565

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220405005298/en/

SōRSE VP of International Markets, Tim O'Neill; Hempagoda CEO, Vaughn Graham; SōRSE CEO, Howard Lee; and SōRSE EVP of Research & Technical Business Development, Michael Flemmens, at Cannabis Business Asia 2022. (Photo: Business Wire)

SōRSE VP of International Markets, Tim O'Neill; Hempagoda CEO, Vaughn Graham; SōRSE CEO, Howard Lee; และ SōRSE EVP of Research & Technical Business Development, Michael Flemmens, ที่ Cannabis Business Asia 2022. (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

ในช่วงสามปีที่ผ่านมา SōRSE ได้ขยายธุรกิจไปทั่วโลกในออสเตรเลีย แคนาดา สหภาพยุโรป ละตินอเมริกา สหราชอาณาจักร เอเชีย และแอฟริกาใต้  ข้อตกลงนี้ถือเป็นการที่ SōRSE ได้เข้าสู่ตลาดประเทศไทยและตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  อิมัลชันจะถูกผลิตขึ้นที่โรงงาน 12,000 ตารางเมตรของ Hempagoda ในกรุงเทพฯ

Vaughn Graham ซีอีโอของ Hempagoda ให้ความเห็นว่า: “เนื่องจากประเทศไทยออกกฎหมายให้ใช้กัญชงและ CBD ในอาหารและเครื่องสำอาง จึงได้รับความสนใจมากมายจากทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มสำหรับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ผสมกัญชา  เราเคยเห็นชาสมุนไพรพื้นฐานและผลิตภัณฑ์ 'ตลาดเริ่มต้น' อื่นๆ ในตลาดไทยมาแล้ว  ด้วยการเป็นพันธมิตรกับ SōRSE เรากำลังเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการและความคิดสร้างสรรค์ของผู้ผลิตชาวไทยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมือนใครที่น่าตื่นเต้นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมที่ขับเคลื่อนโดย SōRSE”

โซลูชันที่ละลายน้ำได้ของ SōRSE เปิดตัวที่ Cannabis Business Asia 2022 เมื่อวันที่ 23 และ 24 มีนาคมที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นงานชั้นนำด้านการพัฒนาตลาดกัญชงและกัญชาทางการแพทย์ในเอเชีย  Tim O'Neill รองประธานฝ่ายตลาดต่างประเทศของ SōRSE และ Vaughn Graham ซีอีโอของ Hempagoda ได้นำเสนอในการประชุมเมื่อวันที่ 23 มีนาคมในหัวข้อ “วิธีการรวม Cannabinoids เข้ากับผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคปลายทาง”

Howard Lee ซีอีโอของ SōRSE ให้ความเห็นว่า “การเป็นหุ้นส่วนครั้งนี้เป็นโอกาสอันยอดเยี่ยมสำหรับทั้งบริษัทและพันธมิตรของเราในการขยายเข้าสู่ตลาดระดับภูมิภาคสำหรับผลิตภัณฑ์ผสมกัญชงและกัญชา ประเทศไทยกำลังปูทางให้ประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียได้พิจารณาถึงประโยชน์ของการมีผลิตภัณฑ์กัญชงและกัญชาสำหรับผู้บริโภค  เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะเป็นบริษัทอเมริกันแห่งแรกที่มีสินค้าออกสู่ตลาดไทย โดยเป็นข้อพิสูจน์ถึงการทำงานหนักทั้งหมดที่เกิดขึ้นในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติดีและปลอดภัย”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการนำผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาดในประเทศไทย ติดต่อ SōRSE ได้ที่นี่

เกี่ยวกับ SōRSE Technology

SōRSE Technology เป็นเทคโนโลยีอิมัลชันที่ละลายน้ำได้ชั้นนำสำหรับการผสมส่วนผสมที่มีประโยชน์ในเครื่องดื่ม อาหาร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์สำอาง  SōRSE ออกแบบมาเพื่อสร้างส่วนผสมที่ทำงานจากน้ำมันที่ละลายน้ำได้เพื่อการผสานที่เรียบง่ายและประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ยังให้ประสบการณ์ที่สม่ำเสมอ ปลอดภัย และสนุกสนานแก่ผู้บริโภค  ด้วยทีม R&D และทีมปฏิบัติการกว่า 30 คน SōRSE เป็นผู้ขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ชั้นนำมากกว่า 100 รายการ รวมถึง Cann, Jones Soda, Mad Tasty, Aprch และ Major.  SōRSE Technology มีจำหน่ายในอเมริกาเหนือ แอฟริกาใต้ อเมริกาใต้ ออสเตรเลีย ยุโรป และเอเชีย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดไปที่ www.sorsetech.com

