Category Archives: Biomedical

Smiths Medical ออกแจ้งเตือนทั่วโลกเกี่ยวกับการเรียกคืน Jelco® Hypodermic Needle-Pro® Fixed Needle Insulin Syringe ที่มีเครื่องหมายกระบอกตวงที่เอียงไป

Logo

มินนีแอโพลิส–(BUSINESS WIRE)–17 มิถุนายน 2564

Smiths Medical ได้ตระหนักถึงรุ่นและรหัสที่เฉพาะเจาะจงและ Jelco® Hypodermic Needle-Pro® Fixed Needle Insulin Syringes ที่อาจแสดงเครื่องหมายกระบอกตวงตรงเส้นเลขคี่ที่เอียงบนกระบอกฉีดยา มีการระบุเครื่องหมายที่เอียงประมาณ 20 องศาขึ้นไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210616005888/en/

Jelco® Hypodermic Needle-Pro® Fixed Needle Insulin Syringes skewed graduation marking on the syringe barrel. (Photo: Business Wire)

Jelco® Hypodermic Needle-Pro® Fixed Needle Insulin Syringe ที่มีเครื่องหมายกระบอกตวงที่เอียงไปบนกระบอกฉีดยา (ภาพ: Business Wire)

รุ่นและรหัสกำกับสินค้าที่ได้รับผลกระทบ:

เลขหมายของรุ่น

ชื่อสินค้า

รหัสกำกับสินค้า

4428-1

Jelco® Hypodermic Needle-Pro® Fixed Needle Insulin Syringe 28Gx1/2” 1CC

4046543 and 4062235

4429-1

Jelco® Hypodermic Needle-Pro® Fixed Needle Insulin Syringe 29Gx1/2” 1CC

4014096, 4031846, 4031845, 4040734, 4043536, 4046545, 4046546, 4062239, 4062240, 4062238 and 4062242

โปรดอ้างอิงเอกสารแนบสำหรับภาพประกอบของการทำเครื่องหมายกระบอกตวงที่เอียงบนกระบอกฉีดยา

จากปัญหานี้ มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับอินซูลินในปริมาณที่ไม่เหมาะสม โดยอาจส่งผลให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (อาจนำไปสู่ภาวะเลือดเป็นกรด) หรือภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (อาจนำไปสู่อาการชัก) และอาจส่งผลให้เกิดอันตรายร้ายแรงหรือถึงแก่ชีวิตได้

Smiths Medical ยังไม่ได้รับรายงานการเสียชีวิตหรือการบาดเจ็บสาหัสที่เกี่ยวข้องกับปัญหานี้

Smiths Medical ได้ออกใบแจ้งการเรียกคืนและแบบฟอร์มตอบกลับไปยังผู้รับของรุ่นและรหัสกำกับสินค้าที่ได้รับผลกระทบ เพื่อแนะนำให้พวกเขาต้องกักกันและส่งคืนผลิตภัณฑ์

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม:

การดำเนินการนี้ได้รับการกำหนดให้เป็นการเรียกคืนประเภท 1 โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA)

สภาพแวดล้อมการดูแลสุขภาพที่บ้าน

รหัสกำกับสินค้าสามารถหาดูได้ที่บรรจุภัณฑ์ของกระบอกฉีดยา ห้ามใช้กระบอกฉีดยาที่มีรหัสกำกับสินค้าที่ได้รับผลกระทบ ผู้ป่วยหรือผู้ดูแลควรติดต่อร้านขายยา ผู้ให้บริการดูแลสุขภาพที่บ้าน หรือสถานพยาบาลที่จัดหากระบอกฉีดยาเพื่อจัดเตรียมการส่งคืนและเปลี่ยนเข็มฉีดยา

ข้อมูลติดต่อของ Smith Medical

ผู้บริโภคที่มีคำถามเกี่ยวกับการเรียกคืนนี้สามารถติดต่อ Smiths Medical ทางโทรศัพท์ได้ที่ 1-(800)-258-5361

ผู้บริโภคสามารถติดต่อ Smiths Medical ทางออนไลน์ได้ที่ https://smiths-medical.custhelp.com

คำถามเฉพาะเกี่ยวกับการเรียกคืนสินค้าโปรดส่งไปที่ fieldactions@smiths-medical.com

การรายงาน FDA MedWatch

สามารถรายงานอาการไม่พึงประสงค์หรือปัญหาด้านคุณภาพที่เกิดขึ้นจากการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไปยังโปรแกรม MedWatch ของ FDA โดยช่องทางต่อไปนี้:

  • เว็บไซต์ MedWatch ที่ www.fda.gov/medwatch
  • โทร: 1-800-FDA-1033
  • แฟกซ์: 1-800-FDA-0178
  • ส่งจดหมาย: MedWatch, HF-2, FDA, 5600 Fishers Lane, Rockville, MD 20852

เกี่ยวกับ Smiths Medical

ผู้จัดจำหน่ายชั้นนำด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์เฉพาะทางสำหรับตลาดทั่วโลก โดยมุ่งเน้นที่การส่งมอบยา การดูแลที่สำคัญและกลุ่มตลาดอุปกรณ์ความปลอดภัย สำหรบข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมได้ที่ www.smiths-medical.com

เกี่ยวกับ Smiths Group

บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่เปิดดำเนินการมาเกือบ 170 ปี โดยนำส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับเทคโนโลยีทางการแพทย์ การรักษาความปลอดภัยและการป้องกันอุตสาหกรรมทั่วไป พลังงานและอวกาศ และตลาดการบินและอวกาศเชิงพาณิชย์ทั่วโลก Smiths Group plc มีพนักงาน 23,000 คนในกว่า 50 ประเทศและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมได้โปรดเยี่ยมชมได้ที่ www.smiths.com

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210616005888/en/

ติดต่อ:

Doug Shook
619-886-0504
douglas.shook@smiths-medical.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Celltrion ประกาศผลลัพธ์ที่เป็นเชิงบวกจากการทดลองระยะที่ 3 ของ regdanvimab (CT-P59) ทั่วโลก ซึ่งเป็นการรักษาด้วยแอนติบอดีชนิดโมโนโคลนต้าน COVID-19

Logo

  • Regdanvimab (CT-P59) (40 มก./กก.) บรรลุผลลัพธ์ที่มีนัยสำคัญทางสถิติและมีความหมายทางคลินิกในจุดยุติหลักสี่จุด รวมถึงจุดยุติหลักและจุดยุติทุติยภูมิที่สำคัญสามจุด บริษัทคาดว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลระยะที่ 3 เต็มรูปแบบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
  • Regdanvimab (CT-P59) ลดความเสี่ยงที่มีนัยสำคัญของ COVID-19 ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาในโรงพยาบาล หรือการเสียชีวิตได้ 72% สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการรุนแรงของ COVID-19 และ 70% สำหรับผู้ป่วยทุกราย
  • ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วย regdanvimab (CT-P59) รายงานว่าลดระยะเวลาอย่างมีนัยสำคัญในการฟื้นตัวทางคลินิกโดยอย่างน้อยเร็วขึ้น 4.7 วัน สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการรุนแรงของ COVID-19 และโดยเร็วขึ้น 4.9 วัน เมื่อเทียบกับยาหลอกสำหรับผู้ป่วยทุกราย
  • ตามบทความที่ตีพิมพ์เมื่อเร็ว ๆ นี้จาก Biochemical and Biophysical Research Communications ฤทธิ์ต้านไวรัสที่เพียงพอในสายพันธุ์ B.1.351 (ปัจจุบันจัดประเภทโดย WHO โดยเรียกว่า บีตา) – สัตว์ที่ติดเชื้อได้รับการยืนยันด้วยปริมาณยาทางคลินิกของ regdanvimab (CT-P59) 1

อินชอน เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–14 มิถุนายน 2564

Celltrion Group ประกาศในวันนี้ว่าข้อมูลประสิทธิภาพและความปลอดภัยระดับบนสุดจากการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ทั่วโลก แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยแอนติบอดีชนิดโมโนโคลนต้าน COVID-19 ซึ่ง regdanvimab (CT-P59) มีคุณสมบัติตรงตามจุดยุติหลักและจุดทุติยภูมิทั้งหมดในผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลางของ COVID-19 (n=1,315) ผลการศึกษาพบว่า CT-P59 ลดความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญของการรักษาในโรงพยาบาลหรือการเสียชีวิตโดย 72% สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการรุนแรงของ COVID-19 จนถึงวันที่ 28 เมื่อเทียบกับยาหลอก เป็นไปตามจุดยุติประสิทธิภาพหลัก [3.1 เทียบกับ 11.1 %, ค่า p-value< 0.0001] CT-P59 ยังลดความเสี่ยงของการรักษาในโรงพยาบาลหรือการเสียชีวิตได้ 70% ในผู้ป่วยทุกราย โดยเป็นไปตามจุดยุติทุติยภูมิที่สำคัญลำดับแรก (2.4 vs. 8.0 %, p-value< 0.0001]

การทดลองยังพบจุดยุติทุติยภูมิที่สำคัญอื่นๆ รวมถึงการลดลงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องในระยะเวลาของอาการ ผู้ป่วยที่ได้รับ CT-P59 (40mg/kg) ฟื้นตัวเร็วกว่ากลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอกอย่างน้อย 4.7 วัน (ค่ามัธยฐาน 9.3 เทียบกับค่าขั้นต่ำ 14 วัน ค่า p-value < 0.0001) สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการรุนแรงของ COVID-19 สำหรับผู้ป่วยทุกรายที่ได้รับ CT-P59 (40mg/kg) ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วกว่าผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอก 4.9 วัน (มัธยฐาน 8.4 เทียบกับ 13.3 วัน ค่า p < 0.0001)

ผลลัพธ์อันดับต้นๆ ยังแสดงให้เห็นว่า CT-P59 มีความปลอดภัยในเชิงบวก โดยไม่มีความแตกต่างที่มีความหมายทางคลินิกระหว่างผู้ป่วยที่ได้รับ CT-P59 (40mg/kg) กับผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอก ปฏิกิริยาที่เกี่ยวข้องกับการให้ยาไม่รุนแรงและเกิดขึ้นชั่วคราว โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะฟื้นตัวภายใน 1 ~ 3 วัน

“เรายังคงต้องรับมือจากการระบาดใหญ่ของ COVID-19 และความกังวลในรูปแบบใหม่” Dr. HoUng Kim, Ph.D.หัวหน้าแผนกการแพทย์และการตลาดของ Celltrion Healthcare กล่าว “ขณะนี้โรงพยาบาลหลายแห่งทั่วโลกไม่สามารถรับมือในการรองรับผู้ป่วยเนื่องจาก COVID-19 เราจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องใช้ทรัพยากรทุกอย่างเพื่อลดภาระในระบบการรักษาพยาบาล การทดลองที่มีการควบคุมอย่างดีนี้ให้ผลลัพธ์ที่สรุปได้ว่า CT-P59 สามารถปรับปรุงผลลัพธ์ในผู้ที่ติดเชื้อ COVID-19 ที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง และยังลดความเสี่ยงของการรักษาในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตได้อย่างมาก เราตั้งตารอที่จะทำงานร่วมกับหน่วยงานควบคุมทั่วโลกต่อไปเพื่อให้ CT-P59 พร้อมใช้งานสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการความช่วยเหลือมากขึ้น”

ผลการรักษาของ CT-P59 ต่อสายพันธุ์ B.1.351 (พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ ซึ่งปัจจุบันจัดประเภทโดย WHO โดยเรียกว่า บีตา) ได้รับการอัปเดตผ่านการตีพิมพ์จาก Biochemical and Biophysical Research Communications ตามบทความในการศึกษาในสัตว์ทดลอง (in vivo) เฟร์ริต แสดงให้เห็นว่าปริมาณการรักษาของ CT-P59 สามารถลดจำนวนของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ B.1.351 ในทางเดินหายใจส่วนบนและส่วนล่าง เมื่อเทียบได้กับปริมาณที่สังเกตได้จากไวรัสสายพันธุ์ก่อโรค1

Celltrion วางแผนที่จะเปิดเผยข้อมูลระยะที่ 3 เต็มรูปแบบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และวางแผนที่จะนำเสนอข้อมูลดังกล่าวในการประชุมแบบปากเปล่าที่การประชุมทางจุลชีววิทยาเชิงคลินิกและโรคติดเชื้อแห่งยุโรปครั้งที่ 31 (ECCMID) ซึ่งจะจัดขึ้นทางออนไลน์ระหว่างวันที่ 9-12 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

 จบ –

หมายเหตุถึงบรรณาธิการ:

เกี่ยวกับ Celltrion Healthcare

Celltrion Healthcare มุ่งมั่นที่จะนำเสนอยาที่เป็นนวัตกรรมและราคาที่จับต้องได้เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงการรักษาขั้นสูงของผู้ป่วย ผลิตภัณฑ์ของบริษัทผลิตขึ้นที่สถานเพาะเลี้ยงเซลล์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ทันสมัย ​​ออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับ US FDA cGMP และแนวทาง EU GMP โดย Celltrion Healthcare พยายามนำเสนอโซลูชั่นคุณภาพสูงที่คุ้มค่าผ่านเครือข่ายทั่วโลกที่ครอบคลุมกว่า 110 ประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณารับชมได้ที่ https://www.celltrionhealthcare.com/en-us

เกี่ยวกับ regdanvimab (CT-P59) และการทดลองทางคลินิก

CT-P59 ถูกระบุว่าเป็นการรักษาที่มีศักยภาพสำหรับ COVID-19 ผ่านการคัดกรองผู้สมัครแอนติบอดีและเลือกผู้ที่แสดงศักยภาพสูงสุดในการทำให้ไวรัส SARS-CoV-2 เป็นกลาง ซึ่งการศึกษาทางคลินิกในหลอดทดลอง (in vitro) และในสัตว์ทดลอง (in vivo) แสดงให้เห็นว่า CT-P59 จับกับ SARS-CoV-2 RBD อย่างแน่นหนา และทำให้เป็นกลางอย่างมีนัยสำคัญกับสายพันธุ์ก่อโรคและสายพันธุ์กลายพันธุ์ที่น่าเป็นห่วง รวมถึงสายพันธุ์อัลฟาในสหราชอาณาจักร (B.1.17) แบบจำลองในสัตว์ทดลอง (in vivo) CT-P59 ช่วยลดจำนวนเชื้อไวรัสของ SARS-CoV-2 และการอักเสบในปอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์จากการทดลองทางคลินิกระยะที่ 1 และ 2 ทั่วโลกของ CT-P59 แสดงให้เห็นถึงความปลอดภัย ความทนทาน ผลต้านเชื้อไวรัส และประสิทธิภาพในผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลางของ COVID-192 โดย Celltrion เพิ่งเริ่มพัฒนาค็อกเทลแอนติบอดีที่เป็นกลางกับ CT-P59 ต่อสายพันธุ์ใหม่ของ SARS-CoV-2 การวิจัยสำหรับการทดลองทางคลินิกของ Celltrion ได้รับการสนับสนุนโดยทุนป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านสุขภาพของเกาหลีจากสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสุขภาพแห่งเกาหลี (KHIDI) โดยได้รับทุนสนับสนุนจากกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ สาธารณรัฐเกาหลี (หมายเลขทุน: HQ2xC00xx)

ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

ข้อมูลบางอย่างที่ระบุไว้ในเอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยข้อความที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและผลการดำเนินงานทางการเงินของเราในอนาคต และเหตุการณ์หรือการพัฒนาในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับ Celltrion/Celltrion Healthcare ซึ่งอาจประกอบด้วยข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง

ข้อความเหล่านี้อาจระบุได้ด้วยคำต่างๆ เช่น “เตรียม”, “หวังว่า”, “ที่จะมาถึง”, “แผน”, “จุดมุ่งหมาย”, “ที่จะเปิดตัว”, “กำลังเตรียมการ, “เมื่อได้รับ”, “สามารถ” , “โดยมุ่งหมาย”, “อาจจะ”, “เมื่อระบุ”, “จะ”, “มุ่งไปทาง”, “ครบกำหนด”, “พร้อมใช้งาน”, “มีศักยภาพที่จะ”, คำเหล่านี้ในเชิงลบ หรือการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ดังกล่าว หรือคำศัพท์ที่ใช้เปรียบเทียบกันได้

นอกจากนี้ ตัวแทนของเราอาจทำแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าด้วยวาจา ข้อความดังกล่าวอิงตามความคาดหวังในปัจจุบันและสมมติฐานบางประการของฝ่ายบริหารของ Celltrion/Celltrion Healthcare ซึ่งหลายข้ออยู่เหนือการควบคุม

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตจัดทำขึ้นเพื่อให้นักลงทุนที่มีศักยภาพได้มีโอกาสที่จะเข้าใจความเชื่อและความคิดเห็นของผู้บริหารในส่วนที่เกี่ยวกับอนาคต เพื่อที่พวกเขาจะได้ใช้ความเชื่อและความคิดเห็นดังกล่าวเป็นปัจจัยหนึ่งในการประเมินการลงทุน ข้อความเหล่านี้ไม่ได้รับประกันประสิทธิภาพและไม่ควรเชื่อมั่นเกินควรในอนาคต

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตดังกล่าวมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่ทราบและไม่ทราบ ซึ่งอาจทำให้ผลการดำเนินงานและผลประกอบการที่แท้จริงในอนาคตแตกต่างไปอย่างมากจากการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคตหรือผลลัพธ์ที่แสดงหรือบอกเป็นนัยโดยข้อความที่ที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ดังกล่าว

แม้ว่าข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต การนำเสนอนี้จะขึ้นอยู่กับสิ่งที่ผู้บริหารของ Celltrion/Celltrion Healthcare เชื่อว่าเป็นสมมติฐานที่สมเหตุสมผล แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์จะพิสูจน์ได้ว่ามีความถูกต้อง เนื่องจากผลลัพธ์ที่แท้จริงและเหตุการณ์ในอนาคตอาจแตกต่างไปอย่างมากจากที่คาดการณ์ไว้ในข้อความดังกล่าวนั้น Celltrion/Celltrion Healthcare ไม่มีภาระผูกพันในการปรับปรุงข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ และถ้าหากสถานการณ์หรือการประมาณการหรือความคิดเห็นของฝ่ายบริหารควรเปลี่ยนแปลงไปยกเว้นตามที่กฎหมายหลักทรัพย์กำหนด ผู้อ่านไม่ควรเชื่อมั่นข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์เกินควร

อ้างอิง


1 Ryu DK., et al. ผลการรักษาของ CT-P59 ต่อ SARS-CoV-2 สายพันธุ์แอฟริกาใต้ Biochemical and Biophysical Research Communications, เล่มที่ 566, 2021, หน้าที่ 135-140, https://doi.org/10.1016/j.bbrc.2021.06.016. [เข้าถึงล่าสุดเดือนมิถุนายน 2021]

2 ข้อมูล Celltrion บนไฟล์

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210614005275/en/

ติดต่อ:

Holly Barber
hbarber@hanovercomms.com
+44 (0) 7759 301620

Donna Curran
dcurran@hanovercomms.com
+44 (0) 7984 550312

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Illumina และ Next Generation Genomic จับมือเพื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์ VeriSeq™ NIPT ในประเทศไทย

Logo

ผลิตภัณฑ์ CE-IVD ที่ใช้การตรวจหาลำดับ CE-IVD รุ่นใหม่ มอบการทดสอบทั้งจีโนมก่อนคลอดที่แม่นยำ เชื่อถือได้ รวดเร็วและขยายขนาดได้

เมลเบิร์น ออสเตรเลีย–(บิสิเนสไวร์)–01 มิ.ย. 2564

Illumina, Inc. ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการตรวจหาลำดับดีเอ็นเอและเทคโนโลยีข้อมูลลำดับและ Next Generation Genomic Co., Ltd. (NGG Thailand) ซึ่งเป็นผู้นำด้านบริการห้องปฏิบัติการและวิทยาศาสตร์การเจริญพันธุ์ในอาเซียนประกาศเปิดตัว VeriSeq™ NIPT Solution v2 ในประเทศไทย ซึ่งเป็นแนวทาง CE-IVD แบบตรวจหาลำดับรุ่นใหม่ (next-generation sequencing – NGS) สำหรับแนวทางการตรวจก่อนคลอดแบบไม่รุกล้ำ (NIPT)

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210531005030/en/

Illumina's VeriSeq NIPT Solution v2 (Photo: Business Wire)

VeriSeq NIPT Solution v2 ของ Illumina (รูปภาพ: บิสิเนสไวร์)

แนวทาง IVD ในห้องแล็บอัตโนมัติจะช่วยให้ NGG Thailand เปิดตัวแนวทางการตรวจก่อนคลอด Qualifi Prenatal Test และเป็นห้องปฏิบัติการแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ตรวจจับความผิดปกติที่การกำหนดเป้าหมายทั่วไปไม่สามารถตรวจพบได้และให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสุขภาพของการตั้งครรภ์มากขึ้นเมื่อเทียบกับแนวทาง NIPT มาตรฐาน   ด้วยการใช้ VeriSeq NIPT Solution v2 ของ Illumina การตรวจนี้ให้มุมมองของจีโนมทารกในครรภ์ที่ครอบคลุมเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ CE-IVD NIPT อื่นๆ ทำให้ผู้ให้บริการด้านสุขภาพสามารถสนับสนุนผู้ปกครองด้วยตัวเลือกการจัดการการตั้งครรภ์ที่มีข้อมูลครบถ้วน ทันเวลา และเป็นส่วนตัวได้ดียิ่งขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา

“ด้วยการขยาย NIPT ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพสามารถเห็นมุมมองที่ครอบคลุมของโครโมโซมทั้ง 23 คู่ในขณะที่จำกัดความเสี่ยงให้กับผู้ป่วย” รศ.นพ. บุญศรี ชาญราชกุล แพทย์สูตินรีเวชวิทยาที่เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ กรุงเทพฯ ประเทศไทย “เทคนิคนี้จะนำเสนอการตรวจคัดกรองการเปลี่ยนแปลงโครโมโซมที่แม่นยำ ละเอียดอ่อน และเฉพาะเจาะจง และให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ผู้ให้บริการด้านสุขภาพและผู้ปกครองเพื่อเพิ่มการรับรู้ในช่วงตั้งครรภ์”

แม้ว่าการตรวจคัดกรองก่อนคลอดแบบทั่วไปสามารถทำได้มานานกว่า 30 ปีแล้ว การทดสอบเหล่านี้มีข้อจำกัดในความสามารถในการตรวจคัดกรองนอกเหนือจากความผิดปกติของโครโมโซม 21, 18 และ 13  การทดสอบก่อนคลอดที่ผ่านการรับรองของ NGG Thailand ใช้ VeriSeq NIPT Solution v2 เพื่อให้ข้อมูลที่แม่นยำเกี่ยวกับสถานะโครโมโซมของทารกในครรภ์ได้เร็วที่สุดใน 10 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ โดยใช้การเจาะเลือดของมารดาเพียงครั้งเดียว การตรวจแบบไม่รุกล้ำนี้มอบแนวทางการตรวจลำดับจีโนมทั้งหมด (WGS) แก่ NIPT โดยขยายการตรวจโครโมโซม 21, 18 และ 13 ไปจนถึงความผิดปกติ (RAAs) ที่หายากทั้งหมด ความผิดปกติของโครโมโซมเพศ (SCA) รวมถึงลำดับซ้ำและลำดับที่ขาดส่วนใหญ่

Gretchen Weightman รองประธานและผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Illumina อธิบายว่าความพร้อมใช้งานของ VeriSeq NIPT Solution v2 เป็นก้าวสำคัญในการเป็นหุ้นส่วนระหว่าง Illumina และ NGG Thailand

“เทคโนโลยีที่ครอบคลุมของ Illumina ประกอบกับความเชี่ยวชาญของ NGG Thailand จะช่วยให้ผู้ให้บริการด้านสุขภาพและผู้ปกครองเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญที่สุดในวันนี้” Weightman กล่าว

CE-IVD VeriSeq NIPT Solution v2 ได้รับการจดทะเบียนเพื่อใช้ในประเทศไทย เวียดนาม สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อิสราเอล แอฟริกาใต้ และเกือบทุกประเทศในยุโรป

ความแม่นยำทางคลินิก

ความแม่นยำทางคลินิกของ CE-IVD VeriSeq NIPT Solution v2 ในส่วนที่เกี่ยวกับผลลัพธ์ที่กำหนดโดยการประเมินมาตรฐานอ้างอิงทางคลินิกเห็นได้จากการประเมินตัวอย่างพลาสมามากกว่า 2,300 ตัวอย่างจากหญิงที่ตั้งครรภ์เดี่ยวและแฝดที่ได้รับการตรวจความผิดปกติของโครโมโซมและลำดับที่ซ้ำหรือขาด 7 Mb หรือมากกว่า สำหรับทารกในครรภ์ก่อนคลอด  การทดสอบได้ให้ผลลัพธ์ที่มีความละเอียดอ่อนและเฉพาะเจาะจงสูง โดย 98.8 เปอร์เซ็นต์ได้ผ่านการทดสอบในครั้งแรก

คลิกที่นี่เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ VeriSeq NIPT Solution v2

เกี่ยวกับ NEXT GENERATION GENERATION THAILAND

Next Generation Genomic (NGG) เป็นศูนย์ที่มีความยอดเยี่ยมด้านการทดสอบพันธุกรรมการสืบพันธุ์และก่อนคลอด  ภารกิจของเราคือการให้บริการห้องปฏิบัติการคุณภาพสูงพร้อมการปรับปรุงคุณภาพและความเป็นผู้นำในการให้การศึกษาอย่างต่อเนื่อง  บริการของเราครอบคลุมทุกขั้นตอนตั้งแต่การตั้งครรภ์ไปจนถึงการทดสอบทางพันธุกรรมหลังคลอด  ด้วยประสบการณ์ที่กว้างขวางและการรับรอง ISO15189/15190 เราให้บริการที่เชื่อถือได้ รวดเร็ว และมีคุณภาพสูงเพื่อเป้าหมายมอบในการสุขภาพที่ดีแก่ทารกและครอบครัว  เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของเรา: www.nggthailand.com และเชื่อมต่อกับเราได้ทาง Facebook

เกี่ยวกับ ILLUMINA

Illumina กำลังปรับปรุงสุขภาพของมนุษย์โดยการปลดล็อกพลังของจีโนม  การมุ่งเน้นด้านนวัตกรรมทำให้เราเป็นผู้นำระดับโลกในด้านการตรวจลำดับดีเอ็นเอและเทคโนโลยีข้อมูลแบบลำดับ โดยให้บริการลูกค้าในตลาดการวิจัย คลินิก และตลาดประยุกต์  ผลิตภัณฑ์ของเราใช้สำหรับด้านวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต มะเร็งวิทยา การเจริญพันธุ์ การเกษตร และภาคส่วนอื่นๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ www.illumina.com และเชื่อมต่อกับเราได้ที่ Twitter, Facebook, LinkedIn, Instagram, และ YouTube

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210531005030/en/

สื่อ:
Samantha Beal
US: +1 858.882.6843
ilmn-pr@illumina.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ZOLL และ Global Healthcare SG ลงนามในข้อตกลงแต่เพียงผู้เดียวในการจัดจำหน่ายระบบการรักษาด้วยการกำหนดอุณหภูมิแบบพกพาในเอเชียแปซิฟิก

Logo

เชล์มสฟอร์ด แมสซาชูเซตส์–(BUSINESS WIRE)–1 มิถุนายน 2564

ZOLL® Medical Corporation ของบริษัท Asahi Kasei ผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์และโซลูชันซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง และ Global Healthcare SG ผู้พัฒนาโซลูชันการระบายความร้อนของร่างกายแบบพกพา วันนี้ประกาศข้อตกลงในการจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลง ZOLL มีสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการจัดจำหน่าย CarbonCool® Full Body Suit และ Comfort Suit ในประเทศแถบเอเชียแปซิฟิก *

จากการศึกษาในประเทศแถบเอเชียแปซิฟิกซึ่งเป็นที่ที่มีอุณหภูมิสูงถึง 50 องศาเซลเซียส (122 องศาฟาเรนไฮต์) โดยพบความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างความร้อนกับความเจ็บป่วยและการเสียชีวิตของมนุษย์ 1,2“โรคลมร้อนจากการออกกำลังกาย (EHS) แสดงให้เห็นว่าเป็นปัจจัยสำคัญของสาเหตุการเสียชีวิตอย่างกะทันหันจำนวนมากในระหว่างการฝึกซ้อมที่มีความเข้มข้นสูงในที่สาธารณะและในวงการทหาร” Christopher Barnabas รองประธานฝ่ายปฏิบัติการในโซนเอเชียแปซิฟิกของ ZOLL กล่าว 3,4 “พวกเรารู้สึกตื่นเต้นเกี่ยวกับศักยภาพของเทคโนโลยี CarbonCool ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในการป้องกันและรักษา EHS เช่นเดียวกับข้อตกลงในการจัดจำหน่ายกับ Global Healthcare SG ที่จะยกระดับภารกิจของพวกเราในการพัฒนาปรับปรุงผลลัพธ์ของการอยู่รอดในส่วนต่อไป” 5,6

CarbonCool Full Body Suit สามารถติดตั้งได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายสำหรับการรักษาโรคลมแดด โดยสามารถปรับให้เข้ากับรูปร่างและขนาดโดยส่วนใหญ่ได้ นอกจากนี้ Comfort Suit ยังเสนอวิธีการแก้ปัญหาเชิงป้องกันสำหรับสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูงที่อาจจะได้รับการบาดเจ็บจากความร้อน และสามารถใช้เป็นระบบในการระบายความร้อนส่วนบุคคลโดยนักดับเพลิง หน่วยเก็บกู้ระเบิด และบุคลากร HAZMAT

 “Global Healthcare SG ได้สร้างรากฐานใหม่ด้วยเทคโนโลยีการระบายความร้อนด้วย HypoCarbon® แบบพกพาของเรา ซึ่งมีประสิทธิภาพ สะดวก และใช้งานได้จริงในการลดระดับอุณหภูมิในอวัยะวะส่วนแกนกลางของร่างกาย โดยเปรียบเทียบกับการแช่ส่วนของร่างกายในน้ำเย็นจัด” 7 KL Cheng กรรมการผู้จัดการ Global Healthcare SG กล่าว “ข้อตกลงแต่เพียงผู้เดียวของเรากับ ZOLL ช่วยให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวางทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งประสิทธิภาพเชิงนวัตกรรมของ CarbonCool มีเป้าหมายในการปรับปรุงในการส่งมอบการดูแลในสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับความเครียดจากความร้อน”

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ CarbonCool Full Body Suit และ Comfort Suit กรุณาติดต่อตัวแทนของ ZOLL ในพื้นที่ของคุณ

เกี่ยวกับ Global Healthcare SG CarbonCool Full Body Suit

ชุด CarbonCool Full Body Suit ผลิตด้วยเสื้อผ้าชั้นนอกที่ทำจากยางสังเคราะห์นีโอพรีน และยางเทอร์โมพลาสติก โพลียูรีเทน ที่ยึดด้วยเทปเวลโคร ประกอบด้วยช่องสำหรับแผ่นทำความเย็น MPad™ ซึ่งเต็มไปด้วย HypoCarbon โดยเป็นโซลูชันกราไฟท์ที่เป็นกรรมสิทธิ์และได้รับการจดสิทธิบัตรซึ่งสามารถถ่ายเทความร้อนได้เร็วกว่าน้ำแข็ง 15 เท่า ในการทดลองที่โรงพยาบาล Singapore General Hospital ใช้เวลา 73 นาทีในการลดระดับอุณหภูมิในอวัยวะส่วนแกนกลางของร่างกายของผู้ป่วยให้เหลือด้วยการกำหนดอุณหภูมิที่ 34 องศาเซลเซียส (93.2 องศาฟาเรนไฮต์) เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ 142 นาที ในการใช้เจลเก็บความเย็นและให้น้ำเกลือเย็นเข้าทางเส้นเลือด7

ZOLL และ the Military

เป็นเวลากว่า 25 ปีที่ ZOLL เป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ในการนำเสนอเทคโนโลยีในการดูแลผู้ป่วยขั้นวิกฤตแบบเฉียบพลันแก่ทางการทหาร ผลิตภัณฑ์ ZOLL ถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางทั่วทั้งระบบการรักษาพยาบาลของทหาร เพื่อสนับสนุนนักสู้รบและการรักษาผู้บาดเจ็บภายในระบบการดูแลระหว่างทาง เทคโนโลยีการช่วยชีวิตและการดูแลผู้ป่วยขั้นวิกฤตชั้นนำของ ZOLL ถูกนำมาใช้ในทุกบทบาทของการดูแลทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานในสนามรบ ในการลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศ  และการขนส่ง ในโรงพยาบาลภาคสนาม และในกองทหารรักษาการณ์เพื่อการดูแลขั้นสุดท้าย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมได้ที่ www.zoll.com/medical-markets/military/

เกี่ยวกับ ZOLL Medical Corporation

ZOLL Medical Corporation ของบริษัท Asahi Kasei ได้พัฒนาและทำการตลาดอุปกรณ์ทางการแพทย์และโซลูชันซอฟต์แวร์ที่ช่วยยกระดับการดูแลฉุกเฉินและช่วยเหลือชีวิตคน พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพทางคลินิกและการปฏิบัติงาน ด้วยผลิตภัณฑ์สำหรับการกระตุ้นหัวใจและการตรวจสอบการเต้นของหัวใจ การเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนและการตอบกลับ CPR การบำบัดด้วยออกซิเจนไม่เกินจุดอิ่มตัว การจัดการข้อมูล การช่วยหายใจ และการจัดการอุณหภูมิในการรักษา ZOLL ยังมอบชุดเทคโนโลยีที่ครอบคลุมซึ่งช่วยแพทย์ เจ้าหน้าบริการทางแพทย์แบบฉุกเฉิน และผู้เชี่ยวชาญทางด้านอัคคีภัย รวมถึงผู้ที่ได้รับการอบรม CPR เบื้องต้น ทำให้ผลลัพธ์ของผู้ป่วยดีขึ้นในภาวะขั้นวิกฤตของระบบการทำงานของหัวใจและปอด สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมได้ที่ www.zoll.com

เกี่ยวกับ Asahi Kasei

Asahi Kasei Group มีส่วนช่วยในการดำรงชีวิตเพื่อผู้คนทั่วโลก นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2465 ด้วยธุรกิจแอมโมเนียและเส้นใยจากเซลลูโลส Asahi Kasei ได้เติบโตอย่างต่อเนื่องผ่านการเปลี่ยนแปลงในเชิงรุกของกลุ่มธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของทุกเพศทุกวัย ด้วยพนักงานมากกว่า 40,000 คนทั่วโลก บริษัทได้มีส่วนช่วยเหลือสังคมที่ยั่งยืนโดยการจัดหาโซลูชั่นเพื่อรับมือกับความท้าทายของโลกผ่านภาคธุรกิจสามกลุ่ม ได้แก่ วัสดุ บ้าน และการดูแลสุขภาพ การดำเนินงานทางด้านการดูแลสุขภาพรวมถึงอุปกรณ์และระบบสำหรับการดูแลผู้ป่วยขั้นวิกฤตแบบเฉียบพลัน การฟอกเลือด การกรองเลือดเพื่อสุขภาพ  การถ่ายเลือด และการผลิตยาชีววัตถุ ตลอดจนเภสัชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์สำหรับการตรวจวินิจฉัย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชมได้ที่ www.asahi-kasei.com

*ไม่รวมสิงคโปร์และอินโดนีเซีย

1Green H, et al. Environ Res. 2019 Apr;171:80–91.
2Bi P, et al. Asia Pac J Public Health. 2011 Mar;23(2 Suppl):27S–36.
3Liu SY, et al. Military Med Res. 2020;7:1.
4Yankelson L, et al. J Am Coll Cardiol. 2014 Aug 5;64:5:463–469.
5Lee J, et al. Journal of Athletic Training. 2017;52(1):000-000.
6Leong M, et al. Prehosp Disaster Med. 2020 Jun;00(00):1-5.
7LG Yap, et al. J Emerg Crit Care Med. 2020 Apr;4:13.

©2021 ZOLL Medical Corporation สงวนลิขสิทธิ์ ZOLL เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ ZOLL Medical Corporation ในสหรัฐอเมริกาและ /หรือประเทศอื่น ๆ Asahi Kasei เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Asahi Kasei Corporation เครื่องหมายการค้าอื่น ๆ ทั้งหมดเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210531005327/en/

ติดต่อสื่อ:
Matt Hogan
ZOLL Medical Corporation
978-421-6561
media@zoll.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Bluestar Genomics ปิดการระดมทุนรอบ Series C มูลค่า 70 ล้านเหรียญ พร้อมกับขยายคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์

Logo

เงินทุนเพิ่มเติมและความเชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาทางคลินิกของบริษัทและความพยายามเชิงพาณิชย์

ซานดิเอโก–(BUSINESS WIRE)– 13 พ.ค. 2564

Bluestar Genomics, ซึ่งเป็นบริษัทระดับนวัตกรรมที่เป็นผู้นำในการพัฒนาแนวทางพันธุศาสตร์เหนือจีโนม epigenomic แห่งยุคอนาคตในการตรวจหามะเร็งระยะเริ่มต้น ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้ระดมทุน 70 ล้านดอลลาร์ในการระดมทุนครั้งใหม่ ซึ่งมีแกนนำการระดมทุนโดย Mattias Westman ซึ่งเป็นผู้ลงทุนอยู่เดิม  ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้ก่อตั้ง Prosperity Capital Management ทั้งนี้ การลงทุนในรอบ Series C ที่มีผู้เข้าร่วมอย่างล้นหลามประกอบด้วยนักลงทุนรายเดิมอยู่หลายราย พร้อมกับมีนักลงทุนรายใหม่หลายราย เช่นกัน เช่น Pathology Asia Holdings Pte Ltd (Pathology Asia) ซึ่งเป็นกลุ่มการวินิจฉัยทางการแพทย์อิสระที่ใหญ่ที่สุด ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่นเดียวกับกองทุนร่วมทุนที่ตั้งอยู่ในซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย และผู้จัดการสินทรัพย์ที่มีความหลากหลายรายใหญ่ด้านชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกาและที่อื่น ๆ อย่าง VAHOCA Pte Ltd ซึ่งทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินของ Bluestar Genomics ด้วย

บริษัทได้ประกาศการขยายคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์โดยมีการแต่งตั้ง ดร. Felix Feng ศาสตราจารย์ด้านเนื้องอกวิทยาระบบทางเดินปัสสาวะและการแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียซานฟรานซิสโก และ ดร. Craig Venter, Ph.D., ประธานและซีอีโอของ J. Craig Venter Institute ทั้งนี้ ด้วยการได้รับการแต่งตั้งครั้งใหม่นี้ ทั้ง Feng และ Venter จะร่วมงานกับ Alan Ashworth, Ph.D. , FRS, ประธาน, Helen Diller จาก ศูนย์มะเร็งครบวงจร มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียซานฟรานซิสโก

“ในขณะที่เรายังคงสนับสนุนการพัฒนาการตรวจหามะเร็งแบบไม่รุกรานรุ่นต่อไป เรายินดีต้อนรับ ดร. Feng และ Venter ให้มาร่วมงานกับทีมของเรา ความเชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์และทางคลินิกชั้นนำของพวกเขาจะช่วยเร่งความพยายามในการพัฒนาทางคลินิกและทางการค้าของเรา” Samuel Levy, Ph.D. , หัวหน้าผู้บริหารและหัวหน้าเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ของ Bluestar Genomics กล่าว “ โดยรวมแล้วความสำเร็จก้าวสำคัญเหล่านี้จะขยายความสามารถของเราในการทำตามคำมั่นสัญญาของเราที่จะปรับปรุงการตรวจคัดกรองมะเร็งที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้นพร้อมไปกับการสร้างแนวทางใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน”

การลงทุนในรอบ Series C และการขยายสมาชิกของคณะกรรมการที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ได้รับแรงบันดาลใจส่วนใหญ่มาจากแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำของ Bluestar Genomics ซึ่งใช้การเรียนรู้ของเครื่องที่ทันสมัยควบคู่ไปกับ 5-hydroxymethylcytosine (5hmC) ซึ่งเป็นวิธีการตรวจคัดกรองเพื่อตรวจหามะเร็งในหลายอวัยวะในผู้ชายและผู้หญิง แนวทางใหม่ของบริษัท ได้แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ในเชิงบวกเมื่อไม่นานมานี้ในงานวิจัยสองชิ้นที่ตีพิมพ์ใน Nature Communications และได้รับรางวัลอุปกรณ์ที่ก้าวล้ำของ FDA ในฐานะอุปกรณ์การตรวจหามะเร็งตับอ่อนแบบไม่รุกราน ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท

“การรวมกันของเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ได้ช่วยให้ต้นทุนในการตรวจคัดกรองมะเร็งหลายชนิดลงถึง 20 เท่า ทำให้สามารถตรวจหามะเร็งได้อย่างต่อเนื่องโดยการเจาะเลือดเป็นประจำ เพื่อพัฒนาตัวเลือกการรักษาในระยะเริ่มต้นของผู้ป่วย“ Venter กล่าว ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าตลาดของการตรวจคัดกรองมะเร็งหลายชนิดถูกคาดว่าจะมีการเพิ่มมูลค่าไปถึงมากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ในสหรัฐอเมริกาเพียงอย่างเดียว เทคโนโลยีของ Bluestar Genomics จึงมีตำแหน่งที่ไม่เหมือนใครเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยกว่า 60 ล้านคน ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการมีส่วนร่วมที่สำคัญเช่นนี้ในการปรับปรุงชีวิตผู้ป่วยผ่านการปลดล็อกศักยภาพของจีโนมิกส์อย่างเต็มที่”

เกี่ยวกับ Bluestar Genomics

Bluestar Genomics พัฒนาวิธีพันธุศาสตร์เหนือจีโนม หรือ epigenomic แห่งยุคอนาคตในการตรวจหามะเร็งที่ร้ายแรง เช่น มะเร็งตับอ่อน โดยเร็วที่สุด  เพื่อให้สามารถหาวิธีการรักษาได้ บริษัท Bluestar Genomics ก่อตั้งขึ้นจากผลงานของ Dr. Stephen Quake โดยผสมผสานเทคโนโลยี epigenomic แบบใหม่เข้ากับสถาปัตยกรรมการเรียนรู้ของเครื่องระดับนวัตกรรมใหม่ เพื่อรับมือกับความท้าทายที่เร่งด่วนที่สุด เช่น การตรวจหามะเร็ง การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการตรวจชิ้นเนื้อเหลวที่ง่ายดายการตรวจด้วยดีเอ็นเอแบบไม่ใช้เซลล์ของบริษัทเอง บริษัท Bluestar Genomics ซึ่งนำโดยทีมงานที่มีประสบการณ์หลายสิบปีในการนำผลิตภัณฑ์จากแนวคิดสู่ตลาด กำลังแสวงหาวิธีที่ดีกว่าอย่างต่อเนื่องในการตรวจวัดพยาธิวิทยาของโรคและนำเทคโนโลยีมาสู่ผู้ป่วยแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ และนักลงทุนที่ค้นหาวิธีการรักษาในอนาคต

www.bluestargenomics.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210512005879/en/

สอบถามข้อมูลสำหรับสื่อมวลชน:

media@bluestargenomics.com

สอบถามข้อมูลสำหรับนักลงทุน:

Susan Berland

sberland@bluestargenomics.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ผู้นำธุรกิจและนโยบายลงนามในจดหมายถึงประธานาธิบดีไบเดนเพื่อเรียกร้องให้ผู้นำสหรัฐฯ เร่งความพยายามในการฉีดวัคซีนทั่วโลก

Logo

นิวยอร์ก–(บิสิเนสไวร์)–13 พ.ค. 2564

กลุ่มผู้นำด้านธุรกิจและนโยบายระหว่างประเทศ 16 กลุ่มได้เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจเซฟ อาร์ ไบเดน เพื่อเรียกร้องให้เขา “แสดงความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ที่เด็ดขาดในขณะนี้” เพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่ร้ายแรงมากขึ้นในละตินอเมริกา ยุโรป และเอเชีย .

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210511006247/en/

“สหรัฐฯต้องใช้ประโยชน์จากการผลิตวัคซีนในประเทศของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อส่งออกวัคซีนส่วนเกินในปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ และเผชิญกับความท้าทายด้านเทคนิคและลอจิสติกส์ขนาดใหญ่ในการพัฒนาวัคซีนทั่วโลก” จดหมายระบุโดยระบุถึงการแพร่กระจายของไวรัสในสถานที่ต่างๆเช่นอินเดียและฟิลิปปินส์และความเป็นไปได้ที่จะเกิดการกลายพันธุ์ที่จะขยายวงไปทั่วโลกหากไม่ได้รับการตรวจสอบ

จดหมายฉบับนี้ยังแสดงถึงการคัดค้านการสละสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาที่ได้รับการสนับสนุนโดยองค์การการค้าโลก โดยกล่าวว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าว “จะสร้างความแตกต่างเพียงเล็กน้อยและอาจเป็นอันตรายได้” โดยไม่พิจารณาถึงขั้นตอนที่จำเป็นสำหรับการผลิตวัคซีนอย่างปลอดภัย

ได้มีการแนบข้อความเต็มของจดหมายนี้  จดหมายดังกล่าวริเริ่มโดย Maurice R.Greenberg ประธานและซีอีโอของ C. V. Starr & Co., Inc., และลงนามโดย: Ken Langone ประธานคณะกรรมการผู้ดูแลผลประโยชน์ของ NYU Langone Health; เลขานุการ William Cohen; Noel V. Lateef, Foreign Policy Association; เอกอัครราชทูต Carla A. Hills; เอกอัครราชทูต John D. Negroponte; เอกอัครราชทูต John F. Maisto; Alexander Feldman, U.S. ASEAN Business Council; Suzanne Clarke, U.S. Chamber of Commerce; ดร. Michelle McMurray-Heath , Biotechnology Innovation Organization (BIO); Adam S. Posen, Peterson Institute for International Economics; Hank Hendrickson, U.S. Philippines Society; ดร. John J. Hamre, Center for Strategic & International Studies; Dimitri Simes, Center for the National Interest; เอกอัครราชทูตMark Green; และดร. Robert Goldberg, Center for Medicine in the Public Interest.

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210511006247/en/

ติตด่อ:

Joe Dillon

Senior Vice President, External Affairs (รองประธานอาวุโสฝ่ายกิจการภายนอก) 

joe.dillon@starrcompanies.com, 212-230-5073

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

SEASUN BIOMATERIALS จัดหาระบบตรวจวินิจฉัยโรค COVID-19 ระดับโมเลกุลนอกพื้นที่อย่างรวดเร็วให้กับมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล

Logo

– ‘4S’ SEASUNBIO SMART SHIELD SYSTEM เปิดตัวขึ้นที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซลในฐานะศูนย์ตรวจวินิจฉัยโรค COVID-19 เคลื่อนที่แห่งแรกในประเทศเกาหลีใต้

แทจอน, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–04 พฤษภาคม 2564

SEASUN BIOMATERIALS (ซีอีโอ: Park Heekyung) เป็นบริษัทที่ตรวจวินิจฉัยโมเลกุล ได้เปิดให้บริการตรวจวินิจฉัยระดับโมเลกุลแบบ ‘4S’ (SEASUNBIO SMART SHIELD SYSTEM) ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล หลังจากได้เปิดตัวไปแล้วที่ท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210504005599/en/

SEASUN BIOMATERIALS' 4S system, a one-stop COVID-19 molecular diagnostic system located on the Seoul National University campus. (Photo: Business Wire)

ระบบการตรวจวินิฉัยแบบ 4S ของบริษัท SEASUN BIOMATERIALS เป็นระบบการตรวจวินิจฉัยโรค COVID-19 ระดับโมเลกุลแบบครบวงจรที่ให้บริการในมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล. (รูปภาพ: Business Wire)

ระบบการตรวจวินิจฉัยนอกสถานที่แบบ 4S เป็นห้องปฏิบัติการตรวจวินิจฉัยระดับโมเลกุลเคลื่อนที่ ภายในประกอบไปด้วยห้องแยกเชื้อความดันลบและอุปกรณ์ที่ทำงานด้วยตัวเอง เพื่อการตรวจวินิจฉัยระดับโมเลกุลอย่างรวดเร็วและการป้องกันโรคติดเชื้อต่าง ๆ เช่น COVID-19 ขั้นตอนทั้งหมดของการวินิจฉัยโรค COVID-19 จะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง ซึ่งประกอบด้วยการกรอกแบบสอบถามสั้น ๆ การเก็บตัวอย่าง การสกัดกรดนิวคลีอิก การตรวจหาโมเลกุล และการส่งรายงานผลไปยังโทรศัพท์มือถือของลูกค้า

ตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 ระบบ AQ-TOP Plus ของบริษัท SEASUN BIOMATERIALS ได้ถูกใช้เพื่อตรวจหาโรค COVID-19 ณ ศูนย์ทดสอบโรค COVID-19 ซึ่งตั้งขึ้นในท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน (ICN) และผลการตรวจจะถูกรายงานภายใน 2 ชั่วโมงที่ท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน ผู้โดยสารและพนักงานท่าอากาศยานรู้สึกพอใจกับขั้นตอนการตรวจที่ถูกต้องและรวดเร็วของระบบ AQ-TOP Plus เป็นอย่างมาก

SEASUN BIOMATERIALS มีรูปแบบการตรวจวินิจฉัยโรค COVID-19 อยู่ 2 รูปแบบ ได้แก่ U-TOP COVID-19 และ AQ-TOP COVID-19 โดยรูปแบบ U-TOP COVID-19 นั้นจะใช้สำหรับการตรวจสอบอย่างละเอียด ซึ่งนอกเหนือจากการตรวจแบบขนานของยีน SARS-CoV-2 ทั้ง 4 ยีนแล้ว ระบบยังช่วยแยกแยะการกลายพันธุ์ของยีน S ไปพร้อม ๆ กันด้วย ส่วนรูปแบบ AQ-TOP COVID-19 ใช้สำหรับการทดสอบเฉพาะจุดอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีการปรับใช้อย่างเหมาะสมสำหรับการตรวจวินิจฉัยภาคสนามที่ต้องการความแม่นยำสูงภายในระยะเวลาทดสอบสั้น ๆ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับโรค COVID-19 ทั้งหมดของ SEASUN BIOMATERIALS ที่ใช้ในระบบ 4S ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจาก MFDS พร้อมเครื่องหมายการรับรองจากรัฐบาลเกาหลีใต้ 'Brand K' และเครื่องหมายการรับรองจากสหภาพยุโรป CE-IVD และได้รับอนุมัติการใช้งานฉุกเฉิน (EUA) จากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้ถูกส่งออกไปทั่วโลกตั้งแต่การแพร่ระบาดครั้งแรกของโรค

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ www.seasunbio.com และ https://youtu.be/QP6Tu9vy8Xk

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210504005599/en/

ติดต่อ:

SEASUN BIOMATERIALS
Sunny, KIM
seasunbio@seasunbio.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


Smiths Medical และ Ivenix จับมือปฏิวัติการจัดการระบบการให้ยาด้วยชุดโซลูชั่นการให้ยาที่ครอบคลุมเป็นครั้งแรกในตลาดการดูแลสุขภาพของสหรัฐอเมริกา

Logo

หนุนโดยการลงทุนเชิงกลยุทธ์จาก Smiths Medical การเป็นหุ้นส่วนทางการค้าจะนำเสนอระบบการให้ยาที่ดีที่สุดซึ่งออกแบบมาเพื่อปรับปรุงความปลอดภัยของผู้ป่วยและเพิ่มประสิทธิภาพทางคลินิก

มินนีแอโพลิส และ บอสตัน–(บิสิเนสไวร์)–04 พ.ค. 2564

Smiths Medical ผู้นำด้านอุปกรณ์การแพทย์ระดับโลกประกาศในวันนี้ว่าได้ร่วมมือกับ Ivenix, Inc. เพื่อวางตำแหน่งให้เป็นสองบริษัทเป็นรายแรกในสหรัฐอเมริกาที่นำเสนอชุดโซลูชันการจัดการการให้ยาที่ครอบคลุมเพื่อตอบสนองความต้องการด้านการดูแลสุขภาพ  ความร่วมมือระยะยาว ซึ่งรวมถึงการลงทุนเชิงกลยุทธ์จาก Smiths Medical เป็นการรวมตัวกันของนักนวัตกรรมสองรายภายใต้เป้าหมายร่วมกันในการปฏิวัติการจัดการยาเพื่อปรับปรุงความปลอดภัยของผู้ป่วยและตอบสนองความต้องการของผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพในปัจจุบันและอนาคต

Ivenix ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่อุทิศตนเพื่อขจัดความเสี่ยงของผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับการให้ยา ได้พัฒนาปั๊มให้ยาขนาดใหญ่ตัวแรกที่ตั้งจากพื้นดินเพื่อให้เป็นไปตามแนวทางปั๊มให้ยาล่าสุดขององค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาเพื่อแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยที่เกิดขึ้นประจำกับปั๊ม  การดูแลความปลอดภัยของผู้ป่วยและประสิทธิภาพทางคลินิกเป็นองค์ประกอบสำคัญของการจัดการยาช่วยที่สามารถชีวิตผู้คนได้    วันนี้ข้อผิดพลาดที่เกี่ยวข้องกับการให้ยาคิดเป็นมากกว่า 50% ของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากการให้ยา 1.5 ล้านครั้งที่รายงานต่อ FDA ทุกปี1  และเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการให้ยาทำให้ระบบการดูแลสุขภาพเสียค่าใช้จ่ายมากกว่า 2 พันล้านเหรียญต่อปี2

กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมของ Smiths Medical ในด้านระบบการให้ยาชั้นนำของตลาด CADD®-Solis และ Medfusion® ประกอบด้วยเข็มฉีดยาและเครื่องสูบสำหรับผู้ป่วยที่ให้บริการดูแลผู้ป่วยผู้ใหญ่ขั้นวิกฤตและทารกแรกเกิด ห้องผ่าตัด และการจัดการความเจ็บปวดทั้งในโรงพยาบาลและที่บ้าน  ด้วยการเพิ่มระบบการให้ยา Ivenix ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ในสหรัฐอเมริกา Smiths Medical จะเร่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอุปกรณ์การให้ยาในปริมาณมากซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่ามากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์

“ในฐานะนักวิจัยที่มุ่งเน้นปั๊มจ่ายยาอัจฉริยะในปริมาณมาก ฉันตระหนักดีถึงปัญหาด้านความปลอดภัยและการใช้งานที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ปัจจุบัน” Karen K. Giuliano, Ph.D. , RN, FAAN, MBA, รองศาสตราจารย์และผู้อำนวยการร่วมของศูนย์นวัตกรรมการพยาบาลวิศวกรรมที่มหาวิทยาลัย Massachusetts Amherst กล่าว “นวัตกรรมในปั๊มจ่ายยาอัจฉริยะนั้นควรจะมีมานานแล้วและฉันยินดีที่ได้เห็นทางเลือกใหม่สำหรับแพทย์ผู้ดูแลผู้ป่วยเฉียบพลันเพื่อพิจารณาการจัดส่งของเหลวและยาช่วยชีวิตอย่างปลอดภัยให้แก่ผู้ป่วยที่สำคัญมากเหล่านี้”

“ความร่วมมือระยะยาวระหว่าง Smiths Medical และ Ivenix จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าเรากำลังนำเสนอโซลูชันการจัดการการให้ยารุ่นใหม่ให้กับโรงพยาบาลทั่วสหรัฐอเมริกาและตอบสนองความมุ่งมั่นของเราในการช่วยเชื่อมโยงผู้ป่วยเข้ากับการบำบัดที่ช่วยชีวิตและข้อมูลเชิงลึกให้กับผู้ให้บริการ” JehanZeb กล่าว Noor, Smiths Medical CEO “การลงทุนของเราใน Ivenix จะช่วยกระตุ้นการวิจัยและพัฒนาที่จำเป็นในการสร้างทรัพยากรที่สำคัญนี้ต่อไปและมอบโซลูชันแบบองค์รวมสำหรับโรงพยาบาลและระบบสุขภาพ”

Ivenix Infusion System ประกอบด้วยปั๊มให้ยาปริมาณมาก พร้อมชุดการบริหารเครื่องมือจัดการการและการวิเคราะห์เพื่อแจ้งการดูแลและเพิ่มประสิทธิภาพ  ระบบได้รับการอนุญาต 510(k) ในปี 2562 และสร้างมาตรฐานใหม่ในการจัดส่งยาโดยการทบทวนความปลอดภัย ความเรียบง่าย และความสามารถในการทำงานร่วมกัน  ระบบมีศูนย์กลางอยู่ที่ทั้งผู้ป่วยและแพทย์และได้รับการออกแบบมาเพื่อลดข้อผิดพลาดที่เกี่ยวข้องกับการฉีดยาและลดต้นทุนทั้งหมดในการเป็นเจ้าของ

“ความร่วมมือครั้งนี้ช่วยให้เราสามารถเร่งการเข้าถึงเชิงพาณิชย์ของแพลตฟอร์มการให้ยาของเรา โดยเราร่วมกันจัดหาโซลูชั่นการให้ยาระดับแนวหน้าเพื่อมอบมาตรฐานสูงสุดของการดูแลรักษาด้วยการให้ยาที่ปลอดภัยและครบวงจร” Jorgen B. Hansen ซีอีโอของ Ivenix กล่าว

 Smiths Medical จะเปิดตัว Ivenix infusion System ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาในช่วงฤดูร้อนปี 2564

เกี่ยวกับ Smiths Medical

ผู้นำด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีทางการแพทย์เฉพาะทางสำหรับตลาดทั่วโลกที่มุ่งเน้นการจัดส่งยา การดูแลที่สำคัญ และกลุ่มตลาดอุปกรณ์ความปลอดภัย  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม www.smiths-medical.com

เกี่ยวกับ Ivenix

Ivenix, Inc. เป็นบริษัทเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีวิสัยทัศน์ในการกำจัดอันตรายที่เกี่ยวข้องกับการฉีดยา  บริษัทก่อตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่จะเปลี่ยนการจัดส่งยา  Ivenix ออกแบบระบบการให้ยาตั้งแต่พื้นฐานเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการให้ยาและนำเทคโนโลยีการฉีดเข้าสู่ยุคดิจิทัล  Ivenix Infusion System ประกอบด้วยปั๊มขนาดใหญ่ที่รองรับโดยระบบการจัดการการฉีดที่แข็งแกร่งซึ่งออกแบบมาเพื่อกำหนดมาตรฐานใหม่ในด้านความเรียบง่าย ความชาญฉลาด และความน่าเชื่อถือ  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม ivenix.com  Ivenix Infusion System ได้รับการอนุมัติโดย FDA

ข้อมูลอ้างอิง:

  1. รายงานของ FDA โดยมีข้อมูลในไฟล์
  2. ODPHP. Health Care Quality and Patient Safety: Adverse Drug Events. 2017

อ่านที่มาใน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210504005275/en/

สำหรับ Smiths Medical:
Bob Josephson
Robert.Josephson@fticonsulting.com  
203-914-2372

สำหรับ Ivenix:
Caroline Curran
caroline.curran@metiscomm.com 
910-409-4126

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

RubrYc Therapeutics ประกาศความร่วมมือด้านการวิจัยและข้อตกลงตัวเลือกใบอนุญาตกับ Zai Labs

Logo

ซาน คาร์ลอส, แคลิฟอร์เนีย.–(BUSINESS WIRE)–14 เม.ย. 2564

RubrYc Therapeutics, Inc. ซึ่งเป็น บริษัทด้านชีวบำบัดพรีคลินิกที่พัฒนาวิธีการรักษาแบบ epitope selective ได้ประกาศในวันนี้ว่า ได้ทำข้อตกลงความร่วมมือด้านการวิจัยและข้อตกลงเรื่องใบอนุญาตกับ Zai Labs, Inc. สำหรับการใช้แพลตฟอร์ม Meso-scale Engineered Molecules (MEMs) เพื่อระบุแอนติบอดีโมโนโคลนอลที่มีฟังก์ชันทางชีวภาพที่ได้รับการพัฒนาแล้วสำหรับเป้าหมายด้านเนื้องอกวิทยาที่ไม่เปิดเผย

ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลง RubrYc และ Zai Labs จะร่วมมือกันเพื่อระบุหาผู้ที่เหมาะกับผลิตภัณฑ์โดยใช้ RubrYc’s Discovery Engine ซึ่งใช้ประโยชน์จากการเรียนรู้ของเครื่องมือและข้อมูลโครงสร้างเพื่อระบุแอนติบอดีที่เชื่อมโยงกับ subdominant epitopes และที่แสดงกิจกรรมที่แตกต่างออกไป ทั้งนี้เมื่อได้ใช้ใบอนุญาตแล้ว Zai Labs จะมีสิทธิ์ทั่วโลกแต่เพียงผู้เดียวในการพัฒนาและวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของการร่วมมือด้านการวิจัยนี้

RubrYc Therapeutics, Inc. จะได้รับการชำระเงินล่วงหน้าและมีสิทธิ์ได้รับการบอกกล่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญ ๆ ในการวิจัยการพัฒนาและการค้าในอนาคตสำหรับผู้สมัครแต่ละราย พร้อมกับค่าลิขสิทธิ์จากยอดขายสุทธิทั่วโลกของแต่ละผลิตภัณฑ์  ทั้งนี้จะไม่มีการเปิดเผยเงื่อนไขทางการเงินของข้อตกลง

ดร. Isaac Bright ซีอีโอกล่าวว่า“ เรารู้สึกตื่นเต้นที่ Zai Labs ได้เลือก RubrYc Discovery Engine ให้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการระบุการบำบัดทางชีวภาพกับเป้าหมายด้านเนื้องอกวิทยาที่ท้าทาย เราหวังว่าจะร่วมมือกับ Zai Labs เพื่อเร่งการวิจัยของพวกเขาโดยการระบุแอนติบอดีแบบเอพิโทพีจำเพาะ (epitope-specific antibodies) ด้วยการใช้โหมดที่แตกต่างกัน ความเชี่ยวชาญด้านเนื้องอกวิทยาของ Zai Labs ช่วยเติมเต็มความสนใจของเราในการนำเสนอการบำบัดแบบใหม่ที่มีศักยภาพในการพัฒนา ให้แก่ผู้ป่วยที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ”

เกี่ยวกับ RubrYc Therapeutics, Inc.

RubrYc Therapeutics, Inc. เป็น บริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพที่ใช้โซลูชันการเรียนรู้ด้วยเครื่องและการคำนวณทางชีววิทยาที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทเอง เพื่อค้นหาแอนติบอดีแบบ epitope-selective mono and bispecific  โดยมีแรงบันดาลใจจากความก้าวหน้าล่าสุดในการสังเคราะห์ไลบรารีโมเลกุลการคัดกรองและการคำนวณแบบขนานอย่างหนาแน่น RubrYc Therapeutics, Inc. ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี MEMs Discovery Engine เพื่อระบุแอนติบอดีจำนวนมากได้อย่างรวดเร็วด้วยคุณสมบัติการจับที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะกับเป้าหมายที่ยากและที่ได้รับการตรวจสอบแล้ว อนึ่ง RubrYc แยกตัวออกจาก HealthTell, Inc. ในปี 2561 เพื่อพัฒนาการค้นพบทางชีวบำบัดและร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทยาชั้นนำที่แบ่งปันภารกิจของเราในการขยายทางเลือกในการรักษาและปรับปรุงผลลัพธ์สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง อนึ่ง RubrYc ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนสถาบัน ซึ่งรวมถึง Third Point Ventures, Paladin Capital Group, Vital Venture Capital และ Hayan Health Networks บริษัทตั้งอยู่ในซานคาร์ลอส แคลิฟอร์เนีย

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.rubryc.com.

ดูเวอร์ชั่นต้นฉบับ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210413006012/en/

ติดต่อ:

Isaac J. Bright, MD

ซีอีโอ

RubrYc Therapeutics, Inc.

info@rubryc.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

LintonPharm ประกาศว่าได้รับอนุญาตจาก China Health Authority (NMPA) เพื่อดำเนินการทดลองระยะที่ 1/2 เพื่อประเมิน Catumaxomab สำหรับการรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะแบบไม่รุกล้ำกล้ามเนื้อ

Logo

กวางโจว จีน–(บิสิเนสไวร์)–13 เม.ย. 2564

LintonPharm Co. , Ltd. บริษัทยาชีววัตถุทางคลินิกที่ตั้งอยู่ในประเทศจีนที่มุ่งเน้นการพัฒนา T cell ของแอนติบอดีชนิด bispecific สำหรับภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งได้ประกาศว่าหน่วยงานด้านสุขภาพของจีน National Medical Products Administration (NMPA) อนุญาตให้ทางบริษัทดำเนินการทดลองทางคลินิกระยะที่ 1/2 (clinicaltrials.gov: NCT04799847) เพื่อประเมินความปลอดภัยและประสิทธิภาพของ catumaxomab ในผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะชนิดแบบไม่รุกล้ำกล้ามเนื้อ (NMIBC) ซึ่งเกิดเนื้องอกเนื่องจากวัคซีน Bacillus Calmette-Guerin (BCG) ล้มเหลว  นับว่าเป็นโปรแกรมทางคลินิกที่สองของ LintonPharm ที่ประเมิน catumaxomab  ในเดือนกรกฎาคม 2563 บริษัทได้ประกาศว่าได้รับอนุญาตในการทำการทดลองระยะที่ 3 ในมะเร็งกระเพาะอาหารระยะลุกลามซึ่งคัดกรองผู้ป่วยรายแรกในเดือนตุลาคม 2563

เมื่อเร็วๆ นี้ Lindis Biotech ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของ LintonPharm ได้เริ่มการทดลองระยะที่ 1 กับ catumaxomab ในผู้ป่วย NMIBC ในเยอรมนี (clinicaltrials.gov: NCT04819399) และรายงานข้อมูลด้านความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมซึ่งสนับสนุนการดำเนินการทดลองระยะที่ 1/2 ในประเทศจีน

“การปฏิบัติตามกฎข้อบังคับเพื่อดำเนินการไปข้างหน้าด้วยโปรแกรมทางคลินิกของเราที่ประเมิน catumaxomab ในมะเร็งกระเพาะปัสสาวะถือเป็นอีกก้าวสำคัญของ LintonPharm และสนับสนุนเป้าหมายของเราในการสำรวจศักยภาพของการบำบัดโรคมะเร็งต่างๆ” Robert Li, Ph.D. , DABT ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ LintonPharm  “ผู้ป่วยที่มีความล้มเหลวของ NMIBC BCG มีอัตราการมีเนื้องอกซ้ำของในอัตราสูงและมักต้องเผชิญกับการผ่าตัดตลอดชีวิตซึ่งอาจส่งผลต่อการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ  จึงจำเป็นต้องมีทางเลือกใหม่ในการรักษาและเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการศึกษานี้ทำให้เราเข้าใกล้การช่วยเหลือผู้ป่วยเหล่านี้มากขึ้นอีกขั้นหนึ่ง”

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะเป็นมะเร็งที่พบบ่อยอันดับ 10 ทั่วโลก ในปี 2563 ได้มีการวินิจฉัยโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะใน 573,278 ผู้ป่วยทั่วโลกและประมาณ 1.8 ล้านคนได้อยู่กับโรคมะเร็งนี้เป็นเวลาถึงห้าปี [1]  NMIBC เป็นมะเร็งที่พบในเนื้อเยื่อด้านในของกระเพาะปัสสาวะและนับเป็นประมาณร้อยละ 75 ของโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะทั้งหมด[2]  การผ่าตัดเนื้องอกในกระเพาะปัสสาวะ (TURBT) เป็นมาตรฐานปัจจุบันของการรักษา NMIBC  การกำเริบของโรคเกิดขึ้นบ่อยครั้งหลังจาก TURBT (ได้ถึงร้อยละ 70 ในห้าปี) และเป็นผลให้ผู้ป่วยมักจะได้รับการผ่าตัดหลายครั้ง[2]  BCG มักถูกใช้เป็นการรักษาเสริมหลัง TURBT อย่างไรก็ตามผู้ป่วยจำนวนมากมีการกำเริบของเนื้องอกซึ่งจะเรียกว่าเป็นความล้มเหลวของ BCG [3]  โดยปกติจะมีการใช้ Radical cystectomy (RC) หลังจากความล้มเหลวของ BCG แต่แพทย์และผู้ป่วยจำนวนมากละเว้นจาก RC เพื่อรักษาการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ

เกี่ยวกับ Catumaxomab

Catumaxomab ได้รับการอนมัติจาก European Medicines Agency ในปี 2552 สำหรับการรักษาโรคท้องบวม  โรคแอนติบอดีชนิด bispecific นี้จับกับไกลโคโปรตีนชนิดทรานส์เมมเบรนบนเซลล์เนื้องอก ซึ่งเป็นโมเลกุลยึดเกาะของเซลล์เยื่อบุผิว (EpCAM) – และ CD3 บนเซลล์ T และยังคัดเลือกเซลล์เสริมภูมิคุ้มกันผ่านการจับ FcγR. Catumaxomab ทำลายเซลล์เนื้องอกโดยกระตุ้น T cell และเซลล์เสริมที่เป็นสื่อกลางในการเกิด cytotoxicity และมีศักยภาพในการก่อให้เกิดผลของวัคซีนในระยะยาวซึ่งได้รับการตรวจสอบแล้วในสัตว์ทดลอง

เมื่อเร็วๆ นี้ catumaxomab ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศจีน ไต้หวัน และ เกาหลีใต้ให้ทำการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ระดับโลกสำหรับการรักษาผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะลุกลาม

เกี่ยวกับ LintonPharm

LintonPharm Co. , Ltd. เป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ที่มุ่งเน้นการวิจัยทางคลินิกซึ่งมุ่งมั่นที่จะพัฒนานวัตกรรม T cell ที่มีส่วนร่วมของแอนติบอดี bispecific โดยมีเป้าหมายในการเปลี่ยนมะเร็งร้ายให้เป็นโรคที่สามารถจัดการได้และอาจรักษาให้หายได้  LintonPharm โดยร่วมกับ Lindis Biotech กำลังพัฒนา catumaxomab เพื่อใช้ในโรคมะเร็งในวงกว้างทั่วโลก  นอกจากนี้ LintonPharm กำลังพัฒนาแพลตฟอร์มแอนติบอดี bispecific รุ่นต่อไปเพื่อให้เกิดการผลิตและการออกแบบยาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเพิ่มความยืดหยุ่นในการปรับแต่งการออกแบบของแต่ละโมเลกุล  โครงการในปัจจุบันได้แก่การพัฒนาแนวทางการรักษามะเร็งเม็ดเลือดและเนื้องอกที่เป็นของแข็ง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชม www.lintonpharm.com/

[1]. World Health Organization (WHO). Globocan 2020. Global Cancer Observatory. Accessed January 7, 2021. https://gco.iarc.fr/

[2]. Kamat AM, Hahn NM, Efstathiou JA, et al. (2016) Bladder cancer. Lancet 2016. 388: 2796-810. http://dx.doi.org/10.1016/S0140-6736(16)30512-8

[3]. Kikuchi E, Hayakawa N, Futumoto K, Shigeta K, Matsumoto K. (2020) Bacillus Calmette–Guerin-unresponsive non-muscle-invasive bladder cancer: Its definition and future therapeutic strategies. International Journal of Urology. 27, 108-116. doi:10.1111/iju.14153

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210413005114/en/

สื่อ:
สื่อจากสหรัฐอเมริกา
Tara Cooper
The Grace Communication Group
tara@gracegroup.us

สื่อใน APAC:
Mia He
LintonPharm
jingyi.he@lintonpharm.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย