Category Archives: Lifestyle

ป๊อกกี้ ได้รับการรับรองโดย GUINNESS WORLD RECORDS™ ในฐานะแบรนด์ขนมปังเคลือบช็อกโกแลตที่ขายดีที่สุดในโลก (*) เริ่ม 11 ตุลาคม นี้

Logo

เตรียมสร้างรอยยิ้มทั่วโลกระหว่างการจัดกิจกรรม “วันป๊อกกี้” ประจำปีครั้งที่ 5 เริ่ม 11 ตุลาคม นี้

โอซาก้า, ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–15 ตุลาคม 2563

ป๊อกกี้ (Pocky) ได้รับการรับรองจาก กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด (GUINNESS WORLD RECORDS) ว่าเป็นแบรนด์ขนมปังอบกรอบเคลือบช็อกโกแลตที่ขายดีที่สุดของโลก*

Special Packages with the GUINNESS WORLD RECORDS record holder logo from Around the Globe (Graphic: Business Wire)

แพ็คเกจพิเศษจากทั่วโลกที่มีโลโก้ของ GUINNESS WORLD RECORDS อยู่ด้วย (กราฟิก: Business Wire)

Pocky ซึ่งกลายเป็นที่โปรดปรานของลูกค้าจำนวนนับไม่ถ้วนตั้งแต่ออกสู่ตลาดครั้งแรกในปี 2509 เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่วางขายยาวนานที่สุดของ เอซากิ กูลิโกะ (Glico) นับตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา กูลิโกะ ได้เสริมแกร่งความพยายามด้านการบริหารจัดการตราสินค้าของแบรนด์ป๊อกกี้ทั่วโลก โดยใช้กลยุทธ์การตลาดที่มีความเข้าใจผู้บริโภคในแต่ละตลาดทั่วโลกมากขึ้น และปรับปรุงโฆษณาให้มีความถูกต้องเหมาะสม

และที่พิเศษ กูลิโกะ ได้เตรียมเฉลิมฉลองวันป๊อกกี้ (Pocky Day) ในวันที่ 11 พฤศจิกายน นี้ โดยกิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดแคมเปญประจำปีภายใต้สโลแกน “Share happiness!” ซึ่งเป็นสารที่ ป๊อกกี้ ใช้ขับเคลื่อนกิจกรรมของแบรนด์ให้เกิดขึ้นทั่วโลก และปีนี้ซึ่งครบรอบ 5 ปีของการจัดแคมเปญวันป๊อกกี้ทั่วโลก กูลิโกะ จะเปิดตัวแคมเปญระดับโลกที่มีชื่อว่า “Say Pocky! Cheer Street View” โดยมีเป้าหมายเพื่อนำรอยยิ้มกลับคืนสู่เมืองและหมู่บ้านต่าง ๆ ที่สูญเสียกำลังกายและใจไปเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) กิจกรรมนี้จะเริ่มต้นขึ้นวันที่ 11 ตุลาคม พร้อมกันใน 11 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย นอกจากนี้ กูลิโกะ จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ป๊อกกี้ ในแพ็คเกจที่มีการออกแบบพิเศษ โดยมีโลโก้ของ กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด อยู่ด้วย

ขณะที่มีการรณรงค์ให้ผู้คนทั่วโลกหลีกเลี่ยงการรวมตัวกันเพื่อรักษาระยะห่างทางสังคมในช่วงที่มีการระบาดของ COVID-19 กูลิโกะ ต้องการสร้างโอกาสให้ผู้คนมีความรู้สึกใกล้ชิดกับบุคคลอันเป็นที่รักผ่านการมองที่รอยยิ้มของกันและกัน ซึ่งจะเป็นการย่นระยะห่างทางอารมณ์ของพวกเขาให้แคบลงในช่วงที่ต้องมีการรักษาระยะห่างทางกายภาพ ผ่านแคมเปญที่ชื่อว่า “Say Pocky! Cheer Street View”

(*) แบรนด์ขนมปังอบกรอบเคลือบช็อกโกแลตที่ใหญ่ที่สุด – จากราคาขายปลีกปัจจุบัน (ยอดขายโดยประมาณอยู่ที่ 589,900,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2562 อ้างอิงจากข้อมูลวิจัยตลาดต่างประเทศ)
(*) ขนมปังอบกรอบเคลือบครีมรวมอยู่ในการจำแนกข้อมูลตามการวิจัยตลาดต่างประเทศ

– รายละเอียดการรับรอง ป๊อกกี้ โดย กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด
ชื่อ: แบรนด์ขนมปังอบกรอบเคลือบช็อกโกแลตที่ใหญ่ที่สุด — จากราคาขายปลีกปัจจุบัน
ปีที่ได้รับการบันทึก: 2562
ยอดขายทั่วโลก: 589.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (อ้างอิงข้อมูลจากการวิจัยตลาดต่างประเทศ)
วันที่ได้รับการรับรอง: 22 มิถุนายน 2563
หน่วยงานผู้รับรอง: กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด

– “Share happiness!” ข้อความที่แบรนด์ ป๊อกกี้ ใช้สื่อสารทั่วโลก
กูลิโกะ ใช้ข้อความ “Share happiness!” เพื่อสื่อสารผลิตภัณฑ์แบรนด์ ป๊อกกี้ ทั่วโลก ภายใต้ข้อความดังกล่าว ผู้ผลิตขนมหวานรายนี้มีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มการรับรู้ของชื่อ ป๊อกกี้ ในตลาดหลายแห่งทั่วโลก และได้จัดแคมเปญทางการตลาดที่หลากหลายเพื่อให้การสื่อสารระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์มีความลึกซึ้งมากขึ้น นอกจากนี้ กูลิโกะ ยังได้จัดแคมเปญ “Pocky day” ซึ่งจัดเป็นแคมเปญหลักของแบรนด์ที่จัดขึ้นทั่วโลกทุกปีนับตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้แบ่งปันความสุขกับคนที่รัก

สำหรับปีนี้ เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ผู้คนทั่วโลกต้องรักษาระยะห่างระหว่างกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีข้อบังคับต่าง ๆ เกี่ยวกับการออกนอกเคหะสถานและการเดินทาง ซึ่งทำให้เมืองหลายเมืองและพื้นที่ใช้สอยต่าง ๆ ร้างผู้คน

ขณะที่คนในสังคมได้มาร่วมกันทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อก้าวข้ามวิกฤตครั้งนี้ ที่ ป๊อกกี้ เราเชื่อว่าข้อความ “Share happiness!” ที่เราใช้สื่อสารมายาวนาน และ “รอยยิ้ม” ซึ่งเป็นคุณค่าทางประสบการณ์ ควรได้รับการส่งต่อให้กับผู้คนมากกว่าครั้งไหน ๆ มีข้อความหนึ่งกล่าวว่า “หากคุณยิ้ม คุณจะได้ความสุขกลับมาในชีวิตทุก ๆ วัน”

– แคมเปญวันป๊อกกี้ปีนี้จะจัดขึ้นภายใต้ชื่อ “Say Pocky! Cheer Street View”
กิจกรรมส่วนหนึ่งที่จะจัดในวันป๊อกกี้ปีนี้ ซึ่งจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 5 กูลิโกะ จะเริ่มฉลองวันป๊อกกี้ในที่ต่าง ๆ พร้อมกันภายใต้ชื่อ “Say Pocky! Cheer Street View” โดยตั้งเป้านำรอยยิ้มกลับคืนสู่เมืองและหมู่บ้านต่าง ๆ ที่ต้องสูญเสียกำลังใจไปเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 กิจกรรมนี้จะเริ่มต้นขึ้นวันที่ 11 ตุลาคม พร้อมกันใน 11 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย

โรคระบาดที่เกิดขึ้นในตอนนี้อาจทำให้รอยยิ้มถูกลบเลือนจากใบหน้าของผู้คนในหมู่บ้านและเมืองต่าง ๆ แต่เราได้เตรียมจัดแคมเปญที่จะนำรอยยิ้มกลับคืนมาด้วยการเชิญชวนให้ผู้คนถ่ายภาพพร้อมกล่าวคำมหัศจรรย์ที่ว่า “Pocky!” และอัปโหลดภาพบน Google Street View ผ่านทางเว็บไซต์แคมเปญของเรา เราหวังว่าการแต่งแต้มรอยยิ้มบนแผนที่ออนไลน์ครั้งนี้ จะเป็นการให้กำลังใจและปลอบประโลมกันและกันจนกว่าจะถึงวันที่เราจะได้พบเจอบุคคลอันเป็นที่รักอีกครั้ง

นอกจากนี้เราจะจัดกิจกรรม “Smile Relay” ซึ่งต้องการให้เพื่อนฝูงและครอบครัวได้ส่งต่อโพสต์ของพวกเขาเป็นทอด ๆ นอกเหนือจากการโพสต์ภาพรอยยิ้มของพวกเขาเดี่ยว ๆ ทีมที่สามารถส่งต่อภาพรอยยิ้มได้นานที่สุดในสถานที่หนึ่ง ๆ จะได้รับเลือกไปแสดงบนป้ายโฆษณาของกูลิโกะแห่งย่านโดตมโบริ และบนเว็บไซต์ของแคมเปญในวันที่ 11 พฤศจิกายนด้วย

แคมเปญ “Say Pocky! Cheer Street View” ตั้งเป้าที่จะมอบรอยยิ้มและความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับทุกคนที่เผชิญกับความอ่อนล้าและความเครียดอันเกิดจากความกังวลที่เกิดขึ้นในแต่ละวันในช่วงเวลาที่ไม่สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้ตามใจ ณ ขณะนี้

ชื่อ: Say Pocky! Cheer Street View
ระยะเวลา: 11 ตุลาคม ถึง 30 พฤศจิกายน 2563
พื้นที่: ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย
เว็บไซต์: https://pocky-day2020.glico.com/

– ถ่ายภาพของคุณพร้อมพูดคำมหัศจรรย์ “Pocky!” แล้วอัปโหลดบน Google Street View!
เมื่อถ่ายภาพพร้อมพูดประโยคฮิตติดปาก “Pocky!” คุณจะได้ภาพที่มีรอยยิ้มสดใส คุณสามารถแต่งแต้มเมืองด้วยรอยยิ้มโดยการโพสต์ภาพของคุณพร้อมรอยยิ้มในแบบ Pocky! บน Google Street View ที่เว็บไซต์แคมเปญของเรา และแชร์ภาพเหล่านั้นกับคนที่คุณรัก

ขั้นตอนร่วมกิจกรรม:
1. ถ่ายภาพยิ้มของคุณขณะพูดคำว่า “Pocky” และอัปโหลดบนเว็บไซต์ของแคมเปญ
2. ปัก “หมุดรอยยิ้ม” ลงบนจุดที่คุณต้องการโดยเลือกจากพื้นที่ต่าง ๆ 59 จุดที่กำหนดไว้บนแผนที่ Google Street View หรือ Google Maps
3. ดาวน์โหลด “หมุดรอยยิ้ม” และแชร์ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์
4. ชวนคนในครอบครัวและเพื่อนฝูงของคุณมาส่งต่อรอยยิ้มกับกิจกรรม "Smile Relay"

– ส่งต่อรอยยิ้มผ่านกิจกรรม “Smile Relay!” การมีส่วนร่วมของเพื่อนและคนรู้จักจะช่วยส่งต่อรอยยิ้มให้กระจายออกไป
ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรม “Smile Relay” ซึ่งให้ผู้คนร่วมสนุกกับเพื่อนฝูงและคนรู้จัก สามารถแชร์หมุดรอยยิ้มสีเดียวกันกับเพื่อน ๆ และคนรู้จักได้ โดยสัญลักษณ์แบบเดียวกันจะแสดงบนภาพของเพื่อน ๆ และคนรู้จักที่เข้าร่วมกิจกรรม Smile Relay ด้วยกัน ผู้ร่วมกิจกรรมสามารถส่งต่อภาพรอยยิ้มเป็นทอด ๆ ด้วยการแชร์กับเพื่อน ๆ ผ่านลิงก์ที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ ซึ่งผู้ร่วมกิจกรรมจะได้รับหลังจากอัปโหลดภาพลงบนแผนที่และมีเพื่อนเข้าร่วมในแคมเปญเพื่อส่งต่อลิงก์ให้กับคนอื่น ๆ ต่อไป

จากประเทศที่ร่วมกิจกรรมทั้งหมด 11 ประเทศ สำหรับทีมผู้ร่วมกิจกรรมจากสิงคโปร์ ไทย ไต้หวัน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียที่สามารถส่งต่อรอยยิ้มตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม ถึง 10 พฤศจิกายน ได้มากที่สุด รอยยิ้มที่พวกเขาส่งต่อถึงกันจะถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งของสไลด์โชว์บนป้ายโฆษณากูลิโกะที่ย่านโดตมโบริ พร้อมกับแสดงบนเว็บไซต์ของแคมเปญตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน เป็นต้นไป

– สองกิจกรรมออนไลน์จะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาแคมเปญ
กูลิโกะ จะจัดกิจกรรมออนไลน์สองช่วงระหว่างการจัดแคมเปญ ครั้งแรกวันที่ 11 ตุลาคม และอีกครั้งในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 (วันป๊อกกี้) บริษัทจะทำให้กิจการส่งต่อรอยยิ้มทั่วโลกคึกคักยิ่งขึ้นด้วยการเชิญอินฟลูเอนเซอร์ให้มาร่วมเปิดงานด้วย

เกี่ยวกับป๊อกกี้
ป๊อกกี้ เป็นขนมเคลือบช็อกโกแลตที่ได้รับความนิยมและเป็นที่โปรดปรานของผู้คนทั่วโลกนับตั้งแต่ออกวางจำหน่ายเป็นครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2509 โดยทำจากขนมปังอบกรอบชนิดหนึ่งและเคลือบด้วยครีมช็อกโกแลต กูลิโกะ มุ่งมั่นที่จะปรับปรุงกรอบบริหารจัดการตราสินค้าทั่วโลกนับตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา และได้รับการรับรองโดย GUINNESS WORLD RECORDS™ ว่ามียอดขายสูงสุดของโลก* ในปี 2563 (ชื่อ: แบรนด์ขนมปังอบกรอบเคลือบช็อกโกแลตที่ใหญ่ที่สุด – จากราคาค้าปลีกปัจจุบัน/มียอดขาวราว 589,900,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2562 อ้างอิงจากข้อมูลวิจัยตลาดต่างประเทศ)

เกี่ยวกับวันป๊อกกี้
เอซากิ กูลิโกะ ได้กำหนดให้วันที่ 11 พฤศจิกายน ของทุกปีเป็นวันป๊อกกี้ หรือ Pocky Day ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะส่งต่อความสุขด้วยการแบ่งปันป๊อกกี้ของผู้คนทั่วโลก วันที่ 11 พฤศจิกายน ถูกเลือกให้เป็นวันป๊อกกี้เนื่องจากขนมป๊อกกี้มีลักษณะเป็นแท่งคล้ายกับเลข “1” (ในญี่ปุ่น วันที่ 11 พฤศจิกายน ได้รับการรับรองโดย Japan Anniversary Association ให้เป็น "วันป๊อกกี้และขนมอบกรอบ หรือ Pocky & Pretz Day")

ในวันป๊อกกี้ บริษัทหวังว่าผู้คนทั่วโลกจะได้นึกถึงบุคคลอันเป็นที่รัก รู้สึกขอบคุณกันและกัน และทำสิ่งที่จะสร้างร้อยยิ้มให้เกิดขึ้นบนใบหน้าของคนที่พวกเขารักกันมากขึ้น

– “‘Pocky’ คือคำมหัศจรรย์ที่จะสร้าง ‘รอยยิ้มพิมพ์ใจ’”
อันที่จริงแล้ว การสร้างรอยยิ้มที่จะนำมาซึ่งความประทับใจและคงอยู่ในความทรงจำตลอดไป คุณจำเป็นต้องวอร์มกล้ามเนื้อก่อน การยืดกล้ามเนื้อเลียนแบบ “การนอนหลับ” (การแสดงออกทางสีหน้า) ก่อนยิ้มจะช่วยให้คุณสร้างรอยยิ้มที่เรียกว่า Duchenne Smile หรือที่เรียกกันว่า รอยยิ้มที่จริงใจ (*1) ได้อย่างง่ายดาย

(*1) การยิ้มเช่นนี้ถูกเรียกโดยทั่วไปว่า Duchenne (ตั้งชื่อตาม Duchenne de Boulogne นักประสาทวิทยาชาวฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 19) ซึ่งรอยยิ้มเช่นนี้จะแสดงถึงการแสดงออกทางสีหน้าอย่างเต็มใจ โดยดวงตาจะยิ้มไปด้วย และกล้ามเนื้อรอบปากและดวงตาจะขยับไปพร้อมกัน

เมื่อคุณพูดคำว่า “Pocky” จังหวะที่พูดคำว่า “Po” ตาของคุณจะเบิกกว้างและกล้ามเนื้อแก้มจะยืดออกซึ่งเป็นการแสดงความประหลาดใจผ่านทางสีหน้า จากนั้นเมื่อพูดว่า “cky” คุณจะสามารถแสดงออกทางสีหน้าคล้ายกับการยิ้มได้อย่างง่ายดาย ระหว่างการวอร์ม กล้ามเนื้อแก้มจะยกมุมปากขึ้นและช่วยให้คุณสร้างรอยยิ้มพิมพ์ใจ คุณอาจกล่าวได้ว่าการออกเสียงคำว่า “Pocky” อาจเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่สามารถนำไปใช้ได้ทันทีเมื่อต้องการถ่ายภาพรอยยิ้มของคุณ

เกี่ยวกับนักศึกษา 200 คนที่ร่วมทำการทดลอง
เพื่อเป็นการทดสอบว่ารอยยิ้มที่เกิดจากการพูดคำว่า “Pocky” ขณะถ่ายภาพสามารถสร้าง “รอยยิ้มพิมพ์ใจ” ได้ เราได้ทำการทดลองโดยได้รับความช่วยเหลือจากนักศึกษา 200 คน ในการทดลอง เราได้ทดลองพูดคำต่าง ๆ 7 คำขณะถ่ายภาพเพื่อทำการเปรียบเทียบ โดยคำทั้ง 7 เป็นคำที่ใช้ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ดังนี้ “Cheese” (สหรัฐฯ) “Kimchi” (เกาหลี) “Tequila” (เม็กซิโก) “Spaghetti” (เยอรมนี) “Whiskey” (แอฟริกา) และ “Qiezi” (“หมายถึงมะเขือยาว” ในจีนแผ่นดินใหญ่) รวมถึงคำว่า “Pocky” เราได้ขอให้นักศึกษาแต่ละคนพูดคำต่าง ๆ และดูว่าคำเหล่านั้นทำให้พวกเขายิ้มได้มากแค่ไหน โดยให้คะแนนจาก 1 ถึง 100 และผลสำรวจที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าคำว่า “Pocky” ได้คะแนนเฉลี่ย 77 คะแนน ขณะที่คะแนนเฉลี่ยของคำอื่น ๆ อยู่ที่ 60 คะแนน คำว่า “Pocky” เอาชนะคำอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดายในการทำให้ผู้ตอบแบบสำรวจยิ้ม นักศึกษาส่วนใหญ่ตอบว่า “เสียงที่เกิดขึ้นขณะออกเสียง po- ทำให้รู้สึกดี และทำให้ยิ้มแบบธรรมชาติได้ง่าย” และ “เสียง -y ในตอนท้ายช่วยให้ยิ้มง่ายขึ้น”

นอกจากนี้ ภายใต้การควบคุมของศาสตราจารย์ Sugahara นักวิจัยด้ายการยิ้ม เราได้ทำการทดลองโดยใช้เครื่องอ่านใบหน้าวิเคราะห์รอยยิ้มจากการพูดประโยคต่าง ๆ ขณะถ่ายรูป และพบว่า คำว่า “Pocky” สามารถสร้าง “รอยยิ้มที่พิมพ์ใจ” ซึ่งเป็นมาตรฐานรอยยิ้มในอุดมคติได้ง่ายกว่าคำอื่น ๆ

นำโดย Dr. Toru Sugahara นักวิจัยด้านการยิ้มที่ได้รับการยอมรับ
Dr. Toru Sugahara เกิดในเมืองดาไซฟุ จังหวัดฟุกุโอกะ สำเร็จหลักสูตรปริญญาเอกจากคณะชีววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสิ่งทอจากโครงการสหวิทยาการระดับบัณฑิตศึกษา สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยชินชู และได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิต (วิศวกรรมศาสตร์) ในปี 2548 เคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวาเซดะ ตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งศิลปะมนุษย์และวิทยาศาสตร์ และอาจารย์ประจำศูนย์การศึกษาต่อเนื่องและอาจารย์สัญญาจ้างประจำคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวาเซดะ ปัจจุบัน ท่านดำรงตำแหน่งนักวิจัยรับเชิญของศูนย์วิจัยขั้นสูง คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวาเซดะ อาจารย์สัญญาจ้างประจำคณะสารสนเทศและศิลปกรรม และนักวิจัยรับเชิญของสถาบันวิจัยด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรมของมหาวิทยาลัยโตโย ที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมของสถาบันวิจัยทางเทคโนโลยีอุตสาหกรรมแห่งมหานครโตเกียว และกรรมการบริหารสมาคมวิทยาศาสตร์การยิ้ม หรือ Society of Smile Science และท่านยังมีส่วนใน “การวิจัยด้านกลไกและการสร้างรอยยิ้มแบบ kansei” และได้รับรางวัลทางวิชาการมากมายจากงานวิจัยชิ้นนี้

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อ โปรดติดต่อ
Hirohisa Tamai (Mr.), Assistant Global Brand Manager, Glico Co., Ltd.
Yuko Takatani (Ms.), Regional PR Manager, Glico Asia Pacific Pte. Ltd.
อีเมล: glico-singapore@glico.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย










นักท่องเที่ยวเกือบ 70% วางแผนที่จะบินไปต่างประเทศภายในหกเดือนข้างหน้า อ้างอิงจากการศึกษาของ OAG

Logo

การบินจะต้องจัดลำดับความสำคัญของมาตรการด้านการสื่อสาร ความปลอดภัยและการป้องกันอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างและกู้คืนความเชื่อมั่นอีกครั้ง

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–6 ต.ค. 2563

OAG ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลการเดินทางและข้อมูลเชิงลึกชั้นนำของโลกเปิดตัว The COVID-19 Recovery: Getting Passengers Back on Board, ซึ่งเป็นรายงานฉบับใหม่เกี่ยวกับความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจากการสำรวจผู้ใช้แอปเดินทาง flightview ทั่วโลก ของบริษัทกว่า 4,000 ราย

โดยรวมแล้วระดับความกลัวในการติด COVID-19 ขณะบินอยู่ในระดับที่ไม่สูง โดยผู้บริโภคส่วนใหญ่เปิดใจให้กับการเดินทางทางอากาศ โดยข้อค้นพบที่สำคัญมีดังนี้ :

  • หกสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ตั้งใจจะบินไปต่างประเทศภายในหกเดือนข้างหน้าในขณะที่ 79% มีแผนสำหรับการเดินทางทางอากาศภายในประเทศ
  • ความกระตือรือร้นในการเดินทางนั้นชัดเจนมากขึ้นในหมู่คนรุ่นมิลเลนเนียลและ Gen-Z คนทั้งสองรุ่นมีแนวโน้มที่จะต้องการปรับเปลี่ยนแผนการเดินทางน้อยกว่าคนรุ่นอื่น และมีความกระตือรือร้นที่จะเดินทางในประเทศมากกว่าเมื่อเทียบกับความกระตือรือร้นในการเดินทางออกนอกประเทศ
  • เกือบหนึ่งในสามไม่ได้เปลี่ยนและไม่ได้ตั้งใจที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางของพวกเขา
  • ร้อยละเจ็ดสิบหกของผู้เดินทางเห็นด้วยว่าการสวมหน้ากากอนามัยเป็นมาตรการด้านความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพสูงสุดที่สายการบินและสนามบินสามารถปรับใช้ได้

“ผู้บริโภคส่วนใหญ่โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่อายุน้อย เตรียมพร้อมที่จะบินภายใต้สถานการณ์ที่เหมาะสม” John Grant หัวหน้านักวิเคราะห์ของ OAG กล่าว “การขาดความกลัวเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจและเป็นลางดีสำหรับการฟื้นตัวของตลาด แน่นอนว่าการฟื้นตัวอย่างเต็มที่จะเป็นผลสืบเนื่องมาจากความสามารถในการที่เราต่อสู้กับโรคระบาดทั่วโลกของเรา และการที่ข้อจำกัดการเดินทางจะสามารถถูกยกเลิกได้อย่างปลอดภัย”

ในการให้คะแนนเต็ม 10 คะแนน ผู้บริโภคมากกว่าครึ่งให้คะแนนความกังวลเกี่ยวกับการติด COVID-19 ขณะเดินทางน้อยกว่า 5 คะแนนโดยร้อยละ 21 ระบุว่าไม่กลัวเลย อย่างไรก็ตาม OAG พบว่าการแบ่งปันข้อมูลแบบเรียลไทม์ยังคงมีความสำคัญต่อการสร้างความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว แม้กระทั่งข้อมูลก่อนมาถึงสนามบิน ตัวอย่างเช่น ข้อมูลในระหว่างขั้นตอนการค้นหาและการจอง ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับการอัปเดตและการคาดการณ์แบบเรียลไทม์เกี่ยวกับความจุของเที่ยวบินและโรงแรม (61%) และอัตราการแพร่กระจายของ COVID-19 ณ จุดหมายปลายทาง (53%)

สำหรับข้อมูลเชิงลึกของการสำรวจเพิ่มเติม โปรดดูรายงานฉบับเต็ม

หากต้องการทราบข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงด้านข้อจำกัดการเดินทาง และข้อกำหนดด้านเอกสารโปรดไปที่flightview.com/traveltools/visas.asp.

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นผู้ให้บริการข้อมูลการเดินทางชั้นนำระดับโลกที่ขับเคลื่อนการเติบโตและนวัตกรรมของระบบนิเวศการเดินทางทางอากาศมาตั้งแต่ปีพ. ศ. 2472 OAG ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหราชอาณาจักรมีการดำเนินงานทั่วโลกในสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ลิทัวเนีย และจีน

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: www.oag.com และติดตามเราบน Twitter @OAG Aviation.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201006005678/en/

สื่อมวลชนติดต่อ:

Katy Ludwell

pressoffice@oag.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

‘Jeolla Gamyoung’ สถานที่ทางประวัติศาสตร์ของเกาหลีได้รับการบูรณะสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง พร้อมเปิดให้เข้ามชม 7 ตุลาคม นี้

Logo

– พิธีเฉลิมฉลองการบูรณะ Jeolla Gamyoung จะจัดขึ้นวันที่ 7 ตุลาคม
– กิจกรรมภายในงานประกอบด้วยพิธีเปิดป้ายอาคาร การส่งมอบสมุดขอพร และการจำลองพิธีการโอนตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดชอลลา

จอนจู, สาธารณรัฐเกาหลี–(BUSINESS WIRE)–5 ตุลาคม 2563

Jeolla Gamyoung ได้รับการฟื้นฟูให้กับมายิ่งใหญ่อีกครั้งและจะเปิดให้เข้าชมวันที่ 7 ตุลาคม นี้ ศูนย์ราชการประจำจังหวัดแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า ‘Gamyoung’ ในยุคโชซอนและมีอายุราว 500 ปี (ระหว่างปี ค.ศ. 1392-1910 หรือ พ.ศ. 1935-2453) Jeolla หมายถึงจังหวัดทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ

The Korean historic site Jeolla Gamyoung was restored to its former grandeur and will open on October 7. A provincial government complex was called ‘Gamyoung’ in the Joseon Dynasty that lasted for about 500 years (1392-1910). Jeolla refers to the southwestern province of the country. Jeonju City, North Jeolla Province Government and the Jeolla Gamyoung Restoration Committee will hold a celebration of the Jeolla Gamyoung restoration at 2 p.m. on October 7. Entitled “Jeolla Gamyoung: A Radiant Flower, A Thousand Years of Fruit,” the ribbon-cutting ceremony will be live-streamed on YouTube. Discussion of a project to restore the ancient government complex began in 2005. The ground was broken for the project in November 2017 after the old Jeollabuk-do government building was demolished. The first stage of the project was completed on August 27. Jeonju will kick off the second stage of the project shortly after deciding on the plan to develop the west zone of Jeolla Gamyoung. (Photo: Business Wire)

Jeolla Gamyoung สถานที่ทางประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ ได้รับการฟื้นฟูให้กับมายิ่งใหญ่อีกครั้งและจะเปิดให้เข้าชมวันที่ 7 ตุลาคม นี้ ศูนย์ราชการประจำจังหวัดแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า ‘Gamyoung’ ในยุคโชซอนและมีอายุราว 500 ปี (ระหว่างปี ค.ศ. 1392-1910) Jeolla หมายถึงจังหวัดทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ เมืองจอนจู รัฐบาลจังหวัดชอลลาเหนือ และคณะกรรมการบูรณะ Jeolla Gamyoung จะจัดพิธีเฉลิมฉลองการบูรณะ Jeolla Gamyoung ณ เวลา 14.00 น. ของวันที่ 7 ตุลาคม พิธีเปิดซึ่งจะจัดขึ้นภายใต้ชื่อ “Jeolla Gamyoung: A Radiant Flower, A Thousand Years of Fruit” และจะมีการถ่ายทอดสดผ่านทาง YouTube การหารือเกี่ยวกับการบูรณะศูนย์ราชการเก่าแก่แห่งนี้เริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2548 และได้เริ่มลงมือบูรณะซ่อมแซมไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2560 หลังจากมีการรื้อถอนอาคารว่าการเมืองชอลลาเหนือหลังเก่า การบูรณะในระยะแรกของโครงการเสร็จสมบูรณ์ไปเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่ผ่านมา เมืองจอนจูจะเริ่มการบูรณะในระยะที่สองของโครงการเร็ว ๆ นี้ หลังจากตัดสินใจเกี่ยวกับแผนที่จะพัฒนาฝั่งตะวันตกของ Jeolla Gamyoung ได้แล้ว (รูปภาพ: Business Wire)

เมืองจอนจู รัฐบาลจังหวัดชอลลาเหนือ และคณะกรรมการบูรณะ Jeolla Gamyoung จะร่วมกันเผยโฉม Jeolla Gamyoung หลังการบูรณะฟื้นฟูในเวลา 14.00 น. ของวันที่ 7 ตุลาคม นี้ พิธีเปิดซึ่งจะจัดขึ้นภายใต้ชื่อ “Jeolla Gamyoung: A Radiant Flower, A Thousand Years of Fruit” จะมีผู้เข้าร่วมเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้นเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (Covid-19) และจะมีการถ่ายทอดสดผ่านทาง YouTube

การเฉลิมฉลองการบูรณะสถานที่ทางประวัติศาสตร์แห่งนี้จะเริ่มต้นด้วยการแสดงชุด ‘Seungjeonmu’ (Victory Dance) ซึ่งเคยแสดงเพื่อต้อนรับ จอร์จ เคลย์ตัน โฟล์ก อดีตอุปทูตของสหรัฐฯ ในโจซอน เมื่อครั้งเดินทางมาเยือน Jeolla Gamyoung ในปี ค.ศ. 1884 (พ.ศ. 2427) พิธีโอนตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดชอลลาจะถูกจำลองขึ้นจากข้อมูลในบันทึกของอดีตผู้ว่าลีซ็อกพโย โดยอ้างอิงจากบันทึกส่วนตัวของท่านที่ชื่อ ‘Honam Diary’ ซึ่งโฮนัมเป็นอีกชื่อหนึ่งของชอลลา

จากนั้น จะมีการเปิดป้ายอาคาร ‘Seonhwadang’ ซึ่งเป็นอาคารหลักของ Jeolla Gamyoung ผู้ว่าราชการจังหวัดชอลลาในยุคโชซอนเคยปฏิบัติราชการ ณ อาคาร ‘Seonhwadang’ แห่งนี้ และชาวเมืองจอนจูและประชากรในจังหวัดชอลลาเหนือจะส่งมอบสมุดขอพรซึ่งเป็นสิ่งที่ปรารถนาให้เกิดขึ้นกับ Jeolla Gamyoung ในอนาคตให้กับนายกเมืองจอนจูและผู้ว่าชอลลาบุกโดหรือเมืองชอลลาเหนือ และหลังจากพิธีทางการแล้ว ผู้เข้าร่วมงานจะเดินชมรอบ ๆ สถานที่ทางประวัติศาสตร์แห่งนี้

ในอดีต ผู้ว่าการเมืองชอลลาในยุคโชซอนมีอำนาจปกครองครอบคลุมทั้งเมืองชอลลาเหนือและชอลลาใต้ในปัจจุบัน รวมถึงมหานครควังจู และเกาะเจจู Jeolla Gamyoung เคยตั้งอยู่ในบริเวณของงอาคารว่าการเมืองชอลลาเหนือแห่งเก่า

การหารือเกี่ยวกับการบูรณะศูนย์ราชการเก่าแก่แห่งนี้เริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2548 และได้เริ่มลงมือบูรณะซ่อมแซมไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2560 หลังจากมีการรื้อถอนอาคารว่าการเมืองชอลลาเหนือหลังเก่า การบูรณะในระยะแรกของโครงการเสร็จสมบูรณ์ไปเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่ผ่านมา

เป้าหมายหลักของการบูรณะในระยะแรกคือการค้นหาบันทึกต่าง ๆ เกี่ยวกับโครงสร้างดั้งเดิมของ Jeolla Gamyoung โดยมีอาคารหลักเจ็ดหลัง ได้แก่ Seonhwadang, Naeah, Naeah Hangrang, Gwanpoonggak, Yeonsindang, Naesammun และ Oehangrang ได้รับการบูรณะไปในช่วงแรก

เมืองจอนจูจะเริ่มการบูรณะในระยะที่สองของโครงการเร็ว ๆ นี้ หลังจากที่มีการตัดสินใจเกี่ยวกับแผนที่จะพัฒนาฝั่งตะวันตกของ Jeolla Gamyoung ก่อนที่เวลานั้นจะมาถึง บริเวณนี้จะยังคงเปิดให้สาธารณะชนคนเข้าชมได้

“ทางเมืองได้เตรียมจัดงานเฉลิมฉลองการบูรณะโดยจะจัดให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา” ชอยลักกี ผู้อำนวยการฝ่ายวัฒนธรรม การท่องเที่ยวและกีฬาของเมืองจอนจู กล่าว “หลัง Jeolla Gamyoung ได้รับการบูรณะแล้ว เราต้องการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนสถานที่แห่งนี้ให้มากขึ้นเพื่อเผยแพร่ประวัติศาสตร์และสถานะของสถานที่แห่งนี้ Jeolla Gamyoung หลังการบูรณะฟื้นฟูจะทำให้ชาวจอนจูและชาวจังหวัดชอลลาเหนือภาคภูมิใจในฐานะพลเมืองของที่นี่”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52293949/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ:

เมืองจอนจู
Taeyoung Kim
+82-63-281-2226
kim88313@korea.kr

อเมริกัน เอ็กซ์เพรส ประกาศแผนขยายห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน (Centurion®) ในสนามบินหลักของสหรัฐฯ สองแห่ง และเตรียมกลับมาต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งภายใต้ระเบียบและแนวปฏิบัติด้านสุขภาพและความปลอดภัยฉบับใหม่

Logo

  • อเมริกัน เอ็กซ์เพรส เพื่อขยายและเพิ่มประสิทธิภาพห้องรับรอง เดอะเซ็นจูเรี่ยน ณ สนามบินลาการ์เดีย ในนิวยอร์กและท่าอากาศยานนานาชาติแมคคาร์แรนในลาสเวกัส
  • อเมริกัน เอ็กซ์เพรส ขอแนะนำ “ความมุ่งมั่นของห้องรับรอง เดอะเซ็นจูเรี่ยน” ภายใต้ระเบียบและแนวปฏิบัติด้านสุขภาพและความปลอดภัยฉบับใหม่

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–16 กันยายน 2563

วันนี้ อเมริกัน เอ็กซ์เพรส (NYSE: AXP) ได้ประกาศแผนเตรียมขยายพื้นที่ห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน สองแห่ง และได้ประกาศให้ทราบเกี่ยวกับ Centurion Lounge Commitment ซึ่งเป็นระเบียบและแนวปฏิบัติด้านสุขภาพและความปลอดภัยฉบับใหม่ที่จะนำมาใช้กับห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน ทั้งหมดเมื่อกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง (บางแห่งจะเริ่มกลับมาให้บริการในช่วงต้นเดือนตุลาคม) ห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน ณ สนามบินลาการ์เดีย (LGA) ในนิวยอร์กจะย้ายไปอยู่ในบริเวณเทอร์มินอล B และมีขนาดกว้างขวางขึ้น และตามที่ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้แล้ว ห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติแมคคาร์แรน (LAS) ในลาสเวกัสจะได้รับปรับโฉมใหม่และขยายให้ใหญ่ขึ้น

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200916005291/en/

Rendering of Centurion Lounge at New York's LaGuardia Airport (Photo: Business Wire)

ภาพเรนเดอร์ของห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน ในสนามบินลาการ์เดียของนิวยอร์ก (รูปภาพ: Business Wire)

“เรายังคงให้ความสำคัญในเรื่องสุขภาพ ความปลอดภัย และความสบายสำหรับสมาชิกผู้ถือบัตรและเพื่อนร่วมงานเป็นอันดับต้น ๆ ระหว่างที่เตรียมเปิดห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน ที่เป็นไอคอนของเราเพิ่มและเตรียมความพร้อมกลับมาให้บริการทั่วโลกอีกครั้ง” Alexander Lee รองประธานด้านประสบการณ์ท่องเที่ยวและสิทธิประโยชน์ กล่าว “เราเชื่อว่าการเดินทางเป็นส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตของสมาชิกบัตรของเรา และเช่นเดียวกันกับสมาชิกทั้งหลาย เราต่างตั้งตารอวันที่จะได้กลับมาเดินทางท่องโลกอีกครั้ง เราตื่นเต้นที่จะได้ต้อนรับสมาชิกที่ห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน ของเราอีกครั้ง เร็ว ๆ นี้”

ยกระดับประสบการณ์การใช้ห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน ณ สนามบิน LAS และ LGA:

การตกแต่งห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน ณ สนามบินลาการ์เดียในนิวยอร์กและท่าอากาศยานนานาชาติแมคคาร์แรนในลาสเวกัสจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2564 ห้องรับรองที่มีการขยายให้กว้างขวางขึ้นจะมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้สมาชิกบัตรได้เพลิดเพลินเมื่อกลับมาเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้ง

  • ห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน ณ สนามบินลาการ์เดีย (LGA) จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่าและจะย้ายเข้ามาอยู่ในพื้นที่เฉพาะสำหรับผู้ที่ผ่านจุดตรวจค้นสนามบินเข้าแล้วในบริเวณเทอร์มินอล B ซึ่งเป็นเทอร์มินอลสุดล้ำแห่งใหม่ของสนามบิน ห้องรับรองแห่งใหม่นี้โดดเด่นด้วยห้องสำหรับครอบครัว พื้นที่ทำงานที่ขยายให้กว้างขึ้น ห้องโทรศัพท์ส่วนตัว และวิวทิวทัศน์ของเส้นขอบฟ้าแห่งมหานครนิวยอร์ก
  • สำหรับ ห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน ซึ่งเปิดให้บริการ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติแมคคาร์แรน (LAS) เป็นที่แรกในปี 2556 จะมีการขยายพื้นที่จากเกือบ 9,000 ตารางฟุตเป็นกว่า 13,400 ตารางฟุต ห้องรับรองที่ได้รับการออกแบบใหม่จะมีพื้นที่อเนกประสงค์เพิ่มมากขึ้น มีห้องโทรศัพท์ส่วนตัวใหม่ บริเวณต้อนรับโฉมใหม่ รวมถึงพื้นที่ทำงานและอื่น ๆ อีกมากมาย

ในช่วงปลายปีนี้ อเมริกัน เอ็กซ์เพรส ยังเตรียมเปิดห้องรับรองเพิ่ม ณ ท่าอากาศยานจอห์น เอฟ. เคนเนดี ในนิวยอร์ก และท่าอากาศยานฮีทโธรว์และท่าอากาศยานนานาชาติเดนเวอร์ในลอนดอนอีกด้วย

สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพและมีความปลอดภัยด้วย Centurion Lounge Commitment:

ขณะที่ห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน ยังคงต้องปิดให้บริการเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) อเมริกัน เอ็กซ์เพรส ได้ประกาศให้ทราบเกี่ยวกับระเบียบและแนวปฏิบัติด้านสุขภาพและความปลอดภัย (Centurion Lounge Commitment) ฉบับใหม่ ที่จะนำมาใช้เพื่อดูแลในเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยของสมาชิกผู้ถือบัตรรวมถึงพนักงานเมื่อกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง จากรายงาน Amex Trendex* ซึ่งเป็นรายงานเกี่ยวกับแนวโน้มต่าง ๆ โดย อเมริกัน เอ็กซ์เพรส พบว่าผู้บริโภคเกือบ 2 ใน 3 ให้ความเห็นว่านโยบายและขั้นตอนปฏิบัติเกี่ยวกับด้านสุขภาพและความปลอดภัย (39%) หรือความยืดหยุ่น (25%) คือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่พวกเขาพิจารณาเมื่อวางแผนกลับมาเดินทางอีกครั้งในอนาคต

สมาชิกผู้ถือบัตรจะต้องปฏิบัติตามหลักปฏิบัติด้านสุขภาพและความปลอดภัยใหม่ เช่น การกำหนดที่นั่งโดยรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล การลดจำนวนผู้เข้าใช้ การเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาด การบังคับให้สวมหน้ากากขณะเข้าใช้เลานจ์ การเสิร์ฟอาหารแทนการบริการแบบบุฟเฟต์ และอื่น ๆ สำหรับการเช็คอินแบบไร้การสัมผัส สมาชิกบัตรสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน American Express® มาเพื่อใช้เช็คอินผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยจะมีการประเมินหลักปฏิบัติเหล่านี้เป็นระยะ ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ถือบัตรและข้อบังคับของรัฐบาลและหน่วยงานด้านสุขภาพในท้องถิ่นนั้น ๆ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่: thecenturionlounge.com/reopening

ขณะที่หลาย ๆ คนยังไม่พร้อมที่จะเดินทางท่องเที่ยวในขณะนี้ รายงาน Amex Trendex* พบกว่าผู้บริโภคกว่าครึ่ง (56%) ที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศเป็นปกติจะพร้อมเดินทางท่องเที่ยวไปยังจุดหมายปลายทางในประเทศอีกครั้งในอีก 6 เดือน อเมริกัน เอ็กซ์เพรส อยู่ระหว่างประเมินช่วงเวลาที่เหมาะสมในการกลับมาให้บริการห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน แต่ละแห่งอีกครั้งจากหลายปัจจัยรวมถึงการระบาดของ COVID-19 ในพื้นที่นั้น ๆ  และจะค่อย ๆ กลับมาให้บริการในแต่ละพื้นที่ต่อไป บริษัทคาดว่าจะสามารถเปิดห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติซีแอตเติล-ทาโคมา และท่าอากาศยานนานาชาติฟิลาเดลเฟียได้ในวันที่ 5 ตุลาคม 2563 นี้ ตามด้วยพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป

*วิธีทำแบบสำรวจโดย Amex Trendex:

แบบสำรวจออนไลน์นี้จัดทำโดย Morning Consult ระหว่างวันที่ 18-20 สิงหาคม 2563 โดยสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 2,000 คนจากทั่วประเทศ โดยกลุ่มตัวอย่างเหล่านี้เป็นนักท่องเที่ยวทั่วไป มีรายได้อย่างน้อย 70,000 ดอลลาร์ต่อครัวเรือน และเป็นผู้ใหญ่ (อายุ 18 ปีขึ้นไป) ที่เดินทางโดยเครื่องบินอย่างน้อยหนึ่งครั้งในปี 2562 ผลการสำรวจมีส่วนต่างของข้อผิดพลาดบวกหรือลบ 2 เปอร์เซ็นต์

เกี่ยวกับ อเมริกัน เอ็กซ์เพรส

อเมริกัน เอ็กซ์เพรส เป็นบริษัทผู้ให้บริการระดับโลก ซึ่งช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์ ข้อมูล รวมถึงประสบการณ์ที่เพิ่มคุณค่าให้กับชีวิตและสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ americanexpress.com และติดตามความเคลื่อนไหวของเราได้ทาง facebook.com/americanexpressinstagram.com/americanexpresslinkedin.com/company/american-expresstwitter.com/americanexpress และ youtube.com/americanexpress

ลิงก์ไปยังผลิตภัณฑ์ บริการ และข้อมูลความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัท: ค่าธรรมเนียมและบัตรเครดิต บัตรเครดิตเพื่อธุรกิจ บริการด้านการเดินทาง บัตรของขวัญ บัตรเติมเงิน บริการร้านค้า Accertify InAuthบัตรสำหรับองค์กร การเดินทางเพื่อธุรกิจ และ ความรับผิดชอบต่อสังคม

เกี่ยวกับห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน

ห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน เป็นโปรแกรมห้องรับรองที่เป็นซิกเนเจอร์ภายใต้ คอลเลกชันห้องรับรองอเมริกันเอ็กซ์เพรสทั่วโลก ซึ่งให้สิทธิ์เข้าใช้ห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน โดยอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ห้องรับรองอเมริกัน เอ็กซ์เพรสในประเทศต่าง ๆ  สิทธิ์ Delta Sky Club® สำหรับผู้ถือบัตรที่เดินทางกับสายการบินเดลตา สิทธิ์ Priority PassTM Select Lounges โดยต้องทำการลงทะเบียน สิทธิ์เข้าถึง Airspace Lounges, MAG U.S. Escape Lounges และ Plaza Premium Lounges รวมกว่า 1,300 แห่งใน 140 ประเทศ และกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ

สิทธิ์เข้าใช้ห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน เป็นเอกสิทธิ์ที่มอบให้เฉพาะสมาชิกผู้ถือบัตรแพลตตินัม สมาชิกห้องรับรองเซ็นจูเรี่ยน และสมาชิกบัตร Delta SkyMiles® Reserve เท่านั้น สมาชิกบัตรแพลตตินัมสามารถเข้าใช้ห้องรับรองพร้อมผู้ติดตามได้สูงสุดสองท่านโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม สมาชิกบัตรเซ็นจูเรี่ยนสามารถเข้าใช้ห้องรับรองพร้อมครอบครัว หรือ ผู้ติดตามได้สูงสุดสองท่าน สมาชิกบัตรแพลตตินัมและบัตรเซนจูเรียนสามารถซื้อสิทธิ์เข้าใช้ห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน ให้กับแขกที่นอกเหนือจากนี้ได้ในราคา 50 ดอลลาร์ต่อท่าน สมาชิกบัตร Delta SkyMiles® Reserve สามารถให้ผู้ติดตามเข้าใช้ได้สูงสุดสองท่านต่อการเข้าใช้หนึ่งครั้ง โดยมีค่าบริการเพิ่มเติมที่ 50 ดอลลาร์ต่อท่านต่อห้องรับรองแต่ละแห่ง

ที่ตั้ง: ทั่วโลก

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200916005291/en/

ติดต่อ

อเมริกัน เอ็กซ์เพรส
Margot Leeds
Margot.Leeds@aexp.com


KHOS™ คอนเซ็ปต์ที่พักแนวไลฟ์สไตล์โดย โรสวูด โฮเทล กรุ๊ป เผยความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับแบรนด์

Logo

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–16 กันยายน 2563

KHOS™ คอนเซ็ปต์ที่พักใหม่ล่าสุดจาก โรสวูด โฮเทล กรุ๊ป ผู้นำด้านบริการต้อนรับในระดับนานาชาติ มีความยินดีที่จะประกาศความคืบหน้าและวิวัฒนาการล่าสุดของแบรนด์นับตั้งแต่มีการเปิดตัวเป็นครั้งแรกไปเมื่อไตรมาสที่ 4 ของปี 2560 KHOS ถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่อตอบรับรูปแบบการใช้ชีวิตที่ทันสมัยในปัจจุบัน พร้อมนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับโรงแรมสำหรับนักธุรกิจในรูปแบบใหม่ KHOS ถูกออกแบบมาสำหรับนักเดินทางรุ่นใหม่โดยเฉพาะ ซึ่งสำหรับนักเดินทางกลุ่มนี้ เส้นแบ่งระหว่างการทำงานและความสนุกสนานแบบเดิม ๆ ไม่มีอยู่อีกต่อไป

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200915005397/en/

KHOS brand photo 1 (Photo: Business Wire)

KHOS brand photo 1 (รูปภาพ: Business Wire)

ปัจจุบัน แบรนด์มีโรงแรม 1 แห่ง และรีสอร์ท 1 แห่งตั้งอยู่ในเมืองที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ของประเทศจีน และเตรียมเปิดอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ อีกในอนาคตอันใกล้นี้ โดยปรัชญาของแบรนด์ยังถูกหนุนด้วยรูปแบบการใช้ชีวิตอันแตกต่างที่ได้แรงบันดาลใจจากพลัง ศิลปะ ความสร้างสรรค์ สไตล์และความเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วของวันในยุคปัจจุบัน ด้วยโลกที่ยังคงเดินหน้าเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน บวกกับความต้องการที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ของคนในยุคดิจิทัล KHOS จึงอยู่ในตำแหน่งผู้นำของการเดินทางและบริการด้านธุรกิจยุคใหม่

“เราสร้าง KHOS ขึ้นเพื่อตอบสนองทุกความต้องการของนักเดินทางเจเนอเรชันใหม่อย่างทั่วถึง โดยนักเดินทางกลุ่มนี้มักเดินทางอยู่ตลอดเวลาและมองหาสถานที่พักที่เข้าใจ สามารถสะท้อน และรองรับไลฟ์สไตล์ที่รวดเร็วของพวกเขาได้” Sonia Cheng ประธานกรรมการบริหาร โรสวูด โฮเทล กรุ๊ป กล่าว “แนวคิดของเราสะท้อนการเรียงลำดับความสำคัญแบบใหม่และความพึงพอใจของคอมมิวนิตีนี้ และก้าวทันการเปลี่ยนแปลงพัฒนาที่ต่อเนื่องและรวดเร็วของยุคดิจิทัลไปพร้อม ๆ กับการบุกเบิกสไตล์การทำงานรูปแบบใหม่ที่มีความปลอดภัย”

โซลูชันที่เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจสำหรับคนยุคใหม่

คำว่า KHOS มาจากภาษามองโกเลียซึ่งมีความหมายว่า “คู่” โดยคำว่า KHOS ได้แรงบันดาลใจจากความต้องการที่จะกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือกันในกลุ่มนักสร้างสรรค์ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ออกแบบตามหลักการยศาสตร์อย่างยอดเยี่ยม ทั้งนี้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้มีผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ว่าจะเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดของผู้ประกอบการ การหาความสนใจร่วมระหว่างธุรกิจ หรือการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคู่รัก ครอบครัว หรือเพื่อนฝูงผ่านการสร้างประสบการณ์ร่วมกัน KHOS ยินดีต้อนรับทั้งผู้คนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวจากต่างชาติให้มาร่วมกันออกสำรวจและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ และเติมพลังให้มีชีวิตชีวาอีกครั้งโดยมีฉากหลังเป็นวัฒนธรรมและชุมชนที่เต็มไปด้วยสีสัน ด้วยเหตุนี้ การผสมผสานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะระหว่างประโยชน์และฟังก์ชันภายใต้แนวคิดนี้ จึงทำหน้าที่เป็นเสมือนจุดนัดพบของโรงแรมธุรกิจ โรงแรมไลฟ์สไตล์ สโมสรทางสังคม และพื้นที่ทำงานร่วมกันในแง่มุมที่ดีที่สุด รวมกันเป็นระบบนิเวศแห่งการบริการที่ออกแบบมาได้อย่างตรงกับความต้องการของคนยุคใหม่ในวิถีชีวิตปัจจุบันที่สามารถสลับโหมดระหว่างการทำงานและการหาความสนุกเพลิดเพลินได้อย่างง่ายดาย

สิ่งที่เป็นหัวใจในหลักปรัชญาของ KHOS คือซิกเนเจอร์หลักที่เน้นย้ำการวางตำแหน่งของแบรนด์ในฐานะศูนย์กลางแห่งสีสันที่ธุรกิจและการพักผ่อนหย่อนใจ ผลิตภาพ ความสร้างสรรค์และสุขภาพที่ดีเชื่อมโยงเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ:

KHOS Connect ยกระดับพื้นที่ทำงานส่วนกลางไปอีกขั้นด้วยการออกแบบพื้นที่ทางสังคมที่มีความยืดหยุ่น และโปรแกรมกิจกรรมที่สร้างแรงบันดาลใจสำหรับผู้ใช้ภายในและผู้มาเยือนจากชุมชนในพื้นที่

The Commons พลิกโฉมบริเวณลอบบี้ที่มีความทางการแบบดั้งเดิมโดยเปลี่ยนเป็นพื้นที่กลางที่มีบรรยากาศผ่อนคลายมากขึ้น ออกแบบให้เกิดการสร้างแรงบันดาลใจและทำกิจกรรมร่วมกัน พื้นที่เพื่อการสื่อสารที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวานี้เปิดให้ทั้งผู้คนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าใช้

KHOS Eat & Drink เป็นโปรแกรมรับประทานอาหารและบาร์ของแบรนด์ที่ออกแบบมาเพื่อนำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารร่วมสมัยในบรรยากาศสบาย ๆ

KHOS Gather เปลี่ยนรูปแบบการประชุมแบบเดิม ๆ ให้ทันสมัย โดยการออกแบบให้ ‘ห้องประชุม’ มีพื้นที่สำหรับรวมตัวกันของผู้ใช้ ซึ่งออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยเฉพาะ

KHOS Play เป็นพื้นที่สำหรับเด็ก ๆ ในการเรียนรู้ผ่านโปรแกรมโต้ตอบที่สนุกสนาน มีการจัดกิจกรรมที่หลากหลายทั้งในร่มและกลางแจ้งโดยมุ่งเน้นไปที่การผจญภัย ความยั่งยืน และภาพลักษณ์ในเชิงบวก

Downtime ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานสามข้อที่แตกต่าง แต่เป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ที่มีความสอดคล้องกัน ได้แก่ Retreat, Renew และ Recharge โดย Retreat หมายถึงการให้ผู้เข้าพักได้ผ่อนคลายและดื่มด่ำเครื่องดื่มที่จะเติมความสดชื่นกับกลุ่มเพื่อน Renew ให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสกับการชำระล้างร่างกายแบบโบราณโดยรวมเอาที่สุดของเอเชียมารวมไว้ที่เดียวกัน และ Recharge เป็นประสบการณ์การใช้ฟิตเนสที่เต็มไปด้วยการพบปะพูดคุยและพลัง มีชั้นเรียนแบบกลุ่มและการฝึกซ้อมส่วนตัวให้เลือกมากมาย

การเติบโตและการขยายตัวเชิงกลยุทธ์

กลยุทธ์การเติบโตของ KHOS ประกอบด้วยการลงทุนอย่างยั่งยืนโดย นิวเวิลด์ ไชนา บริษัทในเครือของโรสวูด โฮเทล กรุ๊ป ในอสังหาริมทรัพย์สามแห่งซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมเปิดให้บริการในพื้นที่ต่าง ๆ ของจีน “KHOS ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากตลาดเป้าหมายของเรา และเมื่อเราเติบโตขึ้นเราจะพัฒนาคอนเซ็ปต์นี้ตามความต้องการและข้อเสนอแนะของแขกผู้เข้าพักต่อไป” คุณ Cheng กล่าวสรุป “เราเชื่อว่าแบรนด์ KHOS เข้ามาเติมเต็มพอร์ตโฟลิโอของโรสวูด โฮเทล กรุ๊ป ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และเป็นเครื่องสะท้อนอย่างแท้จริงถึงผลงานของเราในการสร้างประสบการณ์อันยอดเยี่ยมจากดีไซน์สุดล้ำ เราตั้งตารอที่จะได้ต้อนรับแขกผู้เข้าพักสู่สถานที่พักทั้งหมดของเรา และมอบโอกาสให้ผู้เข้าพักได้สำรวจจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจไปพร้อมกับขอบเขตทางด้านความคิดและนวัตกรรมของพวกเขาอีกด้วย”

KHOS Langfang

KHOS Langfang เป็นที่พักแห่งแรกของแบรนด์ซึ่งอยู่ระหว่างมหานครปักกิ่งและเทียนจินของจีนที่มีความทันสมัยอย่างมาก ที่พักแห่งนี้ประกอบด้วยห้องทั้งหมด 294 ห้อง ตั้งอยู่ในทำเลอันยอดเยี่ยมของกว่างหยางซึ่งห่างจากหลางฝางแวนดาพลาซาเพียง 1.8 กิโลเมตร และห่างจากท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่งต้าซิงเพียง 30 กิโลเมตร เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อเสียงของเมืองหลางฝางซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางแห่งอาหารชั้นเลิศ โรงแรมจึงได้จัดห้องอาหารที่เต็มไปด้วยสีสันไว้สามห้อง โดยมีห้องอาหารสำหรับธุรกิจและครอบครัว สำหรับการลิ้มลองอาหารท้องถิ่นของเมืองในรสชาติต้นตำหรับผ่านตัวเลือกเมนูอาหารที่ทั้งสดใหม่ อร่อย และหลากหลาย KHOS ในหลางฝางยังมีพื้นที่ the Commons ซึ่งออกแบบอย่างพิถีพิถันและเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างประสบการณ์การเข้าพักของโรงแรม โดย the Commons ซึ่งได้รับการปรับโฉมใหม่และมีการผสมผสานพื้นที่บริเวณต้อนรับส่วนหน้าและลอบบี้เข้าด้วยกัน เป็นการนำเสนอประสบการณ์โรงแรมรูปแบบใหม่อย่างสิ้นเชิง โดยมีการเพิ่มพื้นที่ค้าปลีกและพื้นที่ทำงานภายเข้าไป พร้อมเผยให้เห็นถึงการออกแบบแบบร่วมสมัยที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและความลื่นไหล

KHOS Qingyuan

เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา KHOS Qingyuan เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเมืองกวางตุ้งทางตอนเหนือ และเป็นที่พักประเภทรีสอร์ทแห่งแรกของแบรนด์ สถานที่พักผ่อนที่สวยงามตระการตาตั้งอยู่ในทำเลสะดวกใกล้กับเมืองชิงหยวนที่เต็มไปด้วยสีสัน ที่พักแห่งนี้เหมาะสำหรับการพักผ่อนเพื่อแสวงหาความสุขแบบส่วนตัวอย่างแท้จริง KHOS Qingyuan ประกอบด้วยห้องพักและห้องชุดสุดหรูทั้งหมด 217 ห้อง ผ่านการออกแบบอย่างพิถีพิถันโดยใช้วัสดุธรรมชาติที่มีความยั่งยืนอย่างไม้และหิน ซึ่งทำให้โรงแรมมีบรรยากาศที่ผ่อนคลายและมีความสวยงามในสไตล์ญี่ปุ่น นอกจากจะมีสระว่ายน้ำกลางแจ้งที่เปิดให้บริการตามฤดูกาลและฟิตเนสที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว KHOS Qingyuan ยังมีบ่อน้ำร้อนให้บริการเพื่อการผ่อนคลายและเติมความสดชื่น บ่อน้ำพุร้อนของ KHOS Qingyuan ได้รับการจัดอันดับโดย Nippon Onsen Research Institute ให้เป็นน้ำพุร้อนระดับเฟิรส์คลาส โดยแหล่งน้ำสำหรับบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้มาจากน้ำพุใต้ดินตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าน้ำชนิดนี้สามารถช่วยผ่อนคลายร่างกายที่เมื่อยล้าและเติมความสดชื่นให้กับผิว ด้วยมีส่วนประกอบของพลังงานความร้อนใต้พื้นพิภพที่จะทำให้ทั้งร่างกายและจิตใจได้รับการผ่อนคลายขั้นสุด สำหรับผู้เข้าพักที่มาพร้อมกับเด็กเล็ก นี่คือโอกาสที่จะได้เสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวให้แข็งแรงด้วย KHOS Play ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ออกแบบมาให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้และเติบโตท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย สนุกสนาน และมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเอาใจใส่ดูแลเด็ก ๆ รุ่นใหม่ Play ยังได้จัดโครงสร้างพื้นที่ภายในและภายนอก รวมถึงพื้นที่ทำกิจกรรมขึ้นบนพื้นฐานด้านการเรียนรู้ การผจญภัย การเป็นตัวของตัวเองและอัตลักษณ์ในเชิงบวก

KHOS Shenyang

โรสวูด โฮเทล กรุ๊ป กำลังตั้งตารอการเปิดตัวของ KHOS Shenyang ที่พักแห่งที่สามภายใต้แบรนด์ KHOS ในประเทศจีนอย่างใจจดใจจ่อ โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณที่มีสีสันที่สุดของเมืองระดับ Tier 1 ในโกลเด้นคอร์ริดอร์ที่กำลังเติบโต ผู้เข้าพักสามารถเดินทางสู่สถานที่ต่าง ๆ อย่าง เสิ่นหยางเคอีเลฟเวนอาร์ตมอล เสิ่นหยางนิวเวิลด์เอ็กซ์โป สถานีรถไฟใต้ดิน ท่าอากาศยานนานาชาติเถาเซียนเสิ่นหยาง และสถานีรถไฟใต้ดินที่สำคัญ ๆ ได้โดยตรงโดยใช้เวลาขับรถเพียงไม่เกิน 20 นาที เมื่อเปิดให้บริการแล้ว KHOS Shenyang จะเผยให้เห็นห้องพักแขกทั้งหมด 400 ห้อง รวมถึงพื้นที่ the Commons และพื้นที่กิจกรรมขนาด 3,200 ตารางเมตร และเพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับบรรยากาศการรับประทานอาหารของเมือง KHOS Shenyang จะแนะนำจุดหมายปลางทางด้านอาหารที่เต็มไปด้วยสีสันและมีความหลากหลายตั้งแต่การรับประทานอาหารสไตล์เอเชียที่สนุกสนานไปจนถึงมื้ออาหารจีนส่วนตัวสุดหรู โดยจุดหมายปลายทางเหล่านั้นประกอบด้วย So Shenyang การรับประทานอาหารท่ามกลางบรรยากาศตลาดในเอเชีย Yu Mansion ภัตตาคารอาหารทะเลและอาหารจานเด็ดประจำกวางตุ้งที่มีห้องอาหารส่วนตัวในสวน Kao Grill House โรงเตี๊ยมสไตล์เอเชียที่มีชีวิตชีวา และ Zui บาร์เบียร์และค็อกเทล และเพื่อให้สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ของ KHOS ที่ต้องการเป็นโรงแรมที่มีความล้ำสมัย KHOS Shenyang จึงได้จัดให้มี KHOS Connect เป็นพื้นที่ทำงานส่วนกลางซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ทำงานที่เต็มไปด้วยสีสัน ห้องทำงานส่วนตัวที่มีความสงบ และห้องประชุมที่มีรูปแบบหลากหลายสำหรับการระดมสมองไปจนถึงการพบปะลูกค้ารายสำคัญ

เกี่ยวกับ KHOS
KHOS เป็นคอนเซ็ปต์โรงแรมรูปแบบใหม่ที่รองรับรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่าง ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากพลัง ศิลปะ นวัตกรรม ความสร้างสรรค์ สไตล์และความเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วของวันในยุคปัจจุบัน KHOS เป็นจุดรวมตัวของชุมชนที่เชื่อมโยงถึงกันทั่วโลก ในสภาพแวดล้อมที่เน้นความสำคัญทางด้านการออกแบบเพื่อให้เกิดการพบปะพูดคุย การทำงานร่วมกัน และการสร้างสรรค์ KHOS คือ พื้นที่ที่ครบวงจนสำหรับการมอบประสบการณ์ให้กับนักเดินทางยุคใหม่

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมที่ khos.com

เกี่ยวกับโรสวูด โฮเทล กรุ๊ป
โรสวูด โฮเทล กรุ๊ป ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทโรงแรมชั้นนำของโลก เป็นเจ้าของแบรนด์ภายในเครือทั้งหมดสามแบรนด์ ได้แก่ Rosewood Hotels & Resorts® อันหรูหราในอเมริกาเหนือ แคริบเบียน/แอตแลนติก ยุโรป ตะวันออกกลางและเอเชีย New World Hotels & Resorts ที่พักสุดหรูในจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ KHOS แบรนด์โรงแรมแนวไลฟ์สไตล์และธุรกิจระดับโลก โดยมีโรงแรมภายใต้แบรนด์เหล่านี้กว่า 40 แห่งใน 19 ประเทศ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมที่ rosewoodhotelgroup.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200915005397/en/

ฝ่ายสื่อ โรสวูด โฮเทล กรุ๊ป:
Florence Chan
โทร: +852 2138 2262
อีเมล: florence.chan@rosewoodhotelgroup.com













เตรียมพบกับทะเลสาบลากูนสำหรับนักท่องเที่ยว Crystal Lagoons® Public Access Lagoons™ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Logo

***สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ของ PAL™ เป็นธุรกิจแห่งอนาคตสำหรับนักลงทุน โดยได้รับความสนใจจากความสำเร็จของ PAL ในสหรัฐฯ เนื่องจากผลตอบแทนที่สูงและความปลอดภัยในระยะยาวเพราะเป็นทางเลือกที่ป้องกันความเสี่ยงจาก Covid และ Amazon

ไมอามี–(บิสิเนสไวร์)–15 ก.ย. 2563

ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทนวัตกรรมด้านน้ำข้ามชาติของสหรัฐฯ Crystal Lagoons® มีโครงการทะเลสาบลากูน 45 โครงการในขั้นตอนต่างๆ โดยโครงการใน อินโดนีเซีย และ ไทย นั้นมีความโดดเด่นเป็นพิเศษเพราะเป็นพื้นที่แห่งแรกของภูมิภาคที่มีการดำเนินการลากูนสาธารณะ (Public Access Lagoon)

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200907005386/en/

Crystal Lagoons is in negotiations with investors in Southeast Asia, enticed by its previously unseen returns, long-term project safety and limited risk, as a Covid and Amazon-proof business alternative. (Photo: Business Wire) Crystal Lagoons อยู่ระหว่างการเจรจากับนักลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเล็งเห็นผลตอบแทนที่สูงอย่างไม่เคยมีมาก่อน ความปลอดภัยในระยะยาวและความเสี่ยงที่จำกัดของโครงการ โดยเป็นทางเลือกทางธุรกิจที่ป้องกันความเสี่ยงจากโควิดและ Amazon (ภาพ: Business Wire)

ขณะนี้ บริษัทกำลังขยายงานด้วยการปฏิวัติลากูนสาธารณะ Public Access Lagoons™ หรือที่เรียกว่า PAL™ โดยเสนอข้อตกลงการออกใบอนุญาตหลักสำหรับ PAL จำนวนหนึ่ง  Crystal Lagoons อยู่ระหว่างการเจรจากับ นักลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเล็งเห็นผลตอบแทนที่สูงอย่างไม่เคยมีมาก่อน ความปลอดภัยในระยะยาวและความเสี่ยงที่จำกัดของโครงการ โดยเป็นทางเลือกทางธุรกิจที่ป้องกันความเสี่ยงจากโควิดและ Amazon

ความสนใจใน PAL ซึ่งเป็นศูนย์รวมของศตวรรษที่ 21    ได้เพิ่มขึ้นตามความสำเร็จของพวกเขาในประเทศญี่ปุ่น ประเทศที่มีความเจริญทางเทคโนโลยีมากที่สุดในโลก และในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในเท็กซัสและฟลอริด้าที่มีรายได้จากตั๋วรายวันเกิน $50,000 เหรียญสหรัฐ ผู้เข้าชม 1,200 รายและการจองตั๋วจนเต็ม

 ลากูนแบบ crystalline ที่ล้อมรอบด้วยหาดทรายสีขาวกลายเป็นสถานที่ที่สวยงามที่สุดในเมือง บริษัทนำเสนอรูปแบบการลงทุนที่มีโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้นหรือน้อย โดยกับตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบที่สุดรวมมีช่องว่างสำหรับโรดโชว์ งานเปิดตัว งานแต่งงาน คอนเสิร์ตในหลายรูปแบบเช่นชายหาด ระเบียง โดม เช่นเดียวกับข้อเสนอการร้านอาหาร การค้าปลีก และอัฒจันทร์

ตลาดอื่นๆ ที่ได้ลงนามในข้อตกลงหลักที่เกี่ยวข้องกับ PAL จำนวนมาก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา(16 PAL) เกาหลี (30 PAL) ปากีสถาน (15 PAL) และ อเมริกากลาง (18 PAL)

 “นักลงทุนมองเห็นว่าเป็นโครงการเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นให้เป็นปิรามิดการเงิน และแม้จะมีการลงทุนเริ่มต้นที่ต่ำ บริษัทก็สามารถสร้าง มูลค่าปัจจุบันที่สูงได้” Francisco Matte ผู้อำนวยการภูมิภาค Crystal Lagoons กล่าว

“อุตสาหกรรมโรงแรมระบุว่ามีโรงแรมที่มีชายหาดมีมูลค่าการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นถึง 200% เมื่อเทียบกับโรงแรมในอื่นๆ  นักลงทุนยืนยันว่าบนที่ดินที่มีมูลค่าต่ำนั้นโรงแรมที่มีชายหาดและองค์ประกอบของ PAL จะได้รับผลตอบแทนที่น่าดึงดูดใจมาก” เขากล่าวเสริม

ในประเทศกัมพูชาทางบริษัทอยู่ในการเจรจาต่อรองช่วงท้ายสำหรับ 12 ถึง 15 PAL ที่มีผู้พัฒนาจากประเทศภาษาอังกฤษใน  กรุงพนมเปญ บัตดัมบาง เสียมราฐ สีหนุวิลล์   นอกจากนี้ยังมีการเจรจาต่อรองในระดับภูมิภาค เช่นมาเลเซียและไทย

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200907005386/en/

ติตด่อ:

Francisco Matte
fmatte@crystal-lagoons.com


Tommy Hilfiger เร่งการเดินทางสู่ความยั่งยืนด้วยโครงการ “สร้างขึ้นให้ได้”

Logo

ขับเคลื่อนด้วยวิสัยทัศน์ที่จะ 'ไม่สร้างขยะและต้อนรับทุกคน' โปรแกรมเพื่อความยั่งยืนของ Tommy Hilfiger ที่มีชื่อว่า Make it Possible (สร้างขึ้นให้ได้) กำหนดเป้าหมาย 24 ประการและมุ่งสู่ระบบหมุนเวียนและการต้อนรับทุกฝ่ายภายในปี 2573

  • Tommy Hilfiger เข้าใกล้ความยั่งยืนทั้งจากมุมมองด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมโดย Make it Possible มุ่งเน้นไปที่ระบบหมุนเวียนและการต้อนรับทุกฝ่ายตามลำดับ
  • ภารกิจของ Make it Possible คือการสร้างแฟชั่นที่ ‘Wastes Nothing and Welcomes All.’ (ไม่สร้างขยะและต้อนรับทุกคน)
  • โครงการนี้มี 24 เป้าหมายใน 4 เสาหลักภายในปี 2573
  • www.sustainability.tommy.com
  • #TommyHilfiger

AMSTERDAM–(อัมสเตอร์ดัม)–31 ส.ค. 2563

Tommy Hilfiger บริษัทของ PVH Corp. [NYSE: PVH] ประกาศโครงการ Make it Possible แนวทางเพื่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมซึ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นขององค์กรในการสร้างสรรค์แฟชั่นที่ 'Wastes Nothing and Welcomes All'  ด้วย Make it Possible, Tommy Hilfiger มุ่งสู่ 24 เป้าหมายซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ระบบหมุนเวียนและการต้อนรับทุกฝ่ายโดยสรุปไว้ในสี่เสาหลักภายในปี 2030:

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200830005002/en/

  • ระบบหมุนเวียนอย่างรอบด้าน: สร้างผลิตภัณฑ์ที่มีระบบหมุนเวียนอย่างเต็มรูปแบบและเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่ที่ยั่งยืน
     
  • สร้างขึ้นเพื่อชีวิต: การดำเนินงานที่คำนึงถึงขอบเขตของโลก เช่นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การใช้ที่ดิน มลพิษทางน้ำจืดและเคมี จากสิ่งที่เราซื้อถึงที่ที่เราขาย
     
  • ต้อนรับทุกฝ่าย: เป็นแบรนด์ที่เหมาะสมสำหรับแฟน TOMMY ทุกคน โดยต้อนรับทุกฝ่ายและเข้าถึงได้เสมอ
     
  • โอกาสสำหรับทุกคน: สร้างการเข้าถึงโอกาสที่เท่าเทียมกันอย่างไม่มีอุปสรรคต่อความสำเร็จที่ Tommy Hilfiger
     

โครงการของ Tommy Hilfiger ขับเคลื่อนโดยของบริษัทแม่ PVH Corp ที่มีกลยุทธ์ Forward Fashion ซึ่งเป็นชุดลำดับความสำคัญ 15 ประการที่ออกแบบมาเพื่อลดผลกระทบด้านลบให้เป็นศูนย์ เพิ่มผลกระทบเชิงบวกถึง 100% และปรับปรุงชีวิตกว่า 1 ล้านคนในห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท

“ผมเปิดร้านแห่งแรกของผม People's Place ในปี 1969 ในบ้านเกิดของผมที่ Elmira เพื่อให้ผู้คนจากทุกพื้นฐานได้มารวมตัวกันและแบ่งปันประสบการณ์วัฒนธรรมร่วมสมัยที่น่าตื่นเต้น” Tommy Hilfiger กล่าว “ในขณะที่แบรนด์ของเรามีการพัฒนาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยได้รับแรงผลักดันจากจิตวิญญาณการต้อนรับทุกฝ่ายนี้ เราจึงมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม  ด้วยโครงการ Make it Possible เราจะก้าวไปอีกขั้นด้วยความมุ่งมั่นของเรา  เรากำลังดำเนินการตามวิสัยทัศน์ของเราด้วยทั้งองค์กรที่มุ่งเน้นและจะบรรลุเป้าหมายนี้ให้ได้”

“ในช่วงวิกฤตด้านสุขภาพ มนุษย์ สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ เรามีความรับผิดชอบร่วมกันในการค้นหาวิธีการแก้ปัญหาที่เป็นนวัตกรรมที่จะส่งเสริมให้เกิดการรวมตัวกันและสร้างอนาคตที่เป็นระบบหมุนเวียนมากขึ้น” Martijn Hagman ซีอีโอของ Tommy Hilfiger Global และ PVH Europe กล่าว “เป็นธรรมชาติของเราที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงแม้ในช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุด  ด้วยเหตุนี้เราจึงประกาศโครงการ Make it Possible ที่เป็นความทะเยอทะยานของเราโดยสรุปเป้าหมาย 24 ประการภายในปี 2573  Tommy Hilfiger มีประวัติยาวนานนับหลายสิบปีในการขับเคลื่อนอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น รวมถึงการบุกเบิกกระบวนการผลิตยีนส์ที่มีผลกระทบต่ำ การสนับสนุนการดูแลน้ำ และการสร้างคอลเลกชันที่ต้อนรับทุกฝ่ายมากขึ้น  Make it Possible คือวิธีหนึ่งที่เราจะทำงานร่วมกันเพื่อสร้างอุตสาหกรรมแฟชั่นที่ยั่งยืนยึ่งขึ้น”

Make it Possible ถือเป็นก้าวล่าสุดในการเดินทางสู่ความยั่งยืนของ Tommy Hilfiger  ความสำเร็จที่สำคัญ ได้แก่ การเปิดตัว Tommy Hilfiger Adaptive ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้การแต่งกายง่ายขึ้นสำหรับผู้ใหญ่และเด็กที่มีความพิการและ Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ซึ่งเป็นโครงการระดับโลกที่มุ่งสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพและสเกลอัพที่พัฒนาโซลูชันที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและความยั่งยืนในแฟชั่น  เมื่อไม่นานมานี้ Tommy Hilfiger ได้เปิดตัวโครงการ People's Place เพื่อพัฒนาตัวแทนของชุมชนคนผิวดำ คนพื้นเมือง และคนผิวสี (BIPOC) ในอุตสาหกรรมแฟชั่นและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์  ในปัจจุบันนักออกแบบ Tommy Hilfiger มากกว่า 80% ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับกลยุทธ์การออกแบบระบบหมุนเวียนและในปี 2019 ผ้าฝ้าย 72% ที่ใช้ทั่วโลกมาจากแหล่งที่ยั่งยืน  นอกจากนี้ผ้ายีนส์กว่า 2 ล้านชิ้นยังได้รับการออกแบบให้ลดแรงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งช่วยลดปริมาณน้ำและพลังงานที่ใช้ตามฤดูกาล  แต่ละคอลเลกชั่นคอลเลกชั่นของ TOMMY HILFIGER มีสไตล์ที่ยั่งยืนมากขึ้นในคอลเลกชั่นโดยเห็นได้จากรูปแบบที่ยั่งยืนมากขึ้น 50% สำหรับฤดูใบไม้ผลิปี 2564 ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นสองเท่าจากฤดูใบไม้ผลิปี 2563

โดยตระหนักว่าไม่มีบริษัทใดสามารถเปลี่ยนแนวความยั่งยืนได้เพียงลำพัง Tommy Hilfiger ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของ PVH Corp. ได้เข้าร่วมพันธมิตรในอุตสาหกรรมโดยการลงนาม The Fashion Pact ในเดือนสิงหาคม 2562 รวมทั้งเข้าร่วมโครงการ Ellen MacArthur Foundation Make Fashion Circular และ Jeans Redesign  ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Tommy Hilfiger ได้ร่วมมือกับ WWF เพื่อจัดการกับความเสี่ยงด้านน้ำในสถานที่ตั้งของห่วงโซ่อุปทานเชิงกลยุทธ์ ซึ่งรวมถึงการฝึกอบรมเกี่ยวกับการจัดการความเสี่ยงด้านน้ำสำหรับซัพพลายเออร์และนิคมอุตสาหกรรมในลุ่มแม่น้ำไท่หูของจีนและทำหน้าที่เป็นพันธมิตรผู้ก่อตั้งโครงการดูแลแหล่งน้ำใหม่ในเวียดนามในลุ่มน้ำโขง

ตลอดการเดินทาง Tommy Hilfiger จะแบ่งปันความคืบหน้า สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Make it Possible และภาพรวมความสำเร็จทั้งหมด ไปที่: sustainability.tommy.com

เกี่ยวกับ Tommy Hilfiger

ด้วยผลงานแบรนด์ที่มี TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS, Tommy Hilfiger เป็นหนึ่งในดีไซเนอร์พรีเมี่ยมที่ได้รับการยอมรับที่สุดของโลก โดยมุ่งเน้นที่การออกแบบและจำหน่ายเสื้อผ้าและชุดกีฬาสำหรับผู้ชาย เครื่องแต่งกายและชุดกีฬาสำหรับผู้หญิง เสื้อผ้าเด็ก คอลเลกชันเดนิม ชุดชั้นใน (รวมทั้งเสื้อคลุม ชุดนอน และชุดใส่ในบ้าน) รองเท้าและเครื่องประดับ  Tommy Hilfiger ได้รับลิขสิทธิ์ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ที่ครบครันเช่นแว่นตา นาฬิกา น้ำหอม ชุดว่ายน้ำ ถุงเท้า เครื่องหนังขนาดเล็ก ของใช้ในบ้าน และกระเป๋าเดินทาง  กลุ่มผลิตภัณฑ์ TOMMY JEANS ประกอบด้วยชุดยีนส์และรองเท้าสำหรับผู้ชายและผู้หญิง เครื่องประดับและน้ำหอม Tommy Hilfiger    สินค้าภายใต้แบรนด์TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS วางจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคทั่วโลกผ่านทางเครือข่ายร้านค้าที่กว้างขวางของ Tommy Hilfiger และ TOMMY JEANS ร้านปลีกชั้นนำพิเศษและห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีกออนไลน์และ tommy.com

เกี่ยวกับ PVH Corp.

PVH เป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ได้รับความชื่นชมมากที่สุดในโลก  เรานำแบรนด์ที่ขับเคลื่อนแฟชั่นไปข้างหน้า โดยแบรนด์ของเราประกอบด้วย CALVIN KLEIN, TOMMY HILFIGER, Van Heusen, IZOD, ARROW, Warner's, Olga และ Geoffrey Beene แบรนด์ตลอดจนแบรนด์เน้นดิจิทัล True&Co.  เราจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายภายใต้แบรนด์โด่งดังที่เหล่านี้ทั้งในและต่างประเทศ  PVH มีผู้ร่วมงานกว่า 40,000 คนที่ดำเนินงานในกว่า 40 ประเทศและมีรายได้ 9.9 พันล้านดอลลาร์ต่อปี  นั่นคือพลังของเรา นั่นคือพลังของ PVH

ติดตามเราได้ที่ Facebook, Instagram, Twitter และ LinkedIn

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200830005002/en/

ติดต่อ:

Tommy Hilfiger
Baptiste Blanc
Sr. Director, Communications and Earned Media (ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการสื่อสาร)
Baptiste.Blanc@tommy.com
+31 62904 2334

การท่องเที่ยวฮ่องกง เตรียมนำเทศกาล Hong Kong Wine & Dine Festival สู่โลกออนไลน์

Logo

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–21 สิงหาคม 2563

ด้วยสถานการณ์ความไม่แน่นอนจากวิกฤติการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 การท่องเที่ยวฮ่องกงได้ประกาศเตรียมจัดงานใหญ่ประจำปีอย่างเทศกาล “Hong Kong Wine & Dine Festival” ในรูปแบบออนไลน์เป็นครั้งแรก

Hong Kong Wine & Dine Festival (Photo: Business Wire)

Hong Kong Wine & Dine Festival (รูปภาพ: Business Wire)

ดร.วาย เค แปง (Dr YK Pang) ประธานการท่องเที่ยวฮ่องกง กล่าวถึงการจัดงานรูปแบบใหม่ครั้งนี้ว่า “เทศกาล Hong Kong Wine & Dine ถือเป็นหนึ่งในอีเว้นท์ที่มีชื่อเสียงที่สุดสำหรับทั้งชาวฮ่องกงและนักท่องเที่ยวตลอดช่วงสิบปีที่ผ่านมานับตั้งแต่มีการจัดงานขึ้นเป็นครั้งแรก แม้ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปีนี้ เราก็หวังว่าผู้คนจะยังได้สัมผัสประสบการณ์ด้านวัฒนธรรมอาหารที่มีเอกลักษณ์ของฮ่องกง พร้อมกับช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของฮ่องกงท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่มีความท้าทายเช่นนี้ การจัดงานในรูปแบบเทศกาลออนไลน์ในปีนี้จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดการด้านสาธารณสุขและความปลอดภัย”

ดร. แปง กล่าวเพิ่มเติมว่า “เทศกาล Hong Kong Wine & Dine ในรูปแบบออนไลน์นี้ จะยังคงบรรยากาศที่สนุกสนานและมีชีวิตชีวาอันเป็นสเน่ห์ของงานนี้เอาไว้อย่างครบถ้วน ด้วยการมอบประสบการณ์การลิ้มรสอาหารและไวน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟนำเสนอโดยกูรูผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้ ด้วยรูปแบบงานเทศกาลออนไลน์ เราได้ขยายระยะเวลาของเทศกาลออกไป จากปกติ 4 วันเป็นหลายสัปดาห์ เพื่อให้ผู้คนสามารถร่วมงานได้จากทุกที่ทุกเวลามากยิ่งขึ้น”

เพื่อรักษากลิ่นอายและเอกลักษณ์แบบฉบับของเทศกาลให้ได้มากที่สุด การท่องเที่ยวฮ่องกงเลยสร้างพื้นที่ออนไลน์เพื่อเป็นศูนย์กลางรวบรวมโปรแกรมและกิจกรรมต่าง ๆ ของเทศกาลที่จะเกิดขึ้นเข้าไว้ด้วยกัน บริษัทผู้จัดจำหน่ายไวน์หลากหลายแบรนด์เตรียมมอบส่วนลดพิเศษ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่คัดสรรมาสำหรับเทศกาลนี้โดยเฉพาะ โดยผู้ร่วมงานสามารถเลือกดูและซื้อผลิตภัณฑ์ได้ผ่านช่องทางออนไลน์ตามความสะดวก นอกจากนี้ จะมีการเชิญนักวิจารณ์อาหารและไวน์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ รวมถึงเชฟและผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ มาบรรยายแนะนำการจับคู่ไวน์กับเมนูอาหารชั้นเลิศในรูปแบบของกิจกรรมเวิร์กชอปและคลาสออนไลน์ด้วย

งานเทศกาล Hong Kong Wine & Dine Festival เริ่มจัดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2552 หลังจากฮ่องกงและเมืองบอร์กโดซ์ (Bordeaux) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเพื่อความร่วมมือด้านธุรกิจที่เกี่ยวกับไวน์ร่วมกัน เทศกาลกลางแจ้งขนาดใหญ่นี้เลยกลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะทาวน์ในเวลาอันรวดเร็ว และได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน10เทศกาลอาหารและไวน์นานาชาติที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกโดยนิตยสาร Forbes Traveler

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน “Hong Kong Wine & Dine Festival” สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์การท่องเที่ยวฮ่องกง DiscoverHongKong.com

-จบ –

สื่อมวลชนสามารถดาวน์โหลดรูปภาพ ได้จากลิงก์ด้านล่างนี้

หากสื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ

คุณวันดี เลิศสุพงศ์กิจ หรือคุณกมลพิชญ์ พรมบาง

ศูนย์ข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยวฮ่องกงสำหรับสื่อมวลชน

แฟรนคอม เอเชีย

02 233 4329 ต่อ 17 หรือ pr@francomasia.com