Category Archives: Featured

ชาร์จาห์ร่วมกับ Inclusion International เป็นเจ้าภาพจัดงาน World Congress 2025 ‘เราคือหนึ่งเดียวกัน’ ครั้งที่ 18 เป็นครั้งแรก ด้วยผู้เข้าร่วมกว่า 600 คน จาก 74 ประเทศ

Logo

ชาร์จาห์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–20 กันยายน 2025

เมืองชาร์จาห์เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม World Congress 2025 “เราคือหนึ่งเดียวกัน” ครั้งที่ 18 โดยเป็นครั้งแรกในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ภายใต้การอุปถัมภ์และการเป็นสักขีพยานของท่านชีค ดร. Sultan bin Mohammed Al Qasimi สมาชิกสภาสูงสุดและผู้ปกครองเมืองชาร์จาห์

Honorary Lifetime Membership certificate awarded to Sheikha Jameela bint Mohammed Al Qasimi by Inclusion International (Photo: AETOSWire)

Sheikha Jameela bint Mohammed Al Qasimi ได้รับประกาศนียบัตรสมาชิกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพจาก Inclusion International (ภาพ: AETOSWire)

งานนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-17 กันยายน ณ ศูนย์นิทรรศการชาร์จาห์ ที่จัดโดย Sharjah City for Humanitarian Services (SCHS) และ Inclusion International โดยได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรเชิงกลยุทธ์อย่าง Sharjah Government Media Bureau การประชุมครั้งนี้มีวิทยากร 152 คน ที่ประกอบด้วยผู้พิทักษ์สิทธิตนเอง ครอบครัว ผู้เชี่ยวชาญ และผู้กำหนดนโยบายต่างๆ จาก 160 องค์กร ใน 74 ประเทศ โดยแบ่งเป็น 59 เซสชั่น และมีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 600 คน

ในระหว่างงานนี้ Inclusion International ได้มอบสิทธิ์เป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพแก่ Sheikha Jameela bint Mohammed Al Qasimi ประธาน Sharjah City for Humanitarian Services เพื่อเป็นการยกย่องคุณูปการอันสำคัญยิ่งต่อการเคลื่อนไหวในระดับโลกในการส่งเสริมศักยภาพของผู้ที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา และเสริมสร้างสิทธิและบทบาทของครอบครัวของพวกเขาในสังคม

รางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นเกียรติยศระดับนานาชาติที่มอบโดยเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งอุทิศตนเพื่อสิทธิของผู้พิการทางสติปัญญาและครอบครัว รางวัลนี้ทำให้ Sheikha Jameela Al Qasimi ได้รับการยกย่องอย่างสูงในฐานะบุคคลสำคัญระดับโลกที่มีส่วนช่วยผลักดันการคุ้มครอง การส่งเสริมศักยภาพ และการมีส่วนร่วมของผู้พิการทางสติปัญญาบนเวทีระหว่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญ

Sheikha Jameela Al Qasimi กล่าวว่า การมอบสมาชิกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพโดย Inclusion International ถือเป็นการยกย่องอาณาจักรชาร์จาห์อันทรงเกียรติที่นำโดยฝ่าบาทผู้ปกครองเมืองชาร์จาห์ที่เป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ได้สร้างกรอบด้านมนุษยธรรมที่หยั่งรากลึกบนพื้นฐานของความยุติธรรม และให้ความสำคัญกับสิทธิและสวัสดิการของผู้พิการมาโดยตลอด

นอกจากนี้ เธอยังได้เน้นย้ำว่าเกียรติยศนี้ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงมรดกอันยั่งยืนของ SCHS โดยนับตั้งแต่ก่อตั้งมาได้ยืนหยัดเป็นสถาบันชั้นนำด้านความรู้และบริการเฉพาะทาง และเป็นแรงผลักดันหลักในเรื่องของความร่วมมือและการเป็นพันธมิตรระหว่างประเทศ

Sue Swenson ประธาน Inclusion International กล่าวชื่นชมชาร์จาห์ที่นำเสนอโมเดลที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการดูแลและเสริมสร้างศักยภาพให้กับผู้พิการทางสติปัญญา เธอกล่าวว่า “รัฐชาร์จาห์ได้แสดงให้เห็นว่าการลงทุนในนโยบายที่ครอบคลุมสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของแต่ละบุคคลและครอบครัวไปในทางที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันก็ช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน การเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมครั้งนี้ได้ช่วยตอกย้ำให้เห็นถึงบทบาทของชาร์จาห์ในฐานะพันธมิตรสำคัญในการกำหนดอนาคตระหว่างประเทศที่ครอบคลุมมากขึ้น”

การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมที่จัดขึ้นในทุกๆ สี่ปีในประเทศสมาชิก สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของชาร์จาห์ที่มีต่อหลักการของ Inclusion International อันได้แก่ การศึกษาแบบมีส่วนร่วม การมีส่วนร่วมของชุมชน การส่งเสริมความสำเร็จ ความเท่าเทียม และการคุ้มครองสิทธิต่างๆ โดยหลักการเหล่านี้ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้จริงเป็นโครงการและนโยบายต่างๆ ที่ประสบความสำเร็จในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา

พิธีเปิดได้รับเกียรติจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงและบุคคลสำคัญในระดับนานาชาติ อาทิ ฯพณฯ Shaikh Mohamed bin Duaij Al Khalifa ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งบาห์เรน, Jamie Cooke ผู้อำนวยการบริหารของ Inclusion International, Hashem Taqi ประธานของ Inclusion International ประจำภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ และเจ้าชาย Mired bin Raad bin Zeid ประธานสภาสูงเพื่อสิทธิของคนพิการแห่งจอร์แดน

ที่มา: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/20250919788186/en

Contacts

Hussain Al Mulla
Hussain.AlMulla@SGMB.ae

ที่มา: Sharjah Government Media Bureau


CTBC Holding ร่วมแบ่งปันความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมดิจิทัลและการป้องกันการฉ้อโกงในงาน Banking Summit Asia 2025

Logo

ไทเป, ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–16 กันยายน 2025

บริษัท CTBC Financial Holding จำกัด (CTBC Holding) ที่ได้รับเชิญจาก Financial Times และ The Banker สื่อสิ่งพิมพ์ชั้นนำระดับโลก ได้เข้าร่วมงาน Banking Summit Asia 2025 เมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา โดยคุณ Titan Chia (賈景光) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศของ CTBC Holding ได้ร่วมเสวนาในหัวข้อหลักๆ ของการพัฒนานวัตกรรมบริการทางการเงินดิจิทัลควบคู่ไปกับการสร้างหลักประกันความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของข้อมูล พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ของ CTBC ในด้านดิจิทัล โดยคุณ Titan Chia เป็นตัวแทนเพียงคนเดียวที่มาจากภาคการเงินของไต้หวัน

Titan Chia (right), Chief Information Officer of CTBC Financial Holding, served as a speaker today at the “Banking Summit Asia 2025,” held in Asia for the first time, where he shared the company’s achievements in fraud prevention through digital innovation. / Courtesy of CTBC Financial Holding

Titan Chia (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ บริษัท CTBC Financial Holding เป็นวิทยากรในงาน “Banking Summit Asia 2025” ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในเอเชีย โดยเขาได้ร่วมแบ่งปันความสำเร็จของบริษัทในการป้องกันการฉ้อโกงผ่านนวัตกรรมดิจิทัล / เครดิตภาพโดย CTBC Financial Holding

งาน Global Banking Summit ซึ่งจัดโดย Financial Times และ The Banker ร่วมกัน ถือเป็นหนึ่งในงานประชุมทางการเงินที่สำคัญที่สุดของโลก โดยปีนี้ถือเป็นการประชุมสุดยอดครั้งแรกในเอเชีย จัดขึ้นที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ฮ่องกง และสามารถดึงดูดผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินได้เกือบ 300 คนจากทั่วโลก ผู้จัดงานได้ร่วมเสวนากับ คุณ Titan Chia และ คุณเรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกสิกรไทย

คุณ Chia ย้ำว่าความท้าทายสำคัญของธนาคารในปัจจุบันคือการปกป้องความปลอดภัยของผู้ใช้ควบคู่ไปกับการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า เขากล่าวว่า CTBC Bank ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ CTBC Holding ได้นำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาระบบป้องกันการฉ้อโกงที่ออกแบบมาเพื่อรับประกันว่าทรัพย์สินของลูกค้าจะปลอดภัยและให้บริการได้อย่างราบรื่น

โมเดล “AI SKYNET” ที่พัฒนาโดย CTBC Holding สามารถตรวจจับการฉ้อโกงที่อาจเกิดขึ้นได้โดยการวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงเกือบ 300 รายการภายในเวลาเพียง 1 วินาที โดยในปี 2024 โมเดลนี้สามารถป้องกันการทุจริตได้เกือบ 2.8 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน และมีอัตราการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 30% ส่วนในไตรมาสแรกของปี 2025 เพียงไตรมาสเดียว สัญญาณการฉ้อโกงได้ลดลงเหลือ 24% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

เพื่อสร้างเครือข่ายป้องกันการฉ้อโกงที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น CTBC Holding ได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมและเครือข่ายสังคมออนไลน์ LINE และร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุดไต้หวัน และสำนักงานอัยการเขตไทเป นอกจากนี้ CTBC Holding ยังทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานคณะทำงานพัฒนาแอปพลิเคชัน Fintech โดยเป็นผู้นำภาคการเงินของไต้หวันในการสร้างเครือข่ายความปลอดภัยระหว่างธนาคารเพื่อต่อสู้กับการฉ้อโกง

ในฐานะหนึ่งในธนาคารเอกชนที่มีความเป็นสากลมากที่สุดของไต้หวัน สาขาต่างประเทศของ CTBC Bank จึงได้รับการประสานงานจากสำนักงานใหญ่เพื่อยกระดับขีดความสามารถทางเทคโนโลยีควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามนโยบายด้านกฎระเบียบท้องถิ่น เพื่อเสริมสร้างการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวและป้องกันการฉ้อโกงข้ามพรมแดน ในอนาคต CTBC Bank วางแผนที่จะสำรวจการพัฒนา “ศูนย์ข้อมูลระดับภูมิภาค” โดยใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสขั้นสูงและกลไกการปกปิดตัวตนที่สอดคล้องตามมาตรฐาน เพื่อบูรณาการข้อมูลข้ามพรมแดนและเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันการฉ้อโกงให้ดียิ่งขึ้น

CTBC Holding เชื่อมั่นว่าความน่าเชื่อถือและความมั่นคงปลอดภัยทางดิจิทัลคือรากฐานสำคัญของการเงินยุคใหม่ ในอนาคต CTBC จะเดินหน้าพัฒนาการประยุกต์ใช้ AI บิ๊กดาต้า และเทคโนโลยีคลาวด์อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น และทำงานร่วมกับพันธมิตรทางการเงินระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมความมั่นคงปลอดภัยทางดิจิทัลและการพัฒนาที่ยั่งยืนทั่วทั้งเอเชีย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250916711131/en

Contacts

ฝ่ายประชาสัมพันธ์, CTBC Bank
Ken Wang (+8862) 3327-7777#6712
Sherry Fang (+8862) 3327-7777#6711

ที่มา: CTBC Holding

Dr. Indra Pradana Singawinata เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการคนที่ 13 ของ APO เป็นวาระที่สอง

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–16 กันยายน 2025

วันที่ 16 กันยายน 2025 นี้ เป็นวันเริ่มต้นวาระที่สองของ Dr. Indra Pradana Singawinata ในฐานะเลขาธิการคนที่ 13 ขององค์การเพิ่มผลผลิตแห่งเอเชีย (APO) เขาได้รับการเลือกตั้งจากคณะกรรมการบริหารองค์การเพิ่มผลผลิตแห่งเอเชีย (APO) อีกครั้งในการประชุมสมัยที่ 67 เมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย วาระใหม่ของเขามีกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 15 กันยายน 2028

APO Secretary-General Dr. Indra Pradana Singawinata

Dr. Indra Pradana Singawinata เลขาธิการ APO

Dr. Singawinata กล่าวว่า “ผลผลิตไม่ได้หมายถึงเพียงผลลัพธ์เท่านั้น แต่ยังหมายถึงการเติบโตอย่างมีคุณภาพ การทำงานอย่างมีศักดิ์ศรี และความก้าวหน้าที่ยั่งยืน” ในการดำรงตำแหน่งวาระที่สองนี้ เขามุ่งหวังที่จะลงทุนอย่างรอบคอบในด้านผลผลิตเพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนการแข่งขัน ความยืดหยุ่น และความยั่งยืนในระยะยาว โดยช่วยให้สมาชิก APO สามารถก้าวทันการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของโลกได้ 

ในช่วงวาระแรก (ปี 2022-2025) Dr. Singawinata ได้มุ่งเน้นในการกำกับดูแลสถาบัน ความโปร่งใสในการดำเนินงาน และปรับปรุงการมุ่งเน้นเชิงกลยุทธ์ของ APO ในทุกประเทศสมาชิก เพื่อสร้างองค์กรให้ตอบสนองความต้องการได้ดีขึ้น คล่องตัวขึ้น และพร้อมสำหรับอนาคตมากขึ้น  บนพื้นฐานของหลักการดังกล่าว ลำดับความสำคัญในวาระที่สองของเขาประกอบด้วย:

  • การกำกับดูแลและประสิทธิภาพการทำงาน: ปรับปรุงประสิทธิผลและความรับผิดชอบของสถาบันอย่างต่อเนื่องทั่วทั้งโครงการของสำนักงานเลขาธิการและ APO
  • คุณค่าสำหรับสมาชิก: การวางตำแหน่ง APO ให้เป็นพันธมิตรด้านผลิตภาพชั้นนำสำหรับองค์กรด้านผลิตภาพระดับประเทศ
  • การเพิ่มผลิตภาพสีเขียว (GP) 2.0: ขยายขอบเขตการเดินทางของ GP 2.0 เพื่อมุ่งสู่การบูรณาการที่นำโดยนวัตกรรม และการเติบโตอย่างยั่งยืน
  • AI เพื่อผลิตภาพ: ขยายโซลูชันที่ใช้ AI และการสร้างขีดความสามารถในทุกภาคส่วน
  • อุตสาหกรรมและทักษะในอนาคต: สนับสนุนประเทศสมาชิกในการคาดการณ์ และสร้างขีดความสามารถสำหรับอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นใหม่และอนาคตของการทำงาน

Dr. Indra Pradana Singawinata ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคนที่ 13 ของ  APO ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2022 ก่อนเข้าร่วมงานกับ APO เขาเคยดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโสของ Indonesia Infrastructure Guarantee Fund (IIGF) สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาปรัชญา จากมหาวิทยาลัย Ritsumeikan Asia Pacific (APU) ประเทศญี่ปุ่น ปริญญาโท สาขาบัญชี จาก University of Indonesia และปริญญาตรี สาขาเศรษฐศาสตร์จาก Trisakti University ประเทศอินโดนีเซีย

เกี่ยวกับ APO

APO เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1961 เพื่อเพิ่มผลิตภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกผ่านความร่วมมือซึ่งกันและกัน APO มีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนของภูมิภาคผ่านบริการให้คำปรึกษาด้านนโยบาย ทำหน้าที่เป็นสถาบันวิจัย และดำเนินโครงการริเริ่มที่ชาญฉลาดในภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม บริการ และภาครัฐ

APO กำลังกำหนดอนาคตของภูมิภาคโดยการช่วยเหลือประเทศสมาชิกในการกำหนดกลยุทธ์ระดับชาติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภาพ และผ่านความพยายามสร้างขีดความสามารถของสถาบันต่างๆ ซึ่งรวมถึงการวิจัยและศูนย์ความเป็นเลิศของสมาชิก APO ดำเนินงานโดยไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ไม่แสวงหาผลกำไร และไม่เลือกปฏิบัติ 

ปัจจุบันสมาชิกมี 21 เขตเศรษฐกิจ ได้แก่ บังกลาเทศ กัมพูชา สาธารณรัฐจีน ฟิจิ ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สปป.ลาว มาเลเซีย มองโกเลีย เนปาล ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ศรีลังกา ไทย ตุรกี และเวียดนาม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250915807586/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:
หน่วยสารสนเทศดิจิทัล, APO:pr@apo-tokyo.org
โทรศัพท์: +81-3-3830-0411
เว็บไซต์: https://www.apo-tokyo.org

ที่มา: Asian Productivity Organization

KBRA ขยายการดำเนินงานในโตเกียวด้วยการแต่งตั้ง Yasu Iwasa เป็นหัวหน้าฝ่ายญี่ปุ่น

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–16 กันยายน 2025

KBRA เป็นผู้นำด้านการจัดอันดับเครดิตและการวิจัยระดับโลก มีความยินดีที่จะประกาศแต่งตั้ง Yasumitsu “Yasu” Iwasa ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายญี่ปุ่น ซึ่งช่วยตอกย้ำเส้นทางการเติบโตในเอเชีย หลังจากได้จัดตั้งสำนักงานในโตเกียวเพื่อเชิงกลยุทธ์ในเดือนมกราคม 2025 ที่ผ่านมา

สำนักงานโตเกียวของ KBRA สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการขยายฐานการดำเนินงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของนักลงทุนชาวญี่ปุ่นในตลาดสินเชื่อทั้งในภาครัฐและเอกชน โดยปัจจุบัน ทีมงานของเรามีความพร้อมในการเติบโตและมีอิทธิพลอย่างต่อเนื่อง และสามารถให้บริการแก่นักลงทุนทั่วทั้งในและต่างประเทศ

Yasu Iwasa มีประสบการณ์เกือบ 30 ปี ในด้านวาณิชธนกิจและการจัดการสินทรัพย์ โดยเคยดำรงตำแหน่งระดับสูงในสถาบันการเงินระดับโลกชั้นนำในญี่ปุ่น ล่าสุด เขาดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายญี่ปุ่นและกรรมการผู้จัดการที่ Impax Asset Management ที่เป็นผู้นำในการเปิดตัวและการเติบโตของการดำเนินงานในญี่ปุ่น นอกจากบทบาทผู้นำในระดับบริหารแล้ว เขายังเคยทำหน้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ในทีมจัดจำหน่ายอีกด้วย โดยระหว่างปี 2014 ถึง 2021 Yasu ได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายญี่ปุ่นที่ Fullerton Fund Management ที่เป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ในเครือ Temasek Group โดยเขาเริ่มต้นอาชีพการทำงานที่ Goldman Sachs ได้ทำงานด้านตราสารอนุพันธ์และการจัดโครงสร้างตราสารทุนเป็นเวลาประมาณ 12 ปี ซึ่งประสบการณ์นี้ได้ช่วยสร้างความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งของเขาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก

Yasu สำเร็จการศึกษาปริญญาโทสาขาเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และปริญญาตรีสาขารัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเอสเซ็กซ์ในสหราชอาณาจักร

“ญี่ปุ่นเป็นตลาดนักลงทุนที่สำคัญและมีความซับซ้อน” Kate Kennedy กรรมการผู้จัดการอาวุโสและหัวหน้าร่วมฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ KBRA กล่าว “เครือข่ายที่ลึกซึ้งของ Yasu ประกอบกับความเข้าใจเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับฉากทัศน์สินเชื่อในภาคเอกชนทั่วโลก ร่วมกับประสบการณ์ในการเปิดตัวการดำเนินงานด้านการจัดการสินทรัพย์ ทำให้เขามีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนภารกิจของเราในภูมิภาคนี้”

“ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้นำในการดำเนินงานของ KBRA ในญี่ปุ่น” คุณ Iwasa กล่าว “ฉากทัศน์สินเชื่อในภาคเอกชนกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และความมุ่งมั่นของ KBRA ในด้านความโปร่งใส การวิเคราะห์ที่เข้มข้น รวมถึงการให้บริการที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรกนั้น สอดคล้องกับความต้องการของนักลงทุนที่นี่อย่างสมบูรณ์แบบ ผมตั้งหน้าตั้งตารอที่จะร่วมมือกับพนักงานปัจจุบันของเราที่โตเกียวที่ประกอบด้วย Miki Monroe-Sheridan หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจ, Yuuichi Hino หัวหน้าฝ่ายกำกับดูแลกิจการญี่ปุ่น รวมถึง Peter Connolly ผู้อำนวยการอาวุโส เพื่อช่วยสร้างสถานะที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นของเราในประเทศญี่ปุ่น”

ที่ KBRA พันธกิจของเรามุ่งเน้นไปที่การประเมินสินเชื่อที่โปร่งใสและมองการณ์ไกล ที่สามารถช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและรอบรู้ ในฐานะผู้นำด้านการจัดอันดับสินเชื่อในภาคเอกชน ทาง KBRA จะผสานรวมข้อมูลเชิงลึกเชิงวิเคราะห์เข้ากับบริการที่ตอบสนองต่อความต้องการและความเข้มงวดด้านระเบียบวิธี เนื่องจากความต้องการสินเชื่อในภาคเอกชนทั่วโลกที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น ญี่ปุ่นจึงเป็นโอกาสเชิงกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจและตอบสนองต่อความต้องการสินเชื่อทางเลือกที่เพิ่มสูงขึ้น ด้วยความชัดเจนและความสม่ำเสมอที่นักลงทุนคาดสามารถหวังได้จาก KBRA

เกี่ยวกับ KBRA

KBRA เป็นหนึ่งในสถาบันจัดอันดับเครดิตที่สำคัญ ซึ่งจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักร KBRA ได้รับการยอมรับให้เป็นสถาบันจัดอันดับเครดิตที่มีคุณสมบัติในไต้หวัน และยังเป็นองค์กรจัดอันดับเครดิตที่ได้รับการแต่งตั้งสำหรับการจัดอันดับการเงินแบบมีโครงสร้างในแคนาดาอีกด้วย ในฐานะสถาบันจัดอันดับเครดิตที่ให้บริการครบวงจร นักลงทุนสามารถใช้การจัดอันดับของ KBRA เพื่อวัตถุประสงค์ด้านเงินทุนตามกฎหมายได้ในเขตอำนาจศาลหลายแห่ง

ID เอกสาร: 1011259

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ

Adam Tempkin, ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสาร
+1 646-731-1347
adam.tempkin@kbra.com

ที่มา: Kroll Bond Rating Agency, LLC

ดอกไม้อันเป็นเอกลักษณ์ของ G-DRAGON กลายร่างเป็นบล็อก “818 BLOOM” กับ OXFORD

Logo

  • ออกแบบโดย G-DRAGON
  • เปิดพรีออเดอร์ทั่วโลก 21 กันยายน เพื่อเฉลิมฉลองวันสันติภาพสากล

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–15 กันยายน 2025

MTREINC ประกาศความร่วมมือระหว่างศิลปินระดับโลก G-DRAGON และผู้ผลิตบล็อกชั้นนำของเกาหลี OXFORDได้นำดอกเดซี่อันเป็นเอกลักษณ์ของ G-DRAGON มาสู่บล็อก

The partnership between PEACEMINUSONE and OXFORD marks an unprecedented collaboration between G-DRAGON, a global cultural icon, and a world-class brand (Photo: MTREINC Co., Ltd.)

ความร่วมมือระหว่าง PEACEMINUSONE และ OXFORD ถือเป็นความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ระหว่าง G-DRAGON ไอคอนทางวัฒนธรรมระดับโลก และแบรนด์ระดับโลก (ภาพ: MTREINC Co., Ltd.)

ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ OXFORD ได้ร่วมมือกับ PEACEMINUSONE แบรนด์แฟชั่นที่ก่อตั้งโดย G-DRAGON เพื่อเปิดตัว “818 BLOOM” บล็อกดอกไม้รุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น ที่จะเปิดตัวในวันที่ 21 กันยายน ซึ่งเป็นวันสันติภาพสากล

G-DRAGON ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์สะท้อนถึงปรัชญาของ PEACEMINUSONE โดยแต่ละชุดจะมาพร้อมกับใบรับรองโฮโลแกรมรับรองความถูกต้องพร้อมลายเซ็น เพื่อป้องกันการปลอมแปลงและเพิ่มมูลค่าให้กับของสะสม ในฐานะผลิตภัณฑ์ DIY ชิ้นแรกของโลกที่สะท้อนถึงตัวตนของศิลปิน ที่จะดึงดูดความสนใจจากแฟนๆ และนักสะสมทั่วโลกเป็นอย่างมาก

OXFORD ก่อตั้งขึ้นในปี 1961 และเติบโตเป็นแบรนด์ระดับโลก ผลิตบล็อกมากกว่า 200 ล้านชิ้นต่อปี ในกว่า 30 ประเทศ บริษัทเป็นที่รู้จักจากซีรีส์ยอดนิยม เช่น “Cultural Heritage Series” ที่นำเสนอประตูซุงเนมุน (สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเกาหลี) กอบุกซอน (เรือรบเต่าในสมัยกองทัพเรือโชซอนของเกาหลี) และโคลอสเซียม “Heroes Series” ที่นำเสนอบุคคลสำคัญอย่างพลเรือเอกอี ซุนชิน และ “War Series” ซึ่งจำลองเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ OXFORD ยังได้ร่วมมือกับบริษัทและองค์กรขนาดใหญ่หลายแห่ง เช่น Samsung, SK, LG, KT, CJ, Kia Motors, Korean Air รวมถึงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวพย็องชัง ที่หลายๆ คอลเลกชันได้ขายหมดเกลี้ยงแล้ว

ความร่วมมือระหว่าง PEACEMINUSONE และ OXFORD ถือเป็นความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมระดับโลกและแบรนด์ระดับโลก โดยได้รับความสนใจอย่างมากทั้งในและต่างประเทศ

Jong-yeol Kim ซีอีโอของ MTREINC บริษัทผู้อยู่เบื้องหลังโครงการ “818 BLOOM” กล่าวว่า “ผลิตภัณฑ์นี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ G-DRAGON ในเรื่อง PEACEMINUSONE ซึ่งเป็นจุดตัดระหว่างโลกอุดมคติอันสงบสุขกับความเป็นจริงของความขาดแคลน เราหวังว่าผู้คนทั่วโลกจะร่วมกันสะท้อนถึงคุณค่าของสันติภาพที่ได้สร้างสรรค์ผ่าน ‘818 BLOOM’ ที่ผสานเข้ากับข้อความของ G-DRAGON”

ขณะเดียวกัน G-DRAGON ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตกิตติมศักดิ์ของการประชุมสุดยอดเอเปค 2025 ที่เมืองคยองจู โดยยังคงได้รับการยกย่องอย่างต่อเนื่องถึงอิทธิพลเชิงบวกของเขาผ่านโครงการริเริ่มเพื่อสาธารณะต่างๆ

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250915755254/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

MTREINC Co., Ltd.
Wondeok SEO
+82-2-706-9252
sfa1905@mtreinc.co.kr

ที่มา: MTREINC Co., Ltd.

SG Entertech เปิดตัว ‘Snack VR’ แพลตฟอร์ม VR ขนาดเล็กสุดล้ำสำหรับ Android พร้อมขยายธุรกิจสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Logo

การผสมผสานระหว่างเนื้อหาเกม VR การท่องเที่ยว และการศึกษา ช่วยเปิดโอกาสในการเป็นพันธมิตรระหว่างธุรกิจแบบ B2G และแบบ B2B

โซล ประเทศเกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–16 กันยายน 2025

SG Entertech Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้าน VR ของเกาหลีใต้ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2019 ได้ประกาศเปิดตัว Snack VR อย่างเป็นทางการทั่วโลก ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม VR ขนาดเล็กสุดล้ำสำหรับตลาดต่างประเทศ

Snack VR is an innovative VR mini-platform that operates in just 5㎡ of space, presenting a new business model expandable across tourism, education, and cultural sectors (Photo: SG Entertech Co., Ltd.)

Snack VR คือแพลตฟอร์ม VR ขนาดเล็กสุดล้ำที่สามารถทำงานในพื้นที่เพียง 5 ตร.ม. โดยมีการนำเสนอรูปแบบธุรกิจใหม่ที่สามารถขยายได้ที่ครอบคลุมทั้งภาคการท่องเที่ยว การศึกษา และวัฒนธรรม (ภาพ: SG Entertech Co., Ltd.)

การเปิดตัวครั้งล่าสุดนี้ได้ก้าวข้ามผ่านข้อจำกัดของอุตสาหกรรมอาร์เคด VR แบบดั้งเดิมด้วยแพลตฟอร์ม VR ที่ไม่ต้องใช้คนที่ต้องการพื้นที่เพียง 5 ตร.ม. โดยมีการนำเสนอรูปแบบธุรกิจใหม่สำหรับภาคการท่องเที่ยว การศึกษา และวัฒนธรรม

ฟีเจอร์หลักและข้อดีต่างๆ

  •  ประสิทธิภาพในด้านพื้นที่ด้วยขนาดกะทัดรัดพิเศษ : สามารถติดตั้งและใช้งานได้ภายในพื้นที่เพียง 5 ตร.ม.
  •  ลดต้นทุนในการดำเนินงาน : ประหยัดต้นทุน 70% ด้วยระบบอัตโนมัติ
  •  ระบบการชำระเงินแบบไร้คน : การดำเนินการกึ่งอัตโนมัติผ่านบัตรเครดิตหรือการชำระเงินผ่านมือถือ
  •  รองรับผู้เล่นหลายคน : ประสบการณ์ VR พร้อมกันสำหรับผู้ใช้สูงสุด 2 คน
  •  ใช้งานได้หลากหลายวัตถุประสงค์ : เหมาะสำหรับสถานที่ท่องเที่ยว พิพิธภัณฑ์ ห้างสรรพสินค้า สถาบันการศึกษา และร้านค้าปลีก
  •  การอัปเดตเนื้อหา : การให้บริการเนื้อหาเกมและประสบการณ์อย่างต่อเนื่องผ่านพันธมิตรต่างๆ

รายชื่อเนื้อหา VR ที่โดดเด่น

  •  การต่อสู้ด้วยปืน : เกมยิงปืนแบบ 1 ต่อ 1
  •  เคาน์เตอร์แอ็ทแท็ค : เกมยิงป้องกันแห่งอนาคต
  •  โชคชะตาที่ไร้ขอบเขต : เกม RPG แนวแฟนตาซีแอ็คชันที่เน้นกลยุทธ์
  •  กล่องจดหมายโปสการ์ด VR : ประสบการณ์ที่เน้นการท่องเที่ยวเพื่อการส่งเสริมจุดหมายปลายทาง
  •  ประสบการณ์ศิลปะ VR เกี่ยวกับการวาดภาพ : โครงการการศึกษาที่เชื่อมโยงกับศิลปินเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

PyoKook Sun ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ SG Entertech กล่าวว่า “Snack VR ไม่ใช่แค่อุปกรณ์เล่นเกม VR ธรรมดาๆ แต่เป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การศึกษา และวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน เรามุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดความบันเทิงดิจิทัลระดับภูมิภาค ด้วยการนำเสนอโซลูชัน VR ที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูง ร่วมกับผู้เล่นในท้องถิ่นทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

กลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ปัจจุบัน SG Entertech กำลังอยู่ระหว่างการปรึกษาหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกับคณะกรรมการการท่องเที่ยว สำนักงานการศึกษา ห้างสรรพสินค้า เครือโรงแรม และพิพิธภัณฑ์ในประเทศต่างๆ ในเอเชียใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผ่านรูปแบบการออกใบอนุญาตและเอเจนซี่ โดยบริษัทจะช่วยให้ธุรกิจและสถาบันในท้องถิ่นสามารถมีส่วนร่วมในโครงการ VR ได้อย่างง่ายดาย

บริษัทเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนรายย่อยได้เข้าสู่อุตสาหกรรม VR ด้วยค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ต่ำ ขณะเดียวกันก็มอบโอกาสในการร่วมมือแบบ B2G แก่สถาบันภาครัฐในภาคการท่องเที่ยวและการศึกษาเพื่อคว้าโอกาสจากโครงการที่นำโดยรัฐบาล นอกจากนี้ บริษัทยังช่วยเหลือแบรนด์และผู้ค้าปลีกระดับโลกต่างๆ ในการพัฒนากลยุทธ์ด้านการตลาดเชิงประสบการณ์ผ่านการขยายธุรกิจแบบ B2B อีกด้วย

เกี่ยวกับ SG Entertech

SG Entertech มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ศูนย์สนับสนุนการเติบโตขององค์กร XR ในเขตมาโป กรุงโซล โดยมีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโซลูชัน VR แบบผสานรวมสำหรับการท่องเที่ยว การศึกษา วัฒนธรรม และความบันเทิง โดยมีการคาดการณ์ว่า SG Entertech จะเป็นผู้เล่นหลักในการขับเคลื่อนการนำ VR มาใช้ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250915132571/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

SG Entertech Co., Ltd.
Josh Pyo, CEO
kodk@sgentertec.co.kr

ที่มา: SG Entertech Co., Ltd.

FrieslandCampina Ingredients ขยายขีดความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนาด้วยศูนย์แอปพลิเคชันแห่งใหม่ที่ทันสมัยในสิงคโปร์

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–15 กันยายน 2025

FrieslandCampina Ingredients ผู้นำระดับโลกด้านโปรตีนและพรีไบโอติกส์ ประกาศเปิดศูนย์แอปพลิเคชันแห่งใหม่ในสิงคโปร์ ที่จะช่วยเพิ่มพื้นที่วิจัยและพัฒนาในสิงคโปร์ถึง 30% โดยศูนย์แห่งนี้ได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจสิงคโปร์ (EDB) เพื่อเป็นประตูทางยุทธศาสตร์สู่ตลาดเอเชียแปซิฟิก (APAC) ที่กำลังเติบโต ซึ่งรวมถึงญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ศูนย์แอปพลิเคชันที่ขยายใหญ่ขึ้นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยตอกย้ำถึงความเป็นสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคที่สำคัญของบริษัทเท่านั้น แต่ยังช่วยให้สามารถส่งมอบโซลูชันส่วนผสมที่ปรับแต่งตามความต้องการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้แบรนด์ต่างๆ ตอบสนองต่อความต้องการด้านโภชนาการที่หลากหลายและกำลังเติบโตของภูมิภาคได้ นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังเป็นที่ตั้งของกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ของ FrieslandCampina ซึ่งรวมถึง FrieslandCampina Professional และ FrieslandCampina Asia ที่ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในระยะยาวของบริษัทที่มีต่อตลาดอีกด้วย

ขับเคลื่อนนวัตกรรมที่เน้นภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ด้วยผู้บริโภค 4 ใน 5 รายในเอเชียแปซิฟิกที่บริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเชิงรุก1 ความต้องการที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคนี้จึงเป็นโอกาสอันดีในการพัฒนาแอปพลิเคชันที่มุ่งเน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง ศูนย์แอปพลิเคชันแห่งใหม่นี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับการใช้งานจริง รวมถึงความเชี่ยวชาญทางเทคนิคของ FrieslandCampina Ingredients ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อตอบสนองต่อความต้องการนี้ ศูนย์แห่งนี้จึงมีห้องปฏิบัติการที่ทันสมัยสำหรับการพัฒนาอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น โยเกิร์ต บาร์ และอาหารเสริมต่างๆ โดยรวบรวมความเชี่ยวชาญเฉพาะในด้านการแปรรูปยูเอชที การทดสอบวิเคราะห์ วิทยาศาสตร์ประสาทสัมผัส และบรรจุภัณฑ์ เพื่อเร่งการพัฒนาแอปพลิเคชันและช่วยให้ลูกค้านำนวัตกรรมสู่ตลาดเอเชียแปซิฟิกได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

แม้ว่ากิจกรรมปัจจุบันของบริษัทในสิงคโปร์จะมุ่งเน้นไปที่โภชนาการสำหรับทารกและการแพทย์เป็นหลัก แต่ศูนย์แห่งใหม่นี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในด้านต่างๆ ที่มีความต้องการสูง ซึ่งรวมถึงโภชนาการสำหรับสมรรถภาพทางกายและโภชนาการสำหรับเด็ก ซึ่งจะทำให้พันธมิตรสามารถรับมือกับเทรนด์ใหม่ๆ และร่วมกันสรรค์สร้างแอปพลิเคชันนวัตกรรมต่างๆ อย่างเช่น โยเกิร์ต เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ขนมขบเคี้ยว และอาหารเสริมได้อีกด้วย

การสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมในใจกลางภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ตั้งแต่ปี 2011 สิงคโปร์เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของ FrieslandCampina ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเป็นศูนย์พัฒนาแห่งเดียวนอกประเทศเนเธอร์แลนด์ การลงทุนในศูนย์พัฒนา FrieslandCampina Ingredients เพิ่มเติมนี้ ได้ช่วยตอกย้ำให้สิงคโปร์เป็นส่วนสำคัญในระบบนิเวศนวัตกรรมของบริษัท นอกจากนวัตกรรมระดับภูมิภาคแล้ว ศูนย์แห่งใหม่นี้ยังตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ FrieslandCampina ในการสร้างงานใหม่ พัฒนาทักษะท้องถิ่น และสนับสนุนวาระสุขภาพของประเทศ นอกจากการขยายแรงงานประจำแล้ว ศูนย์แห่งนี้ยังช่วยให้บริษัทสามารถร่วมมือกับสถาบันการศึกษาระดับสูงในท้องถิ่นเพื่อพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ โดย FrieslandCampina Ingredients ได้จัดทำโครงการฝึกงานระยะยาวกับมหาวิทยาลัยในท้องถิ่น โดยมีการเปิดรับฝึกงานไปแล้ว 3 ครั้งภายใต้โครงการริเริ่มนี้ นอกจากนี้ บริษัทยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่วมกับคณะกรรมการส่งเสริมสุขภาพเพื่อดำเนินโครงการ Eat, Drink, Shop Healthy เมื่อไม่นานมานี้ และก่อนหน้านี้ก็ได้ร่วมมือกับ ActiveSG ในโครงการนำร่อง Nurture Kids เพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีในหมู่เด็กๆ

“การเปิดศูนย์แอปพลิเคชันแห่งใหม่ของเราในสิงคโปร์ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับธุรกิจของเรา แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในตลาดเอเชียแปซิฟิก และความสำคัญเชิงกลยุทธ์ที่เรามอบให้กับภูมิภาคนี้” Tjalling Bekker ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ FrieslandCampina Ingredients ให้ความเห็น “ตลาดเอเชียแปซิฟิกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพในชีวิตประจำวัน สุขภาพจิต และความงามจากภายใน ศูนย์แอปพลิเคชันแห่งใหม่ของเราจะช่วยให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จในตลาดที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ ด้วยการเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และส่งเสริมความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น เพื่อที่เราจะสามารถร่วมกันคว้าโอกาสที่น่าตื่นเต้นเหล่านี้ได้”

“ศูนย์แอปพลิเคชันแห่งใหม่ของ FrieslandCampina Ingredients เป็นส่วนเสริมที่มีคุณค่าต่อระบบนิเวศอาหารและโภชนาการที่มีชีวิตชีวาของเรา” กล่าวเสริมโดย Melissa Guan รองประธานและหัวหน้าฝ่ายผู้บริโภคของ Singapore EDB “ศูนย์แห่งนี้จะช่วยเร่งการพัฒนานวัตกรรมผ่านความพยายามในการพัฒนาร่วมกับลูกค้า เพื่อสนับสนุนผลลัพธ์ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในทุกช่วงวัย เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า FrieslandCampina Ingredients จะทำงานร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างสรรค์โซลูชันทางโภชนาการที่เปิดประตูสู่โอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก”

สำหรับผู้เชี่ยวชาญ B2B เท่านั้น

เกี่ยวกับ FrieslandCampina Ingredients

ความร่วมมือคือจุดแข็งของ Zuivelcoöperatie FrieslandCampina U.A. มานานกว่า 150 ปี ซึ่งเป็นสหกรณ์ของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม 14,183 ราย (ฟาร์มโคนม 9,001 แห่ง) ในเนเธอร์แลนด์ เยอรมนี และเบลเยียม เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมสมาชิกทั้งหมดเป็นเจ้าของ Royal FrieslandCampina N.V. ผ่านทางสหกรณ์ โดยจัดหานมที่บริษัทแปรรูปให้เป็นผลิตภัณฑ์นมที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จำหน่ายภายใต้แบรนด์ของตนเองหรือเป็นตราสินค้าเฉพาะให้กับผู้บริโภคและลูกค้ามืออาชีพทั่วโลก บริษัทมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่านมของสมาชิกให้สูงสุด สร้างรายได้ให้สมาชิกเพื่อนำไปลงทุนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของฟาร์มโคนม ในปี 2024 บริษัทได้แปรรูปนมของสมาชิกได้ 9 พันล้านกิโลกรัม และมีรายได้ 12.9 พันล้านยูโร FrieslandCampina มีการดำเนินงานใน 30 ประเทศ และมีพนักงานมากกว่า 19,500 คนทั่วโลก ณ สิ้นปี 2024 ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.frieslandcampina.com

1 ผลสำรวจของเฮอร์บาไลฟ์, ‘ผู้บริโภค 4 ใน 5 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ แต่ครึ่งหนึ่งขาดความมั่นใจในการเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ดี’, 2025

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

BDB Global
Ciara Tomlinson / Kate Spurdens
ที่ปรึกษา / ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์
ciara@bdb.co.uk / kate.spurdens@bdb.co.uk

ที่มา: FrieslandCampina Ingredients

องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวกรุงโซลเปิดตัว ‘Pick 3 Pass’ บัตร Discover Seoul Pass ที่ปรับแต่งได้เพื่อการเดินทางที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น

Logo

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–15 กันยายน 2025

องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวกรุงโซล เปิดตัว “Pick 3 Pass” ตัวเลือกใหม่ที่สามารถปรับแต่งได้และคุ้มค่าสำหรับบัตร Discover Seoul Passยอดนิยม โดยจะเริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 กันยายน บัตรใหม่นี้ออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวขาประจำและผู้ที่มองหาประสบการณ์การเดินทางที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลมากขึ้น โดยสามารถเลือกสถานที่ท่องเที่ยวได้ 3 แห่งตามที่ต้องการ

The Pick 3 Pass allows the holder to select and enjoy a total of 3 partner attractions/services in Seoul for 5 days. (Image: Seoul Tourism Organization)

บัตร Pick 3 Pass ช่วยให้ผู้ถือบัตรสามารถเลือกและเพลิดเพลินกับสถานที่ท่องเที่ยว/บริการของพันธมิตรรวม 3 แห่งในกรุงโซลเป็นเวลา 5 วัน (ภาพ: องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวกรุงโซล)

บัตร Discover Seoul Pass ซึ่งดำเนินการโดยองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวกรุงโซลโดยตรง ได้สร้างชื่อให้ตนเองในฐานะเครื่องมือครบวงจรที่จำเป็นสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ บัตรนี้มีให้เลือกทั้งแบบบัตรจริงและแอปพลิเคชันบนมือถือ ที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงสถานที่สำคัญและสัมผัสประสบการณ์ทางวัฒนธรรมของโซลได้อย่างราบรื่น โดยการเปิดตัวครั้งนี้ทำให้บัตร Discover Seoul Pass มีให้เลือกถึงสี่แบบเพื่อให้เหมาะกับสไตล์การเดินทางทุกประเภท

บัตรผ่านสำหรับนักเดินทางทุกคน

บัตร Pick 3 Pass ใหม่นี้มีอายุใช้งาน 5 วันนับจากการใช้งานครั้งแรก และมีให้เลือก 2 ประเภท:

– บัตร Pick 3 Basic Pass (49,000 วอน หรือ 35.30 ดอลลาร์สหรัฐ): นักท่องเที่ยวสามารถเลือกสถานที่ท่องเที่ยวใดก็ได้ 3 แห่งจากรายการสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในกรุงโซลที่คัดสรรมาแล้ว เช่น หอคอยเอ็นโซล, พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำซีไลฟ์ โคเอ็กซ์ และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโซล

– บัตร Pick 3 Theme Park Pass (70,000 วอน หรือ 50.41 ดอลลาร์สหรัฐ): เหมาะสำหรับครอบครัว โดยสามารถเลือกสวนสนุกหลักๆ ได้ 1 แห่ง (Lotte World Adventure, SeoulLand หรือ Everland) และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อีก 2 แห่ง

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสำรวจกรุงโซลให้ครอบคลุมมากขึ้น บัตรแบบระบุเวลาที่มีอยู่แล้ว เช่น บัตร Pass แบบ 72 ชั่วโมง (90,000 วอน หรือ 64.81 ดอลลาร์สหรัฐ) และบัตร Pass แบบ 120 ชั่วโมง (130,000 วอน หรือ 93.62 ดอลลาร์สหรัฐ) จะยังคงมีจำหน่ายต่อไป

ความสะดวกสบายครบวงจรสำหรับนักท่องเที่ยวยุคใหม่

บัตร Pick 3 Pass อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายสูงสุด ผู้ที่ซื้อบัตร Pick 3 Pass เวอร์ชันมือถือจะได้รับ eSIM ฟรี 5 วัน เพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ทันทีเมื่อเดินทางถึงเกาหลี ส่วนบัตรแบบปกติจะมีฟังก์ชันบัตรโดยสารแบบเติมเงินเพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานบนรถบัสและรถไฟใต้ดิน

นอกจากนี้ เพื่อสะท้อนถึงกระแสการเดินป่าในหมู่นักท่องเที่ยวในปัจจุบัน ผู้ถือบัตรทุกคนจะได้รับสิทธิ์เช่าอุปกรณ์เดินป่าฟรี 1 ครั้ง ณ ศูนย์การท่องเที่ยวเดินป่าโซล ณ เทือกเขาบุคฮันซาน บูกักซาน และกวานักซาน

อีกหนึ่งการปรับปรุงล่าสุด นั่นคือ บัตร Discover Seoul Pass แบบบัตรจริงได้เพิ่มฟังก์ชันการชำระเงินแบบเติมเงิน ทำให้สามารถใช้ซื้อสินค้าทั่วไป ค่าเดินทาง และค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้ครบจบในบัตรเดียว โดยมูลค่าของบัตรจะเพิ่มขึ้นอีกในเดือนสิงหาคม ด้วยการเพิ่มพันธมิตรส่วนลดใหม่อีกกว่า 20 ราย ซึ่งรวมถึงห้างสรรพสินค้า Lotte และร้านค้าปลอดภาษีด้วย

บัตร Discover Seoul Pass มีจำหน่ายบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันมือถืออย่างเป็นทางการ รวมถึงเว็บไซต์ OTA ระดับโลกอย่าง Klook และ KKday

องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวกรุงโซล อธิบายว่า การปรับปรุงครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงเทรนด์การท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคที่การเดินทางเป็นส่วนตัว องค์การฯ จะยังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนกรุงโซลสามารถเพลิดเพลินกับการเดินทางได้อย่างสะดวกสบายและอิสระยิ่งขึ้น

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: www.businesswire.com/news/home/20250912774108/en

Contacts

องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวกรุงโซล
Ha Yeong Lee
+82-2-1644 1060
support@discoverseoulpass.com

ที่มา: Seoul Tourism Organization

Illumination and Nintendo ประกาศสร้างภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องใหม่ที่สร้างจากโลกของ Super Mario Bros. ที่มีชื่อว่าThe Super Mario Galaxy Movie

Logo

ซานตาโมนิกา รัฐแคลิฟอร์เนีย และเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–12 กันยายน 2025

Illumination (สำนักงานใหญ่: ซานตาโมนิกา รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา; ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ: Chris Meledandri) และ Nintendo Co., Ltd. (สำนักงานใหญ่: เกียวโต เขตมินามิ ประเทศญี่ปุ่น; กรรมการบริหารและประธานบริษัท: Shuntaro Furukawa ต่อไปนี้จะเรียกว่า “Nintendo”) ประกาศในวันนี้ว่าภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องใหม่ที่สร้างจากโลกของ Super Mario Bros. จะใช้ชื่อว่า The Super Mario Galaxy Movie ภาพยนตร์เรื่องนี้จะออกฉายทั่วโลกโดย Universal Pictures ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2026

นอกจากนี้ บริษัททั้งสองแห่งยังประกาศว่านักพากย์เสียงตัวละครที่จะกลับมาอีกครั้ง ประกอบด้วย Mario (พากย์โดย Chris Pratt), Princess Peach (พากย์โดย Anya Taylor-Joy), Luigi (พากย์โดย Charlie Day), Bowser (พากย์โดย Jack Black), Toad (พากย์โดย Keegan-Michael Key) และ Kamek (พากย์โดย Kevin Michael Richardson)

ส่วนตัวละครและนักพากย์เพิ่มเติมสำหรับภาพยนตร์ The Super Mario Galaxy Movie จะประกาศให้ทราบในภายหลัง

The Super Mario Galaxy Movie จะเข้าฉายในวันที่ 3 เมษายน 2026 ในสหรัฐอเมริกาและอีกหลายประเทศทั่วโลก และจะเข้าฉายในวันที่ 24 เมษายน 2026 ในประเทศญี่ปุ่น และจะออกฉายในบางพื้นที่ตลอดเดือนเมษายน

เกี่ยวกับ The Super Mario Galaxy Movie

The Super Mario Galaxy Movie Movie เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่สร้างจากโลกของ Super Mario Bros. ต่อจาก The Super Mario Bros. Movie ซึ่งออกฉายในปี 2023 และทำรายได้ทั่วโลกมากกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งภาพยนตร์ปี 2023 และ The Super Mario Galaxy Movie อำนวยการสร้างโดย Chris Meledandri จาก Illumination และ Shigeru Miyamoto จาก Nintendo

ภาพยนตร์นี้ได้รับทุนสนับสนุนร่วมกันจาก Universal Pictures และ Nintendo และจะเผยแพร่ทั่วโลกโดย Universal Pictures

The Super Mario Galaxy Movie กำกับโดย Aaron Horvath และ Michael Jelenic ผู้กำกับภาพยนตร์ที่กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง จากบทภาพยนตร์ของ Matthew Fogel นักเขียนบทภาพยนตร์ที่กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง โดยมี Brian Tyler ที่กลับมาแต่งเพลงประกอบให้

เกี่ยวกับ Illumination

Illumination ก่อตั้งโดย Chris Meledandri ในปี 2007 เป็นหนึ่งในผู้ผลิตภาพยนตร์แอนิเมชันชั้นนำของอุตสาหกรรมบันเทิง ซึ่งรวมถึง Despicable Me ซึ่งเป็นแฟรนไชส์แอนิเมชันที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ และภาพยนตร์ที่สร้างสถิติใหม่ อย่างเช่น The Super Mario Bros. Movie,Dr. Seuss' The Lorax , Dr. Seuss' The Grinch , Migration และ The Secret Life of Pets รวมถึงภาพยนตร์เรื่อง Sing โดยแฟรนไชส์อันโด่งดังและเป็นที่รักของ Illumination นั้นอัดแน่นไปด้วยตัวละครที่น่าจดจำและโดดเด่น มีเสน่ห์ดึงดูดใจทั่วโลก และมีความเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม สร้างรายได้เกือบ 11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก โดย Illumination เป็นพันธมิตรกับ Universal Pictures ในด้านการเงินและการจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว

เกี่ยวกับ Nintendo

Nintendo Co., Ltd. มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น บริษัทได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายนับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 1889 โดยเริ่มจากการผลิตและจำหน่ายไพ่ฮานาฟุดะ

นับตั้งแต่เปิดตัว Family Computer (Famicom) ในญี่ปุ่นเมื่อปี 1983 และต่อเนื่องมาจนถึง Nintendo Switch 2 Nintendo ให้ความสำคัญกับการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายระบบเกมและซอฟต์แวร์ต่างๆ จนถึงปัจจุบัน Nintendo มียอดขายวิดีโอเกมมากกว่า 5.9 พันล้านเกม และฮาร์ดแวร์มากกว่า 860 ล้านเครื่องทั่วโลก และได้สร้างแฟรนไชส์ต่างๆ มากมาย อาทิ Mario™, Donkey Kong™, The Legend of Zelda™, Pokémon™, Metroid™, Kirby™, Animal Crossing™, Pikmin™ และ Splatoon™

Nintendo มุ่งมั่นที่จะขยายจำนวนผู้คนที่สามารถเข้าถึงตัวละครและโลกของเกมได้ ภารกิจอย่างต่อเนื่องของบริษัทคือการมอบรอยยิ้มให้กับทุกคนที่ได้สัมผัสด้วยประสบการณ์ความบันเทิงที่ไม่เหมือนใคร โดยเน้นที่ผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์วิดีโอเกมแบบบูรณาการ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Illumination
Sarah Levinson Rothman
sarah.rothman@ledecompany.com

ที่มา: Illumination

Parking Guidance Systems ประกาศควบรวมกิจการระดับโลกกับ INDECT และ ParkZen

Logo

ฮูสตัน–(BUSINESS WIRE)–11 กันยายน 2025

Parking Guidance Systems, LLC (PGS) ผู้นำด้านเทคโนโลยีระบบจอดรถเฉพาะทางในสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศควบรวมกิจการเชิงกลยุทธ์กับ INDECT Electronics & Distribution GmbH (INDECT) และ ParkZen โดยในฐานะบริษัทผู้นำในการควบรวมกิจการ ทาง PGS กำลังขยายธุรกิจออกไปนอกสหรัฐอเมริกาเพื่อนำเสนอโซลูชันระบบจอดรถที่ครอบคลุมในระดับสากล ซึ่งธุรกิจที่ควบรวมกิจการนี้จะผสานรวมฮาร์ดแวร์ระดับโลกของ INDECT กับซอฟต์แวร์ที่มีความคล่องตัวสูงของ ParkZen รวมถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่พิสูจน์แล้วของ PGS ในการดำเนินงานขนาดใหญ่ ทำให้เกิดบริษัทเทคโนโลยีระบบจอดรถที่ครบวงจรที่สุดในอุตสาหกรรม

นับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อ 12 ปีที่แล้ว PGS ได้สร้างชื่อเสียงในด้านบริการที่เป็นเลิศ นวัตกรรมที่ล้ำสมัย และการมุ่งเน้นถึงความพึงพอใจของลูกค้า โดย PGS ได้ติดตั้งระบบนำทางการจอดรถที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา และมีชื่อเสียงในด้านการออกแบบ การติดตั้ง และการบริการสนับสนุนที่มีประสิทธิภาพ โดยหัวใจสำคัญในการบริการของ PGS คือโซลูชันนำทางการจอดรถของ INDECT โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเซนเซอร์เสียงและเซนเซอร์ออปติคัล เทคโนโลยีเซนเซอร์จอดรถของ INDECT ถือเป็นมาตรฐานปัจจุบันในด้านนวัตกรรมและด้านความแม่นยำของอุตสาหกรรม โดยเซนเซอร์ขนาดเล็กอัลตราโซนิกของ INDECT นั้นเป็นเซนเซอร์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในการส่งมอบความแม่นยำสำหรับการตรวจจับพื้นที่เพียงพื้นที่เดียว ขณะที่เซนเซอร์กล้อง Upsolut นั้นจะผสานรวมกับการตรวจสอบพื้นที่ในหลายๆ พื้นที่ที่สามารถเชื่อถือได้ รวมถึงการจับภาพวิดีโอสตรีม และการจดจำป้ายทะเบียน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และการวิเคราะห์อัตราการครอบครองที่จอดรถ โดย PGS เป็นพันธมิตรช่องทางการจัดจำหน่ายรายใหญ่ที่สุดของ INDECT ในสหรัฐอเมริกานับตั้งแต่ PGS เริ่มก่อตั้ง การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้บริษัทที่ควบรวมกันสามารถปรับปรุงห่วงโซ่อุปทาน เร่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และสร้างความร่วมมือทั่วโลก ซึ่งสะท้อนถึงความร่วมมือระหว่าง PGS และ INDECT ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในสหรัฐอเมริกา

โซลูชัน PGS ยังได้รับการยกระดับจากการเข้าซื้อกิจการ ParkZen ที่เป็นบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบอัจฉริยะสำหรับที่จอดรถ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองแบตันรูช รัฐลุยเซียนา โดยแอปพลิเคชันสมาร์ทโฟนอันล้ำสมัยของ ParkZen นั้นใช้ประโยชน์จากการระดมทุนจากมวลชนและอัลกอริทึมที่เป็นกรรมสิทธิ์ เพื่อส่งมอบข้อมูลแบบเรียลไทม์และซอฟต์แวร์ระบบอัจฉริยะสำหรับที่จอดรถที่ช่วยให้ผู้ประกอบการที่จอดรถสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นสำหรับการดำเนินงาน และมอบความพร้อมใช้งานแบบเรียลไทม์ให้กับผู้จอดรถไม่ว่าจะมีหรือไม่มีฮาร์ดแวร์ก็ตาม แพลตฟอร์มนี้ยังปรับปรุงกระบวนการชำระเงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีเครื่องมือจัดการการอนุญาตขั้นสูงสำหรับเจ้าของและผู้ถือใบอนุญาต ทำให้เกิดข้อเสนอที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ก่อนการเข้าซื้อกิจการ PGS ได้ร่วมมือกับ ParkZen ในหลายๆ โครงการในสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมถึงแอปพลิเคชันนำทางสำหรับผู้ใช้และซอฟต์แวร์การจัดการลานจอดรถด้วย

การเข้าซื้อกิจการเหล่านี้ถือเป็นการบูรณาการในแนวตั้งอันทรงคุณค่าของ PGS และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของบริษัทในการนำเสนอโซลูชันที่จอดรถที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมในหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึงสนามบิน โครงการพัฒนาแบบผสมผสาน มหาวิทยาลัย วิทยาเขตขององค์กร สถานพยาบาล และจุดหมายปลายทางอื่นๆ ที่มีการจราจรหนาแน่นที่ต้องอาศัยป้ายบอกทางและการค้นหาเส้นทาง

“ด้วยการควบรวมกิจการครั้งนี้ เราขอให้ผู้ประกอบการทั่วโลกพิจารณาทบทวนสิ่งที่ระบบจอดรถของพวกเขาสามารถทำได้” กล่าวโดย Derek Frantz ซีอีโอของ PGS “PGS กำลังเป็นผู้นำในการกำหนดนิยามใหม่ของที่จอดรถในฐานะแหล่งสร้างรายได้ แทนที่จะเป็นศูนย์ต้นทุน ด้วยการนำฮาร์ดแวร์ที่แม่นยำของ INDECT, ซอฟต์แวร์อัจฉริยะของ ParkZen และผลงานที่ผ่านการพิสูจน์แล้วของ PGS ในการนำเสนอโซลูชันที่จอดรถที่ซับซ้อน เราจึงสามารถนำเสนอระบบที่ผสานรวมและแข็งแกร่ง ซึ่งปรับให้เหมาะกับความต้องการของผู้ประกอบการทั่วโลกได้ โดยช่วยให้พวกเขาสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้สูงสุด ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน และปลดล็อกมูลค่าทางการเงินใหม่ๆ จากสินทรัพย์ที่จอดรถของพวกเขาเอง”

ปัจจุบัน PGS มีศักยภาพในการเพิ่มรายได้ ความปลอดภัย และความสะดวกสบายในอุตสาหกรรมที่จอดรถได้มากกว่าที่เคย โดยมี INDECT และ ParkZen เป็นส่วนสำคัญในการดำเนินงาน

เกี่ยวกับ Parking Guidance Systems, Inc.

Parking Guidance Systems (PGS) นำเสนอโซลูชันเทคโนโลยีโรงจอดรถขั้นสูง ที่สร้างขึ้นจากผลงานที่พิสูจน์แล้วจากการใช้งานจริงในวงกว้างที่ประสบความสำเร็จ ตั้งแต่ปี 2013 ทาง PGS ได้ร่วมมือกับสนามบิน ระบบการดูแลสุขภาพ มหาวิทยาลัย วิทยาเขตของบริษัทต่างๆ และโครงการพัฒนาแบบผสมผสาน เพื่อเปลี่ยนโฉมที่จอดรถจากศูนย์ต้นทุนให้กลายเป็นแหล่งรายได้และความพึงพอใจของลูกค้า ผลงานของบริษัทประกอบด้วยระบบนำทางที่จอดรถชั้นนำของอุตสาหกรรม ซอฟต์แวร์จดจำป้ายทะเบียนรถ https://cts.businesswire.com/ct/CT?id=smartlink&url=https%3A%2F%2Fparkingguidancesystems.com%2Fparking-solutions%2F%3Futm_campaig%2520n%3D22056732-PGS%2520M%2526A%2520Communications%26utm_source%3DBusinessWire%26u%2520tm_medium%3Dpress-release&esheet=54321018&newsitemid=54321018015&lan=en-US&anchor=software&index=6&md5=01a30e39f80328045cd9d64789b1729dการวิเคราะห์ที่จอดรถ รวมถึงป้ายบอกทาง และการค้นหาเส้นทางแบบดิจิทัล ด้วยการติดตั้งระบบมากกว่า 347 ระบบ การตรวจสอบพื้นที่จอดรถเกือบ 600,000 แห่งในสหรัฐอเมริกา รวมถึงโอกาสใหม่ๆ ที่ขยายไปทั่วโลก PGS ยังคงสร้างมาตรฐานสำหรับโซลูชันที่จอดรถที่เป็นนวัตกรรม เชื่อถือได้ และมุ่งเน้นไปที่ลูกค้า เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ parkingguidancesystems.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Felicia Perez
felicia@farpublicrelations.com
(832) 222-2101
1811 First Oaks St, Suite 100 Richmond, TX 77406

ที่มา: Parking Guidance Systems, LLC