Tag Archives: 2025

จากโซลูชันที่ปรับขนาดได้ไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI แบบเต็มรูปแบบ ที่ทาง GIGABYTE จะนำเสนอพอร์ตโฟลิโอ AI แบบครบวงจรในงาน COMPUTEX 2025

Logo

ไทเป–(BUSINESS WIRE)–01 พฤษภาคม 2025

GIGABYTE Technology ผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมคอมพิวเตอร์จะกลับมาที่งาน COMPUTEX 2025 อีกครั้ง ระหว่างวันที่ 20 ถึง 23 พฤษภาคม ภายใต้ธีม “Omnipresence of Computing: AI Forward” ที่จะแสดงให้เห็นว่าโซลูชันครบวงจรของ GIGABYTE ซึ่งครอบคลุมทั้งวงจรของ AI ตั้งแต่การเทรนศูนย์ข้อมูลไปจนถึงการปรับใช้แบบ edge รวมถึงแอปพลิเคชันสำหรับผู้ใช้ปลายทางที่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อตอบสนองต่อความต้องการทางด้าน AI ในรุ่นถัดไป

From Scalable Solutions to Full-Stack AI Infrastructure, GIGABYTE to Present End-to-End AI Portfolio at COMPUTEX 2025

จากโซลูชันที่ปรับขนาดได้ไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐาน AI แบบเต็มรูปแบบ GIGABYTE จะนำเสนอพอร์ตโฟลิโอ AI แบบครบวงจรที่งาน COMPUTEX 2025

ในขณะที่ Generative AI ยังคงพัฒนาต่อไป แต่ความต้องการในการจัดการปริมาณโทเค็นจำนวนมหาศาล การสตรีมข้อมูลแบบเรียลไทม์ รวมถึงสภาพแวดล้อมการประมวลผลในอัตราความเร็วสูงก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย พอร์ตโฟลิโอครบวงจรของ GIGABYTE ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานระดับแร็คไปจนถึงเซิร์ฟเวอร์ ระบบระบายความร้อน แพลตฟอร์มแบบฝังตัว และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลจะเป็นการสร้างรากฐานเพื่อเร่งการพัฒนา AI ให้ก้าวล้ำในทุกอุตสาหกรรม

โครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ที่ปรับขนาดได้เริ่มต้นที่นี่: GIGAPOD กับการผสานรวม GPM

หัวใจของการจัดแสดงของ GIGABYTE คือ GIGAPOD ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยเป็นคลัสเตอร์ GPU ที่ปรับขนาดได้ที่ออกแบบมาสำหรับศูนย์ข้อมูลที่มีความหนาแน่นสูงและมีการเทรนโมเดล AI ขนาดใหญ่ โดย GIGAPOD ได้รับการออกแบบมาสำหรับเวิร์กโหลด AI ประสิทธิภาพสูง โดยรองรับแพลตฟอร์มที่มีความเร่งสูงล่าสุด ประกอบด้วย AMD Instinct™ MI325X และ NVIDIA HGX™ H200 โดยในปัจจุบัน GIGAPOD ได้ผสานรวมกับ GPM (GIGABYTE POD Manager) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการจัดการโครงสร้างพื้นฐานและเวิร์กโฟลว์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ GIGABYTE ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ปรับปรุงการจัดการ และปรับการใช้ทรัพยากรให้เหมาะสมในสภาพแวดล้อม AI ขนาดใหญ่ได้

โดยในปีนี้ เราจะเปิดตัว GIGAPOD Direct Liquid Cooling (DLC) ซึ่งใช้เซิร์ฟเวอร์ซีรีส์ G4L3 ของ GIGABYTE และออกแบบมาสำหรับชิปรุ่นถัดไปที่มี TDP เกิน 1,000W โดยโซลูชัน DLC นี้ได้รับการสาธิตในรูปแบบ 4+1 แร็คที่ร่วมมือกับ Kenmec, Vertiv และ nVent ซึ่งมีคุณสมบัติการระบายความร้อน การจ่ายไฟ และสถาปัตยกรรมเครือข่ายแบบบูรณาการ เพื่อช่วยให้ลูกค้าปรับใช้ได้เร็วขึ้นและชาญฉลาดขึ้น โดยทาง GIGABYTE ได้เสนอบริการให้คำปรึกษาครบวงจร รวมถึงการวางแผน การปรับใช้ และการตรวจสอบระบบ เพื่อช่วยเร่งกระบวนการจากแนวคิดไปสู่การดำเนินการให้เร็วที่สุด

สร้างขึ้นเพื่อการปรับใช้: จากโมดูลซูเปอร์คอมพิวต์ไปจนถึงโอเพ่นคอมพิวต์และเวิร์กโหลดที่กำหนดเอง

เนื่องจากการนำ AI มาใช้เปลี่ยนจากการฝึกอบรมไปสู่การใช้งาน การออกแบบและสถาปัตยกรรมระบบที่ยืดหยุ่นของ GIGABYTE จึงรับประกันการเปลี่ยนแปลงและการขยายตัวที่ราบรื่น ทาง GIGABYTE ได้นำเสนอ NVIDIA GB300 NVL72 ที่ทันสมัยที่สุด ซึ่งเป็นการออกแบบแบบแร็คที่ระบายความร้อนด้วยของเหลวทั้งหมด โดยรวม GPU NVIDIA Blackwell Ultra จำนวน 72 ตัวและ CPU NVIDIA Grace™ ที่ใช้ Arm® จำนวน 36 ตัวไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ที่ได้ปรับให้เหมาะสมสำหรับการอนุมานการปรับขนาดในเวลาทดสอบ นอกจากนี้ ที่บูธยังมีการจัดแสดงแร็คเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับ OCPจำนวน 2 แร็ค: ระบบ AI 8OU ที่มี NVIDIA HGX™ B200 ที่รวมเข้ากับโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® และแร็คจัดเก็บข้อมูลบน CPU ORV3 พร้อมการออกแบบ JBOD เพื่อเพิ่มความหนาแน่นและปริมาณงานสูงสุด

นอกจากนี้ ทาง GIGABYTE ยังจัดแสดงเซิร์ฟเวอร์แบบโมดูลาร์และหลากหลาย ตั้งแต่ GPU ประสิทธิภาพสูงไปจนถึงเซิร์ฟเวอร์ที่ปรับให้เหมาะกับปริมาณงาน AI ที่แตกต่างกัน:

  • การคำนวณที่เร่งความเร็ว: เซิร์ฟเวอร์ระบายความร้อนด้วยอากาศและของเหลวสำหรับแพลตฟอร์ม GPU AMD Instinct™MI325X, Intel® Gaudi® 3 และ NVIDIA HGX™ B300 รุ่นล่าสุด ซึ่งปรับให้เหมาะสมสำหรับการเชื่อมต่อ GPU ต่อ GPU
  • เทคโนโลยี CXL: ระบบที่รองรับ CXL จะปลดล็อกพูลหน่วยความจำที่ใช้ร่วมกันระหว่าง CPU สำหรับการอนุมาน AI แบบเรียลไทม์
  • การคำนวณและการจัดเก็บความหนาแน่นสูง: เซิร์ฟเวอร์หลายโหนดที่อัดแน่นไปด้วย CPU จำนวนคอร์สูงและที่เก็บข้อมูล NVMe/E1.S ที่พัฒนาโดยร่วมมือกับ Solidigm, ADATA, Kioxia และ Seagate
  • แพลตฟอร์ม Cloud และ Edge: โซลูชันแบบเบลดและโหนดที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับพลังงาน ประสิทธิภาพความร้อน และความหลากหลายของเวิร์กโหลด เหมาะสำหรับผู้ใช้ไฮเปอร์สเกลเลอร์และผู้ให้บริการที่มีการจัดการ

นำ AI สู่ Edge มาสู่ทุกคน

การขยาย AI ไปสู่แอปพลิเคชันในโลกแห่งความเป็นจริง GIGABYTE แนะนำระบบฝังตัวรุ่นใหม่ และมินิพีซีรุ่นใหม่ที่ทำให้การประมวลผลใกล้กับจุดที่ข้อมูลถูกสร้างขึ้นมากขึ้น

ระบบฝังตัวที่ขับเคลื่อนด้วย Jetson: ด้วย NVIDIA® Jetson Orin™ แพลตฟอร์มที่ทนทานเหล่านี้ขับเคลื่อน AI เอจแบบเรียลไทม์ในระบบอัตโนมัติอุตสาหกรรม หุ่นยนต์ และระบบการมองเห็นของเครื่องจักร

BRIX Mini PC: ระบบ BRIX รุ่นล่าสุดมีขนาดกะทัดรัดแต่ทรงพลัง รวมถึง NPU ออนบอร์ดและรองรับ Microsoft Copilot+ รวมถึงเครื่องมือ AI ของ Adobe ซึ่งเหมาะสำหรับการอนุมาน AI แบบเบาๆ ที่ edge

การขยายความเป็นผู้นำจากคลาวด์ไปยัง edge โดยทาง GIGABYTE ได้มอบการเร่งความเร็วของ AI ที่ทรงพลังด้วยมาเธอร์บอร์ดขั้นสูง Z890 / X870 และ GeForce RTX 50 และ การ์ดจอซีรีส์ Radeon RX 9000 ที่ล้ำสมัย นวัตกรรม AI TOPโซลูชันการประมวลผล AI บนเครื่อง ที่จะช่วยลดความซับซ้อนของเวิร์กโฟลว์ AI ผ่านการถ่ายโอนหน่วยความจำและความสามารถในการคลัสเตอร์หลายโหนด โดยนวัตกรรม AI นี้จะขยายไปทั่วกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคของเรา ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองจาก Microsoft พีซี Copilot+ AI และคอมพิวเตอร์สำหรับเล่นเกมที่ทรงพลังไปจนถึงจอภาพ OLEDที่มีอัตราการรีเฟรชสูง บนแล็ปท็อป ฟังก์ชัน “Press and Speak” ของ GIMATE ซึ่งเป็นเอเจนต์ AI สุดพิเศษ ที่ช่วยให้สามารถควบคุมฮาร์ดแวร์ได้อย่างชาญฉลาด รวมถึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและประสบการณ์ AI ในชีวิตประจำวันได้

GIGABYTE ขอเชิญทุกคนมาสำรวจยุค AI Forward ที่กำหนดโดยสถาปัตยกรรมที่ปรับขนาดได้ วิศวกรรมแม่นยำ และความมุ่งมั่นในการเร่งความก้าวหน้าของเรา

https://www.gigabyte.com/Events/Computex

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250428101781/en

Contacts

Michael Pao brand@GIGABYTE.com

ที่มา: GIGABYTE Technology

SSD แบบพกพาของ Kioxia คว้ารางวัล Red Dot Design Award สาขาการออกแบบผลิตภัณฑ์ประจำปี 2025

Logo

ที่ได้รับการยอมรับถึงการออกแบบที่ล้ำสมัย ฟังก์ชันการทำงานที่เน้นผู้ใช้ และโครงสร้างที่ทนทาน

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–24 เมษายน 2025

Kioxia Corporation ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ประกาศในวันนี้ว่าซีรีส์ SSD แบบพกพา EXCERIA PLUS G2 ของบริษัทได้รับรางวัล Red Dot Design Award ในประเภท “การออกแบบผลิตภัณฑ์ ประจำปี 2025” โดยรางวัล Red Dot Design Award นี้ถือเป็นรางวัลด้านการออกแบบที่ทรงเกียรติที่สุดรางวัลหนึ่งของโลก ซึ่งมอบให้แก่ผลิตภัณฑ์ที่มีดีไซน์ยอดเยี่ยมที่สุดทุกปี ผู้ชนะจะได้รับเกียรติในพิธีมอบรางวัล Red Dot Design Award ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 8 กรกฎาคมที่เมืองเอสเซน ประเทศเยอรมนี

Red Dot Design Award Winner: Kioxia’s EXCERIA PLUS G2 Portable SSD Series

ผู้ชนะรางวัล Red Dot Design Award: ซีรีส์ SSD แบบพกพา EXCERIA PLUS G2 ของ Kioxia

คณะกรรมการของ Red Dot ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ได้เลือกซีรีส์ SSD แบบพกพา EXCERIA PLUS G2 เนื่องจากมีดีไซน์ที่เพรียวบาง ฟังก์ชันที่เน้นผู้ใช้ และโครงสร้างที่ทนทาน รางวัลดังกล่าวมอบให้แก่ตัวเครื่องอะลูมิเนียมที่เรียบและโค้งมน ไม่มีสกรูที่มองเห็นได้เพื่อให้สัมผัสที่ไร้รอยต่อ รวมถึงมีโซลูชันระบายความร้อนและทนต่อแรงกระแทกผ่านการออกแบบ

โดยซีรีส์ SSD แบบพกพา EXCERIA PLUS G2 ยังเคยได้รับรางวัล GOOD DESIGN AWARD 2024 ในญี่ปุ่นมาก่อนอีกด้วย

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง:
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ซีรีส์ SSD แบบพกพา EXCERIA PLUS G2
(เว็บไซต์ Kioxia Singapore Pte.Ltd.)
https://apac.kioxia.com/en-apac/personal/ssd/exceria-plus-g2-portable.html

*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการทั้งหมดอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทบุคคลที่สาม

เกี่ยวกับ Kioxia
Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันหน่วยความจำ ซึ่งทุ่มเทให้กับการพัฒนา การผลิต และการขายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2017 บริษัท Toshiba Memory ซึ่งเป็นชื่อเดิมของบริษัทได้แยกตัวออกมาจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจำ” ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและการสร้างคุณค่าสำหรับสังคมผ่านหน่วยความจำ โดย BiCS FLASH™ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3 มิติที่เป็นนวัตกรรมของ Kioxia กำลังกำหนดอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่มีความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี ระบบยานยนต์ ศูนย์ข้อมูล และระบบ AI เชิงสร้างสรรค์

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250422321137/en

Contacts

การติดต่อสอบถามสำหรับสื่อ:
Kioxia Corporation
แผนกการจัดการโปรโมชั่น
Koji Takahata
โทร.: +81-3-6478-2404

ที่มา: Kioxia Corporation

3Degrees แต่งตั้ง Philippe Vedrenne เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2025

Logo

ซานฟรานซิสโก–(BUSINESS WIRE)–22 เมษายน 2025

3Degrees ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชันด้านสภาพอากาศระดับโลกชั้นนำและได้รับการรับรองจาก B Corporation มีความยินดีที่จะประกาศแต่งตั้ง Philippe Vedrenne ให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2025 โดย Vedrenne จะเข้ารับตำแหน่งดังกล่าวแทน Steve McDougal ซึ่งเป็น CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง 3Degrees คนปัจจุบัน โดย McDougal ลาออกจากตำแหน่งผู้นำของบริษัท และได้แจ้งต่อคณะกรรมการบริหารเมื่อปีที่แล้วว่าเขาจะเกษียณอายุจากตำแหน่ง CEO และจะยังคงมีส่วนร่วมในฐานะสมาชิกของคณะกรรมการต่อไป

3Degrees Appoints Philippe Vedrenne as Chief Executive Officer, Effective May 1, 2025

3Degrees แต่งตั้ง Philippe Vedrenne เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2025

Vedrenne มีประสบการณ์ในตลาดพลังงานระดับโลกมากกว่าสองทศวรรษจากการดำเนินงานในหลายทวีป โดยล่าสุดที่ Engie เขาดูแลกิจกรรมการค้าและการค้าปลีกในอเมริกาเหนือและใต้สำหรับไฟฟ้าและก๊าซ ในตำแหน่งนี้ เขาเป็นผู้นำความพยายามในการนำโซลูชันพลังงานหมุนเวียนในระดับสาธารณูปโภคมาสู่ตลาดองค์กรด้วยการผสมผสานสินทรัพย์ประเภทลม พลังงานแสงอาทิตย์ และแบตเตอรี่

Vedrenne เริ่มต้นอาชีพในยุโรปที่ Gaz de France ซึ่งเขามีบทบาทสำคัญในการสร้าง Gasely ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจการค้าที่พัฒนามาเป็น Engie Global Markets และต่อมาเขาก็ได้ดำรงตำแหน่ง CEO ในขณะที่ดำเนินกิจกรรมกลางน้ำก๊าซธรรมชาติของ Engie ในยุโรป เขาได้เจรจาสัญญาจัดหาระยะยาวของบริษัทใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับตลาด มีส่วนสนับสนุนในการประกันความปลอดภัยของอุปทานในยุโรป และช่วยสร้างกระแสไหลย้อนกลับของก๊าซธรรมชาติไปยังยูเครนภายหลังการลุกฮือที่จัตุรัสไมดานและสงครามรัสเซีย-ยูเครนในปี 2014 ก่อนจะย้ายไปสหรัฐอเมริกาในปี 2021 Vedrenne ได้เป็นผู้นำโครงการสำคัญสองโครงการสำหรับ Engie ได้แก่ การพัฒนากิจกรรมข้อตกลงการซื้อพลังงานหมุนเวียน (PPA) ในยุโรป และโครงการคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ที่กำหนดความทะเยอทะยานในการลดคาร์บอนของ Engie และแนวทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2045

Dan Kalafatas ผู้ก่อตั้งร่วมและประธานคณะกรรมการบริหารของ 3Degrees กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ Philippe Vedrenne เข้ามาดำรงตำแหน่ง CEO คนต่อไปของ 3Degrees การคัดเลือกผู้นำระดับโลกของเราเน้นไปที่การคัดเลือกผู้นำคนใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญในการขับเคลื่อนบทต่อไปของการเติบโตของ 3Degrees ซึ่ง Philippe เป็นผู้มีประสบการณ์ความเป็นผู้นำระดับโลกที่หาได้ยาก มีประวัติความสำเร็จ มุ่งเน้นที่ผู้นำด้านบริการ และมีความมุ่งมั่นที่จะนำโซลูชันการลดคาร์บอนที่สร้างสรรค์มาสู่โลก คณะกรรมการบริหารของ 3Degrees ยังต้องการแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อ Steve McDougal ในช่วงดำรงตำแหน่ง CEO Steve ได้เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงของบริษัทจากบริษัทพลังงานหมุนเวียนขนาดเล็กที่เน้นในอเมริกาเหนือไปสู่ผู้ให้บริการโซลูชันด้านสภาพอากาศระดับโลกชั้นนำที่ให้คำปรึกษาแก่บริษัทที่ใหญ่ที่สุดบางแห่งในโลก”

“ผมตื่นเต้นมากที่จะรับบทบาท CEO และช่วยเร่งการเติบโตของ 3Degrees และผลกระทบต่อสภาพอากาศของลูกค้าของเรา” Vedrenne กล่าว “ทีมงานทั้งหมดมีความแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ มีความเชี่ยวชาญด้านตลาดและการทำงานอย่างลึกซึ้ง ผมตั้งตารอที่จะช่วยผลักดันการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของบริษัทในตลาดปัจจุบันและตลาดใหม่ และใช้การผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ระหว่างการมีส่วนร่วมในตลาดและการมุ่งเน้นที่ลูกค้าเป็นศูนย์กลางเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และโซลูชันใหม่ๆ ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมองค์กรที่เป็นแบบอย่างที่ดีเช่นนี้ ซึ่งช่วยให้ผมสามารถทำงานที่ท้าทายสำหรับเราทุกคนได้”

McDougal กล่าวเสริมว่า “การร่วมก่อตั้ง 3Degrees กับ Dan Kalafatas ซึ่งต่อมาได้ดำรงตำแหน่ง CEO ของบริษัทเป็นเวลาสิบปีนั้นถือเป็นสิทธิพิเศษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผม ผมรู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งในสิ่งที่ทีมงาน 3Degrees สร้างร่วมกันมาเกือบสองทศวรรษ ผมตั้งตารอที่จะสนับสนุนอนาคตที่สดใสของ 3Degrees ในบทบาทของผมในฐานะคณะกรรมการบริหาร และรู้สึกมั่นใจว่า Philippe จะเป็นผู้ดูแลบริษัทได้อย่างยอดเยี่ยมในขณะที่บริษัทขยายผลกระทบไปทั่วโลกสำหรับลูกค้า พันธมิตร ซัพพลายเออร์ พนักงาน และสภาพอากาศ”

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/20250422978066/en

Contacts

Rachel Fagan
512.791.2083

ที่มา: 3Degrees

รีเล็กซ์ โซลูชันส์ ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้นำใน Gartner® Magic Quadrant ประจำปี 2025 ™ สำหรับการวางแผนห่วงโซ่อุปทาน

Logo

รีเล็กซ์  ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำเป็นครั้งแรกในรายงานของนักวิเคราะห์อิสระนี้ เนื่องมาจากความสามารถในการดำเนินการและความครบถ้วนของวิสัยทัศน์

แอตแลนตาและเฮลซิงกิ–(BUSINESS WIRE)–16 เมษายน 2025

รีเล็กซ์ โซลูชันส์เป็นผู้ให้บริการโซลูชันการวางแผนห่วงโซ่อุปทานและค้าปลีกแบบครบวงจรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ได้ประกาศในวันนี้ว่าได้รับการยอมรับในการเป็นผู้นำใน Gartner® Magic Quadrant ประจำปี 2025 สำหรับการวางแผนห่วงโซ่อุปทาน1 โดยพิจารณาจากความสมบูรณ์ของวิสัยทัศน์และความสามารถในการดำเนินการ การยอมรับนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ รีเล็กซ์ ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มผู้นำด้านการวางแผนห่วงโซ่อุปทาน เพียงสามปีหลังจากที่ถูกรวมอยู่ในรายงานนี้เป็นครั้งแรกในปี 2022 โดย รีเล็กซ์ เชื่อว่าการยอมรับนี้ได้ช่วยเน้นย้ำให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง และความสามารถในการปรับขนาดเพื่อรองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้น ของแพลตฟอร์มของเรา ที่ผสานรวมอุปสงค์และอุปทานในห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดเพื่อขับเคลื่อนการตัดสินใจที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น ประสิทธิภาพที่สูงขึ้น และการทำงานร่วมกันอย่างราบรื่นในทุกๆ ฟังก์ชัน

Mikko Kärkkäinen ซีอีโอกลุ่มและผู้ก่อตั้งร่วมของ รีเล็กซ์ โซลูชันส์ กล่าวว่า “เรารู้สึกว่าการได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำในรายงานฉบับนี้เป็นการช่วยตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละของเราในการส่งมอบมูลค่าที่วัดได้ รวมถึงนวัตกรรมที่เปลี่ยนโฉมการวางแผนห่วงโซ่อุปทานผ่านแพลตฟอร์มที่เป็นหนึ่งเดียวอย่างแท้จริงสำหรับผู้ค้าปลีก ผู้ค้าส่ง ผู้ผลิต และบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ เราได้ลงทุนอย่างมากในด้านนวัตกรรม โดยจัดสรรรายได้ 25% ของเราให้กับการวิจัยและพัฒนา เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์มของเราสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตที่ซับซ้อน เราได้ส่งมอบตามคำมั่นสัญญาของเราด้วยการนำเสนอแพลตฟอร์มที่ผสานรวมการวางแผนความต้องการสินค้าในระดับค้าปลีกที่ขับเคลื่อนด้วย AI  การเพิ่มประสิทธิภาพของการวางแผนอุปสงค์และอุปทาน และการกำหนดตารางการผลิตไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ที่จะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนที่สุดของห่วงโซ่อุปทานได้”

แพลตฟอร์ม รีเล็กซ์ มีรากฐานมาจาก AI ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทขึ้น โดยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานได้อย่างแม่นยำ สามารถปรับแผนซัพพลายเชนให้สอดคล้องกับการพยากรณ์ความต้องการสินค้า การเติมสินค้า การจัดสรร และการจัดตารางการผลิตได้อย่างไร้รอยต่อภายในโมเดลข้อมูลเดียว สถาปัตยกรรมที่สามารถปรับแต่งได้สูงนี้รองรับการวางแผนแบบอัตโนมัติ (touchless planning) เพื่อช่วยลดขั้นตอนการทำงานซ้ำ ๆ และเพิ่มขีดความสามารถให้ธุรกิจสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วต่อสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว คุณสมบัติหลักประกอบด้วย::

  • การวางแผนความต้องการที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยใช้การคาดการณ์จาก ML รวมถึงการตรวจจับความต้องการเพื่อคาดการณ์และตอบสนองต่อความผันผวนของตลาด
  • การวางแผนการผลิต การจัดซื้อ และการจัดจำหน่ายแบบบูรณาการเพื่อให้อุปทานสอดคล้องกับความต้องการแบบเรียลไทม์
  • การกำหนดตารางการผลิตขั้นสูงที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมการผลิตที่ซับซ้อน
  • ความร่วมมือระหว่างองค์กร ซึ่งใช้ประโยชน์จากความสำเร็จของ RELEX ในอุตสาหกรรมค้าปลีกที่จะช่วยให้ผู้ผลิตสามารถทำงานร่วมกับผู้ค้าปลีกได้อย่างราบรื่น
  • การวินิจฉัยขั้นสูงเพื่อระบุสาเหตุหลักของความไม่มีประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานที่จะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาเชิงรุกและสามารถปรับปรุงได้อย่างต่อเนื่อง
  • ความสามารถในการเติมเต็มและการจัดสรรสินค้าที่ช่วยให้ระดับสินค้าคงคลังอยู่ในระดับที่เหมาะสมตลอดห่วงโซ่อุปทาน ช่วยลดของเสีย และเพิ่มความพร้อมในการขาย
  • แพลตฟอร์มรวมที่เชื่อมต่อความสามารถเหล่านี้เข้าไว้ด้วยกันในที่เดียวเพื่อส่งมอบการวางแผนธุรกิจแบบบูรณาการ

นอกจากนี้ รีเล็กซ์ ยังขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมในด้าน genAI และ agentic AI ควบคู่ไปกับเทคนิค AI เฉพาะทางที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับความสามารถของแพลตฟอร์มในการขับเคลื่อนความคล่องตัว ลดของเสีย และปรับเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับการดำเนินการด้านปฏิบัติการ ด้วยคะแนนความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้า (net promoter score) ที่เป็นผู้นำตลาด ลูกค้าของเรา ได้ให้คะแนน รีเล็กซ์ อย่างสม่ำเสมอว่าเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้และมีคุณค่าสำหรับการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทาน

สามารถเข้าถึงรายงาน Gartner Magic Quadrant สำหรับการวางแผนห่วงโซ่อุปทานได้ที่นี่

  1. Gartner, “Magic Quadrant for Supply Chain Planning Solutions”; Pia Orup Lund, Joe Graham, Caleb Thomson, Shane Brett, Eva Dawkins, 14 April 2025.  
  2. Gartner ไม่ได้รับรองผู้จำหน่าย ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใดๆ ที่ปรากฏในรายงาน และจะไม่แนะนำให้ผู้ใช้เทคโนโลยีเลือกเฉพาะผู้จำหน่ายที่มีคะแนนสูงสุดหรือการรับรองอื่นใดเท่านั้น เอกสารเผยแพร่ผลการวิจัยของ Gartner ประกอบด้วยความคิดเห็นขององค์กรวิจัยของ Gartner และไม่ควรตีความว่าเป็นข้อเท็จจริง โดย Gartner ขอปฏิเสธการรับประกันใดๆ ไม่ว่าโดยชัดแจ้งหรือโดยนัยเกี่ยวกับผลการวิจัยนี้ รวมถึงการรับประกันความสามารถในการขายหรือความเหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะ
  3. GARTNER เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนและเครื่องหมายบริการของ Gartner และ Magic Quadrant เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Gartner, Inc. และ/หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ และใช้ที่นี่โดยได้รับอนุญาต สงวนลิขสิทธิ์

เกี่ยวกับ รีเล็กซ์

รีเล็กซ์ โซลูชันส์  นำเสนอแพลตฟอร์มรวมสำหรับการวางแผนการค้าปลีก การผลิต และห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งเปิดใช้งานด้วยเทคโนโลยี AI ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว เราได้ช่วยให้ผู้ค้าปลีก ผู้ผลิต และบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการคาดการณ์อุปสงค์ การเติมสินค้า การขาย การกำหนดราคาและโปรโมชั่น การดำเนินการห่วงโซ่อุปทาน และการวางแผนการผลิตตลอดห่วงโซ่คุณค่าแบบครบวงจร โดยบริษัทต่างๆ เช่น ADUSA, AutoZone, Coles, Circle K, Dollar Tree และ Family Dollar, M&S Food, PetSmart, Rituals, The Home Depot และ Systemair ต่างไว้วางใจให้  รีเล็กซ์ช่วยเพิ่มความพร้อมของสินค้าเพื่อเพิ่มยอดขาย มอบข้อมูลเชิงลึกที่สามารถดำเนินการได้ ปรับปรุงความยั่งยืน รวมถึงช่วยขับเคลื่อนการเติบโตที่สร้างผลกำไร

เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่: https://www.relexsolutions.com/customers/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Jolene Peixoto
รองประธานฝ่ายสื่อสาร
RELEX Solutions
Jolene.Peixoto@relexsolutions.com

Savannah Yawn
ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารอาวุโส
RELEX Solutions
Savannah.yawn@relexsolutions.com

ที่มา: RELEX Solutions

พิธีมอบรางวัลญี่ปุ่นประจำปี 2025 จัดขึ้นโดยมีสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่นเสด็จฯ เข้าร่วม

Logo

Russell Dean Dupuis, Ph.D. ในสาขาวิทยาศาสตร์วัสดุและการผลิต
Carlos M. Duarte, Ph.D. ในสาขาการผลิตทางชีวภาพ นิเวศวิทยา และสิ่งแวดล้อม

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–17 เมษายน 2025

มูลนิธิเจแปน ไพรซ์ (Japan Prize) (ประธาน: Ryozo Nagai) จัดพิธีมอบรางวัลเมื่อวันพุธที่ 16 เมษายน ที่โรงละครแห่งชาติแห่งใหม่ กรุงโตเกียว ในเขตชิบูย่า เพื่อมอบรางวัล Japan Prize ให้แก่นักวิทยาศาสตร์ที่สร้างสรรค์ผลงานโดดเด่นในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับโลก และมีส่วนสนับสนุนอย่างสำคัญในการสร้างสันติภาพและความมั่งคั่งให้กับมวลมนุษยชาติ

Russell Dean Dupuis, Ph.D. (สหรัฐอเมริกา) ผู้ชนะรางวัลในสาขาวัสดุศาสตร์และการผลิต และ Carlos M. Duarte, Ph.D. (สเปน) ผู้ชนะรางวัลในสาขาการผลิตทางชีววิทยา นิเวศวิทยา และสิ่งแวดล้อม ได้เข้าร่วมพิธีมอบรางวัล โดยแต่ละสาขาได้รับรางวัล 1 ล้านเยน พร้อมใบรับรองและเหรียญรางวัล

ในแต่ละปี ผู้ชนะรางวัล Japan Prize จะถูกแนะนำจากนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรที่มีชื่อเสียงประมาณ 15,500 คนจากทั่วโลก และตัดสินโดยการตรวจสอบอันเข้มงวดที่ใช้เวลาประมาณหนึ่งปี สำหรับในปี 2025 นี้ มูลนิธิได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง 149 รายการสำหรับสาขาวัสดุศาสตร์และการผลิต และ 72 รายการสำหรับสาขาการผลิตทางชีวภาพ นิเวศวิทยา และสิ่งแวดล้อม โดยผู้ชนะในปีนี้ได้รับการคัดเลือกจากผู้สมัครทั้งหมด 221 ราย

พิธีดังกล่าวมีแขกเข้าร่วมประมาณ 1,000 คน เริ่มจากสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินี หัวหน้าฝ่ายบริหารทั้งสามฝ่ายและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และผู้แทนจากภาคส่วนต่างๆ ของสังคม โดยสมเด็จพระจักรพรรดิทรงมีพระราชดำรัส ตามด้วยคำกล่าวของผู้ชนะทั้งสองท่าน และคำกล่าวแสดงความยินดีของ Fukushiro Nukaga ประธานสภาผู้แทนราษฎร

สามารถชมพิธีมอบรางวัลประจำปีนี้ได้จากลิงก์ด้านล่าง
เวอร์ชันภาษาญี่ปุ่น: https://youtube.com/live/zTknLtGyoBQ
เวอร์ชันภาษาอังกฤษ: https://youtube.com/live/EnexU3HBJjY

  • รูปโปรไฟล์ของผู้ได้รับรางวัลในประเทศญี่ปุ่นและรูปภาพจากวันพิธีมอบรางวัลจะถูกอัปโหลดไปที่ลิงก์นี้
     https://www.japanprize.jp/press_photo.html
    *เมื่อทำการเผยแพร่ภาพถ่ายเหล่านี้ โปรดใส่เครดิตว่า “Courtesy of Japan Prize”

เกี่ยวกับ Japan Prize

รางวัล Japan Prize เริ่มต้นขึ้นในปี 1981 โดยเกิดจากความปรารถนาของรัฐบาลญี่ปุ่นที่จะสร้างรางวัลที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติซึ่งจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทั่วโลก ด้วยการสนับสนุนจากการบริจาคจำนวนมาก ทำให้ Japan Prize Foundation ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะรัฐมนตรีในปี 1983 โดยรางวัล Japan Prize นั้นจะมอบให้กับนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรจากทั่วโลกที่ประสบความสำเร็จอย่างสร้างสรรค์และโดดเด่นที่ได้ช่วยพัฒนาสาขาของตนและมีส่วนสนับสนุนอย่างมีนัยสำคัญในการบรรลุสันติภาพ รวมถึงความเจริญรุ่งเรืองสำหรับมนุษยชาติทั้งหมด นักวิจัยในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทุกสาขามีสิทธิ์ได้รับรางวัลนี้ โดยสาขาต่างๆ จะได้รับการคัดเลือกปีละ 2 สาขา โดยพิจารณาจากแนวโน้มปัจจุบันของการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยหลักแล้ว บุคคลหนึ่งคนในแต่ละสาขาจะได้รับรางวัลนี้และจะได้รับใบรับรอง เหรียญรางวัล รวมถึงเงินรางวัล ในพิธีมอบรางวัลแต่ละครั้ง สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินี หัวหน้าฝ่ายบริหารทั้งสามฝ่ายและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และผู้แทนจากภาคส่วนอื่นๆ ของสังคมจะเข้าร่วมด้วย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

สำหรับการสอบถามเกี่ยวกับการเปิดตัวนี้: สำนักงานประชาสัมพันธ์เจแปน ไพรซ์ (Japan Prize)
อีเมล: japanprize@ml.prap.co.jp

ที่มา: The Japan Prize Foundation

การประชุมสภาที่ปรึกษาการเพิ่มผลผลิตสีเขียวของ APO ประจำปี 2025

Logo

โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–16 เมษายน 2025

การประชุมครั้งแรกของสภาที่ปรึกษาการเพิ่มผลผลิตสีเขียวประจำปี (GPA) ขององค์การเพิ่มผลผลิตแห่งเอเชีย (APO) ประสบความสำเร็จ โดยจัดขึ้นในช่วงวันที่ 14-15 เมษายน 2025 ณ เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น

APO Secretary-General Dr. Indra delivering the closing remarks at the GPA Council Annual Meeting Special Presentation Session at the Blue Ocean Dome, EXPO 2025 Osaka.

Dr. Indra เลขาธิการ APO กล่าวปิดการประชุมประจำปีของสภา GPA ในเซสชันการนำเสนอพิเศษที่ Blue Ocean Dome ในงาน EXPO 2025 ที่โอซาก้า

สภาที่ปรึกษาการเพิ่มผลผลิตสีเขียวซึ่งมีศาสตราจารย์กิตติคุณจากมหาวิทยาลัยโตเกียว Ryoichi Yamamoto เป็นประธาน ประกอบด้วยสมาชิกจากฟิจิ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และไทย และให้คำแนะนำแก่เลขาธิการ APO Dr. Indra Pradana Singawinata เกี่ยวกับการพัฒนาระบบนิเวศ GP 2.0 ที่เน้นการแก้ปัญหา เน้นการดำเนินการ และเน้นในภูมิภาคเอเชีย

เลขาธิการ Dr. Indra รายงานความคืบหน้าที่เลขาธิการได้ทำในการสร้างแนวคิดของระบบนิเวศ GP 2.0 รวมถึงองค์ประกอบทั้ง 3 ใน 7 องค์ประกอบ ได้แก่ ระบบการให้คะแนน GP, คู่มือ GP และการทำแผนที่ GP นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวต้นแบบของระบบการให้คะแนน GP และการทำแผนที่ GP รวมถึงการสาธิตให้สภา GPA ได้พิจารณาทบทวนครั้งแรก โดยสมาชิกสภาและตัวแทนได้ให้ข้อเสนอแนะเชิงลึกและเสนอแนะการปรับเปลี่ยนเพื่อปรับปรุงการออกแบบโดยรวมของระบบนิเวศ GP 2.0 และองค์ประกอบต่างๆ

ความสำคัญของความพยายามของสภา GPA ในการผนวกหลักการของ GP ตามที่ศาสตราจารย์ Yamamoto ได้กำหนดไว้ในปี 1994 เข้ากับระบบนิเวศ GP 2.0 ได้รับการเน้นย้ำในเซสชันการนำเสนอพิเศษที่จัดขึ้นที่ Blue Ocean Dome (BOD) ในงาน EXPO 2025 ที่โอซาก้า เมื่อค่ำวันที่ 14 เมษายน โดยสมาชิกสภาได้เน้นย้ำถึงความพยายามในอดีตและปัจจุบันของชาติในการดำเนินการริเริ่มความยั่งยืนตามจิตวิญญาณของ GP ในฟิจิ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และไทย ขณะเดียวกันก็มองไปที่ระบบนิเวศ GP 2.0 โดยในเซสชันดังกล่าวประกอบด้วยคำกล่าวต้อนรับจากประธาน ZERI Japan Yusuke Saraya ซึ่งเป็นเจ้าภาพในเซสชัน BOD และมีคำกล่าวเปิดงานโดยประธานสภา GPA ศาสตราจารย์ Yamamoto รวมถึงข้อความวิดีโอโดย H.E. Agni Deo Singh รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการจ้างงาน ผลิตภาพ และความสัมพันธ์ในสถานที่ทำงานของฟิจิ และการนำเสนอสดโดยสมาชิกสภาและตัวแทนของพวกเขา

ในคำปราศรัยของเขา รองรัฐมนตรีกระทรวงวางแผนการพัฒนาแห่งชาติของอินโดนีเซีย (BAPPENAS) Febrian A. Ruddyard ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงสีเขียวและ GP เพื่อให้บรรลุการเติบโตอย่างยั่งยืนโดยไม่เพิ่มแรงกดดันมหาศาลที่สิ่งแวดล้อมกำลังเผชิญอยู่หลังจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมมาหลายทศวรรษ เซสชันการนำเสนอพิเศษสิ้นสุดลงด้วยคำกล่าวปิดของ Dr. Indra เลขาธิการ APO ตามด้วยวิดีโอที่เน้นถึงความสำเร็จอันโดดเด่นของ Biofarma ซึ่งเป็นผู้ผลิตยาจากอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตัวอย่างปัจจุบันของ GP ในการดำเนินการ โดยแสดงให้เห็นว่าการประยุกต์ใช้เทคนิค GP ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มผลผลิตเท่านั้น แต่ยังช่วยชีวิตผู้คนได้อีกด้วย

เมื่อสภา GPA กลับมาประชุมอีกครั้งในเช้าวันที่ 15 เมษายน มีวิทยากรรับเชิญ 2 ท่านได้นำเสนอเพื่อช่วยขยายการพิจารณาเกี่ยวกับทิศทางเชิงกลยุทธ์ของ GP 2.0 โดยข้อเสนอแนะชุดสุดท้ายเกี่ยวกับการพัฒนาระบบนิเวศ GP 2.0 ได้รับการตกลงกันเพื่อชี้นำความพยายามของสำนักงานเลขาธิการ APO ในปีหน้า คำแนะนำเหล่านี้จะมีการรายงานในการประชุมสมัยที่ 67 ของสภาบริหาร APO ที่จะจัดขึ้นในจาการ์ตาในเดือนพฤษภาคม 2025 อีกด้วย

เกี่ยวกับ APO

องค์การเพิ่มผลผลิตแห่งเอเชีย (APO) เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลระดับภูมิภาคที่อุทิศตนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพผลผลิตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกผ่านความร่วมมือซึ่งกันและกัน องค์การไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมือง ไม่แสวงหากำไร และไม่เลือกปฏิบัติ ก่อตั้งขึ้นในปี 1961 โดยมีสมาชิกผู้ก่อตั้ง 8 ราย ปัจจุบัน APO ประกอบด้วยเศรษฐกิจสมาชิก 21 ประเทศ ได้แก่ บังกลาเทศ กัมพูชา สาธารณรัฐจีน ฟิจิ ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สปป.ลาว มาเลเซีย มองโกเลีย เนปาล ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ศรีลังกา ไทย ตุรกี และเวียดนาม

APO กำลังกำหนดทิศทางอนาคตของภูมิภาคโดยส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมของสมาชิกผ่านบริการให้คำแนะนำด้านนโยบายระดับชาติ ซึ่งทำหน้าที่เป็นกลุ่มนักคิด ริเริ่มสร้างศักยภาพสถาบัน และการแบ่งปันความรู้เพื่อเพิ่มผลผลิต

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250415110326/en

Contacts

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:
หน่วยข้อมูลดิจิทัล APO:
pr@apo-tokyo.org
เว็บไซต์: https://www.apo-tokyo.org

ที่มา: The Asian Productivity Organization

Gradiant คว้ารางวัลเหรียญทองจากเวที Edison Awards 2025 ด้วยเทคโนโลยี ForeverGone สำหรับการกำจัดและทำลายสาร PFAS อย่างสิ้นซาก

Logo

ForeverGone เป็นโซลูชันครบวงจรรายแรกของอุตสาหกรรมที่สามารถกำจัดสาร PFAS หรือ “สารเคมีชั่วนิรันดร์” ออกจากน้ำในภาคเทศบาลและอุตสาหกรรมได้อย่างถาวร

บอสตัน–(BUSINESS WIRE)–05 เมษายน 2025

Gradiantผู้นำระดับโลกด้านการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูง ประกาศในวันนี้ว่าโซลูชัน ForeverGone ของบริษัทได้รับรางวัลเหรียญทองจากเวที Edison Awards 2025 อันทรงเกียรติ รางวัลนี้สะท้อนถึงความเป็นผู้นำของ Gradiant ในด้านความยั่งยืนและนวัตกรรมทางเทคโนโลยี พร้อมตอกย้ำพันธกิจของบริษัทในการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนของสาร PFAS ซึ่งเป็นหนึ่งในวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่เร่งด่วนที่สุดของโลก

Gradiant’s Anurag Bajpayee, Steven Lam, Katie Dobbins, and Mark Danchak receive 2025 Edison Gold Award

Anurag Bajpayee, Steven Lam, Katie Dobbins และ Mark Danchak จาก Gradiant ได้รับรางวัล Edison Gold Award ประจำปี 2025

สารเพอร์- และโพลีฟลูออโรอัลคิล (PFAS) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “สารเคมีชั่วนิรันดร์” คือสารเคมีสังเคราะห์ที่คงตัวสูง พบได้ในน้ำจากแหล่งอุตสาหกรรม เทศบาล และหลุมฝังกลบ โดยเชื่อมโยงกับความเสี่ยงต่อสุขภาพร้ายแรง เช่น มะเร็ง ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน และปัญหาการเจริญเติบโต PFAS จึงกลายเป็นวิกฤตด้านสาธารณสุขระดับโลก ForeverGone ของ Gradiant คือโซลูชันครบวงจรรายแรกในอุตสาหกรรม ที่ไม่เพียงกำจัด PFAS ออกจากแหล่งน้ำที่ปนเปื้อนเท่านั้น แต่ยังสามารถทำลายสารเหล่านี้ได้อย่างถาวร ณ จุดบำบัด โดยไม่เสี่ยงต่อการปล่อยสารพิษกลับคืนสู่สิ่งแวดล้อม

รางวัล Edison Awards ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 38 มีเป้าหมายเพื่อยกย่องความเป็นเลิศด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ การตลาด การออกแบบ และนวัตกรรม โดยผู้เข้ารอบสุดท้ายจะได้รับการคัดเลือกจากคณะผู้ลงคะแนนที่ประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูง นักวิชาการ และผู้นำด้านนวัตกรรมจากทั่วโลก

“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ภาคอุตสาหกรรมและเทศบาลต่างเผชิญกับความท้าทายในการกำจัด PFAS อย่างสมบูรณ์โดยไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติม” Anurag Bajpayee ซีอีโอของ Gradiant กล่าว “ForeverGone เป็นโซลูชันครบวงจรอย่างแท้จริง ที่สามารถทั้งแยกและทำลาย PFAS ได้ ณ แหล่งปนเปื้อนโดยตรง เพื่อให้แน่ใจว่าสารเคมีอันตรายเหล่านี้จะถูกกำจัดออกจากธรรมชาติอย่างถาวร การได้รับการยอมรับจาก Edison Awards ในครั้งนี้ตอกย้ำถึงผลกระทบเชิงเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีของเรา และพันธกิจของเราที่จะส่งมอบโซลูชันน้ำสะอาดในระดับโลก”

เทคโนโลยี ForeverGone ของ Gradiant ซึ่งได้รับการตรวจสอบและยืนยันจากห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองหลายแห่ง ใช้กระบวนการ Micro-Foam Fractionation และ Destruction Engine เพื่อทำการรวมสาร PFAS ให้อยู่ในรูปของไมโครโฟม แล้วทำลายมันด้วยการออกซิเดชั่นด้วยกระแสไฟฟ้า (electro-oxidation) ซึ่งให้ผลลัพธ์น้ำที่มีคุณภาพตามมาตรฐานน้ำดื่มล่าสุดของ US EPA หรือสูงกว่า แนวทางการทำงานแบบบูรณาการนี้สร้างมาตรฐานใหม่ในเรื่องความเรียบง่าย, ประสิทธิภาพ, และความยั่งยืน โดยมอบการกำจัด PFAS ที่ครอบคลุมในต้นทุนที่ต่ำที่สุด

Gradiant กำลังเร่งขยายการใช้งานเทคโนโลยี ForeverGone ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ อาหารและเครื่องดื่ม การทำเหมือง และเทศบาลขนาดใหญ่ เพื่อให้การฟื้นฟูสาร PFAS กลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับชุมชนทั่วโลก

คุณสนใจเทคโนโลยี ForeverGone สำหรับเว็บไซต์ของคุณหรือไม่ Gradiant ได้เปิดตัวโปรแกรมทดสอบฟรีเพื่อแสดงความสามารถของ ForeverGone ในการบำบัดน้ำที่ปนเปื้อนหลากหลายประเภท ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อ Gradiant ได้ที่gradiant.com/pfas-forevergone/.

รางวัล Edison Awards 2025 ได้ประกาศผลเมื่อวันที่ 3 เมษายนที่เมืองฟอร์ตไมเยอร์ส รัฐฟลอริดา สำหรับรายชื่อผู้ชนะทั้งหมดในปีนี้ สามารถดูได้ที่edisonawards.com/2025-winners/.

เกี่ยวกับ GRADIANT

Gradiant คือบริษัทน้ำที่แตกต่าง ด้วยชุดโซลูชันเฉพาะตัวที่ครบวงจรสำหรับการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูง โดยได้รับการสนับสนุนจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำระดับแนวหน้าของโลก บริษัทให้บริการโซลูชันที่สำคัญต่อการดำเนินงานของลูกค้าในอุตสาหกรรมที่จำเป็นต่อโลก เช่น เซมิคอนดักเตอร์ เภสัชกรรม อาหารและเครื่องดื่ม ลิเธียมและแร่ธาตุสำคัญ และพลังงานหมุนเวียน โซลูชันนวัตกรรมของ Gradiant ช่วยลดการใช้น้ำและน้ำเสียที่ปล่อยออกมา ช่วยคืนทรัพยากรมีค่า และฟื้นฟูน้ำเสียให้กลับเป็นน้ำจืด บริษัทที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในบอสตัน ก่อตั้งที่ MIT และมีพนักงานมากกว่า 1,200 คนทั่วโลก ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเราได้ที่gradiant.com.

เกี่ยวกับ THE EDISON AWARDS

ก่อตั้งขึ้นในปี 1987 รางวัล Edison Awards มุ่งเน้นการยกย่อง เกียรติยศ และส่งเสริมนวัตกรรมและผู้สร้างสรรค์นวัตกรรม รางวัลนี้ตั้งชื่อตาม Thomas Alva Edison (1847-1931) การแข่งขันประจำปีนี้มอบรางวัลเกียรติยศให้กับความเป็นเลิศในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ การตลาด การออกแบบ และนวัตกรรม ภารกิจขององค์กรคือการสร้างแรงบันดาลใจและสนับสนุนบุคคลและองค์กรในการสร้างอนาคตที่ดีขึ้นโดยการยกย่องและเฉลิมฉลองผลิตภัณฑ์ บริการ และผู้นำธุรกิจที่มีนวัตกรรมที่สุดในโลก

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250404670342/en

Contacts

ผู้ประสานงานของบริษัท:
Felix Wang
หัวหน้าฝ่ายแบรนด์ของ Gradiant
fwang@gradiant.com

ที่มา: Gradiant

นวัตกรรม 5 รายการของ Cargill คว้ารางวัล Edison Awards™ 2025 จากความสำเร็จในการพลิกโฉมอนาคตของอาหารและการเกษตร

Logo

Cargill ได้รับการยกย่องจากนวัตกรรมด้านการลดขยะอาหาร เชื้อเพลิงชีวภาพ ทางเลือกโปรตีนที่หลากหลาย การเข้าถึงน้ำในระดับโลก และสุขภาพสัตว์

เวย์ซาตา รัฐมินนิโซตา–(BUSINESS WIRE)–07 เมษายน 2025

Cargill ได้รับเกียรติคว้ารางวัล Edison Awards 2025 จำนวน 5 รางวัล จากนวัตกรรมที่ท้าทายที่จะกำหนดอนาคตของอาหารและการเกษตร ตั้งแต่การส่งเสริมเกษตรอัจฉริยะด้านภูมิอากาศ ไปจนถึงความก้าวหน้าในโภชนาการและการเข้าถึงน้ำ แต่ละนวัตกรรมที่ได้รับรางวัลสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Cargill ในการสร้างระบบอาหารที่มั่นคงและยืดหยุ่นยิ่งขึ้น

Edison Awards ซึ่งตั้งชื่อตามนักประดิษฐ์ Thomas Edison ฉลองความเป็นเลิศในด้านนวัตกรรม โดยการยกย่องผลิตภัณฑ์และทีมงานที่แก้ไขปัญหาท้าทายระดับโลก รูปแบบตลาด และสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลง นี่ถือเป็นปีที่สามติดต่อกันที่นวัตกรรมของ Cargill ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในผู้ชนะ

“เบื้องหลังทุกนวัตกรรมคือทีมงานที่ทุ่มเทในการแก้ไขปัญหาจริงในด้านอาหารและการเกษตร” กล่าวโดยFlorian Schattenmann หัวหน้าเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีของ Cargill เขายังกล่าวอีกว่า “รางวัลเหล่านี้สะท้อนถึงความหลงใหล การทำงานร่วมกัน และเป้าหมายที่ผลักดันให้ทีมงานของเราจินตนาการถึงสิ่งที่เป็นไปได้ใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงโภชนาการทั่วโลก การลดขยะอาหาร หรือการสนับสนุนความเป็นอยู่ของเกษตรกร ผมรู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งกับทีมงานที่ทำให้โซลูชันเหล่านี้เกิดขึ้นและผลกระทบเชิงบวกที่พวกเขากำลังสร้างขึ้นทั่วโลก”

นวัตกรรมที่ได้รับรางวัลในปี 2025 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Cargill ในการกำหนดอนาคตของอาหารและการเกษตร

  •  [เหรียญเงิน] Winter Camelina สำหรับเชื้อเพลิงชีวภาพ– พืชน้ำมันที่ทนต่อสภาพอากาศหนาวเย็น ปลูกระหว่างฤดูกาลเหมือนพืชคลุมดิน ช่วยสร้างรายได้ใหม่ให้เกษตรกร พร้อมกับผลิตเชื้อเพลิงและอาหารสัตว์ที่มีคาร์บอนต่ำ ในปี 2025 พื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า โดยมีการขายที่ประสบความสำเร็จให้กับผู้ผลิต SAF และสายการบินใหญ่ ทำให้พืชชนิดนี้เป็นการชนะด้านภูมิอากาศจากฟาร์มสู่เชื้อเพลิง
  •  [เหรียญเงิน] สื่อระดับ Cultivated Grade™– สื่อเพาะเลี้ยงเซลล์ที่ปรับแต่งได้และมีราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เทคโนโลยีโปรตีนใหม่ ๆ ขยายตัวได้โดยการลดอุปสรรคด้านต้นทุนสำคัญ พัฒนาขึ้นโดยมีการให้ข้อมูลจากสตาร์ทอัพชั้นนำ เป็นโซลูชันที่สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนอนาคตของโปรตีนที่หลากหลาย
  •  [เหรียญทองแดง] รสชาติธรรมชาติของ Cargill– ส่วนผสมเฉพาะของสารต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติที่ยืดอายุการเก็บรักษาของเนื้อบดได้นานถึง 5 วัน ซึ่งเกินกว่าผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ช่วยลดการสูญเสียอาหารและเพิ่มความยืดหยุ่นในร้านค้าปลีก ได้รับการนำไปใช้โดยผู้ค้าปลีกใหญ่ ๆ และคาดว่าจะช่วยรักษาความสดของเนื้อบดได้ 1.5 ล้านปอนด์ต่อปีอย่างปลอดภัย
  •  [เหรียญทองแดง] Cargill Currents – โครงการร่วมระหว่างCargill กับ Global Water Challenge ที่มุ่งแก้ไขปัญหาน้ำโดยการปรับแต่งโซลูชันให้ตรงกับความต้องการท้องถิ่น ความร่วมมือดังกล่าวได้ปรับปรุงการเข้าถึงน้ำสะอาด การสุขาภิบาล และสุขอนามัย (WASH) ให้กับผู้คนกว่า 150,000 คน นับตั้งแต่เริ่มโครงการในปี 2021 โดยการสร้างปั๊มน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ สถานีล้างมือ และการฝึกอบรมชุมชนเกี่ยวกับ WASH และการเกษตรที่ยั่งยืนด้านน้ำ
  •  [เหรียญทองแดง] REVEAL™ Layers– เทคโนโลยีแรกของโลกที่วัดสภาพร่างกายของไก่ไข่ได้อย่างแม่นยำและไม่รุกรานในสถานที่ โดยใช้เทคโนโลยี Near-Infrared (NIR) ช่วยปรับเปลี่ยนอาหารได้ทันทีเพื่อลดต้นทุนอาหาร ขยายระยะเวลาในการไข่ และเพิ่มผลผลิตไข่ได้ถึง 20 ฟองต่อไก่ 1 ตัว เทคโนโลยีนี้ใช้งานในหลายประเทศแล้ว และได้พิสูจน์แล้วว่าเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

นวัตกรรมเหล่านี้เน้นย้ำบทบาทของ Cargill ในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้ในศูนย์กลางของระบบอาหารโลก โดยการทำงานร่วมกับลูกค้า เกษตรกร และชุมชนเพื่อค้นหาวิธีแก้ปัญหาที่ช่วยบำรุงทั้งผู้คนและโลก

การเสนอชื่อทั้งหมดจะถูกตรวจสอบโดยคณะกรรมการกำกับดูแลของ Edison Awards และคณะกรรมการตัดสินระดับผู้บริหารที่ประกอบด้วยผู้บริหารธุรกิจอาวุโสกว่า 2,000 คน นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรม สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Edison Awards สามารถเยี่ยมชมที่www.edisonawards.com

 เกี่ยวกับ Cargill

Cargill มุ่งมั่นที่จะจัดหาอาหาร ส่วนผสม โซลูชันด้านการเกษตร และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพื่อบำรุงโลกอย่างปลอดภัย รับผิดชอบ และยั่งยืน ตั้งอยู่ในใจกลางของห่วงโซ่อุปทาน เราร่วมมือกับเกษตรกรและลูกค้าในการจัดหาผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต

พนักงานของเราประมาณ 160,000 คนมีนวัตกรรมที่มุ่งมั่น โดยจัดหาสิ่งจำเป็นในชีวิตให้กับลูกค้าเพื่อให้ธุรกิจเติบโต ชุมชนเจริญรุ่งเรือง และผู้บริโภคมีชีวิตที่ดี ด้วยประสบการณ์กว่า 160 ปีในฐานะบริษัทครอบครัว เรามองไปข้างหน้าในขณะที่ยังคงยึดมั่นในคุณค่า เราให้ความสำคัญกับคนเป็นอันดับแรก เรามุ่งสูงขึ้น เราทำสิ่งที่ถูกต้อง วันนี้และสำหรับรุ่นต่อไป สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเยี่ยมชมที่Cargill.com และศูนย์ข่าวของเรา

เกี่ยวกับ Edison Awards

Edison Awards ก่อตั้งขึ้นในปี 1987 เพื่อมอบเกียรติยศแก่ความเป็นเลิศในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ การตลาด การออกแบบที่มุ่งเน้นมนุษย์ และนวัตกรรม ผู้รับรางวัลในอดีตประกอบด้วยบริษัทและนวัตกรชั้นนำจากหลากหลายอุตสาหกรรม ในปี 2021, Edison Awards ได้เปิดตัวทุน Lewis Latimer Fellowship เพื่อยกย่องผู้นำความคิดที่เป็นนวัตกรรมจากกลุ่มคนผิวดำ เรียนรู้เพิ่มเติมที่edisonawards.com

Contacts

ติดต่อสื่อ
media@cargill.com

ที่มา: Cargill

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

NIQ เปิดเผยรายงานแนวโน้มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภคประจำปี 2025: ยอดขายทั่วโลกจะแตะ 1.29 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Logo

มุ่งเน้นไปในส่วนที่มีการเติบโตที่ประกอบด้วยความบันเทิงและการเล่นเกมในบ้าน สมาร์ทโฟน เทคโนโลยีด้านสุขภาพ และเทคโนโลยีในสถานที่ทำงาน

  •  การเติบโตของมูลค่าทั่วโลกจะนำโดยตลาดเกิดใหม่ รวมถึงการเติบโต +5% ที่คาดการณ์ไว้สำหรับจีน
  •  AI มีศักยภาพที่จะขับเคลื่อนการเพิ่มคุณภาพระดับพรีเมียม แต่ต้องเน้นในการสร้างความตระหนักรู้ของผู้บริโภคเกี่ยวกับประโยชน์ที่ “มองเห็นได้” ให้มากขึ้น
  •  ผู้บริโภคยังคงใช้จ่ายได้ตามวัตถุประสงค์

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–02 เมษายน 2025

NielsenIQ (NIQ) บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ผู้บริโภคชั้นนำ ได้เปิดตัวรายงานเกี่ยวกับแนวโน้มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเพื่อผู้บริโภคประจำปี 2025 ในวันนี้ โดยคาดการณ์ว่ายอดขายสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทนสำหรับผู้บริโภคทั่วโลกจะสูงถึง 1.29 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยได้รับแรงหนุนจากตลาดเกิดใหม่ ที่มาทำการเปลี่ยนทดแทน และนวัตกรรมระดับพรีเมียมในปีหน้า

“ในการเติบโตในปี 2025 และในปีต่อๆ ไป ผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกจะต้องใช้คุณค่าด้านนวัตกรรมที่แท้จริงเป็นตัวนำที่สะท้อนถึงวัตถุประสงค์ของผู้บริโภคในปัจจุบัน” กล่าวโดย Julian Baldwin ประธานระดับโลกฝ่าย Tech & Durables ของ NIQ “โอกาสจะตกอยู่ที่ผลิตภัณฑ์ที่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพ พร้อมช่วยพัฒนาประสบการณ์ในแต่ละวัน และให้ผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างชัดเจน การเพิ่มคุณภาพระดับพรีเมียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่าน AI จะถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโต แต่ต้องใช้งานง่าย เข้าถึงได้ และมีประโยชน์ที่ชัดเจนเท่านั้น”

 แนวโน้มเทคโนโลยียอดนิยมปี 2025:

  •  ความบันเทิงและการเล่นเกมในบ้าน: ชัยชนะที่สัมผัสได้อย่างเต็มอารมณ์  พร้อมความสำคัญของจังหวะเวลา
  1. การอัปเกรดทีวีจะล่าช้าไปจนถึงปี 2026 โดยนวัตกรรมและการเปลี่ยนทีวีที่เสียจะเป็นปัจจัยสำคัญในปี 2025
  2. ความต้องการทีวีขนาด 70 นิ้วขึ้นไปพุ่งสูงขึ้น 25% ในปี 2024 ซึ่งถือเป็นแรงผลักดันต่อเนื่องในการสร้างประสบการณ์ภายในบ้านที่ดื่มด่ำ
  3. พีซีสำหรับเล่นเกมกำลังเข้าสู่รอบในการเปลี่ยนทดแทน โดยการซื้อจากช่วงล็อกดาวน์ ดังนั้นปี 2025  เป็นปีที่จำเป็นต้องได้รับการอัปเกรด
  4. กลุ่มผลิตภัณฑ์เสียงเติบโตขึ้น 3% ทั่วโลก โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการในตลาดเกิดใหม่ ควบคู่ไปกับความนิยมของหูฟังแบบคาดศีรษะไร้สาย รวมถึงหูฟังแบบเปิดหู
     
  •  สมาร์ทโฟน: การเพิ่มคุณภาพระดับพรีเมียมอย่างมีความหมาย
  1. ผู้บริโภคส่วนใหญ่ (71%) ใช้สมาร์ทโฟนนานกว่า 3 ปีขึ้นไป ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 52% ในปี 2020
  2. ยอดขายสมาร์ทโฟนราคา > 600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นไป เพิ่มขึ้น 6% ขณะที่ความต้องการโทรศัพท์ราคาถูกลดลง 1%
  3. AI ยังคงเป็นตัวแยกความแตกต่างที่แฝงอยู่ ผู้ซื้อทั่วโลกเพียง 7.8% เท่านั้นที่ระบุว่า AI เป็นตัวกระตุ้นการซื้อ แม้ว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบเป็นรายปี (จาก 6% ในไตรมาสที่ 2 ปี 2024)
  4. ยอดขายเครื่องสำรองไฟฟ้าเติบโตขึ้น 7% โดยส่วนใหญ่ขับเคลื่อนจากความต้องการในยุโรป
     
  •  เทคโนโลยีด้านสุขภาพ: ผู้ที่ทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมและมีศักยภาพในระดับพรีเมียม
  1. อุปกรณ์สวมใส่มีการเติบโต 4% ในปี 2024 และคาดว่าจะเติบโตเร็วขึ้นในปี 2025
  2. ฟีเจอร์การพยากรณ์สุขภาพเชิงคาดการณ์และการปรับแต่งส่วนบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะเป็นแรงผลักดันการเติบโตสำหรับอุปกรณ์พรีเมียมในหมวดหมู่นี้
  •  เทคโนโลยีพื้นที่ทำงาน : ถึงเวลาในการเปลี่ยนทดแทน
  1. กำลังมีการเปลี่ยนพีซี/แล็ปท็อปใหม่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเกี่ยวข้องกับการซื้อของเพื่อรับมือกับโรคระบาดในปี 2020
  2. ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับหน่วยความจำ (55%) ระบบปฏิบัติการ (50%) และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ (49%) เมื่อทำการอัปเกรด
  3. ยอดขายแล็ปท็อปในวัน Black Friday ปี 2024 เติบโตขึ้น 173% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในตลาดสำคัญ เช่น บราซิล, เช็ก, กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป EU5, ฮังการี, เนเธอร์แลนด์ และตุรกี
  •  กิจกรรมส่งเสริมการขาย: ข้อเสนอพิเศษเป็นตัวขับเคลื่อนการซื้อเทคโนโลยีต่างๆ
  1. เหตุการณ์ที่มีความสำคัญ: ยอดขายด้านเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 33% ในปี 2024 ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างมี 7 โปรโมชันสำคัญ โดยเพิ่มขึ้นจาก 29% ในปี 2021
  2. คาดการณ์ว่านักช้อปในปี 2025 จะวางแผนซื้อตามข้อเสนอสุดพิเศษตามฤดูกาลมากกว่าที่เคย
  •  แนวโน้มระดับภูมิภาค: ตลาดเกิดใหม่จะเป็นผู้นำในการเติบโต
  1. จีน (+5%) และเอเชียเกิดใหม่ (+4%) จะเป็นผู้นำการเติบโตของโลก รองลงมาคือตะวันออกกลางและแอฟริกา และอเมริกาเหนือ

เหตุใดแนวโน้มเหล่านี้จึงมีความสำคัญในปี 2025

รายงานแนวโน้มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภคของ NIQ ในปี 2025 จะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ มีแผนงานเชิงรุกในการปลดล็อกการเติบโตในหมวดหมู่ต่างๆ กำหนดเป้าหมายส่วนบุคคลที่มีวิวัฒนาการ และเพิ่มรายได้ผ่านนวัตกรรมที่รองรับด้วยข้อมูลได้

ดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มเพื่อสำรวจส่วนที่น่าสนใจที่สุดและสิ่งสำคัญเชิงกลยุทธ์ของเทคโนโลยีเพื่อผู้บริโภค

เกี่ยวกับ NIQ

NielsenIQ (NIQ) เป็นบริษัทชั้นนำด้านการวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภคที่ให้คุณได้เข้าใจพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคโดยครบถ้วนรอบด้านที่สุดและเผยเส้นทางใหม่สู่การเติบโต โดย NIQ ร่วมมือกับ GfK ในปี 2023 ซึ่งเป็นการรวมตัวของผู้นำอุตสาหกรรมสองรายที่มีขอบเขตการเข้าถึงทั่วโลกที่ไม่มีใครเทียบได้ การเข้าถึงทั่วโลกของเรากว้างไกลไปถึงกว่า 90 ประเทศ ครอบคลุมประชากรประมาณ 85% ของประชากรโลก และข้อมูลค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคทั่วโลกรวมกว่า 7.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยข้อมูลการค้าปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุด ซึ่งนำเสนอด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ทันสมัย ทำให้ ​​NIQ ส่งมอบบริการแบบ Full View™ ได้

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.niq.com

© 2025 Nielsen Consumer LLC. สงวนลิขสิทธิ์

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ: Sweta Patra (sweta.patra@nielseniq.com)

ที่มา: NielsenIQ

โซลูชันหน่วยความจำแฟลชและ SSD ของ KIOXIA เพิ่มประสิทธิภาพให้กับแอปพลิเคชัน AI ที่ NVIDIA GTC 2025

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–19 มีนาคม 2025

สัปดาห์นี้ที่งาน NVIDIA GTC 2025 Kioxia group ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ จะเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของระบบจัดเก็บข้อมูลประสิทธิภาพสูงในโซลูชัน AI ซึ่งรวมถึงความสามารถในการปรับขนาดแอปพลิเคชันเหล่านี้ให้สูงขึ้นและกว้างขึ้น ผู้เยี่ยมชมบูธ KIOXIA จะได้เห็นว่าองค์กรต่างๆ ได้พัฒนากลยุทธ์ AI อย่างไร โดยหน่วยความจำแฟลชจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้สูงสุด ซึ่งช่วยให้ใช้ประโยชน์จากการลงทุนใน AI ได้มากที่สุด

การสาธิตผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีจะจัดขึ้นที่บูธ KIOXIA หมายเลข #1811 บนพื้นที่จัดแสดงของศูนย์การประชุม San Jose McEnry ตั้งแต่วันที่ 17-21 มีนาคม โดยมีรายละเอียดดังนี้:

  • ไลน์ผลิตภัณฑ์ SSD ของ KIOXIA ที่หลากหลาย – รวมถึง SSD NVMe™ ซีรีส์ KIOXIA LC9 ที่เพิ่งประกาศเปิดตัวเมื่อไม่นานนี้ ซึ่งมีความจุ 122.88 เทราไบต์ (TB) ในฟอร์มแฟกเตอร์ขนาด 2.5 นิ้ว โดย SSD QLC ระดับองค์กรตัวแรกของ Kioxia จะใช้เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D BiCS FLASH™ รุ่นที่ 8 ขนาด 2 เทราบิต (Tb) QLC
  •  การสาธิตสดของ KIOXIA All-in-Storage ANNS ใหม่พร้อมเทคโนโลยี Product Quantization (KIOXIA AiSAQ™) – พร้อมด้วย KIOXIA CD8P Series PCIe® SSD ศูนย์ข้อมูล NVMe 5.0
  • การสาธิตสดของพื้นที่จัดเก็บ QLC ความจุสูงสำหรับการดึงข้อมูลชุดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว – นำเสนอ SSD NVMe ซีรีส์ KIOXIA LC9 ระดับองค์กร

นอกจากนี้ Rory Bolt ซึ่งเป็นนักวิจัยอาวุโสและสถาปนิกหลักของ KIOXIA America, Inc. จะเข้าร่วมในเซสชัน Expo Hall Theater ซึ่งจะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 21 มีนาคม เวลา 12:20 น. (เวลาแปซิฟิก) ในหัวข้อ “ปรับปรุงประสิทธิภาพฐานข้อมูลเวกเตอร์พร้อมลดการใช้ DRAM ในระบบ AI”

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง:
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ NVIDIA GTC 2025
https://www.nvidia.com/gtc/

หมายเหตุ

*คำจำกัดความของความจุ: Kioxia Corporation กำหนดเมกะไบต์ (MB) เท่ากับ 1,000,000 ไบต์ กิกะไบต์ (GB) เท่ากับ 1,000,000,000 ไบต์ และเทราไบต์ (TB) เท่ากับ 1,000,000,000,000 ไบต์ อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์จะรายงานความจุของหน่วยเก็บข้อมูลโดยใช้เลขยกกำลัง 2 สำหรับคำจำกัดความของ 1GB = 2^30 ไบต์ = 1,073,741,824 ไบต์ และ 1TB = 2^40 ไบต์ = 1,099,511,627,776 ไบต์ ดังนั้นจึงแสดงความจุของหน่วยเก็บข้อมูลที่น้อยกว่า ความจุของหน่วยเก็บข้อมูลที่มี (รวมถึงตัวอย่างไฟล์สื่อต่างๆ) จะแตกต่างกันไปตามขนาดไฟล์ การจัดรูปแบบ การตั้งค่า ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ และ/หรือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า หรือเนื้อหาสื่อ ความจุที่จัดรูปแบบจริงอาจแตกต่างกันไป

*2.5 นิ้วบ่งบอกถึงขนาดของ SSD ไม่ใช่ขนาดทางกายภาพ

*NVMe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนหรือไม่ได้จดทะเบียนของ NVM Express, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ
*PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG
*ชื่อบริษัทอื่นๆ ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทบุคคลที่สาม

เกึ่ยวกับ Kioxia
Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ที่ทุ่มเทให้กับการพัฒนา การผลิต และการจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2017 บริษัท Toshiba Memory ซึ่งเป็นชื่อเดิมของบริษัทได้แยกตัวออกมาจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจำ” โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและสร้างคุณค่าจากหน่วยความจำให้กับสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D นวัตกรรมของ Kioxia ที่เรียกว่า BiCS FLASH™ ที่กำลังกำหนดอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี ระบบยานยนต์ ศูนย์ข้อมูล และระบบ AI เชิงสร้างสรรค์

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลการติดต่อ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ณ วันประกาศ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

การสอบถามสำหรับสื่อ:
Kioxia Corporation
ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย
Koji Takahata
โทร: +81-3-6478-2404

ที่มา: Kioxia Corporation