เกี่ยวกับ HEMPAGODA

บริษัท Hempagoda ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย เป็นธุรกิจกัญชาแบบบูรณาการในแนวตั้ง  กิจกรรมทางธุรกิจ ได้แก่ การเพาะปลูก สกัด การผลิตส่วนผสม CPG ที่มีมูลค่าเพิ่ม และผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่น่าตื่นเต้น ตลอดจนการขายและการจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ  การเพาะปลูกรวมถึงสัญญาการทำฟาร์มร่วมกับเกษตรกรชาวไทย ตลอดจนพื้นที่ปลูกและผลิตในที่ร่มขนาด 12,000 ตารางเมตรในกรุงเทพฯ  ผลิตภัณฑ์โดย Hempagoda ที่จะวางจำหน่ายในปี 2565 ได้แก่

  • เครื่องดื่ม อาหาร และยาทาที่ผสมกัญชาและรูปแบบอื่นๆ
  • แป้ง
  • ชีวมวล
  • สารสกัดคุณภาพสูง
  • อิมัลชันที่ละลายน้ำได้ของ SōRSE

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดไปที่ www.hempagoda.com

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220405005298/en/

ติดต่อ:

SōRSE Technology
Tim O'Neill
VP of International Markets
Tim@sorsetech.com

Hempagoda
Vaughn Graham
CEO และผู้ก่อตั้ง Hempagoda
vaughn@hempagoda.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Daigas Gas and Power Solution ได้รับงานออกแบบวิศวกรรม (FEED) พร้อมคว้าสัญญาบริการให้คำปรึกษาด้านเทคนิคสำหรับโครงการขยายสถานีรับก๊าซธรรมชาติเหลวในไต้หวัน

Logo

โอซาก้า, ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–6 เมษายน 2565

Daigas Gas and Power Solution Co., Ltd. (DGPS) ซึ่ง Osaka Gas Co., Ltd. (OG) (TOKYO:9532) เป็นผู้ถือหุ้น 100% ได้รับงานออกแบบวิศวกรรม (Front End Engineering & Design หรือ FEED) และบริการให้คำปรึกษาด้านเทคนิคสำหรับโครงการขยายสถานีรับก๊าซธรรมชาติเหลว Taichung เฟส 4 ซึ่งมี CPC Corporation, Taiwan (CPC) เป็นเจ้าของและผู้ดำเนินการ

LNG Tanks in CPC Taichung LNG Receiving Terminal (Phase-2) (Photo: Business Wire)

ถัง LNG ในสถานีรับก๊าซธรรมชาติเหลว Taichung ของ CPC (เฟส 2) (ภาพ: Business Wire)

ที่ผ่านมา รัฐบาลไต้หวันได้ออกนโยบายด้านพลังงานโดยตั้งเป้าให้มีการค่อย ๆ หยุดการใช้พลังงานนิวเคลียร์และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง ภายใต้นโยบายพลังงานนี้ รัฐบาลมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนของก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าให้ได้ 50% ภายในปี 2568 ขณะที่ CPC ก็อยู่ระหว่างขยายการแปรสภาพก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG และความจุในการจัดเก็บควบคู่ไปกับแผนดังกล่าว

โครงการขยายในเฟส 4 ประกอบด้วยการสร้างถังเก็บก๊าซธรรมชาติเหลว 4 ถัง (แต่ละถังมีความจุ 180,000 กิโลลิตร) โรงแปรสภาพก๊าซ และท่าเทียบเรือสำหรับถังเก็บก๊าซธรรมชาติเหลว หลังโครงการแล้วเสร็จตามที่กำหนดไว้ในปี 2572 ศักยภาพในการจัดการ LNG ของคลังจัดเก็บก๊าซธรรมชาติ Taichung จะเพิ่มเป็น 13 ล้านตันต่อปี(*1)

