Category Archives: General News

การสนับสนุนด้าน COVID-19 ของ Mary Kay Inc. มุ่งเป้าหมายไปยังกลุ่มหมายประชากรชาวอเมริกันพื้นเมืองที่ได้รับผลกระทบมากอย่างไม่สมสัดส่วน โดยผ่านเครือข่าย the Indian Health Service

Logo

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–9 ก.ย. 2563

เมื่อต้นปีที่ผ่าน Mary Kay Inc. ได้ประกาศว่าจะบริจาคเงินเกือบ 10 ล้านดอลลาร์ในการสนับสนุนด้านการเงินและการแจกจ่ายสิ่งของในชุมชนที่บริษัทดำเนินงานอยู่ทั่วโลก ซึ่งเป็นความพยายามที่จะช่วยชะลอการแพร่ระบาดของ COVID-19 และสนับสนุนพนักงานที่ทำงานในแนวหน้า มาวันนี้โลกก็ยังคงต่อสู้กับไวรัสต่อไป Mary Kay จึงได้ขยายความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือดังกล่าวให้เป็นมูลค่าที่สูงกว่า 10 ล้านดอลลาร์ พร้อม ๆ ไปกับการขยายความร่วมมือกับองค์กรที่สนับสนุนและเจาะกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มประชากรที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 มากอย่างไม่สมสัดส่วน

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200909005162/en/

Mary Kay has donated nearly 75,000 units of hand sanitizer to the Indian Health Service (IHS), an operating division within the US Department of Health and Human Services. (Photo: Mary Kay Inc.)

Mary Kay ได้บริจาคเจลทำความสะอาดมือเกือบ 75,000 ชุดให้กับ Indian Health Service (IHS) ซึ่งเป็นแผนกปฏิบัติการภายในแผนกหนึ่งของกระทรวงสาธารณสุขและบริการด้านมนุษย์ของสหรัฐฯ หรือ  the US Department of Health and Human Services (ภาพ: Mary Kay Inc.)

หนึ่งในกลุ่มประชากรที่ได้รับผลกระทบมากอย่างไม่สมสัดส่วนดังกล่าวคือเขตปกครองชาวพื้นเมืองนาวาโฮ ซึ่งประสบปัญหา COVID-19 ต่อหัวมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยดินแดนที่มีพื้นที่กว่า 25,000 ตารางไมล์ทั่วทั้งรัฐแอริโซนา นิวเม็กซิโก และยูทาห์มีประชากรประมาณ 244,000 คนที่เรียกเขตปกครองนาวาโฮว่าบ้าน ชุมชนนี้มีอัตราการติดเชื้อสูงกว่าชุมชนส่วนใหญ่อื่น ๆ โดยมีผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่ยืนยันแล้วเกือบ 10,000 ราย

“ความพยายามครั้งใหญ่ในการช่วยต่อสู้กับไวรัสในครั้งนี้มีความสำคัญและสร้างผลกระทบได้จริง  แต่เราต้องให้ความสำคัญกับชุมชนที่เปราะบางที่สุดของเราด้วย” David Holl ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Mary Kay Inc. กล่าว “เรื่องราวมากมายของครอบครัวประชากรอเมริกันพื้นเมืองในเมืองของเราที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 มันน่าสลดมาก เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าองค์กรต่าง  ๆยังคงจะให้การสนับสนุน the Indian Health Service ต่อไป เพื่อให้พนักงานในแนวหน้าสามารถหยุดการแพร่กระจายของโรคได้อย่างปลอดภัยและให้การดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสได้อีกด้วย”

Mary Kay ได้บริจาคเจลทำความสะอาดมือเกือบ 75,000 ชุดให้กับ Indian Health Service (IHS) ซึ่งเป็นแผนกปฏิบัติการแผนกหนึ่งภายในกระทรวงสาธารณสุขและบริการด้านมนุษย์ของสหรัฐฯ โดย IHS มีหน้าที่รับผิดชอบในการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขโดยตรงแก่สมาชิกของชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกันที่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลกลางและชนพื้นเมืองในอะแลสกา เครือข่ายนี้เป็นผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพหลักของรัฐบาลกลางและเป็นผู้สนับสนุนด้านสุขภาพสำหรับชาวอินเดียนพื้นเมือง โดยการจัดบริการด้านสุขภาพที่ครอบคลุมสำหรับชาวอเมริกันอินเดียนและชาวอะแลสกาประมาณ 2.6 ล้านคนซึ่งมาจากชนเผ่าที่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลกลางจำนวน 574 เผ่าใน 37 รัฐ เจลทำความสะอาดมือที่ถูกบริจาคถูกนำไปใช้ในโรงพยาบาล 26 แห่งศูนย์อนามัย 59 แห่งและสถานีอนามัย 32 แห่งในเครือข่าย IHS ทั่วประเทศ

นอกจากนี้ บริษัท ยังได้จัดส่งอุปกรณ์เจลทำความสะอาดมือให้กับ Gallup Indian Medical Center (GIMC) เพื่อช่วยสนับสนุนความพยายามในการสร้างชุดดูแลสุขอนามัยที่บ้านและส่งเสริมสุขภาพผ่านสื่อการเรียนรู้ ทีมที่ทำงานในด้านชุมชนของ GIMC กำลังสร้างมาตรฐานในการแจกจ่ายวัสดุส่งเสริมสุขภาพและสุขอนามัยที่จุดที่สามารถเชื่อมต่อกับผู้ป่วยได้ เช่น ที่สถานที่ที่ทำการทดสอบการให้บริการแบบ drive through อนึ่ง การส่งเสริมสุขภาพจะให้บริการผ่านการสนทนาโดยตรงตัวต่อตัวกับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ตลอดไปจนถึงการให้ข้อมูลที่เป็นตัวหนังสือในทั้งภาษาอังกฤษและภาษานาวาโฮ

" The Indian Health Service พร้อม ๆ กับพันธมิตรซึ่งเป็นองค์กรสำหรับชาวพื้นเมืองและชนเผ่าต่าง ๆ ของเรา กำลังให้บริการที่สำคัญ ๆ ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ธรรมดา" ผู้อำนวยการและพลอากาศตรี Michael D. Weahkee แห่ง IHS กล่าว "เจลทำความสะอาดมือเป็นทรัพยากรสำคัญในการหยุดการแพร่ระบาดของ COVID-19 เรารู้สึกขอบคุณสำหรับการบริจาคครั้งนี้และสำหรับการบริจาคทั้งหมดที่เราได้รับจากแหล่งต่าง ๆ ทั้งหมด พวกเขาสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงในด้านความสามารถของเราในการให้บริการชุมชนของเราได้ดีขึ้น และช่วยให้ภารกิจของ IHS ในการยกระดับสุขภาพร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณของชาวพื้นเมืองอเมริกันอินเดียนและชาวอะแลสกาในช่วงการระบาดนี้ บรรลุได้ "

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ฉีกกฎเกณฑ์แบบเดิมได้ก่อตั้งบริษัทด้านความงามของเธอมานานกว่า 56 ปี โดยมีเป้าหมายสามประการ คือ มอบโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และการทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความฝันดังกล่าวได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนใน เกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการค้นคว้าวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัยเครื่องสำอางค์สี น้ำหอม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิงและครอบครัวด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงภายในครัวเรือน การทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และการส่งเสริมเด็ก ๆให้ทำตามความฝันของตน ดังนั้นวิสัยทัศน์อันดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ในคอนเซปท์ ก้าวไปด้วยกันทีละลิปสติกยังคงส่องสว่างนำทางต่อไป อ่านเพิ่มเติมได้ที่  MaryKay.com.

เกี่ยวกับ the Indian Health Service

IHS ซึ่งเป็นหน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุขและบริการด้านมนุษย์ของสหรัฐอเมริกา หรือ U.S. Department of Health and Human Servicesมีระบบการให้บริการด้านสุขภาพที่ครอบคลุมสำหรับชาวอเมริกันอินเดียนพื้นเมืองและชาวพื้นเมืองอะแลสกาประมาณ 2.6 ล้านคนซึ่งเป็นชนเผ่าที่รวมอยู่ในชนเผ่าได้รับการยอมรับจากรัฐบาลกลางจำนวน 574 เผ่า ในพื้นที่ 37 รัฐ สามารถติดตาม IHS ผ่านโซเชียลมีเดียบน Facebook, Twitter, และ LinkedIn

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200909005162/en/

ติดต่อ:

ฝ่ายสื่อสารองค์กร Mary Kay Inc.

marykay.com/newsroom

972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

Mary Kay Inc. และ Mary Kay FoundationSM ผนึกกำลังกับกองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี และ CARE USA ในโครงการระดับโลกเพื่อยุติความรุนแรงทางเพศ

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–31 สิงหาคม 2563

ด้วยความพยายามที่จะสนับสนุนงานด้านการช่วยชีวิตเพื่อป้องกันและยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง ซึ่งเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขซึ่งแพร่กระจายไปทั่วโลกและถูกซ้ำเติมด้วยการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) Mary Kay Inc. และ The Mary Kay FoundationSM จึงได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ CARE USA ผู้นำด้านมนุษยธรรมระดับโลก และกองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี (UN Trust Fund)

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200831005162/en/

Melinda Foster Sellers, Chief People Officer at Mary Kay (Photo: Mary Kay Inc.)

Melinda Foster Sellers ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลแห่ง Mary Kay (รูปภาพ: Mary Kay Inc.)

ผู้หญิงมากกว่าหนึ่งในสามทั่วโลกต่างต้องเผชิญกับความรุนแรงทั้งทางร่างกายและ/หรือทางเพศตลอดชีวิตของพวกเธอ1 สถิติที่น่าตกใจเหล่านี้ถูกซ้ำเติมให้รุนแรงยิ่งขึ้นในช่วงเวลาที่เกิดความขัดแย้ง ภัยธรรมชาติ และวิกฤตต่าง ๆ องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) ที่ดำเนินการภายใต้องค์การสหประชาชาติ ซึ่งมุ่งส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและเพิ่มพลังการมีส่วนร่วมของผู้หญิง และมีหน้าที่บริหารจัดการกองทุนสหประชาชาติ (UN Trust Fund) ภายใต้ระบบของสหประชาชาติ ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อให้เกิดความตื่นตัวและสร้างการตระหนักรู้ต่อการเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจของความรุนแรงต่อผู้หญิงระหว่างที่เกิดการระบาดของ COVID-19 รวมถึงผลที่จะตามมาอย่างถาวรซึ่งจะทำให้สิทธมนุษยชนของผู้หญิงตกอยู่ในความเสี่ยงขณะที่ชาติต่าง ๆ ง่วนอยู่กับการกอบกู้สถานการณ์ในประเทศ

“ตลอดหลายสิบปี Mary Kay มุ่งมั่นที่จะหยุดความรุนแรงที่เกิดต่อผู้หญิงและเด็กทั่วโลก ความมุ่งมั่นนี้คือส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเป็นเราในวันนี้” Melinda Foster Sellers ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลแห่ง Mary Kay Inc. กล่าว “วันนี้ เราได้ผนึกกำลังกับกองทุนสหประชาชาติและ CARE สองผู้จัดกิจกรรมเพื่อสิทธิของผู้หญิงรายสำคัญที่ได้สร้างความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ผ่านการลงพื้นที่สร้างผลลัพธ์ทางสังคม การเก็บข้อมูลเรื่องเพศ และงานสนับสนุนต่าง ๆ ที่ทำอย่างต่อเนื่อง ด้วยความร่วมมือนี้ เรามีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างยิ่งยวดที่จะทำให้โลกของเราปราศจากการใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง”

“นับตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา The Mary Kay FoundationSM มุ่งมั่นที่จะยุติปัญหาความรุนแรงในครัวเรือน” Anne Crews รองประธานด้านกิจการสาธารณะของ Mary Kay และคณะกรรมการ The Mary Kay FoundationSM กล่าว “ตลอดกว่า 20 ปีที่ผ่านมา สถานที่พักพิงกว่า 2,600 แห่งที่ทำงานเพื่อยุติปัญหาความรุนแรงทางเพศในครัวเรือนได้รับเงินสนับสนุนรวมเกือบ 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เราได้ช่วยเหลือเด็กผู้หญิงและสตรีกว่า 6 ล้านคนที่ต้องการที่พักอาศัยและความช่วยเหลือต่าง ๆ เพื่อให้รอดพ้นจากการกระทำทารุณ ความร่วมมือระดับโลกร่วมกับกองทุนสหประชาชาติและ CARE จะช่วยให้เราขยายขอบเขตในการต่อสู้เพื่อปกป้องเด็กผู้หญิงและสตรีให้ลึกและกว้างยิ่งขึ้น”

จากการทำงานอย่างต่อเนื่องของมูลนิธิองค์กรทั้ง 4 แห่ง ผนวกกับความร่วมมือระดับโลกครั้งล่าสุดนี้ Mary Kay ได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการชี้ให้เห็นถึงปัญหาและป้องกันการเกิดความรุนแรงต่อผู้หญิงทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 โครงการริเริ่มนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Mary Kay ต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนข้อที่ 5 (SDG 5) ว่าด้วยการบรรลุความเท่าเทียมทางเพศ พัฒนาบทบาทสตรีและเด็กผู้หญิง

  • ภายใต้ความร่วมมือกับกองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี Mary Kay จะมอบเงินทุนสนับสนุนโครงการต่าง ๆ เพื่อปกป้องสตรีและเด็กผู้หญิงในกว่า 70 ประเทศ

กองทุนสหประชาชาติ ในฐานะกลไกสนับสนุนเงินให้เปล่าตามอุปสงค์ที่เชี่ยวชาญด้านการยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก เป็นกลไกเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ในสถานะที่จะทำให้เป้าหมายนี้บรรลุผลผ่านการมอบเงินสนับสนุนให้กับโครงการริเริ่มที่เกี่ยวข้องกันเชิงบริบทและให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ กับผู้รับทุน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นองค์กรด้านสิทธิสตรีขนาดเล็กที่มีผู้หญิงเป็นผู้นำ นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 2539 โดยข้อมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่ 50/166 กองทุนสหประชาชาติได้มอบทุนสนับสนุนไปแล้ว 175 ล้านดอลลาร์ให้กับ 572 โครงการ ใน 140 ประเทศ

ผู้รับทุนจากกองทุนสหประชาชาติเป็นผู้ที่อยู่แนวหน้าในการรับมือกับการระบาดของการใช้ความรุนแรงต่อสตรีและเด็กผู้หญิงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องยาวนานมาจนขณะนี้

กว่าตลอด 4 ปีที่ผ่านมา กองทุนสหประชาชาติได้ให้ความช่วยเหลือที่เข้าถึงผู้คนกว่า 22 ล้านคนผ่านทางโครงการต่าง ๆ ที่มีเป้าหมายป้องกันและยุติปัญหาความรุนแรงต่อสตรีและเด็กผู้หญิง รวมถึงสนับสนุนการดำเนินงานด้านสิทธิสตรีที่สามารถเปลี่ยนชีวิตได้ และองค์กรที่นำโดยผู้หญิงซึ่งใช้กำลังความสามารถของตัวเองในการอยู่แถวหน้าเพื่อมอบความช่วยเหลือให้ผู้รอดชีวิต รวมถึงการใช้ข้อกฎหมายและนโยบายต่าง ๆ สตรีและเด็กกว่าหนึ่งล้านคนได้รับประโยชน์โดยตรงจากความช่วยเหลือเหล่านี้ รวมถึงกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างพลังและป้องกันพวกเขาจากความรุนแรง และยังมีอีกอย่างน้อย 107,428 ชีวิตที่รอดพ้นจากความรุนแรง เฉพาะในปี 2563 กองทุนสหประชาชาติได้สนับสนุนโครงการต่าง ๆ ไป 137 โครงการ และมอบทุนให้กับผู้รับทุนรายใหม่ 79 ราย มูลค่า 35 ล้านดอลลาร์

“ความรุนแรงต่อผู้หญิงเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นมากที่สุดในวงกว้างทั่วโลกและไม่มีที่สิ้นสุด” Aldijana Sisic ผู้อำนวยการกองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี กล่าว “สิ่งนี้เป็นการแสดงถึงการเลือกปฏิบัติที่มีความร้ายแรงมากที่สุด เป็นโรคระบาดที่เกิดขึ้นมานานและยังไม่หายไป ซ้ำยังมีวิกฤต COVID-19 เข้ามาเพิ่มความรุนแรงของสถานการณ์ให้มากขึ้นตอนนี้ มาตรการล็อคดาวน์เพื่อชะลอการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนาผนวกกับระบบสาธารณสุขที่ต้องแบกรับภาระเกินความสามารถและระบบการบังคับใช้กฎหมายทิ้งให้สตรีและเด็กผู้หญิงที่เป็นผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงต้องตกอยู่ท่ามกลางอันตราย ในบริบทนี้ องค์กรเพื่อผู้หญิงทั่วโลกเข้ามามีบทบาทที่สำคัญในฐานะบุคคลกลุ่มแรก ๆ ที่ขานรับเหล่าผู้รอดชีวิต ขณะนี้ ถึงเวลาที่จะต้องผนึกกำลังกัน ก้าวออกมาและช่วยเหลือพวกเขาเพื่อไม่ให้มีผู้หญิงทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต้องถูกทิ้งไว้ลำพังหลังกำแพงที่พวกเขาไม่สามารถส่งเสียงขอความช่วยเหลือได้ เราขอขอบคุณพันธมิตรของเราที่ Mary Kay ที่ได้ทำให้เห็นเป็นตัวอย่างด้วยการสนับสนุนการทำงานชิ้นนี้ และเดินบนเส้นทางนี้ร่วมไปกับเรา”

  • Mary Kay จะให้การสนับสนุนโครงการ CARE ในการต่อสู้กับความรุนแรงทางเพศ ที่จะเปลี่ยนชีวิตของสตรีและเด็กผู้หญิงในกว่า 100 ประเทศ

ผู้หญิงทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบจากความยากจนและความรุนแรงทางเพศในระดับที่มากน้อยต่างกันไป โดยในบรรดาผู้ที่ได้รับผลกระทบ มีผู้หญิงจำนวน 1.4 พันล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนส่วนใหญ่ ที่มีชีวิตอยู่อย่างแร้นแค้น ด้วยเหตุผลนี้ CARE จึงได้กำหนดพันธกิจเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับเรื่องเพศขึ้นมา และให้การสนับสนุนอย่างไม่ลดละเพื่อให้ผู้หญิงมีสิทธิมีเสียงและมีความเป็นผู้นำ

การรับมือสภาวะฉุกเฉินต่อวิกฤต COVID-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลกของ CARE ได้ขยายออกไปอย่างรวดเร็วสู่ 67 ประเทศที่เข้าสู่ภาวะฉุกเฉินด้านมนุษยธรรมอันมีสาเหตุจากโรคระบาด และเข้าถึงผู้คนโดยตรงราว 16 ล้านคนผ่านโครงการต่าง ๆ รวมถึงจัดการอบรมและให้บริการข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับความช่วยเหลือเพื่อหยุดการใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงแก่ผู้คนกว่า 1 ล้านคน ด้วยตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องทำให้เรื่องผลกระทบจากวิกฤต COVID-19 ต่อเรื่องเพศได้รับความสนใจ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา CARE ได้เริ่มใช้การวิเคราะห์ข้อมูลด้านเพศทั่วโลกแบบรวดเร็วเกี่ยวกับ COVID-19 (RGA) หลังจากปรึกษากับคณะกรรมการช่วยเหลือและกู้ภัยนานาชาติ (IRC) การสนับสนุนของ Mary Kay มีความแตกต่างออกไปด้วยมีข้อมูลและผลการศึกษาจากการวิเคราะห์ข้อมูลด้านเพศทั่วโลกแบบรวดเร็วเกี่ยวกับ COVID-19 ใน 50 ณ ขณะนี้ การวิเคราะห์ข้อมูลด้านเพศแบบรวดเร็วของ CARE แสดงให้เห็นว่าการระบาดของโรคทำให้ปัญหาแย่ลงโดยเฉพาะในทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกาและในยุโรป รวมถึงยังรายงานว่ามีผู้หญิงหลายหมื่นคนที่กำลังเผชิญกับการทำร้ายร่างกายหรือการคุกคามทางเพศในช่วงล็อคดาวน์และไม่สามารถออกจากที่พักอาศัยได้

Mary Kay Inc. และ The Mary Kay FoundationSM ยังได้มอบเงินมูลค่า 100,000 ดอลลาร์ให้กับ Together For Her’s ซึ่งเป็นความพยายามในระดับนานาชาติในการบรรเทาความรุนแรงด้านเพศภายใต้ CARE เงินทุนดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ในโครงการต่าง ๆ ทั่วโลกที่ให้ความช่วยเหลือเหยื่อและผู้รอดชีวิตจากความรุนแรง จัดหาอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลหรือ PPE ให้กับเจ้าหน้าที่ที่คอยติดตามไปกับผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงไปยังศาล รวมถึงจัดหาอาหาร อุปกรณ์ดูแลความสะอาดและสุขอนามัยให้กับเหยื่อที่เป็นผู้หญิงซึ่งเข้ารับบริการด้านจิตใจ การแพทย์ และที่พักพิงชั่วคราว

"การสร้างความเท่าเทียมสำหรับผู้หญิงให้เกิดขึ้นและกำจัดความรุนแรงทางเพศ (GBV) สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ในหลายทิศทาง" Michelle Nunn ประธานและซีอีโอของ CARE กล่าว "ในชุมชนที่ถูกมองข้ามมากที่สุดในโลก เด็กผู้หญิงและสตรีต่างต้องเผชิญกับความอยุติธรรม เฉพาะวิกฤต COVID-19 เพียงอย่างเดียวอาจเป็นสาเหตุให้เหตุการณ์ความรุนแรงทางเพศเพิ่มขึ้น 31 ครั้งในช่วงหกเดือนของการล็อคดาวน์ที่เกิดจากไวรัส เราตระหนักว่าสามารถป้องกันไม่ให้ความเป็นไปได้นี้เกิดขึ้นได้ และเราต้องจัดการกับการคุมคามที่น่าสยดสยองนี้ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น การลงทุนในการเคลื่อนไหวระดับรากหญ้าของผู้หญิงในท้องถิ่นเป็นหนึ่งในสิ่งดี ๆ ที่ทรงพลังที่เราสามารถทำได้เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคม"

คุณรู้หรือไม่?

  • ในปี 2560 ผู้หญิงราว 87,000 คนทั่วโลกถูกทำให้เสียชีวิตอย่างจงใจ และกว่าครึ่ง (58 เปอร์เซ็นต์) ถูกฆ่าโดยคู่รักหรือสมาชิกในครอบครัว
  • ดังนั้น ในทุก ๆ วัน มีผู้หญิง 137 คนทั่วโลกที่ถูกฆ่าโดยสมาชิกในครอบครัว
  • ปัจจุบัน มีผู้หญิงและเด็กผู้หญิงราว 650 ล้านคนทั่วโลกที่แต่งงานก่อนอายุ 18 ปี เยาวชนหญิงราว 15 ล้านคน (อายุระหว่าง 15 ถึง 19 ปี) ทั่วโลกเคยถูกบังคับให้ร่วมเพศ (การขืนใจให้ร่วมเพศหรือการล่วงละเมิดทางเพศรูปแบบอื่น) ในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิตของพวกเขา

แหล่งที่มา: กองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี รายงานประจำปี 2562

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเมื่อ 56 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนใน 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอมมากมาย และยังทุ่มเทกับการช่วยให้ผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขามีพลังด้วยการร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกให้ความสำคัญและสนับสนุนกับการวิจัยด้านมะเร็ง ปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกายและพาเธอสู่ความสำเร็จไปทีละขั้น เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ MaryKay.com

เกี่ยวกับ The Mary Kay FoundationSM

เพื่อสานต่อความฝันของ Mary Kay Ash ในการส่งเสริมชีวิตของผู้หญิงทั่วโลก มูลนิธิ Mary Kay หรือ The Mary Kay FoundationSM ได้ระดมทุนและทำการแจกจ่ายเพื่อลงทุนในการวิจัยโรคมะเร็งเพื่อค้นหาวิธีรักษาโรคมะเร็งที่มักเกิดกับผู้หญิง และเพื่อยุติผลกระทบความรุนแรงต่อผู้หญิงภายในประเทศ ตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา The Mary Kay FoundationSM ได้มอบเงินกว่า 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แก่องค์กรต่าง ๆ ที่ทำงานสอดคล้องกับพันธกิจของมูลนิธิโดยให้ความสำคัญอย่างเท่ากัน นอกเหนือจากนั้น มูลนิธิยังสนับสนุนโครงการสร้างการรับรู้ โครงการเข้าถึงชุมชน และการสนับสนุนช่วยเหลือการร่างกฏหมายเพื่อให้ผู้หญิงมีสุขภาพดีและปลอดภัย พร้อมกันนั้นก็สร้างโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นสำหรับผู้หญิง ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้ความรู้ การสนับสนุน อาสาสมัคร และการบริจาค รวมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมช่วยเหลือชีวิตเพื่อสร้างแรงผลักดันแก่ผู้หญิง กรุณาเยี่ยมชม marykayfoundation.org ค้นหาเราได้ทาง Facebook และ Instagram หรือติดตามเราที่ Twitter

เกี่ยวกับกองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี

กองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี (UN Trust Fund) อยู่ภายใต้องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) ซึ่งเป็นตัวแทนของระบบโดยสหประชาชาติ เป็นกลไกสนับสนุนเงินให้เปล่าระดับโลกเพียงกลไกเดียวที่มุ่งยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็กผู้หญิงทุกรูปแบบ ภายในเวลา 24 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้ง กองทุนได้ให้การสนับสนุนองค์กรต่าง ๆ ไปแล้วกว่า 572 แห่ง ลงทุนในการหาทางออกที่นำโดยประชาสังคมโดยยึดหลักฐานและมีความทันสมัยและถึงโครงการเปลี่ยนชีวิตอีกหลายโครงการ โครงการที่ได้รับเงินสนับสนุนมุ่งเน้นการป้องกันความรุนแรง การนำกฎหมายและนโยบายต่าง ๆ มาใช้เพื่อรับมือกับปัญหาและลดความรุนแรงต่อสตรีและเด็กผู้หญิง รวมถึงยกระดับการเข้าถึงความช่วยเหลือที่จำเป็นสำหรับผู้รอดชีวิต เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ untf.unwomen.org และติดตามเราได้ทาง FacebookInstagram และ Twitter

เกี่ยวกับ CARE

CARE ก่อตั้งขึ้นในปี 2488 พร้อมกับการถือกำเนิดขึ้นของ CARE Package® เป็นองค์กรด้านมนุษยชนชั้นนำที่ต่อสู้กับความยากจนทั่วโลก สะสมประสบการณ์มากว่าเจ็ดทศวรรษในการส่งมอบความช่วยเหลือฉุกเฉินในช่วงวิกฤต การตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉินของเรามุ่งเน้นไปที่ความต้องการของประชากรกลุ่มที่มีความเปราะบางที่สุดโดยเฉพาะสตรีและเด็กผู้หญิง ปีที่ผ่านมา CARE เข้าไปทำงานใน 100 ประเทศและเข้าถึงผู้คนเกือบ 70 ล้านคนทั่วโลก เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเราที่ www.care.org

เกี่ยวกับ Together for Her

Together for Her เป็นการเรียกร้องให้มีดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่แสดงว่าเป็นการยืนหยัดเคียงข้างสตรีและเด็กผู้หญิงทั่วโลกด้วยการมอบเงินทุนและความช่วยเหลือเพื่อตอบโต้ความรุนแรงภายในครัวเรือนระหว่างช่วงการระบาดของ COVID-19 โครงการ Charlize Theron Africa Outreach Project (CTAOP), CARE และ Entertainment Industry Foundation (EIF) ได้เข้าร่วมกันเพื่อกำจัดปัญหาการขาดแคลนทรัพยากร Charlize และ CTAOP ได้มอบของขวัญ และ Charlize ได้ออกมาเรียงร้องให้ผู้หญิงทั่วโลกรวมพลังกันและช่วยสาดแสงไปยังความพยายามครั้งสำคัญนี้ เสียงของพวกเราที่ร่วมกันเปล่งออกมาคือสิ่งที่แสดงถึงจุดยืนที่เป็นหนึ่งเดียว เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเราแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเป็นหนึ่งเดียวกัน เราจะรวมพลังกันเพื่อสนับสนุน Together for Her


1 รายงานองค์การอนามัยโลก. 2013

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200831005162/en/

ติดต่อ:
ฝ่ายสื่อสารองค์กร Mary Kay Inc.
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com




ความปกติใหม่ได้นำมาสู่ยุคใหม่ แต่เรายังสามารถเดินทางต่อไปได้: คือข้อความที่แข็งแกร่งในงานประชุมวิชาการออนไลน์ครบรอบ 53 ปีอาเซียนที่จัดโดย AJC

Logo

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–21 ส.ค. 2563

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2563 ศูนย์อาเซียนญี่ปุ่น (AJC) ร่วมกับคณะกรรมการอาเซียนในโตเกียว (ACT) ซึ่งประกอบด้วยเอกอัครราชทูตอาเซียนไปยังประเทศญี่ปุ่น ได้จัดงานประชุมวิชาการออนไลน์ครบรอบ 53 ปีอาเซียนภายใต้แนวคิด “หลังจาก Covid-19 ก้าวสู่ความปกติใหม่” ซึ่งมีผู้เข้าร่วมจากทั้งญี่ปุ่นและประเทศสมาชิกอาเซียน

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200821005186/en/

H.E. Dato Lim Jock Hoi, Secretary-General of ASEAN, delivered his keynote address (Photo: Business Wire)

H.E. Dato Lim Jock Hoi เลขาธิการอาเซียนกล่าวปาฐกถาพิเศษ (ภาพ: Business Wire)

H.E. Mr. Myint Thu เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ประจำญี่ปุ่นและประธาน ACT ได้เปิดการประชุมสัมมนา โดยทางเอกอัครราชทูต Myint Thu เรียกร้องให้อาเซียนและญี่ปุ่นจัดการกับความท้าทายใหม่ร่วมกันอย่างมีประสิทธิผลและดำเนินมาตรการรับมือกับผลกระทบของการระบาดทั่วโลก

หลังจากกล่าวเปิดงาน H.E. Dato Lim Jock Hoi เลขาธิการอาเซียนได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ  Dato Lim ให้ความมั่นใจในความมุ่งมั่นของอาเซียนในการต่อสู้กับโรคระบาดผ่านการดำเนินการที่เด็ดขาดและรอบคอบ  ตัวอย่างที่ยกมา ได้แก่ การจัดตั้ง “กองทุนอาเซียนเพื่อตอบสนองต่อ COVID-19” และ “คลังเครื่องมือทางการแพทย์ประจำภูมิภาคอาเซียน”; และการใช้ “แผนปฏิบัติการฮานอยเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจของอาเซียนและการเชื่อมต่อห่วงโซ่อุปทานเพื่อตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19”

Dato Lim ยังยอมรับว่าโลกหลังการแพร่ระบาดจะนำเสนอการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานในรูปแบบของกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้กับอาเซียน โดยอาจสามารถรับมือกับปัญหานี้ด้าน 5 มาตรการ: มาตรการแรก การตระหนักถึงความสำคัญของประเด็นต่างๆ มาตรการที่สอง แนวโน้มต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล มาตรการที่สาม การมุ่งเน้นไปที่การค้าและการลงทุนภายในอาเซียน  มาตรการสี่ การมุ่งเน้นไปที่ความสามารถในการแข่งขันในฐานะจุดหมายปลายทางการลงทุนและศูนย์กลางการค้าและการผลิต  และสุดท้ายคือการเสริมสร้างการใช้ประโยชน์จาก FTA ของอาเซียน

ในระหว่างการอภิปรายในช่วงหลังของการประชุมสัมมนาที่มีเครือข่ายการผลิตระหว่างประเทศ (IPN) เป็นประเด็นหลัก Dr. Fukunari Kimura ศาสตราจารย์คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเคโอและหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สถาบันวิจัยเศรษฐกิจอาเซียนและเอเชียตะวันออก (ERIA) ได้แบ่งปันมุมมองของเขาว่าเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิกกำลังประสบกับการขาดอุปสงค์และอุปทานฉับพลัน ซึ่งจะตามมาด้วยอุปสงค์อย่างมากอีกครั้งด้วยเครือข่ายการผลิตที่ถูกปรับเปลี่ยนใหม่  ศาสตราจารย์ Kimura ยังได้นำเสนอกรอบนโยบายเบื้องต้นสำหรับประเทศสมาชิกอาเซียนในการก้าวเข้าสู่มาตรฐานใหม่โดยแบ่งออกเป็น (i) การตอบสนองฉุกเฉิน (ii) นโยบายการถอนตัวและ (iii) นโยบายสำหรับภาวะปกติใหม่

Dr. Seiya Sukegawa ศาสตราจารย์คณะรัฐศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยโคคุชิคังประเทศญี่ปุ่นได้ตอบสนองโดยเน้นย้ำถึงการสร้างเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานขึ้นมาใหม่ผ่านห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่นและการจัดการเฉพาะกรณีแทนที่จะเป็นอุปทานที่แสวงหาประสิทธิภาพและการจัดการแบบทันเวลา  Dr. Maria Socorro G. Bautista ศาสตราจารย์คณะเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์กล่าวว่าอาเซียนในฐานะผู้สนับสนุนการค้าเสรีควรกำหนดแนวทางในการเพิ่มอุปสงค์โดยรวมและดึงดูดการลงทุนเข้าสู่ภูมิภาคเนื่องจากดูเหมือนจะมีผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่พึงประสงค์แม้จะมีส่วนร่วมใน IPN  ทั้ง Kimura และ Bautista ไม่คิดว่าจะมีการปรับขนาดใหญ่

ในการกล่าวสรุปคุณ Masataka Fujita เลขาธิการ AJC ได้สะท้อนความรู้สึกของเอกอัครราชทูต Myint Thu ว่าถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับอาเซียนและญี่ปุ่นในการมองว่าการแพร่ระบาดครั้งนี้เป็นปัญหาร่วมกันและควรดำเนินกลยุทธ์ที่สร้างสรรค์และยืดหยุ่นร่วมกัน

AJC เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นโดยประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่นในปี 2524 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ตลอดจนการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่น  AJC จัดงาน ASEAN Anniversary Symposium ตั้งแต่ปี 2560 เพื่อรำลึกถึงการก่อตั้งอาเซียนโดยนำผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของอาเซียนและภาครัฐและเอกชนของญี่ปุ่นมารวมตัวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นปัจจุบันในอาเซียน

เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของศูนย์อาเซียน – ญี่ปุ่น: https://www.asean.or.jp/en/

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200821005186/en/

ติดต่อ:

Office of Secretary General, PR (ฝ่ายประชาสัมพันธ์สำนักงานเลขาธิการ)
Tomoko Miyauchi
ASEAN-Japan Center
โทร: +81-3-5402-8118
E-mail: toiawase_ga@asean.or.jp