Category Archives: Real Estate

International WELL Building Institute เปิดตัว WELL v2 อย่างเป็นทางการ

Logo

WELL v2 เวอร์ชันนี้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตและการพัฒนาของ WELL Building Standard (WELL) โดยเป็นเวอร์ชันที่มีความยืดหยุ่น แข็งแกร่ง ผ่านการทดสอบและรับรองที่มีความเข้มข้นสูงสุด

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–15 กันยายน 2563

หลังการพัฒนา การทดสอบและตรวจสอบการใช้งานอย่างต่อเนื่องมาตลอดสองปี วันนี้ International WELL Building Institute (IWBI) ได้ทำการเปิดตัวมาตรฐานการก่อสร้าง WELL Building Standard หรือ WELL v2 เวอร์ชันล่าสุดอย่างเป็นทางการ โดยมาตรฐานที่เพิ่งเปิดตัวนี้เป็นเวอร์ชันที่มีความยืดหยุ่นและตอบสนองได้รวดเร็วมากที่สุดในบรรดาระบบประเมินของ IWBI ที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน และยังทำหน้าที่เป็นรากฐานในการสร้างระบบนิเวศทั้งหมดของ WELL อีกด้วย

“อาคารบ้านเรือนที่พัฒนา ชุมชนที่มีชีวิตชีวา และองค์กรที่แข็งแกร่งขึ้นคือหัวใจสำคัญในพันธกิจของเรานั้บตั้งแต่ WELL ได้รับการเปิดตัวในปี 2557” Rick Fedrizzi ประธานและซีอีโอของ IWBI กล่าว “เส้นทางที่นำเรามาสู่จุดนี้เป็นเส้นทางที่ยาวไกล แต่เรายืนยันได้ว่า WELL v2 นั้นมีความแกร่ง แข็งแรง และยืดหยุ่นพร้อมเผชิญทุกความท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลกหรือเรื่องความยุติธรรมในสังคม WELL v2 ได้พิสูจน์ให้เเห็นแล้วว่ามีความสอดคล้อง สามารถขยายขนาดเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้ และเป็นระบบประเมินระดับโลกที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว มีความครอบคลุมครบวงจร มีความแข็งแกร่งในเชิงเทคนิค ให้ความสำคับกับลูกค้า และสามารถนำไปใช้ได้กับองค์กรหรือพื้นที่ได้ทุกประเภท”

WELL v2 เป็นพาหนะให้อาคารและองค์กรสามารถสร้างพื้นที่โดยคิดอย่างละเอียดรอบคอบมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับสุขภาพและสวัสดิภาพที่ดีขึ้นให้กับผู้คน ในมาตรฐานประกอบไปด้วยกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่มีเป้าหมายในการพัฒนาสุขภาพของผู้คนผ่านการแทรกแซงด้วยการออกแบบ (Design Intervention) เกณฑ์วิธีเชิงปฏิบัติการ รวมถึงนโยบายและพันธสัญญาที่จะสร้างวัฒนธรรมแห่งการเสริมสร้างสุขภาพและสุขภาวะที่ดี WELL v2 ซึ่งต่อยอดจากรากฐานของ WELL Building Standard (WELL v1) เวอร์ชันแรกนั้นสะสมความเชี่ยวชาญจากชุมชนผู้ใช้ WELL ที่มีความหลากหลาย ผู้ชำนาญด้านการแพทย์และการออกแบบ ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข และนักวิทยาศาสตร์ด้านอาคารจากทั่วโลก

WELL v2 รวมเอาทุกสิ่งจากระบบก่อนหน้ามาไว้ในระบบประเมินเวอร์ชันล่าสุดและออกแบบให้สามารถสร้างความสะดวกให้กับโครงการทุกประเภทในทุกภาคส่วน โดยมีการตั้งเป้าให้ระบบดังกล่าวเติบโตในแง่ของความเชี่ยวชาญแบบเฉพาะด้านเพื่อสามารถรองรับประเภทโครงการและพื้นที่ได้อย่างหลากหลายต่อไป รวมถึงเพื่อตอบสนองหลักฐานใหม่ ๆ และความจำเป็นด้านสาธารณสุขที่มีวิวัฒนาการอยู่ตลอดเวลา มาตรฐานนี้เกิดขึ้นบนแนวคิด 10 ด้าน ได้แก่ อากาศ น้ำ อาหารเพื่อสุขภาพ แสง การเคลื่อนที่ สภาวะสบายเชิงความร้อน (thermal comfort) เสียง วัสดุ ความคิด และชุมชน ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพและสุขภาวะที่ดีของมนุษย์

ความสำคัญขององค์ประกอบในแนวคิดเหล่านี้ถูกเน้นย้ำด้วยหลักฐานที่มีอยู่ในปัจจุบันซึ่งเชื่อมโยงกับการออกแบบ นโยบาย และกลยุทธ์ด้านอาคารที่จะนำมาซึ่งผลลัพธ์ทางด้านสุขภาพและสุขภาวะที่ดี และยังได้รับการรับรองโดยหน่วยงานภายนอกอย่าง Green Business Certification Inc. (GBCI) โดยผ่านการทดสอบทั้งด้านเอกสารและ/หรือประสิทธิภาพ ได้รับการทดสอบในระยะนำร่องทั้งในเวอร์ชัน WELL v1 และ/หรือ WELL v2 และแสดงให้เห็นว่าได้รับการยอมรับและนำไปใช้และในโครงการต่าง ๆ กว่า 3,300 โครงการในหลากหลายประเภท บนพื้นที่กว่า 413 ล้านตารางฟุต ใน 54 ประเทศ และยังรวมข้อมูลจากภายนอกจากชุมชนของผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและการออกแบบที่มีความหลากหลาย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่อง ผู้ใช้ และบุคคลภายนอกอื่น ๆ

“ในฐานะเครื่องมือชั้นนำด้านการพัฒนาสุขภาพและสุขภาวะที่ดีระดับโลก WELL Building Standard จะช่วยให้ผู้คนทำงาน ใช้ชีวิต ทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพพร้อมสุขภาพที่ดี IWBI ที่มี WELL เป็นพาหนะ จะช่วยเปลี่ยนสิ่งที่เรารู้ให้เป็นสิ่งที่เราปฏิบัติ” Rachel Gutter ประธาน IWBI กล่าว “เรานำสิ่งที่เราได้เรียนรู้มาไว้ในระบบประเมินที่เข้าถึงและปรับเปลี่ยนได้ รวมทั้งมีความเป็นธรรมมากขึ้น และจะยังคงยึดการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ และแนวปฏิบัติที่ดีของอุตสาหกรรมต่อไป WELL v2 ได้แสดงให้เห็นแล้วว่ามีความยืดหยุ่น ตรวจสอบได้ และพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงโลก”

นอกจากนี้ Gutter ยังกล่าวเสริมว่า “นับตั้งแต่การเปิดตัวมาตรฐาน WELL v2 เวอร์ชันนำร่องในปี 2561 เราได้ทำงานกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อนำความคิดเห็นของสมาชิกหลายพันคนจากชุมชนทั่วโลกมาปรับใช้เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด มีการตรวจสอบทุกกลยุทธ์และทดสอบหัวข้อต่างๆ อย่างครบถ้วนไม่ขาดตก หลังจากที่มาตรฐาน WELL v2 ผ่านการทดสอบในระยะนำร่องแล้ว ช่วงเวลานี้ถือเป็นจุดสุดยอดของปีแห่งการสร้างสรรค์ร่วมกันที่จะขยายออกไปสู่อาคาร ชุมชน และองค์กรต่างๆ ทั่วโลก”

มาตรฐาน WELL v2 ในระยะนำร่องถูกนำมาใช้โดยชุมชน IWBI ทั่วโลกอย่างรวดเร็ว และนับตั้งเเต่มีีการปล่อยให้ใช้ มีโครงการต่าง ๆ กว่า 3,300 โครงการลงทะเบียนเพื่อขอรับการรับรอง WELL Certification ภายใต้มาตรฐานนี้ องค์ประกอบที่เป็นกุญแจสำคัญของกระบวนการพัฒนาสำหรับ WELL คือการทำให้ได้มาซึ่งข้อมูลจากบุคคลหลากหลายกลุ่ม ในช่วงระยะนำร่องตลอดสองปี มาตรฐาน WELL v2 ผ่านการปรับปรุงและปรับโฉมอย่างต่อเนื่องผ่านขั้นตอนการพัฒนาที่มีความเข้มข้น และการรับฟังความเห็นจากสาธารณะเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งนำมาสู่ความเห็นหลายร้อยความเห็น รีวิวและความคิดเห็นจากที่ปรึกษาด้านแนวคิดของ WELL 150 ชุด รวมถึงความคิดเห็นหลายพันชุดจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องระหว่างขั้นตอนแสดงความคิดเห็นขั้นสุดท้าย และภาคผนวก และภาคผนวกที่นำเสนอคำอธิบายและกลยุทธ์ที่สนับสนุนการนำมาตรฐาน WELL v2 ในระยะนำร่องมาใช้กับโครงการในสถานที่ต่าง ๆ ที่ได้รับการตีพิมพ์ทั้งหมด 8 ชิ้น นอกจากนี้ ทีม IWBI Task Force on COVID-19 ซึ่งประกอบด้วยผู้นำทางความคิดที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก 16 รายที่เข้ามามีบทบาทในฐานะประธานร่วม ผู้นำตลาดและผู้เชี่ยวชาญเกือบ 600 คนจาก 30 ประเทศ ยังได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นอีกหลายพันความคิดเห็นตลอดช่วง 40 วันของกิจกรรมสุดเข้มข้นเพื่อประเมินทิศทางของ WELL v2 ที่จะสามารถเสริมสร้างให้แกร่งยิ่งขึ้น เพื่อสนับสนุนเกี่ยวกับการป้องกัน การเตรียมความพร้อม ความยืดหยุ่นและการฟื้นฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป

นอกจากการสนับสนุนด้านการสอนที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ไปจนถึงการวิจัยที่เจาะลึกเพื่อสร้างโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์และเรียนรู้จากกลุ่มเพื่อนแล้ว WELL v2 ยังมาพร้อมเเพ็คเกจส่วนเสริม ผลิตภัณฑ์และบริการที่จะพลิกโฉมวิธีที่องค์กรมีส่วนร่วมกับ WELL และชุมชนที่กำลังเติบโตทั่วโลก ตลอดทั้งปีที่เหลือ IWBI จะแนะนำทรัพยากรและเครื่องมือใหม่ ๆ ที่จะเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนสามารถมีส่วนร่วมซึ่งกันและมีส่วนร่วมกับแพลตฟอร์มดิจิทัลของ IWBI เครื่องมือ WELL v2 Skybridge ใหม่ ซึ่งพร้อมใช้งานแล้วขณะนี้ ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานประเมินความคล้ายคลึงและความแตกต่างที่สำคัญ ๆ ระหว่างมาตรฐาน WELL v2 เวอร์ชันนำร่องและ WELL v2 เวอร์ชันทางการ 

หลังสิ้นสุดระยะนำร่องของมาตรฐาน WELL v2 โครงการ WELL v2 เวอร์ชันนำร่อและโครงการ WELL v1 จะปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 31 ธันวาคม 2563 แบบทดสอบ WELL AP จะยังคงใช้เนื้อหาตามมาตรฐาน WELL v1 จนถึงปลายปี 2564

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรฐาน WELL v2 ได้ที่ https://v2.wellcertified.com/wellv2/en/overview และสามารถเข้าร่วมการประชุมทางไกลหัวข้อ Let's celebrate: WELL v2 is here ได้ในวันที่ 24 กันยายน 2563 นี้

เกี่ยวกับ International WELL Building Institute

The International WELL Building Institute (IWBI) คือผู้นำการเคลื่อนไหวที่จะพาโลกสู่การเปลี่ยนแปลงในด้านอาคารและชุมชน ด้วยวิธีการที่จะช่วยให้ผู้คนประสบความสำเร็จในเรื่องต่างๆ มากขึ้น สิ่งที่องค์กรให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือวิธีการที่จะทำให้อาคารและชุมชน และทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น มีความสบายมากขึ้น สร้างทางเลือกที่ดีกว่า และยกระดับสุขภาพกายและสุขภาพใจของผู้คนให้ดีขึ้น WELL v2 เป็นเวอร์ชันล่าสุดของมาตรฐาน WELL Building Standard (WELL) ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และโครงการนำร่อง WELL Community Standard เป็นระบบให้คะแนนในระดับเขตที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการสร้างชุมชนสุขภาพดีทั่วโลก ระบบประเมิน WELL Health-Safety Rating เป็นการประเมินจากหลักฐานและรับรองโดยหน่วยงานภายนอกที่สามารถใช้ได้กับอาคารทุกประเภท ซึ่งให้ความสำคัญกับนโยบายเชิงปฏิบัติการ เกณฑ์วิธีด้านการบำรุงรักษา แผนฉุกเฉิน และการศึกษาของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อรับมือกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) และปัญหาด้านสุขภาพและความปลอดภัยที่กว้างขึ้นต่อไปในอนาคต IWBI ขับเคลื่อนชุมชนสุขภาพด้วยการจัดการของ WELL AP การแสวงหางานวิจัยที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ การพัฒนาด้านแหล่งทรัพยากรทางการศึกษา และการสนับสนุนด้านนโยบายที่จะส่งเสริมสุขภาพและสุขภาวะที่ดีทั่วโลก IWBI เป็นสมาชิก United Nations Global Compact ซึ่งเป็นโครงการด้านการเป็นพลเมืองที่ดีขององค์กรที่ใหญ่ที่สุดของโลก และช่วยเหลือให้บริษัทพัฒนาตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) โดยใช้ WELL สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่นี่

International WELL Building Institute, IWBI, the WELL Building Standard, WELL v2, WELL Certified, WELL AP, WELL Portfolio, WELL Portfolio Score, The WELL Conference, We Are WELL, the WELL Community Standard, WELL Health-Safety Rating, WELL Health-Safety Rated, WELL Workforce, WELL และอื่น ๆ รวมถึงโลโก้ที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายรับรองของ International WELL Building Institute pbc ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200915006099/en/

ติดต่อ:
Judith Webb, media@wellcertified.com

SL Green ฉลองการเปิด One Vanderbilt Avenue ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์

Logo

ตึกสูง 1,401 ฟุตสร้างนิยามใหม่ให้กับวิวตึกระฟ้าของแมนฮัตตัน สร้างเทรนด์สถานที่ทำงานที่ทันสมัย และการันตีอนาคตอันสดใสของมหานครนิวยอร์ก

SL Green เปิดตัวการลงทุนเอกชนมูลค่า 220 ล้านดอลลาร์ในพื้นที่สาธารณะซึ่งรวมถึงการสร้างลานสาธารณะแห่งใหม่ ห้องโถงสำหรับเปลี่ยนรถไฟ และการเพิ่มความจุในสถานี Grand Central Terminal

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–14 ก.ย. 2563

SL Green Realty Corp. (NYSE: SLG) เจ้าของสำนักงานที่ใหญ่ที่สุดในแมนฮัตตัน ร่วมกับ Hines และ National Pension Service of Kore ซึ่งเป็นหุ่นส่วน ได้เปิดตัว One Vanderbilt Avenue ซึ่งเป็นอาคารสูงเสียดฟ้าใจกลางย่าน East Midtown ในวันนี้ โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ขนส่ง ผู้นำแรงงาน ผู้เช่าอาคารและทีมพัฒนา  มาร่วมเข้าร่วมในพิธีตัดริบบิ้นกับผู้นำ SL Green เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดตัวไอคอนใหม่ล่าสุดของนครนิวยอร์กอย่างเป็นทางการ โดยอาคารดังกล่าวได้รับใบรับรองให้ตั้งอยู่ที่นั่น หรือ Temporary Certificate of Occupancy อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200914005672/en/

Standing 1,401 feet tall and totaling 1.7 million square feet, One Vanderbilt offers an unparalleled package of amenities, innovative office design, technology offerings, best-in-class sustainability practices and a prime location at the doorstep of Grand Central Terminal. The iconic tower is the tallest office tower in Midtown Manhattan. (Photo: Business Wire)

อาคาร One Vanderbilt ซึ่งมีความสูง 1,401 ฟุตและมีพื้นที่รวม 1.7 ล้านตารางฟุต นำเสนอแพ็คเกจสิ่งอำนวยความสะดวกที่ไม่มีใครเทียบได้ ที่มาพร้อมกับการออกแบบสำนักงานระดับนวัตกรรม การนำเสนอเทคโนโลยี แนวทางปฏิบัติด้านความยั่งยืนที่ดีที่สุด และตั้งอยู่ในทำเลที่ดีเยี่ยม ซึ่งอยู่ติดกับสถานีรถไฟ Grand Central Terminal ทั้งนี้หอคอยระดับไอคอนแห่งนี้จะเป็นอาคารสำนักงานที่สูงที่สุดในมิดทาวน์แมนฮัตตัน (ภาพ: Business Wire)

ที่ความสูง 1,401 ฟุต One Vanderbilt กลายเป็นสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของบริษัทต่าง ๆ ทั้งด้านการเงิน การธนาคาร กฎหมาย และอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของโลกหลายแห่ง และมีผู้เช่าประมาณ 70% โดยตึกระฟ้าขนาด 1.7 ล้านตารางฟุตนำเสนอสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหนือชั้น การออกแบบสำนักงานระดับนวัตกรรม การนำเสนอเทคโนโลยี แนวทางปฏิบัติด้านความยั่งยืนที่ดีที่สุด และทำเลที่ตั้งที่ดีเยี่ยมที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ Grand Central Terminal มาก ๆ

“วันนี้เราภูมิใจที่ได้เปิด One Vanderbilt Avenue อย่างเป็นทางการ ถือเป็นการเพิ่มอนุสาวรีย์แห่งใหม่ให้กับวิวตึกระฟ้าของแมนฮัตตันที่ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งมีส่วนช่วยในการฟื้นฟู East Midtown และเป็นการย้ำเจตนารมณ์ในการกำหนดอนาคตที่สดใสสำหรับเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก” Marc Holliday ประธานและซีอีโอ ของ SL Green กล่าว “One Vanderbilt มีทำเลที่ดีที่สุดในแมนฮัตตัน ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของบริษัทชั้นนำระดับโลกและเป็นที่ตั้งของพื้นที่และมุมมองที่น่าทึ่งที่สุดในนิวยอร์กซิตี้ ทั้งนี้ One Vanderbilt ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับมหานครนิวยอร์ก และวันนี้เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะส่งมอบการโครงการพัฒนาปรับปรุงสาธารณะเป็นชุด ๆ ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากเอกชนทั้งบริเวณในและรอบ ๆ Grand Central Terminal ให้กับชาวนิวยอร์ก”

ความร่วมมือภาครัฐและเอกชน

One Vanderbilt แสดงให้เห็นถึงโมเดลใหม่สำหรับวิธีที่ภาคเอกชนและรัฐบาลสามารถทำงานร่วมกันเพื่อส่งมอบผลประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานสาธารณะที่สำคัญซึ่งสร้างขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง City of New York และ Metropolitan Transportation Authority ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างประวัติศาสตร์ของย่าน East Midtown

วันนี้ SL Green เปิดตัวแพคเกจพื้นที่สาธารณะแบบเปิดมูลค่า 220 ล้านดอลลาร์และการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งซึ่งจะช่วยบรรเทาความแออัดยัดเยียดบนชานชาลารถไฟใต้ดิน เพิ่มการไหลเวียนของผู้โดยสารในและรอบ ๆ อาคารผู้โดยสาร และสร้างทางเดินใหม่ที่ตรงไปยังทางรถไฟที่ไปสู่ภูมิภาค

การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานรวมถึงห้องโถงขนส่งสาธารณะแห่งใหม่ขนาด 4,000 ตารางฟุตภายในอาคาร โดยให้การเชื่อมต่อที่ดีขึ้นไปยังรถไฟ Metro-North รถไฟไปยังไทม์สแควร์และสถานี Long Island Rail Road ในอนาคตซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ East Side Access  โดยพื้นที่ติดกับห้องโถงขนส่งเป็นลานสำหรับคนเดินแห่งใหม่ขนาด 14,000 ตารางฟุต บนถนน Vanderbilt ระหว่างถนนสาย 42 และ 43 ตะวันออก

SL Green ยังได้สร้างทางเข้ารถไฟใต้ดินระดับถนนใหม่อีก 2 ทางและเปิดทางเชื่อม Mobil Passageway อีกครั้ง ซึ่งสามารถเชื่อมต่อสถานีแกรนด์เซ็นทรัลกับทางเข้าใหม่ที่มุมตะวันออกเฉียงใต้ของถนนหมายเลข 42 และ Lexington Avenue สถานการณ์ความคับคั่งของผู้โดยสารภายในสถานีรถไฟใต้ดิน Grand Central ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก โดยมีพื้นที่หมุนเวียนบนชั้นลอยเพิ่มขึ้น 37% มีบันไดใหม่ระหว่างชั้นลอยและชานชาลาของรถไฟใต้ดินเส้น 4, 5, 6 และ 7 เพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น รวมถึงลิฟต์ ADA หนึ่งตัวตัวใหม่ พร้อมบันไดเลื่อนและลิฟต์ใหม่อีกมากมาย ร่วมกับประตูหมุนและประตูเพิ่มเติมและบันไดที่เชื่อมไปยังไทม์สแควร์ การปรับเปลี่ยนเหล่านี้จะช่วยบรรเทาความแออัดบนชานชาลาส่งผลให้มีรถไฟผ่านสถานีเพิ่มขึ้นอย่างน้อยหนึ่งลำต่อชั่วโมง

การปรับปรุงระบบขนส่งของ SL Green ที่สถานี Grand Central Terminal ช่วยเสริมโครงการโครงการเชื่อมถนนหมายเลข 42  ของ MTA Construction & Development เมื่อโครงการเชื่อมถนนหมายเลข 42 เสร็จสิ้นแล้ว มันจะเชื่อมต่อกับทางเดินขนส่งใต้ถนนหมายเลข 42 อย่างราบรื่นยิ่งขึ้นเพื่อให้ทรานสเฟอร์ง่ายขึ้น ลดเวลาในการเดินทางโดยรวมสำหรับลูกค้า และขยายการเข้าถึงระบบสำหรับลูกค้าที่มีความทุพพลภาพ ใช้รถไฟสาย 42 St ได้ จากสถิติคนเดินผ่านทางเดิน 42 St มากกว่า 1.1 ล้านทุกวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าจำนวนผู้โดยสารของระบบรถไฟใต้ดินและรถประจำทางทั้งหมดของบอสตันในหนึ่งวัน

“ ในขณะที่เราสร้างเมืองที่เป็นธรรมมากขึ้นและดีขึ้น เราจำเป็นต้องมีโครงการพัฒนาที่คำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ อย่างรอบคอบ อย่างเช่น One Vanderbilt มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม” นายกเทศมนตรี de Blasio กล่าว “ ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเช่นนี้จะช่วยให้เมืองนิวยอร์กกลับมาแข็งแกร่งและช่วยฟื้นฟูศูนย์กลางธุรกิจหลัก ๆ อย่าง Midtown East  ผมภูมิใจที่ได้ยืนหยัดร่วมกับพันธมิตรของเราในแวดวงธุรกิจในวันนี้ และหวังว่าจะได้ร่วมงานกับพวกเขาในโครงการที่กล้าหาญและทะเยอทะยานอื่น ๆ ในอนาคตอีก”

“ ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะเจาะกว่าครั้งไหน ๆ ที่เราต้องแสดงให้เพื่อนชาวนิวยอร์กเห็นว่าเรายังคงสามารถบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในเมืองนี้ได้ การสร้าง One Vaderbilt จนเสร็จสิ้นและการเปิด One Vanderbilt เป็นหนึ่งในสิ่งเหล่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ สำหรับผู้ที่ทำงาน ผู้ใช้ชีวิตและ ผู้เดินทางผ่านย่านแกรนด์เซ็นทรัล พวกเขาจะเห็นผลกระทบที่ดีขึ้นในทันทีต่อคุณภาพชีวิตของพวกเขาผ่านผลประโยชน์สาธารณะที่เราสร้างให้พวกเขาได้” Gale A. Brewer ประธานเขต Manhattan Borough กล่าว “ เริ่มตั้งแต่การอัพเกรดระบบขนส่งสาธารณะบนชานชาลารถไฟใต้ดิน การเชื่อมต่อโดยตรงไปยังสายภูมิภาค และลานสาธารณะแห่งใหม่นอกแกรนด์เซ็นทรัล สิ่งเหล่านี้เป็นการปรับปรุงที่สำคัญซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อชุมชนนี้ในอีกหลายปีข้างหน้า ฉันอยากขอบคุณ SL Green สำหรับการเป็นพันธมิตรที่ยอดเยี่ยมและการดำเนินการฟื้นฟู East Midtown อย่างต่อเนื่องให้เป็นย่านธุรกิจชั้นนำแห่งหนึ่งของโลก”

“ การปรับโฉม East Midtown เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ในการปรับปรุง Midtown ให้ทันสมัยในขณะที่เชื่อมต่อการเติบโตใหม่ ๆ กับระบบขนส่งสาธารณะและพื้นที่เปิดโล่ง (open space)” Keith Powers สมาชิกสภากล่าว “ วันนี้ One Vanderbilt เป็นโครงการสำคัญโครงการแรกที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว เราทุกคนสามารถตั้งคารอคอยภาพชาวนิวยอร์กที่จะได้ใช้รถไฟใต้ดินที่อัพเกรดใหม่และพื้นที่สาธารณะรอบ ๆ แกรนด์เซ็นทรัลในอนาคต เอาไว้ได้เลย”

“แกรนด์เซ็นทรัลเป็นหนึ่งในสถานีรถไฟใต้ดินที่พลุกพล่านที่สุดในนิวยอร์กและในโลก ความจุทางเข้าและขาออกที่ถูกเพิ่มเติมจากการอัพเกรดที่ล้ำสมัยเหล่านี้จะทำให้คนเดินในสถานีนำได้ง่ายขึ้นและปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า” Janno Lieber ประธานฝ่ายการก่อสร้างและพัฒนา MTA กล่าว “ โครงการนี้ยังแสดงให้เห็นว่าองค์กร MTA C&D แห่งใหม่ใช้ประโยชน์จากการลงทุนส่วนตัวเพื่อส่งมอบโครงการได้เร็วขึ้น ดีขึ้นและถูกลงได้อย่างไร One Vanderbilt เป็นหลักฐานยืนยันการฟื้นคืนชีพของ East Midtown และการบรรลุโครงการ East Side Accessในปี 2565 จะทำให้สถานะของเขตนี้แข็งแกร่งขึ้นถึงขีดสุด "

สำนักงานใหญ่ของบริษัทชั้นนำต่าง ๆ ด้านการธนาคาร การเงินและกฎหมายระดับโลก

บัญชีรายชื่อผู้เช่าที่แข็งแกร่งของตึกเต็มไปด้วยบริษัทการเงิน การธนาคารกฎหมายและอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ซึ่ง One Vanderbilt มีผู้เช่าเกือบ 70% แล้ว ผู้เช่าของอาคารรวมถึง TD Securities บริษัท ด้านการธนาคารและการลงทุนชั้นนำที่ให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการด้านตลาดทุนที่หลากหลายและ TD Bank,  America's Most Convenient Bank ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา บริษัท The Carlyle Group, KPS Capital Partners, Oak Hill Advisors, InTandem Capital, SageWind Capital และ Sentinel Capital Partners ซึ่งเป็นสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียง Greenberg Traurig and McDermott Will & Emery, DZ Bank บริษัทการเงินระดับโลกของเยอรมัน, MFA Financial Inc. ทรัสต์และบริษัทมหาชนเพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์  และ SL Green Realty Corp.

“ในฐานะผู้เช่ารายใหญ่ที่สุด โครงการ  One Vanderbilt ของ TD เป็นภาพสะท้อนของการเติบโตและความมุ่งมั่นของเราที่มีต่อนิวยอร์กซิตี้” Greg Braca ประธานและซีอีโอของ TD Bank, America’s Most Convenient Bank กล่าว “ ความปรารถนาของเราที่จะรวมหลายหน่วยงานเอาไว้ในอาคารที่โดดเด่นเพียงแห่งเดียวทำให้เกิดวิทยาเขตที่มีความก้าวหน้าสำหรับลูกค้า สำหรับเพื่อนร่วมงาน และชุมชนของเรา One Vanderbilt จะเป็นที่ตั้งของหน่วยธุรกิจหลายรายรวมถึง TD Securities และ TD Bank, America’s Most Convenient Bank ซึ่งจะมีหน้าร้าน TD ที่ชั้นล่างสำหรับลูกค้าของเราที่อาศัยหรือทำงานที่นี่ หรือที่แวะมาที่นิวยอร์ก”

ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์

Kohn Pedersen Fox (KPF) Associates เป็นผู้รับผิดชอบการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของ One Vanderbilt ซึ่งประกอบด้วยเครื่องบินสี่ลำที่เชื่อมต่อกันและลำเรียวเล็กไปที่ด้านบนหมุนวนไปบนท้องฟ้า ที่ฐานของตึก การตัดมุมทางด้านทิศใต้ของบล็อกแสดงให้เห็นภาพของสถานี Grand Central Terminal เป็นทอด ๆ เผยให้เห็นมุมบัวอันงดงามของสถานี Granf Terminal ซึ่งเป็นมุมมองที่ถูกบดบังมาเกือบศตวรรษ กำบังหน้าที่ทำจากดินเผาของตึกซึ่งรวมเอากระเบื้องเพดานที่แตกต่างกันแบบเดียวกับที่พบทั่วไปใน Grand Central Terminal ทำให้โครงสร้างที่สูงตระหง่านดูมีพื้นผิวที่ส่องสว่างเป็นธรรมชาติ ทาง American Institute of Architects (AIA) ยังต้องยกย่อง One Vanderbilt และ KPF ด้วยรางวัลอันทรงเกียรติ 2018 AIANY Merit Award สาขาการออกแบบเมือง

"อาคาร One Vanderbilt เป็นการย้อนตำนานยุคทองของสถาปัตยกรรมตึกสูงในนิวยอร์ก" James von Klemperer ประธาน KPF และอาจารย์ใหญ่ด้านการออกแบบของ KPF กล่าว"ในฐานะที่เป็นหอคอยรูปทรงสี่เหลี่ยมเรียวแหลม ด้านบนที่โดดเด่นของตึกเด่นเสมออาคาร Empire State และ Chrysler เมื่อมองไปที่วิวของตึกระฟ้า ในขณะเดียวกันการออกแบบตึกนี้ก็ช่วยเพิ่มความเชื่อมโยงด้านจุดประสงค์ทางสังคมและสิ่งแวดล้อม อาคารใหม่เชื่อมต่อทั้งเชิงพื้นที่และเชิงโครงการกับสถานี Grand Central Terminal เราดีใจมากที่สามารถออกแบบตึกระฟ้าเชิงพาณิชย์ที่รองรับวาระสำคัญของการสร้างความยั่งยืนและเพิ่มคุณค่าให้กับพื้นที่สาธารณะในปัจจุบัน โดยรวมแล้วโครงการได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ East Midtown ทำให้ขึ้นมาเป็นผู้นำในการฟื้นฟูย่านธุรกิจเก่าแก่ของแมนฮัตตันต่อไป”

นวัตกรรมด้านสุขภาพและความยั่งยืน

ในฐานะผู้นำระดับโลกในโครงการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล SL Green ได้ลงทุนเป็นจำนวนมูลค่า 17 ล้านดอลลาร์ในการสร้างคุณสมบัติด้านความยั่งยืนที่ One Vanderbilt เพื่อให้มั่นใจว่าตึกแห่งนี้จะรักษารอยเท้าคาร์บอน (carbon footprints) ให้อยู่ในกลุ่มที่ต่ำที่สุดแห่งหนึ่งในบรรดาอาคารที่มีขนาดใกล้เคียงกันในนิวยอร์กซิตี้ ตึกแห่งนี้สร้างขึ้นโดยใช้เหล็กเส้นที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล 90% ซึ่งอาศัยเทคโนโลยีล้ำสมัยซึ่งรวมถึงระบบผลิตโคเจนเนอเรชั่น 1.2 เมกะวัตต์และระบบรวบรวมน้ำฝน 90,000 แกลลอนและมีการควบคุมฉนวนกันความร้อนสำหรับการทำความร้อนและการระบายความร้อนผ่านกระจกที่มีประสิทธิภาพสูง เห็นได้ชัดว่าการดำเนินงานของ One Vanderbilt จะนำไปสู่การได้รับการการันตีด้านสิ่งแวดล้อมหลายประการ ซึ่งรวมถึงการรับรอง LEED และ WELL ระดับสูงสุด

One Vanderbilt จะรวมโครงการริเริ่ม“ SL Green Forward” ซึ่งส่งเสริมความปลอดภัย ความสะอาด และสุขลักษณะที่ดีสำหรับผู้เช่าในระดับสูง One Vanderbilt จะมีแอปพลิเคชั่นแบบสแตนด์อโลนอันเดียวที่มีการควบคุมการเข้าถึงสำหรับผู้เช่า การจัดการผู้เยี่ยมชม และการเรียกลิฟต์ ช่วยให้ผู้เช่าและแขกสามารถเคลื่อนตัวและได้รับประสบการณ์ที่ลื่นไหลเริ่มตั้งแต่จากประตูหมุนไปจนถึงลิฟต์ อาคารจะนำเสนอการควบคุมทางวิศวกรรมเช่นการกรอง MERV-16 และการเพิ่มอากาศจากภายนอกเข้าไปข้างใน นอกจากนี้ SL Green ได้ใช้ Silent Sentinel ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการถ่ายภาพความร้อนที่มีความสามารถในการอ่านคนเป็นจำนวน 100 คนต่อนาทีเพื่อป้องกันการรอคิวนาน

สร้างโดยคนนิวยอร์กเพื่อคนนิวยอร์ก

One Vanderbilt ถูกสร้างขึ้นเสร็จก่อนกำหนดและใช้งบประมาณน้อยกว่าที่คาดโดยทีมสหภาพแรงงานเต็มรูปแบบ ภายใต้การนำของผู้จัดการฝ่ายก่อสร้างจาก AECOM Tishman ซึ่งรวมคนงานมากกว่า 3,000 คนในช่วงเกือบสี่ปี ในช่วงที่มีกิจกรรมสูงสุดจะมีคนงานมากกว่า 1,400 คนอยู่ในสถานที่ทุกวันเพื่อทำให้โครงการเสร็จสมบูรณ์ นอกจากนี้โครงการได้ว่าจ้างผู้รับเหมาช่วงเกือบห้าสิบราย ตึกอันเป็นเอกลักษณ์แห่งนี้ประกอบไปด้วยเหล็กที่ผลิตและประดิษฐ์จากสหรัฐมากกว่าสองหมื่นหกพันตันและคอนกรีตเจ็ดหมื่นสี่พันลูกบาศก์หลา

ความมุ่งมั่นต่อสหภาพแรงงานที่ One Vanderbilt จะดำเนินต่อไปผ่านการดำเนินงานของอาคาร เมื่อมีการดำเนินงานเต็มอัตรา One Vanderbilt จะประกอบด้วยพนักงานสหภาพเกือบ 150 คนจาก  32BJ SEIU, Local 94 และ NUSOG เป็นตัวแทนอยู่ในกลุ่ม

“เนื่องจากความร่วมมือระหว่าง SL Green และ 32BJ ที่ One Vanderbilt ชนชั้นแรงงานชาวนิวยอร์กจะได้รับประโยชน์จากงานใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพสูงในเวลาที่พวกเขาต้องการงานมาก ๆ” Kyle Bragg ประธานของ 32BJ SEIU กล่าว “ ท่ามกลางการแพร่ระบาด โครงการนี้แสดงให้เห็นถึงวิธีที่การพัฒนาใหม่ ๆ สามารถเปิดโอกาสในการสร้างพนักงานบริการ และเสริมสร้างครอบครัวและชุมชนได้”

One Vanderbilt เป็นหนึ่งใบเป็นสัญลักษณ์ของคุณค่าที่เป็นลักษณะพิเศษของ Gerald Hines และนี่ถือเป็นการสานต่อชื่อเสียงของเขาในการจับคู่หุ้นส่วนที่ดีที่สุดในด้านต่าง ๆ และโครงการที่โดดเด่น การออกแบบที่โดดเด่นถือเป็นการให้เกียรติแก่ประเพณีการสร้างตึกระฟ้าที่มีการพัฒนาอยู่เสมอในเมืองนิวยอร์ก” Tommy Craig กรรมการผู้จัดการอาวุโสของ Hines กล่าว “ การดำเนินการที่ไร้ที่ติ ถึงแม้จะมีความท้าทายมากมายในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพและการทำงานอย่างหนักของทีมงานโครงการทั้งหมดและความแข็งแกร่งของความร่วมมือระหว่าง SL Green และ Hines”

“ เราอยากขอบคุณ SL Green สำหรับวิสัยทัศน์และความเป็นผู้นำของพวกเขาและสำหรับการให้เราเข้าร่วมในโครงการที่ยอดเยี่ยมนี้” Jay Badame ประธาน AECOM Tishman กล่าว “ อาคารหลังนี้เป็นมากกว่าสัญลักษณ์ของการฟื้นคืนชีพของมิดทาวน์อีสต์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความอดทนของนิวยอร์กและเป็นการสรรเสริญการค้า ของหลายพันคนที่เป็นผู้สร้างและนำความสำเร็จมาสู่ในเมืองนี้ เราเคยสร้างไอคอนในนิวยอร์กมาก่อน เราทำให้เกิดขึ้นที่นี่ได้แล้ว และเรารู้ว่าเราจะทำมันได้อีกครั้ง "

สิ่งอำนวยความสะดวกที่ไม่มีใครเทียบได้ ได้แก่ ร้านอาหารโดย Daniel Boulud และ Observation Deck

ในไตรมาสแรกของปี 2564 Daniel Boulud เชฟชื่อดังระดับโลกจะเปิดร้านอาหารที่ One Vanderbilt ชื่อ 'Le Pavillon'  โดย Le Pavillon จะมีพื้นที่ 11,000 ตารางฟุตโดยมีเพดานสูง 60 ฟุตตั้งอยู่ที่มุมตะวันออกเฉียงใต้ของชั้นสอง หันหน้าไปทางแกรนด์เซ็นทรัลพร้อมทิวทัศน์อันโดดเด่นของตึกไครสเลอร์

“ผมรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าที่ได้มีโอกาสทำ Le Pavillon ที่ One Vanderbilt  เรากำลังทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อสร้างโอเอซิสแห่งการรับประทานอาหารในใจกลางมิดทาวน์ที่ทุกคนสามารถเพลิดเพลินได้ เมนูของเราจะเน้นไปที่อาหารทะเลและผักที่มีอิทธิพลในท้องถิ่นและตามฤดูกาล โดย Le Pavillon ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมและธรรมชาติ พร้อม ๆ ไปกับการเฉลิมฉลองเสน่ห์ทั้งหมดของมหานครนิวยอร์ก” เชฟ Daniel Boulud กล่าว

ผู้เช่าอาคารทั้งหมดจะได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงแพ็คเกจสิ่งอำนวยความสะดวกที่ไม่มีใครเทียบได้ในอาคารสำนักงานในนิวยอร์กซิตี้ ซึ่งรวมถึงชั้นสิ่งอำนวยความสะดวกพิเศษและเฉพาะสำหรับผู้เช่าขนาด 30,000 ตารางฟุตพร้อมพื้นที่ประชุมขนาดใหญ่ คลับเลานจ์ บริการอาหารที่ได้รับการคัดสรรพิเศษ และระเบียงกลางแจ้งสุดพิเศษที่หันหน้าไปทางแกรนด์เซ็นทรัล พื้นสำนักงานมีความสูงจากพื้นจรดเพดานตั้งแต่ 14.5 ฟุตถึง 24 ฟุต ห้องที่ไร้เสามุมมอง 360 องศาที่สวยงามผ่านหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน และโครงสร้างพื้นฐานที่ดีที่สุด นอกจากนี้ One Vanderbilt จะมีหอดูดาวซึ่งจะเป็นดาดฟ้ากลางแจ้งที่สูงเป็นอันดับสองในนิวยอร์กซิตี้

Twenty Years in the Making

การเดินทางของ One Vanderbilt เริ่มขึ้นในปี 2544 เมื่อ SL Green ซื้อกิจการ ที่ 317 เมดิสันอเวนิว ซึ่งเป็นอาคารแรกในสี่หลังที่เคยตั้งอยู่บนพื้นที่นี้ อสังหาริมทรัพย์อีกสองแห่ง ซึ่งได้แก่ 331 Madison Avenue และ 48 East 43rd Street  ได้ถูกซื้อมาในปี 2550 และอสังหาริมทรัพย์สุดท้าย ซึ่งได้แก่ 51 East 42nd Street ได้มาในปี 2554 แผนการเริ่มต้นสำหรับ One Vanderbilt ได้รับการประกาศในปี 2556 โดยเป็นส่วนหนึ่งของ แผนการเริ่มต้นของเมืองในการกำหนดเขต East Midtown ใหม่โดยมีแผนปรับปรุงในปี 2014 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Vanderbilt Corridor Rezoning ซึ่งมีมูลค่า 220 ล้านดอลลาร์ในการปรับปรุงอาณาจักรสาธารณะภายในและรอบ ๆ สถานี Grand Central Terminal One Vanderbilt  ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นเอกฉันท์จากสภาของเมืองในเดือนพฤษภาคม 2558 และการรื้อถอนเริ่มขึ้นในปลายปีนั้น การวางศิลาฤกษ์อย่างเป็นทางการสำหรับ One Vanderbilt เกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2559  และในปี 2560 บริษัทร่วมทุนได้ถูกตั้งขึ้นกับ Hines และ National Pension Service of Korea

“นี่เป็นความท้าทายที่ซับซ้อนที่สุดที่เราเคยเผชิญโดยมีอุปสรรคด้านกฎระเบียบการเมือง กฎหมาย และวิศวกรรมมากมายนับไม่ถ้วนในทุกย่างก้าว มีหลายช่วงเวลาที่มันยากลำบาก แต่เนื่องจากความเชื่อของเราในเมืองนี้ เราจึงสู้ต่ออย่างไม่ลดละ” Andrew Mathias ประธาน SL Green Realty Corp. กล่าว

Food1st

Food1st เป็นมูลนิธิที่ไม่แสวงหากำไรซึ่งเริ่มต้นในเดือนเมษายนโดย SL Green ร่วมกับเชฟ Daniel Boulud เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนอาหารที่กำลังดำเนินอยู่ในนิวยอร์กซิตี้ที่ขยายวงกว้างขึ้นในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ภารกิจของ Food1st คือการช่วยเลี้ยงดูชาวนิวยอร์กและพนักงานบริการฉุกเฉินที่สามารถเข้าถึงอาหารได้อย่างจำกัด โดยการร่วมมือกับผู้ให้บริการอาหารในลักษณะที่ช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมบริการอาหารของเมืองนิวยอร์กในช่วงเวลาที่คนงานต้องการอาหารมากที่สุด โดย Food1st ระดมทุนได้มากกว่า 3 ล้านดอลลาร์และให้บริการอาหารฟรีเกือบ 350,000 มื้อนับถึงปัจจุบัน

เพื่อเป็นเกียรติแก่การตัดริบบิ้น พันธมิตรของ One Vanderbilt ได้บริจาคเงิน 100,000 ดอลลาร์ให้กับมูลนิธิ Food1st สำหรับการจัดเตรียมและจัดส่งอาหารฟรี 15,000 มื้อ ซึ่งจะแจกจ่ายให้กับผู้ที่ต้องการในวันที่ 14 กันยายน โดย 2,000 ทื้ออาหารจะถูกส่งไปยังชุมชน South Bronx ซึ่งรวมถึงอาหาร 1,000 มื้อให้กับพนักงานระดับแนวหน้าที่โรงพยาบาลลินคอล์น

“ สำหรับชุมชนของผมในเซาท์บรองซ์การเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพและดีต่อสุขภาพเป็นปัญหาที่ยาวนาน ซึ่งโควิดทำให้มันแย่ลงมาก” สมาชิกสภา Rafael Salamanca Jr กล่าว“ เราขอขอบคุณพันธมิตร One Vanderbilt และทุกคนที่ Food1st สำหรับความมุ่งมั่นที่จะช่วยชาวนิวยอร์กทุกคนและเพื่อเตือนว่าเราแข็งแกร่งขึ้นได้ด้วยกัน”

หากต้องการดูฟุตเทจรูปภาพและวิดีโอของกิจกรรมในวันนั้นที่ One Vanderbilt กดที่นี่

เกี่ยวกับ SL Green

SL Green Realty Corp. ซึ่งเป็น บริษัท S&P 500 และเจ้าของสำนักงานที่ใหญ่ที่สุดในแมนฮัตตันเป็นทรัสต์เพื่อการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรหรือ REIT ( real estate investment trust) ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การได้มา การจัดการและเพิ่มมูลค่าสูงสุดของอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ในแมนฮัตตัน โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 SL Green มีผลประโยชน์ในอาคาร 96 แห่งรวม 41 ล้านตารางฟุต ซึ่งรวมถึงผลประโยชน์ในการเป็นเจ้าของในอาคารแมนฮัตตัน 28.7 ล้านตารางฟุตและ 11.2 ล้านตารางฟุตของหลักทรัพย์ค้ำประกันและการลงทุนในตราสารหนี้บุริมสิทธิ์

เกี่ยวกับ Hines

Hines เป็น บริษัท การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกของเอกชนที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2500 โดยมีสำนักงานอยู่ใน 225 เมืองใน 25 ประเทศ Hines มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารประมาณ 144,100 ล้านดอลลาร์ซึ่งรวมถึง 75 ,500 ล้านดอลลาร์ที่ Hines ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการลงทุน ซึ่งรวมถึงสินทรัพย์ที่ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์และ 68,600 ล้านดอลลาร์ที่ Hines ให้บริการระดับอสังหาริมทรัพย์แบบบริษัทบุคคลที่สาม บริษัทมีโครงการการพัฒนา 165 แห่งที่กำลังดำเนินการอยู่ทั่วโลก ในอดีต Hines ได้พัฒนาปรับปรุงหรือได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ 1,426 แห่งซึ่งมีพื้นที่รวมกว่า 472 ล้านตารางฟุต พอร์ตโฟลิโอทรัพย์สินและการจัดการสินทรัพย์ของ บริษัท ในปัจจุบันประกอบด้วยอสังหาริมทรัพย์ 576 แห่งคิดเป็นพื้นที่กว่า 246 ล้านตารางฟุต ด้วยประสบการณ์อันยาวนานในการลงทุนในช่วงความเสี่ยงและอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภทและความมุ่งมั่นในการบุกเบิกด้านความยั่งยืน Hines จึงเป็นหนึ่งในองค์กรอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดและได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก เยี่ยมชม www.hines.com สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

แถลงการณ์คาดการณ์ล่วงหน้า

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้รวมถึงข้อความบางอย่างที่อาจถือได้ว่าเป็น“ ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า” ตามความหมายของกฎหมายปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 2538 และมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ครอบคลุมโดยข้อกำหนดการคุ้มครองความปลอดภัยดังกล่าว ข้อความทั้งหมดนอกเหนือจากข้อความที่แสดงถึงข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ซึ่งรวมอยู่ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ซึ่งกล่าวถึงกิจกรรมเหตุการณ์หรือการพัฒนาที่เราคาดหวัง เชื่อ หรือคาดการณ์ว่าจะหรืออาจเกิดขึ้นในอนาคตเป็นเพียงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้รับประกันถึงผลการดำเนินงานในอนาคตและเราขอเตือนว่าอย่าพึ่งพิงข้อความดังกล่าวมากเกินไป โดยทั่วไปข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าสามารถระบุได้ด้วยการใช้คำว่า“ อาจ”“ จะ”“ ควร”“ คาดหวัง”“ คาดการณ์”“ ประมาณ”“ เชื่อ”“ ตั้งใจ”“ ประมาณการณ์”“ ต่อไป” หรือคำนิเสธของคำเหล่านี้หรือคำอื่น ๆ ที่คล้ายกัน

ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่มีอยู่ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้อาจมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนหลายประการซึ่งหลายอย่างอยู่นอกเหนือการควบคุมของเราซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์ประสิทธิภาพหรือความสำเร็จที่แท้จริงของเราแตกต่างอย่างมากจากผลลัพธ์ในอนาคต ประสิทธิภาพ หรือความสำเร็จที่แสดงออกหรือ คาดการณ์โดยนัยจากข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่จัดทำโดยเรา ปัจจัยและความเสี่ยงต่อธุรกิจของเราที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างไปจากที่มีอยู่ในข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าได้อธิบายไว้ในเอกสารที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเหล่านี้รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19)

SLG – GEN

ที่มา: SL Green Realty Corp.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200914005672/en/

ติดต่อ:

Matt DiLiberto

ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน

212.594.2700