Tag Archives: group

AIT Worldwide Logistics วางแผนเพิ่มขอบข่ายการให้บริการด้วยการควบรวมกับ Lubbers Logistics Group

Logo

การดีลเชิงกลยุทธ์จะทำให้ AIT อยู่ในบทบาทผู้เล่นสำคัญของการขนส่งทางบกและเซกเมนต์พลังงาน

ITASCA Ill–(BUSINESS WIRE)–20 พฤศจิกายน 2023

AIT Worldwide Logistics ผู้นำที่ให้บริการโซลูชันซัพพลายเชนระดับโลกได้เข้าร่วมในข้อตกลงซื้อกิจการ Lubbers Logistics Group ซึ่งเป็นบริษัทโลจิสติกส์สัญชาติยุโรปที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษด้านบริการขนส่งมูลค่าสูง ซับซ้อน และเน้นเรื่องเวลา การซื้อขายนี้จะนับเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับ AIT ที่จะขยายขอบข่ายระดับโลกต่อไป รวมถึงยกระดับข้อเสนอต่าง ๆ ของการขนส่งทางบก ตัวแทนบริการขนส่งสินค้าต่างประเทศ และบริการโลจิสติกส์ขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในเซกเมนต์พลังงาน

Once the acquisition of Lubbers is finalized, more than 350 new teammates in 18 offices will join AIT's European network. (Graphic: Business Wire)

เมื่อการควบรวม Lubbers เสร็จสิ้น เพื่อนร่วมทีมใหม่กว่า 350 คน จาก 18 สำนักงาน จะมาเข้าร่วมอยู่ในเครือข่ายยุโรปของ AIT (Graphic: Business Wire)

ตลอดศตวรรษที่ผ่านมา Lubbers ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในชโคเนอะเบก เนเธอร์แลนด์ ได้สถาปนาตัวเองเป็นผู้ให้บริการชั้นนำของโซลูชันการขนส่งระดับสูงสุดสำหรับเซกเมนต์มูลค่าสูง มีความเชี่ยวชาญพิเศษในการขนส่งทางบก สินค้าขนาดใหญ่ และบริการตัวแทนขนส่งสินค้าต่างประเทศ บริษัทมีพนักงาน 377 คน ทำงานทั่วฮับขนส่งทางบกทั้งเก้าฮับ และฮับส่งสินค้าอีกเก้าแห่ง Lubbers ประกาศได้ว่ามีเครื่องข่ายขยายของแหล่งอำนวยความสะดวกที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ทั่วทั้งยุโรป

“วิธีการแบบวันสตอปชอปที่มั่นคงของ Lubbers และความสัมพันธ์อันยาวนานกับลูกค้าชั้นนำของอุตสาหกรรมทำให้บริษัทนี้เหมาะสำหรับ AIT” Greg Weigel เจ้าหน้าที่หัวหน้าฝ่ายบริหารของ AIT กล่าว “เราเห็นศักยภาพสำคัญของเครือข่ายที่กว้างขวาง โดยเราจะทำให้การดำเนินงานด้านตัวแทนบริการขนส่งสินค้าต่างประเทศและความเชี่ยวชาญในเซกเตอร์พลังงานเติบโตขึ้น เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าระดับโลกของ AIT เรายังรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พัฒนาโซลูชันจากต้นจนจบด้วยบริการมิดเดิลไมล์ในยุโรป ให้คู่กันไปกับ U.S. Middle Mile Network ที่เราเพิ่งเริ่มไปเมื่อไม่นานนี้”

เครือข่ายของ Lubbers จะเพิ่มสำนักงานใหม่ 18 แห่ง ให้เครือข่ายที่มีอยู่แล้วทั่วโลกของ AIT มากกว่า 125 แห่ง ขณะเดียวกันก็ขยายเขตสัญญาณบริการไปยังสี่ประเทศใหม่ได้แก่ เดสมาร์ก นอร์เวย์ โรมาเนีย และตุรกี Lubbers ยังมีแหล่งอำนวยความสะดวกในเยอรมนี อิตาลี และ สหราชอาณาจักร

“การรวมพลังกันกับ AIT Worldwide Logistics เป็นการเดินกลยุทธ์ที่จะช่วยให้เราสามารถมอบบริการสุดพิเศษให้ลูกค้าเราได้ต่อไป ขณะเดียวกันก็ขยายขอบข่ายของเราในระดับโลก” Gary Roche ซีอีโอของ Lubbers กล่าว “ประวัติผลงานที่แข็งแรงของ AIT และการอุทิศต่อบริการลูกค้านั้นสอดคล้องกับคุณค่าของเรา และเราก็มองหาอนาคตอันสดใสไปด้วยกัน”

 “เรากำลังเตรียมที่จะต้อนรับ Lubbers ให้มาเข้าร่วมเครือข่าย AIT” Vaughn Moore ประธานและซีอีโอของ AIT กล่าว “ดีลนี้จะยกระดับบทบาทของเราในยุโรปและทำให้เราเป็นที่รู้จักยิ่งขึ้นในเซกเตอร์พลังงาน ช่วยให้เราบริการลูกค้าปัจจุบันไปพร้อมกับสร้างโอกาสใหม่ ๆ วิธีการที่ให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางธุรกิจของ Lubbers รวมถึงชื่อเสียงด้านคุณภาพอันยอดเยี่ยมสอดคล้องกับวัฒนธรรม AIT อย่างสมบูรณ์แบบ”

การควบรวม Lubbers ของ AIT คาดว่าจะได้ข้อสรุปตอนสิ้นปี 2023 และต่อไปจะต้องขอการอนุมัติตามกฏข้อบังคับตามธรรมเนียม ยังไม่มีการเปิดเผยข้อตกลงในตอนนี้

Kirkland & Ellis LLP และ NautaDutilh N.V. ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้ AIT ทั้งคู่เกี่ยวกับเรื่องการควบรวม Nielen Schuman B.V. กำลังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านการเงินให้ Lubbers ส่วน Loyens & Loeff N.V. กำลังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้ Lubbers

เกี่ยวกับ AIT Worldwide Logistics

AIT Worldwide Logistics เป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าระดับที่ช่วยบริษัทเติบโตด้วยการขยายการเข้าถึงตลาดทั่วโลก ที่พวกเขาสามารถขายและ/หรือ จัดซื้อวัตถุดิบ ส่วนประกอบ และสินค้าสำเร็จรูปได้ เป็นเวลากว่า 40 ปี ที่ผู้นำโซลูชันซัพพลายเชนที่ตั้งอยู่ในชิคาโกนี้ได้พึ่งพิงวิธีการที่มีการให้คำปรึกษาในการสร้างเครือข่ายทั่วโลกและความเป็นพาร์ตเนอร์ที่เชื่อใจได้ในเกือบทุกอุตสาหกรรม ประกอบด้วย ยานบิน ยานยนต์ การค้าปลีกให้ลูกค้า อาหาร รัฐบาล การดูแลสุขภาพ เทคโนโลยีขั้นสูง วิทยาศาสตร์อุตสาหกรรมและชีวิต ที่ได้รับการสนับสนุนจากเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้และปรับสเกลได้ โมเดลธุรกิจอันยืดหยุ่นของ AIT ช่วยปรับแต่งการขนส่งตั้งแต่ต้นจนถึงประตูบ้านผ่านทะเล อากาศ ทางบก และราง — ตามเวลาและตามงบ ด้วยเพื่อนร่วมทีมผู้เชี่ยวชาญที่ประจำอยู่ทั่วโลกทั้งใน เอเชีย, ยุโรป และอเมริกาเหนือ ตัวเลือกบริการแบบครบของ AIT ยังมีเรื่องการจัดการเรื่องศุลกากร คลังสินค้า และบริการนำเสนอสินค้าถึงบ้านลูกค้าโดยตรง ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.aitworldwide.com

ภารกิจของเรา

ที่ AIT เรามองหาโอกาสอย่างแข็งขันที่จะซื้อความเชื่อใจลูกค้าด้วยการมอบโซลูชันโลจิสติกส์ทั่วโลกสุดพิเศษ รวมถึงให้คุณค่าเพื่อนร่วมงาน พันธมิตร และชุมชนของเราด้วย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53859335/en

ติดต่อ

Matt Sanders
ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์
+1 (630) 766-8300
msanders@aitworldwide.com

แหล่งที่มา: AIT Worldwide Logistics

PHC Corporation ประกาศว่า บริษัทในเครืออุปกรณ์วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพฐานที่ตั้งประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีการก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมโดย PHC Group มีการเปิดดำเนินการเต็มรูปแบบแล้ว

Logo

— PT PHC Sales Indonesia จะสนับสนุนการขยายธุรกิจของอุปกรณ์วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพ PHCbi ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ —

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2023

แผนกชีวการแพทย์ของ PHC Corporation (สำนักงานใหญ่: Minato-ku, Tokyo, President: Nobuaki Nakamura ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า แผนกชีวการแพทย์) ผู้ให้บริการด้านผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ PHCbi รวมถึงตู้แช่แข็งอุณหภูมิต่ำพิเศษและตู้อบ CO2 มีการประกาศว่า บริษัทในเครือแห่งใหม่ในอินโดนีเซียที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมเพื่อจำหน่ายและให้บริการอุปกรณ์ รวมถึงสาขาวิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพมีการเปิดดำเนินการธุรกิจแล้วในวันนี้ หลังจากผ่านข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องต่างๆ เช่น ได้รับใบอนุญาตจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ บริษัท PT PHC Sales Indonesia (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า PHCSI) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ SciMed (Asia) Pte Ltd (สำนักงานใหญ่: สิงคโปร์ ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า SciMed) โดย PHC Holdings Corporation เป็นเจ้าของทั้งหมด (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า PHCHD) จะเสริมสร้างรากฐานและส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจวิทยาศาสตร์เชิงขีวภาพของแผนกชีวการแพทย์ในประเทศอินโดนีเซีย

ตลาดอุปกรณ์วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ซึ่งสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นด้านการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาสำหรับชีวเภสัชภัณฑ์และการเติบโตของสถาบันทางการแพทย์ใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินโดนีเซีย ซึ่งระบบประกันสุขภาพแห่งชาติรองรับประชากรมากเป็นอันดับสี่ของโลก ซึ่งนับเป็นจำนวน 279 ล้าน *1 คนโดยประมาณ และมีการคาดการณ์การเติบโตของตลาดที่สูงในอนาคต เนื่องจากเกิดโรคที่เกี่ยวกับวิถีการใช้ชีวิตที่เพิ่มขึ้น เช่น โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง รวมถึงความต้องการของผู้บริโภคด้านการบริการทางแพทย์ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

แผนกชีวการแพทย์ ภายใต้การนำของ SciMed ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ PHCHD ในประเทศสิงคโปร์ มีการเปิดดำเนินการเพื่อจำหน่ายและบริการสำรหับอุปกรณ์วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย และโอเชียเนีย PT PHC Indonesia (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า PHCI) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตในเครือของ PHCHD ก็มีการดำเนินการในภูมิภาคนี้เป็นฐานการผลิตรองจากญี่ปุ่น เพื่อตอบสนองความต้องผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงทั่วโลก เช่น ตู้แช่แข็งชีวการแพทย์ และตู้อบ CO2 เป็นต้น

การจัดตั้ง PHCSI นี้จะช่วยให้แผนกชีวการแพทย์สามารถสร้างแพลตฟอร์มสำหรับการจำหน่ายและบริการในอินโดนีเซีย เข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ ที่มีความเป็นไปได้ และขยายเครือข่ายผู้จัดจำหร่าย ในขณะเดียวกัน ก็เสริมสร้างความแข็งแกร่งในการบริการลูกค้าด้วยเช่นกัน ด้วยการติดตามตลาดนี้อย่างใกล้ชิด แผนกชีวการแพทย์นี้จึงมีจุดยืนที่ดียิ่งขึ้นในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า พัฒนาโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจในอินโดนีเซีย และเสริงการเติบโตของธุรกิจโดยใช้ความสามารถในการผลิตที่สูงเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง

Nobuaki Nakamura ประธานกรรมการฝ่ายตัวแทนจำหน่ายของ PHC Corporation และผู้อำนวยการแผนกชีวการแพทย์ กล่าวว่า “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทใหม่ของเราในอินโดนีเซียได้เปิดดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบแล้วในวันนี้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับรากฐานธุรกิจด้านชีววิทยาศาสตร์ของแผนกชีวการแพทย์ของในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเสริมศักยภาพในการเติบโตของตลาดที่สูง เรามุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการจัดตั้งบริษัทเพื่อจัดจำหน่ายแห่งใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวธุรกิจในอินโดนีเซีย ภายหลังจากการเข้าซื้อกิจการ SciMed*2 โดยเป็นเจ้าของ 100% เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้ และในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า PHCSI พร้อมด้วย SciMed จะมีจุดยืนที่มั่นคงเพื่อเป็นที่ตั้งการดำเนินการแห่งสำคัญในเอเชียสำหรับ PHC Group และจะขยายธุรกิจที่มีอยู่ในอินโดนีเซียเป็นการต่อไป และส่งเสริมการรักษาพยาบาลขั้นสูงอย่างเต็มรูปแบบ เช่น การบำบัดด้วยเซลล์และยีน และด้วยการทำงานข้ามธุรกิจร่วมกันกับ PHC Group เรามุ่งมั่นที่จะมีส่วนช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง และส่งเสริมศักยภาพของนักวิจัยเพื่อการพัฒนาวิธีการรักษาขั้นสูง และเพื่อเสริมสร้างการดูแลสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต”

ภาพรวมของ PT PHC Sales Indonesia
ชื่อบริษัท: PT PHC Sales Indonesia
ประเภทธุรกิจ: จัดจำหน่ายและบริการสนับสนุนด้านอุปกรณ์ รวมถึงสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ
ก่อตั้งขึ้นเมื่อ: วันที่ 3 เดือนมีนาคม ปี 2023
ที่อยู่: จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย
ตัวแทนจำหน่าย: Sachihiko Kataoka
เงินทุน: 10 พันล้าน IDR (ประมาณ 95 ล้าน JPY) *3

(*1) องค์กรการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น www.jetro.go.jp/world/asia/idn/
(*2) www.phchd.com/global/news/2023/0615
(*3) คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 1IDR = 0.0095JPY

เกี่ยวกับแผนกชีวการแพทย์ของ PHC Corporation

PHC Corporation ก่อตั้งขึ้นในปี 1969 โดยเป็นบริษัทในเครือที่ญี่ปุ่นของ PHC Holdings Corporation (โตเกียว: 6523) เป็นบริษัทด้านการดูแลสุขภาพระดับโลกซึ่งมีการพัฒนา ผลิต จำหน่าย และให้บริการโซลูชันต่างๆ ทั้งการจัดการโรคเบาหวาน โซลูชันการดูแลสุขภาพ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ และการวินิจฉัยโรค แผนกชีวการแพทย์สนับสนันอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวภาพเพื่อช่วยเหลือนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยในกว่า 110 ประเทศและภูมิภาคโดยใช้อุปกรณ์และบริการในห้องปฎิบัติการ รวมถึงตู้อบ CO2 ภายใต้แบรนด์ของ PHCbi และตู้แช่แข็งอุณภูมิต่ำพิเศษ
www.phchd.com/apac/biomedical

เกี่ยวกับ PHC Holdings Corporation

PHC Holdings Corporation (โตเกียว: 6523) เป็นบริษัทด้านการดูแลสุขภาพระดับโลกที่มีพันธกิจในการมีส่วนร่วมเพื่อสุขภาพของสังคมผ่านโซลูชันด้านการดูแลสุขภาพที่ส่งผลเชิงบวกและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้คน บริษัทในเครือ ได้แก่ PHC Corporation, Ascensia Diabetes Care Holdings AG, Epredia Holdings Ltd., LSI Medience Corporation, Wemex Corporation และ Mediford Corporation บริษัทนี้เหล่านี้ร่วมกันพัฒนา ผลิต จำหน่าย และให้บริการโซลูชันด้านการบริการเกี่ยวกับการจัดการโรคเบาหวาน โซลูชันด้านการดูแลสุขภาพ การวินิจฉัยโรค และวิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพ โดยมียอดขายสุทธิรวมใน FY2022 อยู่ที่ประมาณ JPY 356.4 พันล้าน โดยมีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการทั่วโลกในกว่า 125 ประเทศและภูมิภาค PHC Group เป็นคำเรียกรวมที่อ้างอิงถึง PHC Holdings Corporation และบริษัทในเครือทั้งหมด
www.phchd.com

เกี่ยวกับ SciMed (Asia) Pte Ltd

SciMed (Asia) Pte Ltd มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ เป็นบริษัทผู้ให้บริการชั้นนำในผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับชีวการแพทย์ วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพ การดูแลสุขภาพ การค้นคว้าด้านยา เภสัชกรรม ห้องปฏิบัติการ การทดสอบทางอุตสาหกรรม และตลาดการเกษตร SciMed กลายเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทในเครือ PHC Holdings Corporation อย่างเต็มรูปแบบในปี 2023 โดยมีการพัฒนาการจำหน่ายและการตลาดในธุรกิจวิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชีย และโอเชียเนีย
https://scimed.com.sg/about-scimed/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Hiroko Arai
Investor Relations & Corporate Communications Department
PHC Holdings Corporation
+81-3-6778-5311
อีเมลphc-pr@gg.phchd.com
Masayo Okada
Marketing Department, Biomedical Division
PHC Corporation
+81-80-4816-3259

อีเมลmasayo.okada@phchd.com

แหล่งข้อมูล: PHC Corporation

CHINT Group ปรากฏตัวในงานประชุมอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าครั้งที่ 24

Logo

เซียะเหมิน. จีน–(BUSINESS WIRE )–21 ตุลาคม 2023

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม งานประชุมว่าด้วยอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าครั้งที่ 24 ได้เริ่มต้นขึ้นที่เมืองเซียะเหมิน โดยมีตัวแทนเข้าร่วมมากกว่า 2,500 คนจาก AESIEAP (Association of the Electricity Supply Industry of East Asia and Western Pacific –  สมาคมอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าแห่งเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกตะวันตก) ประเทศสมาชิกและหน่วยสมาชิกระดับภูมิภาค ตลอดจนองค์กรบริการที่เกี่ยวข้อง เช่น วิสาหกิจด้านพลังงานและโรงจ่ายพลังงาน องค์กรอุตสาหกรรม ผู้ผลิตอุปกรณ์ทางเทคนิค และการวิจัยและการให้คำปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงระดับโลก CHINT Group เปิดตัวในธีม “พลังงานคาร์บอนต่ำ ก้าวไปข้างหน้าด้วยความชาญฉลาด” เพื่อหารือกับลูกค้าในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับอนาคตของพลังงานและไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คาร์บอนต่ำ และยั่งยืน

CHINT’s Booth at the 24th AESIEAP (Photo: Business Wire)

บูธของ CHINT ในงาน AESIEAP ครั้งที่ 24 (ภาพ: Business Wire)

ในระหว่างการประชุม Nan Cunhui ประธาน CHINT Group กล่าวปาฐกถาพิเศษ โดยมุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงภูมิปัญญาพลังงานคาร์บอนต่ำ และแบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนของนวัตกรรมและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ CHINT Group ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ด้านพลังงาน และร่วมมือกับ พันธมิตรระบบนิเวศ CHINT Group และ China Electricity Council ลงนามข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ และทั้งสองฝ่ายจะทุ่มอย่างเต็มที่เพื่อใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มอุตสาหกรรมของ China Electricity Council รวมถึงการวิจัยและพัฒนาของ CHINT Group ตลอดจนความสามารถด้านเทคโนโลยีแอปพลิเคชันที่ครอบคลุมในด้านพลังงานและไฟฟ้า เพื่อสร้าง ความสัมพันธ์ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่ครอบคลุมและส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพสูงของอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ AESIEAP ได้จัดการประชุมนิทรรศการขึ้นเป็นพิเศษ โดย CHINT Group มุ่งเน้นไปที่การจัดแสดงโซลูชันแบบครบวงจรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและคาร์บอนต่ำของห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดขององค์กร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับพันธมิตรที่มี “คาร์บอนต่ำ” และมี “ความชาญฉลาด” เพื่อดำเนินการให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นต่อไป สนามพลังงานใหม่และช่วยให้ลูกค้าทั่วโลกตระหนักถึงการปรับปรุงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชาญฉลาดในสนามพลังงานแบบดั้งเดิม

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53648423/en
 

รายชื่อผู้ติดต่อ

CHINT Group
Chen Depeng
อีเมล: cdpeng@chint.com
โทร: +86188 6756 4968
เว็บไซต์: https://www.aesieap.com/#/

ที่มา: CHINT Group

Gradiant เข้าซื้อกิจการ H+E Group บริษัทเทคโนโลยีด้านน้ำชั้นนำของยุโรป เพื่อขยายความเชี่ยวชาญด้านเซมิคอนดักเตอร์และน้ำทางการอุตสาหกรรม

Logo

การเข้าซื้อกิจการจะขยายผลงานเทคโนโลยีด้านน้ำทางการอุตสาหกรรมของ Gradiant และสร้างแรงผลักดันสำหรับการเติบโตในยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA)

บอสตัน–(BUSINESS WIRE)–2 ตุลาคม 2023 

Gradiant ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชันระดับโลกสำหรับการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูง ได้ประกาศการเข้าซื้อกิจการของ H+E Group (Hager+Elsässer) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชันน้ำที่ก่อตั้งในยุโรปที่มีประสบการณ์กว่า 100 ปีในการจัดหาโซลูชันแบบครบวงจรให้กับการผลิตขั้นสูง การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ Gradiant ในการนำเสนอโซลูชันระดับแนวหน้าสำหรับภาคเซมิคอนดักเตอร์ และถือเป็นก้าวแรกของบริษัทในยุโรป

The acquisition of H+E Group underscores Gradiant's commitment to delivering leading-edge solutions for the semiconductor sector and represents the company's first footprint in Europe. (Graphic: Business Wire)

การเข้าซื้อกิจการ H+E Group ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ Gradiant ในการนำเสนอโซลูชันระดับแนวหน้าสำหรับภาคเซมิคอนดักเตอร์ และถือเป็นก้าวแรกของบริษัทในยุโรป (ภาพ: Business Wire)

การรวมความเชี่ยวชาญโดเมนของ H+E Group ในด้านเซมิคอนดักเตอร์และน้ำทางการอุตสาหกรรม เข้ากับชุดโซลูชันบำบัดน้ำแบบครบวงจรที่หลากหลายของ Gradiant ทำให้ Gradiant อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบในการนำเสนอโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมและได้รับการปรับแต่งโดยเฉพาะ เพื่อจัดการกับความท้าทายที่ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์แต่ละรายต้องเผชิญ H+E Group มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และการติดตั้งอ้างอิงมากกว่า 30,000 แห่ง สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการส่งมอบโซลูชันน้ำคุณภาพสูง การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ทำให้ Gradiant สามารถใช้ประโยชน์จากความสำเร็จเหล่านี้ และสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองเป็นผู้นำในด้านโซลูชันน้ำสำหรับตลาดเซมิคอนดักเตอร์และน้ำทางการอุตสาหกรรมทั่วโลก

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับ H+E Group เข้าสู่ครอบครัว Gradiant การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ของเราในการเป็นผู้ให้บริการโซลูชันที่ครอบคลุมสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์” Prakash Govindan ซีโอโอของ Gradiant กล่าว “H+E Group มอบประสบการณ์เชิงลึกในด้านการบำบัดน้ำและน้ำเสียบริสุทธิ์ระดับพิเศษสำหรับภาคเซมิคอนดักเตอร์และการผลิตขั้นสูงให้กับ Gradiant และสร้างรากฐานที่มั่นคงในภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) ความร่วมมือกันนี้ไม่เพียงแต่รวมจุดแข็งของเราเท่านั้น แต่ยังเร่งพัฒนาความสามารถของเราในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของตลาดน้ำทางการอุตสาหกรรมทั่วโลก”

“การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ของ Gradiant ถือเป็นก้าวต่อไปที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจน้ำเสียทางการอุตสาหกรรมและน้ำบริสุทธิ์พิเศษที่เติบโตอย่างรวดเร็วของ H+E Group” Jennifer L. Wick ผู้ร่วมก่อตั้งกองทุน Sustainable Growth Fund (SGF) I และ SGF II และประธานของคณะกรรมการของ Aquarion AG และ Geschäftsführer จาก H+E GmbH กล่าว “การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ทำให้บริษัทสามารถเติบโตอย่างรวดเร็วในหลายพื้นที่ รวมถึงเอเชีย ตะวันออกกลาง และสหรัฐอเมริกา โดยได้รับแรงหนุนจากการเข้าถึงทั่วโลกของ Gradiant และผลงานด้านเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน”

การประกาศนี้เป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกรรมครั้งใหญ่ โดย SGF I และ II ได้ขายหุ้นใหญ่ใน Aquarion ซึ่งเป็นบริษัทบำบัดน้ำและน้ำเสียทางการอุตสาหกรรมในสวิตเซอร์แลนด์ ที่ให้บริการโซลูชันแบบครบวงจรแก่ภาคอุตสาหกรรม รวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ พลังงาน อาหาร และเครื่องดื่ม และยา

เกี่ยวกับ Gradiant
Gradiant คือผู้ให้บริการโซลูชันระดับโลกสำหรับการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูง บริษัทให้บริการแก่การดำเนินงานที่มีความสำคัญต่อภารกิจของลูกค้าในอุตสาหกรรมสำคัญของโลก ซึ่งรวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ ยา อาหารและเครื่องดื่ม ลิเธียมและแร่ธาตุที่สำคัญ และพลังงานทดแทน ด้วยชุดโซลูชันแบบครบวงจรที่แตกต่างและเป็นเอกสิทธิ์เต็มรูปแบบ ซึ่งขับเคลื่อนโดยผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำระดับแนวหน้า โซลูชันที่เป็นนวัตกรรมของ Gradiant ช่วยลดการใช้น้ำและการปล่อยน้ำเสีย นำทรัพยากรกลับมาทำให้ใช้ประโยชน์ได้ และเปลี่ยนน้ำเสียให้เป็นน้ำจืด บริษัทก่อตั้งขึ้นที่ MIT และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่บอสตัน และมีพนักงานมากกว่า 900 คนทั่วโลก เรียนรู้เพิ่มเติมที่ gradiant.com

เกี่ยวกับ H+E Group
H+E Group เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกในด้านการบำบัดน้ำทางการอุตสาหกรรม การบำบัดน้ำเสีย และการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ โดยก่อตั้งขึ้นในเมืองสตุ๊ตการ์ท ประเทศเยอรมนีเป็นเวลานานกว่า 100 ปี H+E Group ได้ส่งมอบโครงการน้ำทางการอุตสาหกรรมจำนวน 30,000 โครงการ และได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายสำนักงานทั่วโลกทั่วยุโรปและเอเชีย H+E ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลด้านโซลูชันน้ำที่สำคัญของบริษัทต่างๆ ในหลายอุตสาหกรรมทั่วโลก เรียนรู้เพิ่มเติมที่ he-water.group

เกี่ยวกับ SGF
SGF คือกองทุนหุ้นเอกชน SCSp, SICAV-SIF ที่ตั้งอยู่ในลักเซมเบิร์ก โดยมีหน้าที่ลงทุนในบริษัทที่มีความยั่งยืนขนาดกลาง SGF II เป็นกองทุนทดแทนมาตรา 9 และได้รับรางวัล Impact Fund of the Year หลายรางวัล เรียนรู้เพิ่มเติมที่ www.sustainablemanagement.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53567340/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

Felix Wang
Gradiant รองประธานฝ่ายการตลาด
fwang@gradiant.com

ที่มา: Gradiant

Hytera ลงนามกรอบข้อตกลงประจำปีกับ Sinopec Group

Logo

เซินเจิ้น จีน–(BUSINESS WIRE )–1 กันยายน 2023

Hytera Communications (SZSE: 002583) ผู้ให้บริการเทคโนโลยีและโซลูชันการสื่อสารระดับมืออาชีพชั้นนำระดับโลก ชนะการประมูลจัดซื้ออุปกรณ์วิทยุสองทางด้านอุตสาหกรรมของ Sinopec Group ปี 2023-2024 ในเดือนสิงหาคม 2023 Hytera เป็นผู้ชนะการประมูลแต่เพียงผู้เดียวและขอบเขตการจัดซื้อครอบคลุมผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานของ TETRA, PDT และ PoC ตลอดจนวิทยุความปลอดภัยสองทางในตัวและกล้องที่สวมใส่ติดตัว (BWC)

ในฐานะโรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลกและบริษัทเคมีภัณฑ์รายใหญ่อันดับสอง Sinopec Group ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) อย่างต่อเนื่อง การประมูลครั้งนี้นำไปสู่การซื้อเฟรมเวิร์กรวมศูนย์สำหรับอุปกรณ์และระบบวิทยุสองทางของ Sinopec Group เป็นครั้งแรก ความร่วมมือนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้การดำเนินงานที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพทั่วทั้งโรงงานของ Sinopec

“Hytera ให้บริการลูกค้าปิโตรเคมีจำนวนมากทั่วโลกอย่างภาคภูมิใจ โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในสถานที่ทำงานเหนือสิ่งอื่นใด ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นข้อพิสูจน์อีกประการหนึ่งถึงการยอมรับในอุตสาหกรรมของผลิตภัณฑ์และความสามารถของ Hytera” Mu Qiao ผู้จัดการทั่วไปของ Hytera China กล่าว “ในอนาคตข้างหน้า เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่อไปและเพิ่มขีดความสามารถให้กับการดำเนินงานที่ปลอดภัย เชื่อถือได้ และมีประสิทธิภาพสำหรับลูกค้าในอุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเคมีในวงกว้างยิ่งขึ้น ความมุ่งมั่นนี้ผลักดันให้เราก้าวข้ามขอบเขตของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าของเรา”

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันน้ำมันและก๊าซของ Hytera ได้ที่ https://www.hytera.com/en/industries/oil-and-gas.html

เกี่ยวกับ Hytera

Hytera Communications Corporation Limited (SZSE: 002583) คือผู้ให้บริการเทคโนโลยีและโซลูชันการสื่อสารระดับมืออาชีพชั้นนำระดับโลก ด้วยความสามารถด้านเสียง วิดีโอ และข้อมูล เรามอบการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว ปลอดภัยยิ่งขึ้น และหลากหลายยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้ทางธุรกิจและภารกิจที่สำคัญ เราทำให้โลกมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้นโดยช่วยให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จมากขึ้นทั้งในด้านการปฏิบัติงานประจำวันและการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

lele.yao@hytera.com

ที่มา: Hytera Communications

SciMed (Asia) บริษัทฝ่ายขายและบริการด้านชีววิทยาศาสตร์ในเครือของ PHC Holdings Corporation กลายเป็นบริษัทในเครืออย่างเต็มตัวจากการเข้าซื้อกิจการเพื่อขยายธุรกิจของ PHC Group เพื่อสนับสนุนนักวิจัยและผู้ให้บริการด้านสุขภาพในเอเชียแปซิฟิก

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–15 มิถุนายน 2023

PHC Holdings Corporation (สำนักงานใหญ่: มินาโตะ โตเกียว ญี่ปุ่น, ประธาน กรรมการผู้แทน และซีอีโอ: Shoji Miyazaki ซึ่งต่อไปเรียกบริษัทนี้ว่า PHCHD) ประกาศว่า บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นที่เหลืออีก 30% ของบริษัทในเครือ SciMed (Asia) Pte. Ltd. (สำนักงานใหญ่: สิงคโปร์ ซึ่งต่อไปเรียกบริษัทนี้ว่า SciMed) ทำให้ SciMed กลายเป็นบริษัทในเครือของ PHCHD อย่างเต็มตัว โดยก่อนหน้านี้ PHCHD ถือหุ้นใน SciMed อยู่ 70% PHC Group บริษัทระดับโลกที่ประกอบด้วย PHCHD และบริษัทในเครือ จะใช้การซื้อกิจการครั้งนี้เพื่อขยายธุรกิจชีววิทยาศาสตร์ไปทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

SciMed นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการด้านชีววิทยาศาสตร์ ซึ่งรวมถึงตู้แช่แข็งอุณหภูมิต่ำพิเศษและตู้อบ CO2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย และโอเชียเนีย นับตั้งแต่ปี 1992 PHC Group และกลุ่มบริษัทก่อนหน้าได้ร่วมมือกับ SciMed เพื่อขยายธุรกิจในภูมิภาคเหล่านี้ผ่านเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวาง ตลอดจนความเชี่ยวชาญในสาขาชีววิทยาศาสตร์ของ SciMed และความสามารถในการให้บริการของตน ในเดือนกรกฎาคม 2020 นั้น PHCHD เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน SciMed จาก 14.99% เป็น 70% ซึ่งทำให้กลายเป็นบริษัทในเครือของ PHCHD*

ตลาดอุปกรณ์ชีววิทยาศาสตร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกคาดว่าจะเติบโตอย่างมาก โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากการขยายตัวระดับภูมิภาคในอุตสาหกรรมเภสัชกรรมและการสร้างสถาบันทางการแพทย์ใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของชีวเภสัชภัณฑ์ เช่น ยาแอนติบอดีและวัคซีน ในฐานะบริษัทในเครืออย่างเต็มตัว SciMed จะสามารถบรรลุความร่วมมือเชิงลึกกับแผนกและบริษัทในเครืออื่น ๆ ของ PHC Group และปรับปรุงโครงสร้างการขายและการตลาดทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย และโอเชียเนีย สิ่งนี้จะส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ และเร่งการสร้างโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่สนับสนุนนักวิจัยและผู้ให้บริการด้านสุขภาพที่เผชิญกับความท้าทายในการพัฒนาการรักษาขั้นสูง

Nobuaki Nakamura เจ้าหน้าที่องค์กรและหัวหน้าร่วมฝ่ายการวินิจฉัยและชีววิทยาศาสตร์ของ PHCHD กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับ SciMed ในฐานะบริษัทในเครืออย่างเต็มตัวของเรา เราได้ขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ SciMed กลายเป็นบริษัทในเครือในปี 2020 โดย SciMed มีความพร้อมที่ดีที่จะกลายเป็นสถานที่ปฏิบัติการในเอเชียสำหรับธุรกิจอื่น ๆ ของ PHC Group ในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งจะขยายกิจกรรมการขายในธุรกิจที่มีอยู่และส่งเสริมการเข้าถึงขอบเขตของการรักษาขั้นสูงอย่างเต็มรูปแบบ เช่น เซลล์บำบัดและยีนบำบัด PHC Group จะยังคงสนับสนุนการทำงานร่วมกันระหว่างธุรกิจทั่วโลกของเรา และมีส่วนร่วมในการส่งเสริมนักวิจัยในการพัฒนาวิธีการรักษาขั้นสูงเพื่อช่วยสร้างอนาคตของการดูแลสุขภาพที่ดีขึ้น”

ภาพรวมของ SciMed
ชื่อบริษัท: SciMed (Asia) Pte. Ltd.
สำนักงานใหญ่: สิงคโปร์
ก่อตั้ง: 1992
กรรมการผู้จัดการ: Sachihiko Kataoka
ธุรกิจ: การขายและบริการอุปกรณ์และสินค้าอุปโภคบริโภคด้านชีววิทยาศาสตร์
จำนวนพนักงาน: 75 (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2023)
จำนวนไซต์ธุรกิจ: 1

www.phchd.com/global/news/2020/0707

เกี่ยวกับ PHC Holdings Corporation

PHC Holdings Corporation (TSE 6523) เป็นบริษัทด้านการดูแลสุขภาพระดับโลกที่มีพันธกิจในการสนับสนุนสังคมสุขภาพผ่านโซลูชันด้านการดูแลสุขภาพที่มีผลกระทบเชิงบวกและพัฒนาชีวิตของผู้คน โดยมีบริษัทย่อยในเครือ ได้แก่ PHC Corporation, Ascensia Diabetes Care Holdings AG, Epredia Holdings Ltd., Wemex Corporation และ LSI Medience Corporation บริษัทเหล่านี้ร่วมกันพัฒนา ผลิต จำหน่าย และให้บริการโซลูชันด้านการจัดการโรคเบาหวาน โซลูชันด้านการดูแลสุขภาพ การวินิจฉัย และชีววิทยาศาสตร์ ยอดขายสุทธิรวมในปีงบประมาณ 2022 อยู่ที่ 356.4 พันล้านเยน โดยมีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการทั่วโลกในกว่า 125 ประเทศและภูมิภาค PHC Group เป็นคำเรียกรวมที่หมายรวมถึง PHC Holdings Corporation และบริษัทย่อยในเครือทั้งหมด
URL: www.phchd.com

เกี่ยวกับ SciMed (Asia) Pte. Ltd.

SciMed (Asia) Pte. Ltd. มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ เป็นผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการชั้นนำในด้านชีวการแพทย์ ชีววิทยาศาสตร์ การดูแลสุขภาพ การค้นคว้ายา เวชภัณฑ์ ห้องปฏิบัติการ การทดสอบทางอุตสาหกรรม และตลาดเกษตรกรรม SciMed ได้กลายเป็นบริษัทในเครือของ PHC Holding Corporation อย่างเต็มตัวในปี 2023 เพื่อพัฒนาการขายและการตลาดในธุรกิจชีววิทยาศาสตร์ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย และโอเชียเนีย
URL: scimed.com.sg/about-scimed

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ช่องทางติดต่อสำหรับสื่อ
Hiroko Arai
ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร
PHC Holdings Corporation
+81-3-6778-5311
อีเมล: phc-cp@gg.phchd.com

ฝ่ายการตลาด แผนกชีวการแพทย์
PHC Corporation
+80-4816-3259
อีเมล: masayo.okada@phchd.com

แหล่งที่มา: PHC HOLDINGS CORPORATION

J&J Green Paper และ Sintesa Group ประสานความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อผลิตสารเคลือบกระดาษที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและต่อสู้กับขยะพลาสติกทั่วโลก

Logo

ไมอามี–(BUSINESS WIRE)–14 มิถุนายน 2023

J&J Green Paper, Inc. (JJGP) บริษัทในเดลาแวร์ของสหรัฐอเมริกา ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระดับโลกกับ Sintesa Group บริษัทการลงทุนเชิงกลยุทธ์ชั้นนำของอินโดนีเซียที่สืบทอดมายาวนานกว่าหนึ่งศตวรรษ โดยมีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านการลงทุนเพื่อผลกระทบเชิงบวก

การร่วมทุนนี้จะนำเอาเทคโนโลยีที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของ JJGP และความเป็นผู้นำอันเหนือชั้นของ Sintesa Group มาใช้เพื่อสร้างกำลังการผลิตทั่วโลกสำหรับ JANUS® ซึ่งเป็นสารเคลือบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับบรรจุภัณฑ์กระดาษที่พัฒนาโดย JJGP โดยนำมาใช้แทนโพลิเอทิลีนและกำจัดความอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับโพลิเอทิลีน

JANUS เป็นสารเคลือบกันความชื้นจากธรรมชาติที่ใช้สำหรับบรรจุภัณฑ์กระดาษ เป็นเทคโนโลยีที่รีไซเคิลได้ ย่อยสลายได้ และนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ทำให้สามารถใช้แทนโพลิเอทิลีนที่ใช้ในผลิตภัณฑ์กระดาษแบบดั้งเดิมในปัจจุบันได้ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาการกำจัดขยะทั่วโลกและการทำลายสิ่งแวดล้อม JANUS เป็นสารประกอบที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพด้วยแนวทางห่วงโซ่คุณค่าอาหารที่ยั่งยืน ตลอดจนการใช้งานและคุณประโยชน์หลากหลายที่สอดคล้องกับปรัชญาของ Sintesa

“ความมุ่งมั่นของ Sintesa ในการส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนที่เป็นประโยชน์ต่อผู้คนและโลกนั้นสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเราอย่างสมบูรณ์แบบ” Rick Bulman ประธาน JJGP กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นและพร้อมที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในเชิงบวกที่เป็นรูปธรรมในอินโดนีเซียและทั่วทั้งโลกด้วยการส่งเสริมแนวทางใหม่ในการจัดการความอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมของโพลิเอทิลีน”

Sintesa Group เริ่มต้นจากการเป็นธุรกิจครอบครัวที่มีความปรารถนาที่จะรักษาความยืดหยุ่นในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงยึดถือความยั่งยืนเป็นแนวทางกลยุทธ์ที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ ภายใต้การนำของ Abyasa Kamdani สมาชิกในครอบครัวรุ่นที่สี่ Sintesa มั่นใจว่าการลงทุนในอนาคตจะสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทในการเป็นบริษัทที่มีความเป็นเลิศอย่างยั่งยืน

“เรามุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับพันธมิตรที่มีความคิดก้าวหน้าที่สามารถช่วยแก้ปัญหาอย่างเป็นผล เพื่อสร้างภูมิทัศน์ทางธุรกิจที่ยั่งยืนมากขึ้น และท้ายที่สุดคือโลกที่ยั่งยืน” Kamdani หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ Sintesa กล่าว “การสร้างอนาคตที่ดีขึ้นนั้นอยู่ในมือของเรา โดยการมุ่งมั่นเพื่อสร้างความสมดุลทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดี ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง” บริษัทของเราและ JJGP จะร่วมกันมีส่วนร่วมในการสร้างเศรษฐกิจสีเขียวในกลุ่มประเทศอาเซียนโดยการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ปฏิวัติวงการ ตลอดจนช่วยสนับสนุนการเกษตร จัดการความเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่มีความรับผิดชอบ”

Bulman ตอบรับความพยายามนี้ โดยกล่าวว่าเทคโนโลยียั่งยืนที่นำมาใช้ในอินโดนีเซียนั้นคาดว่าจะผลักดันความคิดริเริ่มในการพัฒนาทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียนในอีกหลายปีข้างหน้า เขาเสริมว่าเร็ว ๆ นี้ JJGP จะเปิดตัวพันธมิตรที่ปรึกษาเพิ่มเติมทั่วโลกซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนวัตถุประสงค์ของบริษัทในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และภูมิภาคอื่น ๆ

“ความสามารถที่หลากหลายของ JANUS จะช่วยให้ไม่มีผลิตภัณฑ์จำนวนมากกองทิ้งไว้ในบ่อขยะเป็นเวลาหลายศตวรรษอีกต่อไป” Bulman กล่าว “นั่นเป็นเป้าหมายของเรามาโดยตลอด และเรามั่นใจว่าการร่วมทุนครั้งนี้จะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมากและรวดเร็วกว่าที่ผู้บริโภคคาดคิด”

เกี่ยวกับ Sintesa Group

Sintesa Group เป็นบริษัทการลงทุนเชิงกลยุทธ์ชั้นนำของอินโดนีเซียที่มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความเป็นเลิศอย่างยั่งยืน Sintesa Group (PT Widjajatunggal Sejahtera) เริ่มต้นจากการเป็นธุรกิจครอบครัวในปี 1919 และได้เปลี่ยนเป็นบริษัทโฮลดิ้งมืออาชีพที่มุ่งเน้นการสร้างธุรกิจใหม่ตลอดจนการพัฒนาความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ใหม่กับผู้เล่นทางธุรกิจที่มีศักยภาพ Sintesa Group ดำเนินการธุรกิจภายใต้ 4 เสาหลัก ได้แก่ ทรัพย์สิน สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าอุตสาหกรรม และพลังงาน และบริหารจัดการบริษัทในเครือมากกว่า 15 แห่ง โดยมีบริษัทสองแห่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย Sintesa Group รวมเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) เข้ากับโมเดลธุรกิจและหลักการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบโดยพัฒนาแผนการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Roadmap) ของตนเอง ที่เรียกว่า Sintesa for the Earth (Sintesa เพื่อโลก) เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ของบริษัทในการเป็นบริษัทที่มีความเป็นเลิศอย่างยั่งยืน

www.sintesagroup.com

เกี่ยวกับ J&J Green Paper

J&J Green Paper, Inc. เป็นบริษัทในเดลาแวร์ สหรัฐอเมริกา ที่ได้พัฒนาสารประกอบที่ได้รับการจดสิทธิบัตรและมีกระบวนการผลิตจากธรรมชาติทั้งหมดจนเป็นกระดาษกันความชื้น ซึ่งไม่เพียงแค่กำจัดปิโตรเคมีที่พบในกระดาษมาตรฐานและบรรจุภัณฑ์กระดาษ และก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการสลายตัวของกระดาษเหล่านั้นเท่านั้น แต่ยังมีคุณสมบัติเป็นไปตามมาตรฐานที่เข้มงวดของสหภาพยุโรปและประเทศต่าง ๆ ในการกำจัดพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งด้วย โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.jjgreenpaper.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Inka Prawirasasra
AVP ฝ่ายสื่อสารองค์กรและความยั่งยืน
Sintesa Group
inka.prawirasasra@sintesagroup.com
085282807879

แหล่งที่มา: J&J Green Paper, Inc.

Fortress Management และ Mubadala ซื้อกิจการ Fortress Investment Group

Logo

ทีมผู้บริหารของ Fortress จะเข้ารับตำแหน่งหุ้นส่วนที่สำคัญ

นิวยอร์กและอาบูดาบี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–22 พฤษภาคม 2023

Fortress Investment Group (“Fortress”) และ Mubadala Investment Company ของบริษัทในเครือ Mubadala Capital (“Mubadala Capital”) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือด้านการจัดการสินทรัพย์ทั้งหมด ได้ประกาศในวันนี้ว่าพวกเขาได้ทำข้อตกลงขั้นสุดท้ายเพื่อซื้อหุ้น 90.01% ของ Fortress ซึ่งปัจจุบันถือครองโดย SoftBank Group Corp. (“SoftBank”) ซึ่งได้เป็นเจ้าของ Fortress ตั้งแต่ปี 2017 ไม่มีการเปิดเผยข้อกำหนดของข้อตกลง และข้อตกลงอยู่ภายใต้เงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียมและการอนุมัติตามกฎระเบียบ

หลังจากเสร็จสิ้นการทำธุรกรรม ผู้บริหารของ Fortress คาดว่าจะถือหุ้น 30% ในบริษัท และจะถือสิทธิ์ในประเภทหุ้นที่ผู้บริหารของ Fortress สามารถแต่งตั้งเสียงส่วนใหญ่ของคณะกรรมการ Mubadala Capital (ซึ่งปัจจุบันถือหุ้น 9.99% ใน Fortress ผ่านกองทุน Private Equity Funds II และ III) จะถือหุ้น 70% ของ Fortress

หลังจากปิดตัวลง Fortress จะยังคงทำงานในฐานะผู้จัดการการลงทุนอิสระภายใต้แบรนด์ Fortress โดยมีอิสระอย่างเต็มที่ในกระบวนการลงทุนและการตัดสินใจ บุคลากร และการดำเนินงาน Drew McKnight และ Joshua Pack จะได้รับการแต่งตั้งเป็นซีอีโอร่วมของ Fortress และ Pete Briger จะได้รับการแต่งตั้งเป็นประธาน Hani Barhoush ซีอีโอและกรรมการผู้จัดการของ Mubadala Capital ซึ่งดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารของ Fortress มาตั้งแต่ปี 2019 จะยังคงดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการต่อไป

Dean Dakolias จะดำรงตำแหน่งหุ้นส่วนผู้จัดการต่อไป และ Tom Pulley จะดำรงตำแหน่ง CEO ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกอย่าง Fortress Real Estate ต่อไป Jack Neumark ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและจะยังคงเป็นผู้นำในธุรกิจสินทรัพย์ทางกฎหมายและเป็นหัวหน้าร่วมในธุรกิจการเงินพิเศษ และ Marc Furstein จะยังคงดำรงตำแหน่งประธานต่อไป ผู้ร่วมก่อตั้ง Fortress Wes Edens และ Randy Nardone จะยังคงดูแลธุรกิจ PCV และการลงทุน PE ที่เหลืออยู่ รวมถึง Brightline

ภายใต้การเป็นเจ้าของร่วมใหม่ Fortress คาดว่าจะสร้างมูลค่าที่สำคัญให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยการสร้างตัวเองต่อไปในพื้นที่การลงทุนทางเลือก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านสินเชื่อและอสังหาริมทรัพย์ในตลาดภาครัฐและเอกชน ซึ่งปัจจุบันบริหารสินทรัพย์มูลค่า 46 พันล้านดอลลาร์บน ในนามของนักลงทุนสถาบันและลูกค้าเอกชนกว่า 1,900 ราย Fortress คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากเครือข่ายทั่วโลกของ Mubadala Capital และพอร์ตโฟลิโอสินทรัพย์ที่หลากหลายที่กว้างขวาง รวมถึงการเข้าถึงโอกาสการลงทุนที่เป็นกรรมสิทธิ์เพื่อรองรับการเติบโตและการขยายตัว

Pete Briger จาก Fortress, Drew McKnight และ Joshua Pack กล่าวในแถลงการณ์ร่วม: “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้กระชับความสัมพันธ์ของเรากับ Mubadala โดยร่วมมือกับหนึ่งในนักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญมากที่สุดในโลกในการทำธุรกรรมที่จะมอบผลประโยชน์ระยะยาวที่สำคัญให้กับบริษัทของเรา พนักงานของเรา และลูกค้าที่เราให้บริการ เราทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Mubadala มานานหลายปี และเคารพในความเฉียบแหลมและระเบียบวินัยในการลงทุนของพวกเขาอย่างมาก เรามองว่าการลงทุนเพิ่มเติมของ Mubadala เป็นการยืนยันรูปแบบธุรกิจและแนวทางการลงทุนที่เรายอมรับมากว่า 20 ปี และในเวลาที่พลวัตของตลาดสอดคล้องกับประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของเราดีกว่าที่เคยเป็นมา เราไม่สามารถ ตื่นเต้นกับอนาคตของ Fortress มากขึ้น”

Hani Barhoush ซีอีโอและกรรมการผู้จัดการของ Mubadala Capital กล่าวว่า “Fortress เป็นผู้จัดการการลงทุนชั้นนำของโลกที่มีประวัติที่พิสูจน์แล้วในด้านการส่งมอบผลตอบแทนที่ปรับตามความเสี่ยงที่เหนือกว่าให้กับนักลงทุนตลอดวงจรธุรกิจ ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา พวกเขาได้สร้างแฟรนไชส์ที่น่าทึ่งและสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในฐานะนักลงทุนด้านสินเชื่อและสินทรัพย์ชั้นนำ ในขณะเดียวกันก็พัฒนากลยุทธ์การลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ที่หลากหลาย เรามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับทีมผู้บริหารที่ยอดเยี่ยมของ Fortress และรู้สึกตื่นเต้นที่จะกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในอีกหลายปีข้างหน้าตามวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกัน ในขณะเดียวกันก็มอบมูลค่าที่มากกว่าให้กับนักลงทุนของเรา”

การทำธุรกรรมคาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาสแรกของปี 2024 โดยขึ้นอยู่กับการอนุมัติตามกฎระเบียบ

Ardea Partners ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ Shearman & Sterling ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับ Mubadala

Goldman, Sachs & Co. LLC ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ Kirkland & Ellis ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับผู้บริหารระดับสูงของ Fortress ในการทำธุรกรรม Skadden, Arps, Slate, Meagher & Flom LLP เป็นตัวแทนของ Fortress ในการทำธุรกรรม

Raine Group ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินแต่เพียงผู้เดียว และ Morrison Foerster ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายของ SoftBank

เกี่ยวกับ Fortress Investment Group

Fortress Investment Group LLC เป็นผู้จัดการการลงทุนชั้นนำระดับโลกที่มีความหลากหลายสูง Fortress ก่อตั้งขึ้นในปี 2541 โดยจัดการสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมูลค่า 45.8 พันล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2022 ในนามของลูกค้าสถาบันและนักลงทุนเอกชนกว่า 1,900 รายทั่วโลก ทั้งในกลยุทธ์สินเชื่อและอสังหาริมทรัพย์ กองทุนส่วนบุคคล และการลงทุนถาวร

เกี่ยวกับ Mubadala Capital

Mubadala Capital เป็นบริษัทในเครือด้านการจัดการสินทรัพย์ของ Mubadala Investment Company ซึ่งเป็นนักลงทุนชั้นนำระดับโลกที่มีสำนักงานใหญ่ในอาบูดาบี นอกเหนือจากการจัดการการลงทุนในงบดุลของตนเองแล้ว Mubadala Capital ยังจัดการมูลค่ารวม 20,000 ล้านดอลลาร์จากการลงทุนในงบดุลของบริษัทเองและในเครื่องมือทุนของบุคคลที่สามในนามของนักลงทุนสถาบัน ซึ่งรวมถึงกองทุนหุ้นเอกชนสี่กองทุน กองทุนร่วมลงทุนระยะเริ่มต้นสามกองทุน และกองทุนสองกองทุนในบราซิลที่เน้นสถานการณ์พิเศษ

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53403992/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

สื่อ:

Mubadala
Salam Kitmittosakitmitto@mubadala.ae
+971 50 276 9286

Fortress
Gordon Runtegrunte@fortress.com
+1 917 981 1246

ที่มา: Fortress Investment Group LLC และ Mubadala Capital

Midea Group ได้รับรางวัล 2022 Forbes China สุดยอด 50 ธุรกิจอุตสาหกรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

Logo

ฝอซาน, จีน–(BUSINESS WIRE)–15 กุมภาพันธ์ 2023

ในช่วงต้นปีนี้ Forbes ได้เผยแพร่รายชื่อ “2022 Forbes China สุดยอด 50 ธุรกิจอุตสาหกรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน”  ซึ่งมี Midea Group รวมอยู่ในรายชื่อดังกล่าวด้วยเนื่องจากผลงานที่โดดเด่นในด้านการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความเป็นกลางทางคาร์บอน การพัฒนาที่ยั่งยืน และโครงสร้างแบบ ESG

Midea Group Awarded as 2022 Forbes China TOP 50 Sustainable Development Industrial Enterprises (Graphic: Business Wire)

Midea Group ได้รับรางวัล 2022 Forbes China สุดยอด 50 ธุรกิจอุตสาหกรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Graphic: Business Wire)

การประเมินมุ่งเน้นไปที่ตัวชี้วัดอย่างเฉพาะเจาะจง 5 มิติ ได้แก่ “ระบบการจัดการ นวัตกรรมทางเทคโนโลยี ผลประโยชน์ที่ครอบคลุม การจัดสรรทรัพยากร รวมไปถึงการสาธิตและส่งเสริม” บริษัทที่ได้รับเลือกในปีนี้คือบริษัทอุตสาหกรรมทั้งหมดที่ก่อตั้งมาอย่างน้อย 10 ปี และมีรายได้ต่อปีมากกว่า 100 พันล้านหยวน พร้อมกับมีการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาที่เพิ่มขึ้นประมาณ 50% เมื่อเทียบเป็นรายปี พวกเขายังแสดงให้เห็นถึงข้อได้เปรียบที่สำคัญเหนือคู่ค้าในระดับโลกและมีเทคโนโลยีล้ำสมัยซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดในโลก
ตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา Midea ได้ปรับปรุงและทำให้ระบบการจัดการการพัฒนาอย่างยั่งยืนของตนสมบูรณ์แบบ โดยได้ผสานแนวคิดของการพัฒนาอย่างยั่งยืนไว้ในแทบทุกขั้นตอนของการผลิตและการดำเนินงาน ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการทำตามความมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าร่วมกันกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้สำเร็จ

Midea Shunde Industrial Park ใช้ระบบ PV แบบกระจาย อุปกรณ์จัดเก็บพลังงาน อุปกรณ์ HVAC ประสิทธิภาพสูง (รวมถึงยูนิตเชื่อมต่อ MDV8 หลายตัว) ลิฟต์อัจฉริยะดิจิทัล LINVOL โมดูลการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ และสายการผลิตอัตโนมัติเพื่อทำให้การเป็นสำนักงานสีเขียวและการผลิตคาร์บอนโดยมีต้นทุนต่ำสำเร็จ ความพยายามดังกล่าวนำไปสู่การรับรองโดย LEED & WELL ด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัลของ iBUILDING ระบบการจัดการคาร์บอนและระบบโครงข่ายไฟฟ้าของ Midea Shunde Industrial Park ได้รับการผนวกรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ และยังบรรลุถึงความเป็นกลางทางคาร์บอนในพื้นที่สำนักงานอีกด้วย

ปัจจุบันโรงงาน Midea Chongqing ได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสีเขียวและประหยัดพลังงานมากกว่า 15 รายการ แอปพลิเคชันฉากดิจิทัล 8 รายการ การรับรองและการให้คำปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม 3 รายการ และยังมีการเข้าถึงระบบข้อมูลมากกว่า 10 ระบบ และยังเพิ่มสัดส่วนของพลังงานสะอาดและไฟฟ้าสีเขียวอย่างมีนัยสำคัญด้วยการติดตั้งแผง PV บนหลังคา ผนังอาคารที่มีแผงโซลาร์เซลล์แสงอาทิตย์แบบบูรณาการ และไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากนี้ โรงงาน Midea Chongqing ยังได้รับใบรับรองคาร์บอนเป็นกลาง PAS2060 ทำให้กลายเป็นหนึ่งในโรงงานต้นแบบที่ปลอดคาร์บอนแห่งแรกของ Midea

ด้วยคำแนะนำจากการให้คำปรึกษาด้านคาร์บอนขั้นสูงสุด โรงงาน Midea Jingzhou ได้สร้างเส้นทางปลอดคาร์บอนซึ่งประกอบด้วยสี่ขั้นตอน ได้แก่ การวางแผนและการออกแบบ การก่อสร้าง การดำเนินงาน และการปฏิรูป นอกจากนี้ บริษัทยังใช้โซลูชันคาร์บอนเป็นศูนย์ที่สำคัญเพื่อให้ได้รับการรับรองทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและเรื่องคาร์บอนเป็นศูนย์ ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพและการจัดการพลังงานดังกล่าว ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและการบำรุงรักษาจะลดลง 30% และการใช้พลังงานของโรงงานจะลดลง 5-20% โดยทั้งหมดนี้คือความพยายามในการลดคาร์บอน

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ดูเวอร์ชันต้นฉบับได้ที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20230213005693/en/

ติดต่อ

Lori Luo   luory17@midea.com

 

แหล่งที่มา: Midea Group

Tianjin Port Group และ Huawei ประกาศความร่วมมือในเชิงลึกเพื่อสร้างแบบจำลองเสมือนดิจิทัลของท่าเรือ

Logo

เทียนจิน, จีน–(BUSINESS WIRE)–20 มกราคม 2023

ในสัปดาห์นี้ Tianjin Port Group และ Huawei ประกาศว่าทั้งสองบริษัทจะร่วมมือกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นเพื่อสร้างแบบจำลองเสมือนดิจิทัลของท่าเรือ เพื่อทำสร้างระบบที่เป็นอัตโนมัติและชาญฉลาดมากขึ้น Yang Jiemin รองประธาน Tianjin Port Group อธิบายว่าแผนนี้ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ การก่อสร้างท่าเทียบเรืออัตโนมัติใหม่ การยกระดับท่าเทียบเรือแบบดั้งเดิม และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลอย่างครอบคลุม

ท่าเทียบเรือส่วน C ในบริเวณท่าเรือปักกิ่งของท่าเรือเทียนจินเป็นท่าเทียบเรืออัจฉริยะไร้คาร์บอนแห่งแรกของโลก ซึ่งเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ในเดือนตุลาคม 2021 และดำเนินการอย่างมีเสถียรภาพตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มีการนำเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติแบบ 5G และ L4 มาใช้ที่อาคารผู้โดยสารนี้เพื่อให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่อาคารผู้โดยสาร เครนตู้คอนเทนเนอร์จะทำงานโดยอัตโนมัติ และหุ่นยนต์อัจฉริยะของระบบขนส่งแนวนอนจะเคลื่อนที่ไปมาอยู่บ่อยๆ เครนท่าเรือที่ควบคุมจากระยะไกลจะยกตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรทุกจากเรือบรรทุกสินค้าและวางลงบนหุ่นยนต์อัจฉริยะสำหรับการขนส่งในแนวราบ หุ่นยนต์เหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากระบบดาวเทียมนำทาง BeiDou ซึ่งนำทางไปยังสถานีล็อก/ปลดล็อกอัตโนมัติเพื่อปลดล็อกตู้คอนเทนเนอร์ จากนั้นจะไปยังลานตู้คอนเทนเนอร์ตามเส้นทางการขับเคลื่อนที่เหมาะสมที่คำนวณตามเวลาจริง กระบวนการทั้งหมดดำเนินไปอย่างราบรื่น

Yang Jiemin อธิบายว่าโซลูชันใหม่นี้ ซึ่งรวมเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ 5G และ L4 เข้าด้วยกัน ได้มีการนำไปใช้งานเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่เป็นครั้งแรกในสถานการณ์สาธารณะบางส่วนที่ท่าเทียบเรือส่วน C เทคโนโลยีนี้ได้เตรียมแบบจำลองใหม่สำหรับการอัปเกรดและเปลี่ยนแปลงท่าเทียบเรือตู้สินค้าแบบดั้งเดิมที่มีอยู่ทั่วโลก “นวัตกรรมเหล่านี้ที่นำมาใช้ที่ท่าเรือเทียนจินส่งผลอย่างมากต่ออุตสาหกรรมท่าเรือ สร้างมูลค่าใหม่ให้กับท่าเรือด้วยการปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการดำเนินงาน ขับเคลื่อนการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและคาร์บอนต่ำ และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน เราเชื่อว่าแนวทางปฏิบัติเหล่านี้จะส่งเสริมการพัฒนาอย่างชาญฉลาดของอุตสาหกรรมท่าเรือทั่วโลก” คุณหยางกล่าว

Yue Kun ซีทีโอของ Smart Road, Waterway & Port BU ของ Huawei กล่าวว่า “ท่าเรือเป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญในการขนส่งทางทะเล เชื่อมโยงการค้าและตลาดอุปทานทั่วโลก การสร้างพอร์ตอัจฉริยะที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกำลังกลายเป็นความต้องการที่เร่งด่วนมากขึ้นสำหรับห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ท่าเทียบเรือส่วน C ของท่าเรือเทียนจินได้ดำเนินการอย่างมีเสถียรภาพมากว่าหนึ่งปีแล้ว สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า 5G และ L4 ขับเคลื่อนอัตโนมัติได้ถูกนำมาใช้อย่างประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมต่างๆ ของจีนแล้ว และกำลังสร้างมูลค่าเชิงพาณิชย์และสังคมอย่างแท้จริง” Yue เชื่อว่าความก้าวหน้านี้จะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมต่างๆ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลยุคหน้า เช่น 5G และ AI ที่รวมกันเพื่อแก้ปัญหาในอุตสาหกรรม ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงและยกระดับอุตสาหกรรมดิจิทัล และสร้างคุณค่าทางสังคม

ในฐานะท่าเรือสมัยใหม่ที่สำคัญแห่งหนึ่ง ท่าเรือเทียนจินมีท่าเทียบเรือระดับ 300,000 ตันที่มีความลึกของทางเดินเรือ 22 ม. มีท่าเทียบเรือ 213 ท่าประเภทต่างๆ ในปี 2022 ปริมาณงานของตู้สินค้ามีมากกว่า 21 ล้าน TEU ซึ่งจัดอยู่ใน 10 อันดับแรกของท่าเรือทั่วโลก

เกี่ยวกับ Huawei:

Huawei ก่อตั้งขึ้นในปี 1987 เป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) และอุปกรณ์อัจฉริยะชั้นนำระดับโลก เรามีพนักงาน 195,000 คน และดำเนินงานในกว่า 170 ประเทศและภูมิภาค ให้บริการผู้คนมากกว่าสามพันล้านคนทั่วโลก

วิสัยทัศน์และพันธกิจของเราคือการนำดิจิทัลมาสู่ทุกคน ทุกบ้าน และทุกองค์กร เพื่อโลกอัจฉริยะที่เชื่อมโยงถึงกันอย่างสมบูรณ์ เพื่อจุดประสงค์นี้ เราจะทำงานเพื่อการเชื่อมต่อที่แพร่หลายและการเข้าถึงเครือข่ายที่ครอบคลุม โดยวางรากฐานสำหรับโลกอัจฉริยะ ให้พลังการประมวลผลที่หลากหลายในที่ที่คุณต้องการ ในเวลาที่คุณต้องการ เพื่อนำระบบคลาวด์และข่าวกรองมาสู่ทั้งสี่มุมโลก สร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อช่วยให้ทุกอุตสาหกรรมและองค์กรมีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และคล่องตัวมากขึ้น อีกทั้งกำหนดประสบการณ์ผู้ใช้ใหม่ด้วย AI ที่ทำให้ฉลาดขึ้นและเป็นส่วนตัวมากขึ้นสำหรับผู้คนในทุกด้านของชีวิต ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่บ้าน ระหว่างเดินทาง ในสำนักงาน กำลังสนุกสนาน หรือออกกำลังกาย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม Huawei ทางออนไลน์ที่ www.huawei.com หรือติดตามเราได้ที่ลิงก์ต่อไปนี้

http://www.linkedin.com/company/Huawei
http://www.twitter.com/Huawei
http://www.facebook.com/Huawei
http://www.youtube.com/Huawei

เกี่ยวกับ Tianjin Port Group:

ท่าเรือเทียนจินตั้งอยู่ทางตะวันตกสุดของอ่าวโป๋ไห่ในเขตใหม่ปินไห่ เมืองเทียนจิน ประเทศจีน ทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือกับเอเชียกลางและตะวันตก นอกจากนี้ยังเป็นจุดแวะที่สำคัญตามแนวระเบียงเศรษฐกิจ New Eurasia Land Bridge Economic Corridor และเป็นศูนย์กลางระหว่างประเทศสำหรับการเปิดสู่โลกภายนอกของจีน

ในปี 2022 ปริมาณงานของตู้สินค้ามีมากกว่า 21 ล้าน TEU ซึ่งจัดอยู่ใน 10 อันดับแรกของท่าเรือทั่วโลก ในฐานะท่าเรือสมัยใหม่ที่สำคัญแห่งหนึ่ง ท่าเรือเทียนจินมีท่าเทียบเรือระดับ 300,000 ตันที่มีความลึกของทางเดินเรือ 22 ม. มีท่าเทียบเรือ 213 ท่าประเภทต่างๆ และส่วนใหญ่ประกอบด้วยหกพื้นที่ ได้แก่ เป่ยเจียง ตงเจียง หนานเจียง ต้ากูโข่ว เกาชาหลิง และต้ากัง

ท่าเรือเทียนจินมีการค้ากับท่าเรือมากกว่า 500 แห่งในกว่า 180 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Tianjin Port Group โปรดไปที่ https://www.ptacn.com/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Huang Daohen
huangdaohen@huawei.com

ที่มา: หัวเว่ย