Category Archives: Technology

PTR Robots เปิดตัวหุ่นยนต์ยกผู้ป่วยแบบเคลื่อนที่ตัวแรกของโลกที่สามารถขนย้ายและฟื้นฟูผู้ป่วยได้

Logo

โดยสามารถขนย้ายและฟื้นฟูผู้ป่วยได้อย่างชาญฉลาด

โอเดนเซ เดนมาร์ก–(บิสิเนสไวร์)–30 ก.ย. 2563

PTR Robots บริษัทหุ่นยนต์บริการของเดนมาร์กประกาศเปิดตัวหุ่นยนต์ที่สามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยได้  PTR Robot ถูกพัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพเพื่อเป็นหุ่นยนต์อัจฉริยะเคลื่อนที่ตัวแรกที่สามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยได้อย่างคล่องตัวในภาคการดูแลสุขภาพและการพยาบาล  นอกจากจะช่วยโอนและฟื้นฟูสมรรถภาพบุคคลที่มีความบกพร่องในการเคลื่อนที่แล้ว ยังช่วยลดภาระหนักให้กับพนักงาน  หุ่นยนต์ PTR ยังช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อเนื่องจากใช้ผู้ดูแลเพียงคนเดียวในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย

PTR Robots was developed and tested in close collaboration with Zealand University Hospital, and Vonsildhave Nursing Home, operated by the nursing group Attendo. “The testing of PTR Robots really impressed us. We can see interesting perspectives in the way we can assist residents and patients with care and rehabilitation, but there are also interesting perspectives in terms of improving the work environment,” says Søren Andersen, Managing Director, Attendo. (Photo: Business Wire)

PTR Robots ได้ถูกพัฒนาและทดสอบร่วมกับโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนิวซีแลนด์ Zealand University Hospital และสถานพยาบาล Vonsildhave Nursing Home ซึ่งดำเนินการโดยกลุ่มพยาบาล Attendo “เราประทับใจอย่างมากกับผลการทดสอบ PTR Robots ซึ่งเราสามารถเห็นรูปแบบที่น่าสนใจในการช่วยเหลือผู้อยู่อาศัยและผู้ป่วยด้วยการดูแลและฟื้นฟู  นอกจากนี้ยังมีแง่ของการปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงาน” Søren Andersen กรรมการผู้จัดการ Attendo กล่าว (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

ผู้ป่วยติดเตียง 1 ใน 4 รายในโรงพยาบาลทั่วไปไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้และต้องการความช่วยเหลือสำหรับการเคลื่อนที่และพักฟื้น  ความต้องการนี้ยิ่งเด่นชัดขึ้นที่บ้านพักคนชรา จากข้อมูลของ WHO  การบาดเจ็บที่เกิดจากการเคลื่อนย้ายคิดเป็นหนึ่งในสามของการบาดเจ็บจากการทำงานทั้งหมดของพยาบาล

“สถานพยาบาล โรงพยาบาล และสถาบันหลายแห่งสนใจหุ่นยนต์เคลื่อนย้ายและฟื้นฟูผู้ป่วยของเราเป็นอย่างมาก  หากผู้สูงอายุสะโพกหัก หุ่นยนต์สามารถช่วยให้เขายืนขึ้นได้ทันทีหลังการผ่าตัด  หุ่นยนต์สามารถสนับสนุนผู้ป่วยหลังการผ่าตัดอีกด้วย” Lone Jager Lindquist CEO, PTR Robots กล่าว

หุ่นยนต์ยกผู้ป่วยจาก PTR Robots ออกแบบให้สามารถ 'ย่อขนาด' เพื่อให้พอดีกับทางเข้าประตูธรรมดา ซึ่งหมายความว่าหุ่นยนต์ทำงานได้ดีกว่ารอกเพดานแบบเดิมๆ ในแง่ของความยืดหยุ่น

PTR Robots เป็นบริษัทย่อยของ Blue Ocean Robotics ซึ่งปฏิวัติอุตสาหกรรมหุ่นยนต์บริการผ่านบริษัทย่อยเช่น UVD Robots และ GoBe Robots

“ด้วย PTR Robots เราได้สร้างหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ในด้านการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและการพักฟื้น เช่นเดียวกับ  UVD Robots ของเราในด้านการฆ่าเชื้อโรคด้วยรังสี UV” Claus Risager ซีอีโอของ Blue Ocean Robotics และประธานของ คณะกรรมการที่ PTR Robots กล่าว

ขณะนี้ ได้มีการนำหุ่นยนต์ UVD ไปใช้ทั่วโลกในการฆ่าเชื้อในโรงพยาบาล โรงแรม โรงงานแปรรูปอาหาร ห้องสะอาดในอุตสาหกรรมยา สนามบิน สถานีรถไฟ โรงเรียนอนุบาล และอื่นๆ

เกี่ยวกับ PTR Robots และ Blue Ocean Robotics

PTR Robots เป็นบริษัทในเครือของ Blue Ocean Robotics ซึ่งเป็นกลุ่มผู้นำระดับโลกที่พัฒนาหุ่นยนต์บริการระดับมืออาชีพ  Blue Ocean Robotics มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองโอเดนเซ ประเทศเดนมาร์กซึ่งเป็น 'เมืองหลวงของหุ่นยนตร์l' ของยุโรปโดยทางกลุ่มบริษัทพัฒนา ผลิต และจำหน่ายหุ่นยนต์บริการให้กับภาคการดูแลสุขภาพ การท่องเที่ยว การก่อสร้าง และเกษตรกรรม

ภาพข่าว

รับชมภาพ/มัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52297866/en

ติดต่อ:
Merima Cikotic
Blue Ocean Robotics
mc@blue-ocean-robotics.com 
+45 71-99-56-06

Toshiba เปิดตัวแอมพลิฟายเออร์การทำงาน CMOS ที่ใช้กระแสไฟต่ำเป็นพิเศษซึ่งช่วยให้อุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น

Logo

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–29 ก.ย. 2563

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“โตชิบา”) ได้เพิ่ม “TC75S102F” ซึ่งเป็นแอมพลิฟายเออร์ชั้นนำของอุตสาหกรรมตัวใหม่สำหรับการทำงาน CMOS[1]  ที่มีอัตราการสิ้นเปลืองกระแสไฟต่ำพิเศษในกลุ่มผลิตภัณฑ์  การจัดส่งเริ่มตั้งแต่วันนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200928005236/en/

Toshiba: a new CMOS operational amplifier TC75S102F featuring industry-leading ultra-low current consumption. (Photo: Business Wire)

Toshiba: แอมพลิฟายเออร์ชั้นนำของอุตสาหกรรมรุ่นใหม่สำหรับการทำงาน CMOS, TC75S102F ที่มีการสิ้นเปลืองกระแสไฟต่ำพิเศษ (ภาพ: Business Wire)

แอมพลิฟายเออร์ช่วยเพิ่มสัญญาณที่อ่อนแอจากเซ็นเซอร์และเพื่อรองรับการใช้งานที่ยาวนานขึ้นระหว่างการชาร์จอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่รวมถึงอุปกรณ์ IoT edge และอุปกรณ์พกพา[2] โดยจะต้องให้การใช้กระแสไฟฟ้าที่ต่ำลงด้วย

โตชิบาได้ใช้เทคโนโลยีกระบวนการ CMOS เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพวงจรของแอมพลิฟายเออร์สำหรับการดำเนินงานใหม่และลดการใช้พลังงานโดยรักษาความปลอดภัยชั้นนำของอุตสาหกรรมการใช้กระแสไฟฟ้าต่ำ[1]   ด้วยแรงดันไฟฟ้าขั้นต่ำ 1.5V อุปกรณ์ใหม่นี้เป็นเครื่องขยายสัญญาณอินพุต/เอาท์พุตแบบฟูลเรนจ์ (Rail-to-Rail input/output) ที่ให้ประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นก่อน

การใช้งาน

  • เซ็นเซอร์ต่างๆ[2] ในอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่[3]
  • โมดูล IoT

คุณสมบัติ

  • กระแสไฟฟ้าที่ใช้พลังงานต่ำมาก:
    IDD=0.27μA (typ.) @VDD=1.5V
    IDD=0.35μA (typ.) @VDD=5.0V
  • ช่วงแรงดันไฟฟ้าปฏิบัติการที่กว้าง: VDD-VSS=1.5V to 5.5V
  • อินพุตและเอาท์พุตอย่างเต็มรูปแบบ(Input and output Rail-to-Rail)

ข้อมูลจำเพาะหลัก

(เว้นแต่จะระบุเป็นอย่างอื่น @TA= 25 ° C)

หมายเลขส่วน

ชื่อแพ็กเกจ

(รหัสแพ็กเกจ)

ช่วงการทำงาน

คุณสมบัติทางไฟฟ้า

ตัวอย่างการตรวจสอบและความพร้อม

จ่าย

แรงดันไฟฟ้า

VDD-VSS

@Ta= -40℃

ถึง +105℃

(V)

กระแสจ่ายไฟ

(การใช้กระแส)

IDD

@Ta= -40℃

to +105℃

(μA)

กระแสจ่ายไฟ

(การใช้กระแส)

IDD

(μA)

แรงดันไฟฟ้าอินพุตชดเชย

VIO

max

@VDD=

1.5V

(mV)

ที่มาแรงดันไฟฟ้า

@VDD=

1.5V

(mA)

กระแสซิงค์

Isink

typ.

@VDD=

1.5V

(mA)

ความถี่อัตราขยายเป็นหนึ่ง

fT

typ.

@VDD=

5.0V

(kHz)

typ.

max

typ.

max

TC75S102F

SMV

(SOT-25)

1.5 ถึง 5.5

0.27

0.6

0.27

0.46

1.3

0.6

0.4

0.63

ซื้อออนไลน์

หมายเหตุ:

[1] ณ วันที่ 28 กันยายน 2563 จากการสำรวจของโตชิบา

[2] รวมถึงพีซี แล็ปท็อป กล้องถ่ายภาพนิ่งดิจิทัล เครื่อง POS แบบใช้มือถือเครื่องนับก้าวเดิน ฯลฯ

[3] เซ็นเซอร์ต่างๆ (ก๊าซ ควัน ฝุ่น คน เซ็นเซอร์ UV และกลิ่น)

ไปที่ลิงก์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่

TC75S102F

https://toshiba.semicon-storage.com/info/lookup.jsp?pid=TC75S102F

ไปที่ลิงค์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ Operational Amplifier ICs ของ Toshiba

แอมพลิฟายเออร์และเครื่องเปรียบเทียบเชิงปฏิบัติการ

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/product/linear-ics/operational-amplifiers-and-comparators.html

หากต้องการตรวจสอบความพร้อมของผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตัวแทนจำหน่ายออนไลน์โปรดไปที่:

TC75S102F

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/where-to-buy/stockcheck.TC75S102F.html

สอบถามสำหรับลูกค้า:

Small Signal Device Sales & Marketing Department  ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์สัญญาณขนาดเล็ก

โทร: + 81-3-3457-3411

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง

* ข้อมูลในเอกสารนี้รวมถึงราคาและข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์เนื้อหาของบริการและข้อมูลการติดต่อเป็นข้อมูลปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ผสมผสานความแข็งแกร่งของบริษัทใหม่เข้ากับภูมิปัญญาแห่งประสบการณ์  นับตั้งแต่กลายเป็นบริษัทอิสระในเดือนกรกฎาคม 2560 บริษัท ได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านอุปกรณ์ทั่วไปและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจในเซมิคอนดักเตอร์แบบแยกระบบ LSI และ HDD

พนักงาน 24,000 คนทั่วโลกร่วมกันมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงสุดและเน้นการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อส่งเสริมการร่วมสร้างมูลค่าและตลาดใหม่  บริษัทตั้งตารอที่จะสร้างยอดขายต่อปีได้ทะลุ 750 พันล้านเยน (6.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีส่วนร่วมในอนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้คนทุกที่

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/ home / 20200928005236 / th /

สอบถามสำหรับสื่อ:

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
Digital Marketing Department  แผนกการตลาดดิจิทัล
Chiaki Nagasawa
โทร: + 81-3-3457-4963
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

Mavenir เข้าซื้อ ip.access เพื่อขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์วิทยุ OpenRAN สำหรับกลุ่ม CSPs และ Enterprise Private Networks

Logo

วิวัฒนาการของ OpenRAN เพิ่ม 2G / 3G ตลอดทั่วทั้ง Single Unified RAN เพื่อรองรับการเข้าถึงเครือข่ายวิทยุ "Multi-G"

เคมบริดจ์, ประเทศอังกฤษ และ ริชาร์ดสัน, เท็กซัส–(BUSINESS WIRE)–28 ก.ย. 2563

Mavenir ผู้ให้บริการชั้นนำด้านการบริการซอฟต์แวร์เครือข่ายคลาวด์เนทีฟแบบ end-to-end สำหรับผู้ให้บริการการสื่อสาร หรือ Communications Service Providers (CSP) ประกาศในวันนี้ว่าได้เข้าซื้อ  ip.access Ltd, ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นเซลล์ขนาดเล็กชั้นนำที่พร้อมใช้งาน 2G, 3G, 4G และ 5G ชั้นนำ การซื้อกิจการครั้งนี้ช่วยขยายความเป็นผู้นำของ Mavenir ในวิทยุ OpenRAN ในสามด้าน:

  • ด้านการเป็นผู้ให้บริการการสื่อสาร: การเพิ่มความสามารถ 2G และ 3G ในพอร์ตโฟลิโอ OpenRAN
  • ด้านองค์กร: การเพิ่มชุดโซลูชันวิทยุสำหรับองค์กรสำหรับข้อเสนอเครือข่ายส่วนตัวของ Mavenir รวมถึงโซลูชันที่ได้รับการรับรองอย่าง OnGo / CBRS
  • เครือข่ายที่ฉีกกฎแบบดั้งเดิม:: ใช้ประโยชน์จากซอฟต์แวร์ชั้นนำของตลาดที่กำหนดโซลูชัน vRAN สำหรับเครือข่ายการบิน การเดินเรือ การควบคุมระยะไกลหรือจากที่ที่ห่างไกลด้วยโซลูชันรุ่นใหม่ในอากาศ บนบก และในทะเล

“ ผู้ให้บริการกำลังมองหาการเปลี่ยนแปลงเครือข่าย 2G / 3G ของพวกเขา ในระหว่างที่พวกเขาย้ายไปสู่ระบบ 4G และ 5G” Pardeep Kohli ประธานและซีอีโอของ Mavenir กล่าว “ เราคาดหวังว่าจะนำเสนอ RAN แบบเดี่ยวที่เป็นเทคโนโลยีการเข้าถึงวิทยุหลายแบบที่ราบรื่นสำหรับผู้ให้บริการ ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาได้รับประโยชน์จากโซลูชันวิทยุขั้นสูงในทุกระดับชั้น”

“ip.access จะนำฐานที่มั่นคงมาสู่ระบบ 2G, 3G และ 4G รวมถึงในพื้นที่องค์กรที่เราเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มความเป็นผู้นำในตลาดของ Mavenir” Aniruddho Basu รองประธานอาวุโสและ GM แผนก Emerging Business ของ Mavenir กล่าว “ การรวมทรัพย์สินของเราช่วยเพิ่มข้อเสนอเครือข่าย end-to-end ของเราให้เส้นทางวิวัฒนาการ RAN เดี่ยวแบบ“ Multi-G” สำหรับผู้ให้บริการ และยังสร้างข้อเสนอชั้นนำสู่ตลาดสำหรับตลาดองค์กรเครือข่ายส่วนตัว”

“ สมาชิกจำนวนมากในเครือข่ายและพื้นที่หลายแห่งต้องการบริการ GSM และ 3G ที่มาพร้อม LTE ถึงแม้ว่าจะมีการเปิดตัว 5G แล้วก็ตาม โซลูชัน OpenRAN และ Enterprise ของ Mavenir ที่รวมกับเทคโนโลยีการเข้าถึงคลื่นหลายคลื่นของ ip.access ทำให้เกิดบริษัทที่สมบูรณ์แบบสำหรับอนาคตนั้น” Richard Staveley ซีอีโอ ip.access กล่าว

Nick Johnson, ผู้ก่อตั้งและ CTO ของ ip.access กล่าวเพิ่มเติมว่า“ CBRS / OnGo ในสหรัฐอเมริกาและโครงการริเริ่มด้านคลื่นความถี่ร่วมกันในยุโรปเป็นโอกาสเพียงไม่กี่ตัวอย่างจากอีกหลากหลายโอกาส และไม่ใช่แค่ในด้านบริการผู้บริโภคอีกต่อไป แต่ยังรวมถึงเครือข่ายส่วนตัวทางอุตสาหกรรมเครือข่ายกลุ่มปิดที่เป็นมืออาชีพสำหรับการเงิน การดูแลสุขภาพ การพักผ่อน การท่องเที่ยวและอื่น ๆ อีกมากมาย เราหวังว่าจะใช้ประสบการณ์อันยาวนานของเราในเครือข่ายส่วนตัวเพื่อเสริมพอร์ตโฟลิโอที่มีอยู่ของ Mavenir ในการให้บริการฐานลูกค้าที่ขยายตัวอย่างมหาศาลนี้”

ip.access จะดำเนินการเป็นหน่วยธุรกิจภายในกลุ่มธุรกิจที่เกิดใหม่ของ Mavenir และคาดว่าจะพัฒนาการทำงานร่วมกันที่แข็งแกร่งกับ OpenRAN, Cloud Core, Edge และ Analytics ของ Mavenir สำหรับข้อเสนอเครือข่ายแบบ end-to-end ที่น่าสนใจสำหรับทุกเซ็กเมนต์ทั้ง CSP และ Enterprise / Industry โดย ip.access นำเสนอผลงานที่ได้รับการพิสูจน์แล้วโดยมีเครือข่ายถ่ายทอดสดมากกว่า 50 เครือข่ายที่ใช้งานได้ทั่วโลกผ่าน CSP และเครือข่ายส่วนตัวหลายร้อยแห่งสำหรับอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างรายได้จากข้อมูล ความปลอดภัย และการเฝ้าระวังที่สำคัญ ๆ

เกี่ยวกับ ip.access:

ip.access ได้พัฒนาโซลูชันระดับผู้ให้บริการตั้งแต่ปี 2545 และเป็นผู้นำตลาดสำหรับโซลูชัน Small Cell และ Presence Sensor โดยการเป็นผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร องค์กรเอกชนและแอปพลิเคชันพิเศษทำการตลาดทั่วโลกด้วยโซลูชันเซลล์ขนาดเล็ก ด้วยประวัติอันยาวนานในการทำงานร่วมกับพันธมิตรที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับโซลูชันและบริการแบบครบวงจร ip.access จะปลดล็อกมูลค่าคลื่นความถี่ที่หลากหลายสำหรับลูกค้าทั่วโลก www.ipaccess.com

เกี่ยวกับ Mavenir:

Mavenir เป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์เครือข่ายและโซลูชั่น / การผสานรวมระบบคลาวด์แบบ end-to-end ชั้นนำซึ่งมุ่งเน้นไปที่การเร่งการเปลี่ยนแปลงเครือข่ายซอฟต์แวร์สำหรับผู้ให้บริการการสื่อสาร หรือ Communications Service Providers (CSP) โดย Mavenir นำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ end-to-end ที่ครอบคลุมในทุกชั้นของสแต็กโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย เริ่มจากชั้นแอปพลิเคชัน / บริการ 5G ไปจนถึงแพ็กเก็ตคอร์และ RAN และ Mavenir เป็นผู้นำในโซลูชันระบบเครือข่ายคลาวด์เนทีฟที่พัฒนาขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์ที่สร้างสรรค์และปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ปลายทาง การใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมใน IMS (VoLTE, VoWiFi, การส่งข้อความขั้นสูง หรือ Advanced Messaging (RCS)), เครือข่ายส่วนตัวและ vEPC, 5G Core และ OpenRAN vRAN ทำให้ Mavenir เร่งการเปลี่ยนแปลงด้านเครือข่ายลูกค้า CSP มากกว่า 250 รายในกว่า 120 ประเทศซึ่งถือเป็นการให้บริการมากกว่า 50% ของสมาชิกทั่วโลก

Mavenir รวบรวมสถาปัตยกรรมเทคโนโลยีล้ำสมัยและรูปแบบธุรกิจที่ขับเคลื่อนความคล่องตัว ความยืดหยุ่น และความเร็วในการให้บริการ ด้วยโซลูชันที่ขับเคลื่อนวิวัฒนาการของ NFV เพื่อบรรลุเศรษฐศาสตร์ระดับเว็บ (web-scale economics) อนึ่ง Mavenir นำเสนอโซลูชันเพื่อช่วย CSP ในการลดต้นทุน การสร้างรายได้ และการปกป้องรายได้ www.mavenir.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน  businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200928005183/en/

ติดต่อ:

Mavenir:

Maryvonne Tubb/Denise Hogberg

PR@mavenir.com

ip.access:

Emmanuela Spiteri

emmanuela.spiteri@ipaccess.com

GlobalResults PR

Kevin Taylor

Mavenir@globalresultspr.com

MatterNowPR

Loren Guertin

mavenir@matternow.com

การทดสอบสาธิตของ NTT Com เพื่อเชื่อมโยงเทคโนโลยี “IDS Connector” ของแพลตฟอร์ม GAIA-X และ SDPF จาก Data Trust®

Logo

  • จะพัฒนาแพลตฟอร์มระดับโลกสำหรับการใช้ข้อมูลข้ามเขตโดยปกป้องสิทธิ์ของผู้ให้บริการข้อมูล –

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–28 ก.ย. 2563

NTT Communications Corporation (NTT Com) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์ไอซีทีและธุรกิจการสื่อสารระหว่างประเทศภายใน NTT Group (TOKYO: 9432) ประกาศว่าตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป ทางบริษัทจะร่วมมือกับองค์กรวิทยาศาสตร์ข้อมูล International Data Spaces Association (IDSA)1 ในการสาธิตการทดสอบการมีส่วนร่วมในการพัฒนาแพลตฟอร์มการจัดการข้อมูลที่ปลอดภัยระดับโลกในขั้นตอนแรก2 ซึ่งรับประกันความสามารถในการทำงานร่วมกันระหว่างแพลตฟอร์มข้อมูลที่สร้างและจัดการในประเทศต่างๆ ทั่วโลก

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200927005006/en/

The test environment image (Graphic: Business Wire)

ภาพสภาพแวดล้อมการทดสอบ (กราฟิก: บิสิเนสไวร์)

สภาพแวดล้อมการทดสอบสำหรับการแบ่งปันข้อมูลที่เป็นความลับสูงปลอดภัยจะรวมถึงการเชื่อมต่อ IDS3, เทคโนโลยีหลักของ GAIA-X4 ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลแบบรวมสำหรับยุโรปและ Things Cloud® ของ NTT Com แพลตฟอร์ม IoT และแพลตฟอร์มข้อมูลอัจฉริยะ (SDPF)5 ซึ่งเป็นผสมผสานด้วยนโยบาย Data Trust®6  นโยบายนี้นอกเหนือจากการประเมินการใช้งานจริงและความสามารถในการใช้งานของโครงสร้างใหม่สำหรับการควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงของข้อมูลแต่ละรายการอย่างเหมาะสมตามกฎหมายและสัญญาที่เกี่ยวข้องแล้ว จะทำให้เกิดความกระจ่างใหม่เกี่ยวกับข้อกำหนดต่างๆ ของแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาสำหรับการจัดการข้อมูลระหว่างประเทศ ผลลัพธ์คาดว่าจะนำไปสู่การจัดตั้งแพลตฟอร์มการจัดการข้อมูลระดับโลกที่เชื่อมโยงแพลตฟอร์มข้อมูลท้องถิ่นในประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้อย่างราบรื่น

ในการสาธิตนี้ สภาพแวดล้อมการทดสอบจะถูกสร้างขึ้นเพื่อทดสอบกรณีต่างๆ ของการแบ่งปันข้อมูลระหว่างประเทศ เช่นการตรวจสอบระยะไกลของเครื่องในต่างประเทศ เป็นต้น เพื่อตรวจสอบการใช้งานจริงและการทำงานของการแบ่งปันข้อมูล  ในขั้นต้น ด้วยความร่วมมือกับ NTT Software Innovation Center7 จะมีการติดตั้ง IDS Connector และ SDPF ในสภาพแวดล้อมการทดสอบในญี่ปุ่นเพื่อทดสอบความสามารถในการทำงานร่วมกันของระบบและการจัดการสิทธิ์การใช้ข้อมูลเฉพาะ จากนั้นสภาพแวดล้อมการทดสอบในญี่ปุ่นจะเชื่อมต่อกับสภาพแวดล้อมการทดสอบของ IDSA ในเยอรมนีและสภาพแวดล้อมการทดสอบแยกต่างหากที่ Switzerland Innovation Park Biel/Bienne ไม่แสวงหาผลกำไรของสวิสเซอร์แลนด์8 เพื่อทดสอบการใช้งานจริงและการทำงานของระบบในการควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลระหว่างประเทศผ่านเครือข่ายของ NTT Com

หลังจากนั้น NTT Com จะดำเนินการตรวจสอบและทดสอบเพิ่มเติมโดยใช้ผลการทดสอบปัจจุบันในสภาพแวดล้อมการดำเนินการเพื่อตรวจสอบความสามารถในการทำงานร่วมกันของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ต่างๆ โดยใช้ IDS Connector  แพลตฟอร์มการจัดการข้อมูลระดับโลกใหม่นี้จะได้รับการพัฒนาร่วมกันโดยบริษัทและองค์กรในญี่ปุ่นและต่างประเทศ  ในขณะเดียวกัน NTT Com จะกำหนดข้อกำหนดที่เป็นรูปธรรมสำหรับแพลตฟอร์มร่วมกับองค์กรและบริษัทต่างๆ ที่ทำงานอยู่ในญี่ปุ่นและต่างประเทศ รวมถึงความคิดริเริ่มทางหุ่นยนตร์และไอโอที Robot Revolution & Industrial IoT Initiativeในอนาคต NTT Com หวังว่าจะสนับสนุนการกำหนดคุณสมบัติพื้นฐานผ่านความร่วมมือทางวิชาการระหว่างภาครัฐและเอกชน  ท้ายที่สุดแล้ว NTT Com มีเป้าหมายที่จะมีส่วนร่วมในการสร้างโลกที่ชาญฉลาดโดยการพัฒนาและจัดหาแพลตฟอร์มสำหรับการแบ่งปันและการใช้งานข้อมูลในวงกว้างทั่วโลก

เทคโนโลยีสำหรับ IoT ปัญญาประดิษฐ์ และการใช้ข้อมูลถูกนำไปใช้มากขึ้นในหลากหลายสาขา เช่นการผลิต โลจิสติกส์ การขนส่ง การดูแลทางการแพทย์ พลังงาน ผังเมือง และรัฐบาล  เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ข้อมูลขั้นสูงแบบหลายจุด จำเป็นต้องมีระบบเพื่อให้แน่ใจว่ามีการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ระหว่างอุตสาหกรรมธุรกิจและประเทศต่างๆ  ในขณะเดียวกันสิทธิ์ของผู้ให้บริการข้อมูลและผู้ใช้จะต้องได้รับการปกป้องและปฏิบัติโดยการจัดการว่าสามารถใช้ข้อมูลเฉพาะได้เมื่อใด ที่ไหน ใคร ทำไม และภายใต้เงื่อนไขใด  ปัจจุบันระบบ กฎหมายและเทคโนโลยีกำลังได้รับการพัฒนาทั่วโลกเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลดังกล่าว  ในที่สุด การแลกเปลี่ยนข้อมูลในธุรกิจระหว่างประเทศอาจต้องการการปฏิบัติตามข้อกำหนดโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลตามกฎหมายและข้อบังคับของประเทศที่เกี่ยวข้อง

1

International Data Spaces Association (IDSA) จากยุโรปได้กำหนดสถาปัตยกรรมอ้างอิงและมาตรฐานที่เป็นทางการเพื่อใช้ในการสร้างและดำเนินการพื้นที่ข้อมูลเสมือน  สถาปัตยกรรม International Data Spaces (IDS) มีพื้นฐานมาจากรูปแบบการกำกับดูแลข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปซึ่งอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนที่ปลอดภัยและการเชื่อมโยงข้อมูลที่ง่ายดายภายในระบบนิเวศทางธุรกิจ  IDSA มีองค์กรสมาชิกมากกว่า 120 องค์กรจาก 21 ประเทศ

2

แพลตฟอร์มการจัดการข้อมูลระดับโลกเป็นฟังก์ชันสำหรับเชื่อมโยงแพลตฟอร์มข้อมูลข้ามพรมแดนเพื่อให้แต่ละประเทศสามารถเผยแพร่ข้อมูลระหว่างประเทศได้อย่างปลอดภัย เป็นธรรม และเหมาะสม และปกป้องทรัพย์สินของชาติและสิทธิมนุษยชน

3

IDS Connector ที่จัดทำโดย IDSA เป็นองค์ประกอบหลักของระบบนิเวศข้อมูลที่ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างปลอดภัยระหว่างฝ่ายที่เชื่อถือได้  โดยปรับใช้ในโครงสร้างพื้นฐาน GAIA-X เช่นเดียวกับในระบบคลาวด์บนคอมพิวเตอร์ขอบหรือบนอุปกรณ์ ฯลฯ ที่ส่งและรับข้อมูลมีการตั้งค่าสำหรับจัดการการเข้าถึงข้อมูลเฉพาะตามกฎหมายและสัญญา

4

GAIA-X เป็นโครงการริเริ่มที่ประกาศโดยรัฐบาลเยอรมันและฝรั่งเศสในเดือนตุลาคม 2562 เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลแบบกระจายอำนาจสำหรับการแบ่งปันและการใช้ข้อมูลที่ได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมายข้อมูลของยุโรป

5

Smart Data Platform (SDPF) เป็นแพลตฟอร์มรุ่นต่อไปของ NTT Com ที่มีฟังก์ชั่นครบวงจรแบบครบวงจรสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลขององค์กร (DX)

6

DATA Trust® เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Nippon Telegraph and Telephone Corporation (NTT)

7

ศูนย์นวัตกรรมซอฟต์แวร์ NTT เป็นห้องปฏิบัติการของ NTT ที่ทำงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีเช่นการเร่งความเร็ว DX โครงสร้างพื้นฐานซอฟต์แวร์ โครงสร้างพื้นฐาน AI และคอมพิวเตอร์ยุคใหม่ซึ่งกำลังกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ

8

Switzerland Innovation Park Biel/Bienne เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรเอกชนของสวิสที่ดำเนินการและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาประยุกต์ที่เน้นอุตสาหกรรม

9

The Robot Revolution & Industrial IoT Initiative เป็นองค์กรเอกชนที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2558 ตามความคิดริเริ่มของรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ IoT อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และอื่นๆ  NTT Com ได้เข้าร่วมเป็นหน่วยงานเลขานุการของคณะทำงาน Global Data Management Platform Sub-Working group ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2019

เกี่ยวกับ NTT Communications

NTT Communications แก้ปัญหาความท้าทายด้านเทคโนโลยีของโลกโดยช่วยให้องค์กรต่างๆ เอาชนะความซับซ้อนและความเสี่ยงในสภาพแวดล้อม ICT ด้วยผลิตภัณฑ์โครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่มีการจัดการ  โซลูชันเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกของเราซึ่งรวมถึงเครือข่ายสาธารณะและส่วนตัวระดับ 1 ระดับโลกที่ครอบคลุมกว่า 190 ประเทศ/ภูมิภาคและมากกว่า 500,000m2 ของศูนย์ข้อมูลที่ทันสมัยที่สุดในโลก ทีมบริการระดับมืออาชีพระดับโลกของเราให้คำปรึกษาและบริการสถาปัตยกรรมเพื่อความยืดหยุ่นและความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับความสำเร็จทางธุรกิจของคุณ โดยขนาดและความสามารถระดับโลกของเราในโลกเทคโนโลยีนั้นไม่มีใครเทียบได้  เมื่อรวมกับ NTT Ltd., NTT Data และ NTT DOCOMO เราคือ NTT Group

www.ntt.com | Twitter@NTT Com | Facebook@NTT Com | LinkedIn@NTT Com

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200927005006/en/

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

Akira Sakaino, Hideaki Niitsuma
Smart Factory Office
Business Planning, Business Solution Division (ฝ่ายวางแผนด้านธุรกิจและผลิตภัณฑ์)
NTT Communications
smart-factory@ntt.com

งาน TIE 2020 จะแสดงเส้นทางสู่อนาคตที่ชาญฉลาดที่ถูกหลอมมาจากโดยความสามารถในการฟื้นตัวของไต้หวัน

Logo

ไทเป, ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)– 25 กันยายน 2563

ผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด -19 เมื่อเร็ว ๆ นี้ต่อการค้าทั่วโลกและชีวิตประจำวันของเราทำให้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีในภาคส่วนต่าง ๆ เกิดการเร่งตัวขึ้น ในขณะเดียวกันสังคมของเรากำลังเปลี่ยนผ่านจากยุคของ Big Data ไปสู่ Hyper Digitization ดังนั้น เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ เตรียมพร้อมรับมือกับเทรนด์เหล่านี้และการเตรียมตัวสู่โลกหลังการแพร่ระบาดของโควิด งาน Taiwan Innotech Expo (TIE 2020) ในปีนี้จึงเน้นถึงเทคโนโลยีการอยู่อาศัยอัจฉริยะล่าสุดที่สามารถจุดประกายจินตนาการใหม่ ๆ โดยนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการจัดงานให้เป็นงานแสดงสินค้าระดับโลก TIE ยังคงดึงดูดความสนใจจากนานาชาติในด้านความแข็งแกร่งของไต้หวันว่าด้วยการวิจัยและพัฒนาและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง งานในปีนี้จะแสดงให้เห็นว่าไต้หวันมีความสามารถในการเผชิญกับวิกฤตโลกและฟื้นตัวคืนได้อย่างไร

พิมพ์เขียวเพื่อโลกที่ดีขึ้นที่พร้อมถูกค้นพบได้ในซุ้มงานสามหัวข้อ

งาน TIE 2020 ที่กำหนดจัดขึ้นที่ Hall 1 ณ Taipei World Trade Center (TWTC) ระหว่างวันที่ 24 ถึง 26 กันยายน   ได้รับการดูแลร่วมกันโดยหน่วยงานของรัฐ 10 หน่วยงานดังต่อไปนี้คือ กระทรวงเศรษฐกิจ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี , กระทรวงศึกษาธิการ, กระทรวงกลาโหม, กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ, กระทรวงแรงงาน, สภาเกษตร, สภาพัฒนาการแห่งชาติ, สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและสถาบันการศึกษาซินิก้า หรือ  Academia Sinica

ด้วยแนวคิด“ Resilient Taiwan, Smarter Future” ซึ่งเป็นแนวคิดที่ครอบคลุมการจัดงานในครั้งนี้ ผู้จัดงานจึงได้สร้างพาวิลเลียนหรือซุ้มเพื่อจัดงานใน 3 หัวข้อ ได้แก่ สิ่งประดิษฐ์ยุคบุกเบิก เทคโนโลยีแห่งอนาคต และการพัฒนาที่ยั่งยืน ผลิตภัณฑ์ แนวคิด และเทคโนโลยีที่จดสิทธิบัตรมากกว่า 1,000 รายการ จะถูกจัดแสดงในงานแสดงสินค้าสามวัน การจัดนิทรรศการ การกล่าวสุนทรพจน์นำเสนอประเด็นสำคัญ และการสัมมนาจะถูกถ่ายทอดสดสำหรับผู้ชมจากต่างประเทศ การทัวร์ชมนิทรรศการโดยไกด์จะถูกจัดให้มีขึ้นทั้งในงานและทางรูปแบบออนไลน์ ส่วนอื่น ๆ ของงาน เช่น การให้คำปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP) และการประชุมแบบตัวต่อตัวกับซัพพลายเออร์จะสามารถเข้าถึงได้จากระยะไกลผ่านทางอินเทอร์เน็ต

TIE แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งด้านการวิจัยและพัฒนาขององค์กรเอกชน หน่วยงานรัฐบาล สถาบันการศึกษา และหน่วยงานวิจัยของไต้หวัน ไต้หวันกำลังดำเนินการตามนโยบาย New Southbound Policy และกระชับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่นโดยการใช้ประโยชน์จากตำแหน่งในภูมิภาคนี้และความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมในท้องถิ่น  เป้าหมายระยะยาวคือการเปลี่ยนเกาะไต้หวันให้เป็นศูนย์กลาง IP ระหว่างประเทศและส่งเสริมเทคโนโลยีภายในประเทศ

ซุ้ม Pioneering Inventions หรือ ซุ้มสิ่งประดิษฐ์ยุคบุกเบิก ประกาศการมาถึงของ Hyper Digitization

Pioneering Inventions Pavilion หรือซุ้มสิ่งประดิษฐ์ยุคบุกเบิก จะจัดแสดงโซลูชันเทคโนโลยี 105 รายการที่อุตสาหกรรมต่าง ๆ สามารถนำไปใช้ได้ภายในห้าปีข้างหน้า โดยซุ้ม หรือ พาวิลเลียนนี้จะถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วนย่อย ได้แก่ ไฮเปอร์ออโตเมชั่น อินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง การรวมโลกความจริงกับโลกเสมือนจริงเข้าไว้ด้วยกัน และเทคโนโลยีด้านการดูแลสุขภาพใหม่ ๆ โดยโซลูชันที่แสดงในงานนี้จะนำเสนอในลักษณะที่เน้นย้ำถึงบทบาทของตนในด้านการป้องกันประเทศ การป้องกันภัยพิบัติ การคมนาคมในอนาคต และการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรค นอกจากนี้ซุ้มนี้ยังมีนิทรรศการที่น่าตื่นตาตื่นใจเกี่ยวกับหุ่นยนต์บริการผ่านประสบการณ์แบบเสมือนจริง หรือ VR แบบอินเทอร์แอคทีฟ และห้องออกกำลังกายอัจฉริยะ ฯลฯ อีกด้วย

ซุ้มการพัฒนาอย่างยั่งยืนนำเสนอการสำรวจสำหรับอนาคตของมนุษยชาติ

เพื่อให้เป็นไปตามหลักการของ 4Rs (การออกแบบใหม่ การกู้คืน การลดและการนำกลับมาใช้ใหม่ / รีไซเคิล หรือ redesign, recovery, reduce, and reuse/recycle) นิทรรศการที่ซุ้มการพัฒนาอย่างยั่งยืนจะจัดแสดงเทคโนโลยีที่อาจนำมาใช้เพื่อสร้างบ้านสีเขียวในอีก 20 ปีข้างหน้า โดย TIE ประจำปีนี้ต้องการนำเสนอระบบนิเวศทางเทคโนโลยีที่ช่วยให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ด้วยเหตุนี้นิทรรศการที่นี่จึงสะท้อนให้เห็นถึงสี่หัวข้อต่อไปนี้ที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตของเรามากขึ้นในอนาคต: การเกษตรสมัยใหม่ เทคโนโลยีพลังงานสีเขียว เศรษฐกิจหมุนเวียน และความปลอดภัยในที่ทำงาน นอกจากนี้ TIE ยังได้เชิญชวนให้สมาชิกภาคการเกษตรของยุโรปแบ่งปันเทคโนโลยีและประสบการณ์ระดับมืออาชีพที่ซุ้มการพัฒนาอย่างยั่งยืน พวกเขาจะเข้าร่วมการสัมมนาเพื่อหารือเกี่ยวกับการริเริ่มด้านการตลาดร่วมกันและความร่วมมือเชิงกลยุทธ์

ซุ้มเทคโนโลยีแห่งอนาคตเปิดขอบเขตใหม่ในการวิจัยและพัฒนา

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมีอิทธิพลสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของเราในอนาคตและสามารถกำหนดโลกในรูปแบบที่เราไม่เคยคิดมาก่อน ดังนั้นซุ้มเทคโนโลยีแห่งอนาคตจะแสดงผลการวิจัยและพัฒนาที่สามารถกำหนดทิศทางของภาคเทคโนโลยีในอีก 3-10 ปีข้างหน้า ในการจัดงานซุ้มนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้รวบรวมทรัพยากรจำนวนมากและเชิญนักวิชาการจาก Sinica, กระทรวงศึกษาธิการ และ กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการมาช่วยในความพยายาม การจัดงานแสดงจะเน้นไปที่การดูแลสุขภาพที่แม่นยำถูกต้อง ออปโตอิเล็กทรอนิกส์ วัสดุใหม่ ๆ รวมไปถึง เทคโนโลยี AI และ AIoT ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้เน้นย้ำถึงข้อได้เปรียบของไต้หวันในการพัฒนาเทคโนโลยีระดับแนวหน้าและการใช้งานในระดับที่เป็นนวัตกรรมใหม่ และเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 การจัดแสดงหลายรายการที่นี่จะสามารถดูได้ทางออนไลน์

พื้นที่นานาชาติที่นำเสนอสิ่งใหม่ ๆ ณ งานแสดง

การระบาดของโรคครั้งใหญ่นำไปสู่การยกเลิกและเลื่อนงานแสดงสินค้าหลายงานทั่วโลก แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นสำหรับ TIE 2020 โดยงานนี้จะรวบรวมผู้แสดงสินค้า 69 รายจาก 18 ประเทศ ได้แก่ Corning, Cisco, Microsoft, Logitech, Siemens, Nissan และ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ผู้เข้าร่วมงานจากต่างประเทศเหล่านี้จะจัดแสดงโซลูชันทางเทคโนโลยี 123 รายการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของข้อมูล อุตสาหกรรม 4.0 หุ่นยนต์เทคโนโลยีชีวภาพ พลังงาน และการเกษตร

อย่าพลาดฟอรัม IPBC ไต้หวันที่จะจัดขึ้นในช่วงงานนี้

สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมภายใต้กระทรวงเศรษฐกิจและสถาบันวิจัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมได้ร่วมมือกับ IAM (Intellectual Asset Management) เพื่อจัดงานประชุมฟอรัมเสมือนจริง IPBC Taiwan ในช่วงเช้าของวันที่ 25 กันยายน โดยการประชุมในครั้งนี้จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับมูลค่าของสินทรัพย์และการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่จับต้องไม่ได้ โดยมี Hitachi, Uber และ MediaTek เป็นหนึ่งในผู้นำ IP ระดับโลกที่จะเข้าร่วมการสนทนาออนไลน์และแบ่งปันกลยุทธ์ของพวกเขา ฟอรัมนี้จะออกอากาศภายในสถานที่จัดงาน TIE 2020 บนเวทีหลักในพื้นที่ C ของ TWTC Hall 1 และผู้ชมสามารถติดตามผ่านการสตรีมสด ขอยินดีต้อนรับทุกคนที่ต้องการจะเข้าร่วม

รายละเอียดของงาน

Taiwan Innotech Expo

วันที่: พฤหัสบดีที่ 24 กันยายนถึงวันเสาร์ที่ 26 กันยายน 2563

สถานที่: Taipei World Trade Center Exhibition Hall 1 ชั้นล่าง

เว็บไซต์: https://tie.twtm.com.tw/

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200923005488/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ

Ms. Mavis Chuang

โทร: 886-03-591-7862

yh.chuang@itri.org.tw

Mavenir ส่งมอบความเป็นผู้นำด้านการรับส่งข้อมูลบน 5G (User Plan Function) ด้วยเทคโนโลยีเร่งการส่งข้อมูลของ Nvidia Mellanox SmartNIC

Logo

และ Combo Node ที่สามารถสนับสนุนอุปกรณ์ 2G, 3G, 4G และ 5G ได้พร้อม ๆ กัน

ริชาร์ดสัน, เท็กซัส–(BUSINESS WIRE)–23 กันยายน 2563

Mavenir ผู้ให้บริการด้านซอฟต์แวร์เครือข่ายบนคลาวด์แบบครบวงจรเพียงรายเดียว ได้ประกาศเปิดตัวเทคโนโลยี User Plane Function (UPF) ที่มีประสิทธิภาพสูง ด้วยการเสริมของเทคโนโลยี NVIDIA Mellanox ConnectX-6 Dx SmartNICs ทำให้สามารถรับส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและในปริมาณมากในเวลาเดียวกัน

เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนผ่านไปสู่เครือข่าย 5G มีความสมเหตุสมผลขึ้น ระบบ UPF ของ Mavenir จะประกอบด้วยชุดการให้บริการ UPF สำหรับ 5G แบบเครื่องเดี่ยว ที่มีฟังก์ชัน Combo Node ที่ช่วยให้สามารถให้บริการได้ตั้งแต่ 2G จนถึง 5G ได้พร้อม ๆ กัน

ชุด UPF ของ Mavenir ส่งมอบคุณค่าที่มีลักษณะเฉพาะตัวผ่านโครงสร้างพื้นฐานที่เป็น Cloud-Native และประมวลผลบนสถาปัตยกรรม Container นอกจากนี้ยังถูกปรับค่าการประมวลผล Packet ด้วยระบบฮาร์ดแวร์ที่สามารถปรับแต่งและประมวลผลแทนซอฟต์แวร์ได้ (Hardware Offloading) และยังถูกเสริมระบบสำรองการทำงานของอุปกรณ์ในตัวเองในกรณีทีเกิดความเสียหายของอุปกรณ์ (High Availability) แม้ว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการระดับสูงด้วยอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่จำกัด อุปกรณ์ UPF ของ Mavenir สามารถสนับสนุนการติดตั้งและจัดการอุปกรณ์ UPF เป็นจำนวนมาก ๆ ด้วยระบบอัตโนมัติและระบบบำรุงรักษาจากส่วนกลาง ซึ่งจะช่วยให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนของการบำรุงรักษาและต้นทุนการเป็นเจ้าของ (TCO) ลงไปได้

Mavenir ได้พัฒนาระบบ UPF ที่สามารถปรับแต่งได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยเทคนิคและความสามารถของซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ทำให้สามารถรับส่งข้อมูลได้ถึง 524 Gbps โดยใช้ fast path (fp) CPU จำนวน 16 ตัวในการทดสอบ ในขณะเดียวกัน UPF ชุดนี้ยังลดขนาดฟุตพริ้นท์ของเซิร์ฟเวอร์ได้ถึง 50% ด้วยการใช้ Nvidia SmartNIC UPF Offload โดย Nvidia ConnecX-6 Dx ช่วยเร่งการรับส่งข้อมูลของ UPF ผ่านระบบ Dynamic Load Balancing, Efficient Packet Processing และระบบ Intelligent Forwarding เพื่อให้สามารถรับส่งข้อมูลของผู้ใช้งานหลายพันคน อย่างราบรื่นและรวดเร็วตามมาตรฐานการให้บริการ

“จุดที่มีความสำคัญจุดหนึ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงคือการที่เราสามารถลดฟุตพริ้นท์ของการทำงานลงได้ 50% หลังจากที่มีการใช้ฮาร์ดแวร์ของ Nvidia เข้ามาช่วย” Ashok Khuntia รองประธานกรรมการบริหารและผู้จัดการทั่วไปด้าน Packet Computing ของ Mavenir กล่าว “เราดีใจเป็นอย่างมากที่ได้เป็นพันธมิตรกับ Nvidia ซึ่งทำให้เราสามารถออกผลิตภัณฑ์ที่มีสมรรถนะสูงและคุ้มค่าต่อราคาในการให้บริการ 5G ในตลาดทั่วโลก”

“UPF packet forwarding เป็นส่วนสำคัญในการให้บริการเครือข่ายที่มีความยืดหยุ่นและมีความหน่วงในการรับส่งข้อมูลต่ำบนเครือข่าย 5G” Amit Krig รองประธานอาวุโสด้านซอฟต์แวร์และตัวปรับเครือข่ายของ NVIDIA กล่าว “Mavenir ได้ใช้ข้อได้เปรียบของอุปกรณ์ Nvidia ในการส่งมอบอุปกรณ์ UPF ที่มีสมรรถนะในลำดับต้น ๆ ของโลก ในขณะอุปกรณ์ยังช่วยลดการภาระการประมวลผลของ CPU เพื่อให้ CPU สามารถไปประมวลงานด้านอื่นเพื่อเกิดกำไรในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น

เกี่ยวกับ Mavenir:

Mavenir เป็นผู้ให้บริการด้านซอฟต์แวร์เครือข่ายบนคลาวด์เพียงรายเดียวและบริการควบรวมระบบเข้ากับโซลูชันต่าง ๆ อย่างครบวงจร โดยมุ่งเน้นการพัฒนาการเร่งความเร็วในการรับส่งข้อมูลบนเครือข่ายผ่านซอฟต์แวร์เพื่อใช้ในการให้บริการการสื่อสารของผู้ให้บริการระบบเครือข่ายโทรศัพท์เจ้าต่าง ๆ Mavenir นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการอย่างครบวงจรและครอบคลุมในทุกระดับชั้นของเครือข่ายและระบบโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ที่สำคัญ ตั้งแต่เครือข่าย 5G application/service layers และระบบ RAN (Radio Access Network) Mavenir เป็นผู้ริเริ่มในการเปลี่ยนแปลง ด้วยระบบ Cloud-Native Networking ที่ช่วยให้สามารถต่อยอดนวัตกรรมและสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานของผู้ใช้ นอกจากนี้ยังเป็นผู้คิดค้นระบบ IMS ที่ช่วยให้สามารถใช้งานเทคโนโลยี VoLTE, VoWiFi, Advanced Messaging (RCS) Private Network รวมไปถึง vEPC, 5G Core และเทคโนโลยี OpenRan, vRan ของ Mevenir ช่วยเร่งความเร็วในการส่งข้อมูลบนเครือข่ายมากกว่า 250 ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ทั่วโลกในมากกว่า 140 ประเทศ ซึ่งถือว่ามีจำนวนเกินครึ่งของผู้ใช้งานโทรศัพท์ทั่วโลกที่ใช้งานเทคโนโลยีของ Mavenir ในปัจจุบัน

Mavenir อ้าแขนเปิดรับความเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรม สถาปัตยกรรมเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมไปถึงโมเดลทางธุรกิจที่ช่วยให้เกิดความคล่องตัว ความยืดหยุ่น และความรวดเร็วของการบริการด้วยโซลูชัน Network Function Virtualization ที่ช่วยให้สามารถขยายตัวได้ตามความต้องการ Mavenir นำเสนอโซลูชันที่ช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ทั่วโลกสามารถลดต้นทุน มีกำไรอย่างสม่ำเสมอ และลดความเสี่ยงของค่าใช้จ่าย www.mavenir.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200923005257/en/

ติดต่อ:

Maryvonne Tubb
Mavenir PR

NA-Loren Guertin
MatterNow

EMEA-Kevin Taylor
GlobalResultsPR

หุ่นยนต์อัตโนมัติ UVD ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลก

Logo

สนามบิน โรงแรม และสถานีรถไฟต่างต้องการนำหุ่นยนต์ฆ่าเชื้ออัตโนมัติมาใช้เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัย เรียกความมั่นใจของผู้คน และฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้กลับมาอีกครั้ง

โอเดนเซ, เดนมาร์ก–(BUSINESS WIRE)–23 กันยายน 2563

ท่ามกลางการคาดการณ์ล่าสุดของสมาคมการท่องเที่ยวสหรัฐฯ โดย Tourism Economics ซึ่งคาดว่าทั่วโลกจะมีการสูญเสียเม็ดเงินไปถึง 505 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จนถึงปลายปี 2563 นี้ UVD Robots ประกาศว่าหุ่นยนต์ฆ่าเชื้ออัตโนมัติของบริษัทกำลังถูกส่งไปติดตั้ง ณ โรงแรม สถานีรถไฟ และสนามบินทั่วโลกมากขึ้น หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบโดย UVD Robots ประกอบด้วยแสง UVC และโปรแกรมหลายโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อการฆ่าเชื้อโดยเฉพาะ ทั้งนี้เพื่อจำกัดไวรัสและแบคทีเรียบนพื้นผิวต่าง ๆ รวมถึงในอากาศ และทำหน้าที่เป็นโซลูชันกำจัดและป้องกันเชื้อโรคแบบครบวงจร

“Right now it’s critical for the hospitality industry to not only enhance how we protect travelers but also provide them with reassurance that we’re taking every possible step from check-in to check-out,” said Trish Berry, General Manager, YOTEL Boston. An extension of YOTEL’s operation #SmartStay safety measures, the UVD Robot, named ‘Vi-YO-Let’, will offer an even deeper level of disinfection throughout high-touch public spaces and select cabins at YOTEL Boston. Photo credit: YOTEL Boston.

“ปัจจุบันมีความจำเป็นอย่างมากที่อุตสาหกรรมการบริการจะต้องยกระดับมาตรฐานในการดูแลปกป้องนักท่องเที่ยวไปพร้อม ๆ กับการสร้างความมั่นใจให้พวกเขาตั้งแต่ขั้นตอนเช็คอินไปจนถึงเช็คเอาท์จากโรงแรม” Trish Berry ผู้จัดการทั่วไปโรงแรม YOTEL Boston กล่าว นอกเหนือจากมาตรการด้านความปลอดภัยของ YOTEL ที่เรียกว่า #SmartStay แล้ว เราได้นำหุ่นยนต์ UVD Robot มาใช้ โดยตั้งชื่อให้ว่า ‘Vi-YO-Let’ เพื่อกำจัดเชื้อโรคอย่างสะอาดล้ำลึกในบริเวณที่เป็นพื้นที่สาธารณะที่มีการสัมผัสสูง รวมถึงห้องพักประเภทแคบินของโรงแรม YOTEL Boston ด้วย เครดิตรูปภาพ: YOTEL Boston

“ขณะที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการเตรียมกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ผู้ประกอบการต่างต้องเตรียมการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่คาดหวังซึ่งสูงขึ้นทั้งด้านความปลอดภัยและความสะอาดเพื่อให้เกิดความไว้วางใจ” Per Juul Nielsen ซีอีโอแห่ง UVD Robots กล่าว “เนื่องจากหุ่นยนต์ UVD ของเราใช้ง่าย ปลอดภัยและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โรงแรม สนามบิน และสถานีรถไฟจำนวนมากขึ้น รวมถึงธุรกิจประเภทอื่น ๆ จึงได้นำโซลูชันระบบฆ่าเชื้อเกรดเดียวกับที่ใช้ในโรงพยาบาลนี้ไปใช้ ณ สถานประกอบการของตน เราตื่นเต้นอย่างมากกับบทบาทของเราที่ได้ช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมนี้”

ตัวอย่างมีดังนี้:

– YOTEL Boston ประกาศว่าได้นำเทคโนโลยีหุ่นยนต์ UVD ไปใช้ทำความสะอาดห้องพักประเภทแคบินเมื่อไม่มีผู้เข้าพัก รวมถึงกำจัดเชื้อโรคบริเวณพื้นที่สาธารณะที่มีการสัมผัสสูงหลังปิดให้บริการ

โรงแรม Clarion Hotel & Congress สนามบินโคเปนเฮเกน นำหุ่นยนต์ UVD ไปใช้ฆ่าเชื้อห้องประชุมและพื้นที่ที่ใช้ร่วมกัน

สนามบินนานาชาติเจอร์รัล อาร์ ฟอร์ด (GRR) ใช้หุ่นยนต์ UVD ฆ่าเชื้อในห้องน้ำ พื้นที่รับสัมภาระ จุดตรวจค้นผู้โดยสาร พื้นที่รักษาความปลอดภัยและพื้นที่อื่น ๆ หลังเวลาทำการ

สนามบินฮีทโธรว์ในลอนดอนได้นำหุ่นยนต์ UVD ไปใช้แล้วเป็นเวลาหลายเดือน

– สถานีรถไฟนานาชาติเซนต์แพนครัสในลอนดอน นำหุ่นยนต์ UVD ไปใช้เพื่อฆ่าเชื้อโรคในห้องน้ำภายในสถานี

นอกจากนี้ยังมีโครงการด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอื่น ๆ อีกหลายโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการในตะวันออกกลาง รวมถึงที่สนามบินนานาชาติฮาหมัดของการ์ตาด้วย

เกี่ยวกับ UVD Robots & Blue Ocean Robotics

UVD Robots เป็นบริษัทในเครือของหนึ่งในกลุ่มบริษัทด้านการพัฒนาหุ่นยนต์บริการเชิงพาณิชย์ชั้นนำของโลกอย่าง Blue Ocean Robotics ซึ่งมี GoBe RobotsPTR Robots และ Mink Robots เป็นบริษัทภายในเครือเดียวกัน สำนักงานใหญ่ของ Blue Ocean Robotics ตั้งอยู่ที่เมืองโอเดนซา ประเดนมาร์ก ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “เมืองหลวงของหุ่นยนต์” แห่งทวีปยุโรป

ลิงก์ไปยังแฟ้มข้อมูลสำหรับสื่อ

ติดต่อ:

Merima Cikotic
Blue Ocean Robotics
mc@blue-ocean-robotics.com
+45 71-99-56-06

SCG Logistics ใช้แพลตฟอร์มบูรณาการ SnapLogic เพื่อปรับปรุงการประสิทธิภาพกระบวนการ ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลดาต้า และความเป็นเลิศในการดำเนินงาน

Logo

บริษัทจัดการโลจิสติกส์และการขนส่งชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เชื่อมต่อข้อมูล แอปพลิเคชัน และกระบวนการต่าง ๆ ทั่วทั้งองค์กรด้วยการใช้ SnapLogic

กรุงเทพมหานคร–(BUSINESS WIRE)–22 กันยายน 2563

SnapLogic ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มแบบผสานรวมอัจฉริยะอันดับ 1 ประกาศในวันนี้ว่า SCG Logistics ได้สร้างมาตรฐานบนแพลตฟอร์มการผสานรวมระบบคลาวด์ชั้นนำของ SnapLogic เพื่อรองรับกระบวนการอัตโนมัติในด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและโครงการการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิทัล โดย SCG Logistics ผู้ให้บริการด้านการจัดจำหน่ายและการจัดการการขนส่งชั้นนำของประเทศไทยได้ใช้ SnapLogic เพื่อรวมระบบปฏิบัติการและการวิเคราะห์หลักเข้าไว้ด้วยกันและทำให้กระบวนการที่สำคัญทางธุรกิจเป็นไปโดยอัตโนมัติตลอดทั่วทั้งองค์กร ซึ่งทำให้บริษัทสามารถให้บริการที่ยอดเยี่ยมแก่ลูกค้าทั่วโลกได้

SCG Logistics ยกระดับระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ เครือข่ายธุรกิจที่กว้างขวาง บริการขนส่งและคลังสินค้าที่ดีที่สุด และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเพื่อให้บริการที่เหนือชั้นแก่ลูกค้า บริษัทใช้ระบบจัดการคำสั่งซื้อ (OMS หรือ order management system) เพื่อติดตามและจัดการการขาย คำสั่งซื้อ สินค้าคงคลังและการปฏิบัติตามช่องทางต่าง ๆ ซึ่งทำให้ง่ายต่อการทำธุรกิจกับลูกค้าผ่านแชทบอทและในช่องทางอื่น ๆ นอกจากนี้บริษัทยังรวมระบบภายในของ SCG เข้ากับระบบสำหรับลูกค้าภายนอก ทำให้สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหลของข้อมูลและกระบวนการในห่วงโซ่คุณค่าที่สมบูรณ์ซึ่งขับเคลื่อนความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้บริษัทยังอาศัยการวิเคราะห์ขั้นสูงและข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพซัพพลายเชนและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน

SnapLogic คือกาวที่เชื่อมต่อระบบปฏิบัติการและแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ต่าง ๆ ของ SCG Logistics ซึ่งด้วยการใช้ SnapLogic เป็นระบบฐาน จึงทำให้กระบวนการทางธุรกิจมีความราบรื่นและสามารถทำการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลได้ ทำให้บริษัทสามารถขับเคลื่อนนวัตกรรม พัฒนาการส่งมอบบริการและยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าได้

แพลตฟอร์มการผสานรวมอัจฉริยะของ SnapLogic ใช้เวิร์กโฟลว์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อทำให้ทุกขั้นตอนของโครงการด้านไอทีทั้งหมดเป็นแบบอัตโนมัติ ทั้งด้านการออกแบบ การพัฒนา การปรับใช้ และการบำรุงรักษา ไม่ว่าจะเป็นในสถานที่ทำงาน ในระบบคลาวด์ หรือในสภาพแวดล้อมแบบไฮบริด อินเทอร์เฟซแบบบริการตนเองที่ใช้งานง่ายของแพลตฟอร์มนี้จะช่วยให้ทั้งผู้เชี่ยวชาญ และ citizen integrators สามารถจัดการการบูรณาการแอปพลิเคชัน ข้อมูล การจัดการ API การบูรณาการ B2B และโครงการวิศวกรรมข้อมูลบนแพลตฟอร์มเดี่ยวที่ปรับขนาดได้ และด้วยการใช้ SnapLogic องค์กรสามารถเชื่อมต่อระบบขององค์กรทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายเพื่อทำให้กระบวนการทางธุรกิจเป็นอัตโนมัติ เร่งการวิเคราะห์ และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง

เกี่ยวกับ SnapLogic

SnapLogic ขับเคลื่อนองค์กรอัตโนมัติ แพลตฟอร์มบูรณาการแบบบริการตนเองที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของบริษัท ช่วยให้องค์กรเชื่อมต่อแอปพลิเคชันและแหล่งข้อมูลทำให้เวิร์กโฟลว์ทั่วไปและกระบวนการทางธุรกิจเป็นไปโดยอัตโนมัติและมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้า คู่ค้า และพนักงาน องค์กรหลายพันแห่งทั่วโลกพึ่งพาแพลตฟอร์ม SnapLogic ในการบูรณาการการทำงานอัตโนมัติและพลิกโฉมธุรกิจของตน เรียนรู้เพิ่มเติมที่ snaplogic.com.

เชื่อมต่อกับ SnapLogic ผ่าน Blog, Twitter, Facebook, หรือ LinkedIn.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200921005931/en/

ติดต่อ:

Scott Behles

SnapLogic

scott.behles@snaplogic.com

+1 415-571-4462

RELX สรุปแนวทางปฏิบัติอย่างมีความรับผิดชอบของอุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้าที่งานบทบาทของเทคโนโลยี GTNF Role of Technology

Logo

โซล เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–21 ก.ย. 2563

หัวหน้าฝ่ายกิจการภายทั่วโลกของบริษัทได้เสนอตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมว่า RELX ใช้ประโยชน์จากพลังของเทคโนโลยี นวัตกรรม และการวิจัยเพื่อพัฒนากลไกการป้องกันเยาวชนอย่างมีประสิทธิภาพ

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200921005456/en/

Jonathan Ng speaking at the GTNF Innovations on the Horizon panel. (Photo: Business Wire)

Jonathan Ng พูดในงาน GTNF Innovations ในคณะ Horizon (ภาพ: Business Wire)

ในงานยาสูบและนิโคติน Virtual Global Tobacco & Nicotine Forum (GTNF) เมื่อวานนี้ Jonathan Ng หัวหน้าฝ่ายกิจการภายนอกทั่วโลกของ RELX Technology ได้พูดเกี่ยวกับหัวข้อ “นวัตกรรมในอนาคตอันใกล้”  ทางคณะได้สำรวจหัวข้อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ในระดับสากลที่เพิ่มมากขึ้นในฐานะทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับบุหรี่ นวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ของผู้ใช้ และการป้องกันเยาวชนและการค้าที่ผิดกฎหมาย  GTNF เป็นหนึ่งในฟอรัมยาสูบและนิโคตินชั้นนำของโลก โดยวิทยากรและผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข ตัวแทนรัฐบาล นักลงทุน และสมาชิกของอุตสาหกรรมยาสูบและนิโคติน

งาน GTNF ในปีนี้มุ่งเน้นไปที่วิธีที่อุตสาหกรรมสามารถบรรลุการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนผ่านนวัตกรรมและกฎระเบียบโดยตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และความท้าทายอย่างต่อเนื่องจากสังคมโลกของเราในการเป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบ

ด้วยเป้าหมายดังกล่าว Mr. Ng อธิบายว่า “นอกเหนือจากการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้ที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ยังมีหลายๆ ด้านที่วิทยาศาสตร์ การวิจัย และเทคโนโลยีสามารถเสริมผลิตภัณฑ์ได้  สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญมากสำหรับอุตสาหกรรมของเราเนื่องจากเรามุ่งมั่นที่จะรักษาการปฏิบัติและพฤติกรรมทางธุรกิจที่มีความรับผิดชอบ

Mr. Ng ให้รายละเอียดเกี่ยวกับ RELX เพื่อให้แน่ใจว่าผู้เยาว์จะไม่เสพติดและได้รับการป้องกันจากการใช้ผลิตภัณฑ์ของตน  RELX ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ติดตั้งเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ป้องกันไม่ให้ผู้เยาว์เข้าถึงผลิตภัณฑ์บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์  ในปี 2562 RELX ได้เปิดตัว RELX i ซึ่งมีฟังก์ชั่นการล็อกระยะไกลที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถล็อกอุปกรณ์ได้โดยการแตะที่แอพเพื่อป้องกันการใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต

นอกจากนี้ Mr. Ng ยังระบุว่าในประเทศจีน RELX ได้เปิดตัวระบบ Sunflower System ซึ่งเป็นระบบป้องกันผู้เยาว์รายแรกสำหรับร้านค้า RELX ทั้งหมด  ลูกค้าของร้าน RELX จำเป็นต้องตรวจสอบอายุของพวกเขาผ่านกระบวนการจดจำใบหน้าที่ตรงกับใบหน้าของลูกค้ากับภาพถ่ายบนบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าบรรลุนิติภาวะก่อนการซื้อผลิตภัณฑ์บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์

เพื่อจัดการกับข้อกังวลว่าชื่อผลไม้หรือขนมอาจดึงดูดใจเยาวชนโดยเฉพาะ RELX ได้ตัดสินใจระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมในการตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ที่มีความหมายเป็นกลางเช่น Fresh Red และ Mellow Yellow

ในทางเดียวกัน Mr Ng ประกาศว่า RELX กำลังพัฒนาระบบติดตามที่เชื่อมต่อลูกค้า บาร์โค้ดผลิตภัณฑ์และที่ตั้งร้านค้าซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถติดตามผลิตภัณฑ์ไปยังจุดขายได้หากพบว่ามีผู้เยาว์ครอบครองผลิตภัณฑ์ RELX

เกี่ยวกับฟอรัมยาสูบและนิโคตินระดับโลก

Global Tobacco & Nicotine Forum (GTNF) เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์และทิศทางของผู้ก่อตั้งและประธาน Elise Rasmussen  ในเดือนมกราคม 2562 Elise ได้เป็นกรรมการบริหารของ GTNF Trust ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนกใหม่ภายใต้การอุปถัมภ์ของสมาคมผู้ค้ายาสูบ Tobacco Merchants Association (TMA) นับตั้งแต่การเปิดตัวในรีโอเดจาเนโรในปี 2551 จนถึงปัจจุบัน GTNF ได้กลายเป็นที่แลกเปลี่ยนมุมมองและแนวคิดระดับโลกระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขตัวแทนรัฐบาล นักลงทุน และสมาชิกของอุตสาหกรรมยาสูบ/นิโคติน

เกี่ยวกับ RELX Technology

ก่อตั้งขึ้นในเดือนมกราคม 2561 RELX เป็นแบรนด์บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของเอเชีย  RELX พัฒนาผลิตภัณฑ์บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์อย่างอิสระที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาในเซินเจิ้น ประเทศจีน  ภารกิจของ RELX คือการส่งเสริมฃผู้สูบบุหรี่ที่เป็นผู้ใหญ่ผ่านเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์และวิทยาศาสตร์อย่างมีจริยธรรม  RELX ยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้านการวิจัยและพัฒนาการทดสอบ e-liquid และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่  เมื่อไม่นานมานี้ RELX ได้ประกาศการเริ่มดำเนินการที่ห้องปฏิบัติการชีววิทยาศาสตร์ที่จัดตั้งขึ้นใหม่เพื่อทำการวิจัยอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับผลกระทบของบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ผ่านการทดสอบในร่างกายและในหลอดทดลอง รวมทั้งทำการประเมินความปลอดภัยก่อนการรักษาทางคลินิก  บริษัทได้ดึงดูดผู้มีความสามารถระดับโลกจาก Uber, Proctor and Gamble, Huawei, Beats และ L'Oréal  นักลงทุน RELX ได้แก่บริษัทร่วมทุนชั้นนำ Source Code Capital, IDG Capital และ Sequoia Capital

เว็บไซต์: https://relxnow.com
Twitter: @Relxtech
Facebook: @Relxnow
Instagram: relxtech
Linkedin: RELX Technology

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200921005456/en/

ติดต่อ:

Yasha Wolfman
yasha.wolfman@relxtech.com

Aimee Ren
aimee.ren@relxtech.com

ผู้ผลิตชิ้นส่วนนิวเมติกของเกาหลี KCC พร้อมครองเครือข่ายการจัดหาชิ้นส่วนทั่วโลกภายหลังโควิด 19

Logo

โซล เกาหลีใต้–(บิสิเนสไวร์)–21 ก.ย. 2563

รัฐบาลเกาหลีจะใช้นโยบาย 'วัสดุชิ้นส่วนและอุปกรณ์ 2.0' เพื่อกระจายเครือข่ายอุปทานของอุตสาหกรรมการผลิตในยุคหลังโควิด 19  นโยบายนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมธุรกิจในประเทศในด้านวัสดุ ชิ้นส่วน และอุปกรณ์ซึ่งใช้เป็นพื้นฐานสำหรับผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป

ตามนโยบายของรัฐบาล KCC Co., Ltd. ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนนิวเมติกในเกาหลีได้เริ่มดำเนินการตามกลยุทธ์ทางธุรกิจเชิงรุกเพื่อครองตลาดในอนาคตหลังจากการระบาดของโควิด 19

B10 Series ของ KCC สายการผลิตแบตเตอรี่สำรองเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีล้ำสมัยที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองเทรนด์ล่าสุด กระบอกสูบนิวเมติก/ไฮดรอลิก กริปเปอร์ วาล์วนิวเมติก อุปกรณ์ฟอกอากาศนิวเมติก และปั๊มสูญญากาศและแผ่นรอง ฯลฯ ที่รวมอยู่ใน B10 Series เป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองต่อช่องแบตเตอรี่สำรองและวัสดุสองขั้ว

ผลิตภัณฑ์หลักของ KCC คือกระบอกสูบนิวเมติก/ไฮดรอลิกที่ใช้กับระบบขนส่ง กริปเปอร์ที่ทำหน้าที่เหมือนนิ้วมนุษย์ วาล์วนิวเมติกโซลินอยด์เพื่อควบคุมการทำงานของแอคชูเอเตอร์โดยการควบคุมอากาศที่ให้มา อุปกรณ์ฟอกอากาศนิวเมติกเพื่อเพิ่มอายุการใช้งานของอุปกรณ์ด้วยการควบคุมคุณภาพอากาศ และยังเป็นปั๊มสุญญากาศ แผ่นรอง และอุปกรณ์  ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ใช้กับสายการขนส่งเครื่องจักรกล อิเล็กทรอนิกส์ เซมิคอนดักเตอร์ หรือโรงงานเหล็กในโรงงานโรงงานผลิตไฟฟ้าและระบบสำหรับการผลิตเหล็ก วิศวกรรม การก่อสร้าง และการผลิตยางรถยนต์

KCC เริ่มจัดหาวัสดุยกเครื่องให้กับ Yeongheung Power Division Units 3 ในปี 2554 จากนั้นได้จัดแสดงผลิตภัณฑ์ที่ห้องโถงอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าของงาน Seoul International Electric Fair ในปี 2556 และดำเนินโครงการ Management Supporters และโครงการ KOEN World Class – 30 ในปี 2557 และ 2560 ตามลำดับ KCC ยังเข้าร่วมในโครงการที่ส่งเสริมโดย Korea South–East Power  เมื่อเร็วๆ นี้ KCC ได้รับการยอมรับในด้านเทคโนโลยีจากการได้รับเลือกให้เป็น Hi Seoul ซึ่งเป็นแบรนด์บริษัทยอดเยี่ยมแห่งโซลที่ได้รับการรับรองโดยรัฐบาล กรุงโซล และหน่วยงานธุรกิจโซลและเป็น Global Small Giant ในปี 2020 และชนะรางวัล SMEs and Startups Minister’s Award รางวัล Trade, Industry, and Energy Minister’s Award ที่งานรางวัล Korea Precision Industry Technology Awards และ Citation of the Chairman of Korea Packaging Machinery Association

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ:

KCC Co., Ltd.
Hyojin Kim
+ 82-70-4224-9862
global@kccpr.com