All posts by Jasmine

แพลตฟอร์มต้นแบบอย่างปลอดภัยของ NTT Com แบ่งปันข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากสวิตเซอร์แลนด์ไปยังแหล่งที่ตั้งต่างๆในเยอรมนีและญี่ปุ่น

Logo

– การปกป้องอธิปไตยด้านข้อมูลในการแบ่งปันระหว่างประเทศที่คาดว่าจะรองรับการลดการสร้างคาร์บอน เป็นต้น –

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–8 เมษายน 2564

NTT Communications Corporation (NTT Com) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์ไอซีทีและธุรกิจการสื่อสารระหว่างประเทศภายใน NTT Group ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการทดลองแบ่งปันข้อมูลสายการผลิตที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านแพลตฟอร์มต้นแบบที่ทำให้สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายผ่านมาตรฐาน IDS ซึ่งสนับสนุนข้อมูลอธิปไตยในระบบนิเวศของข้อมูล GAIA-X การทดลองข้อมูลนี้โดยปกติจะไม่สามารถใช้ร่วมกันได้เนื่องจากมีการรักษาความลับสูง แม้ว่าพันธมิตรที่ทำธุรกิจจริงจะต้องทำการคำนวณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และถูกส่งอย่างปลอดภัยไปยังแหล่งที่ตั้งที่กำหนดในเยอรมนีและญี่ปุ่นจาก Switzerland Innovation Park Biel/Bienne ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210407006040/en/

Flow chart of recent data-sharing trial (Graphic: Business Wire)

แผนภาพแสดงลำดับขั้นตอนของการทดลองใช้ข้อมูลร่วมกันล่าสุด (กราฟิก: Business Wire)

GAIA-X เป็นโครงการริเริ่มที่ประกาศโดยรัฐบาลเยอรมันและฝรั่งเศสในเดือนตุลาคม 2562 เพื่อสนับสนุนการแบ่งปันข้อมูลผ่านโครงสร้างพื้นฐานที่รับประกันการปกป้องข้อมูล ความโปร่งใส ความน่าเชื่อถือ และการทำงานร่วมกัน เพื่อปกป้องสิทธิของบริษัทในยุโรป รัฐบาล สถาบันและพลเมือง

NTT Com ดำเนินการทดลองภายใต้สมมติฐานว่า ข้อมูลดังกล่าวจะถูกใช้โดยบริษัทที่ทำธุรกิจจริงเพื่อทบทวนวิธีการผลิตของตนเพื่อให้เกิดการสลายตัวของคาร์บอนมากขึ้น แพลตฟอร์มต้นแบบซึ่งเปิดใช้งานกับการเชื่อมต่อกับ IDS Connectors ยังมาพร้อมกับ DATA Trust® ซึ่งเป็นกลไกสำหรับการแบ่งปันข้อมูลที่เป็นความลับได้อย่างปลอดภัย

การทดลองนี้เกี่ยวข้องกับการแบ่งปันข้อมูลการใช้ไฟฟ้าที่พันธมิตรทางธุรกิจมักจะใช้ในการคำนวณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นระหว่างการผลิตของผลิตภัณฑ์เฉพาะ การทดลองดังกล่าวยืนยันว่าแพลตฟอร์มของ NTT สามารถแชร์ข้อมูลดังกล่าวได้อย่างปลอดภัยกับคู่ความที่มีกฎหมายหรือสัญญาอนุญาตเท่านั้น

เครื่องต้นแบบที่ได้รับการพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีการกระจายข้อมูลระหว่างธุรกิจกับธุรกิจของ Nippon Telegraph and Telephone Corporation (Software Innovation Center) โดยร่วมมือกับ Robot Revolution & Industrial IoT Initiative (RRI), International Data Spaces Association (IDSA), Fraunhofer-Gesellschaft, Switzerland Innovation Park Biel/Bienne and Japan Innovation Park

NTT Com มีแผนที่จะจัดแสดงผลการทดลองที่บูธร่วมของ IDSA และ RRI ระหว่างงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรม Hannover Messe ในเยอรมนีระหว่างวันที่ 12-16 เมษายนนี้

 “ญี่ปุ่นมีความใกล้ชิดกับยุโรปในด้านอุตสาหกรรมด้วยประสบการณ์ที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมด้านยานยนต์ เหล็ก หรือการผลิต” Hubert Tardieu ประธาน GAIA-X AISBL กล่าว “วัตถุประสงค์หลักในทุกอุตสาหกรรมในปัจจุบันการแบ่งปันข้อมูลและการจัดเตรียมบริการเช่นเดียวกับ GAIA-X บริษัท NTT Communications เริ่มต้นด้วยการดำเนินการครั้งแรกในการแบ่งปันข้อมูลระหว่าง ญี่ปุ่น เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ โดยใช้มาตรฐาน IDS ซึ่งสนับสนุนข้อมูลอธิปไตยในระบบนิเวศของข้อมูล GAIA-X เราภูมิใจที่ GAIA-X AISBL ช่วยในการสนับสนุนอย่างแรงกล้าในการเปิดตัว Japan Hub ผ่าน NTT Communications และเริ่มการใช้งานมากขึ้นเกี่ยวกับ GAIA-X”

ในอนาคต NTT Com จะสร้างการทดสอบสภาพแวดล้อมในญี่ปุ่นเพื่อเชื่อมต่อกับ GAIA-X และเริ่มการทดสอบความสามารถในการทำงานร่วมกันกับบริษัทพันธมิตรหลายแห่งทั่วโลกในช่วงฤดูร้อนนี้  หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี NTT Com หวังว่าจะเปิดตัวแพลตฟอร์มอย่างเป็นทางการภายในปีงบประมาณในเดือนมีนาคม 2565 การเปิดตัวนี้จะประสานงานกับองค์กรและกลุ่มต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระจายข้อมูลระหว่างประเทศรวมถึง Data Society Alliance, OPC Foundation Japan, RRI, GAIA- X AISBL และ IDSA

การใช้ข้อมูลกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการริเริ่มต่างๆ เช่น การลดการสร้างคาร์บอนทั่วโลก การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติและการเสริมสร้างความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมในช่วงต้น อย่างไรก็ตามในขณะเดียวกันระบบกฎหมายและเทคโนโลยีต้องควบคุมและจัดการการใช้ข้อมูลที่กำลังได้รับการพัฒนาในทั่วโลก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ GAIA-X เป็นการป้องกันการรั่วไหลของความลับขององค์กรและระดับชาติ และเพื่อปกป้องข้อมูลอธิปไตย

ในอนาคตคาดว่า บริษัทต่างๆ จะต้องใช้ GAIA-X เพื่อส่งและรับข้อมูลที่เป็นความลับสูงไปยังพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศในยุโรป ซึ่งหมายความว่าบริษัทที่ไม่สามารถใช้ GAIA-X จะไม่สามารถทำธุรกิจกับพันธมิตรในยุโรปได้หากเกี่ยวข้องกับการแบ่งปันข้อมูลที่ละเอียดอ่อน อย่างไรก็ตามแพลตฟอร์มที่คาดการณ์ไว้ของ NTT Com จะช่วยให้บริษัทดังกล่าวเชื่อมต่อกับ GAIA-X ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเสียเวลาและเงินอันมีค่าไปกับโซลูชันการแบ่งปันข้อมูลที่ยอมรับได้

เกี่ยวกับ NTT Communications

NTT Communications นำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่เป็นอุปสรรคด้านเทคโนโลยี โดยการช่วยเหลือธุรกิจให้เอาชนะความซับซ้อนและความเสี่ยงในสภาพแวดล้อมทางด้านไอซีทีของพวกเขาด้วยโซลูชันระบบไอทีพื้นฐานที่มีการจัดการแบบเบ็ดเสร็จ โซลูชันเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนโดยระบบโครงสร้างพื้นฐานของเราที่มีอยู่ทั่วโลก รวมถึงเครือข่ายสาธารณะและเครือข่ายส่วนตัวชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรมในระดับ tier-1 ที่ครอบคลุมทั่วโลก เข้าถึงประเทศ/ภูมิภาคต่าง ๆ มากกว่า 190 จุดหมายปลายทาง และศูนย์กลางข้อมูลที่มีความทันสมัยมากที่สุดของโลกที่มีพื้นที่มากกว่า 500,000 ตรม. ทีมบริการลูกค้ามืออาชีพที่อยู่ทุกมุมโลกของเราคอยให้คำปรึกษาและสถาปัตยกรรมที่มีความยืดหยุ่นและปลอดภัยที่จะทำให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จ รวมถึงขนาดและความสามารถระดับโลกในการบริการที่เหนือกว่าของเรา และเมื่อรวมเข้ากับ NTT Ltd., NTT Data, and NTT DOCOMO พวกเราคือ NTT Group

www.ntt.com | Twitter@NTT Com | Facebook@NTT Com | LinkedIn@NTT Com

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210407006040/en/

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
Akira Sakaino, Takashi Horikoshi, Hideaki Niitsuma
Smart Factory Office
Business Planning, Business Solution Division
NTT Communications
smart-factory@ntt.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

PW Power Systems ขณะนี้จะกลายเป็น Mitsubishi Power Aero ซึ่งบ่งบอกถึงการบูรณาการที่ดียิ่งขึ้นของบริษัท

Logo

  • PW Power Systems เป็นผู้ริเริ่มและเป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นพลังงานตามความต้องการมานานกว่า 60 ปี เป็นผู้ให้บริการที่ยืดหยุ่น, สามารถติดตามผลได้อย่างรวดเร็ว, ปรับแต่งกังหันก๊าซแบบอนุพันธ์ของเครื่องยนต์ไอพ่นเพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานที่จำเป็นทั่วโลก
  • การใช้แบรนด์ Mitsubishi Power นับเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างมากในการผสานรวมการผลิต, การขาย, การตลาด, การเงิน, การบริการและการดำเนินโครงการของ Mitsubishi Power

ASIA PACIFIC, THAILAND. (5 เมษายน 2564) – วันนี้ PW Power Systems เปลี่ยนชื่อเป็น Mitsubishi Power Aero อย่างเป็นทางการ การนำแบรนด์ Mitsubishi Power มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการทำงานร่วมกันเพื่อประโยชน์ต่อลูกค้ากังหันก๊าซแบบอนุพันธ์ของเครื่องยนต์ไอพ่น จุดแข็งของกลุ่มผลิตภัณฑ์กังหันก๊าซแบบอนุพันธ์ของเครื่องยนต์ไอพ่นและประวัติผลงานจะได้รับการยกระดับโดยการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและเทคโนโลยีของบริษัทแม่ของ Mitsubishi Power Aero

“เรากำลังใช้สินทรัพย์ห่วงโซ่อุปทานของ Mitsubishi Power ทั่วโลกเพื่อสนับสนุนการผลิตอุปกรณ์ใหม่ตลอดจนบริการหลังการขาย”  Raul Pereda ประธานและซีอีโอของ Mitsubishi Power Aero กล่าว “ทีมวิศวกรของเรากำลังร่วมมือกันเพื่อทำให้กังหันก๊าซของเราสามารถแข่งขันได้มากขึ้นรวมถึงการใช้งานกับเชื้อเพลิงไฮโดรเจน การควบคุมจากระยะไกลและปัญญาประดิษฐ์ TOMONITM แหล่งทรัพยากรการเงินของกลุ่มที่กว้างขึ้นยังช่วยให้เราสามารถนำเสนอโซลูชันทางการค้าที่ยืดหยุ่นมากขึ้นให้กับลูกค้าของเรา เรากระตือรือร้นที่จะร่วมมือกับลูกค้าเพื่อส่งมอบพลังงานในเวลาที่โลกต้องการมากที่สุด”

เมื่อการใช้พลังงานไฟฟ้าขยายตัวและความต้องการพลังงานที่เชื่อถือได้ก็เพิ่มขึ้นทั่วโลก บทบาทของพลังงานตามความต้องการที่เป็นแบบอนุพันธ์ของเครื่องยนต์ไอพ่นจึงมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ต้นทุนทางเศรษฐกิจและสังคมของการขาดแคลนพลังงานมีความสำคัญและเพิ่มสูงขึ้นและความซับซ้อนของระบบไฟฟ้าก็เพิ่มขึ้นเนื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่น การขยายตัวของพลังงานหมุนเวียนอย่างรวดเร็วเหตุการณ์สภาพอากาศที่รุนแรง การใช้พลังงานไฟฟ้าในการขนส่ง การจัดเก็บพลังงาน และเชื้อเพลิงทางเลือก รวมถึงไฮโดรเจน โซลูชันการผลิตไฟฟ้าที่ยืดหยุ่นจาก Mitsubishi Power เป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้ลูกค้าจัดการกับความต้องการพลังงานที่หลากหลายได้อย่างสมดุล

“พลังงานตามความต้องการเป็นองค์ประกอบสำคัญในการที่ Mitsubishi Power นำเสนอโซลูชั่นแบบครบวงจรให้กับลูกค้าของเรา” Paul Browning ประธานและซีอีโอของ Mitsubishi Power Americas กล่าว“FT8Ò MOBILEPACÒ สามารถเปิดเครื่องทำงานได้รวดเร็วทันใจเพียงการแจ้งเตือนสั้น ๆ และกังหันก๊าซ FT4000Ò SWIFTPACÒ ให้พลังงานที่ยืดหยุ่นเป็นพิเศษแก่ลูกค้าที่ต้องการเพิ่มการใช้งานของพลังงานหมุนเวียนไม่ต่อเนื่อง เช่น ลมและแสงอาทิตย์ จากการที่พลังงานปราศจากคาร์บอนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก พลังงานแบบอนุพันธ์ของเครื่องยนต์ไอพ่นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรองรับความเพียงพอของทรัพยากร เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ผสานรวมความสามารถด้านห่วงโซ่อุปทาน, ด้านการผลิต, ด้านวิศวกรรม, ด้านการตลาด, ด้านการขาย, ด้านการบริการ และความสามารถทางการเงินกับผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่ง, ด้านการบริการ และความสามารถในโครงการแบบครบวงจรของ Mitsubishi Power Aero เราจะทำงานร่วมกับลูกค้าของเราเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในด้านพลังงาน”

# # #

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:

Stefan L. Zavatone

รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร

stefan.zavatone@aeropowermhi.com

860-368-5499

Sophia Wee

+65 9112 4325

sophia.wee.3z@mhi.com

เกี่ยวกับ Mitsubishi Power Americas, Inc.

Mitsubishi Power Americas, Inc. มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเลค แมรี่ รัฐฟลอริดา มีพนักงานด้านการผลิตไฟฟ้า ด้านการจัดเก็บพลังงาน และผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชันมืออาชีพมากกว่า 2,000 คน พนักงานของเรามุ่งเน้นไปที่การเพิ่มขีดความสามารถให้กับลูกค้าเพื่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในราคาที่เหมาะสมและเชื่อถือได้ ในขณะเดียวกันก็พัฒนาความเจริญรุ่งเรืองของมนุษย์ไปทั่วอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ โซลูชันการผลิตไฟฟ้าของ Mitsubishi Power ประกอบด้วยก๊าซธรรมชาติ ไอน้ำ อนุพันธ์ของเครื่องยนต์ไอพ่น ความร้อนใต้พิภพ เทคโนโลยีหมุนเวียนแบบกระจาย การควบคุมสิ่งแวดล้อม และบริการต่าง ๆ โซลูชันการจัดเก็บพลังงานประกอบด้วยไฮโดรเจนสีเขียว และระบบจัดเก็บพลังงานแบตเตอรี่ Mitsubishi Power ยังนำเสนอดิจิทัลโซลูชันที่ช่วยให้สามารถดำเนินการและบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าได้โดยอัตโนมัติ Mitsubishi Power, Ltd. เป็นบริษัทในเครือของ Mitsubishi Heavy Industries, Ltd. (MHI) MHI มีสำนักงานใหญ่ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในผู้ผลิตเครื่องจักรกลหนักชั้นนำของโลกที่มีธุรกิจด้านวิศวกรรมและการผลิตซึ่งครอบคลุมทั้งพลังงานโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง การบินและอวกาศ และการป้องกันประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ Mitsubishi Power Americas และติดตามเราบนเครือข่ายสังคม LinkedIn

เกี่ยวกับ Mitsubishi Power Aero LLC

Mitsubishi Power Aero LLC มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกลาสตันเบอรี รัฐคอนเนตทิคัต สหรัฐอเมริกา เป็นผู้นำในการจัดหาโซลูชั่นพลังงานตามความต้องการที่รวดเร็วสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าทั่วโลกและลูกค้าในอุตสาหกรรมและ O&G เรานำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ยืดหยุ่น และปรับแต่งได้รวมถึงแพ็คเกจกังหันก๊าซแบบอนุพันธ์ของเครื่องยนต์ไอพ่นที่มีขนาดตั้งแต่ 30 ถึง 140 เมกะวัตต์ บริการหลังการขายที่ปรับแต่งและตอบสนองความเชี่ยวชาญด้าน EPC แบบครบวงจร และการจัดเก็บแบตเตอรี่ เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าขยายตัวและมีการเพิ่มพลังงานหมุนเวียนให้กับโครงข่ายไฟฟ้า Mitsubishi Power Aero จะยังคงมีบทบาทสำคัญในการให้ความมั่นคงด้านพลังงานแก่ลูกค้าทั่วโลก Mitsubishi Power Aero เป็นของกลุ่มบริษัท Mitsubishi Power Americas, Inc. ติดต่อกับเราได้ที่ aero.power.mhi.com และ LinkedIn

Digital Edge จะขยายกิจการด้านแพลตฟอร์มไปยังเกาหลีใต้

Logo

เข้าซื้อศูนย์ข้อมูล 2 แห่งในเกาหลีใต้และสร้างพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ระยะยาวกับ Sejong Telecom

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–1 เม.ย. 2564

Digital Edge (Singapore) Holdings Pte. Ltd. (“ Digital Edge” หรือ “บริษัท ”) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลชั้นนำที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อพลิกโฉมโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในเอเชียและได้รับการสนับสนุนจาก Stonepeak Infrastructure Partners ประกาศแผนการขยายธุรกิจในระดับภูมิภาคไปยังเกาหลีใต้โดยกำลังเข้าสู่ขั้นตอนการทำสัญญาหลัก (definitive agreement) ในการซื้อทรัพย์สินต่าง ๆ ของศูนย์ข้อมูลของ Sejong Telecom โดยจะเป็นการทำธุรกรรมเงินสดทั้งหมด เมื่อสัญญาแล้วเสร็จ Digital Edge จะเข้าซื้อกิจการศูนย์ข้อมูล 1 แห่งในเขตกังนัม เมืองโซล และศูนย์ Cable Landing Station ในเซ็นทัมซิตี้ เมืองปูซาน การเพิ่มสินทรัพย์เชิงยุทธศาสตร์เหล่านี้ ยังรวมถึง การดำเนินงานและลูกค้าที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นของบริษัทในการเข้าสู่ตลาดเกาหลีและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์มระดับภูมิภาค

ธุรกรรมนี้จะช่วยให้ Digital Edge สามารถนำเสนอโซลูชันการเชื่อมต่อระหว่างกันและศูนย์ข้อมูลในตลาดเกาหลีที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ได้ทันที พร้อม ๆ ไปกับการสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับการขยายตัวในอนาคตในสองเมืองใหญ่ ได้แก่ โซลและปูซาน ศูนย์ข้อมูลของ Sejong Telecom ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาตร์ และนำเสนอตัวเลือกการเชื่อมต่อมากมายจากลูกค้าปัจจุบัน นอกจากนี้ Digital Edge มีแผนจะลงทุนเพิ่มเติมเพื่อขยายขีดความสามารถและปรับปรุงประสิทธิภาพและช่วยประหยัดการใช้พลังงานของศูนย์ทั้งสองแห่ง Digital Edge คาดว่าจะลงทุนมากกว่า 120 ล้านเหรียญสหรัฐในระหว่างการทำธุรกรรม และเมื่อมีการขยายตัวในภายหลัง

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้ให้บริการระบบคลาวด์ เนื้อหา และเครือข่ายทั่วโลกแสดงความปรารถนาอย่างแรงกล้าสำหรับการมีตัวเลือกการเชื่อมต่อระหว่างกันที่ยืดหยุ่นและคุ้มค่ากว่าในตลาดเกาหลี ในส่วนของธุรกรรมดังกล่าว Sejong Telecom และ Digital Edge ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรยุทธศาสตร์ระยะยาวเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่สู่ตลาดเพื่อตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ

“ด้วยความมุ่งมั่นด้านเงินทุน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในการสร้าง Digital Edge Platform ในเอเชีย เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะประกาศแผนการรุกเข้าสู่ตลาดเกาหลีหลังจากการลงทุนครั้งแรกในศูนย์ข้อมูลในญี่ปุ่น เกาหลีเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชียด้วยโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ทันสมัยที่สุด” Samuel Lee ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Digital Edge กล่าว “ ธุรกรรมนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับบริษัทข้ามชาติ และบริษัทของเกาหลีในการเข้าใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มของ Digital Edge เพื่อเพิ่มรอยเท้าดิจิทัลในเกาหลีโดยการเชื่อมต่อกับระบบนิเวศที่หลากหลายของลูกค้าและคู่ค้าในสถานที่ที่สำคัญ ๆ ทั้งหมดในโซลและปูซาน”

“ความร่วมมือของเรากับ Digital Edge จะช่วยเร่งโอกาสในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลสำหรับลูกค้าองค์กรในเกาหลี” Yoo Ki-yoon ประธาน Sejong Telecom กล่าว “ เราตั้งตารอการรวมการเข้าถึงแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลที่มีการเชื่อมต่อครบถ้วนระหว่างกันของ Digital Edge กับการเชื่อมต่อเครือข่ายขั้นสูงของ Sejong Telecom เพื่อนำเสนอโซลูชันที่เปิดใช้งานระบบคลาวด์และเครือข่ายที่หลากหลายมากขึ้น”

“การเข้าซื้อสินทรัพย์เชิงยุทธศาตร์เหล่านี้ในเกาหลีใต้จะสร้างแกนหลักที่มั่นคงสำหรับแพลตฟอร์มระดับภูมิภาคของเราที่กำลังเติบโต” Yongsuk Choi ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการโครงสร้างพื้นฐานและศูนย์ข้อมูลของ Digital Edge กล่าว “ มันจะวางตำแหน่ง Digital Edge ให้เป็นศูนย์ข้อมูลและผู้ให้บริการเชื่อมต่อโครงข่ายที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้ในเกาหลีใต้โดยมีทรัพย์สินคุณภาพสูงตั้งแต่โซลไปจนถึงปูซานและระบบนิเวศขนาดใหญ่ที่หลากหลายของธุรกิจเกาหลีและธุรกิจข้ามชาติ นอกจากนี้ยังเปิดเกตเวย์หลักสำหรับประเทศอื่น ๆ ของเอเชียผ่านระบบเคเบิลใต้น้ำในพื้นที่ปูซาน”

การทำธุรกรรมคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่สองของปี 2564 และจะอยู่ภายใต้เงื่อนไขการปิดบัญชีตามปกติและการอนุมัติตามกฎข้อบังคับ

เกี่ยวกับ Digital Edge

Digital Edge ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์เป็นบริษัทแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลคาดการณ์ล่วงหน้าที่น่าเชื่อถือ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในเอเชีย ด้วยการสร้างและดำเนินการศูนย์ข้อมูลที่ทันสมัยและประหยัดพลังงานที่เต็มไปด้วยตัวเลือกการเชื่อมต่อ Digital Edge จึงมีเป้าหมายที่จะนำเสนอทางเลือกใหม่และการเชื่อมต่อระหว่างกันสู่ตลาดเอเชียเพื่อทำให้การติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานในเอเชียเป็นเรื่องง่าย มีประสิทธิภาพ และประหยัด

Digital Edge ก่อตั้งขึ้นโดยทีมผู้บริหารระดับสูงที่คร่ำหวอดและมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมมานานหลายทศวรรษและมีประวัติการสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลคลาวด์และโทรคมนาคมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Digital Edge ได้รับการสนับสนุนจาก Stonepeak Infrastructure Partners โดยมีเงินทุนเกินกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐในการจัดตั้งและขับเคลื่อนแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลของบริษัทในเอเชีย

เกี่ยวกับ Stonepeak Infrastructure Partners

Stonepeak Infrastructure Partners (www.stonepeakpartners.com) เป็น บริษัทเอกชนที่เน้นทำงานด้านโครงสร้างพื้นฐานซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์ก ซึ่งบริหารจัดการเงินทุน 31.3 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับนักลงทุน (ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2564) Stonepeak ลงทุนในธุรกิจที่มีสินทรัพย์โภคภัณฑ์และที่มีอายุยาวนาน รวมไปถึงครงการที่ให้บริการที่จำเป็นแก่ลูกค้า และพยายามที่จะร่วมมือกับทีมผู้บริหารที่มีคุณภาพสูงอำนวยความสะดวกในการปรับปรุงการดำเนินงานและจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการด้านการเติบโต

เกี่ยวกับ Sejong Telecom

Sejong Telecom Incorporated ก่อตั้งขึ้นในเดือนมิถุนายน 2535 ในกรุงโซลประเทศเกาหลีเป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านเทคโนโลยีการสื่อสารผลิตภัณฑ์และบริการข้อมูล Sejong Telecom นำเสนอบริการและโซลูชั่นด้านเสียง ข้อมูล และวิดีโอบนเครือข่ายและแพลตฟอร์มขั้นสูงเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าสำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายที่เชื่อถือได้ มีความปลอดภัย และอยู่ภายใต้การควบคุมที่ดี ในฐานะผู้ให้บริการที่เป็นกลาง Sejong Telecom ให้บริการเชื่อมต่อที่รวมถึงสายเฉพาะ (dedicated lines) IX และบริการข้อมูลในขณะที่การให้บริการโทรศัพท์มือถือแบบมีสาย ไร้สาย และแบบ MVNO Sejong Telecom ได้ขยายไปสู่ตลาดเกิดใหม่ เช่น ตลาดแพลตฟอร์ม เนื้อหาต่าง ๆ บ้านความปลอดภัย โซลูชั่นและบล็อกเชนเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ภารกิจของ Sejong Telecom คือการเชื่อมต่อ ร่วมสร้างและแบ่งปันคุณค่าที่เพิ่มขึ้นให้กับผู้เข้าร่วมทุกคนโดยกระตุ้นให้เกิดการผสานรวมกับธุรกิจโทรคมนาคมและแพลตฟอร์มที่มีอยู่ในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Sejong Telecom โปรดไปที่ https://sejongtelecom.net.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210331006062/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ

Digital Edge and Stonepeak Infrastructure Partners

Sard Verbinnen & Co

Ben Spicehandler / Julie Rudnick

Stonepeak-SVC@SARDVERB.com

Sejong Telecom

Yoo EunHee

+82-70-7997-6098

yeh@sejongtelecom.net

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

“Free2Move eSolutions” เป็นโครงการร่วมทุนระหว่าง Stellantis และ ENGIE EPS เพื่อสร้างผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการ E-mobility ชั้นนำระดับโลกแห่งใหม่

Logo

ปารีส & ตูริน ประเทศอิตาลี–(บิสิเนสไวร์)–31 มี.ค. 2564

ข่าวกฎข้อบังคับ:

ในก้าวสำคัญสู่ความสำเร็จของโครงการร่วมทุนตามที่ประกาศไว้เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2564, Stellantis และ Engie EPS (Paris: EPS) ได้ประกาศองค์รายชื่อคณะกรรมการและชื่อบริษัทของ หน่วยงานใหม่:

Free2Move eSolutions มุ่งสนับสนุนและลดความสะดวกในการเปลี่ยนไปสู่ความคล่องตัวทางไฟฟ้าด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าที่เป็นนวัตกรรมและปรับแต่งได้สำหรับทั้งภาคเอกชนและนักธุรกิจของห่วงโซ่คุณค่า

มีบทบาทในการสนับสนุนการมีความคล่องตัวในราคาที่ประหยัดและสะอาด

ทุกสายผลิตภัณฑ์ขอบเขตของกิจกรรม Free2Move eSolutions จะครอบคลุมตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จ (การติดตั้ง การให้บริการ และการดำเนินการ) ระบบสมาชิกการชาร์จไฟสาธารณะและที่บ้านด้วยค่าบริการรายเดือน ไปจนถึงวงจรใช้งานแบตเตอรี่ การจัดการการและบริการพลังงานขั้นสูง เช่นการผสานรวม Vehicle-to-Grid (V2G) และโซลูชันการจัดการพลังงานเพื่อลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของรถยนต์

การร่วมทุนระหว่าง Stellantis และ Engie EPS จะทำให้การเข้าถึง e-mobility ง่ายขึ้นและจะเสริมพอร์ตโฟลิโอปัจจุบันของ Free2Move ด้วยชุดข้อเสนอใหม่สำหรับการเคลื่อนที่ด้วยไฟฟ้า 100%

Free2Move (ส่วนหนึ่งของ Stellantis Group) เป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านการเคลื่อนไหวที่สร้างขึ้นในปี 2559 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความซับซ้อนและรับประกันความคล่องตัวสำหรับทั้งลูกค้าส่วนตัวและธุรกิจด้วยผลิตภัณฑ์ที่ปรับให้เข้ากับทุกความต้องการทุกที่ทุกเวลาตั้งแต่ 1 ชั่วโมง 1 วันถึง 1 เดือนขึ้นผ่านแพลตฟอร์มเดียว  นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนการเปลี่ยนถ่ายพลังงานและการจัดการยานพาหนะสำหรับมืออาชีพ

บริษัทใหม่นี้ก่อตั้งขึ้นเป็นบริษัทนานาชาติและได้รับการสนับสนุนจากทีมงานที่มีทักษะและความรู้เฉพาะในด้านการออกแบบ พัฒนา ผลิต ขนส่ง และจำหน่ายผลิตภัณฑ์การเคลื่อนย้ายไฟฟ้าที่เรียบง่ายและเป็นนวัตกรรมใหม่ทั่วยุโรป โดยมีศักยภาพและมีแผนสำหรับการขยายธุรกิจระหว่างประเทศในอนาคต

คณะกรรมการของ Free2Move eSolutions

คณะกรรมการของ Free2Move eSolutions จะประกอบด้วยสมาชิก 6 คนโดยขึ้นอยู่กับการเสร็จสิ้นการร่วมทุน  Roberto Di Stefano ซึ่งเป็นตัวแทนของ Stellantis จะดำรงตำแหน่งซีอีโอและ Carlalberto Guglielminotti จาก Engie EPS และ Young Global Leader 2020 ของ World Economic Forum จะเป็นประธาน  สมาชิกคณะกรรมการท่านอื่นๆ ได้แก่ Brigitte Courtehoux (CEO ของ Free2Move Brand และสมาชิกของ Stellantis 'Global Executive Committee) และ Davide Mele (รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ Enlarged Europe) จาก Stellantis กับ Luigi Michi (เดิมคือหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์และระบบ การดำเนินงานใน Terna และรองประธานบริหารใน Enel) และ Giovanni Ravina (ประธานเจ้าหน้านวัตกรรม) ซึ่งเป็นตัวแทนของ Engie EPS

หลังจากการอนุมัติจากคณะกรรมการการต่อต้านการผูกขาดทั้งหมดแล้ว คาดว่าการร่วมทุนจะเสร็จสมบูรณ์ในไตรมาสที่สองของปี 2564

เกี่ยวกับ Engie EPS

Engie EPS เป็นเทคโนโลยีและผู้มีบทบาทในอุตสาหกรรมในกลุ่ม ENGIE ซึ่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อปฏิวัติระบบพลังงานโลกไปสู่แหล่งพลังงานหมุนเวียนและการเคลื่อนย้ายไฟฟ้า  โดยจดทะเบียนในตลาดที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Euronext Paris (EPS.PA), Engie EPS เป็นส่วนหนึ่งของดัชนีทางการเงิน CAC® Mid & Small และ CAC® All-Tradable  สำนักงานจดทะเบียนตั้งอยู่ในปารีสโดยกิจกรรมวิจัยพัฒนาและการผลิตตั้งอยู่ในอิตาลีสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม: www.engie-eps.com

ติดตามเราได้ที่ LinkedIn

เกี่ยวกับ Stellantis

Stellantis เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกและเป็นผู้ให้บริการด้านการเคลื่อนที่โดยมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน: เพื่อมอบอิสระในการเคลื่อนไหวด้วยโซลูชันการเคลื่อนที่ที่โดดเด่น ราคาไม่แพง และเชื่อถือได้  นอกเหนือจากประวัติอันยาวนานของกลุ่มบริษัทและการมีอยู่ในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่กว้างขวางแล้ว จุดแข็งที่สำคัญที่สุดของกลุ่มอยู่ที่ผลการดำเนินงานที่ยั่งยืน ประสบการณ์เชิงลึก และความสามารถที่หลากหลายของพนักงานที่ทำงานอยู่ทั่วโลก  Stellantis จะใช้ประโยชน์จากพอร์ตโฟลิโอแบรนด์ที่กว้างขวางซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยผู้มีวิสัยทัศน์ที่หลอมรวมความรักและจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันแก่พนักงานและลูกค้า  Stellantis มุ่งสู่ความยอดเยี่ยมที่สุด ไม่ใช่เพียงแค่ขนาดใหญ่ที่สุด โดยจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด รวมถึงชุมชนที่ตนดำเนินการอยู่

Twitter: @Stellantis | Facebook: Stellantis | LinkedIn: Stellantis | YouTube: Stellantis

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210331005421/en/

Engie EPS
สื่อติดต่อ
สำนักข่าว: Simona Raffaelli, Image Building, +39 02 89011300, eps@imagebuilding.it 

Corporate and Institutional Communication (ฝ่ายสื่อสารองค์กร): Cristina Cremonesi, +39 345 570 8686, ir@engie-eps.com

Stellantis
สื่อติดต่อ
Marco Belletti, +39 334 6004837, marco.belletti@stellantis.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Global Youth Problem-Solvers ประกาศเป็นผู้ชนะของ Mary Kay Inc. ที่สนับสนุน NFTE World Series of Innovation Challenge

Logo

World Series of Innovation Challenge ของ NFTE ซึ่งเป็นการศึกษาระดับโลก และประสบการณ์การเป็นผู้ประกอบการ ได้เชิญชวนเยาวชนให้แก้ปัญหาที่ท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดโดยเผชิญหน้ากับโลกของเราและช่วยพัฒนาเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ

แดลลัส–(BUSINESS WIRE)–31 มีนาคม 2564

Mary Kay Inc. เป็นผู้สนับสนุนองค์กรชั้นนำในการเสริมสร้างศักยภาพและการเป็นผู้ประกอบการของผู้หญิงได้ประกาศในวันนี้สำหรับผู้ชนะ 3 อันดับแรกของ World Series of Innovation (WSI) Challenge ร่วมกับ Network for Teaching Entrepreneurship (NFTE) ในปีแรกที่ร่วมมือกับ NFTE โดย Mary Kay ได้ให้การสนับสนุนงาน 2020 NFTE World Series of Innovation ซึ่งเป็นประสบการณ์ด้านการศึกษาระดับโลกที่เชิญชวนให้เยาวชนอายุ 13-24 ปีใช้ทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์และการแก้ปัญหาเพื่อค้นหาวิธีในการแก้ไขปัญหาสำหรับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เผชิญอยู่ในโลกปัจจุบันและยังช่วยพัฒนาเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมวิธีคิดของผู้ประกอบการ

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210331005187/en/

Mary Kay sponsors Network for Teaching Entrepreneurship World Series of Innovation Challenge to inspire young entrepreneurs to solve the world’s most pressing problems. (Photo: Mary Kay Inc.)

Mary Kay ผู้สนับสนุน Network for Teaching Entrepreneurship World Series of Innovation Challenge เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในการแก้ไขปัญหาที่เร่งด่วนที่สุดในโลก (ภาพ: Mary Kay Inc.)

World Series of Innovation Challenge ของ Mary Kay สนับสนุนให้เยาวชนจากทั่วโลก ยื่นเสนอโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมเพื่อตอบสนองการพัฒนาที่ยั่งยืนเป้าหมายที่ 12: การบริโภคและการผลิตอย่างรับผิดชอบ ในทั่วโลกคาดว่า 80% ของสิ่งทอที่ถูกทิ้งจะถูกฝังกลบในหลุมฝังกลบ สถิติดังกล่าวทำให้อุตสาหกรรมเสื้อผ้าและสิ่งทอเป็นอันดับที่ 2 ในรายชื่ออุตสาหกรรมที่ก่อมลพิษเลวร้ายที่สุดรองจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมี สำหรับความท้าทายนี้ นักเรียนได้ถูกขอให้ออกแบบผลิตภัณฑ์ บริการหรือความคิดริเริ่มที่จะสร้าง “เศรษฐกิจหมุนเวียน” ที่ช่วยส่งเสริมให้มีการใช้ซ้ำหรือรีไซเคิลเครื่องแบบ และ/หรือเสื้อผ้าใช้แล้วอื่น ๆ ลดของเสียที่ต้องฝังกลบ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการย่อยสลายสิ่งทอ

ผู้ชนะทั้งสามของ Mary Kay’s Challenge ได้แก่:

  • อันดับที่หนึ่ง: Loop Tee Loop

o        Loop Tee Loop เป็น clothing loop แบบยั่งยืนที่รวมโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอไลโอเซลล์เข้ากับการบริการรีไซเคิลเครื่องแบบจากมหานครมะนิลาในประเทศฟิลิปปินส์

  • อันดับที่สอง: SwagSwap

o        SwagSwap เป็นเครือข่ายโซเชียลในสหรัฐอเมริกาสำหรับเสื้อผ้ามือสอง โดยเปิดการใช้งานการแลกเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบ peer-to-peer สำหรับวัยรุ่น

  • อันดับที่สาม: Project DBrand

o        Project DBrand เป็นบริการที่ไม่เหมือนใคร ซึ่ง de-brands เครื่องแบบที่ใช้แล้ว เพื่อว่าพวกเขาสามารถนำไปรีไซเคิลสร้างสิ่งใหม่ได้ในสหรัฐอเมริกา

 “วันนี้นักเรียนเติบโตมาในโลกแห่งความยั่งยืน โดยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน การสนทนาทั่วโลก และพวกเขามีส่วนร่วมอย่างแข็งขันเพื่อผลักดันในการเปลี่ยนแปลงนี้”  Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “Mary Kay ภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับ NFTE องค์กรที่ไม่เพียงช่วยจุดประกายความคิดของผู้ประกอบการในวัยหนุ่มสาวเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมให้พวกเขาคิดวิเคราะห์เพื่อจัดการกับปัญหาระดับโลกที่ท้าทายอีกด้วย บริษัทระดับโลกอย่างเช่น Mary Kay มีความรับผิดชอบในการส่งเสริมนวัตกรรมของผู้ประกอบการที่สามารถช่วยทำให้โลกน่าอยู่ยิ่งขึ้นไป”

NFTE เป็นองค์กรการศึกษาระดับโลกที่มุ่งเน้นการนำพลังของการเป็นผู้ประกอบการมาสู่เยาวชนในชุมชนที่มีรายได้น้อย World Series of Innovation (WSI) Challenge ได้เชิญชวนความท้าทายที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรเพื่อจัดการกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ด้วยการเข้าถึงนักเรียน 100,000 คนทั่วโลก ในปี 2020 NFTE ได้รับนักเรียนที่เข้าร่วมเกือบ 4,000 คนจากทุกภูมิหลังที่ยื่นส่งแนวคิดใน WSI Challenges และนักเรียนที่เข้าร่วมเกือบ 350 คน ที่ได้รับจาก Mary Kay-sponsored challenge

 “World Series of Innovation ส่งเสริมให้เยาวชนในการใช้วิธีคิดของผู้ประกอบการเพื่อรับมือกับความท้าทายระดับโลก”  J.D. LaRock ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ NFTE กล่าว “ในแต่ละปี เรายังคงได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิดสร้างสรรค์ที่ผู้ประกอบการรุ่นต่อไปที่คาดเดาไม่ถึง เรารู้สึกขอบคุณ Mary Kay Inc. ได้แสดงความท้าทายระดับโลกที่ช่วยกระตุ้นให้นักเรียนได้คิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจหมุนเวียนของเสื้อผ้าและสิ่งทอในรูปแบบใหม่”

นอกเหนือจาก World Series of Innovation ดังกล่าวแล้ว Mary Kay ยังเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุน United Nations Global Goals Conversation ของ NFTE ในปี 2020 ซึ่งเป็นกิจกรรมผู้นำทางความคิดประจำปีที่รวม เยาวชน อุตสาหกรรม องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และการกุศล เพื่อพัฒนาบทสนทนาเกี่ยวกับโซลูชันการประกอบการเพื่อสังคม ซึ่งจัดขึ้นในช่วง Global Entrepreneurship Week หัวข้อของการอภิปรายคือ “การมีส่วนร่วมให้ผู้ประกอบการคิดค้นและดำเนินการโดยใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือเพื่อประโยชน์ต่อสังคม” ผู้ร่วมอภิปรายได้อภิปรายถึงวิธีการใหม่ ๆ ในการใช้เทคโนโลยีเพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดใหญ่ทั่วโลก เช่น การว่างงาน ภาวะเศรษฐกิจถดถอย และความไม่สงบในสังคมที่เพิ่มขึ้นเพื่อสร้างสังคมที่เท่าเทียมกันและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในโลกหลัง COVID ซึ่ง UN Global Goals Conversation 2020 นำเสนอโดย Citi Foundation, Ernst & Young LLP (EY) และ Mary Kay Inc. พร้อมการสนับสนุนเพิ่มเติมจาก Bank of the West BNP Paribas

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ World Series of Innovation และความท้าทายทั้งหมด โปรดไปที่ https://innovation.nfte.com.

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเกือบ 60 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay Inc. ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอม  Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขาด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่างๆจากทั่วโลก โดยมุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว สร้างความสวยงามให้กับชุมชน และสนับสนุนให้เด็กๆ ได้ทำตามความฝันของพวกเขา วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกาย – และนำพาสู่ความสำเร็จไปทีละขั้น

เกี่ยวกับ NFTE

Network for Teaching Entrepreneurship (NFTE) เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกที่ให้การศึกษาด้านการเป็นผู้ประกอบการที่มีคุณภาพสูงแก่นักเรียนระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายจากชุมชนที่มีทรัพยากรน้อย รวมถึงโปรแกรมสำหรับนักศึกษาและผู้ใหญ่ NFTE เข้าถึงนักเรียนมากกว่า 70,000 คนต่อปี ใน 25 รัฐ ทั่วสหรัฐอเมริกา และเปิดสอนโปรแกรมในอีก 12 ประเทศเพิ่มเติม เราได้ให้การศึกษาแก่นักเรียนมากกว่าหนึ่งล้านคนผ่านช่องทางในโรงเรียน นอกโรงเรียน วิทยาลัย และค่ายฤดูร้อน ที่เปิดสอนโดยตรงและทางออนไลน์ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่เราส่งเสริมระบบทุนนิยมรอบด้าน และสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่หลากหลาย โปรดไปที่ www.nfte.com

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210331005187/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
Marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

การมีส่วนร่วมเชิงรุกในห่วงโซ่มูลค่าโลกเป็นเส้นทางการพัฒนาที่แนะนำเพื่อสปป. ลาว กล่าวรายงานโดยศูนย์อาเซียน – ญี่ปุ่น เผยแพร่วันนี้

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–31 มีนาคม 2564

สปป. ลาว เป็นประเทศที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและเกี่ยวข้องกับการผลิตที่ด้อยพัฒนา ประเทศจำเป็นต้องได้รับเทคโนโลยีและความรู้เพิ่มเติมในด้านการเกษตร การผลิตและการบริการทางด้านการผลิต โดยการขยายมีส่วนร่วมในห่วงโซ่มูลค่าโลก (GVCs) กล่าวคือห่วงโซ่มูลค่าโลกในอาเซียน: สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (https://www.asean.or.jp/en/centre-wide-info/gvc_database_paper5/) เผยแพร่โดยศูนย์อาเซียน – ญี่ปุ่น (AJC) วันนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210330006159/en/

“Global Value Chains in ASEAN: Lao People’s Democratic Republic” is available for download on AJC website. (Graphic: Business Wire)

 “ห่วงโซ่มูลค่าโลกในอาเซียน: สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว” สามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ AJC (กราฟิก: Business Wire)

รายงานนี้ยังจัดทำขึ้นในบริบทของการเฉลิมฉลองครบรอบ 65 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตญี่ปุ่น – ลาว

การมีส่วนร่วมของ GVC อยู่ในระดับต่ำดังที่แสดงโดยการมีส่วนแบ่งเนื้อหาจากต่างประเทศหรือมูลค่าเพิ่มจากต่างประเทศ (FVA) เพียงเล็กน้อยในมูลค่าการส่งออกรวม ซึ่งมีเพียง 6% มูลค่าเพิ่มภายในประเทศ (DVA) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 94 เนื่องจากผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มส่วนใหญ่ใช้ทรัพยากรเป็นฐาน (เช่น แร่ทองแดง ไฟฟ้า) และไม่ต้องใช้ปัจจัยการผลิตจากบริษัทต่างประเทศ

สปป. ลาว ถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีสินค้าที่ผลิตได้จำกัด ภาคการผลิตเป็นผู้นำในการมีส่วนร่วมของ GVC แม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่าในประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน ตามมาด้วยภาคการสกัด (เกษตรกรรมและเหมืองแร่) จากนั้นภาคการบริการ การมีส่วนร่วมที่ต่ำใน GVC แสดงให้เห็นว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศยังไม่ถึงขั้นตอนการผลิตทางเทคโนโลยีที่ซับซ้อนเหมือนในประเทศสมาชิกอาเซียนขั้นสูงหลายประเทศ

ประเทศไทย จีน และเวียดนาม เป็นผู้มีส่วนร่วมสำคัญในลาว FVA ในขณะที่สหภาพยุโรป (EU) และญี่ปุ่นมีบทบาทน้อยกว่า ประเทศเหล่านี้ยังเป็นผู้สนับสนุนหลักในการเพิ่มมูลค่าเพิ่มของลาวที่รวมอยู่ในสินค้าส่งออกของประเทศอื่น ๆ (DVX) ส่วนแบ่งเล็กน้อยของ FVA บ่งชี้ว่าสปป. ลาวนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสำหรับการผลิตน้อยลง และเพื่อการบริโภคมากขึ้น บริษัทที่ตั้งอยู่ในสปป. ลาวที่เกี่ยวข้องกับ GVC ยังมีจำนวนจำกัด

เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างการมีส่วนร่วมของ GVC และการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นไปในเชิงบวก การมีส่วนร่วมใน GVC เพิ่มมากขึ้นอาจส่งผลให้เศรษฐกิจของลาวแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องขยายการมีส่วนร่วมของ GVC และยกระดับอุตสาหกรรมโดยการส่งเสริมปัจจัยการมีส่วนร่วมที่สำคัญ 4 ประการ ได้แก่ โลจิสติกส์ นโยบาย ความสามารถในการเข้าถึงตลาด และแรงงานและการระดมทุน เพื่อกระจายผลประโยชน์ให้ทั่วถึง รัฐบาลควรปรับปรุงการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน

หากต้องการรับชมและดาวน์โหลดรายงาน โปรดไปที่เว็บไซต์ AJC ด้านล่าง
https://www.asean.or.jp/en/centre-wide-info/gvc_database_paper5/

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210330006159/en/

ติตด่อ:

ASEAN-Japan Centre (AJC) PR Unit
Tomoko Miyauchi (MS)
URL: https://www.asean.or.jp/en/
TEL: +81-3-5402-8118
E-mail: toiawase_ga@asean.or.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Walgreens ประกาศขยายเพิ่มกลยุทธ์ธุรกิจบริการด้านการเงินด้วย InComm Payments

Logo

Walgreens เสนอบัญชีธนาคารรูปแบบใหม่พร้อมบัตรเดบิตมาสเตอร์การ์ดที่ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์ม InComm Payments

InComm Payments เพื่อยกระดับโปรแกรมบัตรของขวัญแบรนด์ Walgreens

เดียร์ฟีลด์ อิลลินอยส์ และ แอตแลนตา–(BUSINESS WIRE)–30 มีนาคม 2564

วันนี้ Walgreens ได้ประกาศข้อตกลงกับ InComm Payments ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีการชำระเงินชั้นนำระดับโลก โดยมอบตัวเลือกบริการทางด้านการเงินที่สะดวกและเข้าถึงได้ให้กับลูกค้า บริษัทจะเปิดตัวบัญชีธนาคารรูปแบบใหม่ที่เสนอให้กับลูกค้าที่จะจัดตั้งขึ้นที่ MetaBank * ด้วยบัตรเดบิตมาสเตอร์การ์ดที่จะให้บริการแก่นักช้อปของ Walgreens ทั้งในร้านค้าและทางออนไลน์และช่วยให้พวกเขาได้รับรางวัล myWalgreens Cash จากการซื้อสินค้าทั้งหมดโดยเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมความภักดีของลูกค้า myWalgreens ในรูปแบบใหม่ซึ่งได้เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา

ข้อตกลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การทำกำไรทางเลือกของ Walgreens และเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ประกาศความคิดริเริ่มที่กว้างขึ้น ในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินใหม่ ๆ ที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการนำเสนอบริการและสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างให้กับลูกค้า โซลูชันการธนาคารรูปแบบใหม่จะช่วยเสริมแผนการของ Walgreens ในการมุ่งเน้นด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีต่อไปและยกระดับโปรแกรมความภักดีและการปรับเปลี่ยนในแบบของลูกค้า โซลูชันนี้ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มดิจิทัลแบงก์กิ้งที่ทันสมัยของ InComm Payments นักช้อปของ Walgreens จะสามารถค้นหาผลิตภัณฑ์ในร้านค้าหรือลงทะเบียนโดยตรงทางออนไลน์จากนั้นสามารถจัดการด้านการเงินในชีวิตประจำวันของพวกเขาได้อย่างง่ายดายในแอปธนาคารบนมือถือใหม่ที่ใช้งานง่าย บัญชีธนาคารดังกล่าวคาดว่าจะสามารถใช้ได้ที่ร้านค้าและทางออน์ไลน์ของ Walgreens เกือบ 9,000 แห่ง ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564

 “Walgreens มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือลูกค้าเกี่ยวกับความต้องการด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีและเรายินดีที่จะขยายบริการทางด้านการเงินของเราเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์และวิธีที่เราตอบสนองความต้องการทางการเงินของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น”  John Standley ประธาน Walgreens กล่าว “เราหวังว่าจะได้บุกเบิกและแนะนำโครงการด้านสุขภาพและการชำระเงินเพื่อความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้พร้อมกับสร้างช่องทางรายได้ใหม่ ๆ ”

 “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ Walgreens ได้เลือกโซลูชันบริการทางด้านการเงินของ InComm Payments เพื่อมอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมให้กับลูกค้าและชุมชน”  Stefan Happ ประธานของ InComm Payments กล่าว “การนำเสนอผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่นี้จะทำให้ Walgreens เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับบริการทางด้านการเงิน โดยสร้างจากชื่อเสียงของ Walgreens ในฐานะร้านค้าแบบครบวงจร (one-stop shop) สำหรับร้านขายยาและร้านสะดวกซื้อ”

นอกจากนี้ Walgreens และ InComm Payments มีแผนที่จะเปิดตัวโปรแกรมบัตรของขวัญแบรนด์ Walgreens อีกครั้ง InComm Payments จะดูแลการจัดการโปรแกรมบัตรของขวัญที่มีอยู่แล้วของ Walgreens โดยเปิดตัวบัตรของขวัญดิจิทัลของ Walgreens และเปิดใช้งานการซื้อสินค้าและแลกของกำนัลแบบดิจิทัลบน walgreens.com InComm Payments ยังช่วยอำนวยความสะดวกในการกระจายบัตรของขวัญ Walgreens ให้กว้างขึ้นผ่าน B2B โปรแกรมความภักดี รางวัลและช่องทางอีคอมเมิร์ซ การขยายตัวนี้ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับการเป็นหุ้นส่วน 12 ปีของ InComm Payments และ Walgreens ในขณะที่ยกระดับแบรนด์ Walgreens และประสบการณ์ของลูกค้าทั้งในร้านค้า ออนไลน์ และผ่านมือถือ

* บัญชีธนาคารจะเป็นบัญชีเงินฝากตามความต้องการที่จัดตั้งขึ้นโดยมีบัตรเดบิตที่ออกโดยMetaBank®, N.A. สมาชิก FDIC ตามใบอนุญาตของ Mastercard International Incorporated

เกี่ยวกับ Walgreens

Walgreens (www.walgreens.com) รวมอยู่ในแผนก Retail Pharmacy USA ของ Walgreens Boots Alliance, Inc. (Nasdaq: WBA) ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านร้านขายยาในรูปแบบขายปลีกและขายส่ง ในฐานะร้านขายยา บริษัทดูแลสุขภาพและความงาม ที่เป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดในอเมริกา Walgreens มีวัตถุประสงค์ในการสนับสนุนสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของทุกชุมชนในอเมริกา โดยดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกมากกว่า 9,000 แห่งทั่วอเมริกา เปอร์โตริโก และหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐอเมริกา Walgreens ภูมิใจที่จะเป็นจุดหมายปลายทางด้านสุขภาพในบริเวณใกล้เคียงที่ให้บริการลูกค้าประมาณ 8 ล้านคนในแต่ละวัน เภสัชกรของ Walgreens แสดงบทบาทที่สำคัญในระบบการดูแลสุขภาพของสหรัฐอเมริกา โดยให้บริการร้านขายยาและบริการด้านการดูแลสุขภาพที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้ป่วยให้ดีที่สุด Walgreens นำเสนอประสบการณ์ในทุกช่องทางโดยมีแพลตฟอร์มที่รวบรวมทางกายภาพและดิจิทัลเข้าด้วยกัน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเทคโนโลยีล่าสุดเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูงในชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศ

เกี่ยวกับ InComm Payments

InComm Payments เป็นผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการชำระเงินที่เป็นนวัตกรรมใหม่ โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีแบบไดนามิกและความเชี่ยวชาญที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว InComm Payments นำเสนอแพลตฟอร์มการชำระเงินแบบ end-to-end ที่ได้รับการยกระดับและโซลูชันเทคโนโลยีทางการเงินที่เกิดขึ้นใหม่ซึ่งช่วยให้ธุรกิจเติบโตในหลากหลายอุตสาหกรรมรวมถึงการค้าปลีก การดูแลสุขภาพ การเรียกเก็บเงินค่าผ่านทางและการขนส่ง เงินจูงใจ การชำระเงินผ่านมือถือ และบริการทางด้านการเงิน ด้วยการเปิดใช้งานการเชื่อมต่อในทุกช่องทางกับฐานผู้บริโภคที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในระบบนิเวศดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้น InComm Payments จะสร้างประสบการณ์การค้าที่ราบรื่นและมีประโยชน์ทั่วโลก ด้วยประสบการณ์มากกว่า 27 ปี การจัดจำหน่ายมากกว่า 500,000 จุด ถือสิทธิบัตรทั่วโลก 386 รายการ และปรากฎอยู่ในกว่า 30 ประเทศ InComm Payments เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการชำระเงินจากสำนักงานใหญ่ในเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย เรียนรู้เพิ่มเติมที่ www.InCommPayments.com

เกี่ยวกับ MetaBank®, N.A.

MetaBank®, N.A. เป็นธนาคารแห่งชาติในเครือของ Meta Financial Group, Inc.® (Nasdaq: CASH) และบริษัทที่ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้น ตั้งอยู่ในเซาท์ดาโกตา MetaBank ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการทางด้านการเงินที่ประกอบธุรกิจเพื่อเพิ่มความพร้อมทางด้านการเงิน ทางเลือก และโอกาสสำหรับทุกคน MetaBank มุ่งมั่นที่จะขจัดอุปสรรคที่สถาบันดั้งเดิมได้วางไว้ในการเข้าถึงทางการเงิน และส่งเสริมความคล่องตัวทางเศรษฐกิจด้วยการจัดหาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความรับผิดชอบ ปลอดภัย และมีคุณภาพสูง ซึ่งมีส่วนทำให้เข้าถึงบุคคลและชุมชนซึ่งเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจที่แท้จริง สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.metapay.com หรือ www.metafinancialgroup.com

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210330005424/en/

ติดต่อ:

Walgreens
Emily Hartwig-Mekstan
media@walgreens.com

InComm Payments
Nilce Piccinini
npiccinini@incomm.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Ripple เข้าซื้อหุ้น 40% ในบริษัท Tranglo ผู้เชี่ยวชาญด้านการชำระเงินข้ามพรมแดนชั้นนำของเอเชีย

Logo

เสริมสร้างความร่วมมืออย่างต่อเนื่องเพื่อขยายสภาพคล่องตามความต้องการของ RippleNet ในตลาดสำคัญ โดยเริ่มในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สิงคโปร์–(บิสิเนสไวร์)–30 มี.ค. 2564

Ripple ผู้ให้บริการโซลูชั่นบล็อกเชนระดับองค์กรสำหรับการชำระเงินทั่วโลกประกาศว่าได้ตกลงที่จะเข้าซื้อหุ้นบริษัท Tranglo ผู้เชี่ยวชาญด้านการชำระเงินข้ามพรมแดนชั้นนำของเอเชียถึง 40%  ความร่วมมือนี้จะช่วยให้ Ripple สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคและขยายการเข้าถึงของ On-Demand Liquidity (ODL) ซึ่งใช้สินทรัพย์ดิจิทัล XRP เพื่อส่งเงินได้ทันทีและลดความต้องการเงินทุนหมุนเวียน

ในฐานะผู้บุกเบิกบริการชำระเงินข้ามพรมแดน Tranglo จะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนตลาดที่มีอยู่เช่นฟิลิปปินส์และแนะนำเส้นทาง ODL ใหม่ภายในเครือข่ายปัจจุบัน  ในขณะที่ Ripple ขยายขอบเขต ODL ในภูมิภาคนี้ ลูกค้าของ RippleNet ที่ใช้ ODL จะสามารถใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์สินเชื่อของ Ripple เพื่อเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนและขยายการชำระเงินข้ามพรมแดนไปยังตลาดต่างๆ ได้มากขึ้นกว่าเดิม  Tranglo จะให้บริการและขยายบริการการชำระเงินในปัจจุบันอย่างต่อเนื่องเพื่อให้การทำธุรกรรมข้ามพรมแดนเร็วขึ้น ถูกลง และปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้า

ตลาดการชำระเงินของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการแยกส่วนอย่างมาก แต่ละประเทศมีกระบวนการและโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง – การขาดการบูรณาการมาตรฐานสำหรับการชำระเงินข้ามพรมแดนในระดับภูมิภาคในปัจจุบันต้องใช้วิธีแก้ปัญหาที่มีราคาแพง  ความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้ทั้งสองบริษัทผสานความเชี่ยวชาญเชิงลึกในท้องถิ่นเพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงินข้ามพรมแดน

การลงทุนของ Ripple ใน Tranglo เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่ลึกซึ้งของบริษัทในการเสริมสร้างระบบนิเวศการชำระเงินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดสำหรับการนำ RippleNet มาใช้  เมื่อสัปดาห์ที่แล้วบริษัทได้ประกาศให้ Brooks Entwistle เป็นกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อเป็นผู้นำและขยายการดำเนินงานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Jacky Lee ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Tranglo กล่าวว่า “Tranglo มีความภาคภูมิใจในการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนได้เร็วขึ้น ถูกลง และปลอดภัยมากขึ้น ด้วยการร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ Ripple และการนำเสนอสภาพคล่องตามความต้องการสู่ตลาดใหม่ๆ เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาเป้าหมายดังกล่าวในการให้บริการทางการเงินที่สามารถเข้าถึงได้และเป็นธรรมแก่คนทั่วไป”

Asheesh Birla ผู้จัดการทั่วไปของ RippleNet ที่ Ripple กล่าวว่า “โครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินที่แข็งแกร่งของ Tranglo ควบคู่ไปกับการบริการลูกค้าและคุณภาพที่เหนือชั้นทำให้พวกเขาเป็นพันธมิตรที่เหมาะอย่างยิ่งในการรองรับการขยายตัวของสภาพคล่องตามความต้องการโดยเริ่มจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะสานต่อและปฏิบัติภารกิจร่วมกันในการเปลี่ยนแปลงการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนให้เร็วขึ้น ถูกลง และปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนและทรัพย์สินดิจิทัล”

การเสร็จสมบูรณ์ของการเข้าซื้อนี้ขึ้นอยู่กับการอนุมัติตามกฎข้อบังคับและเงื่อนไขการปิดบัญชีตามปกติและคาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2564  เมื่อเสร็จสิ้น Amir Sarhangi รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และการจัดส่งที่ Ripple และ Brooks Entwistle จะเข้าร่วมคณะกรรมการบริหารของ Tranglo.  TNG Fintech Group จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน Tranglo และจะทำงานร่วมกับ Ripple เพื่อขยายเครือข่ายการโอนเงินทั่วโลกของ Tranglo

RippleNet ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์เพื่อส่งมอบโซลูชันทางการเงินตั้งแต่การส่งข้อความแบบสองทิศทาง การชำระบัญชี การจัดการสภาพคล่อง และวงเงินสินเชื่อ ไปจนถึงการมีเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลก  เมื่อปีที่แล้ว Ripple ได้ประกาศผลิตภัณฑ์สินเชื่อซึ่งเป็นบริการบน RippleNet ที่ช่วยให้ลูกค้าที่ใช้ On-Demand Liquidity (ODL) สามารถจัดหาแหล่งเงินทุนตามความต้องการเพื่อเริ่มการชำระเงินข้ามพรมแดนตามขนาดโดยใช้ XRP ของสินทรัพย์ดิจิทัล

เกี่ยวกับ Ripple

Ripple ช่วยให้สามารถชำระเงินได้ทุกที่ทุกทางสำหรับทุกคนโดยใช้พลังของบล็อกเชน  ด้วยการเข้าร่วมเครือข่ายทั่วโลก (RippleNet) ที่กำลังเติบโตของ Ripple สถาบันการเงินสามารถประมวลผลการชำระเงินของลูกค้าได้ทุกที่ในโลกได้ทันทีอย่างเชื่อถือได้และคุ้มค่า  ธนาคารและผู้ให้บริการชำระเงินสามารถใช้สินทรัพย์ดิจิทัล XRP เพื่อลดต้นทุนและเข้าถึงตลาดใหม่ๆ  ด้วยสำนักงานในซานฟรานซิสโก วอชิงตันดีซี นิวยอร์ก ลอนดอน มุมไบ สิงคโปร์ เซาเปาโล เรคยาวิก และดูไบ Ripple มีลูกค้าหลายร้อยรายทั่วโลก

เกี่ยวกับ Tranglo

Tranglo เป็นศูนย์กลางการชำระเงินข้ามพรมแดนที่มีประวัติในด้านการชำระเงินทางธุรกิจการโอนเงินต่างประเทศและโซลูชันการชำระเงินผ่านมือถือ  ก่อตั้งขึ้นในปี 2551 เรามีสำนักงานในกัวลาลัมเปอร์ สิงคโปร์ จาการ์ตา ดูไบ และลอนดอน  เครือข่ายทั่วโลกของเราครอบคลุมมากกว่า 100 ประเทศ ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ 2,500 ราย ธนาคาร/กระเป๋าเงิน 1,300 แห่ง และจุดรับเงินสด 130,000 จุด

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210329005796/en/

ติดต่อ:

Stacey Ngo
press@ripple.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

วิดีโอแนะนำระบบเพื่อการรับรองทักษะการปรุงอาหารญี่ปุ่น เผยแพร่โดย TOW Co. Ltd. (โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น) หน่วยงานการรับสมัครการรับรอง/การจัดการ (the Certification Application/Management Body)

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–30 มีนาคม 2564

TOW Co., Ltd.:

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210329005028/en/

 [https://tow.co.jp/certification/]
ไปที่ลิงก์นี้เพื่อดูสารคดีที่แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของระบบการรับรองผ่านเรื่องราวของเชฟชาวต่างชาติที่พยายามทดสอบ Gold Certification ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ระบุไว้สูงสุดของระบบ

กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และการประมงญี่ปุ่น ได้กำหนดแนวทางการรับรองทักษะการปรุงอาหารสำหรับอาหารญี่ปุ่นในต่างประเทศเมื่อเดือนเมษายน 2559

ระบบนี้กำหนดมาตรฐานเฉพาะที่องค์กรเอกชนอาจใช้เพื่อยกย่องเชฟชาวต่างชาติที่ได้รับระดับความรู้และทักษะการปรุงอาหารที่จำเป็นสำหรับการเตรียมการปรุงอาหารญี่ปุ่น เพื่อช่วยให้มั่นใจได้ว่าอาหารญี่ปุ่นและวัฒนธรรมการบริโภคอาหารจะดึงดูดความสนใจตลอดจนผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและทางทะเลของญี่ปุ่นได้รับการสื่อสารอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิผลทั่วโลก *

และด้วยวิธีการนี้ ภาคเอกชนสามารถวางตำแหน่งตัวเองโดยเป็นแรงผลักดันในการส่งเสริมความพยายามในการรับรองทักษะการปรุงอาหารญี่ปุ่น การเพิ่มจำนวนผู้ได้รับการรับรองรายบุคคล และส่งเสริมการเติบโตของเชฟชาวต่างชาติที่ได้รับความรู้และทักษะที่เหมาะสมสำหรับการเตรียมการปรุงอาหารญี่ปุ่น ทั้งหมดนี้มีเป้าหมายสูงสุดในการเสริมสร้างชื่อเสียงระดับโลกของอาหารญี่ปุ่นและวัฒนธรรมการบริโภคอาหารและขยายการบริโภคผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและทางทะเลของญี่ปุ่น

ด้วยเหตุนี้ TOW Co. , Ltd. จึงมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในฐานะระบบการรับรองของหน่วยงานการรับสมัคร/การจัดการ  (Application/Management Body of the Certification System) ในเดือนมีนาคม 2564 บริษัทได้อนุมัติหน่วยงานรับรอง 11 แห่ง ซึ่งได้รับการยอมรับเชฟ 14 คน ว่ามีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐานการรับรองระดับโกลด์ โดย 187 คนได้รับรางวัลระดับซิลเวอร์ และระดับบรอนซ์ 389 คน

แม้ว่าการระบาดใหญ่ของ COVID-19 จะส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมการบริการด้านอาหารทั่วโลก TOW Co. , Ltd. ยังคงมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามภารกิจของบริษัท และสนับสนุนให้เชฟชาวต่างชาติทุกคนที่ต้องการได้รับความรู้และทักษะในการเตรียมการปรุงอาหารญี่ปุ่น โดยบริษัทหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการสร้างและแบ่งปันวิดีโอแนะนำระบบการรับรองทักษะการปรุงอาหารสำหรับอาหารญี่ปุ่นจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว

* มาตรฐานการรับรอง

ระดับทอง

ผู้ที่มีประสบการณ์ประมาณสองปีในร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีหัวหน้าเชฟเป็นชาวญี่ปุ่นและถือว่าได้รับความรู้และทักษะตามที่ระบุไว้

ความรู้และทักษะที่จะได้รับ

• ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมการบริโภคอาหารของญี่ปุ่น

ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมการบริโภคอาหารของญี่ปุ่น อาหารญี่ปุ่น สไตล์การทาน สาเกและชาญี่ปุ่น

• ความรู้เกี่ยวกับการจัดการสุขอนามัย

ประเภทและการป้องกันอาหารเป็นพิษ เสื้อผ้า การจัดการส่วนประกอบอาหาร การทำความสะอาดและการฆ่าเชื้อภาชนะและอุปกรณ์ในการปรุงอาหาร ส่วนประกอบอาหารและอาหารที่ต้องใช้ความร้อน

• เทคนิค

วิธีการใช้ภาชนะและอุปกรณ์ทำอาหารญี่ปุ่น วิธีการเลือกส่วนผสมอาหาร วิธีหั่นและปลอกส่วนประกอบอาหาร ขั้นตอนและชั่วโมงที่ต้องใช้ในการปรุงอาหาร ระดับความร้อน /กลไกการใช้ความร้อน วิธีทำดาชิ (น้ำซุปญี่ปุ่น) การผสมอัตราส่วนของเครื่องปรุง การนำเสนอวิธีการถนอมอาหาร การจัดเตรียมเมนู

• ความใส่ใจในการบริการ (โอโมเทนาชิ)

ถ้อยคำ คำทักทาย ข้อควรคำนึง มารยาท วิธีการจัดวางอาหาร

ระดับซิลเวอร์

ผู้ที่เรียนและได้รับความรู้และทักษะเกี่ยวกับอาหารญี่ปุ่นระบุไว้ประมาณหนึ่งปีที่โรงเรียนสอนทำอาหารที่ตั้งอยู่ในและนอกประเทศของตน และจบการศึกษาจากโรงเรียนดังกล่าว

หรือ

ผู้ที่มีประสบการณ์ประมาณหนึ่งปีในร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีหัวหน้าเชฟเป็นชาวญี่ปุ่นและถือว่าได้รับความรู้และทักษะตามที่ระบุไว้

ความรู้และทักษะที่จะได้รับ

• ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมการบริโภคอาหารของญี่ปุ่น

ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมการบริโภคอาหารของญี่ปุ่น อาหารญี่ปุ่น สไตล์การทาน

• ความรู้เกี่ยวกับการจัดการสุขอนามัย

ประเภทและการป้องกันอาหารเป็นพิษ เสื้อผ้า การจัดการส่วนประกอบอาหาร การทำความสะอาดและการฆ่าเชื้อภาชนะและอุปกรณ์ในการปรุงอาหาร ส่วนประกอบอาหารและอาหารที่ต้องใช้ความร้อน

• เทคนิค

วิธีการใช้ภาชนะและอุปกรณ์ทำอาหารญี่ปุ่น วิธีการเลือกส่วนผสมอาหาร วิธีหั่นและปลอกส่วนประกอบอาหาร การผสมอัตราส่วนของเครื่องปรุง ขั้นตอนและชั่วโมงที่ต้องใช้ในการปรุงอาหาร ระดับความร้อน /กลไกการใช้ความร้อน วิธีทำดาชิ (น้ำซุปญี่ปุ่น) การนำเสนอวิธีการถนอมอาหาร

• ความใส่ใจในการบริการ (โอโมเทนาชิ)

มารยาท วิธีการจัดวางอาหาร

ระดับบรอนซ์

ผู้ที่ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับความรู้และทักษะที่ระบุไว้ในช่วงระยะสั้น ฯลฯ ซึ่งจัดโดยโรงเรียนสอนทำอาหารญี่ปุ่นและ /หรือหน่วยงานเอกชนที่ตั้งอยู่ในและนอกประเทศของตนและผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานที่รับรอง

ความรู้และทักษะที่จะได้รับ

• ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมการบริโภคอาหารของญี่ปุ่น

ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมการบริโภคอาหารของญี่ปุ่น

• ความรู้เกี่ยวกับการจัดการสุขอนามัย

การป้องกันอาหารเป็นพิษ เสื้อผ้า การจัดการส่วนประกอบอาหาร การทำความสะอาดและการฆ่าเชื้อภาชนะและอุปกรณ์ในการปรุงอาหาร ส่วนประกอบอาหารและอาหารที่ต้องใช้ความร้อน

• เทคนิค

วิธีการใช้ภาชนะและอุปกรณ์ทำอาหารญี่ปุ่น วิธีการเลือกส่วนผสมอาหาร วิธีหั่นและปลอกส่วนประกอบอาหาร การผสมอัตราส่วนของเครื่องปรุง ขั้นตอนและชั่วโมงที่ต้องใช้ในการปรุงอาหาร การนำเสนอ วิธีการถนอมอาหาร

• ความใส่ใจในการบริการ (โอโมเทนาชิ)

มารยาท

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210329005028/en/

ติดต่อ:

Japanese Cuisine Cooking Skill Certification Application/Management Body:
TOW Co., Ltd. Secretariat
Aya Hamasuna
Mail: nihonshoku.ginou@tow.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Rush Gold ลงนามความร่วมมือรายใหญ่เพื่อมอบบริการใช้จ่ายด้วยทองคำให้กับผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือหลายรายใน 10 ประเทศอาเซียน

Logo

ซิดนีย์–(บิสิเนสไวร์)–30 มี.ค. 2564

Rush Gold Global (Rush Gold) แพลตฟอร์มฟินเทคที่มอบการใช้จ่ายทองคำทางช่องทางดิจิทัลให้กับตลาดค้าปลีกและธุรกิจได้ลงนามในความร่วมมือครั้งใหม่กับ ZAFA Group Sdn. Bhd. ในมาเลเซียเพื่อนำบริการออมและใช้จ่ายด้วยทองคำให้กับผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ (MNO) ทั่วภูมิภาคอาเซียน

ข้อตกลงของ Rush Gold กับ ZAFA Group Sdn. Bhd. ในมาเลเซียจะช่วยให้ MNO ในสิบประเทศอาเซียนสามารถเสนอบริการชำระค่าใช้จ่ายโดยใช้ทองคำเป็นสกุลเงินร่วมกัน  โมเดลที่ใช้เทคโนโลยีโทรคมนาคมนี้ทำให้ซุปเปอร์แอพพลิเคชันเช่น m-Pesa สามารถครองตลาดส่วนใหญ่ของแอฟริกาได้

แอพ Dnar.Cash ที่พัฒนาโดย MVNX Alliance บริษัทย่อยของ ZAFA เปิดตลาดที่มีศักยภาพของผู้ใช้มือถือ 650 ล้านคนทั่วภูมิภาคอาเซียน โดยทำให้พวกเขาสามารถลงทุนในทองคำ ใช้เพื่อจ่ายค่าเติมเงินมือถือ จ่าย zakat (tithing) และรับรางวัลทองคำและเงินคืน

“เรามองบริษัททองคำดิจิทัลหลายแห่ง” Aimi Aizal Bin Nasharuddin ผู้อำนวยการ MVNX กล่าว “แต่มีเพียง Rush Gold เท่านั้นที่มีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งด้านเทคนิค ความปลอดภัย การเป็นเจ้าของสินทรัพย์ และความสามารถในการดำเนินงานที่เราต้องการ  การสนับสนุนของทีม Rush นั้นยอดเยี่ยมในทุกขั้นตอน”

“เราสร้างแพลตฟอร์มของเราเพื่อให้บริษัทต่างๆ เช่น ZAFA รวมถึงธนาคารและโปรแกรมลอยัลตี้สามารถรวมทองคำเข้ากับข้อเสนอของพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว” Mark Pey ผู้อำนวยการของ Rush Gold กล่าว “ออสเตรเลียมีกฎระเบียบควบคุมการเงินและสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เข้มงวด นวัตกรรมเทคโนโลยีระดับโลก และปัจจุบันเป็นผู้ผลิตทองคำแท่งรายใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเรารู้สึกว่าล้วนเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่สำคัญของเรา”

MVNX ได้ลงนามกับพันธมิตรการเปิดตัวในมาเลเซีย ซึ่งเป็นผู้ให้บริการไฟฟ้าและบริการโทรคมนาคมให้กับลูกค้า 9 ล้านราย โดยมีข้อตกลงการจัดจำหน่ายที่อยู่ระหว่างดำเนินการในประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย

การประกาศความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นจากการเปิดตัว Rush Mastercard พร้อม EML ผ่านวอลเล็ทมือถือรายใหญ่

ZAFA Group ดำเนินงานในหลายประเทศโดยมีสำนักงานใหญ่ในมาเลเซีย ซึ่งทำงานในด้านการผลิตยานยนต์ บริการโทรคมนาคม อสังหาริมทรัพย์ และหุ้นเอกชน และเป็นบริษัทในเครือของ ASEAN Co-operative Organization (ACO).  Rush Gold เป็นแพลตฟอร์มการชำระเงินโดยใช้ทองคำที่มีการควบคุมโดยกฏหมายซึ่งช่วยให้ธุรกิจและลูกค้าสามารถออม มอบเป็นของขวัญ โอน และใช้ทองคำทั่วโลกอย่างทันใจ  Rush มีลูกค้าใน 13 ประเทศรวมถึงสหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://rush.gold/

ติดต่อ:

Mark Pey ผู้อำนวยการ
Rush Gold
mark.pey@rush.gold 
+61 1800183424

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย