All posts by Jasmine

มูลนิธิ Mary Kay Ash ® มอบเงินสนับสนุน 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อส่งเสริมการวิจัยมะเร็งและการตรวจมะเร็งในระยะเริ่มต้นที่ Baylor Scott & White Health

Logo

เงินทุนจะประกอบด้วยการสนับสนุนการทดลองทางคลินิกที่ล้ำสมัยและเงินบริจาคจำนวนหลายปีให้แก่สถาบัน Texas Cancer Interception Institute ซึ่งมูลนิธิได้รับรางวัล Circle of Care Award จากการเป็นพันธมิตรกันมาถึงสองทศวรรษ

ดัลลัส –(BUSINESS WIRE)–13 พฤศจิกายน 2025

มูลนิธิ Mary Kay Ash® ซึ่งเป็นผู้ผลักดันนวัตกรรมด้านสุขภาพสตรีมาเกือบสามทศวรรษ ประกาศมอบเงินสนับสนุน 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่มูลนิธิ Baylor Scott & White Dallas เพื่อเร่งการทดลองทางคลินิกสำหรับมะเร็งเต้านมชนิด Triple-Negative ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ และผลักดันโครงการริเริ่มการตรวจหาโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้นที่เปลี่ยนจากการดูแลจากเชิงรับเป็นเชิงรุกที่สถาบัน Texas Cancer Interception Institute ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่

In recognition of its steadfast, decades-long commitment to women’s health, the Mary Kay Ash Foundation was honored with the prestigious Circle of Care Award at the 2025 Celebrating Women Luncheon, hosted by the Baylor Scott & White Dallas Foundation. The award celebrates those who have made a profound impact in shaping the future of breast cancer care through advocacy, philanthropy, and innovation. Since its inception, the luncheon has raised more than $42 million to fund research, advance detection, and support programs that empower women and families facing breast cancer. Photo Credit: Kristina Bowman

เพื่อเป็นการยกย่องความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่และยาวนานหลายทศวรรษในการดูแลสุขภาพสตรี มูลนิธิ Mary Kay Ash ได้รับรางวัล Circle of Care Award อันทรงเกียรติในงาน Celebrating Women Luncheon ประจำปี 2025 ซึ่งจัดโดยมูลนิธิ Baylor Scott & White Dallas โดยรางวัลนี้ยกย่องเชิดชูผู้ที่สร้างผลกระทบอย่างลึกซึ้งในการกำหนดอนาคตของการดูแลผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ผ่านการสนับสนุน การกุศล และนวัตกรรมต่างๆ นับตั้งแต่ก่อตั้ง งานเลี้ยงอาหารกลางวันนี้ได้ระดมทุนมากกว่า 42 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนการวิจัย การตรวจหาโรคขั้นสูง และโครงการสนับสนุนที่ส่งเสริมศักยภาพสตรีและครอบครัวที่เผชิญกับมะเร็งเต้านม เครดิตภาพ: Kristina Bowman

โดยเงินทุนสนับสนุนจะแบ่งออกเป็นสองส่วนประกอบด้วย:

  •  100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนการทดลองทางคลินิก TRIM-EBC ที่มีวิสัยทัศน์ก้าวหน้าซึ่งนำโดยประธาน Celebrating Women ที่มีชื่อเสียงระดับโลกด้านการวิจัยมะเร็งเต้านม, แพทย์หญิง Joyce O’Shaughnessy การทดลองนี้จะสำรวจศักยภาพของยาลดน้ำหนักในการลดความเสี่ยงการเกิดซ้ำในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีน้ำหนักเกิน
  •  ส่วนที่สองจะเป็นเงินบริจาคจำนวนหลายปีให้แก่สถาบัน Texas Cancer Interception Institute ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อตรวจจับและสกัดกั้นมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ซึ่งเป็นระยะที่สามารถรักษาได้มากที่สุด โดยจะช่วยเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับมะเร็งของผู้หญิงจาก “ฉันเป็นมะเร็ง” ไปเป็น “ฉันเป็นมะเร็ง แต่เราตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น” โครงการนี้ได้รับการออกแบบให้ถูกนำไปใช้ในวงกว้าง โดยมีเป้าหมายเพื่อปฏิวัติกลยุทธ์การตรวจพบและการแทรกแซงตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพื่อให้ผู้ป่วยรอดชีวิตจากมะเร็งเต้านมและผู้ป่วยในระยะต่อไปได้ดีขึ้น

ความมุ่งมั่นล่าสุดนี้ได้ช่วยตอกย้ำพันธกิจร่วมกันระหว่างทั้งสององค์กร นั่นคือการลงทุนในการวิจัยมะเร็งเชิงปฏิรูปเพื่อพัฒนาผลลัพธ์และนำเราเข้าใกล้การรักษามะเร็งที่ส่งผลกระทบต่อผู้หญิงในสัดส่วนที่สูงขึ้นในตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา มูลนิธิ Mary Kay Ash® ได้บริจาคเงิน 1.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับมูลนิธิ Baylor Scott & White Dallas ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพันธมิตรที่ยั่งยืนซึ่งมีรากฐานมาจากการค้นพบทางวิทยาศาสตร์และความเห็นอกเห็นใจ

“มูลนิธิ Mary Kay Ash ยังคงมุ่งมั่นที่จะค้นหาวิธีรักษามะเร็งที่ส่งผลกระทบต่อผู้หญิง เราสนับสนุนคุณแม่ ลูกสาว พี่สาวน้องสาว และผู้หญิงทุกคนในชีวิตของเรา” กล่าวโดย Michael Lunceford ประธานคณะกรรมการมูลนิธิ Mary Kay Ash “เงินทุนสนับสนุนนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการกำหนดนิยามใหม่ของการดูแลรักษาโรคมะเร็ง จากเดิมที่เน้นการรักษาแบบป้องกัน ไปสู่การตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้นและทางเลือกการรักษาที่ยั่งยืน โดยมีเป้าหมายเพื่อชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดีหลังการรักษามะเร็ง เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมมือเคียงข้าง Baylor Scott & White ในการกำหนดอนาคตของสุขภาพสตรี”

เพื่อเป็นการยกย่องความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่มีมายาวนานหลายทศวรรษในการดูแลสุขภาพสตรี มูลนิธิ Mary Kay Ash ได้รับรางวัล Circle of Care Award อันทรงเกียรติในงาน Celebrating Women Luncheon ประจำปี 2025 ซึ่งจัดโดยมูลนิธิ Baylor Scott & White Dallas โดยรางวัลนี้จะยกย่องเชิดชูผู้ที่สร้างผลกระทบอย่างลึกซึ้งในการกำหนดอนาคตของการดูแลผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ผ่านการสนับสนุน การกุศล และนวัตกรรมต่างๆ นับตั้งแต่ก่อตั้ง งานเลี้ยงอาหารกลางวันนี้ได้ระดมทุนมากกว่า 42 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนการวิจัย การตรวจหาโรคขั้นสูง และโครงการสนับสนุนที่ส่งเสริมศักยภาพสตรีและครอบครัวที่เผชิญกับมะเร็งเต้านม

“Mary Kay Ash เชื่อมั่นในพลังของผู้หญิงในการเปลี่ยนแปลงโลก ความเชื่อมั่นนี้ยังคงอยู่ผ่านความมุ่งมั่นอันกล้าหาญของมูลนิธิที่เป็นชื่อเดียวกับเธอในการพัฒนาสุขภาพของผู้หญิงด้วยการลงทุนเพื่อการตรวจจับแต่เนิ่นๆ และการรักษาที่ดีขึ้น” กล่าวโดย Christina Goodman ประธานมูลนิธิ Baylor Scott & White Dallas “เมื่อจิตใจอันปราดเปรื่องอย่างแพทย์หญิง ดร. Joyce O’Shaughnessy และจิตใจอันเปี่ยมด้วยความเมตตา มาบรรจบกัน สิ่งพิเศษสุดก็จะเกิดขึ้น โดยความร่วมมือนี้มุ่งเน้นที่จะมอบความหวัง การเยียวยา และโอกาสใหม่ๆ ให้แก่ผู้ป่วยและครอบครัวทั่วชุมชนของเรา”

 คุณรู้หรือไม่ว่า

Mary Kay มุ่งมั่นที่จะยุติโรคมะเร็งที่ส่งผลกระทบต่อผู้หญิงทั่วโลก โดยขยายผลกระทบไปทั่วโลกผ่านการระดมทุนเพื่อการวิจัยและแคมเปญสร้างความตระหนักรู้ที่ขับเคลื่อนโดยตลาดของ Mary Kay ในหลายทวีป:

  •  ในสเปน Mary Kay ร่วมมือกับมูลนิธิ FEROเพื่อสนับสนุนการวิจัยมะเร็งเต้านมแพร่กระจาย
  •  ในบราซิล สถาบัน Mary Kay มอบทุนสนับสนุนการศึกษาและโปรแกรมการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งให้กับผู้หญิงหลายพันคนทุกปี
  •  ในมาเลเซีย Mary Kay ร่วมมือกับสมาคมโรคมะเร็งแห่งชาติของมาเลเซีย เพื่อส่งเสริมการตรวจจับในระยะเริ่มต้น
  •  ในแคนาดา มูลนิธิการกุศล Mary Kay Ash สนับสนุนเวิร์กช็อป Look Good Feel Better® สำหรับผู้หญิงที่กำลังเข้ารับการรักษามะเร็ง และบริจาคผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยให้ผู้หญิงรู้สึกสวยงามหลังจากเป็นมะเร็ง

Mary Kay Inc. ตลาดต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงมูลนิธิและกองทุนการกุศลทั้งสี่แห่งที่บริษัทให้การสนับสนุน ได้ร่วมกันบริจาคเงินเกือบ 44 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั่วโลก เพื่อช่วยกำจัดโรคมะเร็งที่ส่งผลกระทบต่อผู้หญิง สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบระดับโลกอย่างต่อเนื่องของ Mary Kay ตั้งแต่การพัฒนาสุขภาพและการเสริมพลังสตรี ไปจนถึงการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน ได้ในรายงานความยั่งยืนปี 2025

เกี่ยวกับมูลนิธิ Mary Kay Ash®

ด้วยความมุ่งมั่นของ Mary Kay Ash ที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้หญิงทั่วโลก มูลนิธิ Mary Kay Ash® จึงได้ระดมทุนและแจกจ่ายเงินทุนเพื่อยุติความรุนแรงในครอบครัวและลงทุนในการวิจัยโรคมะเร็งที่ก้าวหน้าเพื่อหาวิธีรักษาโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิง ตั้งแต่ปี 1996 มูลนิธิ Mary Kay Ash ได้บริจาคเงินไปมากกว่า 98 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับองค์กรต่างๆ ที่สอดคล้องกับพันธกิจสองประการ นอกจากนี้ มูลนิธิยังสนับสนุนโครงการสร้างความตระหนักรู้ โครงการเข้าถึงชุมชน และสนับสนุนการออกกฎหมายเพื่อให้มั่นใจว่าผู้หญิงมีสุขภาพแข็งแรงและปลอดภัย ร่วมกันสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับผู้หญิง หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้ความรู้ การสนับสนุน การเป็นอาสาสมัคร การบริจาค และการเข้าร่วมงานช่วยชีวิตเพื่อสนับสนุนและเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิง โปรดไปที่ marykayashfoundation.org หรือติดตามเราบน Facebook และ Instagram

เกี่ยวกับมูลนิธิ Baylor Scott & White Dallas

มูลนิธิ Baylor Scott & White Dallas ระดมทุนเพื่อส่งเสริมพันธกิจของ Baylor Scott & White Health: ก่อตั้งขึ้นในฐานะพันธกิจคริสเตียนด้านการเยียวยา โดย Baylor Scott & White Health ได้ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคน ครอบครัว และชุมชน ที่มูลนิธิ Baylor Scott & White Dallas การกุศลจะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสู่การเปลี่ยนแปลง ส่งเสริมนวัตกรรม ขยายการเข้าถึงการดูแลด้วยความเห็นอกเห็นใจ และส่งเสริมให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีมากขึ้น เรากำลังร่วมกันกำหนดอนาคตของการดูแลสุขภาพในเท็กซัสตอนเหนือ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/20251113339900/en

Contacts

มูลนิธิ Mary Kay Ash®
Newsroom.marykay.com
info@marykayashfoundation.org

ที่มา: Mary Kay


Hamdan bin Mohammed เป็นสักขีพยานในการเปิดตัว ICOM Dubai 2025

Logo

จัดขึ้นที่ดูไบเป็นครั้งแรกในตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชียใต้

ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–13 พฤศจิกายน 2025

HH Sheikh Hamdan bin Mohammed bin Rashid Al Maktoum มกุฎราชกุมารแห่งดูไบ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และประธานสภาบริหารดูไบ ได้เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมใหญ่ครั้งที่ 27 ของสภาพิพิธภัณฑ์ระหว่างประเทศ (ICOM Dubai 2025) โดยการประชุมนี้จัดขึ้นภายใต้การอุปถัมภ์ของ HH Sheikh Mohammed bin Rashid Al Maktoum รองประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเจ้าผู้ครองนครดูไบ การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นที่ดูไบ ซึ่งเป็นครั้งแรกในตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชียใต้ ภายใต้หัวข้อ อนาคตของพิพิธภัณฑ์ในชุมชนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วโดยงานดังกล่าวได้ต้อนรับผู้เชี่ยวชาญด้านพิพิธภัณฑ์ ผู้นำด้านวัฒนธรรม และผู้มีอำนาจตัดสินใจจากทั่วโลกมากกว่า 4,500 ราย

Hamdan bin Mohammed Witnesses Launch of ICOM Dubai 2025 (Photo: AETOSWire)

Hamdan bin Mohammed ร่วมเป็นสักขีพยานในการเปิดตัว ICOM Dubai 2025 (ภาพ: AETOSWire)

ในวันเปิดงานได้เริ่มต้นด้วยคำปราศรัยกิตติมศักดิ์จาก HH Sheikha Latifa bint Mohammed bin Rashid Al Maktoum ประธานสำนักงานวัฒนธรรมและศิลปะแห่งดูไบ ซึ่งทรงเน้นย้ำว่าการประชุมครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ร่วมกันที่จะกำหนดอนาคตของมนุษยชาติ พระองค์ตรัสว่าการเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลกครั้งนี้เป็นการยกย่องบทบาทผู้นำของดูไบบนเวทีวัฒนธรรมโลก “ช่วงเวลาอันพิเศษนี้จะช่วยรักษามรดกของเราเอาไว้ และจุดประกายความทรงจำเกี่ยวกับเส้นทางที่เราเริ่มต้นด้วยความทะเยอทะยานและจุดมุ่งหมายต่างๆ ซึ่งเรายังคงมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายต่อไป โดยดูไบนั้นเป็นเมืองที่ยกย่องวัฒนธรรมในฐานะที่เป็นรากฐานของความก้าวหน้า”

พระองค์ทรงแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อ HH Sheikh Mohammed bin Rashid Al Maktoum ผู้ซึ่งเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์อันกว้างไกลและนำทางไปสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้ โดยตรัสว่า “สำหรับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หอคอยหรือเส้นขอบฟ้าไม่ได้เป็นเครื่องวัดความก้าวหน้า แต่เราวัดจากคุณค่าที่เรายึดถือ ความทะเยอทะยานที่เรามีร่วมกัน และอนาคตข้างหน้าที่เราร่วมกันสร้าง”

โปรแกรมนี้จัดทำขึ้นโดยคณะกรรมการจัดงาน ICOM Dubai 2025 โดยมีปาฐกถาสำคัญจากบุคคลที่มีชื่อเสียงหลายท่าน อาทิ ประติมากรชื่อดังระดับโลกอย่าง El Anatsui, Emma Nardi ประธาน ICOM และ Medea S. Ekner ผู้อำนวยการทั่วไปของ ICOM

ในวันดังกล่าวยังมีพิธีเปิดงาน Museum Fair ซึ่งจัดแสดงโครงการบุกเบิกและนวัตกรรมจากสถาบันต่างๆ กว่า 100 แห่งทั่วโลก รวมถึงเซสชันที่น่าสนใจต่างๆ ในการประชุมที่ประกอบด้วยหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับพลังเยาวชน เทคโนโลยีใหม่ และมรดกที่จับต้องไม่ได้ อย่างเช่น 'AI และพิพิธภัณฑ์: จากวิสัยทัศน์สู่การดำเนินการระดับโลก'; 'การให้คำปรึกษาแบบย้อนกลับ: การส่งเสริมพลังเยาวชนสำหรับพิพิธภัณฑ์และมรดก' ซึ่งจัดขึ้นโดยคณะกรรมการเยาวชนของ Singapore Heritage Council; 'การพัฒนาวิชาชีพสำหรับพนักงานพิพิธภัณฑ์ (สำหรับผู้รับทุน)' และ 'กลยุทธ์เพื่อการอนุรักษ์: ความล้าสมัยทางเทคโนโลยี'

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/20251113251251/en

*ที่มา: AETOSWire

Contacts

Joumana El Tarabulsi
joumana@ciceroandbernay.me

ที่มา: ICOM Dubai 2025

TOURISE Awards 2025: โตเกียว นิวยอร์ก อันคาช และปารีส คว้ารางวัลสูงสุดในงาน TOURISE Awards ที่จัดขึ้นอย่างเป็นทางการครั้งแรก

Logo

ริยาด, ซาอุดีอาระเบีย–(BUSINESS WIRE)–13 พฤศจิกายน 2025

กลุ่มผู้ชนะแรกในงาน TOURISE Awards ได้รับการประกาศแล้ว โดยมอบให้แก่จุดหมายปลายทางที่ช่วยนิยามการสำรวจ การต้อนรับ และความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมใหม่สำหรับนักเดินทางยุคใหม่ พร้อมทั้งกำหนดมาตรฐานใหม่ด้านนวัตกรรมและความเป็นเลิศต่างๆ เพื่อมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำอย่างแท้จริงแก่ผู้มาเยือน

His Excellency Ahmed Al-Khateeb, Minister of Tourism and TOURISE Chairman, celebrates with the winners of the TOURISE Awards

ท่าน Ahmed Al-Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและประธาน TOURISE ร่วมแสดงความยินดีกับผู้ชนะในงาน TOURISE Awards

งานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการประชุมสุดยอด TOURISE Summit ที่จัดขึ้นอย่างเป็นทางการครั้งแรก ซึ่งจัดขึ้นภายใต้การอุปถัมภ์ของเจ้าชาย Mohammed bin Salman bin Abdulaziz Al Saud มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรี โดยกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น คว้ารางวัลอันทรงเกียรติในฐานะจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุด นอกจากนี้ โตเกียวยังได้รับการยกย่องให้เป็นจุดหมายปลายทางด้านอาหารและการทำอาหาร และความบันเทิงที่ดีที่สุดอีกด้วย ซึ่งได้ช่วยตอกย้ำถึงสถานะความเป็นเมืองหลวงแห่งนวัตกรรม พลังงาน และประสบการณ์อันน่าจดจำระดับโลก

ผู้ชนะแต่ละประเภทประจำปี 2025

ผู้ชนะในปีนี้ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการอิสระจากหลากหลายภาคส่วน และคัดเลือกจากรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลมากมายที่ส่งเข้ามาโดยนักเดินทาง ผู้นำในอุตสาหกรรม และองค์กรต่างๆ ทั่วโลก ผู้ชนะเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมที่ปลุกเร้าความรู้สึก ประสบการณ์ที่เหนือขีดจำกัด และความทรงจำที่มีความหมายและยั่งยืน ผู้ชนะจะเป็นตัวแทนของจุดหมายปลายทางที่ยกระดับวัฒนธรรมและศิลปะให้กลายเป็นประสบการณ์ที่ดื่มด่ำ ยกระดับการผจญภัยไปอีกขั้น พลิกโฉมผลผลิตท้องถิ่นสู่ระบบนิเวศน์อาหารระดับโลก นิยามการค้าปลีกใหม่ให้กลายเป็นสถานที่สร้างสรรค์ และภูมิทัศน์เมืองที่มีชีวิตชีวาด้วยความบันเทิงที่เหนือขีดจำกัด

ผู้ชนะในแต่ละประเภทในปีนี้ ประกอบด้วย:

  •  จุดหมายปลายทางด้านศิลปะและวัฒนธรรมที่ดีที่สุด: นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา – มหานครที่พิพิธภัณฑ์ชื่อดังและเวทีระดับโลกมาบรรจบกับจิตวิญญาณของย่านนอกบรอดเวย์ ที่คุณสามารถพบเห็นที่ต่างๆ เหล่านี้ได้จากทุกมุมถนน
  •  จุดหมายปลายทางด้านการผจญภัยที่ดีที่สุด: อันคาช เปรู – สถานที่แห่งการผจญภัยอันเป็นสัญลักษณ์ของแอนดีสซึ่งเป็นหมุดหมายหลักของการผจญภัยสุดคลาสสิกในเทือกเขาแอนดีสท่ามกลางทะเลสาบสีฟ้าคราม เส้นทางเดินป่าบนที่สูง และยอดเขาสูงตระหง่านของเทือกเขาคอร์ดิเยราบลังกา
  •  จุดหมายปลายทางด้านอาหารและการทำอาหารที่ดีที่สุด: โตเกียว ญี่ปุ่น – เมืองหลวงที่มีชื่อเสียงระดับโลกที่ผสมผสานความล้ำลึกของอาหารที่ไม่มีที่ใดเทียบเคียงได้ ตั้งแต่เคาน์เตอร์ที่เรียบง่ายไปจนถึงนวัตกรรมอาหารไคเซกิแบบหลายคอร์ส
  •  จุดหมายปลายทางด้านการช็อปปิ้งที่ดีที่สุด: ปารีส ฝรั่งเศส – “เมืองแห่งแสงไฟ” อันหรูหราและเมืองหลวงแห่งแฟชั่นชั้นสูงระดับโลก ที่มีการผสมผสานมรดกแห่งชีวิตเข้ากับความร่วมสมัย พร้อมทั้งจินตนาการในการช้อปปิ้งใหม่ในรูปแบบการค้นพบทางวัฒนธรรมผ่านสตูดิโอ ร้านค้าที่นำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งที่มากกว่าการซื้อของทั่วไป และย่านต่างๆ ที่ได้รับการฟื้นฟู
  •  จุดหมายปลายทางด้านความบันเทิงที่ดีที่สุด: โตเกียว ญี่ปุ่น – จากสวนสนุกที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกและสถานที่ท่องเที่ยวในร่มที่น่าดื่มด่ำไปจนถึงฉากดนตรีและวัฒนธรรมที่ล้ำสมัย โตเกียวมีทุกสิ่งที่ตอบโจทย์ทุกคนอย่างแท้จริง

“ผู้ชนะในค่ำคืนนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่บนแผนที่เท่านั้น แต่พวกเขาคือแรงบันดาลใจที่หล่อหลอมวัฒนธรรมและจุดประกายจินตนาการต่างๆ” ท่าน Ahmed Al-Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและประธานคณะกรรมการ TOURISE กล่าว โดยกล่าวต่อว่า “TOURISE กำลังกำหนดทิศทางการเดินทางในอีก 50 ปีข้างหน้า และจุดหมายปลายทางเหล่านี้คือนิยามของความสำเร็จของการท่องเที่ยวที่มีจุดมุ่งหมายและเปลี่ยนแปลงชีวิต ซึ่งแต่ละแห่งนั้นได้สะท้อนถึงสิ่งที่นักเดินทางในปัจจุบันแสวงหามากขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือ ความแท้จริง ความคิดสร้างสรรค์ และประสบการณ์ที่เชื่อมโยงผู้คนเข้ากับสถานที่และจุดมุ่งหมาย เราได้รับแรงบันดาลใจจากวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของพวกเขา ขณะที่เราได้ร่วมกันสร้างอนาคตของการท่องเที่ยวที่สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดความก้าวหน้า เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน และเชื่อมโยงโลกเข้าด้วยกันให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น”

ค่ำคืนที่น่าจดจำ

รางวัลอันทรงเกียรตินี้ได้รับการมอบในงานเลี้ยงอาหารค่ำสุดอลังการ ณ โรงแรมริทซ์-คาร์ลตัน ริยาด พร้อมด้วยประสบการณ์การรับประทานอาหารที่รังสรรค์โดยเชฟ Nawal Alkhalawi รวมถึงการแสดงสดอันน่าประทับใจจากนักร้องเสียงทรงพลังในระดับสากล Loren Allred ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแขกในงานด้วยชุดราตรีสุดหรูจาก Mashael Al Faris ดีไซเนอร์ชาวซาอุดีอาระเบีย ที่จับคู่กับเครื่องประดับชั้นเลิศจาก APOA (A Piece of Art) แบรนด์ซาอุดีอาระเบียที่ถือกำเนิดขึ้นในริยาด โดยค่ำคืนนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณในการต้อนรับขับสู้ระดับโลกและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของวิสัยทัศน์ TOURISE โดยเมนูต่างๆ จะเน้นถึงการเล่าเรื่องผ่านภาษาของอาหาร โดยนำเสนออาหารในหลากหลายภูมิภาคของซาอุดีอาระเบีย ผสมผสานกับอิทธิพลที่ได้รับจากทั่วโลกอย่างพิถีพิถัน เพื่อสร้างความประหลาดใจและความประทับใจให้กับแขกทุกท่าน

ตัดสินโดยผู้มีชื่อเสียงระดับโลก

คณะกรรมการตัดสินอิสระจากหลากหลายภาคส่วนของรางวัลนี้ ประกอบด้วย อดีตผู้นำจาก Forbes Travel Guide, Michelin Guides, Tate Modern, Condé Nast, British Fashion Council และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งได้นำความเชี่ยวชาญที่ไม่มีใครเทียบได้จากหลากหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง แฟชั่น อาหาร และความบันเทิง

ซึ่งประกอบด้วย:

  • Filip Boyen อดีตซีอีโอ นิตยสาร Forbes Travel Guide
  • Michael Ellis อดีตผู้อำนวยการฝ่ายคู่มือมิชลินระดับโลก
  • Fiona Jeffery อดีตประธาน World Travel Market และอดีตประธานรางวัล Tourism for Tomorrow Awards
  • Renaud de Lesquen อดีตซีอีโอ Givenchy; อดีตประธาน Dior AM
  • Lars Nittve อดีตผู้อำนวยการก่อตั้ง Tate Modern
  • Albert Read อดีตกรรมการผู้จัดการ Condé Nast
  • Caroline Rush อดีตซีอีโอ British Fashion Council
  • Omar Samra ทูตสันถวไมตรีแห่งสหประชาชาติ นักปีนเขา และนักสำรวจขั้วโลก
  • Bernold Schroeder อดีตซีอีโอ Kempinski; Pan Pacific

การประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัล TOURISE Awards ประจำปี 2025 ถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ด้านวัฒนธรรม อาหาร การผจญภัย และความบันเทิง โดย TOURISE ยังคงมุ่งมั่นที่จะค้นหาและเฉลิมฉลองจุดหมายปลายทางที่สร้างความประหลาดใจและความสุขให้กับนักเดินทางยุคใหม่ จุดหมายปลายทางที่จุดประกายความอยากรู้อยากเห็น เชื่อมโยงความสัมพันธ์ และสร้างความทรงจำอันน่าจดจำ เราและชุมชนทั่วโลกตั้งตารอที่จะก้าวสู่บทต่อไปและจุดหมายปลายทางอันน่าทึ่งแห่งต่อไป

เกี่ยวกับ TOURISE Awards

TOURISE Awards เป็นการเฉลิมฉลองความเป็นเลิศด้านจุดหมายปลายทางทั่วโลก โดยมอบให้กับสถานที่ต่างๆ ที่มอบประสบการณ์การเดินทางที่มีจุดมุ่งหมาย น่าจดจำ และสอดคล้องกับความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงไปของนักเดินทางในปัจจุบัน

รางวัลนี้ตัดสินโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขาอาชีพ โดยมอบรางวัลให้แก่จุดหมายปลายทางใน 5 สาขา ได้แก่ ศิลปะและวัฒนธรรม การผจญภัย อาหารและการทำอาหาร การช้อปปิ้ง และความบันเทิง ปิดท้ายด้วยรางวัลจุดหมายปลายทางยอดเยี่ยม โดยรางวัลนี้ให้ความสำคัญกับนวัตกรรม ความยั่งยืน การอนุรักษ์วัฒนธรรม และสิ่งที่สร้างผลกระทบต่อนักท่องเที่ยว ที่นับเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ระดับโลกสำหรับสิ่งที่ทำให้จุดหมายปลายทางนั้นมีความพิเศษอย่างแท้จริง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ TOURISE Awards ได้ที่ https://www.tourise.com/en/awards

เกี่ยวกับ TOURISE

TOURISE เป็นแพลตฟอร์มชั้นนำของโลกที่สร้างขอบเขตใหม่ให้กับการท่องเที่ยวทั่วโลก

ภายใต้การดูแลของกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย งานประชุม TOURISE Summit ครั้งแรกจะจัดขึ้นในวันที่ 11–13 พฤศจิกายน 2025 ที่ริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย

งานนี้จะรวบรวมผู้มีวิสัยทัศน์จากภาครัฐ ธุรกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว และเทคโนโลยี เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนข้อตกลงที่สร้างการเปลี่ยนแปลง และส่งมอบโครงการริเริ่มที่มีผลกระทบสูงที่กำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับโลกใหม่

TOURISE มุ่งมั่นสร้างการมีส่วนร่วมจากทั่วโลก พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจที่มีบทบาทในการกำหนดทิศทางการพัฒนาของอุตสาหกรรมได้เข้าถึง หลังจากการประชุมนี้ TOURISE จะยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดให้ใช้งานได้ตลอดทั้งปี ซึ่งแนวคิดที่โดดเด่นจะกลายเป็นทางออกในโลกแห่งความเป็นจริง

นี่คือจุดกำเนิดของการท่องเที่ยวในอีก 50 ปีข้างหน้า เมื่อร่วมมือกัน เราจะไม่มีวันหยุดยั้ง

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม www.tourise.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251112648089/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

หากต้องการสอบถามข้อมูลสำหรับสื่อ โปรดติดต่อ: media@TOURISE.com

ที่มา: TOURISE



TOURISE 2025 เปิดตัวโครงการ Agentic Tourism Initiative ในการบุกเบิกโปรโตคอลเพื่อการเดินทางอัจฉริยะ

Logo

ริยาด, ซาอุดีอาระเบีย–(BUSINESS WIRE)–13 พฤศจิกายน 2025

โครงการ Agentic Tourism Initiative ได้รับการเปิดตัวในวันนี้ในการประชุม TOURISE Summit ที่จัดเป็นทางการครั้งแรก โดยนำเสนอโปรโตคอล Agentic Tourism ฉบับแรกของโลก ซึ่งเป็นกรอบการทำงานดิจิทัลสากลที่มุ่งเปลี่ยนแปลงทุกขั้นตอนของการเดินทางของนักเดินทาง

His Excellency Ahmed Al Khateeb, Saudi Arabia's Minister of Tourism and Chairman of TOURISE, launches the Agentic Tourism Initiative on the second day of TOURISE. 

ฯพณฯ Ahmed Al Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียและประธาน TOURISE เปิดตัวโครงการ Agentic Tourism Initiative ในวันที่สองของงาน TOURISE

โครงการนี้เปิดตัวร่วมกันระหว่าง TOURISE และ Globant จากแรงผลักดันของสมุดปกขาวที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในชื่อ Tourism’s AI Takeover: Reinventing Travel through Agentic Tourism (การเข้าสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของ AI: การปฏิรูปการท่องเที่ยวผ่าน Agentic ด้านการท่องเที่ยว) เพื่อสร้างสรรค์แอปพลิเคชัน AI ที่โดดเด่น ซึ่งเป็นการตอบรับคำเรียกร้องโดยตรงจากสมุดปกขาวในการสร้างโปรโตคอลแบบเปิดสำหรับ AI ด้านการท่องเที่ยว ซึ่งจะกำหนดวิธีที่เอเจนต์ AI โต้ตอบตั้งแต่แรงบันดาลใจไปจนถึงการเดินทางกลับ ผลลัพธ์ที่ได้คือ ประสบการณ์การเดินทางที่ชาญฉลาด ราบรื่น และยั่งยืนทั่วทั้งระบบนิเวศการท่องเที่ยวทั่วโลก

โครงการ Initiative นี้รวบรวมกลุ่มพันธมิตรผู้ก่อตั้งที่หลากหลายจากหลายอุตสาหกรรม ทั้งด้านเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน การบิน และผู้นำด้านจุดหมายปลายทาง ได้แก่ Globant, Red Sea Global, HUMAIN, Riyadh Air, ท่าอากาศยานนานาชาติ King Salman, สภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก, Amazon Web Services, Salesforce, Hollibob และ Trip.com โดยแนวทางการทำงานร่วมกันนี้ทำให้มั่นใจได้ว่า Agentic Protocol จะมีความแข็งแกร่งทางเทคนิค ครอบคลุม และสามารถปรับให้เข้ากับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของนักเดินทาง ผู้ประกอบการ และจุดหมายปลายทางทั่วโลกได้

“เรารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เห็นโครงการ Agentic Tourism Initiative ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการกำหนดอนาคตของการเดินทางทั่วโลกผ่านนวัตกรรมและความร่วมมือ โปรโตคอลนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการผสานเทคโนโลยีเข้ากับจิตวิญญาณแห่งการสำรวจของมนุษย์ การยึด AI ไว้กับความเห็นอกเห็นใจและความชาญฉลาดทางวัฒนธรรม ไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับประสบการณ์ของนักเดินทางเท่านั้น แต่ยังช่วยให้จุดหมายปลายทางต่างๆ เติบโตขึ้นอย่างยั่งยืน ครอบคลุม และมีเป้าหมาย” ฯพณฯ Ahmed Al Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย กล่าว

โครงการ Initiative นี้จะยึดหลักการ “เปลี่ยนสิ่งที่คาดหวังให้เป็นดิจิทัล สร้างความเป็นมนุษย์ในสิ่งที่ไม่คาดคิด” โดยมุ่งหวังที่จะขยายขอบเขต ไม่ใช่แทนที่ รวมถึงการมุ่งเน้นความคิดสร้างสรรค์ ความเห็นอกเห็นใจ และการเชื่อมโยงของมนุษย์ โดย AI จะทำหน้าที่เป็นตัวช่วย เสริมศักยภาพให้กับผู้คนและสถานที่ที่ทำให้การเดินทางมีความหมาย ขณะเดียวกันก็สนับสนุนจุดหมายปลายทางต่างๆ ให้บรรลุการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

“เรากำลังเป็นสักขีพยานถึงรุ่งอรุณของยุคใหม่ของการท่องเที่ยว ที่ซึ่งเทคโนโลยีและความเฉลียวฉลาดของมนุษย์มาบรรจบกัน เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ไม่เพียงแต่ชาญฉลาดขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีความเป็นส่วนตัวและน่าจดจำอย่างแท้จริง โครงการ Agentic Tourism Initiative ไม่ได้เป็นเพียงแค่ก้าวสำคัญทางเทคนิคเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวกระโดดเชิงกลยุทธ์สู่การกำหนดทิศทางการใช้ AI ในการเดินทาง การสร้างโปรโตคอลที่ใช้ร่วมกันนี้ ช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะครอบคลุม ปลอดภัย และเป็นประโยชน์สำหรับทุกคน” Martín Migoya ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Globant กล่าว

เกี่ยวกับ TOURISE

TOURISE เป็นแพลตฟอร์มชั้นนำของโลกที่สร้างขอบเขตใหม่ให้กับการท่องเที่ยวทั่วโลก

ภายใต้การดูแลของกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย งานประชุม TOURISE Summit ครั้งแรกจะจัดขึ้นในวันที่ 11–13 พฤศจิกายน 2025 ที่ริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย

งานนี้จะรวบรวมผู้มีวิสัยทัศน์จากภาครัฐ ธุรกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว และเทคโนโลยี เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนข้อตกลงที่สร้างการเปลี่ยนแปลง และส่งมอบโครงการริเริ่มที่มีผลกระทบสูงที่กำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับโลกใหม่

TOURISE มุ่งมั่นสร้างการมีส่วนร่วมจากทั่วโลก พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจที่มีบทบาทในการกำหนดทิศทางการพัฒนาของอุตสาหกรรมได้เข้าถึง หลังจากการประชุมนี้ TOURISE จะยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดให้ใช้งานได้ตลอดทั้งปี ซึ่งแนวคิดที่โดดเด่นจะกลายเป็นทางออกในโลกแห่งความเป็นจริง

นี่คือจุดกำเนิดของการท่องเที่ยวในอีก 50 ปีข้างหน้า เมื่อร่วมมือกัน เราจะไม่มีวันหยุดยั้ง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tourise.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251112353634/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

สำหรับการสอบถามจากสื่อ โปรดติดต่อ Media@TOURISE.com

ที่มา: TOURISE

TOURISE และ Oxford Economics เปิดตัวสมุดปกขาวเกี่ยวกับเส้นทางสู่ความยืดหยุ่นและเสถียรภาพของการท่องเที่ยวท่ามกลางความผันผวนของโลก

Logo

  • การเดินทางระหว่างประเทศคาดว่าจะเกิน 2 พันล้านคนภายในปี 2030 แม้จะมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและทางภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลก
  •  การลงทุนเชิงกลยุทธ์ในโครงสร้างพื้นฐาน นโยบาย และการเข้าถึงต่างๆ เป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ริยาด, ซาอุดีอาระเบีย–(BUSINESS WIRE)–10 พฤศจิกายน 2025

TOURISE ได้ร่วมมือกับ Oxford Economics เปิดตัวสมุดปกขาวใหม่ชื่อ “การเติบโตท่ามกลางความไม่แน่นอน: โอกาสและความเสี่ยงบนเส้นทางสู่นักเดินทางทั่วโลก 2 พันล้านคน สมุดปกขาวนี้เปิดตัวในงานประชุม TOURISE Summit ครั้งแรก โดยเอกสารเผยแพร่นี้จะนำเสนอโอกาสและความเสี่ยงสำคัญที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะต้องเผชิญในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า รวมถึงกรอบแนวทางสำหรับผู้กำหนดนโยบาย ผู้นำด้านการท่องเที่ยว และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรม ในการเสริมสร้างศักยภาพของภาคการท่องเที่ยวให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงระดับโลก รวมถึงการส่งเสริมความยั่งยืนและความยืดหยุ่นในระยะยาว

TOURISE and Oxford Economics Release White Paper Charting Tourism’s Path to Resilience and Stability Amid Global Volatility

TOURISE และ Oxford Economics เปิดตัวสมุดปกขาวเกี่ยวกับเส้นทางสู่ความยืดหยุ่นและเสถียรภาพของการท่องเที่ยวท่ามกลางความผันผวนของโลก

สมุดปกขาวนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเกี่ยวกับความสามารถในการฟื้นตัวที่เป็นหลักการพื้นฐานสำหรับการพัฒนาการท่องเที่ยวในยุคที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ ความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ และความคาดหวังของนักเดินทางที่เปลี่ยนไป

“การท่องเที่ยวเป็นพลังขับเคลื่อนแห่งการเชื่อมโยงและโอกาสมาโดยตลอด แต่จุดแข็งที่แท้จริงอยู่ที่ความสามารถในการพัฒนาและคงความยืดหยุ่นเอาไว้ สมุดปกขาวจะนำเสนอทิศทางที่ชัดเจนสำหรับภาคการท่องเที่ยวทั่วโลกที่จะก้าวไปข้างหน้า โดยนำทางเราไปสู่อนาคตแห่งการเติบโตอย่างยั่งยืนและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” H.E. Ahmed Al-Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและประธาน TOURISE กล่าว

“เอกสารฉบับนี้แสดงให้เห็นว่าการวางแผนที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและนโยบายที่มองไปข้างหน้าสามารถช่วยให้จุดหมายปลายทางต่างๆ สามารถบริหารจัดการการเติบโตอย่างมีความรับผิดชอบ รับมือกับผลกระทบ และสร้างงานและโอกาสต่างๆ อย่างต่อเนื่องได้อย่างไร ในขณะที่เรามุ่งสู่จำนวนนักเดินทาง 2 พันล้านคนภายในปี 2030 เราต้องมุ่งเน้นไปที่การสร้างระบบนิเวศการท่องเที่ยวที่มีความยืดหยุ่น ครอบคลุม และเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายและความเป็นไปได้ของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง”

เอกสารฉบับนี้ใช้ข้อมูลจำนวนมากและแบบจำลองทางเศรษฐกิจ เพื่อระบุแนวโน้มสำคัญๆ ที่กำหนดอนาคตของการเดินทางและการท่องเที่ยว โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของการตัดสินใจโดยอิงหลักฐานเชิงประจักษ์และกรอบนโยบายที่ปรับเปลี่ยนได้ เพื่อให้มั่นใจว่าจุดหมายปลายทางต่างๆ ยังคงมีความสามารถในการแข่งขันและครอบคลุม

“ความยืดหยุ่นของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเริ่มต้นจากความชัดเจน ซึ่งมาจากข้อมูลที่สำคัญ” Adam Sacks ประธานบริษัท Tourism Economics บริษัทในเครือ Oxford Economics กล่าว “เอกสารฉบับนี้จะนำเสนอแผนงานที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอน ช่วยให้จุดหมายปลายทางต่างๆ สามารถตัดสินใจได้อย่างรอบรู้และลงทุนได้อย่างมั่นใจ”

จากผลการวิจัย รายงานคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จาก 1.5 พันล้านคนในปัจจุบัน เป็น 2 พันล้านคนภายในปี 2030 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความต้องการของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป โดยให้ความสำคัญกับคุณค่าเชิงประสบการณ์มากกว่าต้นทุน นักท่องเที่ยวกำลังมองหาประสบการณ์ที่ดื่มด่ำและต้องการสัมผัสกับวัฒนธรรมดั้งเดิมมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งส่งผลให้นักท่องเที่ยวพักนานขึ้นและมีการใช้จ่ายต่อทริปสูงมากขึ้น

เพื่อรองรับความต้องการนี้ จุดหมายปลายทางต่างๆ ที่ดำเนินกลยุทธ์เชิงรุก เช่น การนำระบบวีซ่าแบบเปิดมาใช้ นโยบายที่เน้นนักเดินทางเป็นศูนย์กลาง และโครงสร้างพื้นฐานที่มองการณ์ไกล คาดว่าจะอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดที่จะรองรับความต้องการการเดินทางทั่วโลกที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 40% ภายในปี 2030

โครงการริเริ่มร่วมกันนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของ TOURISE ในการส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวที่มีความยืดหยุ่น มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูล และเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ดาวน์โหลดเอกสารฉบับเต็มได้ที่ TOURISE.com

เกี่ยวกับ TOURISE

TOURISE เป็นแพลตฟอร์มชั้นนำของโลกที่สร้างขอบเขตใหม่ให้กับการท่องเที่ยวทั่วโลก

ภายใต้การดูแลของกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย งานประชุม TOURISE Summit ครั้งแรกจะจัดขึ้นในวันที่ 11–13 พฤศจิกายน 2025 ที่ริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย

งานนี้จะรวบรวมผู้มีวิสัยทัศน์จากภาครัฐ ธุรกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว และเทคโนโลยี เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนข้อตกลงที่สร้างการเปลี่ยนแปลง และส่งมอบโครงการริเริ่มที่มีผลกระทบสูงที่กำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับโลกใหม่

TOURISE มุ่งมั่นสร้างการมีส่วนร่วมจากทั่วโลก พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจที่มีบทบาทในการกำหนดทิศทางการพัฒนาของอุตสาหกรรมได้เข้าถึง หลังจากการประชุมนี้ TOURISE จะยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดให้ใช้งานได้ตลอดทั้งปี ซึ่งแนวคิดที่โดดเด่นจะกลายเป็นทางออกในโลกแห่งความเป็นจริง

นี่คือจุดกำเนิดของการท่องเที่ยวในอีก 50 ปีข้างหน้า เมื่อร่วมมือกัน เราจะไม่มีวันหยุดยั้ง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tourise.com

เกี่ยวกับ Oxford Economics

Oxford Economics คือบริษัทที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจอิสระชั้นนำของโลก ครอบคลุมกว่า 200 ประเทศ 100 ภาคอุตสาหกรรม และ 8,000 เมืองและภูมิภาค เรามอบข้อมูลเชิงลึกและโซลูชันที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดและรวดเร็วยิ่งขึ้นในโลกที่มีความซับซ้อนและความไม่แน่นอนมากขึ้นเรื่อยๆ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.oxfordeconomics.com/us/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251110254503/en

Contacts

สำหรับการสอบถามจากสื่อ โปรดติดต่อ: press@oxfordeconomics.com

ที่มา: TOURISE

ผู้นำระดับโลกและผู้นำอุตสาหกรรมร่วมมือกันภายใต้ BRIDGE Alliance เพื่อเสริมสร้างอนาคตของสื่อ ความบันเทิง และเนื้อหา

Logo

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2025

กลุ่มพันธมิตรนานาชาติใหม่ของผู้กำหนดนโยบาย ผู้นำด้านความคิดสร้างสรรค์ และผู้ริเริ่มนวัตกรรมได้มารวมตัวกันภายใต้ชื่อ BRIDGE Alliance เพื่อส่งเสริมการรวมกลุ่ม การลงทุน และการพัฒนาอย่างยั่งยืนในเศรษฐกิจสื่อ ความบันเทิง และเนื้อหาในระดับโลก

World leaders and industry icons unite under BRIDGE Alliance to empower the future of media, entertainment and content (Photo: AETOSWire)

ผู้นำระดับโลกและผู้นำอุตสาหกรรมร่วมมือกันภายใต้ BRIDGE Alliance เพื่อเสริมสร้างอนาคตของสื่อ ความบันเทิง และเนื้อหา (ภาพ: AETOSWire)

BRIDGE Alliance มีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นองค์กรระดับโลกแห่งแรกที่มีประธานคือ H.E. Abdulla bin Mohammed bin Butti Al Hamed โดยประกอบด้วยคณะกรรมการผู้ทรงอิทธิพล อาทิ อดีตประมุขแห่งรัฐ ผู้นำระดับโลก ผู้กำหนดนโยบาย และซีอีโอจากภาคส่วนสื่อ การสื่อสาร เทคโนโลยี การเงิน และภาคส่วนความสร้างสรรค์ต่างๆ

โดยคณะกรรมการก่อตั้ง ประกอบด้วย เจ้าหญิง Lamia bint Majed Al Saud, ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Rotana Media Group และเลขาธิการมูลนิธิ Alwaleed Philanthropies; H.E. Macky Sall ประธานคนที่ 4 ของเซเนกัล; H.E. ดร. Jamal Mohammed Obaid Al Kaabi รองประธานของ BRIDGE Alliance; Jessica Sibley ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ TIME; Janet Yang อดีตประธาน Academy of Motion Picture Arts and Sciences; ดร. Julie Gichuru ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Africa Leadership and Dialogue Institute; Daniil Shuleyko ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Yango Group; Sanford Climan ผู้ก่อตั้ง Entertainment Media Ventures; นักวางกลยุทธ์ Richard Attias; และ Maryam bin Fahad กรรมการผู้จัดการของ BRIDGE Alliance

BRIDGE Alliance ดำเนินงานในฐานะองค์กรอิสระที่ขับเคลื่อนด้วยพันธกิจ โดยนำกำไรจากการดำเนินงานทั้งหมดไปลงทุนในการวิจัยขั้นสูง การพัฒนาศักยภาพ และนวัตกรรมต่างๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือ ส่งเสริมแนวคิด เงินทุน และบุคลากรให้สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในภาคส่วนเป้าหมาย

H.E. Al Hamed กล่าวถึงความร่วมมือนี้ว่าเป็น “โครงการด้านมนุษยธรรมและเศรษฐกิจ โดยถือกำเนิดขึ้นในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อนิยามความสัมพันธ์ระหว่างสื่อ สังคม และเศรษฐกิจใหม่ โดยสร้างสะพานแห่งความเข้าใจ ผลกระทบ และการเติบโตระหว่างประเทศต่างๆ” ฯพณฯ ยังกล่าวเสริมว่า โครงการ BRIDGE “เป็นเสมือนระบบนิเวศระดับโลกที่ก่อตั้งขึ้นบนพื้นฐานความร่วมมือ นวัตกรรม และความรับผิดชอบร่วมกัน ซึ่งความเชี่ยวชาญต่างๆ นั้นจะเปลี่ยนความคิดให้กลายเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง และเปลี่ยนความร่วมมือให้กลายเป็นความก้าวหน้า”

โครงการริเริ่มสำคัญแรกของความร่วมมือ คือ BRIDGE Summit 2025 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-10 ธันวาคม ณ ศูนย์แสดงสินค้าแห่งชาติอาบูดาบี (ADNEC) งานนี้เป็นงานเปิดตัวสื่อที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 60,000 คน วิทยากร 400 คน และผู้จัดแสดงสินค้า 300 ราย ครอบคลุม 7 หัวข้อหลัก ได้แก่ สื่อ เศรษฐกิจผู้สร้าง ดนตรี เกม เทคโนโลยี การตลาด และภาพยนตร์ โดยจะเปลี่ยนบทสนทนาให้กลายเป็นการปฏิบัติจริง และขยายการเข้าถึงเศรษฐกิจเนื้อหาระดับโลก

BRIDGE Alliance มีฐานอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่เป็นศูนย์กลางระดับโลกด้านนวัตกรรม การทำงานร่วมกัน และการเติบโตของสื่ออย่างมีความรับผิดชอบ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างบทบาทของประเทศในฐานะจุดนัดพบสำหรับแนวคิด ความคิดสร้างสรรค์ และความก้าวหน้าร่วมกัน

แหล่งที่มา: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251112707768/en

Contacts

Natalie Habib
n.habib@nncpr.com

ที่มา: BRIDGE Alliance

Teachers Mutual Bank Limited ปรับปรุงการยืนยันตัวตนด้วย Boomi

Logo

ธนาคารร่วมชั้นนำมอบการประมวลผลข้อมูลประจำตัวที่เร็วขึ้น 95 เปอร์เซ็นต์ ลดความพยายามด้วยตนเองอย่างมาก และปลดล็อกข้อมูลแบบเรียลไทม์

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2025

Boomi ผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ประกาศในวันนี้ว่า Teachers Mutual Bank Limited ซึ่งเป็นธนาคารร่วมทุนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของออสเตรเลีย ได้นำแพลตฟอร์ม Boomi Enterpriseมาใช้เพื่อปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติตามกฎระเบียบ และสร้างรากฐานที่ปลอดภัยและปรับขนาดได้สำหรับนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในอนาคต

Teachers Mutual Bank Limited (TMBL) ก่อตั้งขึ้นเมื่อเกือบ 60 ปีที่แล้ว โดยดำเนินธุรกิจแยกย่อยในสี่แบรนด์ ได้แก่ Teachers Mutual Bank, Health Professionals Bank, Firefighters Mutual Bank และ UniBank ในปัจจุบัน Teachers Mutual Bank Limited มีสมาชิกรวมกันเกือบ 220,000 ราย และมีสินทรัพย์รวมมากกว่า 11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

TMBL เป็นลูกค้าของ Boomi มาเป็นเวลา 10 ปี และเคยร่วมงานกับ Boomi เพื่อสร้างประสบการณ์ลูกค้าแบบ Omnichannelดิจิทัลที่ดียิ่งขึ้น หลังจากความสำเร็จนี้ TMBL ได้ใช้ Boomi เพื่อผสานรวมโครงสร้างพื้นฐานเดิมเข้าด้วยกัน โดยผสานรวมระบบธนาคารหลัก ระบบบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล (ERP) และระบบจากภายนอกเข้ากับสภาพแวดล้อมข้อมูลแบบเรียลไทม์ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้สมาชิกธนาคารสามารถอัปเดตข้อมูลของตนผ่านช่องทางออนไลน์ สาขา และศูนย์บริการลูกค้าได้ภายในเวลาไม่ถึง 60 วินาที ซึ่งก่อนหน้านี้อาจใช้เวลานานถึงสามวันทำการและต้องดำเนินการด้วยตนเอง

“เรารู้ดีว่าการปรับปรุงระบบของเราให้ทันสมัยไม่ใช่แค่การอัปเกรดเทคโนโลยีเท่านั้น แต่มันคือการทำให้สมาชิกของเราใช้บริการธนาคารได้ง่ายขึ้นในทุกๆ วัน” Anureet Bal หัวหน้าฝ่ายแอปพลิเคชันองค์กรของ Teachers Mutual Bank Limited กล่าว “ไม่ว่าใครจะโทรติดต่อศูนย์บริการลูกค้าหรือเข้าสู่ระบบธนาคารออนไลน์ รายละเอียดของพวกเขาก็อัปเดตได้ภายในไม่กี่วินาที ไม่ใช่แค่ไม่กี่วัน การตอบสนองที่รวดเร็วแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ก่อนที่การผสานรวมแบบเรียลไทม์และการประสานข้อมูลจะกลายเป็นบรรทัดฐานของเรา”

ในขั้นตอนการเปิดตัว TMBL ได้นำบริการ API ของ Boomi มาใช้เพื่อสร้างแหล่งข้อมูลเดียวที่เชื่อถือได้สำหรับข้อมูลของลูกค้า ในขณะที่การจัดการ API ของ Boomiจะช่วยให้สามารถบูรณาการระหว่างระบบธนาคารและช่องทางดิจิทัลได้อย่างปลอดภัยและปรับขนาดได้

Boomi ช่วยให้ชุดเครื่องมือ RPA ของธนาคารสามารถทำงานอัตโนมัติในกระบวนการรู้จักลูกค้า (KYC) (การยืนยันตัวตน) การตรวจจับการฉ้อโกง และการจัดการข้อยกเว้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงด้านการปฏิบัติตามข้อกำหนด และทำให้พนักงานมีเวลาไปเน้นที่งานที่มีมูลค่าสูงกว่าได้

“แรงกดดันด้านกฎระเบียบกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่เราไม่อยากถือว่าการปฏิบัติตามกฎระเบียบเป็นเพียงแค่หนึ่งสิ่งที่ต้องทำ” Bal กล่าวเสริม “การฝังระบบยืนยันตัวตนและการตรวจสอบการฉ้อโกงเข้าไปในระบบแบบเรียลไทม์ที่ขับเคลื่อนด้วยเหตุการณ์ต่างๆ ไม่เพียงแต่ช่วยให้เราตอบสนองได้เร็วขึ้นเท่านั้น แต่เรายังสร้างรากฐานดิจิทัลที่สามารถพัฒนาไปพร้อมกับความต้องการของสมาชิกและอนาคตของบริการทางการเงินอีกด้วย”

ในอนาคต TMBL วางแผนที่จะพัฒนาสถาปัตยกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย Boomi เพื่อรองรับขั้นตอนการปฏิรูป AML ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งจะเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของสมาชิกให้ดียิ่งขึ้น

“มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจกับผลกระทบทางดิจิทัล” David Irecki ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Boomi กล่าว “การผนวกการปฏิบัติตามกฎระเบียบเข้ากับกระบวนการบริการลูกค้า และมอบเครื่องมือให้พนักงานตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้ Teachers Mutual Bank Limited ได้สร้างรากฐานที่เป็นเชิงรุก ไม่ใช่เชิงรับ นั่นคือสิ่งที่ธนาคารยุคใหม่ควรจะเป็น”

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้องค์กรทั่วโลกเชื่อมต่อทุกสิ่ง จัดการกระบวนการอัตโนมัติ และเร่งผลลัพธ์ โดยแพลตฟอร์ม Boomi Enterprise ซึ่งรวมถึง Boomi Agentstudio จะผสานการบูรณาการและระบบอัตโนมัติเข้ากับการจัดการข้อมูล API และ AI Agent ไว้ในโซลูชันเดียวที่ครอบคลุม โดยทาง Boomi ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 25,000 ราย และได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายพันธมิตรกว่า 800 ราย ซึ่งกำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงแบบ Agentic ที่จะช่วยให้องค์กรทุกขนาดมีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และมีนวัตกรรมในระดับที่กว้างกว่าเดิม ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© 2025 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ ‘Boomi’, โลโก้ ‘B’ และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Boomi, LP หรือบริษัทสาขาหรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251113137300/en

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายสัมพันธ์อินฟลูเอนเซอร์, APJ
jasmine.ee@boomi.com

ที่มา: Boomi

Boomi ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัล APAC Customer Innovation Award ประจำปี 2025

Logo

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2025

Boomi ผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัล Asia Pacific (APAC) Customer Innovation Award ประจำปี 2025ในวันนี้ที่งาน Boomi World Tour ประจำปี 2025 ที่ซิดนีย์

ผู้ชนะในปีนี้ได้รับการคัดเลือกจากโซลูชันนวัตกรรมล้ำสมัยที่ใช้แพลตฟอร์ม Boomi Enterprise https://cts.businesswire.com/ct/CT?id=smartlink&url=https%3A%2F%2Fboomi.com%2Fplatform%2F&esheet=54356640&newsitemid=54356640004&lan=en-US&anchor=and&index=5&md5=bcc36136f5df4a40acb75facb67fe7d1และมีประสิทธิภาพที่โดดเด่นตามเกณฑ์ต่อไปนี้: การแสดงให้เห็นถึงผลกระทบต่อธุรกิจผ่านผลลัพธ์ที่วัดผลได้และมีความโดดเด่น การเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ โครงการนวัตกรรม ผลกระทบต่อสังคม การปรับปรุงให้ทันสมัย ​​ความเป็นเลิศด้านการบูรณาการ และความเป็นเลิศด้านระบบอัตโนมัติ

ผู้ชนะรางวัล Boomi 2025 APAC Customer Innovation Award ได้แก่:

  • Australian Motoring Services Pty Ltd – รางวัลลูกค้าแห่งปีประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ANZ) — Australian Motoring Services ใช้ Boomi Integration และ Boomi API Management เพื่อพลิกโฉมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนระดับองค์กร ด้วยการเชื่อมต่อระบบมากกว่า 11 ระบบอย่างราบรื่น ภายในเวลาเพียงสามเดือน โครงการบูรณาการนี้สามารถขจัดขั้นตอนการทำงานด้วยตนเอง และลดเวลาในการรับสายและเวลาในจัดส่งคนออกไปได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ การดำเนินงานส่วนใหญ่ถูกย้ายไปยัง CRM ของลูกค้า เพื่อสร้างข้อมูลที่สะอาดและซิงค์กันสำหรับการตรวจสอบและการรายงานต่างๆ การเปลี่ยนแปลงนี้ยังสร้างรากฐานที่พร้อมสำหรับ AI ในการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์และการสนับสนุนลูกค้าที่ขับเคลื่อนด้วย AI เชิงสร้างสรรค์
  • Mizuho Bank, Ltd – รางวัลลูกค้าแห่งปีประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (เอเชีย) — Mizuho Bank ได้พลิกโฉมระบบการชำระเงินของลูกค้าทั่วเอเชียด้วยแพลตฟอร์มการชำระเงินที่พร้อมสำหรับอนาคตและเป็นไปตามมาตรฐาน ISO 20022 ที่สร้างขึ้นบน Boomi Integration, Flow และ Managed Cloud Services หลังจากการติดตั้งใช้งานอย่างรวดเร็ว ธนาคารได้เปิดตัวพอร์ทัลออนไลน์ที่ใช้งานง่าย ที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบและแปลงไฟล์การชำระเงินโดยอัตโนมัติ ปกป้องลูกค้าจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบที่ซับซ้อน พร้อมปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน โซลูชันนี้เข้ามาแทนที่ตัวแปลงไฟล์แบบเดิม ช่วยเร่งกระบวนการเริ่มต้นใช้งานของลูกค้าใหม่ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถานะของ Mizuho ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมธนาคารดิจิทัลทั่วภูมิภาค
  • Greencross Pet Wellness Company – รางวัลนวัตกรรม — Greencross Pet Wellness Company (GPWC) บริษัทดูแลสัตว์เลี้ยงรายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย เปิดตัวโปรไฟล์สัตว์เลี้ยงดิจิทัลที่ขับเคลื่อนโดย Boomi โซลูชันนี้จะรวบรวมข้อมูลสัตว์เลี้ยงแบบรวมศูนย์ผ่านแอปพลิเคชัน Petbarn ช่วยปลดล็อกประสบการณ์ลูกค้าที่ตรงใจ รวมถึงคำแนะนำด้านสุขภาพที่ตรงเป้าหมาย การผสานรวมกับแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ GPWC นั้นจะช่วยกระตุ้นการมีส่วนร่วมที่แข็งแกร่งขึ้น รวมถึงความภักดีในระยะเริ่มต้นผ่าน Puppy & Kitten Club และช่องทางรายได้ใหม่ๆ ในธุรกิจค้าปลีกและบริการสัตวแพทย์
  • Teachers Mutual Bank Limited – รางวัลความพร้อมด้าน AI ในอนาคต — Teachers Mutual Bank Limited ได้ปรับปรุงบริการสมาชิกที่สำคัญให้ทันสมัยด้วย Boomi Integration และ Boomi API Management โดยธนาคารได้เปลี่ยนกระบวนการรู้จักลูกค้า (KYC) ด้วยตนเองให้กลายเป็นประสบการณ์แบบ Omnichannel ที่ราบรื่น การอัปเดตที่ครั้งหนึ่งเคยใช้เวลาหลายวัน ตอนนี้เสร็จสิ้นภายในเวลาไม่ถึง 60 วินาที โครงการริเริ่มนี้จะช่วยเพิ่มความแม่นยำของข้อมูล ลดขั้นตอนการดำเนินการด้วยตนเอง ช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า และลดต้นทุนการดำเนินงานรายปี

“รางวัล APAC ประจำปี 2025 นั้นจะมอบให้แก่องค์กรที่มุ่งมั่นพัฒนาผลลัพธ์ทางธุรกิจที่หลากหลาย ตั้งแต่ข้อมูลเชิงลึกและการตัดสินใจที่เฉียบคมขึ้น การมีส่วนร่วมและการเชื่อมโยงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ลึกซึ้งขึ้น และผลผลิตที่วัดผลได้สูงขึ้น” David Irecki ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Boomi กล่าว “ความสำเร็จของพวกเขาเป็นแรงบันดาลใจให้เรา และเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมกับความสำเร็จของพวกเขา และได้ร่วมเฉลิมฉลองโครงการนวัตกรรมที่ได้รับการยอมรับในปีนี้”

“ด้วยแพลตฟอร์ม Boomi Enterprise ลูกค้าของจะเชื่อมต่อการลงทุนดิจิทัลและได้รับข้อมูลเชิงลึกที่คมชัดยิ่งขึ้นเกี่ยวกับข้อมูลของพวกเขา ผลลัพธ์ที่ได้คือ ผลกระทบเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมด้วยประสิทธิภาพที่วัดผลได้ ประสบการณ์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงผลประโยชน์ต่างๆ สำหรับตนเองและชุมชน” Irecki กล่าว

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้องค์กรทั่วโลกเชื่อมต่อทุกสิ่ง จัดการกระบวนการอัตโนมัติ และเร่งผลลัพธ์ โดยแพลตฟอร์ม Boomi Enterprise ซึ่งรวมถึง Boomi Agentstudio จะผสานการบูรณาการและระบบอัตโนมัติเข้ากับการจัดการข้อมูล API และ AI Agent ไว้ในโซลูชันเดียวที่ครอบคลุม โดยทาง Boomi ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 25,000 ราย และได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายพันธมิตรกว่า 800 ราย ซึ่งกำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงแบบ Agentic ที่จะช่วยให้องค์กรทุกขนาดมีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และมีนวัตกรรมในระดับที่กว้างกว่าเดิม ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© 2025 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ ‘Boomi’, โลโก้ ‘B’ และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Boomi, LP หรือบริษัทสาขาหรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251113020595/en

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายสัมพันธ์อินฟลูเอนเซอร์, APJ
jasmine.ee@boomi.com

ที่มา: Boomi

Greencross Pet Wellness Company ได้ยกระดับการปรับแต่งตามความต้องการส่วนบุคคลและประสิทธิภาพด้านไอทีด้วย Boomi

Logo

องค์กรด้านสุขภาพสัตว์เลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลียได้ปรับปรุงกระบวนการส่งมอบทางไอที เร่งการสร้างโปรไฟล์สัตว์เลี้ยงดิจิทัล และลดภาระงานในการบูรณาการระหว่างทีมต่างๆ

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2025

Boomi ผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ประกาศในวันนี้ว่า Greencross Pet Wellness Company (GPWC) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Petbarn กำลังใช้แพลตฟอร์ม Boomi Enterpriseเพื่อรองรับแพลตฟอร์มโปรไฟล์สัตว์เลี้ยงดิจิทัล ปรับปรุงการปรับแต่งตามความต้องการของลูกค้า และปรับปรุงประสิทธิภาพการปฏิบัติงานในธุรกิจค้าปลีก อีคอมเมิร์ซ สัตวแพทย์ และบริการไอที

ด้วยพนักงานมากกว่า 6,000 คน และระบบนิเวศที่ครอบคลุมร้าน Petbarn กว่า 250 สาขา คลินิก Greencross Vets กว่า 140 แห่ง ศูนย์เฉพาะทางและศูนย์ฉุกเฉิน 24 แห่ง ร้านกรูมมิ่ง 132 แห่ง โรงเรียนฝึกสุนัข 114 แห่ง สถานฌาปนสถาน 4 แห่ง ศูนย์อาบน้ำสุนัขแบบ DIY 166 แห่ง ศูนย์อาบน้ำสุนัขเคลื่อนที่ 20 แห่ง และศูนย์พยาธิวิทยาเฉพาะทาง Vepalabs ซึ่งให้บริการคลินิกสัตวแพทย์ทั่วประเทศ โดย GPWC เป็นบริษัทดูแลสัตว์เลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย องค์กรต้องการแพลตฟอร์มบูรณาการเชิงกลยุทธ์เพื่อแทนที่การเชื่อมต่อแบบจุดต่อจุดมากกว่า 150 จุด และให้การมองเห็นแบบเรียลไทม์ว่าระบบต่างๆ ทำงานร่วมกันอย่างไร

“การมีจุดมองเห็นเพียงจุดเดียวได้เปลี่ยนแปลงวิธีการจัดการในการบูรณาการระบบของเราไปอย่างสิ้นเชิง” Jamie Sparrow ผู้จัดการฝ่ายระบบธุรกิจของ GPWC กล่าว “สิ่งที่เคยเป็นกระบวนการที่ใช้เวลานานและกระจัดกระจาย ตอนนี้ได้รวมศูนย์และเชื่อถือได้ ทำให้ทีมของเรามีเวลามากขึ้นในการมุ่งเน้นไปที่งานที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม”

หนึ่งในโครงการที่โดดเด่นที่ Boomi ขับเคลื่อนคือแพลตฟอร์มโปรไฟล์สัตว์เลี้ยงดิจิทัลของ GPWC ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างโปรไฟล์ส่วนตัวสำหรับสัตว์เลี้ยงของตนได้บนแอปพลิเคชันและเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของ Petbarn โดยแพลตฟอร์มแบบบูรณาการนี้ช่วยให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงได้รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการรักษาอย่างทันท่วงที ดูคำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ปรับแต่งให้เหมาะกับสัตว์เลี้ยง และเข้าถึงบริการที่เกี่ยวข้องตามความต้องการของสัตว์เลี้ยงได้

“การปรับแต่งประสบการณ์ของลูกค้าให้ตรงกับความต้องการนั้นเริ่มต้นจากการวางรากฐานที่ถูกต้อง” Sparrow กล่าว “การมีโปรไฟล์สัตว์เลี้ยงแบบบูรณาการช่วยให้เราสามารถมอบบริการที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นในทุกจุดสัมผัส ตั้งแต่คำแนะนำที่ปรับแต่งให้เหมาะกับลูกค้าไปจนถึงการแจ้งเตือนด้านสุขภาพที่ทันท่วงที”

นอกจากนี้ Boomi ยังช่วยให้ GPWC สามารถสร้างมาตรฐานแนวทางการบูรณาการระหว่างทีมต่างๆ ได้ด้วยพิมพ์เขียวของนักพัฒนาที่ส่งเสริมการนำกลับมาใช้ใหม่ การตรวจสอบ และความสม่ำเสมอในการส่งมอบ

“การลงทุนของเราในรูปแบบการบูรณาการที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ช่วยเร่งการส่งมอบอย่างมาก เราจึงสามารถเปิดตัวความสามารถใหม่ๆ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซ้ำซ้อนน้อยลง และมั่นใจมากขึ้นว่าความสามารถเหล่านี้จะสามารถขยายขนาดได้” Sparrow กล่าว

ปัจจุบัน Boomi รองรับการบูรณาการข้อมูลและการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจในระบบคลังสินค้า, แพลตฟอร์ม HR, การจัดเก็บสินค้า และบริการดิจิทัลของ GPWC โดยมีแอปพลิเคชัน 15 ตัวที่บูรณาการผ่านแพลตฟอร์ม Boomi Enterprise

ในอนาคต GPWC วางแผนที่จะขยายการใช้งาน Boomi เพื่อสนับสนุนภารกิจเชิงกลยุทธ์ใหม่ๆ รวมถึงการซิงโครไนซ์ข้อมูลหลักข้ามแพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัว MDM ที่กว้างขึ้น การประสานไฟล์และการตรวจสอบแบบมีโครงสร้างเพื่อลดการกำกับดูแลด้วยตนเอง การวางแผนการกู้คืนหลังเกิดเหตุการณ์รุนแรงเพื่อให้มั่นใจถึงความยืดหยุ่นของแพลตฟอร์ม และการตรวจสอบทั่วทั้งระบบเพื่อตรวจสอบการเคลื่อนย้ายและความสมบูรณ์ของข้อมูล

“Greencross Pet Wellness Company ได้พิสูจน์แล้วว่าประสบการณ์ของลูกค้าจะแข็งแกร่งเพียงใดขึ้นอยู่กับระบบที่อยู่เบื้องหลัง” David Irecki ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Boomi กล่าว “ตั้งแต่การปรับแต่งสัตว์เลี้ยงให้ตรงกับความต้องการไปจนถึงความยืดหยุ่นของแพลตฟอร์ม Boomi ภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับ GPWC เพื่อมอบประสบการณ์ที่ชาญฉลาดและเชื่อมต่อกันมากขึ้นทั่วทั้งระบบนิเวศการดูแลสัตว์เลี้ยง”

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้องค์กรทั่วโลกเชื่อมต่อทุกสิ่ง จัดการกระบวนการอัตโนมัติ และเร่งผลลัพธ์ โดยแพลตฟอร์ม Boomi Enterprise ซึ่งรวมถึง Boomi Agentstudio จะผสานการบูรณาการและระบบอัตโนมัติเข้ากับการจัดการข้อมูล API และ AI Agent ไว้ในโซลูชันเดียวที่ครอบคลุม โดยทาง Boomi ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 25,000 ราย และได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายพันธมิตรกว่า 800 ราย ซึ่งกำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงแบบ Agentic ที่จะช่วยให้องค์กรทุกขนาดมีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และมีนวัตกรรมในระดับที่กว้างกว่าเดิม ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© 2025 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ ‘Boomi’, โลโก้ ‘B’ และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Boomi, LP หรือบริษัทสาขาหรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251113869004/en 

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายสัมพันธ์อินฟลูเอนเซอร์, APJ
jasmine.ee@boomi.com

ที่มา: Boomi

Australian Motoring Services ลดเวลาในการรับสายและเวลาการตอบสนองในการส่งคนออกไปถึง 50% ด้วย Boomi

Logo

ผู้ให้บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนรายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียวางรากฐานสำหรับการสนับสนุนลูกค้าที่ขับเคลื่อนด้วย AI และการบูรณาการระบบที่ราบรื่น

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2025

Boomiผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ประกาศเมื่อวันนี้ว่า Australian Motoring Services (AMS) ได้ปรับปรุงระบบอัตโนมัติและการบูรณาการโดยใช้แพลตฟอร์ม Boomi Enterpriseให้ดีขึ้นอย่างมาก โดยเน้นย้ำด้วยการลดเวลาในการรับสายและเวลาการตอบสนองในการส่งคนออกไปลง 50 เปอร์เซ็นต์

AMS เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการความช่วยเหลือฉุกเฉินข้างทางชั้นนำของประเทศ ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมกันโดยสโมสรยานยนต์หลักของออสเตรเลีย ได้แก่ RACV, NRMA, RACQ, RAC, RAA และ RACT

ในปี 2025 AMS ได้ลงนามข้อตกลงในการบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนครั้งใหญ่กับผู้ผลิตรถยนต์หรูระดับโลก โดยกำหนดให้ AMS ต้องทำงานภายในระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ของลูกค้าอย่างสมบูรณ์ แต่ยังคงใช้ระบบของตนเองสำหรับการตรวจสอบบัญชี การรายงาน การออกใบแจ้งหนี้ และการจัดการซัพพลายเออร์ ปัญหานี้ทำให้เกิดความท้าทายในการบูรณาการอย่างมาก ทำให้การอัปเดตเหตุการณ์แบบเรียลไทม์ทำได้ยาก และบังคับให้ต้องดำเนินการตามคำขอด้านการจัดส่งคนออกไปด้วยตนเอง ซึ่งทำให้เกิดความล่าช้าและข้อผิดพลาด

AMS ประสบความสำเร็จในการผสานรวมระบบ CRM เข้ากับแพลตฟอร์มของลูกค้าและซัพพลายเออร์ ทำให้ไม่จำเป็นต้องป้อนข้อมูลระหว่างระบบด้วยตนเอง แนวทางที่คล่องตัวนี้ช่วยลดเวลาในการรับสายและการตอบสนองของฝ่ายจัดส่งคนได้มากถึง 50 เปอร์เซ็นต์เมื่อดำเนินการผ่านระบบดิจิทัล โดยประหยัดเวลาได้ประมาณ 4-6 นาทีต่อการโทรแต่ละครั้ง และเพิ่มความพึงพอใจให้กับทั้งลูกค้าและพนักงานได้เป็นอย่างมาก

แพลตฟอร์ม Boomi Enterprise ได้สร้างกระแสข้อมูลที่รวดเร็วเป็นพิเศษระหว่างระบบที่แยกจากกัน 11 ระบบ และได้สร้างการบูรณาการแบบสองทางแบบเรียลไทม์ระหว่าง AMS และ CRM ของผู้ผลิตรถยนต์หรู การบูรณาการครอบคลุมตั้งแต่ Salesforce ไปจนถึงระบบจัดส่ง การจัดการเหตุการณ์ และระบบชำระเงินดิจิทัล นอกจากนี้ Boomi ยังช่วยให้บริษัทสร้างส่วนประกอบที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งสามารถปรับขนาดให้เหมาะสมกับประเภทเหตุการณ์และเวิร์กโฟลว์นโยบายที่หลากหลายได้

“การปรับใช้นี้ไม่ได้มุ่งเน้นแค่ประสิทธิภาพ ความเร็ว และฟีดที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้เราได้เปรียบในการแข่งขันเป็นอย่างมากในการทำงานร่วมกับระบบที่ครั้งหนึ่งเคยแตกต่างกันระหว่างเราและลูกค้า” Sid Shekar ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศของ Australian Motoring Services กล่าว “ตอนนี้เราสามารถขยายสถาปัตยกรรมที่ Boomi สร้างขึ้นสำหรับโครงการนี้ไปยังบริการสำคัญอื่นๆ ได้แล้ว”

นอกเหนือจากความต้องการเร่งด่วนตามสัญญาผู้ผลิตรถยนต์หรูแล้ว แพลตฟอร์ม Boomi Enterprise ยังได้สร้างระบบข้อมูลที่มีประสิทธิภาพที่สามารถซิงโครไนซ์ข้อมูลเหตุการณ์และนโยบายระหว่างระบบแบบเรียลไทม์ได้ แพลตฟอร์มนี้จะส่งมอบข้อมูลที่สอดคล้องและเชื่อถือได้ให้กับ AMS สำหรับการวิเคราะห์และกรณีการใช้งาน AI ในอนาคต เช่น การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์, AI เชิงสนทนา และการสนับสนุนลูกค้าที่ขับเคลื่อนด้วย GenAI

“การทำงานร่วมกับ Boomi ทำให้เรามีข้อมูลที่สะอาดและเชื่อมต่อกันทั่วทั้งองค์กร โดยนับเป็นก้าวสำคัญสู่ประสบการณ์การขับขี่ริมถนนที่ชาญฉลาดและเป็นส่วนตัวมากขึ้นสำหรับผู้ขับขี่ทั่วประเทศ” Sid Shekar กล่าวเสริม

David Irecki ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Boomi กล่าวว่า ความร่วมมือกับ AMS แสดงให้เห็นว่าโครงการบูรณาการและการทำงานอัตโนมัติสามารถขยายขนาดและสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว

“เมื่อดำเนินการอย่างถูกต้องและด้วยแนวคิดทางวิศวกรรม บริษัทต่างๆ จะสามารถมองเห็นคุณค่าที่ได้จากการบูรณาการและการนำระบบอัตโนมัติมาใช้ได้แทบจะในทันที และขยายคุณค่านั้นไปทั่วทั้งธุรกิจ” Irecki กล่าว “ปัจจุบัน AMS มีรากฐานที่มั่นคงเพื่อปลดล็อกคุณค่ามหาศาลจากการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์และ AI เชิงสร้างสรรค์”

 แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้องค์กรทั่วโลกเชื่อมต่อทุกสิ่ง จัดการกระบวนการอัตโนมัติ และเร่งผลลัพธ์ โดยแพลตฟอร์ม Boomi Enterprise ซึ่งรวมถึง Boomi Agentstudio จะผสานการบูรณาการและระบบอัตโนมัติเข้ากับการจัดการข้อมูล API และ AI Agent ไว้ในโซลูชันเดียวที่ครอบคลุม โดยทาง Boomi ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 25,000 ราย และได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายพันธมิตรกว่า 800 ราย ซึ่งกำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงแบบ Agentic ที่จะช่วยให้องค์กรทุกขนาดมีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และมีนวัตกรรมในระดับที่กว้างกว่าเดิม ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© 2025 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ ‘Boomi’, โลโก้ ‘B’ และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Boomi, LP หรือบริษัทสาขาหรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251113184609/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายสัมพันธ์อินฟลูเอนเซอร์, APJ
jasmine.ee@boomi.com

ที่มา: Boomi