Osaka Gas สะสมทักษะและโนว์ฮาวในการบริหารจัดการและบำรุงรักษาสถานีรับก๊าซธรรมชาติเหลวอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยผ่านประสบการณ์ที่ได้จากสถานีรับระดับโลกของบริษัทเองนับตั้งแต่การมาถึงของสินค้า LNG ครั้งแรกในปี 2515

ประสบการณ์ด้านธุรกิจของ DGPS กับ CPC เริ่มต้นขึ้นครั้งแรกในปี 2533 เมื่อ Osaka Gas Engineering Co., Ltd. (หรือ OGE ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น DGPS) ได้ให้บริการด้านเทคนิคสำหรับการเริ่มก่อสร้างสถานีรับก๊าซธรรมชาติเหลว Yung-An ของ CPC นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา OGE/DGPS ได้สร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ใกล้ชิดกับ CPC ผ่านการเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องในสถานีรับ LNG ของ CPC รวมถึงบริการให้คำปรึกษาด้านเทคนิคอย่างต่อเนื่องสำหรับการก่อสร้างสถานีรับ LNG แห่งที่ 3 ของ CPC ใน Guantang ของเมือง Taoyuan(*2) DGPS เชื่อว่าความสามารถทางเทคนิคของ Daigas Group ในการออกแบบ ก่อสร้าง และบริหารจัดการสถานีรับ LNG รวมถึงความพยายามอย่างไม่ลดละและการเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการก่อนหน้านี้เป็นปัจจัยหลักที่ CPC นำมาใช้พิจารณาเพื่อเลือกบริการการออกแบบทางวิศวกรรม (FEED) ของ DGPS และสัญญาบริการให้คำปรึกษาทางเทคนิคสำหรับโครงการขยายในระยะที่ 4 DGPS มุ่งมั่นที่จะมอบบริการด้านเทคนิคระดับสูง (*3) ให้กับ CPC อย่างต่อเนื่องเพื่อให้โครงการขยายสถานีรับก๊าซธรรมชาติเหลว Taichung ในเฟส 4 แล้วเสร็จอย่างสมบูรณ์

Daigas Group รวมถึง DGPS จะขยายธุรกิจด้านพลังงานในต่างประเทศจากต้นน้ำถึงปลายน้ำโดยใช้ประสบการณ์จากทั้งในและนอกญี่ปุ่นรวมถึงแพลตฟอร์มทางธุรกิจในต่างประเทศที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างเต็มรูปแบบ

(*1)

อ้างอิงจากข้อมูลใน “Feasibility Study Report on Taichung plant outer port expansion (Phase-4)”

(*2)

“Osaka Gas Engineering to Provide Consulting Services on Construction of LNG Receiving Terminals in Taiwan” – ข่าวประชาสัมพันธ์ของ Osaka Gas Co., Ltd. เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2561

(*3)

DGPS ได้ให้บริการให้คำปรึกษาด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง การดำเนินการ และการบำรุงรักษาสถานีรับก๊าซธรรมชาติเหลว 40 โครงการใน 9 ประเทศ รวมถึงไต้หวัน

ดูภาพ/แกลเลอรีมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52630340/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ:

HINAKO MATSUO
OSAKA GAS CO., LTD.
ฝ่ายสื่อสารองค์กร 
อีเมล: hin-matsuo@osakagas.co.jp


Glamhive ประกาศการประชุมสุดยอด Glamhive Live Style & Beauty ระดับนานาชาติครั้งแรก นำเสนอโดย Mary Kay Global Design Studio

Logo

Stephanie Sprangers ผู้ก่อตั้ง Glamhive ร่วมงานกับนักออกแบบสไตลิสต์ชื่อดัง Nicole Chavez เพื่อรวบรวมผู้นำในอุตสาหกรรมเพื่อหารือเกี่ยวกับสไตล์และความงาม ณ กรุงลอนดอน

ลอสแองเจลิสและซีแอตเทิล–(BUSINESS WIRE)–5 เม.ย. 2565

การมารวมตัวกันเป็นชุมชนด้านสไตล์เล็ก ๆ ในตอนแรกเริ่ม ได้เติบโตขึ้นเป็นหนึ่งในการรวมตัวที่ใหญ่ที่สุดของชุมชนด้านสไตล์ทั่วโลกในปัจจุบัน ตอนนี้ Glamhive's Spring Style and Beauty Summit หรือ การประชุมสุดยอดสไตล์และความงามฤดูใบไม้ผลิของ กำลังกลับอย่างเต็มกำลัง โดยจะเปิดตัวในลอนดอนในวันที่ 23 เมษายน โดย Glamhive และ Mary Kay Design Studio จะเปิดตัวการประชุมสุดยอดครั้งนี้ในรูปแบบผสมผสานประสบการณ์ทางจริงกับตัวและแบบดิจิทัล โดยมีแขกที่ทั้งมาร่วมงานเองและทางออนไลน์ ที่มาจากโรงแรม Bulgari Hotel London สุดเก๋ไก๋ทั้งหมด ทั้งนี้ รายได้ 100% ของการขายตั๋วจะบริจาคให้กับคณะกรรมการกู้ภัยระหว่างประเทศ หรือ International Rescue Committee สำหรับความช่วยเหลือของพวกเขาในยูเครน

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหาเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220404005192/en/

Stephanie Sprangers, CEO & Founder of Glamhive (Photo: Mary Kay Inc.)

Stephanie Sprangers, CEO และผู้ก่อตั้ง Glamhive (ภาพ: Mary Kay Inc.)

การประชุม Spring Summit ในครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่แปดของบริษัท และจะรวบรวมผู้นำในอุตสาหกรรมและผู้จัดการด้านลุคของคนดังระดับแนวหน้าอีกครั้ง เพื่อหารือเกี่ยวกับสไตล์ การสร้างลุคต่าง ๆ การจัดหาเงินทุน ตลอดจนถึงการเริ่มทำธุรกิจ อนาคตของแฟชั่น และอื่น ๆ อีกมากมาย

งานที่ใช้ตั๋วเข้าร่วมได้ตลอดทั้งวัน จะประกอบด้วย 6 ห้องสนทนา พร้อมกับวิทยากรมากกว่า 25 ราย เนื้อหาด้านล่างนี้คือภาพรวมของหัวข้อที่จะมีการสนทนาโดยวิทยากรระดับรวมดาว

หัวข้อ:

  • The London Perspective (มุมมองของลอนดอน)
  • Unstoppable: Ladies Who Launch (ฉุดไม่อยู่: ผู้หญิงที่เริ่มกิจการ)
  • Tea With British Vogue’s Dena Giannini (จิบชากับ Dena Giannini แห่ง British Vogue)
  • Brand Yourself: Growing Your Personal Brand (สร้างแบรนด์ให้กับตัวเอง: ขยายแบรนด์ของคุณเอง)
  • How To Make A Statement With Your Style (วิธีสร้างสไตล์ของคุณ)
  • The Future Of Fashion (อนาคตของแฟชั่น)

พิธีกรร่วม

STEPHANIE SPRANGERS – ผู้ก่อตั้งและ CEO, Glamhive

NICOLE CHAVEZ – สไตลิสต์คนดังของ Kristen Bell และ Jessica Simpson

วิทยากร:

วิทยากรของเราคือสไตลิสต์คนดัง ช่างแต่งหน้า และผู้สร้างลุคที่ทำงานร่วมกับคนดังในฮอลลีวูดและที่อื่น ๆ ได้แก่:

สไตลิสต์คนดัง: Nicole Chavez กับ Zadrian Smith

ช่างแต่งหน้าคนดัง: Christian Wood กับ Tania Grier

บรรณาธิการ: Dena Giannini (British Vogue) และ Brian Underwood (O Magazine)

ตั๋วเข้าชมการประชุมราคา 149 ปอนด์สำหรับตั๋วเข้างานด้วยตัวเองตลอดวัน และ 45 ปอนด์สำหรับตั๋วเข้างานออนไลน์ ผู้สนับสนุนการนำเสนองาน Glamhive LIVE Spring Style and Beauty Summit  ได้แก่ Mary Kay และ Mary Kay Global Design Studio และ Bulgari Hotels

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.glamhive.com/live-upcoming

เกี่ยวกับ Glamhive: Glamhive ก่อตั้งขึ้นโดย Stephanie Sprangers ผู้ประกอบการในปี 2560 โดยมีวิสัยทัศน์ที่จะทำให้การตกแต่งเสริมสไตล์เข้าถึงปัจเจกชน และยังมีหลักการว่า ความเชื่อมั่นที่มาพร้อมกับความเย้ายวนใจไม่ควรเป็นเฉพาะของคนรวยและคนดังเท่านั้น

ประสบการณ์การจัดแต่งทรงผมออนไลน์ช่วยให้ทุกคนที่มี WiFi ได้พบกับสไตลิสต์ที่จะให้การสนับสนุนแก่พวกเขาเพื่อสร้างเวอร์ชันที่ดีที่สุดของพวกเขา แพลตฟอร์ม Glamhive เป็นแพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่ไร้รอยต่อสำหรับสไตลิสต์ เพื่อช่วยให้พวกเขาขยายเครือข่ายและธุรกิจของพวกเขาได้บนโลกออนไลน์ 100%

เกี่ยวกับ Mary Kay

ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ฉีกกฎเกณฑ์รูปแบบเดิม ได้ก่อตั้งบริษัทด้านความงามของเธอเมื่อ 57 ปี ก่อนในปี 2506 โดยมีเป้าหมายสามประการ คือ มอบโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และการทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความฝันดังกล่าวได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ยังทุ่มเทให้กับการค้นคว้าวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัยเครื่องสำอางค์สี น้ำหอม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิงและครอบครัวด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงภายในครัวเรือน การทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และการส่งเสริมเด็ก ๆให้ทำตามความฝันของตน ดังนั้นวิสัยทัศน์อันดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ในคอนเซปท์ก้าวไปด้วยกันทีละลิปสติก ยังคงส่องสว่างนำทางต่อไป อ่านเพิ่มเติมที่marykayglobal.com และที่ Facebook, Instagram, LinkedIn, ติดตามเราที่ Twitter

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220404005192/en/

ติดต่อ:

Stephanie Sprangers

stephanie@glamhive.com

+1.206.851.0446

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย








Bartek ประกาศการก่อสร้างโรงงานผลิตกรดมาลิกและกรดฟูมาริกที่ใหญ่ที่สุดในโลก

Logo

โครงการจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 และเพิ่มกำลังการผลิตที่มีอยู่ของบริษัทเป็นสองเท่าตัว

สโตนนีย์ครีก, ออนแทรีโอ–(BUSINESS WIRE)–5 เมษายน 2565

Bartek Ingredient ได้เริ่มก่อสร้างโรงงานแบบการเติบโตในแนวดิ่งที่ทันสมัย ซึ่งจะกลายเป็นโรงงานผลิตกรดฟูมาริกเกรดอาหารและกรดมาลิกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อเสร็จสิ้นในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 โครงการมูลค่า 160 ล้านดอลลาร์จะเพิ่มกำลังการผลิตของ Bartek เป็นสองเท่าตัว และทำให้ตำแหน่งของบริษัทขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกในด้านกรดมาลิกและกรดฟูมาริก

Bartek คาดว่าจะมีการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง และกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นนี้จะสนับสนุนการเติบโตของกรดมาลิกและกรดฟูมาริกในอีกหลายปีข้างหน้า โรงงานแห่งใหม่นี้จะสามารถขยายได้เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างเช่น เกลือเสริมสารอาหารและบัฟเฟอร์ และปริมาณของกรดมาลิกและกรดฟูมาริกเพิ่มเติม

WSP Global ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมที่มีชื่อเสียงระดับโลก เป็นผู้นำด้านการก่อสร้างและการออกแบบสำหรับโครงการนี้

เกี่ยวกับ Bartek Ingredients

Bartek Ingredient Inc. เป็นผู้ผลิตกรดมาลิก กรดฟูมาริก และมาลิกแอนไฮไดรด์ชั้นนำ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2512 Bartek มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สโตนนีย์ครีก รัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา มีพนักงาน 150 คนในโรงงานผลิตสองแห่งในออนแทรีโอตอนใต้ โรงงานของ Bartek ได้รับการขึ้นทะเบียนตามมาตรฐาน ISO 9001:2015 Bartek ยังได้รับการรับรองมาตรฐาน BRC Global Standard for Food Safety และจัดจำหน่ายไปยังกว่า 40 ประเทศทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Bartek สามารถเยี่ยมชมได้ที่ bartek.ca/

เกี่ยวกับ TorQuest Partners

TorQuest Partners เป็นผู้จัดการกองทุนไพรเวทอิควิตี้ในแคนาดา ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2545 ด้วยเงินทุนภายใต้การบริหารมากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์แคนาดา TorQuest ลงทุนในบริษัทตลาดระดับกลางและทำงานเป็นพันธมิตรอย่างใกล้ชิดกับฝ่ายบริหารเพื่อสร้างมูลค่า หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ TorQuest Partners สามารถเยี่ยมชมได้ที่ torquest.com/

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220404005874/en/

ติดต่อ:

Erin Robbins
MarketPlace
erin.robbins@market-pl.com
+1-314-366-3562

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Black & Veatch และ The Green Solutions ลงนาม MoU เพื่อพัฒนาการผลิตพลังงานสีเขียวในเวียดนาม

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–4 เมษายน 2565

Black & Veatch และ The Green Solutions (TGS) ได้ลงนาม บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) เพื่อพัฒนาการผลิตและการจัดหาไฮโดรเจนสีเขียวและแอมโมเนียสีเขียวในเวียดนาม

TGS เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการผลิต และการบริการของโครงการพลังงานหมุนเวียน และเป็นผู้นำในการใช้ประโยชน์จากพลังงานสีเขียวในเวียดนามเพื่อนำไปผลิตไฮโดรเจนสีเขียวและแอมโมเนียสีเขียว Black & Veatch เป็นผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาพลังงานไฮโดรเจน ได้นำความรู้และความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีของพลังงานสะอาดและการแปรรูปแอมโมเนียมาสู่โครงการ

“The Green Solutions มีความมุ่งมั่นที่จะใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในด้านพลังงานหมุนเวียนในเวียดนาม และการเป็นพันธมิตรกับ Black & Veatch จะทำให้เราสามารถปรับเปลี่ยนแนวปฏิบัติให้ดีที่สุดในโลกพร้อมกับสอดคล้องกับข้อกำหนดของเอเชีย และมีส่วนสนับสนุนต่อโครงการที่ปลอดจากจากปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของภูมิภาคในอนาคต” Winnie Huynh ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ TGS กล่าว

ไฮโดรเจนสามารถนำมาใช้ในการผลิตไฟฟ้า การจัดเก็บพลังงาน และโซลูชั่นการขนส่งขั้นสูง ในขณะที่แอมโมเนียสามารถทำให้เป็นของเหลวสำหรับการจัดเก็บและการขนส่งทั่วโลก ซึ่งสามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานจำนวนมากเพื่อผลิตไฟฟ้าหรือสารเคมีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ

ภายใต้ MoU โดย Black & Veatch และ TGS ตั้งเป้าที่จะผลิตแอมโมเนียสีเขียวจำนวน 180,000 ตันและไฮโดรเจนสีเขียวจำนวน 30,000 ตันต่อปี เพื่อสนับสนุนความพยายามในการกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับภูมิภาค

TGS ได้แต่งตั้ง Black & Veatch เพื่อศึกษาการผลิตและการเก็บรักษาไฮโดรเจนสีเขียวในเวียดนามโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลมที่จ่ายผ่านระบบโครงข่ายไฟฟ้า การศึกษายังรวมถึงการพัฒนาโรงงานผลิตแอมโมเนียสีเขียว ตลอดจนการกำหนดค่าโรงงานและการทบทวนเทคโนโลยี ความเสี่ยงในการวิวัฒนาการของเทคโนโลยีและการบรรเทาผลกระทบเบื้องต้น การออกแบบแนวคิด การประเมินต้นทุนตามลำดับความสำคัญ และการคำนวณต้นทุนที่ปรับระดับได้ Augustus Global Investments จะจัดหาเงินทุนเพื่อการพัฒนาเบื้องต้นสำหรับโครงการนี้

“ด้วยประวัติศาสตร์ 80 ปีของเราในการทำงานกับการผลิตไฮโดรเจนและแอมโมเนียในอุตสาหกรรมปุ๋ย ความพร้อมที่จะนำความความรู้ความเชี่ยวชาญในทุกขั้นตอนของโครงการด้านไฮโดรเจน ตั้งแต่การให้บริการเป็นที่ปรึกษาด้านเทคนิคและการออกแบบไปจนถึงการดำเนินงานของโครงการ ในฐานะที่เป็นบุกเบิกในการให้บริการลูกค้าแบบครบวงจรของไฮโดรเจนและแอมโมเนีย Black & Veatch เองก็มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นพันธมิตรกับบริษัทที่จะมุ่งเน้นด้านความยั่งยืนอย่างเช่น The Green Solutions ในขณะที่เราเองก็ยังมีเป้าหมายที่จะช่วยในการลดการปล่อยคาร์บอนในเอเชียด้วยการเพิ่มการนำเอาไฮโดรเจนสีเขียวและแอมโมเนียสีเขียวมาใช้” Narsingh Chaudhary รองประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Black & Veatch กล่าว

“Augustus ผสมผสานปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG) เข้ากับกระบวนการลงทุนและการจัดการที่หลากหลายของเรา เรายินดีที่จะสนับสนุนธุรกิจที่คิดถึงอนาคตอย่างเช่น The Green Solutions และ Black & Veatch ที่พวกเขาทำงานเพื่อตระหนักถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการกำจัดคาร์บอนของเอเชีย” Fadi Krikor ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Augustus Global Investments กล่าว

MoU ตอบสนองต่อการมองโลกในทางที่ดีของเอเชียสำหรับเชื้อเพลิงสีเขียวอย่างเช่น ไฮโดรเจนและแอมโมเนีย ตามผลรายงาน Black & Veatch’s 2022 Asia Electric Report ร้อยละ 73 ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าไฮโดรเจนจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนภายใน 10 ปีนับจากนี้มากกว่าเทคโนโลยีอื่นใด นอกจากนี้ผลรายงานยังเผยว่าร้อยละ 46 คิดว่าจะเป็นทางเลือกที่สะอาดและราคาไม่แพงสำหรับการผลิตก๊าซภายในปี 2573

ในฐานะที่เป็นพันธมิตรด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลก Black & Veatch มีประสบการณ์ที่แข็งแกร่งในการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนและวัตถุดิบตั้งต้นจากก๊าซธรรมชาติ การบำบัดน้ำสำหรับงานอุตสาหกรรม การสร้างและการทำให้บริสุทธิ์ของไฮโดรเจน การบีบอัดไฮโดรเจน การจัดการและการผลิตพลังงาน และการเลือกเทคโนโลยีการจัดเก็บที่คุ้มค่า

คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดภาพที่สนับสนุน

หมายเหตุของบรรณาธิการ:

  • Black & Veatch ได้รับเลือกให้เป็น Owner's Engineer โดย Intermountain Power Agency (IPA) สำหรับโครงการ Intermountain Power Project Renewal Project (IPPRP) ซึ่งเป็นหนึ่งในการติดตั้งของเทคโนโลยีกังหันแบบเผาไหม้ที่แรกซึ่งออกแบบมาเพื่อใช้ไฮโดรเจนสีเขียวในปริมาณสูง
  • Black & Veatch ได้จัดเตรียมการออกแบบแนวความคิดและดำเนินการประเมินต้นทุนสำหรับการรวมก๊าซไฮโดรเจนจากโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่ใกล้เคียงเป็นเชื้อเพลิงสำหรับการเผาไหม้ในโรงงานไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม Long Ridge Energy Terminal 485-MW GE 7HA.02
  • Black & Veatch ได้รับการคัดเลือกจาก Enegix Energy ให้ดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโรงงานไฮโดรเจนสีเขียวที่ใหญ่ที่สุดในโลก world’s largest green hydrogen plant โรงงานแห่งนี้ตั้งเป้าหมายการผลิตไฮโดรเจนสีเขียวมากกว่า 600 ล้านกิโลกรัมต่อปี

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch คือบริษัทออกแบบด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงาน 100 เปอร์เซ็นต์ร่วมเป็นเจ้าของ มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีในด้านนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ตั้งแต่ปี 2458 เป็นต้นมา เราได้ช่วยลูกค้าของเราพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยการพัฒนาความยืดหยุ่น และคุณภาพของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญท ในปี 2563 บริษัทมีรายได้รวมในการดำเนินงานกว่า 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และทางสื่อสังคม

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220328005361/en/

ติดต่อ:

EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com
24-HOUR MEDIA HOTLINE | +1 855-999-5991

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย