All posts by Jasmine

KIOXIA ปรับปรุงอายุการใช้งานและประสิทธิภาพของหน่วยความจำแฟลชใน RocksDB ด้วยซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สใหม่

Logo

ปลั๊กอินฐานข้อมูลใหม่ที่จะช่วยลดการขยายการเขียนข้อมูลในการกำหนดค่า RAID แบบ Multi-SSD

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–10 ตุลาคม 2025

Kioxia Corporation ประกาศเปิดตัวปลั๊กอิน RocksDB รุ่นใหม่ที่ช่วยเพิ่มอายุการใช้งานและประสิทธิภาพของ SSD ในสภาพแวดล้อม RAID แบบหลายไดรฟ์ ในวันนี้ โดยต่อยอดมาจากการสาธิตก่อนหน้านี้ของ SSD ที่รองรับการวางตำแหน่งข้อมูลแบบยืดหยุ่น (FDP) และรันบน RocksDB บริษัทจะจัดแสดงความก้าวหน้านี้ในงาน Open Compute Project (OCP) Global Summitที่จะจัดขึ้นในเร็วๆ นี้

ในการตั้งค่า RAID 5 แบบ 4 ไดรฟ์ ปลั๊กอินใหม่ของ Kioxia จะลดปัจจัยการขยายการเขียน (WAF) ลงประมาณ 46% และเพิ่มปริมาณงานเป็น 8.22 เท่าของประสิทธิภาพของ MDRAID1 ในการกำหนดค่ามิเรอร์ไดรฟ์ 2 ตัว นั้น WAF จะลดลงเหลือประมาณ 1/3 และสามารถบรรลุปริมาณงาน 1.45 เท่าได้เมื่อเทียบกับ MDRAID1 เทคโนโลยีนี้บรรลุผลสำเร็จเหล่านี้ด้วยการรวบรวมการเขียนข้อมูลเพื่อให้เขียนตามลำดับ เพื่อป้องกันการกระจายตัวของข้อมูลและลดการรวบรวมข้อมูลขยะต่างๆ

โดย RocksDB ซึ่งถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในแอปพลิเคชัน AI เชิงสร้างสรรค์และคลาวด์ จะได้รับการปรับให้เหมาะสมสำหรับการค้นหาประสิทธิภาพสูงและการจัดการข้อมูลในอดีตอย่างมีประสิทธิภาพ

ปลั๊กอินใหม่นี้จะนำเสนอ SSD ซีรีส์ KIOXIA XD8 ในการสาธิตสดที่บูท Kioxia (A51) ในงาน 2025 OCP Global Summit โดยการสาธิตนี้จะแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นและ WAF ที่ลดลงในการกำหนดค่า RAID 1 แบบสองไดรฟ์ด้วยปลั๊กอิน RocksDB เมื่อเปรียบเทียบกับการทำมิเรอร์ RAID แบบ Linuxมาตรฐาน

Kioxia จะเปิดตัวปลั๊กอินนี้ในรูปแบบโอเพนซอร์ส ซึ่งช่วยตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี SSD และหน่วยความจำแฟลชทั่วทั้งอุตสาหกรรม ด้วยการแบ่งปันนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ทาง Kioxia ยังคงสนับสนุนความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของโครงสร้างพื้นฐานการประมวลผลขั้นสูงและศูนย์ข้อมูลต่างๆ ปลั๊กอินใหม่นี้คาดว่าจะเปิดตัวในไตรมาสแรกของปี 2026

หมายเหตุ:

(1) ประสิทธิภาพอ้างอิงจากการทดสอบโดยใช้ KIOXIA XD8 ซีรีส์ในสภาพแวดล้อมห้องปฏิบัติการของ KIOXIA การวัดอายุการใช้งานอ้างอิงจากการลดปัจจัยการขยายการเขียน (WAF) การปรับปรุงประสิทธิภาพของ RocksDB อ้างอิงจากการเพิ่มขึ้นของการสืบค้นข้อมูลต่อวินาที

 * ความเร็วในการอ่านและเขียนอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น อุปกรณ์โฮสต์ ซอฟต์แวร์ (ไดรเวอร์ ระบบปฏิบัติการ ฯลฯ) และสภาวะการอ่าน/เขียน
 * เครื่องหมาย Open Compute Project และ OCP เป็นกรรมสิทธิ์และใช้งานโดยได้รับอนุญาตจาก Open Compute Project Foundation
 * Linus เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Linus Torvalds ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ
 * ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทบุคคลที่สาม

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ที่มุ่งมั่นพัฒนา ผลิต และจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) โดยในเดือนเมษายน 2017 Toshiba Memory ซึ่งเป็นชื่อเดิมของบริษัทได้แยกตัวออกมาจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจำ” ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและสร้างคุณค่าจากหน่วยความจำให้กับสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3 มิติอันล้ำสมัยของ Kioxia ที่ชื่อว่า BiCS FLASH™ กำลังกำหนดอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันความหนาแน่นสูง ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี ระบบยานยนต์ ศูนย์ข้อมูล และระบบ AI เชิงสร้างสรรค์

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลติดต่อ เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

การสอบถามจากสื่อ:
Kioxia Corporation
ฝ่ายบริหารการส่งเสริมการขาย
Satoshi Shindo
โทร.: +81-3-6478-2404

ที่มา: Kioxia Corporation

Xenco Medical ได้รับการยกย่องให้เป็นบริษัทอุปกรณ์การแพทย์/การวินิจฉัยแห่งปีในงานประกาศรางวัล Trailblazer Awards อันทรงเกียรติประจำปี 2025 ในนิวยอร์กซิตี้

Logo

ซานดิเอโก–(BUSINESS WIRE)–08 ตุลาคม 2025

Xenco Medical บริษัทเทคโนโลยีทางการแพทย์รุ่นบุกเบิก ได้รับการยกย่องให้เป็นบริษัทอุปกรณ์การแพทย์/การวินิจฉัยแห่งปี ในงานประกาศรางวัล PM360 Trailblazer Awards ประจำปี 2025 ซึ่งจัดขึ้นที่ Gotham Hall ในนิวยอร์กซิตี้ เมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา โดยรางวัล Trailblazer Awards จัดขึ้นโดยองค์กรวิทยาศาสตร์ชีวภาพชั้นนำของโลกในแต่ละปี เพื่อยกย่ององค์กร ผู้นำ และโครงการริเริ่มต่างๆ ที่มีนวัตกรรมและทรงอิทธิพลที่สุดในการกำหนดอนาคตของการดูแลสุขภาพ โดย Xenco Medical ได้รับรางวัลสูงสุดในฐานะบริษัทแห่งปีในสาขาอุปกรณ์การแพทย์/การวินิจฉัย จากการพัฒนาอุปกรณ์ปลูกถ่ายแบบเลียนแบบชีวภาพ วัสดุชีวภาพแบบฟื้นฟูสภาพ และเครื่องมือผ่าตัดโพลิเมอร์คอมโพสิต ด้วยเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งกำหนดนิยามใหม่ของการดูแลผู้ป่วยผ่าตัด “ผู้ชนะในปีนี้แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ทำให้อุตสาหกรรมของเราแตกต่างอย่างชัดเจน นั่นคือ แนวคิดที่โดดเด่น นวัตกรรมที่ก้าวล้ำ และผลกระทบต่อโลก” กล่าวโดย Anna Stashower ซีอีโอและสำนักพิมพ์ PM360 “ผลงานของพวกเขาช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต ยกระดับการดูแล และขับเคลื่อนความก้าวหน้าที่สำคัญได้อย่างแท้จริง” ผู้ชนะรายอื่นๆ ในพิธีมอบรางวัลนี้ ประกอบด้วย Merck & Company ที่ได้รับรางวัลบริษัทเภสัชกรรม/เทคโนโลยีชีวภาพแห่งปี และ Vertex Pharmaceuticals ที่ได้รับรางวัลบริษัทเภสัชกรรม/เทคโนโลยีชีวภาพเฉพาะทางแห่งปี

On September 30th, 2025, Xenco Medical took home the top crown as Company of the Year in the Medical Device/Diagnostics category at the lauded Trailblazer Awards Ceremony in New York City’s Gotham Hall.

เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2025 Xenco Medical ได้คว้ารางวัลบริษัทแห่งปีในประเภทอุปกรณ์การแพทย์/การวินิจฉัย ในงานประกาศรางวัล Trailblazer Awards ที่ Gotham Hall ในนิวยอร์กซิตี้

“เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการยกย่องให้เป็นบริษัทแห่งปีในประเภทอุปกรณ์การแพทย์/การวินิจฉัย ในงาน Trailblazer Awards ประจำปี 2025 และเราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้นำศักยภาพอันล้นเหลือของวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างผลกระทบที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้ป่วยจำนวนนับไม่ถ้วนต่อไป” Jason Haider ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Xenco Medical กล่าว

ด้วยแรงบันดาลใจจากวิถีการถ่ายโอนเชิงกลภายในเซลล์ เทคโนโลยี TrabeculeX Continuum อันล้ำสมัยของ Xenco Medical นั้นได้ผสานศักยภาพในการสร้างกระดูกของวัสดุชีวภาพที่ฟื้นฟูตัวเองได้อย่างลงตัวกับการฟื้นฟูหลังการผ่าตัดที่ขับเคลื่อนด้วย AI ด้วยการช่วยให้ศัลยแพทย์สามารถติดตามคะแนนความเจ็บปวด การปฏิบัติตามการฟื้นฟู และการฟื้นตัวของการเคลื่อนไหวจากระยะไกลผ่านการประเมินท่าทางที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้ โดย Xenco Medical ยังคงเดินหน้าในภารกิจต่างๆ เพื่อกำจัดอุปสรรคต่างๆ ที่พบเห็นได้โดยทั่วไปในการผ่าตัด

รางวัล Trailblazer Awards เป็นหนึ่งในรางวัลเกียรติยศสูงสุดในสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพที่ยกย่องความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมที่ก้าวล้ำ ธรรมาภิบาลองค์กร และความรับผิดชอบต่อสังคม โดยยกย่องบริษัทที่เป็นตัวอย่างความเป็นผู้นำและความคิดสร้างสรรค์ในระบบนิเวศการดูแลสุขภาพ โดย Xenco Medical ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอุปกรณ์การแพทย์ได้นำเสนอเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ ที่ช่วยตอกย้ำถึงแนวทางการดูแลสุขภาพที่เน้นคุณค่า ทาง Xenco Medical ได้ยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานของสถานพยาบาลอย่างก้าวกระโดดด้วยระบบปลูกถ่ายอุปกรณ์ผ่าตัดแบบใช้ครั้งเดียวที่มีการปรับปรุงใหม่ อุปกรณ์ผ่าตัดที่ปรับปรุงใหม่ด้านโลจิสติกส์ของ Xenco Medical จะช่วยลดระยะเวลาการหมุนเวียนของการผ่าตัดลงอย่างมาก โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการฆ่าเชื้อและสามารถนำอุปกรณ์ปลูกถ่ายและอุปกรณ์กลับมาใช้ได้ใหม่ระหว่างการผ่าตัด โดยในเดือนมีนาคมของปีนี้ Xenco Medical ยังได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดในโลกโดยนิตยสาร Fast Company เป็นครั้งที่สองอีกด้วย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251008490627/en

Contacts

Melissa Russell
858-202-1505
info@xencomedical.com

ที่มา: Xenco Medical

InTReaX™ ของ IBSFINtech ได้รับสถานะ ‘Built for NetSuite’

Logo

SuiteApp ใหม่สำหรับการจัดการด้านการเงินขององค์กรตามมาตรฐานการพัฒนาและแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดของแพลตฟอร์ม Oracle NetSuite SuiteCloud

มุมไบ อินเดีย–(BUSINESS WIRE)–09 ตุลาคม 2025

IBSFINtech ผู้ให้บริการเทคโนโลยีด้านการเงินที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ประกาศในวันนี้ว่า InTReaX™ SuiteApp ของบริษัทได้รับสถานะ ‘Built for NetSuite’ โดย SuiteApp ใหม่นี้สร้างขึ้นโดยใช้แพลตฟอร์ม Oracle NetSuite SuiteCloud ที่จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการด้านการเงินได้ดียิ่งขึ้น ทั้งในด้านการเงินการค้า การชำระเงิน เงินทุน ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ การลงทุน ความเสี่ยงด้านสินค้าโภคภัณฑ์ กระแสเงินสดและสภาพคล่อง รวมถึงการดำเนินงานด้านการเงินในห่วงโซ่อุปทานต่างๆ

อนาคตของการเงินขององค์กรจะเป็นแบบดิจิทัล บูรณาการ และอัจฉริยะ เมื่อธุรกิจขยายขนาดและขยายตัวไปทั่วโลก การจัดการความเสี่ยงทางการเงิน สภาพคล่อง และการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างแม่นยำไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อภารกิจ” กล่าวโดย CM Grover, MD และ CEO ของ IBSFINtech “ด้วยการผสานรวมพลังของระบบธุรกิจแบบบูรณาการของ NetSuite และโซลูชันการจัดการด้านการเงินของเรา SuiteApp ใหม่ของเราจะช่วยเสริมศักยภาพให้กับทีมการเงินด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูงและการบริหารความเสี่ยงที่ขับเคลื่อนด้วยระบบอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มประสิทธิภาพของกลยุทธ์ในการป้องกันความเสี่ยง และเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงิน ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ภายในระบบนิเวศดิจิทัลแบบครบวงจร

InTReaX™ SuiteApp จะช่วยให้ผู้บริหารระดับสูง (CXO) และเหรัญญิกปรับปรุงการควบคุมการดำเนินงานด้านการเงินและการเงินการค้าให้ดียิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ปรับปรุงการกำกับดูแลข้อมูล และเพิ่มผลกำไร ด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูง การวางแผนสถานการณ์ และการมองเห็นแบบรวมศูนย์ทั่วทั้งองค์กรและภูมิศาสตร์ องค์กรต่างๆ สามารถปรับปรุงการตรวจสอบความเสี่ยงได้แบบเรียลไทม์และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตัดสินใจ นอกจากนี้ การผสานรวมที่ราบรื่นระหว่าง NetSuite แพลตฟอร์มการซื้อขาย และธนาคารต่างๆ ยังช่วยลดภาระงานที่ต้องทำด้วยมือและสนับสนุนการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบอีกด้วย

การจัดการด้านการเงินและความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรมีความคล่องตัว ปลดล็อกกระแสเงินสด และใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ในการเติบโต” กล่าวโดย Scott Derksen รองประธานฝ่ายพันธมิตรและพัฒนาธุรกิจของ Oracle NetSuite “SuiteApp ใหม่นี้ขยายโซลูชันที่แข็งแกร่งของเราสำหรับการจัดการเงินสด และช่วยให้ลูกค้าของ NetSuite ปรับปรุงการมองเห็นกระแสเงินสดให้ดียิ่งขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงและการขยายธุรกิจ

Built for NetSuite คือโปรแกรมสำหรับพันธมิตร NetSuite SuiteCloud Developer Network (SDN) ที่ให้ข้อมูล ทรัพยากร และวิธีการที่จำเป็นเพื่อช่วยให้พันธมิตรตรวจสอบว่าแอปพลิเคชันและการผสานรวมของพวกเขาเป็นไปตามมาตรฐานและแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดของ NetSuite หรือไม่ โปรแกรม Built for NetSuite ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าของ NetSuite ว่า SuiteApps เช่นเดียวกับ InTReaX™ SuiteApp ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ตรงตามมาตรฐานเหล่านี้

สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับ Built for NetSuite SuiteApps โปรดไปที่ www.netsuite.com/BuiltforNetSuite สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ InTReaX™: ระบบการจัดการด้านการเงิน IBSFINtech SuiteApp โปรดไปที่ https://www.suiteapp.com/IBS-Fintech-Treasury-Management-System

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Sanghmitra Shukla
sanghmitra.s@ibsfintech.com

ที่มา: IBSFINtech

อินโดนีเซียเปิดตัวแผนแม่บทเกี่ยวกับผลิตภาพแห่งชาติปี 2025-29 เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนและขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม

Logo

จาการ์ตา อินโดนีเซีย–(BUSINESS WIRE)–08 ตุลาคม 2025

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2025 รัฐบาลอินโดนีเซียได้เปิดตัวแผนแม่บทผลิตภาพแห่งชาติ (MPPN) ปี 2025–2029 ซึ่งเป็นแผนแม่บทที่ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อเร่งสร้างนวัตกรรม เสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันทางอุตสาหกรรม และยกระดับมาตรฐานการครองชีพผ่านการเพิ่มผลิตภาพอย่างยั่งยืน แผนนี้เปิดตัวในพิธีระดับรัฐมนตรีที่กรุงจาการ์ตา โดยกำหนดนโยบายและการดำเนินการให้สอดคล้องกันระหว่างหน่วยงานกลาง จังหวัด และภาคเอกชน เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านจากการเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วยปัจจัยการผลิต ไปสู่การเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วยผลิตภาพปัจจัยการผลิตรวม (TFP) โดยการเปิดตัวครั้งนี้มี ดร. Indra Pradana Singawinata เลขาธิการองค์การเพิ่มผลผลิตแห่งเอเชีย (APO) ศาสตราจารย์ Yassierli รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกำลังคน Muhammad Tito Karnavian รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และศาสตราจารย์ Ir. Rachmat Pambudy M.S. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแผนพัฒนาแห่งชาติ/หัวหน้าสำนักงานวางแผนพัฒนาแห่งชาติ (BAPPENAS) ได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการสร้างผลิตภาพ ซึ่งเป็นเส้นทางสู่การสร้างงานที่มีคุณภาพสูงขึ้น และ Indonesia Emas 2045 (“อินโดนีเซียสีทอง 2045”)

Formal joint launching moment of the National Productivity Master Plan (MPPN) 2025–2029 by Vice Minister Febrian Alphyanto Ruddyard (left), Minister Tito Karnavian (second from left), Minister Pambudy (center), Minister Yassierli (second from right), and APO Secretary-General Dr. Indra (right).

พิธีเปิดตัวแผนแม่บทการผลิตแห่งชาติ (MPPN) 2025–2029 อย่างเป็นทางการร่วมกัน โดยมีรองรัฐมนตรี Febrian Alphyanto Ruddyard (ซ้าย) รัฐมนตรี Tito Karnavian (ที่สองจากซ้าย) รัฐมนตรี Pambudy (กลาง) รัฐมนตรี Yassierli (ที่สองจากขวา) และเลขาธิการ APO ดร. Indra (ขวา)

MPPN กำหนดวาระแบบบูรณาการเพื่อกระตุ้นผลิตภาพทั่วทั้งเศรษฐกิจ ได้แก่ การกระจายเทคโนโลยีและความเป็นเลิศด้านการจัดการในบริษัทต่างๆ การยกระดับทักษะแรงงานสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและสีเขียว การเสริมสร้างห่วงโซ่คุณค่าและขีดความสามารถในการส่งออก การปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย (คุณภาพด้านกฎระเบียบ โครงสร้างพื้นฐาน โลจิสติกส์) และการเสริมสร้างระบบการวัดผล การทบทวน และความรับผิดชอบ โดย BAPPENAS จะทำหน้าที่เป็นผู้บูรณาการระบบ ประสานงานกระทรวงและรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อปรับโครงการและงบประมาณให้สอดคล้องกัน ขณะที่ความร่วมมือและโครงการสาธิตระหว่างภาครัฐและเอกชนจะช่วยเร่งการนำไปใช้จริงในพื้นที่ แกนหลักของแผนคือการติดตามและประเมินผลอย่างมีวินัย เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภาพที่เพิ่มขึ้นจะนำไปสู่ความสามารถในการแข่งขัน รายได้ และการบรรจบกันในระดับภูมิภาค

“ในระยะยาว มาตรฐานการครองชีพของประเทศจะถูกกำหนดโดยความสามารถในการเพิ่มผลผลิตต่อแรงงาน หรือผลิตภาพแรงงาน” ดร. Indra Pradana Singawinata กล่าว และเสริมว่า “การสร้างมูลค่าเพิ่มจากทุกชั่วโมงการทำงานและทุกรูเปียห์ที่ลงทุน จะทำให้อินโดนีเซียสามารถเพิ่มค่าจ้างที่แท้จริง ลดต้นทุน ขยายโอกาส และเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางสังคมและเศรษฐกิจ”

รัฐมนตรี Yassierli กล่าวว่า “ผลิตภาพช่วยปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ ประสิทธิภาพด้านต้นทุน และความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออก” พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มั่นคงให้เป็นงานที่มีคุณภาพและครอบคลุมหลากหลาย ผ่านการยกระดับทักษะ การนำเทคโนโลยีมาใช้ และสถาบันตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งขึ้น เพื่อใช้ประโยชน์จากโบนัสด้านประชากรศาสตร์ของอินโดนีเซีย

รัฐมนตรี Tito Karnavian เน้นย้ำว่ารัฐบาลท้องถิ่นที่มีความยืดหยุ่นและประสานงานกันได้ดีเป็นรากฐานของผลิตภาพของประเทศ โดยเรียกร้องให้รัฐบาลกลางและรัฐบาลจังหวัดมีความสอดคล้องกันมากขึ้นภายใต้การแบ่งหน้าที่ในปัจจุบัน และให้มีการประสานงานที่เข้มแข็งยิ่งขึ้นเพื่อเปลี่ยนการเปลี่ยนแปลงทางประชากรและโครงสร้างไปสู่การเติบโตที่ครอบคลุมและยั่งยืน

ในการนำเสนอแผนงานของรัฐบาล รัฐมนตรี Pambudy ได้วาง MPPN ไว้ในโครงสร้างของแผนพัฒนาระยะยาว (RPJPN) และแผนพัฒนาระยะกลาง (RPJMN) ของอินโดนีเซีย และได้สรุปวาระการทำงานร่วมกันเพื่อก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการเติบโตบนพื้นฐานของผลิตภาพ โดยที่ BAPPENAS จะบูรณาการนโยบาย งบประมาณ และความรับผิดชอบ เพื่อให้การปฏิรูปสามารถแปลงเป็นผลกำไรที่วัดผลได้ทั่วประเทศ

การดำเนินการตามแผน MPPN จะมุ่งเน้นไปที่ (1) การสร้างธรรมาภิบาลที่เข้มงวด โดยมี BAPPENAS เป็นผู้บูรณาการ (2) การประสานงานระหว่างรัฐบาลกลางและรัฐบาลจังหวัด เพื่อให้มั่นใจว่านโยบายจะนำไปสู่การปฏิบัติ (3) การเร่งการนำไปใช้ในระดับบริษัทผ่านโครงการสาธิตและโครงการเผยแพร่ (4) การยกระดับทักษะและเทคโนโลยีเพื่อเพิ่ม TFP และ (5) การทบทวนผลการดำเนินงานรายไตรมาสและรายปี เพื่อติดตามผลลัพธ์และดำเนินการซ้ำ รัฐบาลได้เชิญชวนให้ภาคธุรกิจ สถาบันการศึกษา และจังหวัดต่างๆ เข้าร่วมวาระการพัฒนาผลิตภาพร่วมกัน ซึ่งขยายผลจากนวัตกรรมตั้งแต่โครงการนำร่องไปจนถึงผลกระทบระดับประเทศ

โครงการริเริ่มนี้ได้รับการพัฒนาด้วยการสนับสนุนจาก APO ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบทบาทที่ปรึกษาแก่เศรษฐกิจสมาชิก APO ซึ่งรวมถึงความช่วยเหลือด้านนโยบาย การสร้างขีดความสามารถ และโครงการสาธิตที่ช่วยปลูกฝังผลิตภาพให้เป็นแนวปฏิบัติประจำวันทั่วทั้งเศรษฐกิจ

พิธีเปิดตัวแผนแม่บทการผลิตแห่งชาติ (MPPN) 20252029 อย่างเป็นทางการร่วมกัน โดยมีรองรัฐมนตรี Febrian Alphyanto Ruddyard (ซ้าย) รัฐมนตรี Tito Karnavian (ที่สองจากซ้าย) รัฐมนตรี Pambudy (กลาง) รัฐมนตรี Yassierli (ที่สองจากขวา) และเลขาธิการ APO ดร. Indra (ขวา)

เกี่ยวกับแผนแม่บทการผลิตแห่งชาติ (MPPN) 20252029

MPPN คือกลยุทธ์ร่วมรัฐบาลของอินโดนีเซียในการเร่งการเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและ TFP กลยุทธ์นี้บูรณาการนโยบาย งบประมาณ และการดำเนินงานระหว่างกระทรวงและจังหวัดต่างๆ สนับสนุนการยกระดับเทคโนโลยีและการบริหารจัดการในระดับบริษัท เสริมสร้างทักษะแรงงานสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและสีเขียว และสร้างระบบการวัดผลและความรับผิดชอบด้านผลิตภาพให้เป็นระบบ เพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์ที่ได้จะนำไปสู่ความสามารถในการแข่งขัน รายได้ และความเจริญรุ่งเรืองอย่างทั่วถึง

เกี่ยวกับองค์การเพิ่มผลผลิตแห่งเอเชีย (APO)

APO ก่อตั้งขึ้นในปี 1961 เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลที่มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผ่านการวิจัย การให้คำปรึกษาด้านนโยบาย การสร้างขีดความสามารถ และโครงการสาธิต APO สนับสนุนเศรษฐกิจสมาชิกในการเพิ่มผลิตภาพ ความสามารถในการแข่งขัน และการเติบโตอย่างยั่งยืนและครอบคลุม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251008632566/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อหน่วยข้อมูลดิจิทัล APO: pr@apo-tokyo.org
เว็บไซต์: https://www.apo-tokyo.org

ที่มา: Asian Productivity Organization

APO Productivity Databook 2025 : การเติบโตและผลิตภาพในเอเชีย ปี 1970–2035

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–08 ตุลาคม 2025

องค์การเพิ่มผลผลิตแห่งเอเชีย (APO) เปิดตัว APO Productivity Databook 2025 ฉบับที่ 18 ซึ่งนำเสนอการวิเคราะห์ที่สอดคล้องกันเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจและผลิตภาพของเอเชียตั้งแต่ปี 1970 ถึงปี 2023 พร้อมการคาดการณ์ถึงปี 2035 โดยฉบับปี 2025 นี้ครอบคลุมเศรษฐกิจเอเชีย 33 ประเทศ ซึ่งประกอบด้วยเศรษฐกิจเอเชียที่เป็นสมาชิก APO 21 ประเทศ และประเทศที่ไม่ใช่สมาชิก 12 ประเทศ และอ้างอิงถึงประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้วที่สำคัญเพื่อการเปรียบเทียบ เช่น ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ส่วนอัฟกานิสถานและมัลดีฟส์เพิ่งได้รับการจัดตั้งขึ้นใหม่ในปีนี้

ฐานข้อมูลผลิตภาพของ APO (APO-PDB) ปี 2025 ฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยอ้างอิงการเปรียบเทียบระดับต่างๆ กับเกณฑ์มาตรฐานความเท่าเทียมของอำนาจซื้อของโครงการเปรียบเทียบระหว่างประเทศปี 2021 และบูรณาการฐานข้อมูลด้านแรงงานที่ปรับคุณภาพของเอเชีย (AQALI) และฐานข้อมูลด้านทรัพยากรธรรมชาติของเอเชีย (ANRD) เพื่อยกระดับการวัดคุณภาพแรงงานและที่ดินหรือทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ การปรับปรุงเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างฐานข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของทุน แรงงาน และผลิตภาพปัจจัยรวม (TFP) ต่อการเติบโตของเอเชีย ฐานข้อมูลนี้ยังนำเสนอบัญชีผลิตภาพระดับภูมิภาคสำหรับ Asia27 (APO21 บวกอัฟกานิสถาน ภูฏาน บรูไน จีน มัลดีฟส์ และเมียนมาร์) อาเซียน (สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) เอเชียตะวันออก และ SAARC (สมาคมความร่วมมือแห่งภูมิภาคเอเชียใต้) เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบระดับภูมิภาคได้อย่างสอดคล้องกัน

จุดเด่นของ APO Productivity Databook 2025

  •  แนวโน้มผลิตภาพกว่า 50 ปี และการมองไปข้างหน้าถึงปี 2035: ติดตามการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของเอเชียตั้งแต่ปี 1970 ถึงปี 2023 พร้อมด้วยการคาดการณ์ถึงปี 2035
  •  ขยายความครอบคลุมระดับภูมิภาคด้วยการรวมอัฟกานิสถานและมัลดีฟส์เป็นครั้งแรก: นำเสนอบัญชีผลิตภาพระดับภูมิภาคสำหรับ Asia27, ASEAN, East Asia และ SAARC
  •  การวัดเชิงลึกยิ่งขึ้นด้วยคุณภาพแรงงานและทรัพยากรธรรมชาติ: นำ AQALI 2025 และ ANRD 2025 มาใช้เพื่อปรับปรุงการประมาณค่า TFP ใน APO-PDB 2025
  •  การวิเคราะห์อุปสงค์และอุปทานแบบบูรณาการด้วยวิธีการที่โปร่งใส: นำเสนอการแยกย่อยของผลผลิตด้านแรงงาน (ต่อคนงานและต่อชั่วโมง) ความต้องการและโครงสร้างอุตสาหกรรม รวมถึงรายได้จากกะการทำงานจริง โดยได้รับการสนับสนุนด้วยวิธีการที่สอดคล้องกันและเอกสารแบบเปิด

ตัวอย่างข้อมูล:

APO Productivity Databook 2025 มีให้บริการทั้งในรูปแบบดิจิทัลและสิ่งพิมพ์ สามารถเข้าถึงและดาวน์โหลดได้ฟรีจากลิงก์ด้านล่างนี้
https://doi.org/10.61145/GENB1427

ฐานข้อมูลผลิตภาพของ APO ปี 2025 มีบัญชีผลิตภาพที่ครอบคลุมสำหรับ 27 ประเทศในเอเชีย และสามารถเข้าถึงได้จากลิงก์ด้านล่างนี้
https://www.apo-tokyo.org/productivitydatabook/

เกี่ยวกับ APO

องค์การเพิ่มผลผลิตแห่งเอเชีย (APO) เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลระดับภูมิภาคที่อุทิศตนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพผลผลิตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกผ่านความร่วมมือซึ่งกันและกัน องค์การไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมือง ไม่แสวงหากำไร และไม่เลือกปฏิบัติ ก่อตั้งขึ้นในปี 1961 โดยมีสมาชิกผู้ก่อตั้ง 8 ราย ปัจจุบัน APO ประกอบด้วยเศรษฐกิจสมาชิก 21 ประเทศ ได้แก่ บังกลาเทศ กัมพูชา สาธารณรัฐจีน ฟิจิ ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สปป.ลาว มาเลเซีย มองโกเลีย เนปาล ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ศรีลังกา ไทย ตุรกี และเวียดนาม

APO กำลังกำหนดทิศทางอนาคตของภูมิภาคโดยส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมของสมาชิกผ่านบริการให้คำแนะนำด้านนโยบายระดับชาติ ซึ่งทำหน้าที่เป็นกลุ่มนักคิด ริเริ่มสร้างศักยภาพสถาบัน และการแบ่งปันความรู้เพื่อเพิ่มผลผลิต 

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251007777758/en

Contacts

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อหน่วยข้อมูลดิจิทัล APO: pr@apo-tokyo.org
เว็บไซต์: https://www.apo-tokyo.org

ที่มา: Asian Productivity Organization


SISTIC และ AXS ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของสิงคโปร์ในฐานะศูนย์กลางความบันเทิง

Logo

SISTIC ผู้ให้บริการจำหน่ายตั๋วชั้นนำของสิงคโปร์ และ AXS ผู้นำที่เชื่อถือได้ในเทคโนโลยีการจำหน่ายตั๋วขั้นสูงและอีเวนต์สด จะมอบนวัตกรรม การเข้าถึง และมูลค่าที่มากขึ้นสำหรับแฟนๆ รวมไปถึงสถานที่จัดงานต่างๆ และผู้สนับสนุนทั่วภูมิภาค

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–08 ตุลาคม 2025

SISTIC ได้ร่วมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ AXS ซึ่งเป็นแผนกจำหน่ายตั๋วระดับโลกของ Anschutz Entertainment Group (AEG) ซึ่งตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกาที่จะเข้าถือหุ้นใหญ่ใน SISTIC ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างสถานะของสิงคโปร์ในฐานะศูนย์กลางความบันเทิงชั้นนำ และยกระดับชื่อเสียงของสิงคโปร์ในฐานะจุดหมายปลายทางด้านกีฬาและไลฟ์สไตล์ที่สำคัญ ด้วยสถานะที่แข็งแกร่งและเชื่อถือได้ของ SISTIC ในอุตสาหกรรมอีเวนต์ของสิงคโปร์ รวมไปถึงเครือข่ายระดับโลกและเทคโนโลยีการจำหน่ายตั๋วที่ทันสมัยของ AXS

ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีกีฬาและความบันเทิงสด AXS ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ AEG ได้ให้การสนับสนุนแบรนด์กีฬาและความบันเทิงที่เป็นที่ต้องการอย่างมาก กลุ่มลูกค้าที่หลากหลายของ AXS ประกอบด้วยสถานที่จัดงานชื่อดัง ทีมกีฬา งานเทศกาล และอีเวนต์สดในอเมริกาเหนือ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี สวีเดน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับโลก การเข้าถือหุ้นเชิงกลยุทธ์ใน SISTIC จะทำให้ AXS สามารถนำเสนอกิจกรรมถ่ายทอดสดที่หลากหลายมากขึ้นในสิงคโปร์และภูมิภาค

Blaine Legere ประธานฝ่ายต่างประเทศของ AXS กล่าวว่า “สิงคโปร์และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในวงการบันเทิงสด การผสานความเชี่ยวชาญในระดับภูมิภาคของ SISTIC เข้ากับแพลตฟอร์มเทคโนโลยีระดับโลกของ AXS ทำให้เรามีโอกาสอันโดดเด่นในการกำหนดนิยามใหม่ของวิธีที่แฟนๆ ค้นพบ เข้าถึง และสัมผัสประสบการณ์อีเวนต์สด เราจะร่วมกันขยายการเข้าถึงโปรดักชันระดับโลก พร้อมกับสร้างความมั่นใจว่าวงการศิลปะอันเลื่องชื่อของสิงคโปร์จะยังคงเติบโตบนเวทีระดับโลกต่อไป เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับทีมงาน SISTIC เพื่อขับเคลื่อนบทใหม่แห่งวงการบันเทิงสดในภูมิภาคนี้”

กว่า 30 ปีที่ SISTIC เป็นศูนย์กลางของวงการอีเวนต์สดที่คึกคักของสิงคโปร์ ความร่วมมือกับ AXS จะยังคงสนับสนุน SG Culture Pass ซึ่งเป็นโครงการสำคัญที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับวงการศิลปะ ความบันเทิง และวัฒนธรรมอันมีชีวิตชีวาของสิงคโปร์

SISTIC คือผู้ให้บริการจำหน่ายตั๋วชั้นนำของประเทศ ที่มีผลงานการจัดงานมากมายในแต่ละปี ตั้งแต่การผลิตละครเวทีไปจนถึงการทัวร์คอนเสิร์ตในสนามกีฬาที่ขายตั๋วหมดเกลี้ยง SISTIC ได้เชื่อมโยงแฟนๆ หลายล้านคนกับประสบการณ์ที่น่าจดจำ กิจกรรมที่โดดเด่นล่าสุด ได้แก่ Greatest Hits of A.R. Rahman, My Chemical Romance Live in Singapore, A-mei's ASMeiR Max 2024 World Tour Singapore, Hamilton, Ed Sheeran + – = ÷ x Tour Manila, World Aquatics Championships Singapore 2025 และอื่นๆ อีกมากมาย ในแต่ละปี SISTIC ให้บริการผู้จัดงานมากกว่า 300 ราย และจำหน่ายตั๋วมากกว่า 6.5 ล้านใบสำหรับงานอีเวนต์กว่า 2,000 งานในสิงคโปร์และตลาดภูมิภาคต่างๆ ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และฮ่องกง

Joe Ow ซีอีโอของ SISTIC.com Pte Ltd กล่าวว่า “การเข้าร่วมเครือข่ายของ AXS จะเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับเราในการเติบโตและขยายขอบเขตการดำเนินงานเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป ควบคู่ไปกับการยึดมั่นในความมุ่งมั่นของเราในการมอบบริการและประสบการณ์การจำหน่ายตั๋วอย่างมืออาชีพให้กับลูกค้าและผู้ซื้อตั๋วการผสานรวมเทคโนโลยีของเราจะเป็นไปแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่น ขณะเดียวกัน เราจะผสานแพลตฟอร์มระดับโลกของ AXS เข้ากับความรู้เชิงลึกด้านตลาดและความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม เพื่อมอบคุณค่า ข้อมูลเชิงลึก และการเข้าถึงอีเวนต์สดที่ดียิ่งขึ้น เรามุ่งมั่นที่จะเดินหน้าต่อไปในเส้นทางนี้ร่วมกับทีมงานทุกคนของเรา เพราะสมาชิกทุกคนในทีม SISTIC มีบทบาทสำคัญในการยกระดับ SISTIC ไปสู่ระดับที่สูงขึ้น เพื่อประโยชน์ของลูกค้า ผู้ซื้อตั๋วและอุตสาหกรรมอีเวนต์สดทั้งหมด”

บริการและราคาของ SISTIC จะยังคงแข่งขันได้เพื่อตอบสนองความต้องการของสิงคโปร์และภูมิภาค ผู้ซื้อตั๋วที่ซื้อตั๋วเข้าชมงานอีเวนต์ที่จะเกิดขึ้นผ่าน SISTIC ยังสามารถเข้าใช้ e-ticket ได้ผ่านอีเมลยืนยัน เว็บไซต์ และแอปพลิเคชันมือถือของ SISTIC ผู้ถือบัญชี SISTIC เดิมไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ เพิ่มเติม เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น

เกี่ยวกับ AXS

ในฐานะผู้นำที่เชื่อถือได้ในเทคโนโลยีการจำหน่ายตั๋วขั้นสูงและอีเวนต์สด AXS ได้ขับเคลื่อนการเข้าถึงสถานที่จัดงาน ทีมกีฬา เทศกาล และทัวร์คอนเสิร์ตระดับโลกที่โดดเด่นที่สุด ด้วยความสามารถในการจำหน่ายตั๋วที่ปรับแต่งได้ เทคโนโลยีที่ทันสมัย ​​และบริการลูกค้าระดับพรีเมียม AXS คือพันธมิตรด้านการจำหน่ายตั๋วที่แบรนด์กีฬาและแบรนด์บันเทิงกว่า 1,600 แบรนด์ที่เป็นที่ต้องการและเป็นที่รู้จักมากที่สุดต่างเลือกใช้ อาทิ กีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก LA28, เทศกาลดนตรีและศิลปะ Coachella, โรงละคร Red Rocks, The O2, BNP Paribas Open, WM Phoenix Open และเทศกาลดนตรี Stagecoach Country Music Festival โดยตลาดจำหน่ายตั๋วหลักและรองของ AXS รวมถึงเทคโนโลยี AXS Mobile ID ที่เป็นกรรมสิทธิ์ ทำให้ AXS เป็นจุดหมายปลายทางที่ง่ายและน่าเชื่อถือที่สุดในการซื้อและจัดการตั๋ว

เกี่ยวกับ SISTIC

SISTIC คือผู้ให้บริการจำหน่ายตั๋วในสิงคโปร์ที่ให้บริการในอุตสาหกรรมนี้มานานกว่า 30 ปี ตัวแทนจำหน่ายตั๋วชั้นนำของสิงคโปร์ที่มีผลงานและประสบการณ์อันยาวนานในการจัดอีเวนต์สำคัญๆ มากมาย ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าหลายพันรายในแวดวงศิลปะการแสดง กีฬา พิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยว ความบันเทิง และอื่นๆ อีกมากมาย เราได้รวบรวมอีเวนต์ที่น่าตื่นเต้นที่สุดในภูมิภาค และช่วยให้ผู้จัดงานเติบโต โดยเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้ค้นพบและเข้าถึงประสบการณ์อีเวนต์สดผ่าน SISTIC และเครือข่ายพันธมิตรของเรา เราช่วยเสริมศักยภาพให้ลูกค้าและพันธมิตรในระบบนิเวศของเราประสบความสำเร็จในการจัดงานอีเวนต์ทั้งในสิงคโปร์และต่างประเทศ ด้วยการใช้ประโยชน์จากบริการจำหน่ายตั๋วระดับมืออาชีพ ข้อมูลเชิงลึก และเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมของเรา ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ sistic.com.sg

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

สำหรับการสอบถามจากสื่อ โปรดติดต่อ:
AXS: media@axs.com
SISTIC: media@sistic.com.sg

ที่มา: AEG

แอปมือถือของ eM Client พร้อมใช้งานโดยทั่วไปแล้ว พร้อมชุดเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วย AI สำหรับ iOS และ Android

Logo

แอปครบวงจรที่รวมการสื่อสารและการจัดระเบียบเพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็วและง่ายดายยิ่งขึ้น

ปราก–(BUSINESS WIRE)–08 ตุลาคม 2025

eM Client แอปอีเมลไคลเอ็นต์ยุคใหม่ที่สร้างขึ้นเพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น ได้ประกาศว่าฟีเจอร์ต่างๆ ของแอปมือถือสำหรับ iOS และ Android พร้อมใช้งานแล้ว การเปิดตัวครั้งนี้ได้นำชุดโปรแกรมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแบบครบวงจรของบริษัทมาสู่อุปกรณ์มือถือ โดยมีการผสานรวมอีเมล ปฏิทิน รายชื่อติดต่อ งาน และบันทึกต่างๆ ไว้ในประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่น แอปนี้ยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือ AI ในตัวที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเขียนอีเมลและตอบกลับได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้การสื่อสารในชีวิตประจำวันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

“ด้วย eM Client สำหรับอุปกรณ์มือถือ ผู้คนไม่จำเป็นต้องจัดการหลายๆ แอปพร้อมกันเพียงเพื่อให้เป็นระเบียบอีกต่อไป” กล่าวโดย Michal Bürger ซีอีโอของ eM Client “ทุกอย่างรวมอยู่ในที่เดียว และ AI จะช่วยให้การสื่อสารและการทำงานระหว่างเดินทางรวดเร็วกว่าที่เคย เราได้ออกแบบแอปนี้เพื่อมอบประสบการณ์อันทรงพลังที่ผู้ใช้สามารถไว้วางใจได้บนเดสก์ท็อป ซึ่งตอนนี้ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับอุปกรณ์มือถือแล้ว”

ทุกสิ่งที่คุณต้องการ ทั้งหมดในแอปเดียว

ด้วยการเปิดตัวครั้งนี้ eM Client ได้รวบรวมเครื่องมือและส่วนเสริมต่างๆ ที่ผู้ใช้เรียกร้องมากที่สุดไว้ในประสบการณ์บนอุปกรณ์มือถือเพียงเครื่องเดียว โดยผู้ใช้จะได้รับประโยชน์จาก

  •  สิ่งจำเป็นในการเพิ่มประสิทธิภาพ : จัดการปฏิทิน รายชื่อติดต่อ งาน และบันทึกต่างๆ ควบคู่ไปกับอีเมลในแอปเดียว ฟีเจอร์ปฏิทินจะประกอบด้วยมุมมองหลายมุมมอง พร้อมการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์เพื่อติดตามการประชุมต่างๆ โดยรายชื่อติดต่อจะช่วยมอบการจัดการบัญชีที่ซิงโครไนซ์ การดำเนินการทันทีสำหรับการโทรหรืออีเมล รวมถึงประวัติการสื่อสารและไฟล์แนบต่างๆ นอกจากนี้ งานและบันทึกต่างๆ จะซิงค์กันเพื่อรวบรวมกำหนดเวลาและไอเดียต่างๆ ไว้ในที่เดียว
  •  ความช่วยเหลือที่ขับเคลื่อนด้วย AI : เขียนร่างหรือตอบกลับอย่างรวดเร็วด้วยเครื่องมือ AI แบบบูรณาการ จากการนำฟีเจอร์อัจฉริยะเดียวกันจากเดสก์ท็อปมาสู่อุปกรณ์มือถือ ผู้ใช้สามารถแปลหรือตรวจสอบอีเมลได้อย่างทันที สร้างข้อความปฏิเสธหรือขอข้อมูลเพิ่มเติมอย่างสุภาพได้ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว หรือสร้างข้อความตอบกลับแบบกำหนดเองได้ด้วยการป้อนข้อความแจ้งเตือนของตนเอง โดย AI จะช่วยปรับปรุงข้อความทั่วไปให้มีประสิทธิภาพและรับรองการตอบกลับที่เข้าใจบริบท เพื่อให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในทุกที่ทุกเวลา
  •  ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ได้รับการปรับปรุง : อินเตอร์เฟซผู้ใช้ (UI) ที่ปรับให้เหมาะกับแท็บเล็ตสำหรับ Android และ iPad จะมอบรูปแบบที่ใกล้เคียงกับเดสก์ท็อปมากขึ้น พร้อมตัวเลือกในการปักหมุดหรือการยุบแผงเพื่อการอ่านที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ขนาดตัวอักษรที่สามารถปรับได้ การจัดเรียงรายการที่ยืดหยุ่น รวมถึงการอัปเกรดประสิทธิภาพของ iOS ที่จะช่วยให้มั่นใจได้ถึงประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นและตอบสนองได้ดีในทุกอุปกรณ์

ตลาดเครื่องมือเพิ่มผลผลิต AI กำลังเติบโตอย่างมาก โดยมีสัญญาณการขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญอย่างน้อยที่สุดในช่วงปี 2030-2034 องค์กรในอุตสาหกรรมต่างๆ กำลังลงทุนในโซลูชันเหล่านี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กโฟลว์และการสื่อสาร ด้วยการฝัง AI ลงในแอปมือถือโดยตรง ทาง eM Client จึงนำความก้าวหน้าเหล่านี้มาสู่อีเมลและการทำงานร่วมกันในชีวิตประจำวัน

ความพร้อมใช้งาน

ในตอนนี้แอปมือถือของ eM Client พร้อมให้บริการทั่วโลกแล้วสำหรับ iOS และ Android โดยผู้ใช้เดิมจะได้รับการอัปเดตโดยอัตโนมัติ ขณะที่ผู้ใช้ใหม่สามารถตั้งค่าแอปได้ภายในไม่กี่คลิก โดยระบบตรวจจับบัญชีอัตโนมัติและฟีเจอร์นำเข้าข้อมูลผ่าน QR จะช่วยให้การตั้งค่าการถ่ายโอนจากเวอร์ชันเดสก์ท็อปสามารถทำได้อย่างง่ายดาย

ต้นปีนี้ eM Client ได้เปิดตัว eM Client 10.3 พร้อมการปรับปรุง UI ในหลายๆ ด้าน รวมไปถึงการรวมฟีเจอร์ต่างๆ ที่เป็นที่ต้องการอย่างมากจากผู้ใช้ Postbox ในอดีต เช่น โปรไฟล์ กลุ่มบัญชี และปุ่มลัดบนแป้นพิมพ์อื่นๆ โดยปลายปีที่แล้ว eM Client ได้เข้าซื้อกิจการ Postbox Inc.ที่เป็นบริษัทแอปพลิเคชันอีเมลในสหรัฐอเมริกา การเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ได้ช่วยยกระดับบริการของ eM Client ไปสู่ฐานผู้ใช้ที่กว้างขึ้น และยังช่วยยกระดับประสิทธิภาพและประสิทธิผลของผู้ใช้ในการจัดการอีเมลอีกด้วย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม www.emclient.com/mobile-features

เกี่ยวกับ eM Client

eM Client (www.emclient.com) ก่อตั้งขึ้นในปี 2006 โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจน นั่นคือการพัฒนาโปรแกรมอีเมลไคลเอ็นต์ที่ทันสมัย ​​เข้ากันได้กับเทคโนโลยีล่าสุด และสามารถรองรับผู้ให้บริการอีเมลรายใหญ่ทุกราย โดย eM Client ได้รับความไว้วางใจจากธุรกิจกว่า 100,000 แห่ง และผู้ใช้กว่า 2,500,000 คนทั่วโลก eM Client คือโซลูชันอีเมลสำหรับองค์กรธุรกิจอันทรงพลังและยังเป็นเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำหรับบริษัททุกๆ ขนาด

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
10Fold สำหรับ eM Client
emclient@10fold.com

ที่มา: eM Client

ผู้ปกครอง Sharjah เปิดศูนย์การศึกษาภาษาอาหรับในโปรตุเกส

Logo

COIMBRA, Portugal–(BUSINESS WIRE)–05 ตุลาคม 2025

Sheikh Dr Sultan bin Mohammed Al Qasimi สมาชิกสภาสูงสุดและเจ้าผู้ครองนคร Sharjah ทรงเปิดศูนย์การศึกษาภาษาอาหรับ ณ มหาวิทยาลัย Coimbra ประเทศโปรตุเกส โดยมี Sheikha Bodour bint Sultan Al Qasimi ประธานสมาคมหนังสือชาร์จาห์ (Sharjah Book Authority – SBA) เป็นประธาน พระองค์ยังทรงเปิดห้องสมุดดิจิทัล Joanina ทรงมอบต้นฉบับ Barbosa หายาก ปี ค.ศ. 1565 ให้แก่ห้องสมุด และทรงลงพระนามในหนังสือ “A Momentous Journey” ซึ่งตีพิมพ์เป็นภาษาอาหรับ อังกฤษ และโปรตุเกส

Sharjah Ruler opens Centre for Arabic Studies in Portugal (Photo: AETOSWire)

ผู้ปกครอง Sharjah เปิดศูนย์การศึกษาภาษาอาหรับในโปรตุเกส (ภาพถ่าย: AETOSWire)

พระองค์ทรงเปิดแผ่นป้ายที่ระลึกเนื่องในโอกาสเปิดศูนย์ ก่อนที่จะทรงทบทวนบริการ ทรัพยากร และโปรแกรมต่างๆ ที่สนับสนุนการสอนภาษาอาหรับ

จากนั้น พระองค์ทรงเดินทางไปยังห้องสมุด Joanina อันเก่าแก่ที่มหาวิทยาลัย Coimbra และทรงเปิดตัวห้องสมุดดิจิทัล Joanina และได้กล่าวสุนทรพจน์

พระองค์ทรงชื่นชมมหาวิทยาลัยที่พระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แก่พระองค์เมื่อ 7 ปีก่อน และทรงเน้นย้ำถึงความเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียกับประวัติศาสตร์โปรตุเกสผ่านการวิจัยต้นฉบับ Barbosa ซึ่งสูญหายไปกว่าหนึ่งศตวรรษก่อนที่พระองค์จะทรงค้นพบและทรงได้รับในปี 2012

ชื่นชมความซื่อสัตย์ของ Barbosa ในการบรรยายสิ่งที่เขาได้พบเห็นในอ่าวเปอร์เซีย โดยกล่าวว่าต้นฉบับดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานที่หายากและมีรายละเอียดเกี่ยวกับความเป็นจริงของภูมิภาคในยุคนั้น

เมื่ออธิบายถึงการตัดสินใจตีพิมพ์หนังสือ “A Momentous Journey” เขากล่าวว่า “เมื่อผมตัดสินใจที่จะออกหนังสือเล่มนี้ ผมไม่ได้แสวงหาหลักฐานทางประวัติศาสตร์เพียงอย่างเดียว แต่ยังแสวงหาความยุติธรรมที่แท้จริงให้กับประชาชนของเรา และการฟื้นฟูเรื่องเล่าของพวกเขาตามที่ได้เห็นจากพยานร่วมสมัย ซึ่งจะทำให้เป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่างๆ”

พร้อมทั้งประกาศเปิดตัวห้องสมุดดิจิทัล Joanina ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการด้วยการสนับสนุนจาก Sharjah ร่วมกับมหาวิทยาลัย Coimbra โดยแสดงความหวังว่าความร่วมมือนี้จะช่วยส่งเสริมความรู้ต่อไป

Amílcar Falcão อธิการบดีมหาวิทยาลัย Coimbra ได้กล่าวสุนทรพจน์ชื่นชมความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างโปรตุเกสและ Sharjah พร้อมเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าของทั้งสองฝ่ายในการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน เขากล่าวว่าการพัฒนาโครงการร่วมกับ SBA นี้เป็นเครื่องพิสูจน์คุณค่าของความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างชัดเจน คอลเลกชันดิจิทัลใหม่นี้มีชื่อว่า “Sultan bin Mohammed Al Qasimi Collection” เป็นแหล่งทรัพยากรการวิจัยอันทรงคุณค่าในหลากหลายสาขา

ในพิธี พระองค์ได้ทรงลงพระนามในหนังสือ “A Momentous Journey” ซึ่งเป็นผลงานการศึกษาเชิงวิชาการเกี่ยวกับต้นฉบับ Barbosa หนึ่งในเอกสารสำคัญที่สุดของโปรตุเกสที่บันทึกเรื่องราวในช่วงต้นศตวรรษที่ 16 พระองค์ยังได้ทรงมอบต้นฉบับต้นฉบับปี ค.ศ. 1565 ให้แก่ห้องสมุด โดยทรงบรรยายว่าเป็นหนึ่งในฉบับที่สมบูรณ์ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่

ในช่วงท้าย เขาได้เข้าเยี่ยมชมห้องสมุด Joanina อันเก่าแก่ ชมต้นฉบับหายาก และเรียนรู้เกี่ยวกับแผนกต่างๆ ของห้องสมุด รวมถึงความพยายามในการอนุรักษ์สิ่งของมีค่าต่างๆ

*แหล่งข้อมูล: AETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251004071025/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Hussain Al Mulla
Hussain.AlMulla@SGMB.ae

ที่มา: Sharjah Government Media Bureau


SG Entertech ขยาย Snack VR สู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการมองหาพันธมิตรในพื้นที่

Logo

  •  บริษัทนวัตกรรม VR ของเกาหลีกำลังมองหาตัวแทนและพันธมิตรทางธุรกิจในพื้นที่เพื่อเร่งการเจาะตลาดในระดับภูมิภาค

โซล เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–07 ตุลาคม 2025

SG Entertech Co., Ltd. ผู้ให้บริการโซลูชัน VR เชิงนวัตกรรมของแพลตฟอร์ม Snack VR ประกาศแผนการขยายธุรกิจไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกำลังมองหาตัวแทน ผู้จัดจำหน่าย และพันธมิตรในพื้นที่เพื่อสร้างเครือข่ายในระดับภูมิภาค

Snack VR is a compact, unmanned VR Kiosk device ideal for tourism operators, museums, schools, shopping malls, retail chains, and public institutions. (Photo: SG Entertech Co., Ltd.)

Snack VR คืออุปกรณ์ VR Kiosk ขนาดกะทัดรัดไม่ใช้คน เหมาะสำหรับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว พิพิธภัณฑ์ โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก และหน่วยงานภาครัฐ (ภาพ: SG Entertech Co., Ltd.)

SG Entertech แสวงหาความร่วมมือกับผู้ประกอบการการท่องเที่ยว พิพิธภัณฑ์ โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก และสถาบันสาธารณะต่างๆ ในท้องถิ่น เพื่อเปิดตัว Kiosk Snack VR ขนาดกะทัดรัดที่ไม่ใช้คนให้กับผู้คนในวงกว้างมากขึ้น

โอกาสในการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์

พันธมิตรการจัดจำหน่ายในระดับภูมิภาค : ผู้จัดจำหน่ายเทคโนโลยีและซัพพลายเออร์อุปกรณ์ความบันเทิงที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม

ผู้ร่วมมือในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว : เครือโรงแรม ผู้ประกอบการรีสอร์ต แหล่งท่องเที่ยว และบริษัทจัดการจุดหมายปลายทางที่ต้องการยกระดับประสบการณ์ของนักท่องเที่ยว

พันธมิตรในภาคการศึกษา : มหาวิทยาลัย โรงเรียนนานาชาติ ผู้ให้บริการเทคโนโลยีทางการศึกษา และศูนย์วัฒนธรรมที่สนใจโซลูชันการเรียนรู้เชิงลึก

ตัวแทนค้าปลีกและความบันเทิง : ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า สถานที่บันเทิง และศูนย์รวมความบันเทิงสำหรับครอบครัวที่กำลังมองหาช่องทางรายได้ใหม่ๆ

พันธมิตรภาครัฐ : คณะกรรมการการท่องเที่ยว กระทรวงวัฒนธรรม และสถาบันสาธารณะที่กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่โซลูชันดิจิทัล

เพื่อสนับสนุนความร่วมมือทางกลยุทธ์เหล่านี้ SG Entertech จึงนำชุดประสบการณ์ VR ที่น่าตื่นเต้นมาสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เนื้อหา VR ที่โดดเด่น

กล่องจดหมายโปสต์การ์ด VR : โซลูชัน VR นี้สร้างขึ้นเพื่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถบันทึกความทรงจำการเดินทางและแชร์เป็นโปสต์การ์ดดิจิทัลได้ทันที ด้วยการผสมผสานการโปรโมตสถานที่ท่องเที่ยวเข้ากับของที่ระลึกที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคลที่จะช่วยให้รัฐบาลและคณะกรรมการการท่องเที่ยวสามารถสร้างความประทับใจไม่รู้ลืมให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้

ประสบการณ์ศิลปะ VR กับการวาดภาพ : โปรแกรมการเรียนรู้และวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงผู้ใช้กับศิลปินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้เข้าร่วมสร้างสรรค์ภาพวาดดิจิทัลผ่าน VR โดยมีศิลปินท้องถิ่นเป็นวิทยากร ผสมผสานศิลปะดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีเสมือนจริง โรงเรียนและสถาบันทางวัฒนธรรมสามารถใช้ VR เพื่อนำเสนอมรดกทางวัฒนธรรมของภูมิภาคผ่านเวิร์กช็อปที่น่าสนใจได้

การยิงปืน VR : เกมยิงปืนสไตล์ Wild West สุดสมจริงที่ทดสอบปฏิกิริยาตอบสนองและความแม่นยำ เหมาะสำหรับเครื่องเล่นและเกมอาร์เคดที่จะมอบประสบการณ์การเล่นที่สั้นแต่ทรงพลังสำหรับทั้งผู้เล่นทั่วไปและผู้เล่นที่เน้นผลการแข่งขัน

ศึกแห่งโชคชะตา : เกม PvP VR ธีมแฟนตาซีที่ผู้เล่นจะได้ฝึกฝนอาวุธและทักษะเพื่อการแข่งขันแบบดวลกันหรือแบบทีม เหมาะสำหรับการแข่งขันอีสปอร์ตและเทศกาลต่างๆ ที่จะมอบแพลตฟอร์มที่น่าตื่นเต้นสำหรับการแข่งขันแบบอินเทอร์แอคทีฟ

เคาน์เตอร์แอทแท็ค : เกม FPS แนวทหาร VR ยุคใหม่ที่เน้นการเล่นเป็นทีม กลยุทธ์ และการใช้อาวุธที่สมจริง ด้วยการเล่นที่น่าตื่นเต้น จึงเหมาะสำหรับสถานบันเทิง ศูนย์ VR และแม้แต่การจำลองการฝึกซ้อม

Kook Sun Pyo ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ SG Entertech กล่าวว่า “แม้ว่าเกมอาร์เคด VR แบบดั้งเดิมจะประสบปัญหาเรื่องความสามารถในการปรับขนาดเนื่องจากค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ที่สูง แต่ Snack VR ได้นำเสนอสถาปัตยกรรมแบบลีนที่ช่วยลดทั้งค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนและค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงานได้เป็นอย่างมาก รูปแบบที่ก้าวล้ำนี้ช่วยปลดล็อกระดับผลกำไรใหม่ และช่วยให้สามารถนำไปใช้งานด้านความบันเทิงตามสถานที่ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและแพร่หลาย การเติบโตในระยะต่อไปของเราขึ้นอยู่กับการร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งในท้องถิ่น และขณะนี้ SG Entertech กำลังเปิดรับคำขอเป็นพันธมิตรเพื่อขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

บริษัทที่กำลังมองหาโซลูชันล้ำสมัย ขอเชิญพบกับ SG Entertech ได้ในงาน Hong Kong Electronics Fair (ฤดูใบไม้ร่วง) ในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งจะมีการจัดแสดงนวัตกรรมที่ล้ำสมัยต่างๆ  

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย  

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251006584331/en

Contacts

SG Entertech Co., Ltd.
ซีอีโอ
Dong Kyun Ko
contact@sgentertec.co.kr

ที่มา: SG Entertech Co., Ltd.

BAT ประกาศว่า 70% ของผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายยังคงมีความคิดเห็นที่ไม่ถูกต้องว่า นิโคตินเป็นสาเหตุหลักของโรคที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่

Logo

  •  การสำรวจผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายจากหลายตลาด 450 ราย1 แสดงให้เห็นว่า พวกเขายังคงมองว่า นิโคตินเป็นสาเหตุหลักของโรคที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่ แม้จะมีหลักฐานที่ขัดแย้งกันเพิ่มมากขึ้น
  •  งานวิจัยนี้ดำเนินการในปี 2024 และ 2025 จาก 15 ตลาดที่แตกต่างกัน พร้อมเน้นย้ำถึงความแตกต่างในระดับภูมิภาคในการรับรู้ความเสี่ยงจากนิโคติน อันเนื่องมาจากอุปสรรคด้านกฎระเบียบและการขาดคำแนะนำทางการแพทย์
  •  ข้อมูลที่เผยแพร่ก่อนการเริ่มต้นการประชุม Global Tobacco and Nicotine Forum (GTNF) ประจำปีนี้ที่กรุงบรัสเซลส์ โดย Kingsley Wheaton ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายองค์กรของ BAT เป็นผู้บรรยาย

LONDON–(BUSINESS WIRE)–05 ตุลาคม 2025

BAT ประกาศว่าผลสำรวจผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายหลายตลาดใหม่จาก 15 พื้นที่ที่แตกต่างกันเผยให้เห็นว่า การรับรู้ที่ผิดพลาดเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อสุขภาพจากนิโคตินยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีความเห็นพ้องต้องกันทางวิทยาศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้นว่า นิโคตินไม่ใช่สาเหตุหลักของโรคที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่ และมีทางเลือกที่ไม่ก่อให้เกิดควันสำหรับบุหรี่แบบเดิมให้เลือกใช้มากขึ้นก็ตาม

การสำรวจซึ่งได้รับมอบหมายจาก British American Tobacco (BAT) และเผยแพร่ก่อนเริ่มต้นการประชุม GTNF ประจำปีนี้ที่กรุงบรัสเซลส์ในสัปดาห์นี้ เผยให้เห็นว่าผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบาย 7 ใน 10 คนยังคงมีความเชื่อที่ไม่ถูกต้องว่านิโคตินเป็นสาเหตุหลักของโรคที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่

นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยซึ่งดำเนินการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง 3 กลุ่ม (ผู้ใช้นิโคติน2 ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบาย และผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์3 ) ในปี 2024 และ 2025 – ยังพบอีกว่า ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ครึ่งหนึ่งหารือกับคนไข้เกี่ยวกับทางเลือกที่ไม่ก่อให้เกิดควันแทนบุหรี่เป็นประจำทุกสัปดาห์ มีเพียงร้อยละ 21 เท่านั้นที่รู้สึกว่าได้รับข้อมูลเพียงพอและแนะนำทางเลือกดังกล่าว

Kingsley Wheaton ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายองค์กรของ BAT กล่าวว่า:

“ผลสำรวจนี้แสดงให้เห็นว่า แม้การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่แน่นอน เรากำลังเห็นความก้าวหน้าเล็กๆ น้อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราได้เปิดตัวนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และลงทุนในการสื่อสารที่ชัดเจนและขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์ แต่ข้อมูลยังบอกเราว่าเราต้องก้าวไปให้ไกลกว่าและรวดเร็วกว่า และเตรียมข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ล่าสุดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ไร้ควันให้กับผู้ที่กำลังตัดสินใจ

“เรายังคงมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุข หน่วยงานกำกับดูแล และนักวิทยาศาสตร์ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้บริโภคจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง”

งานวิจัยซึ่งดำเนินการโดยบุคคลที่สามในนามของ BAT แสดงให้เห็นถึงการรับรู้ที่ดีขึ้น4 เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดควัน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ไอระเหยในกลุ่มผู้ใช้สารนิโคติน

ตลาดสำคัญหลายแห่ง5 ผลการค้นพบ:

  •  ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับนิโคตินถือเป็นเรื่องสูงที่สุด6ในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบาย โดยร้อยละ 70 ยังคงระบุอย่างผิดพลาดว่าโรคที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่นั้นเกิดจากนิโคตินเป็นหลัก
  • ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ร้อยละ 50 มีการหารือเป็นประจำทุกสัปดาห์เกี่ยวกับทางเลือกที่ไม่ก่อให้เกิดควันแทนบุหรี่ แต่มีเพียงร้อยละ 21 เท่านั้นที่รู้สึกว่าได้รับข้อมูลเพียงพอและแนะนำทางเลือกดังกล่าว
  • ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์มากกว่า 75% เชื่อถือข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และสาธารณสุขเกี่ยวกับการลดอันตรายจากยาสูบ (THR) แต่ความตระหนักรู้เกี่ยวกับ THR ของพวกเขายังต่ำ โดยมีเพียงประมาณ 20% เท่านั้นที่รู้สึกว่าได้รับข้อมูล คุ้นเคยกับบทความทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง หรือสามารถใช้เวลาในการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ THR ได้
  • ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายร้อยละ 65 สนับสนุนให้มีการควบคุมเทียบเท่าบุหรี่หรือเข้มงวดยิ่งขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดควัน ซึ่งเป็นมาตรการที่ขัดต่อเป้าหมาย THR
  • เมื่อพิจารณาจากกลุ่มต่างๆ พบว่าซองนิโคตินแบบรับประทานมีการรับรู้ THR ที่ดีที่สุด รองลงมาคือผลิตภัณฑ์ไอระเหยและความร้อน

ข้อมูลสำคัญประจำภูมิภาค:

  •  ญี่ปุ่น & ปากีสถาน : ข้อบ่งชี้การปรับปรุง4 การรับรู้ถึงอันตรายจากถุงนิโคตินแบบรับประทานในหมู่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบาย
  •  ออสเตรเลีย & นิวซีแลนด์ : แนวโน้มเชิงลบ4 ในการรับรู้เกี่ยวกับ THR ของผลิตภัณฑ์ไอระเหยในหมู่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ อาจเชื่อมโยงกับกฎระเบียบที่เข้มงวดยิ่งขึ้น
  •  สวีเดน : ประมาณ 80% ของผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบาย ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และผู้ใช้งานหมวดหมู่นี้7 มีการรับรู้ THR ที่ดีต่อซองนิโคตินแบบรับประทาน
  •  ฝรั่งเศส : 89% ของผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์เชื่อว่าผลิตภัณฑ์ไอระเหยอาจเป็นอันตรายน้อยกว่าบุหรี่
  •  สหราชอาณาจักร : ผู้สูบบุหรี่มากกว่าร้อยละ 608 มองว่าถุงนิโคตินแบบรับประทานอาจเป็นอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา
  •  สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส & สหราชอาณาจักร : ระดับความเข้าใจผิดเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพจากนิโคตินที่สูงที่สุดในบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบาย (>85%) ในตลาดที่วัดผล

เกี่ยวกับการสำรวจ

การสำรวจการลดอันตรายจากยาสูบเป็นการวิจัยตามความคิดเห็นที่ได้รับมอบหมายจาก BAT และดำเนินการโดยบริษัทวิจัยตลาดบุคคลที่สามอย่าง Kantar ในปี 2024 และ 2025 โดยอิงจากความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสำรวจประเภทต่างๆ ได้แก่ ผู้ใช้นิโคติน (n=6,000) ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบาย (n+450) และผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ (n+600) จาก 15 ตลาด ได้แก่ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี โปแลนด์ โรมาเนีย สวีเดน บราซิล ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ปากีสถาน และนิวซีแลนด์

BAT ได้นำความเข้าใจในบทความทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้กับผลการสำรวจ THR เพื่อสรุปความเข้าใจและความตระหนักรู้ทั่วไปของผู้เข้าร่วมการสำรวจเกี่ยวกับ THR งานวิจัยนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ BAT ในการลดผลกระทบต่อสุขภาพจากธุรกิจ และส่งเสริมการหารือเชิงวิทยาศาสตร์กับหน่วยงานสาธารณสุข หน่วยงานกำกับดูแล และนักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการลดอันตรายจากยาสูบ

เกี่ยวกับ BAT

BAT คือธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคหลากหลายประเภทชั้นนำระดับโลก ด้วยรากฐานทางวิทยาศาสตร์ การวิจัยและพัฒนาชั้นนำของโลก จุดมุ่งหมายของเราคือการสร้าง A Better Tomorrow™ โดยการสร้างโลกที่ไร้ควัน

หัวใจสำคัญของการบรรลุเป้าหมายนี้คือแนวคิดการลดอันตรายจากยาสูบ (THR) ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนผู้สูบบุหรี่ที่ปกติจะยังคงสูบบุหรี่อยู่ ไปสู่ผลิตภัณฑ์ยาสูบและนิโคตินที่ลดความเสี่ยง แนวคิดนี้ได้รับการสรุปเพิ่มเติมใน Omni™ ซึ่งเป็นปฏิญญาเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่อิงหลักฐานเชิงประจักษ์ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความก้าวหน้าของ BAT ในด้าน THR

BAT มีพนักงานกว่า 48,000 คน และในปี 2024 มีรายได้ 25.9 พันล้านปอนด์ โดยมีกำไรที่ปรับแล้วจากการดำเนินงาน 11.9 พันล้านปอนด์

BAT มีเป้าหมายที่จะให้ผู้บริโภคที่เป็นผู้ใหญ่จำนวน 50 ล้านคนบริโภคผลิตภัณฑ์ไร้ควันภายในปี 2030 และสร้างรายได้ 50% จากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ภายในปี 2035 ปัจจุบันมีผู้ใช้ 30.5 ล้านคน ซึ่งรวมถึงแบรนด์ไอระเหย Vuse แบรนด์ผลิตภัณฑ์ให้ความร้อน glo และแบรนด์ยาอมนิโคตินแบบซองสมัยใหม่ Velo รายได้ของหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ของ BAT เพิ่มขึ้นเป็น 3.4 พันล้านปอนด์ในปี 2024 โดยมีการเติบโตอย่างมากในด้านผลกำไร

BAT ยังคงมุ่งมั่นที่จะลดการใช้วัตถุดิบบริสุทธิ์ พัฒนาชุมชนที่ดำเนินธุรกิจ และมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ตลอดห่วงโซ่คุณค่าภายในปี 2050 BAT ได้รับการจัดอันดับ “Triple-A” จาก CDP สำหรับข้อมูลที่เผยแพร่ในปี 2024 เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความมั่นคงด้านน้ำ และป่าไม้ และเมื่อเร็วๆ นี้ BAT ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น ผู้นำด้านสภาพภูมิอากาศของ Financial Times เป็นปีที่ห้าติดต่อกัน

ข้อความเชิงคาดการณ์

การเผยแพร่ข้อมูลฉบับนี้มีข้อความเชิงคาดการณ์บางประการ รวมถึงข้อความเชิงคาดการณ์ซึ่งมีความหมายตามพระราชบัญญัติปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลของสหรัฐอเมริกา .. 1995 ข้อความเหล่านี้มักถูกนำมาใช้โดยการใช้คำหรือวลี เช่นเชื่อว่า” “คาดการณ์” “อาจ” “อาจจะ” “น่าจะ” “ควร” “ตั้งใจ” “วางแผน” “ศักยภาพ” “ทำนาย” “จะ” “คาดหวัง” “ประมาณการ” “โครงการ” “วางตำแหน่ง” “กลยุทธ์” “แนวโน้ม” “เป้าหมายและคำอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งรวมถึงข้อความเกี่ยวกับเป้าหมายลูกค้า เป้าหมายรายได้ของหมวดหมู่ใหม่ และเป้าหมาย ESG ของเรา

ข้อความเชิงคาดการณ์ทั้งหมดเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการประมาณการและสมมติฐานซึ่งขึ้นอยู่กับความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และปัจจัยอื่นๆ เป็นที่เชื่อกันว่าความคาดหวังที่ปรากฏในการเผยแพร่ข้อมูลฉบับนี้มีความสมเหตุสมผล แต่อาจได้รับผลกระทบจากตัวแปรมากมายที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างอย่างมากจากที่คาดการณ์ไว้ในปัจจุบัน คุณสามารถศึกษาเหตุผลประกอบการพิจารณาว่าเหตุใดผลลัพธ์ที่แท้จริงและเหตุการณ์ต่างๆ อาจแตกต่างอย่างมากจากความคาดหวังที่เปิดเผยหรือโดยนัยในข้อความเชิงคาดการณ์ได้โดยอ้างอิงข้อมูลที่อยู่ในหัวข้อข้อควรพึงระวังและความเสี่ยงหลักของกลุ่มในรายงานประจำปี 2024 และแบบฟอร์ม 20-F ของ British American Tobacco p.l.c. (BAT)

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยเหล่านี้และปัจจัยอื่นๆ ได้ในเอกสารที่ BAT ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (“SEC”) รวมถึงรายงานประจำปีในแบบฟอร์ม 20-F และรายงานปัจจุบันในแบบฟอร์ม 6-K ซึ่งสามารถขอรับได้ฟรีที่เว็บไซต์ของ SEC http://www.sec.gov และรายงานประจำปีของ BAT ซึ่งสามารถรับได้ฟรีจากเว็บไซต์ BAT www.bat.com

ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาไม่ได้เป็นเครื่องบ่งชี้ผลการดำเนินงานในอนาคต และผู้ที่ต้องการคำแนะนำควรปรึกษาที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าสะท้อนถึงความรู้และข้อมูลที่มีอยู่ วันที่จัดทำข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ และ BAT ไม่มีภาระผูกพันในการปรับปรุงหรือแก้ไขข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรือสาเหตุอื่นๆ ผู้อ่านควรระมัดระวังอย่าเชื่อถือข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้มากเกินไป

___________________

1 อดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาล ผู้นำจากภาควิชาการและการวิจัย สมาชิกขององค์กรพัฒนาเอกชนและกลุ่มสนับสนุน ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระดับสูง สมาชิกจากสถาบันที่ไม่ใช่ภาครัฐ (NGI) ที่เกี่ยวข้อง ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายและการสนับสนุน

2 ผู้ใช้สารนิโคติน (ใช้ผลิตภัณฑ์นิโคตินอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง) ตระหนักถึงผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดควันอย่างน้อยหนึ่งชนิด (บุหรี่ไฟฟ้าหรือผลิตภัณฑ์สำหรับสูบบุหรี่ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์สำหรับให้ความร้อน ซองนิโคตินแบบรับประทาน)

3 บุคลากรทางการแพทย์ (แพทย์ทั่วไป แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็ง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านปอด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจ) ผู้เชี่ยวชาญทางคลินิกผู้ป่วยนอก เภสัชกร เจ้าหน้าที่สาธารณสุขชุมชน ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพจิต และพยาบาล

4 จุดข้อมูลในช่วงสองปีนั้นไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้โดยตรงเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงในคำถาม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยังคงรักษามาตราส่วนการตอบสนองไว้ ข้อมูลเหล่านี้อาจยังคงให้ข้อมูลเชิงลึกที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มที่เกี่ยวข้อง

5 ผลการวิจัยหลายตลาดโดยอิงจากคะแนนเฉลี่ยที่ได้จาก 15 ตลาด ได้แก่ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี โปแลนด์ โรมาเนีย สวีเดน บราซิล ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ปากีสถาน และนิวซีแลนด์

6 เมื่อเทียบกับคะแนนของกลุ่มอื่นๆ (ผู้ใช้นิโคตินและผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์)

7 ผู้ที่ใช้งานอยู่ของหมวดหมู่ หมายถึง ผู้ใช้งานหมวดหมู่ดังกล่าวอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง

8 ผู้สูบบุหรี่ หมายถึง ผู้สูบบุหรี่เป็นประจำทุกวัน ซึ่งได้ลองหรือเปิดใจที่จะลองผลิตภัณฑ์ประเภทใหม่อย่างน้อยหนึ่งประเภท (บุหรี่ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความร้อน หรือผลิตภัณฑ์แบบซองนิโคติน) ในอนาคต

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

สอบถาม
ศูนย์สื่อ
press_office@bat.com | @BATplc
ฝ่ายผู้ลงทุนสัมพันธ์
IR_team@bat.com

ที่มา: British American Tobacco