Tag Archives: holdings:

Perma-Pipe International Holdings, Inc. ประกาศการได้รับรางวัลโครงการใหม่ในทวีปอเมริกาและภูมิภาค MENA

Logo

เมืองสปริง รัฐเท็กซัส–(BUSINESS WIRE)–10 เมษายน 2025

Perma-Pipe International Holdings, Inc. (Nasdaq: PPIH) ประกาศในวันนี้ว่าได้รับรางวัลโครงการหลายโครงการในทวีปอเมริกาและภูมิภาค MENA โดยมีมูลค่ารวมเกินกว่า 27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โครงการเหล่านี้จะใช้ความสามารถในการเคลือบป้องกันการกัดกร่อนของ Perma-Pipe และระบบฉนวน XTRU-THERM® ซึ่งเป็นโฟมพอลียูรีเทนที่พ่นทับและหุ้มด้วยปลอกพลาสติกโพลีเอทิลีนความหนาแน่นสูง

  • การได้รับรางวัลหลายรายการสำหรับการให้บริการเคลือบป้องกันการกัดกร่อนในตลาดน้ำมันและก๊าซในแคนาดาตะวันตกและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
  • การได้รับรางวัลหลายรายการสำหรับการให้บริการโซลูชันท่อแบบมีการป้องกันซ้อนและท่อที่ติดตั้งฉนวนล่วงหน้าสำหรับโครงการขยายศูนย์ข้อมูลและอุตสาหกรรมในสหรัฐอเมริกาและซาอุดีอาระเบีย

Marc Huber รองประธานอาวุโสของ Perma-Pipe ในภูมิภาคอเมริกา กล่าวไว้ว่า “การได้รับรางวัลโครงการใหญ่เหล่านี้สะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับโซลูชันของ Perma-Pipe ความต้องการนี้ได้รับการขับเคลื่อนจากการเติบโตของตลาดศูนย์ข้อมูล การลงทุนที่เพิ่มขึ้นในภาคเภสัชกรรมและอุตสาหกรรม รวมถึงการขยายตัวของโครงการพลังงานในส่วนกลาง”

Saleh Sagr ประธานบริษัท กล่าวไว้ว่า “การได้รับรางวัลใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องและการเพิ่มขึ้นของงานที่รอดำเนินการชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความไว้วางใจที่ลูกค้ามีต่อผลิตภัณฑ์และบริการของเรา การกระจายผลิตภัณฑ์เชิงกลยุทธ์และการขยายตลาดในเชิงภูมิศาสตร์เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตนี้ เปิดตลาดใหม่ และรับรองความสำเร็จในอนาคตของเรา”

David Mansfield ซีอีโอ กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นกับรางวัลใหม่ๆ เหล่านี้ เพราะมันเป็นจุดสำคัญในการพัฒนาของบริษัทและช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับงานที่รอดำเนินการในปีหน้า โครงการเหล่านี้ไม่เพียงแค่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของโซลูชันของเรา แต่ยังมีบทบาทเชิงกลยุทธ์ในการเสริมสร้างตำแหน่งของเราในตลาด เรามั่นใจว่ารางวัลเหล่านี้จะผลักดันการเติบโตและความสำเร็จของเราอย่างต่อเนื่อง และเสริมสร้างชื่อเสียงของเราในฐานะผู้นำที่น่าเชื่อถือในอุตสาหกรรม”

Perma-Pipe International Holdings, Inc.

Perma-Pipe International Holdings, Inc. (Nasdaq: PPIH, “Perma-Pipe” หรือ “บริษัท”) เป็นผู้นำระดับโลกในด้านท่อที่ติดตั้งฉนวนล่วงหน้าและระบบตรวจจับการรั่วสำหรับอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ การทำความร้อนและความเย็นในเขตเมือง และการใช้งานอื่นๆ บริษัทใช้ความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและการผลิตที่กว้างขวางในการพัฒนาโซลูชันท่อที่แก้ปัญหาที่ซับซ้อนเกี่ยวกับการขนส่งของเหลวหลายประเภทอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยรวมแล้ว Perma-Pipe มีการดำเนินงานที่ 14 แห่งใน 6 ประเทศ

ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า

บางคำแถลงและข้อมูลอื่น ๆ ที่ปรากฏในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ ซึ่งสามารถระบุได้จากการใช้คำที่เกี่ยวข้องกับการคาดการณ์ล่วงหน้า จะถือเป็น “ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า” ตามความหมายของมาตรา 27A แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ปี 1933 แก้ไข และมาตรา 21E แห่งพระราชบัญญัติการแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ปี 1934 แก้ไข ซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มครองจากข้อบังคับเหล่านั้น รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียง ข้อความที่เกี่ยวข้องกับผลการดำเนินงานและการดำเนินการในอนาคตของบริษัท ข้อความเหล่านี้ควรได้รับการพิจารณาว่าอยู่ภายใต้ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่มีอยู่ในธุรกิจและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของบริษัท ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเหล่านี้รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียง ต่อไปนี้: (i) ผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (“COVID-19”) ต่อผลการดำเนินงาน สภาพการเงิน และกระแสเงินสดของบริษัท (ii) การเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติและผลกระทบต่อปริมาณคำสั่งซื้อของลูกค้าสำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัท (iii) ความสามารถของบริษัทในการปฏิบัติตามพันธกรณีทั้งหมดในสิ่งอำนวยความสะดวกทางเครดิต (iv) ความสามารถของบริษัทในการชำระหนี้และต่ออายุสิ่งอำนวยความสะดวกทางเครดิตระหว่างประเทศที่หมดอายุ (v) ความสามารถของบริษัทในการดำเนินกลยุทธ์และบรรลุผลกำไรและกระแสเงินสดที่เป็นบวก (vi) ผลกระทบจากความอ่อนแอและความผันผวนทางเศรษฐกิจทั่วโลก (vii) การเปลี่ยนแปลงของราคาสตีลและความสามารถของบริษัทในการชดเชยการเพิ่มขึ้นของราคาสตีลผ่านการปรับราคาผลิตภัณฑ์ (viii) การรับคำสั่งซื้อ การดำเนินการ การส่งมอบ และการยอมรับผลิตภัณฑ์ของบริษัท (ix) การลดลงของการใช้จ่ายของรัฐบาลในโครงการที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท และความท้าทายต่อสภาพคล่องและการเข้าถึงเงินทุนของลูกค้าภายนอกภาครัฐของบริษัท (x) ความสามารถของบริษัทในการเจรจาต่อรองข้อตกลงการเรียกเก็บเงินล่วงหน้าสำหรับสัญญาขนาดใหญ่ (xi) การตั้งราคาที่รุนแรงจากคู่แข่งที่มีอยู่และการเข้ามาของคู่แข่งใหม่ในตลาดที่บริษัทดำเนินการ (xii) ความสามารถของบริษัทในการซื้อวัตถุดิบในราคาที่ดีและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีในการจัดหาสินค้าจากซัพพลายเออร์ (xiii) ความสามารถของบริษัทในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากข้อบกพร่องแฝงและการฟื้นตัวจากซัพพลายเออร์ที่อาจจัดหาวัสดุที่มีข้อบกพร่องให้กับบริษัท (xiv) การลดลงหรือการยกเลิกคำสั่งซื้อที่รวมอยู่ในงานที่รอดำเนินการของบริษัท (xv) ความสามารถของบริษัทในการเรียกเก็บบัญชีที่เกี่ยวข้องกับโครงการในตะวันออกกลาง (xvi) ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานธุรกิจระหว่างประเทศของบริษัท (xvii) ความสามารถของบริษัทในการดึงดูดและรักษาผู้บริหารระดับสูงและบุคลากรสำคัญ (xviii) ความสามารถของบริษัทในการบรรลุผลประโยชน์ที่คาดหวังจากการเติบโต (xix) ความสามารถของบริษัทในการตีความการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบภาษีและกฎหมาย (xx) ความสามารถของบริษัทในการใช้การขาดทุนจากการดำเนินงานที่ยกมา (xxi) การย้อนกลับรายได้และกำไรก่อนหน้านี้ที่บันทึกจากการประมาณการที่ไม่ถูกต้องในการรับรู้รายได้แบบเปอร์เซ็นต์ของการดำเนินการ (xxii) ความล้มเหลวของบริษัทในการสร้างและรักษาการควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพในการรายงานทางการเงิน (xxiii) ผลกระทบจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ต่อระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท ผู้ถือหุ้น นักลงทุนที่มีศักยภาพ และผู้อ่านอื่น ๆ ได้รับการกระตุ้นให้พิจารณาปัจจัยเหล่านี้อย่างรอบคอบในการประเมินข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าและขอเตือนว่าไม่ควรวางใจในข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้มากเกินไป ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้ได้รับการกล่าวถึงในวันที่ของข่าวประชาสัมพันธ์นี้เท่านั้น และบริษัทไม่มีภาระผูกพันในการอัปเดตข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าใดๆ สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นผลจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่นๆ ข้อมูลที่ละเอียดเกี่ยวกับปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของเราสามารถพบได้ในเอกสารที่ยื่นกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ที่ https://www.sec.gov และภายใต้ส่วนของ Investor Center บนเว็บไซต์ของเรา ( http://investors.permapipe.com )

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Perma-Pipe International Holdings, Inc.
David Mansfield ซีอีโอ

Perma-Pipe ฝ่ายความสัมพันธ์นักลงทุน
847.929.1200
investor@permapipe.com

ที่มา: Perma-Pipe International Holdings, Inc.

Kirin Holdings: ปรับปรุงความยั่งยืนของไร่ชาดำในศรีลังกาผ่าน Regenerative Tea Scorecard ที่ร่วมกับ Rainforest Alliance

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–31 มกราคม 2025

Kirin Holdings Company, Ltd. (Kirin Holdings) (TOKYO: 2503) และ Kirin Beverage Company, Ltd. (Kirin Beverage) ได้ทำงานร่วมกับ Rainforest Alliance ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 เพื่อพัฒนาเครื่องมือในการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเกษตรแบบฟื้นฟู*1 Regenerative Tea Scorecard เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเกษตรแบบฟื้นฟู ซึ่งได้รับการพัฒนาจากความร่วมมือกับ Rainforest Alliance ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 โดยได้เริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคม 2024 โดยการดำเนินการนี้มีเป้าหมายที่ไร่ชาบางแห่งในศรีลังกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตใบชารายใหญ่ที่ใช้ใน Kirin Gogo-no-Kocha และมีแผนจะดำเนินการในไร่ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งและไร่ขนาดเล็กอีก 30 แห่งในศรีลังกาภายในสิ้นปี 2025
*1 แนวทางการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรมทางการเกษตร

250ml LL Slim Kirin Gogo-no-Kocha Straight Tea (Photo: Business Wire)

ชาต้นตำรับ LL Slim Kirin Gogo-no-Kocha 250 มล. (ภาพ: Business Wire)

Regenerative Tea Scorecard มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเครื่องมือแบบสมัครใจที่สามารถเข้าถึงได้สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการปลูกใบชาในไร่ชา เป็นเครื่องมือสนับสนุนไร่ชาในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเกษตรแบบฟื้นฟู ซึ่งจะเป็นโครงการนำร่องในห่วงโซ่อุปทานของ Kirin Beverage โดยเกษตรกรผู้ปลูกชาสามารถใช้ “The Regenerative Tea Scorecard” เพื่อประเมินแนวทางการทำไร่ชาในปัจจุบันของตน และระบุพื้นที่ในการปรับปรุงเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่การเกษตรแบบฟื้นฟู โดย Regenerative Tea Scorecard มีพื้นฐานมาจากคำจำกัดความของ Rainforest Alliance เกี่ยวกับเกษตรกรรมแบบฟื้นฟู ซึ่งใช้แนวทางการอนุรักษ์และฟื้นฟูในการทำไร่ โดยรวมแนวทางปฏิบัติด้านการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้ากับกลยุทธ์การจัดการระบบแบบบูรณาการ เพื่อให้มั่นใจถึงสุขภาพของดิน การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพภายในไร่ การฟื้นฟูระบบนิเวศ และการดำรงชีวิตของเกษตรกร

ปัจจุบันประมาณ 40%*2 ของใบชาดำ*3 ที่นำเข้ามาในญี่ปุ่นมาจากศรีลังกา ซึ่งประมาณ 20%*4 ได้ถูกนำไปใช้ใน Kirin Gogo-no-Kocha โดย Kirin Group ได้ให้การสนับสนุนการเข้าซื้อ Rainforest Alliance Certification*5 ตั้งแต่ปี 2013 เพื่อสร้างความร่วมมือที่ดีขึ้นกับภูมิภาคที่ผลิตชาของศรีลังกาและผู้คนที่ทำงานที่นั่น และเพื่อผลิตเครื่องดื่มชาที่ปลอดภัยและมีรสชาติที่ดีต่อไป ภายในสิ้นปี 2023 ไร่ขนาดใหญ่จำนวน 94*6 แห่ง หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 30 ของไร่ขนาดใหญ่ทั้งหมดในศรีลังกา ได้รับการรับรองแล้ว ตั้งแต่ปี 2021 โดย Kirin Beverage ได้จำหน่ายชาต้นตำรับ LL Slim Kirin Gogo-no-Kocha 250 มล. ซึ่งผลิตจากใบชาศรีลังกา 100% ซึ่งมากกว่า 90% ได้รับการรับรองจาก Rainforest Alliance
*2 สำหรับผลเฉพาะใบชา (ไม่รวมชาสำเร็จรูป)
*3 สถิติพิธีการศุลกากร กระทรวงการคลัง
*4 ผลงานวิจัย Kirin Beverage
*5 ใบรับรองที่มอบให้กับไร่ที่ได้รับการยอมรับในด้านความมุ่งมั่นในวิธีการเกษตรที่ยั่งยืนมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ปกป้องธรรมชาติและผู้ผลิต
*6 ไร่ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งปฏิเสธที่จะรับการรับรองต่อในปี 2023

ไร่ชาในศรีลังกาเผชิญกับความท้าทายหลายประการ รวมทั้งผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น ภัยแล้งและฝนตกหนัก และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงจากการใช้ที่ดินอันเนื่องมาจากการขยายตัวของเมือง ในรายงานด้านสิ่งแวดล้อมประจำปี 2022 ที่เผยแพร่ในเดือนกรกฎาคม 2022 ระบุว่า Kirin Group เป็นรายแรกของโลกที่ทดลองเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับต้นทุนทางธรรมชาติ*7 รวมถึงไร่ชาในศรีลังกา โดยยึดตามแนวทาง LEAP ที่ได้รับการสนับสนุนจาก TNFD*8 ในรายงานด้านสิ่งแวดล้อมประจำปี 2023 ที่เผยแพร่ในเดือนกรกฎาคม 2023 เรื่องการค้นหา (การค้นพบจุดสัมผัสกับธรรมชาติ) และการประเมิน (การวิเคราะห์ความสัมพันธ์และผลกระทบ) สำหรับไร่ชาในศรีลังกา และในรายงานด้านสิ่งแวดล้อมประจำปี 2024 ที่เผยแพร่ในเดือนมิถุนายน 2024 เรื่องการประเมิน (การประเมินความเสี่ยงและโอกาส) และทิศทางในอนาคต (เตรียมความพร้อมสำหรับการรายงาน) มีการดำเนินการวิเคราะห์และประเมินผลอย่างละเอียดและเผยแพร่ ซึ่งเผยให้เห็นว่าการฝึกอบรมสำหรับการรับรองของ Rainforest Alliance และการเปลี่ยนผ่านไปสู่เกษตรกรรมแบบฟื้นฟู เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่พื้นที่เพาะปลูกขนาดเล็กทั้งหมดที่จะผ่านการรับรอง และเพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ Kirin Group ได้ทำงานร่วมกับ Rainforest Alliance เพื่อพัฒนา Scorecard ในการปรับปรุงความยั่งยืนของเกษตรกรเป็นหลัก ด้วยกิจกรรมนี้ Kirin Group มีเป้าหมายที่จะสนับสนุนการดำเนินการเกษตรกรรมแบบฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมในไร่ชา และปรับปรุงความยั่งยืนของพื้นที่ในการผลิตวัตถุดิบ
*7 ต้นทุนทางธรรมชาติ คือ สต๊อกของสินทรัพย์ธรรมชาติที่ช่วยให้สังคมได้รับทรัพยากรหมุนเวียนและไม่หมุนเวียน รวมถึงบริการระบบนิเวศ
*8 คณะทำงานด้านการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ ซึ่งเป็นกรอบการเปิดเผยข้อมูลที่เน้นการบริหารความเสี่ยงสำหรับบริษัทต่างๆ เพื่อรายงานและดำเนินการกับความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับทุนธรรมชาติ

Kirin Group จะยังคงจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อนและเกี่ยวข้องกันต่อไป (ทรัพยากรชีวภาพ ทรัพยากรน้ำ ภาชนะบรรจุและบรรจุภัณฑ์ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) ในแนวทางแบบองค์รวม และจะทำงานร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่คุณค่า เพื่อเชื่อมโยงความปรารถนาของเราที่จะเพลิดเพลิน และส่งต่อความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินให้คนรุ่นหลัง เราจะส่งเสริมความคิดริเริ่มต่างๆ อย่างจริงจังที่จะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อธรรมชาติและผู้คน

สำหรับการอ้างอิง
วิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อมของ Kirin Group ปี 2050 https://www.kirinholdings.com/en/impact/env/mission/

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทข้ามชาติที่ประกอบธุรกิจในภาคอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม), ภาคเภสัชกรรม (ธุรกิจเภสัชกรรม) และภาควิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings มีต้นกำเนิดมาจาก Japan Brewery ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1885 Japan Brewery กลายมาเป็น Kirin Brewery ในปี 1907 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บริษัทได้ขยายธุรกิจโดยใช้การหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจเภสัชกรรมในช่วงทศวรรษ 1980 โดยที่ธุรกิจทั้งหมดนี้ยังคงเป็นศูนย์กลางการเติบโตระดับโลก ในปี 2007 Kirin Holdings ก่อตั้งขึ้นเป็นบริษัทโฮลดิ้งโดยเฉพาะ และปัจจุบันกำลังมุ่งเน้นไปที่การขยายขอบเขตสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ

ภายใต้วิสัยทัศน์ Kirin Group ปี 2027 (KV 2027) Kirin Group มีแผนการจัดการระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2019 โดยมีเป้าหมายที่จะเป็น “ผู้นำระดับโลกในด้าน CSV* ที่สร้างมูลค่าให้กับโลกทั้งด้านอาหารและเครื่องดื่มไปจนถึงเภสัชกรรม” นับจากนี้ไป Kirin Group จะยังคงใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของตนเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านทางธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บรรลุการเติบโตที่ยั่งยืนในมูลค่าองค์กร

* การสร้างมูลค่าร่วมกัน: มูลค่าเพิ่มร่วมกันสำหรับผู้บริโภคและสังคมโดยรวม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/54196949/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
Corporate Communication Department Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

ที่มา: Kirin Holdings Company, Limited


Kirin Holdings: ดำเนินการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านเพื่อการจัดหาใบชาศรีลังกาอย่างยั่งยืน

Logo

  • การลดความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในศรีลังกาซึ่งเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบ โดยร่วมมือกับ Mitsui Norin
  • ปัจจุบันญี่ปุ่นนำเข้าใบชาดำจากศรีลังกาประมาณ 40%
  • ในอนาคตจะเพิ่มจำนวนไร่เป้าหมาย โดยตั้งเป้าจัดซื้อใบชาที่บริษัท Kirin Holdings ซื้อจากพื้นที่ผลิตที่ยั่งยืนให้ได้ 80% ภายในปี 2030

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–31 มกราคม 2025

Kirin Holdings Company, Limited (Kirin Holdings) (TOKYO:2503) และ Mitsui Norin Co., Ltd. (Mitsui Norin) กำลังพัฒนาโครงการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนโดยมุ่งเป้าไปที่ไร่ชาในศรีลังกา โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรลุการจัดหาใบชาดำอย่างยั่งยืนซึ่งใช้สำหรับ Kirin Gogo-no-Kocha

(Graphic: Business Wire)

(กราฟิก Business Wire)

Kirin Holdings และ Mitsui Norin ได้นำระบบ Designated Tea Estates System มาใช้ ซึ่งเป็นระบบที่จะจัดหาใบชาจากไร่ชาที่กำหนด เพื่อเพาะปลูกไร่ชาที่จัดหาใบชาที่มีคุณภาพคงที่ ระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดและป้องกันการเกิดความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนโดยการระบุผลกระทบเชิงลบต่อสิทธิมนุษยชนผ่านการใช้แบบสอบถามใหม่และการตรวจสอบในสถานที่ที่ “ไร่ชาที่กำหนด” ในปีแรก โครงการนี้จะนำไปดำเนินการในไร่ชา 4 แห่ง ในอนาคต จำนวนไร่ชาเป้าหมายจะเพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายในการจัดหาใบชา 80% ที่ Kirin Holdings ซื้อจากพื้นที่การผลิตที่ยั่งยืน    *1ภายในปี 2030 ด้วยการจัดหาใบชาที่ยั่งยืน Kirin Holdings ตระหนักถึงปัญหาสังคมที่นิคมอุตสาหกรรมต้องเผชิญและทำงานเพื่อปรับปรุงความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรม
*1: หมายถึงนิคมอุตสาหกรรมที่ได้ดำเนินการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน โดย Mitsui Norin หรือนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับการรับรองจาก Rainforest Alliance

Kirin Group ดำเนินการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน*2ในห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำตั้งแต่ปี 2018 ตามมาตรฐานสากล UN Guiding Principles on Business and Human Rights และนโยบายสิทธิมนุษยชนของ Kirin Group จนถึงขณะนี้ Kirin Group ได้ดำเนินการดังกล่าวในห่วงโซ่อุปทานของเมล็ดกาแฟในลาว ถั่วเหลืองในจีน ใบชาในศรีลังกา องุ่นในอาร์เจนตินา และอ้อยในบราซิล ประสบการณ์และความรู้ที่ได้รับจากโครงการริเริ่มเหล่านั้น จะถูกนำไปใช้ในความพยายามตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน ร่วมกับ Mitsui Norin และปัญหาใดๆ ที่เกิดขึ้นจะได้รับการพิจารณาเพื่อแก้ไขโดยร่วมมือกับ Kirin Holdings และ Mitsui Norin
*2: การตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านของ Kirin Group: https://www.kirinholdings.com/en/impact/community/2_1/duediligence

นอกเหนือจากโครงการริเริ่มด้านสิทธิมนุษยชนแล้ว Kirin Group ยังมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและกิจกรรมอื่นๆ ที่มุ่งปกป้องพื้นที่ที่ผลิตวัตถุดิบ ปัจจุบันประมาณ 40%*3ของใบชาดำ*4ที่นำเข้ามาญี่ปุ่นมาจากศรีลังกา ซึ่งประมาณ 20%*5ใช้ใน Kirin Gogo-no-Kochaตั้งแต่เดือนธันวาคม 2024 Kirin Group ได้เริ่มใช้ Regenerative Tea Scorecard ร่วมกับ Rainforest Alliance เพื่อเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการเกษตรแบบฟื้นฟูตามดุลยพินิจของเกษตรกร นอกจากนี้ เพื่อตอบสนองต่อผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับการขยายตัวของเมืองที่ไร่ชาในศรีลังกาต้องเผชิญ กลุ่ม Kirin Group ได้เผยแพร่รายงานด้านสิ่งแวดล้อมประจำปี 2022 ในเดือนกรกฎาคม 2022 ซึ่งถือเป็นรายงานฉบับแรกของโลกที่ทดลองใช้การเปิดเผยการคำนวณทุนธรรมชาติ ซึ่งรวมถึงไร่ชาศรีลังกา โดยยึดแนวทาง LEAP ที่สนับสนุนโดย TNFD
*3 ผลลัพธ์จากใบชาเท่านั้น (ไม่รวมชาดำสำเร็จรูป)
*4 สถิติการดำเนินพิธีการศุลกากรจากกระทรวงการคลังของญี่ปุ่น
*5 งานวิจัยเครื่องดื่ม Kirin

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทข้ามชาติที่ประกอบธุรกิจในภาคอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม), ภาคเภสัชกรรม (ธุรกิจเภสัชกรรม) และภาควิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings สามารถสืบย้อนต้นกำเนิดไปจนถึงJapan Breweryซึ่งปี 1885 Japan Brewery เปลี่ยนชื่อเป็นKirin Breweryนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Kirin Holdings ได้ขยายธุรกิจโดยใช้เทคโนโลยีการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจเภสัชกรรมในช่วงทศวรรษ 1980 ซึ่งทั้งหมดยังคงเป็นศูนย์การเติบโตระดับโลก ในปี 2007 Kirin Holdings ได้ก่อตั้งขึ้นเป็นบริษัทโฮลดิ้งโดยเฉพาะ และปัจจุบันกำลังมุ่งเน้นที่การส่งเสริมด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ

ภายใต้วิสัยทัศน์ Kirin Group 2027 (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนการจัดการระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2019 Kirin Group มีเป้าหมายที่จะเป็น “ผู้นำระดับโลกด้าน CSV *ที่สร้างมูลค่าในโลกของอาหารและเครื่องดื่มไปจนถึงเภสัชกรรม” นับจากนี้ไป Kirin Group จะยังคงใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของตนเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านทางธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บรรลุการเติบโตอย่างยั่งยืนในมูลค่าองค์กร
* การสร้างคุณค่าร่วม: สร้างมูลค่าเพิ่มร่วมกันให้กับผู้บริโภคและสังคมโดยรวม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/54196945/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ติดต่อ
ฝ่ายสื่อสารองค์กร
Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
+81-3-6837-7028
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp 

ที่มา: Kirin Holdings Company, Limited

Perma-Pipe International Holdings, Inc. ประกาศรางวัลของสัญญามูลค่า 43 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง

Logo

สปริง, เท็กซัส–(BUSINESS WIRE)–10 มกราคม 2025

Perma-Pipe International Holdings, Inc. (Nasdaq: PPIH) ได้ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้รับจดหมายรับรองอย่างเป็นทางการสำหรับโครงการพัฒนาที่ตั้งอยู่ในภูมิภาค GCC โดย Perma-Pipe ได้รับมอบหมายให้จัดหาฉนวนกันความร้อนที่เคลือบป้องกันการกัดกร่อน และบริการต่างๆ จากโรงงานที่ตั้งอยู่ในอาบูดาบี ซึ่งคาดว่าจะเริ่มโครงการได้ในไตรมาสที่สามของปี 2025 โดยคาดว่ามูลค่าของโครงการนี้จะเกิน 43 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

โครงการนี้จะใช้ความสามารถในการเคลือบป้องกันการกัดกร่อน การผลิต และระบบฉนวน TRACE-THERM® ซึ่งเป็นโฟมโพลียูรีเทนแบบสเปรย์เคลือบด้วยปลอกโพลีเอทิลีนความหนาแน่นสูงของ Perma-Pipe

Saleh Sagr รองประธานอาวุโสประจำภูมิภาค MENA ของ Perma-Pipe กล่าวว่า “รางวัลนี้เกิดขึ้นหลังจากเราประสบความสำเร็จในการดำเนินโครงการพัฒนามากมายในภูมิภาค โซลูชันการเคลือบที่แตกต่างของเราได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับโครงการต่างๆ ที่มีความท้าทายทางเทคนิค เราขอขอบคุณลูกค้าของเราสำหรับรางวัลอันสำคัญนี้”

David Mansfield ประธานและซีอีโอ ให้ความเห็นว่า “รางวัลนี้เป็นหลักฐานว่าเทคโนโลยีของเราอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่ซับซ้อนได้ในแทบทุกภูมิภาค ในขณะที่เรายังคงมุ่งเน้นไปที่ตลาดน้ำมันและก๊าซที่มีการใช้งานสูงทั่วโลก โครงการนี้ได้เพิ่มกิจกรรมในโครงการขนาดใหญ่ของเราที่ได้เห็นกันอยู่ทั่วโลก และเมื่อรวมกับรางวัลโครงการอื่นๆ ที่เพิ่งประกาศไปเมื่อเร็วๆ นี้ จะยิ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งงานในมือของเราในปี 2025”

 Perma-Pipe International Holdings, Inc.

Perma-Pipe International Holdings, Inc. (Nasdaq: PPIH, “Perma-Pipe” หรือ “บริษัท”) เป็นผู้นำระดับโลกในด้านท่อหุ้มฉนวนและระบบตรวจจับการรั่วไหลสำหรับท่อส่งน้ำมันและก๊าซ การทำความร้อนและความเย็นแบบรวมศูนย์ และการใช้งานในรูปแบบต่างๆ เราใช้ความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและการผลิตเพื่อพัฒนาโซลูชันการวางท่อที่แก้ปัญหาในด้านความท้าทายที่ซับซ้อนเกี่ยวกับการขนส่งของเหลวหลากหลายประเภทอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยรวมแล้ว Perma-Pipe มีการดำเนินงานในสถานที่ตั้งสิบห้าแห่งในหกประเทศ

 คำแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า

คำแถลงและข้อมูลอื่นๆ ที่ระบุไว้ในข่าวเผยแพร่ฉบับนี้สามารถระบุได้โดยการใช้คำศัพท์ที่มีลักษณะคาดการณ์ล่วงหน้า ถือเป็น “คำแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า” ตามความหมายของมาตรา 27A ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ปี 1933 แก้ไขเพิ่มเติม และมาตรา 21E ของพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ปี 1934 แก้ไขเพิ่มเติม และอยู่ภายใต้เงื่อนไขความปลอดภัยที่สร้างขึ้นโดยกฎหมายดังกล่าว ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงคำชี้แจงเกี่ยวกับผลการดำเนินงานและการดำเนินงานในอนาคตที่คาดหวังของบริษัท คำชี้แจงเหล่านี้ควรได้รับการพิจารณาว่าอยู่ภายใต้ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนจำนวนมากที่มีอยู่ในการดำเนินงานและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของบริษัท ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนดังกล่าวรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงดังต่อไปนี้: (i) ความผันผวนของราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติและผลกระทบต่อปริมาณการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทจากลูกค้า (ii) ความสามารถของบริษัทในการซื้อวัตถุดิบในราคาที่เอื้ออำนวยและการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับซัพพลายเออร์ (iii) การลดลงของการใช้จ่ายของรัฐบาลในโครงการที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท และความท้าทายต่อสภาพคล่องและการเข้าถึงเงินทุนของลูกค้าที่ไม่ใช่ภาครัฐของบริษัท (iv) ความสามารถของบริษัทในการชำระหนี้และต่ออายุสินเชื่อระหว่างประเทศที่กำลังจะหมดอายุ (v) ความสามารถของบริษัทในการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผลกำไรที่ยั่งยืนและกระแสเงินสดที่เป็นบวก (vi) ความสามารถของบริษัทในการเรียกเก็บเงินลูกหนี้ระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับโครงการในตะวันออกกลาง (vii) ความสามารถของบริษัทในการตีความการเปลี่ยนแปลงในกฎระเบียบและกฎหมายภาษี (viii) ความสามารถของบริษัทในการใช้การนำการสูญเสียการดำเนินงานสุทธิไปหักกลบ (ix) การกลับรายการรายได้และกำไรที่บันทึกไว้ก่อนหน้านี้อันเป็นผลมาจากการประมาณการที่ไม่ถูกต้องซึ่งทำขึ้นเกี่ยวกับการรับรู้รายได้ “ล่วงเวลา” ของบริษัท (x) ความล้มเหลวของบริษัทในการสร้างและรักษาการควบคุมภายในที่มีประสิทธิผลต่อการรายงานทางการเงิน (xi) ช่วงเวลาของการรับคำสั่งซื้อ การดำเนินการ การจัดส่ง และการยอมรับสำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัท (xii) ความสามารถของบริษัทในการเจรจาข้อตกลงการเรียกเก็บเงินตามความคืบหน้าสำหรับสัญญาขนาดใหญ่ของบริษัทได้สำเร็จ (xiii) การกำหนดราคาเชิงรุกโดยคู่แข่งที่มีอยู่และการเข้ามาของคู่แข่งรายใหม่ในตลาดที่บริษัทดำเนินงาน (xiv) ความสามารถของบริษัทในการผลิตสินค้าที่ปราศจากข้อบกพร่องที่แฝงอยู่ และการกู้คืนจากซัพพลายเออร์ที่อาจจัดหาวัสดุที่มีข้อบกพร่องให้กับบริษัท (xv) การลดหรือยกเลิกคำสั่งซื้อที่รวมอยู่ใน Backlog ของบริษัท (xvi) ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่เฉพาะเจาะจงกับการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศของบริษัท (xvii) ความสามารถของบริษัทในการดึงดูดและรักษาผู้บริหารระดับสูงและบุคลากรสำคัญไว้ (xviii) ความสามารถของบริษัทในการบรรลุผลประโยชน์ที่คาดหวังจากการริเริ่มการเติบโต (xix) ผลกระทบของโรคระบาดและวิกฤตสาธารณสุขอื่นๆ ต่อบริษัทและการดำเนินงานของบริษัท และ (xx) ผลกระทบของภัยคุกคามทางไซเบอร์ต่อระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท ผู้ถือหุ้น นักลงทุนที่มีศักยภาพ และผู้อ่านรายอื่นๆ ควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้อย่างรอบคอบในการประเมินคำแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า และไม่ควรพึ่งพาคำแถลงการณ์ดังกล่าวมากเกินไป คำแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าที่ระบุไว้ในที่นี้จัดทำขึ้นเฉพาะในวันที่เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เท่านั้น และเราไม่มีข้อผูกมัดที่จะต้องอัปเดตคำแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ใดๆ ต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นผลจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่นๆ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยที่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานของเราสามารถดูได้จากเอกสารที่เรายื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งสามารถดูได้ที่ https://www.sec.govและภายใต้ส่วนของศูนย์นักลงทุนในเว็บไซต์ของเรา (http://investors.permapipe.com.)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

 ติดต่อ

 David Mansfield ประธานและซีอีโอ
 Perma-Pipe นักลงทุนสัมพันธ์
 847.929.1200
 investor@permapipe.com

 ที่มา: Perma-Pipe International Holdings, Inc.

Perma-Pipe International Holdings, Inc. ประกาศงบการเงินไตรมาสที่ 3

Logo

  •  บริษัทมียอดขายสุทธิอยู่ที่ 41.6 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับไตรมาส และ 113.4 ล้านเหรียญสหรัฐนับจากวันแรกของปีจนถึงวันปัจจุบัน
  •  รายได้ก่อนหักภาษีเงินได้อยู่ที่ 5.1 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับไตรมาส และ 13.2 ล้านเหรียญสหรัฐนับจากวันแรกของปีจนถึงวันปัจจุบัน
  •  ยอดขายสะสมที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้อยู่ที่ 114.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2024 เมื่อเทียบกับ 68.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 31 มกราคม 2024

สปริง เท็กซัส –(BUSINESS WIRE)–24 ธันวาคม 2024

Perma-Pipe International Holdings, Inc. (NASDAQ: PPIH) ประกาศงบการเงินในวันนี้สำหรับไตรมาสที่ 2 และรอบปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024

“ยอดขายสุทธิในไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 41.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 4.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว รายได้สุทธิจากหุ้นสามัญอยู่ที่ 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 29% เมื่อเทียบกับ 1.9 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 3 ของปี 2023 งวดเก้าเดือนที่สิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 ยอดขายสุทธิอยู่ที่ 113.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับงวดเก้าเดือนที่สิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2023 รายได้สุทธิจากหุ้นสามัญอยู่ที่ 7.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 294% เมื่อเทียบกับรายได้สุทธิจากหุ้นสามัญอยู่ที่ 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐงวดเก้าเดือนที่สิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2023” David Mansfield ประธานและซีอีโอกล่าว

“ยอดขายสะสมที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้ในไตรมาสที่ 3 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างมากและปัจจุบันอยู่ที่ 114.2 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเทียบเท่ากับรายได้งวดเก้าเดือนเมื่อพิจารณาจากรายได้ในปีก่อนๆ ยอดขายสะสมที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสองไตรมาสที่ผ่านมา ถือเป็นเรื่องน่ายินดีและทำให้เกิดความหวังในการก้าวเข้าสู่ปีหน้า นอกจากนี้ ยอดขายสะสมที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้ในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เปลี่ยนจาก MFRI มาเป็น Perma-Pipe ซึ่งเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม 2017” Mr. Mansfield กล่าวต่อ

“ผลประกอบการไตรมาสที่ 3 และปีงบการเงิน 2024 ของเราจนถึงปัจจุบันยังคงสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมซึ่งยังคงสม่ำเสมอตลอดทั้งปี ทั้งนี้ รายได้สุทธิของเราที่เป็นหุ้นสามัญในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 ถือเป็นรายได้สูงสุดนับตั้งแต่เปลี่ยนจาก MFRI มาเป็น Perma-Pipe” Mr. Mansfield กล่าว

“เรารู้สึกยินดีกับระดับกิจกรรมทางธุรกิจที่เราเผชิญมาและยังคงพบเห็นอยู่ โดยได้รับแรงหนุนจาก ยอดขายสะสมที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้ และราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานในซาอุดีอาระเบีย อินเดีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถือเป็นแรงผลักดันสำคัญในการปรับปรุงโดยรวมของเรา ซึ่งความแข็งแกร่งของงบการเงินของเราช่วยให้เราสามารถดำเนินการตามแผนริเริ่มเชิงกลยุทธ์ต่อไปได้” Mr. Mansfield กล่าวสรุป

ผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปีงบการเงิน 2024

ยอดขายสุทธิอยู่ที่ 41.6 ล้านเหรียญสหรัฐและ 45.7 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การลดลง 4.1 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 9% เป็นผลมาจากระยะเวลาในการดำเนินโครงการ

กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 14.1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 34% ของยอดขายสุทธิ และ 13.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 29% ของยอดขายสุทธิ ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การเพิ่มขึ้น 0.9 ล้านเหรียญสหรัฐนั้นได้รับแรงหนุนหลักจากอัตรากำไรที่ดีขึ้นเนื่องจากส่วนประสมผลิตภัณฑ์

ค่าใช้จ่ายทั่วไปและการบริหารอยู่ที่ 7.3 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 5.7 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือนและค่าธรรมเนียมวิชาชีพที่สูงขึ้นในไตรมาสนี้

ค่าใช้จ่ายในการขายอยู่ที่ 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การลดลง 0.3 ล้านเหรียญสหรัฐเกิดจากค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือนที่ลดลงในไตรมาสนี้

ดอกเบี้ยจ่ายสุทธิยังคงที่และอยู่ที่ 0.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 0.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ อยู่ที่ 0.1 ล้านเหรียญสหรัฐและ 0.5 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การลดลง 0.4 ล้านเหรียญสหรัฐนั้น มีสาเหตุหลักมาจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในการทำธุรกรรมสกุลเงินต่างประเทศ

ETR ของบริษัทอยู่ที่ 32% และ 31% ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การเปลี่ยนแปลงใน ETR เกิดจากความสามารถในการรับรู้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากผลขาดทุนในสหรัฐอเมริกาในปีปัจจุบัน ในขณะที่ปีก่อนมีค่าเผื่อการปรับมูลค่าเต็มจำนวน และมีการเปลี่ยนแปลงการผสมผสานระหว่างรายได้และขาดทุนในเขตอำนาจศาลต่างๆ

รายได้สุทธิจากหุ้นสามัญอยู่ที่ 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 1.9 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การเพิ่มขึ้น 0.6 ล้านเหรียญสหรัฐนั้น สาเหตุหลักมาจากการดำเนินโครงการที่ดีขึ้นในไตรมาสนี้

 ผลประกอบการปีงบการเงิน 2024 จนถึงปัจจุบัน

ยอดขายสุทธิอยู่ที่ 113.4 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 110.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การเพิ่มขึ้น 2.9 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 3% เป็นผลมาจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง

กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 38.1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 34% ของยอดขายสุทธิ และ 29.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 27% ของยอดขายสุทธิ ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การเพิ่มขึ้น 8.7 ล้านเหรียญสหรัฐนั้นได้รับแรงหนุนหลักจากอัตรากำไรที่ดีขึ้นเนื่องจากส่วนประสมผลิตภัณฑ์

ค่าใช้จ่ายทั่วไปและการบริหารอยู่ที่ 19.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 16.4 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การเพิ่มขึ้น 3.1 ล้านเหรียญสหรัฐเกิดจากค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือนและค่าธรรมเนียมวิชาชีพที่สูงขึ้น

ค่าใช้จ่ายในการขายอยู่ที่ 3.8 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 4.2 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การลดลง 0.4 ล้านเหรียญสหรัฐเกิดจากค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือนที่ลดลง

ดอกเบี้ยจ่ายสุทธิอยู่ที่ 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การลดลง 0.3 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสาเหตุหลักมาจากการลดลงของอัตราดอกเบี้ยของหนี้ที่มีอัตราผันแปรบางประเภท

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ อยู่ที่ 0.2 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 0.4 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การเปลี่ยนแปลงนี้มีสาเหตุหลักมาจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ

ETR ของบริษัทอยู่ที่ 28% และ 49% ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การเปลี่ยนแปลงใน ETR เกิดจากความสามารถในการรับรู้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากผลขาดทุนในสหรัฐอเมริกาในปีปัจจุบัน ในขณะที่ปีก่อนมีค่าเผื่อการปรับมูลค่าเต็มจำนวน และมีการเปลี่ยนแปลงการผสมผสานระหว่างรายได้และขาดทุนในเขตอำนาจศาลต่างๆ

รายได้สุทธิจากหุ้นสามัญอยู่ที่ 7.2 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 และ 2023 ตามลำดับ การเพิ่มขึ้น 5.4 ล้านเหรียญสหรัฐนั้น สาเหตุหลักมาจากการดำเนินโครงการที่ดีขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา

Perma-Pipe International Holdings, Inc.

Perma-Pipe International Holdings, Inc. (“บริษัท”) เป็นผู้นําระดับโลกในด้านระบบท่อหุ้มฉนวนล่วงหน้าและระบบตรวจจับการรั่วไหลสําหรับการรวบรวมน้ำมันและก๊าซ ระบบทำความร้อนและทำความเย็นในเขตพื้นที่ และการใช้งานอื่นๆ บริษัทใช้ความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและการประดิษฐ์ที่กว้างขวางเพื่อพัฒนาโซลูชันระบบท่อที่ช่วยแก้ปัญหาที่ซับซ้อนเกี่ยวกับการขนส่งของเหลวหลายประเภทอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ บริษัทมีการดำเนินงานทั้งหมด 14 แห่งใน 6 ประเทศ

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคต

ข้อความบางส่วนและข้อมูลอื่น ๆ ที่มีอยู่ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ซึ่งสามารถระบุได้โดยใช้คำศัพท์ที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์อนาคต ถือเป็น “ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคต” ตามความหมายของมาตรา 27A ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ปี 1933 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม และมาตรา 21E ของ พระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ปี 1934 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม และอยู่ภายใต้การคุ้มครองความปลอดภัยที่สร้างขึ้น ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ข้อความเกี่ยวกับผลการดำเนินงานและการดำเนินธุรกิจในอนาคตที่คาดหวังของบริษัท ข้อความเหล่านี้ควรได้รับการพิจารณาว่ามีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนมากมายที่มีอยู่ในการดำเนินงานและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของบริษัท ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนดังกล่าวรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงดังต่อไปนี้: (i) ความผันผวนของราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติและผลกระทบต่อปริมาณการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทของลูกค้า (ii) ความสามารถของบริษัทในการซื้อวัตถุดิบในราคาที่เอื้ออำนวยและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับซัพพลายเออร์ของตน (iii) การลดลงของการใช้จ่ายภาครัฐในโครงการที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท และความท้าทายต่อสภาพคล่องและการเข้าถึงเงินทุนของลูกค้าที่ไม่ใช่ภาครัฐของบริษัท (iv)ความสามารถของบริษัทในการชำระหนี้และต่ออายุสินเชื่อระหว่างประเทศที่กำลังจะหมดอายุ (v) ความสามารถของบริษัทในการดำเนินการตามแผนกลยุทธ์อย่างมีประสิทธิผล และบรรลุผลกำไรที่ยั่งยืนและกระแสเงินสดที่เป็นบวก (vi) ความสามารถของบริษัทในการเรียกเก็บเงินลูกหนี้ระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับโครงการในตะวันออกกลาง (vii) ความสามารถของบริษัทในการตีความการเปลี่ยนแปลงในกฎระเบียบและกฎหมายด้านภาษี(viii) ความสามารถของบริษัทในการใช้ผลขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงานยกไป (ix) การกลับรายการรายได้และกำไรที่บันทึกไว้ก่อนหน้านี้อันเป็นผลมาจากการประมาณการที่ไม่ถูกต้องซึ่งเกี่ยวข้องกับการรับรู้รายได้ “ล่วงเวลา” ของบริษัท (x) ความล้มเหลวของบริษัทในการสร้างและรักษาการควบคุมภายในที่มีประสิทธิผลต่อการรายงานทางการเงิน (xi) ระยะเวลาในการรับคำสั่งซื้อ การดำเนินการ การส่งมอบ และการยอมรับผลิตภัณฑ์ของบริษัท (xii) ความสามารถของบริษัทในการเจรจาการจัดการการเรียกเก็บเงินความคืบหน้าสำหรับสัญญาขนาดใหญ่ได้สำเร็จ (xiii) การกำหนดราคาเชิงรุกโดยคู่แข่งที่มีอยู่และการเข้ามาของคู่แข่งรายใหม่ในตลาดที่บริษัทดำเนินการอยู่ (xiv) ความสามารถของบริษัทในการผลิตสินค้าที่ปราศจากข้อบกพร่องที่แฝงอยู่และในการกู้คืนจากซัพพลายเออร์ที่อาจจัดหาวัตถุดิบที่มีข้อบกพร่องให้กับบริษัท (xv) การลดหรือยกเลิกคำสั่งซื้อที่รวมอยู่ในยอดขายสะสมที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้ของบริษัท (xvi) ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่เฉพาะเจาะจงต่อการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศของบริษัท (xvii) ความสามารถของบริษัทในการดึงดูดและรักษาผู้บริหารระดับสูงและบุคลากรสำคัญ (xviii) ความสามารถของบริษัทในการบรรลุผลประโยชน์ที่คาดหวังจากโครงการริเริ่มการเติบโต (xix) ผลกระทบของโรคระบาดและวิกฤตด้านสาธารณสุขอื่น ๆ ที่มีต่อบริษัทและการดำเนินงานของบริษัท และ (xx) ผลกระทบของภัยคุกคามทางไซเบอร์ต่อระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท ผู้ถือหุ้น นักลงทุนที่มีศักยภาพ และผู้อ่านรายอื่นๆ ควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้อย่างรอบคอบในการประเมินข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า และเตือนไม่ให้เชื่อถือข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าดังกล่าวมากเกินไป ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่ทำขึ้นในที่นี้จัดทำขึ้น ณ วันที่ในข่าวประชาสัมพันธ์นี้เท่านั้น และเราไม่มีข้อผูกมัดในการปรับปรุงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าใดๆ ต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่นๆ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยที่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานของเราได้ในเอกสารที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งสามารถดูได้ที่ https://www.sec.govและภายใต้หัวข้อศูนย์นักลงทุนของเว็บไซต์ของเรา (http://investors.permapipe.com.)

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลประกอบการทางการเงินของบริษัทสำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024 รวมถึงการอภิปรายและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหารเกี่ยวกับสถานะทางการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัท มีอยู่ในรายงานประจำไตรมาสของบริษัทในแบบฟอร์ม 10-Q สำหรับไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 22024 ซึ่งจะยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในหรือประมาณวันที่ระบุในที่นี้ และจะสามารถเข้าถึงได้ที่ www.sec.govและ www.permapipe.comสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปดูที่เว็บไซต์ของบริษัท

 PERMA-PIPE INTERNATIONAL HOLDINGS, INC. และบริษัทย่อย

 งบการเงินรวมอย่างย่อของการดำเนินงาน

 (เป็นจำนวนพัน ยกเว้นข้อมูลต่อหุ้น)

 (ก่อนตรวจสอบ)

 งวดสามเดือนสิ้นสุด
วันที่ 31 ตุลาคม

 งวดเก้าเดือนสิ้นสุด
 วันที่ 31 ตุลาคม

 2024

 2023

 2024

 2023

ยอดขายสุทธิ

$

41,563

$

45,690

$

113,397

$

110,489

กำไรขั้นต้น

14,086

13,184

38,077

29,424

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวม

8,500

7,145

23,214

20,618

รายได้จากการดำเนินงาน

5,586

6,039

14,863

8,806

ดอกเบี้ยจ่าย

468

640

1,489

1,788

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ

(50

)

(502

)

(156

)

(350

)

รายได้ก่อนหักภาษีเงินได้

5,068

4,897

13,218

6,668

ภาษีเงินได้

1,615

1,533

3,692

3,257

รายได้สุทธิ

$

3,453

$

3,364

$

9,526

$

3,411

หัก: รายได้สุทธิของส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม

962

1,429

2,303

1,577

รายได้สุทธิที่เป็นส่วนของหุ้นสามัญ

$

2,491

$

1,935

$

7,223

$

1,834

กำไรต่อหุ้นที่เป็นส่วนของหุ้นสามัญ

ขั้นพื้นฐาน

$

0.31

$

0.24

$

0.91

$

0.23

ปรับลด

$

0.31

$

0.24

$

0.90

$

0.23

 หมายเหตุ: การคำนวณกำไรต่อหุ้นอาจได้รับผลกระทบจากการปัดเศษ

 PERMA-PIPE INTERNATIONAL HOLDINGS, INC. และบริษัทย่อย

 งบดุลรวมอย่างย่อ

 (เป็นจำนวนพัน)

 (ก่อนตรวจสอบ)

 October 31, 2024

 January 31, 2024

 สินทรัพย์

สินทรัพย์หมุนเวียน

$

104,405

$

98,818

สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน

56,344

56,893

 สินทรัพย์รวม

$

160,749

$

155,711

 หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น

หนี้สินหมุนเวียน

$

53,794

$

57,742

หนี้สินไม่หมุนเวียน

26,792

25,991

 หนี้สินรวม

80,586

83,733

 ส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม

8,952

6,266

 ส่วนของผู้ถือหุ้น

71,211

65,712

 หนี้สินและส่วนทุนรวม

$

160,749

$

155,711

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Perma-Pipe International Holdings, Inc.
David Mansfield ประธานและซีอีโอ
นักลงทุนสัมพันธ์ Perma-Pipe
(847) 929-1200
investor@permapipe.com

Source: Perma-Pipe International Holdings, Inc.

SBC Medical Group Holdings ประกาศการเจรจาร่วมกันเกี่ยวกับสัญญาหลักเพื่อเข้าซื้อกิจการ Aesthetic Healthcare Holdings Pte. Ltd ซึ่งเป็นเจ้าของคลินิกเวชศาสตร์ความงามหลายแห่งในสิงคโปร์

Logo

Aesthetic Healthcare สร้างฐานที่มั่นคงเพื่อขยายธุรกิจสู่เอเชียและยกระดับความแข็งแกร่งให้กับการดำเนินงานของ SBC ในตลาดโลก

SBC จะใช้ประโยชน์จากการผนึกกำลังด้านการดำเนินงานและดำเนินกลยุทธ์การเติบโตเพื่อขยายธุรกิจในแนวดิ่งและเข้าถึงภูมิภาคใหม่

TOKYO

SBC Medical Group Holdings Inc. รายงานงบการเงินไตรมาส 3 ปี 2024

Logo

เออร์ไวน์ แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2024

SBC Medical Group Holdings Incorporated (“SBC Medical” หรือ “บริษัท”) ซึ่งเป็นเจ้าของ ผู้ดําเนินการ และผู้ให้บริการด้านการบริหารจัดการและผลิตภัณฑ์สำหรับศูนย์บำบัดความงามระดับโลก ในวันนี้ได้ประกาศงบการเงินก่อนตรวจสอบไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024

งบการเงินที่สำคัญไตรมาส 3 ปี 2024

  • รายได้รวม ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 53 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 12% จาก 47 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2023
  • รายได้รวม ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 160 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 23% จาก 131 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023
  • รายได้จากการดําเนินงาน ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 13 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งลดลง 31% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2023
    • ผลลัพธ์นี้ได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายค่าตอบแทนตามหุ้น 12.8 ล้านเหรียญสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจดทะเบียนของบริษัท
  • รายได้จากการดําเนินงาน ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 65.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 40.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023
    • ผลลัพธ์นี้ได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายค่าตอบแทนตามหุ้น 12.8 ล้านเหรียญสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจดทะเบียนของบริษัท
  • EBITDA1 ซึ่งคํานวณโดยการนำค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่ายมาบวกกับรายได้จากการดําเนินงาน ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 68 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023 EBITDA margin อยู่ที่ 42% ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024
  • รายได้สุทธิที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 2 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก 8 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2023
  • รายได้สุทธิที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 40 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 60% จาก 25 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023
  • จํานวนคลินิกพันธมิตร อยู่ที่ 224 แห่ง ณ วันที่ 30 กันยายน 2024 เพิ่มขึ้น 24 แห่งจากวันที่ 30 กันยายน 2023

1 EBITDA และ EBITDA Margin เป็นการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP (ไม่ได้อยู่ในมาตรฐานบัญชี) สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP  โปรดดูหัวข้อ “การใช้การวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP ” และตารางที่มีชื่อว่า “การกระทบยอดก่อนตรวจสอบของผลลัพธ์แบบ GAAP (ตามมาตรฐานบัญชี) และแบบ non-GAAP  “

  • จํานวนลูกค้า ในงวดสิบสองเดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 4.3 ล้านราย ซึ่งเพิ่มขึ้น 13.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
  • อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ต่อปี) ซึ่งหมายถึงกําไรสุทธิต่อปีที่เป็นของบริษัทหารด้วยค่าเฉลี่ยของส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2023 และ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 31% ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้น 1 จุดเปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
  • กําไรต่อหุ้น (พื้นฐาน) ซึ่งหมายถึงกําไรสุทธิที่เป็นของบริษัทหารด้วยจํานวนหุ้นที่ชำระแล้วเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักอยู่ที่ 0.42 เหรียญสหรัฐในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้น 56% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

“การประกาศผลประกอบการครั้งแรกของเราในฐานะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ถือเป็นก้าวสําคัญสําหรับ SBC Medical หลังจากประสบความสำเร็จในการควบรวมธุรกิจกับ Pono Capital Two แล้ว SBC Medical เริ่มซื้อขายบน Nasdaq ภายใต้สัญลักษณ์ 'SBC' เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2024” Yoshiyuki Aikawa ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SBC Medical กล่าว “ผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาสนี้ โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 161 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งเพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และรายได้สุทธิเพิ่มขึ้น 59% เน้นย้ำถึงผลกระทบเชิงบวกของแผนริเริ่มเชิงกลยุทธ์ของเรา เช่น การปรับโครงสร้างค่าสิทธิและการขยายเครือข่ายคลินิก นอกจากนี้ ด้วยงบดุลที่แข็งแกร่งซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเงินสด 137 ล้านเหรียญสหรัฐ เราจึงมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนโดยมีนโยบายเงินทุนที่ชัดเจน เราให้ความสําคัญกับผู้ถือหุ้นเป็นอย่างยิ่ง และยังคงให้ความสําคัญกับมูลค่าของผู้ถือหุ้นต่อไปผ่านผลตอบแทนที่สม่ำเสมอด้วยการเติบโตของธุรกิจที่แข็งแกร่ง การลงทุนต่อเชิงกลยุทธ์ และฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ถือหุ้นทุกคนรวมถึงนักลงทุนรายย่อยของเรา จะได้รับประโยชน์จากการเติบโตและความสําเร็จของเรา”

งบการเงินไตรมาส 3 ปี 2024

รายได้รวมในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 160 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 23% จาก 131 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023 รายได้รวมในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 53 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 12% จาก 47 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2023 การเพิ่มขึ้นนี้มีสาเหตุหลักมาจากการที่บริษัทเริ่มเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าจากคลินิกแฟรนไชส์ของเรา และเนื่องจากการขยายของจํานวนคลินิกแฟรนไชส์ของเรา ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานทั้งหมดในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 56 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 20% จาก 47 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเที่ยบกับช่วงเดียวกันของปี 2023 ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานทั้งหมดในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 29 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 118% จาก 13 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2023 การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานทั้งหมดนั้นมีสาเหตุหลักมาจากการให้คําปรึกษาที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนและค่าธรรมเนียมวิชาชีพ ค่าตอบแทนตามหุ้น และค่าใช้จ่ายสํานักงานที่สูงขึ้น

EBITDA ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 68.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 22% จาก 56.3 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023 สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของรายได้ แต่หักล้างไปบางส่วนด้วยค่าปรึกษาที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนและค่าธรรมเนียมวิชาชีพ EBITDA ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 14.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 36% จาก 23.3 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2023 สาเหตุหลักมาจากการให้คําปรึกษาที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนและค่าธรรมเนียมวิชาชีพ ค่าตอบแทนตามหุ้น และค่าใช้จ่ายสํานักงานที่สูงขึ้น

รายได้สุทธิในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 40.1 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก 24.3 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023 การเพิ่มขึ้นดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากการเติบโตของรายได้รวม แต่หักล้างไปบางส่วนจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานทั้งหมด รายได้สุทธิในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 2.8 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก 8.1 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2023 การลดลงมีสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานที่สูงขึ้น

ข้อมูลกระแสเงินสดและสภาพคล่องที่สำคัญ

ณ วันที่ 30 กันยายน 2024 SBC Medical ยังคงรักษาสถานะสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง โดยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดรวม 137.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 103.0 ล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2023 การเพิ่มขึ้นนี้สะท้อนให้เห็นถึงการสร้างเงินสดที่แข็งแกร่งจากกิจกรรมดําเนินงาน การจัดการการลงทุนอย่างรอบคอบ กลยุทธ์การจัดสรรเงินทุนที่มีวินัย

กระแสเงินสดจากการดําเนินงาน

เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดําเนินงานอยู่ที่ 27 ล้านเหรียญสหรัฐสในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 เพิ่มขึ้น 23% จาก 22 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023 การเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนหลักจากรายได้สุทธิที่เพิ่มขึ้น 15 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยได้รับแรงหนุนจากค่าใช้จ่ายค่าตอบแทนตามหุ้น 12.8 ล้านเหรียญสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ล่าสุดของบริษัท และการปรับปรุงในการจัดเก็บบัญชีลูกหนี้ ปัจจัยเชิงบวกเหล่านี้ถูกหักล้างไปบางส่วนด้วยการเปลี่ยนแปลงของบัญชีเจ้าหนี้และหนี้สินภาษี ซึ่งสะท้อนถึงการมุ่งเน้นของบริษัทในการบริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมการดําเนินงานที่กําลังเติบโต

กระแสเงินสดจากการลงทุน

เงินสดสุทธิที่ใช้ในกิจกรรมการลงทุนมีมูลค่ารวม 5 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 ลดลงจาก 8 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023 ปัจจัยหลักหลักที่ส่งผลให้ลดลงนี้ ได้แก่ การชําระเงินในนามของบุคคลที่เกี่ยวข้องมูลค่า 5.2 ล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทยังคงจัดสรรเงินทุนอย่างมีกลยุทธ์เพื่อใช้กับสินทรัพย์ที่มีผลกระทบสูงซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโตในระยะยาว

กระแสเงินสดจากการจัดหาเงิน

เงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมจัดหาเงินมีมูลค่ารวม 11 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 เพิ่มขึ้นจาก 6 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023 ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้เพิ่มขึ้นนี้ ได้แก่ รายได้จากการปรับโครงสร้างทุนแบบย้อนกลับ สุทธิจากต้นทุนธุรกรรม 11.7 ล้านเหรียญสหรัฐ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสําคัญกับการเติบโตแบบยั่งยืนของบริษัทฯ ผ่านกระแสเงินสดจากการดําเนินงานมากกว่าการจัดหาเงินทุนจากภายนอก โดยไม่มีหนี้สินใหม่ที่มีนัยสำคัญเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว

ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน

กระแสเงินสดของ SBC Medical ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 0.5 ล้านเหรียญสหรัฐเนื่องจากค่าเงินเยนของญี่ปุ่นอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ บริษัทฯ ยังคงติดตามความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และใช้กลยุทธ์เพื่อบรรเทาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความผันผวนของสกุลเงิน

ด้วยเงินสดสํารองที่แข็งแกร่งและกระแสเงินสดจากการดําเนินงานที่ดี SBC Medical มั่นใจในความสามารถในการตอบสนองความต้องการสภาพคล่องในระยะสั้น และจัดหาเงินทุนสําหรับความคิดริเริ่มการเติบโตในอนาคต ฝ่ายบริหารเชื่อว่าสถานะเงินสดในปัจจุบันควบคู่ไปกับกระแสเงินสดจากการดําเนินงานที่วางแผนไว้จะเพียงพอที่จะรองรับการดําเนินธุรกิจและการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของบริษัทในอีก 12 เดือนข้างหน้า

เกี่ยวกับ SBC Medical

SBC Medical ซึ่งมีสํานักงานใหญ่ในเมืองเออร์ไวน์ แคลิฟอร์เนีย และโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นเจ้าของและให้บริการด้านการจัดการและผลิตภัณฑ์แก่ศูนย์เสริมความงาม บริษัทมุ่งเน้นที่การให้บริการด้านการบริหารจัดการอย่างครบวงจรแก่คลินิกแฟรนไชส์เป็นหลัก ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จํากัดเพียงความต้องการด้านการโฆษณาและการตลาดผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ (เช่น เครือข่ายโซเชียลมีเดีย) การบริหารจัดการพนักงาน (เช่น การสรรหาและการฝึกอบรม) การจองคิวสําหรับลูกค้าคลินิกแฟรนไชส์ การช่วยเหลือในการเช่าที่พักและการเช่าสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับพนักงานแฟรนไชส์ การก่อสร้างและการออกแบบคลินิกแฟรนไชส์ การจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์และวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ (ขายต่อ) การจัดหาผลิตภัณฑ์เครื่องสําอางให้กับคลินิกแฟรนไชส์เพื่อขายต่อให้กับลูกค้าคลินิก  การออกใบอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่อยู่ระหว่างรอรับสิทธิบัตรและไม่ได้จดสิทธิบัตร การใช้เครื่องหมายการค้าและตราสินค้า โซลูชั่นซอฟต์แวร์ไอที (รวมถึงแต่ไม่จํากัดเพียงการให้คําปรึกษาทางการแพทย์ทางไกล) การจัดการโปรแกรมรางวัลสำหรับลูกค้าของคลินิกแฟรนไชส์ (โปรแกรมคะแนนความภักดีของลูกค้า)  และเครื่องมือการชําระเงินสําหรับคลินิกแฟรนไชส์

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://sbc-holdings.com/

การใช้การวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP

บริษัทใช้การวัดผลแบบ non-GAAP  เช่น EBITDA ในการประเมินผลการดําเนินงานและเพื่อวัตถุประสงค์ในการตัดสินใจทางการเงินและการดําเนินงาน บริษัทเชื่อว่าการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP  ช่วยระบุแนวโน้มที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจของบริษัท บริษัทเชื่อว่าการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP  ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์เกี่ยวกับผลการดําเนินงานของบริษัท เพิ่มความเข้าใจโดยรวมเกี่ยวกับผลการดําเนินงานในอดีตของบริษัทและแนวโน้มในอนาคต และช่วยให้มองเห็นตัวชี้วัดหลักที่ฝ่ายบริหารของบริษัทใช้ในการตัดสินใจทางการเงินและการดําเนินงานได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

การวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP  ไม่ได้ถูกกําหนดไว้ภายใต้มาตรฐานบัญชีของสหรัฐอเมริกา (U.S. GAAP) และไม่ได้นําเสนอแบบ GAAP ของสหรัฐอเมริกาการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP  มีข้อจํากัดในเรื่องเครื่องมือวิเคราะห์ และเมื่อประเมินผลการดําเนินงาน กระแสเงินสด หรือสภาพคล่องของบริษัท นักลงทุนไม่ควรพิจารณาแยกออก หรือพิจารณาแทนผลขาดทุนสุทธิ กระแสเงินสดจากกิจกรรมการดําเนินงาน หรืองบกำไรขาดทุนอื่นๆ และข้อมูลกระแสเงินสดที่จัดทําขึ้นแบบ GAAP ของสหรัฐอเมริกา

บริษัทบรรเทาข้อจํากัดเหล่านี้โดยการกระทบยอดการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP  เข้ากับการวัดผลการดําเนินงานแบบ GAAP ของสหรัฐอเมริกาที่เทียบเคียงได้มากที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้ควรนำมาพิจารณาเมื่อประเมินผลการดําเนินงานของบริษัท

สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP  โปรดดูตารางที่หัวข้อ “การกระทบยอดก่อนตรวจสอบของผลลัพธ์แบบ GAAP  และแบบ non-GAAP”

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตไม่ใช่ข้อเท็จจริงในอดีตหรือข้อความเกี่ยวกับสภาวะปัจจุบัน  แต่เป็นเพียงการแสดงความเชื่อของบริษัทเกี่ยวกับเหตุการณ์และผลการดําเนินงานในอนาคตเท่านั้น ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วหลายสิ่งมีความไม่แน่นอนโดยและอยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัท ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้สะท้อนถึงมุมมองปัจจุบันของบริษัท เกี่ยวกับผลการดําเนินงานทางการเงินของบริษัท การเติบโตของรายรับและรายได้ แนวโน้มและโอกาสทางธุรกิจ และแผนการจัดสรรเงินทุนและสภาพคล่อง ในบางกรณี ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตสามารถระบุได้ด้วยการใช้คําต่างๆ เช่น “อาจ” “ควร” “คาดหมายว่า” “คาดการณ์ว่า” “พิจารณา” “ประมาณการ” “เชื่อว่า” “มีแผนจะ” “คาดว่า” “ทำนาย” “อาจเป็นไปได้” หรือ “หวังว่า” หรือความหมายเชิงลบของคําเหล่านี้หรือคําที่คล้ายคลึงกัน บริษัทขอเตือนผู้อ่านว่าอย่าพึ่งพาข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตใดๆ มากเกินไป ซึ่งเป็นปัจจุบัน ณ วันที่เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เท่านั้น และอาจมีความเสี่ยง ความไม่แน่นอน สมมติฐาน หรือการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ต่างๆ ที่ยากต่อการคาดการณ์หรือวัดผลได้ ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเป็นความคาดหวังในปัจจุบันของฝ่ายบริหาร มิได้เป็นการรับรองการดําเนินงานในอนาคต บริษัทไม่มีภาระผูกพันหรือยอมรับภาระผูกพันใดๆ ในการเผยแพร่ข้อมูลอัปเดต หรือการแก้ไขข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตต่อสาธารณะ เพื่อสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในการคาดการณ์ หรือการเปลี่ยนแปลงในเหตุการณ์ เงื่อนไข หรือสถานการณ์ที่ข้อความดังกล่าวอ้างถึง เว้นแต่ตามที่กฎหมายกําหนด ปัจจัยที่อาจทําให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างอย่างมีนัยสําคัญจากการคาดการณ์ในปัจจุบันอาจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว และบริษัทไม่สามารถคาดการณ์ได้ทั้งหมด ปัจจัยดังกล่าวรวมถึงการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ ธุรกิจ การแข่งขัน การตลาด และข้อกำหนดด้านกฎระเบียบในระดับโลก ระดับภูมิภาค หรือระดับท้องถิ่น รวมถึงปัจจัยต่างๆ ที่ระบุไว้ภายใต้หัวข้อ “ปัจจัยเสี่ยง” และที่อื่นๆ ในเอกสารที่บริษัทยื่นต่อสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐอเมริกา (“SEC”) ซึ่งสามารถเข้าถึงได้บนเว็บไซต์ของ SEC ที่ www.sec.gov

SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED

งบดุลรวมที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ

30 กันยายน

31 ธันวาคม

2024

2023

สินทรัพย์

สินทรัพย์หมุนเวียน:

เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด

$

137,393,070

$

103,022,932

บัญชีลูกหนี้

1,944,604

1,437,077

บัญชีลูกหนี้– กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

27,835,179

33,676,672

สินค้าคงเหลือ

1,985,883

3,090,923

ลูกหนี้สัญญาเช่าเงินทุน หมุนเวียน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

8,443,338

6,143,564

ลูกหนี้เงินให้กู้ยืมลูกค้า หมุนเวียน

16,125,086

8,484,753

ค่าใช้จ่ายล่วงหน้าและสินทรัพย์หมุนเวียนอื่น 

8,372,668

10,050,005

รวมสินทรัพย์หมุนเวียน

202,099,828

165,905,926

สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน:

ทรัพย์สินและอุปกรณ์สุทธิ

13,194,414

13,582,017

สินทรัพย์ไม่มีตัวตนสุทธิ

16,218,233

19,739,276

การลงทุนระยะยาว

4,905,115

849,434

ค่าความนิยมสุทธิ

3,545,391

3,590,791

ลูกหนี้สัญญาเช่าเงินทุน ไม่หมุนเวียน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

4,629,047

3,420,489

สินทรัพย์สิทธิการใช้สัญญาเช่าดําเนินงาน

5,251,418

5,919,937

สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี

624,564

ลูกหนี้เงินให้กู้ยืมลูกค้า ไม่หมุนเวียน

6,590,301

6,444,025

การชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าระยะยาว

4,308,810

4,099,763

การลงทุนระยะยาวใน MCs – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

19,561,069

19,811,555

ทรัพย์สินอื่น

15,550,402

15,442,058

รวมสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน

94,378,764

92,899,345

รวมสินทรัพย์

$

296,478,592

$

258,805,271

หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น

หนี้สินหมุนเวียน:

บัญชีเจ้าหนี้

$

14,873,829

$

26,531,944

ส่วนของเงินกู้ยืมระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี

136,683

156,217

ตั๋วเงินจ่าย หมุนเวียน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

10,202,360

3,369,203

รายได้รับล่วงหน้าจากลูกค้า

565,495

2,074,457

รายได้รับล่วงหน้าจากลูกค้า – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

18,994,015

23,058,175

ภาษีเงินได้ค้างจ่าย

8,000,808

8,782,930

หนี้สินตามสัญญาเช่าดําเนินงาน หมุนเวียน

4,060,844

3,885,812

หนี้สินค้างจ่ายและหนี้สินหมุนเวียนอื่น

12,054,047

21,009,009

เนื่องจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน

3,532,453

3,583,523

รวมหนี้สินหมุนเวียน

72,420,534

92,451,270

หนี้สินไม่หมุนเวียน:

เงินให้กู้ยืมระยะยาว

686,470

1,062,722

ตั๋วเงินจ่าย ไม่หมุนเวียน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

11,659,022

11,948,219

หนี้สินภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี

3,515,825

6,013,565

หนี้สินตามสัญญาเช่าดําเนินงาน ไม่หมุนเวียน

1,528,972

2,444,316

หนี้สินอื่น

1,147,345

1,074,930

รวมหนี้สินไม่หมุนเวียน

18,537,634

22,543,752

รวมหนี้สิน

90,958,168

114,995,022

ส่วนของผู้ถือหุ้น:

หุ้นบุริมสิทธิ (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.0001 เหรียญสหรัฐ จำนวนหุ้นที่ได้รับอนุญาต 20,000,000 หุ้น ไม่มีหุ้นที่ออกและชำระแล้ว ณ วันที่ 30 กันยายน 2024 และ 31 ธันวาคม 2023) (1)

หุ้นสามัญ (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.0001 เหรียญสหรัฐ จำนวนหุ้นที่ได้รับอนุญาต 400,000,000 หุ้น หุ้นที่ออกและชำระแล้ว  103,020,816 หุ้น และ 94,192,433 หุ้น ณ วันที่ 30 กันยายน 2024 และ 31 ธันวาคม 2023) (1)

10,302

9,419

ส่วนเกิน (ต่ำกว่า) มูลค่าหุ้น (1)

60,825,115

36,879,281

ลูกหนี้หุ้นทุนซื้อคืน (หุ้นสามัญ 270,000 หุ้น) – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(2,700,000

)

กำไรสะสม

182,923,786

142,848,732

ขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นสะสม

(36,078,149

)

(37,578,255

)

รวมส่วนของผู้ถือหุ้นของ Total SBC Medical Group Holdings Incorporated

204,981,054

142,159,177

ส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม

539,370

1,651,072

รวมส่วนของผู้ถือหุ้น

205,520,424

143,810,249

รวมหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น

$

296,478,592

$

258,805,271

(1)

ปรับปรุงย้อนหลังสําหรับผลกระทบของการปรับโครงสร้างทุนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเนื่องจากการรวมธุรกิจแบบย้อนกลับมีผลตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2024

SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED

งบกําไรขาดทุนและงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ

สําหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน

สําหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน

2024

2023

2024

2023

รายได้สุทธิ – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

$

51,209,243

$

45,119,709

$

152,718,488

$

125,336,653

รายได้สุทธิ

1,875,640

2,158,976

8,276,517

5,856,076

รวมรายได้สุทธิ

53,084,883

47,278,685

160,995,005

131,192,729

ต้นทุนรายได้ตามจริง

9,845,793

13,780,309

38,816,865

37,256,066

กําไรขั้นต้น

43,239,090

33,498,376

122,178,140

93,936,663

ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงาน:

ค่าใช้จ่ายในการขาย ค่าใช้จ่ายทั่วไปและการบริหาร

16,597,032

13,446,618

43,784,637

46,885,138

ค่าตอบแทนตามหุ้น

12,807,455

12,807,455

ขาดทุนจากการยักยอก

28,516

380,766

รวมค่าใช้จ่ายในการดําเนินงาน

29,404,487

13,475,134

56,592,092

47,265,904

รายได้จากการดําเนินงาน

13,834,603

20,023,242

65,586,048

46,670,759

รายได้อื่น (ค่าใช้จ่าย):

รายได้จากดอกเบี้ย

7,950

10,234

37,283

86,345

ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย

(5,466

)

(3,978

)

(15,898

)

(37,380

)

รายได้อื่น

65,922

1,138,869

721,894

3,875,723

ค่าใช้จ่ายอื่น 

(795,158

)

(98,314

)

(2,746,450

)

(581,239

)

กําไรจากการจําหน่ายของบริษัทย่อย

3,813,609

รวมรายได้อื่น (ค่าใช้จ่าย)

(726,752

)

1,046,811

1,810,438

3,343,449

กำไรก่อนภาษีเงินได้

13,107,851

21,070,053

67,396,486

50,014,208

ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้

10,273,384

13,012,262

27,254,478

25,683,244

กำไรสุทธิ

2,834,467

8,057,791

40,142,008

24,330,964

หัก: กําไรสุทธิ (ขาดทุน) ที่เกิดจากส่วนได้เสียที่ไม่มีอํานาจควบคุม

1,573

(298,623

)

66,954

(696,812

)

กําไรสุทธิที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated

$

2,832,894

$

8,356,414

$

40,075,054

$

25,027,776

กําไร (ขาดทุน) เบ็ดเสร็จอื่น:

ส่วนปรับปรุงจากการแปลงค่าสกุลเงินต่างประเทศ

20,783,646

(974,249

)

1,543,245

(19,825,222

)

การจําแนกประเภทกําไรทียังไม่เกิดขึ้นจากตราสารหนี้เผื่อขายเป็นกําไรสุทธิตามจริง สุทธิจากผลกระทบทางภาษีเป็นศูนย์และ (97,856) เหรียญสหรัฐ ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 และ 2023 ตามลําดับ ไม่มีและ (97,856) เหรียญสหรัฐ ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 และ 2023 ตามลําดับ

(205,383

)

(8,760

)

รวมกําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ

23,618,113

6,878,159

41,685,253

4,496,982

หัก: กําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จที่เกิดจากส่วนได้เสียที่ไม่มีอํานาจควบคุม

180,093

(387,948

)

110,093

(1,129,475

)

กําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated

$

23,438,020

$

7,266,107

$

41,575,160

$

5,626,457

กําไรสุทธิต่อหุ้นที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated (1)

กำไรต่อหุ้นปรับลด

$

0.03

$

0.09

$

0.42

$

0.27

จำนวนหุ้นเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักที่ชำระแล้ว (1)

กำไรต่อหุ้นปรับลด

95,095,144.00

94,192,433.00

94,495,533.00

94,192,433.00

(1)

ปรับปรุงย้อนหลังสําหรับผลกระทบของการปรับโครงสร้างทุนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเนื่องจากการรวมธุรกิจแบบย้อนกลับมีผลตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2024

SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED

งบกระแสเงินสดรวมที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ

สําหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่

30 กันยายน

2024

2023

กระแสเงินสดจากกิจกรรมดําเนินงาน

กำไรสุทธิ

$

40,142,008

$

24,330,964

การปรับเพื่อกระทบยอดกำไรสุทธิกับเงินสดสุทธิที่ได้จากกิจกรรมดําเนินงาน:

ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่าย

2,867,781

9,688,640

ค่าใช้จ่ายการเช่าที่ไม่ใช่เงินสด

2,908,990

2,424,220

สํารองหนี้เสีย (กลับรายการ)

(127,196

)

282,934

ค่าตอบแทนตามหุ้น

12,807,455

ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของทรัพย์สินและอุปกรณ์

204,026

กําไรที่เกิดขึ้นจริงจากเงินลงทุนระยะสั้น

(223,164

)

การเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนระยะยาว

1,682,282

กําไรจากการจําหน่ายของบริษัทย่อย

(3,813,609

)

ขาดทุน (กําไร) จากการจําหน่ายทรัพย์สินและอุปกรณ์และสินทรัพย์ไม่มีตัวตน

185,284

(249,532

)

ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี

(2,154,837

)

(1,379,922

)

การเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดําเนินงาน

บัญชีลูกหนี้

(804,000

)

(924,061

)

บัญชีลูกหนี้ – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

4,971,911

(19,979,099

)

สินค้าคงเหลือ

763,075

(4,038,874

)

ลูกหนี้สัญญาเช่าเงินทุน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(3,430,267

)

17,241,740

ลูกหนี้สินเชื่อของลูกค้า

12,860,220

ค่าใช้จ่ายล่วงหน้าและสินทรัพย์หมุนเวียนอื่น

902,230

8,173,153

การชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าระยะยาว

432,380

(1,991,626

)

สินทรัพย์อื่น

(348,178

)

(1,884,352

)

บัญชีเจ้าหนี้

(10,511,619

)

6,712,977

ตั๋วเงินจ่าย – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(14,030,092

)

ความก้าวหน้าจากลูกค้า

(1,401,437

)

(681,973

)

รายได้รับล่วงหน้าจากลูกค้า – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(3,565,778

)

(7,430,332

)

ภาษีเงินได้ค้างจ่าย

(549,446

)

16,518,062

หนี้สินตามสัญญาเช่าดําเนินงาน

(2,971,946

)

(2,335,113

)

หนี้สินค้างจ่ายและหนี้สินหมุนเวียนอื่น

(9,010,270

)

298,743

ค่าใช้จ่ายชดเชยการเกษียณอายุค้างจ่าย – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(22,082,643

)

หนี้สินอื่น

81,290

79,215

เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดําเนินงาน

27,886,231

22,753,983

กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน

การซื้อทรัพย์สินและอุปกรณ์

(1,974,285

)

(2,299,045

)

การซื้อสินทรัพย์ไม่มีตัวตน

(1,683,030

)

การซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพ

(1,700,000

)

(1,000,000

)

การชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าสําหรับทรัพย์สินและอุปกรณ์

(843,740

)

(417,353

)

รายได้รับล่วงหน้าจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(617,804

)

(1,017,292

)

การชําระเงินในนามของบุคคลที่เกี่ยวข้องกัน

(5,245,990

)

การซื้อเงินลงทุนระยะสั้น

(2,106,720

)

การซื้อเงินลงทุนระยะยาว

(331,496

)

เงินลงทุนระยะยาวใน MCs – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(26,780

)

เงินสดที่ได้รับจากการเข้าซื้อกิจการของบริษัทย่อย สุทธิจากเงินสดที่ได้รับ

722,551

เงินกู้ยืมระยะยาวแก่ผู้อื่น

(80,793

)

(421,429

)

การชําระคืนจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน

5,990,990

734,358

การชําระคืนจากผู้อื่น

62,927

47,356

รายได้จากการขายเงินลงทุนระยะสั้น

4,125,813

รายได้จากการเวนคืนกรมธรรม์ประกันชีวิต

3,954,760

การจําหน่ายบริษัทย่อย สุทธิจากเงินสดที่จําหน่ายไป

(815,819

)

รายได้จากการจําหน่ายทรัพย์สินและอุปกรณ์

1,971

8,046,007

เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน (ใช้ใน)

(5,554,039

)

8,659,196

กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน

การกู้ยืมจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน

12,310,106

รายได้จากการปรับโครงสร้างทุนแบบย้อนกลับ สุทธิจากต้นทุนการทําธุรกรรม

11,707,417

รายได้จากการออกหุ้นสามัญ

10

รายได้จากการใช้สิทธิของใบสําคัญแสดงสิทธิ

31,374

การชําระคืนเงินกู้ยืมระยะยาว

(89,448

)

(8,691,462

)

การชําระคืนให้แก่กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(65,305

)

(7,619,266

)

ถือว่าเป็นเงินสมทบที่เกี่ยวข้องกับการกําจัดทรัพย์สินและอุปกรณ์

9,620,453

ถือว่าเป็นเงินสมทบที่เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างองค์กร

642,748

เงินสดสุทธิจากกิจกรรมจัดหาเงิน

11,584,038

6,262,589

ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

453,908

(11,982,793

)

เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่เพิ่มขึ้นสุทธิ

34,370,138

25,692,975

เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ ต้นงวด

103,022,932

51,737,994

เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ สิ้นงวด

$

137,393,070

$

77,430,969

การเปิดเผยข้อมูลกระแสเงินสดเพิ่มเติม

เงินสดที่จ่ายดอกเบี้ยจ่าย

$

15,898

$

37,380

เงินสดที่จ่ายภาษีเงินได้

$

31,332,123

$

12,608,072

กิจกรรมจัดหาเงินและกิจกรรมลงทุนที่ไม่ใช่เงินสด

ทรัพย์สินและอุปกรณ์ที่โอนจากการชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าระยะยาว

$

164,781

$

7,681,830

สินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่โอนจากการชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าระยะยาว

$

$

17,666,115

การชําระหนี้ให้แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกันเกี่ยวกับการจําหน่ายทรัพย์สินและอุปกรณ์

$

$

4,163,604

สินทรัพย์สิทธิการเช่าดําเนินงานที่ได้รับจากการแลกเปลี่ยนกับหนี้สินตามสัญญาเช่าดําเนินงาน

$

$

1,029,518

การวัดค่ามูลค่าใหม่ของหนี้สินตามสัญญาเช่าดำเนินงานและสินทรัพย์สิทธิการใช้อันเนื่องมาจากการแก้ไขสัญญาเช่า

$

2,408,752

$

2,110,079

การออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกันที่เกี่ยวข้องในการให้บริการสินเชื่อ

$

20,398,301

$

การออกหุ้นสามัญให้แก่กิจการที่เกี่ยวข้องกันจากการแปลงหุ้นกู้แปลงสภาพ

$

2,700,000

$

การออกหุ้นสามัญเป็นหุ้นจูงใจ

$

34

$

การชําระคืนเงินกู้ให้แก่กิจการที่เกี่ยวข้องกับการออกหุ้นสามัญ

$

$

795

การพิจารณาซื้อที่ไม่ใช่เงินสดสําหรับการซื้อสินทรัพย์

$

$

705,528

SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED

การกระทบยอดผลของ GAAP และ Non-GAAP ที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ

สําหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน

สําหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน

2024

2023

2024

2023

รายได้จากการดําเนินงาน

13,834,603

20,023,242

65,586,048

46,670,759

ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่าย

1,018,359

3,287,809

2,867,781

9,688,640

EBITDA

14,852,962

23,311,051

68,453,829

56,359,399

อัตรากําไร EBITDA

28

%

49

%

42

%

43

%

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ในเอเชีย:

SBC Medical Group Holdings Incorporated

Hikaru Fukui / Head of Investor Relations

E-mail: ir@sbc-holdings.com

ในสหรัฐอเมริกา:

ICR LLC

Bill Zima / Managing Partner

Email: bill.zima@icrinc.com

ที่มา: SBC Medical Group Holdings Incorporated.

Perma-Pipe International Holdings, Inc. ประกาศได้รับสัญญามูลค่า 15 ล้านดอลลาร์ในภูมิภาคอเมริกาและตะวันออกกลาง

Logo

สปริง เท็กซัส–(BUSINESS WIRE)–07 พฤศจิกายน 2024

Perma-Pipe International Holdings, Inc. (Nasdaq: PPIH) ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทได้รับรางวัลโครงการใหม่มูลค่า 6 ล้านดอลลาร์ในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA) นอกจากนี้ บริษัทยังประกาศว่าได้รับรางวัลโครงการใหม่มูลค่า 9 ล้านดอลลาร์ในทวีปอเมริกา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องในภูมิภาค

รางวัลโครงการใหม่เหล่านี้จะใช้ความสามารถในการเคลือบป้องกันการกัดกร่อนของ Perma-Pipe และระบบฉนวน XTRU-THERM® ซึ่งเป็นโฟมโพลียูรีเทนแบบสเปรย์หุ้มด้วยปลอกโพลีเอทิลีนความหนาแน่นสูง

รางวัลโครงการใหม่เหล่านี้ช่วยเสริมงานในมือของเราซึ่งมีการเติบโตอย่างมาก แบ็คล็อกอยู่ที่ 75.0 ล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2024 และขณะนี้เกิน 100.0 ล้านดอลลาร์

Marc Huber รองประธานอาวุโสประจําภูมิภาคอเมริกาของ Perma-Pipe กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีกับรางวัลเหล่านี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในตลาดอเมริกา และการเสริมสร้างตําแหน่งของเราในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาอย่างต่อเนื่อง”

Saleh Sagr รองประธานอาวุโสประจําภูมิภาค MENA ของ Perma-Pipe กล่าวว่า “รางวัลล่าสุดใน MENA ส่วนใหญ่มอบให้กับโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในเขตภูมิภาค GCC รางวัลเหล่านี้ยืนยันตําแหน่งผู้นําในตลาดของเรา และเปิดโอกาสให้เราได้สาธิตผลิตภัณฑ์และบริการชั้นนําของอุตสาหกรรมให้กับลูกค้าใหม่ได้ชม”

David Mansfield ประธานและซีอีโอกล่าวว่า “การเติบโตในทุกภูมิภาคเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์โดยรวมของเรา และเราภูมิใจที่ได้เห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น ซึ่งช่วยให้ Perma-Pipe สามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับตําแหน่งผู้นําในตลาดต่อไปได้

Perma-Pipe International Holdings, Inc.

Perma-Pipe International Holdings, Inc. (Nasdaq: PPIH, “Perma-Pipe” หรือ “บริษัท”) เป็นผู้นําระดับโลกในด้านระบบท่อหุ้มฉนวนล่วงหน้าและระบบตรวจจับการรั่วไหลสําหรับน้ำมันและก๊าซ ระบบทำความร้อนและความเย็นในเขตพื้นที่ และการใช้งานอื่นๆ บริษัทใช้ความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและการประดิษฐ์ที่กว้างขวางเพื่อพัฒนาโซลูชันระบบท่อที่ช่วยแก้ปัญหาที่ซับซ้อนเกี่ยวกับการขนส่งของเหลวหลายประเภทอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยรวมแล้ว Perma-Pipe มีการดําเนินงานใน 15 แห่งใน 6 ประเทศ

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

ข้อความและข้อมูลอื่น ๆ ที่มีอยู่ในข่าวประชาสัมพันธ์นี้ซึ่งสามารถระบุได้โดยใช้คําศัพท์ที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้า ถือเป็น “ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต” ตามความหมายของมาตรา 27A ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ ปี 1993 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม และมาตรา 21E ของบทบัญญัติกฎหมายหลักทรัพย์ ปี 1934 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม และอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ความปลอดภัยที่สร้างขึ้นโดยหลักเกณฑ์ดังกล่าว  ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จํากัดเพียง ข้อความเกี่ยวกับผลการดําเนินงานและการดําเนินงานที่คาดหวังในอนาคตของบริษัท ข้อความเหล่านี้ควรได้รับการพิจารณาว่าอยู่ภายใต้ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนมากมายที่มีอยู่ในการดําเนินงานและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของบริษัท ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนดังกล่าวรวมถึงแต่ไม่จํากัดเพียงสิ่งต่อไปนี้: (i) ผลกระทบของไวรัสโคโรนา (“COVID-19”) ต่อผลการดําเนินงาน สถานะทางการเงิน และกระแสเงินสดของบริษัท (ii) ความผันผวนของราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติและผลกระทบต่อปริมาณการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทของลูกค้า (iii) ความสามารถของบริษัทในการปฏิบัติตามพันธสัญญาทั้งหมดในวงเงินสินเชื่อของบริษัท (iv) ความสามารถของบริษัทในการชําระหนี้และต่ออายุวงเงินสินเชื่อระหว่างประเทศที่กำลังจะหมดอายุ (v) ความสามารถของบริษัทในการดําเนินการตามแผนกลยุทธ์อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผลกําไรและกระแสเงินสดที่เป็นบวก (vi) ผลกระทบจากความอ่อนแอและความผันผวนของเศรษฐกิจโลก (vii) ความผันผวนของราคาเหล็กและความสามารถของบริษัทในการชดเชยการเพิ่มขึ้นของราคาเหล็กผ่านการเพิ่มขึ้นของราคาผลิตภัณฑ์ (viii) ระยะเวลาในการรับคําสั่งซื้อ การดําเนินการ การส่งมอบ และการยอมรับผลิตภัณฑ์ของบริษัท (ix) การใช้จ่ายของภาครัฐในโครงการที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทลดลง และความท้าทายต่อสภาพคล่องและการเข้าถึงเงินทุนของลูกค้าที่ไม่ใช่ภาครัฐของบริษัท (x) ความสามารถของบริษัทในการเจรจาข้อตกลงการเรียกเก็บเงินตามความคืบหน้าสําหรับสัญญาขนาดใหญ่ได้สําเร็จ (xi) การกําหนดราคาเชิงรุกของคู่แข่งที่มีอยู่และการเข้ามาของคู่แข่งรายใหม่ในตลาดที่บริษัทดําเนินธุรกิจอยู่ (xii) ความสามารถของบริษัทในการซื้อวัตถุดิบในราคาที่เหมาะสมและรักษาความสัมพันธ์อันดีกับซัพพลายเออร์ (xiii) ความสามารถของบริษัทในการผลิตสินค้าที่ปราศจากข้อบกพร่องที่แฝงอยู่ และการกู้คืนจากซัพพลายเออร์ที่อาจจัดหาวัสดุที่มีข้อบกพร่องให้กับบริษัท (xiv) การลดหรือยกเลิกคําสั่งซื้อที่รวมอยู่ในแบ็คล็อกของบริษัท (xv) ความสามารถของบริษัทในการเรียกเก็บเงินลูกหนี้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการในตะวันออกกลาง (xvi) ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินธุรกิจระหว่างประเทศของบริษัท (xvii) ความสามารถของบริษัทในการดึงดูดและรักษาผู้บริหารระดับสูงและบุคลากรหลัก (xviii) ความสามารถของบริษัทในการบรรลุผลประโยชน์ที่คาดหวังจากความคิดริเริ่มการเติบโต (xix) ความสามารถของบริษัทในการตีความการเปลี่ยนแปลงในกฎระเบียบและกฎหมายภาษี (xx) ความสามารถของบริษัทในการใช้ผลขาดทุนสุทธิจากการดําเนินงานที่ยกไป (xxi) การกลับรายการของรายได้และกําไรที่บันทึกไว้ก่อนหน้านี้อันเป็นผลมาจากการประมาณการที่ไม่ถูกต้องซึ่งทําขึ้นโดยเชื่อมโยงกับการรับรู้รายได้ตามเปอร์เซ็นต์ของงานที่แล้วเสร็จของบริษัท (xxii) ความล้มเหลวของบริษัทในการสร้างและรักษาการควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพต่อการรายงานทางการเงิน และ (xxiii) ผลกระทบของภัยคุกคามความปลอดภัยทางไซเบอร์ต่อระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท ผู้ถือหุ้น นักลงทุนที่มีศักยภาพ และผู้อ่านรายอื่น ๆ ควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้อย่างรอบคอบในการประเมินข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า และควรระวังอย่าพึ่งพาข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าดังกล่าวมากเกินไป ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่ทําในที่นี้จัดทําขึ้นเฉพาะ ณ วันที่เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เท่านั้น และเราไม่มีภาระผูกพันในการอัปเดตข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าใด ๆ ต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่นๆ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยที่อาจส่งผลต่อผลการดําเนินงานของเราสามารถดูได้จากเอกสารที่ยื่นต่อสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งสามารถดูได้ที่ https://www.sec.gov และภายใต้หัวข้อศูนย์นักลงทุนในเว็บไซต์ของเรา (http://investors.permapipe.com)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Perma-Pipe International Holdings, Inc.

David Mansfield ประธานและซีอีโอ

นักลงทุนสัมพันธ์ Perma-Pipe
investor@permapipe.com
847.929.1200

ที่มา: Perma-Pipe International Holdings, Inc.

Plocamium Holdings เล็งเห็นโอกาสสร้างมูลค่าในตลาดที่มีการเติบโตสูงของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–27 สิงหาคม 2024

Plocamium Holdings บริษัทชั้นนำด้านการลงทุนและการเงินได้เผยแพร่การวิเคราะห์เชิงลึกที่เน้นให้เห็นโอกาสที่เติบโตไม่หยุดนิ่งของหุ้นนอกตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมุ่งเน้นที่เวียดนาม ไทย และฟิลิปปินส์ การศึกษาวิจัยนี้เน้นย้ำถึงศักยภาพของภูมิภาคแห่งนี้ในการเป็นพื้นที่สำคัญสำหรับการลงทุนเชิงกลยุทธ์ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยการขยายเศรษฐกิจที่มั่นคง กรอบการทำงานกับทางรัฐที่เอื้ออำนวย และแนวโน้มในการเติบโตของตลาด

“กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับหุ้นนอกตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่เพียงกำลังเจริญเติบโต แต่ยังพัฒนาไปอย่างรวดเร็วอีกด้วย” Lily Raaka ผู้ดำรงตำแหน่ง Research Director ของ Plocamium Holdings กล่าว “ข้อมูลที่เราค้นพบบ่งชี้ว่าเวียดนาม ไทย และฟิลิปปินส์มีความพร้อมที่จะสร้างผลตอบแทนได้เป็นจำนวนมาก โดยแต่ละตลาดต่างก็มีโอกาสที่แตกต่างกันไปอย่างไม่ซ้ำกันซึ่งเหมาะกับกลยุทธ์การลงทุนที่เฉพาะเจาะจง”

“ขณะที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการพัฒนาเป็นภูมิภาคที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างไม่หยุดนิ่งต่อไปเรื่อย ๆ โอกาสด้านการลงทุนในหุ้นนอกตลาดจึงมีอยู่อย่างมากมายและหลากหลาย” James Tannahill ผู้ดำรงตำแหน่ง President ของ Plocamium กล่าว

เวียดนาม: ศูนย์การผลิตและการดูแลสุขภาพเชิงกลยุทธ์

เวียดนามถือเป็นประเทศอันดับต้น ๆ ในด้านการลงทุนในหุ้นนอกตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนการผลิตและการดูแลสุขภาพ การดำเนินการริเริ่มทางเศรษฐกิจเชิงกลยุทธ์ของประเทศ รวมถึงการร่วมมืออย่างครอบคลุมกับสหรัฐฯ ในปี 2013 และการร่วมเป็นสมาชิกในองค์การการค้าโลก ช่วยดึงดูดนักลงทุนต่างชาติได้อย่างมาก เมื่อรัฐบาลดำเนินการขยายขีดจำกัดด้านกรรมสิทธิ์ของต่างชาติ เวียดนามจึงดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศจำนวนมากได้อย่างต่อเนื่อง

ไทย: โอกาสสำหรับผู้เล่นในตลาดเฉพาะกลุ่ม

ประเทศไทยนำเสนอโอกาสที่น่าสนใจสำหรับบริษัทหุ้นนอกตลาดในตลาดระดับกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเทคโนโลยีชีวภาพและสารสนเทศ ถึงแม้จะมีความท้าทายด้านการเมือง แต่ความคล่องตัวและการมีธุรกิจครอบครัวอยู่อย่างแพร่หลายในประเทศไทยก็สร้างจุดเริ่มต้นดำเนินการที่แตกต่างจากประเทศอื่นให้กับนักลงทุน การดำเนินการริเริ่มของรัฐบาล รวมถึงปัจจัยจูงใจด้านภาษีและทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน ยิ่งส่งเสริมแวดวงการลงทุนให้แข็งแกร่ง ประเทศไทยจึงเป็นแหล่งลงทุนเป้าหมายที่น่าดึงดูดใจ

ฟิลิปปินส์: เศรษฐกิจดิจิทัลกำลังมาแรง

ฟิลิปปินส์กำลังกลายเป็นศูนย์รวมสตาร์ตอัปทางดิจิทัลอย่างรวดเร็ว ซึ่งขับเคลื่อนด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลผ่านการดำเนินการริเริ่มต่าง ๆ เช่น แผนดำเนินการสำหรับสตาร์ตอัปทางดิจิทัลของฟิลิปปินส์ แม้ว่าความท้าทายอย่างการทุจริตจะยังคงมีอยู่ แต่จำนวนผู้ประกอบอาชีพวัยหนุ่มสาวที่มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และปัจจัยจูงใจที่ทางรัฐให้การสนับสนุนของประเทศก็ส่งผลให้ฟิลิปปินส์เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสำหรับการลงทุนในภาคส่วนเทคโนโลยีและเกษตรกรรม

เกี่ยวกับ Plocamium Holdings

Plocamium Holdings ใช้ความเชี่ยวชาญหลายทศวรรษในการร่วมมือกับผู้สนับสนุนและผู้ประกอบการด้านหุ้นนอกตลาด โดยมุ่งเน้นเผยให้เห็นการเติบโตและขับเคลื่อนความสำเร็จระยะยาว Plocamium จัดตั้งอยู่ในนิวยอร์ก โดยมุ่งมั่นดำเนินการอย่างเป็นเลิศและลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่จะสร้างมูลค่าให้กับพันธมิตรของตน

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ plocamium.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

สื่อมวลชน:
media@plocamium.com
plocamium.com/contact

แหล่งที่มา: Plocamium Holdings